xs
xsm
sm
md
lg

“พิธา”เคลื่อนไหวปิดเกมเร็วเพื่อนายกฯคนที่ 30 ขณะที่ ก้าวไกลเอฟเฟกต์ส่ง “ลุงตู่” วางมือ “ลุงป้อม” ลดบทบาท“จุรินทร์” ลาออกหัวหน้าพรรค **ประเทศไทยต้องเปลี่ยน มีเราไม่มีลุง ทำช้างล้ม ส้มทั้งแผ่นดิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ข่าวปนคน คนปนข่าว


** “พิธา”เคลื่อนไหวปิดเกมเร็วเพื่อนายกฯคนที่ 30 ขณะที่ ก้าวไกลเอฟเฟกต์ส่ง “ลุงตู่” วางมือ “ลุงป้อม” ลดบทบาท“จุรินทร์” ลาออกหัวหน้าพรรค


หลังสิ้นสุดการเลือกตั้งไปกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลก็เริ่ม พลันสปอตไลต์ จับไปที่ “ก้าวไกล” พรรคที่ชนะอันดับหนึ่ง และ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จะก้าวไกลไปถึงตำแหน่งนายกฯคนที่ 30 หรือไม่ ?

“พิธา”แสดงท่าทีเร่งฟอร์มรัฐบาล ส่งสัญญานต้องการ “ปิดเกมเร็ว” โดยที่เจ้าตัวมั่นใจไม่ขัดเขินอะไรที่จะเรียกตัวเองว่า “ว่าที่นายกฯคนต่อไป” และ โชว์พาวเวอร์ว่า พรรคก้าวไกลพร้อมเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงติดต่อ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย และพรรคเล็กๆ อีกจำนวนหนึ่งที่รวมกับพรรคก้าวไกลแล้ว ได้ 308-310 เสียง ซึ่งเพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก

“พิธา”เชื่อว่า นี่จะเป็นการ"ปิดประตู" รัฐบาลเสียงข้างน้อยไปโดยปริยาย ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ? นั่นเป็นคำถาม

ที่แน่ๆ ขณะที่ "ว่าที่นายกฯคนที่30" กระดี๊กระด๊า นายกฯคนเก่า “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ดูหงอยเหงา

“ลุงตู่” สวมชุดสีกากีเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ ท่ามกลางความสนใจจับตาความเคลื่อนไหวอนาคตทางการเมืองว่า หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร?

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

แพทองธาร ชินวัตร
ฟังว่า อาการ "ทุกอย่างสงบจบที่ลุงตู่" แสดงออกมาตั้งแต่เมื่อคืนก่อนตอนฟังผลเลือกตั้งเมื่อทราบว่าแนวโน้มคาดการณ์พรรคจะไม่ได้ ส.ส.ตามคาดหวัง แถมพรรคก้าวไกล ที่ชูแคมเปญ "มีเราไม่มีลุง" แรงเกินต้าน กอดคอพรรคเพื่อไทย เข้าวิน พล.อ.ประยุทธ์ ก็กลับออกจากพรรคประมาณ 22.00 น. โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์และไม่ได้ร่วมแถลงข่าวกับหัวหน้าพรรคแต่อย่างใด

ถามว่า คนพ่ายยังจำเป็นต้องพูดอะไรอีกหรือ? พร้อมๆ กับโอกาสที่จะวางมือ เมื่อฝ่ายชนะแสดงท่าทีชัด "มีเราไม่มีลุง"

ส่วน"ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค หลังทราบผลคะแนนก็ไม่แสดงอาการเหมือน "น้องตู่" ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของเอกบุรุษ ยิ้มและพูดน้อยๆ เก็บเนื้อเก็บตัว แต่ก็แว่วว่า หลังจากนี้ “ลุงป้อม”จะลดบทบาทตัวเองลง ให้ "สันติ พร้อมพัฒน์" ที่พา ส.ส.เข้าสภาได้มากที่สุดของพรรค ดูแลพรรคเป็นหลัก ลุงจะขออยูเบื้องหลัง ใช้ "ใจบันดาลแรง" ให้นักการเมืองอาชีพว่ากันไปตามเส้นทาง

