xs
xsm
sm
md
lg

แตกหัก! “จตุพร” ซัดกลับ “ทักษิณ” ถ้าเป็นหมา ก็เป็นหมาที่ใช้ไม่ได้ เพราะไม่ซื่อสัตย์ ทรยศหักหลังมาตลอด แฉดีลพิเศษที่ไม่สมควรทำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


ภาพ นายทักษิณ ชินวัตร และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ โต้เดือด!
โต้เจ็บ “จตุพร” ตอกกลับ “ทักษิณ” ถ้า “ผมหมา ท่านก็หมา” กรณีพูดถึงเจ้าตัวว่า “เห่า” และ “ตัว” ลากไส้ โกหกผิดคำพูดกับประชาชนมาตลอด เผย ฟางเส้นท้ายกล่าวหาว่าตนรับงานใครมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ก็หักหลังตนมาตลอดพร้อมแฉกำลังทำดีลพิเศษเพื่อให้ตัวเองได้กลับมา เป็นดีลที่ไม่สมควรทำ และจะเป็นไปไม่ได้

วันนี้ (25 ม.ค. 66) นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน และอดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) จัดรายการไลฟ์สดทางเฟซบุ๊ก Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์ ในหัวข้อ “ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “เชื่อมั่น...ประชาชน”” ร่วมกับ นายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน

นายจตุพร กล่าวว่า ตนกับนายทักษิณ รู้จักกันมาตั้งแต่ปี 2537 เมื่อครั้งนายทักษิณ เป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม วันแรก ตนได้เชิญไปบรรยายที่ห้องเอดี 1 ม.รามคำแหง จากนั้นร่วมเดินสายนี้กันมาร่วม 30 ปี ถ้าตลอดเวลาถ้าตนคิดเรื่องตัวเองจะอยู่กับทักษิณไม่ได้ หากตนคิดเอาแต่ตัวเอง และเอาประโยชน์ส่วนตนแล้ว จะอยู่ร่วมกันไม่ได้เลย แม้ทักษิณพูดในที่สาธารณะหลายครั้งว่าจะตั้งให้เป็น รมต. แต่ไม่ได้ตั้ง พูดต่อหน้าคนนับแสน แต่ตนก็ยังอยู่ ถ้าบอกว่า ตนคิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัว นี่ก็ไม่ใช่แล้ว ทั้งที่ทักษิณผิดคำพูด

แต่เหนืออื่นใดแล้ว การต่อสู้ทางการเมืองที่ผ่านมา มีความตายมากมาย มีความนร้าวรานต่อความอยุติธรรมทั้งปวง ตนก็ยืนหยัดต่อสู้ แม้แต่เรื่อง พ.ร.บ.สุดซอย ตนรับได้ยากมาก เพราะตนเสนอให้ออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนที่กำลังติดคุก ยกเว้นแกนนำ แต่รัฐบาลไม่ยอมออกเป็น พ.ร.ก.จะมาออกเป็น พ.ร.บ.แทน ตนต้องออกมานั่งแถลงข่าวทุบโต๊ะว่ามาตายกับคนพรรค์อย่างนี้ได้อย่างไร ประชาชนกำลังติดคุก ก็เลยยอม แต่ก็ไปแปลงสารขยับเพิ่มให้นิรโทษกรรมแกนนำ ผู้ฆ่่า ผู้สั่งฆ่า และขยับมาถึงคดีทุจริตเพื่อตัวเองเป็น พ.ร.ก.สุดซอย

นายจตุพร กล่าวว่า ตนได้ทักท้วงว่า มันเป็นความหวังเดียวของประชาชน ถ้าเอาเรื่องนอกเหนือประชาชนมันจะล้มครืนลงมา และประชาชนเขาจะติดคุก และไม่มีโอกาสอีกเลย ก็ไม่ฟัง ตนนั่งจัดรายการอยู่ก็ปลดออกจากรายการเลย ไม่มองหน้ากัน แล้วก็ไปพูดที่นอร์เวย์ว่าตนไม่ต้องการให้ทักษิณกลับบ้าน

