xs
xsm
sm
md
lg

จุดจบของประชาธิปไตย โดย ทนง ขันทอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:

จุดจบของประชาธิปไตย โดย ทนง ขันทอง

เมื่อเร็วๆนี้ The Economist Intelligence Unit ได้ทำเซอร์เวย์ผ่านรายงานดัชนีประชาธิปไตย เพื่อตรวจสอบสถานภาพของระบบประชาธิปไตยในโลกนี้ว่า มีความก้าวหน้า ทรงตัว หรือถอยหลังอย่างไร

ถ้าหากมองให้ลึกลงไป จะเห็นได้ว่า การทำรายงานดัชนีประชาธิปไตยของThe Economist Intelligence Unit ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของนิตยสาร The Economist ของอังกฤษมีเป้าหมายในการยกยอระบบประชาธิปไตยที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกลุ่มแองโกลอเมริกันให้เป็นโมเดลของโลก

The Economist Intelligence Unit ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของนิตยสารThe EconomistของอังกฤษสรุปในรายงานDemocracy Index Report สำหรับปี 2022 ว่า มีเพียง 8%ของประชากรโลกเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีระบบประชาธิปไตยที่ทำงานจริงๆอย่างเต็มที่

ในขณะเดียวกัน 37%ของประชากรโลกอาศัยอยู่ภายใต้ประชาธิปไตยที่บกพร่อง (flawed democracy) ส่วนอีก 55% ที่เหลือของประชากรโลกไม่ได้อยู่ในประชาธิปไตยเลย

ถ้าหากมองให้ลึกลงไป จะเห็นได้ว่า การทำรายงานดัชนีประชาธิปไตยของ The Economist Intelligence Unit มีเป้าหมายในการผูกขาดการให้คำจำกัดความ หรือการเป็นเจ้าของโมเดลประชาธิปไตยของโลกใบนี้ ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกลุ่มแองโกลอเมริกัน

The Economist Intelligence Unit ใช้ตัวชี้วัด 60 ตัว จาก 5 หมวดหมู่ด้วยกันคือ
ขบวนการเลือกต้ัง และความหลายหลาก
วัฒนธรรมทางการเมือง
การมีส่วนร่วมของประชาชน
การทำงานของรัฐบาล
เสรีภาพของประชาชน

แต่ละหมวดหมู่จะมีคะแนนให้ต้ังแต่ 0 ถึง 10 ในขั้นตอนสุดท้าย คะแนนจะได้จากการเฉลี่ยค่าของคะแนนของท้ัง5หมวดหมู่

ประเทศที่ได้คะแนน 8-9 ถือว่ามีประชาธิปไตยเต็มใบ
ประเทศที่ได้คะแนน 6-7 ถือว่ามีประชาธิปไตยที่บกพร่อง
ประเทศที่ได้คะแนน 4-5 ถือว่าเป็นประเทศไฮบริดระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย
ประเทศที่ได้คะแนน 1-3 ถือว่าเป็นประเทศเผด็จการหรืออำนาจนิยม
เหตุการณ์ใหญ่ๆไม่ว่าจะเป็นสงครามยูเครน หรือมาตรการคุมเข้ม

ตั้งแต่มี Democracy Index Report ในปี 2006 คะแนนประชาธิปไตยเฉลี่ยของโลกได้ลดจาก 5.52 เป็น 5.29 ในปี 2022

สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งทั่วโลกมองว่าเป็นเสาหลักของระบบประชาธิปไตย The Economist Intelligence Unit จัดได้คะแนน 7.8 หรือมีอันดับที่ 30 หรือลดลด 4 อันดับจากปี 2021 เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ

คะแนนระดับนี้ทำให้สหรัฐเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยที่บกพร่อง โดยThe Economist Intelligence Unit ให้เหตุผลว่า สหรัฐมีปัญหา ไล่เลียงมาจากวัฒนธรรมทางการเมืองที่ตกต่ำจากความแตกแยก จนไปถึงเรื่องธรรมาภิบาล แม้ว่าจะมีประชาธิปไตยที่บกพร่อง แต่สหรัฐจะยังคงมีการเลือกตั้งที่เสรี และยุติธรรม รวมท้ังประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ

ความจริงแล้วจะบอกว่าสหรัฐมีประชาธิปไตยที่บกพร่องไม่ถูกต้องเลยทีเดียว เนื่องจากในระบบ2พรรคการเมืองของสหรัฐที่มีพรรครีพับรีกันและพรรคเดโมแครตไม่ได้มีความแตกต่างอะไรโดยท้ังในเรื่องอุดมการณ์ นโยบาย หรือแนวทางการบริหารประเทศ เพราะว่าต่างก็มีผลประโยชน์ร่วมกันในการดูแลผลประโยชน์ของพวก Military Industrial Complex ที่ก่อสงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุด และพวกแบงค์เก้อร์ที่เป็นตัวแทนของวอลล์สตรีทที่สร้างระบบหนี้ที่ไม่มีวันชดใช้หมดให้กับท้ังรัฐบาลกลาง และสังคมอเมริกัน ทำให้ชนชั้นกลาง และชนชั้นล่างอเมริกันนับวันจะถูกทอดทิ้งข้างหลังให้เผชิญกับความแร้นแค้นทางเศรษฐกิจ

เบื้องหลังรัฐบาลสหรัฐยังมีรัฐลึกควบคุมอยู่

นายโรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี้ จูเนียร์ หลานชายของอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเพื่อเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ได้กล่าวว่า: “เราต้องกำจัดการควบคุมรัฐบาลโดยพวกบริษัท ประชาธิปไตยของเรากำลังพัฒนาไปเป็นอำนาจเงินตราของบริษัท เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐบอกคนอเมริกัน30ล้านคนว่า กำลังจะโดนตัดคูปองอาหารไป 90% คนอเมริกัน15ล้านคนถูกยกเลิก Medicare เดือนมีนาคม รัฐบาลให้เงิน $300 ล้าน ให้กับธนาคารซิลิคอน แวลเล่ย์ และให้ยูเครน $113,000 ล้าน ในขณะที่คนอเมริกัน 57% ไม่มีเงิน $1,000 สำรองในกรณีฉุกเฉิน”
นอกจากนี้ สหรัฐมีการส่งออกประชาธิปไตยผ่านการก่อสงครามในประเทศต่างๆอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นสงครามเกาหลี เวียดนาม ยูโกสลาเวียอัฟกานิสถาน อิรัค ลืเบีย ซีเรียที่ผ่านมา เพื่อไปครอบครองทรัพยากรธรรมชาติ หรือสร้างอิทธิพลทางการเมือง ทำให้สหรัฐโดยเนื้อแท้เป็นจักรวรรดินิยมทางทหาร มากกว่าที่จะเป็นปราการของประชาธิปไตยโลก

จะเห็นได้ว่า การทำดัชนีประชาธิปไตยของ The Economist Intelligence Unit ให้คำนิยามของประชาธิปไตยตามเนื้อผ้าในเชิงแคบ โดยไม่มองโลกของความเป็นจริงว่า ประชาธิปไตยสหรัฐถูกใช้เป็นเครื่องมือของฝ่ายความมั่นคง ทหาร ธุรกิจ และการเงินที่ชักใยนักการเมืองให้บริหารประเทศเพื่อผลประโยชน์ของรัฐลึก โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนส่วนรวม ทำให้การเลือกตั้ง หรือการมีส่วนร่วมของประชาชนในขบวนการทางการเมืองเป็นเพียงพิธีกรรมที่ฉวบฉวย หาสาระไม่ได้เท่านั้น

ดัชนีประชาธิปไตยของ The Economist Intelligence Unit ให้คะแนนแคนาดา 8.88, ให้คะแนนเครือจักรภพอังกฤษ 8.28, ให้คะแนนออสเตรเลีย 8.71, ให้คะแนนนิวซีแลนด์ 9.61

ในกลุ่ม Five Eyes ที่ประกอบด้วยสหรัฐ แคนาดา อังกฤษ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งมีการแชร์ข้อมูลหรือข่าวกรองลับระหว่างกัน มีเพียงสหรัฐเท่านั้นที่มีประชาธิปไตยที่บกพร่องตามดัชนีประชาธิปไตย ส่วนที่เหลือเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยที่เต็มใบ

