xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : เจาะเบื้องหลัง “แอม ไซยาไนด์” ทำไมต้องฆ่า - ถอดรหัสอำมหิตฆาตกรต่อเนื่อง - “เคียฟ” ต่อสายถึง “ปักกิ่ง” บ่งบอก “ยูเครน” ใกล้แพ้?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 5 พ.ค.66 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ได้แก่
- เจาะเบื้องหลัง “แอม ไซยาไนด์” ทำไมต้องฆ่า
- ถอดรหัสอำมหิต ”แอม ไซยาไนด์” 
- เจาะพฤติ ย้อนตำนานกรรมฆาตกรต่อเนื่อง
- “เคียฟ” ต่อสายถึง “ปักกิ่ง” บ่งบอก “ยูเครน” ใกล้แพ้?

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.187



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 188 [5 พ.ค. 66] : เจาะเบื้องหลัง “แอม ไซยาไนด์” ทำไมต้องฆ่า - ถอดรหัสอำมหิต”แอม ไซยาไนด์” - “เคียฟ” ถึง “ปักกิ่ง” บ่งบอก “ยูเครน” ใกล้แพ้?

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชมที่กำลังรับชมสดทาง Sondhi App, Facebook, YouTube และ TikTok วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เป็นวันหยุดยาววันหนึ่ง หยุดตั้งแต่เมื่อวานนี้ วันที่ 4 และยาวไปจนถึงวันอาทิตย์ วันที่ 7 ไหนๆ ก็หยุดยาวแล้ว ท่านผู้ชมครับ ผมเป็นห่วงสุขภาพท่านผู้ชมมาก คราวที่แล้วผมพูดถึงเรื่องสเปรย์สมุนไพรที่มีส่วนผสมของสารสกัดมังคุด ซึ่งแก้อักเสบ และมีสารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ของฟ้าทะลายโจร สามารถจะตัดเชื้อไวรัสได้ ปรากฏว่าพูดออกไปอาทิตย์ที่แล้ว ก็มีคนสนใจสั่งเข้ามาเยอะพอสมควร หลายร้อยขวดเลย ของยังพอมีอยู่ ผมเรียนให้ทราบว่าต้องพกติดตัวไว้ สักคนละขวด คุณแม่พกขวดหนึ่ง คุณพ่อพกขวดหนึ่ง ไปไหนมาไหน ยิ่งวันหยุดอย่างนี้มีโอกาสไปเจอผู้คนเยอะ ฉีดเข้าคอ ป้องกันเอาไว้ก่อน


เวลากลับมาบ้าน ผมอยากให้ท่านผู้ชมทำเป็นกิจวัตรเลย เป็นพฤติกรรมที่คงที่ ก็คือว่าออกไปข้างนอก ไปเจอคนมาเยอะแยะ กลับมาบ้าน เอาฟ้าทะลายโจรของอาจารย์ปานเทพ รับประทานไป 4 เม็ด ตอนกลางคืน ก่อนนอน รับรองหลับสบาย พอเช้าถ้าไม่มีอาการ ก็ไม่ต้องทานแล้ว แต่ถ้ามีอาการก็แสดงว่าท่านผู้ชมเริ่มติด พอเริ่มติดก็ทานต่อไปเลย 4 เม็ด 4 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน ต่อกัน 5 วัน หายเด็ดขาดแน่นอน

อย่าลืมนะครับ ฟ้าทะลายโจร และสเปรย์สมุนไพร ป้องกันคออักเสบและมีสารสกัดของมังคุดแก้อักเสบ และมีสารแอนโดรกราโฟไลด์ของฟ้าทะลายโจร อย่างเข้มข้น ซึ่งอันอื่นที่เป็นสเปรย์ฉีดแก้อักเสบที่คอ แก้เจ็บคอ มีเฉพาะอันนี้ ราคาอาจจะแพงกว่าชาวบ้านเขา แต่ว่าปริมาณมากกว่าชาวบ้านเขาเท่าตัว คนอื่นเขาแค่ 15 ซีซี ของเรา 30 ซีซี

ถ้าท่านผู้ชมไปไหนมาไหน ถ้าระคายคอ หยิบสเปรย์พ่นเลย ผมเองก็พกสเปรย์ติดตัวไว้ พ่นตลอด กลับมาบ้านก็ทานฟ้าทะลายโจร


อีกเรื่องหนึ่งคือ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ซึ่งผมพูดมานานแล้ว "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" สอบถามกันเข้ามา มีของพร้อมแล้ว เอาไว้อีกสักพักหนึ่ง ผมจะเล่าถึงกระบวนการต่างๆ ของการที่ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ต้องผ่านมา เข้มงวดมาก แต่ว่าเราได้ผ่านกระบวนการทดสอบมาเรียบร้อยหมดแล้ว

ผู้ใหญ่อายุมาก คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณน้า ผมทานมาสองปีกว่า วันละซองๆๆ แก้ลมได้ชะงักมาก บริหารจัดการ สร้างความสมดุลกับธาตุต่างๆ ในร่างกายเรา ดิน น้ำ ลม ไฟ มันคือยาอายุวัฒนะ แล้วมันเป็นสูตรที่อยู่ในตำราหลวง ไม่ได้มโนขึ้นมาเพื่อมาทำขาย รับรองว่าไม่มีใครมีอีกแล้ว

ท่านผู้ชมครับ สินค้าทั้งหมดนี้สั่งซื้อได้ทางเว็บไซต์ sunherb.com หรือทาง Shopee, Lazada เสิร์ชคำว่า "สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์" หรือเข้าไลน์ (LINE) @Sunherb

อาทิตย์ที่แล้วผมได้เอาคลิปวิดีโออธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับปฏิมากรรม "นารายณ์ทรงสุบรรณอนันตนาคราช" มาแล้ว ท่านใดยังไม่ได้ชม ไปชมในเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เป็นงานศิลปะที่รวบรวมเอาครุฑ นาค และนารายณ์ เข้าด้วยกัน


เบื้องหลังเป็นการจัดสร้างผลงานปฏิมากรรม "นารายณ์ทรงสุบรรณอนันตนาคราช" นี้ เป็นความปรารถนาให้เป็นเครื่องเจริญสติ การทำหน้าที่ และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันของคนไทย โดยครุฑนั้นเปรียบดั่งชนชั้นนำ ผู้มีอำนาจ และข้าราชการ ส่วนองค์พระนารายณ์นั้น หมายถึง สถาบันอันสูงสุดของไทย อนันตนาคราช เปรียบได้เหมือนกับประชาชนทั้งประเทศ หากแต่ละภาคส่วนนั้นยึดถือเอาหน้าที่ในการพัฒนาประเทศชาติให้เกิดความผาสุก ทำหน้าที่ของตนเองอย่างซื่อตรง ให้เกิดความยุติธรรมที่เท่าเทียมกัน ร่วมแรงร่วมใจโดยยึดเอาประชาชนของชาติเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตัวเพียงคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งตามแนวคิดผลงานปฏิมากรรมนี้ ย่อมจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งในการนำประเทศไทยของเราไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในโลกยุคใหม่ ท่านผู้ชมที่ต้องการจะสั่งจองหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่เฟซบุ๊ก inbox "artmulet artmuletofficial" IG : Artmulet, Line ID : @artmulet, เว็บไซต์ www.artmulet.com หรือสามารถจะโทรไปที่ วัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง ซึ่งจะเป็นแหล่งของการทำพิธีพุทธาภิเษกอันยิ่งใหญ่ โทรไปที่หมายเลข 092-557-7511


ท่านผู้ชมครับ วันอาทิตย์นี้ ถ้าไม่มีอะไรทำ แล้วอยากได้ความรู้ อยากจะให้แวะไปที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาจารย์ปานเทพ และเครือข่ายประชาสังคมกัญชา กัญชง เพื่อประชาชน จะออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า กัญชา กัญชง นั้นเป็นพืชที่มีประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจ อย่างแน่นอนที่สุด อย่าไปฟังคนบ้ามันมโน มันมโนด่ากัญชง กัญชา อย่างโน้นอย่างนี้ แต่ว่าที่ทำการของมัน ยังเปิดร้านขายกัญชาอยู่ คนสับปลับแบบนี้ท่านผู้ชมอย่าไปฟัง

การทำให้ประชาชนสามารถปลูกเพื่อพึ่งพารักษาตัวเองด้วยสมุนไพรกัญชา กัญชง ในครัวเรือน จะช่วยลดการใช้ยาแพทย์แผนปัจจุบัน ลดความเสี่ยงได้หลายโรค อีกทั้งยังมีบทบาทในการลดปัญหายาเสพติดที่รุนแรงอีกประการหนึ่ง และในปัจจุบัน มีผู้ที่เกี่ยวข้องกับกัญชา กัญชง สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไปแล้วนับหมื่นล้านบาท ถือได้ว่ากัญชา กัญชง เป็นความมั่นคงทางยาครัวเรือน และเป็นการสร้างเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ

เครือข่ายประชาสังคมกัญชา กัญชง เพื่อประชาชน ประกอบด้วย ภาคประชาชน ซึ่งมีแพทย์ หมอพื้นบ้าน เกษตรกร นักวิชาการ ผู้ประกอบการเกี่ยวกับกัญชา กัญชง เห็นว่าในช่วงเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญของภาคประชาชนในการกำหนดทิศทางการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างมียุทธศาสตร์ เพื่อทำให้นโยบายที่ภาคประชาชนต้องการบรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีเอกภาพ ดังต่อไปนี้ หนึ่ง เพื่อทำให้กัญชาไม่กลับไปเป็นยาเสพติดอีก สอง ทำให้ประเทศไทยได้มีกฎหมายระดับพระราชบัญญัติในการใช้ประโยชน์และการควบคุมกัญชา กัญชง อย่างเป็นระบบ ตลอดจนบทลงโทษที่เหมาะสม สอดคล้องกับข้อห่วงใยของประชาชน

ประการที่สาม เพื่อรักษาสิทธิของประชาชนในการปลูกกัญชา กัญชง เพื่อการพึ่งพาตัวเอง เพื่อความมั่นคงทางยาของครัวเรือน ประการที่สี่ เพื่อกำหนดการสร้างเครือข่ายประชาชนเพื่อความร่วมมือในการสร้างมาตรฐานและการตรวจสอบ ตลอดจนร่วมมือกับภาครัฐเพื่อบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่กระทำผิดในเรื่องกัญชา และกัญชง

ท่านผู้ชมครับ ที่ผมพูดมานี่ ไม่ได้แปลว่า "กัญชาเสรี" ไม่ใช่ ที่ออกมาบ้าบอคอแตก ตะโกนเสียงแหบว่าต่อต้านกัญชาเสรี คุณก็ต่อต้านไปสิ ผมไม่ได้เสนอให้กัญชาเสรี แต่ผมเสนอว่า ประชาชนควรจะมีสิทธิที่จะเข้าถึงต้นกัญชา พืชกัญชา สามารถปลูกที่บ้านได้ เพื่อเอาใบกัญชานั้นมารักษาโรค

ทั้งหมดนี้ ผมจะขอเชิญชวนพี่น้อง ผู้ป่วย ประชาชน ผู้ป่วยเกษตรกร ผู้ประกอบการแพทย์ หมอพื้นบ้าน และเครือข่ายกัญชา กัญชง ทุกเครือข่ายทั่วประเทศ ที่เห็นด้วยกับหลักการข้างต้น สามารถเข้าร่วมแถลงการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน ขอเรียนเชิญสื่อมวลชนเพื่อร่วมการแถลงการณ์และแถลงข่าว วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ วันมะรืนนี้ 7 พฤษภาคม 2566 ชั้น 2 ห้อง LA 201 ห้องอดุล วิเชียรเจริญ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จะเปิดลงทะเบียนตอนบ่ายสอง และแถลงการณ์เวลา 15.00 น. ขอเชิญทุกท่านนะครับ


ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์วันหยุดยาว เรื่องราวต่างๆ ผมก็สรุปมาประมาณ 2 เรื่อง ซึ่งเรื่องที่ผมสรุปแล้วเอาประเด็นต่างๆ มาชี้ให้ท่านผู้ชมเห็นนั้น หนีไม่พ้นเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อ "แอม" ฆาตกรฆ่าต่อเนื่อง เบื้องลึกเบื้องหลังจริงๆ เป็นอย่างไร เปรียบเทียบกับฆาตกรต่อเนื่องที่มีในต่างประเทศ ฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นผู้ชาย และฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นผู้หญิง มีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วผมจะถอดรหัสคดีฆาตกรต่อเนื่องระดับโลก แล้วหันมามองย้อนคดีของ "แอม ไซยาไนด์" แล้วผมจะพูดถึงข้อสังเกตเรื่องเงื่อนปมและผลกระทบคดีนี้ นั่นคือเรื่องแรก

เรื่องที่สอง ผมจะอัปเดตข่าวลือ/ข่าวจริง ของสงครามในยูเครน และรัสเซีย ท่านผู้ชมจำได้ใช่ไหมว่ามีการโทรศัพท์สายตรงจากกรุงเคียฟ ของนายเซเลนสกี ไปหาสี จิ้นผิง ผมให้คนของผมที่เป็นผู้สื่อข่าวที่ปักกิ่งไปค้นคว้าข้อมูลมาอย่างลึกซึ้ง สัญญาณสายตรงเคียฟ ถึงปักกิ่ง บ่งบอกอะไร ? บ่งบอกว่ายูเครนนั้นใกล้แพ้เต็มทีแล้ว

เจาะเบื้องหลัง "แอม ไซยาไนด์" ทำไมต้องฆ่า ?

ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์ที่ผ่านมา ประมาณอาทิตย์ สองอาทิตย์ ที่มีเรื่องของฆาตกรต่อเนื่อง คือ "แอม ไซยาไนด์" ผมนั่งฟังข่าว ดูข่าวแล้ว ผมอึ้ง และผมคิดว่าเรื่องนี้ถ้าผมไม่พูด ไม่ได้เด็ดขาด เพราะมันมีนัยเยอะเหลือเกิน คำถามคือ "แอม ไซยาไนด์" เป็นโรคจิตหรือเปล่า ? ซึ่งตอนนี้ทนายของ "แอม ไซยาไนด์" พยายามที่จะต่อสู้ว่า "แอม ไซยาไนด์" เป็นคนที่มีโรคจิต เพราะฉะนั้นแล้ว ก็อาจจะต้องยกโทษและเอาเข้าไปรักษาทางจิตก่อน ซึ่งผมจะชี้ให้ดูว่า "แอม ไซยาไนด์" ไม่ได้เป็นโรคจิต แต่เป็นฆาตกรที่ฆ่าคนเพื่อชิงทรัพย์ แล้วเป็นคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตมาก


สองสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวเรื่องนี้ตลอด "แอม ไซยาไนด์" วางยาพิษ เพื่อล้างหนี้ ชิงทรัพย์ ตอนนี้ ณ วันนี้ที่ผมพูดอยู่ มีผู้เสียชีวิตเยอะมาก สิบกว่าราย ที่ล้วนแล้วแต่มีลักษณะการตายคล้ายคลึงกัน ญาติผู้ตายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผู้เสียชีวิตทุกคนต่างรู้จักและมีความเชื่อมโยงกับคนที่ชื่อ "แอม"

"แอม" โดนตำรวจจับกุมไปตั้งแต่วันอังคารที่ 25 เมษายน ประมาณสองอาทิตย์ที่แล้ว โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการตำรวจกองปราบปราม ได้นำกำลังเข้าจับกุมนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พร้อมของกลาง คือขวดไซยาไนด์

ท่านผู้ชมครับ "แอม" สร้างปัญหา ตามหลักฐานของตำรวจแล้ว เป็นไปได้ว่าฆ่าคนมาตั้งแต่ปี 2558 แปดปีเต็มๆ การจับกุมเกิดขึ้นเพราะอะไร ? ทำไมถึงถูกจับกุม ? เพราะมีคนที่ชื่อ "ก้อย" หรือนางสาวศิริพร ขันวงษ์ อายุ 32 ปี เป็นเท้าแชร์ คือเป็นหัวหน้าแชร์ วงแชร์เขาตั้งแชร์ขึ้นมา คนที่วิ่งเต้นเพื่อเอาลูกแชร์เข้ามารวมกัน เขาเรียกว่า เท้าแชร์ สมมุติว่ามีคนสิบคน เอามาเล่นแชร์กันคนละหมื่น ก็เป็นแสนบาท คนที่เป็นเท้าแชร์จะได้เปียคนแรกเลย คือได้ 1 แสนบาท เข้ากระเป๋าตัวเอง ต่อมาก็เปียกันเดือนละครั้ง เปีย ก็คือมายื่นอัตราดอกเบี้ยว่าถ้าใครอยากได้ จ่ายดอกเบี้ยสูงเท่าไร แต่เท้าแชร์ไม่มีสิทธิ์แล้ว เท้าแชร์มีอยู่อย่างเดียวก็คือส่งแชร์ประจำเดือนไปให้ครบ 10 เดือน 10 ขา


คุณศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย เป็นเท้าแชร์ ตั้งวงแชร์ เป็นคนกาญจนบุรี เธอเกิดวูบหมดสติ เสียชีวิตเป็นปริศนา ตอนนั้นกำลังเดินทางไปปล่อยปลากับนางแอม ที่ท่าน้ำ แม่น้ำแม่กลอง บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เบื้องต้นนางแอม ไม่ยอมรับกับญาติของ น.ส.ก้อย ว่าอยู่กับ น.ส.ก้อย ก่อนเสียชีวิต แต่สุดท้ายฆาตกรจะทิ้งร่องรอยไว้ จนมุมด้วยหลักฐานจากกล้องวงจรปิดบริเวณท่าน้ำจุดที่เกิดเหตุ

ขณะที่สังคมและญาติของคุณก้อย สงสัยว่านางแอม กระทั่งแม่และพี่สาวของ น.ส.ก้อย ได้เข้าร้องทุกข์ต่อตำรวจกองปราบฯ ให้ช่วยตรวจสอบความผิดปกติเกี่ยวกับการเสียชีวิตของก้อย แล้วทางครอบครัวก้อย เชื่อว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรม โดยนางแอม ภรรยาของตำรวจระดับรองผู้กำกับในจังหวัดราชบุรี เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายดังกล่าว ต่อมาก็มีการตรวจสอบว่าในร่างกายของ น.ส.ก้อย มีสารไซยาไนด์อยู่


นอกจากนี้ ตำรวจยังตรวจพบสารไซยาไนด์ในรถของนางแอม บริเวณคอนโซลรถฝั่งคนขับ ไม่เท่านั้น ตรวจค้นบ้านพักนางแอม ก็พบสารไซยาไนด์อีกเช่นกัน

วันเดียวกันนั้น คือวันที่ 25 เมษายน 2566 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เรียกตำรวจภูธรภาค 7 ตำรวจกองปราบ และตำรวจท้องที่ ให้ตรวจสอบหลักฐานทั้งหมด หาความเชื่อมโยงทางคดี และหาหลักฐานการกระทำผิด ปรากฏว่ามีผู้เสียหายเข้าร้องเรียนว่าถูกนางแอม ผู้ต้องหาก่อเหตุฆาตกรรมในจังหวัดนครปฐม กาญจนบุรี ราชบุรี หลายราย ตำรวจได้เชิญญาติผู้เสียชีวิตมา 6 คดี มาสอบถามข้อมูล ขณะที่นางแอม ซึ่งเป็นผู้ต้องหา ปฏิเสธ แต่ตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐาน ในที่สุดศาลก็อนุมัติหมายจับ


ส่วนสารไซยาไนด์ที่พบในบ้านผู้ต้องหา หลังจากตำรวจเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ ก็พบแหล่งที่มาแล้วว่าสั่งมาจากที่ใด โดยนางแอม สั่งสารไซยาไนด์ผ่านช่องทางออนไลน์

ประเด็น หลังจากที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนใน 5 พื้นที่เกิดเหตุ ทั้งกาญจนบุรี นครปฐม เพชรบุรี อุดรธานี และราชบุรี เข้ามารายงานข้อมูลแล้ว แนวทางสืบสวนพบว่ามีคนที่เสียชีวิตนับสิบราย มีญาติสงสัยที่เกี่ยวพันกับนางแอม เพราะว่าลักษณะการเสียชีวิตคล้ายกับ น.ส.ก้อย โดยผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 มาจนถึงปัจจุบัน เมื่อกี้นี้ผมพูดถึงปี 2558 ซึ่งก็มีการเสียชีวิตเช่นกัน ซึ่งตำรวจกำลังไปรื้อคดีออกมาว่าเป็นกรณีเดียวกับนางแอม หรือเปล่า ซึ่งผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ และตำรวจที่ทำคดี ยืนยันว่า เกี่ยวพันกันอย่างแน่นอน

ยังมีอีกคดีหนึ่ง เกิดขึ้นในปี 2558 ตำรวจสืบสวนย้อนไปตรวจสอบตั้งแต่ปี 2558-2559-2560-2561-2562 เป็นต้นมา แปลว่าอาจจะมีเหยื่อฆาตกรรมต่อเนื่องที่ตกสำรวจอีกหลายรายปรากฏขึ้นเป็นได้


ท่านผู้ชมครับ การฆาตกรรมต่อเนื่องของ "แอม สรารัตน์" หรือ "แอม ไซยาไนด์" หญิงสาวชาวไทย อายุ 36 ปี ที่มีหลักฐานเชื่อมโยงเหยื่อหลายสิบรายนั้น ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามันเป็นเรื่องที่โด่งดังไปทั่วโลก เข้าข่ายกรณีฆาตกรรมต่อเนื่อง ฆาตกรรมซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากที่สุดกรณีหนึ่งของโลก ผมเอาข่าวคราวจากต่างประเทศมาให้ดู ผมเอาภาพจากรอยเตอร์มา ภาพจาก CNN มา และเอาจากภาพจาก Souht China Morning Post และมีเว็บไซต์ sohu.com ของจีน ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ใหญ่มาก มีคนเข้ามาดูนับร้อยล้านคน


ก่อนจะลงไปถึงรายละเอียดเหยื่อทั้งสิบกว่าคน เรามาทำความรู้จักกับประวัติย่อๆ ของ "แอม ไซยาไนด์" หรือชื่อจริง คือ สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ กันก่อน

"แอม" เกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2530 ปัจจุบันอายุ 36 นามสกุลเดิม คือ วังป่า จบการศึกษาจากสถาบันราชภัฏนครปฐม คณะวิทยาการจัดการ สาขานิเทศศาสตร์ ประชาสัมพันธ์ เขาเป็นอดีตภรรยาของ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ รองผู้กำกับ (สอบสวน) สภ.สวนผึ้ง ราชบุรี ซึ่งตามรายงานจากหลายสื่อระบุว่า "แอม" อ้างว่า เธอคือผู้มีส่วนช่วยผลักดันสามีจากตำรวจชั้นผู้น้อย สู่ตำรวจยศใหญ่ ถึงแม้ พ.ต.ท.วิฑูรย์ ตอนนี้จะพยายามกระโดดตัวยาวหนี "แอม" บอกว่าได้หย่าขาดกับ "แอม" ไปแล้วตั้งแต่ปี 2565 แต่เบื้องต้นตำรวจที่เข้าไปสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ พบว่าการหย่าขาดเป็นการแยกกันทางนิตินัยเท่านั้น แต่พฤตินัย ทั้งสองคนนี้ยังอยู่กันฉันผัวเมีย มีลูกกัน 2 คน ทางสืบสวนเชื่อว่า "แอม" ยังอาศัยการอ้างการเป็นภรรยาตำรวจแฝงเข้าสู่วงการต่างๆ ชักชวนคนทำบุญ เล่นแชร์ เมื่อรู้ว่าเหยื่อมีสถานภาพการเงินอย่างไร ก็จะวางแผนหลอกล่อไปเพื่อฆ่าทีหลัง


นอกจากนี้ การที่มีผัวเป็นตำรวจนั้น ถ้ามีคดีความหรือปัญหาทางการเงิน ก็จะพาสามีที่เป็นตำรวจนั้น ไปเพื่อข่มขวัญคู่กรณี

เรากลับมาถึงรายละเอียดของเหยื่อและการฆาตกรรมของ "นางแอม" กันต่อไป ผมเอาภาพไทม์ไลน์ก่อนเกิดเหตุขึ้นให้ดู ผมจะสรุป เรื่องนี้มีรายละเอียดซึ่งก้าวข้ามไม่ได้เลย เพราะรายละเอียดแต่ละเรื่องนั้นมันเป็นเส้นทาง และมันเป็นหลักฐานแวดล้อม และหลักฐานที่ประจักษ์ ที่สามารถจะมัดตัวนางแอมได้


ปัจจุบันตำรวจสรุปการที่เหยื่อไซยาไนด์ของ "แอม" มีอยู่ 16 ราย เสียชีวิต 15 ราย รอดชีวิต 1 ราย ประกอบด้วย

รายแรก คุณมณฑาทิพย์ ขาวอินทร์ หรือ ทราย เขาเกี่ยวข้องกับแอมอย่างไร ? เป็นเพื่อนสนิท กรณีนี้คาดว่าจะเป็นกรณีแรก เป็นเหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2558 พบว่าทรายเสียชีวิตที่บ้านพักแขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ทราย เป็นเพื่อนสนิทกับ แอม อาศัยอยู่กับแฟนที่ต่างประเทศ วันเกิดเหตุเธอกลับไทยมาคนเดียว โดยโทรบอกแม่ว่า แอม ไปรับที่สนามบิน ต่อมาถูกพบเสียชีวิตที่บ้านพัก ระบบหัวใจ-หายใจล้มเหลว หลังเสียชีวิตมีทรัพย์สูญหายไปเลย เป็นพระเลี่ยมทอง 1 องค์ สร้อยทองหนัก 3 บาท


นางลัดดา แม่ของคุณทราย มณฑาทิพย์ ที่เสียชีวิตไปเมื่อปี 2558 พอเห็นข่าวนางแอม ทำให้เธอฉุกคิดได้ว่าเนื่องจากนางแอม เคยสนิทกับทรายมาก่อน โดยแม่เปิดเผยว่า ลูกสาวตนไปใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพมหานคร มีความสนิทสนมกับแอม ชอบทำบุญ ซึ่งจะมีแอมไปด้วย ตลอดระยะเวลาที่คบเป็นเพื่อนกัน ลูกสาวคอยช่วยเหลือแอมในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเงินทอง หากแอมเดือดร้อนก็จะยื่นมือเข้าไปช่วย ซึ่งแอมมักจะเป็นคนที่ยืมเงินลูกตลอดเวลา ครั้งละประมาณ 5 หมื่นบาทขึ้นไป แน่นอนที่สุด เธอไม่เคยใช้คืนเลย

ล่าสุด ลูกสาวเดินทางกลับประเทศไทย นางแอมได้อาสาไปรับจากสนามบิน จากนั้นก็เสียชีวิต ตั้งแต่เสียชีวิตและฌาปนกิจศพลูกสาว นางแอมไม่เคยมาร่วมงานบำเพ็ญกุศล หรือเข้ามาแสดงความเสียใจเลย

หลังจากฌาปนกิจศพแล้ว คุณแม่ของผู้เสียชีวิตโทรศัพท์ไปหานางแอม ถามเรื่องทรัพย์สินของทราย แต่นางแอมพูดไม่ดี อ้างว่าสามีของลูกสาวตนให้นำไปประมูลขาย แล้วตัดสายทิ้ง


รายที่สอง นิตยา แก้วบุปผา หรือชื่อเล่นว่า นิด อายุ 36 ปี อาชีพโฟร์แมนคุมงานก่อสร้าง ความเกี่ยวข้องกับนางแอม คือ รู้จักกัน เสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2563 ห่างจากกรณีของทราย มณฑาทิพย์ ราว 5 ปี ผู้ตายรู้จักกับนางแอม โดยนางแอมมักจะมาหาที่ไซต์งานเป็นประจำ

เหยื่อรายนี้ได้พบเป็นศพที่หอพักแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม จากการชันสูตรชี้ว่าระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว ผู้ตายสนิทสนมกับนางแอม ร่วมกันกู้ยืมเงิน ค้ำประกันเงินกู้ ร่วมเล่นแชร์ และมีการนำรถไปจำนำ ได้เงินมาจำนวน 150,000 บาท ผู้ตายได้ออกไปทานข้าวกับนางแอม ก่อนจะเสียชีวิต เชื่อว่ามูลเหตุมาจากการกู้ยืมเงินและล้างหนี้สินระหว่างแอม กับผู้ตาย หรือประสงค์ต่อทรัพย์


เหยื่อรายที่สาม ท่านผู้ชมตั้งใจฟังดีๆ วิธีการที่นางแอมฆ่าเหยื่อแต่ละรายนั้นมันมีที่มาที่ไปทั้งสิ้น น.ส.สาวิตรี บุตรศรีรักษ์ ชื่อ หนิม อายุขณะเสียชีวิต 41 ปี ภรรยาตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกาฬสินธุ์ ความเกี่ยวข้องกับนางแอม ก็คือ เป็นผู้ร่วมเล่นแชร์ เป็นลูกแชร์ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 พบเสียชีวิตภายในบ้านพักที่จังหวัดมุกดาหาร เสียชีวิตขณะที่อยู่กับลูกคนแรก อายุ 3 ปี คนที่สองอายุ 1 เดือน สภาพภายนอกไม่พบบาดแผล รอยแผล แต่ริมฝีปากเขียวคล้ำ เล็บเขียว อุจจาระราด เพื่อนบ้านนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา น่าเสียดายสามีไม่ติดใจ ก็เลยไม่ได้มีการผ่าศพพิสูจน์

ทางการสืบสวนสามี เขาให้การว่า ผู้ตายรู้จักกับนางแอมตั้งแต่ปี 2560 มีการติดต่อกันในเรื่องค้าขายออนไลน์ ลงทุนแชร์น้ำมันพืช นางแอมได้ยืมเงินจำนวนหลายแสนบาทจากผู้ตาย เมื่อผู้ตายทวงถาม แอมก็ได้ส่งยาลดความอ้วนมาให้ผู้ตายในวันที่ 23 พฤศจิกายน ผู้ตายเสียชีวิตในอีก 2 วันต่อมา


รายที่สี่ น.ส.ดารณี เทพทวี ชื่อเล่น ฟ้า อายุขณะเสียชีวิต 34 ปี เกี่ยวพันกับนางแอมตรงที่เป็นผู้ร่วมเล่นแชร์ คือเป็นลูกแชร์นั่นเอง แชร์วงนี้ผมเรียกว่า "แชร์มรณะ"

วันที่ 13 ธันวาคม 2563 ภรรยานายตำรวจรายนี้ออกไปกินข้าวที่ตลาดสามพรานกับนางแอม ที่มารับถึงบ้าน กินข้าวได้ 20 นาที เธอมีอาการแน่นหน้าอก นางแอมพากลับมาส่งที่บ้านพัก และสิ้นชีวิต

