วันที่ 20 ม.ค.66 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้เป็น
- ตรุษจีนปีกระต่าย นักท่องเที่ยวจีนหวนคืนประเทศไทย ความหวังฟื้นเศรษฐกิจปี 2566
- "3ป." รัก Forever สู่ร้าว Forever "บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม" ทางใครทางมัน
- เบื้องลึกรวบ “ดาริล ยัง” Forex-3D เพราะแฟนสาวอยากอวด
- วัยรุ่นพันล้าน อวดรวยจาก “เงินคริปโต” แท้จริงแล้วคือ “เงินฟอก”
- “บิทคับ” ตีมึน ไม่ยอมส่งงบการเงินปี 64
- จับโกหก “นอท กองสลากพลัส” ยิ่งชี้แจง ยิ่งมัดตัว และสายสัมพันธ์กับลูกชายตำรวจไซเบอร์
- เจาะรังตำรวจไซเบอร์ ขุมเงินขุมทองวงการตำรวจ
ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.173
คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 173 [20 ม.ค. 65] : ถึงเวลาต้องคลายนอท ถล่มรังตำรวจไซเบอร์
ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK
สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2566 สวัสดีแฟนรายการทุกท่านที่รับชมสดทางหลายๆ ช่องทาง มีทั้ง Sondhi App, facebook, YouTube และ TikTok อีกไม่กี่วันนี้ก็จะเป็นตรุษจีน ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ หรือภาษาจีนกลางว่า ซินเนียนไคว่เล่อ วันศุกร์นี้ ก็คือวันนี้ เป็นวันจ่าย ต้องไปซื้อข้าวของเตรียมตัวไหว้ วันเสาร์ คือวันมะรืน จะเป็นวันไหว้บรรพบุรุษและเทพเจ้า และเป็นวันส่งท้ายปีเก่าตามปฏิทิน ส่วนวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม คือวันตรุษจีน หรือ วันเที่ยว คือเป็นวันที่ผู้คนจะออกเยี่ยมเยียนญาติมิตร และรับเงินขวัญถุง หรืออั่งเปา
ท่านผู้ชมครับ หลังจากที่เราเริ่มขายโอเลี้ยงโบราณสูตรของผมเอง ปรากฏว่าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีคนสนใจเข้ามาซื้อกันเยอะ ที่ร้าน SUN PAN จนของมีไม่พอ แต่เสาร์-อาทิตย์นี้ ไม่ต้องห่วง เพราะเราเตรียมของไว้เรียบร้อยแล้ว ใครที่อยากกินก็เข้าไปที่บ้าน SUN PAN ถนนวิภาวดีฯ ในปั๊ม ปตท. ตรงกันข้ามกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้เลย ของมีเพียงพอแน่นอน หรือจะซื้อที่ร้าน "พอดีช้อป" ก็ได้ ใครไม่สะดวก จะสั่งผ่านช่องทางออนไลน์ก็ได้ ถ้าอยากลองรสชาติโอเลี้ยงแท้ๆ ที่หอมมัน ขมนำ หวานตาม ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ก็รีบไปหาซื้อกันได้เลย
ส่วนคนที่ซื้อไปรับประทาน สามารถตั้งไว้ข้างนอก อุณหภูมิห้องปกติ อยู่ได้ประมาณ 3 วัน แต่ถ้าเก็บในตู้เย็นเก็บได้ 3-4 อาทิตย์
สินค้าอีกชิ้นหนึ่งคือ หมูแท่งกรอบ ที่ร้าน SUN PAN ขายดีมากๆ กลายเป็นสินค้าขายดีติดอันดับของร้าน ปรากฏว่าตรวจสอบแล้ว ลูกค้าซื้อไปแจกจ่าย รับประทาน ให้ผู้หลักผู้ใหญ่ ถ้าใครสนใจซื้อไปได้ นอกจากนี้ ยังมีสินค้าใหม่ คือ ปลาแท่งอบกรอบ ไม่แพ้หมูแท่งเช่นกัน
และที่สำคัญ ตรุษจีนแล้ว "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ของขวัญช่วงปีใหม่-ตรุษจีน ที่ดีที่สุดสำหรับคนที่คุณรัก ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา ผู้สูงกายุ เพราะนี่เป็นการมอบสุขภาพที่ดี เป็นยาอายุวัฒนะ
ตอนนี้ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ยังอยู่ในช่วงโปรโมชันปีใหม่-ตรุษจีน จนถึง 31 มกราคม 2566 คือซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" 6 กล่องขึ้นไป จะได้เหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" 1 เหรียญ พร้อมหนังสือบูชาครู 1 เล่ม ถ้าซื้อ 9 กล่อง ได้เหรียญที่ระลึกฯ 1 เหรียญ พร้อมหนังสือบูชาครู 1 เล่ม แล้วยังแถมยาลมฯ ให้ฟรีอีก 1 กล่องด้วย แถมจนกว่าของจะหมด ใครมาก่อน ได้ก่อน ถ้าท่านผู้ชมสนใจ ติดต่อสั่งซื้อ แอดไลน์ @sunherb หรือ inbox ที่เพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"
ท่านผู้ชมครับ ช่วงนี้คนไม่ได้พูดถึงเรื่องโควิดนัก แต่ที่ผมรู้ หลายๆ ท่านติด แต่หลายๆ ท่านก็พก ฟทจ. ฟ้าทะลายโจรไว้รับประทาน 99.99% หายขาด ผมอยากให้ท่านผู้ชมซื้อฟ้าทะลายโจรเก็บเอาไว้ที่บ้าน ผมจะแนะนำฟ้าทะลายโจรของอาจารย์ปานเทพ เพราะว่าเป็นของพรีเมียม ระดับพรีเมียมจริงๆ เพราะว่าทำจากใบ ยาฟ้าทะลายโจรส่วนใหญ่ใช้ทั้งต้นทำ แต่ของอาจารย์ปานเทพ เอาเฉพาะใบ เพราะมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด แน่นอนที่สุด แพงกว่ายาฟ้าทะลายโจรทั่วๆ ไปในตลาด แต่ว่าคุ้มค่ามาก ท่านเป็นแล้วท่านกินจะเห็นผลทันตา อย่าลืมนะครับ นอกจาก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ให้ญาติพี่น้อง พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา ที่เรารัก เป็นยาอายุวัฒนะแล้ว ต้องมีฟ้าทะลายโจรของอาจารย์ปานเทพ เก็บเอาไว้ที่บ้าน 4-5 กล่อง เก็บเอาไว้ไม่เสียหาย
ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้จะมีประเด็นต่อเนื่องจากสัปดาห์ทีแล้ว สัปดาห์ที่แล้วผมพูดเรื่อง "ถึงเวลาต้องคลายนอท" ได้รับความสนใจจากท่านผู้ชมเป็นจำนวนมาก ยอดดูที่ดูทั้งสองชั่วโมงครึ่ง และดูคลิปสั้น รวมเบ็ดเสร็จแล้ว 6 ล้านกว่าคน อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้มีเรื่องสำคัญอื่นๆ ที่เกิดขึ้น ผมจำเป็นต้องพูดด้วย เรื่องแรกที่ผมจะพูดก็คือ "ตรุษจีนปีกระต่าย เมื่อนักท่องเที่ยวจีนหวนคืนประเทศไทย" ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจปี 2566
เรื่องที่สอง ผมเอาสัจธรรมการเมือง "สัมพันธ์ 3 ป. จากรักชั่วนิจนิรันดร์ กลายเป็น ร้าวชั่วนิจนิรันดร์" หรือ "รัก FOREVER สู่ ร้าว FOREVER"
เรื่องที่สาม กรณีการจับกุม นายดาริล ยัง หนึ่งในผู้ต้องหาคนสำคัญกรณีแชร์ลูกโซ่ FOREX 3D ซึ่งปัจจุบันเป็นสามีของคุณซาร่า คาซิงกินี นางแบบลูกครึ่งไทย-อิตาลี หลักๆ แล้วผมเอามาเปิดให้ฟังว่า ดาริล ยัง เก็บเงินของ FOREX 3D ของอภิรักษ์ โกฎธิ เอาไว้ประมาณ 500 ล้านบาท แล้วเอาเงินนั้นไปซื้อคริปโทเคอร์เรนซีแช่ทิ้งเอาไว้ กะว่าพอออกจากคุกเมื่อไร อภิรักษ์ ก็จะมียอดเงินประมาณรวมเป็นพันกว่าล้าน ถึงสองพันล้าน 3-4 เท่า
เรื่องที่สี่ ผมฟันธงพวกที่มาของความรวยจากเงินคริปโทฯ ทุกคนพอโดนจับได้ หรือโดนเพ่งเล็ง ก็จะบอกว่าเงินทองมาจากคริปโทฯ แต่ผมจะฟันธงได้เลยครับ มันก็คือการฟอกเงินนั่นเอง แล้วมาโยงไปจนถึงบิทคับ (bitkub) บล็อกเชน ของคุณท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ซึ่งตีมึน ท่านผู้ชมเชื่อไหม ปีครึ่งแล้ว ไม่ยอมส่งงบการเงินปี 2564
เรื่องที่ห้า ก็คือ ผมพูดถึงคุณนอท ยิ่งแก้แห ยิ่งชี้แจงเท่าไร ยิ่งมัดตัว แล้วอาทิตย์นี้ผมกำลังจับโกหก นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ผู้บริหาร "กองสลากพลัส" กับหลักฐานการร่วมกันสมคบฟอกเงินกับขบวนการอาชญากร
และสุดท้าย ก็คงจะต้องขอจบด้วย ผมขอพูดถึง "ตำรวจกองบัญชาการไซเบอร์" สักนิด จะได้รู้เนื้อแท้ที่แท้จริงของตำรวจไซเบอร์ในยุค 2566 ว่าจริงๆ แล้วพวกคุณทำอะไรกันอยู่
ท่านผู้ชมครับ "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ซินเหนียนไคว่เล่อ" เริ่มแล้ว วันศุกร์ ก็คือวันนี้ (20 ม.ค.) วันจ่าย ทุกคนออกไปซื้อของ ทำอาหารของไหว้ วันพรุ่งนี้ (21 ม.ค.) เป็นวันไหว้บรรพบุรุษ เทพเจ้า และเป็นวันส่งท้ายปีเก่าตามปฏิทินจีน ส่วนวันอาทิตย์ 22 มกราคม คือวันเที่ยว รับเงินขวัญถุง อั่งเปา คนโน้นคนนี้ เด็กๆ จะมีความสุขมาก
ตรุษจีนปีนี้คึกคักมากที่สุดในรอบสามปี เพราะว่าชาวจีนสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาที่ประเทศจีน ออกไปยังต่างประเทศได้โดยไม่มีข้อจำกัด รัฐบาลจีนเปิดประเทศ อนุญาตให้พลเมืองจีนเดินทางออกนอกประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม และผู้ที่เดินทางเข้าประเทศจีนก็ไม่ต้องกักตัวเช่นกัน นี่คือการยกเลิกมาตรการ "โควิดเป็นศูนย์" (Zero-COVID) ที่ทางการจีนใช้อย่างเข้มงวดมานานสามปีหลังการระบาดโควิด-19
หลายประเทศหวังการพลิกฟื้นเศรษฐกิจจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่บางประเทศยังหวาดระแวงว่าโรคระบาดระลอกใหม่จะมาพร้อมกับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นประเทศที่อยู่ในเครือข่ายของทางตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย อเมริกา แคนาดา อิตาลี อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ตั้งเงื่อนไขให้ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศจีน ไม่ว่าจะมีสัญชาติใด ต้องแสดงผลการตรวจ PCR ก่อนเดินทาง 48 ชั่วโมง เมื่อเดินทางถึงแล้วก็ยังต้องตรวจหาเชื้อที่สนามบินอีกครั้ง หากพบว่าติดเชื้อโควิด ต้องกักตัว 5-7 วัน ส่วนประเทศโมร็อกโก มาแหวกแนว ห้ามนักเดินทางจากประเทศเข้าประเทศอย่างสิ้นเชิง
ประเทศไทย ช่วงแรกก็มีดรามาเรียกร้องให้ระวังนักท่องเที่ยวจีนจะนำเชื้อโควิดเข้ามา จะทำให้เกิดการระบาดในประเทศอีกครั้ง แต่ว่าประเทศไทยไม่ได้ตั้งข้อจำกัดใดๆ กับนักท่องเที่ยวจีน โดยระบุว่า ใช้มาตรฐานเดียวกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทุกประเทศเข้าประเทศไทย ที่ไม่มีการตรวจอะไรทั้งสิ้น คือเราไม่เลือกปฏิบัติ
ท่านผู้ชมสังเกตไหมครับ จนถึงตอนนี้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วนับหมื่นคน แต่ยังไม่มีการระบาดของโควิดระลอกใหม่ในประเทศไทย นี่แสดงว่าการที่เราไม่ตั้งเงื่อนไขกับนักท่องเที่ยวจีนนั้น เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ความสัมพันธ์ประเทศไทย กับ ประเทศจีน เริ่มดีขึ้นอย่างมากมาย จีนชื่นชมที่ไทยต้อนรับอบอุ่น ขนาดที่เอานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตีรว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปร่วมต้อนรับนักเดินทางจากประเทศจีนเที่ยวบินแรก ในวันที่ 9 มกราคม ท่านผู้ชมครับ คลิปการต้อนรับนั้นกลายเป็นไวรัลไปทั่วประเทศจีน ชาวจีนต่างชื่นชมการต้อนรับของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทย เมื่อเปรียบเทียบกับมาตรการของประเทศอื่น
สถานีโทรทัศน์ CGTN ของทางการจีน ระบุว่า ประเทศไทยสามารถปรับเปลี่ยนมาตรการให้เหมาะสมตามสถานการณ์ โดยที่ข้อเท็จจริงแล้ว นักท่องเที่ยวจีนทุกคนเขาต้องมีผลการตรวจ PCR ก่อนขึ้นเครื่องบินอยู่แล้ว ซึ่งเป็นมาตรการของสายการบินเอง เพราะฉะนั้นการตรวจเชื้ออีกครั้งที่สนามบินปลายทางไม่มีความจำเป็น จีนเขาบอกว่า ข้องใจที่บางประเทศใช้มาตรการเฉพาะเจาะจงกับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศจีน ซึ่งจีนถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ จีนนี่ไม่ได้เลยนะท่านผู้ชม ถ้ามีอะไรแล้วไปเลือกปฏิบัติ แล้วกระทบกระเทือนเขา เขาสู้กลับเลยนะ และนี่คือที่มาที่เขายกเลิกวีซ่าเข้าประเทศของเกาหลี และ ญี่ปุ่น
ตอนนี้ข่าวออกมาเรียบร้อยแล้วว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในปลายทางยอดนิยม เพราะชาวจีนระแวดระวังในการเดินทางมากขึ้น ทุกคนคำนึงถึงสุขภาพและการรักษาพยาบาล หากเจ็บป่วยระหว่างท่องเที่ยว คนจีนก็เลยเลือกเที่ยวประเทศที่เดินทางไม่ไกลนัก มีระบบการรักษาที่ดี เช่น ประเทศไทย ที่สำคัญชาวจีนหลายคนบอกว่า จะเลือกไปยังประเทศที่ไม่มีการกีดกันนักท่องเที่ยวจีน
นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า ประเทศที่เป็นมิตรอย่างประเทศจีน สิงคโปร์ กัมพูชา อินโดนีเซีย มัลดีฟส์ ต้อนรับชาวจีนอย่างอบอุ่น ในขณะที่ประเทศเพียงหยิบมือหนึ่ง ใช้มาตรการกีดกันชาวจีน จีนก็เลยใช้มาตรการที่เท่าเทียมกันกับประเทศที่เลือกปฏิบัติกับนักท่องเที่ยวจีน ประเทศที่เป็นมิตรจะได้รับการตอบแทนจากทางการจีน โดยฝ่ายจีนจะอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปประเทศเหล่านี้ เขาเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างจีนและประเทศเหล่านี้ และพร้อมระบุว่า จีนพร้อมจะตักเตือนนักท่องเที่ยวของตนให้ดูแลและเฝ้าระวังสุขภาพก่อนเดินทาง
ท่านผู้ชมรู้ไหมครับว่าตอนนี้มีเที่ยวบินจากไทยไปเมืองต่างๆ ของจีน 15 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ต้องถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับปี 2562 เรามีเที่ยวบิน 400 กว่าเที่ยวบินต่อสัปดาห์ หรือถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว ทุกวันนี้เรายังมีเที่ยวบินน้อยกว่า 5% เสียด้วยซ้ำ แต่เผอิญตอนนี้มีการขอเพิ่มเที่ยวบินเยอะแยะไปหมดเลย ล่าสุดจีนอนุญาตให้เปิดเที่ยวบินตรงระหว่างปักกิ่ง-กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกในรอบสามปี โดยในช่วงที่จีนใช้มาตรการ "โควิดเป็นศูนย์" นั้น เพื่อปกป้องเมืองหลวงของจีนจากโรคระบาด เลยทำให้ไม่มีเที่ยวบินตรงจากปักกิ่ง มาประเทศไทยเลย ถ้าเดินทางจากปักกิ่งมาประเทศไทย ต้องเปลี่ยนเครื่องอย่างน้อย 1 ครั้ง ในเมืองจีน ไปเปลี่ยนเครื่องที่เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เซียะเหมิน หรือ ฮ่องกง
