xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : เจาะลึกขบวนการ “รัฐปาตานี” แยกประเทศไทย - คำถาม "ประชาชาติ-คีรี" ใครหนุนกบฏแบ่งแยกดินแดน - ต่างชาติโอนน้ำเลี้ยงล้ม ม.112?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 16 มิ.ย.2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้เป็น
- เปิดกะลา “คอนด้อมส้ม”
- เจาะลึกขบวนการ “รัฐปาตานี” แยกประเทศไทย
- คำถาม "ประชาชาติ-คีรี" ใครหนุนกบฏแบ่งแยกดินแดน
- ต่างชาติโอนน้ำเลี้ยงล้ม ม.112?
- เลือก "ก้าวไกล" ด้ามขวานไทยไม่เหมือนเดิม

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.193



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 194 [16 มิ.ย. 2566]

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK

แอปพลิเคชัน : SONDHI APP

ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.

ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ

YouTube : Sondhitalk

เว็บไซต์: www.sondhitalk.com

Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน 2566 ขอสวัสดีแฟนๆ รายการที่กำลังรับชมสดทาง Sondhi App, Facebook, YouTube และ TikTok ครับ ท่านผู้ชมครับ ช่วงนี้ฝนเริ่มมาแล้ว หลายคนเริ่มเจ็บคอ น้ำมูกไหล ไอ มีเสมหะ มิหนำซ้ำยังมีไข้อีกด้วย เวลาเรามีอาการแบบนี้ คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าต้องกินพวกยาปฏิชีวนะ ที่หมอเขาเรียกว่า แอนตีไบโอติก (Antibiotics) ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง


ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ผมไม่ได้พูดเองนะ คุณหมอปฐมสวรรค์ ปัญญาเลิศ รองเลขาธิการองค์การอาหารและยา (อย.) ออกมาอธิบายไว้ตั้งแต่ปี 2557 แล้ว 9 ปีที่แล้ว ท่านบอกว่ายาปฏิชีวนะไม่ได้ช่วยให้อาการไอและหวัดหายเร็วขึ้นแต่อย่างใด เพราะคนส่วนใหญ่ที่เป็นหวัด เจ็บคอ 80 เปอร์เซ็นต์ มักจะเกิดจากเชื้อไวรัส การทานยาปฏิชีวนะก็ไม่ได้ช่วย มีเพียงส่วนน้อยมาก 20 เปอร์เซ็นต์ ที่อาจจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และอาจจำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ

ถ้าไปกินยาทุกครั้งที่เจ็บคอ หรือไปกินยาแก้ไข้ทุกครั้งที่เป็นไข้ พวกเราจะได้รับยาโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาปฏิชีวนะ ถ้าไปซื้อกินเอง เท่ากับไม่ได้ฆ่าไวรัส แต่ไปฆ่าแบคทีเรียชนิดดี เพราะในร่างกายมีแบคทีเรียทั้งชนิดดี และชนิดที่ไม่ดี นอกจากไม่ได้รักษาโรคแล้ว ยังทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายตกไปอีก ท่านผู้ชมไม่ต้องตกใจนะครับ เวลาไปหาหมอ บอกหมอว่าเป็นหวัด หมอจะ assign ยาปฏิชีวนะให้ ซึ่งจริงๆ หมอเขารู้อยู่แล้ว แต่มันเป็นสูตรโบราณที่พวกแพทย์แผนปัจจุบันชอบ พอซื้อยา เราก็เสียเงินเสียทองไปอีก

เวลาเป็นหวัด การรักษาที่ดีที่สุดคือเราต้องทำให้ร่างกายเรามีภูมิต้านทานมาต่อสู้กับเชื้อไวรัส ด้วยเหตุนี้ผมและอาจารย์ปานเทพถึงยืนยันว่า "ฟ้าทะลายโจร" เหมาะสมสำหรับบรรเทาอาการหวัด เพราะว่าฟ้าทะลายโจรมีสรรพคุณต้านไวรัสโดยรวมหลายชนิด บรรเทาอาการไข้ เจ็บคอ ได้ด้วย หรือใครเจ็บคอมากๆ ก็ใช้สเปรย์พ่นบรรเทาอาการเจ็บคอได้ เพราะสเปรย์ที่เราเสนอมาให้นี้ก็เป็นสเปรย์ที่มีสารสกัดของ แอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ของฟ้าทะลายโจร


ตอนนี้ยาฟ้าทะลายโจรของอาจารย์ปานเทพ และหมอแวร์ ได้รับการรับรองขึ้นทะเบียนตำรับผลิตภัณฑ์สมุนไพรจาก อย. แล้ว เลขที่ G 535/64 และเราได้รับแพ็กเกจใหม่เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐาน อย. ภายใน 1 กล่อง มี 50 แคปซูล ลดจาก 350 บาท เหลือ 300 บาท

แคปซูลฟ้าทะลายโจรของอาจารย์ปานเทพ และสเปรย์พ่นปาก สามารถสั่งซื้อได้ที่ไลน์ (LINE) @Sunherb จะเข้าไปชมสินค้าทั้งหมดก็เข้าไปทางเว็บไซต์www.sunherbth.com หรือเข้าไปที่ Shopee, Lazada แล้วเสิร์ชคำว่า "ร้านสมุนไพรบ้านพระอาทิตย์"


นอกจากนี้ ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ ถ้าคิดถึงโอเลี้ยง หมูแท่งอบกรอบ/ปลาแท่งอบกรอบ ขนมปัง สเปรด ไอศกรีมของคุณโสภณ โองการณ์ มีจำหน่ายอยู่ตลอดนะครับ ที่ร้าน SUN PAN ถนนวิภาวดีฯ ในปั๊ม ปตท. ตรงข้ามมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ไปซื้อกันได้

อาทิตย์นี้เรามีเรื่องอะไรกันบ้าง ? มีแต่เรื่องใหญ่ๆ ทั้งนั้น เรื่องแรกคือ เราจะเปิดกะลาของคอนด้อมส้ม เราจะชี้ให้เห็นเลยว่าคอนด้อมส้มนั้น เวลาวิพากษ์วิจารณ์อะไร ไร้สาระหมดเลย ไม่มีข้อเท็จจริง แล้วก็มโนเอา เสร็จเรียบร้อยแล้วก็สักแต่พูดเพื่อจะด้อยค่าเรื่องราวต่างๆ โดยที่ไม่มีสาระและไม่มีข้อโต้เถียง

เรื่องที่สอง เป็นครั้งแรก ผมได้ข้อมูลมาว่ามีสถานทูต NED ซึ่งเป็นหน่วยงานส่วนต่อของกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา ที่ผู้อำนวยการ NED คนแรกๆ อ้างว่านี่คือ CIA ภาคพลเรือน และองค์กรเอกชน (NGO) ต่างชาติ ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่าทั้งสถานทูต NED NGO ต่างชาติ เรียงคิวโอนเงินกว่า 40 ล้านบาท เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับศูนย์ทนายความสิทธิฯ ซึ่งคนที่ดูแลอยู่ก็คงจะได้ยินชื่อกัน คือ ทนายอานนท์ นำภา แล้วไปดูกันว่านี่คือหลักฐานซึ่งน่าจะเช็กบิลได้แล้ว

เรื่องที่สาม เจาะลึกเบื้องหน้า-เบื้องหลังขบวนการรัฐปาตานี แบ่งแยกประเทศไทย หลายเรื่อง และผมจะถามต่อไปถึงท่านวันนอร์ - วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ และจำเป็นต้องพ่วงคุณคีรี กาญจนพาสน์ เข้าไปด้วย ในฐานะที่คุณคีรี มีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนพรรคประชาชาติ และพรรคประชาชาติก็มีรอยเท้าที่เห็นได้ชัดว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนรัฐปาตานี

เรื่องสุดท้าย คือการเลือกก้าวไกล ประะเทศไทยจะไม่เหมือนเดิมแน่นอน กับการบ่มเพาะแนวคิดการแบ่งแยกดินแดน เรื่องต่างๆ พวกนี้ไม่มีที่ไหนพูดให้ท่านผู้ชมฟัง เรื่องแบ่งแยกดินแดนเป็นเรื่องราวใหญ่โตมาก แต่สื่อหลักทุกสื่อไม่มีใครพูดเลย เสมือนกับว่า ความสำคัญของชาติ สื่อหลักไม่มีใครสนใจเลยแม้แต่นิดเดียว ชาติจะล่มสลายอย่างไรก็ต้องปล่อยให้เป็นไปอย่างนั้น

เปิดกะลา “คอนด้อมส้ม🍊


ท่านผู้ชมครับ หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้วิพากษ์วิจารณ์คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล รวมทั้งการจับโกหกหลายต่อหลายเรื่องที่คุณพิธา ว่าที่นายกรัฐมนตรี พร้อมหลักฐานประกอบ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ มีพวกติ่งส้ม ที่ผมเรียกว่าคอนด้อมส้ม เข้ามากันหลายคน มาดิ้น มาต่อว่าผมต่างๆ นานา หลายความคิดเห็นผมปล่อยผ่านไป เพราะผมเข้าใจดีว่าคุณชอบคนสวยๆ หล่อๆ เหมือนคนนิยมดาราเค-ป๊อป แต่คุณไม่มีสมอง เพราะคุณไม่สามารถจะไตร่ตรองพิจารณาว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง ผมเคยพูดไว้แล้วครับว่าความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว

ตอนนี้นายพิธาเป็นไอดอลของพวกคุณส่วนใหญ่ ใครจะแตะต้องก็ไม่ได้ พวกคุณส่วนใหญ่อายุยังน้อย บางคอนเมนต์เข้ามาแสดงถึงความโง่เขลา ไม่รู้มากจนเกินไป ก็เลยทำบุญทำกุศลเสียหน่อย ตักเตือนกันบ้าง เช่น คุณจัดทัวร์ลงคนที่เห็นต่างจากคุณ ตัวคุณเองด้อยปัญญา กลับไปด้อยค่าผู้หลักผู้ใหญ่ที่เขามีประสบการณ์ชีวิต ประสบการณ์ที่กว่าเขาจะเจริญเติบโตมาจนทุกวันนี้เขาต้องผ่านอะไรมาเยอะมาก คอนเมนต์จากพวกคอนด้อมส้ม พวกคุณ จัดทัวร์ไปลงผู้หลักผู้ใหญ่ หรือหลายๆ คนที่มีความเห็นต่างจากพวกคุณและนโยบายพรรคก้าวไกล ยกตัวอย่างเช่น พวกคุณไปถามคุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ สืบเนื่องจากเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา


วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 คุณบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ออกมาแสดงความเห็นเป็นห่วงเรื่องนโยบายค่าแรง 450 บาท ของก้าวไกล จะทำให้นักลงทุนย้ายฐานหนี และท่านได้แสดงความเป็นห่วงว่าพรรคก้าวไกลจะบริหารงานไม่เป็น จนพาประเทศไปเป็นยูเครน 2

พวกคอนด้อมส้มแชร์ข่าวนี้และคอมเมนต์ว่า "ตัวอย่างความไม่รู้เรื่องระบบเศรษฐกิจ รู้แค่การซื้อ-ขายอย่างเดียว" สรุปคือคุณกำลังจะบอกว่าคุณบุณยสิทธิ์ ทำธุรกิจไม่เป็น ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจ แถมยังบอกว่าธุรกิจเครือสหพัฒนพิบูล เป็นธุรกิจผูกขาด พวกคุณ คอนด้อมส้ม พวกคุณโง่ คุณไม่พูดก็ไม่มีใครเขาว่า หรือรู้ว่าคุณโง่ แต่พอคุณพูดขึ้นมาแล้ว คุณน่ะมันเด็กเมื่อวานซืน ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คุณเอาสมองส่วนไหนไปคิด ประการแรก คุณบุณยสิทธิ์ เขาเป็นเจ้าของเครือธุรกิจใหญ่ เครือสหพัฒนฯ เขาก่อตั้งมาตั้งแปดสิบกว่าปี ผมรู้จักคุณพ่อของคุณบุณยสิทธิ์ ดี คือนายห้างเทียม โชควัฒนา สนิทสนมกันมาก 


ยอดขายของเครือสหพัฒนฯ ปีละ 3 แสนล้านบาท 10 เปอร์เซ็นต์ ของงบประมาณประเทศไทย เขามีลูกจ้างเป็นหมื่นๆ คน มีคนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเขา ทั้งลูกค้า พนักงาน คู่ค้า เป็นแสนๆ ล้านๆ คน เขามีสิทธิ์ที่จะเป็นห่วงเป็นใย แสดงความเห็น นอกจากเป็นนักธุรกิจแล้ว เขายังเป็นประชาชนคนหนึ่ง เขาก็แสดงความเห็น เขามีสิทธิ์

สอง คนที่ออกมาบอกว่าคุณบุณยสิทธิ์ รู้จักแต่การซื้อ-ขาย แต่ไม่รู้เรื่องระบบเศรษฐกิจ คุณตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเอง คนที่บริหารงานแล้วยอดขาย 3 แสนล้านบาท เขาจะไม่รู้เรื่องระบบเศรษฐกิจได้อย่างไร ผมจะบอกให้คุณรู้ สมัยหนึ่งที่ผมเข้าไปเยี่ยมนายห้างเทียม โชควัฒนา


นายห้างเทียม บอกผมเลยว่า สนธิ อย่าไปฟังเลยนักเศรษฐศาสตร์ ลื้อจำไว้อย่าง ช่วงไหนที่บะหมี่มาม่าขายดี ให้ลื้อรู้ว่าเศรษฐกิจมันตก เพราะคนไม่มีเงินซื้อกับข้าวมากิน ไม่มีเงินซื้อไก่ ไม่มีเงินซื้อเนื้อมาทำ เพราะฉะนั้นยอดขายบะหมี่มะม่ามันสะท้อนให้เห็นถึงภาพเศรษฐกิจที่แท้จริง นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆ ของคนที่ต่อสู้มาด้วยลำแข้งตัวเอง คลุกฝุ่น คลุกดิน ใส่กางเกงขาก๊วย เปิดร้านขายของในสำเพ็ง เจริญเติบโตมาจนกระทั่งปีหนึ่งขายได้ 3 แสนล้านบาท


ธุรกิจเครือสหพัฒนฯ ไม่ใช่ธุรกิจผูกขาด เขาขายสินค้าอุปโภค บริโภค เขาไม่ได้สัมปทานอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ไอ้โง่! โง่แล้วอวดฉลาด คอมเมนต์ อย่าเข้ามาคอมเมนต์อีก ผมไม่อยากจะพูดว่าคุณน่ะสมองหมาปัญญาควาย เขาอยู่มาได้ทุกวันนี้เพราะเขาแข่งขันกับคู่แข่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ เขาพัฒนาการค้าอย่างไม่หยุดนิ่ง เครือข่ายธุรกิจของเขาขยายไปต่างประเทศอย่างมากมาย แบรนด์สินค้าของเขาเยอะแยะไปหมด มาม่าเอย ฟาร์มเฮ้าส์เอย ผงซักฟอกเปาเอย โคโดโม วาโก้ Guy Laroche Arrow ยังมีพวกปลากระป๋อง น้ำตาล เกลือ ซีอิ๊ว นม น้ำส้มสายชู สินค้าอุปโภค บริโภค เป็นร้อยๆ อย่าง เข้าใจหรือยัง เติมปัญญาพวกคุณสักนิด ไม่ใช่หูหนาตาบอด อะไรๆ ก็พิธา พิธาทำอะไรก็ไม่ผิด โกหกแค่ไหนก็โกหกได้ ไม่เป็นไร ยอมรับ คนอย่างคุณ คุณภาพอย่างพวกคุณนี่ น่าอันตรายต่อชาติบ้านเมืองมาก


อีกคนหนึ่งที่คุณจัดทัวร์ไปรุมถล่มเขา คือคุณตู่ วรวรรณ ธาราภูมิ เธอเป็นประธานกรรมการบริหารบริหารหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง สัปดาห์ก่อนเธอออกความเห็นว่า "ทำอย่างไรหุ้นถึงจะขึ้น ยกเลิกทุกนโยบายของว่าที่รัฐบาล เขียวทั้งกระดานทันที" ปรากฏว่ามีพวกคุณ คอนด้อมส้ม เข้าไปข่มขู่ คุกคาม ดุด่า ดูถูกว่าคุณตู่ วรวรรณ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ ไม่รู้เรื่องตลาดหุ้น เป็นชนชั้นผูกขาด คือใครก็ตามพูดแล้วตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณเชื่อและทำ แสดงว่าคนๆ นั้นไม่รู้เรื่อง (มีพวกคุณเองเท่านั้นที่รู้เรื่องใช่ไหม ?) เสียผลประโยชน์จากนโยบายเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล ยังไม่นับรวมคนอื่นอีก ยกตัวอย่าง คุณสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ธรรมศาสตร์ ที่วันนี้ลี้ภัยหนีคดีไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ออกมาวิพากษ์วิจารณ์คุณพิธา และพรรคก้าวไกล อย่างหนัก ทำให้พวกคุณไม่พอใจอย่างแรง เลยจัดทัวร์ไปลง ไปด้อยค่าคุณสมศักดิ์ เจียมฯ ว่าไม่รู้เรื่องทางการเมือง
นอกจากนี้แล้ว ยังมีประชาชน นักธุรกิจ นักลงทุน ออกมาทักท้วงกรณีคำให้สัมภาษณ์ของคุณศิริกัญญา ตันสกุล ที่ประสบการณ์ในการทำงานน้อยมาก ว่าไม่เหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมทั้งผมด้วย พวกคอนด้อมส้มก็แสดงความโง่เขลาเบาปัญญา ไปด้อยค่าอดีตรัฐมนตรีฯ คลังของประเทศคนก่อนๆ ว่าไม่ได้จบเศรษฐศาสตร์เหมือนคุณศิริกัญญา ทำไมยังเป็นรัฐมนตรีฯ คลังได้


