xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : "พิธา" นายกทิพย์ - Bitkub ข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง - รมว.คลังสหรัฐฯ เยือนจีน ตบหัวแล้วลูบหลัง มือถือสากปากถือศีล สหรัฐฯ ส่งระเบิดพวงให้ยูเครน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 14 ก.ค.2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้เป็น
- "พิธา" นายกฯ ทิพย์
- Bitkub ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง
- สมยศ พุ่งพันธุ์ม่วง รับเงินเดือนสมาคมฟุตบอล+บริษัทไทยลีก เดือนละ 1 ล้าน
- "เจเน็ต เยลเลน" เยือนจีน ตบหัวแล้วลูบหลัง
- มือถือสากปากถือศีล สหรัฐฯ ส่งระเบิดพ่วงให้ยูเครน
ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.197



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 198 [14 ก.ค. 66]

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK

แอปพลิเคชัน : SONDHI APP

ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.

ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ

YouTube : Sondhitalk

เว็บไซต์: www.sondhitalk.com

Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK
สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 ผมขอสวัสดีแฟนๆ รายการที่ชมการถ่ายทอดสดจาก Sondhi App, Facebook, YouTube และ TikTok

ท่านผู้ชมครับ เราเพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่สนุกสนานมากเมื่อวานนี้ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันว่าจะมีการพูดจาเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ผมอยากจะขอเกริ่นเปิดรายการด้วยรายการยา เหมือนเดิม เพราะเป็นเรื่องที่ดีมาก และเราไม่เคยเล่าให้ใครฟัง

ท่านผู้ชมครับ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ที่ผมพูดไปแล้วตั้งหลายครั้งนั้น เป็นทั้งยาระบายอ่อนๆ ช่วยขับลม แก้ลม แก้เส้น ช่วยให้พลังงานในการขับเคลื่อนระบบทางเดินอาหาร ช่วยย่อยไขมัน เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน จึงเหมาะสมกับการมาใช้ควบคู่กับผู้ที่ใช้กัญชาเป็นยาเดี่ยวในทางการแพทย์


ในบรรดาผู้ที่จะทำ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ทั้งหมด มีความพยายามเลียนแบบ มีเพียงของอาจารย์ปานเทพ เท่านั้น ที่ขึ้นทะเบียน อย. สำเร็จเป็นรายแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เลขทะเบียน อย. G291/66 แสดงว่ายาลมฯ ที่อาจารย์ปานเทพ คิดและสร้างนั้นเป็นยาที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย และมีคุณภาพ

ท่านผู้ชมครับ ในช่วงนี้อาจารย์ปานเทพ มีหนังสือมาแจกให้ 1 เล่ม และมีของดีแถมให้อีก (ซึ่งท่านผู้ชมก็รู้ว่าผมพูดไม่ได้) เอาเป็นว่าหนังสือเล่มนี้ดีมาก ชื่อหนังสือ "รวมดาว" เพราะรวบรวมบทความผู้มีประสบการณ์ตรงและมีชื่อเสียงในการใช้สมุนไพรที่ผมพูดไม่ได้ รักษาโรคมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาก มี ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา รองศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์ แพทย์หญิงสุภาพร มีลาภ นายแพทย์ประเสริฐ มงคลศิริ หมอเดชา ศิริภัทร และที่ขาดไม่ได้ คือ อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ท่านผู้ชมครับ โปรโมชันมีจำกัด ผมจะแจกให้เฉพาะท่านผู้ชมที่ซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ครบ 4 กล่อง จะได้รับหนังสือนี้ไป 1 เล่ม และยังแจกเมล็ดพันธุ์ของดีให้อีกประมาณ 10 เมล็ด คิดว่าจะแจกโปรโมชันนี้จนหมด ใครมาก่อนได้ก่อน ขอย้ำนะครับ หมดแล้วหมดเลย

ท่านผู้ชมที่สนใจสามารถเข้า inbox ได้ที่ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ "สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์" www.sunherbth.com หรือเข้าไปที่ Lazada, Shopee แต่เข้าให้ถูกร้านนะครับ ท่านผู้ชมต้องหาคำว่า "สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์" หรือ "Sunherb" ด้วย ผมขอย้ำนะครับ ที่เราจำหน่าย เป็นกล่อง กล่องละ 30 ซอง เท่านั้น ไม่มีการขายเป็นซอง หรือการแบ่งขายเป็นอันขาด


ท่านผู้ชมจำได้ไหมครับ อาทิตย์ที่แล้วผมพูดถึงเรื่องวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ผมพูดค้างไปนิด หลักสูตรการแพทย์แผนไทย ประเภท ก. ที่ผมพูดไปคราวที่แล้วมีคนสนใจมาก เรียนทุกวันเสาร์-อาทิตย์ 3 ปี จบแล้วมีสิทธิ์ที่จะสอบใบประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยได้ และมีโอกาสสอบผ่านสูงด้วย คือการเรียนการสอนแพทย์แผนไทยที่ ม.รังสิต นั้น มีมาตรฐานสูงมาก ค่าเฉลี่ยคนจบหลักสูตรรุ่นที่ 2 ที่เพิ่งไปสอบใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมภาคทฤษฎีล่าสุด สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศไทยที่คนไปสอบกัน โดยเฉลี่ยแล้ว ค่าเฉลี่ยประเทศไทยประมาณ 45 เปอร์เซ็นต์ แปลว่าส่วนใหญ่สอบไม่ผ่าน แต่ที่ ม.รังสิต อัตราสอบผ่านถึง 75 เปอร์เซ็นต์


ท่านผู้ชมรู้ไหม คนที่ได้ใบประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทยประเภท ก. สามารถเปิดคลินิกการแพทย์แผนไทยได้เลย เปิดร้านขายยาสมุนไพรก็ได้ ปรุงยาเฉพาะรายให้คนไข้ได้โดยไม่ต้องมี อย. มายุ่ง สามารถมีความรู้ที่จะขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สมุนไพรกับ อย. ได้ด้วย เปิดศูนย์สุขภาพได้ ทำ Wellness ได้ และจ่ายยาหลายๆ ประเภท (ที่ผมพูดไม่ได้) ให้กับคนไข้ได้ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าการเป็นแพทย์แผนไทยเวลานี้สำคัญอย่างไร ผมจะเล่าข้อมูลบางอย่างให้ท่านผู้ชมฟัง เอาไปคิดให้ดีๆ

การค้าปลีกผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั่วโลกในปี 2564 ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเท่าไร ? 1.9 ล้านล้านบาท ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีมูลค่าการค้าปลีกผลิตภัณฑ์สมุนไพรสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก มีมูลค่าถึง 1.1 ล้านล้านบาท และยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลาดของผลิตภัณฑ์สมุนไพร เฉพาะภายในประเทศ ในปี 2564 มีมูลค่าสูงถึงเกือบ 50,000 ล้านบาท นอกจากนั้นแล้ว ประเทศไทยยังมีการส่งออกวัตถุดิบสมุนไพรคุณภาพ และผลิตภัณฑ์สมุนไพร เป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คิดเป็นมูลค่า 13,000 ล้านบาท และกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง


คาดการณ์ว่าในปี 2569 มูลค่าตลาดสมุนไพรของไทยจะมีมูลค่ามากถึง 59,900 ล้านบาท หรือประมาณ 60,000 ล้านบาท ตลาดใหญ่มาก และท่านผู้ชมรู้ไหมว่าแพทย์แผนไทย ประเภท ก. ของวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ของ ม.รังสิต ที่ผมบอกมานั้น ท่านผู้ชมถามว่าแพงหรือเปล่า ? ท่านผู้ชม ปีหนึ่งมี 2 เทอม เขาคิดแค่ 60,000 บาท 3 ปี ใช้เงิน 180,000 บาท ผมขอบอกเลยนะว่าค่าเล่าเรียนถูกมาก ชนชั้นกลางทั่วไปส่งลูกเรียนจบปริญญาตรี ซึ่งผมเคยพูดเรื่องนี้มานานแล้ว 4 ปี หมดเงินไปล้านกว่าบาท ไม่ว่าจะเป็นเอกชนหรือภาครัฐ จบมาทำงานเงินเดือนแค่ 15,000-20,000 บาท นอกจากนั้น หลายคณะเรียนจบแล้วไม่มีงานทำเสียด้วยซ้ำ แต่หลักสูตรแพทย์แผนไทย เมื่อเรียนแล้วเห็นเส้นทางอาชีพชัดเจน ว่าจบไปแล้วจะทำอะไรต่อ และผมขอแนะนำนะครับ คนที่มีลูกหลานเรียนคณะเภสัชศาสตร์ น่าจะมาเรียนอย่างมากที่สุด เพราะสามารถไปอ่านตำราหลัก แล้วศึกษาเพิ่มเติม นำสมุนไพรต่างๆ มาต่อยอด ประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์และสร้างมูลค่าได้มากมาย เพราะตัวเองเรียนหลักการของการทำยาและขายยา

ท่านผู้ชมครับ เทอมล่าสุด ก่อนสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ จะเต็มแล้ว รีบติดต่อด่วนเลยครับ หมายเลขโทรศัพท์ 089-770-5862 หรือไลน์ (LINE) เพิ่มเพื่อนพิมพ์คำว่า @188rzbsz หรือ inbox ที่เพจ วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต (orientalmedrsu) อย่าลืมนะครับ รีบเร่งหน่อย เพราะว่าจะเต็มอยู่แล้ว และผมเรียนให้ทราบนะครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน สนธิ รับประกันได้ว่า ได้ประกาศนียบัตรแล้วเอาไปสอบใบประกอบวิชาชีพได้ ผมคิดว่าทำงานด้วยตัวเองได้ อาจจะขลุกขลักบ้างใน 1-2 ปีแรก แต่พอลงตัวแล้วท่านผู้ชมจะดีใจที่ได้มาเรียน และคุณพ่อคุณแม่จะดีใจที่ส่งลูกเรียน เพราะเป็นอาชีพอิสระ แล้วแพทย์แผนไทยไม่ใช่อาชีพที่ตกต่ำ หรือน่ากลัวอะไรทั้งสิ้น เป็นวิชาชีพที่มีศักดิ์ศรี เพราะว่าเราใช้สมุนไพรไทย และภูมิปัญญาของปู่ย่า ตายาย ปู่ทวด ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4, 5, 6 มาตลอด และภูมิปัญญานี้ล่ะที่เป็นคนสร้างพวกเราขึ้นมา สร้างปู่ย่าตายายเราให้เกิดมา เข้มแข็ง พ่อและแม่เราให้เกิดมา และต้องต่อเนื่องต่อไป ต่อถึงชั้นลูกชั้นหลานด้วย ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ

เอาล่ะ มาถึงเรื่องโอเลี้ยง หมูแท่งอบกรอบ ปลาแท่งอบกรอบ ขนมปัง-สเปรด หรือไอศกรีม มีจำหน่ายอยู่ตลอดนะครับ ที่ร้าน SUN PAN ถนนวิภาวดีฯ ในปั๊ม ปตท. ตรงข้าม ม.หอการค้าไทย ไปซื้อกันได้ทุกวัน ทุกวันนี้ ทุกเช้าผมกินโอเลี้ยง 1 แก้ว ทุกวัน ก่อนเริ่มงาน เพราะทำให้กระปรี้กระเปร่า สดชื่น

ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้มีเรื่องที่ฮอตมาก ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ไม่พูดไม่ได้เลย แล้วผมจะวิเคราะห์ป่าทั้งป่าให้ฟัง และจะเล่าเหตุการณ์ของการลงคะแนนเสียง และมีนัยอะไรบ้าง และผมจะฝากการวิเคราะห์ครั้งนี้ และคำพูดที่ผมมีให้กับคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คุณปิยบุตร แสงกนกกุล คุณช่อ-พรรณิการ์ วานิช คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และบรรดาฮาร์ดคอร์ของพวกคอนด้อมส้มทั้งหลาย รวมทั้งบรรดาครูบาอาจารย์ คณาจารย์ทั้งหลาย และนักวิเคราะห์บางคนที่ชอบฟันธงเหลือเกิน ฟันมาตลอดเวลา ฟันมาจนกระทั่งปรากฏว่าฟันแล้วฟันอีก หันไปดูก็ อ้าว! มันฟันลมนี่ ไม่ใช่ฟันธง เพราะธงไม่ได้อยู่ที่นั่น

ผมจะพูดถึงคุณพิธา เรื่องแรก ผมเรียกคุณพิธา ว่า "นายกทิพย์" ทิพย์อย่างไร คือตัวเลขที่ลงคะแนนเสียงให้คุณพิธา นั้น มีหลายมิติ ถ้าเราดูเผินๆ ก็อาจจะเห็นว่าแพ้เท่าไร ชนะเท่าไร แต่ถ้าเราวิเคราะห์ ศึกษาลงไปอย่างลึกซึ้งแล้ว เราจะเห็นว่าพรรคก้าวไกลนั้นแพ้อย่างราบคาบ และแพ้ด้วยประเด็นเรื่องเดียวเท่านั้นเอง

เรื่องที่สอง ที่ผมจะพูดเป็นแพ็กเกจให้กับคุณพิธา คือ ผมจะเอาหนังเก่ามาฉายให้ดู คือ จากคุณธนาธร ถึง คุณพิธา ใครเป็นคนก่อวิกฤตทางการเมือง ทั้งคุณธนาธร และ คุณพิธา นั่นล่ะ คือตัวการที่ก่อวิกฤตทางการเมือง พระเจ้าอยู่หัว หรือสถาบันต่างๆ ที่สำคัญ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่ได้ก่อวิกฤตนี้ พวกคุณก่อกันเอง

เรื่องที่สาม ท่านผู้ชมจำเรื่อง "บิทคับ" (Bitkub) ได้ไหม ผมตอกฝาโลง "ไอ้โม่ง" ที่ปั่นบิทคับ ท่านผู้ชมครับ ตอนนั้นบิทคับกำลังจะขายให้กับธนาคารไทยพาณิชย์ ในมูลค่า 17,810 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าหุ้น หุ้นละเกือบ 800 บาท มาวันนี้บิทคับขายหุ้นออกไป มีคนซื้อไป เฉลี่ยแล้วหุ้นละประมาณ 100 กว่าบาทเท่านั้นเอง ทำไมราคามันถึงห่างกันมากมายขนาดนี้ ? เพราะว่ามีการปั่นกัน

เรื่องที่สี่ เป็นเรื่องของต่างประเทศ นางเยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ มาเยือนจีน นัยที่เกิดขึ้นคืออะไร ? นี่คือการตบหัวแล้วลูบหลัง

ส่วนเรื่องสุดท้ายนั้น ชี้ให้เห็นถึง "มือถือสาก ปากถือศีล" ของสหรัฐอเมริกา เมื่อสหรัฐอเมริกาตัดสินใจจะส่งระเบิดพวงให้กับยูเครน ท่านผู้ชมหลายท่านไม่เข้าใจคำว่า "ระเบิดพวง" เป็นอย่างไร เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟัง แล้วท่านผู้ชมจะเห็นว่าอเมริกาเป็นประเทศที่อำมหิต เคยทิ้งระเบิดพวงเอาไว้ ผลพวงของระเบิดที่เหลืออยู่ยังอยู่ในประเทศลาวมากมายมหาศาล ยังเก็บกันไม่หมด ทั้งๆ ที่สงครามยุติไปแล้วตั้งยี่สิบกว่าปี

"พิธา" นายกฯ ทิพย์

ผมเชื่อว่าเมื่อวานนี้คงจะมีท่านผู้ชมหลายท่านที่นั่งดูการอภิปรายในการเลือกนายกรัฐมนตรี และสุดท้ายจบลงด้วยการลงคะแนนเสียงกัน ผมและทีมงานก็นั่งดูอยู่ เอาเป็นว่า ผมแบ่งเป็น ส.ส. กับ ส.ว. คนที่ได้เหรียญทองในฝั่ง ส.ส. คือ คุณชาดา ไทยเศรษฐ์ แห่งพรรคภูมิใจไทย เป็น ส.ส. และเป็นคนที่ใจถึง พูดจาคำไหนคำนั้น พูดไม่ต้องแปล ไม่มีลีลา ขี่ม้าเลียบค่ายแล้วยิงธนูบนกำแพง ไม่มี ประเภทปะฉะดะเลย คือ คุณชาดา ไทยเศรษฐ์


