xs
xsm
sm
md
lg

คริปโต ทอง ดอลล่าร์ หยวน CBDC เงินสกุลร่วมของบริกส์: ตัวไหนจะเข้าวิน? (ตอนที่ 5)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



คริปโต ทอง ดอลล่าร์ หยวน CBDC เงินสกุลร่วมของบริกส์: ตัวไหนจะเข้าวิน? (ตอนที่ 5)
โดยทนง ขันทอง


#5. หยวน

ในขณะที่ความตึงเครียดของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนเพิ่มมากขึ้น มีความเป็นไปได้ที่จีนจะดัมพ์ทิ้งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ถืออยู่ $859,000 ล้าน เพื่อที่ตอบโต้การที่สหรัฐใช้ไต้หวันเพื่อคุกคามความมั่นคงของจีน
ความจริงการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นรีเสิร์ฟของจีนไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากดอลล่าร์กำลังสูญเสียสถานภาพการเป็นเงินสกุลหลักของโลก และเงินหยวนของจีนเริ่มที่จะมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในเวทีการเงิน และการค้าโลกแทนดอลล่าร์

หรือพูดง่ายๆ จีนสามารถใช้หยวนซื้อน้ำมันจากรัสเซีย อิหร่าน และซาอุดิอาราเบีย และซื้อสินค้าและบริการจากประเทศต่างๆได้แล้ว โดยไม่ต้องชำระด้วยเงินดอลล่าร์เต็มจำนวนเหมือนอย่างแต่ก่อน
ความน่าเชื่อถือของดอลล่าร์จะลดลงไปมาก ถ้าหากประเทศเจ้าหนี้อย่างจีนดัมพ์ทิ้งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เพราะว่ามันจะเป็นการส่งสัญญานจุดจบของการเป็นเงินสกุลหลักของโลกของดอลล่าร์

ประธานาธิบดีวราดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียได้ประกาศแล้วว่า รัสเซียและกลุ่ม BRICS กำลังหันหลังให้ดอลล่าร์อย่างสิ้นเชิง โดยรัสเซียจะใช้เงินหยวนค้าขายกับเอเชีย แอฟริกา และละตินอเมริกา นอกจากนี้ปูตินเรียกร้องให้ประเทศต่างๆค้าขายระหว่างกันด้วยเงินสกุลท้องถิ่น โดยมีเงินหยวนเป็นแกนหลัก เพราะว่าหยวนมีความมั่นคงมากที่สุด

ต่อไปเวลาสหรัฐซื้อขายสินค้า และบริการกับ BRICS ซึ่งมีท้ังพลังงาน สินค้าโภคภัณฑ์ และสินค้าอุตสาหกรรม อาจจะไม่สามารถใช้ดอลล่าร์ชำระเงินได้โดยตรง โดยจะต้องแลกเป็นเงินหยวน หรือเงินสกุลอื่นก่อน เนื่องจาก BRICS ซึ่งกำลังมีประเทศต่างๆสมัครเข้าเป็นสมาชิกเพิ่มมากขึ้นไม่ต้องการให้สหรัฐใช้ดอลล่าร์เพื่อรังแกประเทศอื่นอีกต่อไป

การที่เงินหยวนเป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีความแข่งแกร่งด้านเศรษฐกิจและการเงิน ขนาดเศรษฐกิจของจีนจะแซงหน้าสหรัฐภายในปี 2030 จีนมีทองคำสำรองหนุนหลังกว่า 20,000 ตัน แม้ว่าจะประกาศอย่างเป็นทางการว่ามีเพียง 2,000 กว่าตัน จีนมีระบบซับไพลเชน และระบบการผลิตที่เข้มแข็งที่สุดในโลก ที่สำคัญที่สุด เงินหยวนมีความน่าเชื่อถือจากนโยบายการเงินการคลัง นโยบายเศรษฐกิจ และแสนยานุภาพทางทหารของจีนที่ผลักดันให้จีนกลายเป็นมหาอำนาจของโลก

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนกำลังดำเนินนโยบายเพื่อเพิ่มบทบาทของหยวนในระบบการเงินโลก เพื่อที่จะคว่ำเงินดอลล่าร์ ที่เอาเปรียบชาวโลกมาเป็นเวลานาน นอกจากนี้ จีนยังพัฒนาระบบชำระเงิน CIPS (Cross Border Interbank System) เพื่อที่จะได้ไม่ต้องพึ่งพาระบบ SWIFT ของสหรัฐอีกต่อไป จะได้ป้องกันการแซงชั่นของสหรัฐ
การจับมือกับรัสเซีย ทำให้จีนได้แหล่งพลังงานที่แน่นอน โดยจีนสามารถซื้อพลังงานด้วยเงินหยวนได้ นอกจากนี้เปโตรหยวนยังได้ขยายบทบาทไปยังภูมิภาคตะวันออกกลาง ทำให้จีนสามารถชำระน้ำมันเป็นเงินหยวนกับซาอุดิ อาราเบียและผู้ผลิตน้ำมันอื่นๆได้ นับวันการใช้หยวนจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ

