xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : ค่าไฟโคตรแพง? - ลุงป้อม พปชร. จะพังเพราะมิ่งขวัญ - ข้อมูลลับ เพนตากอนรั่ว ผลกระทบใหญ่หลวง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 21 เม.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยสิ่งที่จะเล่าในวันนี้เป็น
- ลุงป้อม พปชร.จะพังเพราะ "มิ่งขวัญ"
- ทางออก ค่าไฟโคตรแพง?
- ข้อมูลลับ เพนตากอนรั่ว เปิดโปงอเมริกันลวงโลก
- ฉีกหน้ากาก “สื่อไทยใจฝรั่ง”

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.186



[คำต่อคำ] SONDHI TALK Ep.186 : ค่าไฟโคตรแพง? [21 เม.ย.2566]

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2566 สวัสปีใหม่สงกรานต์ย้อนหลังอีกครั้งหนึ่งนะครับ ผ่านสงกรานต์มาเพียงไม่กี่วัน ก็ขอทักทายแฟนรายการทั้งหมดที่ดูรายการนี้ถ่ายทอดสดผ่าน Sondhi App, Facebook, YouTube และ TikTok

ท่านผู้ชมครับ ช่วงนี้เริ่มจะมีข่าวมาอีกแล้วว่าจะเริ่มมีโควิดสายพันธุ์พิเศษออกมา ติดง่าย เขาเรียกว่าลูกผสม XBB.1.16 ในหลายๆ ประเทศ ทำให้มีผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศไทยสูงขึ้นมาก ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ ฟ้าทะลายโจร ผมบอกมาหลายครั้งแล้วว่าให้มีติดตัวไว้ที่บ้าน 1-2 อาทิตย์ที่ผ่านมาผมเป็นไข้หวัดใหญ่ เป็นไข้หวัดลงคอ ไม่ได้ติดโควิด เช็กแล้วไม่ใช่ เวลากลืนน้ำลายเจ็บมากเลย แล้วตอนหลังค่อยลงมาที่คอ แล้วก็ไอหนัก ผมรักษาแต่ฟ้าทะลายโจร 4 เม็ดต่อหนึ่งมื้อ 4 มื้อต่อหนึ่งวัน ผมทานไป 5 วัน อาการไข้หวัดใหญ่ลงคอหาย กลับมาเป็นปกติ ตอนนี้ประมาณ 99 เปอร์เซ็นต์ เหลืออยู่ 1 เปอร์เซ็นต์


เพราะฉะนั้นแล้ว ฟ้าทะลายโจร อยากจะเล่าให้ฟังว่ามันเป็นยาที่สำคัญมาก ติดตัว เก็บไว้ที่บ้าน อาการอักเสบในร่างกาย คอ หรืออะไรทำนองนี้ ทานได้ ทำไมต้องเป็นฟ้าทะลายโจรของอาจารย์ปานเทพ ? เพราะว่าฟ้าทะลายโจรของอาจารย์ปานเทพทำมาจากใบ ซึ่งฟ้าทะลายโจรทั่วๆ ไปที่ท่านผู้ชมไปซื้อ เขาทำมาจากทั้งต้นเลย ทั้งกิ่ง ก้าน ทั้งลำต้น แต่ของอาจารย์ปานเทพทำจากเฉพาะใบ เพราะในส่วนใบมีสารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) มากที่สุด มีอาการปั๊บ 4 มื้อต่อวัน มื้อละ 4 เม็ด 5 วัน เรียบร้อยหมด

อีกอย่างหนึ่ง "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ล่าสุด แม่บ้านที่อยู่ประจำที่ออฟฟิศ ทำอาหารให้ผมทานทุกๆ วัน มีอาการกรดไหลย้อน ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับถ่ายยาก ผมเอา "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ให้ลองกิน หมดไป 1 กล่อง อาการเกือบจะหายร้อยเปอร์เซ็นต์ ดีขึ้นมากเลย ถ้าใครสนใจ ทั้งฟ้าทะลายโจรของอาจารย์ปานเทพ และ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก"


ตอนนี้มีของพร้อมส่ง ติดต่อสั่งซื้อได้ที่ไลน์ (LINE) @sunherb หรือทางเว็บไซต์www.sunherbth.com ตอนนี้กำลังมีโปรโมชันฉลองเปิดเว็บไซต์อยู่ทาง Shopee, Lazada ร้านสมุนไพรบ้านพระอาทิตย์ อย่าลืมนะครับท่านผู้ชม 2 ขนานนี้ต้องเก็บเอาไว้ที่บ้าน ซื้อให้ผู้หลักผู้ใหญ่ ยาอายุวัฒนะ ผมรับประทานวันละซอง เป็นเวลาสองปีกว่าแล้ว สุขภาพดีมาก ผิวพรรณก็ดี ไม่เหมือนคนอายุ 76 ข้อแตกต่างระหว่างผม กับคุณชูวิทย์ คุณชูวิทย์แค่ 62 ผม 76 แล้ว ท่านผู้ชมดูความชราหรือความเหี่ยวย่น คุณชูวิทย์มาอันดับหนึ่งเลย ผมยังไม่มีอาการนี้ นี่ไม่ได้ว่าอะไรคุณชูวิทย์เขานะ เพียงแต่เล่าให้ฟัง ยาลมฯ ซื้อให้พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย หรือผู้หลักผู้ใหญ่ที่เราเคารพ

ก่อนที่จะเข้ารายการก็ขอแจ้งข่าวการเสียชีวิตของ ดร.อำนวย วีรวรรณ ท่านเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ท่านเสียชีวิตด้วยอาการปอดอักเสบ ติดเชื้อ อายุ 90 ปี


ดร.อำนวย วีรวรรณ คือใคร ? ก็คือคนที่เคยเป็นปลัดกระทรวงการคลังมาแล้ว ดำรงตำแหน่งหลายตำแหน่ง ก่อนจะเป็นปลัดกระทรวงการคลัง สมัยหนุ่มๆ ท่านเป็นนักวิชาการคนโปรดของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ท่านเป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) คนแรกของประเทศไทย และในที่สุดแล้วท่านก็กระโดดลงมาในแวดวงทางการเมือง และดำรงตำแหน่งหลายตำแหน่ง เยอะแยะไปหมด

ดร.อำนวย วีรวรรณ จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนอัสสัมชัญกรุงเทพ หลังจากนั้นก็ไปต่อที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ แล้ว ดร.อำนวย ก็ไปจบปริญญาโทและปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งเป็นหนึ่งใน Top10 ของมหาวิทยาลัยในอเมริกา University of Michigan ในยุคที่ ดร.อำนวย จบมหาวิทยาลัยมิชิแกน สมัยนั้นคนไทยยังไม่ค่อยไปเรียนต่อที่อเมริกาเท่าไร ท่านก็เป็นคนรุ่นแรกๆ ที่ไป

เพื่อความเข้าใจกัน ท่านผู้ชมหลายท่านอาจจะรู้ หลายท่านอาจจะไม่รู้ว่า คุณถกลเกียรติ วีรวรรณ หรือน้องบอย ซึ่งเป็นเจ้าของช่อง ONE ในขณะนี้ ก็คือลูกชายที่รักของ ดร.อำนวย คนหนึ่ง ศพ ดร.อำนวย ตั้งอยู่ที่วัดธาตุทอง ศาลา 4


ท่านผู้ชมครับ ก่อนจะเล่าให้ฟังว่ามีอะไรเกิดขึ้นในอาทิตย์นี้ สัปดาห์ผมมีตอนพิเศษตอนหนึ่ง แต่ไม่ได้ออกในเฟซบุ๊ก เพราะมันตรงข้ามกับนโยบายของเฟซบุ๊ก เพื่อประโยชน์ของกัญชาทางการแพทย์ โดยคนที่แนะนำมาคือ รศ.ดร. น.พ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์ หน่วยเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ อาจารยืปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เดี๋ยวผมจะอัดเทป หลังจากหมดรายการนี้ แล้วผมจะอัดเทปรายการที่ ดร.ปัตพงษ์ แนะนำมาว่าเราควรจะเอาใบกัญชามาทานอย่างไรบ้าง ลดเบาหวาน ลดโน่นลดนี่ ผ่านการพิสูจน์มาแล้ว ถ้าท่านผู้ชมอยากชม ท่านผู้ชมที่ดู Sondhi App ก็สามารถเข้าไปดูได้ และผมจะแปะลิงก์ไว้ที่เว็บไซต์ผู้จัดการ ถ้าท่านผู้ชมอยากชมก็กดเข้าไปเลย ท่านผู้ชมที่ยังไม่ได้ดาวน์โหลด Sondhi App ก็ดาวน์โหลดได้นะครับ

ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้มีอยู่ประมาณ 3 เรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญทั้งหมด เรื่องแรก คือ ผมให้ความสนใจกับการลดราคาน้ำมันที่คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นคนเสนอมา ในนามของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งผมพูดมาแล้วว่า รายการนี้เป็นงานที่เสียของมาก เสียของตรงที่ว่า ข้อมูลที่คุณมิ่งขวัญให้มานั้น เป็นข้อมูลที่ไม่ตรงต่อความเป็นจริง และเป็นข้อมูลประเภทตีหัวเข้าบ้านครั้งเดียว ต้องการเสียงประชาชนด้วยการบอกว่าสามารถจะลดราคาน้ำมันได้ถึง 18 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลลดได้ประมาณ 6-8 บาทต่อลิตร ซึ่งวิธีการลดของคุณมิ่งขวัญ ก็คือ เอากระเป๋าซ้ายเข้ากระเป๋าขวา ไม่ได้ลดจริงๆ ในขณะซึ่งมีทีมงานที่ชำนาญในเรื่องพลังงาน นำโดย ม.ล.กรกสิวัฒน์ และคุณธีระชัย หรือคุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ซึ่งเขาเสนอการลดราคาพลังงาน "อย่างยั่งยืน" คือถ้าปรับโครงสร้างแล้วจะสามารถลดได้ และลดได้อย่างนี้ตลอดไป โดยไม่ใช่ลดแบบนโยบายคุณมิ่งขวัญ ซึ่งลดเพียงแค่ไม่เกินหนึ่งปีแล้วทุกอย่างก็กลับมาแพงเหมือนเดิม และจำเป็นต้องใช้งบประมาณของรัฐมาอุดเงินที่จะต้องใช้สองแสนกว่าล้านบาท เพราะฉะนั้นข้อเสนอของคุณมิ่งขวัญ คือข้อเสนอที่พูดความจริงไม่หมด พูดความจริงแค่ 30 เปอร์เซ็นต์ อีก 70 เปอร์เซ็นต์ คือหลอกให้ท่านผู้ชมดีใจ มันเป็นอย่างไร แล้วมาฟังกันครับ

เรื่องที่สอง ทำไมหน้าร้อน 2566 ค่าไฟถึงแพงมาก ? ผมกำลังจะอธิบายให้ฟัง และผมเคยพูดเรื่องนี้มาแล้ว ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว ผมมาทบทวนอีกครั้ง และเพิ่มเติมอีกครั้ง ให้รู้ว่าเราจะแก้ปัญหาพลังงานราคาแพงได้ด้วยการขจัด "เผด็จการทางพลังงาน" แล้วนำ "ประชาธิปไตยทางพลังงาน" ลงไปสู่รากหญ้า ลงไปสู่ชาวบ้านทุกคน ให้ประชาชนทุกคนได้ผลประโยชน์จากการมี "ประชาธิปไตยทางพลังงาน" จะทำอย่างไรถึงจะแก้ได้ ? ผมจะเน้นในเรื่องของ "โซลาร์เซลล์" ท่านผู้ชมติดตามฟังก็แล้วกัน

เรื่องสุดท้าย เรื่องที่สาม หัวข้อคือ "กิ้งกือหกคะเมน" ข้อมูลลับเพนตากอนรั่ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มันกระทบใหญ่หลวงมาก ที่สำคัญที่สุด มันมีนัยเยอะมากเลย ซึ่งท่านผู้ชมหลายๆ ท่านอาจจะไม่เคยนึกถึงนัยนี้ ว่าในที่สุดแล้วข้อมูลเพนตากอนที่รั่วออกมานั้น มันเท่ากับยืนยันหลักการที่ผมเคยพูดมาตลอดว่าสื่อฝรั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อกระแสหลัก ไม่ว่าจะเป็น CNN, BBC, CNBC, บลูมเบิร์ก แม้กระทั่งหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อในอเมริกาอย่างเช่น วอชิงตันโพสต์ หรือนิวยอร์กไทมส์ พิสูจน์ได้ชัดเจนจากข้อมูลรั่วนี้ว่า สื่อมวลชนหลักของอเมริกานั้น เป็นสื่อมวลชนที่รับงานของขบวนการปล่อยข่าว และ CIA ของอเมริกา เพื่อปล่อยข่าวออกมา และข้อมูลของเพนตากอนนั้น ตรงกันข้ามกับการถูกปล่อยของ CIA โดยผ่านสื่อกระแสหลัก

ที่น่าเจ็บใจคือ สื่อมวลชนไทย ไม่ว่าจะเป็นสื่อกระแสหลัก ทีวีทุกช่องที่มีข่าวต่างประเทศ หนังสือพิมพ์ที่มีการลงข่าวต่างประเทศต่างๆ ก็เป็นเหยื่อของบรรดาพวกสื่อหลักของอเมริกา ซึ่งรับงาน CIA มา ซึ่งโกหกมาตลอด สรุปง่ายๆ ก็คือ สื่อไทยก็เอาคำโกหกของสื่อฝรั่งนั้นมาโกหกให้พี่น้องประชาชนฟังต่อไป ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ? สื่อไทยใจฝรั่ง เครื่องมือขยายเสียง และคำโกหกของสื่อตะวันตก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่โตมาก ไม่ใช่เรื่องธรรมดา สรุปแล้วเราโดนโกหกมาตลอดในเรื่องสงครามยูเครน ระหว่างยูเครน กับ รัสเซีย เป็นระยะเวลาปีเศษๆ แล้ว สื่อไทยลอกสื่อฝรั่งมา ไม่ว่าจะเป็นทีวีทุกช่อง Voice TV ก็ใช่ ใครก็ตามที่เชียร์ว่าวันนี้รัสเซียแพ้แล้ว ในข้อเท็จจริง ข้อมูลลับของกระทรวงกลาโหมอเมริกาชี้ให้เห็นชัดเจนว่าคนที่แพ้จริงๆ ก็คือยูเครนนั่นเอง และอเมริกาเป็นคนที่แพ้ ท่านผู้ชมลองฟังดูก็แล้วกัน นัยมีมาก ไม่ใช่เป็นแค่ข่าวลับที่รั่วไหลออกมา แต่ข่าวลับที่รั่วไหลออกมานั้น มันตรงกันข้ามกับข่าวที่สื่อกระแสหลักของตะวันตกโฆษณาชวนเชื่อ และโกหกพกลมมาตลอดระยะเวลาหนึ่งปีกว่า แล้วสื่อหลักของไทย ไม่ว่าจะเป็นคอลัมนิสต์ ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรต่างๆ คนที่ทำข่าวต่างประเทศของทีวีทุกๆ ช่อง อาจจะยกเว้น TOP NEWS และ NEWS1 ของที่นี่ นอกนั้นตกเป็นเหยื่อของสื่อต่างประเทศ และให้ความร่วมมือในการโกหกคนไทยมาเป็นระยะเวลา 1 ปีกับอีก 2-3 เดือน

"ลุงป้อม พปชร.จะพังเพราะ มิ่งขวัญ"

ท่านผู้ชมครับ ถ้าท่านผู้ชมเป็นคนที่ติดตามรายการของผม ไม่ใช่เฉพาะ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ก่อนหน้านั้น "มองโลก มองเรา" ตลอดจนการขึ้นเวทีปราศรัยในยุคที่เราออกถนนเดินขบวนในนามของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


ท่านผู้ชมคงจำได้ว่าผมพูดถึงเรื่องปัญหาพลังงานตั้งนมตั้งนานแล้ว ผมอาจจะไม่ใช่ผู้ที่เชี่ยวชาญมากมายนัก แต่ว่าผมได้ศึกษาเรื่องนี้มา แล้วก็มีเพื่อนร่วมงานหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คุณรสนา โตสิตระกูล ตลอดจน ม.ล.กรกสิวัฒน์ คนเหล่านี้เขาศึกษาลึกซึ้งกว่าผมเยอะ แต่ผมก็ได้ซึมซับและรับทราบข้อมูลจากพวกเขามา จนกระทั่งผมเองก็เริ่มปักหลักและมีองค์ความรู้ในเรื่องพลังงานค่อนข้างจะมากพอสมควร อย่างน้อยที่สุดก็มากกว่านักการเมืองบางคนที่แสดงอาการเฮ้าเลี่ยนในช่วงหลังๆ ในการเสนอประเด็นเรื่องพลังงานขึ้นมา


ท่านผู้ชมครับ "พลังงาน" เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้า ล้วนแต่เป็นต้นทุนพื้นฐานของการดำรงชีวิตและดำเนินธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าร้อนจัด เดือนนี้ และเดือนหน้า ท่านผู้ชมคงรู้สึกได้อย่างชัดว่าบิลค่าไฟพุ่งขึ้นสูงอย่างเห็นได้ชัด สูงมาก โหดเหี้ยมอำมหิตมาก แน่นอนที่สุด เมื่อราคาค่าพลังงานเหล่านี้สูงขึ้น ย่อมส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนที่ปรับสูงขึ้นตามไปด้วย จริงๆ แล้วเรื่องนี้ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบตั้งแต่ต้นว่า ตัวผมเอง ทั้งสื่อในเครือ ไม่ว่าจะเป็นสมัยก่อน ASTV และมาสมัยนี้เป็น NEWS1 เชื่อมโยงทั้งเครือข่ายคุณรสนา โตสิตระกูล อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ม.ล.กรกสิวัฒน์ คุณธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เราสู้มาเป็นสิบๆ ปีแล้วครับ


 พอมาทำรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อสามปีกว่าที่แล้ว ผมก็หยิบยกปัญหาเรื่องพลังงานมาพูดอีกหลายครั้ง โดยมีการเสนอการแก้ปัญหาพลังงานระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว แบบครบวงจร ผมพูดเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2563 ตอนที่ 30 แล้วผมก็พูดอีกทีหนึ่ง ตอนที่ 31 วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 หัวข้อ "ถึงเวลาปลดแอกพลังงานให้คนไทยก้าวไปข้างหน้าหรือยัง ?" และมีอีกตอนหนึ่ง ผมพูดเรื่องทำไมค่าไฟแพงฉิบหาย ใครคือไอ้โม่งตัวจริง ตอนที่ 159 เมื่อปีที่แล้ว (2565)


ทั้งนี้ทั้งนั้น ท่านผู้ชมครับ ผลพวงจากการละเลยในการแก้ปัญหาพลังงานเชิงโครงสร้าง ผมเน้นนะครับ "เชิงโครงสร้าง" ในภาพรวมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมัน ค่าก๊าซ ค่าไฟฟ้า ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ประกอบกับผลกระทบจากสถานการณ์โลกที่สร้างความสั่นคลอนและผันผวนให้กับราคาพลังงานทั่วโลก นั่นคือสงครามระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน ที่เพิ่งครบรอบหนึ่งปีไปเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบต่อราคาพลังงานอย่างรุนแรงที่มีต่อประเทศไทย ในฐานะผู้นำเข้าน้ำมันดิบกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ รวมไปถึงการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว ที่กระทบต่อค่าไฟอย่างเห็นได้ชัดเจน

วิกฤตพลังงานดังกล่าวดำเนินมาถึงปัจจุบัน ปี 2566 ถือว่าเดินมาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะว่าปีนี้เป็นปีของการเลือกตั้งทั่วไป และอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า คือวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 จะมีการเลือกตั้งใหญ่ พรรคการเมืองทุกพรรคแข่งกันนำเสนอนโยบายเพื่อดึงดูดใจประชาชนผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง แน่นอนที่สุด หนึ่งในนโยบายที่มีการพูดถึงก็คือ ทุกคนต้องการให้มีการลดค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพ ให้กับประชาชน คือนโยบายพลังงาน

ท่านผู้ชมครับ ในการเลือกตั้งที่จะมาถึงครั้งนี้ ในบรรดาพรรคการเมืองทั้งหลาย ปรากฏว่ามีพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง คือ พรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ


พล.อ.ประวิตร มีความสามารถดึงบุคลากรผู้มีฝีมือทางด้านเศรษฐกิจเข้าสู่พรรคได้หลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และกระทรวงอุตสาหกรรม และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และกระทรวงพาณิชย์ ได้ล้มเลิกการทำ "พรรคสร้างอนาคตไทย" กลับเข้ารังเดิม คือ "พรรคพลังประชารัฐ" ก็ยิ่งเป็นที่น่าจับตาดู

นอกจากนั้น ยังมีจอมยุทธยอดฝีมือทางด้านเศรษฐกิจ คือ คุณธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า "หม่อมกร" นักเคลื่อนไหวด้านพลังงานภาคประชาชนมานับสิบปี มาร่วมงานด้วยเช่นกัน


ทั้งนี้และทั้งนั้น ผมทราบว่าการที่คุณธีระชัย และหม่อมกร ได้เข้าร่วมทีมเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐ โดยไม่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของพรรค 85 คนเลย เพราะในการพูดคุยตั้งแต่แรก พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ต้องการจะใช้พรรคพลังประชารัฐในการผลักดันการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ ที่เอื้อผลประโยชน์ให้กับเอกชน แทนที่จะนำเสนอลดราคาโดยใช้งบประมาณแผ่นดินมาโอบอุ้ม ก็คือพูดง่ายๆ ว่าอยากจะปรับโครงสร้างทั้งระบบ ไม่ใช่แค่เอางบประมาณแผ่นดินมาอุดเพื่อลดราคาพลังงานเป็นระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 1 ปี เพราะการที่จะเอางบประมาณรัฐมาลดราคาพลังงานโดยที่ไม่ปรับโครงสร้างนั้น เป็นการทำอย่างฉาบฉวย และจะต้องสร้างภาระให้ประชาชนในที่สุด


แต่ประเด็นมีอะไร ? ประเด็นคือในช่วงเดือนมีนาคม ต่อถึงเมษายน 2566 ในช่วงก่อนสงกรานต์ มีความผิดปกติ คือ 3 ขุนพลในพรรคพลังประชารัฐด้านพลังงาน คุณสนธิรัตน์ คุณธีระชัย และ หม่อมหลวงกรฯ ได้ตัดสินใจโพสต์ข้อความไม่เห็นด้วยกับนโยบายด้านพลังงานของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นการนำข้อเสนอของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่จะเล่าให้ฟังว่านายมิ่งขวัญเสนออะไรมา นายมิ่งขวัญไม่เคยรู้เรื่องพลังงานมาก่อนเลย เป็นคนที่หิวแสง เก่งในเรื่องประชาสัมพันธ์ตัวเอง อวดอ้างตัวเองเก่งกว่าทุกคน แล้วปรากฏว่าอยากจะมีแสงตอนนี้เพราะเห็นว่า พล.อ.ประวิตร สนใจในเรื่องพลังงาน และจะนำเสนอนโยบายพลังงานเป็นหลัก ตัวเองก็เข้าไปเกาะกลุ่มกับกลุ่มทุนพลังงานเพื่อที่จะร่างประเด็นต่างๆ ในการลดราคาพลังงาน เอาล่ะ เรามาดูว่านายมิ่งขวัญเสนออะไร


ผมคิดว่าท่านผู้ชมทั้งหลายคงได้เห็นหรือได้ยิน เคยผ่านตามาแล้ว นโยบายลดน้ำมันเบนซิน 18 บาท น้ำมันดีเซล 6 บาท ของพรรคพลังประชารัฐ โดยนโยบายนี้นายมิ่งขวัญเป็นคนนำเสนอในการปราศรัยบนเวที "พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ" วันที่ 18 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา นายมิ่งขวัญ บอกว่า ถ้านำราคาน้ำมันในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มาอ้างอิง ราคาน้ำมันเบนซินอยู่ที่ลิตรละ 44.06 บาท เมื่อปรับลงลิตรละ 18.07 บาท คนไทยจะได้ใช้น้ำมันเบนซินที่ลิตรละ 25.99 บาท เช่นเดียวกับน้ำมันดีเซล ที่ปัจจุบันราคา 34.44 บาท เมื่อปรับลดลงลิตรละ 6.37 บาท คนไทยจะได้ใช้น้ำมันดีเซลลิตรละ 28.07 บาท การลดราคาน้ำมันจะมีมาตรการดังกล่าวประมาณ 1 ปี ท่านผู้ชมเห็นไหมว่าเป็นระยะสั้น มาตรการนี้ทำให้คนไทยได้ใช้น้ำมันอย่างมีความสุข ก็คือคุณมิ่งขวัญทำแบบง่ายๆ ก็คือหาวิธีลดราคาน้ำมัน แล้วจบเพียงภายใน 1 ปี แล้วหลังจาก 1 ปี คุณมิ่งขวัญไม่ได้บอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น


ตรงกันข้ามกับทีมงานของหม่อมกรฯ คุณธีระชัย และ คุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่ต้องการจะปรับโครงสร้างทางพลังงานเพื่อให้ราคาน้ำมันลดลงอย่างยั่งยืนตลอดไป ไม่ใช่ทำเพียงครั้่งเดียวเพื่อเอาหน้าเอาตา หรือเพื่อเอาแสง เหมือนอย่างคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ซึ่งไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับพลังงานเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ทะลึ่งมาคว้าเรื่องนี้เพราะต้องการที่จะให้ตัวเองได้มีชื่อเสียง

นายมิ่งขวัญ บอกว่า ถ้าอยากได้น้ำมันราคาถูก ต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล เพราะ พล.อ.ประวิตร เป็นคนใจดีและพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทย และจะทำเพื่อคนไทยต่อไป

คำถาม : ผมจะถามคุณมิ่งขวัญ และท่านผู้ชม รวมทั้ง พล.อ.ประวิตร ด้วย ว่า ในการลดราคาน้ำมันเบนซิน 18 บาทต่อลิตร และลดราคาน้ำมันดีเซลอีก 6.37 บาทต่อลิตร มันทำได้ง่ายๆ ตามลมปากของคุณมิ่งขวัญเลยหรือ ? คำตอบมีอย่างนี้ครับท่านผู้ชม


หลังจากการไปไขปริศนาต่างๆ เรื่องการลดราคาน้ำมันแบบประชานิยมสไตล์นักการตลาดของคุณมิ่งขวัญ ท่านผู้ชมอย่าลืมนะว่าคุณมิ่งขวัญเป็นนักการตลาด นักพีอาร์ ไม่ใช่นักปฏิบัติการ ตัวเองไม่เคยรู้เรื่องน้ำมันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ตัวเองต้องการที่จะโชว์ฟอร์ม โชว์พาวในเรื่องการตลาด อะไรบ้างที่ทำไม่ได้ ? ประการแรก คือ การไม่เก็บเงินกองทุนน้ำมันฯ และภาษีสรรพสามิตร เป็นเวลา 1 ปี เพื่อให้ลดราคาน้ำมันเบนซิน 95 ลดไป 18 บาท น้ำมันดีเซลลดไป 6 บาท ท่านผู้ชมครับ ขอย้ำว่า ลดราคาน้ำมันแค่ 1 ปีเท่านั้นนะ ไม่ใช่ตลอดไป แค่ 1 ปี ไอ้หมอนี่ คือมิ่งขวัญ เล่นสั้นและหลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อ

ประการที่สอง การลดราคาก๊าซหุงต้มลงไปเหลือ 250 บาทต่อขนาดถัง 15 กิโลกรัม ปัจจุบันราคาถังละ 420-440 บาท คือลดลงไปมากถึงถังละ 170-190 บาท เลยทีเดียว ประเด็น : ลดราคาแบบนี้ คุณมิ่งขวัญครับ รัฐจะเอาเงินมาจากไหน เพราะว่านโยบายน้ำมันประชาชนเพื่อลดราคาน้ำมันเบนซินลิตรละ 18 บาท ดีเซล 6 บาท เป็นเวลา 1 ปี ใช้งบประมาณสองแสนกว่าล้านบาท นโยบายก๊าซประชาชนเพื่อลดค่าก๊าซ ใช้งบประมาณอีก 24,000 ล้านบาท รวมทั้งสองนโยบายแล้วใช้เงินถึง 224,000 ล้านบาท

และนี่เองเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทีมมือเศรษฐกิจที่มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจและพลังงานที่สังกัดอยู่พรรคเดียวกันกับคุณมิ่งขวัญ อย่างคุณสนธิรัตน์ คุณธีระชัย และหม่อมหลวงกรฯ ไม่เห็นด้วยกับคุณมิ่งขวัญ และนโยบายด้านพลังงานของพรรคพลังประชารัฐ ในลักษณะนี้


ประเด็นอยู่ที่ไหน ? ผมจะสรุปให้เข้าใจอย่างง่ายๆ ถึงพิษร้ายนโยบายลด แลก แจก แถม แบบนี้ของคุณมิ่งขวัญ นี่คือการโกหกหลอกลวงเพื่อหวังผลเฉพาะหน้า คือหวังให้ได้เพียงคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง แต่ท้ายที่สุดแล้วประชาชนต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการลดราคาน้ำมันและก๊าซชั่วคราว คือในระยะเวลาแค่หนึ่งปี แล้วต้นทุนที่ใช้ในการลดราคาน้ำมันนี้ คือเงินภาษีอากรถึง 224,000 ล้านบาท นี่คือไม่ได้ต่างอะไรกันเลย นี่คือการตลาดแบบใช้ยาพิษ มอมเมาประชาชนให้ตกอยู่ในภาวะวังวนของหนี้สินทุกวันนี้ นี่คือการ "ใช้ก่อนจ่ายทีหลัง" ภาษาอังกฤษเรียกว่า Buy now pay later และนี่คือความถนัดของคุณมิ่งขวัญ ในการสร้างภาพ

ท่านผู้ชมครับ นโยบายยาพิษแบบนี้ ในท้ายที่สุดเมื่อพ้นช่วงเลือกตั้งไปแล้ว หลังจากนั้น 1 ปี ราคาพลังงานที่แพงอยู่แล้วก็จะยิ่งแพงขึ้นกว่าเดิม เพราะต้องหาเงินมาโปะจ่าย 224,000 ล้านบาท ที่หายไปแล้ว พร้อมกับดอกเบี้ย และที่สำคัญที่สุด การทำเช่นนี้จะส่งผลให้ไม่เปิดโอกาสในการปรับโครงสร้างราคาพลังงานที่เอกชนเอาเปรียบประชาชนมาอย่างยาวนาน สรุปสั้นๆ คุณมิ่งขวัญกำลังจะเสนอ "แพงแล้ว แพงอยู่ และแพงต่อไป" ขออนุญาตใช้วลีเด็ดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา "แพงแล้ว แพงอยู่ และจะแพงต่อไป"

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูข้อเท็จจริงหน่อย ข้อเท็จจริงที่คุณมิ่งขวัญไม่มีวันจะเข้าใจ เพราะว่าแกเป็นนักการตลาด หลังจากพูดคุยกับนายทุนพลังงาน อย่างเช่น อดีตเจ้ากรมพลังงานทหาร เอามาสุมหัวรวมกันแล้วก็มาลดราคาน้ำมันพลังงานโดยเอาเงินรัฐมาอุดหนุน ท่านผู้ชมที่ไม่ได้ติดตามเรื่องปัญหาโครงสร้างทางพลังงานที่บิดเบี้ยวมาตั้งแต่ต้น

ผมจะสรุปราคาน้ำมันที่แพง ราคาพลังงานที่แพงของประเทศไทย แพงเพราะความเชื่อมโยงของด้านพลังงานจาก 2 ประเภท ที่มีความเชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด นั่นคือ หนึ่ง ราคาน้ำมัน สอง ก๊าซหุงต้ม


สำหรับราคาน้ำมันแพงเกิดขึ้นเพราะสูตรราคาสมมุติแพงไป และการตั้งกองทุนน้ำมันฯ ขึ้นมาเพื่อกลบปัญหาและเอื้อต่อเอกชน โดยสาเหตุปัญหาราคาน้ำมันในประเทศไทยที่แพงนั้น ถูกแบ่งเป็น 3 สาเหตุหลัก สาเหตุที่หนึ่งที่ทำให้น้ำมันแพง โครงสร้างราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นไทยเป็นสูตรราคาสมมุติ ก็คือตั้งขึ้นมาอย่างนั้นล่ะ ซึ่งเกิดจากการสมมุติว่าเป็นราคาน้ำมันที่โรงกลั่นสิงคโปร์ แล้วนำเข้าประเทศไทย ต้องมีค่าขนส่ง ค่าประกันภัย และอื่นๆ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงเราเอาน้ำมันดิบมากลั่นที่ประเทศไทย แต่ดันตั้งราคา พอกลั่นเสร็จเรียบร้อย เอาออกมาใช้ ดันตั้งราคาค่าขนส่ง ขนส่งอะไรที่ไหน นี่คือข้อโกหกหลอกลวงที่ทางพลังงานโกหกประชาชน ราคาสมมุตินี้ก็เลยเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับพวกโรงกลั่นน้ำมันในประเทศไทยให้มีกำไรอย่างมหาศาล เอาเปรียบผู้บริโภค และทำให้คนไทยต้องเดือดร้อนเพราะราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นแพงเกินจริง คุณมิ่งขวัญไม่พูดถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ไม่พูดเพราะไม่รู้ หรือไม่พูดเพราะทุนพลังงานอุดปากคุณมิ่งขวัญเอาไว้ ?