ท่านผู้ชมหลายคนที่ดูคงจะเห็นด้วยกับผมนะครับ เป็นคนที่พูดจาชัดเจน จนกระทั่งฝั่งก้าวไกลจุก ผมใช้คำว่า "จุก" แล้วกัน จุกจนพูดไม่ออก อีกคนหนึ่งฝั่ง ส.ว. ผมก็ต้องให้เหรียญทองกับคุณประพันธ์ คูณมี นักอภิปรายปากกล้า พร้อมข้อมูล และแง่มุมทางกฎหมายอย่างชัดเจนที่สุดเช่นกัน มีสองคนเท่านั้นเอง


เอาล่ะ ท่านผู้ชมครับ เรามาดูคะแนนเสียงกันหน่อย คุณพิธา เมื่อวานนี้ต้องการ 375 เสียง ในการเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ปรากฏว่า คุณพิธา ได้แค่ 324 เสียง ตามหลักการคำนวณดูแล้วยังขาดอีก 51 เสียง แต่ว่าในหลักการแล้ว เมื่อบวกตัวเลขดูแล้ว จะเห็นว่าคนที่ไม่ต้องการคุณพิธา มีมากกว่าที่โทรทัศน์รายงานออกมา เรามาดูกันว่ามากกว่าอย่างไร


คุณพิธา มีคนเห็นชอบสมควรเป็นนายกฯ 324 คน เป็น ส.ส. 311 คน เป็น ส.ว. 13 คน คนที่ไม่เห็นชอบมีอยู่ 182 คน งดออกเสียง 199 คน นอกจากนั้นแล้ว ยังมีแถมพกอีกอันหนึ่งที่คนไม่ค่อยได้คิดกัน คนที่ไม่มา ไม่เข้าสภาฯ คนที่ไม่เข้าสภาฯ ก็คือคนที่ไม่ต้องการจะปรากฏว่าตัวแล้วบอกว่าผมจะไม่เลือกคุณพิธา เขาถือโอกาสใช้การไม่มา เมื่อการไม่มาก็แสดงว่าคุณพิธา ไม่ได้เสียงคนพวกนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว เสียงคนพวกนี้คือเสียงที่อยู่ในทีมของคนงดออกเสียง และอยู่ในทีมของคนที่ไม่เห็นชอบที่จะให้คุณพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี

สรุปแล้ว คนไม่เห็นชอบ 182 คน งดออกเสียง 199 คน บวกอีก 44 คน ที่ไม่ได้มาสภาฯ เบ็ดเสร็จแล้ว 425 เสียง ที่คัดค้านคุณพิธา ส่วนที่คุณพิธา ได้ 324 เสียง ท่านผู้ชมรู้ไหมมันต่างกันเท่าไร ? มันต่างกัน 101 เสียง ท่านผู้ชมครับ คุณพิธาครับ ด้อมส้มครับ นี่คือการชนะอย่างขาดลอยเลยนะ ชนะเหมือนกับที่ภาษานักเลงเขาเรียกว่า ชนะแบบฉีกกระดาษ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า การลุ่มหลง หลงใหลว่าตัวเองมี 150 เสียง และมีประชาชน 14 ล้านคนนั้น สรุปแล้ววันนี้พิสูจน์ได้ชัดว่าเพ้อเจ้อมาก


ส่วนในรายชื่อ ส.ว. 13 คน ที่เห็นชอบให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ยืนหยัดในมาตรา 112 ที่จะนำไปสู่การล้มล้างสถาบันกษัตริย์ คือเห็นด้วย แต่ตัวเองชอบใช้วาทกรรมที่สวยหรูบนทุ่งลาเวนเดอร์ ว่า ในเมื่อเขามาที่หนึ่งแล้วก็ต้องเลือกเขา ไม่ได้พิจารณาเนื้อหาเลย ผมบอกแล้วว่าผมจะเอา 13 คนนี้ ประกาศให้พ่อแม่พี่น้อง ประชาชนคนไทยทั้งหมดทั่วประเทศได้รับทราบว่ามีใครบ้าง คนแรก คือ คุณไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ คนที่สอง คือ จรุงวิทย์ ภุมมา คนที่สาม คือ เฉลา พวงมาลัย คนที่สี่ คือ ซากีย์ พิทักษ์คุมพล คนที่ห้า คือ ณัฏฐวัฒก์ รอดบางยาง คนที่หก คือ พิศาล มาณวพัฒน์ คนที่หก คือ คุณพีะศักดิ์ พอจิต คนที่เจ็ด คือ คุณมณเฑียร บุญตัน คนที่แปด คือ วันชัย สอนศิริ คนที่สิบ คือ วุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ คนที่สิบเอ็ด คือ สุรเดช จิรัฐิติเจริญ คนที่สิบสอง คือ อำพล จินดาวัฒนะ และ สิบสาม คือ ประภาศรี สุฉันทบุตร ท่านผู้ชมครับ จำชื่อ 13 คนนี้เอาไว้

ผมคิดว่าผมรับไม่ได้รับ ส.ว. 13 คนนี้ ที่ผมรับไม่ได้เพราะอะไร ? เพราะคุณใช้วาทกรรมและคุณใช้ชุดความคิดที่ค่อนข้างจะผิวเผินมาก คุณพูดอยู่เพียงคำเดียว ใช้ตรรกะ ใช้เหตุผลเพียงข้อเดียวว่า เนื่องจากเขาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ก็ต้องให้เขาตามหลักการ โดยที่คุณไม่พิจารณาว่าคนที่เลือกมานั้น คุณสมบัติ พฤติกรรม ตลอดจนนโยบายที่เขาประกาศแล้วประกาศอีกว่าเขาต้องการจะล้มล้างเจ้า ล้มล้างสถาบันกษัตริย์ คุณก็ละเลยหลักการตรงนี้ แล้วคุณทะลึ่งไปยืนอยู่บนพื้นฐานของการที่ว่า เขามาที่หนึ่ง เพราะฉะนั้น ประชาธิปไตยก็จะเหมือนกับที่พ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลายเคยพูดมา ว่า ประชาธิปไตยคือเสียงข้างมาก ถ้าอย่างนั้น ถ้าโจรมีเสียงข้างมาก คุณก็เลือกหัวหน้าโจรเป็นนายกรัฐมนตรีได้สิ แล้วคุณรู้หรือยังตอนนี้ ส.ว. 13 คน ที่ผมอยากให้ท่านผู้ชมจำชื่อเอาไว้ จำเอาไว้เลย จดใส่กระดาษ หรือจดข้างฝาผนังได้


เมื่อกี้นี้ผมเอาตัวเลขให้ดูแล้วว่าคนที่ค้านคุณพิธา 425 เสียง หลักๆ เขาค้านคุณพิธา เรื่อง 112 คุณไปอยู่หลังเขามาจากไหน ส.ว. 13 คนนี้ อย่างน้อยที่สุด คน 425 คน เขาเห็นพ้องต้องกันเลยว่า พิธา ไม่เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะว่าเป็นคนที่มีเจตนาที่จะดำเนินการเดินทางไปเพื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ขนาดคุณชาดา ไทยเศรษฐ์ ซึ่งผมเพิ่งให้เหรียญทองไป ท่านยังพูดเลย ท่านพูดแบบนักเลงโบราณว่า คุณพิธา ถ้าคุณถอยเรื่อง 112 ประกาศเป็นนโยบายว่าไม่เอา ผมพร้อมจะยกมือให้คุณ และพวกผมทั้งพรรคภูมิใจไทย ก็พร้อมจะยกมือให้คุณ และก็ไม่ต้องการจะเป็นรัฐบาล จะเป็นฝ่ายค้านด้วย ส.ว. 13 คน คุณยังไม่เข้าใจประเด็นนี้อีกหรือ เสียดายจริงๆ


คุณบอกว่า กกต. มีไว้ทำไม ผมก็ถามต่อว่า แล้ว ส.ว. 13 คนนี้มีไว้ทำไม ไม่มีความรู้สึกนึกคิด ไม่รู้ถูก ไม่รู้ผิด ขอประทานโทษ ท่านผู้ชมจำชื่อเอาไว้ให้ดี จำให้ดี ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์, จรุงวิทย์ ภุมมา, เฉลา พวงมาลัย, ซากีย์ พิทักษ์คุมพล, ณัฏฐวัฒก์ รอดบางยาง, พิศาล มาณวพัฒน์, พีระศักดิ์ พอจิต, มณเฑียร บุญตัน, วันชัย สอนศิริ, วุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์, สุรเดช จิรัฐิติเจริญ, อำพล จินดาวัฒนะ และ ประภาศรี สุฉันทบุตร เดี๋ยวผมจะให้ทีมงานไปขุดประวัติของคน 13 คนนี้มา แล้วโพสต์ลงใน "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" แปะเอาไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์

เรื่องที่สอง อีกเรื่องหนึ่งที่ผมต้องพูดให้คุณพิธา ฟัง คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา เดิมทีเป็นคู่กรณีกับคุณใช่ไหม คุณบอกชัดเจน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศวางมือก่อนหน้านั้นแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว เวทีที่คุณกำลังต่อสู้ ได้ต่อสู้ไปเมื่อวานนี้ คุณไม่ได้สู้กับใครเลย เพราะคุณประยุทธ์ ไม่ใช่ศัตรูของคุณแล้วนี่ เขาไม่อยู่แล้วนี่ คุณสู้กับตัวคุณเอง เพราะฉะนั้นแล้ว คุณนี่อุปมาอุปไมยเหมือนคำพังเพยที่ว่า คุณคือกิ้งกือหกคะเมน คือกิ้งกือมันไม่มีวันหกคะเมนได้ แต่มันหกคะเมนเพราะ 112

การเมืองครั้งนี้มันมีอะไรที่น่าสนใจหลายอย่าง คุณนี่นะ จากการซึ่งคุณยืนหยัดใน 112 ทำให้ผมตกผลึก ผมตกผลึกเรื่องอะไรรู้ไหม คุณพิธา คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คุณพรรณิการ์ (ช่อ) วานิช คุณปิยบุตร แสงกนกกุล ผมไม่ได้เอ่ยชื่อคุณพิธาคนเดียวนะ เพราะพวกคุณกลุ่มนี้ล่ะ คือคนที่อยู่เบื้องหลัง


คุณทำพรรคการเมือง พรรคอนาคตใหม่มา คุณทำพรรคก้าวไกลมา คุณบอกว่าเป็นคนรุ่นใหม่ แต่วาระของคุณมีอยู่เรื่องเดียว คือการล้มเจ้า คือการจัดการเรื่องมาตรา 112 คุณสัญญากับประชาชนตั้ง 300 เรื่อง คุณจะทำโน่นทำนี่ ผมโกหกที่ไหน คุณไปดูสิ ผมไม่ได้โกหกพกลมเหมือนคุณนะ คุณพิธา และพรรคพวกคุณหลายคนที่เคยเชียร์คุณ ที่โกหกพกลมกัน 300 เรื่อง ที่คุณจะทำให้กับประชาชน แต่คุณกลับผลักดันเรื่องเดียว คือ 112 ทำให้คุณหมดโอกาสได้ทำงานใน 299 เรื่อง


ถ้าอย่างนั้นผมสรุปได้ไหมว่าพรรคที่คุณตั้งมา รวมกันทั้ง 4 คน ที่เป็นแก๊งเลย รวมทั้งเลขาฯ พรรคุณด้วย นายชัยธวัช (ต๋อม) รังสิมันต์ โรม วิโรจน์ พวกคุณตั้งพรรคมาเพื่อประการเดียว ก็คือ 112 ทำไมผมถึงกล้าพูดเช่นนี้ ? เพราะว่าเมื่อวานนี้พิสูจน์ชัดเจน เขาบอกว่าถ้าคุณถอยเรื่อง 112 ไป เขายินดีสนับสนุนคุณเป็นนายกฯ คุณแพ้ภัยตัวเอง และพรรคพวกคุณ

ท่านผู้ชมครับ ติ่งส้มครับ พรรคก้าวไกล ไม่ใช่พรรคคนรุ่นใหม่ แต่เป็นพรรคที่ตั้งมาโดยมีวาระซ่อนเร้น เอาพวกคุณมาชูหน้าว่าเป็นคนรุ่นใหม่ แต่เบื้องหลังก็คือเอาเสียงพวกคุณมาเพื่อดำเนินการเพื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์

คน 300 กว่าเสียง สนับสนุนคุณ จริงๆ ต้องตัดออกไป 140 กว่าเสียง พรรคเพื่อไทย เพราะเขาจำเป็นจะต้องสนับสนุนคุณ เพราะว่าเขาร่วมรัฐบาลกับคุณ ถ้าตัดเพื่อไทยออกไปแล้ว คุณเหลือแค่ 150 กว่าเสียง ถ้าเทียบกับที่เหลือทั้งหมดที่เขาไม่เอาคุณ คุณห่างมากเลย คุณไม่ได้แพ้แค่ 10-20 คะแนน คุณแพ้เป็นร้อย คุณแพ้ 101 คะแนน

ก่อนหน้าวันที่จะประชุมสภาฯ เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีวันที่ 13 วันที่ 12 กรกฎาคม มีข่าวใหญ่ในแวดวงการเมือง คุณอ้างไม่ใช่หรือว่า ตอนนี้มันมีการเมืองที่ใช้เวทมนตร์คาถา ใช้ไสยศาสตร์ ใครก็ไม่รู้อ้างมา คนที่อ้างนี่ก็ชอบฟันธงเหลือเกิน คุณไปด่า กกต. เขาว่าส่งศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญเขาก็ไม่ได้ตกหลุมพรางที่คุณด่าเขา เขารับเรื่องแต่เขายังไม่พิจารณา เพื่ออะไร ? คุณพิธา และพวกติ่งส้มทั้งหลาย เพื่อจะให้คุณเข้าสู่ครรลองทางการเมืองเต็มตัวโดยไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวลเลย เขาไม่ได้มาพิจารณาเมื่อวันที่ 12 ตอนบ่าย แล้วปรากฏว่าให้รับคำร้อง แล้วสั่งให้คุณยุติบทบาท เขาไม่ได้ทำ เขาปล่อยให้กระบวนการเลือกสรรมา แล้วกระบวนการเลือกสรรก็ตบหน้าพวกคุณเอง


เพราะฉะนั้นแล้ว จากนี้ไปถ้าศาลรัฐธรรมนูญเริ่มพิจารณาเรื่องของคุณ แล้วเห็นคุณถือหุ้นสื่อผิด แล้วอีกกรณีหนึ่งคือการล้มล้างการปกครอง ว่า ถ้าคุณผิดจริง คุณก็หมดสิทธิ์จะเป็น ส.ส. แล้วคุณก็หมดสิทธิ์ที่จะเล่นการเมืองต่อไป แล้วถ้ามีการนำเรื่องต่อไป ใครที่เป็นรัฐบาล ให้อัยการดำเนินการฟ้องศาลอาญาคดีเลือกตั้ง คุณพิธา คุณมีสิทธิ์จะติดคุกอย่างน้อยที่สุดต้องมีห้าปีขึ้นไปนะ คุณอย่าทำเป็นเล่นไปนะ

แล้วหันกลับมาดูตรรกะ กกต. ซิ กกต. พิจารณาเรื่องคุณมาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะพิจารณา ถ้าเขาประกาศตอนที่คุณกำลังเลือกตั้งว่าจะตรวจสอบคุณส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ เขากลัวว่ามันจะวุ่นวายทางการเมือง เขายังมีมารยาทพอที่จะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ แต่การที่เขาส่งไปวันที่ 12 คุณก็บอกว่าเขาแกล้ง เขาจะแกล้งได้อย่างไร ก็ในเมื่อศาลรัฐธรรมนูญเขาไม่พิจารณา เขารับไว้แต่ยังไม่พิจารณา เพราะฉะนั้นแล้ว ในเมื่อคุณทำผิดกติกาของ กกต. แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่า เขาจะส่งศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้ วันนี้ หรือพรุ่งนี้ ไม่ได้ต่างอะไรกันเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าทุกอย่างเดินไปตามปกติ ไม่ใช่การส่งศาลรัฐธรรมนูญแล้วทำให้เขาไม่สามารถเลือกคุณ เขาก็เลือกคุณแล้วไง ผลการเลือกออกมาชัดเจนแล้วใช่ไหม เพราะฉะนั้น คุณเข้าใจเรื่องนี้เสียใหม่