ในแอฟริกา ซึ่งจีนมีบทบาทมากในด้านให้ความช่วยเหลือด้านการลงทุน และเศรษฐกิจ เงินหยวนมีการใช้อย่างแพร่หลาย อิกอร์ ชูวาลอฟ ประธานองค์กรเพื่อการพัฒนา VEB.RF แห่งรัสเซีย กล่าวรอบนอกเวทีสัมมนาอินเตอร์เนชันแนล อีโคโนมิก ฟอรัม ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อวันที่15 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า เงินหยวนของจีนกำลังลดความได้เปรียบด้านการแข่งขันของดอลลาร์สหรัฐอย่างค่อยเป็นค่อยไป และได้มาซึ่งสถานะสกุลเงินสำรองของโลกแล้ว จากความเห็นของ

เขากล่าวย้ำว่า ประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้มีความคืบหน้าเป็นอย่างมากในการมุ่งหน้าสู่การละทิ้งการพึ่งพิงดอลลาร์ (de-dollarization) และ “กระบวนการนี้จะเดินหน้าต่อไป"

เขากล่าวว่า VEB.RF ไม่ได้ใช้ดอลลาร์ในการชำระเงินกับคู่หูต่างประเทศแล้ว โดยชำระเงินในรูปแบบสกุลเงินหยวน และสกุลเงินอื่นๆ ที่เป็นมิตรแทน "เวลานี้หยวนเป็นสกุลเงินสำรองของโลกแล้ว ไม่มีอะไรต้องปิดบัง”

"แม้กับพวกที่เป็นมิตรกับสหรัฐฯ ก็ยังมองว่าการเผชิญหน้าทางเศรษฐกิจและการเงินในปัจจุบันจะเป็นตัวส่งเสริมการพัฒนาระบบชำระเงินทางเลือกอื่นที่ไม่ต้องพึ่งพิงระบบ SWIFT และดอลลาร์ เพื่อความปลอดภัยของพวกเขาเอง มันไม่ใช่ประเด็นของความน่าเชื่อถือหรือไม่น่าเชื่อถือ แต่มันเป็นข้อเท็จจริงของชีวิตที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรค ด้วยการสร้างระบบชำระเงินใหม่ๆ ขึ้นมา”




จากข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) สัดส่วนของดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศของโลกลดลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ทศวรรษ ที่ 58% ในไตรมาส 4 ของปี 2022 โดยหลายประเทศเริ่มปลีกหนีดอลลาร์จากการทำธุรกรรมข้ามพรมแดม ท่ามกลางกังวลเกี่ยวกับหนี้ที่พุ่งขึ้นของอเมริกาและการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างกว้างขวาง โดยใช้ดอลลาร์เป็นเครื่องมือ

รัสเซียซึ่งเผชิญมาตรการคว่ำบาตรจากวอชิงตัน หนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเมื่อปีที่แล้ว ได้ปรับเปลี่ยนไปใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้าขายทางพลังงานเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบของรูเบิลและหยวน

ขณะเดียวกัน การปรากฏตัวของหยวนในตลาดโลกกำลังเติบโตขึ้น สัดส่วนของมันในการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านตลาดอย่างไม่เป็นทางการเพิ่มขึ้นจากระดับเกือบ 0% เมื่อ 15 ปีก่อน เป็น 7% ในปี 2023

จากข้อมูลของธนาคารเพื่อการชำระบัญชีระหว่างประเทศ (BIS) ยิ่งไปกว่านั้น ในเดือนมีนาคมปีนี้ หยวนได้แซงหน้าดอลลาร์ในด้านการทำธุรกรรมข้ามชาติของจีน ในขณะที่พันธมิตรส่วนใหญ่ของพวกเขากำลังใช้ก้าวย่างต่างๆ ในการลดพึ่งพาดอลลาร์เช่นกัน

ความเสื่อมของดอลล่าร์ในการเป็นเงินสกุลหลักของโลกมีสาเหตุมาจากท้ังปัจจัยพื้นฐาน และจากการที่รัฐบาลสหรัฐติดอาวุธดอลล่าร์ หรือใช้ดอลล่าร์เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการเล่นงานประเทศที่ดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของสหรัฐ

ในด้านปัจจัยพื้นฐาน สหรัฐมีหนี้มากจนไม่มีใครเชื่อว่าจะสามารถชำระได้ หนี้สาธารณะของสหรัฐพุ่งไปแตะระดับ$32ล้านล้านหรือประมาณ 120% ต่อจีดีพีแล้ว หลังจากผ่านกฎหมายยกเพดานหนี้ในต้นเดือนมิถุนายนได้ไม่นาน

