xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : เจาะคำพิพากษาศาลแพ่งฉีกหน้า “แทนไท” - ความจริงปรากฏ! นักข่าวมะกันแฉเอง CIA บึ้มท่อก๊าซรัสเซีย เยอรมนี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 17 ก.พ.2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้เป็น

- GAME OVER “ดีเจแมน-ใบเตย” หลักฐาน Forex-3D มัดแน่น
- 250 ส.ว. ลายออกตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง เพื่อประชาชนหรือเพื่อใคร?
- ความจริงปรากฏ! นักข่าวมะกันแฉเอง CIA บึ้มท่อก๊าซรัสเซีย เยอรมนี
- เจาะคำพิพากษาศาลแพ่งฉีกหน้า “แทนไท” วัยรุ่นพนันพันล้าน
- ขนมจีบแทนไทขายยังไง ให้รวยพันล้าน?

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.177



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 177 [17ก.พ. 66] :เจาะคำพิพากษาศาลแพ่งฉีกหน้ากาก "แทนไท"วัยรุ่น(พนัน)พันล้าน

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK

แอปพลิเคชัน : SONDHI APP

ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.

ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ

YouTube : Sondhitalk

เว็บไซต์: www.sondhitalk.com

Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชมวันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 17กุมภาพันธ์พ.ศ. 2566เผลอแป๊บเดียวครึ่งเดือนกุมภาฯเข้าไปแล้วแฟนรายการทั้งหลายที่รับชมสดทาง Sondhi App, Facebook, YouTubeและ TikTokสวัสดีครับทุกท่านก่อนอื่นผมต้องขออภัยแฟนๆ FCที่เข้าไปซื้อโอเลี้ยงที่ร้าน SUN PANเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วแต่เผอิญของมันหมดจริงๆต้องสั่งจองไว้สัปดาห์นี้ผมจัดระบบใหม่รับรองว่ามีของเพียงพอตามที่ต้องการแน่นอนใครอยากทานก็สามารถเข้าไปซื้อได้ส่วนหมูแท่งอบกรอบปลาแท่งอบกรอบขนมปังและสเปรดต่างๆก็ยังมีให้ซื้อได้ที่ร้านอยู่เหมือนเดิม


ทีนี้มาเรื่องไอศกรีมของคุณโสภณโองการณ์ที่เป็นสินค้าใหม่ของร้าน SUN PAN ผมก็ได้ข่าวว่าขายดิบขายดีคนสนใจเข้าไปลองชิมกันเยอะโดยเฉพาะรสพิเศษอย่างเช่นไอศกรีมรสขนมใส่ไส้ท่านผู้ชมเคยทานไหมไอศกรีมรสมะยงชิดชีสด้วยนะมันเป็นไอศกรีมเจลาโตนุ่มเหนียวหนึบเนื้อละเอียดแต่กินแล้วไม้อ้วนเพราะว่าไม่มีไขมันมีอยู่หลายรสชาติท่านผู้ชมลองไปชิมกันที่ร้าน SUN PAN ถนนวิภาวดีฯปั๊ม ปตท.ตรงข้ามมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและที่ร้าน "พอดีช้อป"ถนนพระอาทิตย์

"ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ผมไม่พูดเรื่องนี้ไม่ได้ผมทานติดต่อกันมาแล้ว 2ปีขอให้เชื่อสุขภาพผมดีมากไม่เคยมีปัญหาอะไรเลยขับลมขับเสมหะท่านผู้ชมทานครบ 9เดือนแล้วทานต่อไปได้ไม่ต้องหยุดซื้อให้คุณพ่อคุณแม่ให้ปู่ย่าตายายพอทานครบ 9เดือนให้ทานไปเรื่อยๆรับประกันว่าสุขภาพดีแน่นอนท่านผู้ชมท่านใดสนใจเรื่อง "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ให้แอดไลน์ (LINE)เพิ่มเพื่อนที่ @sunherb หรือ inbox ที่เพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"


อาทิตย์นี้มีอยู่ประมาณ 5 เรื่องที่จะต้องพูดกัน เป็นเรื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ เรื่องแรกที่จะต้องพูดและไม่พูดไม่ได้ คือเรื่องที่ในที่สุดแล้วดีเอสไอสั่งฟ้อง ดีเจแมน ใบเตย และ ดาริล คดี Forex-3D ซึ่งมีมานานแล้ว ปิดฉากได้เสียที หลักฐานแน่นหนาสาหัส ไม่น่าจะรอด และผมก็เคยพูดเรื่องนี้มาแล้วก่อนเพื่อน ว่าทั้งดีเจแมน และ ใบเตย ท่าทางจะเหนื่อยมาก

เรื่องที่สอง 250 ส.ว. ลายออกตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง เพื่อประชาชน หรือ เพื่อใคร ? อยากจะให้ฟังข้อคิดเห็นของผมนิดหนึ่ง

เรื่องที่สาม เป็นเรื่องต่างประเทศ แต่ว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เป็นเรื่องที่สะเทือนโลกเลย ผมจะบอกให้รู้ อเมริกาตอนนี้รูดซิปปิดปากหมด คนที่แฉเรื่อง คนที่วางระเบิดท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 และ 2 ในที่สุดมีนักข่าวสายพูลิตเซอร์ไพรซ์ (The Pulitzer Prizes) เป็นตำนานนักข่าวข่าวเจาะในประวัติศาสตร์ข่าวเจาะของอเมริกา ชื่อ "ซีมัวร์ เฮิร์ช" (Seymour Hersh) รายงานออกมาว่า โจ ไบเดน สั่ง CIA ให้ระเบิดท่อก๊าซรัสเซีย-เยอรมนี ตอนนี้ที่ทราบ รัสเซียได้ร้องเรียนต่อมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ให้ตรวจสอบอเมริกา อเมริกาปิดปากเงียบกริบ ทำได้อย่างเดียวคือ โหนกระแสโปรโมตในเรื่องการยิงบอลลูนจีนเพื่อกลบข่าวนี้ไป แม้กระทั่งรถไฟที่ขนสารเคมีร้ายแรง ที่ตกรางแถวโอไฮโอ อเมริกาก็ปิดข่าวเงียบ

เรื่องที่สี่ คือ สภาการสื่อมวลชนจ่อร้องศาลรัฐธรรมนูญ ปม "แทนไท" ฟ้องศาลแพ่งเพื่อปิดปากผม และในที่สุดแล้ว บ่ายวานนี้เราได้ร้องเรียนไปที่คณะกรรมาธิการสื่อมวลชนของวุฒิสภา ที่สภาผู้แทนราษฎร และได้มีการให้การไปเรียบร้อยแล้ว รอติดตามผลดูก็แล้วกัน

สุดท้าย ที่ผมสัญญากับท่านผู้ชมไว้ว่าผมจะเจาะคำพิพากษาศาลแพ่งเป็นเรื่องๆ ไป ฉีกหน้ากากคุณแทนไท วัยรุ่น (พนัน) พันล้าน จริงๆ แล้วมีมากกว่าพันล้าน ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด คุณแทนไท อาจจะยังอยู่ที่ฮ่องกง เพราะดูประวัติการเดินทางของคุณแทนไท แล้ว ถ้าไม่ฮ่องกง ก็เป็นสิงคโปร์ ถ้าไม่เป็นสิงคโปร์ ก็จะต้องเป็นดูไบ หรืออังกฤษ

**ใบเตย-ดรเจแมน" ส่อไม่รอด คดี Forex 3D 


ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันอังคาร วันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ 2566 สามวันที่แล้ว สองสามี-ภรรยาแห่งวงการบันเทิง อย่าง "ดีเจแมน" ชื่อ นายพัฒนพล มินทะขิน กับ "ใบเตย" น.ส. สุธีวัน กุญชร ที่มีชื่อเกี่ยวโยงกับคดีแชร์ลูกโซ่ Forex-3D ของนายอภิรักษ์ โกฎธิ ได้ถูกท่านรักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล สรุปสำนวนคดี Forex-3D ว่า เห็นควรสั่งฟ้อง "ดีเจแมน" และ "ใบเตย" และผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวอีกจำนวน 6 ราย ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกง และ ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น และเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีเดียวกันอีกจำนวน 8 ราย โดยได้มอบหมายพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ นำสำนวนคดีพิเศษ พร้อมตัวผู้ต้องหา ไปส่งมอบแก่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

ทั้งหมดนี้ เป็นอะไรบางอย่างที่รอคอยมานานพอสมควร เหตุผลที่รอคอยมานาน ผมตรวจสอบแล้ว คนที่ทำคดีนี้บอกว่า ที่รอนานเพราะว่ารอข้อมูลยืนยันธุรกรรมการเงินจากธนาคาร

อัยการฝ่ายคดีพิเศษได้ออกคำสั่งนัดผู้ต้องหาทั้งหมดให้มาฟังคำสั่งคดีในวันที่ 16 มีนาคม 2566 หรืออีก 1 เดือนจากนี้ไป ซึ่งถ้าอัยการมีมติรับคดีนี้ แล้วสั่งฟ้อง ก็จะไปถึงขั้นที่ "ดีเจแมน" และ "ใบเตย" จะต้องตกเป็นผู้ต้องหาอย่างสมบูรณ์แบบแล้วก็คงจะต้องประกันตัวต่อไป ส่วนศาลจะให้ประกันหรือไม่ให้ประกัน ก็สุดแล้วแต่พรหมลิขิตก็แล้วกัน


คุณใบเตย หลังจากข่าวดีเอสไอสั่งฟ้อง มาโพสถ่ายรูปคู่สามี ระบุสถานที่ พร้อมส่งข้อความยืนยันว่า วันนี้เธอและสามียังเป็นผู้บริสุทธิ์ ก็ถูกต้องครับ และยังไม่โดนอัยการสั่งฟ้อง ไม่ได้โดนหมายจับ โดนรวบ ยังทำงานและใช้ชีวิตปกติ ไม่เคยคิดที่จะมีพฤติกรรมหลบหนีใดๆ คุณใบเตยพูดชัดเจนว่า ขอบคุณในความห่วงใย ทุกสายที่โทรเข้ามา ใบเตย ยอมรับว่า ข่าวที่ถูกนำเสนอในวันนี้ ในรูปแบบข้อเท็จจริง ขั้นตอนกฎหมาย และในที่สุดแล้วก็รอว่าอัยการจะพิจารณาต่อไปตามหลักกฎหมาย ตอนนี้ต้องขอชี้แจงจากทางฝั่งใบเตย และในพื้นที่ส่วนตัว ใบเตยขอย้ำนะคะว่า ตามหลักกฎหมายเรายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้โดนหมายจับโดนรวบตามข่าวที่นำเสนอบิดเบือนไปต่างๆ นานา ยังทำงานและใช้ชีวิตอยู่โดยปกติค่ะ ไม่เคยมีและไม่เคยคิดจะมีพฤติกรรมหลบหนีใดๆ ทุกอย่าง

ท่านผู้ชมครับ อย่างที่ผมเล่าให้ฟังหลายครั้ง หลายตอน ผ่านรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ว่ากรณี Forex-3D ที่ผมเป็นผู้เปิดโปงรายละเอียดทั้งหลายมาตั้งแต่เมื่อสามปีกว่าที่แล้ว ท่านผู้ชม สามปีกว่าที่แล้วที่ผมเริ่มทำรายการนี้ แล้วก็เจอคดี Forex-3D ในส่วนของใบเตย กับ ดีเจแมน ผมได้เคยฟันธงไปแล้ว ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า ลองไปดูแล้วกัน ว่าหลักฐานต่างๆ ปรากฏชัด น่าจะรอดยาก น่าจะถูกเช็กบิลอย่างแน่นอน ก็ปรากฏว่าที่เช็กบิลช้า เพราะว่าเส้นทางทางการเงินที่ขอทางธนาคารไปนั้น มาถึงมือเจ้าหน้าที่ช้าเกินไป


หลักฐานเชื่อมโยง ดีเจแมน ใบเตย นายอภิรักษ์ โกฎธิ หัวขบวน Forex-3D ซึ่งปัจจุบันอยู่ในคุก ที่นำไปสู่การสั่งฟ้อง มีเต็มไปหมด ความสัมพันธ์ส่วนตัว ภาพถ่ายต่างๆ ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ ทั้งโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม แสดงถึงความใกล้ชิดสนิทสนมกับทั้งนายอภิรักษ์ และภรรยา เสมือนเป็นญาติพี่น้องที่สนิทสนมกัน พยานและหลักฐานการเป็นผู้ร่วมลงทุนทำธุรกิจใน Forex-3D ภาพและหลักฐานในการประชุมร่วมกันเกี่ยวกับการลงทุน Forex-3D ภาพพยานและหลักฐานในการถ่ายรูปร่วมกันในลักษณะร่วมกันทำธุรกิจ เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือแก่บุคคลทั่วไปเพื่อดึงดูดให้ใส่เงินเข้ามาในแชร์ลูกโซ่ Forex-3D รวมทั้งพยานและหลักฐานของการเดินทางไปต่างประเทศด้วยกัน ไปในหลายประเทศ ทั้งญี่ปุ่น ฮ่องกง ยูเออี ประเทศในยุโรป เป็นต้น


ที่สำคัญ และเป็นหลักฐานที่หนักแน่นมาก ยากจะปฏิเสธได้ คือข้อมูลการโอนเงินระหว่างบัญชีของนายอภิรักษ์ โกฎธิ กับ ดีเจแมน และ ใบเตย ซึ่งผมรับทราบมาว่าเป็นจำนวนเงินหลายสิบล้านบาท ถึงแม้เจ้าตัวจะอ้างด้วยการแถไปข้างๆ คูๆ ว่าเป็นเงินจากการขายพระเครื่อง ผมจะยกตัวอย่างให้ฟังในคำแก้ตัว ว่า ดีเจแมน บอกว่า นายอภิรักษ์ เช่าพระสมเด็จวัดระฆังลงรักแดง ราคา 13 ล้านบาท จากดีเจแมน แต่ท่านผู้ชมครับ กลับมีการแบ่งจ่าย ซอยเงินออกเป็นหลายสิบงวด ซึ่งผิดปกติวิสัย จนเหมือนกับเป็นการแบ่งปันผลประโยชน์จากการร่วมลงทุนมากกว่า หรือว่ารับจ้างโฆษณาเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็ตาม แต่ถ้าเป็นภาษากระบวนการยุติธรรม คือ ข้ออ้างนี้มีน้ำหนักน้อย ไม่น่าเชื่อถือ


เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมรอดูต่อไป 16 มีนาคม ว่าอัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้อง ผมเชื่อว่า 99.99 เปอร์เซ็นต์ น่าจะสั่งฟ้อง แล้ววันนั้น ดีเจแมน และ ใบเตย ก็จะตกเป็นผู้ต้องหาอย่างสมบูรณ์แบบ และอาจจะต้องมีการรยื่นขอประกันตัว ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่า ... ขึ้นอยู่กับความเมตตาของศาลก็แล้วกันนะครับ

250 ส.ว. ลายออกตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง เพื่อประชาชนหรือเพื่อใคร?

จริงๆ แล้วเรื่องนี้ผมไม่ค่อยอยากพูดหรอก แต่เมื่อผมเห็นท่าทีและการตั้งป้อมทางการเมืองล่าสุดของเหล่าสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ได้รับการแต่งตั้งมาจาก คสช. แล้ว ผมรู้สึกว่าผมต้องพูดล่ะ

11 กุมภาพันธ์ วันเสาร์ที่แล้ว คุณวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กของตัวเอง "ทนายวันชัย สอนศิริ" ระบุว่า "250 ส.ส. หรือ ส.ว. ... ใครจะแลนด์สไลด์" เนื้อหาหลักๆ ระบุว่า เพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ ก็แลนด์สไลด์ไป เพื่อไทยจะเลือกอุ๊งอิ๊งเป็นนายกฯ ก็เป็นเรื่องของเพื่อไทย แต่ 250 ส.ว. พร้อมแลนด์สไลด์ไม่โหวตเลือก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ให้ไปรวบรวมเสียงให้เกิน 376 เสียงเอง


คุณวันชัย โพสต์ต่อว่า คนที่จะเป็นนั้น ต้องมีภาวะความเป็นผู้นำ เป็นที่ยอมรับของคนทั้งสภาฯ ทั้งประเทศ เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ของเล่นของใคร หรือของตระกูลใดตระกูลชินวัตร (ซึ่งก็คงจะหมายถึงตระกูล ชินวัตร)

ส่วนตัวแล้วผมไม่เชื่อเรื่องแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย หรือทักษิณ ชินวัตร หรอก ผมเคยพูดไว้หลายครั้งแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม การแสดงท่าทีอย่างประเจิดประเจ้อของคุณวันชัย สอนศิริ และกลุ่มแก๊ง ส.ว. อีกจำนวนหนึ่งนั้น ผมเห็นว่าไม่เหมาะสม ไม่สง่างาม เพราะคุณวันชัย และพรรคพวก ส.ว. ทั้งหลายที่คิดแบบคุณวันชัย คงไม่เข้าใจบทบาทของตัวเอง ว่าตัวเองนั้นต้องไม่อิงแอบหรือสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณวันชัยครับ ส.ว. 250 เสียง กลับประพฤติตัวสวนกระแสความเปลี่ยนแปลงและการเดินหน้าต่อไปทางบ้านเมืองด้วยการทำตัวเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็ก ป้องกันไม่ให้ใครมาสั่นคลอนการสืบทอดอำนาจของกลุ่ม 3 ป.