เที่ยวบินตรงปักกิ่ง-กรุงเทพฯ ใช้เวลา 5 ชั่วโมง แต่ถ้าไปเปลี่ยนเครื่องต่างๆ ต้องใช้เวลา 10 ชั่วโมง จีนบอกว่าประเทศไหนยินดีต้อนรับพลเมืองชาวจีน จะได้รับการตอบแทนน้ำใจ ส่วนประเทศไหนกีดกัน เลือกปฏิบัติกับชาวจีน จะถูกตอบโต้ด้วยมาตรการที่ทัดเทียมกัน
ท่านผู้ชมครับ ผมจะเล่าเรื่องการเมืองเบื้องหลังข้ออ้างควบคุมโรค การตั้งเงื่อนไข การควบคุมคนเข้าเมือง ไม่ใช่เรื่องของการป้องกันโรคระบาดเท่านั้น แต่ยังมีนัยทางการเมือง บรรดาชาติตะวันตกและพันธมิตรไม่กี่ประเทศ ใช้นโยบายเลือกปฏิบัติกับนักเดินทางจากประเทศจีน ทั้งๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ถ้าจะสกัดกั้นการเดินทางต้องทำทุกประเทศทั่วโลก ไม่เช่นนั้นจะไม่มีความหมายอะไร ประเทศเหล่านี้เคยโวยวายว่า นโยบาย "โควิดเป็นศูนย์" ของจีนเป็นอุปสรรคต่อการค้าการลงทุน สร้างปัญหาให้กับห่วงโซ่อุปทาน และเรียกร้องให้จีนเปิดประเทศ แต่พอจีนเปิดประเทศแล้ว ประเทศเหล่านี้กลับบอกว่ากะทันหันเกินไป ข้อมูลของจีนไม่โปร่งใส ทำให้โควิดแพร่ระบาดอีกครั้ง และตั้งเงื่อนไขกับนักเดินทางจากประเทศจีน นี่คือความย้อนแย้งที่แย่มาก
ท่านผู้ชมครับ ประเทศไทยพึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวถึงร้อยละ 30 ของจีดีพี ในปี 2562 ก่อนการระบาดของโรค มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยกว่า 40 ล้านคน จำวนนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจีน 10 กว่าล้านคนต่อปี ธันวาคม-กุมภาพันธ์ เป็นช่วงพีกสุดของการท่องเที่ยวไทย รายได้การท่องเที่ยวเราเคยได้ปีละ 2 ล้านล้านบาท เพราะว่านักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายสูงที่สุด คิดเป็นร้อยละ 58.65 ของรายได้การท่องเที่ยวรวม ผู้บริหารการท่องเที่ยวของไทยระบุว่า การท่องเที่ยวของไทยไม่สามารถกลับคืนสู่ระดับกลับคืนสู่ระดับก่อนโรคระบาดได้ ถ้านักท่องเที่ยวจีนไม่กลับมาอย่างเต็มที่ ท่านผู้ชมครับ ทุกคนได้ประโยชน์หมด โรงแรม ที่พัก ห้างสรรพสินค้า อาหาร เครื่องดื่ม ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็ได้ประโยชน์จากลูกค้าจีนที่ช่วยเพิ่มกำลังซื้อบ้านและคอนโดมิเนียม
ท่านผู้ชมครับ ถึงเวลาแล้วเราต้องเลิกกลัวโควิด ในด้านการป้องกันโรค แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายคน เช่น ศ. นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า การเข้มงวดการเดินทางเข้าประเทศต้องคำนึงถึงสายพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพันธุ์ที่ประเทศไทยไม่มี และมีแนวโน้มจะมีการระบาดง่าย แต่คุณหมอยง บอกว่า ขณะนี้มีแนวโน้มชี้ว่าเชื้อโควิดในประเทศจีนเป็นสายพันธุ์ที่เคยระบาดแล้วในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และในประเทศไทยก็ได้ระบาดผ่านไปแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์นี้แล้ว ความวิตกกังวลจะน้อยลง
ส่วนนายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ บอกว่า คนไทยไม่ต้องไปตื่นกลัวข่าวที่ว่าอาจมีเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่เกิดขึ้นในจีน แล้วจีนเอาเชื้อมาแพร่กระจายในประเทศไทย ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเลิกกลัวโควิด เราต้องอยู่กับโควิดอย่างมีสติ เตรียมตัวคนไทยเองให้ดี
สุดท้าย ท่านผู้ชมครับ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ซินเหนียนไคว่เล่อ
ท่านผู้ชมครับ วันนี้เรามาพูดถึงเรื่องการเมืองสักนิด คงจะไม่พูดเยอะมากนัก เพราะว่าความเคลื่อนไหวทางการเมืองขณะนี้ยังไม่นิ่ง ไม่ว่าจะเป็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ย้ายกลับเข้าไปอยู่กับพลังประชารัฐ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเตรียมตัวเตรียมใจอย่างหนักแน่นที่จะเดินหน้าต่อสู้เพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป โดยเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมานี้ ผมเคยอธิบายให้ท่านผู้ชมฟังหลายต่อหลายครั้งถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนของพี่น้อง "3 ป." แห่งบูรพาพยัคฆ์ ซึ่งมีพี่ใหญ่ คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่รอง คือ พี่ป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และน้องเล็ก คือ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผมพูดเรื่องนี้ในวันศุกร์ที่ 21 มกราคม 2565 "สองพยัคฆ์หักเหลี่ยมโหด" อีกรายการที่ผมพูดในรายการตอนที่ 102 วันศุกร์ที่ 10 กันยายน 2564 ตอน "3 ป. ไม่มีใครทำลายได้" ถ้าใครยังไม่เคยฟัง กลับไปย้อนฟังได้ มีหลายตอน เพื่อเป็นพื้นฐานในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับ "พี่น้อง 3 ป." ทหารบกที่ถือว่ามีอิทธิพลต่อการเมืองและสังคมไทยมากมายเหลือเกิน ในช่วงระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา
ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ มีความเคลื่อนไหวบางอยางเกี่ยวกับพี่น้อง 3 ป. ที่คิดว่าถ้าไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะความเคลื่อนไหวครั้งนี้ส่งแรงสะเทือนทางการเมืองที่มีนัยสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะต่อการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เรื่องราวมันเป็นอย่างนี้ครับ
เมื่อวันจันทร์ที่ 9 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จัดอีเวนต์ใหญ่ ประกาศตัวเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ การกระทำดังกล่าวเหมือนเป็นการประกาศแยกตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากพี่ใหญ่ป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อย่างเป็นทางการ
ถัดมาอีก 4 วันเท่านั้น วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ออกจดหมายเปิดใจผ่านเพจเฟซบุ๊ก "พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ" มีเนื้อหาแทรกความระหว่างบรรทัด ระบุว่า ถึงแม้จะย้ำความสัมพันธ์พี่น้องอย่างแนบแน่น แต่ความระหว่างบรรทัดบ่งชัดว่าจำเป็นต้องเป็นคู่แข่ง และทั้งคู่ใส่สองเท้าคอนเวิร์สไปแล้ว คือเดินไปทางใครทางมัน
ใจความตอนหนึ่งของจดหมายบอกเอาไว้ว่า "ในช่วงเวลาของการเป็นแกนนำรัฐบาล มีทั้งเรื่องที่ผมเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจใน ครม. แต่จำเป็นต้องสงวนท่าทีตามมารยาททางการเมือง ประกอบกับยังไม่มีอะไรชัดเจนว่ามติในเรื่องใดๆ จะก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นกับบ้านเมือง มาบัดนี้ ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ แสดงจุดยืนทางการเมืองเมื่อวันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 ว่าจะแยกทางจากพรรคพลังประชารัฐที่เคยสนับสนุนขึ้นเป็นนายกฯ เพื่อไปร่วมงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ตรงกับที่สื่อมวลชนไปสืบข่าวมาก่อนหน้านี้ ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นพรรคสำรองให้กับ พล.อ.ประยุทธ์
ผมเคยกล่าวไว้ว่า '3 ป. Forever' มาวันนี้ ผมก็ยังมีความรู้สึกเช่นเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในเมื่อท่านตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ผมก็ไม่สามารถจะบรรยายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้ คงจะบอกได้เพียงว่า ผมขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย ขอให้ประสบความสำเร็จบนเส้นทางการเมืองใหม่ที่ท่านได้ตัดสินใจเลือกแล้ว
สำหรับผม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขอประกาศในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าจะขอรับผิดชอบและจะไม่มีวันทอดทิ้งสมาชิกพรรคทุกคน ที่เคยทำงานการเมืองมาด้วยกัน และพร้อมจะเดินนำทุกคนที่มีความเชื่อมั่นในความตั้งใจอันแน่วแน่ของผม เข้าสู่การเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตยต่อไป เพื่อกลับมาเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลบริหารบ้านเมืองอีกครั้ง"
ท่านผู้ชมครับ แล้ว พล.อ.ประวิตร ก็ประกาศชัดว่า มีเป้าหมายอยู่ที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้ว ทางเดินข้างหน้าของพี่น้อง "2 ป." จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ะต้องเป็นคู่แข่งที่ต่างคนต่างต้องดำเนินการในแนวทางของตัวเองเพื่อไปสู่จุดหมาย
นายวิรัช รัตนเศรษฐ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเวลานี้เป็นแกนนำสำคัญข้างกาย พล.อ.ประวิตร ย้ำด้วยว่า ลุงป้อม เป็นโซ่ห่วงกลางที่สามารถเชื่อมได้กับทุกๆ ฝ่าย
พอเห็นเนื้อหาในจดหมายของ พล.อ.ประวิตร ผมก็ติดตามสถานการณ์ดู ก็มีคนโจมตี พล.อ.ประวิตร ว่าทำผิด Motto ที่ยึดถือมานานในหมู่ทหาร ที่ว่า "ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน" ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมคิดว่าผมคิดอย่างไร ? ส่วนตัวผม ผมเห็นต่างครับ คนที่แดกดัน พล.อ.ประวิตร ว่า ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน นั้น ปีนี้ปี 2566 แล้วนะครับ การพนันออนไลน์เต็มชาติ เต็มบ้านเต็มเมือง การฟอกเงิน ก็ฟอกกันแหลกราญ ฟอกกันโดยคริปโทเคอร์เรนซี ไม่ต้องขนเงินสดไปฝากธนาคารที่ต่างประเทศ ทหารไทยเล่นกอล์ฟแทบจะทุกคน ทหารมีผลประโยชน์ทุกคน นี่มันยุคคริปโทเคอร์เรนซี ทฤษฎีที่คุณบอกว่า "ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน" มันเป็นความเพ้อฝัน ไม่มีจริงหรอกครับ พวกคุณตื่นได้แล้ว มีแต่ผลประโยชน์ทั้งนั้น
ลึกๆ แล้วในเชิงความสัมพันธ์ส่วนตัว ผมเชื่อว่า "3 ป." ยังเคารพกันอยู่ แต่เรื่องผลประโยชน์นั้น ทางใคร-ทางมัน สิ่งที่ พล.อ.ประวิตร ทำนั้นไม่ผิดหรอก เพราะต่างฝ่ายต่างน้อยใจกัน ต่างฝ่ายต่างมีคนรอบตัว คนรอบตัว พล.อ.ประวิตร ก็มีคนที่ พล.อ.ประยุทธ์ เกลียด ไม่ว่าจะเป็นน้องชาย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ หรือ ผู้กองธรรมนัส ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ชัดแล้วว่าจะกลับมาซบพรรคพลังประชารัฐแน่นอน ดูจากอีเวนต์ที่ พล.อ.ประวิตร ขึ้นเหนือไปปราศรัยที่ลำปาง และ พะเยา เมื่อวันจันทร์ที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา ตอนที่ พล.อ.ประวิตร ขึ้นเวทีปราศรัยที่้จังหวัดพะเยา ผู้กองธรรมนัส พร้อมด้วย ส.ส. ในกลุ่ม ได้ถือพวงมาลัยขึ้นไปบนเวที จากนั้นก็คุกเข่า มอบพวงมาลัย และยกมือไหว้ พล.อ.ประวิตร จังหวะนั้น นายวิรัช รัตนเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ถือไมค์เป็นโฆษกบนเวที ก็ประกาศว่า "เวลานี้ลุงป้อมเปรียบเหมือนพ่อ วันนี้ลูกกลับมาบ้าน มาช่วยพาบ้านพลังประชารัฐให้เข้มแข็งและแข็งแกร่ง โดยเฉพาะจังหวัดพะเยา ยกทีม ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกไว้เลยว่า ลูกๆ กลับมาบ้านแล้ว พ่อดีใจมากเลยครับ หุงข้าวไว้รอเลย" โคตรดรามาเลย ท่านผู้ชมว่าไหม
คนหนึ่งกำลังหามือทำงาน ก็คือ พล.อ.ประวิตร อีกคนหนึ่งก็ไม่มีที่ไป ก็คือ ร.อ.ธรรมนัส แค่นี้ก็ชัดแล้วว่าพลังประชารัฐได้รับ ร.อ.ธรรมนัส กับบรรดา ส.ส. กลับเข้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ได้ระหกระเหินไปพรรคโน้นพรรคนี้อยู่เป็นปี
เรากลับมาที่ พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร ในเมื่อทีมงานแต่ละฝ่ายเกลียดกัน "2 ป." ก็เลยต้องใส่คอนเวิร์ส และสุดท้าย พรรคพลังประชารัฐ ของ พล.อ.ประวิตร ก็อาจจะออกมาในแบบที่ ใครก็ตามที่เป็นรัฐบาล ต้องมีกูร่วมด้วย เพราะอย่างน้อยที่สุด ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับว่า เสียงของวุฒิสมาชิกจำนวน 250 เสียง ถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า อย่าคิดว่าแลนด์สไลด์ ได้เก้าอี้ 2,551 เสียง ขึ้นไปแล้วจะสามารถก้าวขึ้นสู่นายกรัฐมนตรีได้ เพราะในความเป็นจริง ถ้าคุณเป็นนายกฯ คุณต้องมีเสียง ส.ส. + ส.ว. ถึง 376 เสียง จากทั้งหมด 750 เสียง มิฉะนั้นคุณจะไม่มีสิทธิ์ แล้วใครจะเป็นคนกุมเสียงของ ส.ว. 250 เสียงอยู่ ?
ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2566 เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้เข้าจับกุม นายดาริล ยัง คนสิงคโปร์ ผู้ต้องหาคดีแชร์ FOREX 3D ซึ่งเป็นสามีของ ซาร่า คาซิงกินี นางแบบลูกครึ่งไทย-อิตาลี วัย 35 ปี เรื่องมันเป็นอย่างไร ?
นายดาริล ยัง เป็นคนสิงคโปร์ อายุ 32 ปี เคยทำงานที่ประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ในคดีพิเศษที่ 273/2565 กรณี FOREX 3D ในความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายกับประชาชน แก๊งเดียวกับนายอภิรักษ์ โกฎธิ ดาราสาว พิงกี้ สาวิกา และครอบครัว
ดาริล ยัง เป็นคนสิงคโปร์ เป็นคนที่ดีเอสไอระบุว่า เป็นคนต่างชาติคนเดียวในกลุ่มผู้ต้องหากลุ่มที่สาม แล้วเขาเกี่ยวอะไรกับ FOREX 3D ?
