ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - มีเรื่องให้สังคมคาใจไม่วายเว้น สำหรับ “เสี่ยท๊อป” นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภ ผู้ก่อตั้งกลุ่มบิทคับ ผู้ซึ่งโน้มน้าวให้สังคมเชื่อว่าเทคโนโลยีสามารถเปลี่ยนโลกให้โปร่งใสได้ (ยกเว้นกลุ่มบิทคับ)
คราวนี้มีคำถามเหตุไฉน “บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด” จึงยื้อเวลามาร่วมปีกว่าจนบัดนี้ก็ยังไม่ส่งงบการเงินประจำปี 2564 ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่น่ากังขาอย่างยิ่งก็ด้วยว่าในปีดังกล่าวมีการออกเหรียญ KUB จำนวน 1 พันล้านเหรียญ มูลค่ากว่า 3.3 พันล้านบาทเลยทีเดียว
การยื้อเวลาไม่กล้าโชว์ตัวเลขงบการเงินดังกล่าวใช่หรือไม่ว่ามีอะไรในกอไผ่ ซุกซ่อนอะไรไว้ทำไมถึงยังไม่กล้าเปิดเผยทำอุบอิบมุบมิบเอาไว้คล้ายกับหลายกรณีที่กลุ่มบิทคับดำเนินธุรกิจแบบหมกเม็ดไม่โปร่งใส จนกระทั่งถูกคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งสอบสั่งปรับนับสิบๆ คดี
งานนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ ก.ล.ต. คงต้องเข้าเคลียร์อีกแล้วกระมัง เพราะตอนนี้ตลาดคริปโตเคอเรนซีของโลกกำลังโงหัวจากภาวะหมีจากการพุ่งขึ้นของราคาเหรียญบิทคอยน์ กระแสเฮโลเล่นคริปโตฯ อาจกำลังย้อนกลับมา และเหรียญ KUB ก็อาจได้เวลา “ปั่น” กันอีกครั้งจากการออกแคมเปญโครงการต่างๆ ของกลุ่มบิทคับ ที่มี “บิทคับ บล็อคเชน” เป็นหัวหอก
สำหรับเรื่องราวการขาดส่งงบการเงินปี 2564 ของบิทคับ บล็อกเชน นั้น จากการตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจเป็นกลุ่มที่ปรึกษาด้านไอซีโอ และเป็นผู้พัฒนาเครือข่ายบิทคับเชน ซึ่งบริษัทในกลุ่มของบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ กลุ่มบริษัท Bitkub ยังไม่ยื่นส่งบัญชีงบดุลประจำปี 2564 เพื่อชี้แจงตัวเลขทางการเงินในรอบบัญชีดังกล่าวให้แก่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า แต่อย่างใด
สำหรับงบการเงินปี 2564 มีประเด็นสำคัญที่น่าสนใจอยู่ตรงที่ว่า ในปีนั้นกลุ่มบริษัท Bitkub โดยบริษัท บิทคับ บล็อคเชนฯ ได้ออกเหรียญดิจิทัลของกลุ่มในชื่อ “KUB” จำนวน 1 พันล้านเหรียญ เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2564 ซึ่งการออกเหรียญดังกล่าวน่าจะมีผลต่อผลประกอบการและบัญชีงบดุลของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่บริษัทแม่อย่างบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และ บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด ผู้ประกอบการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ส่งบัญชีงบดุลปี 2564 เป็นที่เรียบร้อย
ทั้งนี้ เมื่อพินิจพิจารณาจากหลักฐานการออกหนังสือรับรองเลขที่ 10091220002243 ที่สำนักทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง กรมทะเบียนธุรกิจการค้า ออกให้แก่บริษัท บิทคับ บล็อคเชน ยิ่งมีเรื่องให้ชวนสงสัยอีกไม่น้อย เพราะกรมทะเบียนธุรกิจการค้า ระบุในข้อควรทราบประกอบหนังสือรับรองดังกล่าวว่า 1.บิทคับ บล็อคเชน ขาดส่งงบการเงินปี 2564 2.หนังสือนี้รับรองเฉพาะข้อความที่ห้าง/บริษัท ได้นำมาจดทะเบียนไว้เพื่อผลทางกฎหมายเท่านั้น ข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่ควรหาไว้พิจารณาฐานะ และข้อ 3. นายทะเบียนอาจเพิกถอนการจดทะเบียน ถ้าปรากฏว่าข้อความอันเป็นสาระสำคัญที่จดทะเบียนไม่ถูกต้องหรือเป็นเท็จ