เรื่องนี้ช่างน่าขบขันเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าเป็นการให้คะแนนตัวเองสำหรับผู้ออกข้อสอบ โดย The Economist Intelligence Unit ที่มีตระกูลรอธไชด์ที่ทรงอิทธิพลทางการเงินที่สุดในโลกเป็นเจ้าของ

แคนาดาได้คะแนนประชาธิปไตยเต็มใบได้อย่างไรในเมื่อมีการจับตัวเหมิ่น หว่านโจว ลูกสาวผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเหว่ยของจีนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท้ังๆที่เธอไม่ได้ทำผิดกฎหมายของแคนาดา แต่สหรัฐสั่งให้แคนาดาจับกุมเหมิ่น หว่านโจวในข้อหาที่คลุมเคลือว่าเธอละเมิดกฎหมายแซงชั่นอิหร่านของสหรัฐ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมืองกับจีน ต่อมามีการปล่อยตัวลูกสาวหัวเหว่ยหลังจากการเจรจาลับระหว่างสี จิ้นผิง กับโดนัล ทรัมป์ โดยที่แคนาดาไม่ได้รับรู้ แค่เป็นสมุนรับใช้เท่านั้น

รัฐบาลแคนาดา โดยนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดมีการใช้มาตรการบังคับให้ชาวแคนาดาต้องฉีดวัคซีนทุกคน มีการประท้วงโดยสิงห์รถบรรทุกด้วยการปิดถนนหนทาง และถูกทางเจ้าหน้าที่แคนาดาใช้กำลังปราบปราม นอกจากนี้ ผู้ที่ให้เงินสนับสนุนผู้ชุมนุมประท้วงมาตรการวัคซีนถูกอายัติบัญชีธนาคาร ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง

ที่ตลกไปกว่านั้นคือดัชนีประชาธิปไตยให้คะแนนเครือจักรภพอังกฤษว่ามีประชาธิปไตยเต็มใบ ท้ังๆที่สก็อตแลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือจักรภพอังกฤษต้องการแยกตัวออกเป็นรัฐอิสระ มีการทำประชามติเพื่อแยกเป็นรัฐอิสระในปี 2014 อังกฤษทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางไม่ให้สก็อตแลนด์ได้อิสระภาพ เพราะว่าถ้าแยกตัวออกไป จะทำให้อังกฤษเสียผลประโยชน์อย่างมากเหลือคณา ปรากฎว่าคะแนนประชามติให้สก็อตแลน์คงอยู่ใต้อังกฤษต่อไป ท่ามกลางความแตกแยกอย่างรุนแรงในสก็อตแลนด์เอง สก็อตแลนด์เป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยเต็มใบ แต่ไม่มีอำนาจอธิปไตยหรือมีอิสระภาพ

ไอแลนด์เหนือ และเวลส์ก็ไม่พอใจนักที่ต้องอยู่ภายใต้เครือจักรภาพอังกฤษ รอวันประกาศเอกราช

ส่วนออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ไม่ต้องพูดถึงมีมาตรการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ร้ายแรงที่สุดในช่วงการควบคุมการระบาดของโควิด-19 เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียใช้มาตรการรุนแรงต่อผู้ประท้วงการล็อคดาวน์ที่ไม่สมเหตุสมผล ส่วนนิวซีแลนด์ล็อคดาวน์ท้ังเมืองเพียงแค่มีผู้ติดเชื้อไวรัสเพียงรายเดียว

พิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 สะท้อนให้เห็นว่าอังกฤษยังคงปกครองด้วยระบบราชาธิปไตยที่เหนียวแน่น มั่นคงโดยใช้ระบบประชาธิปไตยบังหน้า

สหรัฐและอังกฤษในฐานะผู้ชนะสงครามโลกคร้ังที่ 2 ได้สร้างระเบียบการเงินโลกใหม่ ผ่านการให้ดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก, ระเบียบเศรษฐกิจโลกใหม่ผ่านระบบทุนนิยมเสรีนิยม, และระเบียบการเมืองโลกใหม่ผ่านระบบประชาธิปไตย เพื่อความสะดวกในการครอบงำโลก