แล้วคุณอ้างว่า ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย จบนิติศาสตร์ แต่ก็เป็นรัฐมนตรีฯ คลัง ช่วงปี 2538 - 2539 ได้ ความจริงแล้ว ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นั้น เมื่อจบนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกียรตินิยมเหรียญทอง ก็ไปจบปริญญาโทความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กฎหมายการเมือง เศรษฐกิจ ระหว่างประเทศ จากโรงเรียนกฎหมายและการทูต ชื่อ The Fletcher School of Law and Diplomacy at Tufts University สหรัฐอเมริกา เขาจบปริญญาเอกทางนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ไม่นับรวมประสบการณ์ในการทำงานอีกเพียบ เป็นทีมคลังสมองของบ้านพิษณุโลกตั้งแต่สมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ

คุณพิธา ไอดอลของพวกคุณ ไปเรียนฮาร์วาร์ดได้เพราะจดหมายแนะนำของคน 3 คน คนหนึ่งคือ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ที่คุณไปด้อยค่าเขา คนที่สองคือ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ ทักษิณ ชินวัตร คุณอ้างว่านายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี จบแพทยศาสตร์ แต่เป็นรัฐมนตรีฯ คลังเป็นเวลา 7 เดือนได้ หมอเลี้ยบ จบแพทยศาสตร์ จากรามาฯ แล้วยังจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากศศิน ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนปริญญาโททางธุรกิจ เป็นการร่วมมือกันระหว่างจุฬาฯ และมหาวิทยาลัย Northwestern เขามีประสบการณ์การทำงานเยอะแยะ ก่อนเป็นรัฐมนตรีฯ คลังก็เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยฯ สาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที เคยดำรงตำแหน่งและควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้วย


คุณอ้างว่า ดร.อุตตม สาวนายน จบวิศวกรรมศาสตร์ แต่ก็เป็นรัฐมนตรีฯ คลัง ช่วงปี 2562 - 2563 ได้ ความจริงนอกจาก ดร.อุตตม จะจบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมศาสตร์ จาก Brown University ซึ่งเป็น Top10 ของอเมริกา ยังจบปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจการเงินระหว่างประเทศ จาก Kellogg School of Management มหาวิทยาลัย Northwestern เขายังจบปริญญาเอกสาขาบริหารการเงิน School of Management University of Massachusetts Amherst สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ประวัติการทำงานก็ยาวเป็นพรืด เคยเป็นอาจารย์นิด้า อาจารย์ ม.กรุงเทพ เคยขึ้นดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมัย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รัฐมนตรีฯ ไอซีที รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม


ส่วนคุณศิริกัญญา ไอดอลของพวกคุณนั้น แม้จะจบปริญญาตรี-โท เศรษฐศาสตร์ แต่ประวัติการทำงานสั้นมาก เพียงไม่กี่ปี ตำแหน่งที่ทำก็เป็นเพียงระดับปฏิบัติการ ไม่เคยเป็นผู้บริหาร เคยทำงานในตำแหน่งนักวิจัย ผู้จัดการฝ่ายวิจัย แต่กลับได้รับ "ตั๋วช้าง" จากคุณธนาธร กับคุณพิธา มารับตำแหน่งถึงว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็เลยไม่น่าแปลกใจและไม่น่าสงสัยว่าทำไมประชาชน นักลงทุน นักธุรกิจใหญ่น้อย ทั้งในและต่างประเทศ เขาจึงแสดงความไม่เชื่อมั่นกับคุณศิริกัญญา ว่าจะสามารถบริหารงาน บริหารจัดการเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยที่มีความซับซ้อนอย่างสูง โดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ของโลกในปัจจุบันนี้

ท่านผู้ชมครับ ยิ่งพวกคอนด้อมส้มออกมาแสดงความโง่เขลาเบาปัญญา บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อปกป้องคนที่ตัวเองเชียร์เช่นนี้ ยิ่งทำให้พรรคก้าวไกลมีแต่เสื่อมลงๆ คุณภูมิใจนักกับการจบเศรษฐศาสตร์ของคุณศิริกัญญา ใช่ไหม ผมจะบอกอะไรให้คุณอย่างหนึ่งนะ กูรูทางด้านเศรษฐกิจเขาบอกว่า วิชาเศรษฐศาสตร์มันเป็นเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างเศรษฐศาสตร์ กับ โหราศาสตร์ เพราะฉะนั้นแล้ว คนที่จบเศรษฐศาสตร์มันก็คือหมอดูคนหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ได้วิเศษวิโสอะไรเลย เพราะมันแค่คาดคะเนเฉยๆ เพราะฉะนั้นพูดได้หรือเปล่าว่าคุณศิริกัญญานั้น วิชาที่เรียนจบมาก็ใกล้เคียงกับวิชาโหราศาสตร์ของสำนักโหรต่างๆ

คุณพิธา-คุณธนาธรครับ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผมเอ่ยถึงหลายๆ คนเขาไม่เหมือนผม ผู้ใหญ่พวกนั้นคือพวกที่คอนด้อมส้มเข้ามาระราน เขาไม่อยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ พวกคุณจัดตั้งเอาไว้ ใครไม่เห็นด้วยกับคุณ ก็เอาทัวร์ไปลงเขา เขาไม่อยากตอบโต้ ชี้แจง ไม่อยากฟ้องร้อง ไม่อยากค้าความกับเด็กเมื่อวานซืน เพราะฟ้องไปก็ไม่ได้อะไร พวกคุณส่วนใหญ่เป็นเด็กมัธยม เด็กมหาวิทยาลัย ผมเคยฟ้องแล้วต้องมาขอขมาผม ส่วนใหญ่ก็เป็นแม่ค้าออนไลน์ คนหาเช้ากินค่ำ อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ก็ปากเสีย ปากหมา ระรานคนไปทั่ว หลายคนที่เพิ่งรู้จักผมเพิ่งเข้ามาดูคลิป ผมจะย้อนให้ฟังว่า แต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมมีฉายาในวงการว่า เป็นคนที่เผาแบงก์ห้าร้อยเพื่อหาเหรียญสลึงในห้องที่มืด ผมชอบ และไม่เคยเหน็ดเหนื่อยกับขบวนการ IO คอนด้อมส้มของพวกคุณ ผมมีทีมงานที่เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยี เก็บข้อมูล บันทึก IP Address พิสูจน์ตัวคน คัดกรองข้อมูลพวกนี้หลายสิบคน มีนักกฎหมาย ทีมทนายอีกเพียบ เอาไว้จัดการเรื่องพวกนี้ ทุกวันนี้เรื่องก็ทยอยออกไป จนบางคนเขาให้ฉายาผมว่า "สนธิ ครุฑบิน"


คอนด้อมส้ม พวกคุณเข้ามาเยอะๆ เลยนะ เข้ามาเลยทั้ง Facebook, YouTube, TikTok และ Twitter ผมชอบ วันนี้คุณอาจจะสนุกสนาน แต่วันที่คุณโดนครุฑบิน หมายศาลไปแปะหน้าบ้าน ผมอยากจะเห็นเหมือนกันว่าคุณธนาธร คุณปิยบุตร คุณพิธา และ ส.ส. ก้าวไกล ทั้งหลาย จะปรากฏตัวมาปกป้องหรือประกันตัวพวกคุณบ้างไหม เหมือนที่เขาชอบไปยื่นประกันตัวพวกหมิ่นสถาบัน พวกทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 จำใส่กะโหลกไว้ดีๆ นะครับ คอนด้อมส้ม อย่าทะลึ่ง ถ้ารู้ไม่จริง อย่ามาคอมเมนต์ ถ้าคอมเมนต์ เอาสาระมาคอมเมนต์ เอาความจริงที่มีหนึ่งเดียวมาคอมเมนต์ อย่าเที่ยวไปด้อยค่าคนอื่นเขา ทำอย่างกับว่าคุณรอบรู้มากนักหรือ

ท่านผู้ชมครับ นอกจากที่ผมพูดไปเมื่อกี้นี้ อาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน 2566 ซึ่งเป็นเวทีสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองในงาน Bangkok Pride 2023 แล้วคุณพิธา กับพรรคพวกก้าวไกล ว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล ออกไปเย้วๆ


ต่อมาในวันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน 2566 ทางสหคริสตจักรแบ๊บติสต์ในประเทศไทย ก็ออกแถลงการณ์เรื่อง การแสดงจุดยืนเรื่อง LGBTQ+ ในนามของคณะกรรมการบริหารสหคริสตจักรแบ๊บติสต์ในประเทศไทย ว่า เขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ และเรื่อง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม โดยเขาอ้างพระคัมภีร์ไบเบิล คำสอนของพระเจ้า ว่า สร้างมนุษย์โดยแบ่งให้เป็นชาย และ หญิง ตอนหนึ่งยังระบุว่า การเปลี่ยนความสัมพันธ์ตามธรรมชาติให้ผิดธรรมชาติไป รวมทั้งพฤติกรรมทางเพศในเชิงวิตถารนั้น เป็นความผิดที่บาป


ท่านผู้ชมครับ ผมเองนับถือศาสนาพุทธ ไม่ได้ติดใจเรื่อง LGBTQ+ หรือเพศอะไรก็แล้วแต่ เด็กๆ ที่ออฟฟิศผมก็เปิดกว้างในเรื่องนี้มานมนานหลายสิบปีแล้ว ไม่จำเป็นต้องออกเดินขบวนใน Bangkok Pride เลย ที่นี่ให้ความเท่าเทียมทางเพศมาตั้งนานแล้ว แต่ผมเข้าใจพวกกลุ่มชาวคริสต์บางกลุ่ม อย่างคริสตจักรแบ๊บติสต์ เขาต้องคัดค้านตามความเชื่อของเขา เหมือนอย่างที่พวกคุณต้องการมาโจมตีศาสนาพุทธ หรือคุณอมรรัตน์ ไปโกรธพระโกรธเจ้า แล้วก็ไปขู่ว่า ถ้าอย่างนั้นแล้วก็ให้ขายเหล้า กินเหล้าได้ในวันวิสาขบูชา บูลลี่อีก

แต่ประเด็นคือ ดันมีพวกเห็นด้วยกับคุณ พวกคอนด้อมส้ม เข้าไปด่าเขาว่าเสือก คริสต์ที่ดีคือคริสต์ที่ไม่เสือกในเรื่องของคนอื่น เหมือนกับโมโหโกรธาคำสอนและความเชื่อ ศรัทธาของชาวแบ๊บติสต์เขา เขาจะออกแถลงการณ์ เป็นสิทธิของเขา คุณจำใส่กะโหลกคุณไว้ด้วย คุณจะไปด่าเขาทำไม ไหนคุณว่าระบอบประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น คุณอยากให้ทุกคนเปิดกว้าง แล้วทำไมกรณีอย่างนี้ คนออกมาคัดค้านพวกคุณไม่ได้

เรื่องนี้จริงๆ แล้วเป็นภาพสะท้อนจุดเล็กๆ เกี่ยวกับนโยบายของคุณที่กำลังจะสร้างความขัดแย้ง ไล่มาจากที่ผมกล่าวถึงเรื่องความพยายามทุบทำลายค่านิยมเก่าๆ ประเพณีที่มีมาแต่ดั้งเดิมและดีอยู่แล้ว ยังไม่พูดถึงการทำลายพันธะ ความผูกพันทางครอบครัว ความกตัญญู บุญคุณ การเปลี่ยนคำเรียกขานบุคคลต่างๆ ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นพี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา ให้เหลือแต่ "คุณ ผม ดิฉัน" อ้างว่าการเรียกพี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา เป็นบ่อเกิดแห่งวัฒนธรรมอำนาจนิยม ถ้าท่านผู้ชมได้ดูที่ผมพูดอาทิตย์ที่แล้ว เรื่องของขบวนการ Red Guard จะเห็นได้ชัดเลย


พวกคอนด้อมส้ม หรือพวกที่คลั่งไคล้ก้าวไกลนั้น ลักษณะเหมือนพวก Red Guard ไม่มีผิด ก็คืออะไรที่เป็นวัฒนธรรมเก่า จะทำลายให้หมดเลย ครูบาอาจารย์ ถ้าผิดจากความเชื่อของพวกคุณ ก็เอามาเดินขบวนที่ Red Guard แขวนป้าย ด้อยค่าเขา ดูถูกเหยียดหยาม จนกระทั่งครูบาอาจารย์ พ่อแม่บางคนต้องฆ่าตัวตาย สิ่งเหล่านี้ผมเตือนแล้วว่า ยิ่งคุณทำอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ สังคมจะเกิดความขัดแย้งไม่สิ้นสุด เพราะคุณตั้งเป้าจะไปทำลายความเชื่อ วัฒนธรรม ประเพณีหลายๆ อย่างที่ดีอยู่แล้ว และเป็นคุณธรรมขั้นพื้นฐานของสังคม

ผมดันค้นไปเจอว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยบางคนที่สั่งสอนและบ่มเพาะความคิดว่าเด็กไม่ต้องกตัญญูต่อพ่อแม่ คนนั้นคืออาจารย์ ดร.เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ

ช่วงที่ม็อบสามนิ้วมาแรงๆ เมื่อเดือนกันยายน 2563 สามปีที่แล้ว ดร.เข็มทอง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เด็กๆ ไม่ได้ขอให้เกิดมานะ พ่อแม่เป็นคนทำเขาเกิดมา เป็นหน้าที่เราต้องเลี้ยงเขาให้ดี ไม่ใช่หน้าที่เขาต้องมากตัญญูขอบอกขอบใจที่พ่อแม่เอาเขามาเกิดบนโลก ถ้าคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ทำหน้าที่ตัวเองได้ดี เขาเกิดมาในสังคมที่มีอนาคต นักเรียนก็คงไม่ต้องออกมาประท้วง"


ผมไปเปิดประวัติ ดร.เข็มทอง ดูว่าได้รับการศึกษาดีเหลือเกิน จากสถาบันที่ดี แต่ผมไม่เข้าใจว่า ดร.เข็มทอง เอาความคิดนี้มาจากไหน ความคิดของคุณมันสวนทางกับแนวกตัญญูกตเวทีของพระพุทธเจ้า สวนทางกับคำสอนของพระเยซู สวนทางกับพระอัลเลาะห์ในศาสนาอิสลาม ดร.เข็มทอง คุณกำลังบอกว่าคุณฉลาดกว่าพระพุทธเจ้า คุณฉลาดกว่าพระเยซู และคุณฉลาดกว่าพระอัลเลาะห์ หรืออย่างไร เท่ากับว่าคุณฉลาดกว่าชาวบ้านที่นับถือพุทธศาสนา นับถือคริสตศาสนา ไม่ว่าจะนิกายใดก็ตาม และฉลาดกว่าคนที่นับถือมุสลิมทุกนิกาย คุณหลงตัวเองเพียงเพราะคุณเรียนเก่งหรืออย่างไร อวดดีฉิบหายเลย

ดร.เข็มทอง อายุ 37 ปี เรียนเก่งมาก เรียนจบสาธิตจุฬาฯ รุ่น 39 จบนิติศาสตร์ จุฬาฯ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จบปริญญาโททางกฎหมายจากมหาวิทยา Yale ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยบริสตอล (University of Bristol) Law School เป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ อาจารย์ด้านกฎหมายมหาชน คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ ผมเข้าใจ ดร.เข็มทอง ได้รับการปลูกฝังอย่างนี้มาจากไหน จากโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยของคุณ คือจุฬาฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 และ 6 ในการก่อตั้ง ทุกรัชกาลทำนุบำรุงจุฬาฯ มาตลอด

นอกจากนี้ ผมอยากตั้งคำถามถึงคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ คุณรับคนประเภทนี้เข้ามาสอน รับคนแบบณัฐพล ใจจริง มาทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกที่โกหกพกลม ปั้นน้ำเป็นตัว ออกมาได้อย่างไร หรือผู้บริหารจุฬาฯ ในอดีตและปัจจุบันก็มีความคิดแบบนี้เหมือนกัน ท่านผู้ชมว่าน่ากลัวไหม ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าจุฬาฯ เป็นต้นแบบที่ก่อให้เกิดความคิดเพี้ยนๆ แบบนี้ขึ้นมาโดยไม่สนใจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

กตัญญูรู้คุณคน ผมไม่ได้พูด แต่ผมปฏิบัติตาม พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว คุณเข็มทอง คุณจะรู้ดีกว่าหลวงตามหาบัว หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระอรหันต์ทุกองค์ หรือแม้กระทั่งจะรู้มากกว่าพระพุทธเจ้าได้อย่างไร คุณก็แค่ไปเรียนเมืองนอกเมืองนามา เรียนกฎหมายมา ดันเรียนเก่ง ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คุณลืมตัวไปแล้วหรือว่าคำสอนของศาสดาในแต่ละศาสนาเขามีคำสอนที่มีมาตั้งนมนานแล้ว เป็นบทพิสูจน์จากความเป็นสัพพัญญูของทุกๆ ศาสดา ผมไม่รู้ว่าที่บ้านคุณ คุณพูดกับพ่อแม่คุณอย่างนี้หรือเปล่า และผมก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่คุณจะรู้สึกอย่างไรกับตัวคุณ แต่ผมรู้อยู่อย่างเดียวว่าเด็กคนไหนถ้าไปเรียนกับคุณ ผมคิดว่ามันเป็นโชคร้ายของประเทศชาติที่มีอาจารย์อย่างคุณ อายุแค่ 37 ปีเอง คุณเรียนเก่ง เรียนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อ แต่ไม่ใช่ว่าคุณจะรู้ไปหมดทุกอย่าง คุณไม่ได้รู้อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว คุณรู้อย่างเดียวว่าคุณทำเท่ คุณไม่รู้หรอกว่าความกตัญญูรู้คุณคนมันพัฒนามาจากอะไร พัฒนามาจากความรักที่เรามีต่อกัน ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผมเคยพูดไปแล้ว