นั่นหมายความว่า บิทคับ บล็อคเชน ไม่เพียงแต่มีปัญหาขาดส่งงบการเงินเท่านั้น ข้อความที่บริษัทนำมาจดทะเบียนยังต้องแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาฐานะของบริษัท ทั้งยังระบุชัดเจนด้วยว่าถ้าข้อความอันเป็นสาระสำคัญที่จดทะเบียนไม่ถูกต้องหรือเป็นเท็จนายทะเบียนอาจเพิกถอนการจดทะเบียนได้ เช่นนั้นแล้ว มาแกะดูทีละประเด็นกันว่ามีอะไรที่ “ไม่ถูกต้อง” หรือไม่ และจะนำไปสู่การ “เพิกถอน” การจดทะเบียน หรือไม่
เรื่องแรก งบการเงินปี 2564 นั้นชัดเจนว่าถึงตอนนี้ยังไม่ได้ส่งให้กรมทะเบียนธุรกิจการค้า แต่ทว่ามีเรื่องให้ชวนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะหากดูตามเอกสารการส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ของบริษัทเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2565 โดยเอกสารดังกล่าวมีเลขรับที่ 650510149308SH นั้น บริษัทระบุในเอกสารว่า ขอส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 29 เม.ย.2565 และอนุมัติงบการเงินรอบปีบัญชี 31 ธ.ค. 2564
จากเอกสารดังกล่าว แสดงว่าผู้สอบบัญชีได้สอบบัญชีข้อมูลงบการเงินในปี 2564 ของบริษัท บิทคับ บล็อคเชนฯ แล้ว และได้ส่งให้กรรมการและผู้ถือหุ้นอนุมัติตามขั้นตอนของกฎหมายแล้วใช่หรือไม่
คำถามต่อมาคือ กรรมการและผู้ถือหุ้นได้อนุมัติงบการเงินดังกล่าวแล้ว ใช่หรือไม่ใช่ ถ้าใช่ว่ามีการอนุมัติแล้ว ก็ต้องถามต่อว่าเหตุไฉนบริษัทบิทคับ บล็อคเชนฯ ถึงไม่ส่งงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทำไมถึงยังลากยาวมาจนถึงบัดนี้ และถ้าหากกรรมการและผู้ถือหุ้นยังไม่อนุมัติก็มีคำถามเช่นกันว่างบการเงิน ปี 2564 นั้น มีปัญหาอะไร และใครเป็นผู้สอบบัญชี
อย่าลืมว่า งบการเงินในปีนั้น บิทคับ บล็อกเชน ออกเหรียญ KUB เป็นพันล้านเหรียญขายกันระเบิดเถิดเทิงแม้จะมีการเผาเหรียญทิ้ง แต่จำนวนเงินจากการจำหน่ายเหรียญในวันแรกสูงถึง 3.3 พันล้านบาท จากราคาแรกเริ่มที่ระดับ 30 บาทต่อเหรียญของจำนวนเหรียญหลังการเผาทิ้งอยู่ที่ 110 ล้านเหรียญ เงินกว่า 3 พันล้านบาทที่ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ผลประกอบการของบริษัทในปี 2564 มีกำไรหรือขาดทุน
ความคลุมๆ เครือๆ ของเรื่องงบการเงิน ไล่มาตั้งแต่ใครเป็นผู้สอบบัญชี มีการอนุมัติหรือไม่อนุมัติงบการเงินของกรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัทฯ และการไม่ส่งงบการเงินของบริษัทต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่สำคัญเงินจากการขายเหรียญ KUB บริษัทเอาไปลงทุนทำอะไรต่อ ล้วนเป็นปริศนาที่หลายฝ่ายใคร่รู้คำตอบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่
ทิ้งปมคำถามเรื่องนี้ว่านี่เป็นสาระสำคัญที่ “ไม่ถูกต้อง” มีการปกปิดข้อมูล และจะนำไปสู่การ “เพิกถอน” การจดทะเบียนบริษัท หรือไม่
เรื่องที่สอง ใบสำคัญชำระเงินค่าหุ้น/เงินลงทุนของบริษัทบิทคับ บล็อกเชนฯ เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2561 ซึ่งในช่วงเวลานั้น “บิทคับ บล็อคเชน” มีแผนเพิ่มทุนของบริษัทจาก 5 ล้านบาทเป็น 8 ล้านบาท แต่ในวันเวลาดังกล่าวผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง “บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” กลับมีการชำระค่าหุ้นเพียง 2,001,000 บาท เพื่อเป็นค่าหุ้นจำนวน 300,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 10 บาท โดยมีนายสกลกรย์ สระกวี เป็นกรรมการลงนามรับเงิน ทำให้มีข้อสงสัยว่า “บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” ชำระเงินเพิ่มทุน “บิทคับ บล็อคเชน” ครบหรือไม่?