มติ กกต. เหมือนการสาดน้ำมันเข้ากองไฟ ทำให้การเมืองที่ร้อนแรงอยู่แล้ว กรณี ส.ว. กับการเลือกนายกฯ ทำให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น อารมณ์พวกสาวกคอนด้อมส้มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลพุ่งปรี๊ดถึงจุดเดือด อาจารย์มหาวิทยาลัย ดร.ปริญญา ปากดีนัก อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต ก็ปากดีนัก ทุกคน หลายคนที่ผมรู้จักก็ปากดีนัก บอกว่าอย่างไรก็ตาม พิธา ยังไงก็ต้องเป็นนายกฯ ชนะแน่นอน ผมรู้จักหลายคน แต่ผมขี้เกียจพูด เพี้ยนกันไปหมดแล้ว แต่ละคนจอมฟันธงทั้งนั้น ถือดาบมาฟันฉับๆ ฟันไปฟันมาหาธงไม่เจอ ฟันแต่ลม อารมณ์เลยพุ่งปรี๊ด เปิดสงครามโซเชียล แฮชแท็ก "กกตมีไว้ทำไม" ถ้าผมเปิดแฮชแท็กของผม (แต่ผมขี้เกียจทำ) ผมก็จะบอกว่า กกต.มีไว้รักษากฎหมาย ก็ กกต. ทำถูกแล้ว ไม่ผิด


พวกคุณปั่นกระแส บอกว่าเป็นกระบวนการหวังผลทางการเมือง ใช้ภาษา "นิติสงคราม" ผ่านบทบาทองค์กรอิสระ ใช้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะฉะนั้นแล้ว เวลาผู้สื่อข่าวถามนายชัยธวัช ว่า นายพิธา มีสิทธิ์เป็นนายกฯ หรือเปล่า นายชัยธวัช ก็ยืนยันว่า นายพิธา ยังมีสิทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ แต่วันนี้ไม่มีสิทธิ์แล้ว คุณแพ้เขา แพ้ทั้งหมดรวมทั้งคนที่ไม่เข้าไปร่วมประชุม ก็แสดงว่าเขาไม่เอาคุณ คุณแพ้เบ็ดเสร็จ 101 เสียง ผมคำนวณตัวเลขให้ดูแล้ว คุณกรุณาอย่าหน้าด้านดิ้นรนเพื่อให้มีการเลือกคุณเป็นครั้งที่สอง เสียเวลา ดื้อด้าน ไม่มีจริยธรรม ไม่มีพฤติกรรมความเป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง จริงๆ พวกคุณไม่เคยมีความเป็นสุภาพบุรุษทางการเมืองเลย คุณเล่นการเมืองมา คุณหลอกเด็ก คุณเอาเด็กออกมา อาจารย์มหาวิทยาลัยที่ใช้ไม่ได้เยอะแยะไปหมดเลย ที่สนับสนุนคุณ แต่เด็กโดน 112 กันเป็นแถว คุณก็ไปประกันตัวเขา แต่เวลาออกหน้า คุณไม่ออก คุณให้เด็กออกหน้า มีเรื่องมีราว 112 เด็กๆ ทั้งนั้น พวกคุณไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว แล้วพวกคุณก็ออกมาบอกว่ารังแกเด็กอย่างโน้นอย่างนี้ โน่นนี่นั่น เรื่องนี้ชาวบ้านเขารู้กันหมดแล้ว


คุณปั่นกระแสจะเอาคนมาเป็นโล่มนุษย์สู้เพื่อนายกฯ แต่คุณปั่นกระแสได้เฉพาะในโซเชียลฯ ผมพูดตรงๆ นะ คุณปิยบุตร คุณธนาธร แล้วก็คุณช่อ ตลอดจนคุณพิธา ตลอดจนพวกคุณที่จอมวางแผน พวกคุณไม่มีอะไรหรอก มีแค่โซเชียลฯ พวกคุณเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทีหลังคุณเลือกขู่ชาวบ้านเขาได้หรือยังว่าจะลุกเป็นไฟ ลุกเป็นไฟบ้าอะไร เพราะว่าพวกคุณมันเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ พวกคุณไม่เคยสู้จริง พวกคุณยุให้เด็กออกไปสู้ พวกผมนี่สู้จริง แต่พวกคุณนี่นะ อีแอบ! ทั้งธนาธร ทั้งปิยบุตร ทั้งช่อ-พรรณิการ์ ทั้งพิธา ทั้งชัยธวัช ทั้งธนพล ที่ทำฟ้าเดียวกัน รวมไปถึงทั้งอาจารย์ปริญญา อาจารย์โน่น อาจารย์นั่้น เก่งนักปาก ดีดปากเสียทีดีไหม โคตรเก่งเลย หลักการเยอะ โน่นนี่นั่น พวกคุณเมื่อไรจะรู้ตัวเสียที ที่ผมเอ่ยชื่อไปน่ะ พวกคุณเมื่อไรจะหุบปากเสียที

คุณอานนท์ นำภา ก็อีกคนหนึ่ง ออกมาบอกว่า แหม คราวนี้เลือดนองแผ่นดิน กดดัน กกต. ส.ว. ประกาศชุมนุมทั่วประเทศ คุณเดินสายไปทั่วประเทศ คุณพิธา คุณธนาธร ก็เดินสายไปปลุกระดมทั่วประเทศ แล้วอย่างไรล่ะ ถ้าคุณโดนรังแกจริง ถ้าคนของคุณมีใจในการประท้วงต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม พวกคุณต้องมากันเต็มแล้วสิวันนี้ ต้องมากันเต็มแล้ว มาสิ มา ผมอยากดูจริงๆ ปรากฏว่ามีไม่กี่คน แล้วกลุ่มคนของคุณก็กลุ่มคนเดียวกัน คุณไปชุมนุมที่สกายวอล์ก มันก็กลุ่มชุมนุมเดียวกับที่คุณยุยงปลุกปั่นแล้วก็เอาเด็กขึ้นมาชุมนุม แล้วก็เชิดเด็กขึ้นมา มีแค่นั้น พวกคุณก็คืออย่างนี้จริงๆ ติดแฮชแท็ก


ท่านผู้ชมครับ เรื่องต่างๆ ที่ผมเล่าให้ฟังนี้ ผมไม่อยากจะเท้าความ ประเด็นคือ เรื่องยื่น กกต. เมื่อไร พิจารณาเรื่องเร็วหรือช้า มันไม่ได้สำคัญเลยแม้แต่นิดเดียว แต่คนที่ร่วมอยู่ในขบวนการของพวกคุณ อย่างเช่น ปิยบุตร ทะลึ่งตัดพ้อว่าหนังม้วนเก่ากำลังกลับมาฉายซ้ำ เหมือนกับกรณีของนายธนาธร ประธานก้าวหน้า เจ้าของพรรคก้าวไกลตัวจริง ผมเคยพูดเรื่องนี้มานานแล้ว ผมเคยเตือนพวกคุณมาตั้งแต่ต้นแล้ว ผมเตือนอย่างไร ? ผมบอกว่ากติการัฐธรรมนูญเขามี คุณจะเข้ามาเล่นในกติกานี้ คุณต้องยอมรับเขา กติกาหนึ่งที่ชัดเจนที่คุณธนาธร และคุณพิธา โดน ก็คือถือหุ้นสื่อ ก็คุณรู้อยู่แล้วว่าถ้าคุณถือหุ้นสื่อ เขาเล่นงานคุณแน่


แล้วคุณพิธา พวกคุณนี่ก้าวร้าวมาก การถือหุ้นสื่อของคุณก็ส่วนหนึ่ง แต่พอคุณได้ 150 กว่าเสียง คุณมาที่หนึ่ง คุณพิธา คุณเหมือนเด็ก จู่ๆ ได้ข่าวว่าจะได้ของเล่นแล้ว แต่เขายังไม่ได้ให้ของเล่น คุณก็วิ่งไปประกาศกับพี่น้องคุณ กับข้างๆ บ้าน ว่า เอ๊ย จะได้ของเล่นแล้วนะ ผมได้ของเล่นแล้วนะ คุณเดินสายทุกแห่งทันทีเลย ไม่ว่าจะไปไหน คุณบอกว่าคุณคือว่าที่นายกรัฐมนตรี คุณนี่เหมือนเด็กคนหนึ่ง เหมือนอย่างไรรู้ไหม ? อยากได้ของเล่นตรงนั้น อยากเป็นนายกฯ พ่อแม่บอกว่าเป็นได้ ได้ของเล่นได้ แต่ต้องทำตามเงื่อนไขหน่อย ข้อแรก ต้องทำการบ้านก่อน ข้อที่สอง ห้ามดูทีวี ข้อที่สาม กินข้าวแล้วล้างชามด้วย ข้อที่สี่ ก่อนนอนแปรงฟัน ล้างหน้า แล้วพ่อถึงจะให้ของเล่น ฉันใดฉันนั้น การที่คุณได้เสียงข้างมากที่สุด และคุณจัดตั้งรัฐบาลแล้ว คุณต้องการให้ทุกคนยอมรับคุณเป็นนายกรัฐมนตรีเลย คุณพิธา คุณลืมไปแล้วหรือว่า เราพูดกันมาตั้งนานแล้วว่านี่เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี เราไม่ได้เลือกประธานาธิบดี

แล้วคุณบอกว่ามี 14 ล้านเสียง แล้วรัฐธรรมนูญที่เขามีประชามติ 15 ล้านเสียง เขาไม่ชนะคุณหรือ คุณเลิกพูดเรื่อง 14 ล้านเสียง บ้าบอคอแตกเสียทีได้ไหม คุณพูดจนผมรำคาญ คุณไม่รู้ข้อเท็จจริงเลย เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อคุณธนาธร โดนเรื่องคดีหุ้น คุณจะมาอ้างไม่ได้ว่าคุณไม่รู้เรื่อง ฟังไม่ขึ้นว่ะ


คุณชัยธวัช ผมฟังไม่ขึ้น ส่วนคุณก็บอกว่า คุณไม่ผิด โน่นนี่นั่น เอาสิ ถ้าคุณบอกว่าไม่เคยเรียกคุณเข้าไปถาม ก็ไม่เป็นไรนี่ คุณยังมีโอกาสที่จะเข้าไปที่ศาลรัรฐธรรมนูญ ชี้แจง แล้วผมเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะให้ความเป็นธรรมกับคุณดี ก็เหมือนกับที่คุณธนาธร เข้าไปชี้แจง เหมือนกัน ฉันใดฉันนั้น ไม่ได้ต่างอะไรกันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ศาลพิจารณาแล้วก็ยังถือว่าผิด เพราะฉะนั้นแล้ว การที่ กกต. ไม่เรียกคุณเข้าไปชี้แจง ไม่ได้แปลว่าเขาทำผิด เขาพิจารณาจากหลักฐานที่มีอยู่ แล้วเขาส่งไปที่ศาล เพื่อให้ศาลตัดสิน ศาลก็ไม่ได้ตัดสินทันทีนะ คุณก็รู้ขั้นตอนนะ เขาก็ต้องเชิญคุณเข้ามา ให้คุณแถลง ให้คุณเอาหลักฐานมาแสดง ให้คุณกล่าวโต้แย้ง คุณก็ชอบอ้างอยู่ตลอดว่าไม่ผิด ไม่ผิด ไม่ผิด


ท่านผู้ชมครับ ผมมีความรู้สึกอย่างนี้ พรรคก้าวไกล และคุณพิธา คุณวิโรจน์ คุณรังสิมันต์ โรม หลายๆ คน พวกคุณทำลายตัวคุณเอง คุณยังไม่ทันเป็นรัฐบาลเลย คุณพิธา ยะโสโอหังมาก บอกว่าพรรคก้าวไกลต้องยึดกระทรวงมหาดไทย ต้องให้ผู้ว่าฯ หมดไป ไม่มีการแต่งตั้ง ต้องเลือกตั้งอย่างเดียว แล้วคุณก็ไปวิ่งหาการเมืองส่วนท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น อบต. อบจ. เพื่อหาเสียง ให้เห็นด้วยว่าต้องมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ คุณลืมไปแล้วหรือว่ากระทรวงมหาดไทยตั้งมากี่ร้อยปีแล้ว ตั้งมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 รากมันลงไปลึกแล้ว จู่ๆ คุณไปบอกเขาว่า ผู้ว่าฯ ทั้งหลายนี่ตกงานแน่ กูไม่ใช้มึงแล้ว คุณบ้าหรือเปล่า แทนที่คุณจะรู้จักอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ แข็งแรงแต่ไม่แข็งกร้าว แทนที่คุณจะรู้จักพูด บอกว่าผมมีแนวคิดที่อยากจะให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ แต่ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะมีการทดลองเป็นโมเดลสัก 1-2 จังหวัด ลองดูว่ามันได้ผลหรือไม่ได้ผล ไม่! คุณต้องการเอาด้ามพร้ามาแล้วหักด้วยหัวเข่าเลย เหมือนกับคุณไม่ชอบทหาร ผมไม่รู้ว่าคุณไม่ชอบด้วยเรื่องอะไร ไอ้ผมนี่โดนทหารยิงแท้ๆ 200 นัด ผมยังเข้าใจทหารดีกว่าคุณเข้าใจ


จู่ๆ คุณขึ้นมาบอกว่าจะต้องยุบสภากลาโหม คุณพิธา คุณบ้าหรือเปล่า คุณวิโรจน์ ก็ออกมาแหกปากโวยวายโน่นนี่นั่น คุณรังสิมันต์ โรม ก็เหมือนกัน คุณยังไม่ทันไรเลย คุณยังไม่ได้ผ่านการเลือกนายกฯ หรือยังไม่ได้ผ่านทุกอย่าง คุณเที่ยวเรียกประชุมข้าราชการต่างๆ เชิญมา แล้วคุณให้ความคิดเห็นสภาหอการค้าฯ ทำโน่นทำนี่ เขาเรียกว่าคุณน่ะต้องการของเล่น แต่คุณไม่ทำตามกติกา

ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดนี้มันเกิดจากความก้าวร้าวของพรรคก้าวไกล มันก็เลยทำให้มันซึมซับลงไปในบุคลากร คุณลืมไปแล้วหรือว่า ส.ว. 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ข้าราชการเก่าทั้งนั้น ส่วนใหญ่ทหารทั้งนั้น แล้วพวกเขามีความสุขหรือที่คุณไปดูถูกหยามเหยียดเขา แรกๆ ที่คุณเข้ามา มีเสียงข้างมาก คุณหยามเหยียด ส.ว. ส.ว. ต้องเคารพเสียงประชาชน ส.ว. เขาเคารพกติกาของรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญนั้นได้รับประชามติ 15 ล้านเสียง จากประชาชนแล้ว ถึงมาร่างเป็นกติกา เพราะฉะนั้นแล้ว ส.ว. เคารพกติกาของรัฐธรรมนูญ เท่ากับ ส.ว. ก็เคารพเสียงของประชาชนอยู่แล้ว อะไรมันทำให้ 14 ล้านเสียง ของพวกคุณยิ่งใหญ่กว่าทุกอย่างในโลกนี้ ในประเทศไทย


