xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : “พิธา” ประกาศจะน้อมนำพระราชดำรัสฯ มาใช้ - ฝรั่งเศสต้นแบบ 3 นิ้ว กำลังลุกเป็นไฟ - เปิดแบงก์เพิ่ม จะช่วยลดดอกเบี้ย? - สัญญาณเตือนจากปักกิ่ง เรื่อง “จีนเทา”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 7 ก.ค.2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ ได้แก่
- สัญญาณเตือนจากปักกิ่ง เรื่อง “จีนเทา”
- เปิดแบงก์เพิ่ม จะช่วยลดดอกเบี้ย?
- "อานันท์ - ส.ศิวรักษ์ - ม็อบ 3 นิ้ว" พวกเดียวกัน?
- “พิธา” ประกาศจะน้อมนำพระราชดำรัสฯ มาใช้
- "พิธา" โหนวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติ
- “สมยศ” เผาบ้านตัวเอง สมาคมฟุตบอล
- ฝรั่งเศสต้นแบบ 3 นิ้ว กำลังลุกเป็นไฟ

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.196



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 197 [7 ก.ค. 66]

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK

แอปพลิเคชัน : SONDHI APP

ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.

ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ

YouTube : Sondhitalk

เว็บไซต์: www.sondhitalk.com

Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 และยินดีต้อนรับแฟนๆ ที่รับชมสดทาง Sondhi App, Facebook, YouTube และ TikTok วันนี้มีอะไรหลายอย่างที่ผมอยากจะคุยด้วยในตอนต้นรายการนี้ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับท่านผู้ชมหมด แต่ก่อนอื่น ท่านผู้ชม ถ้ามีเวลาว่าง เสาร์-อาทิตย์นี้ ไปที่ไบเทค บางนา มีการจัดงานแสดงรถยนต์ใหญ่ประจำปี พลาดไม่ได้ งานนี้เป็นงานแสดงรถยนต์แบรนด์ชั้นนำที่ได้รับความนิยมมาครบถ้วน ทุกเจ้า อีซูซุ โตโยต้า ฮอนด้า มิตซูบิชิ มาสด้า เอ็มจี ซูบารุ และวอลโว่ จุดเด่นของงานนี้คือรถยนต์ใช้แล้ว หรือรถมือสอง ในงานรถมือสอง งาน FAST AUTO SHOW THAILAND ของคุณพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ เป็นงานที่คุณพัฒนเดช เลือกเต็นท์รถมาตรฐานมาออกงานด้วยตัวเอง รถที่ขายในงานนี้การันตี 5 เรื่องใหญ่ ไม่มีไฟไหม้ ไม่จมน้ำ ไม่ตัดต่อ ไม่ชนหนัก และ จดทะเบียนถูกต้อง หากพบว่ารถยนต์ใช้แล้วที่ซื้อไปไม่เป็นไปตาม 5 ข้อดังกล่าว คนขายรับประกันซื้อคืน 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งหมดนี้คือคำรับประกัน สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า

ที่สำคัญ ในงานปีนี้มีการจัดงาน EV EXPO แสดงนวัตกรรมรถยนต์ ขยายพื้นที่เป็น 20,000 ตารางเมตร มี MOTORING X ในเครือผู้จัดการ ร่วมเป็นพันธมิตรเข้าร่วมจัดงาน ซึ่งโซนใหม่นี้มีรถยนต์ไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ อย่าง Mercedes Benz EQ BYD มาจัดแสดงพร้อมกับรถยนต์ไฟฟ้าอีกหลายหลากแบบ มาให้ทดลองขับกันด้วย


ไฮไลต์โซนนี้คือจัดให้มีพื้นที่ในการร่วมเปิดประสบการณ์ทดสอบสมรรถนะรถยนต์โดยผู้เชี่ยวชาญ ท่านจะได้สัมผัสนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ต่างๆ อย่างมากมายในบริเวณฮอลล์ และไม่ต้องกังวลเลยว่าทดลองแล้วต้องซื้อรถเขา เพราะเป็นโซนที่จัดขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อให้ความรู้และเปิดประสบการณ์ ก็ต้องขอเชิญชวนจริงๆ อย่าพลาดเลย ท่านผู้ชม เชิญไปชม เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่ ได้ที่งาน FAST AUTO SHOW THAILAND และ EV EXPO 2023 ในวันพุธที่ 5 ถึงวันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม ที่ไบเทค บางนา

ท่านผู้ชมครับ อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ ผมอยากจะพูดเรื่อง "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" อีกครั้งหนึ่ง แล้วก็มีข้อมูลใหม่เข้ามา เผื่อท่านผู้ชมที่ต้องการจะซื้อไปรับประทานเอง หรือให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีอายุมาก ผมกำลังจะพูดถึง "ใบสะเดา" ใน ยาลม ๓๐๐ จำพวก คือ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" นั้นมี "ใบสะเดา" อยู่ด้วย


"ใบสะเดา" มีสรรพคุณมากกว่าที่คิด "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ท่านผู้ชมรู้ไหม ตัวอย่างของตำรับยาแผนไทยของชาติ อาจารย์ปานเทพ เอาไปขึ้นทะเบียน อย. ทำให้เป็นยาที่มีคุณภาพมาตรฐาน สะอาด ปลอดภัยแล้ว ยังมีสรรพคุณในการขับลมในทางเดินอาหารและขับลมในเส้น "ลม" ในร่างกายเรานี่สำคัญมากนะท่านผู้ชม ถ้าเราไม่ทานยาเพื่อขับลมออก เราจะมีปัญหาในร่างกายมาก ยาลมฯ นี้ขับถ่ายพิษในระบบทางเดินอาหาร ระบายเสมหะ บำรุงธาตุ บำรุงน้ำดี ดับพิษโลหิต มิหนำซ้ำยังช่วยย่อยอาหารจากไขมันด้วย

สมุนไพรใน "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ของอาจารย์ปานเทพ นั้น ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามีกี่ชนิด ? 21 ชนิด โดยเครื่องยาหลักที่มีน้ำหนักยามากที่สุด มากถึง 24 เปอร์เซ็นต์ ก็คือ "ใบสะเดา" คุณภาพดี 24 เปอร์เซ็นต์ เป็นส่วนผสมของยาลมฯ


"ใบสะเดา" คืออะไร ? ท่านผู้ชมหลายคน แม้กระทั่งผมยังไม่รู้เลย "ใบสะเดา" ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์สรรพคุณเภสัช ในตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ สมัยรัชกาลที่ 5 ระบุความตอนหนึ่งเรื่อง "ใบสะเดา" ท่านผู้ชมตั้งใจฟังให้ดีๆ "สะเดา นั้น มีรสอันขมฝาดเย็น ใบสะเดากระทำให้ระมัดระวังในท้อง บำรุงเพลิงธาตุ ทำให้อาหารงวด"

ท่านผู้ชมครับ มีนักวิจัยในห้องปฏิบัติการทางแพทย์จากประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้เคยทบทวนและรวบรวมสรรพคุณ "สะเดา" จากการวิจัยเอาไว้ในวารสารทางการแพทย์เสริม และการแพทย์ทางเลือก ชื่อ Hindawi ซึ่งได้ตีพิมพ์เอาไว้เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2559 (7 ปีที่แล้ว) เขาสรุปสรรพคุณของสะเดา งานวิจัยหลายประการ เช่น ใบสะเดา รักษาโรคเบาหวาน แก้ไขมาลาเรีย ต้านแบคทีเรียและเชื้อไวรัส ต้านการอักเสบ ปกป้องการทำงานของตับ ต้านความเป็นพิษต่อไต สมานแผล จัดความสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็ง โดยเฉพาะความสามารถในการต้านมะเร็งนั้น ได้มีงานวิจัยอธิบายถึงกลไกในระดับยีน ที่ช่วยทำให้การยับยั้งการทำงานของมะเร็ง เพิ่มการทำงานของยีนที่จะช่วยยับยั้งมะเร็ง เพิ่มกระบวนการทำให้เซลล์มะเร็งฝ่อ ตายลง หยุดยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ของเซลล์มะเร็งด้วย

นอกจากนั้นแล้ว ผลการรวบรวมการทดสอบทางคลินิกในมนุษย์ ยังได้พบสรรคุณในสารสกัดใน "สะเดา" และอีกหลายชนิดที่มีสรรพคุณน่าสนใจ อะไรบ้างล่ะ ? ช่วยลดภาวะกรดในกระเพาะอาหาร รักษาแผลเยื่อบุลำไส้เล็ก รักษาแผลในหลอดอาหาร และในกระเพาะอาหาร รักษาสะเก็ดเงิน

ท่านผู้ชมครับ ผมไม่ประหลาดใจว่าทำไมคนโบราณถึงกำหนดให้ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ซึ่งมีใบสะเดาเป็นยาหลัก ถูกกำหนดเอาไว้ในตำรายาแผนไทยของชาติให้เป็นยาอายุวัฒนะ และมีสรรพคุณหลากหลาย ในวันนี้ ท่านผู้ชมครับ เตือนความจำนิดหนึ่ง ผม 76 ปี ทาน "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" มาสามปีกว่าแล้ว ไม่หยุดเลยแม้แต่วันเดียว วันละซอง ตอนบ่าย ผมพูดตรงๆ นะครับ โรคภัยไข้เจ็บผมไม่มี ลมผมก็น้อย ผมไม่ได้อ้วนขึ้น อาจจะเป็นเพราะผมทานอาหารแค่สองมื้อ แต่ประเด็นก็คือว่าผมมีความสุขกับการหายใจ อายุผม 76 ปี ผมไม่เคยทำบายพาสเลยแม้แต่เส้นเดียว หัวใจผมยังแข็งแรง น้ำตาลอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ไม่เป็นเบาหวาน ความดันปกติ ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่า ตัวบนผม 120 ตัวล่างผม 80 เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้แล้ว

ท่านผู้ชมสามารถจะสั่งซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ได้ที่ไลน์ (LINE) @sunherb ถ้าจะเข้าไปชมสินค้าทั้งหมดก็เข้าไปทางเว็บไซต์ www.sunherbth.com หรือติดต่อเข้าไปในแพลตฟอร์มของ Shopee, Lazada เสิร์ชคำว่า "ร้านสมุนไพรบ้านพระอาทิตย์" เราจำหน่ายเป็นกล่องๆ ละ 30 ซอง ท่านผู้ชม เราไม่ได้ขายเป็นซอง หรือนำมาแบ่งขายนะครับ ท่านผู้ชมต้องซื้อไปเป็นกล่อง หนึ่งกล่องทานได้หนึ่งเดือน เชื่อผมครับ มีผลที่เห็นได้ชัดเจน ทำให้สภาพร่างกายเราเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ

ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่เราจะเข้าไปสู่ว่าอาทิตย์นี้มีอะไร ผมอยากจะคุยถึงเรื่องคนใกล้ตัวผมหน่อย คืออาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เป็นเรื่องใหม่ครับท่านผู้ชม เป็นเรื่องใหม่ และผมคิดว่าสิ่งที่อาจารย์ปานเทพ จะไปทำนั้น จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมมาก ก็เลยอยากเอามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง


ท่านผู้ชมรู้ไหม หนึ่งในสิ่งที่ผมเชื่อด้วยความเชื่อมาตลอดว่า "บูรพาจะไม่แพ้" คือภูมิปัญญาตะวันออกในทุกมิติ รวมทั้งสุขภาพด้วย ภาษาจีนกลางเขาเรียกว่า "ตงฟางปุ๊ป้าย" (ตงฟาง คือ บูรพา ปุ๊ป้าย คือ ไม่แพ้) แล้ววันนี้ก็พิสูจน์ชัดแล้วว่าโลกทั้งโลก จุดที่สำคัญที่สุดก็คือตะวันออก เอเชียแปซิฟิก ไม่ใช่ยุโรปอีกต่อไป ทั้งหมดนี้ผสมผสานกันเข้ากับภูมิปัญญาของตะวันออก สี่ปีที่ผ่านมา ท่านผู้ชมรู้ไหม เกิดโรคระบาด ผมกับอาจารย์ปานเทพ รณรงค์ให้คนไทยใช้สมุนไพรเพื่อพึ่งพาตัวเอง และต่อสู้กับการปกปิดข้อมูลของกลุ่มบริษัททุนยาข้ามชาติ

ท่านผู้ชมครับ คนที่ต่อสู้ เข็นกระแสการพึ่งพาตัวเองและภูมิปัญญาตะวันออกนั้น ทำความเข้าใจก่อนนะครับท่านผู้ชม ไม่ได้มีแค่ผมและอาจารย์ปานเทพ เท่านั้น ยังมีอีกคนหนึ่งที่เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ คือ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยรังสิต ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ เป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ เห็นประโยชน์ของธรรมชาติบำบัด โภชนาการบำบัด อาจารย์ปานเทพ ซึ่งเป็นสื่อมวลชนค่ายผู้จัดการ เป็นผู้รณรงค์สิ่งเหล่านี้ นำเสนองานวิจัยมาหลายปี ตอนนั้นเลยแต่งตั้งอาจารย์ปานเทพ เป็นคณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย ตั้งแต่ปี 2560 นี่ก็หกปีแล้ว


ดร.อาทิตย์ เกษียณเมื่อปีที่แล้ว อายุ 84 ปี ถึงท่านจะได้รับการแต่งตั้งเป็นอธิการบดีกิตติคุณ แต่ท่านไม่ได้เข้ามาบริหารแล้ว ท่านให้ลูกชายขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดีแทน ชื่อ ดร.อรรถวิท อุไรรัตน์

ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2566 ประมาณปลายเดือนที่แล้ว ดร.อรรถวิท อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต คนปัจจุบัน ตัดสินใจเพิ่มหน้าที่และบทบาทให้อาจารย์ปานเทพ เป็นอะไรรู้ไหมท่านผู้ชม ? ผมฟังแล้วผมยังตกใจเลย งานนี้งานใหญ่ระดับช้าง ให้อาจารย์ปานเทพ เป็นคณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต คนล่าสุด


ท่านผู้ชมครับ "แพทย์แผนตะวันออก" มันคลุมทั้งแพทย์ไทย แพทย์จีน และแพทย์ประเทศอื่น ซึ่งหลักๆ ก็คืออินเดียนั่นเอง ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา แล้วให้อาจารย์ปานเทพ ดูแลทั้งหลักสูตรการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนจีน และ การแพทย์แผนตะวันออก ซึ่งก็มีอินเดียเป็นหลัก และมีอีกหลายๆ ประเทศ แม้กระทั่งเขมร หรือเวียดนาม ถ้ามีการแพทย์แผนโบราณของประเทศนั้น มีประโยชน์ต่อมนุษยชาติก็จะเอาเข้ามาบรรจุ

ผมได้รู้จักอาจารย์ปานเทพ มา 18 ปี เพราะมีอุดมการณ์และความเสียสละร่วมกัน ผมรู้ว่าอาจารย์ปานเทพ เป็นคนที่มีความรู้รอบด้าน มีปัญญาและมีความรู้ลึก และเป็นผู้ที่มีความละเอียดมาก มิหนำซ้ำยังเป็นคนที่อธิบายเหตุการณ์ได้ดี ให้มีความเข้าใจได้ดี ถ้าใครได้ไปเรียน เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ปานเทพ ในวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ยุคนี้ จะได้เป็นผู้ที่มีความรู้ลึก รู้จริง และเป็นผู้ที่มีความก้าวหน้าในอาชีพการงานอย่างแน่นอน แล้วส่วนตัวผมพร้อมที่จะสนับสนุนวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต ด้วย

ก่อนที่วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก จะถูกพัฒนามีชื่อเสียงยิ่งไปกว่านี้ภายใต้การบริหารของอาจารย์ปานเทพ ผมได้ขอให้อาจารย์ปานเทพ ช่วยประสานขยายเวลาลงสมัครเรียนเพิ่มเติมในช่วงฤดูร้อนนี้ ถึงสิ้นกรกฎาคมนี้ เหลือเดือนนี้เดือนสุดท้าย ชักชวนลูกหลาน ทุกท่านที่สนใจ มาสมัครหลักสูตรวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต เขามีให้เลือกอย่างนี้ครับ 1. หลักสูตรแพทย์แผนจีน ท่านเรียนที่ ม.รังสิต 3 ปีครึ่ง เสร็จแล้วไปต่อที่มหาวิทยาลัยนานกิง ของจีน อีก 2 ปีครึ่ง จบมาได้ 2 ปริญญาบัตร ทั้งของ ม.รังสิต และมหาวิทยาลัยนานกิง ซึ่งท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามหาวิทยาลัยนานกิง นั้น ติดอันดับแพทย์แผนจีนที่ดีที่สุดในประเทศจีน 1 ใน 3 เลย

2. หลักสูตรแพทย์แผนไทย เรียน 4 ปี จบมาเป็นแพทย์แผนไทยบัณฑิต สอบใบประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ซึ่งเรียนที่นี่ จะเป็นการเรียนรู้ที่รอบรู้จริง ปฏิบัติจริง และมีความสามารถจริง ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้การแพทย์แผนไทยนั้นได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในหลักสูตรนี้นอกจากมีอาจารย์ปานเทพ แล้ว ยังมีอาจารย์เก่งๆ ระดับทายาทสกุล "หมอหลวง" เป็นผู้บริหารหลักสูตรการแพทย์แผนไทย อีกด้วย


3. หลักสูตรการแพทย์แผนตะวันออก เป็นหลักสูตรที่ออกแบบให้มีสิทธิ์สอบใบประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย โดยจะมีความรู้ทางแพทย์แผนตะวันออกด้วย หลักสูตรนี้เลยจะเน้นไปในทางการสร้างผลิตภัณฑ์สมุนไพร ท่านผู้ชมรู้ไหม ตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรเติบโตตลอดเวลา มีมูลค่าเป็นแสนล้านบาท และต่อไปจะหลายแสนล้านบาท และสมุนไพรที่เป็นยานั้น ในต่างประเทศกำลังได้รับความนิยมอย่างสูง นิยมมากกว่ายาฝรั่งที่บริษัทฝรั่งพยายามเอามาผลักดันให้เราใช้กัน

หลักสูตรสุดท้าย ผมว่าน่าสนใจมากๆ ท่านผู้ชมอาจจะสนใจมาก ท่านผู้ชมที่ฟังผมพูด ไม่ว่าอายุเท่าไร จบการศึกษาอะไร ท่านผู้ชมสามารถลงเรียนเป็นแพทย์แผนไทยได้ เรียกว่า "หลักสูตรแพทย์แผนไทยประเภท ก." หลักสูตรนี้เป็นอย่างไร ? เขาเรียนเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ เรียนแค่ 3 ปี เรียนจบแล้วสามารถสอบใบประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยได้ สามารถเปิดคลินิกปรุงยาเฉพาะราย หรือปรุงตำรับกัญชาให้ผู้ป่วยได้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งข่าวดีไปกว่านี้ด้วยว่า หลักสูตรที่ ม.รังสิต จัดขึ้นนี้ ได้จัดการเรียนการสอนที่ได้คุณภาพ ตามสถิติผู้เรียนส่วนใหญ่ เกือบทั้งหมดสามารถสอบผ่าน ได้รับใบประกอบวิชาชีพด้วย ซึ่งต่างจากค่าเฉลี่ยการเรียนโรงเรียนแพทย์แผนไทยที่อื่น

ท่านผู้ชมครับ สนใจ ติดต่อ เข้าที่เว็บไซต์ วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ โทรศัพท์ 089-770-5862 หรือไลน์ (LINE) ก็ใช้เบอร์โทรศัพท์เดียวกัน