ย้อนไปก่อนหน้าการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ในปี 2562 คุณวันชัย ในขณะนั้นได้ดำรงตำแหน่งเป็นโฆษกกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง และอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ได้ยอมรับอย่างภาคภูมิใจเลยว่า ขณะนี้มีผู้สมัคร ส.ว. กว่า 7,000 คน และจะให้เลือกกันเองจนเหลือ 200 คน ส่วนจะเลือกกันแบบไหนนั้น อย่าไปรู้มัน จาก 200 คน พล.อ.ประยุทธ์ หรือ คสช. จะหยิบมาเหลือ 50 คน ซึ่งเรียกว่า ส.ว. มาโดยกลุ่มสาขาอาชีพ กับอีกประเภทหนึ่งคือมาโดยตำแหน่ง จำนวน 6 คน


คุณวันชัย พูดต่อ ผมเป็นคนเขียนในรัฐธรรมนูญ ปกติ ส.ว. จะไม่มีน้้ำหนักเท่าไร ไม่มีสิทธิไปโหวตนายกรัฐมนตรี ผมเป็นคนเสนอให้ ส.ว. 250 คน มีสิทธิโหวตนายกรัฐมนตรี ผมเป็นคนเริ่มต้นคำถามพ่วงให้ ส.ว. สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ปรบมือให้ผมหน่อย

ท่านผู้ชมครับ ผ่านไปแล้ว 4-5 ปี ปัญหาบ้านเมืองไม่ได้ลดน้อยลงเลย มีแต่เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณเสียด้วยซ้ำ แต่ ส.ว. 250 คน ที่คุณวันชัย เป็นส่วนหนึ่ง กลับมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาน้อยมาก ส่วนใหญ่ต้องฟังเสียงสั่งการและการกดปุ่มจากกลุ่ม 3 ป. ซึ่งคุณวันชัย ต้องยอมรับ ทุกคนเขารู้กันหมดแล้ว คุณวันชัย เองก็ควรจะรู้ว่าการเลือกตั้งในปี 2566 ที่จะมาถึงนี้ พรรคก้าวไกลเขาเปิดแคมเปญว่า "ปิดสวิตช์ 3 ป. เอาทหารออกจากการเมือง" ยิ่งคุณวันชัย แสดงออกแบบนี้ จะยิ่งทำให้พรรคก้าวไกลประสบผลสำเร็จ และยิ่งกลับมาเป็นหอกทิ่มแทงพวกคุณ เพราะการกระทำของพวกคุณ และของคุณวันชัย นั่นเอง

ผมถามจริงๆ เถอะ หากไม่ใช่แพทองธาร ชินวัตร จากเพื่อไทย แต่เป็นอนุทิน ชาญวีรกูล ภูมิใจไทย ถ้าเขาได้รับเสียงมากพอที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ คุณจะไม่เลือกเขาจริงหรือ


หรือแม้แต่คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ พรรคไทยสร้างไทย หรือคนอื่นๆ ถ้าเขาสามารถผ่านการเลือกตั้ง และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล คุณจะไม่เลือกพวกเขาใช่ไหม ถามจริงๆ เถอะครับ พวกคุณ ส.ว. 250 คน คุณจะดูถูกสติปัญญาของประชาชนหกสิบกว่าล้านคนมากเกินไปหรือเปล่า รวมทั้งดูถูกสติปัญญาของผมด้วย หรือว่าจะให้ฟ้าถล่มดินทลายอย่างไร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในใจ ส.ว. 250 คนนั้น จะเลือกแค่ "2 ลุง" คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่วันนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะได้กี่เสียง และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคพลังประชารัฐ เท่านั้น คุณวันชัย ตอบผมหน่อยครับ ตอบประชาชนให้ชัดๆ หน่อย ตอบมาเลยว่าพวกคุณเป็น ส.ว. เพื่อประชาชน หรือเป็น ส.ว. เพื่อ 3 ป. หรือเพื่อใครกันแน่ ?

ผมมีข้อคิดเห็นของผมเพียงแค่นี้ อย่าให้ผมต้องลงลึกไปเลยว่าพวกคุณอยู่มา 3-4 ปีแล้ว คุณทำอะไรให้กับสังคมไทยบ้าง อย่าให้ผมลงลึกไปเลยครับ ถ้าผมเอามาเปิดเผยว่าที่ผ่านมาพวกคุณได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมืองบ้าน ตรวจสอบรัฐบาลบ้างหรือเปล่า พวกคุณจะหน้าแตกเอา

- ความจริงปรากฏ! นักข่าวมะกันแฉเอง CIA บึ้มท่อก๊าซรัสเซีย เยอรมนี

ท่านผู้ชมครับ เรามาทบทวนเหตุการณ์บางเรื่องที่เคยเกิดมาแล้ว และผมเคยพูดมาแล้ว วันนี้มีคำตอบให้ท่านผู้ชมหมดทุกอย่าง พร้อมหลักฐานทุกอย่าง

ท่านผู้ชมจำเหตุการณ์ระเบิดปริศนาของท่อส่งก๊าซ Nord Stream ได้ไหม Nord Stream 1 และ 2 ได้ไหม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน ปีที่แล้ว (2565) ท่อก๊าซ Nord Stream 1 และ 2 ถือเป็นช่องทางในการขนส่งก๊าซธรรมชาติที่สำคัญที่สุดทางหนึ่งจากรัสเซีย ไปยังเยอรมนี ผ่านไปทางทะเลบอลติก (Baltic) ในตอนนั้นมีการถกเถียงกันอย่างหนักว่าใครเป็นคนระเบิด คนที่เชียร์อเมริกาก็บอกว่ารัสเซียทำ บางคนโลกสวยหน่อยก็บอกว่าเป็นอุบัติเหตุ


อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านผู้ชมติดตามรายการผมมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง FC ที่ดูประจำ จะจำได้ว่าผมได้ฟันธงผ่านรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ไปตั้งแต่แรกแล้ว หลังจากเกิดเหตุใหม่ๆ แล้วว่า คนที่ทำไม่ใช่ใครทีไหน คืออเมริกานั่นเอง ทั้งนี้ ถ้าท่านผู้ชมรับฟังรายการผมมาโดยตลอด จะทราบดีว่า ผมเป็นสื่อไทยคนแรกที่วิเคราะห์ว่ากล่องดวงใจของวิกฤตยูเครนนั้นจริงๆ แล้วไม่ใช่ยูเครน แต่แท้ที่จริงแล้วคือ เยอรมนี ต่างหาก ซึ่งผมพูดมาแล้วในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 125 วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ก่อนที่สงครามยูเครนจะปะทุในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว เสียด้วยซ้ำ

ท่านผู้ชมครับ ทำไมปมปัญหาที่แท้จริงของวิกฤตยูเครน ไม่ได้อยู่ที่ยูเครน แต่อยู่ที่เยอรมนี ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทีส่ำคัญที่สุดของสหภาพยุโรป ท่านผู้ชม ผมเคยเล่าให้ฟังแล้วใช่ไหมว่ามันมีโครงการอภิมหาโปรเจกต์ หรือ เมกะโปรเจกต์อันดับหนึ่ง เกิดขึ้นระหว่างรัสเซีย กับ เยอรมนี นั่นคือ ท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 ความยาว 1,200 กิโลเมตร มูลค่ามากกว่า 11,000 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 356,000 ล้านบาท ท่อนี้จะเชื่อมต่อระหว่างรัสเซีย กับ ชายฝั่งทะเลบอลติก ทางภาคเหนือของเยอรมนี โดยเมื่อต้นปี 2565 ก่อนสงครามในยูเครนจะปะทุขึ้น โครงการที่ว่านี้ก่อสร้างใกล้เสร็จแล้ว ยังไม่ได้เริ่มเปิดใช้งาน เพราะยังรอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านพลังงานของเยอรมนี รวมทั้งคณะกรรมาธิการของยุโรปด้วย


ที่ผ่านมา โครงการท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 นี้ เป็นที่มาของความตึงเครียดระหว่างอเมริกา กับ เยอรมนี เพราะว่าอเมริกา และสมาชิกนาโตบางประเทศ เช่น โปแลนด์ และ ยูเครน เกรงว่าโครงการนี้่จะทำให้รัสเซียสามารถใช้เรื่องก๊าซธรรมชาติเป็นอาวุธ หรือเป็นเครื่องมือต่อรองในทางภูมิรัฐศาสตร์กับยุโรปได้ ส่วนเยอรมนี นายโอลัฟ ช็อลทซ์‎ (Olaf Scholz) ผู้นำคนปัจจุบันของประเทศ สนับสนุนโครงการนี้ในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลของนางอังเกลา แมร์เคิล และพรรค Social Democratic Party เห็นด้วยกับโครงการนี้เป็นอย่างยิ่ง

ประเด็นคือ เดิมทีการเชื่อมท่อก๊าซ Nord Stream 1 ระหว่างรัสเซีย กับ เยอรมนี นั้นช่วยอำนวยความสะดวกการส่งก๊าซจากรัสเซียมายังเยอรมนีได้มากถึงปีละ 55,000 ล้านคิวบิกเมตร ส่วนท่อก๊าซ Nord Stream 2 หากเปิดดำเนินการได้จริง ก็จะช่วยเพิ่มปริมาณการส่งก๊าซได้อีกเท่าตัว จากปีละ 55,000 ล้านคิวบิกเมตร เป็น 110,000 ล้านคิวบิกเมตร ทั้งนี้ การส่งพลังงานจากรัสเซียมายังเยอรมนีจะช่วยเอื้ออำนวยให้ชาวเยอรมนี 26 ล้านครัวเรือน สามารถใช้จ่ายค่าพลังงานในราคาที่ถูกลงได้ ส่วนรัสเซียนั้น การส่งออกก๊าซไปยังเยอรมนี และยุโรป ได้มากขึ้น ย่อมสร้างรายได้ให้กับรัสเซียเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน


แต่เรื่องนี้ถ้าเกิดขึ้น จะมีชาติหนึ่งซึ่งไฟลนก้น ร้อนรน และต้องการขัดขวางอย่างมากที่สุด นั่นคือสหรัฐอเมริกา และน่าจะเป็นสาเหตุหลักในการระเบิดท่อก๊าซ Nord Stream ให้หมดปัญหา

ท่านผู้ชมครับ เหตุใดรัฐบาลและผู้คุมนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ไม่พอใจกับการผูกสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่าง รัสเซีย และ เยอรมนี เป็นอย่างมาก การที่เยอรมนีซื้อและพึ่งพาก๊าซจากรัสเซียมากขึ้นจะทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ สนิทสนมกันมากกว่าเก่า การไว้เนื้อเชื่อใจจะทำให้เกิดการขยายตัวทางการค้า เมื่อซื้อง่ายขายคล่อง ความสัมพันธ์ย่อมดีขึ้น ก็จะมีการเจรจาลดกำแพงภาษี และกฎระเบียบต่างๆ การท่องเที่ยวระหว่างเยอรมนี กับ รัสเซีย ก็จะรุ่งเรืองตามกัน ซึ่งเปรียบได้กับการแลกเปลี่ยนและปรับระดับ ยกความสัมพันธ์ไปสู่อีกระดับหนึ่งที่สูงขึ้น เมื่อรัสเซีย กับเยอรมนี ญาติดีกัน ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องมีฐานทัพอเมริกาอยู่ในเยอรมนีอีก


วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 ความจริงเกี่ยวกับการระเบิดท่อก๊าซ Nord Stream 1 และ 2 ก็ปรากฏเด่นชัดขึ้นมา โดยฝีมือของนายซีมัวร์ เฮิร์ช (Seymour Hersh) นักข่าวอาวุโสวัย 85 ปี ระดับเจ้าของรางวัลพูลิตเซอร์ไพรซ์ (The Pulitzer Prizes) ซึ่งเป็นตำนานในเรื่องของนักข่าวเจาะ แม้จะอายุแปดสิบกว่าปีแล้ว แต่ก็ยังมีความห้าวหาญในการทำหน้าที่สื่อมวลชนน้ำดี ค้นคว้ามาตั้งนาน แล้วออกมาแฉว่า รัฐบาลอเมริกาต่างหากคือผู้ที่วางแผนทำลายท่อก๊าซรัสเซีย ที่เชื่อมไปยังเยอรมนี โดยให้องค์กร CIA เป็นผู้ลงมือ

ท่านผู้ชมครับ ผมอ่านผลงานของ ซีมัวร์ เฮิร์ช มาตั้งแต่ผมยังเป็นหนุ่มๆ เขาเป็นตำนานจริงๆ ในเรื่องของการทำข่าวเจาะที่ไม่มีใครกล้าทำ และเขาเป็นคนที่เปิดโปงข้อเท็จจริงหลายเรื่องที่อเมริกาอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าสังหารหมู่ชาวบ้านที่ตำบลหมีลาย ของเวียดนาม ซึ่งเขามีหลักฐานพิสูจน์ชัดเจนเลยว่าทหารอเมริกันเป็นผู้ที่ฆ่าหมู่ชาวบ้าน ลูกเล็กเด็กแดง ผู้หญิง คนอายุมาก ไม่เว้นเลย เพราะฉะนั้น ซีมัวร์ เฮิร์ช เป็นตำนานที่ทุกคนที่อยู่ในวงการสื่อมวลชนในอเมริกาจำเป็นต้องให้ความเคารพนับถือ และทุกคนยอมรับ ซีมัวร์ เฮิร์ช


รายงานที่เผยแพร่ ตอนหลังซีมัวร์ เฮิร์ช ทำบล็อกของตัวเองชื่อ Substack เขาอ้างแหล่งข่าวที่ไม่ระบุนาม ซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญโดยตรงเกี่ยวกับการวางแผนดังกล่าว เขาบอกว่า ปฏิบัติการก่อวินาศกรรมท่อส่งก๊าซธรรมชาติ Nord Stream 2 ของรัสเซีย กับเยอรมนี เป็นฝีมือของนักรบประดาน้ำกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่นำระเบิดหลายลูกไปติดตั้งบนท่อก๊าซใต้ทะเล ระหว่างการซ้อมรบ BALTOP 22 ของนาโต ในทะเลบอลติก เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2565 ก็คือว่า ในการซ้อมรบนั้น อเมริกาแอบส่งสายลับโดยการรับรู้ของกลุ่มนาโต เอาไปวางระเบิดท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 และ 2


อีกสามเดือนต่อมา ในวันที่ 26 กันยายน 2565 ระเบิดก็ถูกจุดชนวนผ่านวิธีการไร้สาย ผ่านตัวส่งสัญญาณที่ติดกับทุ่นโซนาร์ที่หย่อนลงไปในทะเล โดยเครื่องบินลาดตระเวน P-8 ของกองทัพเรือนอร์เวย์

ความสำเร็จครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ทำเนียบขาว กองทัพ และสำนักงานข่าวกรองกลาง CIA ประสานงานกันมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 แล้ว ว่าจะทำอย่างไรจะไม่ให้เหลือหลักฐานโยงใยมาถึงสหรัฐฯ มีการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษขึ้นมาดูแลกิจการนี้ ซึ่งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ชื่อ นาย Jake Sullivan มีส่วนร่วมโดยตรง เมื่อเรื่องนี้แดงขึ้นมา ทำเนียบขาวก็เต้นไม่หยุด พยายามออกมาปฏิเสธเป็นพัลวัน และบิดเบือนว่าเป็นเรื่องแต่งขึ้น หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Complete Fiction เช่นเดียวกับกระทรวงกลาโหมอเมริกา เพนตากอน ออกมาปฏิเสธ โดย เรือโทนาวิกโยธิน Garron J. Garn โฆษกเพนตากอนออกมาแถลงสั้นๆ ว่า สหรัฐฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการยืนยันคำเดิมที่เคยแถลงไปแล้วเมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมสังเกตไหมว่าช่วงหลังๆ นี้อเมริกาเริ่มทุ่มเทข่าวไปในเรื่องของวัตถุไม่ปรากฏสัญชาติ ซึ่งคนก็เดากันไปว่าน่าจะเป็น UFO บินเข้าไปในอเมริกา แล้วอเมริกาก็สั่งยิงตก ท่านผู้ชมรู้หรือไม่ว่านี่คือการบิดเบือน เปลี่ยนเป้าหมาย เพราะว่าอเมริกาโดน ซีมัวร์ เฮิร์ช ตีแสกหน้าด้วยไม้หน้าสามว่าอเมริกาคือตัวการวางแผนระเบิดนี้ ก็เลยจะเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนจากข่าวชิ้นนี้ไปที่วัตถุแปลกที่อยู่ในอวกาศ นี่คือนิสัยของอเมริกา และเป็นนิสัยของคนที่มีอำนาจ ไม่เว้นแม้กระทั่งประเทศไทยเช่นกัน


ท่านผู้ชมครับการออกมาแฉเรื่องสั่นสะเทือนในโลกเช่นนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นักข่าวพูลิตเซอร์ไพรซ์อย่างซีมัวร์ออกมาสืบสวนสอบสวนเรื่องสำคัญๆที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเมืองโลกท่านผู้ชมรู้ไหมเขาเคยทำข่าวเจาะลึกประเด็นใหญ่ๆให้กับสื่อทรงอิทธิพลอย่าง The New York Timesและนิตรยสาร The New Yorkerมานานหลายทศวรรษ

เรามาดูประวัติ "ซีมัวร์เฮิร์ช" (Seymour Hersh)กัน

ซีมัวร์เฮิร์ช" (Seymour Hersh)เกิดที่ชิคาโก 2480แก่กว่าผมสิบปีจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชิคาโกซึ่งเป็น Top10ของอเมริกาปริญญาตรีสาขาประวัติศาสตร์สาขาเดียวกับผมเป็นนักข่าวสายอาชญากรรมให้กับ City News Bureau of Chicagoปี 2502ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเรียนต่อด้านกฎหมายจากคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยชิคาโกผลการเรียนไม่ดีก็เลยรีไทร์ออกมา


ซีมัวร์เฮิร์ชเป็นนักข่าวอิสระให้กับสำนักข่าว UPI หรือ United Press International ที่เซาท์ดาโคตาและเป็นนักข่าวอิสระให้กับ Associate Press หรือ AP ต่อมาได้เว้นวรรคจากอาชีพผู้สื่อข่าวมาทำงานเป็นผู้จัดการสื่อหาเสียงให้กับยูจีแม็คคาร์ธีวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี พ.ศ. 2511 หลังจากจบแคมเปญการเลือกตั้งแล้วเฮิร์ชก็กลับมาทำอาชีพเป็นนักข่าวสืบสวนสอบสวนภาษาอังกฤษเรียกว่า Investigative Reporting อย่างทุ่มเทจริงจังเขาเริ่มทำงานข่าวเวียดนามสงครามในเวียดนามที่เกิดขึ้นมายาวนานถึง 20 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2498-2518