คุณชาดา เขาพูดถูก ถ้าคุณแก้ 112 แล้วประเทศไทยจะเป็นประเทศสวรรค์หรืออย่างไร คุณหมกมุ่น คุณบ้า! คุณบ้า! คุณบ้า! ลืมตัว ไม่ว่าจะเป็นธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่าจะเป็นพรรณิการ์ (ช่อ) วานิช ไม่ว่าจะเป็นปิยบุตร แสงกนกกุล ไม่ว่าจะเป็นพิธา ไม่ว่าจะเป็นวิโรจน์ หรือไม่ว่าจะเป็นรังสิมันต์ โรม หรือไม่ว่าจะเป็นอมรรัตน์ และอีกหลายๆ คน แล้วคุณพูดจา ยิ่งแกล้งผมเท่าไร คนยิ่งเข้ามาเป็นพวกผมเท่านั้น เอาล่ะ ผมจะดู วันนี้ยังไม่ทันไรเลย ยังไม่มีใครแกล้งคุณเลย เขาแกล้งคุณที่ไหน วันนี้คุณแพ้เสียงในสภาฯ ตามกติการัฐธรรมนูญที่ได้รับฉันทามติ ประชามติจากประชาชน 15 ล้านเสียง เพราะฉะนั้นแล้ว ส.ว. เขาทำหน้าที่ตามกติการัฐธรรมนูญ ซึ่งเท่ากับฟังเสียงประชาชนที่ลงประชามติเห็นชอบกับรัฐธรรมนูญนี้ ทุกอย่างเข้าสู่ครรลองการเมือง ไม่มีการแทรกแซง ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ออกมาพิพากษาคุณว่าให้หยุดทำงาน เขารับเรื่องไว้ แล้วเขาก็รู้ว่าเขากำลังจะเลือกคุณพิธา เป็นนายกฯ ศาลก็เลยปล่อยไป ไม่ยุ่ง ให้คุณเล่นการเมืองให้เต็มที่ แล้วการเมืองวันนี้ตบหน้าพวกคุณว่าเขาไม่เอาคุณ ไม่เอาเรื่องอะไรล่ะ ? 112 ไง ไม่ได้ไม่เอาเรื่องอื่น เขาไม่เอาเรื่อง 112 เขาละเลยเรื่องการที่คุณโกหกพกลม คุณสมบัติ แบบนี้เขาไม่สนใจ เขาสนใจเรื่องเดียวคือ 112

เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผมไหมว่าทั้งหมดนี้ พรรคก้าวไกลทำร้ายตัวเอง ทำร้ายตัวเองจริงๆ


จากนี้ไปครับ คุณพิธา และพรรคก้าวไกล คุณต้องยอมรับ คุณอย่ามาใช้วิชามาร มาร่วมรัฐบาลโดยที่ให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เขาไม่เอาคุณแล้ว ประชาชนไม่เอาคุณด้วย คุณเอา 14 ล้านเสียง ของคุณไปแยกไว้ดีกว่า ไปเป็นฝ่ายค้าน อย่าไปยุ่งกับเขา ก็คุณบอกว่าคุณยังหนุ่มอยู่ไม่ใช่หรือ 42 ปี คุณรอได้ คุณก็รอต่อไปอีก 4 ปี แต่ผมเชื่อว่าใน 4 ปีข้างหน้านี้ กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย คดีความต่างๆ ที่คั่งค้างอยู่จะต้องถูกเร่ง ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ผิดกฎหมายก็ว่าไปตามผิดกฎหมาย ไม่เป็นไร เพราะฉะนั้นแล้ว คุณควรจะมีความรู้สึกพอ เป็นสุภาพบุรุษ ซึ่งผมไม่รู้ว่าคุณเป็นหรือเปล่านะ วันนี้คุณต้องรู้นะว่าคุณแพ้แบบหน้าแตก หมอไม่รับเย็บ อย่างที่ผมชี้ให้คุณดู คนที่ไม่เอาคุณมากกว่าคนที่เอาคุณถึง 101 เสียง รวมคนที่ไม่เห็นด้วยกับคุณ คนที่งดออกเสียง และคนที่ไม่มา 3 กลุ่มนี้ตัวเลขตั้งมา 400 กว่า ลบกับ 300 กว่าที่คุณได้ เขาชนะคุณ 101 เสียง ไม่ชนะแบบธรรมดา ชนะแบบฉีกกระดาษ เพราะฉะนั้น คุณควรจะอย่าเป็นจระเข้ขวางคลองในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป จากนี้ไป สิ่งแรกที่คุณควรจะทำ คุณควรจะมียางอายบ้าง ยุติในการดิ้นรนเพื่อให้โหวตครั้งที่ 2

สอง คุณเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือว่าถ้าคุณไม่เป็นรัฐบาล คุณอยากเป็นฝ่ายค้าน ไปเลย คุณไปเป็นฝ่ายค้าน ไปทันที ไปทันทีเลย ให้เขามีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมา แล้วผมเชื่อ แล้วคุณเป็นฝ่ายค้านก็ดี เพราะว่าคุณสามารถจะค้านได้อย่างเต็มที่ และทำให้รัฐบาลต้องระวังตัว เพราะว่าถ้าเขาไม่แก้ไขปัญหาต่างๆ ที่คุณค้านมา โอกาสที่พวกเขาจะกลับมาอีกครั้งก็ไม่มี แล้วคุณก็จะได้คะแนนเสียงมากกว่าเก่า ผมชอบ คุณอย่าเพิ่งเป็นรัฐบาล เป็นฝ่ายค้านดีแล้ว เพราะเป็นการฝึกและตีกรอบให้รัฐบาลที่คุณไม่ได้มีส่วนร่วม เขาต้องระมัดระวังตัว ต้องทำงานด้วยความมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล และความซื่อสัตย์สุจริตให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

คุณอย่าลืมนะ ถ้าคุณเป็นฝ่ายค้าน คุณมีส่วนช่วยในการสร้าง ทำให้การเมืองเมืองไทยดีขึ้นกว่าเก่า แต่คุณเป็นรัฐบาลไม่ได้ เพราะว่าคุณเหมือนที่คนเขาพูดว่า ให้ลิงเล่นไม้ขีด ลิงเล่นไม้ขีดนี่ บ้านไหม้ไปไม่รู้กี่หลังแล้ว ถ้าคุณเป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ แค่ปีเดียว ประเทศฉิบหายไปอีก ต้องแก้ไขอีก 10-20 ปี

คุณพิธาครับ คุณธนาธรครับ คุณปิยบุตรครับ และคุณพรรณิการ์ (ช่อ) วานิช ครับ ถ้าคุณไม่อยากอยู่เมืองไทย ถ้าคุณเกลียดเมืองไทยนัก ทำไมคุณไม่ไปอยู่เมืองนอก แต่ถ้าคุณอยู่ คุณต้องรู้ คุณจะยกเลิกเหมือนที่คุณธนาธร พูด ไม่ให้เรียกพี่ ไม่ให้เรียกลุงป้าน้าอาได้อย่างไร เขาเรียกกันมาตั้งแต่สมัยคุณยังเป็นดวงวิญญาณอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ คนอายุมากเขาเรียกพี่ คนที่อายุมากกว่าพ่อ เขาเรียกลุง คนที่อายุน้อยกว่าแม่ เขาเรียกน้า ผมนี่ยังมีคนที่อายุเท่าๆ กันเรียกผมว่าน้าเลย น้าธิๆ ไพวงษ์ เตชะณรงค์ พ่อของสงกรานต์ เจอผมก็เรียกผมว่า น้าธิ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ผมเจอผมก็เรียก พี่จิ๋ว เพราะเขาอายุมากกว่า มารยาทแบบนี้มันอยู่ในรากเหง้าวัฒนธรรมไทย แล้วคุณธนาธร กลับจะมายกเลิก คุณทำได้อย่างไร คุณสั่งสอนให้เด็กออกมา ไม่ให้รู้จักบุญคุณของพ่อแม่ มันเป็นไปได้อย่างไร


วันดีคืนดี ยังไม่ทันไรเลย คุณบอกว่าคุณจะยกเลิกผู้ว่าฯ เอาเลือกตั้ง วันดีคืนดี คุณยังไม่ได้เป็นนายกฯ เลย คุณเป็นแค่คนที่จะมีสิทธิ์ได้รับเลือกเป็นนายกฯ 1 คน คุณไปบอกทหารเขาว่าจะยกเลิกสภากลาโหม วันดีคืนดีคุณจะล้มวัฒนธรรมเก่าๆ ประเพณีเก่าๆ คุณไม่ใช่มนุษย์ มนุษย์ต้องมีความรัก ความชอบ ความเคารพ แน่นอนมันก็ต้องมีความเกลียด ความชัง ความโกรธ ไปด้วยกัน แต่คุณทำตัวเหมือน พอล พต เขมรแดง ทำตัวเหมือน เจียงชิง หัวหน้าของ Red Guard ที่ประเทศจีน เหมือนอย่างไร ? เหมือนโดยคุณยุยงให้คนออกไปตายแทนคุณ คุณไม่เคย คุณธนาธร คุณปิยบุตร คุณช่อ และคุณพิธา ก็คุณอานนท์ บอกไม่ใช่หรือว่าเลือดนองแผ่นดิน ไหว้เถอะ คุณโปรดเดินนำหน้าพวกนี้ออกมาเลย นำหน้า ชูธงโต้กระแสทวน ชูธงเยอะๆ นะ เพราะคุณมีพรรคพวกที่พร้อมจะฟันธงอีกเยอะ หลายคน ฟันธงว่าคุณต้องเป็นนายกฯ อย่างแน่นอน

ก่อนที่จะมีการลงคะแนนเสียงเมื่อวานนี้ ผมจำได้ ผมอ่านการให้สัมภาษณ์ของอาจารย์หลายคน ผมอดขำไม่ได้ จนผมไม่อยากจะขำแล้ว ผมทุเรศมาก วันนี้ผมฟันธงครับ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต คุณพิธา ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอนที่สุด

อีกคนที่ชอบอ้างการเมืองที่มีไสยศาสตร์ นิติสงคราม หรือไสยศาสตร์ทางกฎหมาย ก็บอกว่า ส.ว. ตอนนี้เขาเอาพิธา หมดแล้ว โน่นนี่นั่น ในที่สุด ความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว นั่นคือความจริงที่ว่า เขาไม่เอาคุณ ชนะคุณตั้ง 101 เสียง

เอาล่ะ รัฐบาลชุดต่อไปจะวุ่นวายแค่ไหนก็ตาม คุณจะดีที่สุด ทำหน้าที่ของคุณได้ดีที่สุด คือคุณเป็นฝ่ายค้าน หนึ่ง คุณเป็นฝ่ายค้าน แล้วคุณค้านได้ดี ถ้ามีเลือกตั้งในอีก 4 ปี คุณมาแบบถล่มทลายแน่นอน สอง ถ้าคุณเป็นฝ่ายค้านที่ดี แล้วฝ่ายรัฐบาลเขารู้ว่าการที่คุณจะค้านนั้น เขาต้องระวัง เพราะว่าถ้าเขาไม่ทำตามที่คุณค้าน หรือไม่แก้ปัญหาตามที่คุณแนะนำหรือต่อว่ามา โอกาสที่รัฐบาลจะสอบตกทั้งหมดก็มีสูง ก็เท่ากับว่าคุณมีส่วนในการสร้างการเมืองให้มันดีขึ้นใช่ไหม เห็นหรือยัง ประโยชน์คุณก็มี ไม่ใช่คุณไม่มี แต่พวกคุณต้องเลิกโกหกพกลม พวกคุณต้องเลิกโกหกเพื่อให้พวกคุณได้มีอำนาจ การขึ้นมามีอำนาจของคุณครั้งนี้ ที่คุณได้มา 14 ล้านเสียง เกือบครึ่งหนึ่งก็คือจากการที่คุณโกหกเรื่องราวต่างๆ ปั่นหัวคน ปั่นกระแส แฮชแท็กในทวิตเตอร์ แฮชแท็กอันโน้น แฮชแท็กอันนี้

วันนี้ ต่อจากนี้ต่อไป ไม่ง่ายเหมือนวันที่แล้วแล้วนะคุณพิธา คุณปิยบุตร ผมเตือนไว้ก่อนนะ ไม่ง่ายตรงไหน ? สมัยก่อนศัตรูของคุณคือ 3 ป. ใช่ไหม คุณเที่ยวด่า 3 ป. เขาอย่างโน้นอย่างนี้ การเมืองต้องไม่มี 3 ป. คนที่เลือกคุณ 14 ล้านคน มีอยู่เยอะเลย 70-80 เปอร์เซ็นต์ เขาเลือกคุณเพราะเขาไม่ชอบ 3 ป. แต่วันนี้ 3 ป. ไม่มีแล้วนะคุณพิธา คุณประยุทธ์ เขาลาออกไปแล้ว ไม่สนใจการเมืองแล้ว คุณอนุพงษ์ ก็เไม่เล่นการเมืองอีกต่อไปแล้ว คุณประวิตร วงษ์สุวรรณ ผมเชื่อว่าถึงเขาจะเข้ามาร่วมรัฐบาลอย่างไร คุณประวิตร ก็ไม่เล่นการเมืองต่อ เมื่อไม่มี 3 ป. แล้ว ศัตรูของคุณอยู่ที่ไหนล่ะ เพราะคุณสู้บนการปั่นกระแสของการต่อต้าน 3 ป. ตอนนี้ไม่มีแล้ว คุณจะต่อต้านใคร หรือคุณจะต่อต้านสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่เป็นไร เพราะพวกคุณก็จัดทัวร์มาลงผมตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ผมมีแนวป้องกัน แบบที่รัสเซียป้องกันการบุกอีกครั้งหนึ่งของยูเครนได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

เพราะฉะนั้น ทั้งหมดที่ผมพูดมาวันนี้ ผมพูดด้วยความจริงใจ และผมพูดไม่อ้อมค้อม ถ้าคุณรู้จักตัวคุณเอง คุณวันนี้สู้กับตัวคุณเอง แต่คุณสู้ผิด ทั้งชีวิต


ผมถามคุณอย่างหนึ่ง คุณพิธา คุณธนาธร คุณปิยบุตร และ คุณช่อ และพวกแกนนำพรรคก้าวไกลทั้งหลาย ทั้งชีวิตคุณ บ้าคลั่งกับการยกเลิก 112 มันเกิดอะไรขึ้นกับมันสมองของคุณ นี่เขาไม่ได้เรียกว่าหมกมุ่นแล้วนะ เขาเรียกว่าบ้าไปแล้วนะ หมกมุ่นยังเข้าใจ ยังมีเหตุผล ยังพอฟังออก นี่พวกคุณบ้าไปแล้ว มันเป็นอะไรล่ะ วันนี้ก็พิสูจน์ว่าคนที่รักพระเจ้าอยู่หัว มีเยอะมากกว่าคุณ

ทั้งหมดนี่ล่ะครับท่านผู้ชม ที่ผมต้องการจะพูดวันนี้ จากการวิเคราะห์ของผม ผมคิดว่าถ้าก้าวไกลถอยไป แล้วพวกคุณกลับไปเตรียมตัวเป็นฝ่ายค้านเถอะ แล้วให้พรรคเพื่อไทย อันดับสอง เขาลองจัดตั้งรัฐบาลดู เป็นครรลองของทางการเมือง แล้วคุณก็คอยไปต่อสู้ในศาลในคดีความต่างๆ ที่มีอยู่เต็มไปหมดเลย นั่นล่ะคือการเมืองที่ผมคิดว่าเป็นการเมืองแบบสุภาพบุรุษ แล้วคุณเลิกใช้วิธีการเก่าๆ หลอกเด็กมา เหมือนคุณเอาเด็กสิบขวบมาขึ้นเวทีเพื่อมาเชียร์คุณ คุณพิธา โคตรทุเรศ และโคตรบัดซบเลยรู้ไหม นี่ผมต้องขออนุญาตพูดกับคุณแรงหน่อย คุณปั่นกระแสมากจนเกินไป อีกหน่อยเดี๋ยวคุณก็เอาเด็กที่เพิ่งเกิด ประมาณ 1 ขวบ เลือกใคร .. ปิ๊ตา ปิ๊ตา ปิ๊ตา คุณบ้าหรือเปล่า พวกคุณบ้าไปแล้ว คุณต้องการแสวงหาอำนาจ และคุณต้องการล้มล้างสถาบันกษัตริย์อย่างชนิดที่เรียกว่ามันอยู่ในสายเลือดคุณ แบบที่เรียกว่าไม่ลืมหน้าลืมหลัง และไม่เข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้น จนกระทั่งคุณเพี้ยน เพี้ยน แล้วก็เพี้ยน