จากการสืบสวนทราบว่าผู้ตายได้ให้นางแอมกู้ยืมเงินไป 5 หมื่นบาท และแม่ผู้ตายอีก 1 หมื่นบาท ลงทุนแชร์ด้วยกัน แต่โดนโกง มีการฟ้องร้องกัน ภายหลังผู้ตายชนะคดี นางแอมก็เลยฆ่าเพื่อล้างหนี้


รายที่ห้า นายสุรัตน์ พรทับ ชื่อเล่น บี อายุขณะเสียชีวิต 35 ปี ความเกี่ยวข้อง เป็นเพื่อนสมัยเรียนหนังสือ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2564 พบศพผู้เสียชีวิตที่ร้านกาแฟในอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ท้องที่ สภ.บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี แพทย์ลงความเห็นว่า เส้นเลือดหัวใจตีบ

จากการสืบสวนทราบว่าผู้ตายเป็นเพื่อนกับแอมตั้งแต่เรียนหนังสือ ต่อมาให้แอมยืมเงินจำนวน 6 หมื่นบาท พบหลักฐานการโอนเงิน รวมถึงการมีส่วนร่วมในการเล่นแชร์ด้วยกัน จึงเชื่อว่าเป็นสาเหตุที่แอมฆ่าเพื่อล้างหนี้


รายที่หก เป็นผู้หญิง เป็นตำรวจด้วย ร.ต.อ.กานดา โตไร่ ชื่อเล่น นุ้ย รองสารวัตรปราบปราม สภ.ไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ตอนเสียชีวิตอายุ 36 ปี เป็นผู้ร่วมเล่นแชร์ในวงแชร์ของแอม เสียชีวิตเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565 พบศพที่บริเวณหน้าห้างฯ โกลบอลเฮ้าส์ จังหวัดนครปฐม พนักงานสอบสวนตำรวจนครปฐมได้รับแจ้งว่าพบรถยนต์ชนเกาะกลางถนน ภายในรถพบศพ ร.ต.อ.หญิง กานดา แพทย์ชันสูตรลงความเห็นว่า หัวใจล้มเหลว

จากการสืบสวนพบว่าผู้ตายร่วมเล่นแชร์กับแอม พ่อผู้ตายให้การว่า ผู้ตายโทรมาบอกว่าจะออกไปซื้อทองกับแอม ก่อนขับรถกลับ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา


รายที่เจ็ด น.ส.รสจรินทร์ นิลน้อย ชื่อเล่น เจ๊น้อยผัก อายุขณะเสียชีวิต 39 ปี เกี่ยวพันกับนางแอมอย่างไร ? เป็นคนที่เล่นแชร์วงเดียวกับนางแอม เสียชีวิตวันที่ 10 สิงหาคม 2565 สภาพศพของ น.ส.รสจรินทร์ ใบรับรองแพทย์โรงพยาบาลสมุทรสาคร แจ้งว่า เลือดเป็นกรด เหตุเกิดขึ้นที่ตลาดมหาชัย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร โดยวันนั้นนางแอมขับรถมารับผู้ตายออกไปราว 1 ชั่วโมง แล้วกลับมาส่งที่ตลาดสดมหาชัย ผู้ตายมีของกินติดมือลงมาด้วย หลังจากรับประทานมีอาการชักเกร็ง และเป็นลม

ก่อนเกิดเหตุ น.ส.รสจรินทร์ (ผู้ตาย) เป็นผู้ร่วมเล่นแชร์กับนางแอม มีการส่งค่าแชร์ 1 งวด ก่อนเกิดเหตุหนึ่งวัน วันที่ 9 สิงหาคม แอมได้ยืมเงิน น.ส.รสจรินทร์ จำนวน 6 หมื่นบาท


รายที่แปด นางจันทรรัตน์ วงศ์ไกรสิน ชื่อเล่น จุ๋ม อายุขณะเสียชีวิต 43 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2565 ปีที่แล้ว เสียชีวิตที่โรงพยาบาลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี สภาพศพ โรงพยาบาลชะอำ แจ้งว่าเป็นภาวะหัวใจล้มเหลว มีความเกี่ยวข้อง คือ ปล่อยกู้ และให้นางแอมยืมเงิน

วันเกิดเหตุผู้ตายออกไปพบนางแอมที่ปั๊มน้ำมันใกล้บ้าน กลับบ้านมาในวันเดียวกัน จากนั้นสามีกลับบ้านมาพบผู้ตายนอนนิ่ง ไร้ลมหายใจ ก็เลยนำส่งโรงพยาบาล

นางจันทรรัตน์ (ผูุ้ตาย) ได้ร่วมกับแอม ปล่อยเงินกู้ โดยให้แอม 7 หมื่นบาท และให้แอมยืมเงินอีกต่างหาก 26,800 บาท


รายที่เก้า นางมณีรัตน์ พจนารถ ชื่อเล่น ครูต่าย อายุขณะเสียชีวิต 52 ปี เป็นเพื่อน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2565 พบครูต่ายเสียชีวิต ณ ตลาดบน ตำบลพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม

ทั้งนี้ นางมณีรัตน์ หรือ ครูต่าย (ผู้ตาย) รู้จักกับนางแอมมาได้ประมาณ 4 ปี นางแอม ซึ่งครูต่ายใช้ชื่อในไลน์เรียกขานว่า "แอม น้องหนุ่มโพธาราม" ยืมเงินครูต่ายมาทำธุรกิจตั้ง 278,000 บาท มีหลักฐานสลิปการโอนเงินที่ได้จากโทรศัพท์ครูต่าย




ตำรวจสอบสวนทราบว่า วันเกิดเหตุ ครูต่ายขับรถจักรยานยนต์ไปพบนางแอม ขากลับหน้ามืด แวะร้านค้าที่ตลาดบน พยานซึ่งเป็นแม่ค้า เล่าว่า ครูต่ายมาขอนั่งที่ร้าน แจ้งว่าหายใจไม่ออกสักพักหนึ่ง แล้วอาการเกร็ง น้ำลายฟูมปาก มีคนมาช่วยปฐมพยาบาล นำส่งโรงพยาบาลก่อนจะเสียชีวิต

คดีนี้มีหลักฐานการแชตนัดพบกันทางไลน์ก่อนเสียชีวิต มีหลักฐานการโอนเงิน เจตนาฆ่าเพื่อล้างหนี้สิน


คนที่สิบ น.ส.กะณิกา ตุลาเดชารักษ์ ชื่อเล่นว่า เอ๊ะ อายุขณะเสียชีวิต 45 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2565 เกี่ยวข้อง เป็นเพื่อนกันในช่องทางโซเชียล

คุณเอ๊ะ เสียชีวิตวันที่ 12 กันยายน 2565 เวลา 02.30 น. พบว่าเสียชีวิตในปั๊มน้ำมัน ปตท. โพธาราม จังหวัดราชบุรี รายงานการตรวจศพโรงพยาบาลโพธาราม แจ้งว่า มีภาวะเลือดออกในสมอง โดย น.ส.กะณิกา (ผู้ตาย) รู้จักกับนางแอมผ่านช่องทางโซเชียล

ก่อนเกิดเหตุหนึ่งวัน คือวันที่ 11 กันยายน 2565 น.ส.กะณิกา (ผู้ตาย) ได้ไปพบนางแอม โดยพานางแอมไปไถ่ถอนทองคำมูลค่ากว่า 210,000 บาท และปรากฏพบกล้องวงจรปิดที่ร้านทอง พบว่า น.ส.กะณิกา (ผู้ตาย) ได้นำเงินสดให้นางแอมไปไถ่ถอนทองคำ เมื่อไถ่ถอนทองคำแล้ว นางแอมก็ส่งทองคำให้กับ น.ส.กะณิกา (ผู้ตาย) มีหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดในร้านทองมัดแน่น


ภาพวงจรปิดในร้านทอง อันดับ 1 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2565 เวลากล้องวงจรปิด 08.44 น. ขณะที่นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ นางแอม และ น.ส.กะณิกา ตุลาเดชารักษ์ ผู้เสียชีวิต เดินเข้ามาภายในร้านทอง ซึ่ง น.ส.กะณิกา หยิบเงินออกจากกระเป๋าให้กับนางสรารัตน์ ก็คือภาพวงจรปิดที่ผมเอาขึ้นมาให้ดูมันพิสูจน์ว่านางแอมเกี่ยวข้องกับผู้ตายอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นแล้ว จะเห็นได้ชัดว่าภาพกล้องวงจรปิดที่ติดภายในร้านทอง ห้างทองอันดับหนึ่ง เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2565 นางแอม นำทองที่ได้จากการไถ่ถอนไปให้ น.ส.กะณิกา ตุลาเดชารักษ์ ใส่ไว้ในกระเป๋าที่ น.ส.กะณิกา นำติดตัวมาด้วย เดินออกจากร้านมาด้วยกัน

ต่อมา ในวันเกิดเหตุ วันที่ 12 กันยายน 2565 เอ๊ะ หรือ น.ส.กะณิกา ได้ไปพบนางแอมที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. โพธาราม ที่เกิดเหตุ มีพยานพบเห็นทั้งสองคนบริเวณนั้น จากนั้น เอ๊ะ (ผู้ตาย) ได้มานอนหมดสติที่หน้าร้านกาแฟของปั๊ม โดยที่นางแอมไม่นำผู้ตายส่งโรงพยาบาล และนางแอมได้ยกเลิกข้อความที่คุยกับ น.ส.กะณิกา (ผู้ตาย) และไม่ต้องเดาก็คงจะรู้ว่าทองคำที่ไถ่ถอนมา ก็หายไปด้วย


คือนางแอม ฆ่าคนที่ให้ยืมเงิน ฆ่าคนเพื่อชิงทรัพย์ ผมเข้าใจว่าทองคำนี้ นางแอมคงจะเอาไปจำนำ แล้วให้ น.ส.กะณิกา ไปไถ่ถอนคืน แล้วเอาทองคำคืนให้ น.ส.กะณิกา แล้วถือโอกาสฆ่าล้างหนี้ แล้วชิงทรัพย์ไปด้วย

คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดโทรศัพท์ยี่ห้อ หัวเว่ย รุ่น P10 Plus ของผู้ตายที่หายไปในวันเสียชีวิต ภายในรถของนางแอม ก็คือว่า คนตายแล้ว แต่ดันทิ้งโทรศัพท์ไว้ในรถของนางแอม เป็นหลักฐานที่มัดตัวอย่างแน่นหนาว่าผู้ตายอยู่กับนางแอมจนวินาทีสุดท้ายของการหมดลมหายใจ

(รูป) ภาพสร้อยคอทองคำจากโทรศัพท์มือถือของเอ๊ะ กะณิกา ตุลาเดชารักษ์ ซึ่งถ่ายไว้วันที่ 11 กันยายน เวลา 08.58 น.


รายที่สิบเอ็ด น.ส.ผุสดี สามบุญมี ชื่อ ครูอ๊อด อายุขณะเสียชีวิต 45 ปี เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน เป็นคนที่ร่วมเล่นแชร์ พบเสียชีวิตในบ้านที่จังหวัดนครปฐม หนังสือรับรองการตายระบุสาเหตุการตายว่า ระบบไหลเวียนโลหิต และระบบหายใจล้มเหลว และมะเร็งเม็ดเลือดขาว ครูอ๊อด หรือ น.ส.ผุสดี รู้จักกับนางแอม ได้ร่วมเล่นแชร์และทำธุรกิจหวย กู้เงิน รับจำนำรถด้วยกัน ต่อมา ก่อนครูอ๊อดเสียชีวิตหนึ่งวัน คือวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 ประมาณ 18.00-19.00 น. ครูอ๊อด หรือ น.ส.ผุสดี ได้ออกไปพบนางแอม นัดที่บริเวณตัวเมืองนครปฐม และกลับมาเจอญาติประมาณ 20.00 น. ซึ่ง น.ส.ผุสดี พูดว่าได้ไปเจอนางแอมมา พอเข้าบ้านนอนพักผ่อน เช้าวันที่ 20 พฤศจิกายน เวลา 05.30 น. ญาติก็พบว่า น.ส.ผุสดี (ผู้ตาย) นอนเสียชีวิตที่ห้องพัก

ญาติเล่าว่า นางแอมมักจะพาครูอ๊อดไปทำบุญและดูดวงเป็นประจำ ครูอ๊อดกำลังอยู่ในช่วงรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว หลังจากครูอ๊อดเสียชีวิต นางแอมกับสามีมางานศพ อ้างว่าครูอ๊อดติดเงินตัวเองจำนวนหลายแสนบาท และพยายามทวงเงินจากครอบครัวของครูอ๊อด


ครอบครัวครูอ๊อดเห็นผิดปกติ และท่าทางของแอมมีพิรุธ รวมทั้งสภาพการเสียชีวิตของครูอ๊อดด้วย ก็เลยเก็บตัวอย่างในตู้เย็น ขวดน้ำสมุนไพรที่ครูอ๊อดเคยบอกญาติว่าได้มาจากแอมไว้ในตู้เย็นตลอดปีครึ่ง จนกระทั่งนางแอมเป็นข่าวใหญ่ ตำรวจก็เลยมาเก็บตัวอย่างในตู้เย็นไปตรวจ และไม่มีน่าประหลาดใจ ได้พบสารพิษ ไซยาไนด์


คนที่สิบสอง คือนายสุทธิศักดิ์ พูนขวัญ ชื่อเล่น แด้ อายุขณะเสียชีวิต 35 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2566 พบการเสียชีวิตที่หอพักในจังหวัดอุดรธานี มีความเกี่ยวข้องคือ นายแด้ เป็นแฟนใหม่ของแอม

นายสุทธิศักดิ์ (ผู้ตาย) เป็นสามีใหม่ของนางแอม ไปทำธุรกิจปล่อยเงินกู้ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ก่อนเกิดเหตุหนึ่งวัน วันที่ 11 มีนาคม 2566 นางแอมเดินทางโดยเครื่องพาณิชย์จากกรุงเทพฯ ไปที่อุดรธานี มาพักกับนายสุทธิศักดิ์ (ผู้ตาย) ที่หอพัก อีกวันหนึ่งต่อมา วันที่ 12 มีนาคม 2566 ซึ่งเป็นวันเกิดของนางแอม สุทธิศักดิ์ (ผู้ตาย) และนางแอม พากันเดินทางไปทำบุญที่วัดในอำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ระหว่างไป นายสุทธิศักดิ์ (ผู้ตาย) จอดพักที่ปั๊มน้ำมันโคกสูง เพราะมีอาการวิงเวียนศีรษะ อาเจียน วูบหมดสติ


ต่อมาพยานที่เป็นพนักงานล้างห้องน้ำ ที่มาช่วย ให้การว่า แด้ (ผู้ตาย) พูดว่าอาเจียนตั้งแต่กินยาริดสีดวงที่แอมให้ไป แต่พอไปถึงโรงพยาบาล นางแอมก็บอกว่าไม่ต้องแอดมิต ให้กลับห้องพักที่อยู่ชั้นสอง ตอนนั้นอาการดีขึ้น เดินขึ้นห้องพักเองได้ ขึ้นไปกับนางแอม ซึ่งตำรวจเชื่อว่า น่าจะมีการเติมยาไซยาไนด์ให้ผู้ตายในช่วงนี้ เพราะนางแอมให้การว่า จังหวะลงมาซักผ้า พอกลับขึ้นไปนายแด้ก็เสียชีวิต