พ่อแม่คนไหนที่มีลูกเรียนกับ ดร.เข็มทอง แล้วเอาความคิดนี้มา พ่อแม่ทั้งหลายน่าจะตบกะโหลกลูกสักที บอกเลย ถ้าอย่างนั้นออกจากบ้านไป เงินทองที่จะใช้เรียนหนังสือไปหาเอาเองก็แล้วกัน ไม่ต้องเข้ามาที่บ้านอีกต่อไป


ท่านผู้ชมครับ ประเด็นต่อมาที่พวกคอนด้อมส้มออกมาแสดงความโง่เขลาเบาปัญญาต่อเนื้อหาและข้อมูลข้อเท็จจริงที่ผมนำเสนอ เป็นประเด็นเรื่อง "ก้าวไกลผูกขาเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงกับสหรัฐอเมริกา" ผมนำเสนอไปแล้วว่าในเอกสารนโยบายพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศ มีการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนเลยว่า จะให้ไทย "เป็นพันธมิตรทางด้านความมั่นคงกับสหรัฐอเมริกาและตั้งเป้าในการเพิ่มทรัพยากรสำหรับการฝึกร่วมคอบร้าโกลด์ ที่จัดขึ้นในไทย รวมไปถึงการร่วมมือในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก" พอผมพูดไปเท่านั้นล่ะ คอนด้อมส้มดาหน้าเข้ามาแย้งทันทีเลยว่า ขอโทษนะลุง อย่ามโน คอบร้าโกลด์เขาจัดกันทุกปีอยู่แล้ว ไม่เห็นจะมีอะไร


ประเด็นอยู่ที่ไหน ? พวกเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมทั้งหลาย สมองหมาปัญญาควายทั้งหลาย ผมพูดหลายครั้งแล้วว่าการฝึกคอบร้าโกลด์คือการย้ายทหาร กองกำลัง รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งเรือบรรทุกเครื่องบิน เข้ามาร่วมฝึก พอฝึกแล้วก็ไม่ออกไปไหน อยู่ประมาณสัก 6 เดือน เพราะอเมริกาอยู่ไกล ถ้าสมมุติอเมริกามีเรื่องมีราวกับประเทศในแถบเอเชียขึ้นมาวันไหน เรือบรรทุกเครื่องบินของอเมริกา ตลอดจนทหารอเมริกา ก็จะสามารถใช้พื้นที่ประเทศไทยเป็นฐานทัพได้เลย ใช่หรือไม่

แล้วยังมีแดกดันผมอีก ไอ้สนธิพูดแต่เรื่องอเมริกาแทรกแซง ไม่เห็นพูดถึงเรื่องทุนจีนสีเทาบ้าง ทุนจีนเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดแล้ว ห้วยขวางกลายเป็นเมืองจีนแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าคนที่เข้ามาคอมเมนต์แนวนั้น ถ้าไม่เป็น IO ของคอนด้อมส้ม ก็น่าจะเป็นเด็กเมื่อวานซืนเพิ่งลืมตาดูโลก เพราะเรื่องทุนจีนสีเทา ไม่ว่าจะเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ ตู้ห่าวกับเมีย ข้าราชการ ปปง. นายตำรวจ นายทหาร นักการเมือง ที่เชื่อมโยงกับทุนจีนสีเทาเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยนั้น ผมเป็นสื่อมวลชนและคนแรกๆ ที่เปิดเผย ขณะที่คุณชูวิทย์ยังกล้าๆ กลัวๆ ออกมาแฉทีก็พูดแค่ชื่อย่อ ชักเข้า ชักออก ผม สนธิ ลิ้มทองกุล เอาชื่อจริง นามสกุลจริง หน้าตา หลักฐาน มาเปิดเผยว่าเป็นใครบ้าง ตำแหน่งอะไร ประวัติเป็นอย่างไร ส่วนพวกสื่อทั้งหลายที่เชียร์ก้าวไกลอยู่ทุกวันนี้ หาว่าผมไม่พูดเรื่องทุนจีนสีเทา


ตอนที่ผมออกมาเปิดโปงเรื่องทุนจีนสีเทา โยงไปถึงอาณาจักรเว็บพนันเป็นชุดๆ พวกคุณสื่อมวลชนบ้าๆ หดหัวอยู่ที่ไหน ผมเอาให้ดูเลยครับ เต็มไปหมด "ทุนจีนสีเทายึดไทยฟอกเงิน-ค้ายา บิ๊กการเมือง-ตำรวจ รู้เห็นเป็นใจ ?!?" วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2565 "ทุนจีนสีเทาโยงนักการเมืองไทย" วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2565 "บิ๊ก ปปง. เอื้อทุนสีเทา ?" ออกอากาศเมื่อวันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม "เบื้องลึกถอนหมายจับ ส.ว.อุปกิต" ออกอากาศวันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 ประเด็นอยู่ที่ไหน ? พวกสื่ออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นช่อง 7 ช่อง 8 อมรินทร์ทีวี ช่องวัน ไทยพีบีเอส รายงานข่าวทีก็อ้างชูวิทย์ที อ้างสนธิ อ้าง Sondhi Talk ไม่ต้องพูดถึงช่อง 3 ที่ซี้กับคุณชูวิทย์ อย่างคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา กับนักข่าวช่องเล็กช่องน้อย ช่องใหญ่ แค่ชื่อนักการเมือง ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ยังไม่กล้าเอ่ยชื่อเลย เพราะสื่อพวกนี้จริงๆ ใจไม่ถึงหรอก แต่ผมเข้าใจพวกเขาว่า กลัวว่าถ้านำเสนอไป พูดไป ระบุชื่อ ถ้าถูกฟ้องร้อง นายจ้าง เจ้าของช่องโวยวายลงมา จะมาทุบหม้อข้าวตัวเอง ไล่ตัวเองออก

ไม่นับจากกรณีที่ผมออกมาเปิดโปงนายชูวิทย์ ที่คุณยกย่องว่าเป็นจอมแฉของคุณ ว่าไปสมคบกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ใน ปปง. ไปเกี่ยวพัน รับเงินเจ้าของเว็บพนัน แล้ววางแผนที่จะดันพวกตัวเองขึ้นเป็นเลขาฯ ปปง. อีก เรื่องพวกนี้ คุณสรยุทธ ช่อง 3 ไม่กล้าพูดหรอก แม้จะรู้ดีก็ได้แต่แบ๊ะๆๆ เพราะสนิทสนมกับคุณชูวิทย์


เพราะฉะนั้นวันนี้คุณกล้าดีอย่างไรมาบอกว่าผมเป็น IO จีน โจมตีแต่สหรัฐอเมริกา ไม่พูดเรื่องทุนจีนสีเทา กรุณาแหกตาดูหน่อยครับ หรือถ้าตาไม่บอดก็ช่วยถามอากู๋ เสิร์ชกูเกิลดูหน่อยว่าไอ้สนธิมันพูดเรื่องทุนจีนสีเทาไว้อย่างไรบ้าง มันเปิดโปงไปถึงไหนแล้ว หลักฐานมันมีอะไรบ้าง ไม่ใช่สักแต่พิมพ์ความเห็นโดยไม่แสวงหาความรู้

ไม่เพียงแต่แฉเรื่องทุนจีนสีเทา ตู้ห่าว ธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ ที่เชื่อมโยงไปทางเจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร ตำรวจ นักการเมือง ที่ผมและรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เปิดโปงอย่างต่อเนื่อง และเจาะลึกต่อไปเรื่อยๆ ถ้าท่านผู้ชม ท่านผู้ฟัง ยังจำได้ ผมยังเคยเปิดเผยถึงเรื่องทุนจีนสีเทาผูกขาดทุเรียนไทยในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 165 ออกอากาศเมื่อวันศุกร์ พฤศจิกายน 2565 ในตอนนั้นมีกรณีอื้อฉาวเกี่ยวกับทุนจีน ล้งจีน มากว้านซื้อทุเรียนไทย ทำให้ทุเรียนไทยเสียชื่อเนื่องจากปัญหาทุเรียนอ่อน


ประเด็นที่สำคัญที่สุด ในเวลานั้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ดูแลโดยพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ ได้โยกย้ายคุณชลธี นุ่มหนู ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 6 กรมวิชาการเกษตร ซึ่งได้รับฉายาว่า "มือปราบทุเรียนอ่อน" ออกกวาดล้างเครือข่ายส่งออกทุเรียนอ่อนอย่างหนัก ใช้ชื่อทีมว่า "ทีมเล็บเหยี่ยวพิทักษ์ทุเรียนไทย" ออกตรวจสอบ จับกุมผู้ค้าทุเรียน มังคุด ลำไย ที่ส่งออกผลไม้ไปต่างประเทศไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้คุณภาพ จนสามารถรักษาผลประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาท ทำให้ชาวสวนทุเรียนเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะเบื้องหลังมีข่าวลือว่าพ่อค้าล้งทุเรียนจีนนั้นเกลียดคุณชลธีอย่างมาก


ท่านผู้ชมครับ ในตอนนั้นผมกับรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ได้นำเรื่องนี้มาตีแผ่ออกอากาศ ปกป้องคุณชลธีอย่างเต็มที่ ทำให้คุณอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษาของคุณเฉลิมชัย ออกมาตอบโต้ผม แล้วกล่าวหาว่า ผอ.ชลธี ปล่อยข่าวนี้มาเพราะมีวาระซ่อนเร้นทางการเมือง เนื่องจากพี่ชายคุณชลธี ชื่อ นายศักดินัย นุ่มหนู เคยเป็น ส.ส. และว่าที่ ส.ส. พรรคก้าวไกล ด้วย เพราะในการเลือกตั้งที่ผ่านมาคุณศักดินัย ก็ได้ลงสมัคร ส.ส. จังหวัดตราด และได้คะแนนอันดับหนึ่ง


ท่านผู้ชมครับ เวลานั้นผมรับไม่ได้กับความไม่ถูกต้อง ออกมาปกป้อง ผอ.ชลธี มือปราบทุเรียนอ่อน ซึ่งปกป้องผลประโยชน์ชาวสวนทุเรียน ซึ่งเป็นผลไม้ส่งออกจีนอันดับหนึ่งของประเทศไทย มูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านบาท ไม่สนใจใดๆ ว่าพี่ชายคุณชลธีจะเป็น ส.ส. พรรคก้าวไกล หรือพรรคไหนก็ตาม แต่วันนี้ผมจะถามคุณชลธี และพี่ชายคุณ ที่ชื่อศักดินัย หน่อยว่า ในเมื่อพรรคก้าวไกลมีนโยบายต่างประเทศแบบนี้ คือเป็นพันธมิตรทางความมั่นคงกับสหรัฐอเมริกา พูดชัดเจนเลยว่าเป็นการเพิ่มทรัพยากรในการฝึกคอบร้าโกลด์ เป้าหมายในการเป็นพันธมิตรที่แท้จริงคือการปิดล้อมและตอบโต้ประเทศจีน

นอกจากนี้ ในช่วงเลือกตั้ง คุณศิริกัญญา ตันสกุล หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล ออกมาพูดชัดเจนว่า สาเหตุที่เศรษฐกิจไทยโต้ช้าในช่วงที่ผ่านมาเพราะยึดติดกับตลาดจีนมากเกินไป ผมถามอย่างนี้ครับ คุณชลธี และคุณศักดินัย ส.ส. พรรคก้าวไกล พี่น้องกัน ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำรัฐบาล คุณพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ดำเนินนโยบายต่างประเทศเช่นที่ตัวเองเขียนเอาไว้จริงๆ และคุณศิริกัญญา ก็บอกว่าจะลดการค้ากับจีน เพราะไม่ต้องการผูกเศรษฐกิจไว้กับจีนเหมือนแต่ก่อน ถ้าอย่างนั้นแล้ว รัฐบาลปักกิ่ง ซึ่งเขาทำได้แน่นอน และเขาจะทำด้วย สั่งให้หยุดนำเข้าทุเรียนจากไทย เพราะตอนนี้ทุเรียนเวียดนามก็มาแรง ทุเรียนอินโดนีเซียก็เริ่มผลิตออกมาแล้ว และจีนก็เริ่มผลิตทุเรียนของตัวเอง หรือเขาอาจจะลดโควตาการนำเข้าทุเรียนจากไทย แล้วไปนำเข้าทุเรียนจากประเทศอื่นๆ ซึ่งวันนี้มีแต่คนอยากแย่งตลาดทุเรียนในจีนไปจากไทยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม มาเลเซีย ลาว หรือแม้กระทั่งประเทศจีนเองที่เขาเริ่มปลูกแล้ว


คุณชลธี และคุณศักดินัยครับ ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้พรรคก้าวไกลจะทำอย่างไร คุณชลธีจะทำอย่างไร คุณศักดินัยจะทำอย่างไร ส.ส. พรรคก้าวไกล ชาวสวนทุเรียน ชาวสวนผลไม้ คนตราด รวมทั้งภาคตะวันออกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด จะทำอย่างไร ยังไม่นับการท่องเที่ยวของภาคอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด รวมทั้งภูเก็ต ที่ได้ ส.ส. ก้าวไกล ยกจังหวัดเลย

เห็นพวกคุณเฮ้าเลี่ยนนัก อยากได้คนรุ่นใหม่มาบริหารประเทศกันนัก นิยมฝรั่ง นิยมตะวันตกกันนัก จะเป็นพันธมิตรความมั่นคงกับสหรัฐฯ ไม่อยากยึดติดตลาดจีนใช่ไหม เอ้า เดี๋ยวจัดให้ ถ้าจู่ๆ จีนบอกว่านักท่องเที่ยวจีนจะลดการมาเที่ยวไทย ปีหนึ่งหวัง 8 ล้านคน เอาไปแค่ 1-2 ล้านคน ก็พอ ลดเที่ยวบินระหว่างเมืองต่างๆ มายังประเทศไทย สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต ยิ่งถ้ามีสถานการณ์ความขัดแย้ง หรือเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงขึ้น การทำสงครามพันทาง หรือ Hybrid War ที่ครอบคลุมเรื่องการทหาร การเมือง ไซเบอร์ เศรษฐกิจ การเงิน การนำเข้า-ส่งออก จะถูกนำมาปรับใช้เป็นอาวุธได้ทุกอย่าง จีนเขาก็สามารถจะยกเงื่อนไขทางเศรษฐกิจมาบีบไทยมากขึ้น ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยทำ เขาเคยทำกับเกาหลีมาแล้ว เขาบีบจนกระทั่งห้างล็อตเต้ (Lotte) ที่มาจากเกาหลี ที่อยู่ในประเทศจีน ต้องปิดห้างหมด ขายไม่ออก เพราะคนจีนเขาชาตินิยม เขาไม่เข้าห้างเกาหลี สาเหตุเพียงเพราะว่าเกาหลีอนุญาตให้อเมริกาไปตั้งขีปนาวุธที่ชื่อแพทริออตที่เกาหลี ซึ่งจีนเขาเตือนแล้วว่าอย่า ไม่ฟัง จีนเขาเลยบีบทางเศรษฐกิจ แล้วจะไปว่าเขาได้อย่างไร มันเป็นสิทธิของเขา เพราะมันเป็นคนของเขา นักท่องเที่ยวของเขา เงินของเขา เขากำหนดได้

ผมจะถามว่าพ่อแม่พี่น้องชาวภูเก็ต คนพัทยา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ที่พึ่งพาการส่งออกผลไม้ และนักท่องเที่ยวจากจีน พวกคุณจะทำอย่างไร ไม่ต้องตอบผม พวกคุณ พรรคก้าวไกล ไปตอบประชาชนที่เลือกพวกคุณกันเอง

อีกประเด็นหนึ่งที่เกิดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต และผมคิดว่าต้องพูดเสียหน่อย กรณี ส.ส. พรรคก้าวไกล จังหวัดภูเก็ต ลงไปก้าวก่ายในประเด็นต่างๆ ชนิดที่เรียกว่าเหมือนไม่รู้หน้าที่ตัวเอง ไปยุ่งเรื่องทรงผม บุกเข้าไปในโรงเรียน ไม่ได้ขออนุญาต ตำหนิเรื่องห้องส้วมของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ชมรมผู้ปกครองเขาต้องออกมาโต้แย้ง คือไปอ้างว่าห้องส้วมทำไมถึงใช้เป็นส้วมซึม ไม่เป็นส้วมนั่ง สมาคมผู้ปกครองบอกว่า มันมีคนอยู่เยอะเลยที่เขาไม่ถนัดกับส้วมนั่ง เขาชอบส้วมนั่งยองๆ ส้วมซึม ทุเรศไหมท่านผู้ชม ไปจนถึงเรื่องที่มีการออกมาเปิดเผยข้อมูลกรณีกองทัพเรือยึดที่ในอุทยานสวนป่าบางขนุน 3,700 ไร่ เตรียมสร้างฐานทัพเรือแห่งใหม่ มีแผนผลักดันประชาชนจากพื้นที่ เรื่องนี้ผมอยากจะเห็นผลลัพธ์เหมือนกันว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เป็นอย่างว่าที่ ส.ส. ก้าวไกล เขาว่าไหม หรือเป็นแค่การออกแอกชันช่วงที่พรรคมีกระแส ที่สำคัญพวกคุณยังไม่ได้เป็น ส.ส. พวกคุณเป็นแค่ว่าที่ ส.ส. เสือกฉิบหาย เสือกไปทุกเรื่อง ปั่นป่วนเขาไปหมด


ทั้งนี้ทั้งนั้น สัปดาห์ก่อนในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ผมจะออกมาวิพากษ์วิจารณ์และตอบโต้คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ค่อนข้างแรงในประเด็นเรื่องข้อเท็จจริงการแทรกแซงทางการเมืองของอเมริกาในประเทศไทย แต่นั่นเป็นเรื่องนโยบายต่างประเทศที่ผมคิดว่าคุณวิโรจน์จบด็อกเตอร์ จบปริญญาเอก เมื่อฟังคำอธิบายจากผม คงไปค้นหาข้อมูลแล้วสิ่งที่ผมพูดนั้นมีหลักฐาน มีข้อมูลอย่างไร แต่สัปดาห์นี้ผมจะพูดถึงคุณวิโรจน์ และคุณรังสิมันต์ โรม ที่ออกมาเปิดโปงเรื่องส่วยทางหลวง รวมไปถึงหลักสูตร กอส. หลักสูตรการอบรมข้าราชการตำรวจ บุคลากรที่โอนเข้ามารับราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร เป็นหลักสูตรของเด็กเส้น

ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดที่พูดนี้ เรื่องทุจริตประพฤติมิชอบของตำรวจ เรื่อยไปจนถึงการปฏิรูปวงการตำรวจ ผมพูดมาหลายครั้ง นำเสนอมาหลายปีแล้ว ในที่สุดแล้วผมต้องบอกตรงๆ ว่าเรื่องนี้ผมเชียร์คุณวิโรจน์ กับคุณรังสิมันต์ ขอให้คุณไปให้สุดซอย อย่าหยุดเพียงแค่นี้ อย่าหยุดเพียงแค่จัดการกับสติกเกอร์ส่วยตำรวจ ตำรวจทางหลวง กอส. ตำรวจกาฝาก แต่ผมเห็นด้วยกับการแก้ไขเรื่องนี้อย่างยั่งยืน คุณต้องปฏิรูปตำรวจแบบรื้อรากถอนโคน คุณต้องปฏิรูปตำรวจด้วยการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ให้ประชาชนในท้องถิ่นเป็นคนกำหนด คุณต้องลดอำนาจผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลง ให้ สตช. มีอำนาจหน้าที่ในการประสานงานพัฒนาการศึกษาตำรวจ ไม่ต้องให้มีอำนาจในการโยกย้ายแต่งตั้ง

เรื่องนี้ผมเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมพูดมานานแล้ว เป็นสิบๆ ปีแล้ว ต้องเดินหน้าผลักดันให้เกิดจริง ผมเชื่อว่าคุณรังสิมันต์ และคุณวิโรจน์ ทำได้ เพราะคุณรังสิมันต์เองก็สนิทสนมกับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนหนึ่งอย่างมากมาย ปฏิรูปไปเลย ผบ.ตร. คนหนึ่งบริหารหน่วยงานหนึ่งที่มีคนตั้ง 3 แสนกว่าคน อำนาจ ผบ.ตร. มีสูงมาก ต้องลดอำนาจ ผบ.ตร. ให้ทำหน้าที่แค่ประสานงานอย่างเดียวก็พอแล้ว

สถานทูต-NED-NGO ต่างชาติ เรียงคิวโอนเงินกว่า 40 ล้าน เป็นท่อน้ำเลี้ยง “อานนท์-ศูนย์ทนายความสิทธิฯ”


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมน่าจะรู้จักหนึ่งในแกนนำม็อบสามนิ้ว ชื่อ อานนท์ นำภา คุณอานนท์ นำภา หรือ ทนายอานนท์ อายุ 38 ปี นอกจากจะเป็นแกนนำม็อบสามนิ้วแล้ว ยังเป็นทนายความด้านสิทธิมนุษยชนอีกด้วย สังกัดอยู่กับหน่วยงานที่เรียกว่า "ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน" เพราะทนายอานนท์ เรียนจบกฎหมายมาจากคณะนิติศาสตร์ รามคำแหง

หลังรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เพียงสองวัน วันที่ 24 พฤษภาคม มีการก่อตั้งศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ชื่อภาษาอังกฤษว่า Thai Lawyers for Human Rigthts ตัวย่อคือ TLHR ข้อมูลจากเว็บไซต์ของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่า เป็นการรวมตัวของกลุ่มทนายความ นักกฎหมายสิทธิมนุษยชนและนักกิจกรรมทางสังคม เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นเวลาสองวันหลังจากการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เนื่องจากในช่วงดังกล่าว คสช. ได้มีการเรียกบุคคลไปรายงานตัว จับกุม คุมขังบุคคลเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการใช้ศาลทหารกับพลเรือน ท่านผู้ชมครับ ผมเอง สนธิ ลิ้มทองกุล ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกเรียกไปรายงานตัว และถูกนำไปควบคุมที่กองพันทหารช่าง ที่จังหวัดราชบุรี ถ้าท่านผู้ชมยังจำได้ 24 พฤษภาคม เก้าปีที่แล้ว วันเดียวกับการก่อตั้งศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ผมให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปรายงานตัวตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 5/2557 ที่หอประชุมกองทัพบก ย่านเทเวศร์


ในเว็บไซต์ได้แจ้งที่ตั้งกับสาธารณะว่าอยู่ในซอยลาดพร้าว 16 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เมื่อเปิดเช็กข้อมูลจาก Google Map จะพบว่าเป็นบ้านชั้นเดียว ตรงรั้วเหล็กมีป้ายเขียนว่า "ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน"


คุณอานนท์ขู่ว่าถ้าคุณพิธาโดนสอย มวลชนลงถนนเป็นล้าน เผอิญในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน 2566 จากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติไม่รับคำร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ปมถือหุ้นสื่อ ไอทีวี 42,000 หุ้น และมีคำสั่งให้ดำเนินการไต่สวน เนื่องจากมีข้อมูลมากเพียงพอที่จะไต่สวนว่านายพิธาเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิรับสมัครเลือกตั้ง ตามมาตรา 151 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง นั้น คุณอานนท์ก็เลยออกมาแสดงความเห็นเรื่องนี้ทันที ว่า คดีนี้จะเป็นชนักติดหลังนายพิธา ซึ่งมีโทษทั้งเรื่องจำคุก ตัดสิทธิ์ทางการเมือง ต่อให้นายพิธาเข้าสภาฯ ได้ ก็ต้องระวังว่า กกต. จะเล่นงานเมื่อไรก็ได้ อย่างไรก็ตาม จะมีการรอจังหวะให้กระแสความนิยมของพรรคก้าวไกลต่ำลง ฝ่ายตรงข้ามจึงใช้กฎหมายเป็นนิติสงครามเล่นงานนายพิธา เขาเชื่อว่ากระแสไม่ต่ำ เพราะคนตามลุ้นคะแนนเสียงตัวเองอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางโซเชียลมีเดีย

นอกจากนี้แล้ว คุณอานนท์ ยังกล่าวต่อว่า คนที่เลือกนายพิธามีอยู่ทั่วประเทศ ทั้งต่างจังหวัด โดยเฉพาะใน กทม. เป็นส้ม ปริมณฑลอย่างนนทบุรีก็ส้ม หากชนชั้นนำไทยจะใช้เกมเดิม ประชาชนเขาไม่ยอม ไม่จำเป็นต้องมีม็อบที่มีแกนนำ แต่มันจะเป็นไปเองโดยออกมาเรียกร้องโดยธรรมชาติ

ทางรัฐบาลปัจจุบัน และคนที่ดูเรื่องความมั่นคง คงตระหนักว่ามันมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการลงถนนชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้ปฏิบัติตามกติกา โดยเลือกการชุมนุมในวันโหวตนายกฯ ไม่ต้องมีใครนัด ทุกคนก็รู้ว่าต้องไปโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว คือถ้า ส.ว. โหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ ก็คงฉลองกัน แต่ถ้าไม่โหวต ก็คงมีการประท้วง มีการคาดหมายอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น

แต่เชื่อว่ารัฐบาลเองไม่อยากให้ถึงจุดการชุมนุมที่ออกมาเป็นแสนเป็นล้านคน การพูดคุยกันตอนนี้สำคัญที่สุด และพยายามอย่านำสังคมเข้าไปสู่บรรยากาศที่มันอึมครึม ที่สุ่มเสี่ยงจะใช้ความรุนแรงต่อกัน ดังนั้น การปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ คือพรรคที่ชนะการเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาลและบริหารประเทศ คือสิ่งที่ทุกคนอยากเห็น


ท่านผู้ชมครับ มีการพูดว่า วันนี้ต่างชาติ โดยเฉพาะชาติที่เป็นอียู อเมริกา ชาติที่เป็นประชาธิปไตย ไม่โอเคกับการรัฐประหาร แล้วคนที่ออกมาครั้งนี้มันจะไม่เหมือนที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

ประเด็นทั้งหมดนี้อยู่ที่ไหน ? พอได้อ่านข่าวนี้ของคุณอานนท์ นำภา เกี่ยวกับคำขู่เรื่องม็อบส้มหนุนคุณพิธาวันโหวตนายกฯ ผมมาติดใจคำพูดตอนท้ายนี่ล่ะ ที่คุณอานนท์อ้างถึงต่างชาติในทำนองที่ว่ากำลังจับตาดูอยู่ หากมีม็อบหนุนคุณพิธาแล้วเกิดมีรัฐประหาร ชาติตะวันตกเหล่านี้จะทำให้การรัฐประหารไม่เหมือนที่ผ่านๆ มา ผมไม่รู้เหมือนกันว่าคุณอานนท์หมายถึงอะไร

ทั้งนี้และทั้งนั้น ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา มีคนบอกผมมาว่าม็อบสามนิ้วกับเครือข่ายมูลนิธิ องค์กรต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับม็อบ ที่คุณอานนท์เป็นหนึ่งในแกนนำ ได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติ ผมก็รับทราบมานานแล้ว แต่ไม่ได้ปักใจเชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะเห็นจากข่าวว่าม็อบสามนิ้ว เงินบริจาคมากมายมหาศาล จนพอม็อบเริ่มซา แกนนำหลายคนออกมาแฉ ทะเลาะกันเองเรื่องเงินบริจาค ก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าเงินบริจาคจากต่างชาตินั้น นอกจากมาจากทุนขององค์กรที่ผมว่าเป็น CIA ภาคพลเมืองอย่าง NED แล้ว มันจะมาจากช่องไหนได้อีก

ท่านผู้ชมครับ เผอิญช่วงที่ผ่านมามีผู้หวังดีส่งข้อมูลมาให้ผม เป็นข้อมูลเงินบริจาคของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งคุณอานนท์สังกัดอยู่ ที่ผ่านมาศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน มีพฤติกรรมแสดงออกอย่างชัดแจ้งในการให้ความช่วยเหลือกับบุคคลซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งคดีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้นเป็นกฎหมายความมั่นคงของไทย ซึ่งมีเอาไว้ใช้ในการปกป้องประมุขของประเทศ อีกทั้งยังมีการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้กระทำผิด ด้วยการเชิญชวนต่อสาธารณะเพื่อบริจาคเงินผ่านทางบัญชีธนาคาร

ทั้งนี้ ข้อมูลที่ปรากฏต่อสาธารณะ คือ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน หรือ TLHR นั้น ดำเนินการในนามของนิติบุคคลชื่อ มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม เปิดบัญชีรับบริจาคอยู่หลายบัญชีด้วยกัน ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบิ๊กซีลาดพร้าว อยู่ไม่ห่างจากที่ตั้งของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษชน บริเวณซอยลาดพร้ราว 16 เท่าไรนัก


จากข้อมูลเชิงลึกที่ผมได้มา เขาค้นพบว่า นอกเหนือจากบัญชีธนาคารเลขที่ 800-9-54209-4 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" อันมีความสัมพันธ์โดยตรงกับ "ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน" พบว่ามีการรับโอนเงินจากบุคคลทั่วไปจำนวนมาก โดยมีการโอนเงินไปยังบุคคลต่างๆ แล้ว ยังมีการตรวจสอบพบบัญชีธนาคารอื่นๆ ในชื่อ "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" อีกหลายบัญชี หนึ่ง บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxx-x-xx578-2 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" สอง บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxx-x-xx208-6 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" สาม บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxx-x-xx383-0 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" สี่ บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxx-x-xx603-8 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม"

ท่านผู้ชมครับ ผมยกตัวอย่างให้ 4 บัญชี บัญชีเหล่านี้นอกเหนือจากการเปิดรับโอนจากประชาชนทั่วไปแล้ว ท่านผู้ชมรู้ไหมยังพบด้วยว่ามีธุรกรรมที่โอนเข้าบัญชี ซึ่งมียอดเงินที่สูง เป็นการรับโอนเงินจากต่างประเทศอยู่หลายรายการ รายละเอียดของธุรกรรมมีดังนี้


รายการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxx-x-xx208-6 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" จากองค์กรในต่างประเทศอย่างน้อย 9 ครั้ง ท่านผู้ชม โอนมาจากสวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ ผ่านธนาคาร CITI BANK ช่วงระหว่างเดือนสิงหาคม 2564 - เมษายน 2566 เป็นเงินประมาณ 6,248,685.72 บาท ระบุว่าเป็นค่าที่ปรึกษาและเงินให้เปล่าภาคเอกชน

อีกอันหนึ่งเป็นรายการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxx-x-xx383-0 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" จากองค์กรต่างประเทศในต่างประเทศ ยกตัวอย่าง ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 - มีนาคม 2566 เป็นเงินสูงถึง 32,792,164.80 บาท


องค์กรที่บริจาคให้มีใครบ้าง ? ผมยกตัวอย่างให้ เช่น Fund for Global Human Rights สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี., NED (National Endowment for Decocracy) คือกองทุนประชาธิปไตยแห่งชาติ ของสหรัฐอเมริกา เป็นองค์กรที่สภาคองเกรสรับรอง ขึ้นอยู่กับกระทรวงการต่างประเทศ, Stifung Open Society Institute ก่อตั้งโดย จอร์จ โซรอส ตั้งอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์, Charities Aid Foundation America หรือ CAF America สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองอเล็กซานเดรีย รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐฯ ซึ่งอยู่ใกล้กับวอชิงตัน ดี.ซี. อีกอันหนึ่งคือ American Jewish World Service สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา


นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบพบว่ารายการธุรกรรมที่เป็นเงินโอนจากบัญชีสถานทูตต่างประเทศที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย เข้ายังบัญชีธนาคารของมูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม พบรายละเอียดของการทำธุรกรรมน่าสนใจ เช่น รายการโอนเงินเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564 จากบัญชีธนาคารกรุงเทพ เลขบัญชี xxxxxx3880 ชื่อบัญชี EMBASSY OF LUXEMBOURG (สถานเอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์ก) เข้ายังบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxx-x-xx603-8 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" เป็นเงิน 570,000 บาท


รายการที่สอง โอนเงินเมื่อ 17 มิถุนายน 2565 จากบัญชีธนาคารกรุงเทพ เลขที่ xxxxxx3880 ชื่อบัญชี EMBASSY OF LUXEMBOURG (สถานเอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์ก) ไปยังบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxx-x-xx383-0 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" เป็นเงินอีก 547,000 บาท รายการที่สาม โอนเงินวันที่ 27 มิถุนายน 2565 จากบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เลขบัญชี xxxxxx9750 ชื่อบัญชี EMBASSY OF SWITZERLAND (สถานเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์) บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxx-x-xx383-0 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" เป็นจำนวนเงิน 556,000 บาท


รายการโอนเงิน 3 ครั้งในช่วงปี 2565-2566 จากบัญชีธนาคารซิตี้แบงก์ เลขบัญชี xxxxxx3002 ชื่อบัญชี EMBASSY OF CANADA (สถานเอกอัครราชทูตแคนาดา) ไปยังบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขบัญชี xxxxxx3830 ชื่อบัญชี "มูลนิธิสิทธิเพื่อความยุติธรรม" เป็นจำนวนเงิน 511,072.32 บาท


สรุป ข้อมูลที่ผมมี ผมไม่ยืนยันว่าถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์หรือเปล่า อาจจะมีมากกว่านี้ก็ได้ แต่แค่นี้ก็ถือว่ามากพอแล้ว

คุณอานนท์ ทนายความ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เมื่อคำนวณคร่าวๆ ระยะเวลาเพียงแค่ 2-3 ปี ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิฯ ของพวกคุณมีท่อน้ำเลี้ยงที่ดีจริงๆ มีเงินจากองค์กรต่างชาติปาเข้าไปเกือบห้าสิบล้านบาทแล้ว ยังไม่นับคนที่บริจาคในประเทศอีกไม่รู้เท่าไร

ที่น่าสนใจ รู้ทั้งรู้ว่าคุณอานนท์ นำภา แกนนำม็อบสามนิ้ว กับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน สนับสนุนเกี่ยวกับการต่อต้านสถาบัน สนับสนุนการแก้ไข/ยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายหมวดความมั่นคงที่มีไว้ใช้ปกป้องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สถาบันกษัตริย์ ในฐานะเป็นประมุขและสถาบันหลักที่ค้ำจุนชาติไทยของเราเอาไว้ ยังมีสถานทูตหลายๆ แห่งในประเทศไทย เช่น ลักเซมเบิร์ก สวิตเซอร์แลนด์ แคนาดา กลับเป็นท่อน้ำเลี้ยงโอนเงินเพื่อการสนับสนุนองค์กรอย่างนี้ ท่านผู้ชมเห็นว่าเราควรจะทำอย่างไรกับพวกทูต สถานทูต NGO บรรดาฝรั่งที่ทำตัวหน้าไหว้หลังหลอกอย่างนี้

ท่านผู้ชมครับ พอเห็นข้อมูลหลักฐานทางการเงินอย่างนี้ พอผมได้ฟังคำขู่เรื่องม็อบส้มหนุนคุณพิธาเป็นนายกฯ ของคุณแล้ว ผมชักจะเชื่อแล้วว่าฝรั่งตะวันตก พวกอียู แคนาดา และอเมริกา ไม่น่าจะอยู่แค่เบื้องหลังพวกคุณ แต่ควรได้รับการยกย่องเสียยิ่งกว่าพ่อบังเกิดเกล้าของพวกคุณเสียอีก ยังสนับสนุนให้เงินให้ทองพวกคุณอีก