ในช่วงที่มีความขัดแย้งของการเมืองภายสหรัฐในเรื่องเพดานหนี้ ตั้งแต่ต้นปี กระทรวงการคลังของสหรัฐส่งสัญญานว่า สหรัฐอาจจะผิดนัดชำระหนี้ได้ ถ้าหากสภาคอนเกรซไม่ผ่านกฎหมายยกเพดานหนี้ที่ชนเพดานแล้วที่ระดับ $31.4 ล้านล้าน

เรื่องนี้ เท่ากับกระทรวงการคลังของสหรัฐบอกกับเจ้าหนี้ที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐว่า อาจจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยไม่แคร์ความรู้สึก หรือไม่ให้ความสำคัญกับเจ้าหนี้เลยแม้แต่น้อย

นาย Peter Schiff นักวิเคราะห์เศรษฐกิจและการเงินสหรัฐบอกว่า ระหว่างเจรจาเพดานหนี้ ไม่มีใครบอกว่าจะให้ความสำคัญกับเจ้าหนี้ก่อน โดยบอกว่า ถ้าไม่ยกเพดานหนี้ กระทรวงการคลังจะไม่สามารถกู้ยืมเงินมาจ่ายหนี้ได้ จะเกิดการผิดนัดชำระหนี้

“เรื่องนี้ เท่ากับเป็นการยอมรับว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังดำเนินการ Ponzi scheme (แชร์แม่ชะม้อย) ที่ต้องกู้ยืมเงินใหม่ไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะจ่ายหนี้เก่า โดยรัฐบาลสหรัฐจะไม่ขึ้นภาษี หรือลดงบประมาณการใช้จ่าย ทุกคนทราบกันดีว่า Ponzi scheme จะต้องมาถึงจุดจบไม่วันใดวันหนึ่ง” เขากล่าว

แม้ว่าจะมีหนี้ในระดับสูง สหรัฐยังคงเดินหน้าใช้จ่ายเกินตัวในงบประมาณประจำปี โดยมีการขาดดุลเฉลี่ยแล้วประมาณ $2 ล้านล้านต่อปี ท้ังนี้เนื่องจากสหรัฐมีภาระการใช้จ่ายด้านการทหารที่สูงลิ่ว และการใช้จ่ายทางสวัสดิการสังคมที่ไม่สามารถจะตัดลดได้

หนี้สาธารณะสหรัฐมีแนวโน้มว่าจะพุ่งไปถึง $35 ล้านล้าน ในปี 2025 ก่อนที่จะไปถึง $50 ล้านล้านในปี 2030 ถ้าหากรัฐบาลยังคงมือเติบไม่เปลี่ยนแปลงการใช้จ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาระดอกเบี้ยในการใช้หนี้ที่ต้องสูงขึ้น จากดอกเบี้ยระดับ 5.25% ในปัจจุบัน

ผู้ที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐต้องรู้สึกหวั่นไหวกับการก่อหนี้ใช้จ่ายเกินตัวไปเรื่อยๆของสหรัฐ ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วจะทำให้เหลือเพียงธนาคารกลางของสหรัฐเท่านั้นที่จะต้องเข้าไปซื้อพันธบัตร และจะนำไปสู่เงินเฟ้อ ที่จะทำลายความเชื่อมั่นในค่าเงินดอลล่าร์

อีกประการหนึ่งที่ทำให้ประเทศต่างๆหันหนีจากดอลล่าร์ไปหาหยวน คือการที่สหรัฐติดอาวุธดอลล่าร์ ด้วยการยึดเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียไปกว่า $300,000 ล้าน และขับไล่ธนาคารรัสเซียออกจากระบบ SWIFT ทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมแบงค์กิ้งระหว่างประเทศได้ หลังจากที่รัสเซียบุกโจมตียูเครนเมื่อปีที่แล้ว

สหรัฐขู่จีนและประเทศต่างๆไม่ให้สนับสนุนรัสเซียในการทำสงครามยูเครน ถ้าหากพบว่ามีการกระทำดังกล่าว จะยึดเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในรูปดอลล่าร์ ทำให้ประเทศที่ถือครองดอลล่าร์จำนวนมากอย่างจีน ซาอุดิ อาราเบีย และกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน และผู้ส่งออกต้องการออกจากระบบดอลล่าร์เพื่อป้องกันความเสี่ยง

อาจารย์ Michael Hudson เขียนบทความเรื่อง De-Dollarization is Remedy Against US Militarism (แปลโดยคุณสายัณห์ รุจิรโมรา) เน้นว่า การสร้างทางเลือกสกุลเงินที่จะมาแทนยูเอสดอลลาร์ เป็นเพียงทางเดียวที่จะป้องกันการใช้กำลังทหารต่อโลก ที่นำโดยวอชิงตัน