Bitkub ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง


ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมจะพูดนี้ ผมไม่ได้พูดเรื่องนี้มาประมาณปีกว่าแล้ว แต่ผมเชื่อว่าท่านผู้ชมหลายท่านที่ติดตามรายการนี้มาอย่างต่อเนื่องจะจำได้ ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" สื่อในเครือผู้จัดการ พวกผมน่าจะเป็นสื่อเจ้าเดียวมั้งที่นำเสนอความไม่ชอบมาพากล และความผิดปกติของข้อตกลงในการซื้อ "บิทคับ" (Bitkub) ของนายท๊อป - จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา โดย SCB หรือ ธนาคารไทยพาณิชย์ ดีลดังกล่าวนั้นมีในตอนช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่มีการเปิดเผยมาว่า การเข้าไปถือหุ้นบิทคับของ SCB จำนวน 51 เปอร์เซ็นต์ ตอนนั้น ตีราคาไว้มูลค่าถึง 17,810 ล้านบาท

ตอนที่เข้าไปซื้อนั้น ตัวแทนของ SCB พูดว่า SCB เป็นสถาบันการเงินที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานกว่า 114 ปี นอกจากนี้ ยังมียุทธศาสตร์ในการจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัทเป็น SCBX เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของธุรกิจประเภทใหม่ ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือ บิทคับ และกลุ่ม SCBX ได้มีการแชร์เป้าหมายที่เหมือนกันว่า Digital Asset มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจต่อประเทศไทยในระยะยาว เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าเราสามารถผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ก้าวสู่โลกอนาคต เป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีในระดับภูมิภาคได้ และเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้าง National Champion ใหม่ให้กับประเทศไทย หรูหรามากท่านผู้ชม เท่เหลือเกินตอนนั้นแถลงการณ์ ระหว่างแถลงการณ์นั้น น่าจะแถลงการณ์อยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ แต่ผมและเครือข่ายของเราเผอิญมองแล้วผมว่านี่มันไม่ใช่ทุ่งลาเวนเดอร์แล้ว นี่มันกองขยะที่เต็มไปด้วยขี้ แต่เอาดอกลาเวนเดอร์มาตกแต่งเอาไว้


ท่านผู้ชมครับ ถ้าเราเอาตัวเลข 51 เปอร์เซ็นต์ ของบิทคับ มูลค่า 17,810 ล้านบาท จะเห็นได้ว่ามูลค่าทั้งหมด มาร์เก็ตแคปของหุ้นบิทคับนั้น อยู่ที่ 35,000 ล้านบาท เลยทีเดียว หลายๆ คำถามนอกเหนือจากคำถามอื่นๆ อีกมากมายที่ผมและสื่อในเครือผู้จัดการปุจฉาเอาไว้เมื่อปีที่แล้ว ผมปุจฉาว่า หนึ่ง มูลค่าหุ้นบิทคับซึ่งในตอนนั้นหลายคนกำลังเห่อ ว่าเป็น Tech Startup ระดับสุดยอดของประเทศไทย มันสูงขนาดนั้นเชียวหรือ สอง บริษัท บิทคับ ของคุณท๊อป จิรายุส ได้ดำเนินการพัฒนา ครอบครอง หรือกุมเทคโนโลยีอะไรที่ก้าวล้ำกว่าตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ หรือว่ามีนวัตกรรมในการบริหารจัดการอะไรที่คนอื่นไม่มี

อีกข้อหนึ่ง หรือว่าแท้จริงแล้วตลาดซื้อขายสินทรัพย์แห่งนี้ไม่ได้มีอะไรดีเด่กว่าเขาหรอก แต่เป็นการปั่นราคาเพื่อสร้างมูลค่าหลอกลวงประชาชน นักลงทุน ด้วยการสมคบคิดของทางฝั่งบิทคับ และคนบางคนใน SCB


ธนาคารไทยพาณิชย์ สำคัญมาก เพราะธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกในประเทศไทย มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นสถาบันสำคัญของประเทศชาติ เป็นสถาบันการเงินอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ยังเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีก เหล่านี้ข้อสงสัยและคำถามที่ผมพยายามชี้ให้เห็นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปี 2565 ผมออกรายการมาตลอดนะครับ ตั้งแต่ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 135 วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2565 ต่อมาด้วย "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ออกอากาศวันที่ 27 พฤษภาคม 2565


ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า ถ้าท่านผู้ชมติดตามรายการนี้มา ในตอนนั้นมีคนหลายคนกล่าวหาว่าผมมีอคติกับบิทคับ กับท๊อป จิรายุส ก็เลยหาเรื่องมาโจมตี

เวลาต่อมา เหตุการณ์ต่างๆ ก็ปรากฏเรื่องราวชัดเจนว่าตลาดซื้อขายสินทรัพย์ออนไลน์ในประเทศไทยและในโลกนั้น มีปัญหาทั้งโลก ทั้งความโปร่งใส การทุจริต การไม่ชอบมาพากล ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งนอกจากบิทคับในขณะนั้นแล้ว ก็ปรากฏชัดเจนว่า ซิปเม็กซ์ (Zipmex) ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลใหญ่อันดับสองของประเทศไทย ก็มีปัญหา กลางปีที่แล้ว ตอนซิปเม็กซ์ ซึ่งมีผู้ก่อตั้ง คือนายเอกลาภ ยิ้มวิไล และพรรคพวก และผู้บริหารเจ๊ง ก่อความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2-3 พันล้านบาท โดยมีลูกค้าชาวไทยได้รับความเสียหายหลายพันราย ผมเคยออกรายการไปแล้วตอนที่ 150-153 ช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2565 เจาะลึกเรื่องราว โดยนำเสนอเบื้องลึกของการล่มสลายของซิปเม็กซ์อย่างต่อเนื่อง และครอบคลุมเบื้องหน้าเบื้องหลังทั้งหมดอย่างไม่ที่ไม่มีสื่อไหนกล้าเจาะ


ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า ขณะที่ในต่างประเทศมีกรณีฉ้อโกงของนาย Sasm Bankman-Fried ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของ FTX ตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับสูงสุด Top 3 ของโลก จนล้มละลาย แล้วนาย Sam Bankman ก็ติดอยู่ในคุก


ต่อมา หลังจากที่ผมและสื่อเครือผู้จัดการออกมาตั้งคำถาม เปิดโปงถึงความไม่ชอบมาพากลของดีล SCB ที่ซื้อหุ้นบิทคับ 51 เปอร์เซ็นต์ มูลค่า 17,810 ล้านบาท ในที่สุดแล้วท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ? 25 สิงหาคม 2565 นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCBX ซึ่งเป็นคนที่เจ้ากี้เจ้าการ จับมือกับนายท๊อป ในการซื้อขาย 17,800 กว่าล้านบาท อ้างเหตุผลเป็นข้อความระบุในหนังสือยกธุรกรรมการลงทุนในบิทคับ ว่า แม้ว่าการสอบทานธุรกิจจะไม่มีข้อบ่งชี้ถึงความผิดปกติอันเป็นนัยสำคัญ ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ แต่เนื่องจากบิทคับยังมีประเด็นคงค้างที่จะต้องดำเนินการหาข้อสรุปตามคำแนะนำและการสั่งการของ ก.ล.ต. ซึ่งยังคงมีความไม่แน่นอนในเรื่องระยะเวลาในการหาข้อสรุปดังกล่าว ผู้ซื้อ-ผู้ขาย จึงตกลงร่วมกันที่จะยกเลิกธุรกรรมการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้ด้วยเหตุผลดังกล่าว ที่ประชุมกรรมการ SCBX ครั้งที่ 15/2565 จึงมีมติให้ SCBX ยกเลิกธุรกรรมการซื้อขายหุ้น โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2565


จากวันนั้น ถึงวันนี้ เวลาห่างมาเกือบ 1 ปี ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าราคาหุ้นบิทคับ จากวันนั้นถึงวันนี้ ราคาเหลือเท่าไร ? ท่านผู้ชมครับ ผมพูดมานานแล้วนะว่าความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว แต่ความเจ็บปวดของคนที่เอาความจริงมาเสนอท่านผู้ชม เสนอตอนแรกคนหาว่ามีอคติ ไม่ชอบเขาใช่ไหม หรือไปเรียกร้องเงินทองจากเขาใช่ไหม พอเขาไม่ให้ก็มาโจมตีเขา คนที่เสนอความจริงที่มีหนึ่งเดียวอย่างผม เป็นต้น ผมผ่านประสบการณ์นี้มามากแล้ว ผมต้องอดทนต่อข้อครหานินทา เพราะผมเชื่อว่าในที่สุดแล้ว ความจริงที่มีหนึ่งเดียวมันจะปรากฏเกิดขึ้น และมันปรากฏเกิดขึ้นแล้ว ณ ตอนนี้

สัปดาห์ก่อน 3 กรกฎาคม มีข่าวชิ้นหนึ่งในแวดวงตลาดหุ้นระบุว่า บริษัท แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการได้มีมติอนุมัติการซื้อหุ้นสามัญในบริษัท บิทคับ จากบริษัท บิทคับ จำนวน 4,149,000 หุ้น คิดเป็นปริมาณ 9.22 เปอร์เซ็นต์ ของทุนจดทะเบียน ในราคาซื้อขายรวม 600 ล้านบาท จะเสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2566


ท่านผู้ชมครับ บริษัท แอสเฟียร์ฯ คืออะไร ? คือบริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้เหตุผลของการลงทุน โดยมองว่าบิทคับเป็นผู้ประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายเงินคริปโตอันดับหนึ่งของประเทศไทย มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์

ประเด็นครับ ถ้าท่านผู้ชมลองคิดคำนวณเปรียบเทียบระหว่างดีลการซื้อหุ้นบิทคับ ระหว่างบริษัท แอสเฟียร์ฯ ณ วันนี้ (2566) กับ SCBX เมื่อปีที่แล้ว ท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัดถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนของราคาหุ้น ณ วันนี้ แอสเฟียร์ฯ ใช้เงิน 600 ล้านบาท ซื้อหุ้นจำนวน 4,149,000 หุ้น คำนวณราคาได้หุ้นละ 145 บาทต่อหุ้น แต่ถ้าเราย้อนหลังกลับไปไม่ถึงปี SCBX ธนาคารไทยพาณิชย์ ใช้เงินมากถึง 17,810 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้น 51 เปอร์เซ็นต์ เกือบ 23 ล้านหุ้น บิทคับ ซึ่งผมคำนวณมาให้เรียบร้อยแล้ว ราคา 778 บาทต่อหุ้น ห่างกันไม่ถึงปี เขาขายหุ้นไปในราคา 145 แต่ปีที่แล้ว เขาเสนอขายไป และ SCBX ยอมรับราคาหุ้น 778 บาท โอ้โห! พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ปีหนึ่งมันตกจาก 778 บาท มาเป็น 145 บาท ได้อย่างไร ถ้ามันไม่มีการปั่นกัน ชัดไหมครับท่านผู้ชม มูลค่าหุ้นบิทคับที่ SCB ต้องการซื้อนั้น ต่างกว่าบริษัทอื่นถึง 633 บาท บริษัท แอสเฟียร์ฯ ซื้อหุ้นบิทคับ ถูกกว่า SCB ถึง 81 เปอร์เซ็นต์

ข้อที่สอง ถามต่อว่า ห่างกันไม่ถึงปี ราคาประเมินหุ้นบิทคับตกไป 81 เปอร์เซ็นต์ ได้อย่างไร แอสเฟียร์ฯ อ้างว่า สาเหตุที่ซื้อได้ถูกเนื่องจากภาพรวมตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยตกต่ำอย่างรุนแรง จนส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบิทคับในปี 2565 ทำให้กำไรทรุดถึง 87 เปอร์เซ็นต์ อ้าว! แล้วที่เครือยักษ์ใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ แถลงการณ์ก่อนหน้านี้ตอนเข้าซื้อว่า บิทคับคืออนาคต วางเป้าหมายในระยะยาว ไฉนเวลาผ่านไปแค่ไม่ถึงปี ธุรกิจเติบโตฮวบๆ กำไรลดลงไปเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนราคาหุ้นก็ลดลงไป 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ แบบไม่เห็นหัวเห็นหางเลย


ข้อที่สาม เป็นคำถามนะครับ ผมย้ำว่าเป็น "คำถาม" นะครับท่านผู้ชม ไม่ใช่คำกล่าวหา จากราคาหุ้นบิทคับหุ้นละ 778 บาท ลดเหลือหุ้นละ 145 บาท หรือลดลง 81 เปอร์เซ็นต์ ในเวลาไม่ถึงปี ใช่หรือเปล่าว่าเป็นหลักฐาน เป็นใบเสร็จชิ้นสำคัญว่าการเสนอซื้อหุ้นบิทคับ 51 เปอร์เซ็นต์ ของ SCB นั้น มันไม่ชอบมาพากลจริงๆ และถามต่อว่า ใช่หรือเปล่าว่ามีไอ้โม่งกลุ่มหนึ่งที่ฟาดกำไรไปเรียบร้อยแล้วจากราคาเหรียญ "คับ" (KUB) ที่พุ่งกระฉูดไปตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 ในวันที่ SCB ประกาศจะเข้าซื้อหุ้นบิทคับ ถึง 580 กว่าบาท ขณะนี้ วันนี้ ราคาเฉลี่ยของ KUB Coin วิ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 50 บาท เท่านั้นเอง ตอนข่าวนั้นออกมา หุ้นวิ่งกระฉูดเลย ขึ้นเป็น 580 แต่วันนี้เหลือ 50 บาท ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าไอ้โม่งตัวนี้ได้รวยต่อที่สองถ้าอภิมหาดีล 1,7810 ล้านบาท ระหว่าง SCB กับบิทคับ ไม่ล่มหรือล้มลงก่อน จากการเปิดโปงของรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" สื่อในเครือผู้จัดการ ซึ่งเป็นวันที่ดีลล่ม


ท่านผู้ชมรู้ไหมผมได้รับโทรศัพท์หลายสายจากผู้ใหญ่ พนักงาน SCB หลายคนบอกว่า โล่งอกโล่งใจมากที่ SCB สามารถหลุดพ้นจากเรื่องบิทคับนี้เสียที ไม่อย่างนั้นแบงก์ต้องได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวงมากที่สุด เพราะวันนี้หลักฐานปรากฏชัดแล้วว่า ราคาหุ้น และมูลค่าบริษัทของบิทคับนั้น แท้ที่จริงแล้ว ต่ำกว่าที่กลุ่มไอ้โม่งประเมินไว้อย่างน้อย 4-5 เท่าตัว คิดเป็นเงินที่ต่างไป คือ 630 บาทต่อหุ้น ทำให้เงิน 17,810 ล้านบาท ที่ SCB จะเข้าซื้อหุ้นบิทคับเมื่อปีที่แล้ว พอมาถึงวันนี้จริง เงินก้อนนั้นจะเหลือแค่ 3 พันกว่าล้านบาท เท่านั้นเอง เรียกว่า SCB จะขาดทุนไป 14,000 ล้านบาท ในเวลาไม่ถึง 1 ปี

ท่านผู้ชมครับ นี่คือความจริงที่มีหนึ่งเดียว คนที่จะตอบคำถามนี้ได้อย่างเต็มที่ที่สุดจะมีอยู่ 2 ท่าน คนหนึ่งคือ คุณท๊อป จิรายุส อีกคนหนึ่งคือ คุณอาทิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท SCBX ผมไม่มีหน้าที่ตอบ ผมมีหน้าที่เอาหลักฐานและข้อมูลมาหงายให้ดูว่าตอนนั้นมีการปั่นหุ้น ดีล SCBX ประกาศออกมาว่าจะซื้อ 17,810 ล้านบาท รู้ก่อนล่วงหน้า ก็เลยซื้อหุ้นไว้ล่วงหน้า เสร็จแล้วก็ปั่นหุ้นให้ขึ้นเป็นหกร้อยกว่าบาท ในขณะที่วันนี้ราคาที่ขึ้นไปหกร้อยกว่าบาทนั้น เหลือแค่ 50 บาท หมาที่ไหน แอบฟันเงินไปจากการปั่นหุ้นนี้ ไม่มีใครรูู้หรอกครับ อาจจะมีอะไรที่หลุดออกมาจากกลุ่มของคุณท๊อป หรือคุณอาทิตย์ ซึ่งผมไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า ผมเพียงแต่ตั้งคำถามนะครับ ท่านผู้ชมฟังข้อมูลผมวันนี้แล้ว ท่านผู้ชมสรุปเรื่องได้ด้วยตัวเองแล้วว่าปั่นหุ้นแน่นอน แล้วผมประหยัดเงินขาดทุนของ SCBX ไปได้ถึงเกือบ 14,000 ล้านบาท ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ เอาเป็นว่าคนที่เคยด่าผมเอาไว้ กลืนน้ำลายตัวเองไปก็แล้วกัน เพราะความจริงนั้นมีหนึ่งเดียวครับ