อย่างที่ผมเรียนให้ทราบมาก่อนว่าเขามีผลงานข่าวเจาะเรื่องการสังหารหมู่ที่หมีลายซึ่งเป็นเหตุโศกนาฏกรรมสังหารหมู่พลเรือนที่ไม่มีอาวุธในสงครามเวียดนามโดยฝีมือทหารอเมริกันสังกัดกองร้อยชาร์ลีที่นำโดยร้อยโทวิลเลียมแคลลีย์แห่งกองพันที่ 1กรมทหารราบที่ 20 กองพลน้อยที่ 11 แห่งกองพลทหารราบที่ 26 ปฏิบัติการค้นหาและทำลายภาษาอังกฤษเรียกว่า Search and Destroy Operation เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2511


รายละเอียดของเหตุการณ์ดังกล่าว ตามบันทึกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า ผู้หมวดแคลลีย์ ได้สั่งให้ทหารเข้าไปในหมู่บ้าน แล้วสั่งยิงทุกคนที่พบเห็น แม้จะไม่มีรายงานการยิงโต้ตอบก็ตาม ตามรายงานของผู้เห็นเหตุการณ์ มีชายชราหลายคนถูกแทงจนเสียชีวิตด้วยมีดปลายปืน เด็กๆ และผู้หญิงที่นั่งคุกเข่าอ้อนวอนขอชีวิตถูกยิงเข้าที่ด้านหลังศีรษะ เด็กหญิงถูกข่มขืนอย่างน้อย 1 คน ก่อนจะถูกสังหาร นอกจากนั้นแล้ว ยังมีข้อมูลว่าทหารอเมริกันได้ไล่ชาวบ้านที่ไร้อาวุธชาวเวียดนามประมาณ 170 คน ลงไปรวมกันในคูน้ำแห่งหนึ่ง ก่อนจะรัวกระสุนปืนกลปลิดชีวิตทุกคนที่ปราศจากอาวุธ ทั้งนี้ ผู้ถูกสังหารส่วนใหญ่เป็นหญิงและเด็ก รวมทั้งทารก คนชรา ภายหลังมีการค้นพบว่า ศพบางศพถูกตัดแขนขาออก จำนวนผู้เสียชีวิตมีเกือบ 500 ศพ

เหตุการณ์สังหารหมู่ที่หมีลาย ได้ถูกปกปิดอย่างมิดชิดโดยกองทัพสหรัฐฯ จนกระทั่งเดือนพฤศจิกายน 2512 หรือว่าสองปีหลังเกิดเหตุ ซีมัวร์ เฮิร์ช นักข่าวเจาะคนแรกที่ได้ทุ่มเททำงานหนักในการหาข้อมูลและรายงานการสังหารหมู่นี้ ที่มาจากการบอกเล่าของแหล่งข่าวที่ชื่อ Ron Ridenhour ทหารผ่านศึกเวียดนามที่รับรู้เรื่องการสังหารหมู่ที่หมู่บ้านหมีลาย จากทหารหน่วยชาร์ลีคนหนึ่ง

ท่านผู้ชมรู้ไหม รายงานข่าวเจาะของ ซีมัวร์ เฮิร์ช ตีพิมพ์ออกมาเผยแพร่ผ่านสื่อทั่วโลก เปิดเผยด้านมืดที่อำมหิตของมหาอำนาจอเมริกาที่ช็อกโลก ผลงานนี้ทำให้เขาได้รางวัลพูลิตเซอร์ (Pulitzer Prize) เมื่ออายุเพียง 33 ปี

ต่อมาผลการสอบสวนฝ่ายทหารกลับได้ข้อสรุปว่า ร้อยโท แคลลีย์ กระทำความผิดคดีสังหารหมู่นี้คนเดียว ในปี 2512 ศาลได้ตัดสินลงโทษนายทหารผู้นี้ในข้อหาฆาตกรรม และส่งผลให้สงครามในเวียดนามสิ้นสุดเร็วยิ่งขึ้น แล้วก็เป็นเหตุในการทำสงครามในเวียดนามที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนทั่วไป


นิตยสาร TIMEตอนนั้นเอาภาพของร้อยโทแคลลีย์ขึ้นปกนิตยสารนี้ตีพิมพ์เมื่อเดือนเมษายน 2514

สี่ปีต่อมาเฮิร์ชทำงานให้กับสื่อทรงอิทธิพลอย่าง New York Timesและได้ทำข่าวเรื่องอื้อฉาวคดีวอเตอร์เกต (Watergate)และเขียนหนังสือดังหลายเล่มหนึ่งในหนังสือเล่มที่สะเทือนวงการคือ The Price of Power : Kissinger in the Nixon White Houseซึ่งตรวจสอบอิทธิพลของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯเฮนรีคิสซินเจอร์ (Henry Kissinger)ต่อนโยบายต่างประเทศของประเทศช่วงที่ริชาร์ดนิกสัน (Richard Nixon)ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี


ในหนังสือเล่มนี้ซีมัวร์เฮิร์ชกล่าวหาว่าอดีตนายกรัฐมนตรีอินเดียชื่อโมราร์จิเดไซรับเงินจำนวน 20,000 ดอลลาร์ต่อปีจาก CIA ในช่วงที่ประธานาธิบดีลินดอน บี.จอห์นสัน (Lyndon B. Johnson)และริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon)บริหารรัฐบาลเพื่อแลกกับข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศอินเดียและการเมืองภายในประเทศ ต่อมารายงานข่าวใน The New York Times ระบุว่าอดีตนายกรัฐมนตรีเดไซยื่นฟ้องเฮิร์ชในข้อหาหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านดอลลาร์ แต่ศาลตัดสินว่าซีมัวร์เฮิร์ชไม่ผิด


2536 ตอนที่ ซีมัวร์ เฮิร์ช อายุ 56 ปี เขาทำงานประจำเป็นนักเขียน นักข่าวเจาะให้กับนิตยสาร The New Yorker ของนิวยอร์ก เขาเขียนบทความสำคัญๆ โดยอ้างอิงจากการเจาะข่าวของเขาในกรณีสหรัฐฯ บุกอิรัก

2546 รายงานข่าวเจาะของเขาระบุถึงปฏิบัติการที่เลวร้าย ทรมานนักโทษและผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายในเรือนจำอาบู กราอิบ (Abu Ghraib) ใกล้กรุงแบกแดดของอิรัก โดยรายละเอียดของข่าวเจาะเชิงสอบสวนกรณีนี้เขาได้รวบรวมเขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง ชื่อ CHAIN OF COMMAND The Road from 9/11 to Abu Ghraib วางจำหน่ายในปี 2547


ปี 2558 ขณะที่ เฮิร์ช อายุ 78 ปี ท่านผู้ชมเชื่อไหมเขายังไม่หยุดทำหน้าที่สื่อมวลชน เขาเจาะข่าวใหญ่ที่สั่นสะเทือนวงการมหาอำนาจอเมริกา เขากล่าวหาว่าประธานาธิบดีบารัก โอบามา และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ โกหกเกี่ยวกับรายละเอียดของการโจมตีในปี 2554 ที่เมืองอับบอตตาบัด ประเทศปากีสถาน ซึ่งอุซามะห์ บิน ลาดิน ผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์ ถูกจู่โจมสังหาร เฮิร์ช อ้างว่าปากีสถานกักขังบิน ลาดิน ในฐานะนักโทษมาตั้งแต่ปี 2549 แล้ว และพวกเขาก็รู้เรื่องการจู่โจมก่อนที่มันจะเกิดขึ้น แต่รัฐบาลบารัก โอบามา ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว


อย่างไรก็ดี ปีถัดมา โอบามา ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง ปี 2555 หลังจากการสังหารบิน ลาดิน ในปี 2554

ปี 2561 ในการให้สัมภาษณ์ของ ซีมัวร์ เฮิร์ช กับโคลัมเบีย เจอร์นัลลิซึม รีวิว (Columbia Journalism Review) เมื่อนักข่าวถามเขาเกี่ยวกับความรู้สึก เกรงกลัวไหมที่ลงทำข่าวเจาะแบบนี้่ เขาตอบว่า มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ เขาเล่าว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผมไม่สังสรรค์กับใครเลย ไม่พบกับคนในรัฐบาลด้วยซ้ำ แหล่งข้อมูลของผมที่ดีที่สุดคือเพื่อนเก่า ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้รับราชการแล้ว

ท่านผู้ชมครับ ประเด็นเรื่องนี้อยู่ที่ไหน ? หลังจาก ซีมัวร์ เฮิร์ช เปิดโปงอเมริกาสั่ง CIA ทำลายท่อก๊าซรัสเซีย จนเป็นข่าวลึกทั่วโลก อเมริกาหวั่นว่ารัสเซียจะแก้แค้น ปรากฏว่า CIA สหรัฐฯ รีบไปบิดเบือนข้อมูลในวิกิพีเดีย ว่า ซีมัวร์ เฮิร์ช เป็นนักทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด (Conspiracy Theorist) และอ้างว่าตอนนี้รัฐบาลรัสเซียขอเชิญ ซีมัวร์ เฮิร์ช ไปเป็นแขกพิเศษที่สภาดูมา เพื่อให้ไปชี้แจงข้อมูลหลักฐานว่าเป็นไปเป็นมาอย่างไร


อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ข้อมูลชัดเจนว่าอเมริกาได้สั่งให้ CIA ทำลายท่อส่งก๊าซ Nord Stream รัสเซียยังคงเสนอไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ เพื่อฉีกหน้าอเมริกาบนเวทีสหประชาชาติ หลังจากนั้นอาจจะแก้แค้นตามมา ซึ่งไม่มีใครทราบได้ แต่อย่างน้อยรัฐบาลรัสเซียจะแถลงว่า รัฐบาลอเมริกาคือรัฐบาลก่อการร้ายโลก ซึ่งในข้อเท็จจริงก็เป็นอย่างนั้นจริง เพราะการก่อการ้ายต่อทรัพย์สินของรัสเซียที่อเมริกาทำอยู่แล้วหลายๆ ประเทศนั่นเอง

ในยุโรป สื่อเยอรมัน Der Spiegel ซึ่งเป็นสื่อที่ใหญ่มาก ลงข่าวว่าสื่ออเมริกันเป็นผู้ออกมาแฉรัฐบาลอเมริกาเองว่าเป็นคนสั่งถล่มท่อก๊าซรัสเซียที่เชื่อมถึงเยอรมนี แต่ประเมินแล้วเชื่อว่าผู้นำเยอรมนีคงไม่กล้าทำอะไร เพราะว่าผู้นำเยอรมนีเป็นแค่หุ่นเชิดของอเมริกา แล้วอียูก็คือพรมเช็ดเท้าของอเมริกานั่นเอง


ท่านผู้ชมครับ โลกวันนี้ถูกครอบงำด้วยอิทธิพลของสื่อตะวันตก การครอบงำและผูกขาดของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในมือทุนตะวันตก สังคมข่าวสารต้องมีนักข่าวน้ำดีที่ทั้งอดทน กล้าหาญ อย่างนายซีมัวร์ เฮิร์ช เพิ่มขึ้นมากๆ เป็นคนจุดโคมไฟแห่งปัญญาที่ทุ่มเททำงานข่าวสืบสวนสอบสวนเชิงลึกที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมจริงๆ รวมทั้งยังแฉพฤติกรรมพูดอย่าง ทำอย่าง ของมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา ให้รู้กันไปทั่วโลก แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะพยายามปิดข่าวของซีมัวร์ เฮิร์ช แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะโลกรู้ทันมากขึ้น ยกเว้นสื่อที่ด้อยปัญญาหรือถูกครอบงำทางความคิด มัวแต่เดินตามก้นฝรั่ง

ท่านผู้ชมครับ เรื่องของ ซีมัวร์ เฮิร์ช สะท้อนให้เห็นถึงข้อเท็จจริงของสื่อมวลชนไทยเช่นกัน

ซีมัวร์ เฮิร์ช นี่เป็นตำนานเลยนะท่านผู้ชม ใครก็ตามที่อยู่ในวงการหนังสือพิมพ์ ใครที่เรียนหนังสือพิมพ์มา ไม่ว่าจะเป็นคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ คณะวารสารศาสตร์ฯ ของธรรมศาสตร์ อาจารย์เก่าๆ หลายคนจะรู้จัก ซีมัวร์ เฮิร์ช หมดทุกคน เขาไม่ใช่ขี้ไก่ เขาเป็นตำนาน แล้วข่าวที่เขาออกมาทำเอารัฐบาลอเมริกันกระโดดโลดเต้น Der Spiegel หนังสือพิมพ์เยอรมันก็ลงข่าวยืนยันสิ่งที่ ซีมัวร์ เฮิร์ช พูด แต่ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเมืองไทย บรรดาบรรณาธิการข่าวต่างประเทศทั้งหลาย รวมทั้งผู้หญิงทั้งหลายที่ทำงานข่าวต่างประเทศแล้วมีสามีเป็นชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นเยอรมัน หรือเป็นฝรั่งเศส เงียบสนิท ไม่พูด ทั้งๆ ที่ข่าวนี้เป็นข่าวที่อ้างอิงว่าเป็นการข่าวจาก ซีมัวร์ เฮิร์ช อดีตผู้ที่ได้รับรางวัลข่าวเจาะของพูลิตเซอร์ไพรซ์ แล้วเขาเป็นคนที่เปิดโปงข่าวระดับใหญ่ ระดับโลก ตั้งไม่รู้กี่ข่าว อย่าว่าแต่หนังสือพิมพ์ในเมืองไทยเลย CNN ก็ไม่ออกมารายงานข่าว BBC ก็ไม่รายงานข่าว CNBC, CBS ไม่รายงานข่าว ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง ท่านผู้ชมจะเริ่มเห็นแล้วว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนนั้นถูกกำกับและดูแล และโฆษณาชวนเชื่อโดยสื่อทางตะวันตกพวกนี้ทั้งสิ้น ข้อเท็จจริงอย่าง ซีมัวร์ เฮิร์ช พูดออกมา ไม่มีใครเอามาพูดเลยแม้แต่นิดเดียว และเรื่องนี้ก็เลยลามมาจนถึงผู้สื่อข่าวต่างประเทศ บรรณาธิการข่าวต่างประเทศ ในประเทศไทย ซึ่งห่วยแตกฉิบหายเลย เพราะว่ามันเดินตามก้นสื่อ CNN, CNBC, BBC ไม่มีสมองคิด ไม่มีสติปัญญาที่จะพิจารณาว่าคนระดับ ซีมัวร์ เฮิร์ช ออกมาให้สัมภาษณ์ แฉออกมาอย่างนี้ สื่อเยอรมันอย่าง Der Spiegel ซึ่งใหญ่ที่สุด ก็อ้างอิงคำพูด ซีมัวร์ เฮิร์ช ทำไม CNN, BBC ถึงไม่รายงาน เพราะพวกนี้ คนไทยที่เป็น บก. ข่าวต่างประเทศ มันคือทาสของสื่อทางตะวันตก เอะอะอะไรก็รายงานตามแนวทางสื่อตะวันตกหมด


เราถูกปิดกั้นข่าวสาร จากสื่อตะวันตก คนไทยซึ่งเป็นนักข่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บก. ข่าวต่างประเทศ ก็เดินตามอเมริกา เดินตามตะวันตก ถ้าเขาบอกว่ายุโรปคือพรมเช็ดเท้าของอเมริกา ผมพูดได้ไหมว่า บก. ข่าวต่างประเทศสื่อในประเทศไทยก็คือผ้าขี้ริ้วที่รองอยู่ใต้เท้าของอเมริกา ผมผิดหวังมาก ผิดหวังจริงๆ ท่านผู้ชมเริ่มเข้าใจหรือยังว่าทำไมผมต้องลุกขึ้นมาสู้ในหลายๆ เรื่อง และผมไม่เคยผิด ท่านผู้ชม ขอให้เชื่อ ท่านผู้ชมไปดูเรื่องราวเก่าๆ ที่ผมพูดนะ อีกไม่นานมันก็จะถูกต้องหมดทุกอย่าง ไม่ผิด ท่านผู้ชมจำได้ไหม วันที่อเมริกาบอยคอตแซงก์ชันรัสเซีย โจ ไบเดน บอกว่าเงินรูเบิลจะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ไม่เกิน 2 อาทิตย์ รัสเซียก็ต้องเริ่มถอยแล้ว สื่อเมืองไทยโหมกันฉิบหายวายป่วงกันหมด เทิดทูน เชิดชูไบเดน บอกว่ารัสเซียตายแน่ๆ ผ่านมาแล้ว 1 ปี เศรษฐกิจอเมริกา-ยุโรปจะเจ๊ง รัสเซียโดนแซงก์ชันมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก แต่รัสเซียอยู่ได้ เงินรูเบิลแทนที่จะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน กลับมีอาการแข็ง แข็งเป็นอันดับสามของโลก แข็งมากกว่าสมัยก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครนเสียอีก รัสเซียไปได้ดี เอ้า สองอาทิตย์แล้วไม่ใช่เหรอ สองอาทิตย์รัสเซียต้องแพ้ แต่นี่หนึ่งปีแล้ว มีแต่เซเลนสกี ออกมาโวยวายขออาวุธเพิ่มๆ แล้วสื่อมวลชนในเมืองไทยก็ยังเลียนแบบ เอาข้อมูลของ CNN เอาข้อมูลของ BBC เอาข้อมูลของ AP เอาข้อมูลการโฆษณาชวนเชื่อของต่างประเทศ เอามารายงานว่ายูเครนชนะแล้ว ยูเครนฆ่าทหารแล้ว แม้กระทั่งรายงานการตายของทหารยูเครน ทหารรัสเซีย ซึ่งวิเคราะห์โดยองค์กรหรือสำนักสถิติที่เป็นกลาง อย่างเช่น Stratford เขาบอกชัดเจนเลยว่าทหารยูเครนตายไปแล้วเกือบ 3 แสนคน รัสเซียตาย 2 หมื่นกว่าคน แต่บรรณาธิการข่าวประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นช่องไหนก็ตาม ไทยพีบีเอส PPTV ช่อง 3 ช่องไทยรัฐ มะงุมมะงาหรา โง่เขลา เหลวไหล โคตรโง่เลย ไม่มีสติปัญญาเลยแม้แต่นิดเดียวที่จะวิเคราะห์ข่าวต่างๆ แล้วใช้ตรรกะ ใช้เหตุผล และ ซีมัวร์ เฮิร์ช เป็นตัวอย่างที่ดี ที่เพอร์เฟกต์ที่สุด ก็ละเลย ไม่สนใจ