ผมเอาผังการเงินกับองค์กรในต่างประเทศให้ท่านผู้ชมได้ดู ท่านผู้ชมคิดดูเอาเองก็แล้วกัน ผมยังไม่ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าถูกต้องหรือเปล่า แต่ว่ามันมีข้อมูลอย่างนี้ขึ้นมา ซึ่งถ้ามันเป็นจริงขึ้นมา ก็แสดงว่าฝรั่งต่างชาติ กลุ่มอียู หรือประเทศแคนาดา หรือสวิตเซอร์แลนด์ อเมริกานั้นมาทางสาย NED ก็คือว่าทางตะวันตกเอาเงินสนับสนุนองค์กรของคุณอานนท์ นำภา ซึ่งคุณอานนท์ นำภา นั้นต่อสู้เพื่อยกเลิกมาตรา 112 ด้อยค่าสถาบันกษัตริย์ ผมไม่รู้ว่าประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่กลียุคหรือยัง ฝรั่งเข้ามามีบทบาทอย่างสำคัญที่สุด ก็เลยไม่มีอะไรที่น่าประหลาดใจว่าที่ผมพูดตลอดเวลา ว่าคุณพิธา และม็อบสามนิ้ว ตลอดจนคุณพรรณิการ์ (ช่อ) วานิช คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล


พวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นเอเยนต์ของตะวันตกทั้งสิ้น เพราะตะวันตกต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย เปลี่ยนอย่างไรก็ได้ จะเปลี่ยนแบบล้างแผ่นดินเลยก็ได้ จะเปลี่ยนแบบไม่มีพระมหากษัตริย์ก็ดี แต่ถ้ามีพระมหากษัตริย์ ก็ต้องเป็นพระมหากษัตริย์ที่อยู่ภายใต้อำนาจของรัฐบาล เพื่ออะไร ? เพื่อเข้ามาดำเนินนโยบายต่างประเทศเพื่อปิดล้อมจีน แล้วเพื่อให้ดำรงอยู่ ให้ประเทศไทยเป็นบริวารของประเทศทางตะวันตก โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการที่จะรุกคืบเข้าไปในอาเซียน และทางประเทศจีนตอนใต้ เชื่อมโยงกับการเข้าไปล้มล้างรัฐบาลของทหารพม่า ของนายมิน อ่อง หล่าย และเชิดชูนางอองซาน ซูจี ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อผลประโยชน์ และอาจจะรวมไปจนถึงขบวนการแยกดินแดนทางภาคใต้ ซึ่งเดี๋ยวผมจะพูดต่อไป

ท่านผู้ชมครับ น่ากลัวไหม ? ความจริงมีหนึ่งเดียว ท่านผู้ชมหาได้ครับ จากที่นี่ ผม สนธิ ลิ้มทองกุล และรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" อย่าไปหาความจริงนี้กับบรรดาโทรทัศน์ สื่อเมนหลัก ไม่ว่าจะเป็นทุกช่อง แล้วอย่าไปตามหาความจริงแบบนี้กับคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา อย่าไปตามหาความจริงแบบนี้กับคนอย่างเช่นคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ความจริงแบบนี้มีเพียงหนึ่งเดียว และอยู่ที่นี่ครับ

เจาะลึก เบื้องหน้า-เบื้องหลังขบวนการ “รัฐปาตานี”
แบ่งแยกประเทศไทย



ท่านผู้ชมครับ วันพุธที่แล้ว วันที่ 7 มิถุนายน 2566 มีการจัดกิจกรรมเปิดตัวขบวนนักศึกษาแห่งชาติ ที่ห้องประชุมศรีวังศา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่สร้างความตกตะลึงให้กับหลายฝ่ายโดยไม่คาดคิดมาก่อนว่า แนวร่วมที่ถูกจับตาจากหน่วยความมั่นคงมาโดยตลอด มีส่วนสนับสนุนกลุ่มที่มีแนวคิดแบ่งแยกดินแดน ไม่ว่าด้วยวิธีการพูดจาด้วยสันติ หรือก่อเหตุรุนแรง พวกนี้ฉวยโอกาสที่พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพันธมิตรกันมานานแล้ว กำลังมาแรง รวมทั้งกระแสส้มทั้งแผ่นดินที่กำลังตีฆ้องร้องป่าวให้ผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาครัฐ ให้ได้ตื่นรู้ เครือข่ายนักเขียน นักเรียน นักศึกษา เยาวชน เลือดมุสลิมเข้มข้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ได้รับการปั่นหัว เปี่ยมด้วยพลัง พร้อมแสดงบทบาทเคลื่อนไหวเพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์และความต้องการของตนเอง เมื่อถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสม และ ณ เวลานี้ จังหวะเวลานั้นก็มาถึงแล้ว


ทำไมผมถึงพูดเช่นนี้ ? เพราะจากคำประกาศที่มีการเผยแพร่ออกมาอย่างเป็นทางการทางสื่อต่างๆ ทั้งภาพและเสียง ปรากฏชัดเจนว่า กลุ่มบุคคลเหล่านี้มีความประสงค์ในการแบ่งแยกดินแดน โดยระบุว่า "เราเชื่อมั่นว่าการออกประชามติเพื่อสันติภาพที่ประชาชนเป็นเจ้าของ ของนายอิรฟาน อูมา ประธานขบวนนักศึกษาแห่งชาติ กล่าวเปิดงาน และกล่าวต่อด้วยว่า หลังสิ้นสุดสนธิสัญญากรุงเทพฯ 2452 "ปาตานี" ตกอยู่ภายใต้การปกครองของสยาม หรือรัฐไทยในปัจจุบัน ปรากฏความพยายามของชาวปาตานี แสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิด ความต้องการทางการเมือง ความพยายามเหล่านั้นแสดงออกมาทุกยุคทุกสมัย การแสดงออกผ่านการใช้อาวุธเป็นสัญลักษณ์การต่อต้านและการแสดงออกผ่านการต่อสู้ทางการเมืองโดยไม่ใช้อาวุธ หากแต่เราชาวปาตานีไม่สามารถกำหนดชะตากรรมของเราเองได้ ตรงนี้ คำพูดต่อไปนี้สำคัญนะครับท่านผู้ชม


ซึ่งเราเชื่อว่าสิทธิการปลดปล่อย สิทธิการมีชนชาติ รวมไปถึงสิทธิในการกำหนดชะตากรรม เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ติดตัวเราเองแต่เดิมในฐานะมนุษย์

ท่านผู้ชมครับ แถลงการณ์จบลงด้วย เราจะรณรงค์และเคลื่อนไหวทางการเมืองถึงการมีอยู่ของชาติปาตานี และการทำประชามติเพื่อสู่สันติภาพที่ประชาชนเป็นเจ้าของ ท่านผู้ชมครับ ขอพักตรงนี้นิดหนึ่งก่อนที่ผมจะเอาข้อมูลเพิ่มเติมให้

ผมอยากจะถามท่านประธานนิสิต นักศึกษา มอ. คณะรัฐศาสตร์ สงขลานครินทร์ คุณจะทำประชามติในจังหวัดปัตตานี เพื่อที่จะถามว่า พร้อมหรือยังที่จะต่อสู้ และพร้อมหรือยังที่จะแยกปาตานีออกเป็นรัฐอิสระ ผมถามคำหนึ่ง มุสลิมที่อยู่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คุณคิดถึงมุสลิมที่อยู่ทั่วประเทศไทยไหม ไม่ว่าอยู่ทางใต้ ไม่ว่าจังหวัดไหนก็ตาม มีชาวมุสลิมอยู่เต็มไปหมด กรุงเทพมหานครมีชุมชนมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นหนองจอก มีนบุรี หลายแห่ง มัสยิดเต็มไปหมด เชียงรายก็มี อยุธยา อำเภอเสนา ก็มี เพชรบุรีก็มี เราทำประชามติกันหมดเลยไหม มุสลิมทั่วประเทศ เพราะเขาก็เป็นเชื้อชาติเดียวกับคุณ นับถือศาสนาเดียวกัน ถามพวกเขาดีไหมว่า ถ้าพวกคุณอยากจะแยกตัวออกเป็นรัฐปาตานีที่เป็นอิสระ ชาวมุสลิมที่พึ่งพระบรมโพธิสมภาร และมีความสุขกับประเทศไทยที่มีพระเจ้าอยู่หัวเป็นประมุข เขายินดีไหม เขายอมไหม ผมเชื่อเลยว่าเขาไม่ยอมหรอก เพราะคุณเป็นแค่ชนกลุ่มน้อยเท่านั้น แล้วถูกปลุกปั่นจากพรรคก้าวไกล และขณะเดียวกันก็มีพรรคประชาชาติเข้ามามีส่วนร่วมด้วย

ท่านผู้ชมครับ ในงานวันนั้นมีการแจกบัตรกระดาษ ระบุว่า "คุณเห็นด้วยกับสิทธิในการกำหนดชะตากรรมตนเองหรือไม่ ที่จะให้ประชาชนปาตานีสามารถออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกกฎหมาย ?" มีช่อง "เห็นด้วย" และ "ไม่เห็นด้วย"


ท่านผู้ชมครับ จากการตรวจสอบของหน่วยงานความมั่นคง และจากการตรวจสอบของพวกเราเอง รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เรามีทีมข่าวภาคใต้ ศูนย์ข่าวเราอยู่ที่หาดใหญ่ เช็กอย่างละเอียด ปรากฏว่าขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ เป็นองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมือง จัดตั้งโดยการรวมตัวของนิสิต นักศึกษา ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เคลื่อนไหวเรียกร้องในเรื่องสิทธิในการกำหนดตัวเองทั้งในและนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "องค์กรนักศึกษาแห่งชาติ" เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมานี่เอง โดยมีนายอิรฟาน อูมา เป็นประธานขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ

การจัดกิจกรรมเมื่อวันพุธที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา พบว่าการเปิดตัวขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ มีนักการเมือง สมาชิกพรรคการเมือง นักวิชาการ รวมทั้งเครือข่ายนักศึกษา เข้าร่วมสนับสนุนกิจกรรมจำนวนหนึ่ง นักวิชาการ และนักเคลื่อนไหว ที่ขึ้นเวทีเสวนา มี รศ.ดร.มารค ตามไท อาจารย์สาขาการสร้างสันติภาพ มหาวิทยาลัยพายัพ เชียงใหม่ นายอาเต็ฟ โซ๊ะโก ประธานกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "กลุ่มเดอะปาตานี" นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตว่านักการเมืองที่เข้ามามีส่วนร่วมกับเวทีนี้ ทั้ง 3 พรรค ล้วนแต่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลทั้งนั้นเลย ท่านผู้ชมสังเกตนะครับ ที่ประกาศชูนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล พรรคประชาชาติ ได้ส่ง ผศ.ดร.วรวิทย์ บารู ว่าที่ ส.ส. ปัตตานี รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ เข้าร่วมงาน พรรคเป็นธรรม ส่งนายฮากิม พงตีกอ รองเลขาธิการพรรคเป็นธรรม เข้ามาร่วมงาน


ท่านผู้ชมครับ ทั้งนี้ทั้งนั้น ในกำหนดการและโปสเตอร์งานยังปรากฏภาพของนายรอมฎอน ปันจอร์ ว่าที่ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ซึ่งเคยทำงานอยู่กับผม แต่เหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่างานนี้มีปัญหาแน่ นายรอมฎอน ก็เลยแจ้งว่าไม่สามารถเข้าร่วมงานได้ เขาเรียกว่าดมกลิ่นออก จมูกไว

ท่านผู้ชมครับ อย่างที่ท่านผู้ชมหลายท่านคงพอได้ติดตามข่าวมาบ้างแล้วว่ากิจกรรมการเปิดตัวของขบวนการนักศึกษาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดขึ้นพร้อมกับประเด็นเนื้อหาที่ชัดเจนออกมาแล้วว่า ต้องการให้มีการทำประชามติแยกดินแดนจากประเทศไทย แล้วสถาปนารัฐปาตานีขึ้นมาอีกครั้ง อ้างประวัติศาสตร์มั่วๆ ว่าปาตานีถูกสยามยึดครองมาตั้งแต่ครั้งอดีต มีหลักฐานที่ปรากฏเป็นรูปธรรม คือนำปืนใหญ่จากพญาตานี ที่สยามยึดมาจากรัฐปาตานี มาตั้งไว้ที่หน้ากระทรวงกลาโหม อันเสมือนเป็นสัญลักษณ์การสิ้นสุดการแข็งข้อต่อราชอาณาจักรสยาม เจ้าผู้ครองนครปัตตานี เมื่อหลายร้อยปี


ท่านผู้ชมครับ เอาสั้นๆ แล้วกัน คำว่า "ปาตานี" หรือที่ภาษามลายูท้องถิ่นเรียกว่า "ปัตตานี" ซึ่งหมายถึงพื้นที่ที่ผู้อาศัยส่วนใหญ่เป็นชาวมลายูมุสลิม เป็นพื้นที่ความขัดแย้ง คือพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ 4 อำเภอจังหวัดสงขลา มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคอาณาจักรปาตานีอันรุ่งเรืองเมื่อ 400 ปีที่แล้ว ก่อนจะถูกสยามยึดครองประมาณต้นยุครัตนโกสินทร์ ต่อมาแบ่งพื้นที่นี้เป็น 7 หัวเมือง แบ่งเป็นจังหวัดตามปัจจุบัน "ปาตานี" เป็นคำที่ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่ของขบวนการปลดปล่อย อ้างว่านี่คือรัฐชาติที่ถูกสยามผนวกในสมัยก่อนสัญญาสยามสหราชอาณาจักร


ท่านผู้ชมครับ แต่ถ้าเราศึกษาให้ถ่องแท้แล้ว อย่างที่นายจีรวุฒิ บุญรัศมี นักประวัติศาสตร์ภาคใต้ ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ luehistory รวมถึงปัญญาชนและชาวบ้านในภาคใต้จำนวนมากต่างเห็นพ้องและระบุชัดเจน สรุปได้ว่า หนึ่ง "ปาตานี" เป็นคำที่ถูกสร้างขึ้นใหม่เมื่อไม่กี่สิบปีมานี้เอง ไม่ใช่สี่ร้อยปีที่แล้ว โดยนักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่คลั่งเชื้อชาติมลายูจัดๆ เป็นวาทกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อต้องการแบ่งแยกผู้คน รวมถึงหวังผลในแง่ทางการเมือง ซึ่งคำนี้ก็เลยถูกผู้ก่อการไม่สงบนำมาใช้ พยายามขุดคำว่า "ปาตานี" ขึ้นมาเป็นคู่ขัดแย้งกับคำว่า "จังหวัดปัตตานี" ตีขลุมว่า "ปาตานี" นั้นครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา (จะนะ เทพา นาทวี สะบ้าย้อย) ทั้งๆ ที่ในประวัติศาสตร์ไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว เหมือนบรรดาทีมพรรคก้าวไกลที่พยายามเขียนตำราต่างๆ แล้วใช้นักวิชาการมาเขียนแบบโกหก อย่างเช่น นายณัฐพล ใจจริง แล้วก็ไปทำวิทยานิพนธ์โดยผ่านทางจุฬาลงกรณ์ฯ ฉันใดฉันนั้น

กล่าวง่ายๆ คำว่า "ปาตานี" ในแง่พื้นที่ทางประวัติศาสตร์นั้น "ไม่มีจริง" หากแต่เป็นคำที่นักประวัติศาสตร์บางกลุ่ม หรือสื่อบางสื่อ พยายามใช้เพื่อบิดเบือนภาพและเร่งเร้าความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ภายใต้ชุดความคิดที่ว่า "พื้นที่เหล่านั้นถูกสยามยึดครอง" บางคนถึงกับใช้คำว่า สยามนั้นล่าอาณานิคมมาตั้งแต่ช่วงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 มีความพยายามจะเชื่อมโยงความขัดแย้งเหล่านี้มาเกี่ยวพันกับสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นการบิดเบือนอย่างบัดซบและเลวร้ายที่สุด โดยเห็นได้ชัดว่ามีความจงใจใช้ความแตกแยกเพื่อทำลายหัวใจหลักของระบบการปกครอง ในความเป็นจริงแล้ว การรวมดินแดนเหนือคาบสมุทรมลายูกับสยามนั้น เป็นการผนวกดินแดน หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Annexation นั่นคือค่อยๆ หลอมรวมทั้งกลุ่มและวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นคนสยามเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อสายมลายู คนจีน คนไทยในพื้นที่ ก็แล้วแต่ มีสิทธิ์ต่างๆ ที่เท่าเทียมกัน ไม่ได้มีการแบ่งแยก นั่งรถไฟโบกี้เดียวกันหมด ไม่เหมือนกับ "มาลายา" ที่แบ่งพื้น แตกต่างจากการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก ที่เน้นเข้ามาดูดกลืนทรัพยากรของประเทศอาณานิคม แล้วนำกลับไปประเทศตัวเองอย่างชัดเจน

กรณีความขัดแย้งทางภาคใต้ บางคนพยายามโยงเข้ากับสถาบันกษัตริย์ ในความเป็นจริงแล้วขบวนการแบ่งแยกดินแดน ไม่ว่าจะเป็นพูโล บีอาร์เอ็น และกลุ่มขบวนการเหล่านี้ ท่านผู้ชมทราบหรือเปล่าครับ ไม่เคยต่อต้านสถาบันกษัตริย์

กรณีความขัดแย้งในพื้นที่ภาคใต้ ที่บางคน รวมทั้งคุณอิรฟาน อูมา ซึ่งเป็นประธานนักศึกษา ขบวนการแบ่งแยกดินแดน พยายามโยงเข้ากับสถาบันพระมหากษัตริย์ คุณอิรฟานครับ คุณยังเป็นเด็กน้อยอยู่ คุณจะพูดเรื่องประวัติศาสตร์ คุณไปค้นข้อมูลให้ดีเสียก่อน คุณอย่ามาทำตัวเป็นพรรคก้าวไกล หรือพวกสามนิ้ว ซึ่งสักแต่จะพูดอะไรคุณก็พูด ผมเห็นแถลงการณ์ของคุณ ผมฟังแล้วผมไม่ได้ขำนะ ผมไม่รู้ว่าคุณใช้สติปัญญาแบบไหนเขียน คุณลงท้ายแถลงการณ์ว่า
"ด้วยรักและหวงแหนต่อชาติมาตุภูมิ
ขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ
7 มิถุนายน 2566"

