xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : เบื้องหลังก้าวไกลเปลี่ยนวันชาติ -ทำไม ”ก้าวไกล” ต้องยึดเก้าอี้ประธานสภา - ใครปลุกปั่นคนไทยฆ่ากันเอง? - ขบวนการสวนปา(ล์)ม) ปตท.ปล้นประชาชน - ลับ ลวง พราง กบฏวากเนอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



-
วันที่ 30 มิ.ย.66 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ได้แก่
- ทำไม ”ก้าวไกล” ต้องยึดเก้าอี้ประธานสภา
- “ปาตานี-น้องหยก-วันชาติ” ใครปลุกปั่นคนไทยฆ่ากันเอง?
- เบื้องหลังก้าวไกล เปลี่ยน “วันเกิดกษัตริย์” เป็น ‘วันยึดอำนาจกษัตริย์’
- ขบวนการสวนปา(ล์)ม) ปตท. ปล้นประชาชน
- ลับ ลวง พราง กบฏวากเนอร์

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.195



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 196 [30 มิ.ย. 66]

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK

แอปพลิเคชัน : SONDHI APP

ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.

ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ

YouTube : Sondhitalk

เว็บไซต์: www.sondhitalk.com

Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน 2566 วันศุกร์สิ้นเดือน รถก็คงจะติดเยอะพอสมควรร เพราะเงินเดือนออกกัน ร้านอาหารคนคงแน่น ผมขอสวัสดีท่านผู้ชมแฟนๆ รายการที่รับชมสดทาง Sondhi App, Facebook, YouTube และ TikTok เหมือนเช่นเคยครับ แต่ก่อนจะเข้ารายการ จะขอเล่าอะไรให้ฟังเล็กๆ น้อยๆ ก่อน


ท่านผู้ชมจำ "น้องพลอย" หรือ พลอยเพชร ด้วงเขียว ได้ไหม ที่ไปแข่งต่างประเทศครั้งแรก ที่ประเทศบรูไน คว้าแชมป์เยาวชนทีมหญิง U12 น้องพลอยเพชร ได้รางวัลมา 10,000 บาท น่ารักมาก แบ่งใส่ซองจดหมาย เขียนมาบอกว่า "วันนี้หนูได้เงินจากการแข่งเทนนิส 10,000 บาท หนูตั้งใจให้คุณตา 5,000 บาทค่ะ หนูขอให้คุณตามีสุขภาพที่แข็งแรง สวัสดีค่ะ"


เด็กรู้ถึงความกตัญญูกตเวที และรู้ว่าคุณตาเป็นคนที่ให้การสนับสนุนอยู่ข้างหลังตลอดเวลา ผมก็เลยเอาเงิน 5,000 บาท ที่น้องพลอยเพชร ส่งมา ให้ทีมงานส่งคืนให้น้องพลอยเพชร บอกว่าคุณตาให้น้องพลอยเพชร เก็บเอาไว้ในบัญชีออมทรัพย์ สะสมไปเรื่อยๆ และผมก็เคยบอกกับทีมงานแล้ว ถ้าวันไหนน้องพลอยเพชร โด่งดังขึ้นมาในระดับโลก ผมจะเป็นผู้จัดการน้องพลอยเพชร


แล้วก็ให้คำมั่นสัญญากับท่านผู้ชมเป็นสัจจะวาจา ณ ที่นี้ ว่า รายได้จากสปอนเซอร์เข้ามาทุกบาททุกสตางค์ จะให้ครอบครัวน้องพลอยเพชร ทั้งหมด เพราะฉะนั้นถ้าถึงวันนั้นแล้ว ไม่ต้องไปหาใคร ใครเป็นผู้จัดการน้องพลอยเพชร คนที่เป็นผู้จัดการ ชื่อ สนธิ ลิ้มทองกุล ถ้าเข้ามาแบบมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ไม่ต้องเข้ามา แต่ถ้าเข้ามาแบบตรงไปตรงมา ก็เข้ามาเลย แล้วผมยืนยันตรงนี้เป็นหลักฐานประจักษ์ให้เห็นว่าผมจะเอาเงินทุกบาททุกสตางค์มอบให้เขาโดยไม่หักอะไรเลยในการช่วยเหลือน้องพลอยเพชร 2-3 ปีที่ผ่านมา

ท่านผู้ชมครับ เรื่องสุขภาพกันนิด ตอนนี้เริ่มเข้าหน้าฝนแล้ว ผมอยากจะแนะนำให้ซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" เก็บเอาไว้ ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝน ตั้งแต่ 3 กรกฎาคม - 27 พฤศจิกายน ในวงการแพทย์แผนไทย และแพทย์แผนอินเดีย ระบุชัดเจนว่า ช่วงหน้าฝน ผู้สูงวัยจะเป็นโรคทางธาตุลม

"โรคธาตุลม" คืออะไร ? คือระบบการเคลื่อนไหวจะอ่อนแอลง ถ้ามีธาตุลมเยอะ การเคลื่อนไหวอวัยวะทั้งภายในและภายนอก การเคลื่อนตัวของระบบเลือด สารสื่อประสาท การเคลื่อนตัวของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น เมล็ดเลือดขาว รวมถึงสารสื่อประสาท ทำให้เราปวด ปวดนั่นปวดนี่ ฤดูฝนจะเป็นตัวกระตุ้นทำให้โรคธาตุลมรุนแรงขึ้น จึงต้องกินอาหารในกลุ่มเผ็ดร้อนเพื่อช่วย คนโบราณตอนนั้นยังไม่มียาลม เขาก็กินอาหารเผ็ด แกงเผ็ดเอย แกงป่าเอย เอาความเผ็ดของสมุนไพร พริก พวกนี้มาช่วย


แพทย์แผนไทยเผอิญมีกลุ่มยาลมที่สามารถใช้ในการปรับสมดุลธาตุของผู้สูงวัยในฤดูฝน ผมขอแนะนำให้ใช้ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" แก้ธาตุลมโดยรวม มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง เป็นยาอายุวัฒนะ ขับลมในลำไส้ ขับลมในเส้น และยังเป็นยาระบายอ่อนๆ ท่านผู้ชมสั่งซื้อได้ที่ไลน์ (LINE) @sunherb หรือจะเข้าไปชมสินค้าทั้งหมดได้ทางเว็บไซต์ www.sunherbth.com หรือทาง Shopee, Lazada เสิร์ชคำว่า "ร้านสมุนไพรบ้านพระอาทิตย์" ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ ข้อเตือนความจำอย่างหนึ่ง เราขายยาลมฯ เป็นกล่อง 1 กล่องมี 30 ซอง เราไม่เคยแยกขายเป็นซองๆ ตอนนี้เริ่มมีคนซื้อยาลมฯ ของเราไป แล้วเอาไปแยกขายเป็นซองๆ ราคาสูง และอีกอย่างหนึ่ง ถ้าจะทานทั้งที ให้พ่อแม่ หรือปู่ย่าตายาย หรือลุงป้าน้าอาทานนั้น ต้องให้ทานต่อเนื่องกัน ไม่ใช่ให้ทานแค่ซองเดียว เหมือนอย่างผมทานมาร่วมสามปีแล้ว เรื่องลมผมไม่มีปัญหาอะไร ฤดูฝนมา ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น

ช่วงนี้ "ฟ้าทะลายโจร" ก็เริ่มจะหมดแล้ว เพราะมีคนสั่งเข้ามาเยอะ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่าฟ้าทะลายโจรนั้น อย่ารอให้ตัวเองเป็นไข้ หรือรอให้ตรวจเจอ 2 ขีด แล้วค่อยไปหาซื้อ ซื้อเก็บเอาไว้เลยท่านผู้ชม ราคาลดลงแล้วเหลือกล่องละ 300 บาท ซื้อเก็บเอาไว้ 2-3 กล่อง ไว้ที่บ้าน เกิดอาการเมื่อไร แกะออกมาทานได้ แก้หวัด แก้อักเสบ เจ็บคอ ไข้หวัดใหญ่ หรือถ้าวัดได้ 2 ขีด ก็ 4 มื้อ (เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน) มื้อละ 4 เม็ด 5 วัน พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าหายขาด


ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ ท่านผู้ชมที่เคยแวะไปที่ร้าน SUN PAN อย่าลืมเรื่องโอเลี้ยงนะครับ โอเลี้ยง ก็ยังเป็นที่ไต่ถามถึงตลอดเวลา โอเลี้ยงสูตรของคุณแม่ผม ที่ร้านยังมีหมูแท่งอบกรอบ ปลาแท่งอบกรอบ ขนมปัง สเปรด ไอศกรีมของคุณโสภณ โองการณ์ มีจำหน่ายตลอด ที่ร้าน SUN PAN ถนนวิภาวดีฯ ในปั๊ม ปตท. ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซื้อกินได้ทุกวัน ทุกเช้าผมตื่นมา ระหว่างผมทานข้าวเช้า ผมขอโอเลี้ยงถ้วยหนึ่ง ผมทานแล้วสดชื่นมาก หายง่วง กระปี้กระเปร่า อย่าลืมนะครับท่านผู้ชม

อาทิตย์นี้เรามีเรื่องอะไรบ้าง อาทิตย์นี้เรามีเรื่องที่ค่อนข้างจะดุเดือดเผ็ดมันพอสมควร ผมกำลังจะพูดในเรื่องแรก คือ ก้าวไกล ทำไมถึงมุ่งมั่นมากในการที่จะยึดเก้าอี้ประธานสภาฯ ? แล้วใครล่ะที่เหมาะจะเป็นประธานสภาฯ ในสายตาของผม ? ระหว่างตัวแทนของก้าวไกล และตัวแทนของพรรคเพื่อไทย

เรื่องที่สอง ท่านผู้ชมจำ "ปาตานี", "น้องหยก" และ "วันชาติไทย" ที่คุณรังสิมันต์ โรม เสนอว่าน่าจะเป็นวันที่ 24 มิถุนายน แล้วให้ยกเลิกวันที่ 5 ธันวาคม ทั้งหมดนี้เป็นขบวนการ เดี๋ยวผมจะเล่าขบวนการต่างๆ มันไม่ได้มีแค่นี้ มันปั่นกระแส สร้างเรื่องสร้างราว ปลุกปั่นให้สังคมไทยแตกแยก ให้คนไทยเกลียดชังกันเอง นี่คือฝีมือของพรรคก้าวไกล นอกจากนั้นแล้ว ยังเป็นตัวแทนนายหน้าให้กับประเทศอย่างเช่นสหรัฐอเมริกา ในการที่จะเข้ามาแทรกแซงในประเทศไทยได้ด้วยนโยบายต่างประเทศของพรรคก้าวไกล ที่ยังไม่ได้มีการแก้ไขเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้ว่าจะมีคนพยายามจัดให้พรรคก้าวไกล คณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ได้เข้าร่วมประชุมกับสมาคมวัฒนธรรมไทย-จีน แต่ว่า ท่านผู้ชมครับ นั่นคือการผายลมทางการเมือง เพราะวันนี้พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าพรรคก้าวไกลทำได้ทุกเรื่อง รวมทั้งโกหกพกลมตลอดเวลา เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ

อีกเรื่องหนึ่ง คุณรังสิมันต์ โรม หาเรื่องใส่ตัว จริงๆ ก็ไม่ได้หาเรื่องใส่ตัวหรอก แต่จงใจอยู่แล้วที่จะปลุกปั่นเรื่องนี้ ก็คือว่า คุณรังสิมันต์ โรม เสนอให้เปลี่ยนวันชาติ คำถามอย่างที่คุณเศรษฐา ทวีสิน ถามว่า มันเป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาลหรืออย่างไร เปลี่ยนวันชาติ ประชาชนได้อะไร ?

เรื่องที่สี่เป็นเรื่องใหญ่ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามีโคตรอภิมหาทุจริตคอร์รัปชัน สำหรับผมแล้วยิ่งใหญ่มาก ตั้งแต่ทำคดี หรือติดตามเรื่องทุจริตคอร์รัปชันมา เรื่องนี้ใหญ่ที่สุด ผมจะกระชากหน้ากาก "ขบลวนการสวาปา(ล์)ม" ของ ปตท. ร่วมมือกับอดีตผู้นำ หัวหน้า ปตท. เพื่อมาปล้นประชาชน รวมทั้งอดีตเลขาฯ รัฐมนตรีคนหนึ่ง ทำงานกันเป็นทีมเลย ท่านผู้ชมฟังแล้วอย่าตกใจนะครับ

เรื่องสุดท้าย เรื่อง ลับ ลวง พราง ซึ่งท่านผู้ชมหลายท่านอยากจะรู้ คือ "กบฏแวกเนอร์" ที่รัสเซีย จากวันก่อการมาสู่สงครามบริบทใหม่ นี่พูดถึงนายเยฟกินี พริโกซิน หัวหน้ากบฏแวกเนอร์ และผมจะแถมเป็นของขวัญให้ท่านผู้ชม ผมจะอธิบายให้ฟังว่า จะมีท่านผู้ชมอยู่จำนวนหนึ่ง อาจจะไม่ใช่ท่านผู้ชมของผมก็ได้ แต่เป็นคนที่โปรตะวันตกมาก ลุ่มหลง หลงใหลกับอเมริกา พอกบฏแวกเนอร์มีข่าวออกมาปั๊บ ตื่นเต้น บางคน แม้กระทั่งเพจของ drama addict ก็ยังเอาข่าวมาลง ว่าวลาดิมีร์ ปูติน นั่งเครื่องบินหนีไปแล้ว ซึ่งข่าวนั้นเอามาจากหนังสือพิมพ์ที่อังกฤษ และปัญหาใหญ่ของสติปัญญาของคนไทยในเวลานี้ ที่ดูเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ ก็จะไปดูและฟังกับสื่อทางตะวันตก รวมทั้งพิธีการต่างๆ นักวิพากษ์วิจารณ์ แต่พอ 48 ชั่วโมง กบฏแวกเนอร์จบ พวกนี้ออกทะเลไปแล้วกลับเข้าฝั่งไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

แล้วผมก็จะต่อด้วย สงครามยูเครนใกล้เก็บฉากแล้ว ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าตอนนี้คนอเมริกา 1 ใน 3 ต้านสงครามอย่างมาก และปริมาณคนต้านยิ่งวันยิ่งมากขึ้น

ทำไมก้าวไกลต้องยึดเก้าอี้ประธานสภาฯ ?

ท่านผู้ชมครับ เรามาพูดเรื่องการเมืองเล็กๆ น้อยๆ แล้วจะมาเล่าเบื้องหน้าเบื้องหลังให้ฟังกัน ทำไมก้าวไกลถึงต้องการยึดเก้าอี้ประธานสภาฯ ? แล้วเพื่อไทยก็ไม่ยอม มันมีที่มาที่ไปของมัน การช่วงชิงเรื่องนี้น่าจะจบได้เดือนกรกฎาคม แต่จะจบอย่างไรผมไม่รู้ แต่ผมรู้อยู่อย่างเดียวว่า ถ้าก้าวไกลได้ตำแหน่งประธานสภาฯ แล้ว ประเทศไทยวุ่นวายแน่นอน เพราะว่าก้าวไกล โดยนายพิธา พูดเป็นประจักษ์พยานเลยวา จะผลักดันการแก้ไข หรือการยกเลิก มาตรา 112 ซึ่งนั่นก็หมายถึงการเดินทางไปสู่การไม่มีสถาบันกษัตริย์ในที่สุด


ทำไมผมถึงกล้าพูดอย่างนี้ ? เพราะประธานสภาฯ จะเป็นคนพิจารณาวาระต่างๆ ที่ ส.ส. จะยื่นเข้าสภาฯ เมื่อ ส.ส. ยื่นเข้าสภาฯ แล้ว ถ้ามีวาระในการแก้ไข 112 ถ้าเป็นประธานสภาฯ ของพรรคก้าวไกล ก็จะให้เอาเข้าพิจารณา ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่าการพิจารณาวาระนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ผ่าน ในที่สุด ส.ส. ยกมือชนะว่าไม่รับ แต่กว่าจะถึงวันที่ไม่ผ่าน คนชั่วๆ ทั้งหลายก็จะขุดคุ้ยเรื่องราวต่างๆ ของสถาบันกษัตริย์ ซึ่ง 99 เปอร์เซ็นต์ ไม่จริง เอามาโจมตี เอามากล่าวหา นี่คือเวทีที่เปิดและไม่มีใครทำอะไรมันได้ เพราะมันเป็น ส.ส. มันย่อมได้รับการคุ้มครอง อันตรายไหมท่านผู้ชม และนี่คือเป้าจริงๆ ของพรรคก้าวไกล เป้านี้ คนที่นำหน้าเอาเป้านี้เข้ามาก็คือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คนอยู่เบื้องหลังก็คือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล ช่อ-พรรณิการ์ วานิช


และที่น่าเสียใจมากๆ สำหรับพรรคเพื่อไทย มีคนพรรคเพื่อไทยบางคน ซ้ายจัด แอบแฝงอยู่ แอบจับมือกับพรรคก้าวไกล เพื่อจะผลักดันให้พรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งประธานสภาฯ คนพวกนี้อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลย ถ้าท่านอยู่ในวงการท่านก็พอจะรู้ว่ามีใครบ้าง คนพวกนี้เป็นคนที่ไม่เอาสถาบันกษัตริย์มาตั้งนมตั้งนานแล้ว เป็นเพียงแต่ว่าซ่อนเร้นตัวเองได้เก่ง แต่พวกผมรู้หมดเลยว่ามีใครบ้าง

ผมคิดว่าพรรคก้าวไกลจะเสนอ ... เอาตัวบุคคลก็แล้วกัน เอาในเรื่องของหลักการก่อน พรรคก้าวไกลเสนอนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส. พิษณุโลก สมัย 2 เป็นแคนดิเดตประธานสภาฯ


