จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือ เมืองแปดริ้ว นอกจากจะมี “หลวงพ่อโสธร” เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญคู่บ้านคู่เมือง ที่พุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมากราบสักการะบูชาแล้ว เมืองแปดริ้วยังมีวัดที่น่าสนใจอีกหลากหลายให้ชาวพุทธและนักท่องเที่ยวสายมู ได้เดินไปขอพรไหว้พระ กราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และทำบุญกันตามจิตศรัทธา
หนึ่งในนั้นก็คือ “วัดหงษ์ทอง” ที่ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กใหม่แห่งเมืองแปดริ้ว เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้วัดหงษ์ทองได้เปิดตัว “ซีวอล์ค” สะพานชมวิวพื้นกระจกใสยื่นไปในทะเลแห่งแรกในเมืองไทย ซึ่งถือเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวตัวใหม่ เคียงคู่ไปกับ “โบสถ์-เจดีย์ในทะเล” และสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลากหลายของวัดแห่งนี้
อะเมซิ่งวัดในทะเล
วัดหงษ์ทอง ตั้งอยู่ที่ ต.สองคลอง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เดิมที่นี่ในปี พ.ศ. 2510 เคยจัดตั้งเป็น “สำนักสงฆ์หลวงปู่ปาน” (เจ้าอาวาสวัดคงคาราม) มาก่อน ต่อมาในปี 2522 ได้ขออนุญาตกรมศาสนาตั้งเป็น “วัดหงษ์ทอง” ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2527 มีพระอาจารย์โพธิ์เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก
ในปี 2534 วัดหงษ์ทองที่ตั้งอยู่ริมทะเลซึ่งเผชิญกับปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะตลิ่งมาอย่างต่อเนื่อง ได้ถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนเหลือพื้นที่เพียง 8 ไร่ (จากพื้นที่เดิมที่ระบุในโฉนด 21 ไร่ 2 งาน) ทำให้สิ่งก่อสร้างส่วนหนึ่งที่เคยตั้งอยู่ริมทะเล ถูกน้ำกินพื้นที่เข้ามาจนปัจจุบันกลายเป็นสิ่งก่อสร้างในทะเลไปโดยปริยาย
ในระยะแรกที่วัดหงษ์ทองถูกน้ำทะเลกัดเซาะกินเข้าไปในทะเล “หลวงพ่อปราชญ์” (ตำแหน่งในขณะนั้น) ที่ปัจจุบันคือ "พระครูปรีชาประภากร ปภากะโรฎ (ปราชญ์ ศรนิล) เจ้าอาวาสวัดหงษ์ทอง (กิติมศักดิ์) ซึ่งก่อนอุปสมบทท่านเคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน (ผู้ใหญ่ปราชญ์) ผู้จัดทอดกฐินและผ้าป่าระดมทุนซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างวัดแห่งนี้ ท่านเป็นบุคคลสำคัญในการนำไม้ไผ่มาปักทำแนวป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งต้องว่ายน้ำ ดำน้ำ ไปปักแนวรั้วไม้ไผ่ด้วยความเพียรเป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้เหล่าผู้มีจิตศรัทธาจึงได้ร่วมกันบริจาคทำบุญเพื่อสร้างเขื่อนกันน้ำกัดเซาะให้กับทางวัด รวมถึงได้ทำการบูรณะก่อสร้างถาวรวัตถุเดิมที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะขึ้นมาใหม่ ให้มีความแข็งแรง คงทน และสวยงาม ซึ่งวันนี้สิ่งก่อสร้างที่ตั้งอยู่ในทะเลก็ยังคงตั้งอยู่ในพิกัดที่ดินโฉนดวัดหงษ์ทองทั้งสิ้น
ตื่นตา “ซีวอล์ค” พื้นกระจกใสแห่งแรกในทะเล