ทั้งที่ในวงยุทธศาสตร์ขพรรคเพื่อไทย มี “พี่เปีย” ที่เสียชีวิตไปแล้ว รองนายกฯ และ รมต.อีกรวม 2 คน เห็นด้วยกับตนว่า อย่าเอาเรื่องคนอื่นนอกจากประชาชนมา ถ้าเอานายทักษิณกลับบ้านต้องทำในวาระอื่น แต่วาระนี้ต้องตอบแทนประชาชนก่อน ส่วนที่ตายเอาชีวิตคืนมาไม่ได้ บาดเจ็บเอาอวัยวะคืนมาไม่ได้ แต่ที่กำลังสูญเสียอิสรภาพ นี่เป็นโอกาสเดียวเท่านั้น แล้วท่านก็โกรธ

“ผมอยากจะถามท่านทักษิณ ว่า ตอนทำเรื่องสุดซอย มีใครไปพบท่านแล้วอยู่กับท่าน ในแวดวงเขาก็นินทากัน มีเครื่องบินปลิวกันเป็นลำๆ แต่ทั้งหมดนั้นเมื่อไปไม่ได้ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ก็มาพูดกับผมภายหลังว่า รู้ว่าไปไม่ได้แต่ก็คิดว่าจะกลับมาได้ เรื่องเครื่องบินเป็นลำๆ มีคนไปพูดจนกระทั่งเกิดความเชื่อ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่ทราบ แต่มีคนนินทาตามแวดวง เพราะว่ายอมหัก กับผมนี่หักกันเลย เพราะว่าเราไม่ต้องการให้เกิดการสุดซอย และถ้อยคำนินทา เท็จจริงอย่างไรไม่รู้

“ผมนี่จิตใจมันสลาย เพราะว่าวันนั้นความเป็นจริงแล้วมันจะไม่มีเหตุเลยถ้าเอาเฉพาะประชาชน สถานการณ์การออกมาชุมนุมเต็มท้องถนนจะไม่มีเลย แต่ก็ไม่ฟัง เพราะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว"



ซัด “ทักษิณ” ถ้าผมเป็นหมา ท่านก็เป็นหัวหน้าหมา

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีที่เมื่อคืนวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา นายทักษิณ พูดว่า ช่วง 16 ปี ท่านก็ถูกเห่า แล้วนับตนเองเป็นตัว และตั้งฉายาให้ตัวเอง ว่า ถูกเห่า มีเรื่องตู้ห่าว ท่านก็ถูกเห่า บอกว่าไม่ต้องมาฟังตนให้ใช้น้ำยาล้างหูไป ก็พยายามหลีกเลี่ยง แล้วใช้ถ้อยคำว่า ถูกเห่ามา 16 ปี 2-3 ตัว และบางตอนก็ 4-5 ตัว มีการนับเป็นตัว แล้วบอกภาษาไทยไม่แข็งแรง แล้วหัวเราะกันสนุกสนาน

“ผมกับนายกฯ ทักษิณ ปราศรัยเวทีเดียวกันมาไม่ว่าในช่วงที่อยู่ประเทศไทย และผ่านวิดีโอลิงก์ ต่างกรรมต่างวาระกันมายาวนาน ถ้าการพูดของผมเป็นการเห่า บนเวทีนี้ท่านก็ร่วมเห่ากับผมด้วย ถ้าผมหมา ท่านก็หมา ท่านอาจจะเป็นจ่าฝูง ถ้านับบรรดาศักดิ์ของบรรดาหมู่หมาด้วยกัน

“แต่ว่า หลักคิด มองคนร่วมต่อสู้ด้วยกันว่าเป็นหมา นับเป็นตัว แล้วหลีกเลี่ยงการตอบความจริง ถ้าท่านลองนึกช้าๆ ว่า สิ่งที่ท่านดำเนินการทั้งหมดไปนั้น ถ้าท่านตรงไปตรงมากับประชาชน และไม่ไปพูดถึงผมในทางที่เป็นเท็จและเกิดความเสียหาย ในช่วงนี้ เรื่องนี้ผมจะมาพูดเรื่องนี้ในช่วงนี้ทำไม

