xs
xsm
sm
md
lg

MOU รัฐบาลใหม่ปิดสวิตช์ “กัญชาเสรี” วิสาหกิจชุมชนยี้? ริดรอดสิทธิคนป่วย?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -  ทิศทางกัญชาไทยกลายมาประเด็นร้อนที่ต้องจับตาใกล้ชิดอีกครั้ง หลังจากพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค นำโดย “พรรคก้าวไกล” แถลงการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วม (MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาล เนื้อหาข้อที่ 16 ระบุว่า “นำกัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดให้โทษ ผ่านบัญญัติของ สธ. โดยมีกฎหมายควบคุมและรองรับการใช้ประโยชน์จากกัญชา”  

แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดประเด็นร้อนตามมาด้วยความกังวลอย่างยิ่งยวดของผู้ประกอบการในธุรกิจกัญชาตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ อีกทั้ง กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชาทั่วประเทศที่อาจได้รับผลกระทบเกิดความเสียหายมหาศาล ตลอดภาคการศึกษาวิจัยทางการการแพทย์หรือการเพิ่มมูลค่าพืชเศรษฐกิจที่อาจชะงักลง ยิ่งไปกว่านั้นเกิดการเครือข่ายกัญชา ออกมาขู่ฮึมๆ หากมีจุดยืนนำกัญชาไปเป็นยาเสพติดเจอม็อบแน่ เพราะมองว่ากัญชาเป็นความมั่นคงทางยาที่เป็นสิทธิของประชาชน

ดังเช่น นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์  โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. … แสดงจุดยืนแสดงความไม่เห็นด้วยกับการให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด หลังรัฐบาลชุดที่แล้วมีการปลดล็อกกัญชา เพราะมีผู้ป่วยที่ใช้กัญชาแต่ไม่ได้รับกัญชาจากแพทย์มากถึง 3.8 ล้านคน การปลดล็อกจากยาเสพติดทำให้ไม่ถูกจำคุกหรือถูกรีดไถ การเอากัญชากลับเป็นยาเสพติด จะทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากกลายเป็นนักโทษ

ทั้งนี้ สำรวจพบว่าช่วงที่กัญชาเป็นยาเสพติดมีผู้ใช้กัญชานอกการจ่ายยาของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สูงถึงร้อยละ 95 จำนวนนี้มีร้อยละ 83 ใช้นอกข้อบ่งใช้จากประกาศ สธ. มีผู้ป่วยใช้ประโยชน์จากกัญชาได้มากกว่าที่มีการใช้โดยแพทย์ แต่กลับได้ผลดีถึงดีมากในการรักษาถึงร้อยละ 93 ทำให้ผู้ป่วยลดหรือเลิกใช้ยาแผนปัจจุบันได้ร้อยละ 58 ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ควรเป็นนักโทษ

อีกทั้ง หากนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ผู้ประกอบการที่มีผลิตภัณฑ์จากกัญชาจะประสบความเดือดร้อน กล่าวคือกัญชาทั้งต้นจะเป็นยาเสพติด แม้กระทั่งใบที่ผสมในอาหาร เครื่องสำอาง จากที่ผ่านการขึ้นทะเบียนจาก อย. ก็ต้องเข้าไปผ่านคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด จากที่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ ก็เป็นการถอยหลังและเป็นเรื่องที่เสียหาย ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่ผ่าน อย.กว่า 3,000 รายการ ต่างมีความปลอดภัยในการผลิตแล้ว หรือกรณีวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชาอาจถึงขั้นทำลายสวนทิ้ง เกิดการเลิกจ้างงาน ยกเลิกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ดังนั้น การนำกัญชาเป็นยาเสพติดต้องคิดให้รอบด้าน เพราะกระทบหลายมิติ ไม่ใช่กระทบคนที่เคยสูบกัญชาที่มีเพียง 5 ล้านคน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีจำนวนผู้บำบัดยาเสพติดจากกัญชาลดลงเหลือ 4,000 ราย เมื่อเทียบกับยาบ้าที่มีมากกว่าแสนราย