ขอบคุณมากครับพวกคุณ พวกคุณนี่คือผ้าขี้ริ้วใต้รองเท้าของอเมริกาที่แท้จริง

สภาการสื่อมวลชนฯ กังวลกฎหมายปิดปากสื่อ


ท่านผู้ชมครับเมื่อประมาณสองวันที่ผ่านมาคือวันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 มีการประชุมคณะกรรมการสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติครั้งที่ 2/2566 มีคุณชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติเป็นประธาน ในที่ประชุมนั้น คุณนิภาวรรณ แก้วรากมุกข์ เลขาธิการสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติระบุว่า ที่ประชุมได้มีการหยิบยกประเด็นที่กรรมการเสนอขึ้นมาพิจารณาโดยแสดงความกังวลกรณีที่มีความพยายามใช้กระบวนการทางกฎหมายเข้ามาแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน โดยกรรมการฯ ได้ยกตัวอย่างอภิปรายการแทรกแซงหลายกรณี เช่น การฟ้องร้องคดีและขอให้สื่อมวลชนยุติการเสนอข่าว เป็นต้น ทั้งนี้เห็นว่ารัฐธรรมนูญให้ความคุ้มครองเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนโดยปราศจากการแทรกแซง ก็เลยเห็นควรว่าควรจัดสัมมนาเพื่อหาทางออก ก่อนจะมีมาตรการอื่นๆ


ส่วนคุณตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ กรรมการสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในที่ประชุมมีการหารือถึงกรณีที่ระยะหลังสมาชิกสภาการสื่อมวลชนฯ พบอุปสรรค ปัญหา ในการปฏิบัติหน้าที่สื่อมวลชนมากขึ้น เนื่องจากผู้ถูกพาดพิงจากการนำเสนอข่าวมักใช้วิธีการฟ้องร้องเพื่อให้ยุติการนำเสนอข่าว ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ นายแทนไท ณรงค์กูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด มอบอำนาจให้ทนายความยื่นฟ้องผม สนธิ ลิ้มทองกุล ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และผิดพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ เรียกค่าเสียหายตั้ง 1 พันล้านบาท ที่สำคัญ ยังให้ศาลแพ่งไต่สวนฉุกเฉินขอคุ้มครองชั่วคราว และศาลแพ่งก็ได้มีคำสั่งห้ามมิให้ผมกล่าวพาดพิงถึงนายแทนไท อีก รวมทั้งให้ลบข้อมูลที่กล่าวถึงนายแทนไท ทั้งหมดออกจากระบบคอมพิวเตอร์ ทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ทุกช่องทางเป็นการชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง


ต่อมา อีกสิบวันให้หลัง 13 กุมภาพันธ์ ศาลได้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงคำสั่งห้ามผมกล่าวพาดพิงนายแทนไท เฉพาะกรณีบริษัท ไมนิ่งโปร จำกัด ที่นายแทนไท ถือหุ้น เท่านั้น นอกจากนั้นยกหมด

นายตุลย์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวที่ประชุมฯ เห็นว่าเป็นลักษณะของการใช้กฎหมายเพื่อปิดปากสื่อมวลชน และอาจจะเข้าข่ายต่อการขัดรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 34 และมาตรา 35 หรือไม่

รัฐธรรมนูญ มาตรา 34 ระบุว่า "บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ตราขึ้นเฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันสุขภาพของประชาชน"

ส่วนมาตรา 35 วรรคแรก บัญญัติว่า "บุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนย่อมมีเสรีภาพในการเสนอข่าวสารหรือการแสดงความคิดเห็นตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพ การสั่งปิดกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเพื่อลิดรอนเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้"

คุณตุลย์ กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมได้พิจารณาทางออกในเรื่องนี้ โดยนอกจากจะมีการจัดเสวนาแล้ว อาจจะมีการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่า กรณีที่ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามผม นายสนธิ กล่าวพาดพิงถึงนายแทนไท รวมทั้งให้ลบข้อมูลออกจากระบบนั้น ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 34 และ 35 หรือเปล่า และอาจจะต้องยื่นเรื่องนี้ให้คณะกรรมการตุลาการ (กต.) พิจารณาเรื่องนี้ด้วย

คุณตุลย์ เปิดเผยต่อว่า กรณีที่ศาลเปลี่ยนแปลงคำสั่งเมื่อวันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเพราะผม พร้อมทนายความ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขอให้เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ไม่ให้ผมวิพากษ์วิจารณ์นายแทนไท ณรงค์กูล ซึ่งภายหลังการยื่นคำร้องของผมแล้ว ก็ได้มีการไต่สวนผมอย่างละเอียด ซึ่งผมก็ได้ตอบคำถามที่ทนายโจทก์ได้รับมอบอำนาจมาแถลง ว่า ทำไมถึงต้องปิดรายการผม และทำไมถึงต้องไม่ให้ผมเป็นคนพูด เมื่อผมตอบคำถามจบเรียบร้อยแล้ว ศาลได้พิจารณาเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ให้สามารถทำได้โดยเสรี และไม่ต้องถอดเรื่องราวต่างๆ ที่ลงไปแล้ว เพียงแต่ว่ายังคงห้ามผมไม่ให้กล่าวถึงบริษัท ไมนิ่งโปร จำกัด ที่นายแทนไท เป็นผู้ถือหุ้น ลักกระแสไฟฟ้ามาใช้ ทั้งๆ ที่ควรจะยกเลิกคำสั่งห้ามทุกกรณี เรื่องนี้คุณตุลย์ บอกว่า เราไม่ได้คัดค้านคำสั่งศาล แต่ขออนุญาตไม่เห็นด้วยในเชิงวิชาการครับ

- เจาะคำพิพากษาศาลแพ่งฉีกหน้า “แทนไท” วัยรุ่นพนันพันล้าน

ท่านผู้ชมครับในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 176 สัปดาห์ที่แล้ววันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 ผมได้เกริ่นให้ท่านผู้ชมทราบไปแล้วว่าในรายการวันนี้ผมจะเอาคำพิพากษาศาลแพ่งคดีดำหมายเลขที่ ฟ. 50/2564 คดีหมายเลขแดงที่ ฟ. 101/2565 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2565 โดยคำสั่งศาลแพ่งนั้นมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์นายแทนไท ณรงค์กูล และพวก เป็นเงิน 176,127,860.99 บาท (หนึ่งร้อยเจ็ดสิบหกล้านหนึ่งแสนสองหมื่นเจ็ดพันแปดร้อยหกสิบบาทเก้าสิบเก้าสตางค์) โดยชี้ให้เห็นในคำพิพากษาศาลแพ่งว่าคำแก้ตัวและคำร้องค้านของนายแทนไทพ่อแม่และผู้เกี่ยวข้องรวมทั้ง 8 คนนั้นฟังไม่ขึ้น


คำพิพากษาในคดีนี้มีความยาว 53 หน้า ใน 53 หน้านี้ มีรายละเอียดทีน่าสนุกหลายๆ ประการ เล่าไปเล่ามาท่านผู้ชมจะเริ่มเห็นความเชื่อมโยงต่างๆ และจะเฉลยที่มาของความร่ำรวยของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง อายุเพียง 26-27 ปี ว่าสามารถจะร่ำรวยขึ้นมาได้อย่างไร เกิดจากการทำธุรกิจสีเทาหรือสีดำอะไรบ้าง นอกจากนี้แล้ว เมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียดแต่ละชื่อ แต่ละบริษัท บุคคลแต่ละคน นำมาเชื่อมต่อกับเส้นเวลา ที่เขาเรียกว่า "ไทม์ไลน์" (Timeline) ของคดีแล้ว ก็จะยิ่งเห็นภาพความล่มสลายของสังคม รวมไปถึงกระบวนการยุติธรรมของไทยว่า ถ้าผมและท่านผู้ชมปล่อยให้สังคม ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป รับรองว่าประเทศไทย สังคมไทย จะไม่เหลืออะไรเลย เหมือนที่ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ บรรพบุรุษของเราเคยสอนเอาไว้ว่า "โจรปล้นสิบครั้งยังเหลือบ้าน ไฟไหม้บ้านสิบครั้งยังเหลือที่ดิน เล่นการพนันครั้งเดียวไม่เหลืออะไรสักอย่าง"

เนื่องจากคำฟ้องที่คุณแทนไท ให้ทนายยื่นฟ้องผมในคดีอาญา และคดีแพ่ง ระบุว่าผมใส่ร้ายเขาเป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์นั้น ไม่เป็นความจริง นี่คือคำฟ้องของเขานะครับ หน้าที่ 6 จำเลย (คือผม สนธิ ลิ้มทองกุล) โฆษณาข้อความและภาพโดยเจตนาโน้มน้าว ชักจูงให้บุคคลทั่วไปให้รู้สึกเกลียดชังโจทก์ (คุณแทนไท) ว่าเป็นคนไม่ดี เป็นเจ้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์ และร่ำรวยมาจากการทำเว็บไซต์พนันออนไลน์ ซึ่งไม่เป็นความจริง นี่คือคำฟ้องของคุณแทนไท นะครับ

ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณแทนไท จะเป็นเจ้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์ และร่ำรวยมาจากการทำเว็บไซต์พนันออนไลน์หรือไม่นั้น คำพิพากษาศาลแพ่งที่ผมกำลังจะเอามาอ่านและขยายความนี้ ในคดีดำหมายเลข ฟ. 50/2564 และคดีหมายเลขแดง ฟ. 101/2565 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ได้ให้คำตอบไว้อย่างละเอียดแล้ว


คดีนี้เป็นคดีการกระทำผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งมีผู้คัดค้าน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าเป็นคนที่ไม่เห็นด้วยกับการพิพากษาครั้งนี้ จำนวน 11 ราย ประกอบด้วย 1. คุณแทนไท ณรงค์กูล 2. บริษัท แทนไท อินดัสตรีส์ จำกัด 3. บริษัท ณรงค์กูลเวิลด์ จำกัด 4. นายอรุวัช ณรงค์กูล 5. นางปรียาภรณ์ ณรงค์กูล 6. นายณัฐวุฒิ แก้วสองสี 7. นายธนพล ณรงค์กูล 8. นายพิชญ์นันท์ สุวรรณโณ 9. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 10. บริษัท ราชธานี ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) 11. บริษัท ฮอนด้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ในจำนวนนี้เป็นบุคคลและนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนายแทนไท ณรงค์กูล จำนวน 8 ราย ส่วนอีก 3 ราย เป็นนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจปกติ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำเรื่องเว็บพนันและฟอกเงิน แต่เชื่อมโยงกับคดีนี้ เพราะผู้คัดค้านส่วนแรกไปเช่าซื้อรถยนต์กับบริษัทเหล่านี้เท่านั้น

เอาล่ะ ท่านผู้ชม เรามาดูรายละเอียดกันว่าในบุคคลและนิติบุคคล 8 ราย ที่ศาลชี้ให้เห็นว่าเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์และฟอกเงินนั้น เขาทำกันอย่างไร

ลำดับที่หนึ่ง คือ นายแทนไท ณรงค์กูล ลำดับที่สอง คือพ่อของนายแทนไท ชื่อ นายอรุวัช ณรงค์กูล ลำดับที่ห้า คือ นางปรียาภรณ์ ณรงค์กูล คุณแม่ของคุณแทนไท ทั้งสามคนพ่อ-แม่-ลูก ได้ก่อตั้งบริษัท และยังเป็นผู้ถือหุ้นอีกสองบริษัท ผู้คัดค้านลำดับสองในคดีนี้ บริษัท แทนไท อินดัสตรี้ส์ จำกัด โดยในบริษัทนี้ นางปรียาภรณ์ ณรงค์กูล แม่ของนายแทนไท นอกจากจะถือหุ้นแล้ว ยังดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท และผู้มีอำนาจลงนามด้วย อีกบริษัทหนึ่ง คือผู้คัดค้านลำดับสาม คือ บริษัท ณรงค์กูลเวิลด์ จำกัด บริษัทนี้ พ่อ-แม่-ลูก เป็นผู้ถือหุ้น แต่ให้ น.ส.กนกวรรณ วัชระ มาเป็นกรรมการบริษัท

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูรายละเอียดกันว่า พ่อ-แม่-ลูก สามคนนี้เขามีที่มาที่ไปอย่างไร


แทนไท ณรงค์กูล มีชื่อเล่นว่า เบ๊บ ปัจจุบันอายุ 27 ปี เกิดในครอบครัวข้าราชการกรมป่าไม้ โดยพ่อ คือ นายอรุวัช ณรงค์กูล หรือที่เพื่อนฝูงเรียกกันว่า "เฮียวัช ดอนเมือง" นั้น มีตำแหน่งเป็นลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งช่างสำรวจ สังกัดสำนักฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับเงินเดือน 17,000 บาท ส่วนแม่ คือ นางปรียาภรณ์ ณรงค์กูล หรือ เจ๊จิ๊บ ทำงานเป็นพนักงานราชการ สำนักจัดการที่ดินป่าไม้ กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม


ข้อมูลจากคำพิพากษาศาลแพ่ง หน้าที่ 42 ระบุว่า ทำงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2548 จนถึงวันที่ 10 ตุลาคม 2562 ได้รับเงินเดือนอัตราสุดท้าย คือ 25,440 บาท ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลที่นิตยสาร "เถ้าแก่ใหม่" ฉบับที่ 76 เดือนมีนาคม 2557 เคยกล่าวเกี่ยวกับครอบครัวของนายแทนไท ไว้ดังนี้

"เบ๊บ อาจไม่ใช่คนยากจน แต่ไม่ได้มาจากตระกูลที่ร่ำรวยหรือมีมรดกทิ้งไว้ให้ โดยพ่อแม่ของเขารับราชการกรมป่าไม้ ส่วนเบ๊บ ยังศึกษาอยู่ระดับมัธยมปลาย เอกศิลป์-คำนวณ ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เบ๊บ เริ่มต้นการขายของออนไลน์เหมือนวัยรุ่นทั่วไปในยุคโซเชียลฟีเวอร์ เขามีคุณสมบัติของนักธุรกิจที่กล้าลงทุน กล้าเสี่ยง และกล้าใช้เงินทำงาน"


ส่วนนี่คือคำให้สัมภาษณ์ของนายแทนไท นายแทนไท พูดว่า "ผมเริ่มต้นจากหุ้นกับเพื่อนเซ้งร้านเกมที่เคยเข้าไปใช้บริการประจำด้วยเงินเก็บที่มีอยู่ และจ้างคนดูแลร้าน ทำเลตั้งอยู่ที่ย่านหอพักหลัง ม.รังสิต ซึ่งมีนักศึกษาเยอะ ผมจึงคิดหาของมาขายเพื่อเสริมรายได้ ซึ่งส่วนตัวผมรู้จักเพื่อนบ้านที่สนิทกัน เขาทำขนมจีบขาย ผมจึงไปเสนอแนวคิดเพิ่มยอดขายให้ โดยจะทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ และแบ่งผลประโยชน์กำไรอย่างยุติธรรม ขอสร้างแบรนด์ขึ้นมาใหม่โดยใช้ชื่อผม คือ ขนมจีบแทนไท"


2556 และ 2557 หรือประมาณสิบปีที่แล้ว ขณะที่แทนไท ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ ยังใสๆ อยู่ อายุ 17-18 ปี ผมเชื่อว่าเขากับครอบครัวคงทำธุรกิจขนมจีบอย่างจริงๆ จังๆ แต่ประเด็นที่สำคัญมาก คือ หลายปีต่อมาเมื่อเขาถูกจับข้อหาทำเว็บพนันและฟอกเงินนั้น เขาดันใช้ข้ออ้างในการทำธุรกิจขายขนมจีบแทนไท ขายเสื้อยืดขนมจีบแทนไท ที่มีสโลแกนว่า "ลองจีบแล้วจะติดใจ" ว่าเป็นต้นทางที่มาของความร่ำรวยหลายร้อยล้านบาท ตามคำพิพากษาหน้า 9 และหน้า 10 ดังนี้

คำพิพากษาระบุว่า "ผู้คัดค้านที่หนึ่ง คือ นายแทนไท ชอบทำธุรกิจมาตั้งแต่อายุ 17 ปี หรือประมาณปี 2556 ผู้คัดค้านที่หนึ่ง คือ นายแทนไท เริ่มขายขนมจีบ ผลิตเสื้อยืดขนมจีบแทนไท ขาย จนประมาณปี 2558 มีรายได้คงที่หลายแสนบาทต่อเดือน และมีเงินเก็บ" ท่านผู้ชมครับ ตามผมมา

ทำธุรกิจขายขนมจีบ กับขายเสื้อยืด ทำแบบก๊อกๆ แก๊กๆ ขายให้ตายยังไงก็ไม่มีเงินรวยเป็นร้อยๆ ล้าน เป็นไปไม่ได้ เพราะขนมจีบแทนไท ขายลูกละ 3.50 บาท ซึ่งเขายอมรับเองต่อนิตยสาร "เถ้าแก่ใหม่" เดือนมีนาคม 2557 ว่า เขาขายได้วันละ 1,500-2,000 ลูก คือยอดขายตกวันละ 5,000-7,000 บาท แบบยังไม่หักต้นทุน ซึ่งถ้าคุณมีเงินร้อยล้านจากรายได้จากการขายขนมจีบแทนไท คุณต้องขายขนมจีบแบบไม่ต้องหักต้นทุนใดๆ ไป 1 หมื่น 4 พันกว่าวัน หรือประมาณ 40 ปี ต้องขายขนมจีบไป 40 ปี ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมคุณแทนไท ถึงเอาข้ออ้างการขนมจีบว่าตัวเองขายขนมจีบแล้วรวย