หลังจากนั้นตำรวจสืบสวนพบว่านางแอมกลับมาราชบุรี และนครปฐม และกลับไปพร้อมสามีที่เป็นตำรวจที่อยู่ด้วยกันปัจจุบันนี้ เพื่อไปขนทรัพย์นายแด้ (ผัวใหม่) เอารถไปสวมทะเบียนขาย และไล่ทวงหนี้ตามบ้านคน คือนายแด้ เขาปล่อยเงินกู้ตามบ้านคน แล้วแอมไปฆ่า เอารถสวมทะเบียนไปขาย แล้วก็เดินตามบัญชีลูกหนี้ของผัวที่ตายไปด้วยฝีมือตัวเอง ไปทวงหนี้ อำมหิต ลึกซึ้ง เหี้ยจริงๆ

แสดงว่ารองผู้กำกับสอบสวนที่เป็นผัวแอม ซึ่งอ้างว่าหย่ากันแล้ว คงต้องโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดแน่นอน


คนที่สิบสาม พ.ต.ต.หญิง นิภา แสนจันทร์ หรือ สารวัตรปู อายุขณะเสียชีวิต 38 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2566 พบว่าตายบริเวณลานองค์พระปฐมเจดีย์ นครปฐม มีความเกี่ยวพันทางการเงินกับนางแอม ชันสูตรศพแล้วพบว่าระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว และผลการส่งชิ้นเนื้อไปตรวจที่โรงพยาบาลรามาธิบดี พบสารไซยาไนด์

คุณนิภา (ผู้ตาย) และนางแอม รู้จักกันมาก่อน วันที่ 27 มีนาคม 2566 นางแอมได้ไปพบกับ พ.ต.ต.หญิง นิภา (ผู้ตาย) ที่บ้านที่นครปฐม คุณนิภาคุยส่วนตัวกับแอม โดยให้แม่ของตัวเองอยู่ที่บ้าน เข้าไปในห้อง ไม่ได้บอกว่าคุยเรื่องอะไร หลังจากนั้น วันที่ 27-31 มีนาคม 2566 แอมก็ติดต่อหา พ.ต.ต.หญิง นิภา โดยตลอด วันที่ 31 มีนาคม นิภาไปเบิกเงินสดจากสมุดธนาคารออมสินมา 110,000 บาท เข้าใจว่าคงจะเจรจาเพื่อขอยืมเงิน จากนั้น ช่วงเช้าวันที่ 1 เมษายน คุณนิภาออกไปพบนางแอมและโทรกลับมาบอกแม่ว่าจะซื้อข้าวมันไก่ที่องค์พระฯ มาฝาก จากนั้น พ.ต.ต.หญิง นิภา (ผู้ตาย) ขับรถวนมาด้านหน้าพระร่วง ลงซื้อดอกไม้จะมาไหว้แต่ยังไม่ทันไหว้ก็อาเจียน ชักเกร็ง และหมดสติไป


ส่วนเงินสด 110,000 บาท ที่มีเงินติดตัว 10,000 บาท หายไป ค้นที่บ้าน ค้นที่รถ ก็ไม่เจอ


คนที่สิบสี่ คือ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย อายุขณะเสียชีวิต 32 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2566 พบว่าเสียชีวิตที่ริมน้ำบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ความเกี่ยวข้อง เป็นเพื่อน และเป็นคนที่เล่นแชร์ด้วย คดีนี้เป็นคดีที่จุดชนวนให้นางแอมถูกจับ

ก้อย ศิริพร (ผู้ตาย) รู้จักและร่วมเล่นแชร์กับนางแอมในวันเกิดเหตุ ได้ไปพบกันและปล่อยปลา แต่เมื่อ น.ส.ศิริพร (ผู้ตาย) ล้มลง หมดสติ กล้องวงจรปิดจับภาพแอมที่มีพิรุธ และไม่ได้ให้การช่วยเหลือก้อยเลย


ผลการชันสูตรตรวจสอบการเสียชีวิต แจ้งว่าระบบหายใจ หัวใจล้มเหลว ซึ่งญาติติดใจการเสียชีวิต เนื่องจาก น.ส.ศิริพร มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง และมีความสงสัยเพื่อน คือนางแอม สรารัตน์ ที่เดินทางไปด้วยกันเพียงสองคนในวันที่เกิดเหตุ ขณะที่เกิดเหตุ นางแอมรีบเร่งเดินทางออกจากจุดเกิดเหตุ ไม่รอช่วยเหลือ ญาติผู้เสียชีวิตจึงมาร้องทุกข์ต่อกองปราบ

ผลการตรวจชันสูตรศพ พบมียาไซยาไนด์ในเลือด


คนที่สิบห้า คือ นายชายน้อย แจ่มจำรัส สาเหตุการเสียชีวิต ติดเชื้อในช่องท้องกับหลอดเลือดตีบ เหตุเกิดปี 2566 ในท้องที่ สน.บางขุนนนท์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล บก.น. 7 โดยกรณีนี้เจ้าหน้าที่กำลังทำการสืบสวนขยายผล


ขณะที่เหยื่อที่รอดชีวิตที่มีการเปิดเผยกันในขณะนี้ คือ นางกานติมา แพสอาด ชื่อเล่น ปลา อายุ 37 ปี เป็นคนที่เล่นแชร์กับนางแอม เป็นเหยื่อที่โชคดีมาก รอดชีวิต ปลา กานติมา รู้จักนางแอมเพราะเล่นแชร์ แล้วแอมมายืมเงินรวมๆ 250,000 บาท ได้เล่นแชร์กับนางแอมเพียงงวดเดียว ต่อมาวันที่ 23 กันยายน นัดเจอแอมที่ห้างโรบินสัน กาญจนบุรี และได้รับแคปซูลยาจากแอม บอกว่าเป็นยาแก้ไอ พอกินเข้าไป มีอาการแน่นหน้าอก แต่รถพยาบาลมารับตัวไปรักษาพยาบาลได้ทัน

ล่าสุด วันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดอุดรธานี กรณีแด้ ผัวใหม่ของแอม ได้อนุมัติหมายจับนางสรารัตน์ ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 12 คดี และน่าจะมีเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ

ยาวหน่อยครับท่านผู้ชม แต่ว่าเล่ารายละเอียดของการฆ่า ความเกี่ยวพันกัน แล้วท่านผู้ชมจะเริ่มเข้าใจว่าผมกำลังปูพื้นฐานต่อไปเพื่ออธิบายความให้มากกว่านี้

"ฆาตกรต่อเนื่อง" ระดับโลก ย้อนดู "แอม ไซยาไนด์"

ทีนี้ เรามาดูเรื่องของฆาตกรต่อเนื่อง ทั้งชายและหญิง ระดับตำนานของโลกเลย ถ้าพูดถึงระดับตำนานของโลกมันจะมีอยู่เจ้าหนึ่ง ท่านผู้ชมที่เคยติดตามหรือที่สนใจอ่านข่าวต่างประเทศจะเคยได้ยินชื่อ แจ๊ก เดอะ ริปเปอร์ (Jack the Ripper) เป็นฆาตกรต่อเนื่องชายในย่านลอนดอน ประเทศอังกฤษ ชอบฆ่าโสเภณีด้วยการปาดคอ คว้านท้องเอาอวัยวะภายในออกไป


อีกคดีหนึ่งคือ บุญเพ็ง หีบเหล็ก ฆาตกรต่อเนื่องซึ่งก่อเหตุในช่วงปี 2460 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เขามีรูปแบบการฆาตกรรมด้วยการใช้ของมีคมสังหารเหยื่อ แล้วหั่นศพเหยื่อใส่หีบเหล็กถ่วงน้ำ ถึงเรียกว่า "บุญเพ็ง หีบเหล็ก"


แต่ที่เกิดขึ้นมาหลังๆ ก็จะมีคนอย่างเช่น นายสมคิด พุ่มพวง เจ้าของฉายา "เดอะ ริปเปอร์" ของเมืองไทย ฆาตกรต่อเนื่อง 5 ศพ ที่ก่อเหตุฆ่าหญิงสาวหมอนวด นักร้อง อย่างโหดเหี้ยม หลังจากที่ติดคุกมาแล้ว 14 ปี ออกมาก่อเหตุซ้ำอีกในปี 2562


อีกคนหนึ่ง ชื่อ "นายไอซ์ หีบเหล็ก" อภิชัย องค์วิศิษฐ์ ทำไมถึงชอบฆ่าคนแล้วใส่หีบเหล็ก ? ฆาตกรฆ่าหญิงสาวอย่างน้อย 3 ศพ ตกเป็นข่าวโด่งดังในปี 2563 แถวๆ ฝั่งธนฯ


ในประเทศไทยจะมีฆาตกรต่อเนื่องเป็นชายเป็นหลักที่เป็นข่าว อาจจะไม่ได้ยินฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นผู้หญิงมากนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าประเทศไทยจะไม่มีฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นผู้หญิงไปเสียทีเดียว ล่าสุด กรณีของแอม สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ อายุ 36 ปี ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ สังหารเหยื่อนับสิบราย ใช้ยาพิษไซยาไนด์ ได้ฉายาว่า "แอม ไซยาไนด์" เธอน่าจะได้รางวัลที่หนึ่งในการฆ่าคน


กรณีทั้งหมดหากพิสูจน์ว่าแอมวางแผน จงใจลงมือสังหารเหยื่อจริง เธอจะต้องติดอันดับฆาตกรหญิงต่อเนื่อง เข้าข่ายว่ามีความอำมหิตติดอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว

ท่านผู้ชมครับ ฆาตกรต่อเนื่องมีพฤติกรรมอย่างไร ข้อมูลเว็บไซต์จากห้องสมุดสุขภาพจิตของกระทรวงสาธารณสุข อธิบายลักษณะของฆาตกรต่อเนื่อง หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Serial Killer อ้างคำนิยามโดยสำนักงานสอบสวนกลางของ FBI ของอเมริกา เขาหมายถึงว่า ฆาตกรที่ฆ่าคนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อตอบสนองความต้องการหรือความพึงพอใจทางจิตใจ โดยจะมีช่วงว่างเว้นระหว่างเหยื่อแต่ละราย ซึ่งต่างจากฆาตกรรมหมู่ ที่จะสังหารบุคคลหลายๆ คนในคราวเดียว (ก็คือฆาตกรต่อเนื่องจะฆ่าคนหนึ่ง แล้วทิ้งช่วงไว้ อีกสักเดือน สองเดือน ก็โผล่มาฆ่าอีกคนหนึ่ง หรือบางทีอาจจะหกเดือนฆ่าอีกคนหนึ่ง)


ตำรวจในต่างประเทศ ที่อเมริกา มีนักวิจัยที่ศึกษาความแตกต่างระหว่างฆาตกรต่อเนื่องหญิง และฆาตกรต่อเนื่องชาย เอาไว้อย่างน่าสนใจ คนทำงานวิจัยนี้ชื่อ มาริสสา เอ. แฮร์ริสัน (Marissa A. Harrison) และ ซูดาน เอ็ม. ฮิวจ์ (Susan M. Hughes) ผู้ชายที่เป็นนักวิจัยชื่อ จอร์แดน ก็อตต์ (Jordan Gott) ในปี 2562 พวกเขาทำงานวิจัย ชื่อ "ความแตกต่างระหว่างเพศในฆาตกรต่อเนื่อง" (Sex Differences in Serial Killers) ซึ่งเป็นการศึกษาข้อมูลกรณีฆาตกรต่อเนื่องในอเมริกาในห้วงระยะเวลาร้อยห้าสิบปีกว่า ตั้งแต่ พ.ศ. 2399-2552 แบ่งเป็น ข้อมูลฆาตกรต่อเนื่องเพศชาย 55 ราย ฆาตกรต่อเนื่องเพศหญิง 55 ราย ตีพิมพ์ในวารสาร Evolutionary Behavioral Sciences ฉบับที่ 13


งานวิจัยระบุรายละเอียดที่น่าสนใจมาก งานวิจัยระบุว่า "ฆาตกรต่อเนื่อง" หมายถึงฆาตกรที่จงใจฆ่าเหยื่อมากกว่า 3 คน โดยมีระยะเวลาว่างเว้นช่วงการฆ่าแต่ละคนอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ บทความนี้พยายามใช้กรอบแนวคิดจิตวิทยาวิทยาการ Evolutionary Phychology ในการทำความเข้าใจฆาตกรต่อเนื่อง โดยอธิบายตัวแบบผู้ล่า คือ Hunter ผู้เก็บเกี่ยว คือ Gatherer ของฆาตกรต่อเนื่อง

ข้อสรุป 4 ประการใหญ่เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างฆาตกรชาย และฆาตกรหญิง ที่ผมเห็นว่ามีความน่าสนใจ ข้อที่หนึ่ง ตามทฤษฎีวิวัฒนาการฆาตกรต่อเนื่องชาย เป็นผู้ล่า ในขณะที่ฆาตกรต่อเนื่องหญิง เป็นผู้เก็บเกี่ยว บ่อยครั้งที่ฆาตกรต่อเนื่องชายจะฆ่าคนแปลกหน้าที่ตนลอบมอง ฆาตกรต่อเนื่องชายจะชอบเดินทางออกไปไกลๆ เพื่อไปล่าหรือฆ่า

สอง ในทางตรงกันข้าม ฆาตกรต่อเนื่องหญิงจะฆ่าคนใกล้ตัว เพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในสถานที่คุ้นเคยหรืออาศัย อันเป็นไปตามวิวัฒนาการของมนุษย์ผู้ชายที่ออกไปล่าสัตว์มาเป็นอาหารบริโภค ขณะผู้หญิงเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ธัญญาหาร ประมาณกันว่า 95 เปอร์เซ็นต์ ของเวลาในประวัติศาสตร์ มนุษย์ใช้ตัวแบบผู้ล่า ผู้เก็บเกี่ยว เพื่อทำให้เกิดความอยู่รอดอย่างสูงสุด อันส่งผลถึงพฤติกรรมในปัจจุบัน


ข้อที่สาม ทั้งนี้ ฆาตกรต่อเนื่องหญิงจะฆ่าเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน ซึ่งเหมือนกรณีของแอม ขณะที่ฆาตกรต่อเนื่องชายจะฆ่าเพื่อการมีเพศสัมพันธ์ ฆาตกรต่อเนื่องชายฆ่าเป็นนักล่าเพื่อแสวงสุข โดยการลักลอบแอบมองเหยื่อที่ไม่คุ้นเคยเพื่อความสำราญใจทางเพศ ทำให้เหยื่อตื่นตระหนก กลัว ชอบเดินทางไกลเพื่อไปล่าเหยื่อ อาจจะมีพฤติการณ์ธรรมชาติและซาดิสม์ ทรมานเหยื่อ ทำให้เหยื่ออับอาย ทำให้เหยื่อเจ็บปวดมากก่อนจะลงมือฆ่า ก่อนจะลงมือข่มขืนเหยื่อแล้วฆ่า มีผู้หญิงอายุน้อยๆ ยังสาว มักจะเป็นเหยื่อของฆาตกรต่อเนื่องชาย

ฆาตกรต่อเนื่องหญิง เป็นผู้เก็บเกี่ยว โดยฆ่าคนคุ้นเคยและคนใกล้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่รู้จักดี ได้ดูแล มีความสัมพันธ์ด้วย ฆาตกรต่อเนื่องหญิง จะฆ่าแม้กระทั่งเด็กเล็กๆ หรือคนแก่ที่ตนเองเคยดูแลเลี้ยงดูอยู่ นอกจากนั้น ฆาตกรต่อเนื่องหญิงมักจะอาศัยอยู่ที่เดียวที่คุ้นเคย ไม่มีการลอบมองเหยื่อ ฆาตกรต่อเนื่องหญิงยังฆ่าสามีเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน เช่น ฆ่าเพื่อเอาเงินกรมธรรม์ประกันชีวิต แล้วไปแต่งงานกับผู้ชายคนใหม่ในภายหลัง ซึ่งมีข่าวอยู่ประจำว่าถ้าฆาตกรต่อเนื่องหญิงคนนี้ถูกจับได้ เพราะว่าฆ่าผัวมาแล้ว 4 คน ใครเป็นผัวเธอต้องตายทุกคน เลยมีการสงสัยว่าเป็นการฆ่าเพื่อหวังเงินประกัน