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ถ้าคิดว่า ผมนึกถึงแต่ผลประโยชน์แล้วผมจะอยู่กับท่านได้อย่างไร เพราะท่านทรยศหักหลังผมตลอดเวลา โกหกกับผมซ้ำซาก โกหกแล้วโกหกไป แล้วโกหกใหม่ซ้ำกันไปซ้ำกันมา ผมนี่ต้องไปก่อนการยึดอำนาจ เพราะว่าหักกันเรื่องสุดซอย เรื่องส่วนตัวก็โกหก เรื่องสุดซอยนี่ก็หัก และทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลง ไม่ว่าเรื่อง ICC (ลงนามรับรองศาลอาญาระหว่างประเทศ) เรื่องรัฐธรรมนูญ และรวมกระทั่งว่าไปกระทำนอกเหนือ คือ การทุจริตคอร์รัปชัน

“ผมก็กล้ำกลืน เพราะต้องการรักษาความรู้สึกของพี่น้องเสื่อแดง เพราะเขาตาย เขาเจ็บ และหลังการสลายชุมนุม ผมก็ตระเวนทุกพื้นที่ท่ามกลางความตายเต็มแล้ว นายกฯ ทักษิณ ก็เสนอให้ผมหนี แต่ผมไม่เลือกทางหนี เวลาขณะนั้นทั้งคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย ตกต่ำที่สุดแล้ว แต่เราก็พากันพลิกฟื้น แลกชีวิตกันตลอดเส้นทางนั้น ถ้าผมต้องการจะเอาตัวรอด ก็ต้องเอาตัวรอดได้ แต่ทำไมผมจึงลุกขึ้นสู้ต่อ”
..


โดน “ทักษิณ” หักหลังมาตลอด แต่ไม่เคยย้ายข้าง

“ผมอยากจะบอกท่านว่าตลอดเวลาที่ท่านหักหลังผมนั้น ถ้าผมคิดเรื่องส่วนตัว ผมจะมาสู้ที่อักษะต่อหรือ และจนกระทั่งมาเห็นว่ามีการสมคบคิดในเรื่องการรัฐประหาร เพราะว่าสิ่งที่มันสำคัญที่สุดก็คือว่าเป็นความบกพร่องแต่เดิม ความเป็นจริงแล้วชัยชนะที่ได้มาจากประชาชนที่เขาแลกชีวิตให้ ท่านไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปี 53 ได้มาจากเลือดเนื้อและน้ำตาของประชาชน ชัยชนะที่เขาแบกความหวังไว้ทั้งปวง ICC ก็ไม่กล้ารับ เพราะกลัวประยุทธ์จะยึดอำนาจ แล้วท้ายที่สุดนั้นก็มาสลายคนเสื้อแดงเอง แล้วไปพึ่งประยุทธ์ แล้ววันหนึ่งประยุทธ์ลงมือ และขณะเดียวกัน ตกลงแบ่งงานกันทำ ว่าจะรับผิดชอบเรื่องคน เรารับผิดชอบเรื่องเวที วันๆ หนึ่งคนชุมนุมเป็นหมื่น หลายหมื่นทุกวัน แล้ววันที่ 21 (21 พ.ค. 57) เหลือร้อยหนึ่ง หมายความว่าอย่างไร 22 พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจ 21 เริ่มเจรจา

“ผมก็ยังบากหน้ากล้ำกลืน บากหน้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกปรับทัศนคตินับไม่ถ้วน และเป็นแกนนำคนเดียวที่ถูกถอนประกัน และไปติดเชื้อในกระแสเลือดในเรือนจำเกือบตาย ออกมาพักเดียวเท่านั้น กำลังจะออกจากคุก จะตัดสินคดีจำนำข้าว ก็ไปต้องคำพิพากษาของศาลฎีกาทั้งที่ชั้นต้นยก อุทธรณ์ยก เมื่อออกมา ก็ไปขับไล่ในนาม “ไทยไม่ทน” ก็ไปถูกขังใหม่ที่ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ นี่ ในคดีเดิมที่ปล่อยตัวออกมาแล้ว และเดือนหน้าผมก็จะถูกคดีฟ้องยึดบ้านแล้ว