"สมยศ" คนไม่ยอมอาย ฟาดเงินเดือนสมาคมบอล+ไทยลีก เดือนละ 1 ล้าน

ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมต้องมาพูดถึงเรื่อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ยืนยันกับสื่อมวลชนว่าตัวเองไม่สนใจว่าจะอับอายแค่ไหน เพราะถ้าอับอายแค่ไหนแล้วไปสนใจ จะทำให้นอนไม่หลับ


ก่อนการประชุมระหว่างสมาคมฟุตบอลไทยลีก และสโมสรสมาชิกไทยลีก 1 เพื่อหารือการถ่ายทอดสดฤดูกาล 2023 กับ 2024 คุณสมยศ ให้สัมภาษณ์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มถึงเหตุผลที่กลับคำ กลืนน้ำลายตัวเอง ไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง เพราะได้ข้อคิดจากแฟนบอลคนหนึ่งที่ชื่อ น้าเอ๋ - ชัยรัตน์ กลุ่มไหม ที่มาให้กำลังใจ ชูป้ายข้อความหน้าสมาคมว่า ช่วยยืนยันกับแฟนบอลด้วยว่าสมาคมฟุตบอลฯ จะทำทุกทางเพื่อไม่ให้ฟุตบอลทีมชาติไทยสุ่มเสี่ยงที่จะถูกฟีฟ่าแบน งานนี้ผมฟันธงได้เลยครับว่าเป็นงานจัดฉาก คุณสมยศ ก็เลยพูดด้วยความปลื้มปริ่ม เหมือนน้ำทิพย์ชโลมหัวใจ ยอมรับเลยว่า สิ่งที่คุณทำมันกระตุกขาผมไว้ มันเป็นแรงบันดาลใจทำให้ผมต้องยั้งคิดเรื่องนี้ แม้เขายังไม่มียศหรือตำแหน่งเท่าผม แต่เขายังคิดเป็นเลย ถ้ามีตำแหน่ง มียศ แล้วยังคิดไม่เป็น ต้องอายคุณบ้าง


ท่านผู้ชมครับ พอมีแฟนบอลคนหนึ่งชูป้ายอวย คุณสมยศ ก็มีเหตุผลที่จะอยู่ปกป้องทีมชาติไทย ไม่ให้ฟีฟ่าแบนทันที ไม่อย่างนั้นคุณสมยศ จะอายแฟนบอลคนนี้หนึ่งคน ผมรู้สึกว่าคุณจะใช้คำว่า "อับอาย" บ่อยๆ ไหนๆ คุณก็บอกว่าไม่อับอายในเรื่องผลงานการบริหารงานสมาคมฟุตบอล เอาเถอะ ผมยอมคุณ เพราะผมคิดว่าประชาชนทั้งประเทศก็ยอมคุณในเรื่องความหน้าด้านนี้ คือมันด้านจนสิ้นหวังแล้ว ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปโต้เถียงอะไร ก็ปล่อยให้ด้านต่อไป แต่ผมอยากจะมาแก้ข่าวที่ผมพูดไปอาทิตย์ที่แล้ว ว่ามันผิด ผมไปบอกสัปดาห์ที่แล้วว่า คุณสมยศ นำเงินของสมาคมฯ ไปตั้งเงินเดือนตัวเองว 45,000 บาท ผมต้องขอโทษท่านผู้ชม และขอโทษคุณสมยศ ด้วย เพราะข้อมูลคลาดเคลื่อนไป ล่าสุดผมได้หลักฐานมาแล้ว ว่าจริงๆ แล้วคุณเอาเงินสมาคมฯ ไปตั้งเงินเดือนคุณ 500,000 บาท ไม่ใช่ 45,000 บาท แถมยังนำเงินบริษัท ไทยลีก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทสมาคม ไปตั้งเงินเดือนจ่ายให้ตัวเองอีก 500,000 บาท รวมเป็น 1,000,000 บาท


นายกสมาคม อุปนายก กรรมการบางคน นำเงินสมาคมฯ ไปจ่ายเงินเดือนค่าตอบแทนให้ตัวเอง ปรับขึ้นเงินเดือนค่าตอบแทนให้ตัวเองโดยไม่ผ่านมติการเห็นชอบจากสภากรรมการ ไม่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ ผิดข้อบังคับสมาคมฯ ข้อ 71


ข้อมูลที่ผมได้รับมา คุณสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ตำแหน่งนายกสมาคมฯ ระหว่างเดือนมีนาคม 2559 - ธันวาคม 2559 ได้รับเงินเดือนค่าตอบแทนจากสมาคมฯ เดือนละ 200,000 บาท ระหว่างมกราคม 2560 - ธันวาคม 2560 รับเงินเดือนค่าตอบแทนจากสมาคมฯ เดือนละ 300,000 บาท มกราคม 2561 - มิถุนายน 2561 เงินเดือนค่าตอบแทนจากสมาคมฯ เดือนละ 500,000 บาท แล้วยังรับเงินเดือนจากไทยลีก คุณสมยศ เอาเงินของบริษัท ไทยลีก ไปจ่ายเงินเดือนค่าตอบแทนให้ตัวเองและกรรมการบางคน ไม่ผ่านมติความเห็นชอบของสภากรรมการ ไม่ได้รับอนุมัติโดยที่ประชุมใหญ่ มีการจ่ายเงินเดือนค่าตอบแทน ปรับขึ้นเงินเดือนค่าตอบแทนกันหลายครั้งหลายหน ครั้งหลังสุด บริษัท ไทยลีก จำกัด จ่ายเงินเดือนค่าตอบแทนให้คุณสมยศ เดือนละ 500,000 บาท


นอกจากนั้นแล้ว คุณสมยศ ยังเอาเงินกำไรบริษัท ไทยลีก ไปจ่ายเงินโบนัสให้ตัวเอง และกรรมการบางคน และพนักงาน เมื่อเดือนธันวาคม 2560 อีกคนละ 1 เดือน เป็นการหาประโยชน์มาแบ่งปันกันเพื่อตัวคุณเองและบุคคลอื่น นอกจากเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสมาคมฯ จึงผิดข้อบังคับสมาคมฯ ข้อ 86 อีกด้วย

คุณสมยศครับ ผมพูดมาอย่างนี้คุณไม่รู้สึกหรอก เพราะคุณรู้สึกไม่อับอาย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม คุณบอกว่าถ้าคุณอับอายคุณจะนอนไม่หลับ ก็เอาเป็นว่าเรื่องนี้ผมไม่ว่าคุณ คุณจะหน้าด้านแค่ไหนก็ตาม ขอให้คุณตายไปอย่างหน้าด้านๆ ก็แล้วกัน ผมมีบทสรุปเพียงแค่นี้

"เจเน็ต เยลเลน" เยือนจีน ตบหัวแล้วลูบหลัง

ท่านผู้ชมครับ สัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างวันที่ 6-9 กรกฎาคม 2566 รัฐมนตรีคลังของสหรัฐอเมริกา นางเจเน็ต เยลเลน ได้เดินทางไปเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ไม่กี่สัปดาห์ก่อน นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ก็เพิ่งมาเยือนจีน แต่พอนายบลิงเคน เดินทางกลับจากจีนไปได้เพียงไม่กี่วัน นายโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ก็ออกมาด่านายสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ว่าเป็นเผด็จการ มาคราวนี้ นางเจเน็ต เยลเลน เลยไม่ได้พบประธานาธิบดีสี จิ้นผิง คือทางจีนไม่ต้องการให้พบแล้ว แต่พบกับนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน นายเหอ ลี่ เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน และ นายหลิว คุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง


ท่านผูู้ชมรู้ไหมว่า คนอเมริกันและชาติตะวันตกหลงตัวเองมาก ยังนึกว่าตัวเองยังอยู่ในโลกใบเดิมที่ทุกคนต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นเจ้าโลก ทำไมผมถึงพูดเช่นนี้ ? เพราะนางเจเน็ต เยลเลน พอถูกสังคมอเมริกันและสื่อขวาจัดอย่าง FOX NEWS รวมทั้งสื่ออังกฤษอย่าง Daily Mail รายงานข่าวอย่างดรามา วิจารณ์อย่างหนักว่าทำไมนางเยลเลน ต้องไปโค้งคำนับอ่อนน้อมหลายครั้งต่อจีน ทั้งๆ ที่อเมริกายิ่งใหญ่ เป็นเจ้าโลก คนอเมริกันไม่เคยยอมอ่อนน้อมต่อชาติใด ท่านผู้ชมเห็นไหมว่านี่คือสันดานของคนอเมริกัน และประเทศอเมริกา ที่ยะโสโอหัง นึกว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าทุกๆ ชาติในโลกนี้ ฉะนั้นเวลาจะทำอะไรก็ตาม ทุกชาติจะต้องก้มหัว โค้งให้เขา แต่การจะไปก้ม โค้งคำนับชาติอื่นนั้น พวกนี้บอกว่าทำไม่ได้ เขาบอกว่าสร้างความอับอายขายหน้า และแสดงความอ่อนแอของอเมริกาต่อจีน


นายแบรดลีย์ เบลกแมน (Bradley Blakeman) เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ในรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ยืนยันว่า ตามกฎแล้วเจ้าหน้าที่ระดับสูงวอชิงตัน จะไม่สามารถโค้งคำนับได้ และมิหนำซ้ำยังพูดต่อว่า ในทางปฏิบัติต่อคู่อริ คุณต้องไม่แสดงการถ่อมตนออกมา

ท่านผู้ชม คนพวกนี้มันยังอยู่ในโลกดึกดำบรรพ์อยู่นะ ไม่ยอมแหกตาดูว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกนี้ พวกนี้ลืมเหลียวมองดูสถานะปัจจุบันของตัวเอง ทุกวันนี้อเมริกากำลังถังแตก GDP ติดลบ แบมือขอทาน ขอกู้เงินชาวบ้านเหมือนขอทาน ในรูปพันธบัตรเพื่อใช้จ่าย มือเติบไปทำสงครามนอกประเทศ สร้างความฉิบหายวายวอดทั่วโลก และจีนเป็นเจ้าหนี้อันดับสองของอเมริกา ตัวเลขล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมานี้ ที่ผ่านมาจีนยังถือพันธบัตรสหรัฐฯ อยู่ 868,900 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 30 ล้านล้านบาท ซึ่งสำหรับจีนแล้วต้องถือว่าเป็นการถือพันธบัตรในระดับที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์


ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตกต่ำระหว่างอเมริกา และจีน อย่างสุดขีด กดดันให้รัฐบาลทั้งสองต้องมาดำเนินตามข้อตกลงที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ทำกันไว้ในการประชุม G 20 ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว เกี่ยวกับการพัฒนาความสัมพันธ์ร่วมกัน

ภารกิจในการเยือนประเทศจีนเป็นเวลา 4 วัน ของนางเยลเลน ซึ่งนางเยลเลน นั้นอดีตเป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ถือเป็นครั้งแรกในวัย 76 ปี ที่เป็นแม่สายบัวรอเก้อ ตั้งแต่ปี 2564 ขณะที่รัฐบาลนายโจ ไบเดน กำลังเผชิญหน้ากับรัฐบาลปักกิ่งของนายสี ทั้งในประเด็นเรื่องสงครามทางการค้า มาตรการกีดกันทางการค้าและภาษี สงครามทางเทคโนโลยี การกีดกันเรื่องชิปคอมพิวเตอร์ ประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชน ข้อพิพาทอื่นๆ ทางด้านความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นการแทรกแซงกรณีช่องแคบไต้หวัน และทะเลจีนตอนใต้ เป็นต้น ทั้งหมดนี้ส่งผลสะเทือนต่อเศรษฐกิจอเมริกาที่ตกต่ำ GDP ติดลบ หนี้สินล้นพ้นตัว ต้องขยายเพดานหนี้เพื่อไม่ให้ผิดนัดชำระหนี้ รัฐบาลนายโจ ไบเดน ต้องขออนุญาตรัฐสภาสหรัฐฯ นำเงินมาใช้หนี้ที่ทะลุเพดานไปถึง 32 ล้านล้านดอลลาร์ และขอให้เจ้าหนี้ระดับต้นๆ อย่างจีน ช่วยซื้อพันธบัตรเงินกู้ อย่าเทขายอีก จากปัจจุบันที่จีนถือครองลดลง เหลือมูลค่า 870,000 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ ต้องการให้จีนช่วยเหลือและซื้อหนี้สหรัฐฯ ต่อไป


ยิ่งกว่านั้น การมาเยือนของนางเยลเลน ครั้งนี้ยังปกป้องอุตสาหกรรมอเมริกันอย่างเข้มแข็ง แข็งขัน กับแสดงถึงความกังวลกับมาตรการการลงโทษที่เกิดขึ้นกับบริษัทสหรัฐฯ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และวิงวอนให้จีนอย่าค้าขายพลังงาน สินแร่หายากกับรัสเซีย เธออ้างว่าเป็นการฝ่าฝืนการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกฝ่ายเดียว ขอร้องไม่ให้จีนเข้ามาค้าขายกับรัสเซีย เพราะเกรงว่าจะทำให้สหรัฐฯ และชาติตะวันตกพ่ายแพ้หมดรูปในที่สุด

มันเป็นเรื่องตลกมาก ท่านผู้ชมครับ นางเยลเลน ขอแต่ในเรื่องที่ตัวเองอยากได้ แต่ไม่เคยพิจารณาว่าตัวเองได้ทำอะไรกับประเทศจีนเอาไว้บ้าง หนักหนาสาหัสสากรรจ์ ท่านผู้ชมครับ นี่คือความหน้าด้านของสหรัฐอเมริกา บทที่อยากได้อะไรก็จะยื่นคำเรียกร้อง แต่บทที่ตัวเองไปขัดขวาง กีดกั้น รังแกชาวบ้านเขาทั่้วโลก ตัวเองไม่เคยสำนึกผิดเลยแม้แต่นิดเดียว


ท่านผู้ชมครับ สถานการณ์อันตกต่ำของนายโจ ไบเดน บีบให้อเมริกาต้องส่งนางเยลเลน มาลดอุณหภูมิความตึงเครียดลง และในการพบปะกับนายกฯ จีน หลี่ เฉียง นางเยลเลน เน้นเลยว่าไม่ต้องการชิงดีชิงเด่นด้านเศรษฐกิจกับจีนแต่อย่างใด

นางเยลเลน เน้นย้ำกับนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ว่า แม้รัฐบาลวอชิงตันจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อตามเป้าหมาย เพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติในบางสถานการณ์ แต่นั่นจะไม่นำไปสู่การทำให้ความสัมพันธ์หยุดชะงัก


ท่านผู้ชมสังเกตให้ดีๆ จีนเขาก็ออกมาตรการในช่วงหลังนี้เพื่อปกป้องความมั่นคงของเขาเช่นกัน ทำแบบเดียวกับที่อเมริกาทำกับจีนเป๊ะเลย แต่อเมริกากลับมาด่าว่าจีนอีก