ส่วนพรรคเพื่อไทยนั้น สนับสนุนให้คุณสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร 3 สมัย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย คุณสุชาติ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดฉะเชิงเทรา ถึง 8 สมัย ล่าสุด เป็นสมัยที่ 9 ในฐานะ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย


ผมคงไม่ต้องแจงรายละเอียดประวัติของทั้งสองท่านเปรียบเทียบประสบการณ์ ภายใต้การยอมรับของ ส.ส. และพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตัวแทนประชาชนทั้งสิ้น

ท่านผู้ชมครับ อย่างที่ผมพูดไปตอนต้นแล้วไงครับ การปล่อยตำแหน่งประธานสภาฯ ให้ก้าวไกล ซึ่งคือนายปดิพัทธ์ สันติภาดา คือการเปิดประตูสู่การล้มล้างสถาบัน เพื่อส่งคนเข้าไปผลักดันร่างกฎหมายแก้ไข 112 ให้สำเร็จ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ถือโอกาสดิสเครดิจสถาบันไปเลย

สถาบันพระมหากษัตริย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ได้มีปากเสียงออกมาโต้เถียงเรื่องนี้ ท่านนั่งเฉยๆ คนที่รอบตัวท่านก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนี้สถาบันกษัตริย์ต้องพึ่งพรรคเพื่อไทย ถ้าจะเอาคุณสุชาติ ตันเจริญ ขึ้นมา ทำไมผมถึงสนับสนุนคุณสุชาติ ตันเจริญ ? เพราะคุณชวน หลีกภัย เป็นคนพูดเองว่า ในยุคสมัยที่คุณชวน เป็นประธาน ได้มอบหมายให้คุณสุชาติ ซึ่งเป็นรองประธานฯ คนที่ 1 รับผิดชอบร่างพระราชบัญญัติที่เสนอเข้ามายังสภาฯ ทุกฉบับ โดยร่างกฎหมายที่พรรคก้าวไกลเสนอ เคยเสนอยกเลิกมาตรา 112 ถ้ายื่นเข้ามาจะมีคุณสุชาติ เป็นคนดูแล ซึ่งคุณสุชาติ เคยรับวาระญัตตินี้มา แล้วคุณสุชาติ บอกว่า นี่คือการล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 1 ก็เลยไม่รับเข้ามาเป็นญัตติ เข้ามาพิจารณา ก็จบไปแล้ว

แต่ถ้าประธานสภาฯ เป็นคนของพรรคก้าวไกล แน่นอนที่สุด ก็บรรจุเข้าไปในวาระทันทีเลย ก็เลยเป็นไปตามกระบวนการของการพิจารณาญัตติร่างกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร

เรามาดูกัน คุณปดิพัทธ์ เป็น ส.ส. 2 สมัย อายุ 42 ปี ลงครั้งแรก็ชนะหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส. 3 สมัย ตอนนี้เป็นถึงกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ในวันนี้


คุณปดิพัทธ ไม่ใช่ธรรมดา (รูปซ้าย) นายปดิพัทธ ชูสามนิ้ว แล้วเอามือแปะที่ตา ก็เห็นด้วยกับพวกสามนิ้ว เอาคนที่หมกมุ่น ฝักใฝ่ในการล้มล้างสถาบันกษัตริย์มาเป็นประธานสภาฯ ได้อย่างไร ถ้าได้ แล้วเป็นอย่างนั้น ก็แสดงความเจตนารมณ์ของพรรคก้าวไกลคือการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ผมจะถามคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ซิ ที่ผมต้องเอ่ยชื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เพราะรู้จักกันดี ถ้าท่านเห็นด้วย ผมจะเสียใจมาก หรือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถ้าท่านเห็นด้วย ผมก็เสียใจมาก


หรือแม้กระทั่งคุณวันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่มีเลขาฯ พรรคชื่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเป็นนายตำรวจสมัยอยู่กองปราบปราม เคยทำงานให้กับสถาบันกษัตริย์มาหลายครั้ง ถ้าคนพวกนี้ยังสนับสนุนอยู่ ผมเชื่อว่าคนพวกนี้คือคนขายชาติ พรรคก้าวไกลนี่ขายชาติอยู่แล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เดี๋ยวผมจะมาเรียงลำดับให้ดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง


คุณหมอสัตวแพทย์คนนี้ชื่อ "หมออ๋อง" จบคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โปรไฟล์การทำงานคือ เป็นสัตวแพทย์ โดยปฏิบัติการมา 2 ปี ถ้าเราดูทั้งหมดแล้ว หมากที่ก้าวไกลกำลังเดินอยู่ทั้งหมดทั้งมวล ท่านผู้ชมดูให้ดี อย่าไปหลง แล้วจำชื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เอาไว้ จำชื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เอาไว้ จำชื่อ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เอาไว้ จำให้แม่น เพียงเพราะว่าอยากได้ตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี พร้อมที่จะเป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่จะสนับสนุนให้คนที่จะรับญัตติการแก้มาตรา 112 ซึ่งเป็นคนของพรรคก้าวไกล เพื่อที่จะให้มีการยื่นญัตติเข้าไปแล้วก็เอาเข้าไปโต้เถียงกันในสภาฯ แซะ เสียดสี หยามเหยียดกษัตริย์ ซึ่งไม่เคยมีปากมีเสียงกับใคร ที่น่าเสียใจ คนบางคนที่ผมรู้จัก ที่มีจุดยืนในเรื่องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ก็ยังมาเชียร์ว่าพรรคก้าวไกลอันดับหนึ่ง ก็ต้องให้พรรคก้าวไกลได้ประธานสภาฯ หรือว่าเป็นนายกรัฐมนตรี

ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมฟันธงได้เลยว่าพรรคก้าวไกล คือพรรคที่จะทำให้ประเทศชาติแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ อยู่เบื้องหลังการชักใยกลุ่มทะลุวัง อยู่เบื้องหลัง "น้องหยก" ออกมาสร้างกระแส ปีนรั้ว ย้อมผม แต่งชุดไพรเวตไปโรงเรียน


รังสิมันต์ โรม ออกมาสนับสนุนการเปลี่ยนวันชาติ จากวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 9 วันที่ 5 ธันวาคม ให้เป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน ซึ่งผมเคยเรียนท่านผู้ชมแล้ว เอาหลักฐานมาให้ท่านผู้ชมได้ดูว่า 2475 นั้น ไม่ใช่เป็นวันเปลี่ยนแปลง 2475 ไม่ใช่คณะราษฎร แต่เป็นคณะโจร เข้ามาล้มล้างกษัตริย์ เพื่อที่จะปล้นสะดมชิงทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์

ท่านผู้ชมครับ คุณรังสิมันต์ โรม และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล สนิทสนมกันมาก เพราะเป็นคนใต้ด้วยกัน ผมฝากไปถึงคุณสุรเชษฐ์ หักพาล ด้วย ถ้าคุณเป็นตำรวจที่จงรักภักดีในสถาบันกษัตริย์ คุณต้องแสดงทีท่าออกมาแล้ว หรืออย่างน้อยคุณต้องไปบอกคุณรังสิมันต์ โรม ว่าผมไม่เห็นด้วยกับคุณนะเรื่องนี้ ผมเสียใจมากๆ ท่านผู้ชมจำเอาไว้เลยนะครับ คุณรังสิมันต์ โรม และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล สนิทสนมกันอย่างที่สุด


แล้วการที่นายธนาธร และคณะก้าวไกล เดินสายไปเสวนาที่ภาคใต้ ภาคโน้นภาคนี้ ไปทำไม ? ไปยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความรุนแรง ท่านผู้ชมครับ งานชิ้นนี้แก้ได้ง่ายนิดเดียว ถ้าพรรคก้าวไกล คนส่วนใหญ่ในพรรคก้าวไกล เก้าสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ เป็นคนที่จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แม้กระทั่งคุณทักษิณ ชินวัตร ยังให้สัมภาษณ์มาชัดเจนเลยว่า เรื่องความจงรักภักดีนั้น แน่นอนที่สุด ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มีอีแอบอยู่หลายคนที่อยู่ พยายามขัดขวางภายในพรรคเพื่อไทย เพราะว่าตัวเองสนิทสนมกับพวกพรรคก้าวไกล เพราะตัวเองมีวาระในการล้มล้างสถาบันกษัตริย์เช่นกัน แต่ตัวเองแอบเอาไว้ ชื่อผมมีหมด


ท่านผู้ชมครับ ทำไมคุณธนาธร จะต้องเดินสายไปที่ภาคเหนือ ภาคใต้ ไปปลุกระดมไปหมด คุณธนาธร ต้องการสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้น เพราะว่าถ้าคุณพิธา ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เส้นสายต่างๆ ที่เดินอยู่นั่นล่ะ ก็เลยปลุกระดมออกมาออกถนน แล้วถ้ามีการปราบปรามขึ้นมา ก็จะเข้าทางของประเทศทางตะวันตก ก็คือสหรัฐอเมริกา ซึ่งพรรคก้าวไกลปวารณาตัวว่าจะเป็นพรมเช็ดเท้าให้กับอเมริกา ท่านผู้ชมครับ อเมริกาไม่ได้สนใจในสถาบันกษัตริย์ วาทกรรมที่พูดบอกว่าเป็นมิตรเรามาร้อยกว่าปี เป็นเรื่องโกหกพกลมทั้งเพ อเมริกาจะสนใจพระมหากษัตริย์ในกรณีที่พระมหากษัตริย์นั้น เขาควบคุมได้โดยผ่านทางการเมือง และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาต้องการที่จะแก้มาตรา 1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ท่านผู้ชม อันตรายมาถึงแล้ว เดินผิดเพียงนิดเดียว เมืองไทยนองเลือดแน่ๆ


นายพิธา อ้างว่ามีประชาชน 14 ล้านคน ที่เลือกพรรคก้าวไกล ให้ฉันทามติในการแก้ 112 ผมก็อยากจะถามพ่อแม่พี่น้อง 14 ล้านคน ว่าจริงๆ แล้วคุณเลือกพรรคก้าวไกลเข้ามาเพราะว่าพรรคก้าวไกลจะแก้ ม.112 และจะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ใช่หรือไม่ ? ถ้าใช่ก็แสดงว่าโอกาสที่จะนองเลือดมีจริงๆ เพราะคนที่รักพระเจ้าอยู่หัวยังมีอีกเยอะในประเทศไทย มีอีกมากมาย ท่านผู้ชมอ่านเกมออกหรือยัง ถ้าพรรคก้าวไกลไม่ได้ประธานสภาฯ กลายเป็นพรรคเพื่อไทยแทน อย่างน้อยที่สุด การใช้สภาผู้แทนราษฎรเป็นจุดที่จะมาโจมตีสถาบันกษัตริย์ ก็ไม่มี อย่างน้อยผมเชื่อว่าคุณสุชาติ ตันเจริญ ก็จะไม่ยอมรับญัตตินี้ให้เข้าในสภาฯ เพราะประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานของ ส.ส. ทุกๆ คน

ท่านผู้ชมครับ ท่าน ส.ว. ครับ วันนี้พรรคก้าวไกลต้องการจะยื้อไปเรื่อยๆ ยื้อไปเรื่อยๆ ยื้อไปจนกระทั่งถึงวาระที่ ส.ว. หมดอายุ แล้วเวลาเลือกนายพิธา จะได้ไม่ต้องพึ่งเสียง ส.ว. ท่านผู้ชมครับ ประเทศไทยวิกฤตทุกวินาที ที่สำคัญที่สุด คนที่เคยแสดงออกว่าจงรักภักดี แต่ลับหลังเลื่อยขาเก้าอี้ และพยายามส่งเสริมให้พรรคก้าวไกลมีอำนาจ โดยไม่สนใจหลักการ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เลย ผมเป็นคนรักชาติ เพราะชาติ ประกอบด้วยศาสนา และพระมหากษัตริย์ จะขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ได้ ขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใด ชาติไทยจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก


จริงๆ เรื่องนี้แก้ง่ายนิดเดียว คุณทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ตัดสินใจเด็ดขาดไปเลย ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล พรรคก้าวไกลก็ไปไม่เป็น แต่ก็ไปกลัวกระแส กระแสอะไร ? คุณสามารถที่จะทำงานได้ ไม่ได้เลวกว่าพรรคก้าวไกล ดีกว่าเสียด้วยซ้ำ และคุณก็ยังจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ คุณไม่เอา 3 ป. ผมก็ไม่เอา 3 ป. ไม่มีใครเขาว่าอะไร เขาเห็นด้วย คุณไม่เอาประยุทธ์ ไม่เอาประวิตร ไม่เอาอนุพงษ์ ก็ไม่ต้องเอา ผมเห็นด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว อยู่ที่พรรคเพื่อไทย อยู่ที่คุณทักษิณแล้ว อยู่ที่คุณเศรษฐา ทวีสิน แล้ว ง่ายนิดเดียว ไม่ต้องไปกลัวกระแส กระแสมันไม่มี กระแสมันก็คือต่อต้าน 3 ป. ถ้าคุณจะรวมพรรคพลังประชารัฐเข้ามาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่ คุณก็ต้องบอกลุงป้อมสิ ลุงป้อม ผมขอเถอะ อย่าเข้ามาเลย ผมเชื่อว่าลุงป้อมก็ไม่มา ก็จะออกจากตำแหน่ง พร้อมจะอยู่บ้านเลี้ยงหลาน ซึ่งไม่รู้จะมีหลานกี่คน

ประเด็นอยู่ตรงนั้น กระแสถ้าคุณเอาลุงป้อมเข้ามาร่วมด้วย แล้วลุงป้อมมีตำแหน่งอยู่ในรัฐบาลชุดใหม่ จากการจัดตั้งครั้งที่ 2 ถ้าพรรคก้าวไกลไปไม่รอด ถ้าอย่างนั้นกระแสคุณตกแน่นอน ถอนไปเถอะครับ อย่าไปฟังเลย ส.ส. ที่เคยแตกพรรคไปอยู่ที่อื่น พอตอนนี้เห็นคุณจะแลนด์สไลด์แล้วกลับมาขออยู่ในบัญชีรายชื่อ อย่าไปฟัง ฟังจิตใต้สำนึกของคุณเองดีกว่า

ปาตานี-น้องหยก-วันชาติ ใครปลุกปั่นคนไทย ฆ่ากันเอง

ท่านผู้ชมครับ หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ผมได้ชี้ให้เห็นจุดอ่อนและจุดเปราะบางในประเด็นเรื่องนโยบายของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ข้อที่หนึ่ง ยังคงมีการดันทุรังให้มีการแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งตอนแรกพรรคก้าวไกลบอกว่าจะให้ยกเลิก รวมไปถึงการเดินหน้าปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ตามแนวทางของอดีตพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล


ข้อที่สอง การเปิดทางให้ต่างชาติ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา เข้ามาแทรกแซงในประเทศไทย ซึ่งเป็นนโยบายต่างประเทศของพรรคก้าวไกล ระบุชัดเจนว่า พรรคก้าวไกลถ้าได้เป็นรัฐบาล จะทำให้ประเทศไทยเป็นพันธมิตรทางด้านความมั่นคงกับอเมริกา และจะเพิ่มทรัพยากรในการฝึกคอบร้าโกลด์


ในเวลาต่อมา วันที่ 7 มิถุนายน 2566 ที่ มอ. ปัตตานี มีการจัดงานเปิดตัวขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ มีการเชิญตัวแทน 3 ว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล เข้าร่วมงาน คือ พรรคก้าวไกล พรรคประชาชาติ และ พรรคเป็นธรรม งานดังกล่าวอ้างว่าเป็นงานวิชาการ มีการทดลองลงประชามติแยกรัฐปาตานีออกเป็นรัฐเอกราช แต่ใช้การเล่นคำ บอกว่า "สิทธิในการกำหนดชะตากรรมของตัวเอง" ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Self Determination" ซึ่งไม่พ้นจุดหมายปลายทางก็คือการแบ่งแยกดินแดนนั่นเอง ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 อย่างชัดเจน

ข้อที่สาม การที่คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย แต่เป็นคนที่ชอบโกหกพกลม วันหนึ่งพูดอย่าง อีกวันพูดอีกอย่าง ซึ่งผมเตือนคุณพิธา ไปแล้วว่าคุณพิธา คุณจะโกหกพ่อแม่พี่น้อง ลูกเมียของคุณ ก็แล้วแต่ แต่อย่าโกหกประชาชน เพราะการโกหกประชาชนนั้นเป็นบาปกรรมที่ใหญ่หลวง

ท่านผู้ชมครับ เผอิญในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีคลิปวิดีโอคลิปหนึ่งซึ่งเผยแพร่กันมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่กลับมาเป็นประเด็นพูดกันอย่างหนาหูอีกครั้งในโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หรือ นายใหญ่ หรือเจ้าของพรรคก้าวไกลตัวจริง คือ คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 2 หรือ 3 สัปดาห์ที่แล้ว วันที่ 10 มิถุนายน 2566 คุณสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา เคยโพสต์คลิปนี้ลงโซเชียลฯ เพื่อให้หน่วยงานตรวจสอบความถูกต้องว่าเป็นการปลูกฝังความคิดแบ่งแยกดินแดนให้เยาวชนไทยหรือไม่ ในคลิปนั้นปรากฏว่าเป็นนายธนาธร ในฐานะประธานคณะก้าวหน้า ผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล กำลังบรรยายให้กับนิสิตนักศึกษาและเยาวชนฟังเกี่ยวกับเรื่องราวของภาคใต้ โดยเป็นคลิปที่คนในที่ประชุมถ่ายมาแล้วเผยแพร่ในสื่อโซเชียล และคุณสมชาย บอกว่า ไม่รู้อบรมใคร ที่ไหน เมื่อไร


