xs
xsm
sm
md
lg

ดีเอสไอ เผย “บอสต้น-บอสตาล” ปธ.สโมสรฟุตบอล ปัดไม่ใช่เจ้าของเว็บพนัน แต่รับแทงบอลออนไลน์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



MGR Online - ผอ.กองคดียาเสพติด ดีเอสไอ ระบุ “บอสตาล-บอสต้น” รับเล่นพนันออนไลน์ แต่ปฏิเสธเป็นเจ้าของเว็บพนัน ยันไม่รู้จัก “น.ส.ชบา” พบเงินเคลื่อนไหวครั้งละหลักล้านบาท ช่วงปี 63

วันนี้ (25 พ.ค.) นายพงษธร อินอำนวย ผอ.กองคดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าคดีพิเศษที่ 8/2566 เกี่ยวข้องฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ หลังพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเรียก นายพงษ์ศิริ ฐาราชวงศ์ศึก หรือ “บอสตาล” ประธานสโมสรฟุตบอลลำพูน เวอริเออร์ และ นายศิริพงษ์ ฐาราชวงศ์ศึก หรือ “บอสต้น” ประธานสโมสรพิษณุโลก เอฟซี พร้อมผู้เกี่ยวข้อง เข้าชี้แจงในฐานะพยาน วานนี้ (24 พ.ค.) ว่า จากคำให้การของทั้ง “บอสตาล-บอสต้น” ยอมรับว่า ได้เล่นการพนันเป็นการแทงบอลออนไลน์ และได้โอนเงินไปยังเลขบัญชีของ น.ส.ชบา (บัญชีม้าหลักของเครือข่ายเว็บพนัน) แต่ยืนยันว่าไม่รู้จักกับ น.ส.ชบา อีกทั้งยังคงให้การเดิมที่เคยให้ไว้ (คดีพิเศษที่ 60/2563) จากนี้ พนักงานสอบสวนชุดใหม่ ในเลขคดีพิเศษที่ 8/2566 จะสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อดูว่าเจอพยานหลักฐานอะไรอื่นบ้างที่จะยืนยันว่าทั้งคู่เป็นเจ้าของเว็บพนัน หรือเป็นหุ้นส่วนของเว็บพนันด้วยหรือไม่

นายพงษธร เผยว่า ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนก็ได้สอบถามว่ามีความเกี่ยวข้องกับเว็บพนันด้วยหรือไม่ ซึ่งทั้งคู่ก็ปฏิเสธในประเด็นดังกล่าว แต่ไม่ได้สอบถามเรื่องยาเสพติดเพิ่มเติม เพราะเคยสอบถามในเลขคดีเดิม อีกทั้งพนักงานอัยการก็ได้สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะสอบสวนในเรื่องอื่นๆ ต่อไปคาดว่าทั้งคู่ไม่ต้องเข้ามาชี้แจงแล้ว เนื่องจากไม่ได้มีการร้องขอให้สอบสวนในประเด็นใดเพิ่มเติม มีเพียงการสงวนสิทธิของเจ้าตัวที่จะขอยื่นเอกสารเกี่ยวกับรายการเดินบัญชีออมทรัพย์ในภายหลัง

นายพงษธร เผยอีกว่า สำหรับจำนวนเงินที่พบว่าสองพี่น้องประธานสโมสรฟุตบอลไปเชื่อมโยงกับ น.ส.ชบา มีจำนวนครั้งละหลักแสนถึงหลักล้านบาท โดยเป็นความเคลื่อนไหวทางการเงินระหว่างห้วงปี 2563 และมีการหยุดเคลื่อนไหวการรับ-โอนเงินในช่วงปี 2564 ส่วน น.ส.ชบา ได้เข้าให้การในฐานะพยานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยให้การยืนยันว่าไม่รู้จักทั้ง “บอสต้น-บอสตาล” เเต่รู้จัก 1 ใน 7 คนที่เคยอยู่ในเลขคดีพิเศษเดิม ซึ่งบุคคลดังกล่าวที่ น.ส.ชบา รู้จักเป็นผู้เชิญชวนให้มาเปิดบัญชีม้า แต่ น.ส.ชบา ไม่ได้เป็นคนใช้บัญชีเอง เพียงทำหน้าที่เปิดบัญชีให้ ส่วนใครจะนำไปใช้อย่างไรเจ้าตัวก็ไม่ทราบ