ด้วยเหตุนี้ เพื่อตอบโจทย์ที่มาของความร่ำรวยอย่างมหาศาลกับศาลแพ่ง เขาจำเป็นต้องสรรหาคำอธิบายต่างๆ นานามารองรับ โดยบอกว่าตัวเองนำรายได้จากการขายขนมจีบ และเสื้อยืดขนมจีบแทนไท ไปก่อตั้งบริษัทเพื่อทำการตลาดออนไลน์ ขายขนมจีบ และผลิตเสื้อขนมจีบแทนไทขายแล้ว ก่อตั้งบริษัท ณรงค์กูลเวิลด์ โดยมีบิดาและมารดา เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท บริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ นั้น ประกอบธุรกิจเป็นนายหน้าเกี่ยวกับการตลาดและการสื่อสารออนไลน์ ครอบคลุมโซเชียลเน็ตเวิร์ก และเว็บไซต์ รับโฆษณาสินค้า มีพนักงานทำงานหลายฝ่าย ต้องติดต่อลูกค้าจำนวนมาก มีการเช่าพื้นที่เพื่อติดตั้งเว็บไซต์ในการดำเนินธุรกิจ รายได้หลักของบริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ เกิดจากการให้บริการข้อมูลผ่านระบบข้อความตอบรับอัตโนมัติ คือ SMS ซึ่งบริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ ทำสัญญารับจ้างจากบริษัท เอดี เวนเจอร์ จำกัด (มหาชน)


ในปี 2561 บริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ มีรายได้เป็นเงินรวม 26,122,418.52 บาท (ยี่สิบหกล้านหนึ่งแสนสองหมื่นสองพันสี่ร้อยสิบแปดบาทห้าสิบสองสตางค์) และปี 2562 มีรายได้รวมสามสิบหกล้านกว่าบาท ต่อมา นายแทนไท ในฐานะกรรมการบริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ จะถอนเงินสดออกมาเก็บเพื่อรวบรวมไว้สำหรับซื้อทรัพย์สินและลงทุนต่อไป โดยใช้เงินส่วนหนึ่ง ประมาณสิบล้านบาท นำไปลงทุนซื้อขายค่าเงินระหว่างประเทศล่วงหน้า หรือ เทรดค่าเงิน FOREX ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 จนได้กำไรเป็นจำนวนมาก


โดยในวันที่ 1 ธันวาคม 2563 เทรดไปประมาณหนึ่งปี ได้กำไรคิดเป็นเงินสกุลบาทประมาณ 334,206,390 บาท (สามร้อยสามสิบสี่ล้านสองแสนหกพันสามร้อยเก้าสิบบาท) เอาเงินกำไรจากการขายขนมจีบไปเทรด ใช้เงินส่วนหนึ่งสิบล้านบาท เอาไปเทรด FOREX แล้วได้กำไรมาปีหนึ่ง 334 ล้านบาท จากเงินต้น 10 ล้านบาท งอกเป็น 334 ล้านบาท หรือว่าทำกำไรสามสิบกว่าเท่า ในระยะเวลาเพียงปีกว่าๆ ซึ่งนายแทนไท ทยอยถอนเงินกำไรออกมาใช้จ่าย ซื้่อทรัพย์สินต่างๆ รวมทั้งมอบให้พ่อ ซึ่งเป็นผู้คัดค้านที่สี่ ตั้งแต่ประมาณเดือนเมษายน 2563 ถึงวันที่ 8 ธันวาคม 2563 รวม 7 ครั้ง เป็นเงินทั้งหมด 29 ล้านบาท และมอบให้แม่ ซึ่งเป็นผู้คัดค้านที่ห้า ตั้งแต่ประมาณตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 8 ธันวาคม 2563 จำนวน 8 ครั้ง เป็นเงินรวม 28 ล้านบาท เพื่ออะไร ? เพื่อทดแทนคุณพ่อแม่


คุณแทนไท ครับ คุณนี่เป็นลูกที่กตัญญูต่อพ่อแม่มากนะ ระยะเวลาปีเดียว ให้เงินพ่อแม่รวมกันแล้ว 57 ล้านบาท แต่ผมไม่รู้จริงๆ คุณแทนไท ว่าเงินที่คุณให้พ่อแม่นั้นเป็นการแสดงความกตัญญู หรืออกตัญญูกับพ่อแม่กันแน่ เพราะว่าเงินที่คุณให้ไปเป็นเงินมีปัญหา มันเป็นเงินที่ชี้แจงที่มาที่ไปไม่ได้ ไม่สมเหตุสมผล ไม่มีหลักฐานที่มาที่ไป และสุดท้าย คุณแทนไท ครับ จะนำทุกข์ภัยที่ใหญ่หลวงยิ่งกว่าให้กับพ่อแม่และครอบครัวของคุณ ซึ่งผมจะเล่าต่อไปว่ามันคืออะไร

เรากลับมาเรื่องเงินที่คุณแทนไท อ้างว่าได้กำไรจากการเทรดค่าเงิน 334 ล้านบาท กันต่อ

นอกจากเอาเงินให้พ่อแม่ 57 ล้านบาท แล้ว ยังเอาเงินไปซื้อรถยนต์หรูอีก 5 คัน ประกอบด้วย PORSCHE MACAN 2.0 หมายเลขทะเบียน ฉฉ 1688 ราคา 3,885,000 บาท รถ NISSAN รุ่น GT-R 50th ANNIVERSARY เลขทะเบียน 1 ขผ 1437 กรุงเทพมหานคร ราคา 8,270,000 บาท รถ LAMBOGHINI รุ่น AVENTADOR SVJ ROADSTER หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ก 9999 กรุงเทพมหานคร ราคา 49 ล้านบาท เช่าซื้อรถ PORSCHE รุ่น 911 CARRERA S COUPE หมายเลขทะเบียน จจ 1688 กรุงเทพมหานคร ราคา 6,331,794 บาท เช่าซื้อรถ MCLAREN รุ่น 720S COUPE หมายเลขทะเบียน 1 ขณ 5493 กรุงเทพมหานคร ราคา 28 ล้านกว่าบาท


สรุปแล้วยอดรวมในเวลาปีเศษๆ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2562 จนถึงกรกรกฎาคม 2563 นายแทนไท เอาเงินซื้อรถจำนวน 5 คัน คิดเป็นเงินเกือบ 100 ล้านบาท

นอกจากนี้แล้ว ยังอ้างกับศาลแพ่ง ให้การศาลแพ่งว่า เอากำไรจากการเทรดค่าเงินต่างประเทศ ไปลงทุนซื้อขายทรัพย์สินดิจิทัลกับบิทคับ (bitkub) ออนไลน์ ของคุณท๊อป จิรายุส จนได้กำไรหลายสิบล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลแพ่ง หน้าที่ 12 ซึ่งผมอยากจะเตือนคุณแทนไท นิดหนึ่ง เงินที่คุณเอาไปซื้อบิทคับนั้น เป็นเงินที่ฟอกมา และเป็นเงินที่ไม่บริสุทธิ์ และผมก็อยากจะเตือนคุณท๊อป จิรายุส เหมือนกันว่า คุณขายของให้กับคนที่เอาเงินที่ฟอกมาซื้อ เดี๋ยวคดีมันจะตามมาเองครับ ไม่ต้องห่วง


สรุปแล้ว ที่มาที่ไปความร่ำรวยของคุณแทนไท ที่อ้างและให้การกับศาลแพ่ง มาอย่างนี้ครับ หนึ่ง เงินเขามาจากการขายขนมจีบและเสื้อยอด สอง ทำการตลาดออนไลน์ สาม กำไรจากเทรดเงินตราต่างประเทศ สี่ กำไรจากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือเทรดคริปโต นั่นเอง

ผมจะถามต่ออย่างนี้ครับ ข้ออ้างสาเหตุความร่ำรวยเหล่านี้ของนายแทนไท มีหลักฐานใดๆ มาสนับสนุนให้ศาลเชื่อถือได้หรือเปล่า ? คำตอบอยู่ที่นี่ ท่านผู้ชมครับ คำตอบที่ตอบคำถามผมอยู่ในคำพิพากษาศาลแพ่ง ระบุแยกออกเป็นประเด็นดังนี้ หนึ่ง ที่นายแทนไท นำสืบว่าปี 2556 ทำธุรกิจขายขนมจีบ และผลิตเสื้อยืดขายมาตั้งแต่อายุ 17 ปี จนในปี 2558 มีรายได้คงที่หลายแสนบาทต่อเดือน และมีเงินเก็บมากพอจะทำธุรกิจใหญ่ขึ้น ศาลระบุว่า "ก็ไม่ปรากฏว่ามีเอกสารที่เป็นหลักฐานบัญชีเงินฝากธนาคาร หรือบุคคลภายนอกมาเบิกความรับรองว่าเป็นความจริง" สอง ที่มีการนำสืบว่านายแทนไท ถอนเงินสดออกจากบัญชีสะสมทรัพย์ ของบริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ มาเก็บเอาไว้เพื่อรวบเอาไว้สำหรับซื้อทรัพย์สินลงทุนต่อไป ศาลท่านบอกว่า "เป็นการเบิกความลอยๆ ไม่มีเอกสารใดๆ อ้างอิงเช่นกัน"


สาม ส่วนที่เบิกความว่านำเงินไปลงทุนซื้อขายเงินต่างประเทศล่วงหน้า หรือเทรดค่าเงินบาทระหว่างประเทศ FOREX ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 จนถึง 1 ธันวาคม 2563 ได้กำไรเป็นเงินประมาณ 334 ล้านบาท แล้วถอนเงินกำไรในวันที่ 28 ธันวาคม 2563 เป็นเงินประมาณ 302 ล้านบาท จากนั้นก็เอาเงินที่ได้มานี้ ไปซื้อทรัพย์สินต่างๆ จะเห็นได้ว่าการลงทุนซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า หรือเทรดค่าเงินระหว่างประเทศ FOREX ที่นายแทนไท กล่าวอ้างว่าสามารถทำกำไรในช่วง 1 ปี กับอีก 10 เดือน เป็นเงินสูงถึงกว่า 334 ล้านบาท นั้น เป็นเรื่องเกินความคาดหมายตามปกติที่บุคคลใดจะสามารถลงทุนด้วยเวลาไม่นาน แต่ได้กำไรเป็นยอดเงินสูงมากกว่าสามร้อยกว่าล้านบาทเศษ ศาลระบุว่า "แต่นายแทนไท กลับไม่นำพยานบุคคลผู้รู้เห็นเกี่ยวข้องกับการลงทุนซื้อขายเงินต่างประเทศล่วงหน้าหรือเทรดค่าเงินระหว่างประเทศมาเบิกความยืนยัน ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่สำคัญในคดี"

นายวรวัฒน์ นาคแนวดี
คงมีเฉพาะ นายวรวัฒน์ นาคแนวดี ซึ่งเป็นพยานของนายแทนไท เบิกความกล่าวอ้างตนเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทางการเงินและการซื้อขายล่วงหน้าอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินระหว่างประเทศ สนับสนุนเท่านั้น ไม่มีเจ้าพนักงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการดูแลค่าเงินระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย เช่น เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกระทรวงการต่างประเทศ และไม่นำบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและถอนเงินดังกล่าว ได้แก่ พนักงานของบริษัทตัวแทนในการลงทุนซื้อขายเงินต่างประเทศล่วงหน้า ของนายแทนไท ที่อ้างว่าอยู่ที่ฮ่องกง และนายหน้าอิสระที่อ้างว่าเป็นผู้รับแลกเงินสดที่เป็นกำไร เอามาเบิกความรับรองโดยปราศจากเหตุผล

ท่านผู้ชมครับ ผมขอแทรกตรงนี้นิด ตรงจุดนี้คำพิพากษาศาลแพ่งระบุชื่อคนๆ หนึ่งที่นายแทนไท ใช้เป็นพยานในข้ออ้างของความร่ำรวยจากการเทรด FOREX คือ นายวรวัฒน์ นาคแนวดี


นายวรวัฒน์ นาคแนวดี ชื่อเล่น แอ็คมี่ มีฉายาในวงการว่า "ไอ้ลิงดำ" ตำแหน่งประธานบริหารบริษัท บิทแนนซ์ จำกัด (BITNANCE) อ้างตัวว่าเป็นบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านฟินเทค (FinTech) ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนระดับโลกของคนไทย เปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท ผมจะไม่ลงลึกไปถึงเรื่องของ "ไอ้ลิงดำ" หรือนายวรวัฒน์ นาคแนวดี พยานปากสำคัญของนายแทนไท ที่ศาลแพ่งไม่ได้ให้ความเชื่อถือเลย เหตุผลเพราะเวลาเรามีน้อย เอาไว้มีเวลาผมจะมาเจาะเรื่องของนายคนนี้ให้ฟังว่านายคนนี้มีวีรกรรมและวีรเวรอะไรที่เป็นที่เลื่องลือในแวดวงวัยรุ่นที่อ้างว่าเทรด FOREX และเล่นเงินดิจิทัลแล้วร่ำรวยกันบ้าง

ท่านผู้ชมครับ เรากลับมาถึงคำพิพากษาศาลแพ่ง กับนายแทนไท ต่อ คำพิพากษาศาลแพ่ง ในหน้าที่ 38 ยังระบุเกี่ยวกับเรื่องการไม่เสียภาษีด้วย ว่า นายแทนไท นำสืบว่าไม่ได้ยื่นภาษีเงินได้จากการซื้อขายเงินต่างประเทศล่วงหน้า เพราะไม่มีความรู้ว่าจะต้องเสียภาษีหรือไม่ อย่างไร เพราะไม่ได้อยู่ในระบบภาษีของประเทศไทย นั้น ก็เป็นความเข้าใจส่วนตัวของนายแทนไท เอง ส่วนความเป็นจริงเป็นอย่างไรนั้น นายแทนไท ก็มิได้นำสืบให้ข้อเท็จจริงปรากฏ ทั้งๆ ที่อยู่ในวิสัยที่จะทำได้ ด้วยการขอให้ศาลมีหมายเรียกเจ้าพนักงานสรรพากร อันเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง มาเบิกความอธิบาย ทั้งขัดกับหลักกฎหมายทั่วไปที่ว่า เมื่อบุคคลสัญชาติไทยใดมีเงินได้ บุคคลนั้นจะต้องเสียภาษีอากรให้กับประเทศไทย

ท่านผู้ชมครับ ตามผมมา ในหน้าที่ 38-39 ของคำพิพากษาศาลแพ่ง ยังระบุถึงเรื่องน่าเคลือบแคลงสงสัยในการซื้อและเช่าซื้อรถยนต์ราคาแพง เกือบ 100 ล้านบาท ของนายแทนไท ในช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน ด้วยว่า เมื่อพิจารณาช่วงเวลานับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2562 ถึงเดือนสิงหาคม 2563 ที่นายแทนไท ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองรถยนต์ตามทรัพย์สินรายการที่ 5-9 จำนวน 5 คัน ซึ่งล้วนแต่เป็นรถยนต์ราคาแพง ราคารวมกันเป็นเงินสูงถึง 100 ล้านบาทเศษ ศาลบอกว่า "นับว่ามีความน่าเคลือบแคลงสงสัยว่า ในช่วงระยะเวลาหนึ่งปีเศษ นายแทนไท ได้เงินจำนวนมากดังกล่าวนี้มาจากไหน และอย่างไร ที่ไหน


ในส่วนของพ่อ นายอรุวัช ณรงค์กูล และแม่ นางปรียาภรณ์ ณรงค์กูล ซึ่งนำเงินจากลูกไปฝาก ซื้อหุ้นในสหกรณ์ออมทรัพย์ กรมป่าไม้ จำนวนคนละหลายสิบล้านบาท คำพิพากษาศาลแพ่ง ระบุว่า เมื่อพิจารณาจากอาชีพและรายได้ของนายอรุวัช และ นางปรียาภรณ์ ณรงค์กูล แล้ว นายอรุวัช ไม่น่ามีเงินออมเหลือเก็บสูงถึง 30 ล้านบาท และนางปรียาภรณ์ ก็ไม่น่าจะมีเงินออมเก็บสูงถึงหลักสิบล้านบาท ทั้งมีข้อสังเกตว่า นายอรุวัช นำเงินไปฝากและซื้อหุ้นพิเศษกับสหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ จำกัด ในช่วงเดือนมีนาคม 2563 ใช้เวลาเพียง 4 เดือนเศษ มียอดเงินสูงถึง 30 ล้านบาท


ส่วนนางปรียาภรณ์ นำเงินไปฝากกับสหกรณ์ดังกล่าว เดือนตุลาคม 2562 ถึงเดือนธันวาคม 2563 เป็นเงินสูงถึง 28 ล้านบาทเศษ และจากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงิน พบว่า นายอรุวัช เคยมีการฝากเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของนายแทนไท และมีการทำธุรกรรมเชื่อมโยงกับบัญชีเงินฝากของนางปรียาภรณ์ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับบัญชีเงินฝากธนาคารของนายแทนไท ที่เป็นบัญชีเงินฝากวงรอบที่ 4 ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์การพนัน www.sagame1688.com ท่านผู้ชมสังเกตคำว่า 1688 ไหมครับ นั่นคือหมายเลขทะเบียนรถซึ่งนายแทนไท ชอบใช้ตลอด จะลงด้วย 1688 ยกเว้นมีอยู่คันหนึ่งซึ่งเป็น ก 9999 นอกนั้นแล้วจะลงด้วย 1688

และบัญชีธนาคารของนางปรียาภรณ์ มีการทำธุรกรรมเชื่อมโยงกับบัญชีเงินฝากธนาคารของนายแทนไท ที่เป็นบัญชีเงินฝากวงรอบที่ 4 ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันเว็บเดียวกันด้วย