ปัจจุบันวัดหงษ์สร้างมีสิ่งปลูกสร้างถาวรวัตถุและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ทั้งบนฝั่ง (บนบก) และในทะเล โดยบนฝั่งเมื่อแรกเข้าพื้นที่วัดจะกับสถานที่สำคัญคือ “วิหารหลวงปู่ปาน” หรือ “กุฏิหลวงปู่” ที่ตั้งอยู่หลังโบสก์หลังเก่า ด้านบนกุฏิสร้างเป็นเจดีย์สีทองเหลืองอร่าม ด้านในประดิษฐาน “หลวงพ่อโสธร” องค์จำลอง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลากหลายให้สักการะขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล
ถัดไปจะเป็นบริเวณลานจอดรถอเนกประสงค์ 1 ซึ่งมีรูปเคารพท้าวเวสสุวรรณ 3 องค์ตั้งโดดเด่นให้กราบไหว้กัน
จากนั้นจะเป็นโซนพื้นที่ในทะเลที่มี “สะพานบุญ” ทอดยาวออกไปในทะเล ซึ่งเป็นดังพื้นที่ไฮไลท์สำหรับท่องเที่ยว ถ่ายภาพ และกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของทางวัด
สุดสะพานบุญจะเป็น “ซีวอล์ค” (Sea Walk) ทางเดินพื้นพระจกใสยื่นไปในทะเลแห่งแรกของเมืองไทย มีความกว้าง 3 เมตร ยาว 40 เมตร ใช้กระจก 240 แผ่น พื้นกระจกหนา 3 ชั้น ชั้นล่างสุดจะกันกรดกันด่าง ชั้นที่ 2 เป็นกระจกที่มีความยืดหยุ่น ส่วนชั้นที่ 3 เป็นกระจกนิรภัยโดยแต่ละแผ่นจะมีความหนา 10 มม. สามารถรองรับน้ำหนักคนได้ประมาณ 200 คน ยามที่เราเดินตอนน้ำขึ้นสูงจะให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่บนน้ำทะเลยังไงยังงั้น
ส่วนที่ช่วงปลายสุดของซีวอล์คเป็นระเบียงชมวิว ตรงกลางประดิษฐาน “สมเด็จองค์ปฐม” พระพุทธรูปขนาดหน้าตัก 2.50 เมตร สูง 4.70 เมตร (ที่วันนี้ (กลางเดือน มี.ค.66 ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือน เม.ย. 66) บริเวณนี้นอกจากจะมองเห็นโบสถ์และเจดีย์ในทะเลของวัดหงษ์ทองได้อย่างใกล้ชิดแล้ว ยังสามารถชมวิวทิวทัศน์ท้องทะเลและป่าชายเลนอันสวยงามท่ามกลางสายลมพัดเย็น ๆ ซึ่งในยามเย็นที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์ตกอันสวยงามของเมืองแปดริ้ว
วันนี้ซีวอล์ควัดหงษ์ทองถือเป็นเสน่ห์แม่เหล็กดึงดูดสำคัญ และแลนด์มาร์กใหม่แห่งเมืองแปดริ้ว ซึ่งช่วงที่เปิดใหม่ ๆ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ มีคนเดินทางมาถ่ายภาพ เช็คอิน และสัมผัสกับทางเดินพื้นใสแห่งนี้กันเป็นจำนวนมากจนรถติดยาวเหยียด
ตื่นตา เจดีย์ โบสถ์ในทะเล
วัดหงษ์ทองยังมี 2 ไฮไลท์ สำคัญคือ โบสถ์และเจดีย์ในทะเล ที่จะมีสะพานให้เดินทอดยาวไปสู่อาคารสำคัญทั้ง 2 ของวัด
โดยจากจุดก่อนทางขึ้นซีวอล์คจะมีทางแยกซ้ายมือ ให้เดินชม “ลานวรรณคดีไทย” (ในน้ำ) ซึ่งเป็น ประติมากรรมจากวรรณคดีเรื่อง “พระอภัยมณี” ที่มีความเก๋ตรงที่รูปปั้นตัวละครเด่น ๆ ของเรื่อง อย่าง พระอภัยมณี นางเงือก สุดสาคร พระเจ้าตา และนางยักษ์ผีเสื้อสมุทรที่น่าตาขึงขังกำลังออกตามหาสามีนั้น ล้วนต่างตั้งอยู่ทะเล ทำให้นอกจากจะดูสวยงามทรงเสน่ห์แล้ว ยังดูมีเอกลักษณ์ไม่น้อยเลย
จากนั้นสะพานทางเดินจะนำไปสู่ “โบสถ์ในทะเล” หรือ “โบสถ์กลางทะเล” กับ “พระธาตุคงคามหาเจดีย์” หรือ “เจดีย์ในทะเล” ที่ตั้งอยู่ติด ๆ กัน
พระธาตุคงคามหาเจดีย์ มีด้วยกันทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นแรกประดิษฐาน “พระพุทธชินราช” พระพุทธรูปต่าง ๆ และรูปหล่อของเกจิอาจารย์ต่าง ๆ มากมาย รวมถึงมีพระประจำวันเกิดและรอยพระพุทธบาทให้ได้ปิดทองกันด้วย