นายดาริล ยัง หรือ นายยัง คือมือขนเงิน มือฟอกเงินออกนอกประเทศของ FOREX 3D โดยการไซฟ่อนเงินเป็นเงินหลายร้อยล้านบาท จะมีการถอนเงินจากบัญชีทีละ 1.9 ล้านบาท เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของ ปปง. จากธนาคารกสิกรไทย สาขาเซ็นทรัลพระราม 9 แล้วเอาเงินไปเข้าธนาคาร ทีเอ็มบี ในสาขาเซ็นทรัลพระราม 9 ในบัญชีบุคคลธรรมดา หลังจากนั้นก็จะมีการนำเงินทยอยโอนไปให้กับกลุ่มลูกน้อง แล้วจะมีนายดาริล ขนเงินสดบางส่วนที่ถอนออกมา ใส่กระเป๋าเดินทาง ใส่ได้สัก 40-50 ล้านบาท ก็ประมาณสัก 40-50 กิโลกรัม ก็น่าจะเป็นประมาณ 2 ใบ แล้วก็หิ้วไปฝากตามร้านรับแลกเงิน ก็อย่างที่ผมเรียนให้ทราบไงท่านผู้ชม การฟอกเงินนั้น ส่งเงินออกนอก คือการใช้โพยก๊วน และร้านรับแลกเงินตระกูลซูเปอร์ริช ซึ่งก็มีหลายเจ้าอยู่ พวกนี้ก็จะโอนเงินจากซูเปอร์ริช หรือที่มีเจ้าไหนที่ใช้ประจำ จากกรุงเทพฯ ไปสิงคโปร์ คนของนายดาริล ยัง ที่อยู่สิงคโปร์ ก็ไปถอนออกมา ฝากเข้าบัญชีธนาคารที่เปิดรอไว้
นอกจากเก็บเงินในบัญชีแล้ว ในช่วงปี 2562 พอ FOREX 3D เริ่มมีข่าวโด่งดัง นายอภิรักษ์ โกฎธิ ก็เริ่มกังวลว่าจะโดนอายัดบัญชี ก็เลยสั่งให้นายดาริล ยัง เอาเงินที่เก็บไว้ในบัญชีที่สิงคโปร์ ให้เปลี่ยนไปเป็นบิตคอยน์ (Bitcoin) คริปโทเคอร์เรนซี
ท่านผู้ชมครับ น่าสนใจอย่าง ในเดือนกันยายน 2562 ตอนที่นายดาริล ยัง เริ่มที่จะเอาเงินไปซื้อบิตคอยน์ ตอนนั้นบิตคอยน์ตกราคาเหรียญละ 8,200 เหรียญสหรัฐ ต่อมา กันยายน 2565 สามปีให้หลัง ขึ้นไปเป็น 21,313 ดอลลาร์ แปลว่าบิตคอยน์นั้นราคาขึ้นมา 3 เท่า จำนวนเงินที่ซื้อบิตคอยน์ในปี 2562 น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท เมื่อแปลงเป็นมูลค่าปัจจุบัน แปลว่าบิตคอยน์ที่นายยัง เป็นคนมีข้อมูลอยู่ น่าจะมีราคาราวๆ 1,500 ล้านบาท
ท่านผู้ชมครับ บิตคอยน์ 1,500 ล้านบาท ดีเอสไอยังยึดไม่ได้ บิตคอยน์ 1,500 ล้านบาท นั้น ปปง. ไม่มีข้อมูลในการยึด บิตคอยน์ 1,500 ล้านบาท ยังไม่ถูกถอนออกมา บิตคอยน์ 1,500 ล้านบาท ยังอยู่ในมือของนายดาริล ยัง
อภิรักษ์ และ นายยัง พยายามเล่นละครโกหกว่าเงินหมดแล้ว ด้วยความหวังว่าเมื่อออกมาจากคุกก็จะมีบิตคอยน์ที่อีก 20 ปีข้างหน้า จะมีมูลค่าเป็นหมื่นล้านบาท รอให้ใช้อยู่ ทุกวันนี้อภิรักษ์ ก็รอวันนั้น เพราะฉะนั้นแล้ว เขาก็รอโดยที่เขาไม่ได้ยี่หระกับโทษจำคุกของเขา เพราะเขาคิดว่าในที่สุดแล้วเขาก็ต้องถูกปล่อยตัว แล้วถ้านายดาริล ยัง ยังอยู่ ก็จะได้เงินใช้กัน แต่วันนี้นายดาริล ยัง ก็ถูกจับเข้าคุกแล้ว
ท่านผู้ชมครับ มีความเชื่อว่า นายดาริล ยัง ยังมีข้อมูลการถือบิตคอยน์ในระดับพันล้านบาทอยู่ และเป็นคนเดียวในกลุ่มเพื่อนๆ CEO ที่รู้เรื่องนี้ ทำไมล่ะ ? เพราะคนอื่นๆ ไม่รู้ภาษาอังกฤษ นายนี่เป็นคนที่ฟอกเงินไปต่างประเทศได้เก่ง เพราะว่าเป็นคนสิงคโปร์
ทั้งหมดนี้ได้มีรูปของนายดาริล ยัง กับ ซาร่า คาซิงกินี แล้วระบุว่า นายยัง เป็นแฟนใหม่ของซาร่า
อดีตที่ผ่านมา ซาร่า เคยมีข่าวคบหาสมาคมกับดีเจเพชรจ้า วิเชียร กุศลมโนมัย ก่อนที่ในปี 2564 เขาจะเปิดตัวกับคุณเปรม บุษราคัมวงษ์ แต่สุดท้ายก็เลิกรากันไปพร้อมๆ กับที่ซาร่า เป็นข่าวว่ากำลังคบหาดูใจอยู่กับดารานักร้องหนุ่มชื่อดัง ที่ชื่อ ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล แต่ไม่มีความชัดเจนใดๆ
จนกระทั่งปี 2557 นายไมค์ ทำนางแบบสาวลูกครึ่งท้อง รวมทั้งมีแชตที่ถูกปล่อยออกมาว่าลูกในท้องคือลูกของไมค์ ทำให้หนุ่มไมค์ ออกมายืดอกรับว่าทำสาวซาร่า ท้องจริง แต่หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เลิกรากันไป นายไมค์ เคยเป็นลมในงานประกาศรางวัล เพราะปัญหาสุขภาพ แต่เกิดขึ้นหลังจากให้สัมภาษณ์ประเด็นยังไม่เซ็นรับรองบุตร น้องแม็กซ์เวล ทำให้สังคมก่นด่านายไมค์ อยู่เป็นเวลานานถึง 6 ปี แล้วอวยยศสาวซาร่า ว่าเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสุดสตรอง
15 กันยายน 2565 ดีเอสไอออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหา 16 ราย มารับทราบข้อกล่าวหา มีคนดัง คือ ดีเจแมน และ ใบเตย และอีกคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มนี้ ชื่อ ดาริล ยัง
ดีเจแมน และ ใบเตย ตอนนี้เรื่องเงียบไป จากการตรวจสอบของผมพบว่าขณะนี้ดีเอสไอกำลังรอเส้นทางการเงินจากธนาคารอยู่ เมื่อเส้นทางการเงินที่ธนาคารส่งมาให้ปรากฏชัดเจนอย่างไร ดีเอสไอก็จะดำเนินการต่อจากข้อมูลที่ธนาคารส่งมา ถ้าผิดจริง ทั้งดีเจแมน และ ใบเตย ก็จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาทันที
ทั้งนี้ สำหรับนายดาริล ยัง ทนายความส่งจดหมายมา หรือมาพบดีเอสไอ เพื่อขอเลื่อน น่าสนใจว่า นายดาริล ยัง ขอเลื่อนตั้ง 5 ครั้ง ซึ่งสำหรับผมแล้ว นี่คือข้อบกพร่องของดีเอสไอ เพราะว่าออกหมายเรียกไปแล้ว เลื่อนครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 น่าจะจบเพียงแค่นั้น ถ้าไม่มา ต้องออกหมายจับทันที เขาออกหมายเรียกครั้งสุดท้ายก็คือวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ต่อมาเมื่อดีเอสไอประสานไปยัง ตม. ตรวจคนเข้าเมือง พบว่า นายดาริล ยัง หนีออกนอกประเทศไปแล้วตั้งแต่ 25 ตุลาคม 2565 ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง คือถ้าออกหมายจับแล้ว นายดาริล ยัง ก็ไม่สามารถออกนอกประเทศได้ ก็ต้องซุ่มซ่อนอยู่ในประเทศไทย
ที่มาของการถูกรวบตัวในที่สุด มาจากปัญหา คือซาร่า เฮ้าเลี่ยน อยากโชว์ อยากอวด ก็เลยขึ้นสถานภาพว่าแต่งงานแล้ว กับ ดาริล ในเฟซบุ๊กของตัวเอง มีคนเข้าไปชื่นชมยินดีอย่างมาก
11 มกราคม ซาร่า ยังไม่หยุด อาจจะเป็นเพราะว่าอินโนเซนส์ ไม่รู้จริงๆ ว่าผัวตัวเองนั้นถูกหมายจับอยู่ หรือมีปัญหาในเรื่องตกเป็นผู้ต้องหาในเรื่องคดี FOREX 3D ซาร่า ไปออกรายการช่อง ONE "คุยแซ่บโชว์" เพื่อจะอวดต่อโลกว่าตัวเองนั้นได้จดทะเบียนสมรสกับนายดาริล แล้ว ถึงกับบอกว่าไปพบกับครอบครัวของเขาที่สิงคโปร์ ทำพิธียกน้ำชาตามประเพณีจีน และกำลังจะจัดงานแต่งงานที่ประเทศไทย
คดี FOREX 3D นั้น ซาร่า แน่นอน ก็ออกมาปกป้องสามีของตัวเอง บอกว่า เขาพร้อมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้สังคมได้รับรู้ และตอนนี้เขากำลังดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซาร่า บอกว่า FOREX 3D นั้น เกิดขึ้นก่อนที่เธอจะคบกับเขา ถ้าผิดจริงคงไม่กล้าที่จะกลับมาสู้คดี เธอมั่นใจเช่นนั้น
หลังจากนั้นก็ปรากฏว่ามีรูปคู่โชว์ว่าในวันอัดรายการ "คุยแซ่บโชว์" ดาริล ก็ไปให้กำลังใจซาร่า ด้วย ก็เลยเกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไมผู้ต้องหาที่มีหมายจับ ยังลอยนวลเข้า-ออกประเทศ อีกทั้งไปปรากฏตัวตามสื่อ รวมทั้งที่สาธารณะได้ ท่านผู้ชมครับ งานนี้ใครต้องรับผิดชอบ ?
จริงๆ แล้วนี่คือข้อมูลที่ถูกต้อง นายดาริล ยัง ประสานงานว่าจะขอเข้าพบกับดีเอสไอ วันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา เวลา 10.00 น. แต่พอถึงเวลานัดกลับติดต่อไม่ได้ สอบถามไปทางทนายความ ก็บอกว่ายังไม่พร้อมเรื่องการประกันตัว ทันทีที่มีภาพนายดาริล ไปส่งซาร่า ออกรายการ ทะลึ่งไม่เข้าเรี่องนะพวกนี้ คล้ายๆ กับพวกที่อยู่ในวงการพนันออนไลน์ ที่ต้องการจะโชว์รวย โชว์บ้าน โชว์เฟอร์รารี โชว์ลัมโบร์กีนี ซาร่า ก็โชว์ว่าตัวเองมีผัวแล้วนะ ดีเอสไอก็ติดต่อไปยังรายการ "คุยแซ่บโชว์" ผู้ผลิตรายการแจ้งว่า ไม่ทราบมาก่อนเลยว่า ดาริล ยัง มีหมายจับ เขาก็เลยตรวจสอบ ปรากฏว่า นายดาริล ยัง เข้าประเทศไทยตั้งแต่ 19 ธันวาคม 2565 แล้วพักอยู่ที่คอนโดมิเนียมกับซาร่า ซึ่งตอนที่เข้าไทยมา เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองบอกว่า ไม่สามารถจับกุมนายดาริล ได้ เพราะว่าชื่อยังไม่ถูกบันทึกลงในสารบบว่าเป็นคนที่ถูกหมายจับ
ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนี้ครับ ดีเอสไอ ส่งหมายจับไปที่กองทะเบียนประวัติอาชญากรรมตั้งนานแล้ว แต่เกิดการละเลย จะด้วยเจตนาหรือไม่เจตนา ไม่ทราบ ไม่ได้ลงบันทึกเข้าระบบตรวจคนเข้าเมือง เพิ่งจะบันทึกเข้าระบบตรวจคนเข้าเมืองเมื่อมกราคม 2566 เป็นเวลาเป็นเดือนๆ
ล่าสุด นายดาริล ถูกจับตัวแล้วตามหมายจับศาลอาญา ในขณะที่กำลังจะขึ้นเครื่องบินสกู๊ตแอร์ จากภูเก็ต เพื่อบินกลับไปยังสิงคโปร์ เที่ยวบินที่ TR 659
ในส่วนข้อมูลคุณซาร่า ผมทราบข้อมูลเบื้องลึกมาว่า ดีเอสไอยืนยันว่าอาจจะติดร่างแหด้วยการตกเป็นผู้ต้องหา ในกรณีให้ที่พักพิงผู้ต้องหาที่มีหมายจับ เพราะการขับรถ ช่วยเหลืออำนวยความสะดวก โดยไม่พามามอบตัว ต้องถือว่ามีความผิด ซึ่งผมคิดว่านี่คือวิบากกรรม เธอมีลูกตั้ง 2 คน จากสามี 2 คน แล้วสามีคนที่เธอต้องการจะพึ่งพาอาศัยจริงๆ ในขณะนี้ กลับเป็นคนที่ต้องถูกหมายจับ และผมเข้าใจว่าดีเอสไอก็คงจะยื่นเรื่องขอคัดค้านการประกันตัว ค่อนข้างจะแน่นอนว่า นายดาริล ยัง จะต้องติดคุกอยู่ในระหว่างที่ถูกดำเนินคดี แล้วข่าวก็ออกว่า ซาร่า ได้ไปเยี่ยมนายดาริล ยัง ที่ดีเอสไอ เอาอาหารไปให้ โดยไม่ทราบว่าเธอรู้หรือเปล่า สาเหตุหลักที่ผัวเธอถูกจับนั้นก็เพราะว่าเธอซ่า ต้องการโชว์ว่าเธอมีผัวเป็นตัวตนแล้วนะ แล้วก็ให้สัมภาษณ์ที่ช่อง ONE ช่อง 31 แล้ว ดาริล ยัง ก็ทะลึ่งไปโผล่ที่นั่น สรุปในที่สุดแล้ว นี่คืออีกหนึ่งรายการซึ่งน่าจะปิดฉากของ FOREX 3D ได้แล้ว ติดขัดอยู่เรื่องเดียว คือเรื่อง ดีเจแมน กับ ใบเตย ว่าตกลงจะโดนแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ ซึ่งในขณะนี้ทั้งสองคนก็มีชีวิตอยู่บนเวลาที่ถูกยืมมา เวลาที่ยืมมานั้นจะสิ้นสุดเมื่อไร ผมไม่รู้ ถ้าสมมุติว่าบัญชีของธนาคารชี้แจงว่าทั้งสองคนไม่เกี่ยว ผมก็ดีใจด้วย เพราะว่าคุณใบเตย ก็มีลูกเล็กอยู่คนหนึ่ง แต่ถ้าบอกว่าเกี่ยว ก็ต้องถูกแจ้งข้อหาอย่างแน่นอนที่สุด
ท่านผู้ชมครับ ในที่สุดแล้ว หลักพุทธศาสนาชัดเจน "กรรมใดใครก่อ คนนั้นก็ต้องรับไป"
ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมเคยสังเกตเหมือนที่ผมสังเกตไหมว่า พวกที่อ้างว่าความรวยของตัวเองนั้นรวยมาจากเงินคริปโตฯ ผมฟันธงเลยว่า แท้จริงคือเงินฟอก
หลายต่อหลายตอนที่ผ่านมาของ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ผมพยายามอธิบายถึงกลเม็ดเด็ดพรายของอาชญากรในยุคต่างๆ ตั้งแต่มีระดับนักการเมือง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ไล่ลงมาจนถึงพ่อค้า นักธุรกิจ จนล่าสุดถึงปัจจุบันคือแก๊งวัยรุ่นคริปโตฯ ที่ 99% ทะลึ่ง ชอบโชว์ อวดอ้างความร่ำรวยของตัวเอง ขับรถหรูอย่างเฟอร์รารี ลัมโบร์กีนี Porche เบนท์ลีย์ สวมใส่นาฬิกาหรู เรือนละหลายล้าน หลายสิบล้าน ซึ่งเราก็สงสัยว่าไม่รู้รวยมาจากไหน ที่บ้านเป็นโคตรมหาเศรษฐีหรืออย่างไร เจ้าตัวทำธุรกิจอะไรกันแน่ อายุก็ยังน้อย
ไม่ว่าจะเป็นคนอย่างสองสามี-ภรรยา อย่างเช่น อั้ม ภูมิพัฒน์ และ แยม ธมลพรรณ์ แทนไท ณรงค์กูล หรือ นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือแม้กระทั่งนายแม็ค กฤษฎา ปิณฑะเกษตริน หนุ่มอายุ 35 ปี เจ้าของยี่ห้อกางเกง HOLD'EM ซึ่งเดิมทีคนก็เชื่อว่ารวยมาจากการขายกางเกงยีนส์ จนในที่สุด เมื่อผมขุดคุ้ยลงไปถึงงบการเงินของบริษัท ทุกบริษัท พบว่าใน 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทกำไรปีละไม่กี่ล้านบาท แต่ตัวเองมีเงินซื้อรถหรูหลายร้อยล้าน ซื้อบ้านใหญ่โตโอ่อ่า มีทรัพย์สินนับพันล้าน
เชื่อผมหรือเปล่าว่า เมื่อมีการตรวจสอบทรัพย์สิน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หรือ ดีเอสไอ รวมถึงกรมสรรพากร ที่จะไล่เรื่องการตรวจสอบภาษีว่าทรัพย์สินที่คนเหล่านี้มีสอดคล้องกับรายได้และหลักฐานการเสียภาษีในช่วงที่ผ่านมาหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นในนามส่วนตัว หรือในนามนิติบุคคล ก็ตาม ท่านผู้ชมเชื่อไหม พอคนพวกนี้หลังชนกำแพง หาหลักฐานอะไรไม่ได้ ก็จะอ้างว่าตัวเองร่ำรวยมาจากกำไรจากการซื้อขาย หรือขุดเงินดิจิทัล หรือที่เขาเรียกว่า คริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งเป็นช่องทางการฟอกเงินที่ผมอธิบายไว้ให้อย่างต่อเนื่องมาหลายตอนแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ 172 วันศุกร์ที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา ผมพูดถึงเรื่อง "รู้ทันอาชญากรฟอกเงิน" หรือศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2565 เรื่อง "แฉ! ลักไฟหลวง สูญ 5 หมื่นล้าน ฟอกเงินผ่านเหมืองบิทคอยน์"
ท่านผู้ชมครับ ล่าสุด มีความคืบหน้าในคดีสำคัญที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับวิธีการฟอกเงินดังกล่าวของแก๊งนายอั้ม ภูมิพัฒน์ คืออย่างไร ?