“ถ้า 8 ปีนี้ เอาเพียงแค่ที่ท่านหักหลังผม ไปแสวงหาผลประโยชน์กับรัฐบาล คสช. ผมก็ไม่ต้องติดคุก ผมก็ไม่ต้องลำบาก ผมก็ไม่ต้องมี นี่อีกไม่กี่วันก็ฟ้องแพ่งมาอีกแล้ว คดีเมื่อ 14 ปีที่แล้ว เพราะว่าเรายืนหลักกับความถูกต้องตลอดเวลา แล้วฝ่ายเดียวกันไปทำผิดพลาด ผมก็กล้ำกลืนๆ ถ้าตลอดเวลาที่ผ่านมา ถ้าผมคิดในมิติส่วนตัวแล้วคิดแต่ประโยชน์ส่วนตัวนี่ ผมจะอยู่แบบนี้หรือ ถ้า 8 ปี ผมใไม่ออกมาขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ผมก็ไม่ถูกขัง”


“จตุพร” ไม่หนี กระทบคนที่หนี

นายจตุพร กล่าวต่อว่า การต่อสู้ของเราจนถึงวันนี้ เรานั่งจัดรายการดูคลิปต่างๆ เพื่อหยุดอำนาจ 3 ป. ออกไปชุมนุมในนามคณะหลอมรวมประชาชนก็เพื่อหยุดอำนาจ 3 ป. เพื่อหาทางออกให้ประเทศไทย มีเรื่องอะไรไปสกัดแลนด์สไลด์ของนายทักษิณ
“ถ้าเราเป็นคนเห็นแก่ได้ ท่านอ้างว่า ใครคุยอะไรกับใครอยู่เมืองไทย ท่านรู้ คนไปคุยกับท่านที่เมืองนอก ผมก็รู้หมดเหมือนกัน ในเมืองไทยด่ากันเกือบตาย ในช่วงรบนี่นะครับ ไอ้โน่นก็ใช้ไม่ได้ ไอนี่ก็ใช้ไม่ได้ ไอ้นี่เป็นพวกนี้ ไอ้นี่พวกนั้น เลือกตั้งเสร็จพวกโน้นพวกนั้นไปหาท่านแวดล้อมไปหมด มันตำตาผมทั้งหมด

“เพราะฉะนั้นที่ผมอยากจะบอกนายกฯ ทักษิณ ที่ท่านบอกถูกเห่า ผมจะบอกท่านว่า ถ้าผมหมา ท่านก็คือหัวหน้าหมา แล้วเราพูดภาษาหมากันมานานแล้ว แต่ว่าหมามันมีคุณสมบัติข้อหนึ่ง คือ เรื่องความซื่อสัตย์ ท่านยังเป็นหมาไม่ได้เลย ถ้าเป็นหมาก็เป็นหมาที่ใช้ไม่ได้ เพราะสิ่งที่มันสำคัญที่สุดนั้น คือความซือสัตย์ระหว่างกัน แล้วมันแลกชีวิตมันตายได้ตลอดเวลา

“ถ้าเห็นแก่ตัวก็ต้องหนีตามท่านสิ ประเพณีนี้เมื่อหัวหน้าหนีก็จะดี เมื่อผมไม่หนี ผมก็เป็นตัวแปลกอยู่แล้ว ผมประกาศสู้มันก็กรีดหัวใจ หลังปี 53 เพราะว่าผมไม่หนี มันก็ไปทาบกับคนที่หนี”

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ที่ตนไม่หนีเพราะต้องการทวงความยุติธรรมให้ประชาชนที่ตาย ถ้าเราไม่อยู่ใครจะหาความยุติธรรมให้ ทั้งอภิปรายในสภา เดินสายปราศรัย เสี่ยงจะเสียชีวิตมาตลอด ถ้าจะว่าตนเดินสายแลกเปลี่ยนพูดคุยกับผู้คน ก็มีคนที่คาดไม่ถึงไปคุยกับท่านตลอด หลายคนที่ท่านประณามหยามเหยียดในไทยก็ไปเจอท่าน เพราะฉะนั้นในวันนี้ ตนจึงบอกว่า เหตุที่ไม่ตอบ ท่านก็อธิบายได้ อย่าอ้างเรื่องกฎหมายหมิ่นประมาท แต่ในเรื่องข้อเท็จจริงมันปรากฏ