ต่อมามีคนที่ใช้เฟซบุ๊ก ใช้ชื่อบัญชีว่า "เทวดาผู้หยั่งรู้ฟ้าดินอากาศมหาสมุทร" ได้โพสต์คลิปวิดีโอดังกล่าวอีกครั้ง พร้อมข้อความระบุรายละเอียด ซึ่งผมไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่า โพสต์ว่า "ระทึกสุดขีด_คลิปหลุด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ร่วมกับปิยะบุตร แสงกนกกุล พรรคก้าวไกล ปลุกระดมเยาวชนชาติและกลุ่มชาติพันธุ์ ภาคใต้ 14 จังหวัด กระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา ระนอง สงขลา สตูล สุราษฎร์ธานี ให้ก่อการลุกฮือ ประกาศแยกตัวต่อรัฐไทย เข้าข่ายก่อการกบฏอย่างร้ายแรง #แชร์ให้เยาวชนประชาชน14ล้านเสียงในชาติเห็นโดยด่วน"

พอสื่อในเครือผู้จัดการนำคลิปนี้มา นายธนาธร ก็ออกมาโพสต์โต้ตอบ บอกว่าการนำเสนอดังกล่าวเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ข้อความตอนหนึ่ง นายธนาธร ระบุว่า "ผมขอตั้งคำถามว่า นี่คือการจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อโหมกระพือกระแสที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมกำลังพยายามปลุกปั่นว่าพวกเราคณะก้าวหน้า-พรรคก้าวไกล เป็นกลุ่มคนที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน และไม่สมควรได้เข้าบริหารประเทศหรือไม่" นายธนาธร ระบุด้วยว่า "การบรรยายนี้เป็นการบรรยายให้กับนิสิตในชมรมของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งนิสิตชมรมนี้เคยทำกิจกรรมทางสังคมร่วมกับคณะก้าวหน้า จึงนำมาสู่กิจกรรมบรรยายตามที่ปรากฏในคลิป และกิจกรรมดังกล่าวไม่ได้เป็นการเจาะจงบรรยายให้กับเยาวชนในภาคใต้ 14 จังหวัดตามที่ผู้จัดการพาดหัว และสถานที่บรรยายก็ไม่ใช่ภาคใต้ด้วย"


ประเด็นครับ ท่านผู้ชม ความสำคัญของคลิปนี้อยู่ที่เนื้อหาที่นายธนาธร พูดให้เยาวชนทั้งหลายฟัง สิ่งที่นายธนาธร อ้างว่าหัวข้อที่ตนเองบรรยายคือปัญหาชาติพันธุ์ในประเทศไทย ซึ่งต้องการเปรียบเทียบให้ผู้ฟังเห็นความแตกต่างระหว่างนานาประเทศ กับประเทศไทย ในการชำระประวัติศาสตร์ บาดแผลตัวเอง และสร้างชาติที่เข้มแข็ง ผ่านการโอบรับความหลากหลายทางเชื้อชาติ มากกว่าการบังคับให้ทุกคนมีจิตสำนึกในความเป็นไทยแบบเดียว

แต่พอผมมาดูเนื้อหาในคลิป ผมสรุปใจความที่คุณธนาธร พูด คุณธนาธร บอกว่า เคยมีกบฏ 7 หัวเมืองแขก ไม่ใช่กบฏ แต่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ป่าอยู่เขา ยังไม่รู้เลยว่ารัฐชาติคืออะไร จู่ๆ ก็เกิดรัฐชาติสมัยใหม่ เกิดบัตรประชาชน ถูกบอกว่าต้องส่งภาษีให้กรุงเทพฯ ถือว่าเป็นความรุนแรงทางกายภาพที่เกิดขึ้น คุณธนาธร ยังบอกด้วยว่า จนถึงวันนี้ภาคใต้คือกลุ่มคนมลายูที่เขาไม่ยอมรับรัฐไทย เพราะความรุนแรงทางวัฒนธรรม นี่คือคำพูดคุณธนาธร นะครับ "คุณต้องอ่านภาษาไทย คุณต้องพูดภาษาไทย ถ้าคุณไม่สยบยอม ลูกคุณก็เข้าโรงเรียนไม่ได้ ลูกคุณเข้าโรงพยาบาลไม่ได้ คุณต้องแต่งตัวเหมือนฉัน คุณต้องเชื่อเหมือนฉัน คุณต้องใช้กฎหมายของฉัน คุณต้องเหมือนฉัน คุณเป็นอื่นไม่ได้ คุณเป็นอื่นไม่ได้" ท่านผู้ชมครับ เราหยุดตรงนี้ก่อน


ผมถามท่านผู้ชม ท่านผู้ชมฟังคำพูดของคุณธนาธรแล้ว นี่คือการปลุกปั่นให้ประชาชนเกลียดรัฐไทย ซึ่งจริงๆ แล้วก็คือประเทศไทยนั่นเอง ใช่ไหม คุณธนาธร อ้างประวัติศาสตร์ที่ตัวเองบิดเบือนให้ประชาชน เยาวชน เข้าใจประวัติศาสตร์แบบที่คุณต้องการหรือเปล่า

คุณธนาธร พูดต่อ "ทุกคนคือเชื้อชาติไทยหมด คือความรุนแรงทางวัฒนธรรมที่ถูกกระทำ ที่ถูกยัดเยียดเข้ามา หลังจากความรุนแรงทางกายภาพใช้ประสบความสำเร็จไปแล้ว เมื่อรัฐไทยประสบความสำเร็จในการใช้ความรุนแรงทางกายภาพ ปราบปรามผู้ที่ไม่สยบยอม กรอบอำนาจใหม่ของรัฐชาติที่เรียกว่า ไทย เมื่อใช้ความรุนแรงทางกายภาพสำเร็จแล้ว จึงเกิดความรุนแรงทางวัฒนธรรม"

คุณธนาธร ย้ำว่า สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดของกลุ่มชาติพันธุ์ คือ กลุ่มชาติพันธุ์ถูกกลุ่มชนชั้นนำหักหลังเรื่องที่ดิน หลอกให้มาช่วยรบกับคอมมิวนิสต์ พอรบเสร็จไม่ได้ที่ดิน

ท่านผู้ชมครับ ฟังผมมาถึงตรงนี้ ท่านผู้ชมเห็นหรือเปล่าว่าเนื้อหาในคลิปที่ผมสรุปมา เป็นคำพูดจากปากนายธนาธร เองทั้งสิ้น ท่านผู้ชมที่มีปัญญาก็คงคิดเองว่าเนื้อหาที่ธนาธร พูดนั้น ฟังอย่างไรก็ไม่ได้เป็นการพูดเพื่อสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในหมู่ประชาชนคนไทยตามที่คุณธนาธร อ้างและโต้แย้งมายังหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

คุณธนาธรครับ แกนนำพรรคก้าวไกลครับ ผมขอเตือนไว้อีกครั้งหนึ่งว่า พวกคุณต้องย้อนมองตัวเองว่ากำลังปลุกปั่นให้คนในชาติแตกแยกเกลียดชังกันหรือเปล่า คุณยกประวัติศาสตร์ของชาติพันธุ์มาบังหน้า โชว์ว่าคุณรู้เรื่องประวัติศาสตร์

20 ปีที่ผ่านมา คุณธนาธร คุณได้ใช้นิตยสาร หนังสือในเครือฟ้าเดียวกันบิดเบือนประวัติศาสตร์หลายต่อหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์

เมื่อธนาธร บิดเบือนเรื่องกบฏ 7 หัวเมืองแขก


นอกจากนี้ สิ่งที่คุณธนาธร เอาไปเล่าให้นิสิตนักศึกษาฟัง ก็เป็นประวัติศาสตร์ด้านเดียว จากมุมมองของพวกคุณที่ต้องการจะปลุกปั่นกระแสชังชาติให้เกิดขึ้น คุณอ้างถึงคำพูดว่า กบฏ 7 หัวเมืองแขก ที่เกิดขึ้นในปี 2445 หรือ 120 กว่าปีที่แล้ว ในสมัยรัชกาลที่ 5 คุณธนาธร บอกว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นเพราะกลุ่มคนมลายูที่เขาไม่ยอมรับรัฐไทย กล่าวหาว่าเป็นการล่าอาณานิคมของสยาม ของรัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี คืออะไรถ้าโจมตีสถาบันกษัตริย์ได้ คุณธนาธร และพรรคพวก จะไม่หยุดยั้งเลยที่จะโจมตี ทั้งๆ ที่ข้อมูลที่ใช้โจมตีนั้นเป็นข้อมูลเท็จ เท็จตรงไหน ?

ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้คือ รัชกาลที่ 5 ท่านได้ดำเนินการปฏิรูประบบราชการ ปฏิรูปการจัดเก็บภาษี การปฏิรูประบบราชการ การจัดเก็บภาษีนั้น สร้างความไม่พอใจให้กับ "รายา" หรือกลุ่มผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ "รายา" แท้จริงแล้ว ถูกแต่งตั้งจากส่วนกลาง คือกรุงเทพฯ ทั้งนั้น ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องกบฏ 7 หัวเมืองภาคใต้ คุณธนาธร โกหกอย่างบัดซบ ท่านผู้ชมครับ และนี่คือแกนนำของพรรคก้าวไกล ไม่เว้นเลยตั้งแต่หัวหน้าพรรค มาจนถึงเจ้าของพรรค โกหกตลอดเวลา ตามผมมานะครับ

มีเพจหนึ่งซึ่งเป็นเพจประวัติศาสตร์ ชื่อเพจ "ฤๅ - Lue History" ได้ให้ข้อเท็จจริงไว้ดังต่อไปนี้ กรณี "กบฏ 7 หัวเมืองภาคใต้" คืออีกหนึ่งเหตุการณ์ที่มีนักวิชาการบางคนชอบเอามาบิดเบือนและโจมตีว่า การปฏิรูปบ้านเมืองในสมัย ร.5 หรือที่เรียกว่า "การรวมศูนย์อำนาจรัฐราชการสมัยใหม่" เป็นการล่าอาณานิคมของสยาม และพยายามแทรกแซงกดขี่คนท้องถิ่น


ข้อเท็จจริงข้อแรก คือ การล่าอาณานิคมของพวกฝรั่ง กับ การรวมศูนย์อำนาจ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ในทางรัฐศาสตร์นั้นเป็นคนละเรื่องกัน

การปฏิรูปบ้านเมืองของรัชกาลที่ 5 เป็นการสร้างมาตรฐานให้เหมือนกันทั้งประเทศ ทั้งระบบราชการ การศึกษา ภาษี เปลี่ยนแปลงจากการปกครองในรูปแบบเก่าหรือแบบจารีตมาเป็นแบบรัฐราชการสมัยใหม่ ซึ่งแต่ละหัวเมืองก็ยังคงมีเจ้าเมืองปกครองอยู่ ไม่ใช่การเข้ามายึดเป็นเมืองขึ้นแล้วดูดกลืนทรัพยากรออกไปเหมือนการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก ถ้าเข้าใจผิด เข้าใจใหม่ได้นะครับคุณธนาธร

และกรณีของกบฏ 7 หัวเมือง ที่คุณธนาธรอ้างนั้น ท่านผู้ชมรู้ไหม สาเหตุจริงๆ เกิดจากการที่กลุ่มรายาหรือกลุ่มเจ้าเมืองต่างๆ ต้องเสียผลประโยชน์ที่เคยได้รับก่อนหน้าที่จะมีการปฏิรูประบบภาษีโดยรัฐบาลสยาม ที่สำคัญเรื่องนี้ยังเขียนไว้ในเอกสารในหอจดหมายเหตุแห่งชาติด้วยว่า แต่เดิมพวกรายาเหล่านี้เก็บภาษีชาวบ้านแบบขูดรีดเพื่อเอาเงินเข้าตัว เมื่อมีการเปลี่ยนระบบภาษีก็ทำให้พวกเขาเสียผลประโยชน์ ก็เลยลุกขึ้นก่อกบฏ จนรัฐบาลสยามต้องเข้ามาจัดการ และเป็นการจัดการเฉพาะตัวเจ้าเมืองที่ก่อปัญหาเท่านั้น โดยไม่มีการนองเลือดขึ้นกับประชาชน

เจ้าเมืองทั้ง 7 หัวเมืองก็เป็นเพียงแค่รายาที่แต่งตั้งโดยทางสยาม ไม่ใช่สุลต่านหรือกษัตริย์ในท้องที่นั้นๆ เรื่องนี้แม้แต่อังกฤษซึ่งมีอิทธิพลเหนือดินแดนมลายูยังยอมรับว่า อำนาจการปกครองของ 7 หัวเมืองนั้นอยู่ที่สยามมาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ใช่อยู่ที่บรรดาเจ้าเมืองต่างๆ

เพราะฉะนั้นแล้ว การที่คุณธนาธร พูดว่า "สยามล่าอาณานิคม" จึงเป็นเรื่องโกหก และเป็นการโกหกที่บัดซบ เพราะต้องการที่จะแซะ ต้องการจะสร้างการทำลาย บ่อนทำลายสถาบันกษัตริย์ พูดอย่างไม่เกรงใจ คือคุณธนาธร เอาข่าวลือโบร่ำโบราณมาปั่นหัวเด็ก เยาวชน และชาวบ้านไปเองว่าคนในพื้นที่ถูกส่วนกลางเอารัดเอาเปรียบ

ทีนี้ชัดหรือยังว่าใครกันแน่ที่กำลังปลุกปั่นให้สังคมแตกแยก ให้คนไทยเกลียดชังกันเอง


ท่านผู้ชมครับ ผมมีความคืบหน้ากรณีจัดเสวนาเรื่องการกำหนดอนาคตตนเองในสันติภาพปาตานี ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี หรือ มอ. ปัตตานี เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 ที่ผมออกรายการไปเมื่อสัก 1-2 อาทิตย์ที่แล้ว ตอนนี้ กอ.รมน. ภาค 4 เข้าแจ้งความเอาผิดกับขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ พรรคการเมือง และนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการจัดเสวนา และได้จัดให้มีการจำลองการลงประชามติในการแบ่งแยกดินแดนแล้ว


ทั้งนี้ พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาค 4 ผู้อำนวยการ กอ.รมน. ภาค 4 ได้มอบอำนาจให้ผู้แทนเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการแจ้งความเอาผิดทางกฎหมายต่อขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ พรรคการเมือง และนักการเมือง ภาคประชาสังคม ที่เกี่ยวข้องกับการจัดเสวนาเรื่องการกำหนดอนาคตตนเองในสันติภาพปาตานี และมีการจัดให้มีการจำลองการลงประชามติในการแบ่งแยกดินแดน โดยให้ผู้ที่เข้าร่วมเสวนาลงประชามติเห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วย กับการแบ่งแยกดินแดน ในข้อหาร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายอาญา และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ อันเป็นการนำเข้าข้อมูลที่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดีของประชาชน และความมั่นคงของสังคม ให้ได้รับโทษทางกฎหมายจนถึงที่สุด

ท่านผู้ชมครับ รายงานข่าวแจ้งว่า มีรายชื่อผู้ที่ถูกแจ้งความดำเนินการเอาผิดครั้งนี้จำนวนกว่าสิบคน เป็นทั้งนักศึกษาที่อยู่ในขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ อดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง รวมทั้งผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ผู้นำประชาสังคมอีกจำนวนหนึ่ง รายชื่อผู้ต้องหาที่ผมทราบมา มีดังนี้

1. นายอิรฟาน อูมา ภูมิลำเนา อำเภอเมืองนราธิวาส ประธานขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ อดีตนายกสโมสรนักศึกษาสถาบันอาหรับ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งข้อสังเกตคือ นายอิรฟาน อูมา เป็นบุตรชายคนเล็กของนายนัจมุดดีน อูมา อดีต ส.ส. นราธิวาส ที่เคยถูกจับและดำเนินคดีข้อหากบฏ แต่ศาลได้ยกฟ้องไป


คนที่สอง นายสารีฟ สแลมัน ภูมิลำเนา อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส คนที่สาม นายฮุซเซ็น บือแน ภูมิลำเนา อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เลขาธิการ Pelajar Bangsa วิทยาเขตยะลา ผู้ดำเนินการเสวนา คนที่สี่ นายอาเต็ฟ โซ๊ะโก ภูมิลำเนา อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ประธาน The Patani คนที่ห้า คือ นายฮากิม พงตีกอ ภูมิลำเนา อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ประธานกลุ่มปาตานี บารู รองเลขาธิการพรรคเป็นธรรม


วันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา นายกัณวีร์ สืบแสง รองหัวหน้าพรรค และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ได้โพสต์ว่า ผมยืนยันว่าพรรคเป็นธรรมไม่สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน ที่ขัดมาตรา 1 ผมพร้อมใช้ตำแหน่ง ส.ส. ที่มาจากชาวปาตานี ยังระบุ "ปาตานี" นะ ผมชี้ให้ฟังแล้วว่า "ปาตานี" หลักฐานทางประวัติศาสตร์มันไม่มี ท่านผู้ชมครับ พวกเขาคิดคำพูดขึ้นมาเอง เพื่อให้ดูขลัง ดูศักดิ์สิทธิ์ มันไม่มีคำว่า "ปาตานี" แต่ดั้งเดิมเลย

เขาบอกว่า ผมพร้อมใช้ตำแหน่ง ส.ส. ที่มาจากชาวปาตานี ปกป้องน้องๆ นักศึกษา นักกิจกรรมที่ถูกคุกคาม ถูกดำเนินคดีจากฝ่ายความมั่นคงจากการจัดกิจกรรมในคราวที่แล้ว ผมยังย้ำกับพี่น้องสื่อมวลชนด้วยว่า หากมีการกล่าวหาผมและพรรคเป็นธรรมว่าสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน ก็พร้อมดำเนินคดีกลับเช่นกัน เพราะเชื่อว่าความพยายามเรื่องนี้ไปฟ้องยุบพรรค อาจเป็นเกมหนุนการล้มรัฐบาล