ข้อที่สี่ การศึกษาวิจัยชิ้นนี้เป็นการวิเคราะห์เอกสารจากข่าวที่เสนอในสหรัฐอเมริกา โดยเลือกข่าวฆาตกรต่อเนื่องหญิงมาจับคู่กับฆาตกรต่อเนื่องชายที่มีอายุไล่เลี่ยกันเมื่อเวลาลงมือฆ่า เพื่อให้เปรียบเทียบสถิติและตัวเลขได้


ท่านผู้ชมครับ ฆาตกรต่อเนื่องชายฆ่าคนแปลกหน้ามากกว่าฆาตกรต่อเนื่องหญิงถึงหกเท่า ในขณะที่ฆาตกรต่อเนื่องหญิงฆ่าคนคุ้นเคยเป็นสองเท่าของฆาตกรต่อเนื่องชาย ฆาตกรต่อเนื่องหญิงยังมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด การแต่งงานกับเหยื่อ คือเมียฆ่าผัว และยังพบว่าฆาตกรต่อเนื่องหญิงฆ่าคู่สมรสตัวเองมากกว่าฆาตกรต่อเนื่องชายเป็นสองเท่า ท่านผู้ชายครับ น่ากลัวนะครับ ทำอะไรก็ตามอย่าทำให้เมียต้องเสียใจ และเกิดอาการคลุ้มคลั่ง นี่ผมเตือนด้วยความหวังดี

ฆาตกรต่อเนื่องชายชอบลอบมองเหยื่อก่อนลงมือฆ่ามากกว่าฆาตกรต่อเนื่องหญิง และชอบออกไปฆ่าเหยื่อนอกรัฐที่เกิดเหตุ นอกสถานที่ นอกพื้นที่ ในรัฐต่างๆ ของอเมริกา เหมือนกับถ้าอยู่ราชบุรี จะไปฆ่าคนที่อุดรธานีก็ได้ นอกจากนี้ ฆาตกรต่อเนื่องชายยังมาจากชนชั้นเศรษฐกิจที่ต่ำกว่า ในขณะที่ฆาตกรต่อเนื่องหญิงมักจะมาจากชนชั้นกลาง ฆาตกรต่อเนื่องชายมีระดับการศึกษาที่ต่ำกว่าฆาตกรต่อเนื่องหญิงอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น บุญเพ็ง หีบเหล็ก ไม่เหมือนแอม ซึ่งเรียนจบปริญญาตรีราชภัฏนครปฐม


แรงจูงใจในการฆ่าของฆาตกรต่อเนื่องชายส่วนใหญ่ คือเพศสัมพันธ์ ขณะที่แรงจูงใจของฆาตกรต่อเนื่องหญิงคือ ผลประโยชน์ทางการเงิน ฆาตกรต่อเนื่องชายฆ่าเหยื่อเป็นจำนวนมากกว่าฆาตกรต่อเนื่องหญิง โดยมักฆ่าเหยื่อเพศหญิงมากกว่า ขณะที่ฆาตกรต่อเนื่องหญิงลงมือฆ่าได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ไม่สำคัญ ขอให้ได้เงินมา ได้รับผลประโยชน์

นอกจากนี้ ฆาตกรต่อเนื่องชายมักจะฆ่าผู้ใหญ่ แทบจะไม่ฆ่าเด็ก แตกต่างจากฆาตกรต่อเนื่องหญิงค่อนข้างมาก ที่จะฆ่าแม้กระทั่งเด็ก หรือแม้กระทั่งลูกของตัวเอง

ฆาตกรต่อเนื่องชายมีปัญหาสุขภาพจิตมากกว่าฆาตกรต่อเนื่องหญิง มักจะใช้วิธีการฆ่าโดยทำให้ขาดอากาศหายใจ ในขณะซึ่งฆาตกรต่อเนื่องหญิงใช้การวางยาพิษมากที่สุด กรณีของแอมนี่ตรงเป๊ะเลยกับงานวิจัยที่เขาทำมาแล้ว

วิธีการนี้น่าจะเกี่ยวโยงกับความแตกต่างทางธรรมชาติและความแข็งแกร่งทางร่างกายและสรีระระหว่างเพศชาย-เพศหญิง


ศาลมักจะพิพากษาประหารชีวิตฆาตกรต่อเนื่องชายมากกว่าฆาตกรต่อเนื่องหญิง อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดในการศึกษานี้จากอเมริกาไม่ได้เปรียบเทียบลักษณะนิสัยทางจิตวิทยาโดยตรง เพราะเป็นข้อมูลที่ไม่มีในข่าว ซึ่งในอนาคตควรศึกษาความแตกต่างระหว่างเพศของฆาตกรต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการฮอร์โมน หรือความเครียดทางเศรษฐกิจ หรือการทำงานของระบบประสาท

สำหรับประเทศไทยแล้วจะมีความแตกต่างระหว่างฆาตกรต่อเนื่องหญิง และฆาตกรต่อเนื่องชาย หรือไม่นั้น เป็นประเด็นที่น่าค้นคว้าศึกษาเช่นกัน หากมีจำนวนคดีหรือข่าวที่มากพอสำหรับการศึกษาวิจัย แต่เชื่อว่าน่าจะมีความคล้ายกันอยู่มากสำหรับความแตกต่างระหว่างเพศของฆาตกรต่อเนื่องชายและหญิงที่มีแรงจูงใจและวิธีการฆ่าที่แตกต่างกันค่อนข้างมากและชัดเจน โดยกรณีของแอมนี่ชัดเจน แอมฆ่าด้วยยาพิษ แต่ฆาตกรต่อเนื่องชาย ไม่ว่าจะเป็น บุญเพ็ง หีบเหล็ก หรือ ไอซ์ หีบเหล็ก ฆ่าด้วยอาวุธ และมีการข่มขืน

ประเด็น เบื้องต้นเมื่อพิจารณากรณี "แอม ไซยาไนด์" ซึ่งเป็นเหตุสะเทือนขวัญอย่างยิ่ง เพราะตั้งแต่ผมเกิดมาเจ็ดสิบกว่าปีมาแล้ว ไม่เคยได้ยินกรณีฆาตกรต่อเนื่องในประเทศไทยที่โหดเหี้ยมอำมหิต โดยมีการลงมือสังหารผู้คนมากมายขนาดนี้มาก่อน ก็เห็นว่าถึงปัจจุบันข้อมูลค่อนข้างจะสอดคล้องกับผลงานวิจัยของนักวิชาการในต่างประเทศเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างฆาตกรต่อเนื่องชาย และฆาตกรต่อเนื่องหญิง

ท่านผู้ชมครับ เหมือนอย่างที่ผมพูดไปว่ากรณีฆาตกรต่อเนื่องของแอม คนไทย ผู้หญิงอายุ 36 ปี ล่าสุดคือมีหลักฐานเชื่อมโยงเหยื่อหลายสิบรายนั้น เป็นเรื่องโด่งดังไม่เฉพาะในไทย ต้องถือว่าเป็นกรณีระดับโลก และน่าจะเข้าข่ายกรณีฆาตกรต่อเนื่อง ฆาตกรซ่อนเงื่อนที่ซับซ้อนมากที่สุดกรณีหนึ่ง

ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเราย้อนดูไป เป็นการยากที่จะระบุจำนวนคดีฆาตกรต่อเนื่องในโลกที่แน่นอน เนื่องจากหลายคดีตรวจไม่พบ หรือไม่ได้รับการรายงาน นอกจากนี้ ประเทศต่างๆ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอาจมีคำจำกัดความและเกณฑ์ที่แตกต่างกันสำหรับพฤติกรรมการเป็นฆาตกรต่อเนื่อง หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Serial Killers

ทั้งนี้ FBI หรือสำนักงานสอบสวนกลางของอเมริกา นิยามคำว่า "ฆาตกรต่อเนื่อง" คือ บุคคลที่ก่อคดีฆาตกรรมตั้งแต่สองคดีขึ้นไป


อย่างไรก็ตาม ตามข้อมูลที่อ้างอิงจากวิกิพีเดีย พบว่าอเมริกามีรายงานสถิติฆาตกรต่อเนื่องจำนวนมากที่สุดกว่า 3,200 คน ตามด้วยประเทศต่างๆ เช่น อังกฤษ แอฟริกาใต้ แคนาดา อิตาลี ญี่ปุ่น และเยอรมนี ผมจะยกตัวอย่างคดีดังของโลกให้ฟัง

คดีแรก ผมเคยพูดไปแล้ว คือตำนาน "แจ๊ก เดอะ ริปเปอร์" (Jack the Ripper) พ.ศ. 2431 เกิดคดีฆาตกรรมสยองขวัญต่อเนื่องตลอดสามเดือนในย่านอีสต์เอนด์ ของกรุงลอนดอน หญิงโสเภณีอย่างน้อยห้ารายถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมด้วยมีดชำแหละหั่นศพเหยื่ออย่างเหี้ยมโหด ฆาตกรได้ฉายาว่า "แจ๊ก เดอะ ริปเปอร์"


ทว่า ตำรวจอังกฤษในยุคนั้นไม่สามารถจับตัวคนร้ายและคลี่คลายคดีได้ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นตำนานปริศนาที่ยังคงเขย่าขวัญ ถูกเล่าขานไปทั่วโลก จัดว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ชั่วร้ายที่สุดคนหนึ่งในรอบ 135 ปี ที่ทิ้งให้เป็นปริศนาว่าใครเป็นคนฆ่า

คนที่สอง คือ นายซามูเอล ลิตเติล (Samuel Little) ฆาตกรต่อเนื่องโหดที่สุดของอเมริกา 7 ตุลาคม 2562 สำนักงาน FBI ยืนยันว่า นายซามูเอล ลิตเติล นักโทษวัย 79 ปี เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่สังหารเหยื่อมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ก่อเหตุฆาตกรรมมาแล้วถึง 93 ครั้ง ฆ่าคนตายมาแล้ว 93 ครั้ง ในรอบ 30-40 ปีที่ผ่านมา


FBI วิเคราะห์ ทำให้เชื่อได้ว่าคำสารภาพของนายลิตเติล เชื่อถือได้ เขาจำรายละเอียดส่วนใหญ่ได้แม่นยำ ถึงแม้จะจำวันเกิดเหตุไม่ได้ เขาจะเลือกเหยื่อที่อ่อนแอ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงผิวสี โสเภณี หรือคนติดยา นายลิตเติลไม่ได้มีวิธีสังหารที่แน่ชัด ไม่เหมือนกับแอม เหยื่อบางรายถูกวินิจฉัยว่าเสียชีวิตเพราะเสพยาเกินขนาด หรืออุบัติเหตุ บางศพยังหาไม่พบ


นายลิตเติลวาดภาพเหยื่อของเขา ซึ่ง FBI นำมาเผยแพร่ โดยหวังว่าจะสามารถระบุตัวตนของพวกเขาได้

สาม คดีน่าขนลุก "แม่ม่ายดำญี่ปุ่น" วางยาพิษเหยื่อต่อเนื่อง เธอชื่อ ชิซาโกะ คาเกฮิ (Chisako Kakehi) วัย 74 ปี ใช้สารพิษไซยาไนด์ฆ่าคน และถูกศาลตัดสินประหารชีวิต ตอนที่เธอถูกจับกุมเธอมีอายุ 67 ปี และในเวลาต่อมาถูกตัดสินว่าฆ่าคู่ชีวิต (สามีตัวเอง) เพื่อประสงค์ต่อทรัพย์สินเงินทอง ทำให้เธอกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง เธอถูกสื่อตั้งฉายาว่า "แม่ม่ายดำ" (Black Widow) เนื่องจากพฤติกรรมของเธอคล้ายกับแมงมุมแม่ม่ายดำตัวเมีย ที่จะฆ่าคู่ของมันหลังจากที่มีการผสมพันธุ์กันแล้ว


จิจิเพรส สื่อของญี่ปุ่น รายงานว่า ตลอดช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ชิซาโกะ คาเกฮิ ได้ผลประโยชน์รวมกันแล้ว 800 ล้านเยน ราวๆ 223 ล้านบาท จากเงินประกันและทรัพย์สินอื่นๆ ที่เธอได้รับหลังจากสามีและคู่รักของเธอทั้ง 7 คน เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ

2550-2556 หกปี นางชิซาโกะ คาเกฮิ ก่อเหตุฆาตกรรม ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าใช้สารพิษไซยาไนด์ร้ายแรงในต่างกรรมต่างวาระ ฆ่าผัวตัวเอง 4 คน อายุตั้งแต่ 70-80 ปี ทำให้สามี 3 คน เสียชีวิตจากปริมาณไซยาไนด์ในหัวใจ/เลือด แต่มีหนึ่งคนรอดชีวิตในปี 2556

พฤศจิกายน 2557 นางคาเกฮิ ถูกจับกุมที่เกียวโต ถูกศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตโดยการแขวนคอ เธออุทธรณ์คำพิพากษา อ้างว่าภาวะสมองเสื่อม คล้ายๆ กับคดีแอมตอนนี้ที่ทนายของแอมกำลังจะใช้หลักการดำเนินคดีต่อสู้คดีว่าสมองเสื่อม ในที่สุดศาลฎีกาแห่งโอซากาปฏิเสธคำอุทธรณ์ของเธอ และยืนยันคำพิพากษาประหารชีวิตในเดือนกันยายน

ผู้ที่ทำคดีของนางแอม ก็พูดชัดเจน หลังจากที่ตรวจสอบพฤติกรรมทุกอย่างแล้ว รวมไปจนถึงปรึกษากับจิตแพทย์ระดับเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยและนักวิจัย ทุกคนยืนยันว่านางแอมไม่ได้สมองเสื่อม สรุปง่ายๆ คือ นางแอมฆ่าเพราะโลภ ฆ่าเพราะทรัพย์สิน


ฆาตกรต่อเนื่องอีกรายเป็นคนญี่ปุ่น ชื่อ นางคานาเอะ คิจิมะ (Kanae Kijima) หรือที่รู้จักกันในนาม "แม่ม่ายดำแห่งยุคอินเทอร์เน็ต" เธอถูกตำรวจจับ และศาลพิพากษาว่าเธอมีความผิดฐานฆ่าคน 3 คน และอีก 1 คน พยายาม ปี 2553 เธอพบกับเหยื่อของเธอผ่านทางเว็บไซต์หาคู่ทางอินเทอร์เน็ต เธอมักจะสร้างภาพให้เป็นผู้หญิงไฮโซ มีรสนิยมค่อนข้างสูง ใช้เงินเป็นเบี้ย ประกาศว่าตัวเองอยากเป็นเจ้าสาวคนดีๆ สักคน

สาเหตุที่เธอมีข่าวดังทั่วโลก เพราะว่าแม่ม่ายดำคิจิมะ ใช้วิธีการต่างๆ ในการสังหารเหยื่อของเธอ โดยเธอแอบวางยานอนหลับ ปล่อยให้เหยื่อถูกรมควันพิษจากคาร์บอนมอนอกไซด์ในรถเช่า คือให้ผู้ชายกินยานอนหลับ แล้วก็เปิดคาร์บอนมอนอกไซด์ในรถเช่า เป็นวิธีที่คนญี่ปุ่นนิยมฆ่าตัวตายในขณะนั้น


สอง เธอใช้ยาไซยาไนด์ เหมือนที่แอมวางยาสามี แต่นี่เธอดุเดือดกว่าแอม บางกรณีเธอคอยจุดไฟเผาบ้านของผัวหรือเหยื่อขณะที่นอนหลับ

นางคิจิมะ ถูกตำรวจจับกุมในปี 2552 หลังจากเหยื่อรายที่สี่ อายุ 41 ปี รอดชีวิตจากการพยายามรมควันพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ในรถยนต์ เธอถูกตัดสินประหารชีวิตในปี 2555

วันที่ 1 พฤษภาคม 2555 ที่ครบรอบ 100 วัน การพิจารณาคดีของเธอ มีประเด็นหนึ่งที่เธอให้การไว้ในชั้นศาล สามารถสะท้อนตัวตนของเหตุจูงใจในการกระทำของเธอได้เป็นอย่างดี เธอบอกว่า "ฉันมีชีวิตหรูหรามาตั้งแต่เด็ก และฉันก็รับไม่ได้หากชีวิตจะตกต่ำลง เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดสำหรับฉันคือการหาใครสักคนที่สามารถช่วยเหลือฉันในเรื่องเงินได้" นี่คือคำกล่าวของเธอ


ยิ่งกว่านั้น ยังมีเรื่องแปลกแต่จริงของนางคิจิมะ จำคุกที่เมืองไซตามะ รออุทธรณ์คดี ระหว่างถูกจำคุกเธอยังแต่งงานกับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อายุ 60 ปี หลังจากทั้งคู่ติดต่อผ่านจดหมาย 10 ครั้ง

ในจดหมายครั้งที่ 11 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2557 เธอถามผู้ชายคนนั้นว่าจะเป็นคนรักของเธอได้หรือไม่ สองวันต่อมาเขาเขียนว่า "ตกลง" การแต่งงานได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 มีนาคม 2558

ควาามเป็นคนดังจากการเขียน เธอเขียนเรื่องของตัวเอง บันทึกประวัติตัวเอง พิมพ์เป็นหนังสือภาษาญี่ปุ่น เรื่อง "ครั้งหนึ่งของชีวิต" เขียนโดยนางคิจิมะ มีความเห็นจากคนอ่านที่ท้วงติงว่าเรื่องราวของเธอตั้งแต่เด็กถึงปัจจุบันที่อ้างว่ามาจากครอบครัวชั้นสูง จากฮอกไกโด เรียนสูงนั้น ไม่เป็นความจริง ในหนังสือเล่มนั้นนางคิจิมะโกหกว่า เธออาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมหรูในเขตนิชิ อิเคะ บูคูโระ ที่โตเกียว มีค่าเช่าสูงถึง 2 แสนเยน หรือประมาณ 5 หมื่นบาท ทุกเดือน ขับรถเบนซ์ที่เช่ามา นอกจากนี้ เธออ้างว่าพ่อของเธอเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยโตเกียว ส่วนเธอเป็นครูสอนเปียโน และผู้ประสานงานด้านอาหาร เล่าถึงนิสัยใจคอ ฉลาดแกมโกง ประสบการณ์ทางเพศ แต่หนังสือที่เธอเขียนนั้นกลับไม่มีเรื่องราวคดีก่ออาชญากรรมฆ่าเหยื่อ


อย่างไรก็ดี เรื่องที่น่ากังวลในโลกออนไลน์ คือการรับข้อมูลแบบซ้ำๆ อาจทำให้เกิดความชาชินต่อสถานการณ์ หรือจินตนาการพฤติกรรมต่อความรุนแรง หรือเกิดการเลียนแบบความโหด รุนแรง ของการฆาตกรรมที่จะเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว จากการเสพข่าวที่ขาดสติจนดูเหมือนความรุนแรงโหดร้ายอยู่ใกล้ตัวมาก

ท่านผู้ชมครับ สิ่งเหล่านี้สามารถนำไปสู่ความหวาดระแวงคนใกล้ชิดและคนรอบข้าง กลัวเหตุการณ์จะเกิดขึ้นกับตนเอง กลายเป็นความตระหนก ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล หรือมองเห็นการก่อเหตุใดๆ เช่นนี้เป็นต้นแบบ และใช้เป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาชีวิตของตัวเอง

ท่านผู้ชมครับ กรณีของ "แอม ไซยาไนด์" ล่าสุดผมได้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงที่เกี่ยวข้องในคดีนี้หลายคน เขาตั้งข้อสังเกตและรู้สึกกังวลเบื้องต้นเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนี้


ประเด็นแรก ประเด็นเรื่องราวอาการทางจิต ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่คิดว่าเข้าข่าย เพราะทุกกรณีสามารถเชื่อมโยงไปที่เรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สินและผลประโยชน์ เช่น วงแชร์ หวยใต้ดิน เงินกู้ จำนำรถ หรือไม่ก็เป็นการฆ่าล้างหนี้ที่ยืมมาจากคนตาย หรือไม่ก็ฆ่าเพื่อหวังทรัพย์สิน

ประเด็นที่สอง นอกจากไม่เกี่ยวกับอาการทางจิตแล้ว คดีนี้น่าจะมีผู้สมรู้ร่วมคิดเบื้องต้นด้วย อดีตสามีที่ปัจจุบันอ้างว่าหย่าแล้ว แต่ก็ยังอยู่ด้วยกัน คือ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ รองผู้กำกับ (สอบสวน) สภ.บ้านโป่ง ปัจจุบันถูกย้ายให้ไปปฏิบัติราชการศูนย์ปฏิบัติการภูธรราชบุรี อ้างว่าหย่ากันแล้ว แต่หลักฐานสำคัญที่มัดตัวก็คือ จากกรณีนายแด้ สุทธิศักดิ์ พูนวงษ์ อายุ 35 ปี คนราชบุรี ที่ไปประกอบธุรกิจปล่อยเงินกู้ที่อุดรธานี เสียชีวิตไป ทั้งๆ ที่อ้างว่าเลิกรากับ พ.ต.ท.วิฑูรย์ แล้ว แอมก็ไปได้แด้เป็นสามีใหม่ ซึ่งเพิ่งออกจากคุก ช่วงแรกนั้น แด้ สุทธิศักดิ์ ประกอบธุรกิจปล่อยเงินกู้ในแถบจังหวัดราชบุรี เพชรบุรี แต่ไม่มีลูกค้ามาก ต่อมาช่วง 2566 เลยไปปล่อยเงินกู้ที่อุดรธานี กับนายกอล์ฟ ลูกน้องที่เคยทำงานอยู่กับแอม


ต่อมา แอมได้แจ้งว่าท้องแล้วให้บอกใครๆ ว่าเชื่อว่าลูกแด้ แต่จากการสอบปากคำสามีที่เป็นตำรวจ เขาเชื่อว่าเป็นลูกของเขา เพราะสามเดือนที่ผ่านมาก่อนเกิดเหตุ แอมไม่เคยไปหาแด้ สุทธิศักดิ์ ที่อุดรฯ ส่วนสามีที่เป็นตำรวจนั้น ที่หย่านั้น หย่าแบบนิตินัย แต่พฤตินัยก็ยังคบกันอยู่

ที่น่าสงสัยคือการเสียชีวิตของแด้ สุทธิศักดิ์ แอมพยายามโทรสอบถามนายกอล์ฟตลอดว่าแด้มีผู้หญิงใหม่ไหม เพราะเงินให้มาน้อยลง และบอกว่าต้องจัดการ

หลังจากนั้นแอมเดินทางขึ้นไปที่จังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 11 มีนาคม 2566 วันถัดมา 12 มีนาคม วันเกิดของแอม ก็เลยไปทำบุญที่คำชะโนด มาถึงปั๊มน้ำมัน ปตท. หนองสหาย อำเภอหนองหาน อำเภอเมืองอุดรธานี แด้ เป็นลมฟุบ และพูดว่าอาเจียนเนื่องจากรับประทานยาริดสีดวงที่แอมให้ แต่พอไปถึงโรงพยาบาล แม้แพทย์จะพยายามบอกว่าให้นอนรอดูอาการที่โรงพยาบาล แต่แอมปฏิเสธ บอกว่าไม่ต้องแอดมิต ให้แด้กลับไปที่ห้องพักชั้นสอง อาการดีขึ้น แล้วเดินขึ้นห้องพักเอง และหลังจากนั้นนายแด้ก็ตายลงด้วยอาการเลือดออกจากปาก

หลังจากนายแด้เสียชีวิตแล้ว แอม สรารัตน์ เดินทางกลับมาจังหวัดราชบุรี แต่แล้วกลับไปพร้อมกับอดีตสามีที่เป็นตำรวจ คือ พ.ต.ท.วิฑูรย์ เพื่อไปขนทรัพย์สินของนายแด้ เอารถไปสวมทะเบียนขาย ทวงหนี้ตามบ้านคนที่นายแด้ปล่อยเงินกู้ นี่เป็นหลักฐานที่น่าจะบ่งชี้ได้ว่าสามีตำรวจที่อ้างว่าหย่าแล้วน่าจะสมรู้ร่วมคิดกับแอมอยู่ด้วย


สอง จากข้อมูลแล้ว พี่สาวแอมที่เป็นอดีตพยาบาลมากว่าสิบปี ก็อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้อง แม้แอมจะให้ปากคำโดยอ้างว่าพี่สาวไม่ถูกกัน เพราะเป็นพี่น้องคนละแม่ แต่ในหลักฐานการติดต่อกันทางโทรศัพท์นั้นพิสูจน์ได้ชัดว่าติดต่อกันตลอดเวลาไม่หยุดไม่หย่อน นอกจากนั้น ที่บ้านพี่สาวยังมียาต้านยาพิษไซยาไนด์ ที่ปกติแล้วไม่ควรจะมีเก็บเอาไว้ คนใช้ต้องใช้เป็น เพราะต้องละลายน้ำฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ซึ่งคนปกติไม่น่าจะทำได้เอง น่าจะเป็นบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้นที่สามารถดำเนินการฉีดยาต้านพิษไซยาไนด์เข้าร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นแล้ว พี่สาวของแอมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่น่าสงสัยมาก

ประเด็นที่สาม การใช้สารพิษไซยาไนด์ อย่างที่ทุกท่านน่าจะทราบแล้วว่าเป็นสารเคมีที่ออกฤทธิ์ได้รวดเร็วเมื่อเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เซลล์ใช้ออกซิเจนไม่ได้ ยับยั้งการหายใจระบบเซลล์จนอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต


ไซยาไนด์ เป็นสารเคมีที่มักนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตกระดาษ สิ่งทอ และพลาสติก ทอง จิเวลรี การทำขั้วโลหะ สามารถปนเปื้อนได้ทั้งอากาศ ดิน น้ำ และอาหาร

ท่านผู้ชมเชื่อไหม ตำรวจบอกว่า แอม สรารัตน์ มีความรู้ความสามารถ เก่งมาก เธอกำหนดปริมาณการใช้ไซยาไนด์กับเหยื่อได้เลยว่าจะสั่งให้ตายได้เมื่อไร ขนาดนั้นเลย เหยื่อบางคนอยากจะกลับไปตายที่บ้าน ยกตัวอย่างกรณี น.ส.นิตยา แก้วบุปผา เสียชีวิตที่หอพักในตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม วันที่ 22 สิงหาคม ปีที่แล้ว หลังกลับจากทานอาหารกับแอมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหยื่อบางคนเธอทำให้ตายข้ามวัน เหยื่อบางคนตายที่เกิดเหตุ อย่างกรณีก้อย ซึ่งตายที่ท่าน้ำตอนปล่อยปลา หรือกรณีนายแด้


กรณีก้อยนั้น แอมอาจจะไม่ได้ตั้งใจให้ตายที่ท่าน้ำทันที อาจจะเป็นปัจจัยทางด้านสุขภาพร่างกายของก้อย ทำให้เกิดอาการแบบปัจจุบันทันด่วน เจ้าตัวก็เลยรีบหนี และเรื่องจึงแดงขึ้นมา เหยื่อบางคนคาดว่าทำให้เกิดอุบัติเหตุ อย่างกรณีราย ร.ต.อ.หญิง กานดา โตไร่ สวป. สภ.ไทรโยค เสียชีวิตระหว่างขับรถกลับบ้าน เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม เลยกลายเป็นอุบัติเหตุไป

ประเด็นที่สี่ ซึ่งเกี่ยวโยงกับการหาและสั่งซื้อยาพิษไซยาไนด์ ซึ่งปัจจุบันมีความหละหลวมในการควบคุม เนื่องจากสามารถดำเนินการผ่านร้านค้าออนไลน์ ทั้งที่เป็นสารพิษร้ายแรง ทำให้หาต้นตอได้ยาก และ

ประเด็นที่ห้า ประเด็นช่องโหว่ของการชันสูตร คือเดิมทีพอมีคนตาย มี 2 กระบวนการ คือ หนึ่ง ชันสูตรในที่เกิดเหตุ กับ สอง ญาติติดใจ ขอให้ผ่าพิสูจน์ทีหลัง ถ้าไม่มีเหตุ หมอจะผ่าดูทั่วๆ ไปเฉยๆ ไม่ได้พูด ไม่ได้ดูเรื่องพิษ แต่ความจริงแล้วการตายผิดธรรมชาติควรต้องชันสูตรทั้งหมด ซึ่งต้องมีการแก้ไขว่าการตายธรรมชาติคือต้องนอนป่วย นอนโรงพยาบาลเท่านั้น ไม่ใช่หัวใจวายในขณะอายุยังน้อย อันนี้ถือว่าผิดปกติ ต้องชันสูตร

นอกจากนี้ ด้วยสภาพสังคมของไทยยังทำให้เกิดช่องโหว่อีก คือเวลาคนไปทำงานต่างจังหวัด ต่างพื้นที่ ญาติพี่น้องอาจจะไม่รู้ว่าคนตายรู้จักกับแอมไหม พออยู่ๆ ก็ตาย ก็อาจจะนึกว่าหัวใจวายตาย เลยไม่ได้ติดใจให้แพทย์ทำการชันสูตรศพ

ท่านผู้ชมครับ รายการของ "แอม" ฆาตกรอำมหิต โหดเหี้ยม เป็นรายการเดียวที่ผมเอารายละเอียดทุกอย่างมาลงให้ท่านผู้ชมทราบ จากการค้นคว้าของทีมงานผม และการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ กับคนที่ทำคดีนี้ แล้วเจาะลงไปในพื้นที่ต่างๆ เราก็เลยได้เรื่องราวของ "แอม ไซยาไนด์" อย่างละเอียดที่สุด ท่านผู้ชมไม่สามารถจะรู้เรื่องละเอียดอันใดมากเท่ากับมาฟังรายการนี้แล้วครับ

“เคียฟ” ถึง “ปักกิ่ง” บ่งบอก “ยูเครน” ใกล้แพ้ ?

