xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : ถึงเวลาต้องคลาย "นอท"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 13 ม.ค.66 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องเดียว คือการเปิดหน้ากาก "CEO นอท กองสลากพลัส" ถึงเวลาจัดหนัก ดูดันแบบไม่เกรงใจใคร แฉเบื้องลึกเบื้องหลังแบบครบทุกมิติ ทั้งที่มาที่ไป รูปแบบการทำธุรกิจ และนายทุนที่อยู่เบื้องหลังโดยไม่กลัวว่าจะโดนฟ้อง เพราะเราพูดความจริง 

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.172



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 172 ถึงเวลาต้องคลายนอท

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 13 Friday the 13rd นะครับ มันเป็นเคล็ดแห่งความที่ไม่เป็นมงคลเลย เผอิญเรื่องที่ผมจะพูดวันนี้ก็ไม่เป็นมงคลเหมือนกัน มันก็สอดคล้องกับศุกร์ที่ 13 นะ 13 คือเลขอัปมงคล

วันนี้ท่านผู้ชมสามารถจะชมรายการ Sondhi Talk ผ่านทุกช่องทาง Sondhi App, Facebook, YouTube, TikTok

อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ผมเริ่มขายโอเลี้ยงโบราณ สูตรของผมเอง มีคนสนใจเข้ามาซื้อกันเยอะ ทั้งที่ร้าน "พอดีช้อป" ร้าน SUN PAN แล้วก็มีที่สั่งผ่านทางออนไลน์ด้วย รวมๆ แล้วเกือบพันขวด ผมก็เลยตัดสินใจว่า จากนี้ไปจะทำแค่พันขวดเท่านั้น ไม่ทำมากกว่านี้แล้ว ไม่ได้หวังร่ำรวย แต่ขอให้ไม่ขาดทุนก็พอ แต่ขอให้ท่านผู้ชมได้ทานโอเลี้ยงรสชาติแท้ๆ จากแม่ผม แม่คนหนึ่งคือแม่แท้ๆ ของผม เมื่อ 70 ปีที่แล้ว และแม่อีกคนหนึ่งอยู่ชุมพร ให้สสตรมา หอมมัน ขมนำ หวานตาม ไม่ได้ใส่วัตถุกันเสีย โอเลี้ยงโบราณสูตรนี้จะวางจำหน่ายที่ร้าน SUN PAN ถนนวิภาวดีฯ ในปั๊ม ปตท. ตรงข้ามมหาวิทยาลัยหอการค้า และที่ร้าน "พอดีช้อป" ถนนพระอาทิตย์ ท่านผู้ชมที่ซื้อไป ตั้งข้างนอกได้ 2-3 วัน แช่ตู้เย็นอยู่ได้ 20 วัน


ตอนนี้ร้าน SUN PAN มีสินค้าใหม่พัฒนาขึ้นมาหลังจากหมูแท่งอบกรอบขายดิบขายดีจนถล่มทลาย มีคนทักมาว่า คุณสนธิ แล้วคนที่ไม่กินหมูนจะมีสิทธิ์ไหม เราก็เลยออกเมนูใหม่ ชื่อปลาแท่งอบกรอบ ทำจากปลาทู ผมลองแล้วครับ รสชาติไม่แพ้หมูแท่งเลย กินเฉยๆ ก็อร่อย ผมจะแนะให้ ท่านผู้ชมสั่งก๋วยเตี๋ยวมา แล้วเอาปลาแท่งอบกรอบโรยในก๋วยเตี๋ยว ก๋วยเตี๋ยวแห้ง ก๋วยเตี๋ยวน้ำ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เย็นตาโฟ เข้ากันได้ดีมาก


และอย่าลืมนะครับ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" กำลังจะหมดช่วงโปรโมชั่น 31 มกราคมนี้ อย่าลืมนะครับ ถ้าจะให้ของขวัญปีใหม่ผ่านไปแล้ว ของขวัญวันตรุษจีนให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ก็ซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" เอามาแจก


ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้ผมจะพูดเรื่องใหญ่เพียงเรื่องเดียว ท่านผู้ชมที่ติดตามผม ทั้งแอปพลิเคชัน Sondhi App, เฟซบุ๊ก "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ช่องทางต่างๆ คงได้เห็นโปสเตอร์ ผมพาดหัวว่า "ถึงเวลาต้องคลายนอท" กันแล้ว ใช่ครับ วันนี้ผมจะมาเปิดหน้ากากผู้ชายที่ตั้งฉายาตัวเองว่าเป็น CEO ของ "กองสลากพลัส" หรือ นายนอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เราจะเป็นรายการเดียว สื่อเดียวที่เปิดเผยเบื้องหน้าเบื้องหลังของนายนอท พันธ์ธวัช แบบครบทุกมิติ เผยที่มาที่ไป รูปแบบการทำธุรกิจ และนายทุนที่อยู่เบื้องหลังนายนอท ไม่อ้อมค้อม และไม่กลัวจะโดนฟ้องด้วย เพราะเรื่องบางเรื่องต้องพูดความจริงกัน ผมจะซอยย่อยเนื้อหาออกมา ดังนี้

หนึ่ง ผมจะพูดถึงเรื่องช่องทางการฟอกเงินของนักการเมือง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ ตลอดถึงอาชญากรและนักธุรกิจสีเทา/สีดำ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จนถึงยุคล่าสุด ยุคสมัยวัยรุ่นคริปโทเคอร์เรนซี

สอง ผมจะเปิดหน้ากากของ CEO คุณนอท กองสลากพลัส จากเด็กค้ายาสู่ตำแหน่งผู้บริหาร ยอดขายหมื่นล้าน

สาม ปฐมบท CEO นอท กับลอตเตอรีออนไลน์ และเส้นแบ่งบางๆ ของธุรกิจหวยออนไลน์ กับ โมเดลใหม่ของการฟอกเงิน

สี่ ผมจะเปิดเผยคุณนอท กองสลากพลัส ว่าจริงๆ จริงหรือเปล่าว่าเบื้องหลังคือธุรกิจสีเทาที่ต้องการมาฟอกเงิน

ทั้งหมดนี้ก็มีอยู่เพียงแค่นี้ เรื่องราววันนี้ที่ผมจะพูดเป็นเรื่องสำคัญมาก ท่านผู้ชมม สำคัญจริงๆ ผมรบกวนท่านผู้ชมแชร์ออกไปเยอะๆ ท่านมีเพื่อน 5 คน แชร์ไปทั้ง 5 คน ท่านมีเพื่อน 20 คน แชร์ไปทั้ง 20 คน แชร์ให้เยอะๆ จะได้รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังจริงๆ และจะได้เป็นผู้ที่มีปัญญาเพียบพร้อมกับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น

ท่านผู้ชมครับ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่าอาทิตย์นี้เป็นเรื่องชุดใหญ่ไฟไหม้บ้าน ผมกำลังจะพูดถึงเรื่อง "นอท กองสลากพลัส" แต่ก่อนจะพูดถึงเรื่องคุณนอท กองสลากพลัส และเอาข้อมูลเบื้องหน้าเบื้องหลังต่างๆ ที่ยังไม่เคยมีใครมาเปิด ให้ท่านผู้ชมฟัง แต่ก่อนจะถึงตรงนั้น ผมขออนุญาตเท้าความนิดหนึ่งเพื่อความเข้าใจของท่านผู้ชมหลายๆ ท่านที่อาจจะยังไม่เข้าใจถึงเรื่องกระบวนการฟอกเงิน

"การฟอกเงิน" คำถาม-คำตอบก็คือว่า นั่นคือเงินที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่เงินที่ได้จากเงินปันผลของบริษัท หรือไม่ใช่ได้เงินที่ได้มาจากส่วนแบ่งของธุรกิจ หรือไม่ใช่เงินที่ได้มาจากทรัพย์สินมรดกที่พ่อแม่ให้ แต่เป็นเงินที่ 99.99% เป็นเงินที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

ทีนี้ ถ้าได้อย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ถ้าเป็นสมัยก่อนตอนที่เทคโนโลยียังไม่เปลี่ยนแปลงมากถึงขนาดนี้ และยังไม่มีคริปโทเคอร์เรนซี การฟอกเงินในอดีตนั้นก็เป็นการฟอกเงินแบบเถื่อนๆ ก็คือเอาเงินฝังดินบ้าง ส่วนใหญ่แล้ว เงินที่ฝังดิน จะเป็นคนที่มีเงินมีทองประเภทหนึ่ง แต่ไม่กล้าเอาเงินไปฝากธนาคาร เงินทองที่เขาทำมาหากินมาแล้ว เขามีเงินเยอะ เขาไม่ไว้ใจธนาคาร เขาก็จะใส่กล่อง ใส่ลัง หรือใส่หีบ เก็บไว้ในบ้าน ที่จำเป็นต้องซุกซ่อนจริงๆ เพราะเงินนั้นมันผิดกฎหมายจริงๆ เขาก็จะฝังดินเอาไว้


ขบวนการฟอกเงินในอดีตนั้น ก็คือเริ่มด้วยการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซื้อบ้าน ซื้ที่ดิน ซื้อเพชร ซื้อทอง หลายคนก็ไปซื้อพระเครื่อง หรือเหรียญราคาแพง