ท่านผู้ชมครับ ก่อนจะจบเรื่องนี้ ผมมีข้อแนะนำนิดหนึ่ง เป็นความเห็นส่วนตัวของผม พวกเรามีลูกมีหลาน เราเคยชินกับการให้ลูก ลูกอยากเรียนบริหารธุรกิจ ลูกอยากจะเรียนธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ลูกอยากจะเรียนวิศวะ โน่นนี่นั่น ลูกอยากเรียนการตลาด ท่านผู้ชมครับ ตามผมมานิดหนึ่ง ถ้าผมมีลูก ซึ่งตอนนี้อายุมากเกินไปแล้ว ลูกชายผมจะ 50 แล้ว แล้วกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ผมกล้าตัดสินใจ ผมจะให้เขาไปเรียนแพทย์แผนไทย ทำไมผมต้องให้เขาไปเรียนแพทย์แผนไทย ? มันเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้เราเข้าสู่ความเข้าใจของสมุนไพรต่างๆ แล้วเมืองไทยเป็นเมืองที่มีสมุนไพรเยอะมาก และยังมีสมุนไพรอีกหลายประเภทที่สามารถจะเอามาใช้ นอกจากจะสามารถเป็นคนที่รักษาแพทย์แผนไทยโบราณด้วยวิธีการใช้สมุนไพรแล้ว กัญชาก็เป็นส่วนสำคัญหนึ่งที่สามารถรักษาโรคร้าย อย่างเช่นมะเร็ง ให้หายได้ จะได้รับการเรียนรู้วิธีใช้

ที่สำคัญเลย ถ้าจะทำธุรกิจด้วยตัวเอง ก็สามารถที่จะผลิตยาสมุนไพรที่ตัวเองมีพื้นฐานจากการเรียนแพทย์แผนไทย แล้วไปศึกษา ท่านผู้ชมอย่าไปประมาท สมุนไพรไทยไม่ใช่ทำเฉพาะรักษาอย่างเดียว สมุนไพรไทยเอามาบำรุงสุขภาพ เอามาเสริมสวย ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่าหลายคนเขาสามารถจะร่ำรวยได้จากการทำยาสระผมสมุนไพร ถ้าท่านเรียนแพทย์แผนไทยแล้ว ท่านจะสามารถเลือกสมุนไพรหลายอย่าง แล้วมาผลิตเป็นยาสระผม ยาทำให้ผมหายหงอก หลายๆ อย่าง อันนี้เป็นธุรกิจส่วนตัวนะท่านผู้ชมครับ ทำให้ดีๆ อยู่ได้เลย ท่านผู้ชมไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างเขา เชื่อผมสิครับท่านผู้ชม นี่คือความเห็นส่วนตัวของผม เพราะลูกหลานเรา พอจบบริหารธุรกิจ จบการท่องเที่ยวการโรงแรม แล้วยังไงล่ะ ? จบการท่องเที่ยวการโรงแรมแล้วไปทำงานอะไร ? ไปเป็นบ๋อยเสิร์ฟอาหารอยู่ในห้องอาหารเขา ทำงานเก่ง อีกสิบปีค่อยได้เป็นผู้จัดการห้องอาหาร แค่นั้นเอง เป็นลูกจ้างเขาตลอดชีวิต เสียเวลา อดทนนิด เรียนให้จบแพทย์แผนไทย ซึ่ง ม.รังสิต เขามีแล้วไงครับ สามปีจบ เรียนเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ ทำงานกลางวันได้ แล้วค่อยไปเรียนเสาร์-อาทิตย์ แล้วก็มีศาสตร์นี้เอาไว้ มันอยู่กับเราไปตลอดชีวิต แล้วพัฒนาศาสตร์นี้ไป วัตถุดิบมีอยู่แล้วทั่้วประเทศไทย แล้วสามารถจะเข้าไปสู่วัตถุดิบ สมุนไพรทางประเทศจีน ประเทศอินเดียได้ ไปศึกษาว่าทางอินเดียเขาใช้อย่างไร จีนใช้อย่างไร เอามาประยุกต์กับของไทย สร้างนวัตกรรมใหม่ขึ้นมาทางด้านยาสมุนไพร ท่านผู้ชมเริ่มเห็นหรือยัง ท่านผู้ชมอย่าลืมนะ วันนี้ ฟทจ. ฟ้าทะลายโจรของเรา คือเสาหลักของการรักษาโรคไวรัส ไม่ใช่ฟาวิพิราเวียร์ ไปถามได้หมดเลย ถ้า ฟทจ. มีอย่างนี้แล้ว ยังมีอีกเยอะแยะไปหมด เหมือนอย่างที่ผมพูดถึงเรื่อง "ใบสะเดา" เหมือนอย่างที่ผมพูดถึงเรื่อง "ขิง"

ท่านผู้ชมครับ วันนี้นอกเรื่องไปหน่อย แต่เป็นการนอกเรื่องที่มีประโยชน์ รายการวันนี้เรามีอะไรบ้าง


รายการที่หนึ่ง ผมกำลังจะพูดถึงสัญญาณเตือนจากปักกิ่ง ประเทศจีนให้สถานทูตจีนในประเทศไทยเตือนคนไทย ใครปั่น "จีนเทา" แล้วมันจะทำลายสายสัมพันธ์ของสองชาติ

เรื่องที่สอง จริงหรือเปล่า ? เรื่องที่คุณศิริกัญญา บอกว่าเปิดแบงก์เพิ่มจะช่วยลดดอกเบี้ย

เรื่องที่สาม ผมฝากถึงคุณอานันท์ ปันยารชุน คุณสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ถึงภาพงานเลี้ยงที่แพร่สะพัดตามโซเชียลฯ กับคำถามว่า พวกคุณคือกองหนุนอาวุโสม็อบสามนิ้วใช่ไหม แล้วผมมาเปรียบเทียบคนอย่างอานันท์ ปันยารชุน สุลักษณ์ ศิวรักษ์ กับคนอย่าง "พี่ลอง" พล.ต.จำลอง ศรีเมือง

เรื่องที่สี่ คุณพิธา ประกาศจะน้อมรับนำพระราชดำรัสมาใช้ เป็นที่ฮือฮากันมากในหมู่สามนิ้ว และหมู่ม็อบต่างๆ ถึงขนาดสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ถึงกับผรุสวาทออกมาว่า "พ่อง"

เรื่องที่ห้า ดรามา คุณพิธา ไปโหนทีมวอลเลย์บอลหญิง การเมืองยุ่งกีฬา หรือว่ากีฬามายุ่งการเมือง

เรื่องที่หก คือ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลฯ กำลังเผาบ้านตัวเองอย่างจงใจ

เรื่องที่เจ็ด โดมิโนสงครามยูเครนทำให้ฝรั่งเศสลุกเป็นไฟ เพลิงลามชาติยุโรป ให้จับตาดูว่านาโตจะแตกหรือไม่ เชิญท่านผู้ชมติดตามได้ครับ

สัญญาณเตือนจากปักกิ่ง เรื่อง "จีนเทา"

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมคงจะเคยชินกับสุภาษิตไทยโบราณที่เขียนว่า "เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง" ใช่ไหม ท่านผู้ชมหลายท่านอาจจะไม่เข้าใจความหมาย นัยของ "เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง" ก็คือว่า เราอาจจะเกลียดใครก็ตาม แต่ทั้งๆ ที่เกลียด เราก็อยากได้ผลประโยชน์จากเขา


เผอิญในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นในวันสำคัญ ครบรอบ 48 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม ท่านเอกอัครราชทูตประเทศจีนประจำประเทศไทย นายหาน จื้อ เฉียง ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทยในโอกาสครบรอบ 48 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตของจีน และไทย ในวันที่ 1 กรกฎาคม

ตอนหนึ่งท่านได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวในประเด็นปัญหาเรื่อง "ทุนจีนสีเทา" คือมีคนถามท่านเรื่องทุนจีนสีเทาว่ามีความเห็นอย่างไร ท่านทูตหาน พูดอย่างชัดเจนว่า "จีนกำหนดให้พลเมืองและบริษัทจีนในต่างประเทศปฏิบัติตามกฎหมายและขนบธรรมเนียมของประเทศปลายทางอย่างเคร่งครัด ให้ประกอบธุรกิจที่ถูกกฎหมาย และตอบแทนสังคมอย่างจริงจัง และพวกเขาก็ทำเช่นนั้นจริง มีบริษัทจีนในไทยจำนวนมากกระตือรือร้นกับการทำกิจการเพื่อสาธารณะประโยชน์พร้อมๆ กับการพัฒนาธุรกิจของพวกเขา ซึ่งความพยายามและคุณประโยชน์ที่พวกเขาได้ทำเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่นนั้นเป็นที่ประจักษ์"


ท่านทูตจีนพูดต่อว่า "มีชาวจีนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนจากกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การพนันออนไลน์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นต้น" ซึ่งในประเด็นนี้ท่านทูตจีนพูดชัดเจนว่า "ฝ่ายจีนสนับสนุนให้ฝ่ายไทยดำเนินการปราบปรามกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอย่างเต็มที่ และในความเป็นจริง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของจีนและไทยได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดในการปราบปรามแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติอยู่แล้ว และได้ประสบผลสำเร็จอย่างมาก" (เพียงแต่ไม่มีการรายงานข่าวออกมาเท่านั้นเอง)

"สิ่งที่ผมต้องการเน้นย้ำคือ ชาวจีนที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมายและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมในประเทศไทยนั้นมีจำนวนน้อยมาก เราควรแยกแยะคนเหล่านี้ออกจากพลเมืองจีนและบริษัทจีนในประเทศไทยบางกลุ่มที่มีเจตนาซ่อนเร้น ใช้เครือข่ายการสื่อสารเพื่อทำลายภาพพจน์ของประเทศจีน สร้างความขัดแย้ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างจีนกับไทย ซึ่งเราต้องระมัดระวังอย่างมาก"

ท่านผู้ชมครับ ประเด็นเรื่องทุนจีน ก่อนหน้านี้ผมได้เคยเตือนนักการเมือง นักวิชาการ เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชนไทยจำนวนหนึ่ง เหมือนที่ท่านทูตหาน จื้อ เฉียง ส่งสัญญาณ ณ วันนี้ ว่า เรื่องทุนจีนสีเทาในประเทศไทยนั้นเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องจัดการ แต่ไม่ได้จัดการด้วยการเชื่อมโยงเรื่องราวทุนจีนสีเทาไปเกี่ยวข้องกับเรื่องรัฐบาล หรือภาครัฐของจีนที่กรุงปักกิ่ง เพราะการเจริญเติบโต ขยาย สยายปีกอย่างกว้างขวางของทุนจีนสีเทาในเมืองไทย จนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนไทยนั้น เกิดขึ้นเพราะว่านักการเมือง เจ้าหน้าที่ นักธุรกิจ และประชาชนคนไทยเองที่ปล่อยปละละเลย หรือถึงขั้นสมคบคิดกับทุนจีนสีเทา ให้สามารถเข้ามากระทำความผิดกฎหมายต่างๆ ในประเทศได้

ท่านผู้ชมครับ นักการเมืองบางคนเห็นแก่ประโยชน์ ตำรวจ ข้าราชการ เห็นแก่ส่วย มีตำรวจหลายคนตอนนี้ยิ่งใหญ่มาก อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลย ลึกๆ แล้วก็คือคนที่สนิทสนมกับทุนจีนสีเทา นายตู้ห่าว เพราะฉะนั้นแล้ว นักธุรกิจไทยต่างๆ ก็เห็นแก่เงิน รายได้ ผลประโยชน์ จึงปล่อยให้เขาเข้ามากระทำผิดกฎหมายไทยหลายๆ อย่างได้ ซึ่งหลายเรื่องผมเคยเปิดโปง เล่าให้ท่านผู้ชมฟังถึงรายละเอียดไปแล้ว ผมเอาให้ดูนะครับ ผมพูดเรื่องนี้ใน "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 162 ตอน "ทุนจีนสีเทายึดไทย ฟอกเงิน-ค้ายา บิ๊กการเมือง-ตำรวจ รู้เห็นเป็นใจ ?!!" ออกอากาศเมื่อ 4 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ ผมก็ออกอีก ตอนที่ 164 "ทุนจีนสีเทา โยงนักการเมือง" ออกอากาศวันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ต่อจากนั้นก็ยังมีรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 169 ตอน "บิ๊ก ปปง. เอื้อทุนสีเทา" ออกอากาศเมื่อ 23 ธันวาคม 2565


ท่านผู้ชมครับ สองเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม ผมออกอากาศ 3 ตอนเต็มๆ เรื่องทุนจีนสีเทา ที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยอย่างไร เกี่ยวข้องกับข้าราชการการเมืองอย่างไร เกี่ยวข้องกับตำรวจ อดีตตำรวจ และตำรวจปัจจุบันที่บางคนเป็นใหญ่เป็นโตอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างไรบ้าง และมิหนำซ้ำแล้ว วันที่ 25 พฤศจิกายน ตอนที่ 165 ผมก็พูดเรื่อง "ทุนจีนสีเทาผูกขาดทุเรียนไทย" ออกอากาศเมื่อวันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2565

ท่านผู้ชมครับ พฤศจิกายน-ธันวาคม 2565 ผมพูดเรื่องนี้ 4 ครั้ง คนที่ไม่มีปัญญา หรือต้องการจะแดกดันผม ว่าทำไมเรื่องทุนจีนสีเทาไม่พูดบ้าง คนพวกนี้เป็นคนที่น่าสงสาร เพราะว่าด้อยปัญญา สติปัญญามีระดับที่สิ้นหวังที่จะกอบกู้ได้ ก็ผมพูดมาตั้ง 4 ครั้ง พวกคุณไม่เคยดูเลยแม้แต่นิดเดียว คุณนึกจะออกความเห็นแบบโง่ๆ แล้วโง่บัดซบ ใช้ปัญญาต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาพูดกล่าวหาผม

ประเด็นอยู่ที่ไหนครับ ? การทำผิดกฎหมายเหล่านี้ของคนจีนที่สมคบกับคนไทย สถานทูต และรัฐบาลกลางที่ปักกิ่ง เขาไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยเลย หลายคนเป็นอาชญากร เป็นทุนจีนสีเทา หลายคนต้องคดี หลบหนีออกมาจากแผ่นดินใหญ่มาซุกตัวอยู่ในเมืองไทย มาทำมาหากิน มามีเมียเป็นคนไทย ซึ่งทุกวันนี้ทางจีนยังตามจับกุมอยู่นะครับ ด้วยเหตุนี้ ท่านทูตจีนประจำประเทศไทยย้ำว่า ฝ่ายจีนสนับสนุนทางการไทยให้จัดการคนทำผิดกฎหมายและอาชญากรรมข้ามชาติได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจรัฐบาล เพราะว่าจีนเองมีนโยบายจะปราบปรามพวกนี้อยู่แล้ว และท่านยังเตือนว่า ระวังกลุ่มที่มีเจตนาซ่อนเร้น ใช้เรื่องทุนจีนสีเทาเพื่อทำลายความสัมพันธ์ของจีน-ไทย

อย่างที่ผมกล่าวไปแล้ว คือ การกล่าวถึงปัญหาทุนจีนสีเทานั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ไม่ผิด แต่ควรทำให้เข้มข้น ขุดค้นปัญหาให้ถึงต้นตอ เพราะมันเชื่อมโยงใกล้ชิดเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ภาครัฐของบ้านเรา หลักๆ แล้วก็คือตำรวจนั่นเองล่ะ เชื่อมโยงไปจนถึงนักการเมือง

ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี
ท่านผู้ชมครับ อย่างไรก็ตาม เราก็คงต้องแยกแยะว่าเรื่องใดเป็นเรื่องภายในประเทศ เรื่องใดเป็นประเด็นที่จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แม้กระทั่งอาจารย์ ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี จากคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็ยังแสดงสติปัญญาอันต่ำเตี้ยเรี่ยดิน พยายามเชื่อมโยง ตีขลุมว่าปัญหาทุนจีนสีเทา อาชญากรรมข้ามชาติในไทยนั้น มีรัฐบาลจีนอยู่เบื้องหลัง ผมเสียดายตำแหน่งที่ชื่อ "อาจารย์มหาวิทยาลัย" ขอประทานโทษครับ ยังด้อยปัญญามากถึงขนาดนี้ ผมสงสารเด็กที่ไปเรียนกับอาจารย์ พูดอย่างนี้ได้อย่างไร อาจารย์ไม่เข้าใจอะไรเลยหรือ แม้แต่นิดเดียว หรือพูดเพียงเพราะว่าโยงไปโยงมาแล้วมันง่ายต่ออาจารย์ในการไปกล่าวหาคนอื่นเขา

เรื่องทุนจีนสีเทาหลายเรื่องถูกปั่นกระแส ละเลยข้อเท็จจริงไปมาก ยกตัวอย่าง "คนจีนจะมายึดประเทศไทย" (นี่คือข้อกล่าวหา) กว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์ คนไทยจะไม่มีที่อยู่ คนที่มีปัญญาหน่อยฟังแล้วก็ยังงงว่าคนพูด พูดอย่างนี้ออกมาได้อย่าง "คนจีนทำธุรกิจแข่งกับคนไทย" อ้าว! แล้วเวลาคนไทยไปทำธุรกิจที่เมืองจีน หรือทำธุรกิจที่เวียดนาม คนเวียดนามไม่ต้องมาโวยวายหรือว่าคนไทยไปทำธุรกิจแข่งกับคนเวียดนาม การทำธุรกิจนั้น ถ้าเขาทำถูกต้องตามกฎหมาย เขาได้สิทธิในการทำธุรกิจ อยู่ในกฎระเบียบ/กฎหมายของไทย ใครๆ ก็ทำได้ อย่าว่าแต่คนจีนเลย ฝรั่งก็ทำ อียูก็ทำ อเมริกาก็ทำ ญี่ปุ่นก็ทำ เกาหลีใต้ก็ทำ แต่เนื่องจากว่าตำหนิคนจีนมันตำหนิง่าย ก็เลยบอกว่าคนจีนทำธุรกิจแข่งกับคนไทย" คุณตลกหรือเปล่า แสดงว่าถ้าไม่มีคนจีนทำธุรกิจแข่งกับคนไทยแล้ว ในประเทศไทยไม่มีต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจแข่งกับคนไทยแล้วเหรอ

ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่า ผมยกตัวอย่างให้ฟัง ในประเทศไทยนี่ร้านอาหารญี่ปุ่นเยอะแยะไปหมดเลย แล้วมีจำนวนไม่น้อยเลยที่เจ้าของร้านเป็นคนญี่ปุ่น ทำไมไม่ว่าบ้างล่ะ คนญี่ปุ่นทำธุรกิจแข่งกับคนไทย ร้านค้า ร้านอาหารคนจีนในย่านห้วยขวาง เขาใช้แอปพลิเคชันสั่งอาหารของเขาเองเลยนะ เป็นภาษาจีนทั้งหมด มีไรเดอร์เป็นของตัวเองด้วยนะ เงินรายได้หมุนเวียนอยู่ในหมู่คนจีน "ไม่เปิดโอกาสให้คนไทยได้ประโยชน์เลย" (นี่คือข้อกล่าวหา) ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ยกตัวอย่าง ปัญหาการยึดครองอสังหาริมทรัพย์ บ้าน ที่ดิน คอนโดฯ กฎหมายไทยกำหนดไว้ว่า ชาวต่างชาติจะซื้อได้เฉพาะคอนโดมิเนียม และชาวต่างชาติที่จะซื้อต้องมีสิทธิพำนักในประเทศไทยเท่านั้น เช่น ต้องมีวีซ่าทำงาน วีซ่าครอบครัว หรือวีซ่าเกษียณอายุ นอกจากนี้ ยังกำหนดไว้ว่า ในโครงการหนึ่งจะขายให้ชาวต่างชาติได้ไม่เกิน 49 เปอร์เซ็นต์ ของเนื้อที่ทั้งหมดในโครงการ

