ทำเอาฮือฮาเลยทีเดียว หลังวันนี้ (6 ก.พ.) พรรคเพื่อไทย ได้ทำการเปิดตัวนักแสดงสาว “อ๋อม สกาวใจ พูลสวัสดิ์” ในฐานะว่าที่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในเขตสะพานสูง ประเวศ กรุงเทพมหานคร โดยงานนี้สาวอ๋อม ก็ได้ออกมาเปิดใจต่อหน้าสื่อมวลชนและสมาชิกพรรคเพื่อไทย ว่าที่ตัดสินใจลงการเมือง หลังโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมากว่า 30 ปี เพราะอยากตอบแทนพี่น้องประชาชนที่สนับสนุน และอยากปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไข ให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว และได้มีประชาธิปไตยแบบเต็มใบเสียที
“อยู่ในวงการบันเทิงมาเนี่ย ก็มีอยู่มีกิน แล้วก็พอจะมีคนรู้จักบ้าง เพราะว่าพี่น้องประชาชนให้ชื่อเสียงอ๋อมมา ให้อ๋อมเป็นอ๋อม สกาวใจจนถึงทุกวันนี้ ก็เลยออยากขอตอบแทนบุญคุณพี่น้องประชาชนที่รักและเอ็นดูอ๋อม คิดมาตลอดว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน เพราะภาษีที่เราเสียไปในหลากหลายรูปแบบ ถูกใช้ไปทำอะไรบ้าง การที่อ๋อมออกมาคอลเอาต์ ออกมาพูดถึงปัญหามาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่อ๋อมพูดมาทั้งหมดเนี่ย อ๋อมคิดต่อเนื่องว่าการที่ออกมาคอลเอาต์ มันคือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะปัญหามันเกิดขึ้นแล้วถึงได้ออกมาถามคำถามนี้ ว่าเมื่อไหร่มันจะได้รับการเปลี่ยนแปลง และได้รับการแก้ไขสักที
ตัดสินใจลงการเมืองเพราะอยากแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และอยากตอบแทนบุญคุณพี่น้องประชาชน
“แต่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนที่สุดคือแก้ที่ต้นเหตุ นั่นคือการนำเอานโยบายดีๆ เข้าไปเสนอในสภา ในระบบประชาธิปไตย และนี่คือการแก้ปัญหาที่มันยั่งยืนกว่า สามารถนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าได้ ตอนนี้ทุกคนเดือดร้อนกับเศรษฐกิจที่มันย่ำแย่มาก แล้วคุณภาพชีวิตก็แย่ มีคนตกงาน น้องๆ นักศึกษามองไม่เห็นอนาคต อ๋อมเลยตัดสินใจลงมาทำงานการเมือง เพื่อตอบแทนบุญคุณพี่น้องประชาชน เข้ามาเพื่อที่จะแก้ในแบบโครงสร้าง แก้นโยบาย แก้ไขในภาพใหญ่ และแก้ไขแบบยั่งยืน”
เลือกมาอยู่พรรคเพื่อไทยเพราะชัดเจนและอุ่นใจ มีเพื่อนสนิทเป็นส.ส.อยู่ที่นี่ด้วย
“ถามว่าทำไมต้องเป็นเป็นพรรคเพื่อไทย อ๋อมแสดงจุดยืนชัดเจนเรื่องประชาธิปไตย อ๋อมเลือกอยู่ฝั่งประชาธิปไตยมาก่อนอันดับหนึ่ง การทำงานการเมืองต้องเข้าถึงปัญหา ต้องยึดโยงตัวเรากับประชาชน และนี่คือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยมีอย่างชัดเจน ความชัดเจนอันนี้ทำให้มีความอุ่นใจ และเป็นองค์การการเมืองที่เข้าถึงประชาชน ตั้งแต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ชื่อนี้ แต่เป็นชื่อพรรคไทยรักไทย ก็เห็นผลงานตลอดเวลา เขาตอบโจทย์นโยบายในการหาเสียงได้ทุกครั้ง และเป็นพรรคเดียวที่คิดนโยบายแล้วทำได้จริง ถึงได้มั่นใจ