ท่านผู้ชมครับ มันจะมีนักการเมือง หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่บางคน เวลาแจงทรัพย์สินให้กับทาง ป.ป.ช. สังเกตอย่างนะ จะมีอยู่จำนวนไม่น้อยเลยที่แจงว่าตัวเองมีพระเครื่องอยู่จำนวนหนึ่ง มากมายเหลือเกิน แล้วก็ใช้คำว่า "ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้" ขึ้นอยู่กับราคาของทรัพย์สินนั้นๆ สมมุติว่าคนๆ นี้ เป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วแจงว่าตัวเองมีพระเครื่องอยู่จำนวนหนึ่ง เสร็จเรียบร้อยแล้วตัวเองได้รับเงินส่วยจากลูกน้อง หรือเงินทองในการล้มคดี อย่างเช่นกรณีหลงจู๊สมชาย ใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังในการทำสำนวนให้อ่อน หรือทำให้หลงจู๊สมชาย ต้องถูกศาลยกฟ้อง ก็จำเป็นจะต้องจ่ายค่าดำเนินการให้ เงินประเภทนี้พอตกมาถึงมือคนที่ต้องรับแล้ว ก็สามารถที่จะอ้างได้ว่า นี่คือการขายพระของตัวเองออกไป พระที่ตัวเองสะสมไว้ ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. นั้น อาจจะเป็นพระปลอมก็ได้ ใครจะไปรู้ นอกจากสืบไปแล้ว เขาก็จะอ้างว่าขายคนๆ นี้ คนๆ นี้ก็เป็นพวกของเขาเอง เขาก็บอกว่าเขาซื้อมาด้วยเงินจำนวนนี้ นั่นคือวิธีการว่า ซื้อพระเครื่อง ซื้อเหรียญราคาแพง

ส่วนอีกประเภทหนึ่งซึ่งค่อนข้างจะโจ๋งครึ่ม คือซื้อรถยนต์ราคาแพง ซูเปอร์คาร์ราคาแพง แต่นี่มันเห็นได้ชัด เมื่อเห็นได้ชัดแล้ว มันก็ไม่สามารถจะปิดได้ หรือแม้กระทั่งอย่างกรณีคุณแทนไท อ้างว่าตัวเองนั้นไปประมูลป้ายทะเบียนรถยนต์ตั้ง 45 ล้าน แต่ถ้าสืบไปสืบมาแล้ว ถ้าสืบกันจริงๆ คุณแทนไท ต้องมีหน้าที่อธิบายว่าเงิน 45 ล้าน ที่คุณซื้อมานั้น เป็นเงินอะไรกันแน่ เอามาจากไหน หรือว่ามีลัมโบร์กีนี มีเฟอร์รารี มีเบนท์ลีย์ ส่วนใหญ่แล้วลักษณะแบบนี้จะเป็นลักษณะของการฟอกเงินสมัยใหม่ แบบนี้ไม่ถือว่าเป็นการฟอกเงิน ถือว่าเป็นการอวดตัวเองว่ามีเงิน


ซื้อนาฬิกาหรู ราคาแพง ท่านผู้ชมก็รู้อยู่แล้วว่าราคาที่นักฟอกเงินทั้งหลาย และคนที่ทำธุรกิจสีเทาทั้งหลาย หรือแม้กระทั่งคนที่อยู่ในวงการราชการ แต่ทะลึ่งมีนาฬิการาคาแพง แล้วที่นิยมที่สุด คือยี่ห้อ ริชาร์ด มิลล์ อย่างเช่นนายอั้ม ที่ติดคุกอยู่ทุกวันนี้ ก็ใส่ริชาร์ด มิลล์ เรือนละประมาณ 20 ล้านบาท ท่านผู้ชม นาฬิกาบ้าอะไรเรือนละตั้ง 20 ล้าน ถ้าจะพูดตามสำนวนของสนธิ ลิ้มทองกุล ก็คือ นาฬิกา ... อะไร แพงฉิบหาย

เพราะฉะนั้นแล้ว พอประเมิน อนุมานได้ว่า ใครก็ตามที่โชว์ว่ามีริชาร์ด มิลล์ อยู่ ผมคิดว่า 90% เป็นเงินไม่สะอาดเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบ่อนการพนันออนไลน์ หรือหวยใต้ดิน โน่นนี่นั่น รวมไปจนถึงข้าราชการที่อวดว่ามีนาฬิการิชาร์ด มิลล์ อยู่หลายเรือน

สมัยก่อนนานมาแล้วครั้งหนึ่งอัยการก็จะมีวิธีฟอกเงินของอัยการ อัยการค่อนข้างจะระวังตัว อัยการถ้ามีเงินก้อนหนึ่ง เวลาลอตเตอรี่ออก ก็จะเดินไปท่องๆ หรือจะมีสายไปถามว่า รางวัลที่หนึ่งใครถูก พอรู้ว่าคนนี้ถูกรางวัลที่หนึ่ง สมมุติว่าได้มา 1 ล้าน ค่ารางวัล เขาก็จะให้ 1 ล้าน 1 แสนบาท เพื่อขอซื้อ 1 แสนบาทที่เพิ่มมาก็คือค่าฟอกเงิน

อีกประเภทหนึ่งที่นักการเมือง หรือที่มีพื้นฐานอยู่ที่ต่างจังหวัด ชอบทำเหลือเกิน หรือแม้กระทั่งอยู่ในกรุงเทพฯ คือการสร้างโรงแรม ท่านผู้ชม หลายๆ จังหวัด ถามชาวบ้านดู โรงแรมนี้มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร 8 ชั้น 300 ห้อง คนที่ผ่านอำเภอนั้นแทบจะไม่มีเลย แต่เขาฟอกเงินโดยการสร้างโรงแรม แล้วเขาก็ทำบัญชีว่าโรงแรมนี้ สมมุติว่ามี 100 ห้อง มีคนเข้ามาพักทุกวัน วันละ 90 ห้อ งจริงๆ แล้วไม่มีคนมาพักเลย แต่เขายอมเสียภาษี 90 ห้องนั้น สมมุติว่าห้องละ 1 พันบาท 9 หมื่นบาทต่อวัน เดือนหนึ่งก็ประมาณ 2 ล้าน 7 แสนบาท เขาก็ยอมเสียภาษีสรรพากรว่าเป็นภาษีที่ต้องเสียจากการทำธุรกิจ แล้วมีรายได้เข้ามา แล้วพอสิ้นปีมีกำไรเท่าไรก็ยอมหักภาษีไป เขาถือว่าเข้าฟอกเงินถูกต้องแล้ว เพราะมีหลักฐานว่าเขายื่นเรื่องต่อสรรพากร ยอมเสียภาษีจากธุรกิจ แต่ไม่มีใครไปค้นมาว่าโรงแรมที่คุณสร้างขึ้นมา คุณเอาเงินมาจากไหน ยุคนั้นสมัยนั้น ปปง. ยังไม่มี


ท่านผู้ชมครับ หลายๆ อย่าง แม้กระทั่งพรรคหนึ่ง สมัยที่คุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีคนในเครือข่ายของคุณทักษิณ บินไปสิงคโปร์ทุกวัน แทบจะทุกวัน แล้วหิ้วกระเป๋าเดินทาง น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม 2 ใบ บางคนมีเส้นใหญ่หน่อย สามารถที่จะเจรจากับผู้หลักผู้ใหญ่ในศุลกากร ก็คือสามารถจะหิ้วไปได้ 4-5 ใบ ใบละ 20 กิโลกรัม เงิน 1 ล้านบาท เท่ากับน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ก็เท่ากับใบละ 20 ล้านบาท ถ้า 5 ใบ ก็ 100 ล้านบาท เอาไปทำไม ? แล้วทำไมต้องไปสิงคโปร์ ? เพราะสิงคโปร์จะรับฝากเงินไทย แล้วข้อเท็จจริงก็มีอยู่ว่า เวลาคนไทยที่ต้องการจะฟอกเงิน เอาเงินคอร์รัปชันหนีออกจากประเทศไทย พอหิ้วกระเป๋าเข้ามาแล้ว ศุลกากรสิงคโปร์ไม่สนใจ เพราะเขาบอกว่าเขาจะเอาเงินมาฝากที่สิงคโปร์ เพราะสิงคโปร์มันเปิดเสรีให้กับคนทีต้องการเอาเงินมาฝาก เพราะฉะนั้นแล้ว ธนาคารที่สิงคโปร์จะมีเงินบาทอยู่เยอะ อาจจะถึง 1 แสน หรือ 2 แสนล้าน เสียด้วยซ้ำ

ทีนี้ เวลาเอาเงินไปฝาก พวกนี้ก็จะหิ้วไป ก็จะลงบัญชี ทำไมต้องเป็นธนาคารที่สิงคโปร์ ? เพราะว่าสิงคโปร์ไม่ได้ต่างกว่าลอนดอน สิงคโปร์เป็นศูนย์ของการฟอกเงินในภูมิภาคนี้ สิงคโปร์ได้ออกกฎหมายออกมาว่า ธนาคารใดก็ตามที่อยู่ในสิงคโปร์ ถึงแม้จะเป็นสาขาของธนาคารกรุงเทพ สาขาของธนาคารกสิกรไทย หรือสาขาของธนาคารจากที่ไหนก็ตาม สาขาที่ตั้งในสิงคโปร์นั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะเปิดเผยข้อมูลลูกค้า ถึงแม้สำนักงานใหญ่จะถามมาว่าขอดูยอดบัญชีเงินฝากที่คนฝากเกินกว่า 100 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือ 10 ล้านเหรียญสิงคโปร์ มีใครบ้าง กฎหมายสิงคโปร์ไม่ให้ ถือว่าผิดกฎหมายและลงโทษแรง เพราะฉะนั้นสิงคโปร์ก็เลยจะกลายเป็น ถ้าเอาเงินฝากสิงคโปร์ ก็เท่ากับมีบัญชีลับซึ่งไม่สามารถจะตรวจสอบได้ หรือแม้กระทั่งอัยการของประเทศไทยแจ้งไปทางสิงคโปร์ว่าขอตรวจสอบบัญชีสาขาธนาคารกรุงเทพที่อยู่ในสิงคโปร์ หรือทำงานกสิกรที่อยู่ในสิงคโปร์ เจ้าของธนาคารหรือเจ้าหน้าที่ธนาคารก็บอกว่าเปิดเผยให้ไม่ได้ เพราะว่าเป็นกฎหมายของสิงคโปร์ อัยการของบ้านเราก็ต้องทำเรื่องถึงอัยการ ถึงสิงคโปร์ ซึ่งในที่สุดก็ต้องจบลงที่ว่า เขาช่วยอะไรไม่ได้ นี่เป็นกฎหมายที่เด็ดขาด ห้าม นั่นคือวิธีการที่ฟอกเงินสมัยโบราณ