ท่านผู้ชมครับ ทุกวันนี้เรามีคอนโดมิเนียมทั้งประเทศมีชาวต่างชาติครอบครองเพียง 7 เปอร์เซ็นต์ ยกเว้นในบางจังหวัดที่เป็นที่นิยมของคนต่างชาติ เช่น ชลบุรี ระยอง ชาวต่างชาติซื้อคอนโดมิเนียมเต็มเพดานแล้วที่ 49 เปอร์เซ็นต์

ส่วนเรื่องธุรกิจคนต่างชาติ กฎหมายไทยเข้มงวดกว่าหลายประเทศ มีการกำหนดสัดส่วนในการลงทุนถือหุ้น 49 เปอร์เซ็นต์ เป็นของคนต่างชาติ 51 เปอร์เซ็นต์ เป็นของคนไทย มาตรการเช่นนี้ทำให้ชาวต่างชาติบางส่วนเขาหาช่องทาง หานอมินี เพราะคนที่ลงเงินลงทุน 100 เปอร์เซ็นต์ ใครบ้างจะถือแค่ 49 เปอร์เซ็นต์ เรื่องชุมชนจีนในย่านห้วยขวาง ที่กลายเป็นไชน่าทาวน์ 2 ถูกขยายผล ก็เป็นความจริง เพราะคนจีนรุ่นใหม่เหล่านี้ไม่ได้หวังจะมาลงทุนปักหลักฐานในประเทศไทยเหมือนคนรุ่นเยาวราช การสร้างระบบธุรกิจของตัวเอง ใช้แอปพลิเคชันของตัวเอง ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกตรงไหน เพราะลูกค้าของเขาเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นคนจีน ใช้ภาษาจีน แล้วคนไทยที่ใช้ Facebook, Twitter, LINE หรือ Grab แอปพลิเคชันเหล่านั้นก็ไม่ใช่ของคนไทย เพียงแต่เป็นเวอร์ชันภาษาไทยเท่านั้น

นักวิชาการบางคนยังโยงว่าเบื้องหลังทุนจีนสีเทาคือรัฐบาลจีน โยงว่าเกี่ยวข้องกับความริเริ่ม "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" หรือ BRI ของจีน คนที่คิดแบบนี้ โง่บัดซบจริงๆ ผมถามคุณอย่างนะว่า รัฐบาลประเทศไหนบ้างที่ใช้อาชญากรเพื่อขยายอิทธิพลของประเทศตัวเอง ไม่มีหรอกครับ อย่างที่ผมกล่าวไป การมีอยู่ของทุนจีนสีเทานั้นเป็นเรื่องจริง แต่เรื่องที่จริงยิ่งกว่าคือ ธุรกิจสีเทาจะเกิดขึ้นและคงอยู่ไม่ได้เลยถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั่วๆ ที่ปัจจุบันนี้ก็ยังมีตำแหน่งสูงส่งอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เคยรู้เห็นเป็นใจกับกลุ่มต่างชาติสีเทา มีมานานแล้วในประเทศไทย มาเฟียรัสเซียก็มีมานานแล้วในพัทยา และภูเก็ต ยากูซ่าของญี่ปุ่นที่หลบหนีคดีมากบดานที่เมืองไทย กลุ่มยาเสพติดไต้หวันที่ใช้ไทยเป็นฐานผสมยาเสพติด

ผมได้ให้ทีมข่าวของผมไปเจาะลึกเรื่องนี้ พบว่า สาเหตุที่ทุนจีนสีเทาแพร่หลายในประเทศไทยอย่างหนักในช่วงหนึ่งหรือสองปีมานี้ โดยเฉพาะช่วงหลังวิกฤตโควิด เป็นเพราะว่า หนึ่ง ทางการจีนร่วมกับทางการกัมพูชา กวาดล้างกลุ่มจีนสีเทา และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเขมร ทำให้จีนสีเทาหลบหนีมายังประเทศไทย แล้วจะหลบหนีเข้ามาได้อย่างไร ถ้าตำรวจและข้าราชการไม่ช่วยให้หลบหนีเข้ามา ท่านผู้ชมเข้าใจหรือยัง


ข้อที่สอง เหตุการณ์ไม่สงบหลังรัฐประหารในพม่า ทำให้จีนสีเทาที่อยู่พม่าต้องย้ายฐานมาที่ประเทศไทย ข้อที่สาม ทางการจีนเพิ่มมาตรการควบคุมหลายเรื่อง เช่น ควบคุมเทคโนโลยีธุรกรรมการเงินผ่าน FinTech ข้อมูลที่้เข้าข่ายความลับของชาติภายในประเทศ ทำให้ชาวจีนบางส่วนหนีออกจากประเทศตัวเองไปต่างแดนที่มีมาตรการควบคุมไม่เข้มงวดเท่าไรนั

ข้อที่สี่ มาตรการกีดกัน คว่ำบาตร แยกขั้ว ของชาติตะวันตกทำให้ธุรกิจของจีนในชาติตะวันตกเผชิญความยากลำบาก ก็เลยต้องหนีออกมา ข้อห้า ทางการไทยให้คนจีนสามารถทำ Visa on Arrival ได้ง่ายๆ ทำให้คนจีนหลั่งไหลมาประเทศไทยมากเป็นพิเศษ ข้อที่หก ประเทศไทยอยู่ไม่ไกลจากประเทศจีน เดินทางสะดวก ราคาอสังหาริมทรัพย์ถูกกว่าในจีนมาก ครอบครองได้ตลอดชีวิต ส่งต่อเป็นมรดกได้ การตั้งธุรกิจในไทยนั้นก็ไม่ยุ่งยาก


ข้อที่เจ็ด คนจีนรู้ว่าเจ้าหน้าที่ไทยซื้อได้ ท่านผู้ชมจำคำพูดนี้ "ซื้อได้" ขณะเดียวกัน ก็มีขบวนการ "จีนหลอกจีน" มากมายในปรเะเทศไทย จะเห็นได้ว่าผู้เสียหายและเหยื่อในคดีต่างๆ ที่ในกลุ่มจีนสีเทาเกี่ยวข้อง ล้วนแต่เป็นคนจีนด้วยกันทั้งสิ้น ที่สำคัญ เจ้าหน้าที่ของจีนและสื่อมวลชนจีน ผู้สื่อข่าวของผมได้ไปพูดคุย ต่างแสดงความกังวลว่าการปราบปรามทุนจีนสีเทาจะถูกปลุกปั่นจนเป็นการต่อต้านชาวจีน และประเทศจีน

มันมีประเด็นสำคัญที่เรื่องนี้กำลังจะกลายเป็นเรื่องที่ลุกลาม กลายเป็นปมปัญหาทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะอะไร ? เพราะในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้ปั่นกระแสทุนจีนสีเทาเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง พูดได้อย่างคะนองปาก คะนองปากมาก ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จีนเทามี 4 ทางเลือก คือ 1. มีจีนเตอ คือ เจอตีน 2. จีนแตก คือ แจกตีน 3. จีนตูบ คือ จูบตีน และ 4. จีนเตี๊ยะ คือ เจี๊ยะตีน


คุณวิโรจน์ เป็นคนที่ต่ำต้อยมาก ชอบโวยวาย สร้างเรื่องที่ไม่มีพื้นฐานความเป็้นจริงขึ้นมา หรือมีความเป็นจริงแต่ว่าเอาไปปั่นกระแสเพื่อให้ตัวเองโด่งดัง คุณวิโรจน์ โพสต์ข้อความหาเสียงว่า "อุปทานหมู่ กลัวอเมริกาจะแทรกแซง แต่ 9 ปี ดันปล่อยให้จีนเทามาแทรกซึม" ยังพูดต่อด้วยว่า "เรื่องทาสอเมริกา เป็นเรื่องแต่งมอมเมา เรื่องมาเฟียจีนสีเทา นี่สิ! เป็นเรื่องจริง" "ลืมตากี่ที ประเทศไทยก็ยังเป็นของเรา แต่พอรับสายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รู้สึกว่าประเทศนี้เป็นของจีนสีเทาทันที"


ท่านผู้ชมครับ นายวิโรจน์ พยายามปั่นกระแสโยงเรื่องจีนเทาเข้ากับการขยายอิทธิพลของสหรัฐฯ ทั้งๆ ที่เรื่องจีนเทาเป็นคดีอาชญากรรม เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แต่นโยบายอินโด-แปซิฟิก ของอเมริกา เป็นสิ่งที่ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสรับรอง พรรคก้าวไกลก็เขียนไว้ในนโยบายหาเสียงของพรรคว่า จะเป็นพันธมิตรกับอเมริกา ทั้งในด้านความมั่นคง และเพิ่มทรัพยากรสำหรับการซ้อมรบคอบร้าโกลด์ ในทางด้านเศรษฐกิจ กรอบความมั่นคง เศรษฐกิจ อินโด-แปซิฟิก นอกจากนั้นแล้ว ในที่ชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก ก็ยังมีเยาวชนสวมชุดนักเรียนถือป้ายข้อความ "Anti One China" เรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ชุมนุมในฮ่องกง มีธงเอกราชฮ่องกง ไต้หวัน ทิเบต ซินเจียง มีการชุมนุมเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้วัคซีนจากจีน โดยที่ ส.ส. พรรคก้าวไกล ใช้สิทธิประกันตัวให้กับผู้ชุมนุมที่ถูกดำเนินคดี ท่านผู้ชมครับ นี่ล่ะคือเรื่องจริง ไม่ใช่อุปทานหมู่เหมือนอย่างที่คุณวิโรจน์ พูด


ประเด็นที่สำคัญ นอกจากคุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร แล้ว ยังมีคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อีกคนหนึ่ง ที่เน้นนักเรื่องทุนจีนสีเทา พูดเกินความจริงไป และสร้างความเสียหายให้กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจีน และประเทศไทย


ท่านผู้ชมครับ ประเด็นที่มีความสำคัญในเรื่องนี้ ในการสัมภาษณ์สื่อไทยครบรอบ 48 ปี ครั้งนี้ ทูตจีนทิ้งท้ายด้วยข้อมูลความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ด้วยว่า ปี 2566 ปริมาณการค้าทวิภาคีระหว่างจีน และไทย จะสูงถึง 135,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.72 ล้านล้านบาท ท่านผู้ชมครับ 4.72 ล้านล้านบาท คือปริมาณการค้าระหว่างไทยกับจีน ยังสูงกว่างบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลไทยอยู่ที่ 3,185,000 ล้านล้านบาท เสียอีก

ข้อที่สอง จีนเป็นผู้ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยติดต่อกัน 10 ปี ข้อที่สาม จีนเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของไทย ปีที่แล้ว 2565 ปริมาณการค้า รวมสินค้าเกษตร ระหว่างไทยกับจีน อยู่ที่ 13,100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 460,000 ล้านบาท เป็นการส่งออกของไทยไปจีนถึง 10,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อมาในไตรมาสแรกของปีนี้ (2566) มีการส่งสินค้าการเกษตรไทยไปจีน มีมูลค่าสูงถึง 22,500 ล้านเหรียญ ราวๆ 786,000 ล้านบาท

ท่านทูตพูดว่า ปี 2565 การลงทุนโดยตรงของประเทศจีนในไทยสูงถึง 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 77,000 ล้านบาท จีนเป็นแหล่งเงินทุนต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย


นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลที่ท่านทูตไม่ได้กล่าวถึง จากสถิติในช่วงวันที่ 1 มกราคม - 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา ครึ่งปีแรกไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 514,237 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวจีนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นที่สุด และกลับมาแซงนักท่องเที่ยวมาเลเซีย เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาติอันดับหนึ่งที่มาประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว

ท่านผู้ชมครับ คุณวิโรจน์ครับ คุณชูวิทย์ครับ อาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ครับ พวกคุณปั่นกระแสทุนจีนสีเทาเพื่อหวังผลทางการเมือง แต่มันไม่ได้ทำให้ธุรกิจสีเทาหมดไปได้ เพราะพวกคุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าคนที่หนุนหลังทุนจีนสีเทาจริงๆ ก็คือนักการเมือง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ คุณวิโรจน์ คุณไปถามพรรคพวกคุณ พรรคก้าวไกลสิ สนิทกับตำรวจคนไหนมากที่สุด คนนั้นล่ะคือหนึ่งในตัวการของการหนุนทุนจีนสีเทา ไม่ต้องให้ผมเอ่ยชื่อนะครับ แต่ผมรู้อยู่แล้ว ผมมีข้อมูลอีกเยอะ แต่ผมไม่อยากพูดตอนนี้

เพราะฉะนั้นแล้ว คนพวกนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ หากินกับกลุ่มทุนจีนสีเทาทั้งไทยและเทศมาแต่ไหนแต่ไร คุณยิ่งปั่น ยิ่งโยงเข้าเรื่องภูมิรัฐศาสตร์และการเมืองระหว่างประเทศ คุณจะทำให้ปัญหาระหว่างไทยกับจีนซับซ้อนมากขึ้น อาจจะนำไปสู่ความบาดหมางของประเทศทั้งสองประเทศ เพิ่มเติมเข้าไปอีกนิดหนึ่ง ยิ่งคุณกำลังไปเลือกพรรคก้าวไกลเลือกอเมริกาเป็นคู่ค้าในความมั่นคง ก็คือเลือกอเมริกา ไม่เลือกจีน จะยืนข้างอเมริกาทุกอย่าง อเมริกาจะปิดล้อมจีน ไทยเอาด้วย มันต้องเกิดความบาดหมางแน่นอน อย่างที่ผมเคยพูดให้ฟังกรณีคุณศิริกัญญา ตันสกุล หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล ในช่วงที่หาเสียงออกมาพูดแบบโง่ๆ ว่าสาเหตุที่เศรษฐกิจไทยโตช้าก็เพราะว่าผูกกับเศรษฐกิจจีนมากจนเกินไป


ผมได้เตือนคุณศิริกัญญา ไปแล้วว่าเป็นคนชลบุรี คุณไปถามพ่อค้าแม่ขาย ชาวสวนผลไม้ มังคุด มะม่วง ทุเรียน ร้านอาหาร ธุรกิจบริการ รถทัวร์ ไกด์นำเที่ยว คนขายของที่ระลึกในภาคตะวันออก หรือคนภูเก็ตที่เลือกพรรคก้าวไกลทั้งเกาะ ว่าถ้าคุณไม่พึ่งจีนแล้วคุณจะพึ่งใคร ? ถ้าไม่พึ่งจีน ก็ขอใช้คำพูดคุณวิโรจน์หน่อย ก็คือ ก็ต้องพึ่งจีนเตี๊ยะ คนไทยต้องพึ่งจีนเตี๊ยะแล้ว ไม่มีรายได้เข้ามา คุณจะส่งทุเรียนไปขายอังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา ดีไหม

การที่คนพรรคก้าวไกล และสาวก คอนด้อมส้ม พยายามจะวาดภาพทุนจีนสีเทา เอาไปผูกกับรัฐบาลจีน และทางการจีน ผมขอเตือนนะครับ ว่าอย่าทำ เมื่อพินาศฉิบหายขึ้นมาแล้ว คุณคิดว่าจีนเขาไม่รู้สึกเหรอ ถ้าเขาบอกว่าคุณไม่ต้อนรับเขา ถ้าอย่างงั้นเขาก็พูดง่ายๆ บอกว่าประเทศจีน นักท่องเที่ยวจีน อย่ามาไทยเลย ไปมาเลเซีย ไปสิงคโปร์ ไปเวียดนาม ไปเขมรดีกว่า ที่คุณกะว่าจะได้เงินล้านล้านบาทจากนักท่องเที่ยวจีน ถ้าคุณไม่ได้เลย ได้ประมาณแค่สี่หมื่นล้าน ที่หายไปนั้น คุณวิโรจน์ คุณชูวิทย์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คุณศิริกัญญา คุณรับผิดชอบได้ไหม ? แล้วยังไม่นับการลงทุนโดยตรงกับประเทศไทยอีก ถ้าเขาไม่มา แล้วถ้าวันดีคืนดีเขาบอกว่า เฮ้ย ทุเรียนไทยตอนนี้ต้องตรวจสอบโรคอย่างละเอียด ทำให้การนำเข้าผลไม้ไทยฉิบหายกันอีก ทางภาคตะวันออกครับ คุณจะว่าอย่างไร คุณไม่ต้องไปว่าอย่างไร คุณต้องไปถามคุณวิโรจน์ คุณชูวิทย์ อาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และบรรดานักวิชาการที่ชอบปั่นเรื่องทุนจีนสีเทา ว่าที่คุณด่าพวกทุนจีน ตอนนี้เขาไม่มาแล้ว ส่งผลไม้เข้าประเทศเขาก็ลำบาก รายได้ตกหมด พวกคุณไหนๆ ก็ ... ถึงขนาดนี้แล้ว พวกคุณ 4 คน ลงขันมาหน่อยได้ไหม ช่วยพวกชาวสวนกันหน่อย หรือช่วยนักท่องเที่ยว คนที่ทำมาค้าขายกับการท่องเที่ยว ขายของที่ระลึก ร้านอาหาร รถทัวร์ คุณไปช่วยเขาหน่อยได้ไหม อย่าทำนะครับเรื่องนี้ ผมเตือนก่อน อย่าทำ อย่าทะลึ่งอีก อย่าทะลึ่งอีก ไม่ว่าจะเป็นคุณวิโรจน์ หรือคุณชูวิทย์ หรือใครก็ตาม ที่จะโยงทุนจีนสีเทาไปถึงรัฐบาลจีน อย่าได้ทำเป็นอันขาด เพราะว่าในที่สุดแล้ว ผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือพวกเราคนไทย และเศรษฐกิจไทยในภาพรวม และที่สำคัญที่สุดคือข้อเท็จจริงที่ผมอธิบายเรื่องทุนจีนสีเทา ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร จำใส่กะโหลกเอาไว้ เพราะว่าความจริงมีหนึ่งเดียว อยู่ที่นี่ ที่พวกคุณพูดอยู่มันคือความเท็จ จอมปลอม พูดหาเรื่องใส่ตัว หาแสงเข้าตัว แต่ประเทศไทยฉิบหายอย่างไรพวกคุณไม่สนใจหรอก

เปิดแบงก์เพิ่ม จะช่วยลดดอกเบี้ย ?

ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมจะพูดครั้งนี้ เป็นเรื่องของคุณศิริกัญญา ซึ่งผมไม่อยากจะพูดถึงเลย จริงๆ แล้วคุณศิริกัญญา ไม่แสดงออกอะไรจะดีที่สุด คุณควรจะแสดงออกเมื่อคุณได้นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้ว คุณจะได้โดนกระสุนปืนใหญ่เข้าไปเต็มๆ แต่คุณมาแสดงออกตอนนี้มันสะท้อนให้เห็นวุฒิภาวะและสติปัญญาของคนที่เขาหวังว่าคุณจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำประเทศไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตทางการเงินและการค้าไปได้


สัปดาห์ที่แล้ว คุณศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล ซึ่งถูกวางตัวว่าเป็นรัฐมนตรีฯ คลัง เธอเคยออกความเห็นหลายอย่างซึ่งถูกวิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ก่อนหน้านั้นเธอเคยตกเป็นเป้า วิพากษ์วิจารณ์รุมถล่มจากบรรดานักลงทุนรายใหญ่ รายย่อย นักธุรกิจ และประชาชนทั่วไป หลังจากไปออกรายการ ให้สัมภาษณ์กับเพจ "ลงทุนแมน" เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2566 ดูจากความคิด วิสัยทัศน์ของเธอแล้ว ยังไม่เหมาะจะเป็นรัฐมนตรีฯ คลัง เหมาะอย่างมากก็เป็นที่ปรึกษาเท่านั้น


เรากลับมาถึงคลิปล่าสุดของคุณศิริกัญญา มาจาก TikTok บัญชี next move on ก้าวต่อไป เผยแพร่เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2566 ประมาณสี่เดือนที่แล้ว ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง คุณศิริกัญญา เสนอแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการคิดหลักการง่ายๆ ตามหลักการตลาดที่โบร้าณ โบราณ คือ คุณศิริกัญญา อยากให้เพิ่มจำนวนธนาคารให้ถึง 20 ธนาคาร เพื่อให้เกิดการแข่งขันกันลดดอกเบี้ยเงินกู้ เธอบอกว่า ที่ผ่านมาเขาจะเปิดใบอนุญาตธนาคารใหม่ เรียกว่า Virtual Bank ก็คือธนาคารออนไลน์ ก็ว่า ดี คือมีธนาคารเพิ่ม เราก็มีตัวเลือกเนาะ แล้วเขาก็ต้องแข่งขันกันลดดอกเบี้ยให้เราได้กู้ด้วย ปรากฏว่าให้ใบอนุญาตเพิ่มมา 3 ใบ แบบนี้ไม่ได้ค่ะ เพิ่ม 3 ใบ ก็ยังไม่ครบ 20 แบงก์อยู่ ก็ถ้าคุณคิดว่าจำนวนแบงก์ยิ่งมากดี คุณก็เปิดเป็นร้อยแบงก์เลยไม่ดีกว่าเหรอ หลักการแบบต่ำเตี้ยเรี่ยดินนี้ ปัญญาแบบนี้ ผมรับไม่ได้

เธอพูดต่อ ดังนั้น ตอนนี้มันมีคนรู้ว่ามันมีดีมานด์ มีคนอยากกู้อยู่ ไม่อย่างนั้นไม่มีแอปฯ เงินกู้มากมายเต็มไปหมดหรอก แต่ว่าแบงก์ชาตินี่ก็หวงเหลือเกิน กว่าจะให้ใบอนุญาตเปิดธนาคารเพิ่ม ไม่ยอมนะคะ


ท่านผู้ชมครับ แปลจากคำพูดของคุณศิริกัญญา ก็คือว่า การแก้ปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบ ปัญหาหนี้สินประชาชนนั้น ต้องแก้ไขด้วยการเพิ่มการแข่งขันในวงการธนาคาร ด้วยการเพิ่มจำนวนธนาคารพาณิชย์ให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารออนไลน์ โดยจะทำให้สามารถกู้เงินได้โดยไม่ต้องไปพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ ซึ่งตอนนี้ที่ฮิตที่สุดคือพวกแอปฯ เงินกู้ต่างๆ

ประเด็นครับ ท่านผู้ชม และคุณศิริกัญญา ครับ หลังจากคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มีคนชี้แจงข้อเท็จจริงว่า หลายเรื่องที่คุณศิริกัญญา ให้ข้อมูลนั้น ผิด คือ หนึ่ง จำนวนธนาคารพาณิชย์ที่้จดทะเบียนในประเทศไทย นับเฉพาะที่ได้รับการคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก มีทั้งหมด 17 แห่ง ธนาคารัฐอีก 6 แห่ง ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงก์ชาติ กำหนดให้มี Virtual Banking อีก 3 ใบอนุญาต เนื่องจากเป็นช่วงทดลองขั้นต้น ดังนั้นในภาพรวมแล้วมีธนาคาร 26 แห่ง มากกว่าที่คุณศิริกัญญา บอกว่าธนาคารในประเทศไทยมีน้อยกว่า 20 แห่ง เมื่อรวมใบอนุญาต Virtual Banking แล้ว


ถามต่อว่าจำนวนธนาคารพาณิชย์ของไทยปัจจุบันที่มีอยู่ มีน้อยหรือมีมาก ? เรื่องนี้ผมคิดว่าไม่สามารถจะกระโดดออกมากล่าวหาแบบตีขลุมไปเลยว่าประเทศไทยมีธนาคารน้อยแห่ง ไม่มีการแข่งขันภาคธนาคาร จึงนำไปสู่การเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค เพราะเราต้องเอาปัจจัยพื้นฐานด้านเศรษฐกิจ และประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ เข้ามาพิจารณาประกอบด้วย

ผมจะเตือนสติคุณศิริกัญญา นะครับ คุณอายุยังน้อย 20-30 ปีที่ผ่านมา คุณจบเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ระดับปริญญาตรี-โท คุณน่าจะเรียนรู้เรื่องวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 หรือยี่สิบหกปีที่แล้ว ผมไม่รู้ ปีนี้คุณก็น่าจะสี่สิบต้นๆ ยี่สิบหกปีที่แล้วคุณน่าจะอยู่ปี 2 หรือปี 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิกฤตเศรษฐกิจในช่วงต้มยำกุ้งนั้น กระทบภาคการเงินไทยหนักหนาที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เวลานั้นสถาบันการเงิน ทั้งบริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ จำนวน 58 แห่ง ถูกสั่งระงับดำเนินกิจการ ส่งผลกระทบมาเป็นลูกโซ่ วิกฤตต้มยำกุ้ง ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ของไทยที่คุณเห็นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นแบงก์กรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ต้องขายหุ้นให้ต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิงคโปร์ ถึงทุกวันนี้ โดยเฉลี่ยผู้ถือหุ้นระดับต้นๆ ในธนาคารพาณิชย์ไทยยังเป็นต่างชาติอยู่ เพียงแต่เขาปล่อยให้คนไทยบริหาร แล้วเขาเก็บกำไรจากผลกำไรไป


เรื่องพวกนี้มันไม่ใช่เรื่องใหม่ คุณศิริกัญญา มันเป็นมานานแล้ว มันเป็นมานานแล้ว เพราะที่เราเจอวิกฤตต้มยำกุ้งนั้น เป็นเพราะสองเรื่อง เรื่องแรก คือ คุณธารินทร์ นิมมานเหมินท์ เปิดเสรีธนาคารในการกู้เงินต่างประเทศ BIBF ง่ายจนเกินไป โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะติดตามมา ก็คือว่าถ้าคุณเป็นลูกค้าธนาคารกรุงเทพ คุณสามารถจะกู้เงินจากเมืองนอกได้ ดอกเบี้ยเงินกู้ตอนนั้น 12 เปอร์เซ็นต์ กู้เงินจากเมืองนอกแค่ 6 เปอร์เซ็นต์ ธนาคารขอบวกค่า Fee อีกประมาณ 2-3 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังเซฟจาก 12 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 9 เปอร์เซ็นต์

ทีนี้พอธนาคารปล่อยกู้แล้ว กู้เมืองนอก ธนาคารที่ติดต่อมาก็เป็นคนค้ำประกัน มันก็เลยได้เงินมาง่าย เงินมันเข้ามาง่าย มันก็เอาไปเก็งกำไรในเรื่องของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เสียส่วนใหญ่ แล้วพอเกิดรายการที่ค่าเงินบาทอ่อน ข้อผิดพลาดคือเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยตอนนั้น คืออดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ คุณเริงชัย มะระกานนท์ ตัดสินใจออกมาสู้นายจอร์จ โซรอส ซึ่งเป็นปีศาจร้าย


ทุกวันนี้มันก็ยังดำรงตำแหน่งเป็นปีศาจร้ายอยู่ ที่จะทำลายสถาบันการเงินทุกแห่งในโลกนี้ เพียงเพื่อจะให้พวก Fund ของมันได้กำไร และในขณะเดียวกันก็เอาเงินทุนไปสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงประเทศ อยู่เบื้องหลังของความไม่สงบ ไม่ว่าจะเป็นในยูเครน หรือไม่ว่าจะเป็นในหลายๆ ประเทศที่ไม่สงบ ฝีมือจากจอมปีศาจ จอร์จ โซรอส คนนี้

วิกฤต 2540 ผมเป็นคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง หลายสิบปีที่ผ่านมา ยี่สิบกว่าปี ผมกับสื่อในเครือผู้จัดการ ได้ตีแผ่ข้อมูลให้เห็นถึงปัญหาในระบบธนาคาร ว่าเป็นเสือนอนกิน มีเบื้องหลัง ฝ่ายสนับสนุนคือธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง กับนักการเมืองจำนวนหนึ่ง ที่ปล่อยให้มีการเอารัดเอาเปรียบประชาชนเช่นนี้ ช่วงนั้นสื่อเครือผู้จัดการนำเสนอเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง นานหลายปี จนกระทั่งมีการพิมพ์หนังสือพ็อกเก็ตบุ๊กออกมาหลายเล่ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง "เปลือยธารินทร์", "ปรส. สมรู้ร่วมคิดฝรั่งกระทืบคนไทย"


อย่างไรก็ดี ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามา ความผันผวนในแวดวงการเงินเกิดขึ้นได้เร็วกว่าเก่ามาก ยกตัวอย่างกรณีการล้มของแบงก์ในอเมริกา เช่น SVB, Signature Bank, Silver Gate ลุกลามไปถึงแบงก์สวิส อย่าง Credit Suisse ซึ่งไม่เคยมีใครคิดว่ามันจะล้มได้ มันก็ยังล้มภายใน 48 ชั่วโมง เดี๋ยวนี้การโอนเงินเข้า-ออก สามารถทำได้ด้วยเวลาเพียงไม่กี่วินาที ผ่านโทรศัพท์มือถือ ผ่านคอมพิวเตอร์




คุณศิริกัญญา ครับ การเพิ่มจำนวนแบงก์ เพิ่มการแข่งขันอย่างเดียว ไม่สามารถทำได้ เพราะปัจจัยค้ำคอเรื่องความมั่นคงและเสถียรภาพในระบบการเงินเข้ามาด้วย หัวใจสำคัญ ผมเข้าใจดีว่าคุณไหม-ศิริกัญญา มีเจตนาดีต่อการแก้ปัญหาเรื่องการเอารัดเอาเปรียบธนาคาร แต่คุณไหม อาจจะขาดประสบการณ์และความเข้าใจในเชิงปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหานี้ ซึ่งผมขอแนะนำเอาไว้อย่างนี้

คุณไหมครับ ช่วงหลังนี้มีปัญหาเรื่องหนี้เสียมาก หนี้ครัวเรือน คุณไหมรู้ใช่ไหม ตอนนี้รถปิกอัพรอให้มีการยึดประมาณล้านกว่าคันแล้ว เพราะคนไม่มีปัญญาจะส่ง ธนาคารพาณิชย์ขนาดกลาง ขนาดเล็ก สู้ไม่ไหว ต้องควบรวมกันหมด เพราะเล็กเกินไปมันต้องเจ๊ง ถ้าใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็อาจจะมีโอกาสอยู่รอด ล่าสุด ทหารไทย กับธนชาต กลายเป็นธนาคารทหารไทยธนชาต หรือชื่อย่อว่า ttb


ข้อที่สอง ตรงนี้ต่างหากครับที่คุณศิริกัญญา ต้องทำ คุณต้องควบคุมธนาคารพาณิชย์ ไม่ให้ธนาคารพาณิชย์แสวงหากำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝาก ที่มากเกินควร คุณกรณ์ จาติกวณิช ซึ่งมีประสบการณ์มากในเรื่องนี้ ยกตัวอย่างที่ออสเตรเลีย เขายกตัวอย่างว่า ส่วนต่างดอกเบี้ยเงินฝากประจำ กับดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านนั้น ห่างเพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ เมืองไทยห่างถึง 6 เปอร์เซ็นต์ ตรงนี้ คุณศิริกัญญา คุณต้องไปแก้ อย่างน้อยที่สุดทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้ที่คนกู้ไปซื้อบ้านนั้น ลดลงมา แทนที่จะเป็น 6-7 เปอร์เซ็นต์ ให้เหลือแค่ไม่เกิน 2 เปอร์เซ็นต์ นั่นก็คือการช่วยประเทศไทยแล้ว โดยไม่ต้องเพิ่มแบงก์

ไม่เพียงแต่แค่ดอกเบี้ยเงินกู้อย่างการซื้อบ้านที่อยู่อาศัย ยังรวมถึงอัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตด้วย บัตรเครดิตที่ธนาคารเป็นเจ้าของ เมื่อถึงเวลาแล้วคุณไม่มีปัญญาที่จะจ่าย เขาก็มีลูกเล่น ก็คือจ่ายขั้นต่ำไป บางแบงก์ให้ 10 เปอร์เซ็นต์ บางแบงก์ให้ 5 เปอร์เซ็นต์ คุณมีหนี้อยู่ 50,000 บาท คุณจ่ายขั้นต่ำไปก่อน 2,500 บาท แต่เมื่อคุณจ่ายขั้นต่ำแล้ว หนี้ส่วนที่เหลือคุณจะโดนบวกดอกเบี้ยทันทีเลย ส่วนเพิ่มของดอกเบี้ยตรงนี้มันสูงเกินไป ถ้าคุณศิริกัญญา จะแก้ ก็ต้องแก้ตรงนี้ ว่าถ้าดอกเบี้ยบัตรเครดิต ต้องจ่ายขั้นต่ำแล้ว ถ้าจะต้องปรับในฐานะที่ไม่สามารถจะจ่ายทั้งหมดได้ ก็ปรับขึ้นได้ไม่เกินกี่เปอร์เซ็นต์ของดอกเบี้ยเดิม ไม่ใช่สุดแล้วแต่อารมณ์ของผู้ปรับ

รัฐต้องเอื้ออำนวยให้มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นเทคโนโลยี Enabler เข้ามา เพื่อลดต้นทุนของระบบธนาคาร แลกกับการคิดอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรมแก่ผู้บริโภค ปัจจุบันธนาคารใหญ่ๆ หลายแห่งกำลังเจอคู่แข่งจากภาค Non-Bank โดยเฉพาะภาคเทคโนโลยีที่รุกคืบเข้ามาสู่ภาคเงิน ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันการให้กู้เงินแบบ PIER2PIER หรือแอปฯ ที่มีพื้นฐานจากทุนข้ามชาติ เช่น Ant Financial, Shopee, Grab ซึ่งเขาพึ่งพิงอยู่กับ Big Data หรือฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ในการระดมเงินฝากหรือปล่อยกู้ หรือในกรณีที่อเมริกา แอปเปิล จับมือกับ โกลด์แมน แซคส์ เพื่อระดมเงินฝากโดยจูงใจด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูง สามารถลดต้นทุนในการระดมเงินฝากได้ต่ำมาก นี่ยังไม่พูดถึงปัจจัยอื่นนะครับ เช่น การเกิดขึ้นของระบบ บล็อกเชน หรือ คริปโทเคอร์เรนซี


เพราะฉะนั้นแล้ว คุณไหม ครับ ถ้าพูดถึงการเพิ่มจำนวนธนาคารเพื่อให้เกิดการแข่งขัน เกิดการลดอัตราดอกเบี้ย เอื้อประโยชน์ต่อผู้บริโภค มันน่าที่จะเป็นเรื่องที่ล้าสลายไปเสียแล้ว อาจจะยิ่งบ่อนเซาะทำลายศักยภาพและเสถียรภาพ รวมทั้งความมั่นคงทางการเงินของคนในประเทศอีกด้วย คุณไหม คงจะไม่เข้าใจคำว่า "เงินกู้นอกระบบ"

"เงินกู้นอกระบบ" คุณไหม เป็นคนเมืองชลบุรี คุณถามญาติพี่น้องคุณที่จันทบุรีสิ ว่ากู้นอกระบบที่จังหวัดคุณ ผมคิดว่าดอกเบี้ยขั้นต่ำ 10 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน คุณกู้ 100,000 ดอกเบี้ยคุณจ่าย 10,000 สิบเดือน คนที่ปล่อยกู้เงินนอกระบบก็จะได้เงินคืน แต่ทำอย่างไรได้ คนมันเดือดร้อนเงิน ลูกเธอเปิดเทอมแล้วไม่มีเงิน ไม่สามารถจะเข้าไปกู้ที่แบงก์ได้ เพราะแบงก์ยังต้องการหลักทรัพย์อยู่เหมือนเดิม

ถ้าคุณไหม เดินไปดูผู้ที่กู้นอกระบบ เฉลี่ยแล้วประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ต่อเดือน หลายๆ กรณี คุณไหม ไม่ทราบใช่ไหม เขาต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็นรายวัน เขาอาจจะคิดคุณแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องจ่ายรายวันนะ 10 เปอร์เซ็นต์ ของยอดเงินกู้ จ่ายทุกวันๆ คุณไหม ครับ สิบวันได้คืนเงินต้นหมดแล้ว นั่นคือที่มาของการกระทืบ ข่มขู่ลูกหนี้

ถ้าคุณไหม อยากจะแก้ปัญหานี้จริงๆ ผมจะบอกให้ คุณไปดูได้เลย ในตลาด ในโรงงานทุกโรงงาน เงินเดือนที่ออกมานั้น ฝ่ายบุคคล ฝ่ายการเงิน จะหักเงินกู้นอกระบบออกไปเลย แล้วใครให้กู้นอกระบบล่ะ ? ก็ฝ่ายการเงินของบริษัทนั่นล่ะ ของโรงงานนั่นล่ะ มันร่วมมือกันกับนายทุนข้างนอก ให้กู้แล้วก็แบ่งผลประโยชน์กัน ผมเชื่อว่าในโรงงานแต่ละโรงงาน เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ กู้นอกระบบทั้งสิ้น แล้วก็เอาผูกเข้ากับการจ่ายเงินของโรงงาน ให้หักออกไปได้ทันที

คุณไหม ครับ ถ้าคุณจะทำงานตรงนี้ให้ได้ผล คุณต้องตีนติดดิน ต้องลุย คุณทำได้ไหมล่ะ คุณเช็กสิโรงงานในเขตชลบุรี หรือในเขตแหลมฉบัง คุณลิสต์ไปเลยว่าใครบ้างที่กู้นอกระบบอยู่ ดอกเบี้ยจ่ายเท่าไร ในเมื่อคนๆ นี้มีงานทำอยู่แล้ว คุณก็คุยกับธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นของรัฐ เข้าไปสวมลูกหนี้ตรงนี้ไปเลย สมมุติว่าเขากู้มาแล้ว 50,000 เพื่อเอาไปจ่ายให้ลูกเขาเรียนหนังสือ เอาเงินกู้ใหม่ 50,000 เข้ามา โดยดอกเบี้ยแทนที่จะจ่ายร้อยละ 10 ต่อเดือน ก็กลายเป็นจ่ายร้อยละ 10 ต่อปี ร้อยละ 1 ต่อเดือน ส่วนต่างที่เขาเซฟไปตั้ง 9 เปอร์เซ็นต์ ต่อเดือน เขาเอาไปจับจ่ายใช้สอยอย่างอื่นได้ แต่คุณไหม ต้องระวังนะ นิสัยคนไทยกู้ไม่หยุดไม่หย่อน เคลียร์หนี้เก่าได้เสร็จก็อยากสร้างหนี้ใหม่ เพราะหนี้เก่าแทนที่จะผ่อน 10 เปอร์เซ็นต์ ต่อเดือน ผ่อนเหลือ 1 เปอร์เซ็นต์ ต่อเดือน เหลือเงินตั้ง 9 เปอร์เซ็นต์ ไปดาวน์รถกันดีกว่า อันนี้มันใหญ่เกินกว่าความสามารถของคุณไหมแล้ว อันนี้เป็นเรื่องปรัชญาการใช้ชีวิต รัฐบาลต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นคุณไหม อย่าไปตัดสินใจแก้ปัญหาการเงินด้วยวิธีทางการเงินเพียงอย่างเดียว มันต้องมีวิธีทางสังคมศาสตร์ วิธีทางจิตวิทยา วิถีทางที่จะแนะนำให้คนรู้จักใช้เงินใช้ทองอย่างพอเพียง ตรงนั้นต่างหากคุณไหม สิ่งที่คุณแตะอยู่ทุกวันนี้ คุณแตะผิดที่ และถ้าคุณแตะถูกที่ มันเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้นเอง

คุณไหมครับ ผมเตือนคุณ ผมเห็นคุณตั้งใจดี อย่าโกรธผมที่ผมพูดหลายๆ อย่างแล้วมันกระเทือนจิตใจคุณ แต่ถ้าคุณยังเลอะเทอะแบบนี้ออกมาอีก ผมก็ยังต้องพูดต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งคุณเป็นรัฐมนตรีฯ คลังได้ ผมเชียร์ เพราะว่าสังคมและตลาดจะเป็นตัวตัดสินเองว่าคุณเป็นรัฐมนตรีฯ คลังที่ดีหรือเปล่า ไม่ใช่ผม อย่าลืมนะครับ คุณไหม

คำถามถึง “อานันท์ ปันยารชุน – สุลักษณ์ ศิวรักษ์” พวกคุณคือ กองหนุนอาวุโสม็อบ 3 นิ้ว?