ทักษิณพูดผิดกี่ครั้งก็ได้

“ในการต่อสู้ท่ามกลางความตาย ท่านพูดมาได้อย่างไรว่า เสียงปืนนัดแรกผมจะมานำการต่อสู้ ผ่านมาสองแสนนัด ตายเป็นร้อย ท่านก็ไม่มา วันที่ท่านพูดว่า พายเรือไปส่ง แล้วเสื้อแดงไม่ต้องตามไปอีกนี่ ถ้าท่านไม่มีออปชั่นแลกการกลับบ้าน เพราะท่านคุยกับผมเอง เพราะว่าท่านพูดเสร็จต้องรีบคุยกับผม เพราะผมยังไม่ปราศรัยที ทุกอย่างท่านแลกได้ตลอดเวลา ผมรู้ว่าท่านทำอะไรได้บ้าง ผมก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยดีนัก

“แต่ว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมาด้อยค่า ผมนี่แน่นอนที่สุดบรรยดากองเชียร์ท่านก็ด้อยค่า ไร้ค่า ทรยศ เนรคุณ หักหลัง ทั้งที่นายกฯ ทักษิณคนหักเนรคุณในการต่อสู้ตลอดเวลา ที่ท่านรับปากๆ ได้ยินกันทั่ว ที่ท่านประกาศได้ยินกันทั่ว แต่ในบรรดาคนที่มันรักกันจนหน้ามืดตามัวก็บอกว่า นายกฯ ทักษิณพูดผิดกี่ครั้งก็ได้


“เหมือนท่านบอกว่าท่านจะกลับบ้านปี 2565 แล้วไม่ได้กลับก็บอกว่าเป็นเรื่องระบบการฟอกเลือด ท่านก็ไปของท่านอีก แล้วท่านก็หลีกเลี่ยงตอบว่า จะจับมือกับพลังประชารัฐหรือไม่ แล้วเลี่ยงไปพูดประเด็นว่า เรื่องจะกลับประเทศไทย จะไม่ออกกฎหมาย จะไม่เกี๊ยะเซียะกับพลังประชารัฐ และก็ไม่ใช้พรรคเพื่อไทยด้วย

“ผมต้องเรียนไปยังนายกฯ ทักษิณว่า ผมได้ยินมาอยู่แล้ว หลายวันที่ผ่านมาคงจำกันได้ ผมว่ามันมีดีลหนึ่ง ซึ่งเป็นดีลที่ไม่สมควร และไม่สมควรจะดีล และไม่มีวันจะเป็นไปได้จริง นี่แหละที่นายกฯ ทักษิณบอกว่าไม่ต้องออกกฎหมาย ไม่ต้องเกี้ยเซียะกับพลังประชารัฐ ไม่ใช้พรรคเพื่อไทย แล้วก็อุ๊งอิ๊งจะเป็นคนแถลง

“ผมบอกว่านี่จะหนักกว่าสุดซอย เพราะหนึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ สอง ยิ่งกว่าการลักหลับ และจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ แต่ผมขออนุญาตไม่อธิบายความ เพียงแต่ว่าผมได้ยินมาก่อนอยู่แล้ว"

ดีลพิเศษที่ไม่สมควรทำ

นายจตุพร กล่าวอีกว่า กรณีที่นายทักษิณไม่เกี้ยเซียะกับพลังประชารัฐ แต่ก็หลีกเลี่ยงที่จะตอบว่า จะจับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพลังประชารัฐหรือไม่ ความเป็นจริงตนได้ยินมาหลากหลายเรื่องราวต่างกรรมต่างวาระอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ ทฤษฎี 1 ทฤษฎี 2 ที่พูดนี้ตนก็ถึงบางอ้อ เพราะพูดถึงดีลที่ไม่สมควรดีล และไม่สมควรที่จะไปกระทำ