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ปีที่แล้ว ตำรวจได้จับกุมนายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์ หรือ อั้ม อายุ 42 ปี กับภรรยา น.ส.ธมลพรรณ์ ภาณุชิตพุทธิวงศ์ หรือ แยม อายุ 40 ปี อดีตนางเอกละครพื้นบ้าน พบว่าสองสามี-ภรรยามีรายได้กว่าหมื่นล้านบาท ที่มีผลประโยชน์จากการลักลอบเปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ ทายผลฟุตบอลโลก เว็บไซต์นั้นชื่อ UFA24H.NET และเว็บไซต์ฉายหนัง ถ่ายทอดสดแข่งขันฟุตบอลละเมิดลิขสิทธิ์ ภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาลามกอนาจาร เว็บไซต์ HD.STAR4K.com และตำรวจก็ขยายผลการจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้อีกหลายราย จนเป็นข่าวครึกโครมไปทั่ว ด้วยไลฟ์สไตล์อันหรูหราและโอเวอร์ของสองสามี-ภรรยา
ล่าสุด อาทิตย์ที่ 15 มกราคม 2566 ตำรวจกองปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำกำลังเข้าตรวจค้นเครือข่ายเว็บพนัน ลามก อั้มและแยม จำนวน 4 จุด จุดแรก จังหวัดเชียงใหม่ ภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จับกุมนายธิติวัฒน์ สุริยพัฒน์ หรือแซ็ก อายุ 38 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 87/2566 ลงวันที่ 12 มกราคม ข้อหาร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือหาอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้ามาเล่นหรือเข้าพนัน ในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน
นายแซ็ก ธิติวัฒน์ ให้การยอมรับว่า ตัวเองทำหน้าที่เป็นโปรแกรมเมอร์ ทำหน้าที่ดูแลระบบหน้าเว็บไซต์ UFA24H
จุดที่สอง ที่จังหวัดลำปาง เป็นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 11 ตำบลชมพู อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ตรวจค้นพบนายวรวุฒิ อายุ 34 ปี แสดงตนเป็นผู้ครอบครองดูแลสถานที่ ผลการตรวจค้น พบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และบัญชีผู้ใช้งานที่ใช้ในการปรับปรุง ดูแลเนื้อหาเว็บไซต์ STAR4K เหมืองขุดเหรียญบิตคอยน์จำนวน 56 ริก ของอั้ม ภูมิพัฒน์ ที่นำมาฝากไว้ โดยนายวรวุฒิ ให้การว่า ตนเองเป็นโปรแกรมเมอร์ ทำหน้าที่แก้ไขระบบหน้าบ้านและหลังบ้านของเว็บไซต์ STAR4K โดยมีนายอั้ม ภูมิพัฒน์ เป็นผู้ว่าจ้าง
จุดที่สาม บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ผลการตรวจค้น พบว่านายปิตุพงศ์ อายุ 42 ปี เป็นผู้ครอบครองสถานที่ ให้การว่า ทำหน้าที่ดูแลระบบฐานข้อมูลของเว็บไซต์ STAR4K โดยมีอั้ม เป็นผู้ว่าจ้าง และได้ให้การอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ จึงได้สอบปากคำไว้เพื่อเป็นพยานในคดี
จุดที่สี่ บ้านหลังหนึ่งในซอยรามอินทรา 58 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กทม. ซึ่งเกี่ยวข้องกับเครือข่าย UFA24H ผลการตรวจค้น พบอาวุธปืน 4 กระบอก ของกลางอีกหลายรายการ อยู่ในบ้าน จึงจับกุม น.ส.เจนจิรา กระสานนท์ อายุ 29 ปี เจ้าของบ้าน มาดำเนินคดี
ผู้ต้องหากลุ่มที่เพิ่งจับกุมได้นี้ พบว่าเป็นส่วนงานที่รับผิดชอบในการหาเหยื่อรับจ้างเปิดบัญชีม้า และดูแลเว็บไซต์ นอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องหาอยู่ในระหว่างจับกุมอีก 1 ราย ซึ่งยังหลบหนีอยู่ เบื้องต้นถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันจัดให้มีการพนัน สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน
ท่านผู้ชมครับ ประเด็นอยู่ที่ไหน ? การที่เจ้าหน้าที่บุกจับกุมเครือข่ายของนายอั้ม และนางแยม เพิ่มเติม ซึ่งในจำนวนนั้นมีเหมืองขุดเหรียญบิตคอยน์จำนวน 56 ริก ของนายอั้ม แสดงให้เห็นชัดว่ากลุ่มคนนี้ พวกนี้ มีวิธีการฟอกเงินผ่านเงินดิจิทัล หรือ คริปโทเคอร์เรนซี
ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า นายแทนไท ณรงค์กูล ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด โดยเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทดังกล่าว ระบุว่า เงินมาจากการทำกำไรจากการลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ปัจจุบันมีธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีธุรกิจในเครือ 10 บริษัท ตั้งขึ้นมาเพื่อฟอกเงิน แล้วนำเงินลงทุนจากบริษัท ไททันฯ ไปปล่อยกู้ให้นายนอท พันธ์ธวัช ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล มาทำลอตเตอรี่ออนไลน์ ทำให้บริษัทเกี่ยวกับเหมืองคริปโทเคอร์เรนซีที่ชื่อ บริษัท ไมนิ่ง โปร จำกัด 2565 ที่ผ่านมาช่วงหนึ่ง ติดป้าย ท่านผู้ชมที่เดินทางสัญจรในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าขึ้นทางด่วน จะเห็นป้ายโฆษณาติดเยอะแยะไปหมด เต็มไปหมด แล้วก็คำสโลแกนโฆษณาว่า "จบ ครบ! เรื่องการขุดบิตคอยน์ ต้อง ไมนิ่งโปร"
ท่านผู้ชมครับ อย่างที่ผมเคยบอกว่า คุณหลอกใคร หลอกไป แต่อย่ามาหลอกผม สนธิ ลิ้มทองกุล ผมเคยบอกคุณไปแล้วว่า ในยุคที่คริปโทเคอร์เรนซีเจ๊งกันทั่วโลกอย่างนี้ คุณจะมาอ้างว่าคุณรวยจากคริปโตฯ มันฟังไม่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายเก็งกำไร หรือแม้กระทั่งจะขุดก็ตาม คุณไล่กรณีศึกษามาตลอดปี 2565 ถึงปี 2566
ข้อที่หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการล่มสลายของเหรียญลูน่า (LUNA) ของโด ควอน (DO KWON) เจ๊งไปเลย ซิปเม็กซ์ (Zipmex) ของคนไทย ที่มีลูกผู้ถือหุ้น ผู้บริหาร มีพ่อใหญ่ฉิบหายเลย ใช้เส้นสายช่วยลูกหลานตัวเอง คนๆ หนึ่งคือ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง อดีตประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ ซิปเม็กซ์ ตลาดซื้อขายคริปโตฯ เจ้าใหญ่ของไทย
ข้อที่สาม ดีลการซื้อขาย 18,000 ล้านบาท ระหว่าง บิทคับ กับ กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งล้มและล่มไปเรียบร้อยแล้ว
ข้อที่สี่ การล้มลงอย่างรุนแรงของตลาดซื้อขายคริปโตฯ FTX ซึ่งก่อตั้งโดยนายแซม แบงก์แมน ฟรายด์ (Sam Bankman-Fried) ที่ถูกจับที่อเมริกาแล้ว หลังจากที่หนีไปอยู่ที่เกาะสวรรค์ ที่แคริบเบียน
ข้อที่ห้า นอกจากนี้แล้ว ตลาดเทรดคริปโตฯ อันดับหนึ่งของโลก อย่างไบแนนซ์ (Binance) ยังระส่ำระส่าย เหนื่อยหนัก ไม่รู้ว่าจะไปรอดหรือเปล่า
ท่านผู้ชมครับ ปลายเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว 2565 Core Scientific หรือ CORZ ซึ่งเป็นหนึ่งธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขอความคุ้มครองในการล้มละลาย แบกหนี้ท่วมตัวถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 40,000 ล้านบาท
ท่านผู้ชมครับ ทั้งตลาดคริปโตฯ ขุดคริปโตฯ มันเจ๊งกันทั่วโลก ระดับเบอร์ต้นๆ ของโลกที่ระดมจ้างคนเก่งๆ ระดับหัวกะทิ จ้างโปรแกรมเมอร์เป็นร้อยๆ คน มีเงินเป็นถุงเป็นถังมาลงทุนบริหารจัดการมากมายมหาศาล ยังเจ๊งไม่เป็นท่า แล้วพวกวัยรุ่นพันล้าน โชว์ออฟกับเฟอร์รารีในเมืองไทย ที่อ้างว่าร่ำรวยมาจากธุรกิจคริปโตฯ มันจะเป็นไปได้อย่างไรครับ ถ้าไม่ได้ใช้คริปโตฯ มาเป็นเครื่องมือฟอกเงินสกปรกของพวกเขาอีกที
เมื่อผมได้พูดจาเรื่องเกี่ยวกับวัยรุ่นคริปโตฯ พันล้าน ก็ต้องว่าให้สุดซอยไปเลย เพราะอย่างที่ผมเกริ่นเอาไว้ในตอนที่แล้ว ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 172 วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ว่า วัยรุ่นคริปโตฯ นี่เวลาทำอะไรก็จะทำเหมือนกัน เป็นแพตเทิร์น ในรูปแบบใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็นการพยายามเรียกร้องความสนใจ เช่น ชอบทำมาร์เก็ตติง ขึ้นป้าย ขึ้นบิลบอร์ดใหญ่ๆ เต็มบ้านเต็มเมือง ชอบนัก เป็นสปอนเซอร์กีฬา ถ่ายทอดสดกีฬามหาชนอย่างฟุตบอล ชอบนักที่ร่วมเป็นสปอนเซอร์ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย เพื่อดึงดูดและชักชวนให้วัยรุ่นเยาวชน รวมไปถึงชาวบ้าน ให้เข้ามาแพลตฟอร์มของเขา หรือพยายามทำตัวให้เป็นที่รู้จัก ชอบนักพยายามออกรายการทีวี อีเวนต์ต่างๆ เพื่อโปรโมตตัวเองในวงกว้าง
แต่ ... ท่านผู้ชมครับ ขุดลงไปลึกๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มาที่ไปของเงิน งบการเงิน บัญชี หรือข้อมูลต่างๆ มันมีกลิ่นตุๆ อะไรแปลกๆ เหมือนปลาเน่าเสมอ
ท่านผู้ชมครับ ปีนี้เป็นปี 2566 แล้ว ถ้าเป็นบริษัททั่วไป ท่านผู้ชมที่เป็นเจ้าของกิจการ เป็นผู้แทนจัดการ จะทราบดีว่า นิติบุคคลต้องเตรียมตัวยื่นงบการเงินของบริษัท ปี 2565 แล้ว โดยกฎหมายกำหนดให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด จดทะเบียน นิติบุคคลต่างประเทศ กิจการร่วมค้า ต้องนำส่งงบการเงินภายใน 5 เดือน นับตั้งแต่รอบปิดบัญชี คือภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ส่วนบริษัทจำกัด บริษัทจำกัดมหาชน ต้องนำงบการเงินเสนอต่อผู้ถือหุ้น เพื่ออนุมัติในที่ประชุมใหญ่สามัญภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันปิดรอบบัญชี คือ ภายใน 30 เมษายน 2566 โดยบริษัทจำกัดต้องนำส่งบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น บอจ.5 ภายใน 14 วัน นับตั้งแต่จัดประชุมใหญ่
แต่ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า มีบริษัทหนึ่งซึ่งประกอบกิจการคริปโทเคอร์เรนซีเจ้าใหญ่ในเมืองไทย บริษัทหนึ่ง ที่อย่าว่าแต่งบการเงินปี 2565 เลย แม้แต่งบการเงินปี 2564 ก็ยังไม่ปรากฏโฉมขึ้นมา บริษัทนั้นคือบริษัทอะไร ? นั่นคือ บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด ตีมึน ไม่ส่งงบการเงินประจำปี 2564 ที่เป็นปีสำคัญ 64 เป็นปีสำคัญตรงไหน ? เป็นปีสำคัญที่ออกเหรียญดิจิทัล KUB ของกลุ่ม มูลค่ากว่า 3,300 ล้านบาท
ข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่าบริษัท บิทคับ บล็อกเชน เทคโนโลยี จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจเป็นกลุ่มที่ปรึกษาด้านการระดมทุนผ่านเหรียญดิจิทัล หรือ ไอซีโอ (ICO) และเป็นผู้พัฒนาเครือข่ายบิทคับเชน ซึ่งบริษัทในกลุ่มของบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือกลุ่มบริษัทบิทคับ ยังไม่ได้ส่งบัญชีงบดุลประจำปี 2564 เพื่อชี้แจงตัวเลขทางการเงินในรอบบัญชีดังกล่าวให้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
ทั้งๆ ที่ในปี 2564 มีเหตุการณ์สำคัญของบริษัท และกลุ่มบิทคับ นั่นคือ บิทคับ บล็อคเชน ได้ออกเหรียญดิจิทัลของกลุ่มในชื่อ คับ (KUB) จำนวน 1,000 ล้านเหรียญ ซึ่งจริงๆ แล้ว ข้อเท็จจริงคือการปั้นอากาศให้เป็นเงิน ไม่มีอะไรเลย เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าการออกเหรียญที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว น่าจะมีผลต่อการประกอบการและบัญชีงบดุลของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ แต่ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่า จนแล้วจนรอด ปัจจุบันผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี 6 เดือน บิทคับ บล็อคเชน ยังไม่ยื่นข้อมูลทางบัญชีเลย บริษัทแม่ อย่างบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และ บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ผู้ประกอบการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ส่งบัญชีงบดุลปี 2564 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คือ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ออกหนังสือรับรองเลขที่ 10091220002243 ให้กับบิทคับ บล็อคเชน โดยระบุข้อควรทราบประกอบหนังสือรับรองฉบับดังกล่าว ว่า ข้อที่หนึ่ง นิติบุคคลนี้ (คือบิทคับ บล็อคเชน) ขาดส่งงบดุลการเงินปี 2564 ข้อที่สอง หนังสือนี้รับรองเฉพาะข้อความที่ห้างและบริษัทได้นำมาจดทะเบียนไว้เพื่อรอผลตามกฎหมายเท่านั้น ข้อเท็จริงเป็นสิ่งที่ควรหาไว้พิจารณาฐานะ และ ข้อที่สาม นายทะเบียนอาจเพิกถอนการจดทะเบียน ถ้าปรากฏว่าข้อความอันเป็นสาระสำคัญที่จะจดทะเบียนไม่ถูกต้อง หรือเป็นเท็จ
ท่านผู้ชมครับ จากข้อความของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในหนังสือรับรองดังกล่าว ทำให้ผมยิ่งมีข้อชวนสงสัยเพิ่มหลายประการ ประการแรก ใบสำคัญชำระเงินค่าหุ้น เงินลงทุนหุ้นของ บิทคับ บล็อคเชน เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2561 ซึ่งในช่วงเวลานั้น บิทคับ บล็อคเชน มีแผนเพิ่มทุนบริษัทจาก 5 ล้านบาท เป็น 8 ล้านบาท แต่ในวันเวลาดังกล่าว ผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างบิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กลับมีการชำระค่าหุ้นเพียง 2,001,000 บาท เพื่อเป็นค่าหุ้นจำนวน 3 แสนหุ้น ในราคาหุ้นละ 10 บาท โดยมีนายสกลกรย์ สระกวี เป็นกรรมการลงนามรับเงิน ทำให้สงสัยว่า บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ชำระเงินเพิ่มทุนบิทคับ บล็อคเชน ครบหรือไม่
ไม่เพียงเท่านี้ ประการที่สอง ในปีเดียวกัน บิทคับ บล็อคเชน ยังส่งสำเนาบัญชีรายชื่อถือหุ้น บอจ.5 ที่ชวนสงสัยเริ่มจากวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 บริษัทฯ อ้างอิงว่าคัดจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น วันที่ 25 มิถุนายน 2561 และอีกวันถัดมา วันที่ 7 กรกฎาคม 2561 บริษัทฯ มีการนำส่ง บอจ.5 อีกฉบับ อ้างอิงจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นวันเดียวกัน คือวันที่ 25 มิถุนายน แต่ปรากฏว่า รายชื่อของนายทินกร คงสมเพ็ชร ผู้ถือหุ้น 1 หุ้น เปลี่ยนกลายเป็น นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา เข้ามาถือหุ้นแทน ขณะที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า รับจดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 ด้วยกรณีดังกล่าว หลายฝ่ายมองว่าต้องการให้นายจิรายุส เป็นผู้ถือหุ้นในบิทคับ บล็อคเชน ก็สามารถทำได้ทันที
แต่ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 ชื่อของนายจิรายุส ต้องมาจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นจริง ดังนั้น หากบริษัทจัดทำผิด หรือไม่จัดทำ ถือว่ามีความผิด และโทษปรับด้วยเช่นกัน ประมาณ 20,000-50,000 บาท
ซับซ้อนนิดนะครับท่านผู้ชม แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า สิ่งที่ช่วยชี้ชัดว่า บิทคับ บล็อคเชน มีความผิดในเรื่องการส่งงบการเงินรอบปีบัญชี 2564 นั้น มาจากเอกสารการส่ง บอจ.5 ของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 โดยเอกสารดังกล่าวมีเลขที่รับที่ 650510149308SH ซึ่งบริษัทระบุในเอกสารว่า ขอส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2565 และอนุมัติงบการเงินรอบปีบัญชีในวันที่ 31 ธันวาคม 2564
ท่านผู้ชมครับ เขาอนุมัติงบการเงินรอบปี 31 ธันวาคม 2564 แต่ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า ข้อมูลงบการเงินปี 2564 ของบิทคับ บล็อคเชน ยังไม่เคยยื่นถึงกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามาเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน แล้วคุณไปรับรองงบอะไรกัน คุณตอแหลอะไรกัน หรือจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ เลยทำให้หลายฝ่ายมองว่ากลุ่มบิทคับให้ข้อมูลเท็จ เพราะยังไม่ได้อนุมัติงบการเงิน หรือถ้าอนุมัติจริง ทำไมคุณไม่ไปยื่นตามกฎหมาย อีกทั้งหลายฝ่ายต้องการรู้ว่าใครเป็นผู้สอบในเรื่องดังกล่าว รวมถึงการเปลี่ยนแปลงกรรมการในช่วงระหว่างทาง
ท่านผู้ชมครับ ประเด็นจากเอกสารแสดงว่าผู้สอบบัญชีได้สอบบัญชีข้อมูลงบการเงินปี 2564 ของบิทคับ บล็อคเชน แล้วได้ส่งให้กรรมการและผู้ถือหุ้นอนุมัติตามกฎหมาย แต่ทำไมล่ะ บริษัทถึงไม่ยื่นงบปี 2564 ด้วย ทำให้หลายคนอยากรู้ว่าใครเป็นผู้สอบบัญชีบิทคับ บล็อคเชน ซึ่งเป็นผู้ออกเหรียญ "คับ" (KUB) ในกลุ่มบิทคับ เพราะแม้จะมีการเผาเหรียญทิ้ง แต่จำนวนเงินจากการจำหน่ายเหรียญในวันแรก สูงถึง 3,300 ล้านบาท จากราคาเริ่มแรก เริ่มต้น 30 บาทต่อเหรียญ ของจำนวนเหรียญหลังการเผาทิ้งอยู่ที่ 110 ล้านเหรียญ ไม่เพียงเท่านี้ บิทคับ บล็อคเชน ได้เงินจากประชาชนไปจากการระดมทุนผ่าน ICO เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 เปลี่ยนกรรมการ จากนายสกลกรย์ สระกวี เป็น นายภาสกร ปานนอก เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2564 หลังจากที่ได้เงินจากประชาชนไป 4 เดือน แถมถัดมาก็มีการเพิ่มกรรมการอีก 1 ราย คือ นายธนเสฏฐ์ เสนีวงศ์ แต่เมื่อครบกำหนดต้องยื่นงบการเงิน กรรมการของบริษัทก็ยังไม่ยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่ต้องถามต่อไปคือ บริษัทที่สร้างเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ นายท๊อป จิรายุส เคยบอกว่า เทคโนโลยีสามารถเปลี่ยนโลกให้โปร่งใสได้ คุณบ้าหรือเปล่า คุณท๊อป แต่สิ่งที่พวกคุณทำกันปล่อยให้เกิดความไม่โปร่งใสแบบนี้ได้อย่างไร กลุ่มบริษัทเอาเงินที่ได้จากการจำหน่ายเหรียญ KUB ไปทำอะไร สำนักงาน ก.ล.ต. จะเข้ามาตรวจและทำอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะการที่บิทคับนำเหรียญ KUB ออกมาขาย บริษัทได้เงินไปแล้ว ดำเนินโครงการต่างๆ ดังนั้นจึงควรสะท้อนออกมาในงบการเงิน ซึ่งจะมีผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบ
กรณีที่บริษัทไม่ทำบัญชีงบดุล ไม่จัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบงบดุล ไม่นำบัญชีงบดุลเสนอเพื่ออนุมัติในที่ประชุมใหญ่ รวมทั้งไม่ส่งสำเนางบดุลให้ผู้ถือหุ้น คาดว่าผู้กระทำผิดจะต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ขณะเดียวกัน กรณีกรรมการไม่ส่งสำเนางบดุลไปยังนายทะเบียน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท และถ้าบริษัทไม่ส่งงบการเงิน อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย มีอำนาจดำเนินการเปรียบเทียบปรับได้
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ควรให้บิทคับออนไลน์ ผู้ได้รับอนุญาต Exchange ชี้แจงเรื่องความน่าเชื่อถือของบิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี ที่ไม่อาจส่งงบการเงินปี 2564 ได้ จะส่งผลอย่างไรต่อความน่าเชื่อถือต่อโครงการทั้งหมดในบิทคับ
คุณรื่นวดี ครับ เมื่อไรคุณถึงจะเล่นไม้แรงเสียที บิทคับทำผิดกฎมาหลายต่อหลายครั้ง ล่าสุด ไม่ยอมส่งงบดุลมาเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง ทุกอย่างที่ทำผิดกฎมาสะท้อนถึงความไม่โปร่งใสของผู้บริหาร ถึงเวลาหรือยังครับ คุณรื่นวดี และกรรมการทั้งหลาย ที่จะต้องถอนใบอนุญาตการซื้อขายแลกเปลี่ยน เทรดดิ้ง ของบิทคับ ในตลาดการแลกเปลี่ยนซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี เรื่องอย่างนี้มันต้องถอน ถอนออกไปเลย แล้วคุณจะอ้างว่าคุณปกป้อง ช่วยเหลือ ป้องกันผู้ถือหุ้นรายย่อยได้อย่างไร
ท่านผู้ชมครับ จากคริปโทเคอร์เรนซี จากการฟอกเงิน มาจนกระทั่งถึงกรณีบิทคับ ซึ่งเป็นองค์กรที่ ก.ล.ต. ให้ใบอนุญาตมา แต่การกระทำก็มีความไม่โปร่งใส มีสีเทาเกิดขึ้น คล้ายๆ ไม่ได้ต่างอะไรกับนายอั้ม หรือนายแทนไท หรือนายนอท เลยแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่บิทคับมันทำเท่ แล้วคนอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งหลงเชื่อว่าดี เป็นของดี รวมทั้งรัฐมนตรีฯ ดีอี อย่างเช่นนายชัยวุฒิ ที่คอยเชียร์ ยกหางนายท๊อป จิรายุส ตลอดเวลา จนวันนี้นายท๊อป จิรายุส ก็ยังเดินสายไปสั่งสอนชาวบ้านเขาถึงเรื่องโลกอนาคต คุณท๊อปครับ คุณไม่ต้องไปอนาคตหรอก คุณมาวันนี้ดีกว่า เมื่อไรคุณจะส่งงบการเงินให้เขา แล้วที่คุณทำพลาดมา เขาถามคุณมาตลอดเลย
ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง อะไรที่มันเป็นดิจิทัล มันจะมีการอ้างอิงตลอดเวลา อ๋อ ดิจิทัลมันเร็ว ดิจิทัลบล็อกเชนมันตรวจสอบ ไม่มีใครแฮกเข้ามา โน่นนี่นั่น แต่คนที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นพนันออนไลน์ หรือหวยออนไลน์ หรือแม้กระทั่งบิทคับ ซึ่งให้คนเทรดคริปโทเคอร์เรนซี ไม่มีใครโปร่งใสสักคนเลย คือหลอกต้มผู้คนเขาหมด นี่คือขบวนการหลอกต้มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งแต่เราก้าวเข้าสู่ระบบดิจิทัลครับ
ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์ที่แล้ว วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ตอนเช้าผมออกรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" แล้วท่านผู้ชมก็รู้ว่าในช่วงบ่ายนั้น คุณนอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ก็ออกมาแถลงข่าวหลังจากที่ได้เข้าเป็นพยานให้ปากคำกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำให้เราได้รับข้อมูลเพิ่มเติม ท่านผู้ชมที่ยังไม่ได้ฟังอย่างละเอียด ผมจะสรุปการแถลงข่าวของคุณนอท เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว แบบเข้าใจง่ายๆ แบ่งเป็น 5 ประเด็น
ประเด็นแรก ช่วงเดือนสิงหาคม 2564 หรือ 1 ปี 5 เดือนที่แล้ว มีเงินเข้ามาในบัญชีของ นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ จากบัญชีม้า (บัญชีม้า ก็คือบัญชีฟอกเงิน) ก็คือไปเปิดบัญชีเอาไว้ ยืมบัตรประชาชนของคนอื่นมาเปิดบัญชีไว้ แล้วเงินทุนสีเทา/สีดำ ก็โอนเข้ามาในบัญชีตัวนี้ แล้วค่อยโอนจากบัญชีตัวนี้ไปยังบัญชีปลายทาง
บัญชีม้าของการฟอกเงินของกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย โดย นาย อ.
