xs
xsm
sm
md
lg

ฝีมือสหรัฐฯ! อดีต รมว.ต่างประเทศโว อเมริกาช่วยโลกรอดพ้นสงครามนิวเคลียร์ปี 2019

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ไมค์ พอมเพโอ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เขียนลงในหนังสือที่เผยแพร่ในวันอังคาร (24 ม.ค.) อินเดียกับปากีสถานเฉียดใกล้สงครามนิวเคลียร์ในปี 2019 และได้อเมริกาเข้าแทรกแซงขัดขวางไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย

"ผมคิดว่าโลกคงไม่รู้ว่าเฉียดใกล้แค่ไหนที่ความเป็นปรปักษ์ระหว่างอินเดียกับปากีสถาน ส่อลุกลามบานปลายกลายเป็นการทำลายล้างด้วยนิวเคลียร์ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2019" ว่าที่ผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในอนาคต เขียนในหนังสือ "Never Give an Inch," ซึ่งเป็นเรื่องราวความทรงจำของเขาครั้งที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และผู้อำนวยการซีไอเอก่อนหน้านั้น

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 อินเดียเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศภายในดินแดนปากีสถานอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลังกล่าวโทษนักรบกลุ่มหนึ่งซึ่งกบดานในบริเวณดังกล่าว อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดสังหารกองกำลังกึ่งทหารของอินเดีย 41 นาย ในแคว้นแคชเมียร์ ปากีสถานจัดการสอยร่วงเครื่องบินรบลำหนึ่งของอินเดียและควบคุมตัวนักบินเอาไว้

พอมเพโอ เล่าว่าตัวเขาเองซึ่งเวลานั้นอยู่ในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ร่วมประชุมซัมมิตระหว่างทรัมป์ กับคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อมีโทรศัพท์สายด่วนสายหนึ่งมาจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอินเดีย

"เขาเชื่อว่าปากีสถานเริ่มตระเตรียมนิวเคลียร์ของตนเองเพื่อการโจมตีแล้ว อินเดียบอกกับผมว่า มันทำให้พวกเขาครุ่นคิดขยายขอบเขตการทำสงครามของตนเองเช่นกัน" พอมเพโอเขียน "ผมขอให้เขาอย่าเพิ่งทำอะไร และขอเวลาเรา 1 นาที ในการทำให้สิ่งต่างๆ กระจ่างชัดเสียก่อน"

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ณ ขณะนั้น เผยด้วยว่าบรรดาผู้แทนทูตของอเมริกาได้ช่วยกันโน้มน้าวไม่ให้อินเดียและปากีสถานเตรียมการเข้าสู่สงครามนิวเคลียร์ "ไม่มีประเทศไหนที่สามารถทำในสิ่งที่เราทำในคืนนั้น ในการหลีกเลี่ยงผลลัพธ์อันน่าสยดสยอง" พอมเพโอเขียนในหนังสือ

ในความเป็นไปได้ที่ปากีสถานอาจลงมือโจมตีแคชเมียร์ พอมโพโอเผยว่า เขาได้พูดคุยกับ "ผู้นำตัวจริงของปากีสถาน" ซึ่งก็คือ พล.อ.กามาร์ จาเวด บาจวา ผู้บัญชาการกองทัพ ณ ขณะนั้น กล่าวอ้างเป็นนัยถึงความอ่อนแอของรัฐบาลพลเรือน

อินเดียทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในปี 1998 จากนั้นก็ตามด้วยปากีสถาน นับเป็นช่วงเวลาล่อแหลมที่ บิล คลินตัน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ ขณะนั้นถึงขั้นพูดว่า แคชเมียร์ซึ่งกั้นระหว่าง 2 ชาติเป็น "พื้นที่ที่อันตรายที่สุดในโลก"

พอมเพโอ ยังเขียนเล่ายืดยาวในหนังสือเล่มนี้ เกี่ยวกับเรื่องราวด้านการทูตของเขากับคิม จองอึน ในนั้นรวมถึงการเตรียมการประชุมซัมมิต 3 รอบระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือกับประธานาธิบดีทรัมป์

เขาเล่าย้อนถึงการสนทนากันครั้งแรกกับ คิม ที่เต็มไปด้วยความเย็นชา ครั้งที่เขาบินไปยังเปียงยางอย่างลับๆ ในเดือนมีนาคม 2018 ในฐานะผู้อำนวยการซีไอเอ "ผมไม่คิดว่าคุณจะกล้ามา ผมรู้ว่าคุณพยายามฆ่าผม" พอมเพโออ้างคำกล่าวของ คิม ที่พูดกับเขา

พอมเพโอ เล่าต่อว่า "ผมตัดสินใจพูดติดตลกย้อนกลับไป ผมบอกว่า ท่านประธานาธิบดี ผมยังพยายามฆ่าคุณอยู่"

ทั้งนี้ พอมเพโอ มีชื่อเสียงในฐานะจุดยืนสายเหยี่ยวของเขาในเรื่องเกี่ยวกับจีน โดยเคยกล่าวหาอันเป็นที่ถกเถียงว่า ปักกิ่งเป็นผู้กระจายไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เขาเรียกว่า "ไวรัสอู่ฮั่น'

เขาเล่าว่า ประธานาธิบดีทรัมป์บอกกับเขาว่า คำนิยามดังกล่าวทำให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง "เกลียดคุณ" และทรัมป์ ขอให้เขาหุบปากสักพัก เนื่องจากสหรัฐฯ ต้องการเครื่องไม่เครื่องมือด้านการแพทย์จากจีน

พอมเพโอ ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะลงสมัครแข่งกับ ทรัมป์ สำหรับเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 แม้ผลสำรวจคะแนนนิยมในเบื้องต้น บ่งชี้ว่าเขาได้รับเสียงสนับสนุนเพียงน้อยนิด

(ที่มา : เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น