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายของรายการในวันนี้ มันเกี่ยวพันกัน คือเรื่องหลักคือผมกำลังจะอธิบายรายละเอียดและเบื้องหน้าเบื้องหลังของการที่นายโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ยูเครน โทรศัพท์ไปคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผมกำลังจะเอาเบื้องหน้าเบื้องหลังมาเล่าให้ฟัง แต่เผอิญมันมีเหตุการณ์หนึ่งซึ่งเกิดขึ้น

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการปล่อยข่าวลือในสถานการณ์สงครามยูเครน ซึ่งหลายข่าวพูดถึงเรื่องความขัดแย้ง สภาพแวดล้อม และเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง ยกตัวอย่าง ต้นสัปดาห์ที่แล้ว สื่อทางตะวันตกรายงานช่วงที่ปล่อยออกจากทำเนียบขาว คือ นายจอห์น เคอร์บี้ โฆษกสภาความมั่นคง ออกมาบอกว่า สถานการณ์การสู้รบในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา มีทหารรัสเซียตายไป 2 หมื่น บาดเจ็บอีก 8 หมื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เมืองบัคมุต


แต่อย่างที่ผมอธิบายให้ท่านผู้ชมฟังว่า ในการรับข้อมูลข่าวสารนั้น เราต้องรู้เท่าทันสถานการณ์ในภาพรวมและวิเคราะห์ว่าใครมีจุดยืนอย่างไร ใครกำลังทำอะไร และมีจุดมุ่งหมายอย่างไร ไม่ใช่ว่าใครแถลงอะไร สำนักข่าวต่างประเทศเอามาลง ก็เชื่อถือไปเสียหมด เพราะสถานการณ์ที่ผ่านมาและข้อมูลเชิงลึกหลายๆ เรื่อง ยกตัวอย่างเช่น เอกสารลับที่หลุดออกมาจากเพนตากอน สถานการณ์ทางการเมืองภายในสหรัฐฯ ความขัดแย้งในหมู่ชาติยุโรปและสมาชิกนาโต (NATO) การเดินสายทางการทูตของชาติที่เกี่ยวข้อง บ่งชี้ว่ายูเครนนั้นอ่อนแรงลงมากแล้ว


เนื่องจากชาติตะวันตกที่สนับสนุนยูเครนให้เป็นหุ่นเชิดรบกับรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา และชาติยุโรป ต่างก็มีปัญหาภายในชาติของตัวเองที่รุมเร้าและพัวพันอยู่อย่างยากที่จะดิ้นหลุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเมืองภายใน ปัญหาเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ ราคาพลังงาน ราคาสินค้าเกษตร ปัญหาภาคการเงิน การคลัง งบประมาณ

ปัญหาในประเทศเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ชาติตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ หรือชาติยุโรป จะแก้ไขได้ภายในชั่วข้ามคืน ยังไม่ต้องไปพูดถึงว่าจะไปช่วยปลดปล่อยยูเครน หรือช่วยให้ยูเครนชนะสงครามกับรัสเซียได้

หลังวันแรงงานได้หนึ่งวัน คือวันที่ 2 พฤษภาคม ทำเนียบเครมลินได้แถลงจากกรุงมอสโก ออกมาปฏิเสธตัวเลขประมาณการของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการบาดเจ็บล้มตายของรัสเซียในยูเครน บอกว่าเป็นการประมาณการแบบยกเมฆ แล้วกล่าวด้วยว่า วอชิงตันไม่มีวันที่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง


ขณะเดียวกัน วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ว่ากองกำลังรัสเซียได้เปิดฉากโจมตีด้วยขีปนาวุธ และอาวุธระยะไกลที่มีความแม่นยำสูงทางอากาศและทางทะเลต่อศูนย์อุตสาหกรรมการทหารของยูเครน และเป้าหมายที่กำหนดทั้งหมดนี้ถูกโจมตีอย่างมั่นคง

สำนักข่าวอาร์ทีของรัสเซีย รายงานว่า แม้รัสเซียไม่ได้ระบุตำแหน่งที่ตั้งเป้าหมายที่เข้าโจมตี แต่สื่อของยูเครนระบุว่า ฝ่ายรัสเซียได้ใช้อาวุธไกลเข้าโจมตีในแคว้นเคียฟ ซูมี และ ดนิโปรเปตรอฟสก์ โดยเฉพาะที่แคว้นดนิโปรเปตรอฟสก์ ได้รับความเดือดร้อนสาหัสมากที่สุด และมีรายงานข่าวว่าเกิดระเบิดขึ้นที่ชานเมือง Pavlograd


คลิปที่เผยแพร่ออนไลน์ ซึ่งผมได้เห็นไปแล้ว ไม่ได้รับการยืนยัน เผยให้เห็นเหตุการณ์หลังการโจมตีในเมืองดังกล่าว เห็นได้ชัดว่าการโจมตีครั้งนี้ทำให้เกิดการระเบิดใหญ่ต่อมาเป็นครั้งที่สอง และยังติดตามมาด้วยการระเบิดขนาดเล็กอีกหลายระลอก

นายวลาดิเมียร์ โรกอฟ เจ้าหน้าที่อาวุโสของรัสเซียที่แคว้นซาโปโรซี เปิดเผยโดยอ้างอิงรายงานข่าวท้องถิ่นว่า การโจมตีเมือง Pavlograd ทำให้คลังเชื้อเพลิงและกระสุนของกองพลน้อย พลร่มที่ 46 ของยูเครน ที่กำลังเตรียมพร้อมจะปฏิบัติการตอบโต้รัสเซีย ถูกทำลายลงจนหมด


จากการเปิดเผยของหน่วยบริการฉุกเฉินของยูเครน การระเบิดใน Pavlograd สร้างความเสียหาย ทำลายบ้านเรือนถึง 80 หลัง อาคารกว่า 20 หลัง หน่วยบริการฉุกเฉินยังยอมรับว่า ศูนย์อุตสาหกรรมทางทหารของยูเครนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ที่สำคัญการโจมตีดังกล่าวทำให้การผลิตกระสุนและอาวุธของเคียฟหยุดชะงัก ตามรายงานข่าวของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย พร้อมระบุด้วยว่า กองทัพรัสเซียของสหพันธรัฐรัสเซียเปิดการโจมตีด้วยขีปนาวุธระบบแบบกลุ่มด้วยอาวุธที่มีความแม่นยำระยะไกล ทั้งทางอากาศและทางทะเลในพื้นที่อุตสาหกรรมการทหารของยูเครน แล้วยืนยันว่าเป้าหมายทั้งหมดถูกโจมตีอย่างราบคาบ

สื่อยูเครนรายงานว่า การโจมตีภูมิภาคเคียฟ ซูมี และ ดนิโปรเปตรอฟสก์ เห็นชัดว่าหลังประสบเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดโดยมีรายงานข่าวการระเบิดครั้งใหญ่ที่สุดที่ชานเมือง Pavlograd

คลิปวิดีโอที่ไม่ได้รับการยืนยัน ถูกเผยแพร่ทางเทเลแกรมแพลตฟอร์ม ให้เห็นผลพวงการโจมตีครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าการโจมตีทำให้เกิดการระเบิดอย่างต่อเนื่อง ตามด้วยการระเบิดย่อยๆ อีกหลายครั้ง ภาพที่มีอยู่แสดงให้เห็นกลุ่มควันสีขาวจำนวนมากในบริเวณนั้น โดยทั่วไปแล้วเกิดจากการระเบิดของขีปนาวุธเชื้อเพลิงแข็ง เช่น ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน


การโจมตีของรัสเซียในเมือง Pavlograd นั้นได้ทำลายคลังเชื้อเพลิงกระสุนของกองพลน้อยที่ 46 ของยูเครน ซึ่งเตรียมพร้อมสำหรับการตอบโต้ของยูเครน จนทำให้ได้รับความเสียหายอย่างราบคาบ

ปลายเดือนเมษายน หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ รายงานว่า อเมริกาประเมินว่ากองกำลังผสมยูเครนจะไม่สามารถรักษาอำนาจครอบครองทางอากาศได้ แม้จะให้กู้ยืมเครื่องบินรบเทพ F-16 ก็ไม่มีผลอะไร เพราะยูเครนไม่เหลือสนามบินมาตรฐาน ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุให้การบุกดินแดนรัสเซียครั้งต่อไปจะล้มเหลว ส่วนเครื่องบินขับไล่มิก-29 (MiG-29) ที่นาโตให้กู้ซากอะไหล่นั้น ด้อยกว่าเครื่องบินรบสมัยใหม่แบบรัสเซียอย่างมาก เพราะติดตั้งระบบเรดาร์และระบบขีปนาวุธที่มีเทคโนโลยีใหม่กว่า เครื่องบินรบ MiG-29 จะไม่สามารถเข้าใกล้แนวหน้าซึ่งมีระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียอย่างหนาแน่นสมบูรณ์อย่างมาก


โฆษกกองพลตะวันออกของกองทัพยูเครน ระบุว่า เฉพาะในแนวรบในเมืองมัคมุต ฝ่ายรัสเซียส่งทหารแวกเนอร์ ทหารท้องถิ่น ทหารรับจ้าง ทหารหน่วยรบพิเศษ ประจำการ 25,600 นาย รถถัง 65 คัน รถหุ้มเกราะ 450 คัน ปืนใหญ่ 154 กระบอก ระบบจรวดหลายลำกล้อง จำนวน 56 ชุด แสนยานุภาพแค่เมืองนี้ยังมากกว่ากองทัพของเชก หรือฮังการีเสียอีก

นายพริโกซิน หัวหน้านักรบแวกเนอร์ (Wagner) ได้เดินทางไปที่เหมืองใต้ดินที่เมืองโซเลดาร์ ห่างจากเมืองบัคมุตไปราว 10 กิโลเมตร เพื่อตรวจผลการยึดคลังแสงอาวุธขนาดใหญ่ที่มีความลึก 150 เมตร ยาว 5 กิโลเมตร คลังแสงเก็บกระสุน อาวุธ 28 คลัง พร้อมฐานซ่อมอัตโนมัติ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ขณะที่ฝ่ายสหรัฐฯ อังกฤษ นาโต และกองกำลังผสม พ่ายแพ้ในการรบที่นี่และเผ่นหนีไป ได้พยายามระเบิดคลังแสงแต่ไม่เป็นผล ทำให้ปัจจุบันหลงเหลืออาวุธยุทโธปกรณ์อยู่จำนวนมาก


ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กองทัพรัสเซียโจมตีทำลายศูนย์การขนส่งทางรถไฟ คลังแสงอาวุธอุตสาหกรรมทางการทหารของยูเครน ในเมือง Pavlograd แคว้นดนิโปรเปตรอฟสก์ ภาคกลางใกล้แนวหน้าเมืองบัคมุต ส่งผลให้คลังอาวุธนาโตกว่า 200 ตัน ที่ขนมาสะสมไว้หลายเดือน เตรียมไว้สำหรับบุกรัสเซีย กลายเป็นเศษเหล็กชั่งกิโลขายซาเล้ง ในจำนวนนี้มีระบบต้านอากาศยาน S3000 ที่ขนมาจากบรรดาชาตินาโต ยุโรปตะวันออก ถูกทำลายมากจนไม่เหลือสภาพซ่อมแซมได้ ระบบอาวุธนี้พร้อมลูกขีปนาวุธในฐานบัญชาการเมืองเคอร์ซอน ก็ถูกโจมตีด้วยโดรนพลีชีพของรัสเซีย พังเกลื่อนระเกะระกะเต็มไปหมด


ท่านผู้ชมครับ นี่คือเหตุการณ์ที่ผมวิเคราะห์ว่า นักลงทุนสงครามมาอย่างยาวนาน เชี่ยวชาญ มือโปรอย่างอเมริกา ย่อมมองออกว่าการลงทุนในสมรภูมิยูเครนกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ไม่คุ้มค่า และเสี่ยงสูงที่อาวุธของตนจะสต็อกต่ำ ไม่พอใช้ในการทำสงครามในทะเลจีนตอนใต้

การถอยห่างออกทีละน้อยโดยประกาศอย่างยิ่งใหญ่ว่าจะให้อาวุธเทพดีๆ แต่ปฏิบัติจริงจะถ่วงเวลา แล้วขายอาวุธยิงระยะสั้นที่เลิกใช้แล้วให้แทน คือสัญญาณว่าในทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาแล้ว ยูเครนได้ถูกลดความสำคัญลง อย่างไรก็ตาม ให้จับตาดูความขัดแย้งของประเทศฟินแลนด์ สมาชิกนาโตรายล่าสุด ที่มีพรมแดนติดชายแดนรัสเซีย อาจจะมาแรงแซงทางโค้ง ลัดคิวเพื่อนใกล้ชิดยูเครนอย่างประเทศโปแลนด์อย่างแน่นอนที่สุด

ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้เรามาพูดถึงเจรจาสายตรงระหว่างเคียฟ กับ ปักกิ่ง ผมสรุปว่า การพูดแบบนี้บ่งบอกถึงว่า ยูเครนใกล้แพ้แล้ว ผมเคยเล่าให้ท่านผู้ชมฟังหลายครั้งแล้วใช่ไหมว่า สงครามยูเครนที่ปะทุตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นสงครามที่กลายเป็นหมุดหมายสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์โลกครั้งใหญ่ในรอบกว่า 100 ปี มีนัยส่งผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การต่างประเทศ และการทหาร อย่างสูง รวมทั้งบ่งชี้ถึงความเสื่อมถอยทางอำนาจและการกำหนดทิศทางของโลกของมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกอย่างอเมริกาด้วย

ผมได้วิเคราะห์ให้ฟังแล้วในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 182 ออกอากาศเมื่อวันศุกร์ที่ 24 มีนาคม ชื่อเรื่อง "ถอดรหัส สี จิ้นผิง พบ ปูติน"


เดือนที่แล้วท่านผู้ชมจำได้ไหมว่าผมกล่าวถึงคำพูดระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กับรัสเซีย นายวลาดิมีร์ ปูติน ภายหลังการเลี้ยงอาหารต่ำที่กรุงมอสโก ในวันอังคารที่ 21 มีนาคม 2566 ระหว่างการเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีจีน เป็นเวลา 3 วัน (20-22 มีนาคม ที่ผ่านมา) เขาพูดคุยอย่างนี้ครับ ผมจะทวนให้ฟัง

สี จิ้นผิง บอกว่า ในเวลานี้ ณ วันนี้ กำลังมีการเปลี่ยนแปลง เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เราไม่ได้เคยพบเห็นมาเป็นร้อยปี และเรากำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยกัน แล้วพูดจบก็ยื่นมือขวาไปจับมือกับปูติน

วลาดิมีร์ ปูติน พูดตอบ ยกมือขวาของตัวเองจับมือสี แล้วยกมือซ้ายขึ้นประคองกระชับ บอกว่า ผมเห็นด้วย

ตอนนั้นผมพูดจาฟันธงไปด้วยว่า ภาพและประโยคสนทนาระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กับประธานาธิบดีปูติน จะถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ของโลกไปอีกนานแสนนาน โดยเป็นหลักฐานและสัญลักษณ์สำหรับของความพลิกผันและเปลี่ยนแปลงของขั้วอำนาจที่จะขับเคลื่อนและสร้างสมดุลทางอำนาจของโลกต่อไปในอนาคต

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ผ่านมาอีกแค่ 1 เดือน ได้เกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น บ่ายวันพุธที่แล้ว หรือ 26 เมษายน 2566 มีข่าวใหญ่ ซึ่งเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายเซเลนสกี ได้โทรศัพท์หารือกัน โดยผู้นำยูเครนเป็นฝ่ายที่โทรไปหาประธานาธิบดีจีน เนื่องจากประธานาธิบดีจีนพูดต่อสาธารณะในช่วงเดินทางเยือนรัสเซียว่า พร้อมจะหารือกับผู้นำยูเครนเมื่อสถานการณ์เหมาะสม