นาย อ. คือ นายอรรถการ ชื่อเล่นชื่อ เฟย เป็นหลานของ ร.ต.ต.มานัส ซึ่งเป็นคนที่เชี่ยวชาญและชำนาญในเรื่องบ่อนการพนันมาตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่นจนถึงวันนี้ เงินที่โอนเข้ามานั้น ให้นาย อ. หรือ นายเฟย ที่นายเฟย โอนไปให้นายนอท มีจำนวนไม่ใช่ 42 ล้านบาท แต่มีการโอนอีกหนึ่งยอด ประมาณ 11 ล้านบาท มูลค่ารวม 53 ล้านบาท
ประเด็นที่สอง เงิน 53 ล้านบาทดังกล่าว คุณนอท พันธ์ธวัช อ้างว่า เกิดจากการที่ตนเอาลอตเตอรีกว่า 11,600 ฉบับ ไปมอบอำนาจให้นายอรรถการ หรือ นาย อ. หรือชื่อเล่นว่า เฟย ไปขึ้นเงินแทนนอท หลังจากนั้นแล้ว พอขึ้นเงินเสร็จแล้ว นาย อ. โอนกลับคืนมา 53 ล้านบาท โดยเขาอ้างว่าเป็นเงินขึ้นรางวัลที่มียอดเท่ากัน จึงไม่ใช่การฟอกเงิน ส่วนชื่อ นาย อ. นั้น นอทไม่เปิดเผย เพราะ นาย อ. หรือนายเฟย เป็นผู้ต้องหา อาจจะเป็นผู้เสียหาย กลัวนายเฟย จะฟ้องร้องได้ ท่านผู้ชมครับ จริงๆ แล้วคุณนอท เขากลัวเกรงว่าสื่อจะสืบค้นหาต่อไปได้ว่า นาย อ. เป็นใคร ซึ่งตอนนี้เขาก็เปิดเผยกันหมดแล้ว ทุกคน
ท่านผู้ชมครับ ประเด็นที่สาม นอท อ้างว่าสาเหตุที่ตนดำเนินการมอบอำนาจให้ นาย อ. ไปขึ้นเงิน เพราะต้องการแหล่งเงินกู้จาก นาย อ. และอ้างว่า นาย อ. อยากรู้ขั้นตอนของการ ... ผมเปลี่ยนชื่อ นาย อ. เป็นนายเฟย เลยแล้วกันนะครับ เขาต้องการพิสูจน์อะไรหลายต่อหลายอย่าง ซึ่งไม่ได้บอกว่าการพิสูจน์นั้นคืออะไร แต่สุดท้ายตกลงกันเรื่องการลงทุนไม่ได้ นายนอท กับนายเฟย จึงได้แยกย้ายกันไป และไม่เจอกันอีก นี่คือสิ่งที่นอท ให้การ
ประเด็นที่สี่ สำหรับประเด็นที่ว่า เหตุใดในการเจอกับนายเฟย เพียงครั้่งแรก นอท พันธ์ธวัช จึงไว้ใจนายเฟย มอบสลากฯ ถูกรางวัลกว่า 11,000 ใบ คิดเป็นมูลค่ารางวัลกว่า 53 ล้านบาท ให้กับคนที่ไม่รู้จักไปขึ้นเงินได้มากขนาดนี้ ประเด็นนี้นอท อ้างว่า เพราะเลขาฯ ของตนไปขึ้นเงินด้วย และตนก็เป็นคนไปยืนเฝ้า จึงเห็นทุกขั้นตอน จึงมั่นใจว่าปลอดภัย
ประเด็นที่ห้า มียอดเงินโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของนอทอีก 39 รายการ ยอดเงิน 1,030 ล้านบาท จริงๆ แล้วเป็นตัวเลขที่โอนเข้ามา 1,091 ล้านบาท ที่ดีเอสไอตั้งคำถามว่า เป็นบัญชีของใคร ใช้จ่ายอะไร ให้นายนอท ชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 14 วัน ซึ่งก็คงไม่เกินต้นเดือนกุมภาพันธ์ ก็ต้องชี้แจงมาแล้ว
ทั้งหมดนี้ สรุปประเด็นสำคัญที่ นายนอท กองสลากพลัส ได้แถลงข่าวในช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 13 มกราคม
เอาล่ะ ท่านผู้ชมครับ เมื่อคุณพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท แถลงข่าวมาแล้ว ผมจะจับโกหกคุณนอท โกหกหน้าตาย แต่พิรุธเต็มไปหมด ในการชี้แจงของ นอท พันธ์ธวัช ซึ่งนักข่าวส่วนใหญ่ยังคงหลงกล หลงคารม รวมทั้งหลงประเด็นไปหลายๆ อย่าง ผมเคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรือครับ ว่า นายนอท เป็นคนพูดเก่ง พรีเซนต์เก่ง ผมกับทีมงานก็ฟังอยู่ นักข่าวผมก็ไปร่วมงานแถลง วันนี้ผมต้องขอจับโกหก นายนอท กองสลากพลัส และขออธิบายวิธีกระบวนการฟอกเงินของเขา อย่างเป็นขั้นตอน เพื่อที่ท่านผู้ชมและสื่อส่วนใหญ่ที่ยังหลงประเด็นอยู่ คือหลงประเด็นในเรื่อง "กองสลากพลัส" ขายสลากฯ เกินราคา ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วกระบวนการนี้คือกระบวนการฟอกเงินที่ผิดกฎหมาย และยิ่งคุณนอทอธิบาย ก็ยิ่งตอกย้ำถึงวิธีการฟอกเงินของขบวนการดังกล่าว ท่านผู้ชมตามผมมา
ประเด็นแรกที่ผมจะจับโกหก ท่านผู้ชมจำแผนภาพชิ้นนี้ได้ไหม ผมเคยแสดงให้ท่านผู้ชมเห็นว่าธุรกิจของ นอท กองสลากพลัส แท้ที่จริงแล้วคือการฟอกเงิน 2 ขา ขาเข้า และ ขาออก "ขาเข้า" คืออะไร ? ขาเข้า คือนายทุนที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย หลักๆ แล้วก็จะเป็นการทำธุรกิจด้านบ่อนการพนัน บ่อนการพนันออนไลน์ ซึ่งก็ไม่ได้กีดกั้นสำหรับคนทำธุรกิจค้ายาเสพติดเช่นกัน เป็นเพียงแต่วันนี้เราจะเน้นเฉพาะเงินสีเทา
ทุนสีเทาที่ผมพูดถึง ไม่ว่าจะเป็นนายแทนไท นายอั้ม ภูมิพัฒน์ ทำธุรกิจพนันออนไลน์ คนทำธุรกิจให้บริการบัญชีม้า บัญชีม้า คือ คนที่ไปเอาบัตรประชาชนคนอื่น แล้วให้เงินให้ทองเขาเพื่อให้เขาไปเปิดบัญชี ถ้าใครแอบปิดบัญชีม้าไปก็จะถูกกระทืบ
เจ้าของบัญชีม้ารับเงินที่ฟอกมาจากยาเสพติดก็รับ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็รับ พนันออนไลน์ก็รับ ถ้าจะเอาเงินสกปรกมาฟอก ก็เอาเงินมาปล่อยกู้ให้นายนอท เพื่อเอาเงินไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดละ 13-14 ล้านฉบับ เจ้าละจำนวนกี่สิบล้าน กี่ร้อยล้าน ก็ว่ากันไป เมื่อครบกำหนดแล้ว นอท ก็คืนเงินกู้นั้นให้ โดยอ้างว่าทำสัญญาเงินกู้ สัญญาร่วมลงทุนตามกฎหมาย ให้ดอกเบี้ยเดือนละ 1.5% ปีละ 18%
เมื่อจบการปล่อยกู้ดังกล่าว เงินสกปรกก็จะกลายเป็นเงินสะอาด เจ้าของเงินเดิมสามารถจะเอาไปใช้จ่ายลงทุนต่างๆ ได้ตามที่ตัวเองต้องการ
"ขาออก" คือการปล่อยขายสลากฯ ที่ถูกรางวัลให้กับนักธุรกิจสีเทา/สีดำ ที่ต้องการฟอกเงินผิดกฎหมาย เดิมทีมีความเข้าใจว่าเงิน 42 ล้านบาท ที่งอกออกมาเป็น 53 ล้านบาท นั้น เครือข่ายของนายเฟย ที่มีลูกน้องชื่อ นายสุทิน คนทำธุรกิจให้บริการบัญชีม้านั้น จะเป็นการฟอกเงินขาเข้า ก็คือปล่อยกู้ให้ นอท พันธ์ธวัช ไปซื้อสลากฯ แต่เมื่อข้อเท็จจริงเปิดเผยออกมา และ นอท พันธ์ธวัช ออกมายอมรับเอง ที่ผมพูดให้ฟังไปตอนต้น 5 ข้อ กลับกลายเป็นว่าเงินจากเครือข่ายนายเฟย นายสุทิน น่าจะเป็นการฟอกเงินในขาออก คือการซื้อสลากฯ ที่ถูกรางวัลเสียมากกว่า
เมื่อท่านผู้ชมดูแผนภาพของผมไปต่อกับแผนภาพที่นอท พันธ์ธวัช ชี้แจงต่อดีเอสไอ นำมาแถลงข่าวในวันศุกร์ที่แล้ว จะเห็นได้ชัดว่า นี่คือการฟอกเงินที่สมบูรณ์ และตรงตามที่ผมอธิบายไว้เป๊ะๆ เลย คำถามที่ผมต้องถามต่อ ว่า ทำไมนอท ต้องทำมาหากินฟอกเงินผ่านการขายสลากฯ ถูกรางวัลให้กับนักธุรกิจสีเทา ? ทำไมไม่มีคนที่ถูกรางวัลซื้อสลากฯ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์จริงๆ ของกองสลากพลัส ไปขึ้นรางวัลเองบ้างหรือ ? คำตอบคือ ด้วยวิธีการการทำตลาดแบบชาญฉลาดแกมโกง คือ "การตลาดจ่ายเต็ม" ทำให้ลอตเตอรีต้นฉบับส่วนใหญ่อยู่กับนอท
และต้องเข้าใจก่อนว่าเขาสั่งการให้กองสลากพลัสประชาสัมพันธ์ว่า ซื้อง่าย โอนไว จ่ายเต็ม และจ่ายเต็มๆๆ คืออย่างไร ? ใครที่ซื้อสลากฯ กับกองสลากพลัส เขาจะบริการส่งหรือจัดเก็บลอตเตอรีให้ เมื่อผลรางวัลออก ก็จะตรวจรางวัลลอตเตอรีให้ด้วย ใครถูกลอตเตอรีรางวัลที่หนึ่ง นอท จะเอาเงินสดไปให้คนถูกลอตเตอรีด้วยตัวเอง โดยไม่หักอะไรทั้งสิ้น ส่วนรางวัลอื่นๆ ที่ไม่ใช่รางวัลที่หนึ่ง ก็ใช้วิธีโอนเงินให้ทันทีภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังประกาศผลรางวัล ด้วยยอดเต็มจำนวนโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
ถ้าท่านผู้ชมถูกรางวัลจากกองสลากฯ มีลอตเตอรีต้นฉบับอยู่ ขึ้นเงินกองสลากฯ ที่เป็นของรัฐบาล จะต้องถูกหักก่อน 0.5% หรือคนทั่วไปที่ขึ้นเงินกับธนาคารกรุงไทย จะถูกหักค่าบริการอีก 1% ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้ผู้ซื้อสลากออนไลน์จากกองสลากพลัสส่วนใหญ่ไม่อยากเสียเวลา หรือมีภาระ ให้นอท ส่งลอตเตอรีต้นฉบับทั้งสลากฯ ทางไปรษณีย์มาให้ผู้ซื้อ เพราะเสียเวลาส่งลอตเตอรีกลับให้นอท กองสลากพลัส เมื่อถูกรางวัล
ด้วยเหตุนี้ ลอตเตอรีแทบจะทั้งหมด โดยเฉพาะลอตเตอรีที่ถูกรางวัลเกือบทั้งหมด จึงอยู่ในมือของ นอท กองสลากพลัส ไม่ได้อยู่กับผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลรายย่อยแต่อย่างใด
กองสลากพลัส ให้นอท พันธ์ธวัช เป็นผู้ได้รับมอบอำนาจในการขึ้นเงินรางวัลเองทุกใบ ขึ้นทุกใบเลยเงินรางวัล ต้องนอท พันธ์ธวัช เท่านั้นเอง เมื่อสลากฯ ถูกรางวัลเกือบทั้งหมด เท่าที่ผมทราบคือราวๆ 2 แสนใบต่องวด และกองสลากพลัส เป็นผู้จ่ายค่ารางวัลไปให้ผู้ถูกรางวัลก่อนล่วงหน้าแบบจ่ายเต็ม โดยไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย หรือค่าธรรมเนียมใดๆ
ทีนี้ คนธรรมดาเมื่อถูกลอตเตอรี ขึ้นรางวัลกับกองสลากฯ ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีบุคคลธรรมดา นอท พันธ์ธวัช ก็เลยอาศัยช่องว่างนี้ไปขึ้นทะเบียนกับกองสลากฯ ในฐานะตัวแทนขึ้นเงิน และกองสลากพลัสก็นำลอตเตอรีถูกรางวัลให้นอท พันธ์ธวัช เป็นผู้ที่ได้รับมอบอำนาจ ไปขึ้นเงินกับกองสลากฯ แต่ผู้เดียว
ท่านผู้ชมครับ ใช้ทุนสีเทาเข้ามาเพื่อซื้อสลากฯ เมื่อซื้อสลากฯ เสร็จ พอถูกรางวัล ก็เอาเงินนี้ไปจ่ายให้ผู้ถูกรางวัล แล้วเซ็นมอบอำนาจให้นายนอท ไปขึ้นเงินที่กองสลากฯ แต่ผู้เดียว
ประเด็นที่สาม นอท พันธ์ธวัช รวบรวมลอตเตอรีที่ถูกรางวัลจำนวนมาก ก็เลยสามารถส่งต่อให้กลุ่มทุนสีเทาเป็นตัวแทนไปขึ้นเงินต่อได้ กลุ่มทุนสีเทาพวกไหนล่ะ ? มีทั้งคอลเซ็นเตอร์ พ่อค้ายาเสพติด เว็บพนันออนไลน์ คนพวกนี้เดิมทีต้องเดินตามหาซื้อลอตเตอรีที่ถูกรางวัล ให้ไปเช็กว่าใครถูกรางวัล อาจจะซื้อในราคาพิเศษเพิ่มเติมเข้าไป อย่างเช่น 1 ล้านบาท อาจจะให้ไป 1,050,000 บาท คนที่จะต้องได้เงินแค่ 1 ล้านบาท และถูกหักอีก 0.5% จู่ๆ ไม่ต้องถูกหัก แล้วยังได้เพิ่้มอีก 50,000 บาท ใครจะไม่เอา พวกทุนสีเทา/สีดำต้องไล่ตามลอตเตอรีถูกรางวัล ก็เลยเห็นว่ากองสลากพลัสเป็นแหล่งที่สามารถรวบรวมลอตเตอรีของเอกชนที่ถูกรางวัลมากที่สุดโดยไม่ต้องไปตามหา หรือไล่ซื้อลอตเตอรีถูกรางวัลจากเอเยนต์ หรือพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
เมื่อกองสลากพลัสกลายเป็นเอกชนผู้รวบรวมลอตเตอรีถูกรางวัลมากที่สุด หากนอท จะให้บริการส่งมอบลอตเตอรีให้กลุ่มทุนที่ผิดกฎหมาย ทำการฟอกเงินให้กลุ่มทุนสีเทา/สีดำ ก็สามารถให้บริการได้ทันที อย่างเช่นกรณีที่ดีเอสไอจับกุมเครือข่ายของนายเฟย และได้กลายเป็นคดีดังในปัจจุบันนี้
ประเด็นที่สี่ กรณีนี้จับโกหกได้ชัดเจน เพราะ นอท พันธ์ธวัช เป็นคนเคยพูดเองว่าเป็นคนนำสลากฯ ไปขึ้นเงินรางวัลเองทุกใบ และคนที่รู้อย่างดีเรื่องลอตเตอรีถูกรางวัลสามารถนำไปฟอกเงินได้ ก็คือ นอท CEO ของกองสลากพลัส ซึ่งน่าสนใจมาก เพราะเขายอมรับในเรื่องนี้
วันที่ 5 มกราคม 2566 ในรายการ "เจาะลึกทั่วไทย" ช่อง MCOT ของคุณดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ได้สัมภาษณ์ ถามว่า นอทยอมรับไหมว่าธุรกิจขายหวย ถ้าใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง สามารถใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงินได้เหมือนกัน นอท ตอบว่า "ครับผม มันเป็นธุรกิจเงินสดนะครับ เอาแค่รางวัลที่หนึ่ง ผมเอาไปขาย มันก็ฟอกได้แล้ว ทุกบาท ทุกสตางค์ ผมขึ้นในชื่อของผมหมด ผมเป็นตัวแทนของสำนักงานกองสลากฯ ทุกใบผมขึ้นหมด" คำพูดนี้ประเด็นอยู่ตรงไหน ? จากคำพูดของคุณนอท เห็นได้ชัดว่า คุณนอทพูดโกหกอย่างชัดเจนในรายการ ว่า ลอตเตอรีทุกใบนอทขึ้นเงินเองหมด เพราะอย่างน้อยเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ก็เกิดเป็นประเด็นแห่งคดีขึ้นมาแล้ว อย่างน้อยก็ 1 งวด คือ นายเฟย ได้รับมอบสลากฯ จากนอท ไปขึ้นเงินจากกองสลากฯ แทน จำนวน 53 ล้านบาท ซึ่งเมื่อจับได้ว่านอท พันธ์ธวัช โกหกแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีการถูกจับโกหกอีกกี่ครั้ง พูดง่ายๆ ว่า นอท เคยดำเนินการฟอกเงินในลักษณะนี้อีกกี่ครั้ง
ผมเอาให้ดูนะครับ ใบมอบอำนาจที่นายนอท พันธ์ธวัช ให้นายเฟย ไปขึ้นรางวัล จำนวน 11,481 ฉบับ คิดเป็นเงินรางวัลที่ถูกรวมแล้ว 53,588,710 บาท
ประเด็นที่ห้า ผมขอจับพิรุธเอกสารที่นอทเอามาแถลงข่าว วันศุกร์ที่แล้ว 13 มกราคม 2566 นอท ได้เอาเอกสารหลักฐานแสดงต่อสื่อมวลชนหลายชิ้น เช่น แผนผังการขึ้นเงินลอตเตอรีที่กองสลากฯ บันทึกข้อตกลงที่นายนอท มอบลอตเตอรีและอำนาจให้นายเฟยไปขึ้นเงิน แบบฟอร์มการขึ้นเงิน บันทึกข้อตกลงของนายเฟย การนำเงินมาส่งให้นอท statement ของธนาคาร ท่านผู้ชมครับ น่าเสียดาย เวลาผ่านไปเกือบสัปดาห์ แต่สื่อมวลชนเกือบทั้งหมดกลับไม่ตั้งคำถามที่เกี่ยวข้องกับเอกสารเหล่านั้นเลย ทีมงานผมแม้จะไม่ได้มีต้นฉบับ แต่ได้ถ่ายภาพตามสื่อต่างๆ ก็มีเรื่องที่ตั้งข้อสังเกตดังต่อไปนี้
ข้อสังเกตข้อที่หนึ่ง เอกสารบันทึกข้อตกลงของนอท กับนายเฟย เป็นเอกสารที่ทำขึ้นมาทีหลังหรือเปล่า เอกสารแบบนี้เพื่อที่จะมโน แล้วเคลียร์ตัวเอง สามารถจะทำขึ้นได้ทุกเวลา เพื่อสร้างเอกสารว่าเป็นการมอบอำนาจให้ไปขึ้นเงินแทน ซึ่งผมเองก็ตอบไม่ได้ พิสูจน์ได้ยาก เช่นเดียวกับพิสูจน์ได้ยากด้วยว่าเป็นเอกสารที่ได้ทำขึ้นจริงๆ ตั้งแต่แรก ท่านผู้ชมครับ ใครๆ ก็ทำย้อนหลังได้ทั้งนั้น ถ้าเป็นเอกสารจริง แสดงให้เห็นว่านอท และนายเฟย จะต้องมีความไว้วางใจกันอย่างมากๆ ซึ่งย้อนแย้งกับที่บอกว่าไม่รู้จักกัน