มีการสร้างค่านิยมของประชาธิปไตย โดยเน้นการมีส่วนร่วมในทางการเมืองของประชาชน การเลือกต้ัง ความหลายหลาก สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ผ่านสื่อและระบบการศึกษาที่กลุ่มแองโกลอเมริกันควบคุมเพื่อให้ชาวประชาทั่วโลกยอมรับว่าระบบประชาธิปไตยเป็นระบบการเมืองในอุดมคติที่ดีที่สุดในโลก หรืออย่างน้อยก็เลวน้อยที่สุดในโลก

สิ่งที่ตามมาคือประชาชนในประเทศต่างๆถูกชักจูงให้หันหลังให้กับระบบกษัตริย์ หรือระบบเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมที่เข้มแข็งอยู่แล้วในการรักษาความมั่นคงของชาติ แล้วไปรับเอาระบบประชาธิปไตย พร้อมกับเสรีนิยมทุนนิยมที่มาพร้อมกันเหมือนคู่แฝด ที่ดูเหมือนว่าดี แต่กลางเวลาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ระบบประชาธิปไตย+เสรีนิยมทุนนิยมสร้างแต่ความแตกแยก การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย การสร้างความเหลื่อมล้ำ สร้างความไร้เสถียรภาพทางการเมืองทำให้ง่ายที่มหาอำนาจจะเข้ามาแทรกแซงการเมืองภายใน

ประชาธิปไตยทำให้เกิดนักการเมือง และนายทุนพ่อค้าพันธุ์ใหม่ที่มุ่งสร้างผลประโยชน์ ความมั่งคั่งให้ตัวเอง ผ่านการเข้ามาแสวงหาอำนาจทางการเมือง และลดอำนาจของระบบการปกครองแบบดั้งเดิม โดยมีผลประโยชน์ร่วมกับทุนนอกผ่านขบวนการโลกาภิวัฒน์

Democracy Index Report 2022 ให้คะแนนประชาธิปไตยเต็มใบสูงสุดให้กับนอร์เวย์ ซึ่งเป็นประเทศในกลุ่มสแกนดินาเวีย นอร์เวย์มั่งคั่งจริง มีสวัสดิการทางสังคมสูงเพราะว่ามีทรัพยากรพลังงานที่อุดมสมบูรณ์ กองทุนมั่งคั่งของนอร์เวย์มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมากกว่า$1ล้านล้าน เพียงพอที่จะดูแลประชากรของตัวเองที่มี5ล้านกว่าคนให้กินอยู่อย่างสบายๆในอนาคต แต่นอร์เวย์ถูกกล่าวหาโดยนักข่าวที่มีชื่อเสียงนาย Seymour Hersh ว่าร่วมมือกับสหรัฐ ในการก่อวินาศกรรมระเบิดท่อก๊าซ Nord Stream 1, 2 ที่รัสเซียใช้ส่งก๊าซไปยังเยอรมันนี ทำให้นอร์เวย์ได้ประโยชน์จากการขายพลังงานราคาแพงกว่าให้ยุโรป นอร์เวย์ต้องได้รับผลกระทบที่ตามมาอย่างแน่นอนจากรัสเซีย

สวีเดน และฟินแลนด์ถูกจัดอันดับให้มีประชาธิปไตยเต็มใบเหมือนกัน แต่การสมัครเข้าเป็นสมาชิกของนาโต้ ซึ่งเป็นองค์กรความร่วมมือทางทหารของทั้งสองประเทศไม่ได้มีการทำประชามติล่วงหน้า แต่เป็นการขับเคลื่อนผ่านผู้นำทางการเมืองที่ได้รับอิทธิพลอีกทอดหนึ่งจากสหรัฐ หรืออังกฤษ ท่ามกลางความขัดแย้งทางทหารที่รุนแรงระหว่างนาโต้กับรัสเซียในสงครามตัวแทนที่ยูเครน แทนที่จะวางตัวเป็นกลาง สวีเดนกับฟินแลนด์กลับเลือกข้างไปอยู่กับนาโต้ ทำให้รัสเซียวางขีปนาวุธเล็งใส่ท้ังสองประเทศที่อยู่ดีๆ ก็เอาความมั่นคง หรือความปลอดภัยของประเทศไปเสี่ยงกับภาวะสงครามโดยที่ประชาชนไม่รู้เห็นเป็นใจด้วย