ถ้า “ลุงตู่” วางมือ “ลุงป้อม”ลดบทบาทก็เท่ากับว่า “พี่น้อง 3 ป.”ที่ก่อนหน้า "ลุงป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ตัดช่องน้อยแต่พอตัว แสดงออกชัดเจนไม่เอาแล้วการเมือง อีกสองลุงก็จะตามๆ กันไป

ส่วนพรรคเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ส่งข้อความผ่านไลน์กลุ่มของพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีข้อความระบุว่า ขอแสดงความรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้ง ด้วยการลาออกจาก ตำแหน่งหัวหน้าพรรค

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
งานนี้เรียกว่า "ก้าวไกล" เอฟเฟกต์ สั่นสะเทือนวงการการเมือง ยัดเยียดความปราชัยในสนามเลือกตั้งให้แก่ขั้วรัฐบาลเดิม ทั้ง"ลุงตู่" "ลุงป้อม" และ"จุรินทร์"ไปอย่างชอกช้ำระกำทรวง หากจะวิเคราะห์เหตุผลคงมีหลายๆ ปัจจัย แต่เหตุผลหนึ่งซึ่งสำคัญที่ทำการเมือง "เปลี่ยนขั้ว" ได้ชนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน ประชาชนโหวตเลือกขั้วฝ่ายค้านเดิม และ เทให้ "ส้ม" ทั่วปฐพี ก็เพราะ "เบื่อลุง" และ "หน่ายพรรคเก่า" นั่นเอง

ส่วนทำไม"เบื่อ" และ เอือมระอาพรรคเก่า ทั้งสองลุง และ จุรินทร์ น่าจะรู้ๆดี ไม่ต้องตอกย้ำและซ้ำเติมกันให้เจ็บปวด จากนี้เมื่อถึงยุค "มีเราไม่มีลุง" โอกาสของขั้วเดิมจะกอดคอกันอยู่เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านก็เป็นไปได้สูง

ยกเว้นจะมี "เหตุพลิกผัน" ซึ่งจะมี หรือไม่ อย่างไร? ต้องติดตามกันต่อไป

** ประเทศไทยต้องเปลี่ยน มีเราไม่มีลุง ทำช้างล้ม ส้มทั้งแผ่นดิน

ปรากฏการณ์ “ส้มทั้งแผ่นดิน” ที่พรรคก้าวไกล ชนะเลือกตั้งถล่มทลาย ชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งส.ส.ระบบเขต และปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางที่ กกต.ประกาศออกมาล่าสุด คือ 1.พรรคก้าวไกล 113+39 =152 2.พรรคเพื่อไทยได้ 112+29 =141 3.พรรคภูมิใจไทยได้ 67+3=70 4.พรรคพลังประชารัฐได้ 39 +1=40 5.พรรครวมไทยสร้างชาติ 23 +13=36 6.พรรคประชาธิปัตย์ 22 + 3=25 7.พรรคชาติไทยพัฒนา 9 +1=10 8.พรรคประชาชาติ 7+2=9 9.พรรคไทยสร้างไทย 5+1=6 10.พรรคชาติพัฒนากล้า 1 +1=2

ส่วนพรรคเพื่อไทรวมพลังได้ส.ส.เขตอย่างเดียว 2 ที่นั่ง ขณะที่พรรคที่ได้ส.ส.บัญชีอย่างเดียว 7 พรรค ๆละ1ที่นั่ง รวม7ที่นั่ง ได้แก่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคใหม่ พรรคท้องที่ไทย พรรคเป็นธรรม พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ - สาธิต ปิตุเตชะ
จะเห็นได้ว่า พรรคที่ถือว่าแพ้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะทำได้ไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ นอกจากเพื่อไทย แล้วยังมีพรรครวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ และที่หนักกว่าใครก็คือ ประชาธิปัตย์
ประชาธิปัตย์ นอกจากจะสูญพันธุ์ในสนามกรุงเทพฯ ซ้ำเป็นครั้งที่สองแล้ว ในพื้นที่ภาคใต้ ที่ถือว่าเป็นฐานที่มั่นหลัก ก็แพ้ยับเยินเช่นกัน อย่างเช่นจังหวัดชายฝั่งอันดามัน จ.กระบี่ พังงา ระนอง ที่ถือว่าเป็นถิ่นของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ก็แพ้รวด ถูกภูมิใจไทยยึดไป ขนาด “กันตวรรณ ตันเถียร” ส.ส. 5 สมัยของพังงา ยังสอบตก ที่ จ.ภูเก็ต ก็ถูกก้าวไกล สอยไปทั้ง 3 ที่นั่ง ไม่เว้นแม้ที่ จ.ตรัง บ้านนายหัว “ชวน หลีกภัย” มี 4 ที่นั่ง ยังถูกรวมไทยสร้างชาติ และพลังประชารัฐ แบ่งไปพรรคละ 1 ที่นั่ง ชนิดที่ว่า “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย”ต้องสอบตก