แล้วคุณลงด้วยว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี อ้าว ถ้าคุณจะแยกดินแดน คุณจะมาลงโยงมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ทั้งหมดได้อย่างไร เพราะวิทยาเขตปัตตานีนั้น ... มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คุณเข้าใจคำว่า "สงขลานครินทร์" ไหม ? ชื่อใคร ? ชื่อพระบิดาของรัชกาลที่ 9 ปู่ของรัชกาลที่ 10 แล้วคุณลงว่า "ด้วยรักและหวงแหนชาติมาตุภูมิ" แล้วคุณไม่คิดหรือว่าคนไทยทั้งหมดเขาก็รักและหวงแหนชาติมาตุภูมิเหมือนกัน แล้วคนมุสลิมอีกเต็มไปหมดเลย ที่ไม่ได้อยูู่เฉพาะปาตานี คุณเรียนหนังสือ ใช้ทรัพยากร ภาษีอากรจากส่วนกลางไป ส่งเสริม แล้วพวกอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย มอ. ที่ส่งเสริมเด็กพวกนี้ทำไมถึงเป็นคนสันดานแบบนี้ นี่ไง คุณไม่รู้จักบุญคุณของแผ่นดินไทย แผ่นดินไทยไม่เคยแยกคน หลอมรวมทุกอย่างไป

เอาล่ะ กลับมา ผมจะเอาไม้หน้าสามตีกบาลคุณ คุณอิรฟาน อูมา ไม่ว่าจะเป็นพูโล บีอาร์เอ็น กลุ่มขบวนการเหล่านี้ จำใส่กะโหลกคุณนะ ไม่เคยต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนพวกนี้เรียกพระมหากษัตริย์ไทยว่า "รายอกีตอ" แปลว่าอะไร ? "กษัตริย์ของพวกเรา" ตลอด ตั้งแต่อดีต สมัยอยุธยา มาจนถึงปัจจุบัน


ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ในการรวมดินแดนเหนือคาบสมุุทรมลายูเข้าสยามนั้น เป็นการผนวกดินแดน มีความพยายามในการเชื่อมโยงความขัดแย้งเหล่านี้มาเกี่ยวข้องทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันกษัตริย์ และที่ตลกที่สุดก็คือว่า ขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่มีมาแต่อดีต ยังยอมรับว่ากษัตริย์ไทยนั้นเป็นกษัตริย์ของพวกเรา

การสร้างวาทกรรม "ปาตานี" ของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน

ท่านผู้ชมหลายท่านคงติดตามข่าวมาบ้างแล้วว่า กิจกรรมการเปิดตัวขบวนการนักศึกษาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดขึ้นพร้อมกับประเด็นเนื้อหาที่ชัดเจนออกมาแล้วว่าต้องการให้มีการทำประชามติแยกดินแดนจากประเทศไทย แล้วสถาปนา "รัฐปาตานี" อ้างประวัติศาสตร์ว่า "ปาตานี" ถูกสยามยึดครองมาครั้งอดีต โดยอ้างประเภทที่ผมฟังแล้วผมตลกขบขัน มีปืนใหญ่นางพญาตานีตั้งอยู่หน้ากระทรวงกลาโหม ก็เลยเป็นมูลเหตุที่ต้องแยกดินแดน พวกคุณจะบ้ากันหรืออย่างไร คุณทำให้ชาวมุสลิมที่เคร่งศาสนาเขาเสียหายหมดเลยนะ

ท่านผู้ชมครับ ในอดีตถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีแถลงการณ์ฉบับไหนของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ออกมาโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ จุดประสงค์ของพวกเขาคือต่อสู้เพื่อให้ได้รับเอกราช (เมอร์เดกา : Merdeka) จากรัฐไทยเท่านั้น ซึ่งคู่ขัดแย้งในมุมมองของพวกเขาคือรัฐบาลในยุคนั้นๆ ไม่ใช่สถาบันกษัตริย์ คุณเปิดกะโหลกแล้วเข้าใจตรงนี้ก่อน เราจะเห็นได้ว่าจากพื้นที่ซึ่งเคยเป็นอดีตขบวนการเหล่านั้น พวกเขายังเคารพสถาบันกษัตริย์เสมอมา


ปัจจุบัน รัชกาลที่ 10 ทรงใส่ใจ สนับสนุนกิจกรรมศาสนาอิสลามมาอย่างสม่ำเสมอ คุณชอบพูดเรื่องเอกราชนั้น สร้างความขัดแย้ง ความอึดอัดคับข้องใจให้กับคนในพื้นที่ เพราะปัจจุบันงบประมาณจากส่วนกลางลงไปพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น มากกว่าเงินภาษีที่เก็บได้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่แล้ว นอกจากนั้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อบต. อบจ. ยังมีอำนาจในการจัดโครงการได้โดยอิสระอยู่แล้ว โดยส่วนกลางไม่ต้องเข้าไปยุ่มย่าม

ที่สำคัญ คือคำว่า "อยากได้เอกราช" นั้น ไม่มีคำอธิบายชัดเจนว่าเป็น "เอกราช" ลักษณะใด เป็นรัฐอิสลามหรือ ? แล้วคุณจะจัดคนพุทธ คนไทยเชื้อสายจีนที่นับถือศาสนาอื่นอยู่ในพื้นที่อย่างไร ? เป็นเอกราชแบบสิงคโปร์ หรือเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตย มีการเลือกตั้งของตัวเองหรือ ? หรือการที่เป็นรัฐเอกราชที่ท้ายที่สุดแล้วต้องไปขึ้นกับรัฐอื่น อย่างที่นายฮากิม พงตีกอ รองเลขาธิการพรรคเป็นธรรม พูดในงานเสวนา 7 มิถุนายน 2566 ว่า "พรรคเป็นธรรมมองว่ากระบวนการสันติภาพคือกระบวนการที่ไม่หยุดนิ่ง และไม่สิ้นสุด ถึงแม้ว่าจะได้เอกราชแล้ว แต่ก็ยังไม่มีสันติภาพ อาจจะต้องทำประชามติใหม่ ผนวกกับประเทศอื่นหรือเปล่าก็ไม่รู้"


นายฮากิ พงตีกอ ถ้าโง่ อย่าพูด คุณไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่คุณพึ่งพาเสียงของคนมุสลิม ผลักดันให้คุณเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ แล้วคุณรู้หรือเปล่า การเป็น ส.ส. จะต้องยอมรับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี 2560 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น คุณเปิดกะโหลกแล้วคุณไปเปิดดูว่า มาตรา 1 ราชอาณาจักรไทยเป็นประเทศราชที่ไม่สามารถจะแบ่งแยกได้ เมื่อคุณได้รับเลือกเข้ามาแล้วคุณเสนอการที่จะแบ่งแยก คุณผิดกฎหมายนะ คุณเข้ามาได้อย่างไร คุณไม่ควรเป็น ส.ส. เสียด้วยซ้ำ ผมไม่อยากจะพูดว่าคุณน่ะมีความคิดที่ระยำตำบอนมากกับชาติบ้านเมือง ทุกอย่างนี้พวกคุณทำเพื่อสนองตัณหาตัวเอง นอกจากการกระทำสันติภาพจะไม่ได้แล้ว ยังอาจจะไม่ได้เป็นเอกราชที่แท้จริง เพราะว่าคุณยังไม่รู้เลยว่า "เอกราช" ของคุณมันคืออะไร ต้องขึ้นอยู่กับใคร

ท่านผู้ชมครับ เรามาพูดกันตรงนี้ว่า ใครเป็นใคร ใครชักใยขบวนการแบ่งแยกประเทศไทย ประเด็นที่น่าสนใจมากกว่านี้คือผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนักศึกษา และเป็นแกนนำในการจัดกิจกรรมดังกล่าว พวกนี้มีใครบ้าง ? ประวัติความเป็นมาอย่างไร ? ทำไมถึงก่อตัว แตะมือร่วมกันได้อย่างกลมกลืนเช่นนี้ ? คนแรกที่ต้องพูด คือ นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคก้าวไกล แม้ไม่ได้ไปร่วมงานด้วยตัวเอง แต่สวมภาพพรรคติดอยู่บนโปสเตอร์โปรโมตกิจกรรม เหมือนกับต้องการสื่อให้ผู้คนที่เห็นเชื่อว่าพรรคก้าวไกลเห็นด้วยกับเนื้อหากิจกรรมนี้ ก็คือการแบ่งแยกดินแดน ใช่ไหม คุณรอมฎอน ? ด้วยเหตุนี้ คุณไม่สังเกตหรือว่าพอข่าวปะทุออกมา เขากระโดดหนีกันเลย เขากลัว


นายรอมฎอน รีบออกมาบอกปัด และแสดงจุดยืนว่า พรรคร่วมรัฐบาล นำโดยพรรคก้าวไกล มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการแบ่งแยกรัฐปาตานี แล้วคุณไปร่วมกับเขาทำไมล่ะ พอคุณถูกจับโป๊ะได้ โดนเขาจับแก้ผ้าได้ว่าคุณอยู่ด้วย คุณรีบปฏิเสธทันที โทนเสียงคุณไม่คัดค้านหรือปฏิเสธขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ ระบุความประสงค์ต้องการให้ทำประชามติแบ่งแยกอย่างชัดเจน

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูหลักฐานอีก ย้อนรอยพิธา พิธาเคยปราศรัยลั่น ปลดล็อกคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เลือกนายกฯ ของตัวเอง ถ้าเรามาดูคำพูดของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เขาเคยพูดถึงนโยบายเกี่ยวกับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มันสอดคล้องกับเป้าหมายความต้องการของกลุ่มที่เคลื่อนไหวปัจจุบันนี้ เชื่อมโยงกับสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งสิ้น


เมื่อปลายปีที่แล้ว 18 ธันวาคม 2565 ตอนที่คุณพิธา ลงไปหาเสียงที่ยะลา เขาพูดอย่างนี้เลยครับ หลักฐานมีอยู่ชัดเจน ในเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล สื่อมติชนที่คุณแม่ของคุณธนาธร คุณสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ถือหุ้นใหญ่ที่สุด บันทึกไว้ว่าอย่างไร ? คุณพิธา พูดว่า มีการปลดล็อกท้องถิ่น จังหวัดที่ก้าวหน้าต่อไป คนปัตตานี ยะลา นราธิวาส เลือกนายกฯ จังหวัดของตัวเอง คุณไม่ได้เลือกนายก อบจ. หรอก นัยของคุณก็คือว่า เอาพวกนี้เป็นเอกราชแล้วก็ให้เลือกนายกฯ ของตัวเอง ภาษีที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นมีใช้อยู่ที่นี่ ไม่จำเป็นต้องให้กรุงเทพมหนาครเก็บอีกต่อไป ปัญหาลมหายใจที่เกิด น้ำที่เรากิน ฟุตปาธที่เราเดิน แก้ได้ด้วยคนพื้นที่ นี่คุณขายฝันบนความเท็จทั้งสิ้น ภาษีท้องถิ่นที่คุณบอกว่าส่วนกลางเก็บไปนั้น ส่วนกลางเขาส่งเงินมาให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มากกว่าภาษีที่เขาเก็บได้ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

ทุกวันนี้ภาษีที่เก็บได้จาก 3 จังหวัดชายแดน ยังมีน้อยมาก แต่ยังมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อิสระ ได้รับการสนับสนุนจากรัฐส่วนกลางอย่างเต็มที่มาตลอด เพราะฉะนั้น เมื่อมีภาพของนายรอมฎอน เข้าไปแตะมือกิจกรรมเหล่านี้ มันเท่ากับคุณพิธา และพรรคก้าวไกล มีเอี่ยวกับเรื่องนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้ ผมขอฟันธงว่า พรรคก้าวไกล ในเบื้องลึกต้องการจะแยกดินแดนประเทศไทย แล้วนายรอมฎอน เกี่ยวข้องอย่างแน่นอนที่สุด แต่พอถูกจับได้ รีบกระโดดออกมาตัวยาวเลย เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าประชาชนคนไทยทั้งประเทศไม่เอาด้วย แม้กระทั่งพวกที่เชียร์ก้าวไกลทุกวันนี้ พอพูดถึงเรื่องแยกดินแดน ทุกคนร้องยี้ ไม่เอาทันทีเลย

ถ้าเราไปไล่ไทม์ไลน์ย้อนดูคำพูดและการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาของผู้มีอิทธิพล อยู่เบื้องหลัง เจ้าของพรรคก้าวไกลตัวจริง คือคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รวมไปถึงคนที่ชื่อ "ช่อ" พรรณิการ์ วานิช จะพบว่าคนพวกนี้จะมีการพูดเรื่องการทำประชามติ และเอกราชรัฐปาตานี หลายครั้ง ผมจะเปิดเผยให้ดู

คนต่อไปต้องกล่าวชนิดที่พลาดไม่ได้เลย นายอาเต็ฟ โซะโก ทำหน้าที่ประธาน เดอะ ปาตานี (The Patani) นั่นคือเป็นคนที่ขับเคลื่อนมวลชน มีประวัติไม่ธรรมดาเลย นายอาเต็ฟ ผู้นี้ เป็นน้องชายนายฮารีฟ โซ๊ะโก มีประวัติโชกโชนยิ่งกว่านายอาเต็ฟ หลายหน้ากระดาษ เพราะในอดีตที่ผ่านมา นายฮารีฟ ซึ่งทางการไทยระบุว่าเป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ชายแดนใต้ระดับแกนนำ เป็นทั้งหัวหน้าฝ่ายทหารคอมมานโดตัวอันตรายที่มีส่วนร่วมก่อเหตุ ทั้งการลอบยิง การวางระเบิด เพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่และผู้บริสุทธิ์ จนมีผู้บาดเจ็บล้มตายคนแล้วคนเล่า ทุกครั้งที่มีเรื่องก่อเหตุ หรือมีส่วนพัวพันรายวัน นายฮารีฟ พี่ชายของนายอาเต็ฟ จะหลบหนีข้ามแดนไปฝั่งมาเลเซีย เพื่อกบดานในเขตรันเตาปันจัง ห่างชายแดนไป 5 กิโลเมตร เช่าบ้านอยู่ใกล้ๆ กับโรงเรียนอาหรับบาโจกูเล็ง


ในเดือนกันยายน 2551 นายฮารีฟ จะถูกจับกุมในข้อหาลักลอบเข้าเมือง แต่นายอิบรอเฮง อาลี นักการเมืองเขตปาเสมัส สังกัดพรรคปาส มาเลเซีย ได้ให้ความช่วยเหลือจนได้รับการปล่อยตัว คือถูกจับในมลายู ข้ามแดนกลับมาก่อเหตุอีกหลายครั้งในเขตแดนไทย อะไรบ้างล่ะ ? ขว้างระเบิด กราดยิงร้านอาหารในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก วันที่ 2 ตุลาคม 2552 ก่อนจะวางระเบิดแสวงเครื่องใกล้กับโรงแรมเมอร์ลิน มีผู้บาดเจ็บจำนวนมากในวันเดียวกัน หากไม่นับรวมปฏิบัติการก่อเหตุที่นายฮารีฟ โซ๊ะโก มีความเกี่ยวข้องมากมายชนิดเจียระไนกันไม่หวาดไม่ไหว สิ่งที่ชัดเจนที่สุดของพฤติกรรมเขาก็คือว่า นายฮารีฟ ถูกจับกุมในข้อหากบฏในราชอาณาจักร ร่วมกับนายนัจมุดดีน อูมา แต่สู้คดีจนหลุด เนื่องจากศาลยกฟ้อง ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ว่า น่าจะมีการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะนายนัจมุดดีน เป็น ส.ส. จังหวัดชายแดนภาคใต้ คนดัง พรรคการเมืองใหญ่ ว่ากันว่านายนัจมุดดีน คือคนสุดท้ายที่ได้เจอกับนาวิกโยธินเคราะห์ร้าย 2 นาย ซึ่งถูกจับเป็นตัวประกัน ที่บ้านตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ก่อนที่นาวิกโยธินจะถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม เป็นข่าวสะเทือนขวัญคนไทยทั้งประเทศ เมื่อปี 2548 โดยเฉพาะผู้ที่เห็นคลิปขบวนการผู้ก่อเหตุนำออกมาเผยแพร่เพื่อข่มขวัญเจ้าหน้าที่

แม้นายอาเต็ฟ โซ๊ะโก น้องชายนายฮารีฟ จะไม่ใช่สายเหยี่ยวหรือเป็นนักรบติดอาวุธโดยตรง แต่ก็ถูกเพ่งเล็งว่าเขาอยู่ในฐานะนักรบทางยุทธศาสตร์ ใช้การแสดงออกทางความคิด การแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ ผลักดันผ่านเวทีต่างๆ เป็นอาวุธ ผลงานหนึ่งที่นายอาเต็ฟ สร้างไว้ก่อนหน้าการจัดกิจกรรมล่าสุด คือการใช้เวทีองค์กรนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง จัดเสวนาเรื่อง "มะรอโซ จันทรวดี (และพรรคพวก) กบฏรัฐสยาม หรือวีรบุรุษนักรบปาตานี" ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การโจมตีทหารนาวิกโยธินที่บ้านลือยอ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2556


ในครั้งนั้น สิบปีที่แล้ว นายมะรอโซ จันทรวดี หัวหน้านักรบอาร์เคเค ซึ่งมีผลงานนับไม่ถ้วน ถูกแผนซ้อนแผน นำพลพรรคเดินเข้าสู่พื้นที่ตั้งรับด้วยความประมาทและย่ามใจ จนถูกเด็ดชีพมากเป็นประวัติการณ์ถึง 16 ศพ เรียกว่าถ้าทางการไม่ปรานี คงละลายหมดทั้งทีมไปแล้ว นาวิกโยธินของไทยนั้นไม่สูญเสียกำลังพลเลยแม้แต่คนเดียว