สอง มีเรื่องที่เป็นพิรุธ และผมเชื่อว่าจะเป็นจุดตายของนอท พันธ์ธวัช คือคำอ้างที่ว่า นายเฟย อยากมาเป็นนายทุนผู้ให้กู้ จึงอยากรู้ขั้นตอนของการขึ้นเงิน แต่เหตุใดต้องพานายเฟย ไปขึ้นทะเบียนเป็นผู้ขึ้นเงินล่ะ ไม่เพียงเท่านั้น ยังเอาสลากฯ ที่ถูกรางวัลไปให้นายเฟย ไปขึ้นเงินกับกองสลากฯ เองอีกด้วย
ท่านผู้ชมครับ กุญแจเรื่องนี้อยู่ที่ไหน ? แค่อยากลงทุน อยากรู้ว่าขั้นตอนการขึ้นเงินเป็นอย่างไร ก็เลยให้เขาเอาไปขึ้นเงินรางวัลที่กองสลากฯ นี่คือวิธีการฟอกเงินปลายทางชัดๆ คือซื้อรางวัลที่ถูกจากกองสลากพลัสเพื่อเอาไปขึ้นเงิน อ้างว่าเป็นเงินถูกหวย ได้รางวัลมา สมมุติว่า 20 ล้าน ก็จ่ายนอทไป 20 ล้าน บวกค่าบริการ เหมือนการฟอกเงินด้วยการจ่ายเงินซื้อสลากฯ รางวัลที่หนึ่ง ซึ่งเป็นวิธีที่ทำกันมานานแสนนาน หลายสิบปีแล้ว
แต่ด้วยเทคโนโลยี และกองสลากพลัสสามารถรวบรวมสลากฯ ที่ถูกรางวัลเอาไว้ได้จำนวนมาก คนที่ถูกรางวัลจริงก็ไม่รู้ เพราะได้รับเงินไปแล้ว ส่วนคนที่ไปขึ้นรางวัลกองสลากฯ ก็เป็นคนที่จ่ายเงินให้ และ CEO นอท กองสลากพลัส ก็มอบอำนาจให้ไปขึ้นรางวัล
ท่านผู้ชมครับ ถ้าจะจับพิรุธเพิ่มเติมก็คือ ถ้าจะสาธิตการขึ้นเงินจริงๆ ทำไมต้องทำซ้ำกันตั้งสองครั้ง วันที่ 4 สิงหาคม 2564 ยอด 42 ล้านบาท วันที่ 5 สิงหาคม 2564 อยากรู้ขั้นตอน ทำวันเดียวก็ได้แล้ว จริงหรือเปล่าล่ะ เพราะฉะนั้นแล้ว ข้ออ้างนี้ฟังไม่ขึ้น และผมเชื่อว่าดีเอสไอก็สรุปในใจว่างานนี้ฟังไม่ขึ้น
สรุป พฤติการณ์/พฤติกรรมของนอท กองสลากพลัส เข้าข่ายฟอกเงินหรือเปล่า ? ผมจะนำแผนภูมิที่นอทนำเสอนให้ดู แล้วท่านผู้ชมคิดว่าเป็นการฟอกเงินหรือเปล่า
พฤติการณ์ที่หนึ่ง นอท รวบรวมสลากฯ ถูกรางวัลไว้กับตัวเองได้สำเร็จ เพราะแรงจูงใจการจ่ายเต็มให้กับผู้ซื้อลอตเตอรีที่ได้รับรางวัล
พฤติการณ์ที่สอง นอท อยากได้เงินกู้จาก นาย อ. หรือ นายเฟย เลยพามาดูระบบ อ้างว่านายเฟย ต้องการดูขั้นตอนการขึ้นเงิน แต่แทนที่จะพาไปดูการขึ้นเงินของนอท คือจริงๆ แล้วนายนอทไปขึ้นเงินได้ แล้วให้นายเฟย ไปสังเกตดูได้ แต่แทนที่จะพาไปดูขั้นตอนการขึ้นเงินของนายนอท กลับพานายเฟย ไปขึ้นทะเบียนเป็นผู้ขึ้นเงินกับกองสลากฯ นี่คือการฟอกเงิน
พฤติการณ์ที่สาม นายนอท มอบลอตเตอรีกว่า 10,000 ใบ ให้นายเฟยไปขึ้นเงินแทน นอท อ้างว่าทำบันทึกข้อตกลงกันไว้ 53 ล้านบาท เป็นข้อตกลงหลังบ้าน ไม่เกี่ยวกับกองสลาก
พฤติการณ์ที่สี่ นายเฟย ไปขึ้นรางวัลที่กองสลากฯ ได้เงินมา 53 ล้านบาท นายเฟย กลายเป็นผู้ที่ได้รับเงินกองสลากฯ อย่างถูกกฎหมาย และเงิน 53 ล้านบาท กลายเป็นเงินสะอาดที่มีที่มาที่ไปทันที
พฤติการณ์ที่ห้า นายเฟย นำเงิน 53 ล้านบาท ไปส่งคืนนายนอทภายหลัง เป็นแคชเชียร์เช็ค เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย
พฤติการณ์ที่หก เมื่อเสร็จกระบวนการแล้ว นอท พันธ์ธวัช ให้การโดยอ้างว่า กลับมาเจรจาเรื่องเงินกู้และลงทุนกับนายเฟย แต่ตกลงกันไม่ได้ ก็เลยแยกทางกัน ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมพิจารณาดูให้ดีๆ คนที่เชี่ยวชาญ ชำนาญการ อ่านเกมดูก็รู้ว่านี่คือการฟอกเงิน
ท่านผู้ชมครับ มีคนเข้ามาหาผม พยายามอธิบายเรื่อง นายเฟย ผมบอกว่า หยุด อย่าเพิ่งอธิบายอะไรทั้งสิ้น คุณมาดูพระราชบัญญัติการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาตรา 5 เขาเขียนว่า "ผู้ใดโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่าก่อน ขณะ หรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือ กระทำด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใดๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงิน"
กรณีของ นอท พันธ์ธวัช และ นายเฟย เข้าข่ายมาตรา 5 เต็มๆ เลย
เมื่อรวมกับพฤติกรรมความเป็นมาของนายเฟย ว่าทำธุรกิจพนันออนไลน์ด้วย ผมก็เลยเชื่อว่าคดีนี้ คณะกรรมการของดีเอสไอ น่าจะลงมติการโอนเงิน 53 ล้านบาท ครั้งนี้ เป็นคดีฟอกเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผ่านบัญชีม้า 2 ครั้ง ก็ 2 กรรม นะครับ
ท่านผู้ชมครับ พวกเราคงต้องจับตาอีก 39 รายการ ยอดเงิน 1,091 ล้านบาท ว่าโยงกลุ่มทุนสีเทากลุ่มใดบ้าง
ดีเอสไอ เปิดเผยว่า มีเส้นทางการเงินอีก 39 รายการ ที่โอนเงินให้ นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ในบัญชีส่วนตัว และผมเองก็อยากจะพูดเท้าความถึงสิ่งที่นายนอทเคยให้สัมภาษณ์ ว่าเขาไม่เคยเอาเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของเขา เข้าบริษัท กองสลากพลัส หมดทุกบาททุกสตางค์ นี่ก็คือการโกหกคำโตๆ
ท่านผู้ชม ถ้าเราเอา 1,091 ล้านบาท ไปลองหาร 39 รายการ ค่าเฉลี่ย 1 รายการ ประมาณ 28 ล้านบาท ท่านผู้ชมครับ ไม่ใช่เงินเล็กน้อยนะ แต่ผมอยากให้ความเป็นธรรมกับเขา กับคุณนอท ว่า อีก 1 สัปดาห์ คุณไปชี้แจงดีเอสไอ คุณอาจจะมีอะไรที่เป็นทีเด็ดของคุณก็ได้ เพียงแต่ผมขอกลับมาที่คำโกหกของคุณที่มีคุณดนัย เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 คุณบอกว่า ทุกบาททุกสตางค์ ผมขึ้น (คือสลากฯ ถูกรางวัล) ในชื่อผมหมด ผมเป็นตัวแทนขึ้นเงินของสำนักงานสลากฯ ทุกใบผมขึ้นหมด ท่านผู้ชมครับ ถ้านายนอทพูดจริง คงไม่ยากในการชี้แจงบัญชีส่วนตัวของนายนอท
บัญชีส่วนตัวคุณนอท มีบัญชีโอนเงินจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งต้องใช้บัญชีธนาคารกรุงไทย เข้าบัญชีนอททุกงวด จริงไหมครับ ผมคิดว่าคุณต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ เปิด Bank statement ว่ามีเงินขึ้นรางวัลจากธนาคารกรุงไทย จากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เข้าบัญชีนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ทุกงวดหรือไม่ และยอดเท่าไร จะได้ช่วยพิสูจน์ต่อสาธารณะไปเลยว่า หนึ่ง คุณไม่ได้โกหก และ คุณไม่ได้ขายรางวัลไปให้ใครได้ฟอกเงินอีก ถ้าชี้แจงได้ คุณก็เดินหน้าต่อไปอย่างสบายใจ ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ ผมจะบอกให้รู้นะครับ เหตุการณ์จะบานปลายอย่างแน่นอนที่สุด
ท่านผู้ชมครับ ผมมีเรื่องจะชี้แจงบางประเด็น เรื่องแรก หลายคนสงสัย ยังไม่มีใครพูดถึงเท่าไร และผมเป็นคนแรกที่เปิดเผยว่า เส้นทางการเงิน 42+11 ล้านบาท รวม 53 ล้านบาท ที่นายเฟย โอนให้นายนอท นายคนนี้ ชื่ออะไร ? จริงๆ แล้วคือใคร ? นายเฟย
คราวที่แล้วผมเผยชื่อว่า นายสุทิน อายุประมาณ 48 ปี เป็นลูกน้องในเครือข่ายเจ้าของบ่อนผิดกฎหมาย ที่มีฉายาว่า "บ่อนลอยฟ้า" นายสุทิน ทำธุรกิจเป็นนายหน้า โบรกเกอร์จัดการบัญชีม้า ทำบริการให้ธุรกิจผิดกฎหมาย เพื่อการันตีว่าบัญชีม้าจะใช้ได้ เจ้าของบัญชีไม่แอบไปปิด เพราะมีการควบคุมอย่างใกล้ชิด มีบทลงโทษถ้าใครไปแอบปิด เช่น จับใส่กุญแจมือ เอาไม้เบสบอลทุบ ทางดีเอสไอตามแก๊งนี้มาเป็นเวลา 6 เดือนแล้ว เขาจับกุมคนได้ 5 คน หัวหน้า 1 และเชื่อมไปอีก 7 คน ซึ่งเชื่อว่าเป็นหัวหน้า
ท่านผู้ชมครับ แต่นายสุทิน เป็นแค่หางแถว หัวแถวก็คือคนที่เกี่ยวข้องกับบ่อนลอยฟ้า ลูกชายของเจ้าของบ่อนลอยฟ้า ชื่อ ลุค หลานอีกคนชื่อนายเฟย ตอนนี้โดนคดีของดีเอสไอ เขาได้นำเงินไปฟอกผ่านธุรกิจต่างๆ ที่ผ่านมายังไม่มีใครกล้าเอ่ยชื่อออกสื่อ แต่ตอนนี้เอ่ยชื่อกันหมดแล้ว กองสลากพลัสก็ไม่กล้าออก ชูวิทย์ได้แต่ให้ชื่อย่อ ชื่อเต็ม แต่สื่อก็เซ็นเซอร์ออก เพราะเกรงกลัวอิทธิพล ท่านผู้ชมครับ รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" และผม ชื่อ สนธิ ลิ้มทองกุล เกิดก็ชื่อสนธิ ลิ้มทองกุล ตายก็ชื่อสนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อพูดแล้วต้องพูดให้หมด
ท่านผู้ชมครับ นี่แค่ข้อมูลเบาะๆ เท่านั้น เพราะผมยังมีข้อมูลเด็ดอีกเยอะ ที่เชื่อมโยงเครือข่ายนี้เกี่ยวกับการพนันออนไลน์ เครือข่ายใหญ่นี้ ถ้าหากท่านผู้ชมได้รับทราบ ท่านจะต้องอ้าปากค้าง และผมก็มีเรื่องจะเตือนคุณนอท อีกเรื่องหนึ่ง วันจันทร์ที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมานี้ คุณออกมาแถลงข่าวว่ากำลังตั้งพรรคการเมือง ชื่อ "พรรคเปลี่ยน" ล่าสุดโดนนายรังสิมันต์ โรม ออกมาโวยวายว่าโลโก้ที่คุณจะตั้งนั้น มาเลียนแบบพรรคก้าวไกล หรือพรรคอนาคตใหม่ โดยคุณจะชูประเด็นเรื่องการแก้ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลราคาแพงให้ได้ โดยใช้ชื่อพรรคการเมืองว่า "เปลี่ยน" ไปจดทะเบียนพรรคการเมืองตั้งแต่ 31 สิงหาคม ปีที่แล้ว จองชื่อไว้ตั้งแต่ธันวาคม 2564
คุณนอท เหมือนกับจะเล่นเกมก้าวข้ามไปอีกขั้นหนึ่ง ว่าถ้ามีพรรคการเมืองแล้ว มี ส.ส. เข้ามาแล้ว จะทำให้การเมืองมาเป็นตัวปกป้องตัวเองและการกระทำของตัวเอง อย่างเช่น ถ้าเกิดมี ส.ส. เข้ามาในพรรคของตัวเองสัก 20 คน ก็เอาไปร่วมรัฐบาล 20 เสียง ก็เป็นข้อต่อรองกับรัฐบาลว่า ช่วยสั่งดีเอสไอ ช่วยสั่งตำรวจว่า อย่ามาตรวจสอบอีกต่อไปได้ไหม ผมมีข้อแนะนำคุณนอท อย่างนี้่ครับ
ผมว่าคุณอย่าใช้ชื่อพรรคการเมืองว่า "พรรคเปลี่ยน" เลย ไม่เป็นสิริมงคล ไม่น่าจะสำเร็จ คุณน่าจะใช้ชื่อพรรคการเมืองของคุณว่า "พรรคฟอก" ดีกว่า ส่วนโลโก้สีส้มกับตราสัญลักษณ์พรรคคุณ จะไปคล้ายคลึงกับพรรคการเมืองที่มีอยู่แล้ว อย่างพรรคอนาคตใหม่ หรือพรรคก้าวไกล ก็คงไม่เป็นไร
ข้อที่สอง ผมอยากให้ กกต. รีบรับรองพรรคของคุณเร็วๆ เพราะผมอยากให้คุณเห็นว่า นรกที่กำลังจะมาเยือนคุณนั้น มีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่ผมจะออกรายการสัปดาห์ที่แล้ว รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 172 ในวันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ผมได้เกริ่นล่วงหน้าเอาไว้แล้ว ว่าผมจะจัดประเด็นที่ใหญ่กว่าชุดใหญ่ไฟกะพริบให้ได้รับทราบกัน ตอนนั้นผมใช้คำว่า ชุดใหญ่ไฟไหม้บ้าน ให้ท่านผู้ชมได้รับทราบกัน แต่พอสัปดาห์ที่แล้ว รายการตอน "ถึงเวลาต้องคลายนอท" ออกอากาศไปจริง กลับมีผู้คนให้ความสนใจอย่างมาก บางคนถึงกับแสดงความเห็นว่า นี่มันไม่ใช่ชุดใหญ่ไฟไหม้บ้านแล้ว แต่เรียกว่า "ชุดใหญ่ไฟบรรลัยกัลป์" เลยดีกว่า
สื่อหลายๆ ช่องหยิบเอาเนื้อหารายการผมพูดไปอ้างอิงเพื่อออกอากาศ และถามต่อหน้าคุณนอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ถามกันจนถึงทุกวันนี้ว่าสิ่งที่ผมพูดในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" นั้น เป็นความจริงไหม ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ที่คุณสนธิพูดถึงความเชื่อมโยงกับแทนไท เชื่อมโยงกับเว็บพนัน เชื่อมโยงกับทุนสีเทาฟอกเงิน เป็นความจริงแค่ไหน
ท่านผู้ชมครับ รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่แล้วได้รับความสนใจมากเหลือเกิน เกินความคาดหมายของผมและทีมงาน ท่านผู้ชมมาดูตัวเลขสถิติการเข้าชมได้ ในรายการสดที่คุณนอท แอบเข้ามาดูตอนต้น บอกว่ามีแค่ 2,000 หรือ ? ปรากฏว่าตอนจบมีคนเข้ามาชมสดไลฟ์ทุกแพลตฟอร์ม รวมแล้ว 40,000 คน นอกจากนี้ ภายใน 24 ชั่วโมงแรก หลังจากที่รายการออกอากาศสดไป ก็มีคนเข้ามาชมคลิปเต็ม 2 ชั่วโมงครึ่ง รวมทุกแพลตฟอร์ม มากกว่า 1 ล้าน 2 แสนคน
48 ชั่วโมงแรก หลังออกอากาศสด มีคนเข้าชมคลิปเต็ม 2 ชั่วโมงครึ่ง 2 ล้านคน สถิติการชมไลฟ์สดและคลิปเต็มต่างๆ ในทุกช่องทาง ไม่นับรวมกับคลิปสั้นที่ทยอยตัดออกมาหลังจากนั้น ทีมงานมอนิเตอร์อยู่ เข้าถึง มีผู้ชมรวมๆ ไม่ต่ำกว่า 6 ล้านคน และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทุกวันนี้
ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" สัปดาห์นี้ ผมมีภาคต่ออย่างที่เกริ่นให้ฟังเอาไว้ตอนท้ายของศุกร์ที่แล้วว่า ผมจะเอาเรื่องที่เจ้าหน้าที่รัฐที่อยู่เบื้องหลังนายนอท กองสลากพลัส ออกมาแฉว่า ใครที่เป็นตัวการทำให้นายนอท พันธ์ธวัช และเครือข่ายของเขา ปีกกล้าขาแข็ง เหิมเกริมได้ขนาดนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหนครับท่านผู้ชม คือ "ตำรวจไซเบอร์"
กองบัญชาการไซเบอร์ ชื่อเต็มคือ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ชื่อย่อคือ สอท. ผมบอกไปแล้วว่าในยุทธจักรธุรกิจออนไลน์สีเทา มีมาเฟียใหญ่คุมธุรกิจออนไลน์สีเทาอยู่ นั่นคือ ตำรวจไซเบอร์ เดิมทีเป็น บก.ปอท. กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ปัจจุบันคือ กองบัญชาการ สอท.