สาเหตุที่สอง เราต้องใช้น้ำมันเบนซินราคาแพงกว่าชาติอื่นๆ เพราะเราต้องเก็บเงินส่วนหนึ่งเป็นค่ากองทุนน้ำมันฯ เป็นการเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเพื่อไปจ่ายค่าส่วนต่างพลังงาน พืชพลังงาน พืชอะไรบ้างล่ะ ? เอทานอล ไบโอดีเซล ซึ่งเอทานอล กับไบโอดีเซล เมืองไทยแพงกว่าตลาดโลกเยอะ และแพงกว่าน้ำมันเบนซิน และแพงกว่าน้ำมันดีเซล เกษตรกรได้นิดเดียว แล้วมันมาจากไหนล่ะ ? มันมาจากอดีตนักการเมืองและผู้มีอิทธิพลในกลุ่มทุนพลังงาน ให้ใช้เอทานอล ไบโอดีเซล โดยตัวเองผูกขาดเอทานอล และไบโอดีเซล ในการผลิตพวกนี้ออกมา เห็นหรือยังท่านผู้ชม นี่คือความงก ความเห็นแก่ตัว และการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย ผู้ที่เติมน้ำมันต้องจ่ายค่ากองทุนน้ำมันฯ เหล่านี้เพื่อชดเชยให้รู้สึกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ถูกกว่าเดิม คือน้ำมันเบนซินเพียวๆ ผมจะยกตัวอย่างให้ฟัง


12 เมษายน 2566 ราคาน้ำมันเบนซิน 95 หน้าโรงกลั่นอยู่ที่ 23 บาทต่อลิตร เท่านั้น ราคาเอทานอลที่เอามาผสมเป็นแก๊สโซฮอล์ มีราคาสูงกว่า คือ 29 บาทต่อลิตร คือพูดง่ายๆ ว่าราคาเอทานอลแพงกว่าน้ำมันเบนซินประมาณ 6 บาทต่อลิตร ไม่ต้องผสม ราคาน้ำมันเบนซินก็ถูกกว่าอยู่แล้ว พอผสมก็แพงขึ้นไปอีก เยอะแยะไปหมดเลย เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมจะเห็นตรรกะของการเอามาผสมได้หรือยัง นั่นคือผลประโยชน์ ที่เอามาผสม อีกเจ้าหนึ่งมาผูกขาดพวกเอทานอล และพวกไบโอดีเซล เอามาผสม ผลิตแล้วเอามาผสมน้ำมัน กินกันเป็นพรวนเลยรู้ไหม คุณมิ่งขวัญ คุณรู้บ้างหรือเปล่า หรือคุณถูกทุนพลังงานอุดปากเอาไว้ ผมไม่รู้ว่าคุณได้ผลประโยชน์อะไรหรือเปล่านะ


อันที่จริงแล้ว ราคาเอทานอลแพงแบบนี้ แปลว่ายิ่งผสมแอลกอฮอล์ในน้ำมันสัดส่วนยิ่งมาก ก็ยิ่งทำให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์แพง จริงหรือเปล่า ? คุณมิ่งขวัญตอบผมซิ แต่ดูสิครับท่านผู้ชม ทุกวันนี้เราจ่ายค่าน้ำมันแพง จ่ายเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อฝืนตลาด ทำให้ราคามันกลับด้าน ยิ่งเติมแก๊สโซฮอล์ในสัดส่วนมาก ราคาน้ำมันยิ่งถูกลง เช่น น้ำมันเบนซิน 100 เปอร์เซ็นต์ จ่ายเข้ากองทุนน้ำมันฯ 8.58 บาทต่อลิตร รวมภาษีการตลาด ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินกลายเป็น 45 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซินผสมเอทานอล 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นแก๊สโซฮอล์ 95 จ่ายเข้ากองทุนน้ำมันฯ 2 บาท ราคาขายปลีกอยู่ที่ 37.25 บาทต่อลิตร ถูกกว่าน้ำมันเบนซิน 7.81 บาท ท่านผู้ชมครับ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์นี้ เกิดขึ้นเช่นเดียวกับน้ำมันดีเซล และไบโอดีเซล แต่เราใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ ไปบิดเบือนราคาตลาด ราคาขายปลีก เช่นเดียวกัน ยิ่งเติมไบโอดีเซล ยิ่งราคาถูกลง ทำให้เราต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อฝืนราคาตลาดอีกเช่นกัน

คุณมิ่งขวัญครับ งานนี้ รายการนี้ผมจัดให้คุณโดยเฉพาะ ชุดใหญ่ไฟกะพริบ หรือชุดใหญ่ไฟไหม้บ้าน แล้วแต่คุณจะคิด

แทนที่เราจะไปหาสาเหตุที่โครงสร้างราคา ว่าทำไมเอทานอล และไบโอดีเซล ของไทยจึงแพงกว่าของตลาดโลก ทั้งๆ ที่เกษตรกรได้เงินนิดเดียว แต่กลับใช้วิธีเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่ออะไร ? ซุกปัญหาใต้พรม ทำให้ราคาน้ำมันไทยไม่มีวันจะถูกลงได้เลย


ท่านผู้ชมครับ การฝืนราคาตลาดทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีเงินไม่พอเพียง ต้องประสบกับภาวะตัวแดง ติดลบไปแล้วเกือบ 43,000 ล้านบาท แปลว่าถ้าเราเอานโยบายลดราคาน้ำมันแบบสะบั้นหั่นแหลก ในวันข้างหน้าก็จะต้องจ่ายค่าน้ำมันแพงขึ้นกว่าราคาตลาดโลก เพื่ออะไร ? เพื่อชำระหนี้สินของกองทุนน้ำมันฯ ที่เกิดขึ้นเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 2 แสนกว่าล้านบาท จากนโยบายโง่ๆ ของคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ และการด้อยปัญญาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ดันไปเชื่อข้อเสนอของคุณมิ่งขวัญ เป็นเรื่องที่ผิดหวังมาก

คุณประวิตร เริ่มต้นดีมาก แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นถูกครอบงำ ผมพูดได้วันนี้เลย คุณประวิตร ไม่สมควรจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกเลย ถ้ามีจิตและมีปัญญาเพียงแค่นี้

สาเหตุที่สาม ประชาชนชาวไทยทุกวันนี้พวกเราต้องจ่ายค่ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อทำให้น้ำมันทั้งระบบแพงกว่าราคาตลาดโลก เพื่ออะไร ? เอาไปจ่ายตรึงราคาก๊าซหุงต้ม เราต้องจ่ายราคาน้ำมันแพงเพื่อนำเงินจากกองทุนน้ำมันฯ ไปจ่ายชดเชยส่วนต่างให้กับโรงงานแยกก๊าซ และโรงกลั่นน้ำมัน เพื่อให้ประชาชนซื้อก๊าซหุงต้มในราคาถูกลง โดยผู้ผลิตก๊าซได้กำไรเท่าเดิม เป็นการทำกำไรอย่างมหาศาล เป็นการทำกำไรอย่างเกินสมควรมากจนเกินไป ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วก๊าซหุงต้มไม่ควรจะแพงเลย เพราะก๊าซธรรมชาติส่วนใหญ่มาจากแหล่งก๊าซภายในประเทศทั้งสิ้น และเพียงพอต่อผู้ใช้รถ และเป็นก๊าซหุงต้มในครัวเรือน เราไม่จำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ นี่คือความจริง ท่านผู้ชม เราไม่จำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศ แต่การนำโครงสร้างราคาน้ำมันไปตรึงราคาก๊าซหุงต้ม โดยไม่แก้ปัญหาสาเหตุที่ทำให้ราคาก๊าซหุงต้มแพงแบบนี้ ทำให้คนไทยต้องใช้น้ำมันแพงตลอดไป และท่านผู้ชมรู้ไหมว่า วันนี้เราได้กองทุนน้ำมันฯ ที่มีหนี้สินสุทธิทั้งหมดเกือบ 90,000 ล้านบาท แปลว่าอะไร ? แปลว่าในวันข้างหน้าจะต้องมีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อไปใช้หนี้เหล่านี้ และจะทำให้ราคาน้ำมันต้องแพงขึ้นอย่างแน่นอน หนี้อะไร ? ก็หนี้ที่คุณมิ่งขวัญเอามาลดราคาน้ำมันไงล่ะ เห็นหรือยังท่านผู้ชม ง่ายๆ ใช้วิธีง่ายๆ แต่โง่ๆ แล้วเอามาหลอกประชาชน


ก๊าซหุงต้มราคาถูกได้ถ้าให้ประชาชนได้ใช้ก่อนอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ท่านผู้ชมต้องทราบว่าปัจจุบันก๊าซหุงต้มมีราคาขายปลีกอยู่ที่ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ในราคานี้เราใช้กองทุนน้ำมันฯ ที่ชดเชยก๊าซหุงต้ม แต่เงินกองทุนฯ ไม่พอแล้ว ติดลบไปแล้วประมาณ 47,000 ล้านบาท แปลว่าอะไร ? แปลว่าในอีกไม่นานนี้ เราจะต้องจ่ายค่าน้ำมันแพงกว่านี้ เพื่ออะไร ? เพื่อชดเชยกับหนี้สินที่เกิดขึ้นไงล่ะ ขอยืมเงินเขามาใช้ลดราคาน้ำมันเพื่อให้คุณมิ่งขวัญได้แสง ให้พรรคพลังประชารัฐได้แสง แต่หลังครบ 1 ปีแล้ว ราคาน้ำมันจะกระโดดแพงฉิบหายเลย ตรงนั้นคุณมิ่งขวัญ และ พล.อ.ประวิตร จะรับผิดชอบได้อย่างไรถ้าได้เป็นรัฐบาล

ความจริงคือปริมาณก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่ในประเทศไทยนั้นมีมากเพียงพอที่จะให้คนไทย ทั้งในรูปแบบการใช้ก๊าซหุงต้ม และเป็นก๊าซ LPG ที่ใช้ในรถยนต์ได้ด้วย แต่ที่มันไม่พอเพราะอะไรรู้ไหม ? ในปี 2551 สมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มีมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2551 เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2551 ได้กำหนดหลักการในการจัดสรรปริมาณก๊าซ LPG ที่ผลิตได้ในประเทศ อย่างนี้ครับ ฝีมือคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์


"หลักการจัดสรรการผลิตก๊าซ LPG ในประเทศ จะถูกจัดสรรใไปให้กับภาคครัวเรือนและปิโตรเคมีเป็นลำดับแรก" ส่วนปริมาณการผลิตก๊าซ LPG ที่เหลือจากการจัดสรรข้างต้นจะถูกนำไปจัดสรรให้กับภาคขนส่งและอุตสาหกรรมเป็นลำดับต่อไป หากไม่พอจะให้มีการนำเข้าก๊าซ LPG จากต่างประเทศ

ท่านผู้ชมรู้ไหม นั่นคือนโยบาย แต่ความจริงมันเป็นอย่างไร ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่า ? ความเป็นจริงคือ การอาศัยมติดังกล่าวจัดสรรก๊าซธรรมชาติในประเทศราคาถูกให้กับอุตสาหกรรมปิโตรเคมิคัลก่อน ที่สำคัญ การจัดสรรก๊าซธรรมชาติในประเทศราคาถูกให้กับอุตสาหกรรมปิโตรเคมิคัลเฉพาะในเครือ ปตท. ก่อนด้วย มีระบุชัดเจนเลยนะ ในขณะที่เอกชน อุตสาหกรรมปิโตรเคมิคัลรายอื่น ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และแข่งขันกับต่างประเทศด้วย ผลปรากฏว่าก๊าซธรรมชาติภายในประเทศราคาถูก เอาไปปรนเปรอเฉพาะผู้ถือหุ้นอุตสาหกรรมปิโตรเคมิคัลในเครือ ปตท. ก๊าซก็เลยไม่พอและต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ก๊าซธรรมชาติในประเทศก็เลยราคาพุ่งขึ้น 

แล้วใครเดือดร้อน ? ก็คือท่านผู้ชมที่เดือดร้อน ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่าถ้าวันนี้เราเปลี่ยนมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติใหม่ เรื่องการจัดสรรปริมาณก๊าซ LPG ที่ผลิตได้ในประเทศข้างต้นใหม่ เปลี่ยนคำว่า "และปิโตรเคมิคัล" ให้เป็น "และภาคขนส่ง" ราคาก๊าซหุงต้มจะลดจาก 423 บาทต่อถัง เหลือแค่ 250 บาทต่อถัง และเป็นการลดโดยการปรับโครงสร้างการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติใหม่ ไม่ต้องนำเงินกองทุนน้ำมันฯ มาชดเชย เงินกองทุนน้ำมันฯ ก็คือหักจากราคาน้ำมันที่ราคาสูงเอามาจ่าย ส่วนอุตสาหกรรมปิโตรเคมิคัลของ ปตท. ก็ควรจะต้องไปนำเข้าจากต่างประเทศหรือจากโรงกลั่นเอาเอง เหมือนกับเอกชนรายอื่นๆ เพราะเป็นการแสวงหาผลกำไรให้กับคนเพียงไม่กี่คน และผู้ถือหุ้น ปตท. เท่านั้นเอง ท่านผู้ชมเห็นความบัดซบหรือยัง คุณมิ่งขวัญท่านมองไม่เห็นหรอก เพราะคุณมิ่งขวัญไม่มีวันเข้าใจเรื่องพวกนี้

ประเด็นอยู่ที่ไหน ? มือเศรษฐกิจที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ อย่างคุณธีระชัย หม่อมหลวงกรฯ ที่ตัดสินใจเข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะเชื่อมั่นว่าคุณสนธิรัตน์ และ พล.อ.ประวิตร จะให้การสนับสนุนการปรับโครงสร้างราคาแบบยั่งยืน ไม่ใช่การเลิกเก็บกองทุนน้ำมันฯ หรือภาษีแบบฉาบฉวยชั่วคราว 1 ปี แล้วหลังจากนั้นก็มาเก็บต่อ ทำให้ราคาน้ำมันขึ้นอีก


ท่านผู้ชมครับ คุณมิ่งขวัญครับ พล.อ.ประวิตร ครับ ฟังผมพูดแล้วท่านอายบ้างหรือเปล่า ท่านมีของดีๆ มีนโยบายที่ถูกต้อง ท่านเคยคิดตลอดเวลาว่าจะทำจริงๆ ให้กับชาติบ้านเมือง นี่ท่านไม่ได้ทำให้ชาติบ้านเมือง หนึ่ง ท่านทำเพื่อสนองตัณหาของคนหิวแสงอย่างมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สอง ท่านทำเพื่อเป็นการช่วยเหลือทุนพลังงาน ในที่สุด เหตุการณ์ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะคุณมิ่งขวัญปาดหน้า เสนอนโยบายเพื่อหาเสียงแบบฉาบฉวย เน้นการใช้เงินจากภาครัฐ การแบกรับจากภาครัฐ หรือต้องแบกรับโดยประชาชนในวันข้างหน้า ไม่มีนโยบายปรับโครงสร้างราคาพลังงานเพื่อลดกำไรเกินสมควรของกลุ่มทุนพลังงานที่เอาเปรียบประชาชน

คุณมิ่งขวัญครับ พล.อ.ประวิตร ครับ พลาดไปแล้ว พลาดแบบโง่ๆ ด้วย แล้วโง่แบบบัดซบด้วยครับ ขออนุญาตครับ พล.อ.ประวิตร ท่านไม่เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ท่านเป็นเมื่อไร ประชาชนฉิบหายทันทีเลย

ท่านผู้ชมครับ ไหนๆ ก็พูดถึงคุณมิ่งขวัญแล้ว ก็พูดกันให้สุดซอยแล้วกัน คุณมิ่งขวัญ เมื่อปลายปีที่แล้ว 6 ธันวาคม 2565 คุณเปิดตัวเข้าพรรคพลังประชารัฐ เมื่อปลายปีที่แล้ว ประกาศตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี งานนี้เชื่อได้ว่าคุณคิดเอง เออเอง โดยที่คุณมีเพื่อนซื้อ คู่ซี้ของคุณคือ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ (ชื่อเดิม นพดล) พร้อมทีมงาน เสธ.ทหาร อีกเพียบ หวังจะเป็นทายาทต่อจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ งานนี้จึงต้องเล่นใหญ่ ออกนโยบายให้โลกจำด้วยนโยบายลดราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้มแบบมโหฬาร

คุณมิ่งขวัญออกมายอมรับเองหลังจากต้นธันวาคม 2565 เข้าพลังประชารัฐมาแล้วหายต๋อมไป 2 เดือน เจ้าตัวไม่ได้หายไปไหน แต่ไปซุ่มกับทีม เสธ.ทหาร พร้อมข้าราชการกระทรวงพลังงาน ทำนโยบาย แถมยังคุยโม้คุยโวว่า เพียงขายน้ำมันไม่เก็บภาษีและเงินกองทุนน้ำมันฯ แก้ง่ายๆ แค่นี้ก็สยบราคาน้ำมันแพงได้แล้ว โดยไม่ได้ใช้งบประมาณเลยแม้แต่บาทเดียว งานนี้ทำให้อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานหลายๆ คนที่ทำงานมาเป็นปีๆ งงเป็นไก่ตาแตก แม้แต่ภาคประชาชนที่เราสู้เรื่องพลังงานกันมาเป็นสิบๆ ปี อย่างคุณรสนา โตสิตระกูล ยังตั้งข้อสงสัยว่าคุณมิ่งขวัญหาเสียงแบบตีหัวเข้าบ้าน พอเป็นรัฐบาลแล้ว ลดราคา 3 เดือน หลังจากนั้นก็ตัวใครตัวมันหรือเปล่า ?


จนกระทั่ง 2 เมษายน 2565 คุณธีระชัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ปรึกษากรรมการนโยบายเศรษฐกิจของพรรคฯ ออกมาชี้แจงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ในฐานะที่เป็นอดีตรัฐมนตรีฯ คลัง มีข้อท้วงติงเกี่ยวกับแนวความคิดนี้ (คือ ลดราคาน้ำมันสไตล์มิ่งขวัญ) หนึ่ง เมื่อคุณเลิกเก็บภาษีน้ำมัน ในขณะที่กองทุนน้ำมันฯ ยังเป็นหนี้กว่าแสนล้าน ก็จะเป็นผลทำให้รัฐบาลต้องเอาหนี้สาธารณะไปจุนเจืออุดหนุนราคาน้ำมันให้ต่ำลง การอุดหนุนโดยการใช้หนี้สาธารณะนั้นไม่ใช่ของฟรี เพราะรัฐบาลในอนาคตจำเป็นต้องใช้คืนหนี้สาธารณะดังกล่าว ดังนั้นการที่รัฐบาลเอาหนี้สาธารณะไปจุนเจืออุดหนุนราคาน้ำมัน ก็คือเอาเงินอนาคตของประชาชนที่เป็นลูกหลาน มาอุดหนุนราคาน้ำมันให้ประชาชนในปัจจุบัน ประชาชนได้ประโยชน์ในวันนี้ แต่ลูกหลานไทยจะถูกเช็กบิลในวันหน้า และยังมีปัญหาด้านวินัยการเงินการคลังอีกด้วย

สอง รัฐบาลปัจจุบันผิดพลาดในเรื่องนโยบายก๊าซหุงต้ม ที่กำหนดราคาก๊าซหุงต้มที่ผลิตจากทรัพยากรในประเทศ กลับให้ครัวเรือนไทยจ่ายในราคานำเข้าจากประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยให้บวกค่าใช้จ่ายนำเข้าที่ไม่ได้มีอยู่จริง อันย่อมเกิดเป็นผลกำไรให้กับกลุ่มทุนพลังงาน เมื่อราคาก๊าซหุงต้มพุ่งสูงขึ้น ประชาชนเดือดร้อน รัฐบาลปัจจุบันก็แก้ปัญหาโดยการใช้วิธีเก็บเงินจากคนใช้รถเข้ากองทุนน้ำมันฯ แล้วเอาเงินก้อนนี้ไปอุดหนุนก๊าซหุงต้ม ดังนั้นถ้ายกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ โดยไม่ปรับปรุงแก้ไขโครงสร้างของธุรกิจก๊าซ จะทำให้ก๊าซหุงต้มราคาสูงกว่าเดิมอีกประมาณ 100 บาทต่อ 1 ถัง


สาม การถล่มราคาเบนซิน 95 ลงไปอย่างหนักเช่นนี้จะทำให้ตลาดบิดเบือน ผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ก็จะหันไปใช้น้ำมันเบนซิน 95 จะก่อเกิดปัญหาดีมานด์สำหรับแอลกอฮอล์ที่ใช้ผสมน้ำมันแก๊สโซฮอล์

สี่ วิธีปรับปรุงนโยบายพลังงานที่เอาประชาชนเป็นศูนย์กลางนั้น จะต้องนำกำไรส่วนเกินจากกติกาที่ไม่เป็นธรรมออกจากกระเป๋าทุนพลังงานเอกชน ข้อเสนอของคุณมิ่งขวัญ มีแต่ใช้เงินจากกระเป๋าของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ยอมเอากำไรส่วนเกินจากกระเป๋าบริษัทเอกชน พี่น้องประชาชนครับ ก็มองได้ว่าเป็นการออกนโยบายเพื่อช่วยปกป้องประโยชน์ของบริษัทเอกชน ขณะนี้มีคนลือกันเซ็งแซ่ว่ามีกลุ่มทุนพลังงานเจาะเข้าไปหลายพรรคการเมือง ทั้งนี้ การออกนโยบายที่ไม่คำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง ถึงแม้จะอ้างว่าทำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่คิดทำชั่วคราว 1 ปี แต่กลับเป็นนโยบายที่ไม่แตะต้องผลประโยชน์ส่วนเกินของบริษัทเอกชนนั้น คุณธีระชัย บอกว่า ผมในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รู้สึกกระอักกระอ่วน และผู้ใดที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีฯ คลังคนต่อไป หรือในอดีต ก็คิดแบบเดียวกับผม


ท่านผู้ชมครับ คุณมิ่งขวัญครับ พรรคพลังประชารัฐครับ พล.อ.ประวิตร ครับ แม้อ้างว่าคุณไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดินเลยแม้แต่บาทเดียว แต่ความจริงรัฐจะขาดรายได้จากภาษีและกองทุนฯ ไปกว่า 2 แสนล้านบาท เรียกว่าอุบเอาไว้ให้ประชาชนจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน

ในส่วนด้านก๊าซของประชาชน ประกาศลดราคาก๊าซจาก 423 บาทต่อถัง เป็น 250 บาท งานนี้ถือว่าเล่นใหญ่กว่าเรื่องน้ำมัน เพราะปัญหาที่แท้จริงยุ่งยิ่งกว่าลิงแก้แห แม้ว่าจะเอาภาษีออกหมดแล้ว ราคาก๊าซก็ยังเกือบ 400 บาทต่อถัง ส่วนกองทุนฯ ไม่ได้เรียกเก็บอยู่แล้ว แต่มีการล้วงเอาเงินกองทุนน้ำมันฯ มาอุดหนุนราคาก๊าซอีกด้วย เรื่องนี้คุณธีระชัย ได้เสนอความเห็นด้วยความห่วงใยในเฟซบุ๊กของเขาว่า ปัญหาในเรื่องของก๊าซหุงต้มก็เป็นปัญหาการบริหารจัดการทรัพยากรพลังงานของชาติอย่างหนึ่งที่ผลิตจากก๊าซธรรมชาติกลางอ่าวไทย ซึ่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีปริมาณเพียงพอใช้สำหรับครัวเรือนไทย ดังนั้นรัฐบาลในอดีตจึงกำหนดให้ครัวเรือนยืนหัวแถว เป็นผู้มีสิทธิ์ใช้ก๊าซหุงต้มที่ผลิตจากก๊าซอ่าวไทยก่อนอุตสาหกรรม เพราะสามารถกำหนดราคาในประเทศได้ในราคาต่ำ โดยโรงงานแยกก๊าซยังมีกำไรพอสมควร


คุณธีระชัย พูดต่อ ปรากฏว่ามีผู้แก้กฎให้บริษัทปิโตรเคมิคัลบางกลุ่มเข้ามายืนตัดหน้า ก็คือว่าเอาไปใช้ก่อนครัวเรือน ทำให้ก๊าซหุงต้มไม่เพียงพอสำหรับครัวเรือน จึงเท่ากับผลักครัวเรือนไทยไปซื้อก๊าซจากแหล่งอื่นที่ราคาสูงกว่า คือ หนึ่ง จากกระบวนการกลั่นน้ำมันดิบ และสอง นำเข้าก๊าซจากต่างประเทศที่มีราคาสูงสุด เพราะมีค่าโสหุ้ยจากการนำเข้าก๊าซสลับให้กับบริษัทปิโตรเคมิคัลเข้ามาตัดหน้าครัวเรือนนั้น ทำให้คนไทยเดือดร้อนมาจนทุกวันนี้ เป็นเวลานาน 15 ปีแล้ว 15 ปีแล้วครับ พล.อ.ประวิตร คุณมิ่งขวัญครับ

นี่คือข้อเขียนของคุณธีระชัยนะครับ เรื่องนี้มีการหารือชงผ่านคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) สมัยคุณสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 คุณมิ่งขวัญได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต่อมาในวันที่ 2 สิงหาคม 2551 คุณสมัคร ปรับ ครม. เปลี่ยนคุณมิ่งขวัญไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม จะเห็นได้ว่าเรื่องนี้สำเร็จผลเพียง 2 เดือน หลังจากคุณสมัครพ้นจากตำแหน่ง


คุณธีระชัย พูดต่อว่า ผมจึงคิดว่าคุณมิ่งขวัญอาจจะรู้ว่าใครเป็นตัวการหลัก เป็นไอ้โม่งในการเสนอเปลี่ยนกติกาที่เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนเช่นนี้ เมื่อเร็วๆ นี้คุณมิ่งขวัญได้แถลงข่าวว่าจะสามารถลดราคาก๊าซหุงต้ม จากปัจจุบันถังละ 423 บาท จะลดลง 173 บาท เหลือเพียงถังละ 250 บาท ใช้เงินอุดหนุน 24,000 ล้านบาท

คุณธีระชัย พูดต่อ แต่คุณมิ่งขวัญอาจจะหลงลืมไปว่า ราคา 423 บาทนี้ ปัจจุบันมีเงินกองทุนน้ำมันฯ อุ้มอยู่ 79 บาท ราคาจริงก็คือ 500 บาทต่อถัง จึงต้องใช้เงินอุดหนุนจริงๆ ไม่ใช่สองหมื่นกว่าล้าน แต่เป็น 35,000 ล้านบาท และที่น่ากังวลคือ ราคาก๊าซในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ปีที่แล้ว เคยขึ้นถึงถังละ 580 บาท แต่ใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ อุ้มปิดบังปัญหาไว้มากถึง 298 บาทต่อถัง เกือบ 300 บาทต่อถัง ดังนั้นหากก๊าซตลาดโลกปรับสูงขึ้นอีก หากรัฐบาลหน้าจะดำเนินการตามแนวคิดของคุณมิ่งขวัญ โดยกดราคาไว้ที่ถังละ 250 บาท คุณมิ่งขวัญครับ ต้องใช้เงินถึง 45,000 ล้านบาท

ต่อมาคุณมิ่งขวัญได้ระบุอ้างอิงที่มาของแหล่งเงินอุดหนุนว่า มาจากการประมูลแหล่งปิโตรเลียมเอราวัณ-บงกช ที่ได้ก๊าซราคาต่ำ โดยเสนอใช้เงินส่วนต่างจากราคาก๊าซเดิมกับราคาใหม่ จำนวน 24,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะพอดีกับสิ่งที่ต้องการ แต่คุณธีระชัยตั้งข้อสังเกต


คุณธีระชัยตั้งข้อสังเกตว่า หนึ่ง คุณมิ่งขวัญอาจจะเข้าใจผิดอีกแล้ว ว่าผลประโยชน์จำนวน 24,000 ล้านบาท เป็นเงินของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลหน้าสามารถฉวยเอามาใช้อุดหนุนราคาก๊าซหุงต้มได้ แต่แนวคิดนี้ขัดกับ TOR ที่ประมูล เพราะราคาก๊าซที่ต่ำลงนั้น TOR กำหนดว่า ผู้เสนอราคาต่ำสุดเป็นผู้ชนะได้สิทธิ์ในแหล่งปิโตรเลียมจะต้องขายก๊าซราคาถูกดังกล่าวให้กับผู้ที่พร้อมจะซื้อก๊าซที่ปากหลุมกลางอ่าวไทย ผู้ที่พร้อมจะซื้อ และจะใช้สิทธิ์ซื้อก๊าซราคาถูกจึงไม่ใช่รัฐบาล แต่เป็นบริษัทที่ผูกขาดก๊าซในอ่าวไทยนั่นเอง คุณธีระชัย บอกว่า ในที่สุดก็กลับไปสู่ทุนพลังงานเหมือนเดิม หากจะหันไปล้วงเงิน 24,000 ล้านบาท จากกองทุนน้ำมันฯ มาใช้อุดหนุน ก็ทำไม่ได้อีก เพราะคุณมิ่งขวัญเพิ่งประกาศลดราคาน้ำมันที่น่าตื่นเต้น และโง่เง่า เหลวไหล โดยยกเลิกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ไปเสียอีก เรียกว่าหันซ้ายก็ไม่มีเงิน หันขวาก็ไม่มีสตางค์ สุดท้ายก็ต้องไปกู้หนี้สาธารณะมาอุดหนุนราคาในปัจจุบัน ให้ลูกหลานไปใช้หนี้ในอนาคต ใช่หรือเปล่าครับ

สอง แนวคิดคุณมิ่งขวัญหากมุ่งจะใช้เงินจากกระเป๋ารัฐบาลด้านเดียว แต่ไม่ได้มีแผนการที่จะรื้อกติกาไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ครัวเรือนเปลี่ยนกลับไปยืนในลำดับต้นก่อนบริษัทปิโตรเคมิคัล ก็คือให้ครัวเรือนได้ใช้ก๊าซหุงต้มก่อน เมื่อใช้หมดแล้ว เหลือเท่าไรปิโตรเคมิคัลก็เอาไปใช้ ถ้าไม่เหลือ ปิโตรเคมิคัลก็ต้องสั่งก๊าซจากนอกประเทศมาใช้เอง แนวคิดแบบนี้ประชาชนอาจจะมองได้ว่าเป็นการปกป้องคุ้มครองประโยชน์และกำไรบริษัทกลุ่มเอกชนบางกลุ่มที่มีบริษัทลูกทำธุรกิจปิโตรเคมิคัลโดยตรงหรือไม่ คุณธีระชัยตั้งคำถาม ผมตอบให้ก็ได้ ปกป้องอยู่แล้วงานนี้ นโยบายคุณมิ่งขวัญชัดเจน ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องกลุ่มทุนพลังงาน

คุณธีระชัยยังมีความเห็นว่า การออกนโยบายที่ประชาชนรู้สึกได้ว่าเอื้อต่อภาคธุรกิจ ย่อมมีความเสี่ยงต่อภาพพจน์ทางการเมืองของพรรคการเมือง ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่ามีกลุ่มทุนพลังงานแทรกซึมเข้าไปในพรรคการเมืองหรือไม่ คุณธีระชัยตั้งข้อสังเกต แต่ผมไม่ตั้งข้อสังเกตล่ะ ผมฟันธงเลย กลุ่มทุนพลังงานแทรกซึมเข้าไปในพรรคพลังประชารัฐ และผ่านคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์


ส่วนคุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์สื่อถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐนำแนวทางการลดราคาน้ำมันของนายมิ่งขวัญไปเป็นนโยบายด้านพลังงานของพรรคฯ เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา ตามที่พรรคพลังประชารัฐได้มีมติในเรื่องนี้ ถึงแม้คุณสนธิรัตน์จะเป็นเสียงส่วนน้อยตามแนวทางนี้ แต่ยอมรับในมติของพรรค น่าเสียดาย ท่านผู้ชมครับ คุณสนธิรัตน์ครับ เรื่องเฮงซวยแบบนี้ ไปยอมรับมติพรรคได้อย่างไร เป็นผม ผมไม่อยู่แล้วไอ้พรรคบ้านี่ อย่างไรก็ดี ผมขอย้ำว่า ผมมีแนวคิดว่าในการดำเนินการนโยบายควรคำนึงถึงการทำให้การจัดการเรื่องราคาน้ำมันมีความยั่งยืน และต้องระลึกถึงการปฏิรูปโครงสร้างราคาน้ำมันที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างสูงสุด ทั้งนี้ ในส่วนของรายละเอียดนั้น ตนขอเรียนว่าให้ท่านสอบถามทางคุณมิ่งขวัญ ซึ่งเป็นผู้เสนอและรับผิดชอบต่อนโยบายนี้

ท่านผู้ชมครับ มีคนที่เชี่ยวชาญด้านการลงทุนบอกว่า ลดราคาน้ำมันด้วยภาษีที่สูงมาก ขัดต่อวินัยทางการเงินและส่งผลเสียดังต่อไปนี้ คุณมิ่งขวัญตั้งใจฟังให้ดีๆ นะ

หนึ่ง นโยบายคุณมิ่งขวัญสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคได้ไม่มากนัก เนื่องจากมองเห็นว่าในอนาคตน้ำมันต้องกลับขึ้นมาอยู่ที่เดิม เพราะไม่เก็บภาษี เป็นเรื่องที่ไม่อาจจะทำได้ตลอดไป จะทำได้อย่างไรครับ คุณไม่เก็บภาษีเลย ถ้าคุณไม่เก็บในระยะสั้น ในที่สุดคุณก็ต้องกลับมาเก็บอีกเหมือนเดิม ถ้าคุณไม่เก็บตอนนี้ ราคามันต่ำ แต่พอคุณกลับมาเก็บ ราคาก็สูงปรี๊ดขึ้นมาอีก นอกจากนี้ การที่กองทุนน้ำมันฯ ก็ยังเป็นหนี้มากถึง 1 แสนล้านบาท ก็มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บเงินเข้ากองทุนฯ มาใช้หนี้อยู่ดี ที่สำคัญ ทำได้ระยะสั้น ผู้ประกอบการจะไม่ลดราคาสินค้า หรือลดได้ไม่มาก เพราะต้นทุนที่ประหยัดจะตุนเอาไว้เป็นเสบียงจากความผันผวนของนโยบาย และจากความเหลวไหลของคุณมิ่งขวัญ จึงกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มากอย่างที่คาดหวัง

สอง ไม่อาจจะดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือที่เรียกว่า FDI : Foreign Direct Investment เนื่องจากการลงทุนประเภทนี้ใช้เวลาคืนทุนประมาณกว่า 5 ปี ทำให้ราคาน้ำมันถูกเพียง 1 ปี มันไม่โดนใจ แต่ควรเป็นนโยบายให้ยาวสอดรับกับการลงทุนระยะยาวของนักลงทุน

สาม นโยบายของคุณมิ่งขวัญอาจใช้เงินมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ของงบกลาง ขณะที่หนี้รัฐบาลต่อ GDP อยู่ในระดับสูงมากแล้วสำหรับประเทศกำลังพัฒนา มีความเปราะบางทางเศรษฐกิจ และก่อหนี้ทุกก้อนที่เพิ่มขึ้น จะถูกจับตาโดยบริษัทจัดอันดับเครดิต หากมีวิกฤตมากระทบไทยอีกรอบหนึ่ง ประเทศไทยอาจจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีมุมมองการลงทุนเป็นลบ การลงทุนใหม่ก็จะหยุดทันทีเพื่อดูเหตุการณ์ และหากถูกลดอันดับเครดิตลงไป จะเสียหายต่อประเทศอย่างมาก กองทุนเหล่านี้จะขายหุ้นและพันธบัตรรัฐบาลไทยออกมาทันที ไม่เช่นนั้นจะผิดเงื่อนไขต่อนักลงทุน ตลาดทุนจะตกลงอย่างหนัก จะเกิดวิกฤตการณ์ตลาดทุนซ้ำเดิมอีก อาจจะทำให้เกิดวิกฤตการณ์เงินทุนไหลออก กลายเป็นวิกฤตการณ์ตลาดเงินไปอีก


สรุป ความจริงก่อนหน้านี้นับว่าเป็นโชคของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้คนอย่างคุณสนธิรัตน์ คุณธีระชัย หม่อมกรกสิวัฒน์ มาวางแผนนโยบายพลังงานให้พรรคพลังประชารัฐ แต่พอเลือกตั้งใกล้เข้ามา ผู้บริหารพรรคกลับเห็นแก่การตลาดแบบฉาบฉวยของคุณมิ่งขวัญ ผมย้ำนะครับท่านผู้ชม "การตลาดแบบฉาบฉวยของคุณมิ่งขวัญ" ที่ไม่รู้จริงและไม่รับผิดชอบ ดังนั้นเขาจึงมีข้อคิด 3 ประการ

หนึ่ง ผมสมน้ำหน้าที่สุด พอคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ นำเสนอเรื่องนี้ออกมา ก็มีแต่คนรุมด่า รุมค้าน ทั้งในพรรคและนอกพรรค เพราะแต่ไหนแต่ไรมาพิสูจน์ว่าคุณมิ่งขวัญไม่เคยสนใจเรื่องพลังงานแต่อย่างใดเลย มีแต่นโยบายขายฝัน เอาแสงใส่ตัว สุดท้ายนโยบายนี้ก็แป้ก

สอง น่าเสียดายที่สุดคือ ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ผมนึกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ได้คนดีมีฝีมือไปแล้ว ในที่สุดเรื่องนี้พิสูจน์ได้ว่า ไม่มีอะไรใหม่เลย ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่เลย ถ้ามันเป็นอย่างนี้ พล.อ.ประวิตร ครับ ท่านไม่เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วท่านผู้ชมครับ ถ้าเดิมทีท่านคิดว่าท่านจะลงคะแนนเสียงให้พรรคพลังประชารัฐในเรื่องพลังงาน ท่านอย่าไปเลือกเลยครับพรรคพลังประชารัฐ หนึ่งเสียงก็อย่าไปให้ เพราะเป็นคนที่ไม่จริงใจต่อประชาชน ไม่จริงใจต่อชาติบ้านเมือง ทำทุกอย่างเพื่อแสงของผู้ที่เป็นนักการเมือง ทำทุกอย่างระยะสั้น หลอกพ่อแม่พี่น้องประชาชนเรื่องราคาน้ำมันระยะสั้น แล้วหลังจากนั้นก็ตีหัวพี่น้องประชาชนต่อไป เพียงเพื่อต้องการเสียงท่านผู้ชม พี่น้องประชาชน อย่าไปเลือกครับท่านผู้ชม แล้วผมผิดหวัง พล.อ.ประวิตร มาก ผมคิดว่าท่านทำอะไรก็ดี แต่ท่านเป็นคนที่หลงเชื่อคนง่าย ตอนนี้ท่านกลายเป็นผู้ใหญ่ที่เริ่มจะเหลวไหลมากขึ้นทุกวัน


สาม น่าเสียใจคือการเอาคุณธีระชัย กับหม่อมกรฯ เขากระโดดเข้าสู่การเมืองแบบไม่หวังผลประโยชน์เลย เพราะเข้าพรรคพลังประชารัฐไป เขาไม่ได้ขอตำแหน่ง ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ ก็ไม่ได้มีชื่อ เขาหวังจะผลักดันนโยบายพลังงานที่ยั่งยืนและเป็นรูปธรรมให้กับประชาชน สุดท้ายแล้วก็โดนคุณมิ่งขวัญจอมหิวแสงหักหลัง ร่วมกับกลุ่มทุนพลังงานมาเสนอนโยบายที่เข้าทางกลุ่มทุนพลังงาน

ถ้าผมมีอะไรจะแนะนำ ผมจะแนะนำทั้งสองคน คือคุณธีระชัย และหม่อมกรฯ ว่า เมื่อพรรคฯ ไม่คิดปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ไม่เหมือนที่ พล.อ.ประวิตร เคยรับปากเอาไว้ ไม่เหมือนกับที่คุณธีระชัย และหม่อมกรฯ เคยโพสต์ถึงเหตุผลที่เข้าพรรคพลังประชารัฐไว้ มันไม่เป็นตามเจตจำนง ตามที่ตั้งใจไว้ จะอยู่ให้เปลืองตัวไปทำไม เป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมนโยบายฉาบฉวยแบบนี้ไปทำไมให้เสียเกียรติภูมิตัวเอง ผมแนะนำให้ลาออกไปเลย อย่าไปเสียเวลากับมันเลยแม้แต่นิดเดียว สติปัญญาพวกเราสูงส่งกว่าคนในพรรคพลังประชารัฐมากมายมหาศาล และพวกเราต่อสู้เรื่องพลังงาน ทำงานเพื่อส่วนรวมมาตลอด เพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อกลุ่มทุนพลังงาน ไปเสียเวลากับมันทำไมเรื่องพวกนี้

พล.อ.ประวิตร ครับ ผมภาวนาเลยครับ ผมไม่อยากให้ท่านเป็นนายกฯ เพราะท่านเป็นแล้วประเทศไทยมีคนอย่างมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ และมีคนซึ่งโลเลอย่างท่าน ไม้หลักปักขี้เลน ประเทศไทยไปไม่รอดหรอกครับ


สรุปเรื่องนี้ คุณธีระชัย หม่อมหลวงกรฯ ยืนยันว่าต้องปรับโครงสร้างของน้ำมัน ปรับอย่างไร ? ง่ายๆ น้ำมันวันนี้ที่แพง คือแพงราคาหน้าโรงกลั่น เพราะตั้งราคาสมมุติขึ้นมา ทำให้โรงกลั่นมีกำไรอย่างมหาศาล ถ้าเปลี่ยนแปลงนโยบายตรงนี้ แล้วพืชน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นเอทานอล หรือไบโอต่างๆ มันมีมาเฟียผูกขาดเอาไว้ มันก็เลยส่งต้นทุนนี้ทำให้พวกพืชน้ำมันพวกนี้ เอทานอล มันแพงกว่า แพงที่สุดในโลก แล้วเงินที่แพงเข้ากระเป๋าใคร ? เข้ากระเป๋ามาเฟียกลุ่มทุนพลังงาน

เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าแก้ตรงนี้ทางโครงสร้างได้ โรงกลั่นน้ำมันไม่ควรจะกำไรมากถึงขนาดนั้น ลดราคาค่ากลั่นลงไป ลดราคาหน้าโรงกลั่น บอกคุณเอาราคาหน้าโรงกลั่นมา คุณต้องตัดเรื่องเกี่ยวกับค่าขนส่งออกทิ้ง ค่าประกันภัยออกทิ้ง เพราะมันกลั่นในประเทศไทย และ สอง ก๊าซหุงต้ม ในเมื่อก๊าซในประเทศไทย ผลิตในประเทศไทย เพียงพอให้ใช้ในประเทศไทยหมดทุกอย่าง ต้องเอาครัวเรือน คือก๊าซหุงต้ม ให้กับประชาชนเป็นอันดับแรก ให้ใช้ให้หมดเลย ในราคาที่ถูก


ถ้ามีไม่พอที่จะใช้ในการขนส่งหรือการอุตสาหกรรมปิโตรเคมิคัล ก็ให้หน่วยต่างๆ นั้นเขาไปสั่งก๊าซจากต่างประเทศเข้ามาแล้วให้เขาแบกรับต้นทุนเอง แต่ต้นทุนของก๊าซหุงต้มอยู่ที่ประชาชนต้องเป็นคนใช้คนแรกในราคาที่ต่ำ 

ท่านผู้ชมว่าง่ายไหม ? ง่าย นี่คือการปรับโครงสร้าง แล้วท่านผู้ชมไม่ถามตัวเองหรือ ว่าทำไมคุณมิ่งขวัญถึงไม่ทำ คำตอบไม่มีอะไรหรอก นอกจากว่า กลุ่มทุนพลังงานอยู่เบื้องหลังคุณมิ่งขวัญ และแทรกซึมเข้าไปหา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นี่คือสิ่งที่ผมบอกว่า ผมเสียดาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถ้าท่านเป็นเช่นนี้ ท่านไม่ควรจะเป็นนายกฯ เลยแม้แต่นิดเดียว ท่านเป็นเมื่อไร ประเทศไทยล้มละลายอย่างแน่นอนที่สุด และประชาชนคนไทยก็จะใช้น้ำมันแพงต่อไปอย่างมหาศาล


แม้กระทั่งล่าสุด คุณมิ่งขวัญออกมาคุยโวว่าจะลดค่าไฟเหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย โดยไม่เล่าให้ฟังว่าลดอย่างไร คือคุณมิ่งขวัญนี่นอกจากหิวแสงแล้ว ยังเป็นคนที่ชอบมโน แล้วคิดว่าคนไทยโง่ แต่เผอิญหม่อมกรกสิวัฒน์ ธีระชัย คุณรสนา อาจารย์ปานเทพ และผม ไม่ใช่คนโง่ ผมเลยมีหน้าที่เอาเบื้องหลังและตัวตนที่แท้จริงของคุณมิ่งขวัญ และทีมงานที่อยู่เบื้องหลังคุณมิ่งขวัญมาตีแผ่ให้พ่อแม่พี่น้องได้รับทราบว่า อย่าไปเลือกเลย พรรคพลังประชารัฐ

ค่าไฟโคตรแพง ?

ท่านผู้ชมรู้ไหม ตั้งแต่ปี 2563 สามปีที่แล้ว ผมได้เคยพูดเรื่องการปลดแอกพลังงานมาตั้งแต่ปี 2563 คุณมิ่งขวัญรับทราบไว้ด้วยนะ ผมพูดเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2563 แล้ว ผมพูดตอนนั้นผมจั่วหัวว่า "ถึงเวลาปลดแอกพลังงาน" ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ในแวดวงพลังงานระดับโลกเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องประชาธิปไตยทางการเมืองนะครับท่านผู้ชม เขามีการคิด ศึกษาวิจัย และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริงมาหลายสิบปีแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องของการกระจายการผูกขาด และประชาธิปไตยทางพลังงาน หลายคนอาจจะคิดไม่ถึงว่าพลังงานและเทคโนโลยีด้านพลังงานมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม อย่างมหาศาลอย่างไร


ท่านผู้ชมครับ การสนับสนุนโซลาร์เซลล์จะทำให้เกิดประชาธิปไตยด้านพลังงาน เป็นการสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงพลังงานสะอาดได้ด้วยตัวเอง เบื้องหลังที่ไม่มีใครคิดก็คือ การสนับสนุนพลังงานโซลาร์เซลล์เป็นการสร้างงานที่ยิ่งใหญ่มาก แม้แต่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเองก็สามารถออกมาร่วมทำงานด้วยได้ จะเกิดการสร้างงานทั่วประเทศ แก้ปัญหาราคาน้ำมัน ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และทำให้รถยนต์ไฟฟ้าไปได้อย่างฉลุยเลย

อนาคตของพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานทางเลือก โซลาร์เซลล์คือพลังงานสะอาด ราคาถูก ตอนต้นอาจจะมีราคาแพง อย่ามองว่าตอนนี้ราคาน้ำมัน ราคาก๊าซ ต่ำ ซึ่งตอนนี้ไม่ต่ำแล้ว ตอนที่ผมพูดเมื่อปี 2563 มันยังต่ำอยู่ มันเป็นสถานการณ์ชั่วคราว แต่ต้องทำให้ราคาพลังงานต่ำอย่างยั่งยืน รัฐบาลต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้ของแพงแล้วราคาต้องไม่แพง

เทคโนโลยีในระยะแรกจะแพงมาก แต่เมื่อมีการใช้มากขึ้น ก็จะเป็นเส้นโค้งการเรียนรู้ ซึ่งทำให้ต้นทุนถูกลง ยกตัวอย่างแผงโซลาร์เซลล์เมื่อก่อน 1 แผง ราคาหลักหมื่นบาท ตอนนี้พอจีนเริ่มผลิต มีการนำเข้า ราคาแผงโซลาร์เซลล์เหลือแค่หลักพัน ยกตัวอย่างว่าแผงโซลาร์ขนาดใหญ่ 330 วัตต์ ราคาแค่ 3,000-4,000 บาทเอง มีอายุการใช้งานตั้ง 20-25 ปี หรือ 30 ปี เสียด้วยซ้ำ


เทคโนโลยีโซลาร์เซลล์ก็เหมือนเทคโนโลยีอื่นๆ ยกตัวอย่าง โทรศัพท์มือถือตั้งแต่รุ่นกระเป๋าหิ้ว มาเป็นกระติกน้ำ ราคาหลักแสน ลดมา โนเกียหลักหมื่น มาไอโฟน มาจนถึงสมาร์ทโฟน แอนดรอยด์ ตอนนี้อย่างดีๆ ราคาก็ไม่กี่พันบาท โทรทัศน์สมัยก่อน โทรทัศน์จอแบน จอพลาสมา LCD, LED ออกมาใหม่ๆ แพงมาก เดี๋ยวนี้จ่ายไม่กี่พันบาทก็ได้แล้ว ทีวี 50-55 นิ้ว เมื่อก่อนราคาหลักแสน ตอนนี้หลักหมื่นต้นๆ

ถ้าเทียบเมื่อสิบปีก่อน ตอนนี้ทุนพลังงานโซลาร์เซลล์ถูกลงมาก ตอนนี้ติดอยู่อย่างเดียวคือ เทคโนโลยีระบบการกักเก็บพลังงาน หรือแบตเตอรี เท่านั้นที่ยังมีราคาสูงอยู่ แต่ราคาก็ลดลงมาเยอะแล้ว และทยอยลดลงอยู่เรื่อยๆ ไม่เกิน 5 ปี หรือ 10 ปีข้างหน้า ราคาจะถูกมากเลย

ท่านผู้ชมเชื่อไหม เรื่องบางเรื่องมันเป็นเส้นผมบังภูเขาจริงๆ ถ้าเราสามารถเอาพลังงานลงไปสู่ภาคประชาชน ให้ประชาชนเป็นผู้ผลิตพลังงานของตัวเอง ใช้อะไรผลิตล่ะ ? ใช้โซลาร์เซลล์ไง จากราคาหลักหมื่น ตอนนี้ราคาไม่กี่พัน ล่าสุดท่านผู้ชมก็เห็นแล้ว มีข่าวเรื่องคนใช้โซลาร์เซลล์ เปิดแอร์ 4 ตัว ค่าไฟลดลงมหาศาล จากค่าไฟราคาแพงมาก กลายเป็นเหลือ 71 บาท มีแอร์อยู่ 4 ตัว โซลาร์เซลล์ของเขาลงทุนประมาณ 2-3 แสนบาท


ท่านผู้ชมลองหลับตาวาดภาพ ถ้าเป็นนโยบายรัฐบาลส่งเสริมให้ประชาชนใช้พลังงานด้วยตัวเอง โดยใช้โซลาร์เซลล์ แสงอาทิตย์ไม่เสียเงิน ตัดระเบียบขั้นตอนต่างๆ ที่หยุมหยิมและมีข้อต่อรองเพื่อให้ประชาชนขอโซลาร์เซลล์ลำบากและอาจจะต้องเสียเงินเสียทองให้กับผู้มีอำนาจ ตัดมันทิ้งให้หมด ใครจะติดโซลาร์เซลล์ ไปซื้อแผงมาติดได้เลย สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำก็คือว่า จะทำอย่างไรให้แต่ละบ้านที่ติดโซลาร์เซลล์นั้น ถ้ามีไฟเหลือแล้วสามารถขายคืนให้กับรัฐบาลได้ ตรงนี้คือการปฏิวัติราคาค่าพลังงานทั่วประเทศไทย ไม่ใช่เส้นผมบังภูเขา แล้วมันเป็นอะไรล่ะ

สร้างงานได้ทั่วประเทศ สร้างอย่างไร ? ถ้าทุกบ้านในประเทศไทยเริ่มติดโซลาร์รูฟ หลังคาโซลาร์เซลล์ เสร็จเรียบร้อยแล้วใช้พลังงานในบ้าน ทั่วไปติด ธุรกิจการติดตั้งโซลาร์เซลล์ทั่วประเทศไทยจะเกิดขึ้นขนาดไหน มันก็จะเหมือนยุคหนึ่งสมัยหนึ่งที่มีคนซื้อมอเตอร์ไซค์เยอะ แล้วก็มีร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์เกิดขึ้นเต็มไปหมดเลย มอเตอร์ไซค์ใครเสียก็เอาไปซ่อม โซลาร์รูฟของใครไม่ทำงานก็ไปบอกช่างประจำอำเภอ ประจำตำบล เข้ามาซ่อมให้ ท่านผู้ชมเห็นไหมว่าสร้างงานทั่วประเทศไทยได้ ประชาชนลดต้นทุนในการใช้จ่ายได้เห็นได้ชัดๆ จากหลักหมื่นบาท เหลือแค่ 71 บาท ลดไปเท่าไร


เพียงแต่ว่าทำอย่างไรรัฐบาลต้อหาทางให้ประชาชนที่ไม่มีเงินเริ่มต้น ให้เขาหาเงิน กู้เงินได้สักหนึ่งแสน หรือแสนห้า ระยะเวลาผ่อนส่ง 7 ปี มีดอกเบี้ยราคาต่ำสุด อาจจะ 1 เปอร์เซ็นต์ โดยที่ไม่ต้องเอาอะไรมาค้ำประกัน กู้แล้วก็เอาไปซื้อโซลาร์เซลล์ ไปจ้างเขาติดโซลาร์เซลล์ แล้วค่าไฟจากที่เคยแพงหลายพันบาทต่อเดือน เหลือเพียงไม่กี่สิบบาทต่อเดือน เขาประหยัดไปเท่าไร ท่านผู้ชมเห็นหรือยังว่าแค่นั้นเอง ราคาพลังงานลดทันทีเลย ค่าไฟก็ลดทันทีเลย ทุกอย่างลดหมด แล้วท่านผู้ชมหลับตา ตามผมมา

ถ้าตำบลหนึ่ง หรืออำเภอหนึ่ง ทุกบ้านใช้โซลาร์เซลล์หมด ไฟที่เหลือนอกจากจะขายคืนได้แล้ว ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ? หาแบตเตอรีมาบรรจุไฟ ซึ่งตอนนั้นแบตเตอรีก็ราคาถูกลงแล้ว แล้วก็ให้สหกรณ์ของตำบลนั้นทำสถานีชาร์จไฟฟ้ารถ EV ทุกตำบล ก็เท่ากับว่าทุกตำบล ถ้าท่านผู้ชมซื้อรถไฟฟ้า ก็สามารถจะขับไปตำบลไหนก็ได้ทั่วประเทศไทย 77 จังหวัด ไม่ต้องไปหาแหล่งชาร์จแล้ว ไม่ต้องแวะปั๊ม ปตท. ปั๊มที่มีแหล่งชาร์จ ทุกตำบลจะมีหัวจ่ายชาร์ไฟให้ แล้วถ้ารถ EV เกิดขึ้นมามากพอที่จะทำให้มีผลต่อการนำเข้าน้ำมันเพื่อเอามาให้รถยนต์ใช้ ยอดนำเข้าจะลดลงมหาศาล น้ำมันแทบจะไม่มีความหมายอีกต่อไป ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง แค่นี้เอง


ผมไม่หวงห้ามลิขสิทธิ์นี้ พรรคการเมืองไหนอยากจะใช้นโยบายนี้ ไปหาวิธีการมาว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนเขามีสิทธิ์กู้เงินได้ไม่เกินแสนห้า หรือสองแสนบาท ระยะเวลา 7 ปี เพื่อเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อ/จ้างเขาติดโซลาร์เซลล์ ก็จะมีร้านค้าต่างๆ บริษัทต่างๆ ตั้งขึ้นมาทั่วประเทศไทย รับจ้างติดโซลาร์เซลล์ รับตรวจสอบ รับซ่อมแซมโซลาร์เซลล์ ท่านผู้ชม งานมันเกิดขึ้นทั่วประเทศไทย งานเกิดขึ้นหมดเลยทั่วประเทศไทย ดึงเศรษฐกิจขึ้นมาทันที และเราก็จะไม่เดือดร้อนอีกต่อไป ใครก็ได้ครับ ยกเว้นพลังประชารัฐ เอานโยบายนี้ไปใช้ได้ พลังประชารัฐไม่ต้องเอาไปใช้ เพราะผมรู้ว่าคุณเลือกเอานโยบายเหลวไหลของมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ไปแล้ว

ข้อมูลลับเพนตากอนรั่ว ผลกระทบใหญ่หลวง

ท่านผู้ชมครับ เมื่อประมาณต้นมีนาคม ที่ผ่านมา มันมีเอกสารลับของเพนตากอน หรือกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา รั่วไหลออกมาทางออนไลน์ รั่วไหลมาบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ดิสคอร์ด (Discord) ของเกม Minecraft ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมของเหล่าเกมเมอร์ในการใช้พูดคุยกันระหว่างเล่นเกม


ภาพที่เห็นเป็นภาพของเอกสารยับยู่ยี่ ซึ่งวางอยู่บนนิตยสาร รายล้อมไปด้วยสิ่งอื่นๆ เช่น ถุงซิปปิด ราวกับว่าเอกสารรั่วไหลพวกนี้ถูกเก็บอย่างเร่งรีบและยัดใส่กระเป๋าก่อนจะถูกนำมาเผยแพร่ แม้ทางการอเมริกาจะตามไล่ลบเอกสารลับที่รั่วไหลที่เผยแพร่ในทวิตเตอร์ และเทเลแกรม แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ


ต่อมา ในช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมานี้ พฤหัสบดีที่ 13 เมษายน ทาง FBI ได้จับกุมผู้ก่อเหตุ คือ จ่าอากาศโท แจ๊ก เทเซรา (Jack Teixeira) ทหารอากาศวัย 21 ปี ที่เมืองดีตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ จ่าอากาศโท เทเซรา สังกัดอยู่ที่กองกำลังรักษาดินแดน ก็คือเป็นทหารพิเศษที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า National Guardsman ของแมสซาชูเซตส์ เขาถูกนำตัวขึ้นศาลที่แขวงในเมืองบอสตันในเช้าวันศุกร์ที่ 14 ทันที เอกสารการแจ้งข้อกล่าวหา ระบุว่า เทเซรา ได้รับสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลความมั่นคงขั้นลับสุดยอด ตั้งแต่ปี 2564 เขาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ไอทีระดับล่าง มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลระบบไซเบอร์ทรานสปอร์ตซิสเต็ม (Cyber Transport System) ทำให้ต้องทำงานกับเครือข่ายที่มีข้อมูลความลับสูง และเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงได้รับสิทธิ์ให้เข้าถึงข้อมูลลับขนาดนี้


เอกสารคำฟ้องระบุด้วยว่า เขาเริ่มโพสต์ข้อมูลที่เกี่ยวกับเอกสารลับทางออนไลน์ในช่วงเดือนธันวาคม 2565 และโพสต์บรรดารูปถ่ายเอกสารในเดือนมกราคม 2566 มีคนๆ หนึ่งซึ่งไม่ยอมเปิดเผยรายชื่อ ได้เปิดเผยกับ FBI ว่า เทเซรา บอกว่าเขากังวลเกี่ยวกับการคัดลอกข้อมูลในที่ทำงาน จึงนำเอกสารกลับไปที่บ้านและถ่ายรูปเก็บไว้


เอกสารบางฉบับเป็นข้อมูลลับสุดยอด เช่น เอกสารที่รายงานการลอบดักฟังโทรศัพท์ของพันธมิตรและศัตรูรายสำคัญ และการประเมินสถานการณ์จริงของสถานภาพของสงครามยูเครน เจ้าหน้าที่หลายคนกล่าวกับสำนักข่าว CNN เชื่อว่าเทเซรา เป็นหัวหน้าห้องแชตบนแพลตฟอร์มดิสคอร์ด ที่เปิดรับเฉพาะผู้ได้รับเชิญเท่านั้น ซึ่งข้อมูลจากเอกสารลับถูกโพสต์ครั้งแรกในห้องแชตนี้เมื่อหลายเดือนก่อน


บันทึกคำให้การระบุว่า เทเซรา ใช้ชื่อจริง และให้ข้อมูลที่บ้านของเขาในรัฐแมสซาชูเซตส์ สำหรับเป็นข้อมูลการเรียกเก็บเงินที่เกี่ยวข้องกับบัญชีดิสคอร์ด แล้วข้อมูลที่เปิดเผยออกมา มันฉีกหน้ากระทรวงกลาโหม และรัฐบาลไบเดน ว่ากำลังโกหกครั้งมโหฬารต่อประชาชนของตัวเอง ต่อชาวโลก


วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน พล.อ.ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเองนั้นทราบเป็นครั้งแรกเมื่อเพนตากอน หรือกระทรวงกลาโหม ประสบปัญหาการรั่วไหลของเอกสารลับจำนวนมาก ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันภัยทางอากาศสำหรับยูเครน ความพยายามของทหารสหรัฐฯ ในสงครามยูเครน และข่าวกรองที่เกี่ยวข้องกับประเทศอื่นๆ ทำให้เห็นภาพที่น่ากลัวเกี่ยวกับแนวโน้มของการป้องกันทางอากาศของยูเครน โดยเอกสารนี้ทำนายว่า ยูเครนอาจจะต้องประสบกับความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงก่อนสิ้นเดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งในข้อเท็จจริงก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ในตอนนี้ เพราะว่าเมืองบักมุต ซึ่งเป็นเมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดที่เซเลนสกี และฝ่ายยูเครน และฝ่ายตะวันตก พยายามจะยันกองทัพรัสเซียเอาไว้ ตอนนี้ข่าวหลุดออกมาแล้วว่า รัสเซียยึดเมืองบักมุตได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว

จากการตรวจสอบเอกสารที่รั่วไหลออกมาจำนวน 53 ฉบับ ของหน่วยข่าวกรอง ของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักข่าวกรองของกระทรวงกลาโหม สำนักข่าวกรองภูมิสารสนเทศแห่งชาติ สำนักความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งทั้งหมดมีตราประทับว่า "เป็นความลับ" และ "ความลับสุดยอด" SECRET และ TOP SECRET เอกสารบางอย่างถูกจัดทำขึ้นระหว่างกลางเดือนกุมภาพันธ์ ปีนี้ ถึงต้นเดือนมีนาคม 2566 เพราะฉะนั้นข้อมูลที่ออกมาในเอกสารลับนี้ เป็นข้อมูลที่ค่อนข้างจะทันสมัยและทันต่อเหตุการณ์ ไม่ล้าสมัยเลย

เอกสารข้อมูลต่างๆ เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าที่ผ่านมาอเมริกานั้นได้สอดแนม แอบดักฟังโทรศัพท์และคู่ขัดแย้งอย่างใกล้ชิดมากขึ้น แม้กระทั่งล่าสุด ท่านเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ก็ออกมาโวยวายว่าตัวท่านเองก็ถูกแอบดักฟังโทรศัพท์เหมือนกัน


การรั่วไหลครั้งนี้ได้สร้างความสั่นคลอนกับกระทรวงกลาโหมอย่างมาก โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งประกอบด้วยผู้นำกองทัพระดับสูงสุดของกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีหน้าที่ให้คำแนะนำต่อประธานาธิบดี เอกสารหลายฉบับนี้มีเครื่องหมายระบุว่าจัดทำโดยหน่วยข่าวกรองสังกัดเสนาธิการร่วม หรือที่รู้จักกันในชื่อ J2 คือ Joint Chiefs of Staff และดูเหมือนจะเป็นเอกสารสรุปข่าวกรองรายวันขนาดใหญ่ที่จัดทำโดยกระทรวงกลาโหมอเมริกาเกี่ยวกับข้อมูลลับด้านสงครามสำหรับผู้นำระดับสูง คือว่าผู้นำระดับสูงนั้นจะได้มีการรับรายงานจากหน่วยข่าวกรองของกระทรวงกลาโหม ของ CIA ของสภาความมั่นคง ทั้งหมดนี้มารวมอยู่ในเอกสารลับชุดนี้ และอันนี้ก็คือข้อมูลที่ค่อนข้างจะถูกกลั่นกรองมาแล้ว และเป็นข้อเท็จจริงที่ออกมาว่าสถานภาพที่แท้จริงของสงครามนั้นเป็นอย่างไร

ท่านผู้ชมครับ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล ระบุว่า รายงานที่นำเสนอต่อกระทรวงกลาโหมเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ระบุว่า ยูเครนเพิ่มปริมาณการใช้ขีปนาวุธบั๊ตราว 69 ลูกต่อเดือน และขีปนาวุธ S300 จำนวน 200 ลูกต่อเดือน เอกสารดังกล่าวลงวันที่ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ระบุด้วยว่า เมื่อคำนวณจากอัตราการยิงเช่นนี้ ภายในวันที่ 3 พฤษภาคม กองกำลังยูเครนจะไม่เหลืออาวุธให้ต่อสู้แล้ว โดยเฉพาะเอกสารลับเตือนว่า กระสุนขีปนาวุธระบบป้องกันภัยทางอากาศ S300 ของยูเครน กำลังจะหมดคลัง ขณะที่ระบบป้องกันภัยทางอากาศอื่นๆ ของประเทศอาจจะหมดภายในวันที่ 23 พฤษภาคม 2566


ท่านผู้ชมครับ ขีปนาวุธต่อต้านการโจมตีทางอากาศ S300 นั้น ต้นทางที่มาก็คือเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซีย ระบุว่า ระบบต่างๆ เช่น S300 คิดเป็น 89 เปอร์เซ็นต์ความสามารถ คือพูดง่ายๆ ว่าความสามารถของยูเครนในการป้องภันภัยทางอากาศของยูเครนนั้น 89 เปอร์เซ็นต์ ต้องพึ่งระบบ S300 ของรัสเซีย และกระสุนกำลังจะหมดแล้ว

ที่ผ่านมา นายเซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เรียกร้องให้อเมริกาและพันธมิตรจัดระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ระบุว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศนั้นมีความสำคัญอันดับหนึ่ง นอกจากนี้แล้ว เซเลนสกี และผู้ช่วยของเขา ยังร้องขอเครื่องบินรบที่ผลิตโดยตะวันตก อย่างเช่น F-16 ของอเมริกา อย่างไรก็ตาม ชาติตะวันตก ยุโรปบางส่วน บอกว่า เขาเปิดรับความคิด แต่ก็ยังปฏิเสธ ไม่ส่งเครื่องบินให้

ท่านผู้ชมครับ ประเด็นสำคัญของเอกสารลับเพนตากอนที่รั่วไหลเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ ระบุชัดเจนว่า ยูเครนจะใช้ขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศจนเกือบหมดภายในเดือนพฤษภาคม 2566 นี้ และด้วยแนวโน้มต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่รัสเซียครองความได้เปรียบบนท้องฟ้า คือรัสเซียส่งเครื่องบิน หรือขีปนาวุธยิงเข้ายูเครนตลอดเวลา ก็มีเฉพาะ S300 นั้นที่พอจะป้องกันได้

ปัจจุบันรัสเซียมีฝูงเครื่องบินขับไล่ 485 ลำ ยูเครนมีเหลือ 85 ลำ ยูเครนจึงร้องขอระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติมจากตะวันตกมาหลายเดือนแล้ว

จะให้ผมสรุปแบบสั้นๆ เป็นข้อๆ เกี่ยวกับเนื้อหาเอกสารที่หลุดนั้น บ่งชี้ว่าอย่างไร ?

ข้อที่หนึ่ง เอกสารหลุดเป็นรายงานสถานการณ์สงครามในยูเครน ในช่วงกุมภาพันธ์ และมีนาคม 2566 ก็คือพูดง่ายๆ ว่าแม่นยำมาก เพราะว่าเพิ่งรายงานเหตุการณ์เมื่อเดือนที่แล้วเอง ณ วันนี้ คือวันที่ 21 เมษายน แต่เอกสารรายงานนี้สิ้นสุดเอาเดือนมีนาคม ก็คือสิ้นเดือนที่แล้วนั่นเอง


ข้อที่สอง นัยสำคัญของข้อมูลคือ ยูเครน เอกสารรายงานว่า กำลังสุ่มเสี่ยงที่จะพ่ายแพ้สงคราม โดยอเมริกามีความหวังค่อนข้างน้อยต่อโอกาสที่กองทัพยูเครนจะตอบโต้รัสเซียได้อย่างมีนัยสำคัญ

เจ้าหน้าที่ที่เขียนเอกสารลับระบุว่า ชัยชนะสำหรับยูเครนจะเป็นเรื่องยากที่จะบรรลุผลสำเร็จ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรหากการประเมินทางฝั่งสหรัฐฯ จะชี้ไปว่า มีแนวโน้มที่ทั้งสองฝ่ายจะตั้งยันกันตลอดปี 2566 ซึ่งจะเปิดเผยต่อสาธารณะ

ข้อที่สาม อเมริกาแสดงความไม่พอใจ โดยเห็นว่าจุดยืนของนายอังตอนียู กูแตรึซ เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ เรื่องการผ่อนปรนต่อข้อตกลงการส่งออกธัญพืช กระทบต่อความพยายามที่จะลงโทษรัสเซียต่อสงครามในยูเครน

ข้อที่สี่ เอกสารลับบอกว่า อเมริกายอมรับว่ามีกองกำลังพิเศษชาติตะวันตก คือทหารทางชาติตะวันตก มาปฏิบัติการในยูเครน มีทหารจากอังกฤษ 50 นาย ลัตเวีย อียู 17 นาย ฝรั่งเศส 15 นาย และมีอเมริกาอีก 14 นาย อันนี้เป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อนมาก และกระทบ สร้างความหวั่นไหวให้กับชาติตะวันตก

นอกจากนี้แล้ว ในเอกสารลับมีข้อมูลเกี่ยวกับกองทหารยูเครนที่เกิดขึ้นใหม่ 12 กองพล มี 9 กองพลดูเหมือนว่าจะได้รับการฝึกฝนและจัดหาโดยสหรัฐอเมริกา และพันธมิตรอื่นๆ ของสมาชิกนาโต โดย 6 กองพลใน 9 กองพล คาดว่าจะพร้อมรบในวันที่ 31 มีนาคม 2566 ส่วนที่เหลือ ภายในวันที่ 30 เมษายน 2566

เนื้อหาเอกสารยังเน้นถึงความต้องการรถถังของยูเครนถึง 250 คัน และยานรบทหารราบ 350 คัน สำหรับแผนปฏิบัติการ นอกจากนี้ ยังระบุถึงอัตราค่าใช้จ่ายสำหรับอาวุธยุทโธปกรณ์ภายใต้การควบคุมทางทหารของยูเครน รวมทั้งระบบจรวดไฮมาร์ส(HIMARS)อีกด้วย


ข้อที่ห้า ระบุมาเลย ในเอกสารนี้ระบุว่า อเมริกาสอดแนมชาติต่างๆ รวมทั้งชาติพันธมิตร ระบุว่า อียิปต์กำลังวางแผนอย่างลับๆ เพื่อสนับสนุนจรวดให้รัสเซีย เกาหลีใต้ตกในจุดยืนที่ยากลำบาก เพราะอเมริกากดดันให้จำหน่ายกระสุนปืนใหญ่ให้ยูเครน แต่เกาหลีใต้ไม่ต้องการติดอาวุธให้ประเทศใดๆ ในสงคราม

เอกสารอีกฉบับหนึ่งอธิบายรายละเอียดการสนทนาของเจ้าหน้าที่อาวุโสระดับความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ 2 คน เกี่ยวกับข้อกังวลของสภาความมั่นคงแห่งชาติ เกี่ยวกับคำขอของสหรัฐฯ สำหรับการจัดหากระสุนให้ยูเครน โดยเจ้าหน้าที่กังวลว่า การจัดหากระสุนที่อเมริกาจะส่งให้ยูเครนนั้นจะเป็นการละเมิดนโยบายของเกาหลีใต้ที่จะไม่ให้ความช่วยเหลือที่เป็นอันตรายให้กับประเทศที่อยู่ในภาวะสงคราม โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของเกาหลีใต้แนะนำให้ขายกระสุนให้กับโปแลนด์แทน เพื่อหลีกเลี่้ยงการละเมิดนโยบาย และการดักฟังโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีใต้นั้น ก็เลยเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาในเกาหลีใต้ ทำให้สื่อมวลชนในเกาหลีใต้ ตลอดจนสังคมในเกาหลีใต้ แสดงความไม่พอใจอย่างยิ่งที่อเมริกา ในฐานะพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุด กลับมาแอบดักฟังโทรศัพท์คนของตัวเอง


