ประธานาธิบดี อเล็กซานดาร์ วูซิส แห่งเซอร์เบีย ออกมาเรียกร้องเมื่อวันจันทร์ (16 ม.ค.) ให้รัสเซียหยุดโฆษณาเชิญชวนพลเมืองเซอร์เบียให้สมัครเป็นทหารรับจ้าง “วากเนอร์ กรุ๊ป” และเข้าร่วมทำสงครามกับยูเครน
วูซิส แสดงความไม่พอใจที่เว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ของรัสเซียมีการเผยแพร่โฆษณาเป็นภาษาเซอร์เบียว่า กลุ่มทหารรับจ้างเอกชน วากเนอร์ กรุ๊ป กำลังเปิดรับอาสาสมัครเพิ่ม
“ทำไมพวกคุณที่มาจากวากเนอร์ กรุ๊ปถึงกล้าประกาศรับสมัครชาวเซอร์เบีย ทั้งที่ก็รู้ว่ามันผิดกฎหมายของเรา” วูซิส แถลงเมื่อค่ำวันจันทร์ (16) ผ่านสถานีโทรทัศน์ Happy TV ในกรุงเบลเกรด
ก่อนหน้านี้ ก็มีอาสาสมัครชาวเซอร์เบียจำนวนหนึ่งอาสาเข้าร่วมกับกองกำลังโปรรัสเซียในยูเครนเมื่อช่วงปี 2014-2015 และถึงแม้จะไม่มีตัวเลขยืนยันแน่ชัด แต่ผู้สังเกตการณ์เชื่อว่ามีชาวเซอร์เบียที่สมัครไปรบในยูเครนแล้วหลายสิบคนตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา
ทั้งนี้ กฎหมายเซอร์เบียห้ามไม่ให้พลเมืองเข้าร่วมสงครามความขัดแย้งในต่างแดน และที่ผ่านมา ก็มีชาวเซอร์เบียถูกดำเนินคดีด้วยความผิดลักษณะนี้แล้วหลายคน
วูซิส ยังปฏิเสธข้อครหาที่ว่า วากเนอร์ กรุ๊ปซึ่งนำโดย เยฟเกนี พรีโกจิน (Evgeny Prigozhin) พันธมิตรคนสนิทของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย มีอิทธิพลอย่างสูงอยู่ในเซอร์เบีย อีกทั้งองค์กรชาตินิยมหลายแห่งของเซอร์เบียก็แสดงจุดยืนโปรมอสโก และสนับสนุนการทำสงครามรุกรานยูเครน
เมื่อวันอังคาร (17) สำนักข่าว RIA ของรัสเซียได้เผยแพร่คลิปชายปกปิดใบหน้า 2 คนที่อ้างตัวว่าเป็นอาสาสมัครชาวเซิร์บกำลังฝึกใช้อาวุธอยู่ที่แคว้นซาปอริซเซียในยูเครน ซึ่งพื้นที่บางส่วนยังอยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย
แม้เซอร์เบียจะยื่นใบสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งเป็นคู่ค้าและแหล่งทุนที่สำคัญของประเทศ แต่ก็ยังคงรักษาความร่วมมือทางการค้าและการทหารกับรัสเซีย ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีความเชื่อมโยงทั้งในทางเชื้อชาติและศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์
ไมโลส วูเซวิช รัฐมนตรีกลาโหมเซอร์เบีย ก็ออกมาย้ำเตือนพลเมืองเช่นกันว่าอย่าได้สมัครเข้าร่วมกับกองกำลังของรัสเซียในยูเครนเป็นอันขาด เพราะจะมีความผิดตามกฎหมาย
แม้เซอร์เบียจะเคยแถลงประณามการบุกยูเครนของรัสเซียหลายครั้ง ทั้งในที่ประชุมสหประชาชาติ และเวทีเสวนานานาชาติ ทว่าจนถึงตอนนี้รัฐบาลเบลเกรดก็ยังคงปฏิเสธที่จะใช้มาตรการแซงก์ชันกับมอสโก
เป็นที่ทราบกันว่าเซอร์เบียนั้นพึ่งพาก๊าซนำเข้าจากรัสเซียทั้งหมด อีกทั้งบริษัทค้าปลีกน้ำมัน NIS ก็ยังถูกถือครองโดยรัฐวิสาหกิจก๊าซปรอม (Gazprom) ของรัสเซียด้วย
ที่มา : รอยเตอร์