ท่านผู้ชมครับ เรามาดูเหตุการณ์ย้อนหลังไม่ไกลนักแล้วกัน พรรคเป็นธรรม หาเสียงกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อะไรบ้างล่ะ ? ยกเลิก ศอ.บต. ถอนทหารออกจากพื้นที่ สร้างสันติภาพในปาตานี (ซึ่งเป็นเรื่องเมืองทิพย์ที่ไม่เคยมีมาก่อน คิดกันขึ้นมาเอง) สังเกตว่าพวกนี้ไม่เรียกว่า "ปัตตานี" ตามรัฐไทย แต่เรียก "ปาตานี" ตามข้อเรียกร้องของพวกแบ่งแยกดินแดน พฤติกรรมนี้ก็น่าจะเชื่อได้ว่าพวกคุณกับพวกแบ่งแยกดินแดนเกี่ยวข้องกัน เพราะถ้าไม่เกี่ยวข้องกันคุณจะเรียก "ปาตานี" ตามการโฆษณาชวนเชื่อของพวกแบ่งแยกดินแดน


รองเลขาธิการพรรคเป็นธรรม เป็นหนึ่งในคนที่ถูกทหารแจ้งความดำเนินคดี เพราะขึ้นเวทีเสวนาที่จะทำประชามติ ก็คือนายฮากิม พงตีกอ ประธานกลุ่มปาตานี บารู

ประเด็นเรื่องนี้อยู่ที่ไหน ? ประเด็นเรื่องนี้อยู่ที่ว่า นายกัณวีร์ อ้างว่าตำแหน่ง ส.ส. ของเขา มีที่มาจากชาวปาตานี แต่พอผมไปดูคะแนนบัญชีรายชื่อพรรคเป็นธรรม ในจังหวัดปัตตานี พรรคนี้ได้คะแนนเพียง 3,165 คะแนน ท่านผู้ชมฟังให้ดีๆ นะครับ พรรคนี้ได้คะแนนแค่ 3,165 คะแนน อย่างนี้เขาเรียกว่าอุปโลกน์ตัวเองหรือเปล่าว่าคุณเป็นตัวแทนชาวปัตตานี


จริงๆ พรรคเป็นธรรม ได้คะแนนบัญชีรายชื่อ 184,817 ก็เลยทำให้ได้ ส.ส. 1 ที่นั่ง ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? มีคนวิเคราะห์ว่า เป็นไปได้ไหมว่าเป็นเพราะดวงดี หยิบเบอร์ได้หมายเลข 3 ซึ่งปรากฏเป็นข้อเท็จจริงว่าพรรคที่ได้หมายเลข 1-6 ไม่ว่าจะเป็นพรรคเล็กพรรคน้อย ได้ ส.ส. คนละ 1 ที่นั่งทั้งนั้น คาดว่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะผู้ลงคะแนนสับสนเรื่องบัตร ส.ส. เขต กับบัตรพรรค ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง การเป็น ส.ส. ของคุณกัณวีร์ ก็อาจจะเรียกได้ว่าไม่ได้มาจากเจตจำนงของชาวปัตตานีอย่างแท้จริง

พรรคการเมืองเบอร์ 1-6 ที่ได้ปาร์ตี้ลิสต์มาพรรคละ 1 คน มี เบอร์ 1 พรรคใหม่ เบอร์ 2 พรรคประชาธิปไตยใหม่ เบอร์ 3 พรรคเป็นธรรม เบอร์ 4 พรรคท้องที่ไทย เบอร์ 5 พรรคพลังสังคมใหม่ เบอร์ 6 พรรครูไทยเพื่อประชาชน


นอกจากนั้นแล้ว พอผมตรวจสอบข้อมูลลงไปลึก นายกัณวีร์ เคยมีข่าวว่าเป็นหลานของนายแพทย์เจริญ สืบแสง อดีต ส.ส. ปัตตานี หลายสมัย แต่เครือญาติของนายแพทย์เจริญ บอกว่าไม่เป็นความจริง เพียงแต่นามสกุลพ้องกัน และที่สำคัญเขาบอกว่า นายกัณวีร์ ไม่ใช่คนปัตตานี

พอ กอ.รมน. ภาค 4 เอาเรื่องบรรดาผู้ใหญ่ที่เป็นอีแอบทั้งหลาย นายธนาธร นายพิธา น.ส.พรรณิการ์ (ช่อ) วานิช นายรังสิมันต์ โรม พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า จะปฏิเสธความรับผิดชอบได้อย่างไร

คุณธนาธร ครับ คุณเห็นหรือเปล่าว่าตอนนี้หลายๆ เรื่องที่คุณทำ ที่คุณเดิน ต่อให้คนทั่วไปไม่ทักท้วง บรรดาเด็กๆ หรือเยาวชนที่คุณไปล้างสมอง เขาก็เริ่มออกมาทวงถามคำสัญญาต่างๆ ที่คุณเคยพูดกันเอาไว้แล้ว ไม่ต่างกันเลยจากสมัยก่อน วันก่อนที่กลุ่มทะลุวังออกมาโพสต์เฟซบุ๊กทวงถามคุณพิธา กรณี "น้องหยก" บอกว่า "ไม่เห็นขึงขังเหมือนตอนหาเสียง กับเรื่องนี้กูยังหวังพึ่งไม่ได้ 112 คงไม่ต้องพูดถึง" พร้อมทำเครื่องหมายอ้วก 3 ที


นี่ล่ะครับท่านผู้ชม นี่ล่ะครับคือข้อเท็จจริง

ท่านผู้ชมครับ ผมเสริมนิดหนึ่ง พรรคบ้านี้ รวมทั้งเจ้าของพรรค โหกพกลมมาตลอด บิดเบือนข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ปั่นห้วเด็ก เยาวชน สร้างความแตกแยกให้กับชาติบ้านเมือง แล้วจงใจมุ่งมั่นที่จะทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ทุกวิถีทางที่ตัวเองทำได้ คุณธนาธร เป็นเจ้าของ "ฟ้าเดียวกัน" เป็นคนให้เงินสนับสนุนให้สร้าง ให้ทำขึ้นมา


มือขวาของคุณธนาธร คือ คุณต๋อม ชัยธวัช ตอนนี้กลายเป็นเลขาธิการพรรคก้าวไกล ท่านผู้ชมเห็นวิวัฒนาการหรือยัง พวกนี้เป็นพวกที่เจตนารมณ์ต้องการจะล้มสถาบันกษัตริย์ เปลี่ยนแปลงการปกครอง ผมเสียดาย แม้กระทั่งคุณพิธา ยังอวดอ้างว่ามีเสียงสวรรค์ 14 ล้านเสียง ที่สนับสนุนให้ยกเลิกมาตรา 112 ผมอยากจะถามท่านผู้ชม 14 ล้านคน ท่านเลือกพรรคก้าวไกล เพราะว่าท่านต้องการจะล้มสถาบันกษัตริย์หรืออย่างไร เพราะนี่คือสิ่งที่คุณพิธา พูด พรรคก้าวไกลมี 14 ล้านเสียง ซึ่งมีฉันทามติเลือกผมเข้ามา เพื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์

ท่านผู้ชมครับ พ่อแม่พี่น้องที่อยู่ทางใต้ ที่คุณเลือกพรรคก้าวไกล ภูเก็ตครับ ภาคตะวันออกครับ ที่คุณเลือกพรรคก้าวไกล คุณบอกว่ามันเป็นพรรคคนรุ่นใหม่ แต่วันนี้คุณพิธา พูดแล้วไงว่าพวกคุณให้ฉันทามติเขาแล้วไม่ใช่หรือ ก็เลือกเขาเข้ามานี่ เพราะฉะนั้นแล้ว เขาจะเดินหน้าเพื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์ สะใจไหมล่ะครับคนที่เลือกพรรคก้าวไกล คิดให้ดีๆ ครับ คิดให้ดีๆ พี่น้องชาวใต้ที่เลือกพรรคก้าวไกล ชาวภูเก็ตที่เลือกพรรคก้าวไกล ชาวภาคตะวันออก คิดอีกทีหนึ่ง คิดให้ดีๆ พวกคุณโดนหลอก เพราะเจตนารมณ์ของพรรคนี้หลักๆ แล้วมันอยู่ที่ยกเลิกมาตรา 112 เพื่อล้มสถาบันกษัตริย์

เบื้องหลังก้าวไกลเปลี่ยน "วันเกิดกษัตริย์" เป็น "วันยึดอำนาจกษัตริย์"

ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมจะพูดวันนี้ ผมอยากจะพูดให้ท่านผู้ชมฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านผู้ชมที่มีเพื่อนฝูง หรือท่านใดก็ตามที่เลือกพรรคก้าวไกลเข้ามา ผมอยากให้ฟังเรื่องนี้ให้ดีๆ นี่คือตัวแทนพรรคก้าวไกลที่ท่านผู้ชมเลือกมา แสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจน เจตนารมณ์อะไร ?


24 มิถุนายน ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) มีการจัดอภิปรายสาธารณะ ช่วงบ่าย หัวข้อ "ชาติ ศาสนา พระมหาษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ" คนที่ร่วมอภิปราย มี อดิศร เพียงเกษ ว่าที่ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย รังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล คนสงขลา และเป็นเพื่อนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล สนิทสนมกันอย่างมากๆ รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต ขาดไม่ได้คือ เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำราษฎร และคนหิวแสงอีกคนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่านผู้ชมตามผมมา

ในตอนหนึ่ง คุณรังสิมันต์ กล่าวอภิปรายว่า เราต้องจดจำให้วันนี้เป็นวันสำคัญและมีคุณค่า น่าเสียดายที่สุดท้ายการเฉลิมฉลองวันชาติถูกบ่อนเซาะทำลายในหลายครา มีความพยายามรื้อฟื้นหลายครา แต่ยังห่างไกลจากความเป็นวันชาติจริงๆ


คุณรังสิมานต์ พูดว่า แม้ว่าวันนี้ในทางการจะไม่ใช่วันชาติ แต่ตลอดประสบการณ์การได้เห็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย มันยากจริงๆ ทำให้เราระลึกอยู่ในหัวใจว่าประชาธิปไตยมีความหมายสำหรับพวกเรามากขนาดไหน และนี่คือความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แม้เราจะไปยังไม่ถึงฝั่งฝัน แต่อย่างน้อยที่สุดเรารู้ว่ามันมีความหมายต่อสิทธิการพูด การแสดงออกขนาดไหน "ก็หวังว่าวันที่ 24 มิถุนายน หลังจากนี้ไป จะกลายเป็นวันชาติ ที่เรามาร่วมเฉลิมฉลอง แต่เราสัญญา จะไม่กลับถอยหลังไปสู่ยุคเผด็จการอีกต่อไป"

คำพูดของนายรังสิมันต์ โรม สอดคล้องกับกลุ่ม 24 มิถุนาฯ ประชาธิปไตย ที่ออกมาทวงถามสัญญาเรื่องค่าแรงที่ก้าวไกลให้ไว้ก่อนเลือกตั้ง

24 มิถุนายน 2566 ที่ทำการพรรคก้าวไกล ตัวแทนกลุ่ม 24 มิถุนาฯ ประชาธิปไตย เดินทางเข้ายื่นข้อเรียกร้องวาระเร่งด่วนทำทันทีแก้ปัญหาความเดือดร้อนผู้ใช้แรงงาน และการทวงคืนวันชาติไทย มีข้อเรียกร้อง 5 ข้อ


หนึ่ง ประกาศให้วันที่ 24 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันชาติไทย ที่มีการเฉลิมฉลองสิทธิเสรีภาพประชาธิปไตย ตรวจสอบการทำลายหมุดคณะราษฎร และอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ เพื่อนำคืนหรือสร้างขึ้นมาใหม่ตามคุณค่าความหมายแห่งสัญลักษณ์ประชาธิปไตยฯ

สอง ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 450 บาท และเป็นการส่งเสริมเสรีภาพการรวมกลุ่มสหภาพแรงงานเป็นวาระเร่งด่วน ทำทันทีตามที่หาเสียงไว้

สาม เพิ่มเงินเบี้ยผู้สูงอายุ จากเดือนละ 600 บาท เป็น 3,000 บาท

สี่ ลดราคาพลังงานด้านน้ำมันรถยนต์ ลดราคาไฟฟ้า การเดินทางโดยสารสาธารณะทุกประเภท

ห้า แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม ให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน

น่าสนใจครับท่านผู้ชม คำว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ รวมทั้งแก้ไขมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้

ประเด็นครับท่านผู้ชม เรื่องนี้เมื่อออกจากปากของแกนนำพรรคก้าวไกล อย่างรังสิมันต์ โรม ก็มีคนออกอาการตกใจและส่งเสียงคัดค้านอย่างรุนแรง คนที่ลงคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกลด้วยความไร้เดียงสา ตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่เมื่อฟังคลิปวิดีโองานเสวนา ต้องก้มหน้ายอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริง เรื่องการเปลี่ยนวันชาตินี้ ทำให้คุณเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ซึ่งแต่ไหนแต่ไรแล้วจะสงวนท่าที ออกแรงสนับสนุนคุณพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้เศรษฐา ทนไม่ไหว


27 มิถุนายน สามวันให้หลัง คุณเศรษฐา บอกว่า "วันชาติเป็นวันเดิมดีอยู่แล้ว เราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เราจะมามองปัญหาการเปลี่ยนวันชาติทำไม ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้น ประชาชนเลือกเรามา ไม่ได้เลือกเพื่อให้เราทำในสิ่งที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง เรามีจิตใจเป็นประชาธิปไตย ยึดโยงประชาชน วันนี้เอาเวลาไปทำงานเพื่อปากท้องประชาชนดีกว่า"

ท่านผู้ชมครับ วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี วันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เราถือว่าเป็นวันพ่อแห่งชาติ และถือว่าเป็น วันชาติ จึงถือว่าวันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันสำคัญของประเทศไทย เป็นมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเป็น คุณรังสิมันต์ คุณและพรรคพวกคุณจะเปลี่ยนวันชาติ จากวันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ล้มระบอบกษัตริย์โดยคณะราษฎร ผมเคยอธิบายไปละเอียดแล้ว ว่าวันที่ 24 มิถุนายน 2475 มันไม่ใช่วันที่ฟ้าเป็นสีทองผ่องอำไพ หรือพวกฮีโร่คณะราษฎร หรอก

ท่านผู้ชมเคยฟังผมพูดแล้วใช่ไหม ผมเอาหลักฐานมาพูดชัดเจนยิ่งกว่าชัดเจน ว่า 24 มิถุนายน 2475 มันเป็นวันที่คณะโจรโผล่ออกมาเพื่อปล้นสมบัติของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีคุณูปการและบุญคุณต่อสังคมไทยมายาวนานนับร้อยปี ปล้นเสร็จ เอาไปแบ่งสรรกัน แบ่งสรรไม่ลงตัวก็ยื้อยุดฉุดกระชากฆ่าฟันกันเอง เหมือนโจรแบ่งสมบัติ

ท่านผู้ชมครับ ผมพูด "2475 คณะราษฎร หรือ คณะโจร ?" 30 ตุลาคม 2563 ร่วมสามปีแล้ว ผมจะย้อนรอยให้ดู คุณธนาธร กับนิตยสาร "ฟ้าเดียวกัน" ปั่นประเด็นเปลี่ยนวันชาติมาตั้งแต่ปีไหนแล้ว ? 2547 สิบเก้าปีที่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งเกิด พวกมันวางแผนกันมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ยังละอ่อนอยู่ จนกระทั่งเริ่มเจริญเติบโต ไปขายข้อมูลเท็จให้ประชาชนที่หลงเชื่อ


ท่านผู้ชมทราบหรือเปล่าว่า ประเด็นเรื่องการเปลี่ยนวันชาติ วันที่ 5 ธันวาคม เป็น 24 มิถุนายนนั้น คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของนิตยสาร "ฟ้าเดียวกัน" และเจ้าของพรรคก้าวไกลที่แท้จริง พยายามปลุกปั่นเรื่องนี้มานานแล้ว

ปกนิตยสาร "ฟ้าเดียวกัน" ปีที่ 2 ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน 2547 สิบเก้าปีที่แล้ว พาดหัวว่า "จาก 24 มิถุนา ถึง 5 ธันวา ความสำเร็จและล้มเหลวของอุดมการณ์รัฐแบบใหม่ผ่านประวัติศาสตร์วันชาติ" เนื้อหาอ้างว่า วันชาติไทย คือวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นประชาธิปไตย จนถึง 2503 จึงยกเลิกวันชาติ 24 มิถุนายน ไป แล้วแทนที่ด้วยวันชาติซึ่งตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 9

2560 จึงรื้อฟื้นวันชาติขึ้นมา โดยกำหนดให้ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม วันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 9

คุณรังสิมันต์ โรม แกนนำพรรคก้าวไกล ก็รู้เรื่องพวกนี้ดีไม่ใช่หรือ พอคนออกมาทักท้วงก็แก้ตัวว่า การที่พรรคก้าวไกลมีดำริในการเปลี่ยนวันชาตินั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือพูดง่ายๆ ว่า เรื่องนี้พวกเขาไม่ได้เพิ่งคิด หรือลงมือกระทำกันก่อนเลือกตั้ง หรือ 1-2 ปีที่ผ่านมา เขาวางแผนกันมาเป็น 10-20 ปีแล้วว่าจะต้องล้มล้างและด้อยค่าสถาบันหลักของชาติให้ได้ ไม่ว่าด้วยวิถีทางไหน หรือวิธีการใดก็ตาม