ท่านผู้ชมรู้ไหม บางครั้งใช้วิธีเปิดตลาด เอาเงินที่ฟอกมา เอาเงินที่ทำธุรกิจผิดๆ มา เงินคอร์รัปชัน หรือเงินอะไรที่เป็นเงินสีเทา/สีดำ ยาเสพติด เอามาซื้อที่แปลงหนึ่ง อาจจะแพงหน่อย อยู่ใกล้ๆ เมือง แล้วเปิดเป็นตลาดให้คนเข้ามาเช่า คิดค่าเช่าราคาไม่แพง แต่ให้สิทธิ์พิเศษ ปรากฏว่ามีคนเข้ามาเช่าบ้าง ไม่เช่าบ้าง เขาไม่สนใจ เพราะถ้าสมมุติว่าที่ของเขาเปิดตลาดแล้ว มีแผง สามารถตั้งแผงได้ 200 แผง เขาก็บอกว่ามีคนมาเช่าทั้ง 200 แผง ทั้งๆ ที่มีคนมาเช่าแค่ 10% คือ 20 แผง เขาไม่แคร์ เพราะว่าที่เขาต้องการ คือ ยอดแผง เอาคูณจำนวนค่าแผงต่อวัน/ต่อเดือน เท่าไร แล้วส่งยอดนี้ไปแจ้งสรรพากรว่า เดือนนี้มีคนมาเช่าอยู่ทั้งหมด 180 แผง เหลืออยู่ 20 แผง แต่มีคนเช่าจริงแค่ 20 แผงเอง อีก 160 แผง ก็คือเงินที่ฟอก สรรพากรก็จะพิพากษา ก็จะตัดสินว่าโอเค รายได้คุณได้จากการขายแผงเช่าแผง 2 ล้านบาท 3 ล้านบาทต่อเดือน 5 ล้านบาทต่อเดือน คุณต้องเสียภาษี คุณต้องเสียภาษีเท่านี้ เขาก็ยินดีที่จะจ่าย เมื่อเขาจ่ายแล้วเขาก็ถือว่าเงินเขาถูกกฎหมายเรียบร้อยแล้ว

ทีนี้พอมายุคนี้แล้ว ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว การที่จะมาฟอกกันแล้วเอาเงินแบบนี้มา มันไม่ได้แล้ว บางคน ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า เคยเป็นข้าราชการระดับสูง ได้รับเงินค่าคอร์รัปชันมา แล้วจริงๆ ข้าราชการคนนี้ต้องทำหน้าที่เป็นคนที่หน้าเสื่อ คือเก็บเงินเก็บทองให้กับนักการเมืองที่คุมกระทรวงนั้น ปรากฏว่าข้าราชการคนนี้อมเงิน สมมุติว่าผู้รับเหมาจ่ายมาแล้ว 300 ล้านบาท ผ่านข้าราชการคนนี้ ข้าราชการคนนี้ก็อม ไม่ให้ไป บอกว่าไม่ได้จ่ายมา เพราะว่าข้าราชการรู้อยู่แล้วว่านักการเมืองมาแล้วจากไป เพราะฉะนั้น คนๆ นี้มาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงนี้ อีกไม่นานก็ต้องยุบสภาฯ ก็ต้องเลิกกันไป เสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าราชการคนนี้ก็อมเงินเอาไว้

มีกรณีข้าราชการคนหนึ่งมีเงินเยอะมาก ตัดสินใจเอาเงินก้อนนั้นไปฝังดินที่บ้านตัวเองที่อยุธยา ท่านผู้ชมจำได้ไหมครับในปีที่ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี น้ำท่วมกรุงเทพฯ ท่วมอยุธยา ข้าราชการคนนี้ก็กลัวว่าน้ำจะท่วมหีบที่ตัวเองฝังดินเอาไว้ที่บ้านแม่ เดี๋ยวเงินจะเสียหมด ก็เลยไปขุดเงินก้อนนี้ขึ้นมา แล้วก็ขนเงินใส่กระเป๋าเอามาไว้ที่บ้านตัวเอง

นั่นคือที่มาของการที่มีการจัดฉากให้คนเข้ามาปล้นบ้านข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนนี้ แล้วก็หิ้วเงินซึ่งนักการเมืองถือว่าเป็นเงินส่วนที่เขาควรจะได้ เอาไป ถ้าท่านผู้ชมติดตามข่าวก็คงพอจะรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แล้วเผอิญความมันแตก เพราะว่ามีกคนใช้ น่าจะเป็นคนพม่า ซึ่งเห็นแล้วก็ตกใจ แทนที่จะหลบเมื่อเห็นว่าไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง กลับโทรศัพท์ไปแจ้ง 191 ว่ามีโจรเข้ามาปล้นบ้าน ตำรวจมาก็เลยจับกันเป็นโขลงเลย ถ้าท่านผู้ชมติดตามข่าวในอดีตก็จะเห็นว่านี่ล่ะคือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

เอาล่ะ ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้นักธุรกิจสีเทารุ่นใหม่ในเมืองไทยจะเอาเงินที่ตัวเองได้จากสีเทานั้น แล้วก็ชอบอ้างว่าตัวเองไปเล่นบิตคอยน์ (Bitcoin) ร่ำรวยขึ้นมา


วิธีการก็คือสมมุติคุณโกงมา จากการทำบ่อนการพนันออนไลน์ ได้เงินเข้ามามีประมาณสัก 1 พันล้าน หรือ 5 ร้อยล้าน ทุกเดือนก็จะเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อบิตคอยน์ หรือคริปโทเคอร์เรนซี ที่ยอดนิยม ที่ยังไม่เจ๊ง อย่างเช่น Ethereum ซื้อมาเลย สูงเท่าไหร่ก็ยอมซื้อ แล้วใส่ wallet ของตัวเอง พอตัวเองต้องการใช้เงินจะทำอย่างไร ? แทนที่จะขนตัวเหรียญ Bitcoin ไปที่สิงคโปร์ ก็สามารถจะซื้อคอยน์จากบริษัทคริปโตใหญ่ๆ ที่เขายอมรับกัน อย่างเช่น Binance แล้วก็ลงหลักฐานไว้ในโทรศัพท์มือถือ แล้วเวลาบินไปสิงคโปร์ก็เอาโทรศัพท์มือถือเไปเปิด แล้วก็เคาะให้ดูว่ามีเงินของคริปโทเคอร์เรนซี ของ Binance ซึ่งเป็นที่ยอมรับของบ่อน


เอาคริปโตนี้ไปที่บ่อนเดอะแซนด์ ที่สิงคโปร์ เข้าไปแลก เขาก็รับแลก ให้ชิปมาเลย เงินก้อนนี้ประมาณ 100 ล้านบาท ก็เอาชิปไปเลย 100 ล้านบาท มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท พอได้ 100 ล้านบาท เสร็จเรียบร้อย เขาก็เอาเงินก้อนนี้เอาไปเล่น เขาอาจจะเล่นแค่ล้านเดียว พอล้านเดียวได้ ไม่ขาดทุน ช่างมัน เขาก็เอาชิปที่เหลือไปแลกเงินคืน วิธีแลกเงินคืนก็แลกได้ 2 แบบ รับเป็นเงินสด หรือว่าให้ทางบ่อนการพนันทำเช็ค ใช้ชื่อเขา แล้วก็ส่งมาเข้าบัญชีเขาที่กรุงเทพฯ หรือถือมา ซึ่งเช็คนั้นเป็นเช็คของบ่อนการพนัน เท่ากับว่าคนๆ นี้มีเงินโผล่ขึ้นมา งอกขึ้นมา เพราะไปเล่นการพนันที่สิงคโปร์ แล้วก็ได้เงินเข้ามา


แต่อันนี้ก็จะเวิร์กเฉพาะบ่อนใหญ่ๆ อย่างเช่น บ่อนที่ทันสมัยที่มาเก๊า หรือที่สิงคโปร์ เดอะแซนด์ ถ้าจะเป็นบ่อนปอยเปต หรือบ่อนแม่สาย โน่นนี่นั่น จะมีคำถามถามเยอะ เพราะว่าบ่อนพวกนี้เขาจะไม่รับแลกคริปโทเคอร์เรนซี เพราะฉะนั้นแล้ว นี่คือวิธีการที่คนรุ่นใหม่ใช้วิธีนี้

หรือวิธีแลกเงิน ฟอกเงินอีกวิธีหนึ่งก็คือ สร้างธุรกิจอะไรก็ตาม ใครก็ตามที่สร้างธุรกิจขึ้นมา แล้วมีการใช้เงินเยอะแยะไปหมด เปิดเผย โปร่งใส ก็เอาเงินก้อนนี้ที่ตัวเองมีอยู่ ไปร่วมลงทุน พอไปร่วมลงทุนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เวลาทอนเงินคืนมาก็บอกว่า โอเค ตอนนี้ขาดทุนไปแล้ว 30% ซึ่ง 30% นั้นก็คือเงินค่าต๋งของการรับแลกเงินให้ อีก 70% ก็กลับเข้ามา 70% กลับเข้ามาตอนนี้กลายเป็นเงินสะอาดแล้ว ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง นี่คือลักษณะกระบวนการฟอกเงิน ที่เป็นเช่นนี้

อีกประเภทหนึ่งของการฟอกเงิน คือการโอนผ่าน "โพยก๊วน"

โพยก๊วนของประเทศจีนมีมานานแล้ว มีเป็นพันๆ ปี ใช้ความซื่อสัตย์ ความไว้ใจกัน เหมือนถ้าท่านผู้ชมรู้จักโพยก๊วนอันไหน ท่านผู้ชมก็เข้าไป บอกว่าผมต้องการโอนเงินไปฮ่องกง โดยที่ไม่ต้องการโอนผ่านธนาคาร เขาก็คิดเรตให้เสร็จเลย ว่า 1 เหรียญฮ่องกง เท่ากับกี่บาท คุณจะโอนเท่าไร ถ้าคุณจะโอน 1 ล้านเหรียญฮ่องกง ก็เท่านี้ คุณจ่ายที่กรุงเทพฯ แล้วคนของคุณก็ไปรับที่ฮ่องกงแทน นี่ก็อันหนึ่ง