นอกจากนั้น ยังมีเสียงสะท้อนจาก  น.ส.สุนิศา โสบกระโทก  ผู้บริหารสหคลินิกเรเมดี้ แคนน์ โคราช กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชาในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมชนร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ปลูกกัญชาเพื่อจำหน่ายและนำไปใช้ในทางการแพทย์ แสดงความกังวลต่อ MOU นำพืชกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด โดยแสดงความคิดเห็นว่าการนำกัญชากลับข้าสู่บัญชียาเสพติดจะทำให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชาได้รับความเสียหายมหาศาล เพราะก่อนวันที่ 9 มิ.ย. 65 วิสาหกิจชุมชนได้ขอใบอนุญาต อย.ในการปลูกกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ โดยมีการส่งช่อดอกกัญชาไปให้หน่วยงานภาครัฐผลิตยาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ แต่หลังจากนั้นไม่นานรัฐบาลก็ออกมาประกาศว่าให้เป็นกัญชาเสรี ใครก็ปลูกได้ ทำให้วิสาหกิจชุมชนต่างๆ ที่มีการลงทุนทำโรงเรือนไปแล้วจำนวนมาก ไม่สามารถจำหน่ายช่อดอก รวมทั้งกิ่ง ใบ และรากได้เลย ขาดทุนเป็นหนี้สินกันทุกราย

ดังนั้น หากรัฐบาลต้องการที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องกัญชากันจริงๆ ต้องออกมาทำให้ชัดเจนไปเลยว่า อะไรที่สามารถทำได้ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมทั้ง จะมีการเยียวยาวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับผลกระทบอย่างไร จะมีบริษัทกลางรับซื้อผลผลิตกัญชาจากวิสาหกิจชุมชนหรือไม่

พร้อมเรียกร้องไปยังรัฐบาลใหม่ให้ทบทวนทั้งข้อห้ามและการส่งเสริม เช่น ให้เฉพาะช่อดอก เป็นยาเสพติด ส่วนใบ กิ่ง ก้าน และราก สามารถนำไปทำอะไรได้บ้าง โดยเฉพาะส่วนที่เป็น CBD ที่ไม่ใช่สารเสพติด รัฐบาลควรที่จะส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนปลูก แล้วนำมาใช้เป็นพืชเศรษฐกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้ง กำหนดไปเลยว่าเด็กและเยาวชนเข้าถึงไม่ได้ ซึ่งจะทำให้วิสาหกิจผู้ปลูกกัญชาไปต่อได้

 นายทิมากร ไชยบุญ ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มลายเทียน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า กลุ่มมีการรวมตัวทำผ้าบาติกมาตั้งแต่ปี 2545 กระทั่ง เมื่อช่วง มิ.ย.2565 มีการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด จึงมีการจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน ขออนุญาตดำเนินการเรื่องกัญชาถูกต้องตามกฎหมาย โดยสมาชิก 7 คนมีรวมหุ้นกันคนละ 5 หมื่น - 1 แสนบาท ทำให้มีการลงทุนไปเกือบ 1 ล้าน ทั้งการจัดทำโรงเรือนปลูกที่ได้มาตรฐานของรัฐ ปัจจุบันมีการนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ยาหม่อง น้ำมันเขียว และน้ำมันหยดใต้ลิ้น ส่วนใหญ่จำหน่ายในชุมชน ที่ผ่านมาไม่ถึง 1 ปียังอยู่ในระยะเริ่มจะตั้งหลักได้ หากแนวทางของรัฐบาลใหม่จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดก็ไม่ได้ติดขัด ทางกลุ่มจะเลิกทำผลิตภัณฑ์กัญชา แต่รัฐจะต้องมีการชดเชยเงินตามจริงให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ลงทุนไปกับเรื่องกัญชา และหากนำกลับไปเป็นยาเสพติดและให้ใช้ทางการแพทย์เท่านั้น สำหรับกลุ่มที่ยังปลูกต่อ รัฐก็ไม่ควรกำหนดแบบเดิมว่าให้คนปลูกคืนช่อดอกให้กับรัฐ แล้วให้คนปลูกใช้ได้แต่ส่วนอื่น เพราะการที่จะทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต้องใช้ส่วนผสมที่เป็นช่อดอกจึงจะมีสรรพคุณของสารต่างๆ


และการเคลื่อนไหวที่ต้องจับตา  นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล  แกนนำเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย โพสต์เฟซบุ๊กประกาศจุดยืนของเครือข่ายฯ กรณีที่พรรคก้าวไกลและพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลนำกัญชาไปเป็นยาเสพติดนั้น ระบุว่ากัญชาคือความมั่นคงทางยาที่คนยากจน และคนที่รักษาโรคในโรงพยาบาลไม่หายล้วนพึ่งพากัญชารักษาให้พ้นจากความทุกข์ทรมานของร่างกายและช่วยให้ครอบครัวไม่ล่มสลายทางเศรษฐกิจจากค่ารักษาที่แสนแพง