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าพวกเราต้องรับรู้กันเอาไว้ ช่วงที่ผ่านมามันมีการแชร์ภาพร่วมโต๊ะอาหารของบรรดากลุ่มที่ว่ากันว่ามีแนวความคิดทางการเมืองคล้ายๆ กัน แชร์ไปเยอะเลย ผมไม่พูดก็ไม่ได้


ภาพดังกล่าวเป็นการรับประทานอาหารค่ำเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 ของกลุ่มคนอันประกอบด้วย นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม หรือ อากู๋ แกรมมี่ ที่เป็นเจ้าภาพในวันนั้น ผู้ร่วมโต๊ะก็มี อานันท์ ปันยารชุน 91 ปีแล้ว อีกคนหนึ่ง คือ ส.ศิวรักษ์ หรือ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ 90 ปี นอกจากนั้นก็ยังมีคนที่เป็นสายพรรคก้าวไกล บรรยง พงษ์พานิช สรกล อดุลยานนท์ คอลัมนิสต์สื่อมติชน นามปากกา "หนุ่มเมืองจันท์" นายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา อดีตบรรณาธิการนิตยสาร OPEN ซึ่งแต่ก่อนเคยทำงานกับผม นายสราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ นามปากกว่า "นิ้ววกลม" นายธนา เธียรอัจฉริยะ อดีตผู้บริหาร DTAC ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ SCB เป็นต้น


ประเด็นมันอยู่ที่ไหน ? คนพวกนี้มารวมตัวกันในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งผมพยายามคิดว่ามันก็คือสังสรรค์กัน พวกนิสัยการเมืองเหมือนกัน หลักการเหมือนกัน ชอบก้าวไกลเหมือนกัน เกลียดลุงตู่ เกลียดลุงป้อม เกลียดลุงป๊อก แล้วก็สถาบันกษัตริย์มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ มาสังสรรค์กันก็แล้วกัน แต่ท่านผู้ชมต้องจำเอาไว้นะครับ ตัวบุคคล เช่น สุลักษณ์ ศิวรักษ์ เป็นผู้ใหญ่ ผู้อาวุโสที่เป็นคนหนึ่งที่ออกมาหนุนหลังม็อบล้มเจ้า ออกมาประกาศเลยทั้งๆ ที่ตัวเอง 90 ปีแล้ว จะตายเมื่อไรก็ไม่รู้ บอกว่าเห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรา 112 ยังออกมาคอยเคลื่อนไหวสนับสนุนเด็กสามนิ้ว ร่วมทำกิจกรรมเดินทะลุฟ้า คืนอำนาจให้ประชาชน ยกเลิกมาตรา 112 เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2564


มาตรา 112 นั้น คุณสุลักษณ์ รู้อยู่แก่ใจ เพราะตัวเองโดนดำเนินคดีเหมือนผม ซึ่งโดนดำเนินคดีในมาตรา 112 แต่ต่างกันตรงนี้ ผมสู้ด้วยตัวเองไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งผมบริสุทธิ์ใจ ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 2 ปี และศาลฎีกายกฟ้อง แต่คุณสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ที่ตัวเองกับสาวกชอบนัก อุปโลกน์ว่าเป็นปราชญ์สยาม ใช้วิธีลัดจริงๆ แล้วเป็นคนขี้ขลาดตาขาว ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ มาตรา 112 ซึ่งรัชกาลที่ 10 ทรงพระเมตตา ยกโทษให้ ทั้งยังโปรดเกล้าฯ ให้นายสุลักษณ์ เข้ามาเข้าเฝ้าฯ เป็นการส่วนพระองค์เสียด้วยซ้ำ


นายสุลักษณ์ ย่อมรู้ดีว่าสิ่งที่ม็อบสามนิ้ว ซึ่งผลักดันโดยบุคลากรของพรรคก้าวไกล ที่เป็นอดีตพรรคอนาคตใหม่ นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทำอย่างนั้น และที่ผ่านๆ มาถูกดำเนินคดีมาตรา 112 อยู่นั้น ยกตัวอย่างเช่น สิ่งที่ "น้องหยก" เขียนพื้น ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จเกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 นั้น มิได้เป็นการแสดงความเห็นอย่างสุจริต หรือเป็นการพูดถึงข้อเท็จจริงอันปราศจากอคติ หรือกล่าวในเชิงวิชาการ แต่เป็นการใส่ร้ายป้ายสี โป้ปดมดเท็จ แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสถาบันหลักของชาติ ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ


เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างรุนแรง ไม่ใช่น้องหยกเพียงคนเดียว แต่เป็นกลุ่มม็อบสามนิ้ว ม็อบทะลุวัง ม็อบทะลุแก๊ส เยาวชนปลดแอก และกลุ่มต่างๆ ทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับกลุ่มคนพวกนี้

ส่วนอดีตนายกฯ คุณอานันท์ ปันยารชุน ผมเคยเล่าว่า สมัยที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี คุณอานันท์ เป็นคนยกเลิกพระราชอำนาจการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งแต่ก่อนอยู่ในพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมัยรัชกาลที่ 9 คุณอานันท์ ยกเลิกเฉยเลย ไม่มีเหตุผลในการยกเลิก บางคนก็บอกว่าคุณอานันท์ นับถือคริสต์ ผมก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริงนะครับ ถ้าไม่จริงก็ขอโทษด้วย หนำซ้ำก่อนหน้านี้ยังเคยปรากฏภาพความสนิทสนมระหว่างนายสุลักษณ์ นายอานันท์ กับบรรดาแกนนำพรรคก้าวไกลทั้งหลาย บางเหตุการณ์ก็เป็นการพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวด้วย


ผมเลยอยากจะฝากเอาไว้ ทั้งนายสุลักษณ์ และอานันท์ 90 แล้ว อานันท์ 91 สุลักษณ์ 90 เป็นผู้ใหญ่ที่มีคนไหว้ กราบไหว้ เคารพ อยากพบ ภาพที่ปรากฏออกมาเป็นแค่เหตุการณ์หนึ่งเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ท่านผู้ชมครับ คุณสุลักษณ์ครับ คุณอานันท์ครับ คุณจะมีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยน ให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำใคร เป็นการส่วนตัวหรือไม่ ไม่มีใครทราบได้ เพียงแต่ผมอยากฝากว่าพวกคุณเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่คนในประเทศหวังพึ่งพา ช่วยดูแลบ้านเมืองหน่อยได้ไหมครับ กรุณาอย่าอยู่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน อย่าได้ทำอะไรเพื่อเป็นการทำร้ายชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์กันเลยครับ ไหนๆ ก็จะตายกันอยู่แล้ว ใช้ส่วนสุดท้ายของชีวิตทำประโยชน์ให้กับชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เถอะครับ


ก่อนจะจบเรื่องคนแก่ คุณสุลักษณ์ ศิวรักษ์ และ คุณอานันท์ ปันยารชุน อายุ 90, 91 ปี ผมอยากจะเอาคนแก่อีกคนหนึ่ง อายุ 88 ปี มาเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง

เมื่อ 2-3 วันที่แล้ว เป็นวันเกิดของผู้ใหญ่ที่ผมเคารพและนับถือมาก ไหว้ได้โดยไม่อาย และไหว้ได้ด้วยความเต็มใจ คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง "ลุงจำลอง" ของพวกเรา ปีนี้อายุ 88 ปีแล้ว สุขภาพไม่ดี


ลุงจำลอง มีหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ ประวัติชีวิต พลตรี จำลอง ศรีเมือง มีโอกาสหาซื้อมาอ่านเอาไว้ เก็บเอาไว้ในห้องสมุดหรือที่บ้าน มีเวลาว่าง อ่านเสร็จ แนะนำให้ลูกหลาน บอกชีวิตนี้ทั้งชีวิต มีเวลาให้อ่านหนังสือเล่มนี้ของลุงจำลอง

ลุงลอง พูดตอนจบของหนังสือประวัติชีวิตท่าน บอกว่า "ความสำเร็จของผมไม่ใช่การเป็นผู้ว่าฯ เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นนายพล เป็นอะไรต่อมิอะไร แต่ความสำเร็จอยู่ที่เราทำตัวของเราเองให้เห็นแก่ตัวน้อยลง เห็นแก่คนอื่น เห็นแก่สังคมมากขึ้น ต้องเอาตัวอย่างของยอดบุคคลแห่งโลก คือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ท่านอยู่ในลักษณะของผู้ที่กินน้อย ใช้น้อย ทำงานมาก ที่เหลือก็จุนเจือสังคม ถึงเราจะทำตามท่านไม่ได้ทั้งหมด แม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี"


นี่คือ "ลุงลอง" ของผม เป็นผู้ใหญ่คนเดียวที่เดินมาเมื่อไร ผมต้องวิ่งเข้าไปประคอง กราบที่อกด้วยความศรัทธา จริงใจ แต่ก่อนเคยอาบน้ำ 3 ขัน อย่างไร วันนี้ก็ยังอาบน้ำ 3 ขันอยู่ ก็ยังเสื้อม่อฮ่อมอยู่เหมือนเดิม กางเกงตัวเก่าๆ อยู่ 2 คนตา-ยาย กับพี่ศิริลักษณ์ ศรีเมือง ทำแต่คุณงามความดีมา ไม่ได้เคยไปนั่งจิบไวน์ ไม่มีวันที่จะได้รับเชิญจากนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม หรืออากู๋ นั่งบนโซฟา ยิ้มแย้มแจ่มใส จิบไวน์กัน กระซิบกระซาบกัน ลุงลอง เป็นคนที่ผมเห็นท่านเดินมาเมื่อไร ผมต้องรีบวิ่งเข้าไปกราบและประคองตัวท่าน แต่อานันท์ ปันยารชุน หรือ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ เดินมาที่ไหน เมื่อไร ถนนเส้นไหน ผมจะเดินข้ามถนนไปเดินฝั่งตรงข้ามเลย คนละเรื่องกันเลย ระหว่าง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับ อานันท์ ปันยารชุน และ สุลักษณ์ ศิวรักษ์


“พิธา” ประกาศจะน้อมนำ พระราชดำรัสฯ มาใช้

ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดการประชุมรัฐสภา ณ ห้องประชุม อาคารรัฐสภา ทรงมีพระราชดำรัสให้ ส.ส. ปฏิบัติหน้าที่ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนไว้สูงสุด ก็ไม่น่าจะมีอะไร น่าจะเป็นพิธีกรรมที่ปกติธรรมดาในวาระการเปิดสภาฯ แต่เผอิญมีเรื่องที่พิจารณาดูแล้วมันก็อดฮาไม่ได้ ท่านผู้ชมหลายท่านอาจจะรู้แล้ว แต่หลายท่านยังไม่รู้ ตามมาครับ


วันนั้น ส.ส. พรรคก้าวไกล ที่อยู่เบื้องหลังการปลุกเด็กต่อต้านเครื่องแบบ และผลักดันให้แก้มาตรา 112 ท่านผู้ชมคงเห็นเหมือนกับผมนะครับ ทุกคนแต่งชุดขาวเต็มยศ เข้าร่วมรัฐพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ทั้งหมดยืนโค้งคำนับอย่างภาคภูมิใจ ขณะที่ ส.ว. และ ส.ส. ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีดังกระหึ่ม


ท่านผู้ชมครับ นี่เป็นการแหวกม่านประเพณีที่ไม่เคยมีแบบนี้มาก่อนเลย และเป็นการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีที่ดังที่สุดครั้งหนึ่งก็ว่าได้ คือตะโกนกันเลย เหมือนกับอัดอั้นตันใจมานานแล้วว่าพวกมึงดูถูกเหยียดหยาม หยามเหยียดพระมหากษัตริย์ วันนี้พระองค์ท่านมาแล้ว กูจะร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีให้เต็มปอด ให้รู้ว่ายังมีพวกกูอยู่ที่พร้อมจะสนับสนุนสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดไป

ปกติแล้ว ท่านผู้ชมรู้ไหม ตามกำหนดการทุกครั้ง ช่วงแรกจะมีแค่เพลงเปิดบรรเลง ตอนเสด็จฯ กลับเท่านั้นจึงจะร้องเพลงสรรเสริญฯ เพื่อส่งเสด็จกลับ แต่งวดนี้พอเพลงบรรเลงขึ้นทันทีช่วงรับเสด็จ สมาชิกวุฒิสภาเป็นต้นเสียงร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีต่อหน้าพระพักตร์ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็ต้องร้องตามกันจนเสียงกึกก้อง ถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ให้พี่น้องประชาชนคนไทยที่จงรักภักดีได้ร่วมรับฟังและร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีไปพร้อมกัน

ท่านผู้ชมครับ นี่เป็นการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีพร้อมดนตรีบรรเลง ในงานรัฐพิธีเปิดสมัยประชุมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คนไทยผู้จงรักภักดีปลื้มใจ รวมทั้งผม มีแรงกำลังเข้าไปปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ บรรดา ส.ว. ที่รักชาติ รักสถาบัน ก็ฮึกเหิม ในขณะเดียวกัน ส.ว. ส่วนน้อยที่ทรยศต่อชาติ อยากยกมือให้นายพิธา ก็กำลังตรึกตรองทบทวนใหม่อีกรอบหนึ่ง แต่ที่แน่ๆ มีคนจับตาดูอยู่แล้ว ใครก็ตามที่สนับสนุนนายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งมีความประสงค์จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์นั้น จะมีการลงชื่อ เก็บชื่อต่างๆ พวกนี้เอาไว้ แล้วผมจะเอามาประจานในรายการของผม

งานนี้วุฒิสมาชิกเปิดหน้าส่งสัญญาณชัดเจนเลยว่า นี่คือสภาฯ ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่ มีอยู่จริง คุณอย่าทะลึ่งมาเล่น มาทำให้แปดเปื้อน ดอกนี้ส่งสัญญาณถึง ส.ส. เด็กอมมือหน้าใหม่ทั้งหลายว่า แผ่นดินนี้มันยืนยาวเกินกว่าจะให้เด็กอมมือมานั่งเล่นขีดเขียน ท่านผู้ชม อย่างที่ผมเรียนให้ทราบนะครับ วงในจับตามอง ส.ว. ไม่กี่คน ที่พร้อมจะขายวิญญาณ จะทำอย่างไรต่อเกมจิตวิทยาชั้นสูง ครูหยุย ว่าอย่างไรครับเรื่องนี้ ผมยังเชื่อว่าครูหยุย จะแหกโค้งแล้วสนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่มีนโยบายที่จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ท่านผู้ชมจำชื่อครูหยุย ให้ดีๆ นะครับ

เพลงสรรเสริญพระบารมี เปรียบเสมือนน้ำมนต์ น้ำพรมจากสวรรค์ ร่มเย็นยามเปล่งร้อง ขณะเดียวกัน ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามันเหมือนไฟนรกแผดเผาอมนุษย์ หรือสัตว์เดรัจฉาน ได้เช่นกัน ใครที่มีอาการดิ้นทุรนทุราย ใครเก็บอาการไม่อยู่ ใครอยากจะล้มเจ้าเสียจนตัวสั่น เมื่อได้ยินเพลงนี้แล้วมันช่างทุกข์ทรมานภายในใจเหลือเกิน


แล้วภาพประวัติศาสตร์ในวันนั้น คือภาพที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โค้งคำนับถวายเคารพต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ท่านผู้ชมครับ เขาค้อมเอวมากกว่า 45 องศา ซึ่งเป็นการแสดงถึงความเคารพอย่างสูงสุด ไม่เหมือนตอนที่คุณอยู่บนเวทีปราศรัย เหมือนหนังคนละม้วน บนเวทีจะปากเก่ง ยืนยันปฏิรูปสถาบัน แก้ไขมาตรา 112 อย่างหนัก


ยิ่งไปกว่านั้น วันอังคารที่ 4 กรกฎาคม วันรุ่งขึ้น ที่รัฐสภา พอมีนักข่าวไปถามนายพิธา ว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล จะน้อมนำพระราชดำรัสไปปรับใช้กับพรรคอย่างไร พิธา พูดว่า จะนำพระราชดำรัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำว่าชาติและประชาชนที่พระองค์ท่านเน้นย้ำมาในการใช้การบริหารราชการแผ่นดิน


คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ที่ต้องการทำตามเจ้าของพรรค คือนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ (ช่อ) วานิช พูดว่า "จะน้อมนำพระราชดำรัส โดยเฉพาะชาติและประชาชน มาใช้ในการบริหาร" ท่านผู้ชมรู้ไหม ข้อความนี้สื่อนำไปแพร่หลายกันทั่ว ปรากฏว่าสามนิ้วฮาร์ดคอร์รับไม่ได้ งงกันว่าที่ผ่านมา ที่มึงบอกว่ามึงจะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ มันคืออะไร ปรมาจารย์ของพวกล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหาคดี 112 ปัจจุบันลี้ภัยอยู่ที่ฝรั่งเศส ถึงกับมาโพสต์คำอุทานสั้นๆ เลยว่า "พ่อง!" (ถ้าท่านผู้ชมไม่เข้าใจ แถวบ้านผมเขาเรียกว่า พ่อมึง)


พอเห็นท่าไม่ดี ช่อ-พรรณิการ์ วานิช รีบออกมาแก้ตัวแทนพิธา ว่า "ให้ทายนักข่าวสำนักไหน คนนี้เคยถามจนคุณยิ่งลักษณ์ร้องไห้มาแล้ว" คนที่กระซิบบอกช่อว่า นักข่าวคนนี้ถามจนกระทั่งคุณยิ่งลักษณ์ร้องไห้มาแล้ว เผอิญชื่อ ฐปนีย์ คนที่ยืนข้างก้าวไกล แต่แอบทำตัวเป็นนักข่าว นักข่าวอิสระ ที่ไม่ได้อิสระจริง กำลังหิวแสงอย่างเต็มที่ ไปกระซิบบอกช่อว่านักข่าวคนนี้ล่ะเคยถามจนคุณยิ่งลักษณ์ร้องไห้มาแล้ว ทำนองว่าคนตอบไม่ผิด ผิดที่คนถาม


คุณช่อครับ ผมจะบอกให้คุณรู้ก็ได้ว่า นักข่าวคนนั้นคือนักข่าวจากของผมนั่นเอง สื่อผู้จัดการ เขาถามไปตามเนื้อผ้า ผมไม่เคยยุ่งกับเขาเลย ไม่เคยบอกให้เขาต้องถามอะไร เมื่อคุณทักมาอย่างนี้แล้ว ผมจะถามคุณกลับ แล้วยังไงล่ะ ? มีปัญหาหรือเปล่า คุณช่อ ? มีปัญหาหรือเปล่า ? ก็ในเมื่อนักข่าวของสื่อเครือผมถามคำถามไป แล้วคุณพิธา ตอบอย่างนี้เอง แล้วมันผิดตรงไหนล่ะ คุณช่อ ? มันผิดตรงไหน ? ผมพูดตรงๆ เลยนะ พวกคุณนี่ คุณพิธา คุณช่อ ต้องเลิกสร้างภาพ เอาความจริงออกมาพูดได้แล้ว ทุกวันนี้คุณจะพูดเรื่องการแก้มาตรา 112 เพื่อหวังคะแนนนิยม เอาใจคอนด้อมส้ม เอาใจเด็กสามนิ้วพวกที่เลือกคุณเข้ามาสู่อำนาจเท่านั้น แต่ลึกๆ แล้วใจจริง สำหรับคุณพิธาคนเดียวนะ ไม่อยากแก้ใช่ไหม เพราะคุณเข้าสู่อำนาจแล้ว ประกาศออกไปเลย ส่วนคุณช่อ ก็ต้องหยุดโกหกพกลมได้แล้ว