ไม่เพียงเท่านั้นคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ ที่ใครๆคิดว่า ประชาธิปัตย์น่าจะมาเป็นอันดับหนึ่ง ยังถูกก้าวไกล มาเอาชนะถึงถิ่น

สนธยา คุณปลื้ม - สุชาติ ชมกลิ่น
ส่วนที่ภาคตะวันออก ซึ่งอยู่ในความดูแลของ “หมอตี๋” สาธิต ปิตุเตชะ รองหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ขอลง ส.ส.เขต ยังแพ้ราบคาบ จังหวัดระยอง 5 ที่นั่งถูกก้าวไกลเอาไปกินหมด แถมด้วย จันทบุรี 3 ที่นั่ง ตราด 1 ที่นั่งก็ถูกก้าวไกล กวาดเรียบ

งานนี้ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ถึงกับต้องประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรค!!

ที่ ชลบุรี มี 10 เขต “เสี่ยแป๊ะ” สนธยา คุณปลื้ม ลูกชายกำนันเป๊าะ ตัวแทนบ้านใหญ่ ที่พรรคเพื่อไทยวางใจให้ดูแลพื้นที่ กับ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน “บ้านใหม่” จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ประกาศจะกวาดทั้ง 10 เขตเพื่อหนุนลุงตู่เป็นนายกฯอีกรอบ ปรากฏว่า ถูกก้าวไกลคว้าไป 7 เขต เหลือ 3 เขตให้ เพื่อไทย พลังประชารัฐ และ รวมไทยสร้างชาติ แบ่งกันไปคนละ 1 ที่นั่ง

ที่กรุงเทพฯ 33 เขต ก้าวไกลก็แลนด์สไลด์ไป 32 เขต เหลือให้เพื่อไทยเพียง 1 เขต งานนี้ “วัน อย่บำรุง” ยังไม่รอด พื้นที่บางบอน ถูก“รักชนก ศรีนอก” ตีแตก แพ้ไปกว่า 2 หมื่นคะแนน แถมจังหวัดปริมณฑลโดยรอบ ก็ได้รับอานิสงส์ จากพลังสีส้มไปด้วย อย่างเช่น จ.สมุทรปราการ เขตอิทธิพลของ “ตระกูลอัศวเหม” พอสิ้น “ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” ก้าวไกล ก็บุกไปกินรวบทั้ง 8 เขต ทำเอา “กรุงศรีวิไล สุทินเผือก” ส.ส.หลายสมัย ต้องสอบตก ส่วนที่จ.นนทบุรี ก้าวไกล ก็กวาดเรียบ 8 ที่นั่งเช่นกัน

จ.ปทุมธานี ถิ่นของพรรคเพื่อไทย โดนก้าวไกลโกยไปแทบยกจังหวัด 6 ที่นั่ง เว้นให้เพื่อไทย แค่ 1 ที่นั่ง จ.สมุทรสาคร ก้าวไกล กวาดยกจังหวัด 3 ที่นั่ง ลามไปถึงจังหวัดติดกันที่มี ส.ส.แค่คนเดียว อย่าง สมุทรสงคราม แชมป์ผูกขาดอย่าง “รังสิมา รอดรัศมี” ที่หนีจากประชาธิปัตย์ ไปอยู่พรรคลุงตู่ ได้เวลากลับไปขายหอยดอง เมื่อพ่ายให้กับก้าวไกล เช่นกัน