เรื่องที่สาม ในปี 2561 “บิทคับ บล็อคเชน” ยังส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ที่ชวนสงสัย เริ่มจาก วันที่ 6 ก.ค. 2561 บริษัทอ้างอิงว่าคัดจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2561 แต่อีกวันถัดมา (7 ก.ค. 2561) บริษัทมีการนำส่ง บอจ.5 อีกฉบับ โดยอ้างอิงจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นวันเดียวกัน คือ 25 มิ.ย. 2561 แต่ปรากฏว่ารายชื่อของนายทินกร คงสมเพ็ชร ที่ถือหุ้น 1 หุ้น เปลี่ยนไปเป็น นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา เข้ามาถือหุ้นแทน โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รับจดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2561 กรณีดังกล่าวหลายฝ่ายมองว่าหากต้องการให้นายจิรายุส เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท บิทคับ บล็อคเชน ก็สามารถทำได้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. 2561 แต่ชื่อของนายจิรายุส ต้องมาจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นจริง กรณีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นทั้งๆ ที่อ้างอิงจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นวันเดียวกัน บ่งบอกว่าบริษัทจัดทำข้อมูลผิดใช่หรือไม่
เรื่องนี้ถือเป็นสาระสำคัญที่ “ไม่ถูกต้อง” อีกข้อหรือไม่ เพราะหากบริษัทจัดทำผิด หรือไม่จัดทำ ถือว่ามีความผิดและมีโทษปรับด้วยเช่นกัน
ความไม่โปร่งใสที่เป็นปมปริศนาดังกล่าวเหล่านี้ ต้องถามดังๆ ไปยังสำนักงาน ก.ล.ต.ว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะการที่บิทคับนำเหรียญ KUB ออกมาขาย บริษัทได้เงินไปดำเนินการโครงการต่างๆ จึงควรสะท้อนออกมาในงบการเงิน ซึ่งมีผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบ
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ควรขอให้ “บิทคับ ออนไลน์” ผู้รับใบอนุญาต (Exchange) ชี้แจงเรื่องความน่าเชื่อถือของ บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี ที่ไม่อาจส่งงบการเงินปี 2564 ได้ว่าจะส่งผลอย่างไรต่อความน่าเชื่อถือของโครงการต่างๆ ที่กลุ่มบิทคับไปร่วมลงทุนและร่วมพัฒนากับพันธมิตรธุรกิจ ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อผู้ถือหุ้นและผู้ถือเหรียญ KUB
ทั้งนี้ กรณีบริษัทไม่ทำบัญชีงบดุล ไม่จัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบงบดุล ไม่นำบัญชีงบดุลเสนอเพื่ออนุมัติในที่ประชุมใหญ่ รวมถึงไม่ส่งสำเนางบดุลให้ผู้ถือหุ้น ผู้กระทำผิดจะต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ส่วนกรณีกรรมการไม่ส่งสำเนางบดุลไปยังนายทะเบียน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท และหากบริษัทไม่ส่งงบการเงิน อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายมีอำนาจจะดำเนินการเปรียบเทียบปรับ
ปัจจุบัน “บิทคับ บล็อคเชน” ในฐานะผู้พัฒนาระบบบล็อกเชน Bitkub Chain และเหรียญ Bitkub Coin (KUB) มีนายภาสกร ปานนอก ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, นายอธิชนัน พูลเกษ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และ นายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านเทคโนโลยี โดยจดทะเบียนบริษัทเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2561 ทุนจดทะเบียน 778,000,000 บาท โดย นายภาสกร ปานนอก, นายธนเสฏฐ์ เสนีวงศ์ กรรมการลงชื่อผูกพัน นายภาสกร ปานนอก ลงลายมือชื่อ และประทับตราสำคัญของบริษัท ล่าสุดปี 2563 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 12,600,396 บาท หนี้สินรวม 4,384,063 บาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 8,216,333 บาท รายได้รวม 14,699,243 บาท กำไรสุทธิ 2,265,968 บาท
บริษัทที่สร้างเทคโนโลยี บล็อคเชน ที่ผู้ถือหุ้นใหญ่คือ “ท๊อป จิรายุส” เคยบอกว่าเทคโนโลยีสามารถเปลี่ยนโลกให้โปร่งใสได้ แต่เหตุไฉนกลับปล่อยให้เกิดความไม่โปร่งใสซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบิทคับ