xs
xsm
sm
md
lg

วันชิลๆ เที่ยว “กาญจนบุรี” เช็คอินแลนด์มาร์กใหม่ ปล่อยใจกับสายน้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


สกายวอล์คเมืองกาญจนบุรี
วันหยุดสบายๆ ชวนเที่ยว “เมืองกาญจน์” ชมต้นจามจุรียักษ์อายุกว่าร้อยปี เช็คอินสกายวอล์คเมืองกาญจนบุรี ดูวิวแม่น้ำสามสาย ไปตามเส้นทางรถไฟสายมรณะ ปิดท้ายที่เขื่อนศรีนครินทร์ พักผ่อนสุดชิลริมสายน้ำ

สกายวอล์คเมืองกาญจนบุรี
ในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนมากขึ้นทุกที ชวนให้ทำใจร่มๆ ไม่ร้อนรนไปกับอากาศ ด้วยการออกไปพักผ่อนแบบสบายๆ เที่ยวกันแบบชิลๆ ที่ “กาญจนบุรี” จังหวัดที่ไปเที่ยวกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ

“กาญจนบุรี” วันนี้ มีแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่หลายๆ คนเคยไปเยือนมาแล้ว และอีกหลายคนก็ตั้งใจจะไปเช็คอินให้ได้ นั่นคือ “สกายวอล์คเมืองกาญจนบุรี” ที่เที่ยวใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา

สกายวอล์คเมืองกาญจนบุรี

สกายวอล์คเมืองกาญจนบุรี
“สกายวอล์คเมืองกาญจนบุรี” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบริเวณท่าน้ำหน้าเมืองกาญจนบุรี (จุดที่ใช้ขึ้นแพล่องเดิม) ในตัวอำเภอเมืองกาญจนบุรี ใกล้ศาลหลักเมืองและถนนคนเดินปากแพรก หากใครขับรถมา สามารถเข้าไปจอดได้บริเวณที่จอดรถฝั่งตรงข้าม

แต่เดิมบริเวณนี้มีความทรุดโทรม ทางจังหวัดจึงได้ปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และมีการจัดระเบียบพื้นที่โดยรอบให้สวยงามมากขึ้น ให้ประชาชนชาวเมืองกาญจน์ได้มาใช้พื้นที่กัน และกระตุ้นการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปเช็กอินกันได้

ซึ่งที่นี่เป็นสกายวอล์คกระจกใสบนความสูงประมาณ 12 เมตร ระยะทางยาว 150 เมตร ทอดขนานไปตามริมฝั่งของแม่น้ำแควใหญ่ มีจุดเด่นคือ สร้างขึ้นบริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำแควใหญ่ แม่น้ำแควน้อย และแม่น้ำแม่กลอง ถือเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์แม่น้ำ 3 สายไหลมาบรรจบกันได้อย่างสวยงาม

สะพานข้ามแม่น้ำแคว

ช่วงที่รถไฟกำลังข้ามสะพาน
และเมื่อมาในตัวเมืองกาญจน์แล้ว ก็ต้องแวะไปที่ “สะพานข้ามแม่น้ำแคว” ที่เปรียบเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของกาญจนบุรี ในทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก หากเดินทางมาในรถไฟนำเที่ยวขบวนพิเศษ ก็จะแวะจอดให้ลงไปถ่ายรูปวิวสวยๆ บริเวณสะพาน ก่อนจะขึ้นรถไปข้ามแม่น้ำแควใหญ่ไปอีกฝั่งเพื่อเดินทางต่อ แต่หากเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวสะพานข้ามแม่น้ำแคว ก็สามารถรอถ่ายภาพช่วงที่รถไฟกำลังข้ามสะพานได้ โดยจะมีรถไฟหลายขบวนทั้งช่วงเช้าและบ่ายที่จะใช้เส้นทางบนสะพานแห่งนี้

ต้นจามจุรีย์ยักษ์

ต้นจามจุรีย์ยักษ์

ต้นจามจุรีย์ยักษ์
อีกหนึ่งจุดที่ต้องไม่ลืมไปเช็คอินคือ “ต้นจามจุรียักษ์” ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาร่มรื่น และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพกัน

ต้นจามจุรีย์ยักษ์เป็นต้นไม้มีอายุยืนยาวมากกว่า 100 ปี ขนาดของลำต้นโดยรอบประมาณ 10 คนโอบ มีเส้นรอบวงประมาณ 15 เมตร ความสูงประมาณ 20 เมตร ถือเป็นอีกหนึ่งต้นจามจุรีที่มีขนาดใหญ่และหาชมได้ยากในปัจจุบัน ความร่มรื่นจากกิ่งก้านน้อยใหญ่ แผ่กว้างออกไปรอบๆ บริเวณของพื้นที่พุ่มที่มีประมาณ 1 ไร่เศษเลยทีเดียว ไม่ว่าใครที่ได้มาเห็นแล้วจะต้องตะลึงกับความใหญ่โตมโหฬารของต้นไม้จามจุรียักษ์ ในส่วนของบริเวณโคนต้นจะมีรากไม้ขนาดใหญ่ชอนไชแผ่ออกไปทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบ

โดยมีการทำสะพานไม้ทางเดินเป็นวงกลมล้อมรอบต้นจามจุรียักษ์ เป็นทางเดินเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมรอบๆ แบบไม่ต้องเหยียบรากต้นไม้ให้ได้รับความเสียหาย พร้อมทั้งปรับภูมิทัศน์รอบๆ ตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับอย่างสวยงาม เพื่อเป็นอีกจุดพักผ่อนหย่อนใจ แวะถ่ายรูปสวยๆ เก็บเป็นที่ระลึก

ทางรถไฟช่วงถ้ำกระแซ
กลับมาที่เส้นทางรถไฟกันอีกครั้ง เส้นทางรถไฟในกาญจนบุรีที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ “เส้นทางรถไฟสายมรณะ” สร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นจากสถานีชุมทางหนองปลาดุก อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ผ่านกาญจนบุรี ข้ามแม่น้ำแควใหญ่ จนถึงด่านเจดีย์สามองค์ และมีปลายทางอยู่ที่เมืองตาน-พยูซะยะ พม่า ทางรถไฟสายนี้ใช้แรงงานเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรและพรรกรชาวเอเชียที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์มาสร้าง เพื่อให้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านพม่า เหตุที่ชื่อทางรถไฟสายมรณะ เนื่องจากระหว่างการสร้างทางรถไฟสายนี้ มีแรงงานเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก ทั้งจากความทารุณของสงคราม โรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงการขาดแคลนอาหาร ปัจจุบัน ทางรถไฟสายมรณะเส้นนี้ไปสุดปลายทางอยู่ที่บ้านท่าเสา หรือ สถานีน้ำตก

รอชมรถไฟบริเวณถ้ำกระแซ

ด้านในถ้ำกระแซ
สำหรับทริปนี้ที่ไม่ได้นั่งรถ แต่ก็สามารถไปรอชมรถไฟในจุดสวยๆ ได้อีกแห่งที่บริเวณ “ถ้ำกระแซ” บริเวณนี้ถือว่าเป็นเส้นทางรถไฟช่วงที่สวยที่สุด เนื่องจากเป็นเส้นทางโค้งไปตามภูเขา ความยาวกว่า 400 เมตร อีกฝั่งเป็นแม่น้ำแควน้อย ทำให้เวลาที่รถไฟวิ่งผ่านเส้นทางช่วงนี้ ทั้งคนที่โดยสารอยู่ในรถไฟและนักท่องเที่ยวด้านล่างต้องหยิบกล้องหยิบมือถือขึ้นมาบันทึกภาพวิวสวยๆ เก็บไว้

ถ้ำกระแซเป็นถ้ำขนาดเล็กที่เคยเป็นที่พักอาศัยของเชลยศึกเมื่อครั้งมาสร้างทางรถไฟสายมรณะ ซึ่งปัจจุบันนี้เปิดให้เข้าชมได้โดยสามารถเข้าไปสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานอยู่ภายใน

เขื่อนศรีนครินทร์

บริเวณสันเขื่อนศรีนครินทร์
ปิดท้ายทริปสบายๆ ด้วยการไปชมวิวสวยๆ ที่ “เขื่อนศรีนครินทร์” หรือชื่อเดิมคือ “เขื่อนเจ้าเณร” เขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลอง สร้างขึ้นกั้นลำน้ำแควใหญ่ เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียวขนาดใหญ่ที่สุดและที่สำคัญคือมีความจุของอ่างเก็บน้ำมากที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียว ที่นี่ยังเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ มีโรงไฟฟ้าติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจำนวน 5 เครื่อง

ประโยชน์ของเขื่อนศรีนครินทร์มีหลายอย่าง ทั้งช่วยเสริมระบบชลประทานในโครงการแม่กลองใหญ่ให้มีประสิทธิภาพ ช่วยบรรเทาอุทกภัย ผลักดันน้ำเค็มในฤดูแล้ง เป็นแหล่งประมงน้ำจืด และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนที่สวยงาม อย่างที่เราได้มาสัมผัสด้วยตากันในครั้งนี้

สักการะพระพุทสิริสัตตราช
บริเวณสันเขื่อนมีจุดชมวิวสวยๆ ให้เดินเล่นนั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจ และอย่าลืมไปสักการะ “พระพุทสิริสัตตราช” ที่ประดิษฐานอยู่ในบริเวณเดียวกัน

โดย “พระพุทสิริสัตตราช” หรือที่รู้จักกันดีในนามว่า “หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์” ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำ กฟผ. มาช้านาน โดยมีการประดิษฐานไว้ทั้งที่สำนักงานใหญ่ และตามเขตเขื่อนต่างๆ ของ กฟผ. ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของฝน ความอุดมสมบูรณ์และความร่มเย็นเป็นสุข

ที่พักบริเวณเขื่อนศรีนครินทร์

ล่องแพเปียกยามเย็น
และใครที่อยากพักผ่อนสบายๆ ปล่อยใจไปกับสายน้ำ บริเวณลำน้ำทะลสาบในเขื่อน ก็มีที่พักให้เลือกหลายแห่ง ทั้งแบบบนฝั่ง หรือบ้านพักในแพ และยังมีเครื่องเล่นสนุกๆ และกิจกรรมอื่นๆ อีก เช่น การล่องแพเปียกยามเย็น สัมผัสธรรมชาติแบบเย็นฉ่ำ หรือจะล่องแพใหญ่ ชมทัศนียภาพรอบๆ เขื่อน ก็เป็นกิจกรรมที่เพลิดเพลินไม่น้อย

ออกเรือชมบรรยากาศเขื่อนศรีนครินทร์

สกายวอล์คเมืองกาญจนบุรี

#########################################

สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline


กำลังโหลดความคิดเห็น