เยลเลน กล่าวทำนองว่า สัมพันธภาพระหว่างอเมริกา กับจีนนั้น อเมริกาไม่หวังที่จะแยกทางเดินกับจีน หรือไม่ได้ต้องการที่จะแยกทาง สลัดทิ้งไปจากจีน แต่หวังจะลดความเสี่ยง กระจายความเสี่ยงมากกว่า คือสามารถคบกันได้ภายใต้ความแตกต่างอย่างหลากหลาย "ความแตกต่างอย่างหลากหลาย" ที่นางเยลเลน พูดนั้นเป็นเรื่องโกหกพกลม เพราะความแตกต่างอย่างหลากหลายก็คือว่า การที่อเมริกาจะบอยคอต หรือจะห้ามค้าขายสินค้าสำคัญกับจีนนั้น ไม่ใช่ความแตกต่าง นี่คือการข่มขู่และการบีบบังคับไม่ให้จีนเจริญเติบโต และเป็นที่รู้กันเลย ไม่ว่าจะในอเมริกา หรือในโลกตะวันตก ว่าทุกคนต้องรวมกัน ล่าสุดการประชุมนาโตที่ประเทศลิทัวเนีย นาโตมีมติเป็นเอกฉันท์เลย ให้กล่าวประณามจีน ด่าจีนอย่างเสียๆ หายๆ ว่าจีนคือตัวการที่สร้างความวุ่นวายขึ้นมา เห็นหรือยังครับท่านผู้ชม ว่าสันดานของฝรั่งตะวันตกมันเป็นอย่างไร


ส่วนนายกรัฐมนตรีจีน นายหลี่ เฉียง ก็บอกนางเยลเลน ว่า จีนเริ่มเห็นเค้าลางความสัมพันธ์ที่อาจจะฟื้นตัว หลังจากเผชิญเวลายากลำบากก่อนหน้านี้ ทั้งสองฝ่ายต่างตั้งเป้าว่าการเยือนของเยลเลน จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกา และจีน คลี่คลายความร้อนระอุลงไปบ้าง

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อเมริกาที่มาด้วยในคณะนางเยลเลน ได้ยอมรับว่า ทั้งสองประเทศให้ความสำคัญกับการปกป้องความมั่นคงของชาติเหนือความสำคัญทางเศรษฐกิจ เขากล่าวหาว่าจีนปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เอาเปรียบ มีมาตรการลงโทษ ล่าสุดต่อบริษัทสหรัฐฯ และกีดกันการเข้าถึงตลาดจีน รวมทั้งเรียกร้องให้จีนมีความโปร่งใสมากขึ้นเกี่ยวกับกฎหมายการจารกรรมฉบับใหม่ และความคืบหน้าในการเจรจาแก้ปัญหาลูกหนี้-เจ้าหนี้ ระหว่างอเมริกา กับจีน ง่ายนิดเดียวครับท่านผู้ชม เมื่อจีนเป็นเจ้าหนี้อเมริกาจะแก้ปัญหาได้อย่างไร จะมาขอให้จีนไม่ขายพันธบัตรได้อย่างไร แล้วบังคับ ขอร้องให้จีนซื้อพันธบัตรของอเมริกาต่อไป ทั้งๆ ที่จีนก็รู้ว่ามูลค่าของดอลลาร์นั้น นับวันมีแต่จะสาละวันเตี้ยลงๆๆ


ส่วนเรื่องการที่จีนประกาศไม่ให้สินค้าบริษัท ไมครอน เข้ามาขายในประเทศจีนนั้น ก็เพราะเรื่องความมั่นคง ก็เหมือนอเมริกาห้ามไม่ให้หัวเว่ยมาทำงานในอเมริกา ส่งสินค้ามาขาย บังคับบริษัทโทรคมนาคมในอเมริกา ถ้าใช้อุปกรณ์หัวเว่ย ก็ให้ถอดทิ้งออกให้หมด ท่านผู้ชม ใช้จิตอันเป็นธรรมของเรา สติปัญญาของเรา มองดูว่าอเมริกาเป็นอันธพาลจริงๆ ตัวเองทำคนอื่น ตัวเองไม่พูดสักคำ แต่พอจีนเขาตอบโต้บ้างด้วยการที่ไม่ให้บริษัท ไมครอน ซึ่งกำลังจะล้มละลายแล้ว เนื่องจากจีนไม่ให้ส่งสินค้าทางด้านไมโครชิปเข้ามาในประเทศจีน มาโวยวายแทน เห็นหรือยังท่านผู้ชม อเมริกาลืมมองว่าตัวเองเล่นแรงกับจีน ทำนองว่ามึงแรงมา กูแรงกลับ

ตอนเยือนจีน นางเยลเลน กังวลและหารือกรณีจีนประกาศถึงมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก คือ Gallium และ Germanium Dioxide ซึ่งสองแร่นี้สำคัญมากต่อการผลิตสินค้าเทคโนโลยี ผลิตชิป ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ จอภาพโทรทัศน์ มือถือ สายเคเบิล เรดาร์ จะส่งออกต้องยื่นขอใบอนุญาตเพื่อส่งออก Gallium และ Germanium Dioxide ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ที่ข่มขู่ คุกคามคู่ค้าของจีน ที่ยังคิดซื้อขายชิ้นส่วนอุปกรณ์สำคัญๆ ให้กับการผลิตสินค้าเทคโนโลยีของจีน เช่น รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศแผนการห้ามบริษัท เอ็นวิเดีย (NVIDIA) ของอเมริกา ส่งชิปปัญญาประดิษฐ์ A800 และ H800 ไปยังจีน ขณะที่ญี่ปุ่นห้ามส่งออกอุปกรณ์ทำชิป 23 ประเภท ในวันที่ 23 กรกฎาคม และเนเธอร์แลนด์จะจำกัด บริษัท เอเอสเอ็มแอล ยักษ์ใหญ่ผลิตชิปของโลก ห้ามส่งออกวัตถุดิบและอุปกรณ์สำหรับผลิตชิปไปยังจีน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ไปตามลำดับ


ท่านผู้ชมเห็นหรือยังครับ นี่เรามองอย่างตรงไปตรงมา เราไม่เข้าข้างใคร อเมริการุกจีนตลอดเวลา จนกระทั่งจีนตอนนี้เริ่มตัดสินใจที่จะฟาดกลับแล้ว จริงๆ แล้วประเทศจีนเป็นประเทศที่มีมารยาทมาก อดทนมาตั้งนาน จนกระทั่งวันนี้จีนก็เลยต้องเผยเขี้ยวเล็บตัวเองออกมาว่ากูก็มีของทีเด็ดเหมือนกันที่มึงต้องใช้ เพราะฉะนั้นจีนก็เลยสั่งห้ามวัตถุดิบหายาก 2 ประเภท ที่ผมเอ่ยชื่อไปแล้ว ไม่ให้ส่งออก มันจะกระทบกระเทือนอุปกรณ์และอุตสาหกรรมการผลิตไมโครชิปของอเมริกาแน่นอน

ท่านผู้ชมครับ นักวิเคราะห์ชาวจีนวิเคราะห์ว่า รัฐมนตรีคลังเยลเลน ให้ความสำคัญกับความมั่นคงของชาติ หมายความว่าอเมริกาจะยังคงไม่หยุดกดดันทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีต่อจีน นักวิเคราะห์ชาวจีนยังให้สัมภาษณ์กับสื่อทางการจีนว่า สุนทรพจน์เดือนเมษายน ของรัฐมนตรีคลังเยลเลน ซึ่งจัดอันดับการรักษาผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของอเมริกาและชาติพันธมิตร เป็นแกนหลักในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจกับจีน ทำให้ไม่สามารถมองความสัมพันธ์ของสองชาติว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

การเดินทางเยือนของนางเยลเลน เกิดขึ้นหลังจากรัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคน มาเยือนจีนในรอบ 5 ปี เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา หลังเกิดกรณีกองทัพสหรัฐฯ ยิงบอลลูนของจีนตกเหนือน่านฟ้าอเมริกา

การเดินทางของทั้งคู่นี้ คือ นายแอนโทนี บลิงเคน และนางเยลเลน นั้น ถูกมองว่าเป็นการปูทางสู่ความเป็นไปได้ของการประชุมทวิภาคีระหว่าง โจ ไบเดน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก หรือ เอเปค (APEC) ซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 12-18 พฤศจิกายน 2566 ที่นครซานฟรานซิสโก


ซึ่งในความเห็นส่วนตัวของผม ผมยังไม่แน่ใจว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะไปหรือไม่ ท่ามกลางความเป็นไปของโลกที่มีแต่จะไร้เสถียรภาพยิ่งขึ้น และไม่แน่นอนยิ่งขึ้น สงครามมหาอำนาจในโลกหลายขั้วยุคนี้คงหนีไม่พ้นการเตรียมพร้อมรบ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพิ่งได้กล่าวกับทหารจีน ศูนย์บัญชาการกองทัพปลดแอกแห่งยุทธบริเวณตะวันออก ในเมืองนานกิง

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประเมินสถานการณ์โลกไว้ว่า โลกจะไร้เสถียรภาพยิ่งขึ้น ไม่แน่นอนยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นแล้ว ภายใต้ช่วงเวลาแห่งความสับสนอลหม่านและความเปลี่ยนแปลง ทหารจีนทั้งหลายจะต้องมุ่งเพิ่มศักยภาพและสมรรถภาพในการเตรียมพร้อมเพื่อให้สามารถเอาชนะทุกๆ สงครามที่จะอุบัติขึ้นในเวลาไม่ใกล้ไม่ไกลนี้ มันเป็นสัญญาณบางอย่างที่น่าสนใจ และต้องจับตาดูเป็นพิเศษนะครับ


เรื่องทั้งหมดนี้ สงครามในยูเครนวอดวาย ล่มสลาย ใกล้จบแล้ว โดยที่อเมริกาและตะวันตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่อเมริกายังคงบ้าคลั่ง หมกมุ่นที่จะเอาชนะรัสเซียคู่แข่งให้ได้ นาย Jake Sullivan ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ถึงกับกล้าประกาศแบบเสียงดังฟังชัดว่า ฝ่ายมั่นคงของอเมริกานั้นลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ที่จะส่งมอบอาวุธร้ายแรง ประเภทคลัสเตอร์บอมบ์ หรือที่เรียกว่า "ระเบิดพวง" เป็นอาวุธต้องห้ามที่ประเทศกว่า 123 ประเทศในโลกนี้ปฏิเสธที่จะนำมาใช้ จนถึงมีการร่วมลงนามในสนธิสัญญา เรียกว่า 2008 Convention on Cluster Munitionห Treaty รวมทั้งประเทศในเครือข่ายนาโตเองด้วยซ้ำ แต่อเมริกา ยูเครน รัสเซีย ไม่ได้ร่วมลงนามด้วย


เพราะฉะนั้นแล้ว ตราบใดที่อเมริกายังบ้าคลั่งกับการรักษาความเป็นเจ้าโลกอันดับหนึ่ง ด้วยยุทธศาสตร์ที่อ้างความมั่นคงปลอดภัยของโลก สกัดกั้น กำจัดคู่แข่งมหาอำนาจอย่างจีน และรัสเซีย การเยือนจีนของรัฐมนตรีคลังเจเน็ต เยลเลน น่าเสียดาย มันจะเป็นเพียงแค่ละครฉากหนึ่งของเวทีโลก ผมไม่คิดว่าประเทศจีนจะยอมซื้อพันธบัตรของอเมริกาอีกต่อไป นอกจากไม่ซื้อแล้ว ยังจะทยอยขายพันธบัตรที่ถืออยู่ประมาณ 800,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทิ้งไปเรื่อยๆ เพราะวันนี้ดอลลาร์อเมริกาเข้าขั้นสาละวันเตี้ยลงๆ เศรษฐกิจอเมริกาใกล้ล่มสลายเต็มแก่ ความขัดแย้งทางการเมืองในอเมริการุนแรงมากขึ้นๆ ประชาชนชาวอเมริกาเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสสากรรจ์ แต่ทั้งหมดนี้ถูกกำกับโดยนักการเมืองของอเมริกาที่โฆษณาชวนเชื่อ ชูว่าประเทศจีนเป็นภัยต่อความมั่นคง ทั้งๆ ที่ภัยต่อความมั่นคงที่มีต่ออเมริกานั้นมันเกิดขึ้นเพราะว่าอเมริกาทำตัวของอเมริกาเองทั้งสิ้น


มือถือสาก ปากถือศีล US ส่งระเบิดพวงให้ยูเครน

ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่จะพูดต่อไปนี้เป็นเรื่องของประเทศอย่างเช่นอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มือถือสาก ปากถือศีล ทำไมผมถึงพูดเช่นนั้น ?

เมื่อวันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม 2566 ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เป็นวาระครบ 500 วัน ของสงครามในยูเครน คำพูดปลุกขวัญที่อเมริกาและชาติพันธมิตรนาโตบอกกับยูเครนว่า ชัยชนะรออยู่ข้างหน้า จนถึงวันนี้มองอะไรไม่เห็นเลย มีแต่ความมืดครึ้ม ยิ่งนับวันยูเครนและชาติตะวันตกยิ่งแสดงออกว่ากำลังจนตรอก หลังชนกำแพง


ประเทศอเมริกาประกาศเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว วันที่ 7 กรกฎาคม ว่า จะมอบความช่วยเหลือทางทหารล็อตใหม่ให้กับยูเครน เป็นมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์ ที่สำคัญ อาวุธล็อตใหม่ที่อเมริกาจะมอบให้ยูเครนครั้งนี้ รวมถึง "ระเบิดพวง" หรือบางคนเรียกว่า "ระเบิดลูกปราย" ในภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Cluster Bombs ซึ่งเป็นอาวุธต้องห้าม


ระเบิดพวง ระเบิดลูกปราย ระเบิดลูกหว่าน เป็นระเบิดชนิดที่ภายในระเบิดลูกใหญ่ลูกหนึ่งจะมีระเบิดลูกเล็กๆ หลายร้อยลูก เมื่อทิ้งลงถูกเป้าหมาย ระเบิดขนาดเล็กที่ถูกปล่อย จะกระจายตัวออกเป็นวงกว้าง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าระเบิดพวกนี้บางส่วนไม่ได้ระเบิดทันที ระเบิดอาจจะฝังตัวอยู่ในดินเป็นสิบๆ ปี แล้วก็ไม่รู้แน่ชัดว่ากระจายตัวไปอยู่ที่ไหนบ้าง


หลังจากนั้นอีกหลายสิบปีอาจจะมีคนไปเหยียบเข้า ระเบิดที่ฝังดินอยู่จะระเบิดขึ้น ระเบิดชนิดนี้จึงเป็นอาวุธสังหารแบบไม่เลือกหน้า สร้างความสูญเสียให้กับประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่นานหลายสิบปี จนสงครามสิ้นสุดลงแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆ ที่ไปวิ่งเล่นแล้วเจอเข้า มักจะเกิดเหตุระเบิดคร่าชีวิตเด็กๆ เป็นประจำ

รูประเบิดพวง Cluster Bombs ที่ถูกทิ้งในกัมพูชาตั้งแต่สงครามอินโดจีน ทศวรรษที่ 1970 ท่านผู้ชมเชื่อไหม ปัจจุบันนี้ยังกู้ไม่หมด
ความเลวทรามต่ำช้าของประเทศอย่างอเมริกาที่ใช้ระเบิดพวง (Cluster Bombs) ไปใช้กับประเทศลาว กัมพูชา ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าที่ลาวนั้น อเมริกาทิ้งระเบิดพวงมากกว่า 270 ล้านลูก ในช่วงสงครามอินโดจีน ปี 2503-2513 สิบปี ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าจนทุกวันนี้ยังเก็บกู้ไม่หมด มีชาวบ้านคนลาวต้องเสียชีวิต พิการ บาดเจ็บ จากระเบิดที่ตกค้างอยู่เป็นประจำ

ข้อมูลที่มาจากหน่วยงานเก็บกู้ระเบิดแห่งชาติของลาว ระบุว่า ลาวเป็นประเทศที่สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดลงมามากที่สุดในโลก เมื่อเฉลี่ยต่อจำนวนประชากร มีการเก็บสถิติไว้อย่างไรรู้ไหมท่านผู้ชม นี่คือความอัปลักษณ์ ความบัดซบ ความต่ำช้า ความชั่วช้าของประเทศอเมริกาที่คนไทยหลายคนเทิดทูนราวกับเป็นบิดาของตัวเอง