“พนักงานสอบสวนจะต้องตรวจสอบเรื่องการประกอบอาชีพ การเสียภาษีเงินได้ การครอบครองทรัพย์สินของทั้งสองพี่น้องกับทางหน่วยงานของรัฐอื่นๆ เพิ่มเติม และถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีความสอดคล้องก็จะแจ้งไปยังกรมสรรพากรเพื่อดำเนินการประเมินภาษี โดยที่จะไม่เรียกสอบถาม แต่ทั้งคู่จะต้องเข้าให้การชี้แจงภายหลังหากถูกพิจารณาดำเนินคดี”

นายพงษธร ระบุว่า ส่วนกรณี ร.ต.อ.ณัฐศักดิธัช พงค์ภิภัทราภาคิน จะเข้าให้ปากคำในฐานะพยาน วันที่ 29 พ.ค.นี้ และหากยืนยันในคำให้การเดิมที่ระบุว่า เป็นเอเยนต์เว็บพนัน พร้อมพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่นั้น โดยพนักงานสอบสวนจะยังไม่แจ้งข้อหาทันที เพราะต้องสอบถามก่อนว่าเจ้าตัวมีความเกี่ยวข้องกับเว็บพนันอย่างไรบ้างหรือไม่ และการแจ้งข้อหากับบุคคลใด ต้องมีรายละเอียดชัดเจนครบถ้วน ไม่พิจารณาเพียงถ้อยคำให้การลอยๆ ของเจ้าตัว โดยต้องพิสูจน์ว่ามีเว็บไซต์พนันดังกล่าวตามที่เจ้าตัวให้การจริงหรือไม่ และในปัจจุบันยังไม่พบความเชื่อมโยงของนายตำรวจรายนี้กับสองพี่น้องประธานสโมสรฟุตบอล ส่วนนายตำรวจมาเกี่ยวข้องในฐานะพยานกับคดีพิเศษที่ 60/2563 เนื่องจากเจ้าตัวไปมีความพัวพันในส่วนของเส้นทางการเงินกับ น.ส.ชบา เนื่องด้วยรับว่าเป็นเอเย่นต์เว็บพนัน

“ส่วนกรณีของ ว่าที่ พ.ต.ต.ปภิณวิช รอดบางยาง นั้นมีความเกี่ยวข้องกับ ร.ต.อ.ณัฐศักดิธัช แต่ไม่ได้เชื่อมโยงกับ น.ส.ชบา อย่างไรก็ตาม ในกรณีของว่าที่ พ.ต.ต.ปภิณวิช ค่อนข้างแตกต่างตรงที่ในเลขคดีพิเศษเดิม (60/2563) ไม่พบคำให้การของตำรวจคนดังกล่าว จึงไม่ทราบแน่ชัดว่าคำให้การเป็นอย่างไร แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ปัญหาในการรับช่วงต่อ โดยจะรื้อคดีใหม่ทั้งหมด”

นายพงษธร กล่าวเสริมว่า ที่สำคัญ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เน้นย้ำให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดในทุกฐานความผิดที่พบ เนื่องจากในสำนวนคดีเก่าได้ปรากฏข้อครหาว่าคณะทำงานมีการเรียกรับผลประโยชน์ ครั้งนี้จึงต้องพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีการเรียกรับเงิน พร้อมยืนยันว่า ไม่สามารถเคลียร์ได้ และถ้าพบการกระทำที่ผิดในกฎหมายใดเพิ่มเติม เช่น การส่งเรื่องให้กรมสรรพากรดำเนินการประเมินภาษีเงินได้ส่วนบุคคล หากบุคคลใดมีเงินหมุนเวียนผิดปกติจะถือว่ามีเงินได้พึงประเมิน ประมวลรัษฎากรมาตรา 40 / ประเมินภาษีย้อนหลัง เบี่ยงเบี้ยปรับ เป็นต้น โดยจะเป็นกรมสรรพากรที่จะต้องเป็นเจ้าทุกข์ดำเนินคดีทางอาญาต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น