และที่อุ่นใจมากๆ ที่ตัดสินใจมาอยู่เพื่อไทย คือมีเพื่อนสนิทอย่าง ส.ส.พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ที่เป็นที่ปรึกษา และที่สำคัญยังได้ลงพื้นที่ด้วยกันอยู่เรื่อยๆ อยู่แล้ว แล้วยังมีผู้ใหญ่ที่เคารพรัก เวลาเข้าไปปรึกษาปัญหาต่างๆ จะได้รับความรู้กลับมาเยอะแยะ แต่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมามีเลือกแปลก พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งอันดับหนึ่ง แต่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล ถ้าได้จัดตั้งรัฐบาลตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ประเทศก็คงไม่เป็นแบบนี้ คงก้าวเดินไปข้างหน้า ไม่ย่ำอยู่กับที่มา 8-9 ปี”
ไม่ทิ้งงานในวงการบันเทิง แต่ต้องขึ้นอยู่กับกับผู้ใหญ่ให้โอกาส แต่ไม่เสียดายเพราะคิดว่าคุ้ม ถ้าจะทำให้ได้ประชาธิปไตยเต็มใบ
“ถามว่าเสียดายงานในวงการบันเทิงไหม ขอตอบแบบนี้ค่ะ คืออ๋อมอยู่วงการมาตลอด 30 ปี อ๋อมไม่ได้ทิ้งวงการบันเทิง เพราะวงการบันเทิงให้อ๋อม เป็นอ๋อม สกาวใจ จนทุกวันนี้ และให้โอกาสหลายเรื่อง ถ้างานไหนที่พอจะรับได้ก็จะรับ ก็ต้องขึ้นอยู่กับกับผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสอีก แต่เรื่องความเปลี่ยนแปลง อันนี้ตอบไม่ได้เหมือนกัน ว่าในอนาคตจะเปลี่ยนไปยังไงบ้าง
ลงมาทำการเมืองแบบนี้แล้ว ถามว่าเสียโอกาสในการวงการบันเทิงไหม ก็ถ้าปล่อยให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่ได้มีประชาธิปไตยเต็มใบสักที แล้วถ้าหากอ๋อมได้เข้ามาผลักดันเปลี่ยนแปลง ให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยเต็มใบได้ อ๋อมว่ามันคุ้มมาก ในการตัดสินใจครั้งนี้ของอ๋อม อ๋อมไม่ได้ทำเพื่อใครหรอก จริงๆ แล้วจะบอกเลยว่าทำเพื่อตัวเอง เพราะเราอยากอยู่ในประเทศที่มันเจริญแล้ว ไม่ใช่ประเทศที่กำลังพัฒนา จุดมุ่งหมายคือจะเข้ามาปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไข อยากให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ทิ้งคำว่าประเทศกำลังพัฒนาไปได้แล้ว ตราบใดที่รถถังยังออกมาเพ่นพ่านอยู่แบบนี้ ไม่มีทางที่จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วได้หรอกค่ะ”
มั่นใจในตัวเองและทีม ไม่มีคำว่าแพ้ มาเพื่อชนะ
“ได้ลงพื้นที่ในเขตสะพานสูงไปบ้างแล้ว การลงส.ส.เขตของอ๋อม ไม่ได้ตัดสินใจเอง ได้ปรึกษาผู้ใหญ่ในพรรคหลายๆ ท่าน แล้วก็ขออนุญาตลงพื้นที่ เป็นส.ส.ในเขตสะพานสูง เพราะอ๋อมใช้ชีวิตครอบครัว อยู่ในบริเวณนี้เสียส่วนใหญ่ มาตั้งแต่เด็กแล้ว สิ่งที่เห็นมันมีการเปลี่ยนแปลงค่ะ แต่มันควรจะเจริญไปได้มากกว่านี้ ครั้งนี้ที่อ๋อมลงมา อ๋อมไม่ได้มาเพื่อแพ้นะคะ คำว่าแพ้ไม่ได้มีอยู่ในหัว อ๋อมมาเพื่อชนะค่ะ มาเพื่อชนะกับปัญหาทุกๆ อย่าง ประเทศต้องเดินก้าวไปข้างหน้าค่ะ ณ ที่นี่คือมั่นใจในตัวเองก่อนอันดับหนึ่ง แล้วที่สำคัญคือมั่นใจในทีมงานและพรรคเพื่อไทยค่ะ”