ท่านผู้ชมครับ ผมอยากจะเรียนถามด้วยความสัตย์จริงไปยังพรรคร่วมรัฐบาลอีก 7 พรรค และผู้บริหารของทุกๆ พรรค ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ ที่กำลังถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการแบ่งแยกดินแดน พรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคเสรีรวมไทย ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พรรคเป็นธรรม พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่ ผมถามอย่างนี้ ท่านหัวหน้าพรรคทั้งหลาย ตั้งใจฟังดีๆ พวกคุณจะร่วมกับพรรคการเมืองที่แสดงจุดประสงค์ชัดเจนว่าต้องการล้มล้างสถาบันหลักของชาติ ไม่ว่าจะเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แบ่งแยกประชาชนตั้งแต่ระดับสังคม ลงไปถึงรั้วโรงเรียน ภายในครอบครัว นักเรียนกับครู ลูกกับพ่อแม่ สร้างความแตกแยกทางเชื้อชาติ ความบาดหมางระหว่างความเชื่อและศาสนา คุณยังมองไม่เห็นอีกหรือ คุณโง่เขลาเบาปัญญาและเหลวไหลถึงขนาดที่คุณมองไม่ออกเชียวหรือว่า พรรคก้าวไกลที่คุณเข้าไปซบกับเขาเพียงเพื่อต้องการที่จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น ตำแหน่งรัฐมนตรีมันช่างหอมหวานมากกว่าความพินาศฉิบหายของประเทศไทย และคุณมีส่วนร่วมในการทำให้ประเทศไทยพินาศฉิบหายด้วย


ผมฝากไปถึงคนที่ผมเคยรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ก็ไหนบอกว่าพรรคก้าวไกลเขาจะไม่เอาเรื่อง 112 เข้ามาแล้วไง แต่เมื่อวานซืน คุณพิธา เพิ่งจะพูดเองว่าเขาได้ฉันทามติจากประชาชน 14 ล้านคน เพราะฉะนั้นเขาจะผลักดันมาตรา 112 ผมอยากให้สังคมไทยรับรู้ ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ หรือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ คนซึ่งเป็นอดีต ผบ.ตร. มีส่วนในการล้มล้างสถาบันกษัตริย์เช่นกัน พวกคุณจะว่าอย่างไร ถ้าปล่อยอย่างนี้ไปเรื่อยๆ บ้านเมือง ประเทศชาติที่เราและครอบครัวเราอยู่ อาศัยอย่างเป็นสุข มันจะไม่ลุกเป็นไฟหรืออย่างไร

นอกจากนี้แล้ว การที่คุณพิธา กับพรรคก้าวไกล อ้างฉันทามติคน 14 ล้านคน ที่เลือกพรรคมาเพื่อจะล้มมาตรา 112 พิสูจน์ชัดเจน ไปเช็กได้เลย พิธา พูดอย่างนั้นจริงๆ เพราะพิธา เป็นคนที่พูดจากลับกลอกมานานแล้ว แต่ครั้งนี้เขาพูดอย่างจริงจังว่าเขามีตั้ง 14 ล้านคน ผมพูดไปแล้วไง ผมจะถามพ่อแม่พี่น้อง หรือคนภูเก็ต ระยอง จันทบุรี ตราด ที่เลือกก้าวไกลยกเขต คนกรุงเทพฯ ด้วย พวกคุณ ทั้งคนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ ที่เลือกก้าวไกล สรุปแล้วคุณเลือกก้าวไกลเพื่อที่จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ใช่หรือไม่

ขบวนการสวาปา(ล์)ม ปตท. ปล้นประชาชน

ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมจะพูดต่อไปนี้มันไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่มันเป็นเรื่องความชั่วช้าของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ทำความพินาศฉิบหาย เพื่อหวังให้กลุ่มของพวกตัวเองนั้นร่ำรวยขึ้นมา แล้วผ่องถ่ายความพินาศฉิบหายนั้นเข้าไปสู่ผู้ที่ใช้น้ำมัน เป็นเรื่องที่เลวทรามต่ำช้ามากๆ ผมรู้จักตัวละครหมดทุกคน แต่เรื่องนี้เงียบกริบ ไม่เคยมีใครกล้าพูด หรือพูดอะไรออกมา แต่ผมจะเป็นคนเปิดคนแรก และผมจะเตือนก่อนนะครับ พวกที่อยู่ในขบวนการนี้ ผมรู้ตัวหมดทุกคนแล้ว

ท่านผู้ชมจำคดีปาล์มอินโดนีเซีย 2 หมื่นล้าน ได้ไหม ที่ ปตท. ไปลงทุนแล้วขาดทุน สต็อกทิพย์ 2 พันล้าน กลุ่มพวกนี้ฮั้วราคาน้ำมันปาล์ม ขายให้โออาร์ราคาแพง มันเป็นกลุ่มขบวนการเดียวกัน ฝังรากลึก ทำมาหากินกับ ปตท. มานาน ภายใต้อิทธิพลบารมีนักการเมืองระดับรัฐมนตรี ร่วมกับอดีตบิ๊ก ปตท. คนหนึ่ง ซึ่งทุกวันนี้ไอ้หมอนี่ก็ยังเดินขึ้น ปตท. เข้าไปหาผู้ใหญ่ใน ปตท. เหมือนกับไปสั่งงาน ผมรู้ชื่อดีหมด ชักใย สมคบคิดกับคนในองค์กร งาบผลประโยชน์โครงการจัดซื้อจัดจ้าง แล้วก็ปล้นประชาชน คือพวกเรา

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ค่อนข้างจะสลับซับซ้อน แต่ผมจะพยายามพูดตามภาษานักเลง เพราะแถวบ้านผมเขาพูดกันอย่างนี้

2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวจากเครือ ปตท. 2 ข่าว ถ้าเรามองผิวเผินหรืออ่านผ่านตา อาจจะไม่เห็นว่ามีนัยอะไรสำคัญ เพราะว่าทั้งสองข่าวเป็นคนละเรื่องเดียวกัน ที่มีประเด็นทุจริต และกล่าวอ้างว่าผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้บริหารระดับสูงบริษัทในกลุ่ม ปตท. ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานขนาดใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศ มีมูลค่าหลายแสนล้านบาท ทีมงานผมได้ไปเจาะเบื้องลึกเบื้องหลังมานำเสนอ ท่านผู้ชมครับ บอกได้เลยว่า เมื่อเรื่องนี้จบ มันเป็นโคตรอภิมหาทุจริตคอร์รัปชัน เผลอๆ ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ไม่เคยมีอย่างนี้มาก่อนเลย ขอประทานโทษ ไอ้กลุ่มคนพวกนี้มัน here จริงๆ ขอประทานโทษอีกครั้งครับ มัน here จริงๆ ครับ

ขบวนการกลุ่มคนที่ครอบงำองค์กรใหญ่ในมือที่น่าเศร้าที่สุดบนผลประโยชน์ที่พวกนี้ทำมาหากินคือการปล้นเงินจากกระเป๋าประชาชนอย่างเลือดเย็น บนความเดือดร้อนจากราคาน้ำมัน ท่านผู้ชมครับ ตามผมมา เรามาดูข่าวแรกก่อน


19 มิถุนายน 2566 มีข่าวว่า พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินทางไปพบ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. หลังจากมีผู้ถือหุ้น และอาจจะถือว่าเป็นผู้เสียหาย ปตท. และบริษัทในเครือ คือบริษัท โกลบอล กรีน เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือตัวย่อคือ GGC ได้กล่าวโทษต่อดีเอสไอ และ ก.ล.ต. พร้อมทำหนังสือแจ้งประธานกรรมการ ปตท. เพื่อให้ตรวจสอบขบวนการสมยอมส่อฮั้วประมูล ทำให้ราคาผิดไปจากปกติ อาจจะมีการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ใดผู้หนึ่ง อาจจะนำไปสู่พฤติกรรมเข้าหลักการฟอกเงิน ซึ่งผู้เกี่ยวข้องเป็นผู้บริหารระดับสูงบริษัทในกลุ่ม ปตท.


กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ตั้งคณะพนักงานสืบสวนเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานเบื้องต้นว่าเข้าลักษณะที่จะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ท่านรองอธิบดี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ กล่าวว่า คุณอรรถพล ได้ให้ความร่วมมืออย่างดีในการสืบค้นเอกสาร ผลจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าอาจจะมีมูลเข้าข่ายผิดปกติ แต่ยังไม่สามารถระบุฐานความผิด และผู้รับผิดได้อย่างชัดเจน ต้องรอการรวบรวมพยานหลักฐาน ตั้งเวลาไว้ 3 เดือน


นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับการซื้อขายน้ำมันปาล์ม ระหว่างบริษัท GGC กับ PTTOR บริษัทในเครือ ปตท. ที่ดูแลการค้าปลีกน้ำมันปาล์ม ว่ามีการกำหนดราคาในลักษณะเอื้อประโยชน์ต่อผู้ใดผู้หนึ่งหรือไม่ รวมทั้งกรณีการซื้อขายน้ำมันที่จ่ายไปก่อน แต่ไม่ได้ส่งสินค้าจริงก่อนหน้านี้ ซึ่งขอเอกสารไปยัง ปตท. ว่าได้มีการตั้งคณะกรรมการดำเนินการเรื่องนี้หรือไม่ เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนที่คุณอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ จะเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอ ปตท. แต่คุณอรรถพล ยินดีจะให้ความร่วมมือในการรวบรวมเอกสารไปดำเนินการตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใสในกลุ่มบริษัท ปตท. ต่อไป

อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์
ท่านผู้ชมครับ ผมทราบมาว่าผู้ร้องเรียนยื่นดีเอสไอ กล่าวหาว่าผู้บริหารบริษัทในเครือ ปตท. เช่น ผู้บริหาร PTTOR คนหนึ่ง ได้สั่งการข้ามบริษัทไปถึงผู้บริหาร GGC ที่มีอำนาจการกำหนดราคาน้ำมัน B100 สั่งการให้ GGC ทำหนังสือถึง PTTOR ว่า GGC ยินยอมลดราคาน้ำมัน B100 ให้กับ PTTOR ในราคาลิตรละ 3 บาท เพื่อกดดันให้ผู้ค้ารายอื่นยินยอมขาย B100 ในราคาที่ต่ำและขาดทุน ทำให้ PTTOR ได้กำไรจากส่วนต่างเป็นเงินจำนวนมาก โดยการกระทำดังกล่าวเป็นการขัดต่อหลักธรรมาภิบาล และถือว่าเป็นการสมยอมและฮั้วราคาหรือไม่


ประเด็นที่สอง กล่าวหาว่า ปตท. ร่วมกับ GGC จ่ายเงินโดยไม่มีการส่งสินค้า ระหว่างเดือนมีนาคม ถึงเดือนพฤษภาคม 2561 และ ประเด็นที่สาม กล่าวอ้างว่า ผู้บริหารบริษัท Thai Oleochemicals (TOL) หรือบริษัท GGC ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกันกระทำความผิดกับบริษัทเอกชน และร่วมกันปกปิดการกระทำความผิด ปรากฏรายงานบันทึกข้อความเรื่องการจัดซื้อวัตถุดิบและการขายผลิตภัณฑ์ในปี 2550 วันที่ 3 มีนาคม 2552

ทั้งหมดนี้ ผมไม่ลงรายละเอียด ปรากฏว่า ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงและความเสียหายที่เกิดขึ้นของบริษัท Thai Oleochemicals จำกัด (TOL) เบื้องต้น ลงวันที่ 31 มีนาคม 2552 สิบสี่ปีที่แล้ว ตามคำสั่งให้มีการสอบสวนโดยประธานกรรมการบริษัท Thai Oleochemicals จำกัด หรือ TOL ในสมัยนั้น เขาสรุปได้ว่า มีการร่วมกันทุจริตและคอร์รัปชันในการจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบ


นี่เป็นเรื่องราวของข่าวช่วงแรก เรามาดูข่าวช่วงที่สอง

วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2566 ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง มีรายงานว่า บริษัท GGC หรือชื่อ โกลบอล กรีน เคมิคอล (Global Green Chemical) แจ้งความคืบหน้ากรณีวัตถุดิบคงคลังของ GGC สูญหายช่วงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561 ว่าตามที่บริษัทได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และบริษัทฯ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง โดยได้ตัดสินให้ผู้บริหารและพนักงานที่เกี่ยวข้องพ้นสภาพจากพนักงาน แจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหาร พนักงาน และคู่ค้าที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว 


อีกทั้ง ก.ล.ต. ยังได้กล่าวโทษอดีตกรรมการผู้จัดการ และผู้บริหาร GGC 2 ราย คือ คุณจิรวัฒน์ นุริตานนท์ ขณะเกิดเหตุ ระหว่างปี 2557 กับ 2561 เป็นกรรมการผู้จัดการ และ คุณวัลลภ เทียนทอง ขณะเกิดเหตุเป็นผู้จัดการฝ่ายหน่วยงานการตลาด การขาย และจัดซื้อวัตถุดิบ กรณีใด ? กรณีที่เป็นกรรมการและผู้บริหารในบริษัทย่อยของบริษัทจดทะเบียน และในบริษัทจดทะเบียน ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง ความซื่อสัตย์สุจริต อันเป็นการทุจริต ทำให้ GGC ได้รับความเสียหาย โดยได้กระทำผิดพร้อมกับพวกอีก 9 ราย

9 ราย คือใคร ? คือคนที่ขายวัตถุดิบให้กับ GGC มีใครบ้าง ? 1. บริษัท อนัตตา กรีน จำกัด 2. นายพลลภัตม์ ศรีวิศาลวงษ์ 3. บริษัท อีสานพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์ม จำกัด (เข้าใจว่า 2, 3 และ 1 มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทที่อยู่ทางภาคอีสาน)


4. บริษัท ยูนิตี้ ปาล์ม ออยล์ จำกัด


5. นายบรม เอ่งฉ้วน (ทำให้ผมนึกถึงคุณอาคม เอ่งฉ้วน อดีต ส.ส. กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์) 6. บริษัท จีไอ กรีน ปาล์ม ออยล์ จำกัด 7. นางธนิภา พวงจำปา (นามสกุลคุ้นๆ ไหม เป็นภรรยาของอดีตรองเลขาธิการ ป.ป.ช. ที่ถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ คุณประหยัด พวงจำปา แล้วถูกไล่ออกจาก ป.ป.ช. แล้วยึดทรัพย์ เอาเงินทองมาจากไหนก็ไม่รู้ไปซื้ออพาร์ตเมนต์ที่อังกฤษ)


8. บริษัท โอพีจีเทค จำกัด และ 9. นายเศรษฐ์ฐ พัฒนมาศ

ท่านผู้ชมครับ 9 รายนี้ ร่วมกันดำเนินการให้บริษัทซื้อวัตถุดิบ และจ่ายชำระเงินค่าซื้อเต็มจำนวนให้กับผู้ขาย แล้วเกิดอะไรขึ้น ? ไม่ได้ส่งของให้ หรือได้รับเพียงบางส่วน แต่ว่าบริษัท GGC ดันทะลึ่งลงในระบบบัญชีว่าได้รับวัตถุดิบครบถ้วนแล้ว รวมทั้งกรณีส่งมอบวัตถุดิบไปกลั่น ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีการกลั่นจริง เลยทำให้ GCC ได้รับความเสียหายมูลค่า 2,157 ล้านบาท


เพราะฉะนั้นแล้ว บริษัท GGC ในฐานะผู้เสียหาย ก็ได้ดำเนินการปรับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับหลักการกำกับกิจการที่ดีของ ก.ล.ต. อีกทั้งยังให้ข้อมูลชี้แจงต่อ ก.ล.ต. และกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) หน่วยงานทั้งสองได้รับข้อมูลการชี้แจงเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปลายปี 2565 ซึ่ง GGC ก็ยังคงติดตาม และเร่งรัดการดำเนินคดี ทั้งคดีแพ่งและอาญา กับอดีตผู้บริหารและคู่ค้าทุกรายอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งทุกวันนี้

สรุปว่า 5 ปีตั้งแต่เกิดคดีนี้ คดีต่างๆ มีความคืบหน้าไปอย่างมาก หลายคดีศาลตัดสินถึงที่สุดแล้ว ตัดสินว่าอดีตผู้บริหารและคู่ค้าร่วมกันกระทำความผิดจริง ตัดสินให้จำคุก ชดใช้ค่าเสียหายแก่ GGC ส่วนคดีที่เหลือนั้นยังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม ทาง GGC ยืนยันว่า เขามุ่งมั่นจะดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาล ควบคู่การกำกับดูแลธุรกิจตามมาตรฐานสากล รวมทั้งยังคงดำเนินคดีที่ค้างอยู่อย่างต่อเนื่อง เอาล่ะท่านผู้ชม นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น เอาข้อมูลเชิงลึกจากผมแล้วกัน

ข้อมูลเชิงลึกคือ จากข่าว 2 ข่าว จะเห็นได้ว่ามีการเชื่อมโยงกันด้วยประเด็นและพฤติการณ์ทุจริตเกี่ยวกับผู้บริหาร ปตท. ในฐานะบริษัทแม่ ผู้บริหาร ปตท. ใหญ่ที่ถือหุ้น GGC และตัว GGC เองที่ดำเนินธุรกิจผลิตพลังงานทดแทน เช่น B100 ที่ผลิตจากน้ำมันปาล์ม ค้าขายอยู่กับ PTTOR ผู้ค้าน้ำมันเอาไปเป็นส่วนผสมน้ำมันดีเซลให้ผู้บริโภคอย่างเราๆ ใช้กัน จากภาพรวมตรงนี้ผมมีข้อสังเกตเพิ่มเติมที่จะขยายให้เห็นนัยของข่าว 2 ข่าว แม้จะเกิดขึ้นแต่ละช่วงแต่ละเวลา แต่ความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว


ข้อสังเกตของผมมีอย่างนี้ ในช่วงต้นปี 2564 จนมาถึง 2566 เกี่ยวกับคดีทุจริตในเครือ ปตท. โดยเฉพาะคดี "สต็อกทิพย์" หรือวัตถุดิบในคลังสินค้าไม่มีอยู่จริง ล่องหน สูญหาย ของ GGC มีหลายคดีศาลพิพากษาตัดสินถึงที่สุด หลายคดีคืบหน้าไปอย่างมาก

ผมย้ำอีกทีนะครับ ศาลได้ตัดสินว่าอดีตผู้บริหารและคู่ค้าร่วมกันกระทำความผิดจริง ลงโทษจำคุก ให้ชดใช้ค่าเสียหาย ตอนนี้อดีตผู้บริหารระดับสูงบริษัทที่เกี่ยวข้องก็นอนอยู่ในคุกแล้ว ส่วนคดีที่เหลือยังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม

ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ? คดีพอมันงวดขึ้น ผู้ต้องหาที่เหลือออกอาการเครียดจัด เพราะการพิจารณาคดีบีบคั้นงวดเข้ามาทุกขณะ ก็เลยกลัวจะติดคุกตามๆ กันไป หรือไม่ก็กลัวว่าจะได้ผลกระทบจากการดำเนินคดีดังกล่าว พวกระยำพวกนี้มันอยู่เฉยไม่ได้ ออกมาเคลื่อนไหว วิธีที่ดีที่สุดที่คิดได้คือ ร้องเรียนเพื่อให้สถานการณ์มันยุ่งเข้าไว้ ด้วยเหตุนี้ เรื่องร้องเรียนที่เกิดขึ้นอ้างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากว่าสิบปีแล้ว เช่น การจัดซื้อวัตถุดิบในปี 2550-2552 หรือปี 2560-2561 ซึ่งขณะนั้นผู้ร้องเรียนก็ไม่ได้ถือหุ้นอยู่กับ TOL (ชื่อเดิม) หรือ GGC แต่อย่างใด

คำถามที่ผมมีอยู่ก็คือ การร้องเรียนนี้เป็นการรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นได้อย่างไร และหากทราบข้อมูลแล้วทำไมถึงไม่ทำการร้องเรียนในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ดังนั้นเหตุที่เลือกร้องเรียนในช่วงนี้เป็นการกระทำเพื่อมุ่งหวังให้ GGC หรือกลุ่ม ปตท. สูญเสียความน่าเชื่อถือในทางธุรกิจหรือเปล่า อีกทั้งระยะเวลาที่เกิดขึ้นตามที่ผู้ร้องเรียนกล่าวอ้างนั้น เกินกว่าสิบปี ซึ่งเป็นระยะเวลานานกว่าที่ GGC หรือ บริษัท ปตท. จะสามารถใช้สิทธิ์เรียกร้องทางกฎหมาย หรืออายุความ เพื่อเรียกร้องความรับผิด


ท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผมไหมว่า เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าผู้ร้องเรียนไม่ได้มุ่งหมายจะรักษาผลประโยชน์ผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด ประการสำคัญที่สุด ถามว่าผู้ร้องเรียนที่ไปร้องดีเอสไอ และ ก.ล.ต. จนกระทั่งเป็นที่มาของการที่ดีเอสไอเข้าพบซีอีโอของ ปตท. นั้นเป็นใคร น่าเสียดายที่ดีเอสไอตกเป็นเครื่องมือของเขา หรือว่าสมรู้ร่วมคิดกับผู้ร้องเรียน ท่านรองอธิบดี ท่านต้องชี้แจงให้ดีนะครับ คำถามเขาตั้งข้อสงสัยกับตัวท่านอย่างมากมายมหาศาล ผมไม่อยากจะพูด แต่ผมรู้ไว้คนเดียวแล้วกัน

ผู้ร้องเรียนครั้งนี้เป็นใคร ? เช็กมาปรากฏชื่อ นายสยามราช ผ่องสกุล โดยใช้สิทธิ์ของผู้ถือหุ้นของ ปตท. และบริษัทในเครือ "สยามราช ผ่องสกุล" เป็นใคร ? เป็นอดีตที่ปรึกษากฎหมายของนางแนนซี มาตาซูตะ แล้ว "แนนซี มาตาซูตะ" คือใคร ? นางแนนซี มาตาซูตะ เป็นอดีตประธานหอการค้าไทย-อินโดนีเซีย ชาวอินโดนีเซีย ซึ่งมันโยงกับคดีน้ำมันปาล์มในอินโดนีเซีย ซึ่งผู้บริหารระดับปลาซิวปลาสร้อยกำลังถูกดำเนินคดีอยู่ แต่ไอ้โม่ง ไอ้ตัวระยำทั้งหลายอยู่เบื้องหลัง ไม่โดนคดีเลย

นายสยามราช ผ่องสกุล
นางแนนซี มาตาซูตะ คือใคร ? เธอเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวโทษโดย ป.ป.ช. ในคดีทุจริตปาล์มอินโดนีเซีย ที่เป็นคดีอยู่กับกลุ่ม ปตท. ร่วมกับนายธนกร นันที (จำชื่อนี้ไว้ให้ดี) นายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตผู้บริหาร ปตท. ที่ถูกส่งไปดูคดีน้ำมันปาล์มที่อินโดฯ ที่ ปตท. เสียเงินไป 2 หมื่นกว่าล้านบาท และผู้เกี่ยวข้องอื่น

ท่านผู้ชมครับ คดีทุจริตปาล์มอินโดนีเซีย ถ้าจำได้ คดีทุจริตคอร์รัปชันที่ บริษัท พีทีที กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (PTT GREEN ENERGY) บริษัทลูกของ ปตท. ไปลงทุนปลูกปาล์มน้ำมันที่ประเทศอินโดนีเซีย แต่พบความไม่ชอบมาพากลในการลงทุน มีการจ่ายค่านายหน้าที่แพงเกินจริงถึง 32 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยนับพันล้านบาท ตอนนี้เป็นคดีอยู่ที่ ป.ป.ช. เรียกได้ไหมว่า บริษัทลูก ปตท. โดนปั่นให้ไปลงทุน แล้วโดนขบวนการคนกลุ่มหนึ่งเล่นแร่แปรธาตุหลอกให้ซื้อที่ดิน เป็นที่ดินทับซ้อนพื้นที่ป่าสงวนเป็นส่วนมาก ทำให้ไม่สามารถจะขอให้หน่วยงานในประเทศอินโดนีเซียออกเอกสารแสดงสิทธิ์ในการทำเกษตรกรรมได้


ส่วนที่ดินที่เหลือไม่ทับป่าสงวน ก็เหลืออยู่ไม่คุ้มค่าการลงทุน นอกจากนี้แล้ว ยังมีค่านายหน้าในการจัดซื้อที่ดินสูงกว่าปกติถึง 40 เปอร์เซ็นต์ แพงลิบลิ่ว

สิริรวมค่าเสียหายที่ไปลงโครงการน้ำมันปาล์มอินโดฯ รวมค่าบริหารจัดการ รวมทั้งสิ้น 624,850,887 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทย 20,307 ล้านบาท ท่านผู้ชมคิดว่าน้อยเหรอ ปั่นกัน เบื้องหลังกัน ไปลงทุนน้ำมันปาล์ม ปลูกปาล์มที่อินโดนีเซีย ไปเจรจากับนางแนนซี นางแนนซี เรียกค่านายหน้าไป 32 ล้านเหรียญสหรัฐ แล้วปรากฏว่าที่ดินไปทับป่าสงวน ออกโฉนดไม่ได้ ฉิบหายวายป่วงไปหมด ท่านผู้ชมครับ เอาแค่นี้ก่อน มีเวลาจะมาขยายความยาวๆ

กลับมาที่เรื่องนายสยามราช และการร้องเรียนบริษัท ปตท. และ GGC เพื่อให้มองภาพชัดเจน ผมได้ทำแผนผังเพื่อฉายภาพว่า นายสยามราช ตัวละครที่มีบทบาทเป็นผู้หาเหตุมาร้องเรียน ปตท. และบริษัทในเครือที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวโยงกับใครบ้าง


ท่านผู้ชมครับ จากนายสยามราช จะเห็นได้ว่าเขาเป็นทนายความให้นางแนนซี ซึ่งนางแนนซี อยู่ในกลุ่มผู้ถูกแจ้งข้อหาพัวพันคดีปาล์มอินโดฯ จาก ป.ป.ช. ร่วมกับนายธนกร นันที ที่บอกว่าให้จำชื่อไว้ให้ดีตอนต้น เพราะว่าคนนี้ไม่ธรรมดา

นายธนกร นันที เป็นใคร ? เป็นอดีต ส.ส. พรรคไทยรักไทย ในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ก่อนหน้านี้เคยมีตำแหน่งการเมือง คือผู้อำนวยการพรรคชาติพัฒนา ที่สำคัญเป็นอดีตเลขาธิการของคุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา เมื่อปี 2548 สมัยรัฐบาลทักษิณ 2 ด้วย


นายธนกร ยังเป็นพี่น้องกับนางธนิภา พวงจำปา ซึ่งนางธนิภา พวงจำปา เป็นภรรยาของนายประหยัด พวงจำปา อดีตรองเลขาธิการ ป.ป.ช. ที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีร่ำรวยผิดปกติ ให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินและไล่ออกนั่นเอง ผมเคยพูดเรื่องนี้มาแล้ว ตอนที่ 162 วันที่ 4 พฤศจิกายน 2565


นายประหยัด ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้มีโทษจำคุก เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี่เอง จากเหตุจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เอกสารประกอบกรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560 ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์ที่เชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาของทรัพย์สินหรือหนี้สิน 6 ราย ซึ่งเป็นทรัพย์สินและหนี้สินในชื่อของนางธนิภา พวงจำปา คู่สมรส เป็นทรัพย์สินในประเทศ 2 รายการ ทรัพย์สินต่างประเทศ 4 รายการ รวมเบ็ดเสร็จ 227,393,103 บาท


นางธนิภา มีห้องชุดตั้งอยู่ถนนเคนซิงตัน ไฮสตรีท มูลค่า 4.9 ล้านปอนด์ คิดเป็นเงินไทย 220 ล้านบาท มีเงินฝากในบัญชีธนาคารกว่า 194 ล้านบาท เงินลงทุนอีกประมาณ 243 ล้านบาท

ในคำพิพากษาตอนหนึ่งระบุด้วยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับหนังสือแจ้งเบาะแสจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ว่านางธนิภา ต้องสงสัยเกี่ยวกับการฟอกเงิน ถือว่ามีพฤติการณ์ที่ทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอำนาจตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน หรือการได้มาซึ่งทรัพย์สินดังกล่าว การที่นายธนกร ซึ่งเป็นพี่น้องของนางธนิภา มาเกี่ยวข้องกับคดีสต็อกลมที่ GCC เพราะนางธนิภา เป็นผู้ถือหุ้น และกรรมการบริษัท จีไอ กรีน ปาล์ม ออยล์ จำกัด กลุ่มคู่ค้า GGC ที่ถูก GGC เป็นโจทก์แจ้งความดำเนินคดี 8 คดี มูลค่าความเสียหาย 171 ล้านบาท

นอกจากนี้แล้ว นางธนิภา ยังเป็นผู้ถือหุ้น กรรมการบริษัท โกลบอล อินเตอร์ จำกัด กลุ่ม GI ที่มีข้อพิพาทในคดีแพ่งกับ GGC ที่ GGC เป็นโจทก์ มูลค่าความเสียหาย 122 ล้านบาท และเป็นจำเลย มูลค่าความเสียหาย 450 ล้านบาท

เพราะฉะนั้นแล้ว ความร่ำรวยผิดปกติของอดีตรองเลขาธิการ ป.ป.ช. ที่มาจากการซุกทรัพย์สินของภรรยา ก็เลยมีคำถามว่าคุณรวยมาจากไหน

จากภาพรวมและแผนผังจะเห็นได้ชัดว่า ตัวละครผู้เกี่ยวข้องกับคดีปาล์มอินโดฯ 2 หมื่นล้าน จนมาถึงคดีสต็อกน้ำมันทิพย์ มูลค่า 2 พันล้านบาท เป็นพวกเดียวกันหมด คำถามคือ ขบวนการกลุ่มคนเหล่านี้สามารถเข้ามาทำมาหากินกับกลุ่มบริษัท ปตท. ได้อย่างไร ?

ท่านผู้ชมครับ ผมเช็กมาแล้ว ขบวนการนี้หยั่งรากหากินกับโครงการการจัดซื้อจัดจ้าง ปตท. และบริษัทในเครือมาช้านาน มีเส้นสนกลใน รู้ว่า ปตท. กำลังจะทำโครงการอะไร กระทั่งสามารถปั้นแต่งโครงการเสนอให้ ปตท. และบริษัทในเครือทำโครงการ ขณะที่การจัดซื้อจัดจ้างก็นำบริษัทที่ตัวเองถือหุ้นและเป็นกรรมการ เข้าไปเป็นคู่ค้า เพราะฉะนั้นการที่จะทำอย่างนี้ได้ แน่นอน จะทำได้อย่างไรถ้าไม่มีผู้มีอิทธิพล มีบารมีใน ปตท. อยู่เบื้องหลัง

คนๆ นี้ เป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงของ ปตท. มีสายสัมพันธ์อันดีกับนักการเมืองใหญ่ที่ชื่อ ส. ระดับเคยเป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง เอ่ยชื่อมา โดยเฉพาะด้อมส้ม เมื่อเอ่ยชื่อแล้วต้องร้องอ๋อ เพราะคุณเองเป็นคนโวยวายไม่ใช่หรือว่ามีคนนี้แล้วต้องไม่มีก้าวไกล ไปถามนายเองก็แล้วกันว่าคนๆ นี้ชื่ออะไร

ทั้งสองคนจับมือร่วมกัน มีอิทธิพลครอบงำอย่างไร ? ก็ต้องบอกว่าสามารถชักใยกลุ่มขบวนการให้คนในสมคบคิดทำตามคำสั่งได้ รู้เห็นเป็นใจ เปิดทางสะดวกให้เครือข่ายและกลุ่มเข้าหาผลประโยชน์กับ ปตท. และบริษัทในเครืออย่างง่ายดาย


ท่านผู้ชมครับ ตรงนี้เจ็บปวดมาก ยกตัวอย่างผลประโยชน์จากการหากินกับน้ำมันปาล์ม หรือ B100 นอกจากโป๊ะแตกถูกจับได้ว่าวัตถุดิบในคลังสินค้าสูญหายของ GGC แล้ว ยังมีกรณียังไม่ถูกจับได้ ทำกันมานานแล้ว รู้เฉพาะคนวงในเท่านั้น คือการหากินกับน้ำมันปาล์มที่ขายให้ OR หรือบริษัทแม่ของปั๊ม ปตท. ทั้งหมด ล็อกสเปก ล็อกที่จะให้มีการฮั้วราคา บีบคู่ค้ารายอื่นของ OR ให้เสนอขายน้ำมัน B100 หรือไบโอดีเซล 100 ในราคาแพงเกินจริง หนึ่งของขบวนการสำคัญถึงขั้นนั่งหัวโต๊ะที่ประชุมร่วมกับผู้ค้ารายอื่น สั่งการให้ฮั้วและเรียกรับผลประโยชน์ส่วนแบ่งจากผู้ค้ารายอื่น ในอัตราลิตรละ 25 สตางค์ ก็คือจ่ายค่าหัวคิวนั่นล่ะ แล้วทำกันมานานแค่ไหนไม่มีใครรู้ ถ้าคิดมูลค่าที่ OR ต้องจ่ายซื้อน้ำมันปาล์มในราคาที่สูงเกินจริง มีมูลค่ามหาศาลเลย ที่สำคัญ ราคาต้นทุนน้ำมันปาล์มที่ OR ต้องจ่าย เมื่อถูกบวกเข้ามาเป็นต้นทุนราคาน้ำมันที่ขายปลีกและส่งให้ผู้บริโภค ทำให้คนใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์ม ต้องจ่ายราคาแพงไปตามกลุ่มพวกนี้ ตักตวงกำไร เรียกว่าท่ามกลางภาวะน้ำมันแพง แทนที่ผู้บริโภคจะได้ใช้น้ำมันราคาเป็นไปตามเหตุตามผลที่แท้จริง ประชาชนตาดำๆ อย่างเราถูกปล้นจากขบวนการนี้ไปอย่างเลือดเย็นที่สุด

เมื่อเร็วๆ นี้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน OR ผู้มีอำนาจสงสัยในการจัดซื้อจัดจ้าง B100 ของ OR สั่งการให้เปลี่ยนแปลงวิธีจัดซื้อ เปลี่ยนแปลงใหม่หมด เลยทำให้ฮั้วแตก ความจริงเลยปรากฏว่าราคาแท้จริงของน้ำมันปาล์มที่รับซื้อ พอเปลี่ยนแปลงใหม่ ถูกลงไป 400 ล้านบาท 400 ล้านบาทที่ถูกลงไป ท่านผู้ชมคูณย้อนหลังไป จำนวนกี่ปีล่ะที่ต้องซื้อน้ำมันปาล์มในราคาแพง นี่ขนาดเขาสั่งระงับการฮั้ว เปลี่ยนแปลงวิธีการซื้อแบบใหม่ เขาประหยัดไปตั้ง 400 ล้านบาท แสดงว่ากินกันมาตั้งกี่ปีแล้ว ทั้่งคู่ค้า ทั้งผู้บริหาร ปตท. ระดับสูง ซึ่งเคยเป็นผู้บริหาร แล้วก็เดินเข้าเดินออก ปตท. หน้าตาเฉย เข้าไปในห้องของซีอีโอ ห้องคุณอรรถพล ได้ คุณอรรถพล ยังต้องลุกขึ้นยืนแล้วกุมไข่โค้งคำนับอีก