“ก็นึกดู เอาตามกฎหมายขณะนี้ ว่ากันตามเนื้อผ้าก่อน วันนี้ นายกฯ ทักษิณต้องคดีถึงที่สุดแล้ว คดีที่ดินรัชดาตอนนั้นคดียังมีอายุความ ตอนนี้หมดอายุความไปแล้ว แต่คดีหลังไม่มีอายุความ มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วรวมโทษกันประมาณ 12 ปี เพราะฉะนั้น ณ ขณะนี้ เมื่อไม่มีอื่นใด เดินทางกลับมาประเทศไทย นายกฯ ทักษิณกลับได้ตลอดเวลา แต่ท่านมาถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องไปเอาตัวส่งเข้าไปที่ศาลและไปเรือนจำ นี่ตามกฎหมายบ้านเมือง

“แต่ว่า เมื่อปรากฏว่าข้อเท็จจริงบ้างประการที่ผมได้ยินมาว่า มีการดีลพิเศษ แต่ว่าเป็นดีลที่จะไม่มีวันเป็นไปได้ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่สมควร และตอนสุดซอยที่ใช้คำว่าลักหลับ ครั้งนี้จะลักหลับของจริง ดังนั้น ที่อธิบายเรื่องนี้ เพราะผมพยายามหลีกเลี่ยงถ้อยคำภาษา

กลืนเลือดจนเต็มคอ

“ความเป็นจริงก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย หลายคนพยายามตั้งคำถามว่า อยู่ดีๆ ผมมาพูดเรื่องนี้ทำไม ไปรับงานใครมา ที่พูดเรื่องนายกฯ ทักษิณ ผมก็อธิบายว่า เหมือนเลือดที่มันเต็มคออยู่แล้ว กลืนเลือดจนเต็มคออยู่แล้ว แล้วก็รับมือรับตีนกันตลอด ด้วยความซื่อสัตย์กันอยู่แล้ว บางเวลาผมไม่ได้เกี่ยวข้องเลย ตำหนิผมต่อหน้า

“เช่น กรณีเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.สมัยคุณพงศพัศ แข่งกับหม่อมสุขุมพันธุ์ พรรคเพื่อไทยไม่ต้องการให้ผมไปช่วยอะไร ผมก็อยู่เฉยๆ ก็นั่งจัดรายการอยู่ที่สถานีโทรทัศน์ สุเทพ เทือกสุบรรณ ก็เห็น นายกฯ ทักษิณ บอกจะตั้งเป็นรัฐมนตรีแล้วไม่ตั้ง สุเทพก็โยนใส่เลยว่าจะมาเป็๋นรองผู้ว่าฯ ผมก็ประกาศในรายการว่าผมไม่ใช่คนบ้า พอเขาไม่ตั้งเป็นรัฐมนตรีก็จะมาเป็นรองผู้ว่าฯ สักพักผมก็คงจะเป็นไป อบต.แน่นอน ถ้าคิดเรื่องบ้าตำแหน่ง จะต้องได้ตำแหน่งอย่างนั้น แต่กระแสนี้มันไปไกลมาก สุเทพไปปราศรัยที่เซ็นทรัลเวิลด์ เรื่องเผาบ้านเผาเมือง และบอกว่าถ้าพงศพัศชนะ จะตั้งจตุพรเป็นรองผู้ว่าฯ ผมก็นั่งจัดรายการ ก็บอกว่าผมไม่็ป้น ผมไม่ใช่คนบ้า แต่ว่าคนก็ได้ยินเฉพาะคนที่ดูรายการโทรทัศน์ วันหนึ่งเขาประศัรยเป้นครั้งสุดท้ายที่สวนลุมพินี ผมก็หน้าด้านจะไปพูดบนเวที่เพื่อที่จะบอกว่ากูไม่เป็น อย่าเอากูไปเกี่ยว กูไม่ได้อะไรทั้งนั้น พอไปถึงเวลามีอาการเหมือนกับว่าตกใจ กลัวว่าผมจะขอขึ้นเวทีปราศรัย ทั้งที่ผมแค่ต้องการไปบอกว่าที่สุเทพ เทือกสุบรรณพูดว่าจะตั้งผมเป็นรองผู้ว่าฯ ผมไม่เอา และไม่คิดจะเป็น และไม่เกี่ยวอะไรกับผม แต่พอแสดงอาการท่าทีรังเกียจผมก็กลับ ผมกลับเสร็จ ผลเลือกตั้งก็แพ้ แล้วก็เรียงเหตุผล 1-2-3 เหตุผลหนึ่งในนั้นที่แพ้นี่ แพ้เพราะจะตั้งจตุพรเป็นรองผู้ว่าฯ พอผมไปเจอนายกฯ ทักษิณ ก็ชี้ว่า นี่แพ้เพราะเรื่องจตุพร ผมก็มานั่งคิดว่า ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยไม่เคยเรียกผมไปช่วยเลย แล้วแสดงท่าทีรังเกียจด้วยซ้ำ แต่พอแพ้ ก็มาบอกแพ้เพราะผม เหมือนถูกดูแคลน ไม่ให้ค่า”