เขาบอกว่ากับสื่อสปุตนิกของรัสเซียว่า เทรนด์ของการ de-dollarization กำลังเพิ่มมากขึ้นโดยมีนักวิชาการอเมริกันบอกเองว่า ไม่มีทางถอยหลังแล้ว การตัดสินใจของวอชิงตันที่แช่แข็งเงินรีเสิร์ฟของธนาคารกลางรัสเซีย จากการที่รัสเซียเข้าปฏิบัติการในยูเครน นับเป็นฟางเส้นสุดท้ายของประเทศทั้งหลายของซีกโลกใต้ ทำให้มีการมองหาทางเลือกที่จะออกจากยูเอสดอลลาร์

Prof. Michael Hudson บอกกับ Sputnik อีกว่า .."ตลอดปีครึ่งที่ผ่านมา ฝ่ายอเมริกันแจ้งว่า 'ถ้ามีประเทศใดก็ตามที่ฝากเงินดอลลาร์เสิร์ฟไว้กับธนาคารในยุโรปหรือธนาคารอเมริกัน ...และทำเรื่องที่ขัดใจเรา เรามีสิทธิ์ที่จะยึดเงินดอลลาร์ของพวกเขาทั้งหมด'.."
"เช่น เมื่อตอนที่เวเนซูล่าต้องการที่จะเป็นรัฐบาลสังคมนิยม ฝ่ายอเมริกันได้แจ้งต่ออังกฤษให้ 'ยึดทองคำที่พวกเขาฝากไว้ให้หมด จนกว่าเราจะแต่งตั้งคนที่เราคิดว่าควรจะเป็นประธานาธิบดีของเวเนซูล่าได้ ไม่ว่าจะเป็น Mr. Grito, หรือ Guaido' ......เวเนซูล่าสูญทองคำที่ฝากไปเลย

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ฝ่ายอเมริกันยึดเอาเงินรีเสิร์ฟของรัสเซียที่ฝากไว้กับธนาคารตะวันตก หลังจากนั้น สหรัฐยังมีการแจ้งต่อจีน อิหร่านและอีกหลายประเทศ ว่า ...'ถ้าพวกคุณไม่แซงค์ชั่นรัสเซียตามที่เราสั่ง หรือถ้าไม่ยอมเป็นอาณานิคมของสหรัฐในด้านการเงิน เราก็จะยึดเงินของพวกคุณ ...มันก็เป็นเรื่อง fair play นะ เพราะพวกคุณถือเงินดอลลาร์ของเรา เราก็จึงมีสิทธิ์ยึดดอลลาร์ได้'

นั่นเท่ากับว่า สหรัฐกำลังบอกกับทุกประเทศว่าดอลลาร์ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว มันกลายเป็นสกุลเงินการเมืองไปแล้ว Hudson ยังบอกอีกว่า ทั้งหมดนี้แค่ครึ่งเดียวนะ ยังมีอีกเรื่องคือ เงินดอลลาร์ทั้งหมดนี้ ปั้มพ์เข้ามาในระบบเศรษฐกิจของโลกได้ยังไง

"ตั้งแต่สงครามเกาหลีมาแล้ว เงินจำนวนมากที่สหรัฐใช้จนขาดดุลน่ะ คือการใช้ดอลลาร์นอกประเทศในเรื่องการทหาร" โปรเฟสเซอร์กล่าวต่อ "ดังนั้น หลายประเทศ เช่นยุโรป รัสเซีย จีน เก็บเงินดอลลาร์เหล่านั้นเอาไว้ และซื้อเป็นพันธบัตรของสหรัฐ ซึ่งก็เท่ากับเป็นการช่วยสนับสนุนฐานทัพของสหรัฐทั่วโลกทั้ง 800 แห่งที่ล้อมพวกเขาซะเอง

เงินดอลลาร์ที่กระจายอยู่ทั่วโลกถูกส่งกลับให้สหรัฐกู้ โดยซื้อเป็นพันธบัตร ...การใช้เงินของรัฐบาลสหรัฐก็หนักไปทางด้านการทหาร ....เท่ากับนานาชาติช่วย funding ฐานทัพสหรัฐให้มาคุกคามนานาชาติซะเอง”

การผงาดของเงินหยวนกำลังเกิดขึ้นถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงขอลศตวรรษเลยทีเดียว ท่ามกลางความเสื่อมของดอลล่าร์ เนื่องจากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและการเงินที่สุขุมรอบคอบของจีน ที่เน้นสร้างความแข็งแกร่ง หรือความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมการผลิต หรือเศรษฐกิจที่แท้จริง ในขณะที่สหรัฐเน้นการเก็งกำไรในตลาดการเงิน หรือมุ่งการก่อหนี้เพื่อการใช้จ่าย
กำลังโหลดความคิดเห็น