อีกอันหนึ่งก็คือ โพยก๊วนอีกลักษณะหนึ่งซึ่งมาในลักษณะของร้านรับแลกเงิน ประเภท Super Rich ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเจ้าไหนทำ แต่ว่ามีการใช้ร้านแลกเงิน เพราะร้านแลกเงินจะมีเครือข่ายอยู่ในภูมิภาคนี้ ร้านแลกเงินยี่ห้อหนึ่งอาจจะมีเครือข่ายอยู่ที่ฮ่องกง อยู่ที่สิงคโปร์ อยู่ที่เวียดนาม อยู่ที่โน่นอยู่ที่นี่ ก็เอาเงินผ่านโพยก๊วนแลกเงิน โพยก๊วนแลกเงินรับเสร็จ ก็ส่งไปตามประเทศต่างๆ เหล่านั้น พวกนั้นก็บินไปรับเงินที่นั่น และเอาเงินไปฝากเอาไว้ที่นั่น โดยที่ไร้ร่องรอย

ท่านผู้ชมครับ เรื่องของพวกนี้ นี่คือการฟอกเงิน แล้วมันก็จะนำไปสู่การฟอกเงิน

ท่านผู้ชมครับ การหิ้วเงินไปฝากที่สิงคโปร์สมัยก่อนนั้น ท่านผู้ชมอย่าไปนึกว่าเป็นนักค้ายาเสพติดนะ คนเดียว ที่สำคัญคือ ท่านผู้ชมรู้ไหม ทหารไทย ตำรวจไทย ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไทย นักการเมืองไทย เอาเงินพวกนี้หิ้วเป็นเงินสด เพราะพวกนี้เส้นใหญ่ ถ้าท่านเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบก หรือรองผู้บัญชาการทหารบก ก็ต้องมีเส้นสายอยู่แล้ว เฮ้ย! น้อง พี่จะเอากระเป๋าออกไปสัก 10 กระเป๋า น้องให้ความสะดวกหน่อยได้ไหม - ได้ครับพี่ แล้วก็โทรศัพท์สั่งพวกศุลกากร หรือพวกตำรวจด้วยกัน ให้ไฟเขียว บางคนถึงขนาดเช่าเครื่องบินส่วนตัว ไพรเวตเจ๊ตนี่ล่ะ บินไปสิงคโปร์ แล้วขนของ ขนกระเป๋าต่างๆ ขนได้ทีละ 20 ใบ ใส่ไพรเวตเจ๊ตไป เอาเครื่องบินส่วนตัวมา ศุลกากรก็หลับตาข้างหนึ่ง ไม่สนใจ เอาขึ้นไปเลย ส่งไป แล้วพอไปลงสิงคโปร์ หรือลงประเทศไหนก็ตามที่ตัวเองต้องการใช้เป็นเป้าหมายในการปล่อยเงิน ก็หิ้วกระเป๋าพวกนั้นมา แล้วก็ตรงไปที่ธนาคาร เอาเข้าธนาคาร แต่ก็จะโทรศัพท์ไปประสานงานกับธนาคารก่อนว่า อาทิตย์หน้า วันพุธ ผมจะขนเงินมา เงินสด เงินบาทไทย จำนวนเท่านี้ คุณรอรับไว้หน่อย ที่สิงคโปร์ธนาคารก็จะรอรับให้ แล้วก็เป็นที่รู้กันจริงๆ ว่า เงินพวกนี้เป็นเงินที่เอามาฝากที่สิงคโปร์ สิงคโปร์จะไม่ถามที่มาที่ไปของเงิน เพราะสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางของการฟอกเงินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอยู่แล้ว


บางคนโอนเงินไปยุโรป แต่ใช้วิธีโอน 2 ขยัก ขยักแรกโอนผ่านโพยก๊วน ไปที่ฮ่องกง ขยักที่สอง ค่อยโอนจากฮ่องกง ไปอังกฤษ เพราะฉะนั้นจะเจอว่ามีคนเยอะเลย เดี๋ยวนี้ซื้อบ้าน ซื้ออพาร์ตเมนต์ให้ลูกหลานอยู่ที่อังกฤษ ขี้หมูราขี้หมาแห้งก็จะมีบ้านหลังหนึ่งที่อังกฤษ มูลค่า 30-40 ล้านบาท นี่ถือว่าเป็นกาแฟกินเล่นๆ นะท่านผู้ชม มันยังมีประเภทเงินเป็นพันล้าน ทีละพันล้านๆ รวมแล้วเป็นหมื่นล้านที่ขนไป ถ้าอย่างนั้นต้องใช้เครื่องขนส่งที่ใหญ่หน่อย ก็คือเครื่องบินส่วนตัวที่จะบินไป แต่ต้องโอนเป็นฮ่องกงก่อน พอโอนเป็นฮ่องกงแล้ว เปลี่ยนเงินจากที่ฮ่องกงเป็นเงินยูโร หรือเงินดอลลาร์ แล้วค่อยขนขึ้นเครื่อง แล้วก็แจ้งธนาคารว่าจะเอาเงินเข้าไป แล้วก็แจ้งทางศุลกากร

เวลาท่านผู้ชมเดินทางไปต่างประเทศ อย่างเช่นไปอเมริกา จะมีหลักการเลยนะ จะบอกว่าท่านมีเงินเข้ามาในประเทศนี้เท่าไร ถ้าไม่ถึง 1 หมื่นเหรียญสหรัฐ ท่านไม่ต้องแจ้ง แต่ถ้าเกิน 1 หมื่นเหรียญ ท่านต้องแจ้ง แต่การแจ้งไม่ได้แปลว่าคุณผิดกฎหมาย เขาต้องการรับทราบว่าเงินเข้าเท่าไร บางคนก็อาจจะบอกว่าผมมีเงินเข้ามาประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่แจ้งเป็นทางการแล้ว ก็ผลักเขาให้ผ่าน ก็เอาเงินสด 1 ล้านเหรียญ ออกไป แล้วจะเอาไปฝากที่ไหนก็ตาม แต่อเมริกาจะไม่ค่อยได้ใช้ เพราะว่ากฎหมายฟอกเงินของอเมริกามันรุนแรงมาก แล้วการตรวจสอบทางอเมริกานั้น ค่อนข้างจะละเอียดถี่ถ้วนอย่างมากที่สุด

ท่านผู้ชมครับ ตอนที่ผมประท้วงอยู่ที่สะพานมัฆวานฯ ผมจำได้ มีนักการเมืองผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว เกิดอินมากกับการประท้วงของผม ให้ลูกน้องติดต่อมาว่า อยากจะช่วยสนับสนุนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อ๋อ ถ้าใครบริจาคเงินมาเพื่อเป็นทุน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการประท้วง เรายินดีต้อนรับเสมอ ปรากฏว่ามีคนขนมาให้ 1 ล้านบาท ถุงเบ้อเริ่มเลย เป็นกล่องเบ้อเริ่มเลย ท่านผู้ชม ผมสาบานเลย ผมเปิดกล่องออกมา ผมแทบผงะ เกิดอะไรขึ้นรู้ไหม ? ท่านผู้ชมเคยเจอแบงก์ 500 รุ่นเก่าไหม ใบใหญ่ๆ เป็นปึกเลย 1 ปึก 200 ใบ ก็ประมาณ 1 แสนบาท แล้วท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเขารัดด้วยอะไร ? เขาไม่ได้รัดด้วยหนังสติ๊กนะ เขารัดด้วยเชือกกล้วย แล้วเงินก็สกปรกมาก มีฝุ่นเต็มไปหมดเลย ก็อนุมานได้ว่าเงินก้อนนี้คือเงินคอร์รัปชันที่เขาฝังดินเอาไว้ ถึงเวลาจะใช้ก็มาขุดเอา เอามากล่องหนึ่ง แล้วก็ส่งมาให้

ท่านผู้ชมครับ สมัยก่อนนี้ สมัยนานมาแล้ว พ่อค้าต่างๆ ที่วิ่งเต้นเรื่องงานกับผู้หลักผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่ก็จะวิ่งเต้นผ่านเมียชองข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จะเป็นทหาร ตำรวจ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ได้หมด สมัยก่อนเทคโนโลยียังไม่ทันสมัย ทุกอย่างยังโบราณอยู่ เขาใช้วิธีแจกตู้เย็น ถ้ามีพ่อค้าชุดไหนขนตู้เย็นมาสัก 3 ใบ เอามาให้ภรรยาท่านผู้บัญชาการทหารบก หรือภรรยาท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือที่สมัยก่อนเขาเรียก อธิบดีกรมตำรวจ ก็ขอให้รู้ว่าในตู้เย็นนั้นเขาล็อกไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนกุญแจเขาจะมอบให้คุณนาย คุณนายก็รู้ พอเปิดกุญแจออกมา สมัยก่อนไม่มีแบงก์ห้าร้อย มีแต่แบงก์ร้อย แบงก์ร้อย 1 ปึก ก็แค่ 1 หมื่น ถ้า 1 ล้าน ต้อง 100 ปึก เพราะฉะนั้นแล้ว ตู้เย็นตู้หนึ่งใส่ได้อย่างมากก็ไม่เกิน 2 ล้านบาท แต่ไม่มีอะไรดีเท่าให้ตู้เย็น เพราะว่าการที่ใส่กล่องมา แล้วขนไปเป็นกล่อง เป็นลังๆ มันเป็นที่สังเกตได้

เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ นี่คือการเริ่มต้นอธิบายความว่าวิวัฒนาการของการฟอกเงินนั้น มันก้าวมา พอมันถึงยุคดิจิทัลแล้ว ที่บ่อนการพนันออนไลน์ และตลอดจนหวยออนไลน์ หรือธุรกิจสีเทา อย่างเช่น ทำเว็บโป๊ หรือทำแบล็กบอกซ์ ดูดสัญญาณของทรูมา แล้วก็เอามาขายให้กับประชาชนทั่วไปด้วยบ็อกซ์นี้ ราคาแค่พันบาท แล้วก็ใช้ดูได้ตลอดชีวิตโดยที่ไม่ต้องเสียเงินเลย ภาพก็ชัดหมดทุกอย่าง ท่านผู้ชมครับ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วก็เป็นการอารัมภบทในการที่ผมจะเข้าไปสู่เนื้อเรื่องที่แท้จริง