เรื่องนี้กำลังถูกสอบสวนภายใน ซึ่งต้องติดตามว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร

ท่านผู้ชมครับ สรุปงานนี้ขบวนการสวาปา(ล์)ม ปตท. โดยที่มีอดีตนักการเมืองใหญ่ อดีตบิ๊ก ปตท. ชักใยลิ่วล้อและเครือข่าย กำลังถูกท้าทายอย่างหนัก เขย่าขวัญด้วยคดีที่มีความคืบหน้าไปมาก มิหนำซ้ำยังมีการทำลายการฮั้วราคา ตัดหนทางทำมาหากินที่นอนกินมานานให้แตก พวกนี้ก็เลยออกโรงมาเคลื่อนไหวขุดเรื่องนั้นเรื่องนี้ที่ในอดีต ปตท. มาร้องเรียนเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นความสนใจของสังคม แต่พวกนี้ลืมไปว่าขว้างงูไม่พ้นคอ คดีทุจริตอภิมหาโคตรคอร์รัปชัน เริ่มจากขบวนการของพวกมึงทั้งนั้นล่ะ ทั้งหลายทั้งปวง ย้อนกลับมาตวัดรัดคอตัวเอง เพราะว่าความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว


ท่านผู้ชมครับ นอกจากขบวนการนี้หากินกับ ปตท. ยังมีข้อมูลหลักฐานชี้ชัดว่าคนกลุ่มนี้ได้เข้าไปพัวพันคดีฉาว ปล่อยกู้บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH มูลค่านับหมื่นล้าน ของแบงก์กรุงไทยอีกด้วย รวมทั้งเคยเสนอให้บอร์ด ปตท. เข้าถือหุ้นบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ซึ่งโกง หุ้นเน่าที่สุดแห่งยุคนี้ก็เคยมาแล้ว


ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ยังไม่จบ ผมจะเอาเบื้องหน้าเบื้องหลังแต่ละคดีมาแฉพฤติการณ์ กระชากหน้ากากหัวหน้าขบวนการทีละคน โปรดติดตามตอนต่อไปครับ

ลับลวงพราง กบฏแวกเนอร์

รายการตอนนี้เป็นเรื่องสุดท้าย และเป็นเรื่องที่ใหญ่สะเทือนโลก ท่านผู้ชมหลายๆ ท่านอาจจะได้ข่าวมาแล้ว เพราะว่าข่าวนี้เป็นข่าวที่ใหญ่ที่สุดในโลก


เจ็ดวันที่แล้ว วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน นายเยฟกินี พริโกซิน หัวหน้ากลุ่มกองกำลังแวกเนอร์ ได้เคลื่อนย้ายกำลังพลของตัวเองประมาณ 8,000 คน ไปยังเมืองทางใต้ของรัสเซีย ชื่อรอสตอฟ ออนดอน และประกาศว่าจะบุกเข้าไปที่มอสโกเพื่อไปจัดการกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีข่าวออกมาตลอดเวลาว่าขัดแย้งกันอย่างหนัก

เป็นที่น่าสนใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่โด่งดังมาก สื่อมวลชนตะวันตกกระโดดตัวยาว รวมทั้งผู้นำของทางตะวันตก นาโต อเมริกา อังกฤษ โปแลนด์ ตัวสั่นงันงก ดื่มแชมเปญเฮกัน คิดว่าตายล่ะ คราวนี้ยูเครนต้องชนะแน่นอน เพราะว่ามีการแตกร้าวภายในของประเทศรัสเซีย ถึงขั้นพูดว่า นายปูติน คงจะอยู่ไม่ได้ คงจะหนีออกไปนอกประเทศอย่างแน่นอนที่สุด


ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า เรื่องเกิดวันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พอวันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน ทุกอย่างจบหมด เรียบร้อยโรงเรียนรัสเซียหมดเลย นายพริโกซิน ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ประธานาธิบดีของเบลารุส คือ นายอาเลียกซันดร์ ลูกาแชนกา ก็ประกาศออกมาว่ารู้จักนายพริโกซิน ประมาณ 20 ปีแล้ว ขอปูติน ว่า ขอให้เขาลี้ภัยมาที่เบลารุสได้ไหม ปูติน ก็โอเค ที่สำคัญที่สุดคือ ยกข้อหากบฏให้ด้วย ไม่มีข้อหาในเรื่องกบฏแล้ว

นายอาเลียกซันดร์ ลูกาแชนกา
ท่านผู้ชมคิดว่ามันทะแม่งๆ ไหม ? มันทะแม่งมากเลยนะ ผมก็เลยมีความรู้สึกว่า ประเด็นมีอยู่ 2-3 จุด ที่ผมจะพูด ประเด็นแรกก็คือ เรื่องนี้เป็นลับลวงพรางหรือเปล่า จากวันก่อการกบฏ วันที่ 23 มิถุนายน และก้าวเข้าสู่สงครามบริบทใหม่ เดี๋ยวผมจะเอาแผนที่ให้ดู และผมเชื่อว่าเมื่อท่านผู้ชมฟังแล้วและดูปฏิกิริยาของโลกทางตะวันตก ซึ่งจากการเลี้ยงฉลอง ดื่มแชมเปญ กลายเป็นประสาทรับประทานแล้ว เลขาธิการนาโต ถึงกับตัวสั่นงันงก ย้ายกำลังกันเละเทะไปหมดเลย

เอาล่ะ ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่เราจะเข้าไปถึงสงครามบริบทใหม่ และการวิเคราะห์ว่าทำไมผมถึงคิดว่ามันเป็นลับลวงพราง เรามารู้จักกับ "แวกเนอร์" นิดหนึ่ง


กองกำลังแวกเนอร์ ก่อตั้งขึ้นมาสิบกว่าปีแล้ว เป็นทหารรับจ้าง อเมริกา อังกฤษก็เคยมี ทศวรรษที่ 1990 หลังสหภาพโซเวียตล่ม ยุคต่อต้านผู้ก่อการร้าย เหตุโศกนาฏกรรม 9/11 (11 กันยายน 2544) อเมริกาก็มีกองกำลังลับของตัวเอง ชื่อ BLACK WATER มี Executive Outcome บริษัทของแอฟริกาใต้ Sandline International ของอังกฤษ ทหารรับจ้างที่เขาเรียกกันว่า Mercenary นั้น เป็นเรื่องที่มีมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์แล้ว เป็นร้อยเป็นพันปี ประเทศไทยในอดีตสมัยอยุธยาก็มีทหารรับจ้างโปรตุเกส เราเคยจ้างทหารโปรตุเกสมาต่อสู้ นำปืนใหญ่ ยุทธวิธีการสงคราม เข้ามาสู่อยุธยาในครั้งแรก ไม่ใช่เรื่องใหม่


ไม่กี่สิบปีก่อนโลกยังตกอยู่ในยุคสงครามเย็นระหว่างอเมริกา และสหภาพโซเวียต มีบริษัทเอกชนที่ประกอบกิจการด้านทหารรับจ้าง รับจัดหาทหารรับจ้าง เข้าปฏิบัติการภารกิจทั่วโลก มีการแยกแยะความแตกต่างระหว่างทหารรับจ้าง ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Mercenary กับ PMC (Private Military Company) ทหารรับจ้างทั้งสองประเภทนี้เป็นธุรกิจที่ทำงานเกี่ยวกับการทหารเหมือนกัน เพียงแต่ขอบเขตการทำงานและการเปิดเผยนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

PMC ของพริโกซิน ทำงานอยู่ภายใต้การรับรองของกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการจัดจ้างในลักษณะบริษัทถูกรับรองโดยประเทศที่เป็นเจ้าของบริษัท บางบริษัทรับเฉพาะด้านงานอารักขา ที่ปรึกษา บางบริษัทก็รับในเรื่องการจัดตั้งกองกำลังทหาร


ส่วน Mercenary นั้น ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การรับรองของประเทศ แต่เป็นการจัดจ้างในระดับบริษัทกับประเทศว่าจ้าง เขารับคนที่เป็นอดีตทหาร นักเลงข้างถนน มาเฟียหนีคดี แม้กระทั่งการเข้าไปจัดหาในประเทศที่มีข้อพิพาท บางเจ้าจัดกำลังแบบกองพลได้เลย

สรุปแล้ว ประเภทกิจการ PMC ของนายพริโกซิน นั้น คือบริษัททหารรับจ้างที่จดทะเบียนถูกต้อง เสียภาษีถูกต้อง ทำงานโดยความเห็นชอบของประเทศเจ้าของ แต่ Mercenary เป็นมือปืนรับจ้าง ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน ไม่จำเป็นต้องเสียภาษี ทำงานโดยไม่ผ่านความเห็นของประเทศใดๆ นอกจากประเทศผู้ว่าจ้าง


แวกเนอร์ ของนายพริโกซิน จัดว่าเป็น PMC คือเป็นบริษัททหารรับจ้าง จดทะเบียนถูกต้อง เสียภาษีถูกต้อง ทำงานโดยความเห็นชอบของประเทศเจ้าของ แต่กฎหมายประเทศรัสเซียนั้นไม่อนุญาตให้มีทหารรับจ้าง จึงต้องไปตั้งสำนักงานใหญ่นอกประเทศรัสเซีย โดยมีสาขาอยู่ที่รัสเซีย ก็คือเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

ท่านผู้ชมครับ กลับมาถึงนายเยฟกินี พริโกซิน กับ แวกเนอร์กรุ๊ป ที่เขาก่อตั้ง มีเจ้าหน้าที่ของรัสเซียเก่า กองกำลังพิเศษ GRU เจ้าหน้าที่ข่าวกรองรัสเซีย หน่วยสืบราชการลับของรัสเซีย คล้ายๆ CIA เป็นผู้บังคับบัญชา


ทั้่งหมดนี้เป็นงานที่รัสเซียจ้างทหารรับจ้างนี้ แล้วก็เอาไปใช้งานนอกประเทศรัสเซีย ส่งแวกเนอร์กรุ๊ปไปปฏิบัติการในซีเรีย เพื่อสนับสนุนกองกำลังของประธานาธิบดีบาซาร์ อัล อัสซาด ซึ่งรัสเซียหนุนหลังอยู่ คุ้มกันบ่อน้ำมันต่างๆ

ลิเบีย แวกเนอร์กรุ๊ป เคลื่อนไหวในลิเบียตั้งแต่ปี 2559 สนับสนุนกองกำลังที่ภักดีต่อ พล.อ.คาลีฟา ฮาฟาตาร์ มีทหารรับจ้างของแวกเนอร์อยู่ 1,000 คน ในการบุกรัฐบาลที่กรุงตริโปลี

แอฟริกากลาง เชิญกลุ่มแวกเนอร์เข้าไปคุ้มกันเหมืองเพชรหลายแห่ง แล้วก็ไปคุ้มกันเหมืองทองในซูดานด้วย


กระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า กลุ่มแวกเนอร์ของนายพริโกซิน ทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันให้กับบริษัทเหมืองหลายแห่ง เช่น เอ็มอินเวสต์ ลาโบเยอินเวสต์

ประเทศมาลี แอฟริกาตะวันตก เชิญกลุ่มแวกเนอร์เข้าไปรักษาความปลอดภัยจากกลุ่มติดอาวุธอิสลามต่างๆ


คิริล มิโคฮอฟ คนของแวกเนอร์กรุ๊ป ยืนยันด้วยว่า นักรบเงามีศักยภาพในการรบที่เหนือชั้นกว่ากองทัพเอกชน หรือนักรบรับจ้างของประเทศตะวันตกหลายต่อหลายเท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง BLACK WATER ของอเมริกา

เรามาดูกันว่า นายพริโกซิน คือใคร ? คนๆ นี้เป็นคนที่น่าสนใจมาก เป็นคนมีเชื้อสายยิว อาชีพดั้งเดิมขายฮอตดอก แล้วต่อมาก็มาทำงานการจัดเลี้ยง ภาษาอังกฤษเรียกว่า Catering งานจัดเลี้ยงที่เครมลินนั้น ทุกเจ้า นายพริโกซิน เป็นคนจัดหมด อาหารการกิน เขาเลี้ยงประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เขาเลี้ยงผู้นำประเทศต่างๆ จัดโดยนายพริโกซิน ปรากฏว่าก็เลยกลายเป็นเพื่อนสนิทของวลาดิมีร์ ปูติน


วลาดิมีร์ ปูติน ไม่สามารถจะส่งกองทัพรัสเซียออกไปต่อสู้ให้กับหลายๆ ประเทศได้ ก็เลยจัดงบประมาณเพื่อจ้างบริษัท แวกเนอร์ ซึ่งนายพริโกซิน ตั้งขึ้นมา แล้วก็เอาเงินสนับสนุนให้ไป พวกนี้ก็คือทหารรับจ้างของรัสเซียนั่นเอง เพราะฉะนั้นแล้ว นี่คือบทบาทที่เกิดขึ้น

ในสงครามยูเครนนั้น กองกำลังของแวกเนอร์เจริญเติบโตมาก มีถึง 50,000-60,000 หรือ 70,000 คน เยอะมาก การกบฏในครั้งนั้น นายพริโกซิน พาทหารไป 8,000 คน จากจำนวนทั้งหมด 25,000 คน แล้วภายใน 24 ชั่วโมง เกิดขึ้นวันที่ 23 มิถุนายน 2566 จบสิ้นลงวันเสาร์ที่ 24 เดือนเดียวกัน เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

นายพริโกซิน นั่งเครื่องบินไปลงที่เบลารุส เมืองมินสก์ ยิ้มแย้มแจ่มใส ประเทศรัสเซียก็เลยยกข้อกล่าวหาว่าเป็นกบฏ ทิ้งไปเลย ก็คือยังเป็นเพื่อนกันอยู่


ท่านผู้ชมครับ ประเด็นอยู่ที่ไหน ? พอเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 23 สื่อตะวันตกกระดี๊กระด๊า ประโคมข่าวกันใหญ่โตว่ามีการรัฐประหารรัสเซีย เป็นการเปลี่ยนแปลงการเมืองครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปี ปูติน จบแล้ว ระบอบเผด็จการจบ ท่านผู้ชมครับ ข้อมูลข่าวสารพวกนี้มันเป็นจิ๊กซอว์ของสงครามข้อมูลข่าวสารที่ตะวันตกจงใจปั่น ไม่เว้น ไม่ว่าจะเป็น CNN. CNBC, BBC, Washington Post, New York Times และสื่อตะวันตกอีกหลายต่อหลายแห่ง ซึ่งสื่อตะวันตกพวกนี้ก็คือบรรดาสื่อมวลชนหลัก ทีวีช่องหลัก รวมทั้งนักวิเคราะห์หลัก ไม่ว่าจะเป็นคุณสุทธิชัย หยุ่น หรือใครก็ตาม ลอกเลียนข่าวของตะวันตกมาหมด


พอตะวันตกบอกว่า ปูติน จบสิ้นแล้ว ปูติน หนีไปแล้ว เพจ Drama-Addict บอกว่า ปูติน ขึ้นเครื่องบินหนีไป คือเอาข่าวมาจากหนังสือพิมพ์ Daily Mail ตัวเองไม่มีปัญญาที่จะวิเคราะห์ข่าวที่แท้จริง น่าเห็นใจ เพราะในหลายรอบเดือนที่ผ่านมา รัสเซียถล่มยูเครนจนกระทั่งกลุ่มพวกที่โปรตะวันตก และสื่อที่เป็นขี้ข้าของสื่อตะวันตก รับใช้สื่อตะวันตกเหล่านั้น พากันพูดไม่ออกบอกไม่ถูก


แม้กระทั่งคุณสุทธิชัย หยุ่น พอเห็นข่าวเรื่องนี้ก็เนื้อเต้น ไม่หลับไม่นอน ทวีตแชร์ข้อมูลจากฝรั่งผ่านโซเชียลมีเดียแบบไม่หยุดไม่หย่อน ไปกระตุ้นต่อมเกลียดรัสเซีย โปรฝั่งตะวันตกของอินฟลูเอนเซอร์อีกจำนวนไม่น้อยให้เฮโลตามไปมโนถึงขั้นว่า ปูติน กำลังจะถูกเช็กบิล ประเทศรัสเซียล่มสลาย แตกออกเป็นเสี่ยงๆ อเมริกา ยูเครน เซเลนสกี ก็ได้รับชัยชนะแล้ว ไปโน่นเลย


ลองดูก็แล้วกัน The Sun หนังสือพิมพ์อังกฤษ พาดหัวข่าวว่า Putin at the Brink ใกล้จบแล้ว New York Post ก็เล่นงานไป Washington Post, New York Times, Wall Street Journal, Reuters, AP (Associate Press)


สมัยหนุ่มๆ ผมทำงานข่าวอยู่ที่อเมริกา กลับมาทำหนังสือพิมพ์ที่เมืองไทย หนังสือพิมพ์สื่อตะวันตกพวกนี้ผมถือว่าเป็นต้นแบบสื่อสารมวลชน แต่มาวันนี้ไม่ใช่แล้ว เป็นเครื่องมือรับใช้โลกขั้วเดียวของตะวันตก ก็คืออเมริกา และอียู ทุกวันนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด สิ่งที่เคยได้รับความน่าเชื่อถือ น่ายกย่อง กลายเป็นเครื่องมือของตะวันตก ของนายทุน และกระบวนการปฏิบัติสงครามพันทาง รับใช้มาทุกเรื่องเลย ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดโควิด เรื่องวัคซีน สงครามในยูเครน การทำลายความน่าเชื่อถือของรัสเซีย และจีน แทรกแซงการเมืองในประเทศต่างๆ ประเด็นจีน ไต้หวัน อินเดีย รวมไปถึงเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของคนไทยด้วย