นายจตุพร กล่าวอีกว่า แต่ถึงกระนั้นก็ยังทนอยู่ สีทนได้ ก็อยู่ด้วยกันมายาวนาน อะไรก็ได้ลงบนหัวแล้วลงบนหัวอีก วันไหนอยากจะใช้ก็เรียกมา วันไหนไม่ใช้ก็ผลักไส วันไหนอยากนินทาว่ากล่าวก็นินทา จนกระทั่งครั้งล่าสุด นี่สายป่านสุดท้ายเลย ตนยังมีแผลใจเรื่อง อบจ.เชียงใหม่อยู่แล้ว ปี 62 ก็มาหลอกให้ไปช่วยพรรคการเมือง ตนสังหรณ์อยู่ในคุกมันต้องโดนอะไรแน่ๆ เพราะเราติดคุก 1 ปีกับ 2 เดือน คนของนายทักษิณก็ไปเจรจา ตนก็กันเหนียวบอกให้นายทักษิณต้องการันตีไม่เช่นนั้นตนไม่กล้า ออกมาก็การันตีเลย แล้วก็แยกอีกซีกหนึ่งไปตั้งพรรคไทยรักษาชาติ หลังจากนั้นบรรดาเพื่อนๆ ของผมทั้งหลายก็แยกทางตั้งแต่วันนั้น จนกระทั่งกลับมาที่เดิมไม่ได้อีกเลย ต่างคนเมื่อถูกหลอกกันแล้วมันไปไกลกัน กลับมายืนที่เดิมไม่ได้กันอีกเลย ตนก็เป้นคนพรรค์อย่างนี้ เมื่อเขาหลอกแล้ว หลอกแยกกันมานานแล้ว จนกระทั่งเขาทำสำเร็จก็ให้สำเร็จตลอด

“วันนี้ ผมถึงบอกว่า เราอยู่ท่ามกลางความเจ็บปวดอยู่แล้ว ถ้าไม่มาดูแคลนผมก่อน นายกฯ ทักษิณไม่รู้ว่าผม ถ้าผมเป็นคนสอพลอ ผมต้องไปคะยั้นคะยอ ต้องไปหา ผมไม่ใช่คนอย่างนั้นเลย และขณะเดียวท่านก็ต้องรู้เหมือนกันว่า ผมนี่ถ้าไม่จัดรายการ ไม่ปราศรัย ไม่อภิปราย ผมจะเป็นผู้ฟังที่ดี และก็บอกมาเลย อะไรง่ายๆ หมด ไม่มีพิธีรีตอง ไม่ถือยศถืออย่าง อะไรสบายๆ กันมาตลอดชีวิต ทนได้ก็ทนไป แต่ดดยส่วนใหญ่ใช้ความอดทน