ท่านผู้ชมครับ เมื่อกี้นี้ท่านผู้ชมได้ฟังถึงเรื่องพื้นฐานของการฟอกเงินตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันแล้ว วันนี้ผมจะพูดถึงเรื่องบทบาทของ "กองสลากพลัส" ซึ่งเจอแก๊งฟอกเงินกลุ่มทุนสีเทา


การพูดถึง "กองสลากพลัส" ต้องพูดถึง "คุณนอท" พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกองสลากพลัส ในชื่อบริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด และเป็นนายกสมาคมผู้ค้าลอตเตอรีออนไลน์ อายุแค่ 43 ปี ก่อนจะเข้าไปถึงส่วนลึก เอาเป็นว่า เอาประวัติของคุณนอท มาเล่าให้ฟังดีกว่า ประวัตินี้ส่วนหนึ่งก็เอามาจากการที่คุณนอท ให้สัมภาษณ์เอง และอีกส่วนหนึ่ง ทีมงาน "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ได้ค้นคว้าเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

สรุปก่อนดีกว่าว่า คุณนอท เป็นคนที่ปากกัดตีนถีบจริงๆ มาตั้งแต่เด็ก ผ่านวิชาชีพ สายดาร์ก สายเทา มาหมดแล้ว เคยติดยาบ้า เคยโน่นเคยนี่

คุณนอท เล่าให้ฟังว่า เขาเริ่มประกอบกิจการเป็นร้านขายของชำ ขายปุ๋ย ที่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ 10 ขวบ ชอบช่วยแม่ขายของ 12 ขวบ เริ่มไปเป็นกรรมกรเข็นถังน้ำ 13 ขวบ ช่วงปิดเทอม รับจ้างช่วยงานเดินไฟฟ้าในโรงงาน ทำกับผู้รับเหมา พอ 17 ก็ก้าวเข้าสู่วงการสีเทา ขายยาบ้าในโรงเรียน ทำให้ได้เงินวันละ 600 บาท ติดยาด้วย เลยต้องออกจากโรงเรียน เกือบๆ จะเข้าคุกไปแล้ว


ช่วงอายุ 17-20 คุณนอท เห็นว่าชีวิตย่ำแย่ เลิกยาบ้า หนีออกจากบ้าน เข้ากรุงเทพฯ มาเป็นบาร์บอย แบกลังน้ำแข็ง ล้างแก้ว เงินเดือน 4 พันบาท

อายุ 20-23 ปี ทำงานร้านบาร์โฮสต์ ชื่อ ฟ็อกซี่ ย่านซอยรัชดา 8 ทำงานตั้งแต่สี่ทุ่ม ถึงเจ็ดโมงเช้า ได้เงินเดือน 15,000-30,000 บาท แต่ว่าใช้ชีวิตอย่างเหลวแหลก ทำงานหาเงินได้เดือนชนเดือน เพราะได้เงินมา ต้องแต่งตัว ทำผม ชีวิตติดอบายมุข เหล้า ผู้หญิง

อายุ 24 คุณนอท ทำงานเป็นพนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุ ก็คือเป็นมอเตอร์ไซค์วิ่งเคลมประกัน เวลาท่านผู้ชมมีรถชนที่ไหน โทรไปที่บริษัทประกัน บริษัทประกันก็จะส่งมอเตอร์ไซค์พวกนี้ นั่นล่ะคือหน้าที่ของ นอท ทำงานวันละ 12 ชั่วโมง ได้เงินเดือนเฉลี่ยประมาณ 15,000-20,000 บาท


อายุ 25 ไปบวช 3 เดือน สึกออกมาก็เลยมาไรต์ซีดีคาราโอเกะปลอม แผ่นซีดีเถื่อน รายได้ดี แต่ความรู้สึกลึกๆ ว่าละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ได้ภูมิใจในสิ่งที่ทำ นี่ผมไม่รู้ว่าเป็นคำพูดของคุณนอท ที่คุณนอท พยายามปกป้องตัวเองหรืออย่างไร เพราะผมคิดว่าตอนที่ไรต์อยู่ ลึกๆ ไม่ได้สนใจอะไรหรอก อะไรที่ทำเงินได้ คุณนอท ทำอยู่แล้ว

พอเข้ามาทำเรื่องนี้ก็เลยได้มีโอกาสใกล้ชิดคอมพิวเตอร์ แล้วก็เลยไปเรียนรู้วิธีซ่อมคอมพิวเตอร์ แล้วก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ ลักษณะคล้าย "อภิรักษ์ โกฎธิ" Forex 3D ตำแหน่งสุดท้ายก็คือ ผู้จัดการฝ่ายเทคนิค เบื่อ ก็ลาออกเมื่ออายุ 30 ปี

อายุตอน 27-29 ก็เคยออกมาโพสต์ภาพการจ่ายเงินเดือนของบริษัท มิลเลนเนี่ยม ซัพพอร์ต ซึ่งตัวเองทำงานอยู่ แล้วระบุว่า ตำแหน่งตอนที่ทำงานอยู่มิลเลนเนี่ยม ซัพพอร์ต จากแมสเซนเจอร์ มาเป็นช่าง มาเป็นหัวหน้าช่าง ใช้เวลา 3 ปี


ระหว่างนั้น จากการที่ไปสัมผัสกับเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ พันธ์ธวัช หรือ นอท พบว่ามีช่องทางในการหาเงินทางอินเทอร์เน็ต ก็เลยกลายเป็นนายหน้าขายของให้กับร้านค้าบน amazon.com คือทำโฆษณาผ่านระบบ Google ระบบนี้เขาเรียกว่า Google AdSense ทำเว็บไซต์แล้วติดแบนด์โฆษณาเพื่อให้ได้เงิน ทำได้ 7 เดือน ไม่ประสบผลสำเร็จ ก็เลยตัดสินใจขายร้านเกม ไปทำเว็บไซต์ปั่น Traffic (คือปั่นให้มีคนเข้ามาชมเยอะๆ) ทำ SEO (Search Engine Optimization)

ท่านผู้ชมคงไม่เข้าใจว่า SEO คืออะไร ผมอธิบายให้ฟังอย่างง่ายๆ SEO คือ ในโลกออนไลน์ ถ้าคุณเข้า Google ต้องการค้นหาอะไรก็พิมพ์คำนั้นๆ ลงลิงก์เว็บไซต์ ที่ชิ้นแรกๆ จะต้องจ่ายเงินซื้อ แต่ถ้าจะได้ขึ้นต่อ ต้องทำ SEO คือต้องรู้จักหลักเกณฑ์และกลวิธีในการทำให้เว็บไซต์ของเราปรากฏขึ้นในการค้นหาแรกๆ ในเว็บไซต์ Google.com


(เอารูปขึ้นให้ดู) ลิงก์เว็บไซต์เหนือเส้นแดง ตัวอย่างเว็บไซต์ที่ซื้อโฆษณา Google ผ่าน Adwords แล้วลิงก์ใต้เส้นแดง คือเว็บไซต์ที่ทำ SEO ที่นอททำได้ดี จนมีการแสดงผลอันดับแรกๆ นอท เชี่ยวชาญในการทำ SEO มาก เพื่อให้การค้นหาสินค้าขึ้นอันดับหนึ่ง แล้วจะได้ส่วนแบ่ง 4-8% ทำรายได้สูงสุดถึง 2 ล้านบาท แต่ตอนหลังก็โดน amazon.com แบน เพราะว่าทำผิดกฎ

นอท พูดเองว่า เขาคลุกคลีอยู่กับเว็บบอร์ดที่ใช้ชื่อว่า Thai SEO Board มีคำขวัญว่า ช่วยคนไทยทำเงินได้บนอินเทอร์เน็ต (Help Thai People Make Money on Net) รวบรวมเอาบรรดาวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ในสาย IT ทั้งสายขาว สายดำ และสายเทา เอาไว้มากมาย นอท เคยเปิดเผยเป้าหมายในชีวิตว่า สิบกว่าปีก่อนเคยตั้งเป้าว่าจะเอายอด 5 แสนบาทต่อเดือน ให้ได้ แต่เวลาที่ผ่านมาทำได้ไม่เต็มที่ ยอดเลยหลุดไปที่ 2 แสนกว่า ตอนนี้กลับมานิ่งอยู่ที่แสนกว่าบาท

นอท บอกว่า เขาเริ่มจากเป้าหมายเล็กๆ แต่สิ่งเล็กๆ จะนำพาไปหาสิ่งใหญ่ เขาบอกว่า "จำไว้อย่างนึงนะครับ เราต้องเห็นภาพว่าในอนาคตเราจะได้สิ่งที่เราตั้งเป้าไว้ชัดเจน เช่น ผมเห็นภาพผมขับเฟอร์รารี่อย่างชัดเจน ตั้งแต่ 11 ปีที่แล้ว อีก 5 ปีต่อมาผมก็ทำได้" นอท เลยกลายเป็นสายดาร์กไปแล้ว ก้าวเท้าสู่ธุรกิจผิดกฎหมาย


เมื่อก้าวสู่แวดวงออนไลน์ และกำหนดเป้าหมายตัวเองที่จะต้องสร้างรายได้จำนวนมหาศาลให้กับตัวเองให้ได้ เขาก็เลยทำเฟซบุ๊ก ชื่อว่า "กูว่าแล้วมันต้องยิง" ซึ่งเป็นเพจไฮไลต์ฟุตบอล วิธีการคือขโมยลิขสิทธิ์ อัดคลิปการแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ผมอธิบายให้ฟังแล้ว เขาพูดว่าเขารู้สึกลึกๆ ว่าไม่ชอบอะไรที่ทำแล้วละเมิดลิขสิทธิ์ แต่วันนี้ก็มาทำ ก็แสดงว่าหลักการ จุดยืนของนอท พันธ์ธวัช นั้นไม่มั่นคงเลย ขอแค่อะไรที่มีเงิน ก็ทำได้ทั้งสิ้น