ข้อมูล กองทัพอเมริกานำเครื่องบินมาทิ้งระเบิดใส่ลาวถึง 580,000 เที่ยว โดยเฉลี่ยทุกๆ 8 นาที จะมีเครื่องบินมาทิ้งระเบิด 1 เที่ยว ตลอด 24 ชั่วโมง ทิ้งอย่างนี้เป็นเวลาต่อเนื่องกันถึง 9 ปี น้ำหนักรวมของระเบิดที่ถูกทิ้งลงมาในลาวมีมากกว่า 2 ล้านตัน ประชากรที่อยู่ในช่วงสงครามนั้นมีอยู่แค่ 1 ล้านคน ระเบิดที่ทิ้งลงมาส่วนใหญ่เป็นระเบิดพวง มากกว่า 270 ล้านลูก

ท่านผู้ชมลองดูภาพจริงของระเบิดพวงที่ถูกบันทึกไว้ในช่วงสงครามอินโดจีน ว่ามันทำงานอย่างไร เวลาถูกทิ้งลงมามันแตกออกมาอย่างไร เมื่อถึงเป้าหมายแล้ว พลังในการทำลายล้างมันสูงแค่ไหน (ดูรูป)






คาดว่าปัจจุบันยังมีระเบิดพวงอีกประมาณ 80 ล้านลูก หรือ 30 เปอร์เซ็นต์ ที่ยังไม่ระเบิด และยังตกค้างอยู่ในดินแดนลาว ครอบคลุมพื้นที่กว่า 87,000 ตารางกิโลเมตร ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศลาว ? 37 เปอร์เซ็นต์ ครับ เป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมของลาว จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ในช่วงที่มีการก่อสร้างรถไฟลาว-จีน ต้องมีการจัดตั้งหน่วยกู้ระเบิดเป็นการเฉพาะ โดยระเบิดที่ยังตกค้างอยู่เหล่านี้ต้องใช้เวลาในการสำรวจและเก็บกู้อีกไม่ต่ำกว่า 24 ปี จึงจะหมด


วันจันทร์ที่ 10 มกราคม กระทรวงการต่างประเทศลาว ในฐานะประเทศที่ถูกกระทบจากระเบิดพวงมากที่สุด ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วงต่อการประกาศและความเสี่ยงที่ระเบิดพวงนำมาใช้ ทางลาวประกาศอย่างนี้ เป็นแถลงอย่างทางการ ว่า ตลอดระยะเวลามากกว่า 5 ทศวรรษ หรือ 50 ปีที่ผ่านมา ประชาชนชาวลาวได้รับเคราะห์ร้ายจากระเบิดพวงที่อันตรายร้ายแรง และมาถึงปัจจุบันประชาชนชาวลาวยังได้รับผลกระทบจากระเบิดซึ่งถูกทิ้งลงมาแต่ยังไม่ทำงาน ซึ่งเป็นภัยข่มขู่ต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนพวกเรา ฉะนั้น สปป.ลาว ขอเรียกร้องไปยังประเทศและทุกภาคส่วน จงหลีกเลี่ยงทุกการใช้ ผลิต ส่งต่อ และเก็บรักษาระเบิดพวง ตามระบุไว้ในเนื้อหาของสนธิสัญญาว่าด้วยการยกเลิกการใช้ระเบิดพวง


นอกจาก สปป.ลาว แล้ว กัมพูชาก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากระเบิดลูกปรายที่สหรัฐฯ ทิ้งไว้ ถึงแม้ว่าจะผ่านเวลาล่วงเลยมา 50 ปีแล้ว


วันที่ 9 กรกฎาคม 2566 สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ทวีตข้อความว่า ด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อประชาชนชาวยูเครน ผมขอเรียกร้องประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้จัดหาระเบิดดังกล่าว และประธานาธิบดีของยูเครน ซึ่งเป็นผู้รับมอบ อย่าใช้ระเบิดลูกปรายในสงครามครั้งนี้ เพราะเหยื่อที่แท้จริงก็คือประชาชนของคุณนั่นเอง คือชาวยูเครน ผู้นำกัมพูชาอ้างถึงประสบการณ์เจ็บปวดของกัมพูชาจากการทิ้งระเบิดลูกปรายของอเมริกา ที่ทำให้ชาวกัมพูชาหลายหมื่นคนต้องพิการหรือเสียชีวิต ใช้เวลาตั้ง 50 ปี ยังไม่มีวิธีใดที่จะทำลายมันได้ทั้งหมด


ท่านผู้ชมครับ ในช่วงต้นของสงครามยูเครน ทำเนียบขาวยังเคยออกแถลงว่า ถ้ารัสเซียใช้ระเบิดลูกปราย จะถือว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม ท่านผู้ชม อเมริกาเคยขู่ ประกาศว่าถ้ารัสเซียใช้ระเบิดลูกปรายจะถือว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม แล้วเกิดอะไรขึ้น ? คนมือถือสาก ปากถือศีล อย่างประเทศสหรัฐอเมริกาที่คนไทยบางคน บางกลุ่ม เทิดทูนเหมือนมันเป็นพ่อ กลับกลืนน้ำลายตัวเอง โดยการส่งอาวุธมฤตยูนี้ให้กับยูเครน โดยการตัดสินใจใช้อาวุธต้องห้ามเช่นนี้สะท้อนความจริงที่ว่า อเมริกา และยูเครน กำลังจนตรอก ประธานาธิบดียูเครน ประธานาธิบดีของไบเดน ถึงกับยอมรับว่ายูเครนกำลังหมดกระสุน


ท่านผู้ชมครับ มันมีความร้าวฉานในกลุ่มนาโตในเรื่องการใช้ระเบิดพวง การมอบระเบิดพวงให้นั้น ทำให้หมู่ชาติสมาชิกทั้งหลาย ทั้งอังกฤษ เยอรมนี สเปน ที่ต่างลงนามในภาคีอนุสัญญาห้ามการใช้ระเบิด ทั้งหมดนี้ เหมือนฝรั่งผิวขาวเหมือนกัน อยู่ในภาวะน้ำท่วมปาก อ้ำๆ อึ้งๆ กับพฤติกรรมของสหรัฐฯ

สหภาพยุโรป ที่ท่องอยู่เรื่อยว่าสิทธิมนุษยชนเป็นสรณะ รวมทั้งกลุ่ม NGO ต่างๆ องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ปิดปากเงียบเลยกับเรื่องนี้


ส่วนทางยูเครนนั้น รัฐมนตรีกลาโหมยูเครน นายเรซนิคอฟ มีความสุขมากที่จะเอาระเบิดนี้ไปทำร้ายประชาชนตัวเองในอนาคตข้างหน้า บอกว่ามันจะช่วยปลดปล่อยดินแดนของยูเครน รัฐมนตรีกลาโหมยูเครนบอกว่าจะใช้ระเบิดนี้เพื่อทวงคืนดินแดนของเรา คุณทวงคืนดินแดนของคุณได้ แล้วในที่สุดคนที่จะต้องโดนระเบิดนี้ได้คือใครล่ะ ? ก็คือประชาชนคนไทยนั่นเอง มันโหดเหี้ยมอำมหิตไหมท่านผู้ชม ทีมงานเซเลนสกี ตลกอัปยศ ตลกที่เป็นภัยต่อมนุษยชาติ

ท่านผู้ชมพิเคราะห์ให้ดีๆ นะครับ คำพูดของรัฐมนตรีกลาโหมยูเครน คือการใช้ระเบิดมรณะในดินแดนตัวเองที่ถูกฝ่ายรัสเซียยึดครอง เช่น แคว้นโดเนตสก์ แคว้นลูฮันสก์ หรือแคว้นไครเมีย หมายความว่าไอ้บ้านี่กำลังจะระเบิดบ้านตัวเอง ฝังระเบิดฆ่าประชาชนตัวเองไปอีกนานหลายสิบปีนั่นเอง


ท่านผู้ชมครับ ไม่เพียงแต่ชาติยุโรป และสมาชิกนาโต ที่ต้องตกเป็นลูกไล่ และเป็นเบี้ยล่างให้กับอเมริกา บังคับให้หันซ้าย หันขวา อเมริกาทำอะไรที่ผิดหลักการ ผิดคุณธรรม จริยธรรม เช่น การรับปากจะส่งระเบิดพวงให้กับยูเครน เหล่าชาติยุโรปไม่เห็นด้วย เพราะอยู่ในสมาชิกภาคีอนุสัญญาเรื่องนี้ ไม่กล้าปริปากบ่นสักแอะ นับตั้งแต่นี้ต่อไป นับตั้งแต่เกิดสงครามในยูเครน อเมริกาและชาติพันธมิตรนาโตสนับสนุนอาวุธให้ยูเครนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระสุนปืนใหญ่ 155 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นอาวุธสำคัญที่ยูเครนใช้ สหรัฐฯ ให้กับยูเครนไปแล้วมากกว่า 2 ล้านนัด

ล่าสุด แม้กระทั่งรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งห่วยแตกมากในช่วงหลัง ตั้งแต่นายคิชิดะ ซึ่งเป็นฝ่ายขวาจัด ขึ้นมา อยู่ในทวีปเอเชีย ได้รับการร้องขอทั้งยูเครน และอเมริกา ให้สนับสนุนอุปกรณ์หลายอย่าง โดยเฉพาะกระสุนปืนใหญ่ 155 มิลลิเมตร แต่เผอิญญี่ปุ่นมีกฎหมายห้ามส่งออกอาวุธ


ตั้งแต่เกิดสงครามยูเครน ญี่ปุ่นสนับสนุนเพียงแค่เสื้อเกราะกันกระสุน หมวกทหาร อุปกรณ์กันหนาว เต็นท์ กล้องส่องทางไกล อุปกรณ์ให้ความสว่าง เวชภัณฑ์ และอาหาร เท่านั้น ไม่เคยสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ยูเครน

ในช่วงเดือนมีนาคม ปีนี้ ซึ่งนายกฯ คิชิดะ ฟูมิโอะ เดินทางไปเยือนยูเครน ญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีดาวเทียมที่เรียกว่า SAR ซึ่งสามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงบนพื้นโลกได้ถึงแม้จะมีสภาพอากาศที่บดบังทัศนวิสัย ยูเครนขอที่จะใช้ดาวเทียมนี้ของญี่ปุ่น แต่สร้างความลำบากใจให้ญี่ปุ่น เพราะเกรงว่ายูเครนจะใช้ภาพถ่ายดาวเทียมญี่ปุ่นก่อให้เกิดการทำลายชีวิต ซึ่งขัดต่อแนวนโยบายป้องกันประเทศของญี่ปุ่น รัฐบาลญี่ปุ่นก็จะพิจารณาคำขอของยูเครนจริงจัง และจะประเมินตามสถานการณ์ แต่จนวันนี้ก็ยังไม่มีวี่แววจะอนุญาตให้ยูเครนได้ใช้ดาวเทียม SAR


แต่เมื่อสงครามยูเครนดุเดือดมากขึ้น และทางตะวันตก และยูเครนมีภาพชัดเจนว่าต้องแพ้แน่นอนแล้ว อเมริกาก็เลยเรียกร้องให้ญี่ปุ่นอย่างหนักข้อให้ญี่ปุ่นส่งกระสุนปืนใหญ่ให้ยูเครน ญี่ปุ่นยากจะปฏิเสธ แต่ก็หาช่องทางหลีกเลี่ยงการฝ่าฝืนแนวนโยบายการห้ามส่งออกอาวุธ โดยญี่ปุ่นจะส่งระเบิด TNT ให้กับยูเครน แทนการส่งมอบกระสุนปืนใหญ่ให้โดยตรง

ท่านผู้ชมครับ กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียเตือนญี่ปุ่นด้วยว่า ถ้าญี่ปุ่นยินยอมตามขอของอเมริกา ส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับยูเครน รัสเซียจะถือว่าญี่ปุ่นได้เข้าร่วมสงคราม และญี่ปุ่นต้องเผชิญความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างยิ่งในด้านความปลอดภัย

ไม่เพียงแต่ญี่ปุ่นที่ถูกกดดันอย่างหนัก ก่อนหน้านี้เกาหลีใต้ถูกขอให้ส่งกระสุนปืนให้ยูเครน แต่เกาหลีใต้เองก็มีนโยบายคล้ายญี่ปุ่น คือไม่จัดหาอาวุธให้ประเทศที่อยู่ในความขัดแย้ง ต่อมาอเมริกาเชิญประธานาธิบดียุน ซ็อก-ย็อล เดินทางไปอเมริกา พร้อมต้อนรับอย่างอลังการ ทำให้เกาหลีใต้ได้หาทางเลี่ยงด้วยการส่งออกกระสุนให้โปแลนด์ ท่านผู้ชมเข้าใจไหมครับ ส่งให้โปแลนด์ แล้วโปแลนด์ค่อยส่งเข้ามายูเครนอีกต่อหนึ่ง


ท่านผู้ชมครับ ประเด็นทั้งหมดนี้ การที่อเมริกาตัดสินใจส่งระเบิดลูกปราย หรือ Cluster Bombs ให้กับยูเครน แล้วกดดันให้ชาติพันธมิตรช่วยกันสนับสนุนอาวุธ แสดงให้เห็นว่านาโตกำลังจนตรอก และยูเครนแพ้แน่นอนแล้ว

สิ่งที่น่าคิดต่อไปคือ ประเทศไทย ที่อเมริการะบุชัดเจนว่าเมืองไทยนั้นเป็นสมาชิกพันธมิตรหลักนอกนาโต ตั้งแต่ปี 2546 ถ้าไทยมีรัฐบาลใหม่ที่ชูอเมริกาเป็นพ่อเหมือนรัฐบาลก้าวไกล พร้อมจะยืนข้างอเมริกา ไทยก็จะถูกอเมริกากดดันหรือไม่ ให้สนับสนุนยูเครนด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ประเทศไทยอาจจะตกที่นั่งเหมือนกับญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่ถูกลากให้เข้าไปอยู่ในสงคราม ซึ่งตอนนี้ขยายวงออกไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ยูเครน รัสเซีย นาโต แต่เพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว กัมพูชา ก็ได้ออกมาแสดงท่าทีแล้ว โชคดีที่เขายังไม่ได้รื้อฟื้นด้วยว่าระเบิดพวง หรือ Cluster Bombs ส่วนใหญ่ที่ฆ่าอดีตคนลาว และคนกัมพูชาเป็นเบือ และทุกวันนี้ยังฝังอยู่ในประเทศ สปป.ลาว และกัมพูชา ส่วนใหญ่จะถูกทิ้งมาจากเครื่องบินสหรัฐอเมริกา ที่บินมาจากฐานทัพประเทศไทย ท่านผู้ชมครับ ประเทศไทยมีส่วนร่วมในการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติมาแล้ว โดยเป็นเครื่องมือ เป็นพรมเช็ดเท้าให้กับอเมริกาในยุคสงครามในเวียดนาม แล้วถ้าประเทศไทยต้องติดร่างแหสงคราม ผลกระทบอาจจะเหมือน Cluster Bombs ที่ฝังอยู่เป็นระเบิดมรณะที่เก็บกู้ไม่หมด ยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษเข้าไปแล้ว

ท่านผู้ชมครับ วันนี้ก็มีเพียงแค่นี้ มีอยู่ 2-3 เรื่องที่ผมค้างท่านผู้ชมอยู่ เรื่องแรกก็คือว่า หลักฐานที่สำคัญที่สุดที่ไม่เคยมีใครมีมาก่อนในเรื่องการยึดอำนาจ 2475 ที่วันนี้ หลักฐานนี้พิสูจน์ชัดเจนว่าคณะราษฎร คือ คณะโจร ที่แท้จริง และเป็นหลักฐานเดียวที่ไม่มีใครมี แต่ทีมงานเรามี อีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องต่อจากเหตุการณ์เรื่องน้ำมันปาล์มอินโดนีเซีย ทำเสร็จหมดแล้ว แต่รอจังหวะที่จะลง และมีอีกหลายเรื่องที่กำลังเรียงคิวอยู่ตอนนี้ มีแต่เรื่องใหญ่ๆ ทั้งนั้น ในช่วงนี้ท่านผู้ชมต้องอดทนหน่อยครับ เรื่องการเมืองจะถี่นิดหนึ่ง ผมเชื่อว่าอีก 2-3 อาทิตย์ การเมืองก็ยังไม่จบ เพราะฉะนั้นก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ก็แล้วกัน สวัสดีครับ

กำลังโหลดความคิดเห็น