ท่านผู้ชมครับ เหตุการณ์การก่อกบฏของนายพริโกซิน คนใกล้ชิดปูติน สิ้นสุดลงภายในเวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง ทางตะวันตกกำลังลิงโลด รินแชมเปญกัน ปรากฏว่า 48 ชั่วโมงจบแล้ว นายพริโกซิน ลงเครื่องบินที่เบลารุส เมืองมินสก์ แล้วข้อหากบฏก็ถูกยกเลิกไป ทุกอย่างกลายเป็นความงุนงง กลายเป็นไก่ตาแตกในช่วงท้าย แล้วบทสรุปนี้จบอย่างรวดเร็ว จนพูดได้ว่าเป็นการปฏิวัติรัฐประหาร การกบฏที่สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์โลกก็ว่าได้ บรรดาพิธีกร อินฟลูเอนเซอร์ที่โปรตะวันตกของประเทศไทย ไปไม่ถูก ออกทะเลไป หาฝั่งกลับไม่ได้แล้ว


ท่านผู้ชมครับ จากวันศุกร์ที่ผ่านมา วันศุกร์ที่ 23 ถึงวันศุกร์นี้ (30 มิ.ย.) บรรดาสื่อตะวันตกยังคงตั้งข้อสังเกตถึงความลึกลับซับซ้อน ความขัดแย้ง ระหว่างกลุ่มทหารรับจ้างแวกเนอร์ กับกองทัพรัสเซีย ว่า เป็นการทะเลาะกันภายในจริงๆ เป็นความขัดแย้งรุนแรงขั้นก่อกบฏจริงๆ หรือว่าเป็นเพียงละครฉากหนึ่งระหว่าง ปูติน กับ พริโกซิน ที่มีวัตถุประสงค์บางอย่าง ในขณะเดียวกัน สื่อตะวันตกก็ตั้งข้อสงสัยว่า รายละเอียดการเจรจาระหว่างลูกาแชนกา ผู้นำเบลารุส กับนายพริโกซิน ว่าเงื่อนไขใดที่ทำให้หัวหน้ากลุ่มแวกเนอร์ยอมหยุดความเคลื่อนไหว ท่ามกลางสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังดำรงอยู่


ท่านผู้ชมครับ ถ้าเราสังเกตเข่าวให้ดีๆ จะเห็นได้ว่า นายพริโกซิน นำกองกำลังทหารแวกเนอร์ 8,000 คน เข้าไปที่เมืองรอสตอฟ ใน 8,000 คนนั้นคือส่วนแรก กองกำลัง 8,000 คนนั้นแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนที่สองสลายตัวไปแล้ว สลายไปอย่างไร ? สลายไปเงียบๆ ลับๆ ไปประจำการในประเทศที่ยังมีภารกิจของกลุ่มแวกเนอร์อยู่ กองกำลังที่สามคือกองกำลังของนายพริโกซิน ประจำการอยู่ที่เบลารุสแล้ว ไปอย่างเงียบๆ เบลารุส มีพรมแดนติดกับยูเครน รัสเซีย โปแลนด์ ลิทัวเนีย และ ลัตเวีย


ที่น่าสนใจ (แผนที่) นี่คือเบลารุส ที่นายพริโกซิน เข้ามาอยู่ ท่านสังเกตไหม ตอนนี้มีกองกำลังแวกเนอร์ จู่ๆ มีการสร้างค่ายทหาร เอากองกำลังแวกเนอร์มาตั้งตรงพรมแดนระหว่างยูเครน กับกรุงเคียฟ

กรุงเคียฟ อยู่ห่างจากพรมแดนที่กองกำลังแวกเนอร์ตั้งแค่ 100 ไมล์ ใกล้นิดเดียว ใช้รถถังวิ่งไม่เกิน 2 ชั่วโมง ก็ถึงแล้ว เอาล่ะสิท่านผู้ชม ประสาทรับประทานแล้วสิงานนี้ เกิดอะไรขึ้น


เสร็จเรียบร้อยแล้ว ตัวห้าวเป้งเลยของกองกำลังอียู ก็คือโปแลนด์ แล้วประเทศเล็กมาก แต่ซ่าจนหยดสุดท้ายก็คือ ลิทัวเนีย และ ลัตเวีย ท่านผู้ชม จู่ๆ ตื่นขึ้นมาตอนเช้ากองกำลังแวกเนอร์อยู่แถวนี้หมดแล้ว ริมชายแดนด้วย ตกใจ คือพูดง่ายๆ ว่ากองกำลังแวกเนอร์สามารถจะบุกเข้าไปในโปแลนด์ได้ บุกเข้าไปที่เคียฟได้ แล้วยึดเคียฟ โดยตีมาทางนี้ แล้วทางรัสเซียตีขึ้นไป และยึดเคียฟในที่สุด


ลิทัวเนีย ตัวซ่า กองกำลังอยู่ตรงนี้ ลัตเวีย กองกำลังแวกเนอร์เขาตั้งไว้ตรงนี้ แต่ก่อนไม่มี พอหลังจาก 23-24 ในขณะซึ่งกองกำลังนาโต เลขาธิการนาโต กินแชมเปญกัน ฉลองกัน ไม่สนใจ หารู้ไม่ว่ากองกำลังแวกเนอร์เคลื่อนย้ายในส่วนของนายพริโกซิน ย้ายไปอยู่ที่เบลารุส แล้วนายพริโกซิน ก็นั่งเครื่องบินลงที่เมืองมินสก์ ตามคำเชิญของประธานาธิบดีลูกาแชนกา ของเบลารุส อย่างสง่าผ่าเผย แล้วก็ประกาศรับคนที่เป็นกองกำลังแวกเนอร์เพิ่มเติมในเบลารุส โดยที่เบลารุสไม่รู้ไม่ชี้่ บอกว่านี่เป็นกองกำลังส่วนตัว ทหารเบลารุสไม่เกี่ยวข้อง คุณจะโจมตีก็เรื่องของคุณ

มิหนำซ้ำแล้ว รัสเซียส่งอาวุธหนักเข้าไปในเบลารุสเยอะไปหมด หนักทั้งนั้น เอาไปให้ใคร ? ให้กองกำลังแวกเนอร์

ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องนี้ขึ้น รัสเซียได้ไปตั้งขีปนาวุธหัวรบนิวเคลียร์ที่เบลารุสแล้ว ตั้งอยู่แถวพรมแดนลิทัวเนีย และโปแลนด์ ขีปนาวุธนิวเคลียร์ ด้วยจรวดนำวิถีที่เร็วกว่าเสียง ไฮเปอร์โซนิค ชื่อ Kinzhal ที่ใช้ยิงเคียฟ ยิงยูเครนตลอดเวลา และเป็นขีปนาวุธที่ทางตะวันตกและนาโตกลัวที่สุด ท่านผู้ชมตามผมมาแล้วกัน

ผมจะยกตัวอย่างให้ฟัง เนื่องจากกองกำลังนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเทศไหน แล้วฐานที่ตั้งขีปนาวุธที่ตั้งอยู่ที่ผมเขียนให้ดูนี้ เกิดวันดีคืนดีกองกำลังแวกเนอร์เข้าไปยึด แน่นอนที่สุด รัสเซีย และเบลารุสใช้ แต่ปัดความรับผิดชอบ เหมือนที่โปแลนด์ ลิทัวเนีย ลัตเวีย ใช้พื้นที่ประเทศตัวเองเป็นพรมแดนเพื่อส่งอาวุธเข้าไปที่ยูเครนเพื่อสู้กับรัสเซีย แล้วพวกนี้ก็อ้างว่าผมไม่ได้ส่งไปนะ ผมแค่ให้อาวุธผ่านแดนไปเฉยๆ อย่าเอาผมเป็นคู่ค้าสงครามด้วย


เรื่องของเรื่องก็คือว่า รัสเซียเอาคืนแล้วคราวนี้ พูดง่ายๆ ว่า กำลังสร้างเรื่องทะเลาะกับพริโกซิน แล้วก็ให้พริโกซิน เพราะจู่ๆ จะย้ายทหารแวกเนอร์ไปหลายพันคน หรือใกล้ๆ หมื่นคน จากที่เคยรบอยู่ในยูเครน แล้วย้ายเข้าไปที่เบลารุส มันเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลถ้าไม่มีเรื่องเกิดขึ้น ตอนนี้ก็เลยสร้างเรื่องว่าทะเลาะกัน เมื่อทะเลาะกันแล้ว นายพริโกซิน อ้างว่า จะไปอยู่เบลารุสนะ ประธานาธิบดีลูกาแชนกา ของเบลารุส เชิญมา เพราะฉะนั้นกองกำลังของฉันตอนนี้ทยอยส่งไปที่เบลารุสแล้ว ใครใบ้รับประทานล่ะ ? นาโตใบ้รับประทาน โปแลนด์ใบ้รับประทาน ลิทัวเนียใบ้รับประทาน และลัตเวียใบ้รับประทาน

ท่านผู้ชมดูแผนที่ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง จากเดิมที่ไม่มีใครเลย มามีกองทัพแวกเนอร์อยู่ ไล่ตามพรมแดนไป ส่วนตรงนี้ ห่างจากเคียฟ 100 ไมล์ เพราะฉะนั้นผมเดาไม่ผิดว่ากองกำลังตรงนี้คือกองกำลังที่้จะตีเคียฟจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือเข้ามา รัสเซียตีเข้ามาจากข้างล่าง เพื่อยึดกรุงเคียฟ

แล้วมันเกิดอะไรขึ้น นาโตตอนนี้กลายเป็นผวา รู้แล้วว่าลับลวงพรางกบฏรัสเซีย เพราะว่าการปฏิวัติรัฐประหารมันจบเร็วเกินไป 48 ชั่วโมง มิหนำซ้ำแล้ว นายพริโกซิน ยังถูกยกข้อหากบฏทิ้งไป นั่งเครื่องบินไปลง แล้วยังมีทหารของฝ่ายแวกเนอร์เข้าไปอีกเยอะแยะไปหมด


หลังจากการรัฐประหารจบสิ้นลงไปในวันที่ 24 นายเย็นส์ สต็อลเดินบาร์ก เลขาธิการนาโต ประกาศปากสั่นเลยว่า พร้อมปกป้องตนเองจากภัยคุกคามใดๆ จากมอสโก หรือมินสก์ หลังเบลารุสเปิดประเทศต้อนรับเยฟกินี พริโกซิน เลขาฯ นาโตพูดเลยว่า นาโตเห็นพ้องต้องกันในการยกระดับการป้องกันตนเอง หลังจากกินแชมเปญ ตอนนี้ส่งทหารเข้าไปประจำในประเทศที่มีพรมแดนติดเบลารุส


เพราะฉะนั้นแล้ว แม้กระทั่งกิตานัส เนาเซดา ประธานาธิบดีลิทัวเนีย ประเทศที่ซ่า ยังตกอกตกใจและพูดว่า ที่แวกเนอร์เข้ามาอยู่ในเบลารุสมันอันตรายมากกับลิทัวเนีย

ท่านผู้ชมครับ ปรากฏว่าอาวุธที่รัสเซียส่งผ่านเบลารุสเข้าไปหากลุ่มแวกเนอร์นั้น ข้อมูลออกมาแล้ว กองทัพบัลแกเรีย ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน บอกว่าเครื่องบินรบความเร็วเหนือเสียง SU-34 ส่งเข้าไปแล้ว เครื่องบินรบรัสเซียมีเทคโนโลยีสูง เปรียบเสมือนเครื่องบินที่ล่องหนได้ อาวุธปืนใหญ่อัตราจรก็เข้าไปเยอะแยะไปหมดแล้ว ผมวิเคราะห์ว่ารัสเซียกำลังส่งหมากรุกมาหลอนให้ยุโรปตะวันออกบริเวณทะเลบอลติก คือ โปแลนด์ ลิทัวเนีย ลัตเวีย ฟินแลนด์ และสวีเดน ซึ่งซ่ากับรัสเซียมาก แล้วเขาส่งเครื่องบิน SU-34 ทำทีบินเครื่องบินรบซ้อมยิงขีปนาวุธผสมกับซ้อมรบทางเรือยิงขีปนาวุธ ไม่อาจรู้ได้ว่าวันใดหัวร้อนจัดและจะยิงอาวุธจริงๆ


นอกจากนี้ ยังมีค่ายนักรบแวกเนอร์สาขาเบลารุสมาสร้างใหม่ กระจายไปทั่วชายแดนประชิดชาตินาโตในย่านทะเลบอลติก

ที่แปลก กองทัพรัสเซียนอกจากเพิ่งจะติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ในเบลารุสแล้ว ยังขนอาวุธยุทโธปกรณ์หนักให้กองทัพเบลารุสเป็นทางผ่านไปให้นักรบแวกเนอร์อีกที

ท่านผู้ชมรู้ไหม วันใดเกิดมีคนจะเข้าไปกดปุ่มอาวุธนิวเคลียร์ถล่มพวกประเทศที่อยู่ใกล้ ลิทัวเนีย ลัตเวีย โปแลนด์ รัสเซียกับเบลารุสก็จะบอกว่าไม่รู้เรื่องนะ เพราะนี่คือกองกำลังเอกชนซึ่งฉันควบคุมไม่ได้ แล้วมันเข้าไปยึดฐานปฏิบัติการ ขับไล่เจ้าหน้าที่ซึ่งคุมการยิงอาวุธนิวเคลียร์ออกไป แล้วเผอิญก็อาจจะมีคนทำรหัสยิงตกแถวๆ นั้น พวกนี้ก็หยิบรหัสยิงขึ้นมา ใช่นี่หว่า กดปุ่มไปเลย นี่ถ้านิวเคลียร์ถล่ม ลิทัวเนีย ลัตเวีย หายหมดแล้ว ลูกาแชงกา กับปูติน ก็จะบอกว่าไม่เกี่ยวนะ ไม่รู้เรื่องนะ ไม่เกี่ยวนะ ก็เหมือนที่พวกแกไม่รู้เรื่อง แต่แกใช้ดินแดนแกส่งอาวุธผ่านเข้ามาที่ยูเครน มารบกับรัสเซีย แล้วแกบอกว่าแกไม่ได้ยุ่งนะ แกทำเป็นทางผ่าน รัสเซีย กับเบลารุส ก็พูดได้เช่นกัน


ท่านผู้ชม ถ้าจะดูเรื่องนี้ต้องดูแบบเข้าใจ นี่คือเกมหมากรุกที่รัสเซียตัดสินใจรุกคืบนาโตแล้วคราวนี้ ไม่ใช่รัสเซียล่มสลายเหมือนอย่างที่คุณสุทธิชัย หยุ่น พูด หรือบรรดาเพจ Drama-addict พูด นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และเป็นข้อเท็จจริงที่เลขาธิการนาโตก็ยอมรับแล้ว ถ้าไม่ยอมรับจะรีบส่งทหารส่วนกลางนาโตเข้ามาประจำตามพรมแดนของประเทศ อย่างเช่น โปแลนด์ ลิทัวเนีย ลัตเวีย ประเทศที่ซ่ากับรัสเซียทำไม ฉะนั้นการวิเคราะห์ของผมไม่ผิด และของสื่อด้านผมไม่ผิด เพราะฉะนั้นแล้วฟันธงได้เลยท่านผู้ชม กบฏบ้าอะไรกัน 48 ชั่วโมง จบ หัวหน้ากบฏที่ถูกตั้งข้อหาว่ากบฏนั่งเครื่องบินไปลงเบลารุส แล้วประเทศรัสเซียก็ประกาศว่าข้อหากบฏไม่มีแล้ว นี่มันลับลวงพรางครับ

พอมีข่าวหุ้นในรัสเซีย บางคนเป็นเพจของประเทศไทย โคตรโปรตะวันตกแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ออกมาถามเชิงเยาะเย้ยผม วิเคราะห์ แล้วเยาะเย้ยคนที่วิเคราะห์ข่าวฝั่งผม อย่างเช่น คุณทนง ขันทอง คุณโสภณ โองการณ์ บอกว่าระบอบปูติน ล่มสลาย รัสเซียกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อีกรอบ กรณีอย่างนี้ทำไมพวกผม กับคุณทนง ถึงเงียบ ไม่ออกมาวิเคราะห์กันบ้าง แต่พอเช้าวันอาทิตย์ พอพริโกซิน และกลุ่มแวกเนอร์ ประกาศถอนกำลัง ย้ายไปเบลารุสแทน สถานการณ์ในรัสเซียคลี่คลาย ไม่มีแล้ว นักคอมเมนต์ที่ด่าผม ตำหนิติเตียน แดกดันคุณทนง ขันทอง โสภณ โองการณ์ ก็งงเป็นไก่ตาแตก บอก อิหยังวะ หน้าแตกเป็นเสี่ยงๆ ที่มโนกันเอาไว้ พังทลายไปในพริบตา

ตอนนี้ผมจะเตือนนะครับ คุณจะคอนเมนต์ สนใจสงครามในยูเครนและรัสเซีย และนาโต กับรัสเซีย ถึงคุณจะเป็นใครก็ตาม ถึงคุณจะเป็นสุทธิชัย หยุ่น ก็ตาม คุณแหกตาดูให้ดีๆ ว่าตอนนี้สงครามระหว่างรัสเซีย กับนาโต กำลังเปลี่ยนผ่านสู่บริบทใหม่แล้ว ถ้าพวกคุณยังโง่เหมือนเดิม งมงายกับการวิเคราะห์ของสื่อตะวันตกไปแล้ว ผมช่วยไม่ได้ ผมห้ามอะไรห้ามได้ แต่ห้ามความโง่ของพวกคุณ ผมห้ามไม่ได้ครับ

ท่านผู้ชมครับ วันนี้มีเพียงแค่นี้ อาทิตย์หน้าเราค่อยมาเจอกันใหม่ สวัสดีครับ

กำลังโหลดความคิดเห็น