เขาตัดไฮไลต์ คลิปรายการฟุตบอลต่างๆ ลงแพร่ในเฟซบุ๊กดังกล่าว เขาตั้งใจจะขายโฆษณาให้กับเว็บพนัน พร้อมกับทำเว็บโป๊ เขาทำเว็บโป๊ ดูดจากคลิปต่างประเทศ อัปโหลด เก็บค่าสมาชิก 350 บาท

2560 หรือ 2561 สี่ปีที่แล้ว เพจ "กูว่าแล้วมันต้องยิง" มีคนติดตามกว่าแสนราย ในที่สุดได้ผล ถูกเว็บพนันเจ้าหนึ่งเชิญเป็นหุ้นส่วนทำเว็บพนัน ทำการตลาด แต่พอทำไปแล้ว ผลประโยชน์ขัดกัน ไม่ลงตัว เลยถูกเว็บพนันนั้นข่มขู่ ยึดเอาเพจ "กูว่าแล้วมันต้องยิง" ไปดำเนินการต่อ


เรื่องที่ถูกข่มขู่นั้น เขาบอกว่า "กูว่าแล้วมันต้องยิง" เพจไฮไลต์ฟุตบอล ผมปั้นเพจของผมเป็นแสนไลก์รายแรก อันนี้ไม่จริงครับท่านผู้ชม ข้อมูลตรงนี้กล่าวโอ้อวดตัวเองมาก โดยที่ตัวเองไม่ได้เงินเลย แต่สมาชิกเข้ามาเยอะมาก ผมอดหลับอดนอน ทำไฮไลต์สดๆ ตั้งแต่ห้าทุ่ม ถึง 7-8 โมงเช้า เกือบทุกวัน เพราะว่าตอนนั้นมีทั้งพรีเมียร์ลีก บุนเดสลีกา ลาลีกา กัลโช ยูฟ่า ยูโรปา เอาง่ายๆ คือผมคนเดียวนั่งอัด นั่งตัด ทำทุกอย่างด้วยเครื่องๆ เดียว

นอท พูดต่อ จนวันหนึ่งเมื่อถึงเวลาของมัน เพจเริ่มดัง กำลังรุ่ง ก็มี เหี้ย ตัวหนึ่งมาติดต่อว่าอยากให้ผมทำการตลาดเว็บบอลให้ ผมรีบตกลงทันที คุยกันทีแรกผมรับรายได้ทันที 1 แสนบาท ผมทำงานให้พวก เฮีย นั่น ทันทีเดือนแรก 1 ล้านบาท ดูให้มันทุกอย่าง มันเอาผมไปนอนในห้องกากๆ ที่ยุงเข้ากัดตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ผมต้องดูงานให้มัน รายละเอียดผมไม่ขอพูด เพราะผม move on ได้แล้ว สุดท้ายพวก เหี้ย นี่โกงเพจไปอย่างหน้าด้านๆ เอาปืนมาขู่ เอาตำรวจ เหี้ยๆ มาขู่ บังคับเอาเพจผมไป

ท่านผู้ชมครับ ตำรวจคนนี้เป็นระดับสารวัตร ตอนนี้อยู่ที่กองบัญชาการไซเบอร์ คือข่าวว่า เอาปืนกระบอกหนึ่งมาวางบนโต๊ะ ขู่นอท นอทก็กลัว เครือข่ายเว็บพนันที่นอทพูดถึงก็คือเว็บพนัน SBOBET มีสมาชิกเป็นตำรวจระดับสารวัตร อยู่ บก.ปอท. ปัจจุบันคือกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็น สอท. ไปแล้ว ไม่ใช่ ปอท. แล้ว ชื่อสารวัตร ชื่อย่อ อ. พร้อมทำงานชื่อโน้ต และ เดล รวมหัวกันเรียกไปพบ วางปืนใส่ซองบนโต๊ะ ยกอำนาจบริหาร ยกสถานะแอดมินเพจให้กับคนที่ทำงานเว็บไซต์พนัน นอทก็กลัวมาก หนีไปกบดานที่จังหวัดในภาคเหนืออยู่พักหนึ่ง พอเรื่องเงียบแล้วก็กลับมาเปิดเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ "กูว่าแล้วมันต้องยิง V2" รวมทั้งเพจล้อเลียนการเมืองอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อทำมาหากินต่อไป

ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้เป็นตอนที่สำคัญมาก ผมไม่อยากให้ท่านผู้ชมละเลย ตั้งใจฟัง แล้วในที่สุด "นอท" ก็โคจรมาพบ "แทนไท" แทนไท คือใคร ? เอาเป็นว่า "แทนไท" คือเด็กหนุ่มอายุ 26 ปี ที่ประมูลป้ายทะเบียนรถยนต์ถึง 45 ล้านบาท


หลังจากโดนแก๊งพนันบอลที่มีตำรวจร่วมขบวนการอยู่ ยึดเพจ "กูว่าแล้วมันต้องยิง" ไป เจ้าตัวก็กลัว ทิ้งลูกทิ้งเมียหนีหัวซุกหัวซุนไปต่างจังหวัด สาเหตุที่เขาสามารถก้าวข้ามความกลัวเกรงอิทธิพลมาเฟียวงการพนันบอล เดินกลับสู่วงการได้นั้น เพราะว่า นอท ได้ไปรู้จักเด็กหนุ่มคนหนึ่งผ่านกระดานสนทนาออนไลน์ ท่านผู้ชมจำได้ไหมครับ ThaiSEOBoard ชื่อ "แทนไท ณรงค์กูล" เจ้าของเว็บพนันระดับขาใหญ่รายหนึ่ง ในวงการรู้กันว่า แทนไท เป็นเจ้าของเว็บพนัน

ชื่อ "แทนไท" ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า เมื่อวันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2565 เขาไปประมูลทะเบียนรถยนต์เลขสวย หมวดอักษรพิเศษ ทะเบียนรถหมายเลข "9 กก 9999" เขาใช้บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ โดยนายแทนไท ณรงค์กูล อายุ 26 CEO บริษัทฯ ประมูลได้ด้วยเงิน 45 ล้าน 9 หมื่นบาท เป็นประวัติศาสตร์การประมูลป้ายทะเบียนรถยนต์ในประเทศไทย

รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เดือนที่แล้ว ตอนที่ 168 และ 169 ผมเคยเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของ นายแทนไท อย่างละเอียดไปแล้ว เติบโต ร่ำรวยมาอย่างไร ถ้าตอบสั้นๆ แทนไท ร่ำรวยมาจากเว็บพนันออนไลน์ โดยเฉพาะพนันฟุตบอลในเครือข่ายเว็บไซต์ SAGAME SEXYGAME UFA จำนวน 9 เว็บไซต์ แค่ระยะเวลา 6 เดือน นายแทนไท กับพวก ก็มีเงินหมุนเวียนอยู่มากถึง 15,000 ล้านบาท เข้าไปแล้ว

13 ตุลาคม 2563 นายแทนไท ณรงค์กูล เคยถูกจับกุมในคดีการพนันออนไลน์ และฟอกเงิน แต่ตอนหลังอัยการสั่งไม่ฟ้อง อาจจะเป็นเพราะว่าตำรวจจงใจทำคดีให้อ่อน แล้วก็อาจจะมีการวิ่งเต้นอัยการ แล้วก็สั่งไม่ฟ้อง

แต่ว่า ถึงคดีอาญาจะสิ้นสุดไป แทนไท กับพวก ก็แพ้คดีแพ่ง


16 สิงหาคม 2565 ศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้ยึดทรัพย์ของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายคดีหมายเลขดำ ฟ 50/2564 และหมายเลขแดงที่ ฟ 101/2565 มูลค่า 176 ล้าน คดีก็ยังคาอยู่ที่ศาล เนื่องจากเจ้าตัวพยายามอุทธรณ์เรียกทรัพย์สินคืน

ประเด็นอยู่ที่ไหน ? กรณีนี้ก็แปลกประหลาด ที่ว่าคดีอาญา อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง แต่คดีแพ่งกลับสั่งให้ยึดทรัพย์ คดีแทนไท ผมอยากจะถามดังๆ ไปที่อัยการสูงสุด ซึ่งยุคนั้นคงไม่ใช่อัยการสูงสุดคนปัจจุบันนี้ เกิดอะไรขึ้น มีถุงขนมหรืออะไรตกใส่เท้าใครหรือเปล่า ผมก็ไม่รู้ นอกจากนี้ พอผมตรวจสอบรายละเอียดของบริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ซึ่งนายแทนไท ถือหุ้น นั่งเป็น CEO ดูรายละเอียดแล้วว่า บริษัทนี้เริ่มต้นมีทุนจดทะเบียนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 จำนวน 5 ล้านบาท แล้วท่านผู้ชมรู้ใช่ไหม ผมเคยพูดไปแล้วว่า ไม่ถึง 11 เดือน ในปี 2565 บริษัทนี้เพิ่มทุนฯ เป็น 900 ล้านบาท เอาเงินสดมาเพิ่มทุนนะ ไม่ถึง 11 เดือน ซึ่งคำถามที่ผมถามไปดังๆ แต่คุณแทนไท และพรรคพวก ไม่ตอบ คือบริษัทอายุคุณมีแค่ไม่กี่เดือน ไม่ถึงปี แต่เพิ่มทุนจดทะเบียนแบบพรวดพราด จาก 5 ล้านบาท ไปเป็น 900 ล้านบาท ในระยะเวลา 7-8 เดือน คุณเอาเงินมาจากไหน คุณทำธุรกิจอะไร พ่อแม่โคครเหง้าตระกูลคุณ ที่บ้านคุณร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีมาก่อนหรืออย่างไร สุดท้าย พอถาม ตอบไม่ได้ ก็เลยใช้คำพูดที่เหมือนกับท่องนะโม ตัสสะ ภะคะวะโต ก็คือว่า ผมรวยมาจากคริปโทเคอร์เรนซี มันเป็นอย่างนี้จริงๆ ท่านผู้ชม อ้างว่ารวยมาจากคริปโทเคอร์เรนซี