ไปดูที่ภาคเหนือกันบ้าง จ.เชียงใหม่ เมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย ที่พรรคไปปราศรัยใหญ่ทิ้งทวน ก่อนจะมาปิดการปราศรัย ที่เมืองทองธานี ปรากฏว่า 10 เขตเลือกตั้งของเชียงใหม่ ก้าวไกล โกยไป 7 ที่นั่ง เหลือให้เพื่อไทย 2 ที่นั่ง และพลังประชารัฐ 1 ที่นั่ง ...เหนทออื่นใด เขต 3 ประกอบด้วย อ.ดอยสะเก็ด, อ.สันกำแพง อ.แม่ออน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ยังแพ้ให้กับก้าวไกล

วัน อยู่บำรุง - รักชนก ศรีนอก
ส่วนที่ จ.เชียงราย 7 เขต ก้าวไกลก็คว้าไป 3 เขต ที่เหลือเป็นของเพื่อไทย จ.ลำปาง 4 เขต ก้าวไกลก็ยึดไป 3 เหลือให้เพื่อไทย 1 แค่นี้ก็ถือว่าเป็นความพ่ายแพ้ของพรรคเพื่อไทยแล้ว!!

ส่วนพรรคพลังประชารัฐ แม้บ้านใหญ่ในหลายจังหวัด อย่าง “ผู้กองธรรมนัส” รักษาทั้ง 3 เขตของ จ.พะเยา ไว้ได้ ที่ จ.กำแพงเพชร ซึ่ง “ไผ่ ลิกค์” คุมที่อยู่ ก็ได้ยกจังหวัด เช่นเดียวกับ “สันติ พร้อมพัฒน์” ก็รักษาเก้าอี้ที่ จ.เพชรบูรณ์ ไว้ได้ทั้ง 6 ที่นั่ง ... แต่การที่พรรคพลังประชารัฐ ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพียง คนเดียว นั่นหมายถึง มีแค่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ได้เป็นส.ส. นอกนั้นตกหมด ไม่ว่าจะเป็น สันติ พร้อมพัฒน์, ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ , อธิรัฐ รัตนเศรษฐ, อุตตม สาวนายน,ไพบูลย์ นิติตะวัน, มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์...

สำหรับ “พรรคลุงตู่” รวมไทยสร้างชาติ เข้าป้ายมาเป็นลำดับ ที่ 5 ด้วยจำนวนส.ส.เขต 23 ที่นั่ง ปาร์ตี้ลิสต์ 13 รวมเป็น 36 ที่นั่ง หมดโอกาสลุ้นเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ เพราะในขั้วเดียวกันนี้ แพ้ทั้งพรรคภูมิใจไทย ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล และ พรรคพลังประชารัฐ ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พรรครวมไทยสร้างชาติ คงต้องเป็นฝ่ายค้าน“ลุงตู่” ที่ไม่ได้เป็นส.ส. ไม่ได้มีตำแหน่งบริหารในพรรค ก็คงต้องกลับบ้าน ไม่ต้องเข้าสภาให้ฝ่ายตรงข้ามเย้ยหยัน ถากถาง

จะว่าไปแล้ว การที่พรรคก้าวไกลชนะครั้งนี้ ถือเป็นฉันทามติจากประชาชน ว่าต้องการการเปลี่ยนแปลง ไม่เอาลุงๆ ที่อยู่มากว่า 8 ปีแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แถมยังหาเสียงในเชิงทวงบุญคุณ ไม่เอาอนุรักษ์นิยมแบบประชาธิปัตย์ และ ก็ไม่เอาทักษิณ ที่พูดถึงแต่เรื่องอดีต

ที่เห็นชัดคือ นโยบายประชานิยม ที่หลายๆพรรคงัดออกมาเกทับบลัฟแหลกกันนั้น ใช้ไม่ได้ผลกับการเลือกตั้งครั้งนี้!!
กำลังโหลดความคิดเห็น