คุณวนเวียนอยู่กับการแซะสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำตัวเป็นตลกร้าย โพสต์คลิปวิดีโอผ่าน TikTok ต่อสายโทรศัพท์คุยกับ ปรีดี พนมยงค์ แสดงความยินดีในสิ่งที่ปรีดี ทำมาจนครบ 100 ปี จะได้จัดงานฉลองใหญ่ จากกรณีเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 91 ปี ปฏิวัติ 2475 ท่านผู้ชมครับ กองเชียร์คอนด้อมส้มก็เฮตาม ไม่ลืมหูลืมตา แต่คนมีปัญญา มีความคิด เขาเห็นว่าพวกคุณมันหมกมุ่นอยู่แต่กับการล้มสถาบันฯ ทั้งๆ ที่กำลังจะมีโอกาสได้เป็นรัฐบาล แทนที่พวกคุณจะคิดถึงภาพใหญ่ ภาพรวม ในการแก้ไขปัญหาชาติที่รออยู่มากมาย รับมือไม่หวาดไหว ปัญหาปากท้องประชาชน

คนอย่างช่อ ปิยบุตร กลับถอยหลังไปวนเวียนกับ 2475 พูดปล่อยคำล้าหลัง คลั่งลัทธิคอมมิวนิสต์อย่าง "ฟ้าสีทองผ่องอำไพ" ให้คุณรับรู้เป็นข้อมูลเบื้องต้นนะ คุณช่อ อีกไม่นานนี้ผมจะเอามีดปลายแหลมลงอักขระยันต์ แทงขั้วหัวใจพวกคุณทุกคน ด้วยหลักฐานที่ไม่เคยมีใครมีมาก่อน และเป็นหลักฐานของสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ยืนยันว่า สิ่งที่ผมพูดมาแล้ว หรือสิ่งที่อาจารย์ปานเทพ เคยเขียนมาแล้ว ว่า คณะราษฎร 2475 นั้นเป็นคณะโจร พวกคุณมึงแอบนับถือโจรเป็นบิดาบังเกิดเกล้า แล้วหลักฐานนี้เมื่อผมเปิดออกมาแล้วทุกคนจะถึงบางอ้อเลย อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง 2475 คณะราษฎร ที่บอกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงนั้น ก็คือเปลี่ยนแปลงจากพระมหากษัตริย์ ไปสู่คณะโจรนั่นเอง ท่านผู้ชมครับ คุณช่อครับ เตรียมฟังให้ดีๆ

ดรามา "พิธา" โหนทีมวอลเลย์บอลหญิง การเมืองยุ่งกีฬา หรือ กีฬายุ่งการเมือง

ท่านผู้ชมครับ มันมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่มันเกิดขึ้นเมื่อประมาณวันที่ 29 มิถุนายน 2566 จริงๆ แล้วผมไม่ค่อยอยากพูดเท่าไร แต่เผอิญมันสะเทือนความรู้สึกผม เพราะทำให้ผมเสียสิทธิบางประการไป ผมเลยจำเป็นต้องมาพูด


พฤหัสฯ ที่แล้ว 29 มิถุนายน ในการแข่งขันวอลเลย์บอลเนชั่นส์ลีก สัปดาห์ที่ 3 คู่ที่ 3 ระหว่างไทย กับ ตุรกี ที่อินดอร์สเตเดียมหัวหมาก จู่ๆ มีดรามาขึ้นมา หลังเสร็จสิ้นการแข่งขัน คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่มาชมการแข่งขัน ได้มีการวางแผน โดยได้รับความสะดวกจากผู้จัดรายการ ก็คือนายมาร์การ์ เจ้าของบริษัท ทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ กล้องถ่ายทอดสดจับภาพไปยังพิธา และนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า มากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ เมื่อแข่งเสร็จแล้วยังจัดการให้นายพิธา ลงไปถ่ายภาพกับนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยในสนาม แล้วมีการเผยแพร่ภาพในสื่อต่างๆ ปรากฏว่าภาพนั้นทำให้คอนด้อมส้มกรี๊ดกร๊าด ชอบใจ แชร์กันรัวๆ ว่า แด๊ดดี้พิธา เป็นขวัญใจมหาชน ได้รับความนิยมไปทั่ว แม้กระทั่งนักกีฬาระดับตัวแทนประเทศไทยที่ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ


เมื่อภาพออกมา ก็เลยมีความสงสัย มีคำถามจากสังคมคนทั่วไปว่า พวกคุณทำอย่างนี้ถูกต้องแล้วหรือ การเมืองเป็นเรื่องความชอบหรือไม่ชอบของประชาชนที่มีความเห็นได้หลากหลาย สมควรหรือไม่ที่ปล่อยให้นักกีฬาทีมชาติ ที่เป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศ ท่านผู้ชมครับ นักกีฬาทีมชาติเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศ ทั้งประเทศ ไม่ว่าคนทั้งประเทศนั้นจะมีความเชื่อในเรื่องการเมืองอย่างไรก็ตาม แต่ถ้าเป็นนักกีฬาทีมชาติแล้ว ทุกคนสละความเชื่อทางการเมือง แล้วสนับสนุน เชียร์นักกีฬาทีมชาติ นี่กลายเป็นว่านักกีฬาทีมชาติไทยมาเชียร์พรรคก้าวไกล อาจจะไม่ใช่ความผิดของเด็กก็ได้ แต่เป็นความระยำตำบอนของคนที่วางแผนนี้ คุณมาร์การ์ เจ้าของบริษัท เทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ คุณให้คำตอบหน่อยได้ไหม คุณทะลึ่งมากเลยนะเนี่ย คุณทะลึ่งตรงไหนรู้ไหม ? ผมก็เป็นแฟนทีมวอลเลย์บอลหญิง นายพิธา ลงไปตอนนั้นยังเป็น ส.ส. อยู่ ยังไม่ได้เป็นนายกฯ แล้วรายการวันนี้ที่ออก คุณพิธา ยังไม่ได้เป็นนายกฯ คุณไปจัดให้คุณพิธา ไปร่วมได้อย่างไร ถ้าอย่างนั้นวันหลังถ้าพวกพรรคประชาธิปัตย์ไป หรือพรรคเพื่อไทยไป คุณก็จัดให้เขาได้ไหม คุณแยกแยะไม่เป็นหรืออย่างไร นายมาร์การ์ คุณทำมาหารับประทานในประเทศไทยมาตั้งนานแล้ว คุณต้องรู้สิ สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลปล่อยให้เกิดเรื่องนี้ได้อย่างไร การให้ ส.ส. จะเป็นนายกฯ ก็ยังไม่ได้เป็น เป็นผู้อุปการคุณต่อสมาคมฯ ก็ไม่ใช่ แต่ได้สิทธิพิเศษลงไปถ่ายรูปใกล้ชิดนักกีฬา นี่คุณทำเพื่อชาติ หรือคุณทำเพื่อเอาใจใคร ? คุณมาร์การ์ คุณเลิกทำมาหารับประทานกับเรื่องพวกนี้ได้หรือยัง คุณมาร์การ์


พอโดนทัวร์ลง สมาคมวอลเลย์บอลก็เลยประกาศว่า ไม่ได้เกี่ยวข้อง ยืนยันในหลักการมาตลอด ทีมกีฬาวอลเลย์บอลจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอย่างเด็ดขาด ยืนยันในความรัก ศรัทธา และจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมคิดเหมือนผมไหม งานนี้ ทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ โดยนายมาร์การ์ เจ้าของ เป็นคนต้นคิด จัดฉากเอาการเมืองมายุ่งกีฬาจริงๆ คุณมาร์การ์ คุณทำอะไรอยู่ เรียกเรตติ้งให้ถ่ายทอดสด หรือมีวาระซ่อนเร้นโดยเอาการเมืองมายุ่งกีฬา ส่วนการที่สมาคมวอลเลย์บอลบอกว่าไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าคุณทำได้จริง ผมจะดีใจ

แต่ขณะเดียวกัน ท่านผู้ชมรู้ไหม สมาคมต้องดูแลนักกีฬาในสมาคมด้วย วันที่นายพิธา กระโดดลงไปถ่ายรูปด้วยวันนั้น บรรดานักวอลเลย์สาวๆ ก็กระดี๊กระด๊า กรี๊ดกร๊าด มายืนล้อมรอบ ทำมือรูปมินิฮาร์ท ยังดีนะ หลายคนอาจจะอยากชูสามนิ้ว แต่ไม่กล้า ยิ้มแย้ม ไม่ได้ถูกบังคับมาแน่นอน


ท่านผู้ชมครับ กีฬาเป็นพื้นที่เดียวที่ไม่ควรมีอะไรเข้ามายุ่ง พอเห็นพิธา กับทีมวอลเลย์บอลหญิงกรี๊ดกร๊าดกันเกินงามไปมาก พวกน้องๆ ที่เป็นทีมชาติอาจจะลืมตัวไปว่าน้องๆ เป็นตัวแทนของประเทศไทยนะ ไม่ใช่ตัวแทนของพรรคใดพรรคหนึ่ง ที่สำคัญ นายมาร์การ์ นายคิดไม่ออกเลยหรือว่านายทำผิดจริยธรรมอย่างรุนแรงมาก ในเรื่องการที่เอาการเมืองเข้ามาแปดเปื้อนกับน้องๆ เอาล่ะ น้องๆ อาจจะชอบก้าวไกล ไม่เป็นไร แต่ไม่ใช่เป็นการแสดงออกแบบนี้ แล้วคนอย่างผมซึ่งไม่ชอบก้าวไกล แต่ผมเชียร์น้องๆ ผมจะกัดฟันเชียร์น้องๆ ต่อได้หรือเปล่า 


มีคนอีกเยอะเลยที่คิดแบบผม น้องๆ โด่งดังขึ้นมา ได้กำลังใจมา ไม่ใช่จากพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไอ้หมอนี่มันไม่เคยดูหรอกวอลเลย์บอล แต่มันไปเพียงเพื่อต้องการหาแสง น้องๆ ก็กรี๊ดกร๊าด ดี๊ด๊า ถ้าอย่างนั้นถึงผมจะเสียงน้อยมาก น้องๆ ทีมวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ขออนุญาต ผมไม่ยุ่งกับท่านอีกแล้ว ท่านจะไปแข่งที่ไหน ไปอะไรก็ตาม ผมไม่ยุ่ง เพราะผมถือว่าคุณได้ก้าวล้ำเส้นพรหมจรรย์ในการเป็นตัวแทนของประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้ว และคุณทำร้ายจิตใจคนอย่างผมและอีกหลายๆ คนอีกมากที่ยังไม่ได้แสดงออกอย่างนี้ ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ และผมขอให้คุณ งวดหน้าแข่งที่ไหน ตอนนี้พิธาเป็นนายกฯ ก็เอาพิธาเข้าไปจับมือต่อ แล้วคุณก็กรี๊ดกร๊าดต่อ แสดงหัวใจต่อ เอาให้สุดซอยเลย น้องเอ๊ย


ท่านผู้ชมครับ คุณมาร์การ์ครับ ท่านนายกสมาคมวอลเลย์บอลครับ รู้ใช่ไหมว่า หลักการในการตั้งสมาคมหรือมูลนิธิ เงื่อนไขข้อหนึ่งที่สำคัญมาก คือ เขาจะไม่เอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเลยแม้แต่นิดเดียว ผมเสียดาย เรื่องนี้มันเกิดขึ้น หลายคนบอกว่ามันเป็นทีมตัวแทนชาติไทย ไม่ใช่หรอกครับ ภาพที่ออกมามันเป็นตัวแทนพรรคก้าวไกล ผมสงวนสิทธิ์ และผมเชื่อว่ามีคนคิดอย่างผมเยอะเลย แล้วหลายคนตอนนี้นอกจากจะไม่เชียร์ทีมไทย ที่มีสีส้มอยู่แล้ว ก็จะกลับไปเชียร์คู่ต่อสู้ ฝั่งตรงข้าม และถ้าคุณแพ้มาเขาก็บอกว่าสมน้ำหน้า

ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพราะความระยำของคนบางคน คนบางคนต้องการที่จะโชว์ออฟ อีกกลุ่มหนึ่งต้องการที่จะเอาแสงเข้ามาใส่ตัว แต่ทำความฉิบหายให้กับทีมชาติวอลเลย์บอลหญิง น้องๆ อย่าโกรธผม คนอื่นผมไม่รู้ แต่ผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่เชียร์คุณแน่นอน ถ้าคุณแข่งกับใครก็ตาม ผมจะเชียร์ฝั่งตรงกันข้าม เพราะผมเชียร์คนที่ไปสนิทสนมกรี๊ดกร๊าด ดี๊ด๊ากับคนที่ต้องการจะล้มสถาบันกษัตริย์ไม่ได้ ผมรับไม่ได้ ขอประทานโทษเถอะ ขอประทานโทษจริงๆ น้องๆ

"สมยศ" เผาบ้านตัวเอง สมาคมฟุตบอล

ท่านผู้ชมครับ เจ็ดวันที่แล้ว หรือหกวันที่แล้ว คือวันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม 2566 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในแถลงการณ์นั้น คุณสมยศ ได้กล่าวหาโดยตรงว่า ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย


วันนี้จำเป็นต้องคุยถึงคุณสมยศ ซึ่งผมไม่ค่อยอยากจะคุยเท่าไรนัก เพราะว่าผมพูดถึงคุณสมยศ มานานแล้ว นานพอสมควร ตั้งไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง แต่เนื่องจากว่าที่ผ่านมานั้น เราต้องยอมรับความจริงว่า สมาคมฟุตบอลไทยที่คุณสมยศ เป็นนายกยุคนี้ มีปัญหาเรื่องการบริหารงานอย่างหนักหนาสาหัส การแข่งขันฟุตบอลไทยย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ฟอร์มที่ตกต่ำ ส่งผลให้เมื่อปีที่แล้ว วันที่ 10 ตุลาคม 2565 พล.อ.ประวิตร ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ที่ดูแลสมาคมฟุตบอล บอกว่า "ฟุตบอลนี่แพ้ไม่ได้นะครับ ซีเกมส์แพ้ต้องเอานายกสมาคมออก ต้องได้แชมป์นะครับ ผมฝากเอาไว้ด้วย" นั่นก็คือการส่งสัญญาณไปเรียบร้อยแล้วว่า เรามาวัดผลงานกันดีกว่า ถ้าซีเกมส์แพ้ คุณสมยศ ต้องลาออก


พอการแข่งขันจริงๆ ปรากฏว่าทีมไทยในรอบชิงชนะเลิศ แพ้อินโดนีเซีย 5-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ คว้าได้แค่เหรียญเงิน นอกจากนั้นแล้ว ยังมีการชกต่อยกันระหว่างนักฟุตบอลกับสตาฟโค้ชของไทย จังหวะที่อินโดนีเซียยิงขึ้นนำ 3-2 เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่อัปยศ เสียภาพลักษณ์ของฟุตบอลไทย


ศุกร์ที่แล้ว วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน 2566 มีการประชุมสมัชชาใหญ่ประจำปี 2565 คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธาน ก็เลยเอ่ยปากมาว่า ไม่อยากให้ประเทศชาติเสียหาย เสียชื่อเสียง ด้วยสมาคมเพียงสมาคมเดียว ทำให้สมาคมอื่นๆ ที่เขาตั้งใจทำงานเสียหายไปด้วย จะต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะฉะนั้นนายกสมาคมฟุตบอลฯ คือ พล.ต.อ.สมยศ ต้องลาออก


การประกาศลาออกของ พล.ต.อ.สมยศ ในฐานะนายกสมาคมฟุตบอลไทย วันที่ 1 กรกฎาคมนั้น ได้เน้นคำพูดว่า "ทำตามคำสั่ง" ทำให้เป็นที่สงสัยว่านี่เป็นการเดินเกมของ พล.ต.อ.สมยศ เพื่อให้สังคมเข้าใจว่าการเมืองแทรกแซงกีฬา จึงถูกบีบให้ออกโดยไม่เต็มใจ ซึ่งโอกาสที่จะโดนฟีฟ่าแบนนั้นก็อาจจะมี เพราะถ้าถูกตีความว่าเข้าข่ายมีการแทรกแซงจากทางการเมือง หรือบุคคลที่สาม ตามธรรมนูญฟีฟ่า ข้อที่ 19 ที่ว่าด้วยความเป็นอิสระของสมาคมฟุตบอล และคณะกรรมการผู้บริหารหรือไม่

จากนั้น พล.ต.อ.สมยศ ออกมาให้ข่าวตามทันทีว่า การลาออกของตัวเองนั้น สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน และฟีฟ่า ต่างให้ความสนใจ และมีการสอบถามรายละเอียดถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมกับแสดงความเป็นห่วงต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลไทย เหมือนอย่างที่คุณสมยศ รีบออกมาฟ้องสังคมกลายๆ ว่าถูกการเมืองบีบให้ออก


ความจริงเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าคุณสมยศ เองก็พูดถูก พล.อ.ประวิตร ก็พูดถูก พล.อ.ประวิตร ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ที่ดูแลสมาคมฟุตบอลนั้น เป็นคนที่พูดจาตรงไปตรงมา โผงผาง ก็ในทำนองว่าปีหน้าต้องเอาแชมป์อาเซียนมาให้ได้นะ เพื่อแก้ตัวในการทำงานสมาคมฟุตบอล แต่พอเอามาไม่ได้ พล.อ.ประวิตร ก็พูดตรงๆ เลยว่า เอ๊ย สมยศ ลาออกเถอะ ส่วนสมยศ ก็มีการพูดจานอกรอบ บอกว่าเรื่องแค่นี้ถ้าพูดกับผมดีๆ เงียบๆ ตัวต่อตัว ผมก็ยอมลาออก แต่ทำไมมาฉีกหน้าผมในที่สาธารณะ

แต่จริงๆ แล้วสมาคมฟุตบอลไทยนั้น ทำงานเละเทะมานานแล้ว ตั้งแต่คุณสมยศ ขึ้นมาเป็นนายกสมาคม น่าผิดหวังมาก อาเซียนคราวที่แล้วพลาดเหรียญทอง ทำลายชื่อเสียงประเทศไทยด้วยการชกต่อย ซึ่งจริงๆ แล้ว โดยหลักการแล้ว โดยวิธีการแล้ว ถ้าคุณสมยศ มียางอาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สมาคมอาเซียน และมีการชกต่อย คุณสมยศ น่าจะลาออกไปโดยต้องรับผิดชอบ เพราะว่าตัวเองเป็นหัวหน้าใหญ่ของสมาคมฟุตบอลไทย แล้วก็ดูแลทีมฟุตบอลทีมชาติ และทุกๆ ทีมที่ไปแข่งนอกประเทศ โดยมารยาทแล้ว ถ้ามีความละอายแก่ใจ มีหิริโอตัปปะ ต้องลาออกแล้ว สอดคล้องกับความเห็นคู่ต่อสู้ของคุณสมยศ คือ "บังยี" นายวรวีร์ มะกูดี อดีตฟีฟ่าเมมเบอร์ อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย


เมื่อวันศุกร์ที่ 30 อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า พล.อ.ประวิตร พูดจาตรงไปตรงมา จริงๆ แล้วพูดจาตรงไปตรงมาเลย ก็น่าที่จะลาออก แต่ไปโกรธที่มาฉีกหน้าตัวเอง นายวรวีร์ ก็เลยถามคุณสมยศ ว่า ถ้าขอลาออกด้วยความรับผิดชอบ ทุกอย่างมันก็จบแล้ว แต่ถ้าจะไปบอกฟีฟ่า AFC คุณมี agenda อะไรหรือเปล่า

ในที่สุดแล้ว วันจันทร์ที่ 3 ผ่านไปอีกสองวัน เสาร์-อาทิตย์-จันทร์ คุณสมยศ ให้ลีลาสัมภาษณ์ว่าลาออกแน่ แต่มีเหตุผลโน่นนี่นั่นที่ยังไม่ออก และอีกประการหนึ่ง ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ยังไม่เซ็นใบลาออกให้ ย้ำว่า ตัวเองได้เจอสมาชิกคนหนึ่งของฟีฟ่า เขาบอกว่าเป็นการแทรกแซงล้านเปอร์เซ็นต์ มิหนำซ้ำยังแดกดันต่อว่า คนที่บอกว่าไม่มีการแทรกแซงนั้น เป็นพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปี ก็แสดงว่า คุณสมยศ ชัดเจนแล้ว ใช้เล่ห์กล แล้วก็ใช้คำพูดของฟีฟ่ามาตบปาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ความจริงแล้ว ถ้าคุณสมยศ ละอายใจเสียบ้าง เพราะความจริงที่มีหนึ่งเดียวปรากฏมาตลอดเวลานานแล้วว่า ฝีมือการบริหารของคุณสมยศ เป็นอย่างไร แฟนฟุตบอลไทยเขามีมติเป็นเอกฉันท์มานานแล้ว เพียงแต่ พล.อ.ประวิตร มาสะกิดแผลเก่าซ้ำ ให้ออกเถอะ

การที่ พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานโอลิมปิก อาจจะเป็นแค่เสียงเดียวที่ พล.ต.อ.สมยศ อ้างว่ามีการเมืองอยู่เบื้องหลัง แต่ พล.ต.อ.สมยศ ด้วยความเคารพ ถ้าท่านยังมีความเป็นลูกผู้ชาย กล้าได้กล้าเสีย และรู้จักอับอาย รู้จักสำนึกผิดถ้าคุณทำผิด คุณลองไปฟังเสียงคนในวงการฟุตบอลไทย เกือบทั้งประเทศ พูดให้ชัดๆ ว่าเขาอยากให้คุณอยู่หรือเปล่า กรรมการสมาคมที่อยากให้คุณอยู่ก็คนของคุณทั้งนั้น แต่คุณต้องฟังเสียงประชาชน วันนี้ผมเชื่อว่าถ้ามีการลงคะแนนเสียงทั่วประเทศไทยว่าอยากให้คุณสมยศ อยู่ หรือให้ออก ผมคิดว่าต้องมีเกือบๆ 100 เปอร์เซ็นต์ บอกว่าอยากให้คุณสมยศไป ไปไหนก็ไป ไปซะ ไปให้ไกลๆ เถอะ

การที่คุณลากฟีฟ่าเข้ามายุ่งเรื่องขอลาออก คุณจับทีมชาติไทยเป็นตัวประกัน เรียกว่าถ้ากูอยู่ไม่ได้ ฟุตบอลไทยก็อยู่ไม่ได้ คุณสมยศ เป็นคนที่เคยพูดไม่ใช่หรือว่าอยากพัฒนาฟุตบอลไทยด้วยใจจริง


ผมเอาความคิดเห็นบางส่วนจากหนึ่งพันห้าร้อยกว่าความเห็นชองแฟนบอลที่คอมเมนต์ใต้โพสต์การประกาศลาออกของคุณสมยศ ในเพจฟีฟ่าไทยแลนด์ แทบจะไปในทิศทางเดียวกันเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ยกตัวอย่างง่ายๆ แล้วกัน คุณสมยศ คุณอาจจะไม่กล้าอ่าน เพราะว่ามันแสลงใจคุณ "ควรออกตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ต้องให้ใครมาพูด เราเป็นคน ต้องมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี อย่ารอให้เขาไล่ออกอีกรอบเลย และอย่าเอาบอลไทยเป็นตัวประกัน ทำให้โดนต่างชาติแบนด้วย จากไปด้วยดี ทำคุณประโยชน์ อาจจะมีคนสรรเสริญเป็นครั้งสุดท้าย"

อีกความเห็นหนึ่ง "ให้ความเป็นธรรมแฟนบอลไทยด้วย นายกสมาคมทำแฟนบอลผิดหวัง ผิดแล้วผิดอีก คนไทยอายกับผลงานบอลไทยหลายครั้ง นานเป็นปี ต้องทนเห็นนายกสมาคมคนนี้บริหารสมาคมด้วยความล้มเหลวเป็นส่วนใหญ่ ลาออกซะ ไม่ใช่เพราะประวิตรไล่ แต่เพราะว่าแฟนบอลไล่" อีกความเห็นหนึ่ง ง่ายๆ ครับ "เย้ๆๆ ดีใจที่สมยศประกาศลาออก" อีกความเห็นหนึ่ง "ถือว่าเป็นข่าวดีของวัน ต้องให้พูดถึงออก หน้าเขาทนจริง" อีกความเห็นหนึ่ง "กว่าจะไปได้ หาทางลงได้อย่างสง่างามแล้ว" อีกความเห็นหนึ่ง "ขอบคุณลุงป้อมครับ ทำให้วงการบอลไทยเจริญขึ้น" "ต้องให้ผู้ใหญ่ออกปากถึงรู้สึกว่าไม่ควรอยู่ต่อ" "ถ้าคุณสมยศลาออกได้ ถือว่าสปิริตเยี่ยม เมืองไทยจะดีขึ้นมากๆ ขอบคุณลุงป้อมครับ"

คุณสมยศ ครับ นี่คือส่วนหนึ่งเท่านั้นเองนะ คุณไม่รู้หรอกว่าชีวิตคุณตั้งแต่สมัยเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้ว คุณได้สร้างวีรกรรมมาเยอะแยะไปหมดเลย หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคดีบอส อยู่วิทยา โน่นนี่นั่น ซึ่งผมเคยพูดเรื่องนี้มาแล้ว อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแฟนบอลไทยก็ต้องดีใจเก้อ เพราะล่าสุดประชุมสภากรรมการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นคนของคุณสมยศ ทั้งนั้น (นี่ต้องยืนยันนะว่าเป็นคนของคุณสมยศทั้งนั้น) มีมติเป็นเอกฉันท์ยับยั้งการลาออก ให้ทำหน้าที่ไปจนครบวาระในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 โดยอ้างตามเกมที่คุณสมยศ ได้วางหมากเอาไว้ว่าเพื่อไม่ให้ไทยต้องเสี่ยงกับการโดนฟีฟ่าลงดาบ ซึ่งจะถูกห้ามยุ่งกับการแข่งขันระดับนานาชาติทั้งหมด รวมทั้งกิจกรรมของฟีฟ่า

พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน
ประเด็นครับ ในวันลงมติมีคนในที่ประชุมกระซิบผมมาว่า ก่อนลงมติบอร์ดสภากรรมการ วงแตก หลายคนวอล์กเอาต์ ขอลาออก รับไม่ได้ที่มีคนชงมติไว้ให้คุณสมยศอยู่ต่อ คนที่อยากชงให้อยู่ต่อก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย ก็พี่นวยของผมนั่นเอง อดีตบิ๊กตำรวจด้วยกัน คือ "นวยนิ่ม" พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน พี่นวยของผมนี่ชีวิตก็นิ่มมาตลอด ไม่เคยประสบผลสำเร็จอะไรอีกเลยแม้แต่เรื่องเดียว อยู่กับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ก็ลาออกมาด้วยความน้อยอกน้อยใจ สรุปแล้วก็มาเข้าแก๊งเดียวกับสมยศ ก็ไปด้วยกันได้ดีเหมือนผีกับโลง

เส้นทางสมาคมฟุตบอลไทยภายใต้เงื้อมมือของ สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เปรียบกับเพลงก็คือสาละวันที่เตี้ยลง ท่านผู้ชมอย่าลืมนะ คนๆ นี้เป็นคนที่พูดว่าอาชีพตำรวจถือว่าเป็นไซด์ไลน์ อาชีพหลักๆ คือเป็นนักธุรกิจ


คุณสมยศ เกษียณอายุราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในปี 2558 ก็เป็นนายกสมาคมตั้งแต่ 2559 ต่ออายุสมัยที่สอง ปี 2563 ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งอยู่นั้น แฟนบอลตั้งคำถามถึงการทำงาน เหตุการณ์ที่ทำให้ พล.ต.อ.สมยศ ถูกด่ามากที่สุดเรื่องหนึ่ง คือในปี 2560 หรือหกปีที่แล้ว เจ้าตัวออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผลงานของซิโก้ กิตติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ที่คุมทีมล้มเหลวในฟุตบอลโลก 2561 รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย โดยพ่ายแพ้ให้กับญี่ปุ่น 0 ต่อ 4 ช่วงนั้นคุณสมยศ กร่างมาก มาพร้อมวลีว่า "ใครไม่อาย ผมอาย" แต่คุณสมยศ ครับ คนก็เลยถามกลับว่า ที่ไทยแพ้มาตลอดนี่ ทำไมคุณไม่อายบ้าง ทีกับซิโก้ คุณมาพูดว่า "ใครไม่อาย ผมอาย"


ยังมีอีกประเด็นหนึ่ง มีข่าวไปยืมเงินเสี่ยกำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าพ่ออาบอบนวด ซึ่งต้องคดีค้ามนุษย์ ไปยืมมาถึง 4 ครั้ง จนเป็นข่าวฉาวในช่วงนั้น สมยศ ระบุว่า ตลอดชีวิตรับราชการของเขา เกือบจะเรียกได้ว่าอาชีพตำรวจเป็นไซด์ไลน์ แต่หลักๆ แล้วเขาทำเรื่องหุ้น


พฤศจิกายน 2564 สองปีที่แล้ว กฤษฎีกาตีความว่า พล.ต.อ.สมยศ ได้รับเงินเดือนในตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลโดยมิชอบ เพราะตำแหน่ง รวมทั้งกรรมการสมาคมฟุตบอล เป็นงานอาสา งานเสียสละ ไม่ใช่งานลูกจ้าง จึงไม่สามารถรับเงินค่าตอบแทนได้แม้แต่บาทเดียว แต่ พล.ต.อ.สมยศ กลับมีเงินเดือนประจำเดือนละ 45,000 แล้วคนที่อนุมัติจ่ายเงินเดือน 45,000 ให้คุณสมยศ นั้นก็เป็นฝาแฝดคนเดียวกัน คือ พล.ต.อ.สมยศ เช่นกัน ไม่ใช่ใคร พอเป็นข่าวก็ออกมาชี้แจงว่า รับเงินเดือนจริง แต่บริจาคกลับไปให้สมาคมฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประเด็นก็คือว่ามันผิดกฎหมาย คุณจะบริจาคให้ใครต่อ ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะตั้งเงินเดือนคุณเอง เพราะงานนี้เป็นงานที่เสียสละ

ทุกฝ่ายมองเห็นว่าตั้งแต่สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เข้ามาบริหารสมาคม ผลงานทีมชาติไทยในช่วงหลังก็สาละวันเตี้ยลงๆๆ ซีเกมส์พลาดเหรียญทองมาแล้ว 3 สมัยติดกัน ส่วนเรื่องสิทธิประโยชน์ ผลประโยชน์ให้สมาคมฟุตบอล มีบริษัทหนึ่งชนะการประมูลจนได้เข้ามาดูแลนั้น บริษัทดังกล่าวแวดวงในบอกว่า เป็นลูกรักของบิ๊กอ๊อดที่เขาอุ้มชูปลุกปั้นมาตั้งแต่สมัยเป็นตำรวจ หลายฝ่ายจึงมองว่าการประมูลในครั้งนี้มีการเอื้อประโยชน์แก่กัน

ท่านผู้ชมครับ ดูตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่ง เราย้อนกลับไปปี 2563 ได้บริษัท เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ที่แทบจะไม่มีประสบการณ์ในการทำคอนเทนต์เกี่ยวกับกีฬามาก่อน แต่ดันชนะการประมูล ถือครองลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไทยลีก มูลค่า 12,000 ล้านบาท ตกปีละ 1,500 ล้านบาท สุดท้ายไปไม่รอด เพราะบริหารขาดทุนแบบย่อยยับ ต้องเปลี่ยนผู้ถือครองมาเป็น AIS ทำให้มูลค่าลิขสิทธิ์ตกลงมาเกือบ 4 เท่า เหลือแค่ 400 ล้านบาท ตัดภาพมาตอนปัจจุบันเลย หนังฉายเร็วมาก ในเรื่องดรามาลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลไทยที่มีข่าวว่ามูลค่าลดฮวบ จาก 1,000 ล้านบาท เหลือเพียง 50 ล้านบาท


ท่านผู้ชมครับ ถ้าเราย้อนอดีตไป ลิขสิทธิ์บอลไทยเคยมีรายได้อู้ฟู่ โดยที่กระฉูดที่สุดในช่วงปี 2560-2563 ที่ทรูวิชั่นส์ ประมูลด้วยค่าลิขสิทธิ์ 4,200 ล้านบาท แบ่งเป็น ปี 2560 900 ล้านบาท ปี 2561 1,000 ล้านบาท ปี 2562 1,100 ล้านบาท และปี 2563 1,200 ล้านบาท ในช่วงปี 2563 มีปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดโรคโควิด ทรูวิชั่นส์ก็ไม่สามารถจะจ่ายเต็มจำนวนได้ ฤดูกาล 2564 ต่อ 2565 ค่าลิขสิทธิ์จาก AIS ก็ลดลงเหลือแค่ 800 ล้านบาท เท่านั้นเอง ต่อมาผ่านมาถึงฤดูกาล 2565-2566 มีรายงานว่าเหลือแค่ราวๆ 300 ล้านบาท กระทั่งฤดูกาลสุดท้าย มีรายงานว่าเหลือผู้ยื่นประมูลในราคาถูกอย่างเหลือเชื่อ 50 ล้านบาทต่อ 1 ฤดูกาล ในการซื้อลิขสิทธิ์ไทยลีก เหตุผลเขาบอกว่ามีผู้ประมูลไม่กี่ราย ทั้งหมดก็ได้เตี๊ยมกันไว้หมดแล้ว พวกเดียวกัน ฮั้วกัน กีดกันไม่ให้ผู้สนใจรายอื่นเข้าร่วมประมูลด้วย ในที่สุดรายได้ไม่ได้ตามเป้าหมาย และจุดนี้พวกสโมสรฟุตบอลทั้งหลายรับไม่ได้ โดยปกติค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลจะต้องนำมากระจายให้สโมสรต่างๆ เพื่อนำไปพัฒนาสโมสร เตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขัน ที่ผ่านมามีเสียงเป็นเอกฉันท์เลยว่าจ่ายช้า จ่ายน้อย จ่ายไม่ครบอยู่แล้ว หากว่าค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลไทยเหลือ 50 ล้านบาท สโมสรคงอยู่ไม่ได้


ท่านผู้ชมครับ ผมยกตัวอย่างแค่ค่าจ้าง เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักฟุตบอลเบอร์หนึ่งของไทย ที่ย้ายจากเจลีก กลับมาเล่นให้สโมสรบีจีปทุมยูไนเต็ด เฉพาะคุณชนาธิป คนเดียว ค่าจ้างตกเดือนละ 2 ล้านบาทแล้ว

ท่านผู้ชมครับ คุณสมยศครับ จากผลงานทั้งหมดทั้งมวลที่ผ่านมาในฐานะนายกสมาคมสโมสรฟุตบอล ผมอาจจะขอยืมวลีเด็ดของคุณมาปรับใช้บ้างนะ คุณสมยศ ว่า "คุณไม่อาย แต่ผมอาย" มิหนำซ้ำแล้ว วีรกรรมเก่าๆ ของคุณในคดี บอส อยู่วิทยา ที่ผมเคยเอามาออกอากาศ ที่คุณบอกว่าคุณไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ได้เจอท่านผู้บัญชาการกองพิสูจน์หลักฐานในวันนั้น แต่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน กล้องวงจรปิด ว่าคุณอยู่ คุณได้เจอ และคุณก็ได้โกหก


คุณสมยศครับ เมื่อไรคุณจะหยุดโกหกเสียที และเมื่อไรคุณจะรู้สึกอับอายขายหน้าเสียที เมื่อไรคุณจะเป็นเกียรติตำรวจของไทย เกียรติวินัยกล้าหาญ ซึ่งจริงๆ แล้วผมไม่ควรจะพูดคำนี้ออกมา เพราะคุณถือว่าอาชีพตำรวจคืออาชีพไซด์ไลน์

จริงๆ แล้ว คุณสมยศ คุณน่าจะไปอยู่พรรคก้าวไกล เหมาะสมกันด้วยประการทั้งปวง โหกพกลมมาตลอด หลายเรื่อง เพียงเพื่อต้องการให้ตัวเองเข้าอำนาจ สูตรเดียวกับพรรคก้าวไกลเป๊ะเลย คุณสมยศ อย่า ... อย่าช้า รีบไปยื่นข้อเสนอขอเข้าเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลเถอะครับ

"ฝรั่งเศส" ต้นแบบ 3 นิ้ว กำลังลุกเป็นไฟ

ท่านผู้ชมครับ รายการสุดท้ายที่ผมจะพูดในวันนี้ มันมีเรื่องบางเรื่องที่ท่านผู้ชมควรจะรู้ เพราะว่าสื่อต่างประเทศแทบจะไม่มีใครให้ความสนใจ รวมไปจนถึงสื่อประเทศไทย สื่อหลัก เอามาลงแค่เป็นข่าวสั้นๆ แต่ไม่ได้วิเคราะห์เจาะลึก


ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าขณะนี้ประเทศฝรั่งเศสใกล้ล่มสลายแล้ว มันมีการเผาบ้านเผาเมืองทั่วประเทศฝรั่งเศส หลายคนอาจจะไม่สนใจ อาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราว เดี๋ยวมันก็ผ่านไป สื่อต่างๆ ทั้งไทย ตะวันตก รายงานเรื่องราวการก่อจลาจลที่ประเทศฝรั่งเศส ณ ปัจจุบัน อย่างผิวเผิน เหมือนว่าเป็นปัญหาเล็กๆ ไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับประเด็นภูมิรัฐศาสตร์และพลวัตรของการเมืองโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง

ในเมื่อไม่มีใครเล่าเรื่องนี้อย่างละเอียดและเชื่อมโยงให้ท่านผู้ชมเห็นป่าทั้งป่า หน้าที่ของผมและรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ซึ่งทำหน้าที่นี้เป็นประจำอยู่แล้ว ก็จะหยิบยกเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ใหญ่แค่ไหน ? รัฐบาลฝรั่งเศสต้องเอาตำรวจ ทหาร กว่า 45,000 คน มาปราบปรามผู้ก่อการประท้วงหลายพันคน แล้วเขาประท้วงแบบเผาโน่นเผานี่ เผาร้านค้า เผาโรงเรียน เผารถยนต์ ทุบกระจกต่างๆ บุกเข้าไปเผาบ้านนายกเทศมนตรี ปล้นร้านค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร ทุบตู้ ATM บุกเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินสาขาธนาคาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชน อายุแค่ 12-18 ปีเท่านั้น