ความเป็นประชาธิปไตยของกลุ่มประเทศสแกนดินาเวียที่เป็นที่อิจฉาของคนทั่วโลกว่ามีรัฐสวัสดิการที่ดีที่สุด หรือมีระบบการปกครองที่สมบูรณ์ที่สุดต้องได้รับการตีความใหม่

เยอรมันนีได้คะแนนประชาธิปไตยเต็มใบหรือ 8.8 แต่เอาเข้าจริง เยอรมันนีเป็นประเทศที่ไม่มีอำนาจอธิปไตย เพราะว่ามีฐานทัพอเมริกันตั้งอยู่ และมีอาวุธนิวเคลียร์ของอเมริกันประจำการอยู่ ทำให้ไม่สามารถดำเนินนโยบายต่างประเทศหรือความมั่นคงที่เป็นอิสระได้ แม้ว่าเยอรมันนีจะเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของยุโรปก็ตาม

ส่วนฝรั่งเศสได้คะแนนประชาธิปไตยเต็มใบเหมือนกันที่ระดับ 8.07 ที่น่าสนใจคือนายแอมมานูแล มาครง ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสได้ออกมากล่าวเมื่อเร็วๆนี้ว่า ได้เวลาแล้วที่ยุโรปจะมีนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระ โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับผู้ใด เท่ากับว่านายมาครงยอมรับว่า ยุโรปที่มีประชาธิปไตยระดับสูงแท้ที่จริงแล้วเป็นขี้ค่าทางการเมืองของสหรัฐ

รัสเซียเป็นประเทศเผด็จการตามนิยมของดัชนีประชาธิปไตย เพราะว่าได้คะแนน 2.28 น้อยกว่ายูเครนที่ได้คะแนน 5.42 ท้ังๆที่ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียมีอำนาจเต็มเปี่ยมในการบริหารประเทศที่มีความมั่นคงสูง และมีเอกภาพภายในสูง ความแตกแยกน้อย ในขณะที่นายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี้ ผู้นำยูเครนเป็นแค่หุ่นเชิดของนาโต้ ต้องพึ่งพานาโต้ทางการเงินและอาวุธยุทโธปกรณ์เกือบ100% ได้นำพายูเครนสู่หายนะของสงครามโดยไม่มีการเจรจาสันติภาพ จนยูเครนอาจจะถูกลบออกจากแผนที่ได้ในอนาคต

เบลารุสได้คะแนนประชาธิปไตยต่ำสุดในยุโรปที่ 1.99 เพราะถูกมองว่าเป็นบริวารประเทศของรัสเซีย

จีนได้คะแนนประชาธิปไตย 1.94 หรือถูกมองว่าเป็นประเทศเผด็จการ ทั้งๆที่จีนกำลังก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลก โดยไม่ต้องพึ่งพาระบบประชาธิปไตย เพราะว่าใช้ระบบสังคมนิยม และมีพรรคการเมืองคือพรรคคอมมิวนิสต์เพียงพรรคเดียวที่สามารถสร้างจีนให้พ้นจากความล้าหลังและความยากจน

ในเวลานี้ เทคโนโลยีจีน ระบบอุตสาหกรรมการผลิตของจีน แสนยานุภาพทางทหารของจีนไม่เป็นรองใครในโลก ทำให้เห็นชัดเจนว่าประชาธิปไตยไม่ใช่ทางออกที่แท้จริงในการพัฒนาประเทศ

แน่นอนที่ได้คะแนนประชาธิปไตยต่ำสุดในเอเชียคือเมียนมาร์ เนื่องจากถูกแซงชั่นโดยตะวันตกมาตลอด และมีรัฐบาลทหารปกครอง

ส่วนไทย และประเทศอาเซี่ยนจะมีคะแนนประชาธิปไตยครึ่งใบเท่าๆกันในระดับ 6-7 คะแนน แต่มันไม่ได้บอกอะไรมาก เพราะว่าเอเซี่ยนต่างก็อยู่ภายใต้อิทธิพลของตะวันตกแทบทั้งนั้น ยกเว้นเมียนม่าร์ ลาว กัมพูชา