ท่านผู้ชมครับ กลับมาถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง นอท กับ แทนไท ข้อมูลเชิงลึกของผมบอกว่า เมื่อได้รู้จักกัน สองคนนี้แบ่งงานกันทำ คนหนึ่ง คือ "นอท" เชี่ยวชาญเรื่องการทำ SEO ปั้นคีย์เวิร์ด ปั่นคำค้น เพื่อหา Traffic ดึงคนเข้าเว็บไซต์เก่ง นอกจากนี้แล้ว แหล่งข่าวยังระบุว่า เจ้าตัวมีความสนใจส่วนตัวเรื่องหวยใต้ดินอีกด้วย อีกคนหนึ่ง "แทนไท" เชี่ยวชาญเรื่องการทำเว็บผิดกฎหมายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บพนันบอล เว็บออนไลน์ บาคาร่า สลอต โดยทางหนึ่งสองคนนี้ทำเว็บไซต์ใต้ดินของตัวเอง อีกทางหนึ่งจับมือกับปั้นเว็บสีเทา/สีดำต่างๆ เอามาทำไม ? เอามาขาย ไม่ว่าจะเว็บไซต์ลามก หนังโป๊ เว็บพนัน เว็บดูหนังออนไลน์ ราคาก็ขึ้นอยู่กับปริมาณคนเข้าชม ตั้งแต่หลักหมื่น หลักแสน และหลายล้านบาท


ท่านผู้ชมรู้ไหม มาล่ะ ถึงขั้นตอนสำคัญ หนึ่งในลูกค้าของสองคนนี้ ในช่วงแวดวงทราบกันดีว่าเป็นนายทุนซื้อหนัง เว็บหนังเถื่อนในราคาสูงราวถึง 20 ล้านบาท ก็คือคนที่ชื่อ "อั้ม ภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์" น้องชายแท้ๆ ของหมอโอ๋ สมัยก่อนเคยทำธุรกิจขายโทรศัพท์มือถือที่มาบุญครอง เป็นสามีของแยม ธมลพรรณ์ ภานุชิพุทธิวงศ์ อดีตนางเอกละครพื้นบ้าน ซึ่งเมื่อ 16 ธันวาคม 2565 ถูกกองบังคับการปราบปรามจับกุมข้อหาเปิดเว็บพนันออนไลน์ เว็บโป๊ ยึดทรัพย์สินเป็นบ้าน รถหรู บัญชีธนาคาร กระเป๋าแบรนด์เนม รวมถึงเงินสด มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท


หลายท่านถามว่า แล้วนายแทนไท ทำไมถึงลอยนวลมาจนถึงทุกวันนี้ ท่านผู้ชมอย่าไปประหลาดใจ ตำรวจกองบัญชีการไซเบอร์ระดับใหญ่ๆ คือคนที่ปกป้องนายแทนไท อยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่นายแทนไท สมควรที่จะถูกข้อหาฟอกเงิน หลายจุดเลยต้องสอบที่มาที่ไปของเงิน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มทุนอันโน้นอันนี้ แม้กระทั่งการซื้อป้ายทะเบียน แต่ตำรวจไซเบอร์รับเงินนายแทนไท แล้วก็นั่งนิ่งๆ เฉยๆ

ท่านผู้ชมครับ ผมกำลังจะพูดถึงตำรวจไซเบอร์ในอาทิตย์หน้า ผมจะฉีกให้เป็นชิ้นๆ เลย ใจเย็นๆ แต่ข้อเท็จจริงก็คือว่า นายแทนไท ได้รับการปกป้องจากตำรวจชั้นผู้ใหญ่ อย่างน้อยที่สุดก็ระดับสารวัตรขึ้นไป ของตำรวจไซเบอร์

ส่วน "นอท" กับ "สีกากี" เกี่ยวข้องไหม ?

ความร่วมมือระหว่าง "นอท" กับ "แทนไท" ไม่ได้มีแค่ประเด็นเชิงธุรกิจเท่านั้น เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ในยุทธจักรธุรกิจออนไลน์สีเทา มันมีมาเฟียใหญ่คุมธุรกิจสีเทาอยู่ นั่นคือตำรวจไซเบอร์ หรือ บก.ปอท. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ไม่นับรวมกับหน่วยงานภาคอื่นที่อาจจะเกี่ยวข้องมาก/น้อย ตามแต่อำนาจหน้าที่ ก็คือ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยที่พวกเว็บผิดกฎหมาย ทุนสีเทานั้น ผมเล่าให้ฟังแล้วไง จ่ายค่าต๋งให้กับนายอั้ม ภูมิพัฒน์ นายอั้ม ก็มีปรากฏหลักฐานว่า เคยกินไวน์ ขึ้นไปที่สำนักงาน ปปง. กับผู้ใหญ่ในสำนักงาน ปปง. คือพูดง่ายๆ ว่านายอั้ม ภูมิพัฒน์ เป็นคนที่คอยปกป้องขบวนการเว็บพนันทุนสีเทาไม่ให้โดนข้อหา ปปง. โดยต้องจ่ายเงินเป็นก้อนให้นายภูมิพัฒน์ แล้วนายภูมิพัฒน์ เอาไปจ่ายตำรวจ และเอาไปจ่าย ปปง.

ความร่วมมือระหว่าง "นอท" กับ "แทนไท" ส่งสายสัมพันธ์ต่อคอนเนกชันกับแบ็กใหญ่ในวงการตำรวจไซเบอร์ด้วย

ท่านผู้ชมครับ แหล่งข่าวผมในวงการธุรกิจออนไลน์สีเทา บอกกับผมว่า ทุกวันนี้มีการตั้งโต๊ะเก็บเงิน เก็บส่วย เก็บผลตอบแทนกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ใครจะทำธุรกิจออนไลน์สีเทา จะมีนายหน้าพาไปพบผู้หลักผู้ใหญ่ในกองบัญชาการไซเบอร์ถึงแจ้งวัฒนะเลย พบเพื่ออะไร ? ไม่ให้มีการดำเนินการแบน หรือขึ้นบัญชีดำเว็บไซต์นั้น หรือไม่ให้ถูกตำรวจไซเบอร์บล็อกเว็บไซต์นั้นๆ ไม่ให้เข้าชมจากประเทศไทยได้ เพราะเว็บไซต์พนันส่วนใหญ่เซิร์ฟเวอร์อยู่ในต่างประเทศ หรืออยู่ชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพม่า หรือกัมพูชา


ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับลูกค้าพิเศษ ว่ากันว่าตำรวจไซเบอร์จะแบนเว็บไซต์คู่แข่งที่ทำธุรกิจในทำนองเดียวกันให้กับลูกค้าพิเศษ ลูกค้า VIP ตำรวจเมืองไทยมันสุดยอดจริงๆ หาไม่ได้อีกแล้ว หาไม่ได้อีกแล้วจริงๆ อัตราค่าบริการที่นักธุรกิจออนไลน์สีเทาต้องจ่ายให้ตำรวจไซเบอร์นั้น แตกต่างออกไปตามประเภทเว็บไซต์ธุรกิจและรายได้ ยกตัวอย่าง เว็บลามก เว็บโป๊ มีราคาเหมาหลักแสนบาทขึ้นไป เหมาเรียบร้อยแล้วยังมีต้องจ่ายรายเดือน หลักแสนบาทนั่นคือค่าแป๊ะเจี๊ยะเข้านะ นอกจากนั้น จ่ายรายเดือน 5,000-10,000 บาท/เดือน แล้วเว็บพวกนี้มีตั้งเป็นพันๆ เว็บ ท่านผู้ชมเอา 100-200 เว็บ คูณจำนวนเงินเข้าไปสิ ตำรวจไซเบอร์รับเท่าไร

เว็บพนันไม่มีราคาเหมา แต่รายเดือนเริ่มต้นที่ 20,000-50,000 บาท/เดือน ผมนี่อายประชาชนจริงๆ คือหลักการ ตำรวจทั่วๆ ไปจะทำมาหากินกับธุรกิจทางอบายมุข อย่างเช่น พื้นที่บางรัก มีบ่อน มีร้านค้า ร้านกินเหล้า มีผับ มีบาร์ กี่ร้าน แต่ละร้านต้องจ่ายแล้วแต่ขนาดของร้าน 5 พันบ้าง หมื่นบาทบ้าง ให้กับตำรวจท้องที่ ก็จะมีคนเดินเก็บเงิน เอาเงินขึ้นมาให้ ส่วนใครจะเปิดบ่อนการพนันใหญ่ ก็ต้องยิงตรงกับผู้กำกับโรงพัก หรือผู้การ หรือผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แล้วก็สั่งลงมาเป็นทอดๆ ว่านี่ VIP นะ แต่ยุคนี้มันเป็นยุคไซเบอร์ดิจิทัลไง เพราะฉะนั้นแล้ว ที่ต้องจ่ายเดือนละ 5 พันบ้าง เดือนละหมื่นบ้าง ก็คือเว็บเล็กๆ ก็เหมือนกับผับบาร์ ผับเหล้าเล็กๆ ไม่มีปัญญาจ่ายเยอะ แต่เว็บใหญ่ก็ต้องเหมากันเป็นหลักแสน หลายแสน ต่อเดือน แล้วนี่กี่เดือนแล้ว กี่ปีแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีเว็บราคาเฉพาะของเว็บไซต์สีเทาประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ดูหนังเถื่อน เรื่องเว็บไซต์ดูหนังเถื่อน บริษัท ทรูฯ เคยแจ้งความไป ทั้งดีเอสไอ และ สอท. ว่ามีการดูดสัญญาณของหนังของทรู หรือแม้กระทั่งการแข่งบอลโลก ดูดไปใช้ ปรากฏว่าเรื่องเงียบหมด ทั้งตำรวจไซเบอร์ ทั้งดีเอสไอ เงียบสนิท เว็บไซต์ดูบอลเถื่อนละเมิดลิขสิทธิ์กล่องแอนดรอยด์บ็อกซ์ ดูดสัญญาณจาก ทรู วิชั่นส์ AIS Play