เหตุทั้งหมดมันเกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 27 มิถุนายน ประมาณปลายเดือนที่แล้ว เด็กหนุ่มชาวฝรั่งเศส สัญชาติฝรั่งเศส แต่เป็นเชื้อชาติแอลจีเรีย ระบุชื่อ นายเฮล เอ็ม ทำงานขับรถส่งพิซซ่า อยู่ถนนย่านน็องแตร์ ชานเมืองกรุงปารีส ตำรวจเรียกให้หยุดรถเนื่่องจากเขาทำผิดกฎจราจร รายงานว่าเจ้าหน้าที่นายหนึ่งยิงปืนใส่นายเฮล เอ็ม โดยอ้างว่าเขากำลังขับรถพุ่งเข้าหา แต่มันขัดแย้งกับภาพวิดีโอที่แพร่สะพัดอยู่บนโลกโซเชียลมีเดีย


ทั้งหมดนี้ก็เอาเป็นว่า เจ้าหน้าที่ที่ยิงนายเฮล เอ็ม ถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา นายเฮล เอ็ม หรือเท่ากับ จอร์จ ฟลอยด์ ท่านผู้ชมจำกรณีจอร์จ ฟลอยด์ ได้ไหม ที่อเมริกา ที่ถูกจับแล้วตำรวจกดลงไป กดหน้า กดคอลงไป จนกระทั่งขาดอากาศหายใจ เสียชีวิต


การเสียชีวิตของนายเฮล เอ็ม จุดปะทุให้กลุ่มสิทธิต่างๆ และชุมชนรอบเมืองใหญ่ในฝรั่งเศสที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติสูง ออกมาเรียกร้องอีกครั้งในการหยุดใช้ความรุนแรงของตำรวจและการเหยียดเชื้อชาติอย่างเป็นระบบ ภายในหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เขาเอาไปเปรียบเทียบกับการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ชาวผิวสีที่ตายที่เมืองมินนิอาโปลิส โดยตำรวจผิวขาว เมื่อ 25 พฤษภาคม 2563 เลยจุดกระแสที่เรียกว่า Black Lives Matter ปรากฏการณ์ของคำว่า "I can't breathe" หรือ ผมหายใจไม่ออก ประท้วงไปทั่วอเมริกา 140 เมือง และเมืองใหญ่ทั่วโลก ผมเคยพูดเรื่องนี้ไปแล้วเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2563


ในฝรั่งเศสเองมีผู้เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บหลายคนจากน้ำมือตำรวจ และได้มีการประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวในฝรั่งเศสมากขึ้น

ท่านผู้ชมครับ ประเทศฝรั่งเศสเป็นต้นฉบับ ต้นแบบ การพูดถึงความเสมอภาค เสรีภาพ และภราดรภาพ ที่คุณปิยบุตร แสงกนกกุล เทิดทูนเอาไว้อยู่บนศีรษะ รวมทั้งประเด็นประชาธิปไตย สวัสดิการ ม็อบสามนิ้วเมืองไทย สมาชิกพรรคก้าวไกล อนาคตใหม่ ชอบหยิบยกเป็นสัญลักษณ์ ยกให้เป็นต้นแบบ


ผมเอารูปให้ดู ไม่ว่าจะเป็นสามนิ้วของคุณปิยบุตร พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แม้แต่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 จากพรรคก้าวไกล ก็ยังชูสามนิ้ว แต่ท่านผู้ชมรู้ไหมครับ ในความเป็นจริง แม้จะเป็นประเทศต้นแบบของสามนิ้ว แต่สาเหตุปัญหาหนึ่งคือความไม่สงบ การจลาจลในฝรั่งเศส ณ ปัจจุบัน มันเกิดจากอะไร ? เกิดจากความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจและสังคม การเลือกปฏิบัติ ความตึงเครียดระหว่างตำรวจกับผิวสี โดยเฉพาะเชื้อสายแอฟริกา และอาหรับ หลายสิบปีที่ผ่านมา กว่าครึ่งศตวรรษ ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า

ท่านผู้ชมครับ กล่าวโดยสั้นๆ รัฐบาลฝรั่งเศสมีแผนจะปฏิรูประบบบำนาญ ตอนนี้ก็เลยเกิดปัญหาขึ้นมา นายมาครง ประธานาธิบดี ผลักดันการปฏิรูประบบบำนาญผ่านรัฐสภา โดยไม่มีการลงมติในอาคารรัฐสภาในกรุงปารีส โดยพูดง่ายๆ ว่าจะปฏิรูประบบบำนาญผู้สูงอายุ ส่งผลให้คนต้องทำงานนานขึ้น ปรับเกณฑ์คนที่มีอายุรับบำนาญ จากเดิม 62 ปี เป็น 64 แต่กลับได้จำนวนเงินบำนาญน้อยลงเมื่อเกษียณอายุ


การกระทำดังกล่าวทำให้เกิดความรุนแรงของฝ่ายที่คัดค้าน ที่ถูกตัดทอนความชอบธรรมทางกฎหมายตามระบอบประชาธิปไตย เพราะจากผลสำรวจความคิดเห็นมากกว่า 2 ใน 3 ของชาวฝรั่งเศส คัดค้านการยกเครื่องระบบบำนาญเกษียณอายุใหม่ ปัญหาในประเทศของฝรั่งเศส การเหยียดผิว ประเด็นเรื่องตำรวจลุแก่อำนาจ ใช้ความรุนแรง เลือกปฏิบัติ ปัญหาเรื่องผู้อพยพ ความไม่เท่าเทียมกัน เรื่องสวัสดิการ การศึกษา รักษาพยาบาล เรื่อยไปจนถึงปัญหาบำนาญ

ท่านผู้ชมสังเกตไหมว่ามีประเด็นที่สื่อตะวันตกเกือบทั้งหมดและไทย ไม่เคยพูดถึง ก็คือประเด็นเรื่องปัญหาวิกฤตด้านเงินเฟ้อ ค่าครองชีพ และปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ ที่ต้นตอมาจาก หนึ่ง การเข้าไปล่มหัวจมท้ายของชาติต่างๆ ในยุโรป กับสงครามยูเครน ก่อนที่สงครามยูเครนจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 รัสเซีย โดยประธานาธิบดีปูติน ได้ส่งสัญญาณหลายครั้งหลายครามาสิบๆ ปีแล้วว่าอย่าให้อเมริกา และนาโต ขยายอิทธิพลมาทางตะวันออก อย่าเพิ่มจำนวนสมาชิกนาโต อย่าเข้ามาแทรกแซงสถานการณ์ในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่ใกล้ชิดรัสเซีย เพราะว่ายุโรป และรัสเซียนั้นควรจะอยู่กันอย่างสงบ แต่ว่าประเทศยุโรป อียูส่วนใหญ่ยังไปเชื่ออเมริกา และนาโต ก็เลยมีการบุกยูเครน ตามด้วยความไม่มั่นคงทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ระบาดไปทั่วทั้งทวีป


ผมเคยเล่าให้ฟังแล้วเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน เกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อในเยอรมนี ภายหลังจากที่เกิดสงครามยูเครน และอเมริกาก็ไประเบิดท่อก๊าซนอร์ดสตรีม ในอดีตหลายร้อยปีก่อนฝรั่งเศสเป็นเจ้าอาณานิคม เป็นนักล่าเมืองขึ้น นำทรัพยากรต่างๆ ทรัพย์สินเงินทอง ของมีค่า กวาดต้านทาสแรงงานกลับมาฝรั่งเศสอย่างสบายใจเฉิบ ด้วยเหตุนี้ กรรมตามสนอง ฝรั่งเศสจึงเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยผู้คน จากอดีตดินแดนอาณานิคม หรือดินแดนโพ้นทะเล พอเวลาผ่านล่วงไป ผนวกกับการที่ฝรั่งเศสยังไม่เลิกสันดานในการเป็นเจ้าอาณานิคม รับเอาผู้อพยพจากทั่วไปหมดเข้ามาในประเทศ เมื่อผู้อพยพพวกนี้ออกลูกออกหลาน กลายเป็นประเทศนี้ประกอบด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ภาษา และศาสนา กลับหาความสงบสันติไม่ได้เลย กระทบกระทั่งกันอยู่ประจำ เป็นปัญหาอย่างรุนแรง อย่างที่เราเห็นปัจจุบัน ผนวกกับปัญหาเศรษฐกิจ และความมั่นคงจากสงครามยูเครน ก็เลยกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่ยากจะหยุดยั้ง


ปัญหาล่าสุด ก่อนหน้านี้ เดือนมีนาคม 2566 เคยยกเลิกกำหนดการเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการของสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส ที่ 3 แห่งอังกฤษ มาแล้วรอบหนึ่งจากเหตุประท้วงของม็อบปฏิรูประบบบำนาญ นายมาครง ต้องประชุมด่วนฉุกเฉิน ระดมเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนครึ่งแสน 45,000 นาย ทั้งตำรวจปราบปราม ทหารหน่วยจู่โจม หน่วยปฏิบัติการก่อการร้าย กองกำลังความมั่นคงอื่นๆ รถหุ้มเกราะ กระจายกำลังทั่วประเทศ ปราบปราม สลายผู้ชุมนุมประท้วงบนถนน ผู้ชุมนุมก็ใช้อาวุธปืนหลายชนิด ท่านผู้ชมทายสิว่าเอามาจากไหน ลักลอบมาจากยูเครน นั่นคืออาวุธที่ทางตะวันตกส่งไปให้ยูเครนใช้ พวกยูเครนก็ส่งอาวุธนั้นไปขายในตลาดมืด ทำให้สื่อตะวันตกอ้างว่ารัสเซียอยู่เบื้องหลัง เพราะว่ามีอาวุธเข้ามา

ลามไปทางประเทศยุโรปอื่นๆ สวิตเซอร์แลนด์ ก็มีการจลาจลขึ้นมา ลุกลามไปยังเมืองซูริค เมืองที่ใหญ่ที่สุด ปล้นสะดม ทุบร้านค้าทั่วเมือง เบลเยียม มีการชุมนุมขนาดใหญ่ในประเทศเบลเยียม กำลังเลียนแบบฝรั่งเศสเช่นเดียวกัน

ทั้งหมดนี้ ท่านผู้ชมลองคิดดูสิ ฝรั่งเศสวันนี้เป็นประเทศที่พิการไปแล้ว พวกท่านยังอยากจะเดินไปย่านช็องเซลีเซ ไปชอปปิ้งที่ปารีส เลิกคิดไปได้แล้วครับ เลิกคิดไปได้เลย ฝรั่งเศสไม่ใช่ดินแดนที่น่าไปอีกต่อไป เหมือนกับประเทศสหรัฐอเมริกา เหมือนกับอังกฤษ เหมือนกับหลายๆ ประเทศในยุโรป

ฝรั่งเศสมีความกังวลว่าจะมีมหกรรมโอลิมปิกที่นครปารีส ปี 2024 ก็คือจะเกิดขึ้นปีหน้า 2567 คำถามคือ จะไปได้ดีหรือเปล่า จะเรียบร้อยไหม การชุมนุมแบบนี้จะต่อเนื่องไปหรือเปล่า


ท่านผู้ชมครับ ฝรั่งเศสกลายเป็นประเทศเตี้ยอุ้มค่อม ประชาชนลำบาก แต่ทุ่มงบประมาณไปทำสงครามยูเครน ระบบการเมืองฝรั่งเศสนั้นเป็นกึ่งประธานาธิบดีกึ่งรัฐสภา มีประธานาธิบดีเป็นคนชี้ขาด ไม่ต้องรับผิดชอบ มีอำนาจสูงสุด เป็นประมุข นายกรัฐมนตรีเป็นซีอีโอ ถ้ามีความไม่พอใจอะไร ประชาชนก็ลงถนน นี่เป็นวัฒนธรรมของฝรั่งเศส การประท้วงใหญ่นั้น ไม่พอใจต่อการปฏิรูประบบบำนาญที่กระทบคนฝรั่งเศสที่เสียภาษี แต่ประธานาธิบดีมาครง กลับเอาเงินภาษีนี้ไปสนับสนุนให้ยูเครนทำสงครามกับรัสเซีย ผมมีข้อมูลให้ดูเป็นตัวอย่างนะครับ ฝรั่งเศสมอบเงิน 630 ล้านยูโร หรือประมาณ 24,000 ล้านบาท เอาไปเป็นโครงการใช้จ่ายนอกงบประมาณในด้านการสนับสนุนความปลอดภัยทั่วโลกของสหภาพยุโรป แล้วยังมอบให้อีก 200 ล้านยูโร หรือราวๆ 7,600 ล้านบาท ช่วยเหลือยูเครนด้านมนุษยธรรม

นอกจากนี้ ฝรั่งเศสยังให้คำมั่นว่าจะเบิกจ่ายงบประมาณมากกว่า 1,000 ล้านยูโร หรือ 38,000 ล้านบาท ระหว่างกันยายน 2565 ถึงเมษายน 2566 เพื่อสนับสนุนยูเครน


ท่านผู้ชมครับ เงินบริจาคของฝรั่งเศสนั้นคิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ ของเงินบริจาคของอียูทั้งหมด ที่สนับสนุนให้ยูเครนทำสงครามกับรัสเซีย ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ใหญ่อันดับสองของอียู เป็นชาติเดียวในอียูที่เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงฯ

ท่านผู้ชมครับ ประเทศฝรั่งเศสตอนนี้กำลังลำบากมาก อย่างที่ผมเล่าให้ฟังแล้วว่า รัสเซียได้ปรับหมากกลยุทธ์ด้วยการดันกลุ่มนักรบแวกเนอร์ไปจ่อคอหอยโปแลนด์ คาลินินกราด ตัดคั่นกลางแยกลิทัวเนีย ลัตเวีย เอสโตเนีย ออกจากวงโคจร ยังเอาหัวขีปนาวุธไปติดตั้งที่เบลารุส


สถานการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นที่รัสเซียส่งแวกเนอร์ไปนั้น ทำให้วงประชุมนาโตเสียงแตก วงแตกเลย ประเทศขนาดกลาง ขนาดเล็ก อย่างตุรกี เซอร์เบีย กรีซ บัลแกเรีย ฮังการี เชก จับมือแสดงท่าทีว่าไม่อยากให้สงครามยูเครนยืดเยื้อต่อไปอีกแล้ว เหลือแค่ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี โปแลนด์ ที่ปัจจัยกดดันจากความวุ่นวายและปัญหาเศรษฐกิจถูกพัวพันอย่างหนัก ในที่สุดแล้วก็มีการประเมินว่า ถ้าไม่ยุติสงครามยูเครนในเร็ววันนี้ นาโต และอียู มีสิทธิที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ


ท่านผู้ชมครับ นี่ล่ะครับสถานการณ์และความจริงของฝรั่งเศส เยอรมนี รวมทั้งประเทศต่างๆ ในยุโรป ณ วันนี้ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าประเทศพวกนี้เป็นต้นแบบสังคมภายใต้ระบบรัฐสวัสดิการของแกนนำพรรคก้าวไกล รวมทั้งกลุ่มสามนิ้วที่ใฝ่ฝันและยึดเป็นแบบอย่างในการนำพาประเทศไทยของเราให้ก้าวไปสู่รัฐสวัสดิการ ที่ในที่สุดเมื่อล้มสถาบันกษัตริย์ได้แล้ว ก็จะกลายเป็นระบอบสาธารณรัฐ 


เป็นความใฝ่ฝันของคุณปิยบุตร แสงกนกกุล คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คุณพรรณิการ์ (ช่อ) วานิช ส่วนคุณพิธา ผมไม่แน่ใจ หลังจากที่โค้ง 45 องศา ไปแล้ว และสัญญาว่าจะนำพระราชดำรัสมาทำนั้น จะร่วมเป็นร่วมตายกับคนพวกนี้ต่อไปหรือเปล่า


ยกตัวอย่างในส่วนของประเทศไทย นายพิธา และพรรคก้าวไกล พยายามกดดันให้มีการรับผู้อพยพชาวพม่า โรฮีนจา รวมทั้งให้สวัสดิการ รายได้ สิทธิต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา การรักษาพยาบาล เท่ากับประชาชนคนไทย โดยอ้างอีกแล้วว่าเป็นหลักการสิทธิมนุษยชน ไม่นับถึงการสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทางใต้พยายามแยกรัฐปาตานีที่แหกตานักประวัติศาสตร์ เพราะไม่เคยมีรัฐปาตานีในโลกนี้ นอกจากพวกที่แยกดินแดนคิดตั้งขึ้นมา


ท่านผู้ชมมองดูและจดจำภาพการจลาจล ความวุ่นวาย สิ่งที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศส และหลายประเทศในยุโรป เบลเยียม สวิตเซอร์แลนด์ หลายประเทศ ในวันนี้เอาไว้ให้ดี จำให้ดี เพราะในอนาคตท่านผู้ชมทุกท่านกับลูกหลานทุกคนอาจจะต้องประสบพบเจอ ซึ่งผมกลัวจริงๆ วันนั้นมาถึงแล้ว สิ่งที่พวกเราและลูกหลานต้องเผชิญจะเลวร้ายกว่าในยุโรปในวันนี้อีกหลายเท่าตัว แต่ช่างมันเถอะครับ พรรคก้าวไกล นี่คือความฝันอันสูงสุดของคุณปิยบุตร แสงกนกกุล หัวใจนักปฏิบัติฝรั่งเศสว่าอย่างไรครับ ตอนนี้ คุณหันกลับไปดูประเทศต้นแบบที่คุณลุ่มหลง หลงใหล และคลั่งไคล้ จะเอาหลักการของฝรั่งเศสมาใช้กับประเทศไทย


ท่านผู้ชมครับ เรื่องฝรั่งเศสถึงแม้เป็นเรื่องไกลตัวเรา แต่ดูให้ลึกๆ แล้วมันหายใจรดต้นคอเรา เพราะว่าคนที่ต้องการเอาโมเดลฝรั่งเศสมานั้น ก็คือผู้ที่มีอิทธิพลในพรรคก้าวไกล คือคุณปิยบุตร แสงกนกกุล ภรรยาเขาเป็นคนฝรั่งเศส รวมทั้งคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คคุณช่อ-พรรณิการ์ วานิช และบางส่วนก็คือคุณพิธา ที่ผมพูดไปบางส่วนว่าคุณพิธาเดี๋ยวนี้เริ่มจะเอนจอยกับอำนาจ ก็เลยพร้อมที่จะยอมรับความเป็นไปได้ความคงอยู่ของสถาบันกษัตริย์


เรื่องไกลบ้านแบบนี้ แต่มันใกล้ตัวมาก เรื่องที่ไกลบ้านแบบนี้ แต่ใกล้ตัวมาก ท่านผู้ชมอย่าลืมนะ หลังจากท่านผู้ชมฟังรายการนี้มานานแล้วจะเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าที่ผมพร่ำพูดมาตลอดเวลานั้น เป็นเพราะว่าความจริงมีหนึ่งเดียว ผมไม่ได้มโนเหมือนที่คุณวิโรจน์ และคุณชูวิทย์ มโนเรื่องทุนจีนสีเทา ผมมีหลักฐานให้ดู มีเหตุผลให้ดู มีข้อวิเคราะห์ให้ดู มีเส้นทางเวลาให้ดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วสิ่งที่มันเกิดขึ้นในฝรั่งเศสนั้น มันเกิดขึ้นจริง ไม่ได้หลอกลวงอะไรทั้งสิ้น

ท่านผู้ชมครับ สำหรับวันนี้เอาแค่นี้ก่อน วันนี้ก็มีความหลากหลาย พูดไปก็เหมือนเมดเลย์ รายการเมดเลย์วันนี้แต่สนุกสนานทุกเรื่อง เอาแค่นี้ก่อนนะครับ อาทิตย์หน้าจะมีเรื่องที่สนุกสนานมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วคอยดู สนุกมากครับ สวัสดีครับ

กำลังโหลดความคิดเห็น