รายงานข่าวกรองเกี่ยวกับอิสราเอลได้ก่อให้เกิดความไม่พอใจกับรัฐบาลอิสราเอล ซึ่งรายงานดังกล่าวจัดทำโดย CIA ระบุว่า หน่วยข่าวกรองหลักของอิสราเอล อย่างมอสสาด (Mossad) ได้สนับสนุนการประท้วงต่อต้านรัฐบาลใหม่ของนายกรัฐมนตรีเบนยามิน เนทันยาฮู และจีนกำลังดำเนินการทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิครุ่นใหม่ที่มีศักยภาพยิงได้ไกลถึง 2,100 กิโลเมตร ภายในระยะเวลา 12 นาที เท่านั้นเอง

ข้อที่หก อัตราการสูญเสียกองกำลังยูเครนต่อรัสเซีย คือ 4 ต่อ 1 หรือ 5 ต่อ 1 คือทหารยูเครนเสียชีวิต 4-5 คน ต่อทหารรัสเซียเสียชีวิต 1 คน แต่รายงานข่าวที่เป็นกลางและไม่เข้าข้างใคร ระบุว่า อัตราการสูญเสียของยูเครนต่อรัสเซียนั้น แท้ที่จริงแล้วมีประมาณ 7 ต่อ 1 คือทหารรัสเซียเสียชีวิต 1 คน ทหารยูเครนจะเสียชีวิตถึง 7 คน

ในประเด็นนี้ นายไมเคิล คอฟแมน ผู้อำนวยการฝ่ายรัสเซียศึกษา ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยที่เมืองอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย กล่าวว่า หนึ่งในภาพเอกสารลับระบุว่า ในสถานการณ์รบ ทหารรัสเซียเสียชีวิตราวๆ 16,000 คน ถึง 17,500 คน ขณะซึ่งทหารยูเครนเสียชีวิตถึง 71,500 คน ข้อมูลดังกล่าวแตกต่างจากข้อมูลของกระทรวงกลาโหม และนักวิเคราะห์อื่นๆ เปิดเผยต่อสาธารณะ โดยอ้างว่ารัสเซียได้รับความเสียหายมากกว่ายูเครนมาก คือทหารรัสเซียเกือบ 2 แสนคน ที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากสงคราม

ขณะที่เวลาที่ผ่านมา พล.อ.มาร์ก มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม เคยอ้างต่อสาธารณชนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ว่า รัสเซียสูญทหารมากกว่า 1 แสนนาย

ข้อเจ็ด ยูเครนกำลังสูญเสียความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศในเดือนหน้า คือพฤษภาคม 2566 หรืออย่างช้าที่สุดคือเดือนมิถุนายน 2566

ท่านผู้ชมครับ ขบวนการโกหกลวงโลกครั้งมโหฬารจากรัฐบาลสหรัฐฯ พันธมิตรนาโต และสื่อตะวันตกทั้งหมด ถ้าท่านผู้ชมจำได้ว่าในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 178 เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่้ผ่านมา ผมพูดตอนย่อยว่า "อเมริกาแทงหลังเพื่อน" ผมเคยพูดถึงนายสก็อตต์ ริชเตอร์ อดีตนายทหารหน่วยข่าวกรอง นาวิกโยธินชาวอเมริกา ซึ่งเป็นคนที่พูดจาตรงไปตรงมามากที่สุดคนหนึ่งของอเมริกา ได้ออกมาวิเคราะห์ล่วงหน้าไว้แล้ว


สก็อตต์ ริชเตอร์ บอกว่า แท้จริงแล้วรัฐบาลอเมริกาไม่มีศักยภาพพอที่จะต่อสู้กับรัสเซียด้วยกองทัพภาคพื้นดินยาวๆ ในยุโรป ขณะนี้ยูเครนได้รับความช่วยเหลือจากตะวันตกทางด้านอาวุธจำนวนมาก และหลายๆ อย่างก็ดีๆ ทั้งนั้น แต่ทั้งหมดนี้ถูกรัสเซียถล่มเสียเละ ถ้าเปิดฉากรบกันจริงๆ ระหว่างกองทัพรัฐบาลอเมริกา พร้อมพันธมิตร กับกองทัพรัสเซีย กองทัพอเมริกาจะพ่ายแพ้อย่างยับเยินตามมา พวกเขากำลังหมดกระสุนปืน และเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งรัสเซียได้

ด้วยเหตุที่ทราบดีว่าสถานภาพของยูเครนกำลังง่อนแง่นเต็มที่ พร้อมจะแพ้สงครามได้ทุกเมื่อ กระทรวงกลาโหมจึงได้สอดแนมพันธมิตร แอบดักฟังโทรศัพท์พันธมิตรของศัตรู ดักฟังโทรศัพท์ทุกสาย และเนื้อหาที่อ่อนไหวอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับยูเครน จีน ตะวันออกกลาง และผู้ก่อการร้าย โดยเฉพาะเอกสารที่หลุดออกมานั้นได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและแผนการทำสงครามของสหรัฐฯ ในยูเครน

ประเด็น สิ่งสำคัญที่สุดในการรั่้วไหลครั้งนี้ของเอกสารลับทางความมั่นคงที่เกี่ยวกับสงครามในยูเครน ถือว่าเป็นการรั่วไหลของเอกสารครั้งใหญ่ที่สุดในรอบสิบปี ถัดจากการปล่อยเอกสารลับของทางอเมริกาโดยเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ปี 2556 และวิกิลีกส์ นำโดยนายจูเลียน อาสซานจ์ ปี 2549

ไม่ใช่ว่าใครจะเป็นผู้ปล่อยเอกสารให้หลุดออกมา แต่เป็นเนื้อหา และข้อเท็จจริงที่เปิดโปงความโกหกพกลม และความโกหกตอแหลของอเมริกา กระทรวงกลาโหมอเมริกา รวมไปถึงลิ่วล้อชาติตะวันตกทั้งหลาย รวมเบ็ดเสร็จถึงสื่อมวลชนตะวันตกเกือบทั้งหมด สื่อมวลชนไทย และคนไทยใจฝรั่งอีกจำนวนหนึ่งด้วย ที่มัวลุ่มหลงมัวเมากับข้อมูลข่าวสารจากสื่อตะวันตก เช่น CNN, CNBC, รอยเตอร์, AP, BBC, บลูมเบิร์ก ไม่เว้นแม้กระทั่งหนังงสือพิมพ์หลักที่ได้รับความน่าเชื่อถืออย่างสูงมาตลอดอย่างนิวยอร์กไทมส์ วอชิงตันโพสต์ หรือวอลล์สตรีทเจอร์นัล ก็เป็นไปกับเขาด้วย นั่นคือพยายามโกหกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่ายูเครนกำลังชนะ รัสเซียกำลังแพ้ เซเลนสกี คือวีรบุรุษ ส่วนวลาดิมีร์ ปูติน นั้นเป็นอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ กลับชาติมาเกิด เป็นซาตานที่กำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยูเครน


ท่านผู้ชมครับ เมื่อการเปิดเผยมหกรรมการโกหกกลายเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรง มีพิธีกรคนหนึ่งของ FOX NEWS มีชื่อมาก คือ นายทักเกอร์ คาร์ลสัน (Tucker Carlson)

นายทักเกอร์ คาร์ลสัน เป็นฝ่ายรีพับลิกัน อยู่ตรงข้ามพรรคเดโมแครตของโจ ไบเดน แต่เขาก็พูดถึงเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในรายการ TUCKER CARLSON TONIGHT เป็นรายการของเขาเองผ่านทาง FOX NEWS เมื่อวันที่ 14 เมษายน เจ็ดวันที่แล้ว โดยคลิปเขาภายในระยะเวลา 5 วัน มีคนชม 2 ล้าน 6 แสนครั้ง คนกดไลก์กว่า 112,000 ครั้ง


ทักเกอร์ คาร์ลสัน เขาบอกว่า ประการที่หนึ่ง ช่วงระยะเวลา 14 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่สงครามในยูเครนปะทุขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เขาบอกว่าคนอเมริกาถูกกรอกหูว่าสงครามครั้งนี้ไม่ใช่สงครามตัวแทน แต่เป็นสงครามระหว่างฝ่ายธรรมะ (อเมริกา+ยูเครน) กับฝ่ายอธรรม (รัสเซีย) อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ไม่ได้กำลังทำสงครามกับรัสเซีย สงครามครั้งนี้เป็นสงครามระหว่างยูเครน กับ รัสเซีย

ประการที่สอง คนอเมริกาได้ยินคำพูดกรอกหูมาตลอด 14 เดือน ว่า ยูเครนกำลังชนะสงครามครั้งนี้ โดยสุดท้ายแล้วชัยชนะจะตกเป็นของฝ่ายธรรมะ คือ อเมริกา นาโต และยูเครน อย่างแน่นอน ทั้งนี้ คนที่พูดกรอกหูชาวอเมริกาทุกวัน คือผู้ที่กุมอำนาจอยู่ในแกนกลางของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นทำเนียบขาว คนอย่างเช่นนายจอห์น เคอร์บีย์ ซึ่งเป็นโฆษกประจำสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ

จอห์น เคอร์บีย์
หรือนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตลอดจนแม้กระทั่งนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีอเมริกา กระทรวงกลาโหมเช่นกัน ผู้นำพรรคการเมือง ทั้งพรรครีพับลิกัน เดโมแครต ซีอีโอต่างๆ เซเลบฯ ผู้มีชื่อเสียงจากหลายภาคส่วน ที่สำคัญ สื่อมวลชนทุกสาขาในอเมริกา โกหกหลอกลวง ตอแหลคนอเมริกามาตลอด นี่คือคำพูดของทักเกอร์ คาร์ลสัน นะครับ

ประเด็นสำคัญก็คือ สิ่งที่ชาวสหรัฐฯ ได้ยินมาตลอดเกี่ยวกับสงครามในยูเครนนั้น ทักเกอร์ บอกว่า เป็นคำโกหกทั้งสิ้น ทั้งนี้ สาเหตุของมหกรรมคำโกหกเกี่ยวกับสงครามยูเครนได้ถูกเปิดโปงออกมา ก็เพราะเอกสารลับสุดยอดที่ถูกเปิดเผยออกมาโดยผ่าน จ่าโทแจ๊ก เทเซรา ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียนั่นเอง

ประเด็นสำคัญที่เอกสารเหล่านี้ชี้ให้เห็นก็คือ สงครามครั้งนี้ไม่ใช่สงครามยูเครน กับ รัสเซีย เอกสารนี้ชี้ให้เห็นว่า ที่อเมริกาอ้างว่าเป็นสงครามยูเครน กับ รัสเซีย นั้นไม่ใช่ แท้ที่จริงแล้วเป็นสงครามระหว่างอเมริกา กับ รัสเซีย นั่นเอง

ทักเกอร์ คาร์ลสัน พูดต่อ นี่ไม่ใช่สงครามของยูเครน แต่เป็นสงครามของเรา อเมริกากำลังสู้รบโดยตรงกับรัสเซีย ระหว่างที่ผมพูดถึงนี้ ทหารอเมริกันกำลังสู้รบกับทหารรัสเซีย จึงไม่ใช่ความขัดแย้งระดับภูมิภาค มันคือสงครามที่้เป็นรูปธรรมระหว่างมหาอำนาจนิวเคลียร์สองชาติของโลก พิธีกรชื่อดังของ FOX NEWS กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม การทำสงครามครั้งนี้กลับไม่ได้ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ หรือรับรองจากรัฐสภาสหรัฐฯ เพราะฉะนั้นแล้ว การทำสงครามในยูเครนครั้งนี้จึงผิดกฎหมายอเมริกา และเป็นการก่ออาชญากรรมอย่างชัดเจน


ประการต่อมา สิ่งที่ชาวอเมริกาได้รับการเบิกเนตรจากเอกสารลับสุดยอดเหล่านี้ คือ ยูเครนกำลังแพ้สงคราม ยูเครนสูญเสียทหาร 7 นาย ต่อรัสเซียสูญเสียทหาร 1 นาย นอกจากนี้ ศักยภาพในการป้องกันภัยทางอากาศก็ถดถอยอย่างรวดเร็ว อันหมายความว่า ยูเครนกำลังพ่ายแพ้ต่อสงคราม

นายทักเกอร์ คาร์ลสัน พูดต่อ รัฐบาลไบเดนรู้เรื่องนี้ดี และตื่นตระหนกกับสถานการณ์ แต่พวกเขาโกหก บิดเบือนข้อเท็จจริงต่อสาธารณะ นายทักเกอร์ ยกตัวอย่างว่า สองสัปดาห์ก่อน พล.อ.ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพิ่งจะบอกกับวุฒิสภาสหรัฐฯ ว่ากำลังรบของรัสเซียถดถอยลง แปลได้ว่ารัสเซียกำลังจะแพ้สงคราม ตอน ลอยด์ ออสติน พูดเรื่องนี้ เขารู้ว่าเขากำลังโกหกอยู่ โกหกแท้ๆ รู้อยู่แล้ว และเขาก็พูดมันซ้ำแล้วซ้ำอีกต่อหน้าสมาชิกรัฐสภา นี่เป็นการกระทำความผิด การก่ออาชญากรรมอีกกระทงหนึ่ง


ทักเกอร์ คาร์ลสัน พูดต่อ แต่กลับกลายเป็นว่าผู้ถูกจับกุมกลับกลายเป็นนายทหารหนุ่มวัย 21 ปี จากกองกำลังรักษาดินแดนทางอากาศ แมนซาชูเซตส์ ผู้ที่เอาเอกสารมาระบุว่า ลอยด์ ออสติน กำลังโกหกออกมาเผยแพร่ ทักเกอร์ คาร์ลสัน บอกว่า เขา ก็คือทหารอากาศหนุ่มวัย 21 ปี กำลังเปิดโปงอาชญากรรม ดังนั้นเขาเลยกลายเป็นอาชญากร การพูดความจริงกลายเป็นการทำบาป และนี่คือสิ่งที่กรุงวอชิงตันกำลังกระทำอยู่ นายทักเกอร์ คาร์ลสัน พูดจาอย่างตรงไปตรงมา

ทักเกอร์ คาร์ลสัน กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่าตกใจไปกว่านี้คือพฤติกรรมอันน่ารังเกียจของสื่ออเมริกาทั้งหลายที่มีสิทธิ์และฐานันดรพิเศษในการรับการปกป้องจากรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ในการเผยแพร่ความจริง แต่กลับกลายเป็นว่าจากกรณีนี้ สื่ออเมริกากำลังรับงานของรัฐบาลอเมริกามา ช่วยรัฐบาลโกหก ออกมาไชโยโห่ร้องกับการจับกุมนายแจ๊ก เทเซรา ที่เอาข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสงครามยูเครนมาเปิดเผย ทั้งนี้และทั้งนั้น วอลล์สตรีทเจอร์นัล เปิดเผยรายงานด้วยว่า ข้อมูลจากคนใกล้ชิดยืนยันว่า แจ๊ก เทเซรา ไม่ใช่สายลับรัสเซีย หรือไม่ได้มีแนวความคิดที่โปรรัสเซียแต่อย่างใด


ท่านผู้ชมครับ ประเด็นที่ทุกคนต้องโฟกัสในเรื่องนี้ ซึ่งก็เหมือนกรณีที่ผมเคยเล่าให้ฟังไปแล้ว เรื่องการเปิดโปงของนายซีมัวร์ เฮิร์ช นักข่าวอาวุโสวัย 85 ปี ระดับเจ้าของพูลิตเซอร์ไพรส์ ซึ่งเป็นตำนานในเรื่องของการทำข่าวเจาะ กรณีที่สหรัฐฯ ใช้หน่วยสืบราชการลับจับมือกับหลายชาติกลุ่มสแกนดิเนเวีย ระเบิดท่อก๊าซนอร์ดสตรีม 1 และ 2 เพื่อมิให้เยอรมนีและชาติยุโรปอื่นๆ สามารถจะซื้อก๊าซจากรัสเซียมาใช้ได้ต่อไปอีก การกระทำดังกล่าวของ CIA และรัฐบาลสหรัฐฯ นั้น จริงๆ แล้วถือว่าเป็นการก่อการร้าย และก่ออาชญากรรมระหว่างประเทศ

ถึงแม้จะเป็นข่าวเจาะ เป็นข้อมูลที่นำเสนอโดยนายซีมัวร์ เฮิร์ช นักข่าวเจาะระดับปรมาจารย์ของอเมริกาเอง แต่สื่ออเมริกาที่สื่อเมืองไทยเทิดทูนนักหนาว่าเป็นพ่อ กลับปิดบังเรื่องนี้ ไม่ยอมพูดถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

ซีมัวร์ เฮิร์ช
ประเด็น ผมเคยพูดเตือนแล้วเตือนอีกไม่ใช่หรือว่า อเมริกานั้นไว้ใจไม่ได้ เอกอัครราชทูตอเมริกา หรืออุปทูต จริงๆ แล้วอีกสถานภาพหนึ่งคือเป็นหัวหน้า CIA ประจำประเทศนั้น ประมุข ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี บุคคลสำคัญในประเทศต่างๆ ล้วนแล้วแต่ถูกสหรัฐฯ สอดแนม แอบดักฟังโทรศัพท์ด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาติพันธมิตรทั้งหลาย ผมเคยเล่าให้ฟังแล้ว แม้กระทั่งนางอังเกลา แมร์เคิล อดีตผู้นำหญิงเหล็กของเยอรมนี ก็ยังเคยถูกสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติอเมริกา (NSA) สอดแนม ดักฟังโทรศัพท์ เป็นเวลาสิบกว่าปี


สัปดาห์ที่แล้ว ในรายการนี้ ผมก็กล่าวเตือนนักการเมืองไทย นักการทูตไทย รวมทั้งบรรดาคนไทยที่เห่อตะวันตก อเมริกา และอียู เป็นพ่อบังเกิดเกล้าทั้งหลายว่า อย่าไปไว้ใจทูตตะวันตก เพราะพวกนี้หน้าไหว้หลังหลอก นัดกินข้าว นัดกินกาแฟ นัดทานไวน์ นัดกินขนม หน้าตายิ้มแย้ม พูดคำหวาน แต่จริงๆ แล้วคือ ปากปราศรัยน้ำใจเชือดเฉือน ซ่อนดาบไว้ในรอยยิ้มด้วยกันทั้งสิ้น