สิ่งที่น่าสนใจ ในทางการทูต เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เราต้องหัดสังเกตไว้ นายเซเลนสกี เป็นฝ่ายติดต่อไปทางผู้นำจีนก่อน ทิ้งระยะเวลานานเป็นเวลาหนึ่งเดือนหลังจากสี จิ้นผิง เยือนรัสเซีย ถ้าเราร้อยเรียงเหตุการณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน จะพบว่าการที่เซเลนสกีตัดสินใจโทรไปหาผู้นำจีนในจังหวะเวลาใกล้เคียงกับเหตุการณ์หลายอย่าง มีอะไรบ้าง ? เหตุการณ์ว่า หนึ่ง มีข่าวลือว่ายูเครนกำลังจะเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีกลับรัสเซียในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สอง ทว่ากลับมีข้อมูลข่าวกรองสหรัฐฯ รั่วไหลออกมาทางกระทรวงกลาโหม หรือเพนตากอน ว่าอาวุธของยูเครนกำลังจะหมดลงในเดือนนี้ คือเดือนพฤษภาคมนี้ สาม ผู้นำยุโรปหลายคนเดินทางเยือนจีน นายกรัฐมนตรีของสเปน นายเปโดร ซันเชซ ประธานาธิบดีแอมานุแอล มาครง ของฝรั่งเศส และ นาง Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และล่าสุด นางอันนาเลนา แบร์บอค รัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมนี


หลังจากเดินทางกลับจากเยือนจีน บรรดาผู้นำยุโรปมีท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่าง นายมาครง ถูกสหรัฐฯ พันธมิตรนาโต ถล่มอยางหนัก หลังจากเขาประกาศว่า ยุโรปต้องเป็นตัวของตัวเอง และฝรั่งเศสเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ ไม่ใช่ขี้ข้า

เมื่อผมอ่านต้นฉบับสุนทรพจน์ที่นายมาครงพูดเป็นภาษาฝรั่งเศส โดยใช้คำแรงว่า Vassal ซึ่งเป็นคำสมัยศักดินา มีทั้งในภาษาฝรั่งเศส และภาษาอังกฤษ ถ้าแปลอย่างตรงไปตรงมา Vassal มีความหมายถึงสมุน บริวาร ขี้ข้า แต่สำนักข่าวหลายแห่งเจตนาเลี่ยงความ ลดน้ำหนักคำพูดนี้ของนายมาครง โดยเปลี่ยนจากคำว่า ขี้ข้า เป็นผู้ตาม เท่านั้นเอง แท้ที่จริงแล้ว นายมาครง พูดคำว่า Vassal ก็คือ เป็นขี้ข้า


แม้แต่นาง Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และนางอันนาเลนา แบร์บอค รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ที่สนิทสนมกับอเมริกา และวิพากษ์วิจารณ์จีนมาตลอด ก็ยอมรับว่า ยุโรปไม่สามารถจะตัดขาดจากจีนได้


14 เมษายน นางอันนาเลนา แบร์บอค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี แถลงข่าวร่วมกับนายฉิน กัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ที่กรุงปักกิ่ง โดยการเดินทางไปของนางแบร์บอค มีขึ้นเพียง 1 สัปดาห์ ภายหลังการเยือนของประธานาธิบดีมาครง ของฝรั่งเศส และประธานกรรมาธิการยุโรป และดูเหมือนจะเป็นความพยายามจะบรรเทาผลกระทบจากการที่มาครงออกมาให้สัมภาษณ์ เรียกร้องให้ยุโรปทำตัวเป็นขั้วอำนาจที่สาม อย่ายอมเป็นลูกไล่ของอเมริกา


รัฐมนตรีต่างประเทศหญิงจากพรรคกรีน ซึ่งเดินทางไปจีนหนแรก ชี้ด้วยว่า การเยือนมอสโกของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เมื่อเร็วๆ นี้ สะท้อนให้เห็นว่าไม่มีประเทศไหนที่จะมีอิทธิพลต่อรัสเซียเท่ากับจีนอีกแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เชื่อมโยงด้วยกันกับเรื่องนี้ คือการเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการของประธานาธิบดียุน ซ็อก-ย็อล ของเกาหลีใต้ ในโอกาสฉลองครบรอบ 70 ปี การเป็นพันธมิตรระหว่างอเมริกา และเกาหลีใต้ การเยือนอเมริกาของประธานาธิบดีเกาหลีใต้มีขึ้ในช่วงเดียวกับที่ข่าวกรองในอเมริกา มีเอกสารลับรั่วไหลออกมาว่า อเมริกานั้นแอบดักฟังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีใต้


หนังสือพิมพ์ จุลอัง อิลโบ ของเกาหลีใต้ รายงานว่า เกาหลีใต้ได้บรรลุข้อตกลงที่จะให้อเมริกายืมกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มิลลิเมตร จำนวน 5 แสนนัด แทนการจำหนายกระสุน เพื่อกลบเกลื่อนว่า ไม่ให้ออกมาในภาพว่าเกาหลีใต้สนับสนุนอาวุธให้ยยูเครน โดยอ้างว่ากระสุนที่ยืน จะไปเติมคลังอาวุธของอเมริกาเท่านั้น

การเยือนอเมริกาของประธานาธิบดีเกาหลีใต้นั้น การแสดงออกและพฤติกรรมต่างๆ พิสูจน์ได้ชัดว่า เกาหลีใตนั้นก็คือบริวารของอเมริกา เพียงแต่ว่าเกาหลีใต้ยังระมัดระวังตัวในเรื่องของการจะถูกรัสเซียกล่าวหาว่าส่งอางุธให้กับยูเครน เพราะรัสเซียเคยพูดออกมาว่า ถ้าเกาหลีใต้ส่งอาวุธให้ยูเครนแล้ว เดี๋ยวรัสเซียจะส่งอาวุธที่พัฒนาแล้ว ทันสมัยมาก ให้เกาหลีเหนือบ้าง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ก็เลยต้องเลี่ยงไปว่า ให้อเมริกายืมลูกปืนไป

ประเด็น เมื่อลำดับพิจารณาเหตุการณ์ทั้งหมดจะพบว่านายเซเลนสกี ตอนนี้เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าจะมีชัยชนะในการโจมตีกลับรัสเซีย สอง เขาไม่มั่นใจว่าบรรดาชาติยุโรปจะสนับสนุนยูเครนอย่างเต็มที่ในสงครามยืดเยื้อมากกว่าหนึ่งปี สาม ยิ่งตอกย้ำข้อมูลข่าวกรองอเมริกาว่า ยูเครนเป็นฝ่ายที่เพลี่ยงพล้ำ และสูญเสียมากที่สุดในศึกครั้งนี้ ด้วยเหตุนี้เซเลนสกี ถึงต้องติดต่อไปหาสี จิ้นผิง เพื่อหาทางหนีทีไล่ ก็คือให้จีนเป็นตัวช่วยก่อนที่ยูเครนจะหมดหนทางสู้ และพ่ายแพ้อย่างราบคาบ

คำถามที่น่าสนใจ คือ สี จิ้นผิง กับ เซเลนสกี คุยเรื่องอะไรกัน ? จากข้อมูลที่มีการเปิดเผย ระหว่างการสนทนาระหว่างสี จิ้นผิง กับ เซเลนสกี ซึ่งใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ผู้นำจีนย้ำจุดยืนของจีนในหลายเรื่อง ข้อหนึ่ง จีนยืนยันว่ายืนข้างสันติภาพมาตลอด พร้อมสนับสนุนการเจรจาสันติภาพ จีนบอกว่าตัวเองไม่ได้ก่อวิกฤตยูเครน และไม่ได้มีส่วนร่วมในวิกฤต แต่ในฐานะที่เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จีนไม่ได้นิ่งดูดาย แต่จีนจะไม่สุมไฟความขัดแย้ง และจะไม่ใช้สถานการณ์เพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเอง สาม ไม่มีผู้ชนะในสงครามนิวเคลียร์

บทบาทวันนี้ของผู้นำจีน และสิ่งที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พูด สะท้อนสถานภาพของจีนในเวทีโลกที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับ 50-60 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ยุคผู้นำจีนรุ่นที่ 1 ของอดีตนายกรัฐมนตรี นายโจว เอิน ไหล


ซึ่งจีนดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว หลีกเลี่ยงที่จะข้องแวะกับความขัดแย้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับจีนโดยตรง มุ่งจะพัฒนาสภาพความเป็นอยู่ของประชาชน และเศรษฐกิจในประเทศ มาถึงยุคผู้นำรุ่นที่ 5 นายสี จิ้นผิง โดยเฉพาะหลังการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 เมื่อปีที่แล้ว (2565) จีนได้ประกาศจะดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบใหม่ คือแบบชาติใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ จีนเป็นตัวกลางประสานงานให้ซาอุดีอาระเบีย และอิหร่าน คืนความสัมพันธ์ทางการทูต


หลังจากนั้นแล้ว จีนก็พยายามเสนอแผนสันติภาพ 12 ข้อ บรรดาชาติตะวันตกที่กล่าวหาจีนตลอดว่ายืนข้างรัสเซีย ทำไมจีนไม่ประณามรัสเซียที่บุกยูเครน และเร่งเร้าว่าเมื่อไรสี จิ้นผิง จะคุยกับเซเลนสกี ซึ่งสี จิ้นผิง ให้คำตอบแล้วในระหว่างที่คุยกับเซเลนสกี ว่า จีนไม่ได้เป็นคนก่อวิกฤตยูเครนขึ้น และไม่ได้มีส่วนร่วมในวิกฤตนี้

จากประโยคดังกล่าว หากไม่ได้เป็นผู้ที่มีดวงตาที่มืดมิดหรือบอด ตกเป็นทาสตะวันตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา นายเซเลนสกี น่าจะใคร่ครวญคำพูดนายสี จิ้นผิง ได้ว่าใครกันแน่ที่สุมไฟความขัดแย้ง และใครกันแน่ที่ใช้สถานการณ์เพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเอง ทว่า ทุกอย่าง ทุกคนทราบว่า นายเซเลนสกี ก็คือนายเซเลนสกี

นายเซเลนสกี เขาพูดต่อว่า หลังจากคุยกับสี จิ้นผิง แล้ว เขาบอกกับผู้นำจีนว่า ไม่มีประชาชนชาติไหนต้องการสันติภาพมากไปกว่าชาวยูเครน แต่ว่าสันติภาพต้องมีความเป็นธรรม ยั่งยืน มี 3 เรื่อง ที่นายเซเลนสกี เสนอ ยูเครนต้องการดินแดนทั้งหมดกลับคืน ซึ่งเซเลนสกี และสี จิ้นผิง รู้อยู่แล้วว่ารัสเซียไม่ยอมแน่นอน สอง ให้จีนช่วยเจรจารัสเซียให้คืนตัวเด็กๆ ชาวยูเครน ที่ถูกนำตัวไว้ในดินแดนของรัสเซีย ฝ่ายยูเครนอ้างว่าได้ลักตัวเด็กชาวยูเครนไป 2 หมื่นคน เพื่อเป็นตัวประกันในสงคราม แต่รัสเซียบอกอพยพเด็กๆ เหล่านี้เพื่อให้รอดพ้นจากภัยสงคราม และเด็กๆ หลายคนได้รับการอุปการะจากครอบครัวชาวรัสเซีย สาม ขอให้จีนอย่าสนับสนุนอาวุธให้กับรัสเซีย


ข้อเสนอของนายเซเลนสกี มีข้อเดียวที่จีนตอบรับ คือ จีนยืนยันว่าจะไม่สนับสนุนอาวุธให้รัสเซีย ส่วนอีก 2 เรื่องนั้นทำไม่ได้ รัสเซียไม่ยอมแน่นอน

ท่านผู้ชมจะเห็นได้ว่าการพูดคุยระหว่างนายเซเลนสกี กับนายสี จิ้นผิง นั้น ก็คือนายเซเลนสกีไม่มีทางออก แต่เงื่อนไขนายเซเลนสกี ที่เสนอให้สี จิ้นผิง เอาไปเสนอปูตินนั้น ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ การที่จะให้รัสเซียคืนแผ่นดินทั้งหมด เช่น แหลมไครเมีย หรือภูมิภาคดอนบาส ซึ่งรัสเซียเขาตอบมาชัดเจนว่า ไครเมียนั้น คนรัสเซียพักอาศัยอยู่ และดอนบาสนั้น คนเชื้อสายรัสเซียอยู่มาก แล้วกลายเป็นยูเครน พวกนีโอนาซี จากการสนับสนุนของนายเลเลนสกี เป็นผู้ที่เข่นฆ่าสังหารคนรัสเซียที่อยู่ในดอนบาสคายถึง 14,000 คน นั่นคือเหตุผลที่รัสเซียต้องบุกเข้าไปเพื่อยึดดอนบาส แล้วประกาศเป็นการปฏิบัติการสงครามพิเศษ

เพราะฉะนั้นแล้ว สองในสามข้อนั้น รัสเซียไม่ยอมรับ และจีนยอมรับข้อสุดท้ายข้อเดียว ก็คือว่า ขอร้องไม่ให้จีนสนับสนุนรัสเซียกับอาวุธ ซึ่งรัสเซียไม่ต้องการ เพราะรัสเซียมีอาวุธมากเพียงพอ

และนี่คือข่าวล่าสุดที่ท่านผู้ชมควรจะรับทราบไว้ว่า นายเซเลนสกี และสี จิ้นผิง คุยอะไรกันบ้าง

ท่านผู้ชมครับ วันนี้มีเรื่องราวเยอะเหลือเกิน สองหัวข้อ แต่ยาวจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่อง "แอม ไซยาไนด์" นั้น เป็นเรื่องราวที่ทีมงานพวกเรามีความภูมิใจมาก ที่ใช้ระยะเวลาอันสั้นขุดลึก เจาะลึกลงไป เพื่อให้ท่านผู้ชมเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด

สำหรับอาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ของ Long Weekend ท่านผู้ชมอาจจะไม่ได้ฟังตอนนี้ เพราะว่าอาจอยู่ในช่วงท่องเที่ยว เพราะประเทศไทยหยุดตั้งแต่เมื่อวาน วันพรุ่งนี้ วันเสาร์ และวันมะรืน วันอาทิตย์ สี่วันนี้ท่านผู้ชมคงจะเดินทางไปเที่ยวเตร่หรือไปพบปะผู้คน อย่าลืมครับ ท่านผู้ชม ที่มีส่วนผสมของสารสกัดมังคุด ที่รักษาการอักเสบของคอ และสารแอนโดรกราโฟไลด์ ซึ่งรักษาพวกไวรัสต่างๆ ในคอ ซึ่งเป็นสารที่สกัดมาจากฟ้าทะลายโจร มียี่ห้อนี้ยี่ห้อเดียวที่มี 2 สาร


ท่านผู้ชมรีบๆ สั่งซื้อไป อย่าช้านะครับ ตลอดจนฟ้าทะลายโจรของอาจารย์ปานเทพ ผมเรียนให้ทราบแล้วว่าถ้าไปงานอะไรก็ตาม ไปงานแต่งงาน ไปงานศพ ระหว่างไปก็พบนี่ติดตัวไป ระหว่างพก คุยๆ กับทุกคน ก็เปิดหน้ากากแล้วฉีดเข้าคอ ฆ่าเชื้อ เสร็จเรียบร้อยแล้ว พอกลับมาบ้าน เอาฟ้าทะลายโจร 4 เม็ด กินเสียก่อน แล้วนอนไปเลย พรุ่งนี้เช้าตื่นมาถ้าไม่มีอาการต่อ โอเคครับ

อาทิตย์หน้าเราค่อยมาเจอกันอีกที ส่วนจะเป็นเรื่องราวอะไรนั้น ค่อยแจ้งให้ทราบระหว่างอาทิตย์ สำหรับอาทิตย์นี้สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น