มีคนแจ้งให้ผมทราบ ในธุรกิจออนไลน์สีเทาที่เคยทำแล้วตอนนี้ถอนตัวออกมาแล้ว บอกว่า ทุกวันนี้ตำรวจไซเบอร์มีการตั้งโต๊ะเก็บเงินเก็บส่วย เก็บผลตอบแทนกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยว่ากันว่า ใครสนใจจะทำธุรกิจออนไลน์สีเทา จะมีนายหน้าไปพบผู้หลักผู้ใหญ่ใน สอท. ถึงแจ้งวัฒนะ เลย เพื่อ หนึ่ง ไม่ให้มีการดำเนินการแบนหรือขึ้นบัญชีดำเว็บไซต์นั้น สอง ไม่ให้ถูกตำรวจไซเบอร์บล็อกเว็บไซต์นั้นๆ ไม่ให้เข้าชมจากประเทศไทย เพราะเว็บไซต์พนันส่วนใหญ่ เซิร์ฟเวอร์อยู่ในต่างประเทศ ชายแดนไทย กับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพม่า หรือกัมพูชา
ยิ่งกว่านั้น ว่ากันว่าตำรวจไซเบอร์จะมีบริการ "ช่วยแบนเว็บไซต์คู่แข่งที่ทำธุรกิจในทำนองเดียวกัน" ให้กับลูกค้าพิเศษให้ด้วย
อัตราค่าบริการนักธุรกิจออนไลน์สีเทาต้องจ่ายให้ตำรวจไซเบอร์แตกต่างออกไปตามประเภทเว็บไซต์ธุรกิจ จำนวนผู้เข้าชม และรายได้ ยกตัวอย่างเช่น เว็บลามก เว็บโป๊ มีราคาเหมาหลักแสนบาทขึ้นไป ส่วนจ่ายรายเดือนเริ่มต้นที่ 5,000-10,000 บาทต่อเดือน เว็บพนันไม่มีราคาเหมา แต่รายเดือนเริ่มที่ 20,000-50,000 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ ยังมีราคาเฉพาะ ของเว็บไซต์สีเทาประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ดูหนังเถื่อน เว็บไซต์ดูบอลเถื่อนละเมิดลิขสิทธิ์ กล่อง Android Box ที่ดูดสัญญาณมาจากทรู วิชั่นส์ AIS Play อย่างเว็บไซต์ที่ ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ โวยวายมา คือเว็บไซต์ มาเก๊า888 ที่ตกเป็นข่าวแฉ เว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์เครือข่ายลูกๆ หลานๆ ของพนันออนไลน์ UFA ถือว่าเป็นสายรองๆ ของสายหลัก ระดับบิ๊กอย่างอั้ม ภูมิพัฒน์ หรือ เอ็ดดี้ พันณรงค์ ขุนพิทักษ์ อีกทีหนึ่ง ซึ่งเอ็ดดี้ตอนนี้หนีหมายจับไปอยู่ที่กรุงลอนดอน แล้วพาลูกน้องคนสนิทไปอีก 2 คน แล้วก็ไปซื้อกิจการโรงแรม ว่ากันว่ามูลค่าประมาณ 9,000 ล้านบาท ที่อยู่ในลอนดอน ก็คงจะไม่กลับเมืองไทยแล้ว
แต่ในเชิงลึก ผมได้ข่าวมาว่า กรณี "มาเก๊า888" เป็นการขัดกันในเรื่องผลประโยชน์ระหว่างวงในกลุ่มแก๊งพนัน ซึ่งฝ่ายหนึ่งเขาเอือมที่จะจ่ายเงินให้กับคุณดิว คือคุณดิว เคยเป็นแฟนของเจ้าของเว็บไซต์นี้ คุณดิวเลิกไป แล้วขอค่าเลิก 60 ล้านบาท บางคนบอกว่า 80 ล้านบาท ทางนี้ไม่ยอมจ่ายให้ จ่ายครึ่งเดียว แต่ก็ปรากฏว่า ในที่สุดก็ต้องยอม เพราะกลัวว่าคุณดิวจะอาละวาด เพราะคุณดิวนั้นสายสัมพันธ์ก็ไม่ใช่ธรรมดา มีคนซึ่งอยู่ในแวดวงการเมืองบางคนเคยเป็นแฟนคุณดิว และก็มีอำนาจ มีอิทธิพลทางการเมืองพอสมควร
เรากลับมาเรื่องตำรวจไซเบอร์ มาเฟียใหญ่วงการธุรกิจออนไลน์สีเทา ดีกว่า ก่อนที่ผมจะพูดต่อ ผมจะฝากให้กับน้องคนหนึ่ง ชื่อ แจ็ค พ.ต.อ.กฤษณะ ผมรู้ว่าตอนนี้คุณเป็นประชาสัมพันธ์ของกองบัญชาการไซเบอร์ ถ้าคุณกล้าให้สัมภาษณ์มาชนผม หรือคุณกล้ามาฟอกขาวให้กับกองบัญชาการไซเบอร์ คุณกฤษณะ ครับ คุณเจอผมแน่นอน แล้วผมจะได้ขุดเอาส่วนลึกที่สุด ผมยังเก็บเอาไว้ เอามาวางบนโต๊ะให้คุณดู
ท่านผู้ชมครับ รายละเอียดที่ผมกล่าวไปตอนที่แล้ว ผมเกริ่นเพียงน้ำจิ้มเอาไว้ สิ่งที่ผมจะเอามาให้ดูในสัปดาห์นี้ ต้องบอกว่าเป็นเมนคอร์ส หรืออาหารหลัก ลองตามผมมา
"ลูกหลานตำรวจไซเบอร์เข้าหุ้น นอท ทำกองสลากพลัส พันธุรกิจฟอกเงิน" เรื่องนี้่เป็นเรื่องใหญ่ที่เคยมีคนเปิดเผยข้อมูลออกมาบ้างแล้ว แต่ไม่เคยมีใครทำอย่างจริงจังและฉายภาพความเชื่อมโยงอย่างที่ผมกำลังจะฉายให้ท่านผู้ชมได้เห็น
เส้นทางชีวิตของ นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ท่านผู้ชมคงจะพอเห็นได้ว่าเขาเดินมาบนเส้นทางของธุรกิจสีเทาเกือบตลอดทั้งเส้น ไม่ว่าจะเป็นออฟไลน์ หรือออนไลน์ ตั้งแต่ยาเสพติด เว็บพนัน เว็บละเมิดลิขสิทธิ์ เว็บหนังโป๊ มาจนถึงล่าสุด การขายสลากกินแบ่งฯ ออนไลน์ หรือลอตเตอรีออนไลน์ ที่หน้าฉากเหมือนธุรกิจที่ถูกกฎหมาย พยายามแก้ปัญหาเรื่องสลากฯ แพง สลากฯ หายาก ปัญหาการขึ้นรางวัล แต่แท้จริงแล้วหลังฉากคือขบวนการฟอกเงินให้อาชญากรกลุ่มต่างๆ ผ่านสลากกินแบ่งฯ นั่นเอง
นอท เริ่มธุรกิจออนไลน์ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 จนถึงปัจจุบัน คือต้นปี 2566 เป็นเวลา 2 ปีกว่าแล้ว ข้อมูลที่ผมและทีมงานไปพบเกี่ยวกับการทำธุรกิจของเขาในช่วง 2 ปีกว่านั้น มีจุดที่น่าสนใจจุดหนึ่งคือ บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด ที่เขาใช้ทำธุรกรรมต่างๆ ของ "กองสลาก.com" ซึ่งตอนหลังเปลี่ยนชื่อมาเป็น "กองสลากพลัส" จากข้อมูลธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด ตั้งขึ้น มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ประกอบกิจกรรมธุรกิจสลากกินแบ่งฯ ตั้งอยู่ที่เลขที่ 555/57 สุขุมวิท 63 เอกมัย มีบริษัทตั้งอยู่ที่เดียวกัน คือ บริษัท ลอตเตอรี่พลัส จำกัด ตั้งมาตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2564 ผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการ ชื่อ น.ส.ศิรินภา บุตรน้ำเพชร แต่ยังไม่มีรายการเรื่องประกอบกิจการใดๆ โดยนอทอาจจะตั้งไว้เป็นบริษัทสำรอง อย่างไรก็ไม่อาจทราบได้
ปัจจุบัน เดือนมกราคม 2566 บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด มีนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ เป็นกรรมการเพียง 1 คน และเป็นคนเดียวที่มีอำนาจในการลงนาม ท่านผู้ชมครับ น่าสนใจมาก มาดูเรื่องผู้ถือหุ้น พบว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีความเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญอย่างน้อย 3 ครั้ง หนึ่ง ปัจจุบันบริษัทฯ มีผู้ถือหุ้น 3 คน คือ 1. นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ถืออยู่ 95% มูลค่า 13 ล้าน 5 แสนบาท 2. นายจตุภัทร บุญสุวรรณ์ ถือหุ้น 3% มูลค่าหุ้น 426,957 บาท 3. นายชัชวงศ์ ธรรมราภา ถือหุ้น 1,000 หุ้น 2% มูลค่า 284,638 บาท
ทีนี้ ท่านผู้ชมครับ เราย้อนหลังมองกลับไปสักนิดหนึ่ง ธันวาคม 2564 ก็คือหนึ่งปีกว่าที่แล้ว 1 ปี กับ 1 เดือน อันดับหนึ่ง ผู้ถือหุ้นคือ นายพันธ์ธวัช นอท 88% 12.5 ล้านบาท อันดับสอง ชื่อ สุรชัช คล้ายคลึง ถือหุ้น 5% มูลค่า 711,596 บาท อันดับสาม คือ จตุภัทร บุญสุวรรณ์ ถือหุ้น 3% มูลค่าหุ้น 426,000 กว่าบาท อันดับสี่ ชัชวงศ์ ธรรมราภา 2% 284,000 อันดับห้า ศิริพร สุวรรณพิทักษ์ 2% 284,600 กว่าบาท
ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นอีก คือเดือนมีนาคม 2564 เมื่อกี้นี้ผมเอาบัญชีผู้ถือหุ้นเดือนธันวาคม 2564 เราย้อนกลับไป 10 เดือน มีนาคม 2564 พันธ์ธวัช ถือหุ้นอยู่ 98% ฉัตรป้อง ฮุนนางกูร ถือหุ้นอยู่ 1% วายุ นาควิสุทธิ์ ถือหุ้นอยู่ 1%
ประเด็นคืออะไร ? ประเด็นคือการเปลี่ยนแปลงและรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด นี้ไฮไลต์อยู่ที่ไหน ? อยู่ตรงที่รายชื่อผู้ถือหุ้นเดือนธันวาคม มีผู้ถือหุ้น 5 คน คือ 1. พันธ์ธวัช 2. สุรชัช คล้ายคลึง 3. จตุภัทร บุญสุวรรณ์ 4. ชัชวงศ์ ธรรมราภา 5. ศิริพล สุวรรณพิทักษ์
เผอิญผมเป็นคนที่รู้จักตำรวจเยอะ รู้จักมาเป็นหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่สมัยผมยังหนุ่ม ผมสะดุดนามสกุลผู้ถือหุ้นรายหนึ่ง ที่ชื่อ สุรชัช คล้ายคลึง นามสกุล "คล้ายคลึง" เป็นนามสกุลของคนที่อยู่ในแวดวงตำรวจ เริ่มจาก พ.ต.ท.ฉอ้อน คล้ายคลึง อดีตตำรวจมือปราบ ผู้มากด้วยความสามารถบนถนนหลวง จนได้รับฉายาว่า "สิงห์ร้ายไฮเวย์" จากสื่อมวลชนในอดีต เพราะเป็นตำรวจผู้มีชื่อเสียง รู้จักกันในแถบพื้นที่ภาค 7
พ.ต.ท.ฉอ้อน คล้ายคลึง มีลูกชาย 4 คน เป็นตำรวจหมด คนแรกคือ พ.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง อดีตผู้บังคับการตำรวจทางหลวง 3 คนที่สอง ชื่อ หนุ่ม พ.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 คนที่สาม บิ๊กแจ้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจไซเบอร์ 1 คนที่สี่ บิ๊กแจง พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ปัจจุบัน อดีตเป็นผู้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์คนแรก
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณต์ กับ พล.ต.ท.กรไชย ซึ่งชื่อเดิมคือ ชัชชาย เป็นฝาแฝดกัน พล.ต.ต.ชัชฯ เป็นแฝดผู้พี่ ส่วน พล.ต.ท.กรไชย เป็นแฝดผู้น้อง แล้วสุรชัช คล้ายคลึง เป็นใคร ? คำตอบคือ เป็นบุตรชายคนโตของ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ (แจ้) และเป็นหลานชายแท้ๆ ของ พล.ต.ท.กรไชย (แจง) นั่นเอง
สุรชัช คล้ายคลึง เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 74 ลูกชายคนโตของ พล.ต.ต.ชัชฯ เรื่องนี้มีการเปิดเผยมาแล้ว คุณนอท พันธ์ธวัช ยอมรับว่ารู้จักกันเป็นการส่วนตัวกับทั้ง พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณต์ และ พล.ต.ท.กรไชย (แจง) แน่นอน ก็ต้องรู้จักกับ สุรชัช คล้ายคลึง เพราะเคยเป็นหุ้นส่วนกันในบริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด
รายการ "เจาะลึกทั่วไทย" วันที่ 8 เมษายน ช่วงมีข่าวทลายแพลตฟอร์มต่างๆ ตอนนั้นมี มังกรฟ้า และ กองสลากพลัส คุณนอท ได้เคยให้สัมภาษณ์กับคุณดนัย เอกมหาสวัสดิ์ เกี่ยวกับที่มาที่ไปของผู้ถือหุ้นชื่อสุรชัช คล้ายคลึง ไว้ดังนี้ คุณดนัย บอกว่า สุรชัช คล้ายคลึง คนๆ นี้เขาเป็นตำรวจใช่ไหม นอท บอกว่า ไม่ใช่ตำรวจครับ เขาเป็นลูกชายพี่แจ้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณต์ พี่ชายพี่แจง พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง คุณดนัย ถามต่อ สรุปก็คือว่า คุณสุรชัช เขาจบนายร้อยตำรวจก็จริง แต่เขาไม่ได้รับราชการตำรวจหรือ นอท ตอบว่า ตอนผมรู้จักเขา เรารู้จักในคลาสการตลาดคลาสหนึ่งเมื่อประมาณสักกลางปี 64 แล้วน้องอยากฝึกงานบริษัท ก็บอกว่า น้องมาทำงานด้วยกันมั้ย มาลองทำดู ตอนนั้นผมกำลังแย่ กำลังเริ่ม น้องเอาเงินมาลงนิดหน่อย ประมาณ 2 ล้านบาท แล้วน้องก็ไม่ว่างตั้งแต่นั้นมา ทำงานกันอยู่ประมาณ 1-2 เดือน แล้วน้องก็ไปดูธุรกิจตัวเอง ก็เลยไม่มาประชุมอีกเลย
ดนัย ถามต่อ ชื่อของสุรชัช ยังคาอยู่ เป็นผู้ถือหุ้นคนหนึ่งของกองสลากพลัสมาตลอด ถูกไหม นอท บอกว่า ก็คุยกับน้องแล้ว เดี๋ยวจำเป็นต้องปรับลดสัดส่วนหุ้นลงนะ ดนัย ถามต่อ สรุปคือ สุรชัช เป็นลูกบิ๊กแจ้ เป็นหลานของบิ๊กแจง ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ ถูกมั้ย นอทบอก ครับผม คุณดนัย บอกว่า ไปรู้จักกันมาใช่ไหม นอทบอก ใช่ ในคลาสการตลาด
ดนัย ถามต่อ เอาเป็นว่าเจอกันตั้งแต่ประมาณต้นปี 2564 เขาบอกว่า ในเฟซบุ๊กผมมีภาพที่ผมทานข้าวกับพี่แจ้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณต์ คล้ายคลึง อยู่ จะเป็นช่วงนั้นเลยครับ เพราะพี่แจ้เขาสนใจธุรกิจของผมเป็นอย่างไร จะเอาลูกเขามาถือหุ้น ก็เรียกผมไปคุย ว่าเออ ธุรกิจมันเป็นยังไง ผมเสี่ยงมั้ย มันผิดกฎหมายมั้ย ผมก็ไปนั่งอธิบายให้ฟัง