ก็เลยไม่ต้องสงสัยว่ากิจกรรมเปิดตัวของขบวนการนักศึกษาประชามติแยกดินแดน ก่อตั้งรัฐปาตานี ต้องเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับอุดมการณ์การต่อสู้ของกลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนที่เติบโตขึ้นมาจากเหตุปล้นปืนที่ค่ายปิเหล็ง เมื่อปี 2547 ยุคที่ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

ท่านผู้ชมครับ ทั้งอาเต็ฟ และ ฮารีฟ จึงเป็นสองพี่น้องที่มีบทบาทคู่ขนานกันมาตลอด ภายใต้จุดมุ่งหมายเดียวกัน คือการลบล้างประวัติศาสตร์ รื้อฟื้นปาตานีขึ้นมาใหม่ นายอาเต็ฟ เคยทำหน้าที่เลขาธิการสมาพันธ์นักศึกษาชายแดนใต้ ต่อมามีส่วนร่วมในการจัดตั้งขบวนการ PerMAS หรือ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาเยาวชนนักเรียนปาตานี นายอาเต็ฟ ทำหน้าที่ตำแหน่งประธานด้วยตัวเอง สำหรับแหล่งทุนในการเคลื่อนไหว แหล่งข่าวของทางการตั้งข้อสังเกตว่า นอกจากจะได้รับการสนับสนุนจากต่างชาติแล้ว อาจจะมีบางส่วนจากการฟอกเงินผ่านมูลนิธิเด็กกำพร้าของภรรยานายอาเต็ฟ ซึ่งบิดาเป็นพ่อค้ายาเสพติดคนสำคัญในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และถูกจับกุมไปดำเนินคดีก่อนหน้านั้น


อีกคนหนึ่งที่ต้องกล่าวถึง คือ นายอิรฟาน อูมา ที่ผมเอ่ยชื่อไปตอนต้น นายกสโมสรนักศึกษาสถาบันอาหรับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งเป็นผู้กล่าวแถลงการณ์ปิดรายการเสวนาในนามประธานขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ นายอิรฟาน คือใครล่ะ ? ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นบุตรชายคนเล็กของนายนัจมุดดีน อูมา ซึ่งเคยถูกจับกุมด้วยข้อหากบฏ แต่ได้รับการยกฟ้องร่วมกับนายฮารีฟ พี่ชายนายอาเต็ฟ ดังที่กล่าวมาข้างต้น

นอกจากนี้แล้ว คนฝ่ายการเมืองจะต้องใส่ชื่อเขาไว้ด้วย ในการร่วมกิจกรรมสะเทือนหลายริกเตอร์ ก็คือ นายฮากิ พงตีกอ รองเลขาธิการพรรคเป็นธรรม และนายวรวิทย์ มารู รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นหัวหน้าพรรค แล้วนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ก็มีคนตั้งข้อสังเกตว่าถ้ามีการแยกดินแดนเสร็จแล้ว นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ก็มีความประสงค์อยากจะเป็นผู้ครองแคว้นปาตานี ได้ข่าวว่าสร้างบ้านเรือนไม้สักใหญ่โตมโหฬารตั้งไม่รู้กี่เรือน อยู่ในเขตบริเวณเดียวกัน


นอกจากนั้น ยังมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ยืนทะมึนอยู่เบื้องหลัง ยังไม่นับนักธุรกิจนายทุนใหญ่ของพรรคประชาชาติ ชื่อ นายคีรี กาญจนพาสน์ ซึ่งก่อนเลือกตั้งนั้นเดินลงไปในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายต่อหลายครั้งด้วย ท่านผู้ชมดูรูปครับ มีหลักฐานประจักษ์ชัดเจน


ท่านผู้ชมครับ อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วว่าการที่รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ และว่าที่ ส.ส. ปัตตานี นายวรวิทย์ บารู ไปร่วมเวทีกับขบวนการนักศึกษาที่จับมือกับขบวนการแบ่งแยกดินแดน เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ที่คณะรัฐศาสตร์ มอ. ปัตตานี มันหลีกหนีไม่พ้นที่ผมต้องถามไปยังความคิดและจุดยืนของพรรคประชาชาติ ของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ

ผมจะถามต่อถึงคุณคีรี กาญจนพาสน์ นักธุรกิจนายทุนใหญ่ของพรรคประชาชาติ ที่เป็นคนให้เงินให้ทองพรรคประชาชาติไปหาเสียง เจ้าของ BTS ซึ่งช่วงก่อนเลือกตั้งเดินทางลงไปยังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายต่อหลายครั้งด้วยตัวเองเสียด้วยซ้ำ


20 กุมภาพันธ์ 2565 ปีที่แล้ว คุณคีรี ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส. บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ พร้อมด้วยนายอับดุลอายี สาแม็ง ส.ส. ยะลา เขต 3 นายซูการ์โน มะทา ส.ส. ยะลา เขต 2 ได้ลงพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เพื่อร่วมหารือพัฒนาศักยภาพเศรษฐกิจการลงทุนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คุณคีรี บอกว่า ยินดีได้มีโอกาสลงพื้นที่คุยกับนักธุรกิจทางภาคใต้ รู้สึกภูมิใจ ดีใจ ที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส. พรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส. บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ จัดให้พบผู้นำ ผู้อาวุโส และนักธุรกิจรุ่นใหม่สำหรับจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นพื้นที่ที่น่าลงทุนมาก

นอกจากนี้แล้ว วันที่ 22 มกราคม 2565 ปีที่แล้ว ที่สวนอาหารริมน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส กลุ่มที่ใช้ชื่อว่านักธุรกิจรุ่นใหม่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีผู้นำทางธุรกิจ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ หอการค้า สภาอุตสาหกรรม และภาคประชาชน ประมาณ 120 คน เชิญคุณคีรี กาญจนพาสน์ วันมูหะมัดนอร์ มะทา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง นายกูเฮง ยาวอหะซัน นายอับดุลอายี สาแม็ง นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ ร่วมเสวนาธุรกิจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้


คุณคีรี มีความสนใจมากที่จะลงทุน แต่ว่าจริงๆ แล้วผมยังพูดว่า คุณคีรี อาจจะไม่รู้ส่วนลึกว่าพรรคประชาชาติ และสมาชิกพรรคประชาชาติ นั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการแบ่งแยกดินแดน ผมมองเขาในแง่ดีว่าเขาไม่รู้ แต่ก็อีกล่ะ คุณคีรี เป็นคนฉลาด ลึกล้ำ ข้อมูลก็ดี ถือหุ้นใหญ่ เป็นเจ้าของเนชั่น ช่อง 22 ก็น่าจะรู้ข้อมูลต่างๆ พรรคประชาชาติ เป็นพรรคที่ได้ ส.ส. และบัญชีรายชื่อ มาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เท่านั้น ไม่มีที่อื่นเลย เพราะฉะนั้นแล้ว ความใกล้ชิดสนิทสนมของพรรคประชาชาติ กับขบวนการแบ่งแยกดินแดน ต้องมีความลึกซึ้งอย่างมาก


อีกประการหนึ่ง คุณคีรี ก็ยังส่งที่ปรึกษากฎหมายนั่งปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 3 พรรคประชาชาติ นอกจากคุณเป็นนายทุนใหญ่ และยังนั่งเครื่องบินส่วนตัว ลงไปหารือกับนักธุรกิจพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว คุณคีรี ยังส่งคนเป็น ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 3 คือ คุณสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ซึ่งอดีตเป็นข้าราชการอัยการ เคยเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เป็นกรรมการบอร์ดรัฐิวสาหกิจอีกหลายแห่ง ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษากฎหมายของ BTS ของคุณคีรี นี่เป็นรายงานของสำนักข่าวอิศรา เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา ยืนยันเลยว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง นักเรียนนายร้อยรุ่น 37 ใกล้ชิดกับคุณคีรี ประธานกรรมการ บริษัท BTS อย่างมากมาย คุณคีรีครับ คุณวันนอร์ครับ พรรคประชาชาติ เป็นพรรคการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญไทย ให้สัตย์ปฏิญาณว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว แต่ผมรู้สึกลึกๆ แล้วคุณวันนอร์ ต้องการมีอำนาจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้


ที่น่าเสียใจคือ คุณทวี สอดส่อง อดีตเลขาฯ ศอ.บต. มาร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน ส่งรองหัวหน้าพรรคประชาชาติ เข้าร่วมที่ประชุม ถึงคุณจะไม่เห็นด้วย แต่การที่คุณเข้าไปร่วมประชุมสัมมนาในที่ประชุมที่เน้นเรื่องการแบ่งแยกดินแดน มันเป็นรอยเท้าที่คุณปฏิเสธยากมาก ถ้าเขาถามว่า ถ้าคุณไม่เกี่ยวข้องแล้วคุณไปประชุมทำไม

ผมอยากจะถามคุณคีรี ซึ่งเป็นสปอนเซอร์ในการสนับสนุนพรรคประชาชาติ ว่า คุณคีรี สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนหรือเปล่า ผมก็ยังเชื่อว่าลึกๆ แล้วคุณอาจจะไม่รู้ แต่ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าพรรคนี้อยู่เบื้องหลังคนรุ่นใหม่ที่ต้องการแยกรัฐปาตานีออกไปจากประเทศไทย ไม่รู้ว่าไปเป็นเอกราชเพื่อตั้งรัฐอิสลาม หรือรัฐอะไร ในรูปแบบไหน ไม่รู้ว่าคุณเห็นด้วยหรือเปล่า หรือคุณไม่เห็นด้วย คุณต้องบอกมาชัดๆ นะ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องเงินๆ ทองๆ ที่เป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่เป็นเรื่องที่ใหญ่มากกว่านั้น คือเรื่อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์


คุณเกิดที่เมืองไทย แต่คุณไปโตที่ฮ่องกง ผมไม่แน่ใจว่าความผูกพันของคุณที่มีต่อชาติไทย ศาสนาพุทธ พระมหากษัตริย์ จะลึกซึ้งมากกว่าข้อคิดของคุณที่พูดตลอดเวลาว่า ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เงินซื้อไม่ได้ ผมไม่รู้นะ

ผมเคยเห็นนักธุรกิจเขาสนับสนุนพรรคการเมือง แต่นี่คุณลงไปเล่นเต็มตัวเลยนะ เป็นนายทุนให้ด้วย ผมอยากจะถามว่าคุณจะเป็นนักธุรกิจ หรือนักการเมือง ผมเกรงว่าเงินที่คุณให้ไปจะถูกนำไปเคลื่อนไหว ผมไม่รู้จริงๆ เพราะพรรคประชาชาติถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีส่วนร่วมในการแบ่งแยกดินแดน พรรคประชาชาติได้ ส.ส. 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งสิ้น คุณคีรีครับ คุณเล่นเกินความเป็นนักธุรกิจไปแล้ว คุณอย่าไปหลงนะครับว่าเงินใช้ได้ทุกอย่าง ซื้อได้หมดทุกอย่าง ไม่ใช่หรอกคุณคีรี พอมาถึงเรื่องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แล้ว มันไม่ใช่ ผมก็จะบอกให้คุณรู้ด้วยนะครับว่า ผมเตือนคุณด้วยความหวังดี ชื่อคุณปรากฏอยู่ในแบล็กลิสต์ของฝ่ายความมั่นคงเรียบร้อยแล้วนะ คุณคีรี คุณจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม คุณจะเป็นประธาน BTS อย่างไรก็ตาม คุณจะโชว์ออฟอย่างไรก็ตาม คุณจะมีเสียงเนชั่น ช่อง 22 เป็นกระบอกเสียงก็ตาม ไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือว่า ถ้าความมั่นคงเขามองว่าคุณเป็นภัยต่อความมั่นคง ซึ่งผมไม่คิดว่าคุณเป็น คุณต้องระวังตัวไว้ให้มากๆ

นอกจากคุณส่งคุณสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ไปเป็นปาร์ตี้ลิสต์แล้ว คุณยังมีที่ปรึกษาชื่อ สุชาติ วงศ์อนันตชัย อดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษา และมีความสนิทสนมเป็นพิเศษกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)


2556 ดีเอสไอ เคยสั่งไม่ฟ้องคุณคีรี กาญจนพาสน์ และพวก คดีรถไฟฟ้าสายสีเขียว เหตุที่สั่งไม่ฟ้อง ตอนนั้นอยู่ในยุคนายกรัฐมนตรีชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อธิบดีดีเอสไอยุคนั้น คือ ธาริต เพ็งดิษฐ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ต่อจากทวี สอดส่อง คุณคีรีครับ คุณเกิดที่เมืองไทย แต่ผมไม่รู้ว่าคุณรักเมืองไทยหรือเปล่า หรือคุณใช้ประเทศไทยเพียงเพื่อจะทำมาหากินให้คุณร่ำรวยยิ่งขึ้นๆๆ ผมอยากให้คุณคีรี ตอบแทนแผ่นดินไทย คุณเป็นอภิมหาเศรษฐี ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น และผมก็ยังเชื่อว่าไม่เป็นอย่างนั้น แต่ว่า คุณคีรีครับ ร่องรอยของคุณกับพรรคประชาชาติ แล้วพรรคประชาชาติ กับคนในพรรคประชาชาติ กับร่องรอยของการเกี่ยวพันกับขบวนการแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มันเป็นร่องรอยที่ทุกคนเห็นหมด

อันที่จริงความคิดแบ่งแยกดินแดนทางใต้มีมานานแล้ว แต่ที่ย่ามใจกันมากตอนนี้ เพราะก้าวไกล ซึ่งสนับสนุนการทำประชามติให้เกิดการแบ่งแยกดินแดน ก้าวไกลเลือกตั้งมาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ยังเชิญพรรคประชาชาติ และพรรคเป็นธรรม หนึ่งเสียงนี่ล่ะ เข้าไปร่วม พรรคการเมืองที่มีฐานเสียงทางใต้ จุดยืนสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดน พวกนี้เลยเหิมเกริมเป็นพิเศษ อย่างที่ผมบอกว่าประเทศไทยมีคนมุสลิมเต็มไปหมด ย่านบางลำพู ก็มีชุมชนชาวมุสลิม มีมัสยิดจักรพงษ์ อยู่หลังบ้านพระอาทิตย์ มีชุมชนบ้านครัว ชุมชนโน้นชุมชนนี้เต็มไปหมด แต่ชาวมุสลิมพวกนี้รักสันติ ไม่มีความคิดจะแบ่งแยกดินแดน เขาอยู่ประเทศนี้อย่างมีความสุข คุณลองไปถามเขาดูสิเขาอยากแยกประเทศไทยไหม ? ประเทศไทยไม่เคยกีดกั้นชาวมุสลิม แม้แต่ภาคใต้เอง มุสลิมที่ต้องการแยกดินแดน เป็นมุสลิมกลุ่มเดียวเท่านั้นเอง กลุ่มเล็กๆ ที่สำคัญมีอเมริกา มีต่างชาติมาแทรกแซง


ผมตั้งข้อสังเกตว่า นายโกเดค เคยไปเยือนยะลา 1-2 เดือนที่ผ่านมานี้เอง แล้วก็มีการสัมมนาแบ่งแยกดินแดน ท่านผู้ชมครับ สังเกตดูภาคใต้ตอนนี้ฝรั่งเต็มไปหมดเลย อย่างที่ผมเล่าให้ฟังแล้ว 30 มีนาคม 2566 นายโรเบิร์ต โกเดค ทูตอเมริกาประจำประเทศไทย ไปเยือน American Corner ที่ราชภัฏยะลา


20 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยรัฐบาลไทยรักไทย คุณทักษิณ ทำนโยบายที่ผิดพลาด คือปล่อยให้เจ้าหน้าที่ลงไปในพื้นที่ ทำร้ายคนมุสลิม อย่างไรก็ตาม การที่ มอ. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี สั่งสอนเด็ก ให้เด็กที่มาเรียนหนังสือ ใช้ภาษีส่วนกลางของคนไทย แล้วคิดแบ่งแยกดินแดน ชื่อมหาวิทยาลัยยังเป็นชื่อรัชกาลที่ 9 พระราชทานให้ ผู้บริหาร มอ. ปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้อย่างไร

วันแรกที่คุณเกิดมา จนวันที่ได้เรียนใน มอ. คุณรู้ไหมว่ารัฐสนับสนุนเงินไปเท่าไร อย่างที่ผมเรียนให้ทราบนะครับ ถ้าผมทำประชามติคนไทยทั่วประเทศบ้างได้ไหม ว่าเห็นด้วยไหมกับการแบ่งแยกดินแดนตั้งเป็นรัฐปาตานี เอาหัวเป็นประกันว่าเขาไม่เห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่ อย่างน้อยที่สุด 90 กว่าเปอร์เซ็นต์

ความคิดที่จะแบ่งแยกดินแดนมีมาหมด ไม่ใช่เฉพาะเมืองไทย อเมริกาก็มีรัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐเทกซัส อยากแยกจากประเทศอเมริกา หรือสกอตแลนด์อยากแยกจากอังกฤษ ก็อยากแบ่งแยกดินแดน แล้วถามว่าแยกได้หรือยัง ก็แยกไม่ได้ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ


เอาล่ะ พูดเรื่องแยกดินแดนโดยไม่พูดเรื่องยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ก็ไม่ถูกต้อง ตอนนี้อเมริกาส่งตัวแทน ผมเชื่อว่าเป็นพวก CIA เต็มภาคใต้เลย อเมริกาจะไปทุกที่ที่มีพลังงาน การแบ่งแยกดินแดน อเมริกาคิดว่าถ้าสำเร็จจะเป็นประโยชน์ทั้งเรื่องพลังงาน และยุทธศาสตร์การเดินทะเล แต่ถ้าไม่สำเร็จมันจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ก็เข้าทางมันอีก แหล่งพลังงาน JDA - Joint Development Area ระหว่างไทย-มาเลเซีย ถ้าแบ่งแยกดินแดนได้ ตรงนี้จะเป็นรัฐปาตานี-มาเลย์ ไม่ใช่ไทย-มาเลเซีย อีกต่อไป


