xs
xsm
sm
md
lg

เตือน "ผู้ป่วยเบาหวาน" คุมอาการไม่ดี เสี่ยงติดเชื้อ "ไข้หวัดใหญ่" อาการรุนแรง แนะฉีดวัคซีนทุกปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



แพทย์เตือน "ผู้ป่วยเบาหวาน" คุมอาการไม่ดี เสี่ยงติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ เหตุภูมิคุ้มกันลดลง อาการอาจรุนแรง แนะรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี

เมื่อวันที่ 17 ม.ค. นพ.นฤมิต สายะบวร อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กล่าวว่า โรคที่มักมาพร้อมหน้าหนาวคือ โรคไข้หวัดใหญ่ ที่ผ่านมารัฐรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกปี เพราะเป็นโรคเฝ้าระวังที่อาจเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตในผู้ป่วยที่มีภาวะรุนแรงได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่ไม่ควรขาดการเข้ารับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากโรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง หากอยู่ในช่วงที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงอย่างต่อเนื่อง หรือมีอาการเบาหวานกำเริบ อาจเสี่ยงได้มากขึ้นต่อการติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากภูมิคุ้มกันลดลง โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันก่อนเข้าสู่ฤดูฝน

"เชื้อไวรัสก่อโรคไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ตลอดเวลา วัคซีนที่จัดให้บริการที่ผ่านมาไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถป้องกันได้ 3 สายพันธุ์ ได้แก่ H1N1 H3N2 และ B/Victoria lineage ในขณะที่ปัจจุบันมีวัคซีนที่สามารถป้องกันได้ 4 สายพันธุ์ ซึ่งรวมถึงB/Yamagata lineage ถือเป็นวัคซีนที่แนะนำให้ประชาชนทุกคนควรได้รับการฉีดในทุกปี จะสามารถลดอัตราการเกิดโรคที่รุนแรงได้ประมาณร้อยละ 60 - 70" นพ.นฤมิตกล่าว

นพ.นฤมิตกล่าวว่า ทั้งนี้ เมื่อมีอาการไข้ เจ็บคอ น้ำมูกไหล หายใจเหนื่อย อ่อนเพลีย รับประทานอาหารได้น้อยลง ควรเข้ารับการประเมินอาการโดยแพทย์ เพื่อพิจารณาให้ยาต้านเชื้อไวรัสภายใน 48 - 72 ชั่วโมง แม้โรคไข้หวัดใหญ่จะมีอาการผิดปกติคล้ายกับโรคโควิด 19 แต่ใช้ยาต้านเชื้อที่ต่างชนิดกันส่วนรายที่อาการไม่รุนแรง อาจใช้เพียงยารักษาตามอาการได้ โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้ผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่หยุดเรียน หรือหยุดงาน 3 - 7 วันแม้ยังไม่มีอาการรุนแรง ในกรณีที่จำเป็นต้องออกนอกบ้านจะต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค นอกจากนี้มาตรการ "กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ" ยังใช้ได้เสมอสำหรับการป้องกันการติดเชื้อของโรคติดต่อ เพียงหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพทางกาย เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สม่ำเสมอทุกปี กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และดูแลสุขภาพใจให้ห่างไกลความเครียด จะทำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีสุขภาพที่แข็งแรงมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้โดยไม่ป่วยเพิ่ม
กำลังโหลดความคิดเห็น