จากเหตุการณ์เอกสารลับสุดยอดของเพนตากอนหลุดครั้งนี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นชัดถึงคำพูดของผมว่า เป็นเรื่องที่จริงแท้อย่างแน่นอน ส่วนนักการทูตหลายประเทศเปิดเผยกับ CNN ว่า รู้สึกตกใจและหงุดหงิดที่ข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ เขาพูดว่า เราคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะแบ่งปันการประเมินความเสียหายแก่เราในไม่กี่วันข้างหน้า แต่เราไม่สามารถจะรอการประเมินของพวกเขาได้ ตอนนี้เรากำลังดำเนินการประเมินความเสียหายของเราเอง และนี่คือคำพูดของเจ้าหน้าที่จากประเทศที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงแบ่งปันข่าวกรองของกลุ่ม FIVE EYES ซึ่งประกอบด้วย อเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ และ อังกฤษ


ท่านผู้ชมครับ สำหรับกรณีเอกสารข้อมูลลับสุดยอดเกี่ยวกับสงครามยูเครนที่หลุดออกมาจากเพนตากอน กระทรวงกลาโหมอเมริกานี้ ผมเห็นว่ายังมีคำถามที่น่าสนใจอีกคำถามหนึ่ง ท่านผู้ชมอาจจะมองว่ามันเป็นทฤษฎีสมคบคิด หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Conspiracy Theory ก็ได้นะ เพราะเวลานี้ได้เริ่มมีการพูดกันถึงในสื่อกระแสรองของอเมริกากันแล้วว่า พวกเขาตั้งข้อสังเกตว่า พลกำลังสำรอง หรือ National Guard หรือพูดตรงๆ ก็คือหน่วยรักษาดินแดน หรือ รด. ของเรา อายุแค่ 21 ปี เขาได้เอกสารลับสุดยอดนี้มาได้อย่างไร ? อายุแค่ 21 ปี มีความเป็นไปได้ว่าเป็นคนในกองทัพสหรัฐฯ ไม่พอใจมากเลยที่อเมริกาถลำลึกลงไปในสงครามยูเครน ก็เลยวางยารัฐบาลนายโจ ไบเดน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ พล.อ.ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ วางยาเลย ไม่พอใจเพราะรู้สึกว่าอเมริกากำลังเพลี่ยงพล้ำและถลำลึกลงไปเรื่อย ลึกลงไปเรื่อย ก็เลยใช้นายเทเซรา ทหารอากาศรักษาดินแดน รด. อายุ 21 ปี เป็นจุดที่จะปล่อยข้อมูลไป หรือการปล่อยข้อมูลข้อเท็จจริงเหล่านี้อาจจะเป็นการปูทางให้คนอเมริกันเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับการประกาศถอนตัวของอเมริกาจากสงครามในยูเครน ซึ่งสุดท้ายแล้วยูเครนไม่มีวันชนะรัสเซียได้อย่างแน่นอน


ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่ผมจะพูดก่อนจบ ผมให้หัวข้อว่า "สื่อไทยใจฝรั่ง" เครื่องมือขยายเสียงและคำโกหกของสื่อตะวันตก ท่านผู้ชมครับ ที่ผ่านมานั้น ถ้าท่านผู้ชมดูรายการผมมาตลอด ผมจะเตือนแล้วเตือนอีก พูดแล้วพูดอีก โดยเฉพาะสื่อไทยเกือบทั้งหมดที่สักแต่จะแปลข่าวต่างประเทศ อ่านข่าวภาษาอังกฤษมาแล้วก็แปลเป็นไทย ไม่ได้มีการผ่านเซลล์สมอง หรือรับข้อมูลด้านอื่น คัดกรอง ขบคิด ใช้เหตุใช้ผลวิเคราะห์ แยกแยะข้อมูลข้อเท็จจริงเลยว่าสิ่งที่รัฐบาลอเมริกา หรืออียู และสื่อตะวันตกเผยแพร่ออกมานั้นเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก

ผมจะยกตัวอย่างมาให้ดูกันหลายๆ ตัวอย่างของสื่อไทยที่ตกเป็นเครื่องมือของสำนักข่าวต่างประเทศทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น CNN, CNBC, รอยเตอร์, AP, AFP, BBC, บลูมเบิร์ก หรือแม้กระทั่งหนังสือพิมพ์อย่างเช่นวอชิงตันโพสต์ หรือนิวยอร์กไทมส์ วอลล์สตรีทเจอร์นัล


ท่านผู้ชมครับ เอาตัวอย่างมาเลย คนที่เชียร์อเมริกาเต็มๆ สุดๆ และเกลียดรัสเซียเป็นขี้เลยก็คือ Voice TV รายการ Wake Up Thailand ทางช่อง Voice TV ออกอากาศวันที่ 2 มีนาคม 2565 เขาระบุว่า "รัสเซียแพ้สงครามชัวร์!" ส่วนสื่อ Workpoint Today ซึ่งสัมภาษณ์ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งอาจจะเห็นว่าท่านเป็นถึงปลัดกระทรวงกลาโหม ท่านน่าจะรู้เรื่องทหารดี แต่หารู้ไม่ว่าคุณนิพัทธ์ ทองเล็ก นั้นก็ใช้คอนเซปต์ของการอ่านข่าวต่างประเทศเช่นกัน


คุณนิพัทธ์ ทองเล็ก พูดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 อ้างว่าทุกวันนี้นาโตรวมตัวเป็นเอกภาพที่สุด คุณนิพัทธ์ครับ คุณไปดูนาโตจริงๆ ก็แล้วกัน แตกแยกกันฉิบหายเลยตอนนี้ ฝรั่งเศสไปทางหนึ่ง ฮังการีไปอีกทางหนึ่ง ออสเตรียไม่ยุ่งกับใคร เยอรมนีประชาชนออกมาประท้วง ฝรั่งเศสประชาชนออกมาประท้วงนโยบายของมาครง อังกฤษก็จะพังทลายอยู่แล้วทุกวันนี้ เป็นเอกภาพอะไรครับท่านนิพัทธ์ ทองเล็ก ผมไม่ได้เรียน จปร. เหมือนท่านนะ แต่ผมเป็นนักประวัติศาสตร์ และผมรู้จักใช้สมองคิด

ท่านบอกว่า เพื่อช่วยเหลือยูเครนสู้รบกับรัสเซีย เป็นสัญญาณว่าชาติตะวันตกกำลังกลัวการขยายอิทธิพลของรัสเซีย หรือมั่นใจว่าหากสนับสนุนยูเครนเต็มที่ อาจจะทำให้รัสเซียถึงการล่มสลายเพราะแพ้สงครามยูเครนได้ ท่านนิพัทธ์ครับ ประเทศรัสเซียมีประวัติศาสตร์มาตั้งนาน เป็นประเทศที่มีพลังงาน มีทรัพยากร มีก๊าซธรรมชาติ มีน้ำมันส่งออกอันดับ 2 อันดับ 3 ของโลก มีสินค้าธัญพืช มีวัตถุดิบบนพื้นดิน จะลบประเทศรัสเซียออกจากแผนที่โลกได้อย่างไร ท่านคิดผิดคิดใหม่ได้ เสียดายท่านเป็นถึงปลัดกระทรวงกลาโหม


แม้กระทั่งชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีธรรมศาสตร์ ออกมาว่า รัสเซียประเมินยูเครนต่ำไป เหมือนที่อเมริกาแพ้สงครามเวียดนามในช่วงทศวรรษที่ 1970 ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ผมก็เสียใจ เป็นถึงนักประวัติศาสตร์ คุณเป็นนักประวัติศาสตรืเหมือนผม คุณต้องรู้สิ ที่มาที่ไปของสงครามยูเครน กับ รัสเซีย มันเกิดขึ้นเพราะอะไร คุณต้องไปดูเหตุของการเกิด เมื่อคุณดูและคุณทำความเข้าใจ คุณไม่มีอคติมากนัก คุณจะเห็นว่ารัสเซียถูกบีบโดยกลุ่มนาโตใช้ยูเครนเป็นเบี้ยในการที่จะรุกรัสเซีย และรัสเซียก็เตือนแล้วเตือนอีก เตือนมาตั้งแต่ปี 2014 เตือนมาไม่ต่ำกว่าสิบครั้งว่าอย่านะๆๆๆ อย่าเอายูเครนเข้านาโตนะ อย่าเอาขีปนาวุธ เอานาโต มาชิดพรมแดนรัสเซีย ไม่มีใครฟัง รัสเซียก็เลยจำเป็นต้องมีปฏิบัติการทางทหารพิเศษเพื่อป้องกันตัวเอง


อีกท่านหนึ่งผมก็เสียใจมาก ท่านเป็นอดีตทูต ชื่อ นายรัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตไทย ท่านมีเพจของท่านชื่อว่า ทูตนอกแถว ออกมาให้สัมภาษณ์ ท่านน่าจะเป็นนักดำน้ำได้เก่ง เพราะว่าท่านดำน้ำเชียร์ฝรั่งแบบไม่ลืมหูลืมตาเลย บอกว่ารัสเซียแพ้แล้ว เหลือแต่อาวุธนิวเคลียร์ ผมจะเอาคำพูดของคุณรัศม์ ชาลีจันทร์ ทูตนอกแถว ยังไม่เข็ด ออกมาวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา สิบหกวันที่ผ่านมา ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กตัวเองว่า "มาบัดนี้รัสเซียพ่ายยับทุกสนาม" ท่านทูตครับ ภาษาอังกฤษผมคงไม่เก่งเท่าท่านทูตหรอกนะ แต่ผมมั่นใจว่าผมก็อ่านภาษาอังกฤษได้แตกฉานมากพอสมควร

ผมเชื่อว่าผมไม่ได้แพ้ท่านทูตเท่าไรหรอกครับ ถ้าจะแพ้ก็นิดหน่อย ไม่เป็นไร ยกประโยชน์ให้ท่านทูตในฐานะเป็นอดีตทูต แต่สมองท่านไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงความรู้ทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ หรือการวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ ท่านทูตบอกว่า "สำหรับคนที่ติดตามด้านการต่างประเทศ เมื่อวานนี้มีข่าวใหญ่ที่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าดุลย์ความมั่นคงทั้งในยุโรปและของโลกเลยทีเดียว และนับเป็นความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับของรัสเซีย ทั้งในแง่ทางการทูตและยุทธศาสตร์ความมั่นคง ซึ่งก็คือการที่ฟินแลนด์ได้เข้าเป็นสมาชิกล่าสุดขององค์การนาโต้ ในลำดับที่ 31"


ท่านทูตครับ ฟินแลนด์นี่ไม่มีความหมายเลยสำหรับรัสเซีย สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ฟินแลนด์เข้าข้างเยอรมนี ฮิตเลอร์ โดนรัสเซียฟาดเสียจนเสียผู้เสียคนเลย สิ่งที่ฟินแลนด์ได้วันนี้คือเข้านาโต้ แล้วยังไง ? รัสเซียไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่ย้ายกองกำลังอาวุธนิวเคลียร์มาติดพรมแดนฟินแลนด์ จากสมัยก่อนไม่มีอาวุธนิวเคลียร์เลยแม้แต่นิดเดียว วันนี้คนฟินแลนด์ต้องกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ที่อยู่ติดพรมแดนฟินแลนด์มา ก็ด้วยเหตุของฟินแลนด์เข้านาโตไง เข้านาโตแล้วยังไง ท่านทูต ?


แล้ววันนี้ท่านทูต ถ้าท่านเห็นเอกสารลับเพนตากอนแล้ว ท่านอายบ้างหรือเปล่า ว่าลึกๆ แล้วกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหมอเมริกานั้น ฝ่ายวิเคราะห์ข่าวกรองและความลับ ทั้ง CIA และสภาความมั่นคง พูดชัดเจนว่ายูเครนแพ้แล้ว ท่านทูตครับ ท่านไปเอาข้อมูลมาจากไหน ขอประทานโทษ อย่าโกรธผมนะ ท่านนี่เลอะเทอะฉิบหายเลย


ข่าว PPTV ข่าว Mission News นายแจ๊ค ถิราติ "รัสเซียอาจแพ้สงครามในยูเครนแล้วก็เป็นได้ ?" ข่าว PPTV "รัสเซียอาจแพ้สงคราม"


ข่าวไทยพีบีเอส "อดีตนักการทูตอังกฤษเชื่อรัสเซียแพ้สงครามในยูเครน" พวกคุณไทยพีบีเอสนี่ตัวดีเลย คุณไม่ทำอะไรเลย คุณดูแต่ BBC ซึ่ง BBC คือสำนักข่าวลวงโลก จนวันนี้คุณยังไม่รู้อีกหรือ ทำไมคุณถึงโง่ฉิบหายเลย คุณยังฉลาดสู้แฟนพันธุ์แท้ของ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ไม่ได้เลย


แล้วก็ข่าวแปลจากเว็บไซต์ The Matter "ปูตินแพ้สงครามนี้ไปแล้ว" สรุปข้อเขียนของ Yuval Noah Harari ว่าด้วยสงครามรัสเซีย-ยูเครน


สรุปครับ ท่านผู้ชม สุดท้ายความลับไม่มีในโลก ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว เมื่อมีเอกสารลับสุดยอดรั่วไหลออกมาสู่สายตาชาวโลก ชี้ให้เห็นว่ากระบวนการของรัฐบาล ข้าราชการ นักวิชาการไทย ฝ่ายความมั่นคง สื่อมวลชนคนไหนที่ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพบ้าง คนไหนที่ตกเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ Propaganda ของอเมริกาและชาติตะวันตกในการทำสงครามข่าวสาร เผยแพร่คำโกหก ก่อสงคราม ทำลายความมั่นคงไปทั่วโลก ถามว่าคนพวกนี้อายตัวเองบ้างไหม ? คนพวกนี้เขาไม่อายหรอกครับ เขายินดีที่จะตกเป็นทาสทางข้อมูลข่าวสารของตะวันตกและความคิด ความเชื่อฝรั่งไปตลอด ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา บ้างก็รับเงินจาก NED บ้าง NGO ฝรั่งบ้าง จอร์จ โซรอส บ้าง บ้างมีผัวมีเมียเป็นฝรั่ง สุดแท้แต่ แต่ท่านผู้ชมครับ ผมอยากให้ท่านผู้ชมที่ดูรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ได้รับฟัง รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงให้รอบด้าน ไม่ใช่ฟังจากสื่อไหนแล้วเชื่อไปเลย นอกจากว่ามีรายการ SONDHI TALK แล้ว ยังมีแอปฯ Sondhi App เปิดฟังคุณทนง ขันทอง คุณโสภณ โองการณ์ ฟังจากสื่อหลากหลาย ทั้งรัสเซีย RT สื่อจีน โกลบอลไทมส์ สื่ออินเดีย สื่ออาหรับ และนี่ล่ะครับคือการให้ปัญญาอย่างแท้จริง เป็นการเดินตามหลักกาลามสูตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งสอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์ และตรงตามปรัชญาของรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" คือ "ความจริงนั้นมีหนึ่งเดียว"


ท่านผู้ชมครับ ขอประทานโทษ จำเป็นจะต้องพูดเอ่ยชื่อหลายๆ ท่าน Voice TV โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ตัวดีเลย เชียร์อเมริกาอย่างไม่ลืมหูลืมตา วันนี้ผมขออนุญาตใช้ภาษาญี่ปุ่นนะ คงจะถึงขั้น ซาโตริ ได้แล้วมั้ง ท่านอาจจะเข้าใจ หรืออาจจะไม่เข้าใจ เพราะจงใจไม่อยากจะเข้าใจ แต่วันนี้สิ่งที่ท่านพูดออกมาเรื่องรัสเซียพ่ายแพ้แล้ว ทุกอย่าง เดินตามรอยข่าวตะวันตก สื่อตะวันตกผายลมออกมา ท่านก็สูดเข้าไปแล้วท่านก็บอกว่า แหม หอมจัง ผมไม่มีอะไรจะพูดว่าท่านอีกต่อไปแล้ว ผมคิดว่าผมได้พูดในสิ่งที่ผมต้องการจะพูด

ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้ก็มีอยู่เพียงแค่นี้ อาทิตย์หน้าก็มีอะไรที่ดุเดือดเผ็ดมันเช่นกัน อย่าเพิ่งให้บอกเลยท่านผู้ชม แต่รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" นั้นเป็นรายการให้ปัญญาท่านผู้ชม แล้วสักวันผมจะบอกว่าท่านผู้ชมควรที่จะเข้าไปดูเฟซบุ๊กของใครบ้าง แล้วท่านจะได้เปิดสติปัญญา แล้วก็จะประเทืองปัญญาท่าน แล้วท่านก็จะเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ ที่เราถูกครอบงำโดยอิทธิพลทางสื่อตะวันตก อาจจะเป็นเพราะว่าโดยพื้นฐานการศึกษาเราหลายคนเรียนไปทางตะวันตก ผมก็เรียนทางตะวันตก ผมอยู่อเมริกามา 7-8 ปี ผมเรียนมาหมดแล้วทั้งตะวันตก ทั้งโน่นทั้งนี่ แต่ทำไมผมไม่เชื่ออเมริกัน แล้วทำไมผมไม่เชื่อสื่อ CNN ทำไมผมไม่เชื่อ BBC ท่านผู้ชมครับ ไม่มีอะไรดีเท่ากับการใช้สติปัญญาของเราพิจารณาตามหลักกาลามสูตรของพระพุทธเจ้า อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่เห็น เราต้องพิสูจน์ก่อน อาทิตย์หน้าเราค่อยเจอกัน สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น