นอกจากนี้ เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย เตรียมจัดการชุมนุมประท้วงหากมีการนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด ระบุว่า “เรายืนยันว่าจะต้องจัดการชุมนุมเพื่อให้สังคมรับรู้ความจริง อย่ากลัวที่จะพูดความจริง และอย่ากลัวที่จะพูดให้ตรงกัน ฉะนั้น หลังการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยจะชุมนุมเพื่อให้พรรคก้าวไกลในฐานะรัฐบาลตัดสินเรื่องนี้จากข้อเท็จจริง”

พร้อมทั้งเรียกร้องความชัดเจนไปยังพรรคก้าวไกล 2 ประการ ประการที่ 1 พรรคก้าวไกลต้องทำข้อมูลเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของ สุรา บุหรี่ กัญชา โดยต้้องนำงานวิจัยมาแสดงให้เห็นว่า ข้อเสียของสุรา บุหรี่ กัญชา คืออะไร อุบัติเหตุที่เกิดรายวันจากการดื่มสุราปีละกี่คน นอกจากนี้ ต้องนำงานวิจัยและตัวเลขการเกิดโรค และการตายทั้งจากสุรา บุหรี่ และกัญชา นำมาแสดงต่อสาธารณะ รวมถึงต้องนำงานวิจัยหรือกรณีศึกษาที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า สุรา บุหรี่ และกัญชา รักษาโรคได้กี่โรคและมีผลปรากฎการรักษาอย่างชัดเจน มีกรณีตัวอย่างให้ประชาชนได้เห็นจริง ย้ำว่าข้อมูลทั้งหมดต้องเป็นวิทยาศาสตร์มีแหล่งอ้างอิงเชิงเอกสารหรือเชิงกรณีศึกษา อย่าเอาอคติมาเจือปน เมื่อนำข้อดีข้อเสียทั้ง 3 สิ่งมาเปรียบเทียบจึงค่อยตัดสินว่า สิ่งใดควรเป็นยาเสพติดและไม่เป็นยาเสพติด และเมื่อมีหลักฐานพบว่า กัญชามีข้อเสียกว่าทั้ง สุรา และบุหรี่ เครือข่ายฯ ยินดีสนับสนุนพรรคก้าวไกลให้นำกัญชาไปสู่ยาเสพติด

และประการที่ 2 พรรคก้าวไกลต้องตอบคำถามผลกระทบของการสนับสนุน พ.ร.บ.สุราเสรี ว่าเมื่อออกกฎหมายนี้ขึ้นมาจำเป็นต้องประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการบังคับใช้กฎหมายหากผ่านการเห็นชอบ มีสองเรื่องย่อยที่พรรคต้องตอบในกรณีนี้คือผลกระทบทางสุขภาพและอุบัติเหตุที่จะเกิดจากการเข้าถึงสุรามากขึ้น และ ทำไมพรรคจึงสนับสนุนทลายการผูกขาดสุรา แต่กลับนำกัญชาไปสู่เงื่อนไขเฉพาะคือยาเสพติดซึ่งมีคนจำนวนน้อยที่ผลิตกัญชาได้ ประชาชนมีหน้าที่หาเงินไปซื้อ ทั้งที่ภูมิปัญญาการใช้อยู่กับประชาชนมาหลายร้อยปี กัญชาจะกลายเป็นรูปแบบของเบียร์ในปัจจุบันคือ ประชาชนใช้ได้แต่ต้องหาเงินมาซื้อเอาเอง

ขณะเดียวกัน เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ตั้งคำถามถึงการขับเคลื่อน พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ของพรรคก้าวไกล ทำนองว่ามีประโยชน์อันใด สุราก้าวหน้าของพวกคุณมันรักษาโรคได้กี่โรค พูดแต่ด้านดีว่าทำลายทุนผูกขาด แต่ไม่พูดถึงความร้ายของสุรา

“การนำกลับไปสู่ยาเสพติดจะทำให้ประชาชนไม่สามารถปลูกได้ นี่คือการทำลายสิทธิทางยาของประชาชน การนำไปสู่กติกาเฉพาะจะทำให้มีคนบางกลุ่มเท่านั้นที่ปลูกกัญชาได้ ส่วนประชาชนต้องหาเงินมาซื้อเอา เหมือนวงการเบียร์ ซึ่งพรรคก้าวไกลบอกว่าต้องทำลายทุนผูกขาด แต่พอกัญชากลับนำไปสู่เงื่อนไขให้ผูกขาด” นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล แกนนำเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย กล่าว