ฟางเส้นสุดท้าย หมดความอดทน 30 ปี หักหลังกันตลอดทาง

“แต่นี่ไง เหมือนฟ้างเส้นเดียวทำให้หลังลาหัก ก็คือลามันบรรทุกเต็มแล้ว ผมนี่เต็มแล้ว แต่พอวางฟางอีกเส้นเดียวหลังลาหัก เพื่อจะตอบคำถามว่า ไปรับงานใครมา แล้วที่นายกฯ ทักษิณไปพูดที่ฮ่องกง ท่านประกาศเอง ท่านไปรับงานใครมา ที่มาดูแคลนผม ในหลักการเดียวกัน ถ้าท่านไม่มาดูแคลน เขาก็จะนั่งวิพากษ์วิจารณื 3 ป.แล้วก็หาทางออกให้ประชาชน ถ้าไม่มีเรื่องนี้ก็ไม่ได้บอกแบบนี้เลย

“แต่เพราะท่านไม่เข้าใจว่า มนุษย์ที่มันยอมตาย แลกชีวิตกันได้ มันมีเรื่องศักดิ์ศรีของมันอยู่นะ เหยียบย่ำกันหลายครั้งจนได้ใจไง วันหนึ่งก็เหยียบหน้า เหยียบหน้าทุกวัน ก็ไม่เข้าใจว่าวันหนึ่งมันจะทนไม่ได้เอานะ แล้วนี่ผมเต็มพอดีเลย แล้วพอมาเหยียบหน้าอีกที ถุยน้ำลายใส่ จบเลย

“ถือว่าความอดทนมันถึงที่สุด ทั้งที่ผมก็โดนเหยียบย่ำ อยุติธรรมกับผมมานานอยู่แล้ว ไม่เป็นธรรมกับผมมานานอยู่แล้ว และที่สำคัญที่สุด คือไม่ยุติธรรมกับประชาชนมานานแล้ว แต่เราก็กล้ำกลืน แล้วใครมันจะทนได้ 30 ปี หักหลังกันตลอดทาง แต่เราก็ทนกันมาไง จนกระทั่งวันนี้มาบอกว่าถูกเห่ามา 16 ปี ก็ภายในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมก็ไปร่วมเวทีท่านมา อย่างที่ผมบอกว่าท่านกับผมร่วมกันเห่ามาเกือบ 30 ปีแล้ว มันเจ็บปวด

“แล้วท่านก็ใช้วิธีแบบนี้ไง เราอยู่ดีๆ ไปกล่าวหา ถ้าเราย้ายขั้วสลับข้าง และประพฤติตนเฉกเช่นนั้น การคุยกับคนเห็นต่าง การคุยกับคนในรัฐบาลที่รู้จักกัน ท่านคุยกับคนประเภทอย่างนี้มากกว่าผมเยอะแยะนะ ท่านนายกฯ ทักษิณ คือในแวดวงทางการเมืองมันก้รู้กันทั้งนั้น แต่สำคัญคือจุดยืนทางการเมือง จุดยืนเรื่องความเป็นมนุษย์

“ที่ท่านพูดเรื่องความเป็นมนุษย์ ปัญหาว่าท่านได้ใช้ความเป็นมนุษย์บ้างแล้วหรือยัง เพราะอย่างที่บอกว่าพี่น้องเสื้อแดงคือชาวไร่ชาวนาชาวสวน คนที่ตำ่สุดในประเทศนี้อยู่แล้ว เขามาเพื่อวาดหวังสิ่งที่ดีกว่า เอาชีวิตไปแลก ทุกคนก็ยังรัก ท่านจะผิดคำพูดยังไงทุกคนก็ยังรัก และทุกคนก็ไม่สบายใจที่ผมพูดอย่างนี้ ผมก็ไม่สบายใจ แต่ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะท่านนายกฯ ทักษิณไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองเลย และถ้าไม่เหยียบย่ำผมก่อน ผมก็กลืนเลือดอยู่อย่างนี้ และพยายามอธิบายหาทางออก

“แต่ว่าเมื่อมันหักสะบั้นลง ทุกคนก็รู้ว่า ผมไม่มีวันจะไปทำอะไรใครก่อน หรือจะไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรใครก่อน โดยเฉพาะหมู่มิตร หลุดจากผมนี่ยาก แต่ว่าเรื่องนี้มันเหมือนหนามตำใจมานาน พอฟาดอีกที เลือดที่มันอยู่ที่คอก็สำลักออกมาทันที” นายจตุพร กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น