ท่านผู้ชมเริ่มเห็นหรือยังครับ อเมริกาคิดยาวไปเลย นี่แค่เรื่องแหล่งพลังงานนะ ยังไม่พูดถึงเรื่องความมั่นคง ยุทธศาสตร์ทางการทหาร ภูมิรัฐศาสตร์ เพราะพื้นที่ประเทศไทยที่อยากเคลมไปเป็นรัฐปาตานี คือพื้นที่ด้ามขวานที่คุมทะเลฝั่งอันดามัน พื้นที่นี้ทางทหารถือว่าเป็นจุดสำคัญ เพราะอะไร ? เพราะใช้เป็นที่ควบคุมช่องแคบมะละกา ช่องแคบมะละกา คือที่เรือบรรทุกน้ำมันจากตะวันออกกลางไปจีนต้องวิ่งผ่าน ถ้าคุมจุดนี้ได้ก็ตัดซัปพลายน้ำมันดิบและสินค้าต่างๆ ที่เข้า-ออกจากจีน

ท่านผู้ชมครับ ด้วยเหตุนี้พรรคก้าวไกล ที่ผูกตัวเองเป็นเอเยนต์ให้อเมริกาแบบเปิดเผย และการเดินเกมให้ประชามติเอกราชแบ่งแยกดินแดนรัฐปาตานี บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันศาสนาของชาติ ที่เป็นเสาหลัก คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทั้งหมดมันสอดคล้องประสานกันหมดเลยท่านผู้ชม หนึ่งในนโยบายที่สอดคล้องคือ ปฏิรูปกองทัพ ไม่ซื้ออาวุธ ยุบสภากลาโหม ยกเลิก ศอ.บต. ยกเลิก กอ.รมน. พึ่งสหรัฐฯ มากขึ้น ทั้งหมดนี้ใช่หรือเปล่า ที่จะนำไปสู่เป้าหมายข้างต้น


ท่านผู้ชมครับ คนที่ชอบพรรคก้าวไกลจริงๆ มีจำนวนหนึ่ง แต่คนที่เลือกก้าวไกลเพราะแค่เบื่อลุงตู่ เดิมก็ไม่ได้ชอบก้าวไกล แต่คุณเห็นประเทศจะแตกแยก คุณถอยออกมาได้ไหม เพราะเขากำลังจะเอาเสียงสวรรค์ที่ประชาชนให้มาในการแบ่งแยกดินแดน ท่านผู้ชมยอมรับไหมว่าภูมิรัฐศาสตร์กับการเมืองภายในมันผูกพันกันหมดเลย พ่อแม่พี่น้องเลือกพรรคไหนไม่สำคัญ แต่เราต้องอยู่พรรค "รักชาติไทย" หลักการคือ ผมต้องการเอาประเทศไทยให้รอด ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ให้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่ยั่งยืน ให้มั่นคง ให้แข็งแรง

ท่านผู้ชมครับ ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไปหมด ในหลักธรรมพระพุทธเจ้าบอกว่า ผลมันเป็นอย่างไร มันต้องดูที่เหตุ เหตุทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากทีมงานวัยรุ่น และพรรคพวกที่ต้องการจะแบ่งแยกดินแดน ออกมาเสวนาและออกแถลงการณ์นั้น มันมีเหตุมาจากการยุยงปลุกปั่นในช่วงต้นๆ ของพรรคอนาคตใหม่ สมัยที่คุณธนาธรยังมีบทบาทอยู่ และต่อมาก็ในนามของฝ่ายก้าวหน้า


คำพูดต่างๆ การหาเสียงของพรรคเป็นธรรมชัดเจน พรรคเป็นธรรมซึ่งมี ส.ส. 1 คน ประกาศแก้มาตรา 112 มาตรา 116 ยุบ กอ.รมน. และ ศอ.บต. ซึ่งมันสอดคล้องกับของพรรคก้าวไกลชัดเจน ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง คนละพรรคแต่ทำไมพูดเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายพรรคก้าวไกล อยากยุบ กอ.รมน. เอาทหารออกจากพื้นที่ชายแดนภาคใต้ การปรากฏตัวของคุณธนาธรที่อยู่ร่วมวงเสวนานักวิชาการ พูดถึงการแก้ไขมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญ ผมต้องการเน้นครับ รัฐธรรมนูญมาตรา 1 บัญญัติไว้ชัดเจน ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกัน จะแบ่งแยกมิได้ ชัดไหมครับ เรามาดูว่าคุณธนาธรพูดอะไรบ้าง

21 มิถุนายน 2565 ประมาณหนึ่งปีที่ผ่านมา ธนาธรเสวนาเรื่อง ภาพอนาคตปาตานี ชายแดนใต้ มีคำถามถามธนาธรมาว่า สมมุติว่าหากอีกสิบปี หรือสิบห้าปีข้างหน้า นายธนาธรเป็นผู้บริหารประเทศ คนปาตานี คนในพื้นที่ เรียกร้องที่จะแยกประเทศหรือเอกราช เป็นไปได้ไหมที่เขาจะได้รับสิ่งนี้โดยไม่ต้องทำสงคราม ?


ธนาธรพูดอย่างนี้ครับ ผมดึงเอาหัวใจสำคัญออกมาเลยนะ "ผมคิดว่าคงต้องมีการทำประชามติ" ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง "นี่คือจุดเริ่มต้น ถ้าถึง End Game ถ้าถึงที่สุด ถ้าส่วนที่จะไปถึงวันนั้นได้ มันต้องสร้างความปลอดภัย ถ้าพื้นที่มันไม่ปลอดภัยก็เท่านั้นครับ มันต้องการันตี รับประกันสิทธิเสรีภาพให้ได้ จะไปถึงตรงนั้น ส่วนจะยกดินแดนเป็นเอกราชหรือไม่ ผมไม่ใช่คนตัดสินใจ" นั่นคือที่มาของการยุบ กอ.รมน. ลดทหารทางภาคใต้ ถอนทหารออกมาหมดเลย เพื่ออ้างว่าตอนนี้ปลอดภัยแล้ว จะได้ทำประชามติได้

สุภาพสตรีอีกท่านหนึ่ง คลิปเวทีเสวนาปลดล็อกท้องถิ่น จัดโดยคณะก้าวหน้า ที่ชายแดนภาคใต้ ปาตานี เสวนานั้นจัดเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ปีที่แล้ว มีคุณช่อ พรรณิการ์ วานิช ร่วมเป็นวิทยากรด้วย ปรากฏว่ามีประชาชนเข้าร่วมเสวนา ชงเสนอปัญหาว่า การแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาสุดทางแล้ว ต้องคุยเรื่องเอกราชอย่างเดียว คุยเรื่องเศรษฐกิจมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว แต่เรื่องเอกราช มีใครบ้างให้ประชาชนออกมาแบบคุยกัน แม้แต่ ส.ส. ในส่วนกลาง-พื้นที่ เปิดให้กับประชาชนออกแบบ ยังไม่เห็นเลย


คุณพรรณิการ์ พูดอย่างนี้ "อย่ากลัวว่าการพัฒนาพื้นที่ให้เกิดความเจริญทางเศรษฐกิจจะไปลดทอนความฝัน และทำให้ทุกคนรู้สึกสบายดีอยู่แล้ว และละเลยเอกราช" คุณพรรณิการ์ พูดเลย "เศรษฐกิจถึงจะดีอย่างไรก็ตาม แต่อย่าไปทิ้งความปรารถนาที่จะเอาตัวเองเป็นเอกราช เพราะไม่มีพื้นที่ไหนในโลกนี้เมื่อเศรษฐกิจดีแล้วเขาจะละเลยความฝันเป็นเอกราช"

ท่านผู้ชมครับ ผมสรุปอย่างนี้ดีกว่า ที่ขบวนการนักศึกษาจาก มอ. ปัตตานี ออกมาประกาศทำประชามติประกาศเอกราชรัฐปาตานีนั้น ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่า ที่ผมเล่าให้ฟังนี้หลักฐานมีหมด มันไม่ได้ออกจากหัวสมองหรือแนวคิดของนักศึกษาเพียวๆ หรอก เบื้องหลังคือการบ่มเพาะ หนุนหลังมานานต่อนานหลายปีของพรรคก้าวไกล แกนนำคณะก้าวหน้า คุณพิธา ธนาธร คุณช่อ รวมทั้งนักวิชาการใต้ปีกพรรคก้าวไกลทั้งหลาย แล้วท่านผู้ชมรู้ไหม ดูให้ดีๆ เรื่องนี้ไม่แตกต่างจากโพยเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 10 ข้อ ที่รุ้ง-ปนัสยา จิรวัฒนกุล พูดที่ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต วันที่ 10 สิงหาคม 2563 มีคนเขียนเอามาใส่มือเธอ ร่องรอยแบบนี้มันชี้ไปที่นักการเมือง อาจารย์ นักวิชาการ พรรคการเมือง ผู้ใหญ่อีกหลายต่อหลายคนที่ชอบทำตัวเป็นอีแอบ ผลักให้เด็กไปอยู่ข้างหน้า เมื่อเกิดเหตุอะไรขึ้นมา เป็นภัยร้ายแรง ตัวเองจะได้หลบลี้หนีภัยทัน


ท่านผู้ชมครับ เกือบสี่ปีที่แล้ว ท่านผู้ชมรู้ไหม 11 ตุลาคม 2562 น่าสนใจมาก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ซึ่งตอนนั้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก ได้บรรยายพิเศษหัวข้อ "แผ่นดินของเราในมุมมองของฝ่ายความมั่นคง" ข้อความบางตอนผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ท่านบอกว่า มาตรา 1 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย "ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้" รัฐธรรมนูญไทยเริ่มตั้งแต่ปี 2475


ท่านอดีต ผบ.ทบ. ยุคนั้นท่านบอกว่า "ผมถามว่ามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญกี่ครั้ง วันนี้ผมออกมาพูด สื่อมวลชนจำไว้เลยนะครับ ผมไม่ได้บอกว่ารัฐธรรมนูญแก้ไขไม่ได้ แต่มาตรา 1 เกี่ยวพันกับความมั่นคงของชาติ เกี่ยวพันกับเลือดเนื้อ ชีวิต บรรพบุรุษที่รักษาขวานทองแผ่นดินไทยนี้ ผมบอกได้เลยว่าไม่มีวัน ถึงผมตายไป ทหารรุ่นใหม่ๆ ก็ต้องเกิดขึ้นมาแทนผม ผมเชื่อว่าความมั่นคงทุกคนและประชาชนพี่น้อง ท่านไม่รู้หรอก ปู่ย่าตายาย ทวดของท่าน อาจจะเคยร่วมเป็นทหารเพื่อรักษาแผ่นดินไทยของเราไว้ เพราะฉะนั้น ในโลกนี้ไม่มีรัฐธรรมนูญไหนที่สามารถบอกว่าแบ่งแยกดินแดนได้ ไม่มี มันจบแล้วครับ เพราะฉะนั้นแล้วจะแก้มาตราอะไรก็แก้ได้ ถ้าแก้มาตราที่หนึ่ง จะกระทบมาตราอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ นี่คือความชาญฉลาดของนักวิชาการที่ไม่พูดตรงๆ ออกมาว่าจะแก้อะไร จึงยกประเด็นมาตรา 1 หากประเทศไทยไม่ใช่ราชอาณาจักร แผ่นดินไทยถูกแบ่งแยก กระทบมาตราอื่นแน่นอน ผมบอกแล้วนะครับว่าไม่ใช่มาขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ ผมไม่ยุ่งการเมือง แต่นี่เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง" นี่คือคำพูดของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว


ท่านผู้ชมครับ ก่อนจะจบรายการนี้ ผมขอพูดความในใจออกมาสักนิด ผมทำงานชิ้นนี้เหนื่อยมาก เหนื่อยจริงๆ เพราะด้านหนึ่งผมต้องการให้ชาติคงอยู่ ชาติมีความมั่นคง แต่อีกด้านหนึ่ง โดยเฉพาะยี่สิบปีที่ผ่านมา ผมก็ต้องตำหนิฝ่ายการเมืองและฝ่ายความมั่นคง ที่ในอดีตทำงานผิดพลาดจนเกิดปัญหาคาราคาซังมาจนทุกวันนี้ อันที่จริงแล้วแนวความคิดแบ่งแยกดินแดนในภาคใต้ หรือการเรียกร้องเอกราชนั้น เป็นความคิดของคนกลุ่มนิดเดียว คนส่วนน้อยเท่านั้น ชาวบ้านกับคนในพื้นที่ส่วนใหญ่มีความหลากหลายมาก มีทั้งพุทธ มุสลิม จีน ศาสนาอื่น ไม่ได้เห็นด้วย เพราะคนในพื้นที่เขาอยากอยู่อย่างสงบสุข อยากทำมาหากิน ไม่อยากให้เอกราช อุดมการณ์ทางการเมืองที่จับต้องไม่ได้ มาให้เกิดความวุ่นวาย แล้วในที่สุดต้องเกิดการปะทะฆ่าฟันกันตาย

ในทางตรงกันข้าม เรื่องรัฐเอกราช หรือรัฐปาตานี กลับถูกนไปใช้เป็นเครื่องมือในการปลุกระดมตลอดเวลา ปั่นจากกระแสท้องถิ่นให้เป็นกระแสระดับชาติ เพราะหลายฝ่ายทำมาหากิน รวมถึงได้ประโยชน์จากตรงนี้ อย่างเช่นการจัดสรรงบประมาณในการดับไฟใต้ ฝ่ายการเมืองจากพรรคก้าวไกล พรรคเป็นธรรม ก็หยิบเอาประวัติศาสตร์ที่บิดเบือน อ้างเรื่องการล่าอาณานิคม การกดขี่กดทับส่วนกลาง ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว มีความจริงแค่เสี้ยวเดียว เสี้ยวเล็กๆ เสี้ยวเดียว เอามาขยายความใหญ่โตมโหฬาร

ท่านผู้ชมครับ ผมทราบมาว่ากลุ่มแบ่งแยกดินแดนเดิม ไม่ว่าจะเป็นพูโล บีอาร์เอ็น กับขบวนการนักศึกษาคนรุ่นใหม่นั้น มีความเชื่อมโยงกันน้อยมาก โดยในเชิงความสัมพันธ์อาจจะมีบ้าง แต่ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกันหมด พอนักการเมือง/พรรคการเมือง ที่เห็นช่องในการปลุกปั่น จุดประสงค์แอบแฝงเอาข้อมูลไปปั่นหัวคนรุ่นใหม่ นักศึกษา ก็เหมือนคนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้ เหมือนพวกสามนิ้ว เหมือนน้องหยก เหมือนหลายต่อหลายคน เหมือนตะวัน พวกนี้ ไม่ได้ฟังคำแนะนำ คำสั่งสอน คำตักเตือนของผู้ใหญ่ หยิบเอาข้อความข้อมูลผิด โกหกไปทั้งดุ้นเลย ซึ่งการพูดแบบนี้มีผู้ใหญ่หนุนหลังอยู่ แล้วผู้ใหญ่บ้าๆ นั่นก็พร้อมจะกระโดดหนีถ้ามีเรื่อง จนกระทั่งพอพรรคก้าวไกลกำลังจจะจัดตั้งรัฐบาล กลุ่มนักศึกษาและคนรุ่นใหม่เหล่านี้ก็เริ่มเดินก้าวล้ำเส้น กลายเป็นความเคลื่อนไหวทำประชามติประกาศเอกราชของรัฐปาตานี


ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมทำไม่ใช่เรื่องเล็ก พรรคก้าวไกล พรรคอนาคตใหม่ คณะก้าวหน้า เขามีความคิดมานานแล้ว มีความคิดมานานแล้วที่จะให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเอกราช ด้วยเหตุนี้ ในการแก้รัฐธรรมนูญ เขาต้องการแก้มาตรา 1 ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า แล้วเสียงคัดค้านเต็มไปหมดเลย บอกว่ามาตรา 1 แตะไม่ได้ เพราะถ้าแก้มาตรา 1 ก็เท่ากับประเทศไทยล่มสลายหมดเลย ผมไม่อยากจะพูดว่าพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้า พวกคุณที่เป็นแกนนำที่มีอยู่เบื้องหลังทั้งหมด ไม่ใช่คนที่ลงคะแนนเสียงให้นะ คนที่ลงคะแนนเสียงให้จะมีฮาร์ดคอร์อยู่ไม่มากที่เป็นพรรคก้าวไกล แต่ที่เหลือลงคะแนนเสียงให้เพราะไม่อยากได้ลุงตู่ ผมกล้าฟันธงได้เลยว่า พวกนี้คือพวกต้องการให้ประเทศไทยล่มสลาย แตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วผมพูดไม่ผิดด้วย มันรับงานสหรัฐอเมริกามาเพื่อให้ประเทศไทยยุ่งวุ่นวาย ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วมันจะเทิดทูนสหรัฐอเมริกาเป็นบิดาบังเกิดเกล้าของมันได้อย่างไร มันทำทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามนโยบายอินโด-แปซิฟิก เป็นไปตามนโยบายของอเมริกาซึ่งเข้ามาแทรกแซงทุกประเทศ เพื่อให้วุ่นวาย เพื่อหวังผลประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านพลังงานที่ผมอธิบายไปแล้ว

ท่านผู้ชมครับ งานนี้ผมเหนื่อยมาก ไม่ใช่เรื่องธรรมดา อาทิตย์หน้าจะมีเรื่องที่ต่อเนื่องจากเรื่องนี้อีก ที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอีกเยอะแยะไปหมด ท่านผู้ชมครับ วันนี้เอาแค่นี้ก่อน สวัสดีครับ

กำลังโหลดความคิดเห็น