อินเดียได้คะแนน 7.04 ซึ่งสมน้ำสมเนื้อ แต่อินเดียมีอำนาจอธิปไตยเป็นของตัวเอง ไม่เหมือนญี่ปุ่นที่ได้ 8.33, เกาหลีใต้ที่ได้ 8.03, ไต้หวันที่ 8.99 แต่ไม่มีอำนาจอธิปไตยของตัวเอง เพราะดำเนินนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงตามใบสั่งของสหรัฐ

สำหรับ ตะวันออกกลาง หรือแอฟริกามีระดับประชาธิปไตยต่ำ และไม่ค่อยจะมีความมั่นคง เนื่องจากถูกลัทธิล่าอาณานิคมทำลายมาหลายร้อยปี หลังจากได้รับเอกราช ก็ถูกแบ่งแยกและปกครอง เกิดสงครามกลางเมือง สงครามระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมท้ังการแทรกแซงของมหาอำนาจ

ความจริงแล้วจะเอาประชาธิปไตยเป็นไม้บรรทัดมาวัดความศิวิไลของประเทศไม่ได้ เนื่องจากอำนาจอธิปไตย (Sovereignty) มีความสำคัญ หรือสูงกว่าประชาธิปไตย มีประชาธิปไตยแต่ไม่มีอำนาจอธิปไตยก็ไม่มีความหมาย เปรียบเหมือนขี้ข้าของผู้อื่น เช่นเยอรมันนี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้มีคะแนนประชาธิปไตยสูง แต่สอบตกเรื่องอำนาจอธิปไตย ส่วนจีน รัสเซียสอบตกคะแนนประชาธิปไตย แต่ได้คะแนนเต็มด้านอธิปไตยที่สามารถกำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง

ทุกวันนี้ เราเรียนรู้ หรือรับรู้ประชาธิปไตยเหมือนกับว่าเป็นเป้าหมายที่ต้องเดินทางไปให้ถึง หรือเป็นจุดจบด้วยตัวมันเอง ความจริงแล้ว ประชาธิปไตยที่ไม่ให้ความสำคัญของจารีตประเพณีเป็นอุปสรรคของการไปสู่ธรรมาธิปไตยที่เป็นระบบการปกครองในอุดมคติ

ธรรมาธิปไตย คือถือธรรมเป็นใหญ่ ถือความจริง ความถูกต้อง ความดีงาม ความยุติธรรม การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ การไม่เบียดเบียนกัน การไม่ประสงค์ร้ายต่อกัน การไม่ทำสงครามฆ่ากัน

จะเห็นได้ว่าประเทศที่อ้างประชาธิปไตยส่วนมากจะไม่มีธรรมาธิปไตย ที่ต้องไปควบคู่กับอำนาจอธิปไตย เมื่อไม่มีธรรมาธิปไตยในท้ายที่สุดจะนำมาซึ่งความเสื่อม

ประเทศไทยดั้งเดิมดีอยู่แล้วที่มีระบอบกษัตริย์ที่หวงแหนในอำนาจอธิปไตยของชาติ และมีเป้าหมายที่จะนำพาสังคมไทยไปสู่ธรรมาธิปไตย แต่ถูกรัฐประหารให้อ่อนแอลง มีการนำเอาประชาธิปไตยมาใช้ เพื่อควบคุมไทยให้อยู่ในระบบโลกที่ถูกวางกฎเกณฑ์เอาไว้แล้ว

ประชาธิปไตยกลายเป็นตัวถ่วง หรือเป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนาสังคมไทยไปสู่สังคมอุดมคติของธรรมาธิปไตย

ถ้าจะวัดกันให้ถูกต้อง ต้องใช้ดัชนีอำนาจอธิปไตย หรือดัชนีธรรมาธิปไตยถึงจะถูกในการวัดความเป็นประเทศที่สมบูรณ์มีสง่าราศี แทนที่จะใช้ดัชนีประชาธิปไตยที่ฉาบฉวย และเต็มไปด้วยความบกพร่อง แต่โดยเนื้อแท้เป็นเครื่องมือของชาติตะวันตกที่จะแบ่งแยกและปกครองโลก 

ในท้ายที่สุด เมตตาธรรมจะเป็นเครื่องค้ำจุนโลก ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่ฉาบฉวย
กำลังโหลดความคิดเห็น