รัฐบาลฝรั่งเศสระดมกำลังตำรวจ 45,000 นาย พร้อมรถหุ้มเกราะเข้ายับยั้งเหตุจลาจลซึ่งเกิดขึ้นในหลายเมืองทั่วประเทศต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 หลังประชาชนลุกฮือไม่พอใจกรณีตำรวจใช้อาวุธปืนยิงวัยรุ่นผิวสีดับระหว่างเรียกให้จอดรถ
ผู้ประท้วงได้จุดไฟเผาอาคารและรถยนต์ รวมถึงปล้นชิงทรัพย์สินตามร้านค้า ซึ่งถือเป็นเหตุจลาจลครั้งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง ตามหลังเหตุประท้วงเสื้อกั๊กเหลืองในปี 2018
สถานการณ์ความวุ่นวายได้ลุกลามไปทั่วประเทศ ทั้งที่เมืองมาร์เซย (Marseille) ลียง (Lyon) ตูลูส (Toulouse) สตราสบูร์ก (Strasbourg) และลีล (Lille) รวมถึงที่กรุงปารีส หลังจากที่ นาเฮล เอ็ม. วัยรุ่นเชื้อสายแอลจีเรีย-โมร็อกกัน วัย 17 ปี ถูกตำรวจยิงเสียชีวิตที่ย่านน็องแตร์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (27)
การตายของวัยรุ่นผิวสีซึ่งมีคลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ได้ ยิ่งโหมกระพือข้อร้องเรียนที่มีมานานในฝรั่งเศสเกี่ยวกับพฤติกรรมของตำรวจซึ่งมักใช้ความรุนแรงและแสดงทัศนคติเหยียดเชื้อชาติ
เจรัลด์ ดาร์มาแนง รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศส แถลงเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาว่า (1 ก.ค.) มีผู้ประท้วงถูกจับไปอีก 270 คนในค่ำคืนวันศุกร์ (30 มิ.ย.) ซึ่งทำให้ตัวเลขคนถูกจับเพิ่มเป็นกว่า 1,100 คน
โลกโซเชียลได้มีการแชร์ภาพเหตุระเบิดบริเวณเขตท่าเรือเก่าในเมืองมาร์เซย ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของฝรั่งเศส และมีประชากรเชื้อสายแอฟริกาเหนืออาศัยอยู่มาก ขณะที่ฝ่ายบริหารเมืองอยู่ระหว่างสอบสวนเรื่องนี้ และคาดว่าไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
ตำรวจเผยว่า กลุ่มผู้ประท้วงที่มาร์เซยได้เข้าปล้นปืนที่ร้านแห่งหนึ่ง และสามารถขโมยปืนไรเฟิลล่าสัตว์ไปได้หลายกระบอก ทว่าไม่มีเครื่องกระสุน และเวลานี้มีผู้ถูกจับกุมแล้วอย่างน้อย 1 ราย
เบอนัวต์ ปายัน นายกเทศมนตรีเมืองมาร์เซย ออกมาทวีตข้อความเมื่อค่ำวันศุกร์ (30) เรียกร้องให้รัฐบาลกลางส่งทหารเข้ามาช่วยควบคุมสถานการณ์เพิ่มเติม และย้ำว่า “การปล้นสะดมและความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่รับไม่ได้”
ที่เมืองลียงซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของฝรั่งเศส ตำรวจได้นำรถหุ้มเกราะและเฮลิคอปเตอร์เข้าสลายเหตุจลาจล ขณะที่รัฐมนตรีมหาดไทย ดาร์มาแนง ขอให้ฝ่ายบริหารส่วนท้องถิ่นหยุดเดินรถประจำทางและรถรางตั้งแต่เวลา 21.00 น. และเผยว่าจะมีการเพิ่มกำลังตำรวจเป็น 45,000 นายทั่วประเทศเพื่อควบคุมฝูงชน
เมื่อถูกตั้งคำถามในรายการข่าวค่ำทางสถานีโทรทัศน์ TF1 ว่ารัฐบาลจะถึงขั้นประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน (state of emergency) หรือไม่? ดาร์มาแนง ตอบว่า “เราไม่ปฏิเสธสมมติฐานใดๆ ทั้งสิ้น และคงจะได้ทราบกันหลังจากคืนนี้ว่าท่านประธานาธิบดีจะตัดสินใจอย่างไร”
เหตุจลาจลในช่วง 5 วันที่ผ่านมาทำให้ตำรวจฝรั่งเศสได้รับบาดเจ็บไปแล้วกว่า 200 นาย และมีผู้ประท้วงถูกจับอีกนับพันคน ซึ่งผู้ที่ออกมาชุมนุมส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ยเพียง 17 ปี
ประธานาธิบดี มาครง ออกมาเรียกร้องให้พ่อแม่ผู้ปกครองช่วยกันห้ามปรามบุตรหลานไม่ให้ออกมาชุมนุมบนท้องถนน และวิกฤตการณ์ครั้งนี้ยังทำให้ผู้นำฝรั่งเศสต้องออกจากที่ประชุมซัมมิตอียูที่บรัสเซลส์เร็วกว่าปกติ เพื่อเข้าร่วมประชุมฉุกเฉินกับคณะรัฐมนตรีฝรั่งเศสเป็นรอบที่ 2 ในระยะเวลาห่างกันเพียง 2 วัน
มาครง ยังขอให้บรรดาแพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ ลบคลิปเหตุการณ์จลาจล และเปิดเผยตัวตนของผู้ใช้งานที่ยั่วยุปลุกปั่นความรุนแรง ขณะที่รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศสก็ได้เชิญตัวแทนของเมตา ทวิตเตอร์ Snapchat และ TikTok เข้าพบเพื่อเตือนว่ารัฐบาลจะไม่อดทนกับเนื้อหาที่โปรโมตความรุนแรง
รัฐบาลตะวันตกหลายประเทศได้แจ้งเตือนพลเมืองของตนในฝรั่งเศสให้ใช้ความระมัดระวัง ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. เรื่องการปฏิบัติตนในสถานการณ์จลาจลในฝรั่งเศส โดยเตือนคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวไทยในฝรั่งเศสให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง หลีกเลี่ยงพื้นที่ชุมนุมและการออกจากที่พักในยามวิกาล โดยเฉพาะระหว่างเวลา 21.00-06.00 น. รวมถึงขอให้ติดตามสถานการณ์การประท้วงอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการฝรั่งเศสอย่างเคร่งครัด
ที่มา : รอยเตอร์