นอท พันธ์ธวัช ก็กล่าวปกป้องบิ๊กแจ้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณต์ คล้ายคลึง ว่า ไม่ได้สนใจธุรกิจออนไลน์ เพราะเป็นตำรวจ แต่เป็นห่วงเป็นใยลูกชาย เมื่อสอบถามได้ชัดเจนก็เลยไฟเขียวให้ลูกชายเข้ามาถือหุ้นในบริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด นอท พันธ์ธวัช ยังยืนยันว่าเคยเจอ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณต์ ประมาณ 2-3 ครั้ง อย่างไรก็ตาม นอทบอกว่า ไม่เคยเจอบิ๊กแจง พล.ต.ท.กรไชย นอทบอกว่า แล้วบอกตรงๆ ครับ ไม่มีการหนุนหลังใดๆ ทั้งสิ้นนะ เช็กโทรศัพท์ผมได้ ย้อนหลังหลายๆ เดือน นอทพยายามแก้ตัวถึงสายสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ในกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์
ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมเอาเรื่องเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ และเอาสายสัมพันธ์ระหว่าง นอท พันธ์ธวัช CEO กองสลากพลัส รวมทั้งบทสัมภาษณ์ในอดีตแบบละเอียดมาเปิดให้ท่านผู้ชมได้เห็นชัดๆ อีกครั้ง ว่าในอดีต เมื่อปีที่แล้ว เขาเคยพูดไว้อย่างไร ส่วนท่านผู้ชมจะเชื่อที่เขาพูดหรือไม่ว่าเขาไม่เคยได้รับการหนุนหลังใดๆ จากบิ๊กในกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ ที่สนิทหรือไม่สนิท ไม่รู้ แต่ในอดีตบริษัทที่เป็นเจ้าของกองสลากพลัส เคยมีผู้ถือหุ้นเป็นลูกหลานของนายตำรวจใหญ่ในกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์
จุดที่น่าสังเกตที่ผมอยากจะอธิบายให้ฟัง เงินลงทุนจำนวน 2 ล้านบาท ที่นอทอ้างว่า สุรชัช คล้ายคลึง นำมาลงทุนในบริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ พร้อมกับรับตำแหน่งเป็นว่าที่ผู้บริหารระดับ COO หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Chief Operating Officer หรือว่าเป็นประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ แต่กลับได้หุ้นเพียง 5% คิดเป็นมูลค่า 7 แสนกว่าบาทนั้น ไม่ถึง 2 ล้านบาท เท่าที่ให้สัมภาษณ์
สถานการณ์ในวันนี้ หน้ากากที่แท้จริงของ นอท พันธ์ธวัช กำลังจะถูกฉีกออกมาเรื่อยๆ ว่าแท้จริงแล้ว บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด หรือ กองสลากพลัส เป็นตัวกลางสำคัญในการฟอกเงินให้กลุ่มอาชญากรทั้งหลาย โดยไม่เป็นเพียงการกระทำในวันนี้ แต่ย้อนหลังไปในอดีตตั้งแต่ก่อตั้งมา อย่างน้อยที่สุด ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม ที่นายนอท พันธ์ธวัช รับโอนเงินมาจากนายสุทิน เครือข่ายอาชญากร รับเปิดและบริหารบัญชีม้า รวมถึงพนันออนไลน์
ท่านผู้ชมครับ ผมมีคำถามว่า ทำไมที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ บทบาทของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ ถึงเงียบเชียบอย่างนี้ ทั้งๆ ที่อาชญากรรมออนไลน์ที่เกิดขึ้นนั้น ที่ดีเอสไอทำอยู่นั้น อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจไซเบอร์
ท่านผู้ชมครับ การตั้งกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์นั้น ผมไม่ได้คัดค้าน ผมเห็นด้วย เพราะว่าอาชญากรรมทางด้านไซเบอร์ ออนไลน์ มันมีเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการขายของละเมิดลิขสิทธิ์ หรือในการขายของต้องห้าม ผิดกฎหมาย ออนไลน์ แต่ที่สำคัญที่สุด ท่านผู้ชมสังเกตเหมือนผมไหม ถ้าท่านไม่สังเกต ผมจะเล่าให้ฟังก็ได้ ตอนนี้กองบัญชาการไซเบอร์เป็นขุมเงินขุมทอง ตำรวจหลายต่อหลายคนวิ่งเต้น ตีนขวิด ขอย้ายมาอยู่ในนี้ แล้วมีการย้ายตำรวจบางคนระดับผู้กำกับที่ไม่ร่วมทีมด้วยออกไปไกลๆ เอาคนของตัวเองเข้ามา แล้วไซเบอร์กำลังขยายงานไปตามต่างจังหวัด 4 ภาค ท่านผู้ชมครับ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ทั้ง 2 คน คนล่าสุด เป็นลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายปราบปราม ถ้าเส้นไม่ใหญ่จริง มานั่งไม่ได้หรอกท่านผู้ชม เพราะไซเบอร์นี่แตะไปตรงไหน เป็นเงินทั้งนั้น อุปมาอุปไมยผมเคยเล่าให้ท่านผู้ชมฟังแล้วไม่ใช่หรือ ว่าตำรวจนครบาลทำมาหากินกับอบายมุข มันมีร้านเปิด ผับบาร์ทุกอย่าง ต้องจ่ายค่าบริการให้ตำรวจ เล็กหน่อยก็ 10,000 ใหญ่หน่อยก็ 15,000 เปิดดึกหน่อย มีดนตรี 20,000-30,000-40,000 ก็ว่ากันไป แต่ไซเบอร์ทำมาหากินจากตรงไหน ? จากพวกของผิดกฎหมายออนไลน์ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ทำง่ายที่สุดก็คือเว็บพนัน
เว็บพนันทั้งหลาย หรือพวกที่ขายของผิดกฎหมายบนออนไลน์ อุปมาอุปไมยก็เหมือนกับร้านผับบาร์ในนครบาล เป็นอบายมุข เมื่อนครบาลทุบตีพวกนี้ได้ ทำไมไซเบอร์จะทุบตีพวกนี้ไม่ได้
ท่านผู้ชมครับ เดี๋ยวผมจะยกตัวอย่างบางตัวอย่างให้ฟัง ทุกอย่างเป็นเงินไปหมด ผมเล่าให้ฟังตอนต้นแล้วไงว่ามีราคาของการทำเว็บพนัน เว็บโป๊ต้องจ่ายเท่าไรๆ แล้วมีการเอาเซิร์ฟเวอร์ของพวกเว็บพวกนี้ไปตั้งรวมไว้ที่สถานที่หนึ่ง แล้วให้ตำรวจระดับสารวัตรคนหนึ่งไปนั่งคุม ถ้าไม่จ่ายค่าต๋ง ก็ปิดเซิร์ฟเวอร์นั้นไปเลย ถ้าจ่ายก็เปิดต่อไป บางที บางเรื่อง ตำรวจไซเบอร์เดินไปทุบตีเขาทุกเรื่อง เดี๋ยวผมมีบางกรณีจะเล่าให้ฟัง
ท่านผู้ชมครับ ในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการฉ้อโกงกันอย่างมหาศาลโดยผ่านทางโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นแชร์แม่คนโน้น แชร์แม่คนนี้ แม้กระทั่งเด็ก น้องตะวัน อายุ 15 ปี ที่ต้องเสียชีวิต ผูกคอตาย เพราะว่าโดนโกงในทางเฟซบุ๊ก ครอบครัวแตกสลาย ธุรกิจสีเทา/สีดำออนไลน์ เกี่ยวโยงกับขบวนการแชร์ลูกโซ่ออนไลน์ ขบวนการเปิดบัญชีม้า ขบวนการฟอกเงินผ่านคริปโทเคอร์เรนซี ยังไม่นับรวมการฉ้อโกงการชักชวนเล่นการพนันออนไลน์ ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ธุรกิจออนไลน์ผิดกฎหมายอีกเป็นแสนๆ คดี อยู่ที่กองบัญชาการไซเบอร์ต้องรับผิดชอบ ธุรกิจพวกนี้อยู่ภายใต้ร่มเงาของกองบัญชาการไซเบอร์ สร้างความฉิบหายให้กับครอบครัวไทยทั่วประเทศ เด็กวัยรุ่นต้องเป็นหนี้เป็นสินแก๊งพนัน บางคนเป็นหนี้มากก็คิดสั้น ฆ่าตัวตาย บางคนไปลักชิงวิ่งราว ปล้นเขา บาปที่แก๊งขบวนการเหล่านี้ก่อกรรมทำเข็ญให้กับแผ่นดินไทย สังคมไทย มันมากมายเหลือเกินจริงๆ ครับนาย ตำรวจไซเบอร์ครับ พวกคุณอายกันบ้างหรือเปล่า มัวแต่ตบทรัพย์เว็บพนัน งานการไม่ทำ อะไรถ้าไม่มีเงิน คุณไม่ทำ โคตรอายเลย คุณจะมีไปทำไม ตำรวจไซเบอร์ ยุบมันไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ผมไม่เชื่อใจใคร ผมเชื่อใจจิรภพ ผู้บัญชาการก้อง ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ซึ่งเป็นคนตรงไปตรงมา เงินทองซื้อไม่ได้
ไม่เพียงเท่านั้น พวกวัยรุ่นสีเทาทำธุรกิจเหล่านี้ร่ำรวยมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นอั้ม ภูมิพัฒน์ แทนไท นอท กองสลากพลัส จับมือกันเป็นเครือข่ายส่งส่วยตำรวจไซเบอร์ ร่ำรวยกันมหาศาล เป็นพันเป็นหมื่นล้าน เพราะรู้ตัวว่าถ้าเข้าสวามิภักดิ์ ฝากเนื้อฝากตัว ไม่ขาดส่งตั๋ว จะได้รับการคุ้มครองอย่างดีเยี่ยมอย่างแน่นอน
จนวันนี้ ดิว อริสรา มาบอกว่า เว็บ "มาเก๊า888" คือเว็บพนันออนไลน์และแหล่งฟอกเงิน ตำรวจไซเบอร์ก็เฉย แทนที่ผู้บัญชาการไซเบอร์ซึ่งเป็นเด็กของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะออกมาแถลงว่าผมสั่งเช็ก ตรวจสอบอย่างรวดเร็วแล้ว ไม่มี เงียบสนิท ถ้าพูดถึงเว็บพนันออนไลน์แล้ว ไซเบอร์มันเงียบ
มันมีอย่างนี้ครับท่านผู้ชม แต่ถ้าอะไรก็ตาม ที่ทำง่าย แล้วทำออกมาแล้วคนเจ็บก็คือคนทำธุรกิจผิดกฎหมาย ยกตัวอย่าง บุหรี่ไฟฟ้า
บุหรี่ไฟฟ้านี่ตำรวจไซเบอร์ชอบจริงๆ เคี้ยวง่ายกลืนคล่อง อิ่มหมีพีมันกันเลย ธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าวัยรุ่นไทยชาย-หญิงเดินดูด เดินพ่นควันกันทั้งบ้านทั้งเมือง เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายอยู่ในบ้านเรา ณ ปัจจุบัน แล้วตำรวจไซเบอร์ไปเกี่ยวข้องอะไรกับธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า ? สามปีกว่าที่ผ่านมา ตั้งแต่ยุคก่อนโควิด เรื่อยจนถึงยุคโควิด ก้าวเข้าสู่ยุคหลังโควิด กองบัญชาการไซเบอร์กลายเป็นขุมเงินขุมทอง ขุมทรัพย์ของวงการตำรวจที่ใครๆ ก็อยากเข้ามาอยู่ เพราะธุรกิจทุกอย่าง บนดิน ใต้ดิน ทำธุรกิจ ธุรกรรมต่างๆ มันเกี่ยวข้องกับออนไลน์หมด บุหรี่ไฟฟ้า ก็ทำธุรกิจกันเป็นล่ำเป็นสัน ซื้อกันได้อย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์ ร้านไหนอยากขายผ่านออนไลน์แบบไม่ติดขัด ก็ต้องจ่ายส่วยให้ตำรวจไซเบอร์ ไม่อย่างนั้นก็ถูกล่อซื้อ ทลายโกดัง บุกจับ อายัดบัญชี
ท่านผู้ชมครับ มันมีหน้าเสื่อหัวเบี้ยซึ่งเป็นพลเรือน ชื่อ นายแบงค์ เด็กหนุ่มแดนใต้ แต่ไหนแต่ไรแล้ว ไอ้หมอนี่้เป็นมือเป็นตีนให้กับตำรวจระดับผู้กำกับคนหนึ่งในตำรวจไซเบอร์ นักเรียนนายร้อยรุ่น 41 แบงค์ได้รับป้ายประกาศิตให้เป็นหน้าเสื่อใหญ่เดินเก็บตั๋วธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าทั่วประเทศ ทั้งที่ขายในโลกออนไลน์ หรือพวกที่มีแผง มีหน้าร้าน แบงค์ไปเหยียบที่ไหน ใครไม่จ่าย ใครไม่เคลียร์ มันยกหูโทรศัพท์กริ๊งเดียว เป็นอันว่าต้องเก็บฉากลิเก เก็บโรง โดนจับ โดนทลายโกดัง ของกลางที่จับมาได้ แบงค์จะตัดยอดของกลางเอาออกมาขายเอง เปิดหน้าร้านแบบโจ๋งครึ่งทั่วจังหวัดนนทบุรี แท็กทีมกับรายใหญ่อีกเจ้า ยึดพื้นที่จังหวัดนนทบุรี เอ่ยชื่อ คนในวงการบุหรี่ไฟฟ้าต้องร้องอ๋อ รายใหญ่นี้สองคนผัว-เมีย ตัวแสบ ชื่อแพค กับ รุ้ง อีกหนึ่งกระเป๋าตังค์ สายส่วยธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าของกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์
กลุ่มบริษัทเหล่านี้มีอยู่ 5 แห่ง ที่เปิดขายที่นนทบุรี ขายทั้งในเพจเฟซบุ๊ก มีหน้าร้านอยู่ในจังหวัดนนทบุรี ทำไมถึงทำอย่างนั้นได้ ? เพราะมีผู้ใหญ่ในไซเบอร์คุ้มกะลาหัวไว้
นอกจากนี้ ยังมีสุราต่างประเทศหนีภาษี มีสัมปทานกันมาแต่ดึกดำบรรพ์ ขนมาจากมาเลเซีย อันนี้จะว่าไปแล้วถือว่าเป็นของตายที่ลูกน้องจะคอยเก็บกิน วิธีการคือ เรียกผู้ประกอบการมาเปิดเมมเบอร์ ฟังดูแล้วสวยหรู แต่มันคือเงินสีเทา ถ้ายัดเงินมาก จ่ายมาก จะได้โควตาหิ้วเข้ามาเยอะ ใครจ่ายน้อย ยัดน้อย จะได้โควตาท้ายๆ ไปตามจำนวนส่วยที่จ่าย ว่ากันง่ายๆ นายกินรวบ เหลือเศษสตางค์เท่าไร ก็ให้เด็กมันเอาไปแบ่งกันกิน
ขายของออนไลน์ ขายของหนีภาษี หิ้วของจากต่างประเทศ ขายของไม่ได้มาตรฐาน รูปแบบขายบนโลกโซเชียล โลกออนไลน์ ทุกรูปแบบ ทุกแพลตฟอร์ม ตำรวจไซเบอร์ตีเมืองขึ้นได้หมด
ท่านผู้ชมครับ ผมไม่รู้จะพูดอย่างไรกับเรื่องนี้ ผมอึดอัดใจเรื่องนี้มานานแล้ว ตำรวจไซเบอร์ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามีเว็บพนันเยอะมาก แล้วไม่ใช่ไม่รู้ว่ามีขาใหญ่ข้างบน โค้ดลงด้วย 168 ถ้าลงมาข้างล่างก็คือพวก 888 ท่านผู้ชมครับ ประเทศนี้ล่มสลาย ตำรวจก็เป็นส่วนหนึ่ง พวกคุณไม่อายกันบ้างเลยหรือ ผมพูดตรงๆ เลย ผมพูดตรงๆ ตำรวจไซเบอร์ มิน่า วิ่งกันตีนขวิด อยากเข้าไป แตะตรงไหน เข้ามาในเว็บ นี่ขายของผิดกฎหมาย เช็กซิอยู่ทีไหน ไปที่คอนโดฯ เปิดประตู เคาะประตูมา ค้น เจอข้าวของเสร็จเรียบร้อย น้อง พี่ขอ 4 แสน หนูมีแค่ 2 แสนเองค่ะ ไม่ได้ ไปหามา จับเข้าคุกเลย เด็กผู้หญิงคนนั้นที่ต้องการรวยเร็วก็โทรให้เพื่อนเอาเงินอีก 2 แสน มาเคลียร์ พอเคลียร์เสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยตัวมา มิหนำซ้ำยังไปบอกเด็กอีก หนูจ๋า ต้องส่งให้พี่อีกเดือนละหมื่นนะ ถ้าหนูไม่ส่ง เดี๋ยวพี่จะมาเยือนหนูอีก
ท่านผู้ชมครับ ขออนุญาต มัน เฮีย ไหม ??