นอกจากนั้นแล้ว คำพิพากษาศาลแพ่ง ในหน้าที่ 43 ยังระบุด้วยว่า นายอรุวัช พ่อนายแทนไท มีเงินฝากมหาศาล หลายสิบล้านบาท ในช่วงระยะเวลา 7 ปี คือระหว่าง 2556-2562 แต่ดันแจ้งสรรพากรว่าตนมีรายได้ในแต่ละปีไม่ถึง 2 แสนบาท ตรงนี้ล่ะครับ คุณแทนไท ผมจะพูดหน่อย คุณกำลังทำเวรทำกรรมให้กับพ่อแม่ของคุณ ความกตัญญูของคุณจะกลายเป็นการแสดงความอกตัญญูแทน เพราะผมได้ข่าวมาว่า เจ้าหน้าที่รัฐ ทั้ง ปปง. และดีเอสไอ กำลังจะแยกคดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการเงินระหว่างคุณ กับพ่อและแม่ รวมถึงบริษัท แทนไท อินดัสตรี้ส์ และ ณรงค์กูล เวิลด์ ขึ้นมาเป็นคดีอาญาอีกคดีหนึ่ง ผมย้ำนะคุณแทนไท เป็นคดีอาญา เนื่องจากมีความเกี่ยวพันฐานความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติฟอกเงิน มาตรา 5 ซึ่งระบุว่า "(1) ผู้ใดโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะ หรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือ (2) กระทำด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหนาย การโอน การได้สิทธิใดๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (3) ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงิน" คุณแทนไท ครับ นี่คือมาตรา 5


คำพิพากษาของศาลแพ่งก็ระบุตรงนี้ไว้อย่างชัดเจนในหน้าที่ 45 ศาลแพ่งระบุว่า "เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบรรดาทรัพย์สินของนายแทนไท เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ดังนั้น ทรัพย์สินตามรายการที่ 1, 2-4, 26 และ 27 ซึ่งเป็นเงินในบัญชีเงินฝากสหกรณ์ หุ้นสหกรณ์ และบัญชีเงินฝากธนาคาร ที่นายแทนไท ได้มอบหรือโอนให้แก่นายอรุวัช และ นางปรียาภรณ์ พ่อและแม่ จึงเป็นความผิดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ฟอกเงิน 2542 มาตรา 3 ดังกล่าว"

คุณแทนไท ครับ คุณอรุวัช คุณปรียาภรณ์ คุณรอรับหมายได้เลย รอรับแรงกระแทกเรื่องคดีอาญาความเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการกระทำผิดเรื่องฟอกเงินตรงนี้ให้ดีๆ ก็แล้วกัน แล้วถ้าพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ยังดึงเช็งเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญา ซึ่งเกี่ยวกับนายแทนไท นายอรุวัช นางปรียาภรณ์ ซึ่งศาลแพ่งระบุชัดเจนแล้วว่า เป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ฟอกเงิน ไหนๆ คุณจะมีเรื่องกับผมแล้ว ผมก็จะมีเรื่องกับคุณต่อ ผมจะไล่ฟ้องมาตรา 157 เจ้าหน้าที่เหล่านั้นให้หมดว่าพวกเขาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ยังไม่จบครับ ยังไม่จบ ในส่วนของ บริษัท แทนไท อินดัสตรี้ส์ จำกัด และ บริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ค้ดค้านที่สอง และสาม คดีนี้ศาลแพ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า น่าสงสัยอาจจะมีการจัดตั้งขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์อื่นที่แอบแฝงมากกว่า และมีพยานระบุชัดว่า บริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ นั้นประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ คำพิพากษาในหน้าที่ 40-42 ระบุข้อความเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนี้


"บริษัท แทนไท อินดัสตรี้ส์ จำกัด ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกับ บริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ จำกัด มีการจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2561 โดยไม่ปรากฏเหตุผลว่าเหตุใดจึงต้องมีการจัดตั้งบริษัท แทนไท อินดัสตรี้ส์ จำกัด ขึ้นมาประกอบธุรกิจเช่นเดียวกับ บริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ จำกัด ที่จดทะเบียนจัดตั้งมาก่อนแล้ว คือ 27 เมษายน 2558 ทั้งๆ ที่บริษัททั้งสอง มีนายแทนไท เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เช่นกัน สถานที่ตั้งก็ไม่ห่างไกลเช่นกัน" นี่คือคำพิพากษาของศาลแพ่งนะครับ

"นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาภาพถ่ายสถานที่ตั้ง บริษัท แทนไท อินดัสตรี้ส์ จำกัด ตามภาพถ่ายในรายงานการสืบสวนครั้งที่ 11 เอกสารหมาย ร. 24 ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น ลักษณะเหมือนเป็นที่ใช้พักอาศัยเพียงอย่างเดียว ไม่น่าจะใช้เป็นสถานที่ประกอบธุรกิจจริง กรณีจึงเป็นที่สงสัยว่า อาจมีการจัดตั้ง บริษัท แทนไท อินดัสตรี้ส์ จำกัด ขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์อื่นที่แอบแฝงมากกว่า พยานหลักฐานของนายแทนไท บริษัท แทนไท อินดัสตรี้ส์ จึงมีน้ำหนักน้อยมาก ไม่สามารถหักล้างข้อสันนิษฐานตาม พ.ร.บ. ฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 51 วรรคสาม ได้"

นอกจากนี้ ในส่วนของบริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ จำกัด คำพิพากษาศาลแพ่ง หน้า 41 ระบุว่า "มีบุคคลชื่อ นายวีกิจ มานะกุล เคยให้ถ้อยคำแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนทำงานให้กับ บริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ ซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ พูดออกมาเลย มีผู้คัดค้านที่หก ในคดีนี้ คือ นายณัฐวุฒิ แก้วสองสี เป็นหัวหน้าพนักงาน

สรุปแล้วคำพิพากษาศาลแพ่งชี้ให้เห็นว่า ที่มาของความร่ำรวยนับร้อยๆ ล้านบาท เท่าที่พบตอนนี้ จริงๆ แล้วมีหลักพันล้านบาท แล้วเงินทองฝากไว้ที่ต่างประเทศ เดี๋ยววันหลังผมจะขุดคุ้ยมาเล่าให้ฟัง เพราะไหนๆ คุณแทนไท ก็ประกาศตัวเป็นศัตรูชนกับผมแล้ว อย่าถอยนะ คุณแทนไท ผมไม่ถอยหรอก และผมจะขุดลงไปลึกถึงก้นบึ้ง ซึ่งคุณก็อาจจะคาดไม่ถึงว่าข้อมูลที่ผมมีนั้น ทำไมมันถึงน่ากลัวเช่นนี้


การที่นายแทนไท ร่ำรวยนับร้อยๆ ล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลแพ่งนั้น ศาลบอกว่านายแทนไท ไม่มีหลักฐานหรือพยานที่น่าเชื่อถือมายืนยัน ทั้งๆ ที่น่าจะเบิกความได้ ขณะที่ในส่วนการไม่เสียภาษีรายได้จากการการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ก็ไม่เคยยื่นแจ้งภาษีใดๆ อ้างว่าไม่รู้ว่าต้องแจ้ง อธิบดีกรมสรรพากร ครับ ท่านสบายดีอยู่หรือเปล่า หรือว่าท่านทานข้าวอิ่มแล้วท่านไม่มีอะไรทำ เอาคำพิพากษาศาลแพ่งนี้ไปดูสิครับ แล้วลองเรียกเก็บภาษีที่เขาไม่ได้แจ้ง เพราะว่าท่านมีหน้าที่เก็บภาษีเงินรายได้ที่เข้ามา ก็นายแทนไท บอกว่ารวยจากการเทรดหุ้น เทรดคริปโต ท่านก็ควรจะต้องเข้าไปสอบถามว่าเงินที่คุณได้มา เสียภาษีหรือเปล่า ไหนแสดงหลักฐานซิ ซึ่งนายแทนไท บอกว่าไม่ได้เสียภาษี เมื่อไม่ได้เสียภาษี ก็ต้องโดนภาษีย้อนหลัง และโดนปรับ และจะเข้ามูลฐานฟอกเงินอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนบริษัทสองแห่งที่ตั้งขึ้นมา บริษัท แทนไท อินดัสตรี้ส์ จำกัด ก็จัดตั้งขึ้นมาโดยวัตถุประสงค์อื่นที่แอบแฝง บริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ จำกัด ก็เคยมีพนักงานให้การกับตำรวจ พนักงานของบริษัทนั้นเลย ว่าได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์

เอาล่ะ ท่านผู้ชมครับ นั่นเป็นข้อมูลแทนไท กับพ่อแม่ และบริษัทที่ครอบครัวณรงค์กูล จัดตั้งขึ้นมา มีวัตถุประสงค์ที่แอบแฝง และศาลแพ่งชี้ให้เห็นว่ามีหลักฐานเกี่ยวพันกับเว็บพนันออนไลน์อย่างเห็นได้ชัด

ท่านผู้ชมครับ ทีนี้เรามาดูรายละเอียดคำพิพากษาในส่วนของผู้คัดค้านลำดับที่ 6-8 กันบ้างดีกว่า มันบันเทิงจริงๆ สนุกสนานมาก


ลำดับที่หก คือ นายณัฐวุฒิ แก้วสองสี ลำดับที่เจ็ด นายธนพล ณรงค์กูล ลำดับที่แปด นายพิชญ์นันท์ สุวรรณโณ

เอาคนแรกก่อนแล้วกัน ลำดับที่หก นายณัฐวุฒิ แก้วสองสี เป็นเพื่อนสนิทของนายแทนไท เคยมีคนให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า บริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ จำกัด ของนายแทนไท และครอบครัวนั้น ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งมีนายณัฐวุฒิ เป็นหัวหน้าพนักงาน ทั้งยังเป็นคนรวบรวมเงินที่เก็บรวบรวมมาจากบัญชีม้าต่างๆ นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิ ยังเคยมีประวัติในการถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ และศาลตัดสินไปแล้ว


ส่วนนายธนพล ณรงค์กูล และ นายพิชญ์นันท์ สุวรรณโณ ผู้คัดค้านลำดับที่ 7 และ 8 มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายแทนไท ข้อมูลและหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ระบุว่า ทั้งสองคนมีหน้าที่ตระเวนกดเงินสดจากบัญชีม้าออกจากระบบ เพื่อนำไปมอบให้นายณัฐวุฒิ

นายธนพล ณรงค์กูล อ้างต่อศาลว่า มาทำงานกับนายแทนไท ในตำแหน่งพนักงานการตลาดออนไลน์ มีหน้าที่ติดต่อประสานงานกับลูกค้า ได้รับเงินเดือน 20,000 บาท ค่าคอมมิชชันต่างหาก ท่านผู้ชมครับ นายธนพล ก็แถไปเรื่อยๆ หน้าด้านๆ เหมือนกับที่นายแทนไท อ้างว่าขายขนมจีบจนรวย

เรื่องของนายธนพล มาโป๊ะแตกตอนไหน ? ตอนวันที่ 12 ตุลาคม 2563 เมื่อเจ้าหน้าที่นำหมายค้นเข้าตรวจห้องชุดของนายธนพล พบเงินสด 1 ล้านบาท เครื่องตรวจนับธนบัตร สมุดบัญชีธนาคาร บัตร ATM เจ้าตัวอ้างว่าเป็นเงินสดในการขายสาหร่ายอบแห้ง และรับจ้างโฆษณา แต่เมื่อศาลขอดูพยานหลักฐานเกี่ยวกับการทำธุรกิจสาหร่ายอบแห้งและรับจ้างโฆษณา เพื่อมายืนยัน นายธนพล กลับไม่มีเอกสารใดๆ มาแสดง


ส่วนนายพิชญ์นันท์ สุวรรณโณ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องนายแทนไท ก็อ้างว่าเข้าทำงานในตำแหน่งผู้ผลิตคอนเทนต์ออนไลน์ ได้เงินเดือน 16,000 บาท ไม่รวมค่าคอมมิชชัน นายพิชญ์นันท์ ก็โป๊ะแตกอีกเหมือนกัน 12 ตุลาคม 2563 ขณะที่เจ้าหน้าที่เรียกตรวจรถยนต์ HONDA CIVIC หมายเลขทะเบียน 8 กภ 6930 กรุงเทพมหานคร อยู่ในย่านดอนเมือง ก็พบเงินสด 4 ล้านบาท ซุกซ่อนอยู่ และบัตร ATM 26 ใบ นั่นคือบัตรเบิกเงินของบัญชีม้า ที่งามหน้าไปกว่านั้น ในเอกสารคำพิพากษา หน้า 27 ของศาลแพ่ง ระบุอย่างชัดเจน "จากการสอบปากคำของนายพิชญ์นันท์ ในข้อเท็จจริงว่า ตนเองได้รับการว่าจ้างจากนายณัฐวุฒิ แก้วสองสี เพื่อนสนิทของนายแทนไท ให้ทำหน้าที่นำบัตร ATM ไปทำรายการถอนเงินสด แล้วไปส่งมอบให้นายณัฐวุฒิ โดยนายพิชญ์นันท์ ก็ทราบว่าเงินที่ถอนมานั้นเป็นเงินที่ได้จากการพนันออนไลน์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต

นอกจากนี้แล้ว ยังมีนายสหพล หรือ โอม (ไม่ทราบนามสกุล) เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของนายณัฐวุฒิ ด้วย เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแอปฯ ไลน์ (LINE) ของนายพิชญ์นันท์ พบว่าเมื่อนายพิชญ์นันท์ ไปถอนเงินสด จะต้องถ่ายรูปเงินสดและสรุปยอดจำนวนเพื่อแจ้งข้อมูลให้นายณัฐวุฒิทราบ ทั้งนี้ ยอดเงินที่มีการถอนนั้น มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงว่า ยังมีเงินที่เกี่ยวข้องกับการพนันของเว็บไซต์อื่นอีกด้วย ไม่ใช่เฉพาะเว็บไซต์เดียว

ที่สำคัญ ท่านผู้ชมครับ ในเอกสารคำพิพากษาศาลแพ่ง หน้า 33 ยังระบุชัดเจนถึงความเชื่อมโยงระหว่างนายแทนไท ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลในการใช้งานเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม ของนายแทนไท ของแม่ (นางปรียาภรณ์) พบว่านายแทนไท มีความสนิทสนมกับนายณัฐวุฒิ แก้วสองสี นายธนพล ณรงค์กูล และนายพิชญ์นันท์ สุวรรณโณ มีการร่วมรับประทานอาหาร เดินทางด้วยเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวเหมาลำ เด็กอายุ 26 ปี นะท่านผู้ชม ขายขนมจีบ เหมาเครื่องบินเจ๊ตเหมาลำ นำรถยนต์ราคาแพงไปร่วมทดสอบในสนามแข่ง


นายแทนไท เองก็เบิกความยอมรับว่า นายณัฐวุฒิ เป็นเพื่อนสนิทมานานหลายปี นายณัฐวุฒิ เป็นผู้ช่วยเหลือนายแทนไท ในการเริ่มก่อตั้งบริษัท โดยนายแทนไท ไว้วางใจนายณัฐวุฒิ ให้นายณัฐวุฒิ ช่วยดูแลการเงินและติดต่อลูกค้า

ตามคำพิพากษาศาลแพ่ง หน้า 46-49 ระบุชัดเจนเกี่ยวกับข้อมูลการทำธุรกรรม จากระบบรายงานทำธุรกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันการเงิน และ ปปง. พบว่าข้อมูลความเชื่อมโยงเว็บพนันออนไลน์เครือข่ายนายแทนไท ณรงค์กูล นั้น แบ่งออกเป็น 4 วงรอบ

วงรอบที่หนึ่ง เว็บไซต์ sagame1688.com ได้ใช้บัญชีเงินฝาก 4 บัญชี ในการรับโอนและถอนเงินให้แก่สมาชิก โดยบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด ประกอบด้วยสองบัญชีในการรับโอนเงินจากสมาชิกที่โอนมาเพื่อแลกเป็นเครดิตและเล่นการพนันในชื่อของ น.ส.อวตานนท์ และ น.ส.พัชรี และอีกสองบัญชีในการโอนเงินแก่สมาชิกที่ประสงค์จะถอนเงินออกจากระบบ เป็นของนายประทิม และนางทองม้วน

วงรอบที่สอง คือ ใช้บัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ อีกเช่นกัน จำนวน 2 บัญชี โดยเป็นชื่อบัญชีของ นายจักรพงษ์ พรหมมา และ นายกมล สุวรรณโชติ

วงรอบที่สาม ในบัญชีรอบที่สอง มีการเชื่อมโยงการทำธุรกรรมกับบัยชีอื่นอีกหลายบัญชี ซึ่งเป็นบัญชีวงรอบที่สาม ก่อนที่จะเชื่อมโยงไปในบัญชีเงินฝากในวงรอบที่สี่ พบว่าบัญชีเงินฝากในรอบที่สองนี้มีการทำธุรกรรมกับบัญชีเงินฝากอื่นๆ อีกหลายบัญชี ซึ่งเป็นบัญชีวงรอบที่สาม และบัญชีเงินฝากวงรอบที่สาม มีการทำธุรกรรมระหว่างบัญชีเงินฝากวงรอบที่สามด้วยกัน ทำธุรกรรมเชื่อมโยงกับบัญชีเงินฝากวงรอบที่หนึ่ง และวงรอบที่สอง และยังทำธุรกรรมเชื่อมโยงไปยังบัญชีเงินฝากวงรอบที่สี่ นี่คือคำพิพากษาศาลแพ่งในหน้าที่ 47


วงรอบที่สี่ เป็นบัญชีเงินฝากของหลายธนาคาร ทั้งธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย โดยใช้ชื่อของ นายธเนศพล บางนิ่มน้อย นายโชติวัฒน์ ตันติคะเนดี และ นายพลพงศ์นิเวศ ฉัตรมงคลโชติ ที่สำคัญ ในบรรดาบัญชีวงรอบที่สี่ มีบัญชีของนายณัฐวุฒิ แก้วสองสี เพื่อนสนิทซี้ย่ำปึ้กของนายแทนไท และตัวนายแทนไท อีกด้วย

ทั้งนี้ทั้งนั้น ท่านผู้ชมครับ อย่างที่ผมพูดไปแล้วว่าเพื่อนสนิท และลูกพี่ลูกน้องนายแทนไท เป็นคนควบคุมการทำธุรกรรมของบัญชีทั้งสี่วงรอบ ยังมีบัญชีของตัวเองอยู่ในวงรอบที่สี่ด้วย นายธนพล ณรงค์กูล และ นายพิชญ์นันท์ สุวรรณโณ ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาตินายแทนไท จะเป็นคนตระเวนกดเงินสดตาม ATM ต่างๆ เพื่อไปรวบรวมไว้ที่นายณัฐวุฒิ แก้วสองสี และสุดท้ายเงินที่ได้จากการพนันก็จะตกไปที่นายแทนไท ณรงค์กูล หัวหน้าขบวนการ และเจ้าของเว็บพนัน sagame1688.com


