xs
xsm
sm
md
lg

ต้นตอที่แท้จริง! ผลสำรวจพบคนจีน 80% โทษสหรัฐฯ สำหรับความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



มีประชาชนจีนมากกว่า 80% ที่คิดว่าสหรัฐฯ และตะวันตกคือผู้รับผิดชอบในท้ายที่สุดสำหรับความขัดแย้งในยูเครน จากผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีไม่ถึง 10% ที่กล่าวโทษรัสเซียต่อกรณีที่เปิดฉากรุกรานเคียฟ

ผลสำรวจที่จัดทำโดยศูนย์ความมั่นคงนานาชาติและยุทธศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยชิงหวา ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (24 พ.ค.) พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามถึง 80.1% ที่กล่าวโทษสหรัฐฯ และบรรดาประเทศตะวันตกว่าเป็นต้นตอความขัดแย้ง มี 11.7% ที่กล่าวโทษยูเครน และมีแค่ 8.2% ที่บอกว่ารัสเซียต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

ในผลสำรวจมีราว 34.1% ของผู้ตอบแบบสอบถาม มองว่าประเด็นสำคัญที่สุดที่ผุดขึ้นมาจากความขัดแย้งดังกล่าวคือ "ผลกระทบของสงครามต่อชีวิตพลเรือน" มี 20.9% ระบุว่าประเด็นสำคัญสุดคือความปลอดภัยของประชาชนชาวจีนและผลประโยชน์ของทางเศรษฐกิจของจีนในยูเครน และมี 15.6% ที่ชี้ไปยัง "ผลกระทบของสงครามในยูเครนต่ออุปทานพลังงานโลก"

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า ประชาชนชาวจีนส่วนใหญ่ไม่มีความไว้วางใจวอชิงตัน โดย 59.1% ถึงขั้นไม่ชอบมากหรือไม่ชอบบ้างในมุมมองที่มีต่อสหรัฐฯ แต่ในส่วนของรัสเซีย มีมุมมองแบบเดียวกันแค่ 7.8% โดยมีถึง 58.4 ที่มองเพื่อนบ้านแห่งนี้ "ชอบบ้าง" หรือ "ชอบมาก"

รัฐบาลจีนใช้ท่าทีที่เป็นกลางในประเด็นยูเครน โดยปักกิ่งปฏิเสธเสียงเรียกร้องจากวอชิงตันในการประณามหรือคว่ำบาตรมอสโกต่อความขัดแย้งดังกล่าว ถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการของกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า การแผ่ขยายอาณาเขตไปทางทิศทางตะวันออกของนาโตเป็นสาเหตุหลักของความเป็นปรปักษ์ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จีนยังประณามสหรัฐฯ และพันธมิตรต่อการเดินหน้าไหลบ่าอาวุธเข้าไปในยูเครน โดยไม่ยอมเสาะหาทางออกด้านการทูตคลี่คลายความขัดแย้ง

นอกจากนี้ จีนยังวางสถานะตนเองในฐานะผู้พยายามสร้างสันติภาพ เผยแพร่ข้อเสนอ 12 ข้อ ในทางออกทางการเมืองของวิกฤตยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ โดยแผนสันติภาพนี้ได้รับการขานรับจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แต่มันได้รับการตอบรับแบบไม่สู้เต็มใจนักจากเคียฟ และโดนปฏิเสธโดยน้ำมือของสหรัฐฯ กับอียู

ปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตันตกอยู่ในความตึงเครียด โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำหนดข้อจำกัดเล่นงานอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีน และเน้นย้ำหลายครั้งเมื่อปีที่แล้วว่าเขาจะใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซงหากปักกิ่งรุกรานไต้หวัน

ในผลสำรวจของมหาวิทยาลัยชิงหวา ราว 83% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เชื่อว่าสหรัฐฯ พยายามสำแดงอิทธิพลเหนือความมั่นคงของจีน แต่กระนั้นมีเกือบ 50% ที่คาดหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 2 มหาอำนาจโลกจะดีขึ้นในช่วง 5 ปีข้างหน้า

ผลสำรวจนี้จัดทำตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022 โดยเก็บตัวอย่างผู้ตอบแบบสอบถามประชาชนจีนแผ่นดินใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 2,622 ราย ในสัดส่วนผู้ชายและผู้หญิงเท่าๆ กัน

(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)
กำลังโหลดความคิดเห็น