ชั้นสองมีไฮไลท์คือ “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร” หรือ “พระแก้วมรกต” องค์จำลอง และหุ่นขี้ผึ้ง “หลวงปู่สด” วัดปากน้ำภาษีเจริญ ให้กราบสักการะกัน ซึ่งในชั้นสองนี้สามารถเดินออกไปรับลมชมวิวทะเลด้านนอกได้เช่นกัน
ส่วนชั้น 3 ชั้นบนสุด มีทางเดินลานระเบียงชมวิวแบบ 360 องศา อยู่รอบองค์พระธาตุเจดีย์สีทองในทะเลที่ตั้งเด่นสง่าเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของวัดแห่งนี้ ภายในองค์พระธาตุมีแท่นบรรจุ “พระบรมสารีริกธาตุ” ให้ได้กราบไหว้บูชาขอพรกัน รวมถึงมีจิตรกรรมฝาผนังและเพดานอันสวยงามให้ได้ชมกันอีกด้วย
ทีนี้มาดูสิ่งน่าสนใจต่าง ๆ ของโบสถ์ในทะเลหรือโบสถ์กลางทะเลที่อยู่ทางขวาพระธาตุคงคามหาเจดีย์กันบ้าง
ภายในโบสถ์ในทะเลมีพระประธานสีทองอร่ามดูขรึมขลังเปี่ยมศรัทธา และภาพมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องราวพุทธประวัติอันงดงามประณีต
ขณะที่ริมระเบียงรอบข้างโบสถ์ (และองค์พระธาตุ” จะมีเจดีย์สีทองเล็ก ๆ ตั้งอยู่เรียงราย ด้านหลังโบสถ์มีรูปเคารพ “พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์” หรือ “เสด็จเตี่ย” ประทับอยู่บนเรือรบจำลอง พร้อมด้วยของที่นำมาแก้บน
นอกจาก 3 ไฮไลท์สำคัญของวัดหงษ์ทองคือ ซีวอล์คพื้นกระจกใส โบสถ์-เจดีย์ในทะเลแล้ว ที่นี่ก็ยังมีสิ่งน่าสนใจ อื่น ๆ อีก อาทิ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์, หลวงพ่อโต, ศาลพ่อปู่ชีวก โกมารภัจจ์, พระแม่คงคา, รูปปั้นพญามัจจุราช เป็นต้น
ส่วนอีกหนึ่งจุดไม่ควรพลาดคือ “อาคารกตัญญู” ที่สร้างเป็นอาคารสูง 12 ชั้น ด้านบนมีองค์หลวงพ่อโสธรจำลอง พระพุทธรูปปางเปิดโลก พระพุทธรูปทรงเครื่อง ให้กราบไหว้ รวมถึงไฮไลท์คือจุดชมวิวที่สามารถชมวิวทิวทัศน์ทั้งวิวทางฝั่งทะเลอ่าวไทย ป่าชายเลน และทางฝั่งวิวเมือง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา และพื้นที่บางส่วนของเมืองปากน้ำสมุทรปราการได้อย่างสวยงามกว้างไกล รวมถึงด้านหนึ่งยังสามารถมองเห็น โบสถ์-เจดีย์ในน้ำ และซีวอล์คที่ตั้งอยู่ติด ๆ กัน ในมุมสูงได้อย่างสวยงามน่ายล
และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของวัดหงส์ทอง อีกหนึ่งอะเมซิ่งฉะเชิงเทรา ที่มีสิ่งน่าสนใจให้สัมผัสอันอย่างหลากหลาย นับเป็นแลนด์มาร์ก สถานที่ท่องเที่ยว และหนึ่งในจุดเช็กอินสายมูใกล้กรุงฯ ที่โดดเด่นอีกแห่งหนึ่ง
###############################
วัดหงษ์ทอง ตั้งอยู่ที่ ต.สองคลอง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 19.00 น.
สำหรับผู้ที่จะขึ้นเดินบนซีวอล์คพื้นกระจกใส มีค่าบริการถุงสวมรองเท้าเพื่อป้องกันพื้นกระจกเป็นรอย แบบหมุนเวียน (ให้เช่า) คู่ละ 30 บาท หรือแบบซื้อคู่ใหม่คู่ละ 60 บาท ส่วนอาคารกตัญญู 12 ชั้น (จุดชมวิวมุมสูง) เสียค่าบำรุงลิฟต์ 20 บาท
นอกจากนี้ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลที่พัก ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดฉะเชิงเทราได้ที่ ททท. สำนักงานฉะเชิงเทรา (พื้นที่รับผิดชอบ : ฉะเชิงเทรา,สมุทรปราการ) โทร. 0 3851 4009