รายละเอียดและหลักฐานข้อเท็จจริงเหล่านี้เอง จึงเป็นที่มาของการที่ศาลแพ่งพิพากษาเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม สั่งให้ยึดทรัพย์นายแทนไท ทั้งหมดกว่า 176 ล้าน


ดังนั้น คำถามที่ผมถามไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ด้วยพยานหลักฐานที่หนักแน่น แน่นหนาขนาดนี้ การพิจารณา อัยการและอัยการสูงสุด ในยุคนายสิงห์ชัย ทนินซ้อน ซึ่งเพิ่งเกษียณอายุไปเมื่อปีที่แล้วเอง 30 กันยายน ทำไมจึงสั่งไม่ฟ้องคดีอาญานายแทนไท ยิ่งเมื่ออ่านคำพิพากษาศาลแพ่งอย่างละเอียดแล้ว คำพิพากษาศาลแพ่งเป็นการตบหน้าอัยการสูงสุดที่ก่อนหน้านั้นมีคำสั่งไม่ฟ้องนายแทนไท

ท่านผู้ชมครับ เพื่อความแม่นยำ ความทรงจำที่ดี อัยการสูงสุดคนที่แล้วที่สั่งไม่ฟ้องนายแทนไท คือ นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน ครับ จำชื่อนี้ไว้ดีๆ

ท่านผู้ชมหลายท่านอาจจะต้องการอ่านคำพิพากษาศาลแพ่งฉบับเต็ม 53 หน้า หลังจากจบรายการแล้วผมจะลงคำพิพากษาศาลแพ่งฉบับเต็มที่มีคำสั่งยึดทรัพย์คดีนายแทนไท เอาไว้ในเฟซบุ๊กเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" แฟนๆ ที่สนใจจะอ่านฉบับเต็ม ให้เข้มาดาวน์โหลดไปอ่านกันได้เลยครับ


ท่านผู้ชมครับ เรื่องนายแทนไท ผมอยากจะจบเรื่องนายแทนไท แบบนี้ ผมมีคำถามถึงท่านอัยการสูงสุดคนที่แล้ว ท่านสิงห์ชัย ทนินซ้อน ท่านกำลังช่วยคนทำความผิดเอามือปิดฟ้าหรือเปล่า ในการหาเหตุผลว่าเหตุใดอัยการสูงสุดในยุคคุณสิงห์ชัย ทนินซ้อน จึงมีคำสั่งไม่ฟ้องนายแทนไท ณรงค์กูล ในคดีอาญา จากการทำเว็บพนันออนไลน์และการฟอกเงิน ผมได้ไล่ย้อนไทม์ไลน์ ไล่เรียงลำดับเหตุการณ์คดีอาญาและคดีแพ่งนายแทนไท ณรงค์กูล ข้อหาทำเว็บพนันและการฟอกเงิน เพื่อความเข้าใจ ดังนี้

13 ตุลาคม 2563 แทนไท ณรงค์กูล กับพวก ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ทางคดีนั้นแยกออกเป็นสองส่วน คือ คดีแพ่ง และคดีอาญา ในส่วนคดีอาญานั้น ถูกจับราว 5 เดือน ในวันที่ 24 มีนาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท ส่งหนังสือโดยอ้างอิงสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 1660/2563 คดีระหว่าง พ.ต.ท.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผู้กล่าวหา กับ นายแทนไท ณรงค์กูล และพวก ผู้ต้องหาเกี่ยวกับการพนันออนไลน์และฟอกเงิน ให้อัยการพิจารณาส่งฟ้อง ก่อนที่อัยการจะตีกลับสำนวน


8 กุมภาพันธ์ 2565 สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีพิเศษ 1 สำนักงานอัยการสูงสุด ลงนามโดยนายสมคิด สายเจริญ อัยการพิเศษ ฝ่ายคดีพิเศษ 1 ได้ส่งหนังสือ อส. 0016.1/75 ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แจ้งคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องนายแทนไท ผู้ต้องหาที่หนึ่ง กับ นายวสันต์ ขาวสะอาด ผู้ต้องหาที่สอง ในความผิดหลายข้อหา

พอรู้ข่าวว่าอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีอาญา เดือนกุมภาพันธ์ 2565 นายแทนไท ก็ลิงโลด ตีปีกใหญ่ อย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่า นายแทนไท พอรอดคดีอาญา ในช่วงเวลาเดียวกัน ก็ก่อตั้งบริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 5 ล้านบาท ในเดือนกุมภาพันธ์ เป็น 900 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 7-8 เดือน ผมเคยถามนายแทนไท ไปหลายครั้ง คุณเอาเงินมาจากไหน ชี้แจงให้ผมฟังหน่อย


นอกจากนี้แล้ว นายแทนไท ยังเอาเงินไปก่อตั้ง อ้างว่าลงทุนในบริษัทโน้นบริษัทนี้เยอะแยะไปหมด คิดเป็นเงินรวมแล้วพันล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานชัดเจนว่า บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ยังทำสัญญาร่วมทุน และสัญญาค้ำประกันกับ บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด ของนายนอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ แห่งกองสลากพลัส ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงินและถูกยึดทรัพย์อยู่ ณ ปัจจุบัน


ในส่วนของคดีแพ่ง แบบคร่าวๆ ก็แล้วกัน เดือนกุมภาพันธ์ 2564 คณะกรรมการ ปปง. มีคำสั่งอายัดทรัพย์นายแทนไท และพวก หลายครั้ง และส่งต่อให้อัยการยื่นฟ้องศาล แต่ผมไม่ทราบว่าระหว่างทางนั้นได้มีการดึงเช็งรอให้คำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องของอัยการสูงสุดตกมาก่อนในเดือนกุมภาพันธ์ 264 หรือไม่ จึงค่อยมีการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง เพื่อหวังจะใช้คำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องของอัยการสูงสุดไปอ้างอิงในศาลแพ่ง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าศาลแพ่งพิพากษาว่าอย่างไร ?

ในที่สุดศาลแพ่งก็ระบุชัดเจนว่า แม้อัยการสูงสุดจะสั่งไม่ฟ้อง แต่พยานหลักฐานต่างๆ ที่เชื่อมโยงว่านายแทนไท กับพวก กระทำความผิดกับการพนันออนไลน์และฟอกเงินนั้นชัดเจน จึงมีคำสั่งยึดทรัพย์ 31 รายการ เป็นเงิน 176 ล้านบาท ในวันที่ 16 สิงหาคม 2565 ที่ผมได้รายงานไปแล้วเมื่อกี้นี้


ล่าสุด 14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ นายเทพสุ บวรโชติดารา ได้รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงาน ปปง. ประจำปีงบประมาณ 2564 ต่อที่ประชุมวุฒิสภา นายเทพสุ กล่าวว่า ชี้แจงตอนหนึ่งถึงกรณีการดำเนินคดีสำคัญ โดยอ้างถึงคดีฟอกเงินของนายแทนไท ณรงค์กูล นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ด้วยนั้น กรณีนายแทนไท ปปง. ได้ยึดอายัดทรัพย์ไปแล้ว 2 ครั้ง ในข้อหาจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ศาลตัดสินถึงที่สุดแล้วให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน 176 ล้านบาทเศษ

ต่อมา พฤติกรรมนายแทนไท ที่สังคมรับรู้เป็นการทั่วไปในการประมูลซื้อป้ายทะเบียนรถยนต์ 45 ล้านบาท ก็สงสัยว่าเอาเงินมาจากไหน


คุณเทพสุ รองเลขาธิการ ปปง. ก็สั่งการพนักงานเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบนายแทนไท กับพวก อีก นี่คือคำพูดของนายเทพสุ รองเลขาธิการ ปปง. "ขอเรียนว่าในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน จุดเริ่มต้นการดำเนินการคือต้องมีประเด็นความผิดมูลฐาน และมีการรายงานตามระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการประสานงาน เรื่องจะเข้าสู่ ปปง. โดยกองข่าวกรองทางการเงินมีหน้าที่สืบสวน เสนอคณะกรรมการธุรกรรมเพื่อมีมติให้ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินในแต่ละรายคดีไป ก็คือตรวจสอบในเชิงลึกนั่นเอง

โดยคดีนายแทนไท คณะกรรมการธุรกรรมมีมติมอบหมายแล้ว คำสั่งที่มอบหมาย คือ คำสั่ง ม. ไม่มีกรอบการสิ้นสุด ก็คือว่า ตรวจสอบได้ตลอด จนทุกวันนี้ก็ยังตรวจสอบได้ คุณแทนไท ผมรู้ว่าคุณอยู่ที่ฮ่องกงตอนนี้ คุณรู้ไว้เสียด้วยว่า ปปง. เขาบอกว่ายังตรวจสอบได้ตลอด

คุณเทพสุ บอกว่า ในกรณีที่เราพบพฤติการณ์การกระทำความผิดอีก ไม่ว่าจะเป็นความผิดมูลฐานเดิมที่เคยกระทำผิดไว้ หรือมูลฐานใหม่ เราต้องตรวจสอบต่อไป และต้องอายัดทรัพย์ต่อไปทุกๆ ครั้งที่เราเจอ

ในหลักการที่ศาลฎีกาวางไว้คือ ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ ไม่เป็นการฟ้องซ้อน ไม่ดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีซ้ำ นั่นก็คือว่า เมื่อพบทรัพย์สินเพิ่มเติมหรือการพบการกระทำผิดอีก ก็สามารถจะยึดอายัดทรัพย์สินต่อไปได้ กรณีนายแทนไท ได้มีการสั่งการไปเรียบร้อยแล้วว่าให้ตรวจสอบนอกจากการที่นำเงินจากตรงไหนไปซื้อป้ายทะเบียน ต้องตรวจสอบภาพรวมทั้งหมด

คุณเทพสุ รองเลขาธิการ ปปง. กล่าวต่อว่า กรณีนายแทนไท ยังพบความเชื่อมโยงไปถึงกรณีคดีนายนอท กองสลากพลัส ซึ่งคดีกองสลากพลัส ปปง. ทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดีเอสไอ แต่เนื่องจากคดีนี้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้ว ดีเอสไอจึงมีหน้าที่หลักในการตรวจสอบพฤติการณ์การกระทำความผิดทางอาญา ขณะที่ในส่วนของ ปปง. นั้น ตนได้มีคำสั่งตรวจสอบเบื้องต้น คือในชั้นข่าวกรองการเงินจะมีคำสั่ง ซึ่งไม่ใช่ทุกคดีจะมีคำสั่งนี้ ถ้าเป็นคดีที่เราจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากสถาบันการเงินต่างๆ ในชั้นก่อนที่คณะกรรมการธุรกรรมจะมีมติให้ตรวจสอบเชิงลึก เราก็อาศัยคำสั่งนี้ตรวจสอบ


ส่วนกรณีที่นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ระบุว่า มีข่าวว่าเงินไหลออกไปจากบัญชีนายนอท กองสลากพลัส ทั้งๆ ที่ถูกอายัดนั้น ปปง. ยอมรับว่าเป็นความจริง เพราะ ปปง. ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลสถาบันการเงิน ก็ได้รับข้อมูลรายงานจากธนาคารด้วย ข้อมูลตรงกัน พบว่า ธนาคารรายงาน ปปง. เมื่อวันที่ 30 มกราคม ว่าข้อมูลเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2566 บัญชีของบริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ มีเงินคงเหลืออยู่ 316 ล้านบาท แต่พอถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เงินเหลืออยู่แค่ 10,064 บาท สองวันมีเงินไหลออกไป

ในส่วน ปปง. นั้น คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเมื่อวันอังคารที่ผ่านมานี้ ให้ตรวจสอบทุกธุรกรรม หรือทรัพย์สินนายนอท กับพวก เหตุการตรวจสอบคือมีความผิดมูลฐาน คุณเทพสุ บอกว่า เราพบว่ากรณีนายนอท มีเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงไปยังบุคคลที่เคยถูก ปปง. ยึดอายัดทรัพย์ในเรื่องยาเสพติดด้วย และเชื่อมโยงไปที่นายแทนไท นั่นคือเงินที่เข้าสู่กองสลากพลัสนั้นเชื่อมโยงไปขบวนการค้ายาเสพติด และเชื่อมโยงนายแทนไท นอกจากนั้น พบเชื่อมโยงไปกลุ่มพนันออนไลน์ คือกลุ่มนายอั้ม PSV ด้วย จึงเสนอคณะกรรมการธุรกรรมมีมติโดยไม่มีข้อสงสัย เพราะเชื่อเรื่องข้อมูลทางการเงินที่พบ หลังจากที่ ปปง. พบว่าในวันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ เงินในบัญชีลอตเตอรี่ออนไลน์สามร้อยกว่าล้าน เหลืออยู่แค่หมื่นกว่าบาท

ประเด็นต่อมาพบว่ามีข้อมูลการไหลของเงินอย่างรวดเร็วในสองวัน ท่านผู้ชมครับ วันจันทร์ที่ 30 มกราคม มีการถอนเงิน 2 รายการ 22 ล้านบาท วันอังคารที่ 31 มกราคม มีการถอนเงิน 81 ล้านบาท รวมการทำธุรกรรมถอนเงินโดยไม่ใช่การโอนเงินทั้งสิ้น 103 ล้านบาท เป็นการโอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย ไปธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นชื่อบัญชีบริษัทจำกัด ลอตเตอรี่ออนไลน์ รวม 227 ล้านบาท

ประเด็นอยู่ที่ ระหว่างการตรวจสอบต้องไปไล่เส้นทางการเงินต่อไปว่า เงินที่ไหลจากธนาคารกสิกรไทย ไปธนาคารไทยพาณิชย์ จากนั้นไปไหนต่อ โดยข้อมูลธุรกรรมทางการเงิน ปปง. ตรวจสอบว่าไหลไปที่บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป ของนายแทนไท จำนวน 94 รายการ 188 ล้านบาท คุณแทนไท ครับ ข้อมูลขนาดนี้แล้วคุณยังหน้าด้านมาฟ้องผมอีกหรือ คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณพลาดอย่างใหญ่เลย

อย่างที่กล่าว คือ นายนอท พันธ์ธวัช แถลงในวันที่ 31 มกราคม ว่าเขาถูกอายัดทุกบัญชี แล้วทำไมล่ะ ถึงยังมีการทำธุรกรรมได้ คุณเทพสุ บอกว่า เราต้องตรวจสอบว่าการแจ้งคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งเวลาไหน เงินไหลออกเวลาไหน นี่คือการตรวจสอบจากฐานข้อมูลที่ ปปง. มี เราต้องขยายผลในทุกมิติในการตรวจสอบ ซึ่งตอนนี้เรามีอำนาจในการดำเนินการแล้ว ที่ผมสะท้อนให้ทุกท่านเห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะเงินไหลออกเพียงแค่สองวัน ข้อมูลรั่วไหลหรือเปล่า เราคงไม่ก้าวล่วงไปยังหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรง แต่ในการทำงาน ปปง. เมื่อมีการดำเนินการพบการฟอกเงิน ถ้าเชื่อมโยงไปเจ้าหน้าที่รัฐ อันนี้ต้องพิจารณาเรื่องโทษ ซึ่งจะต้องโดนโทษถึงสามเท่าด้วย

ท่านผู้ชมครับ ประเด็นอยู่ที่ไหน ? ประเด็นคือผมมีข้อมูลเชิงลึกว่างานนี้ทั้งนายนอท พันธ์ธวัช และ นายแทนไท พลาดอย่างแรง เพราะการถอนเงินที่เกิดขึ้นชัดเจนว่านายนอท รู้ตัวว่าจะโดนคดี จึงใช้เวลาสองวัน วันจันทร์ที่ 30 มกราคม อังคารที่ 31 มกราคม ในการเบิกถอนเงินเอาไปคืนนายแทนไท ความผิดที่เกิดขึ้นมันสำเร็จแล้วนะครับคุณนอท คุณนอท พันธ์ธวัช พลาดเพราะพยายามเบิกถอนเงินหนีช่วงโดนสอบสวน และถูกอายัดบัญชี ซึ่งเมื่อตามเส้นเงินแล้วก็จะพบนายทุน ซึ่งก็คือนายแทนไท นั่นเอง ซึ่งนายแทนไท ซึ่งรับโอนเงินดังกล่าวก็ต้องเจอข้อหาร่วมฟอกเงินด้วยนะครับ คุณแทนไท

อย่างไรก็ตาม ผมมีคำถามเพิ่มเติมอย่างนี้ครับ ทำไมอายัดบัญชีแล้วถึงปล่อยให้มีการถอนเงินไปได้ มีเจ้าหน้าที่คนไหนเกี่ยวข้องหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ธนาคาร ธนาคารที่เกี่ยวพัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคาร 2 ธนาคาร กสิกรไทย และไทยพาณิชย์ ที่ปล่อยให้มีธุรกรรมถอนเงินมากผิดปกติ โดยเฉพาะการถอนเงินโดยไม่ใช่การโอนเงินทั้งสิ้นตั้ง 103 ล้านบาท

ท่านผู้ชมครับ ผมตั้งข้อสงสัยธนาคารกสิกรไทย มานานแล้ว เพราะพวกพนันออนไลน์จะใช้ธนาคารหลักคือธนาคารกสิกรไทย ได้ข่าวว่ามีผู้บริหารระดับสูงที่สำนักงานใหญ่แอบหนุนหลัง ผู้ทำผิดกฎหมายในเรื่องเว็บพนันออนไลน์ อนุญาตให้ถอนเงิน ท่านผู้ชมครับ คุณถอนออกมาได้อย่างไร 118 ล้านบาท ถอนแค่ 2 ล้านบาท ยังต้องให้คำตอบเขาเลย นี่ตั้งร้อยกว่าล้านบาทในวันเดียวกัน ถ้าเจ้าหน้าที่ธนาคารไม่ให้ความร่วมมือด้วย ผู้จัดการธนาคาร ผมจะเอาสาขามางวดหน้า แล้วมาฉีกเป็นชิ้นๆ ผู้จัดการธนาคารคุณได้รับคำสั่งจากผู้ใหญ่คนไหนในสำนักงานใหญ่หรือเปล่า คุณปั้นครับ คุณบัณฑูร ล่ำซำ ซึ่งผมรู้จักดี ไม่สนใจจะมาตรวจสอบบ้างหรือว่าลูกน้องคุณเดี๋ยวนี้ทำระยำตำบอนมากขนาดไหน ชื่อธนาคารกสิกรไทย เคยมีชื่อเสียงที่ดี ซื่อสัตย์ สุจริต เที่ยงธรรม แต่ผมตั้งข้อสงสัยว่าธนาคารกสิกรไทย ตัวดีเลยในการสนับสนุนผู้ที่เล่นการพนันออนไลน์แล้วทำธุรกรรมฟอกเงิน