อีกประเด็นหนึ่ง กรณีนายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ระบุว่าเรื่องกัญชาสิ่งที่พรรคก้าวไกลได้ทำไปแล้วจะไม่กระทบต่อคนที่ได้รับใบอนุญาตไปแล้ว ในเรื่องของการจัดโซนนิ่ง ไม่ต้องมีใบอนุญาต ใครที่มีใบอนุญาตและอยู่นอกโซนนิ่ง ยังสามารถขายกัญชาได้ตามปกติ ดังนั้น ขอให้มั่นใจว่าการที่พรรคก้าวไกลเอากลับมาเป็นยาเสพติดจะไม่กระทบต่อคนที่ได้รับใบอนุญาตไปแล้ว แต่การใช้วิธีการแบบนี้จะทำให้คนที่ลักลอบขาย คนที่ไม่มีใบอนุญาตจะถูกกกฎหมายบังคับใช้ ซึ่งในอีกด้านหนึ่งจะทำให้กัญชาที่ไม่มีคุณภาพลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศถูกทำลายลงไป เพื่อปูทางไปสู่กัญชาไทยที่มีคุณภาพต่อไปนั้น

นายประสิทธิ์ชัย ตอบโต้ว่าหากจัดโซนนิ่งแล้วในบริเวณโซนนิ่งไม่ต้องมีใบอนุญาต จะกลายเป็นพื้นที่ซึ่งยาเสพติดชนิดอื่นเข้ามาปะปนอย่างแน่นอน มันจะกลายเป็นแหล่งมั่วสุม สำหรับตนมองว่าต้องมีระบบใบอนุญาตทั้งหมด ไม่ว่าการปลูก การขาย การผลิต กัญชาทุกต้นล้วนอยู่ภายใต้ใบอนุญาต โดยใน พ.ร.บ.กัญชา

และการที่บอกว่านำกลับไปสู่ยาเสพติดแล้วจะทำให้คนที่ลักลอบขาย ลักลอบนำเข้า จะไม่สามารถกระทำได้นั้น เป็นคำอธิบายซึ่งไม่รับรู้สภาพความเป็นจริงว่าสถานการณ์กัญชาตอนนี้มันอยู่อย่างไร เป็นการพูดบนหลักการที่ไม่สอดคล้องกับความจริง

รวมทั้งการบอกว่าเมื่อนำกัญชากลับสู่ยาเสพติดแล้วคนที่มีใบอนุญาตไม่ต้องกลัว สามารถดำเนินการต่อได้ แต่หลังจากนี้จะกลายเป็นว่าทุกร้านที่กำลังเปิดร้านขายกัญชาคือคุณกำลังขายยาเสพติด และถ้าหลังจากหมดใบอนุญาตการขอต่อใบอนุญาตจะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติทางแพทย์ ทางวิจัย หรือ กำหนดคุณสมบัติเฉพาะ เมื่อถึงเวลานั้นร้านต่างๆ ที่ใบอนุญาตหมดอายุยังจะต่อใบอนุญาตได้อยู่หรือไม่?

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ 9 มิถุนายน 2565 “ทุกส่วนของกัญชากัญชงไม่เป็นยาเสพติด” ยกเว้นสารสกัดที่มีปริมาณ THCเกิน 0.2 % และสารสกัดจากเมล็ดกัญชากัญชงที่ได้จากการปลูกนอกประเทศที่ยังเป็นยาเสพติด ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ.2565 ลงนามโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ภายใต้การเห็นชอบของคณะกรรมการป.ป.ส.

หมายความว่า ปัจจุบัน ประชาชน วิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการสามารถปลูกและใช้ได้ทุกส่วนของกัญชา ยกเว้นเพียง “ช่อดอก” ที่จะต้องขออนุญาตจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกก่อน เนื่องจาก “ช่อดอก” จัดเป็นสมุนไพรควบคุม ตามประกาศกรมการแพทย์แผนไทยฯ

กรณีใช้สารสกัดจะต้องมีปริมาณ THC ไม่เกิน 0.2 % จึงจะไม่ผิดกฎหมาย และหากเป็นสารสกัดจากเมล็ดกัญชากัญชง จะต้องได้จากการปลูกภายในประเทศ และกรณีนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งยา เครื่องสำอาง หรืออาหาร จะต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) พิจารณาตามข้อกำหนดกฎหมายของผลิตภัณฑ์นั้นๆ เช่น พ.ร.บ.ยา พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ร.บ.อาหาร


อย่างไรก็ตาม กฎหมายปัจจุบันห้ามไม่ให้จำหน่ายให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และหญิงตั้งครรภ์ ทั้งนี้ กฎหมายไม่ได้ “ห้ามการสูบ” เพียงแต่ห้ามสูบในที่สาธารณะ เพราะถือว่ากลิ่นและควันจากกัญชาเป็นเหตุรำคาญ ตามประกาศสธ.เท่านั้น

จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า ขณะนี้ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวข้องกับกัญชาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับ อย. ประมาณ 2,500 ใบอนุญาต ได้แก่ เครื่องสำอาง ยา สมุนไพร อาหารและเครื่องดื่ม ส่วนสถานประกอบการที่ยื่นขออนุญาตใช้ช่อดอกเพื่อจำหน่าย แปรรูป ส่งออก ศึกษาวิจัยทั่วประเทศ 12,000 แห่ง

แน่นอน หากกำหนดให้ “ทุกส่วนของกัญชา” กลับไปเป็นยาเสพติด “ผู้รับอนุญาตจะถูกล้มกระดานทั้งหมด” เว้นแต่ว่า “รัฐบาลใหม่”จะกำหนด “เฉพาะส่วนของกัญชาเป็นยาเสพติด”

อนึ่ง สำหรับการนำ “กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด” ขั้นตอนดำเนินการมีดังนี้

1.นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษที่มีปลัดสธ.เป็นประธาน หากเห็นชอบส่งเรื่องต่อให้คณะกรรมการป.ป.ส.พิจารณา

2.คณะกรรมการป.ป.ส.พิจารณา หากเห็นชอบส่งเรื่องให้รมว.สาธารณสุข ลงนาม

3.รมว.สาธารณสุข ลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 โดยใส่ชื่อของ “กัญชา”ไว้แนบท้าย

4.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

5.กัญชากลับเป็นยาเสพติด ณ วันที่ระบุไว้ตามที่ประกาศกำหนด
อย่างไรก็ตาม กฎหมายปัจจุบันห้ามไม่ให้จำหน่ายให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และหญิงตั้งครรภ์ ทั้งนี้ กฎหมายไม่ได้ “ห้ามการสูบ” เพียงแต่ห้ามสูบในที่สาธารณะ เพราะถือว่ากลิ่นและควันจากกัญชาเป็นเหตุรำคาญ ตามประกาศสธ.เท่านั้น

จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า ขณะนี้ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวข้องกับกัญชาที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับ อย. ประมาณ 2,500 ใบอนุญาต ได้แก่ เครื่องสำอาง ยา สมุนไพร อาหารและเครื่องดื่ม ส่วนสถานประกอบการที่ยื่นขออนุญาตใช้ช่อดอกเพื่อจำหน่าย แปรรูป ส่งออก ศึกษาวิจัยทั่วประเทศ 12,000 แห่ง

แน่นอน หากกำหนดให้ “ทุกส่วนของกัญชา” กลับไปเป็นยาเสพติด “ผู้รับอนุญาตจะถูกล้มกระดานทั้งหมด” เว้นแต่ว่า “รัฐบาลใหม่”จะกำหนด “เฉพาะส่วนของกัญชาเป็นยาเสพติด”

อนึ่ง สำหรับการนำ “กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด” ขั้นตอนดำเนินการมีดังนี้

1.นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษที่มีปลัดสธ.เป็นประธาน หากเห็นชอบส่งเรื่องต่อให้คณะกรรมการป.ป.ส.พิจารณา

2.คณะกรรมการป.ป.ส.พิจารณา หากเห็นชอบส่งเรื่องให้รมว.สาธารณสุข ลงนาม

3.รมว.สาธารณสุข ลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 โดยใส่ชื่อของ “กัญชา”ไว้แนบท้าย

4.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

5.กัญชากลับเป็นยาเสพติด ณ วันที่ระบุไว้ตามที่ประกาศกำหนด

 สุดท้ายแล้วยังคงต้องความชัดเจน ซึ่งประเด็นการนำกัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดให้โทษ โดยมีกฎหมายควบคุมและรองรับการใช้ประโยชน์จากกัญชานั้น มีทั้งเสียงสนับสนุนและคัดค้านซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ที่รัฐบาลใหม่ต้องทบทวนอย่างรอบคอบ เพราะต้องไม่ลืมว่าในมิติหนึ่งกัญชาเป็นความมั่นคงทางยาที่เป็นสิทธิของประชาชน อีกทั้งการนำกลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดให้โทษ จะผลกระทบในภาคธุรกิจกัญชาตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ 


กำลังโหลดความคิดเห็น