นอกจากนี้ หลักฐานจากหน่วยงานต่างๆ ปรากฏเป็นที่แน่ชัดว่า นายแทนไท กับพวก ตอนนี้ยังทำธุรกิจผิดกฎหมายอยู่ ทำให้มีเงินเป็นพันๆ ล้าน เขาฟ้องผม เรียกเงินค่าชดเชย 1,000 ล้าน เขาระบุชัดเจน ในข้อความที่เขาฟ้อง เขาบอกว่า เขาอายุ 26 ปี มีเงินลงทุนในบริษัทต่างๆ มากกว่า 1 พันล้านบาท มีทรัพย์สินทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกหลายพันล้านบาท เขาสามารถจะใช้เงินทุนที่มีอยู่ดังกล่าวสร้างรายได้ไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท นี่คือคำให้การของเขา โดยมอบหมายทนายความซึ่งรับมอบอำนาจมา คำถามมีอยู่ว่า ผมจะถามคุณแทนไท ว่าเอาเงินมาจากไหน ศาลแพ่งพิพากษาชัดเจนแล้วว่าที่มาของเงินของคุณไม่โปร่งใส คุณคือนักฟอกเงิน

การที่ผมไปแฉเรื่องของเขาเกี่ยวกับกรณีนายแทนไท ทำเว็บพนันออนไลน์และฟอกเงินจนร่ำรวยนั้น เขาบอกว่าผมละเมิดเขา รวมทำให้เขาเสียหายไม่ต่ำกว่า 2 พันล้าน ขอค่าเสียหายแค่ 1 พันล้านบาท ก็พอ คุณแทนไท ครับ นี่ความเห็นของผมนะ เป็นเด็กเป็นเล็ก ทะลึ่งไม่เข้าท่า อายุ 26 ปี อ้างว่ามีเงินฝากอยู่ที่ธนาคารเป็นพันล้าน มีธุรกิจอยู่ต่างประเทศเป็นพันล้าน ธุรกิจพันกว่าล้านนี่คุณเอาเงินที่ไหนไป แล้วคุณส่งเงินออกไปได้อย่างไร คุณอย่ามาอ้างคำว่าคริปโต เพราะศาลบอกแล้วว่าเลื่อนลอย ไม่น่าเชื่อถือ

ท่านผู้ชมครับ ความวุ่นวายและความฉิบหายของบ้านเมือง ณ เวลานี้ ที่เกิดขึ้นกับสังคมไทย จากฝีมือแก๊งพนันออนไลน์ และแก๊งฟอกเงินที่เชื่อมโยงกับนายแทนไท ณรงค์กูล และนายนอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ซึ่งยังมีอีกเยอะ เดี๋ยวผมจะฉีกออกมาแต่ละคนๆ อย่างลึกซึ้ง ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบมาจากการผิดปกติในกระบวนการชั้นอัยการ ในยุคอัยการสูงสุด คุณสิงห์ชัย ทนินซ้อน ที่นำมาสู่คำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องนายแทนไท กับพวก ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 เหมือนกับการปล่อยผีร้ายออกจากหลุม ปล่อยหมาออกจากกรงให้มาหลอกหลอนไล่กัดมอมเมาประชาชน จนตัวเองกับพรรคพวกร่ำรวยจนสะสมทรัพย์สินได้หลายพันล้านบาท ผมได้เรียกร้องไปแล้วว่า อัยการสูงสุด หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ให้มีการหยิบคดีนี้มาทบทวนและตวรจสอบใหม่อีกครั้งหนึ่ง


ทั้งนี้ทั้งนั้น นอกจากคดีนายแทนไท ณรงค์กูล แล้ว ที่อัยการสูงสุดยุคนายสิงห์ชัย ปล่อยผีออกจากหลุม ปล่อยหมาออกจากกรง ผมยังรับทราบว่ามีข้อมูลชุดใหญ่อยู่ในมือว่าในช่วงเวลาใกล้ๆ นี้ อัยการสูงสุดยุคเดียวกันยังมีการปล่อยขาใหญ่ในวงการพนัน ที่ชื่อ มาวินเบท (MAWINBET) ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น มูฟวินเบท (Movewinbet) ของนายเสี่ยฟลุ้ค ซึ่งอายุ 26 ปีเอง พ่อแม่อาชีพอะไร เคยทำมา ? ขายข้าวแกงครับท่านผู้ชม ชื่อจริง คือ นายเกียรติศักดิ์ เจริญสุข ซึ่งมีอายุอานามไล่เลี่ยกับนายแทนไท แต่มีเงินทองเป็นหมื่นๆ ล้าน ให้หลุดรอดจากคดีจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์และฟอกเงินไปด้วย อัยการสูงสุดจัดการด้วยนะครับ จัดการเลย นอกจากนายแทนไท แล้วยังมีนายฟลุ๊ค

จริงๆ แล้วเรื่องราวนายฟลุ๊ค เสี่ยฟลุ๊ค นายเกียรติศักดิ์ เจริญสุข เจ้าของเครือข่ายเว็บพนันมาวินเบท มีรายละเอียดน่าสนใจอีกมาก และสนุกสนานไม่แพ้นายแทนไท ใจเย็นๆ ผมเข้าไปแตะต้องคุณแน่นอน นายฟลุ๊ค ผมได้ข่าวว่าคุณมีปู่บุญธรรมไม่ใช่หรือ ที่ปกป้องคุณอยู่ตอนนี้ ผมอยากจะรู้ว่าปู่บุญธรรมของคุณจะปกป้องคุณได้อย่างไร และผมรู้ว่าปู่บุญธรรมของคุณคือใครด้วย แต่ผมขี้เกียจเอ่ยชื่อ

ผมได้ข่าวว่าหลังจากเสี่ยฟลุ๊ค มาวินเบท หลุดรอดคดีไปได้จากคำสั่งอัยการสูงสุดที่สั่งไม่ฟ้อง ก็เข้าไปสวามิภักดิ์กับผู้ใหญ่คนหนึ่ง แล้วก็เรียกผู้ใหญ่คนนั้นว่าปู่บุญธรรม จ่ายเงินให้ประจำเดือนละสิบล้านบ้าง ยี่สิบล้านบ้าง


เอาล่ะ ท่านผู้ชม ในมือผมคือหนังสือร้องเรียนอัยการมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรม ตำรวจภูธรภาค 3 ส่งเป็นหนังสือร้องเรียนถึงประธานกรรมการอำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ที่เกี่ยวข้องกับคดีที่เชื่อมโยงไปยังเครือข่ายของเสี่ยฟลุ๊ค มาวินเบท หรือนายเกียรติศักดิ์ เจริญสุข ลงวันที่ 5 ธันวาคม 2565 มีรายละเอียดน่าสนใจมาก แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังทีหลัง นี่ผมซ่อนเอาไว้อย่างดีเลยนะ ข้อมูลกับผมมีเป็นตั้ง คุณแทนไท ถ้าเป็นวันธรรมดาแล้วคุณไม่มีเรื่องมีราวกับผมนะ ถ้าคุณเป็นคนที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ผมจะเปิดข้อมูลให้คุณดูว่าผมซ่อนอะไรไว้บางอย่าง คุณแทนไท ครับ ผมอายุ 76 ปี ผมมายืนวันนี้ได้ไม่ใช่มายืนเพราะโชคช่วยนะ เพราะผมตั้งใจทำงาน และผมเกลียดความชั่ว เกลียดฉิบหาย

สรุปแล้ว ท่านผู้ชมครับ กลับมาที่อัยการสูงสุดกันต่อ นี่ล่ะครับความบิดเบี้ยวของคนในกระบวนการยุติธรรมระดับกลางน้ำ ไม่ใช่เพียงแต่ผมที่ประสบกับตัวเอง รุ่นน้องอัสสัมชัญศรีราชาของผม คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ในช่วงที่ผ่านมา ที่เขามาโพสต์หาความยุติธรรมจากคดีค้ามนุษย์ของเสี่ยกำพล การต่อสู้กับความยุติธรรมเป็นอย่างไร ตำรวจคือต้นน้ำ อัยการคือกลางน้ำ ศาลคือปลายน้ำ เมื่อกระบวนการยุติธรรมไม่ให้ความเป็นธรรม ไม่มีคุณธรรม ประชาชนต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยตัวเองอย่างปราศจากความกลัว สื่อมวลชนหลายๆ ฉบับก็ยังเก็บเงียบจนกระทั่งคุณชูวิทย์ มาปลุกต่อมของความรักความเป็นธรรมขึ้นมา ทุกคนก็เลยลุกขึ้นมารุมไล่ล่า "มาเก๊า 888" แต่ "มาเก๊า 888" นั้นเป็นแค่เบี้ยตัวเล็กๆ ที่ใหญ่กว่านี้มีเยอะมาก วันหลังผมจะมาเปิดเป็นคนๆ ไป


ผมในฐานะประชาชนจะขอใช้สิทธิในการเรียกร้องความยุติธรรมให้กลับคืนสู่สังคม ไม่ว่าการต่อสู้นี้จะนานและยากลำบากแค่ไหน ผมเชื่อว่ามีคนจำนวนมากพร้อมจะร่วมสู้กับผม

วันนี้ไปขอพบอัยการสูงสุดเพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนถึงพฤติการณ์ของอัยการบางคนที่สั่งไม่ฟ้องและถอนหมายจับคดีค้ามนุษย์ นี่คือข้อความของคุณชูวิทย์ นะครับ ขัดต่อหลักเหตุผลและหลักกฎหมาย แต่ไม่ขัดหลักการเงิน ยิ่งจ่ายมาก โอกาสหลุดก็มาก และเหมือนเคย ไม่ได้เข้าพบ แม้ว่าท่านจะนั่งอยู่ในห้อง มีการประสานงานมาแล้ว นี่คุณชูวิทย์ พูดถึงท่านอัยการสูงสุดคนปัจจุบัน ท่านนารี ตัณฑเสถียร

คุณชูวิทย์ บอกว่า ไม่ทราบว่าท่านนารี ตัณฑเสถียร จะกลัวอะไรนักหนา ผมเป็นประชาชนมาหาทนายแผ่นดิน หากจะอ้างว่าเมื่อให้ผมพบได้ ก็ต้องให้ใครต่อใครพบได้หมด ขอประทานกราบเรียนให้ทราบว่า ถ้าท่านคิดอย่างนั้นจริง ก็อย่ามาเป็นอัยการสูงสุดเลย ท่านเป็นสุภาพสตรี เป็นผู้หญิงคนแรก แล้วคนก็อวยท่านว่าท่านเป็นหญิงเหล็ก ท่านควรจะเป็นหญิงเหล็ก ไม่ใช่หญิงหงอขี้กลัว มัวเก็บตัวอยู่ในห้อง แต่ตอนแถลงข่าวออกมาจีบปากจีบคอพูดเสมือนเป็นกันเอง


ท่านอัยการสูงสุด ท่านนารี ครับ ผู้หญิงคนแรกของสำนักงานอัยการสูงสุด ท่านจะอำนวยความยุติธรรมให้ชาวบ้านได้อย่างไร ถ้าเท้าท่านไม่สัมผัสพื้นดินให้รู้ถึงรสชาติของความยุติธรรมที่ประชาชนอย่างผมได้รับ ความเท่าเทียมไม่เกิดเพราะมีอัยการบางคนรับผลประโยชน์ในการสั่งคดีไม่ฟ้อง ช่วยเหลือถอนหมายจับโดยคดียังไม่สิ้นสุด มีพยานเป็นอัยการด้วยกันยืนยัน ส่วนหลักฐานคือคำพิพากษาศาลสูงที่วินิจฉัยกลับให้ลงข้อหาค้ามนุษย์ และบอกว่าที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยพาดพิงไปถึงจำเลยในคดีอื่นว่าบริสุทธิ์นั้นไม่ชอบ เพราะจำเลยไม่ได้อยู่ในคดีที่ตัวเองพิจารณา แต่อัยการเจ้ากรรมดันรีบฉวยโอกาสทองนำเอาคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยว่าไม่ชอบ ไปขอถอนหมายจับ และสั่งไม่ฟ้อง จนกระบวนการถึงที่สุด

คุณชูวิทย์ พูดต่อ ปล่อยจำเลยลอยนวลทั้งที่เป็นเพียงศาลชั้นต้น และจำเลยยังหลบหนีคดีอยู่ ต่อมามีการวิ่งเต้นอีก ไม่ให้อัยการดีๆ เขายื่นอุทธรณ์ แต่ไปเจออัยการหญิงเจ้าของสำนวนไม่ยอมเอาด้วย ยืนยัน เจ้าของสำนวนเป็นผู้หญิง ยืนยันขออุทธรณ์จนศาลอุทธรณ์ตัดสินลงโทษ ท่านนารี อัยการสูงสุด ควรปรับปรุงพฤติกรรมและทัศนคติใหม่ ให้สอดคล้องกับโลกยุคปัจจุบันในการอำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง และให้เป็นผู้ยืนอยู่บนความถูกต้องตามหลักกฎหมายและเหตุผล ท่านต้องปกป้องสถาบันอัยการของท่านเอง เอาอัยการไม่ดีออก ปัดกวาดระบบยุติธรรมกลางน้ำ ถ้าเรื่องแค่นี้ท่านไม่กล้าทำ อยู่ไปเปลืองเงินภาษีอากรผมที่เอาไปให้ท่าน ท่านลาออกไปดีกว่าครับ

ท่านผู้ชมครับ นี่ล่ะครับเส้นทางการต่อสู้เพื่อแสวงหาความยุติธรรมให้บ้านเมืองจากน้ำมือประชาชน คนธรรมดาอย่างผม คุณชูวิทย์ ที่ไม่ต้องการเหรียญตราเหรียญกล้าหาญหรือคำเชิดชูใดๆ สิ่งเดียวที่พวกผมเรียกร้องและต้องการ คือความเป็นธรรมและความยุติธรรมจากคนในกระบวนการยุติธรรม ต้นน้ำ ตำรวจ กลางน้ำ อัยการ และปลายน้ำ คือศาล


ท่านผู้ชมครับ ผมจะเอาภาพที่ผมเคยเอาขึ้นให้ท่านดู ยังพอจำแผนผังนี้ได้ไหม รายการเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว คือวันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ ผมเอามาเปิดให้ท่านผู้ชมได้เห็นเป็นบางส่วน สัปดาห์นี้ผมขยายภาพแผนผังนี้ให้ชัดเจน ซึ่งท่านผู้ชมจะได้เห็นภาพใหญ่ว่าใครเป็นใคร ใครอยู่ตรงไหน อาณาจักรวงการพนันออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นนอท กองสลากพลัส แทนไท ณรงค์กูล เอ๊ดดี้ พันณรงค์ พี่น้อง 4 บ. ดาบมานัส บ่อนลอยฟ้า และลูกหลาน ทั้งลุค ทั้งเฟย รวมไปจนถึงสารวัตรซัว ของเป็นต่อกรุ๊ป ที่กำลังถูกไล่ล่าอยู่ ณ ปัจจุบัน แผนผังนี้มีแค่ภาพกว้างๆ ที่สามารถลงรายละเอียดได้อีกมากแต่ละจุด โดยผมสัญญาว่าจะเอาภาพรวมของผังอาณาจักรมืดวงการพนันออนไลน์มาเล่าให้ฟังว่าเหตุใด ณ วันนี้ อาณาจักรของการพนันออนไลน์จึงเกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างมาก และต่อเนื่องยาวนานไปหลายเดือนแล้วตั้งแต่ปลายปี 2565 จนถึง 2566 ก็ยังไม่จบ

ท่านผู้ชมครับ จากนี้ไปจะมีแต่ความเข้มข้นไปเรื่อยๆ เอาไว้ศุกร์หน้าเราพบกัน รับรองว่าพี่ชูวิทย์ของผม เอาไม้เคาะกะลา เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ผมมีหน้าที่อย่างเดียวคือขุดเจาะลึกของคนบางคนที่พี่ชูวิทย์ของผมเคาะกะลาไว้ เอามาเปิดเผยให้ดู และผมหวังว่าคงไม่มีใครกล้าฟ้องศาลแพ่งอีกนะ เพื่อขอคุ้มครองชั่วคราวฉุกเฉินไม่ให้ผมพูดถึง ขอให้รู้ว่าผมสู้ยิบตาในเรื่องนี้ ผมไม่เคยกลัวใคร คุณแทนไท แสดงว่าคุณไม่รู้จักผมเลย คุณมันเด็กน้อยจริงๆ แล้วคุณลืมตัวและหลงตัว คุณคิดว่าคุณมีเงิน คุณอาจจะซื้ออัยการบางคนได้ ซื้อตำรวจบางคนได้ แต่คุณซื้อผมไม่ได้หรอกคุณแทนไท ผมมีเบื้องหลัง มีคนขนเงินมาให้ผมสิบล้าน อย่าห้ผมเอ่ยชื่อเลยว่าใคร แล้วผมไล่ออกไปจากออฟฟิศผม คุณอยากรู้ไหม วันหลังผมจะเปิดให้ดู เพราะคนที่โทรศัพท์มาบอกผมว่ามีเงินสิบล้านรออยู่ข้างนอก พร้อมจะเอาเข้ามาให้นั้น เผอิญเป็นตำรวจที่รู้จักกับแวดวงพนันออนไลน์ดี สวัสดีครับท่านผู้ชม ไว้เจอกันศุกร์หน้า

กำลังโหลดความคิดเห็น