ธุรกิจล่าสุดที่ปรากฏขึ้น คือเว็บหนังโป๊แบบไลฟ์สด ส่วนใหญ่เป็นนายทุนต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายทุนจีน

ท่านผู้ชมครับ ด้วยคอนเนกชันถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ นอท ได้มา ถือว่าเป็นเครื่องประกันได้ระดับหนึ่งว่า ธุรกิจออนไลน์ที่เขาจะทำต่อไปในอนาคตนั้น เขาจะมีหลังพิง ทำให้เขาไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนเหมือนตอนทำเฟซบุ๊ก "กูว่าแล้วมันต้องยิง" แล้วถูกตำรวจยศแค่สารวัตร รวมทั้งเพื่อนร่วมงาน หักหลังไป


แล้วนายนอท พันธ์ธวัช เข้ามาในธุรกิจลอตเตอรีออนไลน์ได้อย่างไร ? เอาคำพูดของ นอท ก่อนแล้วกันนะครับ เขาบอกว่าเขาเห็นตลาดหวยออนไลน์มาแรง เขาบอกว่าประเทศนี้ยังไม่มีแพลตฟอร์มลอตเตอรีออนไลน์ แต่ใช้วิธีแม่ค้าถ่ายรูปสลากฯ ส่งมาในไลน์ให้ลูกค้าคนซื้อสลากฯ เลือก โอนเงินให้ เขาก็เลยจัดโปรแกรมเมอร์พัฒนาแพลตฟอร์มชื่อ "กองสลาก.com เปิดเว็บไซต์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2563

เขาเป็นคนที่ตั้งชื่อ แล้วทำให้คนเข้าใจผิดว่าเว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์ของกองสลากฯ เขาเคยให้สัมภาษณ์ในรายการ "เคลียร์ ชัด ชัด" นอท กองสลากพลัส ทางช่องเวิร์คพอยท์ เมื่อวันพุธที่ 4 มกราคม 2566 ของคุณอั๋น ภูวนาท ซึ่งผมฟังแล้วผมมีความรู้สึกว่า คุณอั๋น รับงานมา ขอประทานโทษ ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา ผมไม่รู้ว่าคุณนอท ต้องเสียเงินในรายการนี้เท่าไรถึงจะได้ออกแบบนี้


เขาเกิดไปประกาศไทม์ไลน์ของเขาขึ้นมา ในการเปิดแพลตฟอร์มการขายสลากกินแบ่งฯ ว่า สองปีที่แล้ว วันที่ 4 ธันวาคม 2563 ระหว่างที่เขานั่งเขียนแผนงาน กองสลาก.com ที่วิลล่ามาร็อค ปราณบุรี เขาบอกว่า ทุกช่วงชีวิตมีเหนื่อย ร้องไห้ หมดตัว เป็นหนี้ มีปัญหากับเจ้านาย นายจ้าง ครอบครัวแย่ แต่สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นการเรียนรู้เพื่อรอวันนี้ โอกาสมีสำหรับทุกคนครับ เพียงแต่คุณต้องแต่งตัวให้พร้อมรับโอกาสที่เข้ามา ถ้าผมไม่ทำมาเยอะขนาดนี้ ถ้าผมไม่ผิดพลาด ถ้าผมไม่เรียนรู้ ผมจะไม่เก่งการตลาดออนไลน์ เมื่อถึงเวลา ผมจะไม่มีเวลาทำกองสลากพลัสให้มีลูกค้าเหมือนอย่างทุกวันนี้

ท่านผู้ชมครับ คุณนอท พูดคล้ายๆ กับคุณท๊อป ของบิทคับ (bitkub) แล้วผมจะเอาความเหมือนของคุณนอท และ คุณท๊อป ว่าเหมือนกันตรงไหน แล้วท่านผู้ชมลองดูสิครับ ว่าเทคนิคต่างๆ นั้นเหมือนกับเอามาจากหนังสือเล่มเดียวกันเลย

เมื่อ กองสลากพลัส.com เปิดเว็บไซต์วันแรก 24 ธันวาคม 2563 เขาเริ่มขายได้ 2 พันใบ เขาบอกเนื่องจากยังไม่มีคนรู้จัก งวดแรกเริ่มต้นที่ 5 พันใบ ขายได้ 2 พันใบ ถูกรางวัล 8 หมื่นบาท ขาดทุนประมาณ 1 แสนบาท งวดต่อมา งวดที่ 2 รับซื้อลอตเตอรี 7 พันใบ ก่อนจะเพิ่มเป็น 1 หมื่นใบ ระหว่างนั้นมีข้อมูลในมือและทำการตลาดอยู่ในมือ นับจากงวดที่สามเป็นต้นมา นอท อ้างว่าเขาสามารถขายลอตเตอรีที่มีในมือได้หมด 1 หมื่นใบ


ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า กอ่นที่ นอท จะทำการตลาดออนไลน์ มันมีตลาดออนไลน์แพลตฟอร์มขายลอตเตอรีของเจ้าตลาดที่ชื่อ "มังกรฟ้า" หรือนายแทมป์ พชรล์ เมสยาห์พร ผู้บริหารมังกรฟ้าลอตเตอรี แต่เมื่อมังกรฟ้าถูกจับตามองและดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง จึงสบช่องให้ กองสลาก.com เปิดตัว "กองสลากพลัส" งวดวันที่ 16 เ มษายน 2565 งวดเดียวกับที่ "มังกรฟ้า" ประกาศหยุดขาย แล้วสร้างตัวตนของ CEO นอท พันธ์ธวัช มาเป็นจุดขาย โดยทุกวันที่ 1 หรือ 16 ทุกเดือน เวลา 4 โมงเย็น จะออกมาไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก และให้ผู้ติดตามบันทึกเบอร์มือถือเอาไว้ เมื่อพบว่ามีผู้ถูกรางวัลที่หนึ่ง นอท พันธ์ธวัช จะใช้เบอร์นี้โทรศัพท์ไปบอกผู้ที่ซื้อด้วยตัวเองว่าเป็นผู้ถูกรางวัลที่หนึ่ง ก่อนที่จะนำเงินสดไปมอบให้ด้วยตัวเอง


แต่จริงๆ แล้วเมื่อเราเช็กไทม์ไลน์ และเช็กเหตุการณ์แล้ว สาเหตุที่ นอท พันธ์ธวัช สามารถเนรมิตรแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ "กองสลากพลัส" มาได้ในเวลาอันรวดเร็ว ใช้เวลาแค่ 20 วันเอง วันที่ 4 ธันวาคม 2563 ที่เขาอ้างว่าเขียนแผนผังเว็บไซต์ที่โรงแรมหรูที่ปราณบุรี จนถึงการเปิดขายวันแรก คือ 24 ธันวาคม แท้ที่จริงแล้ว "กองสลากพลัส" มีการ clone ระบบของมังกรฟ้ามาทั้งดุ้นนั่นเอง

ย้อนรอยจุดเริ่มต้น "หวยสแกน" ในยุคมังกรฟ้า ถึง "กองสลากพลัส"

2563 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของลอตเตอรีออนไลน์ เรียกกันว่า "หวยสแกน" หรือ "หวยเงา" ใช้วิธีซื้อลอตเตอรี ขายลอตเตอรีผ่านแพลตฟอร์มที่เลือกตัวเลขได้ตามต้องการ ขณะนั้นมีเจ้าตลาดที่ชื่อ "มังกรฟ้า" ที่พบว่าผู้ที่ซื้อต้องซื้อสลากฯ จาก "หวยสแกน" ในราคาแพงกว่าราคาหน้าสลากฯ ราคาสูงถึง 100 บาทต่อใบ "มังกรฟ้า" ใช้วิธีแยกราคาหน้าสลากฯ 80 ใบ อีก 20 บาท อ้างว่าเป็นค่าดำเนินการ เป็นการเลี่ยงบาลีเพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย ข้อหาจำหน่ายสลากฯ เกินราคา


เผอิญ 25 มีนาคม 2565 "แรมโบ้" หรือ เสกสกล อัตถาวงศ์ ขณะนั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ได้ถูกตั้งเป็นประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก เข้าตรวจค้นบริษัท มังกรฟ้า หลังมีประชาชนร้องเรียนว่าขายในราคา 100-105 บาทต่อฉบับ พอเปิดเซฟแล้ว พบว่ามีการเก็บรวบรวมสลากฯ ไว้ถึง 2 ล้านฉบับ


28 มีนาคม เสกสกล และตำรวจ พร้อมหมายศาลตรวจค้นบริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ หรือ "กองสลากพลัส" พบว่าอยู่ห่างจากโรงพิมพ์สลากกินแบ่งฯ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร จากการตรวจค้น พบลอตเตอรีงวดวันที่ 1 เมษายน 2565 รวม 4.4 ล้านใบ นอท พันธ์ธวัช อ้างว่ามีสลากฯ จริงทุกใบ แต่รับมาแพง ไม่เคยได้ลอตเตอรีราคาต่ำกว่า 90 บาท รูปแบบคือ ต้องมีผู้ค้ามาส่งลอตเตอรีให้ และสแกนเก็บไว้ก่อนนำไปขายลูกค้า ที่หวยแพงเพราะมีหลายสาเหตุ เช่น การรวมชุด ถ้าซื้อใบเดียวจะขาย 90 บาท ชุด 2 ใบ 92 บาท ชุด 3 ใบ 94 บาท ชุด 5 ใบ 120 บาท แล้วจะมีห้องรวมชุดไว้โดยเฉพาะ ทำให้หวยแพง เพราะคนยอมจ่ายแพง


อีกเรื่องหนึ่งคือ หวยโควตา ที่ตั้งราคามือแรกเปิดมาที่ 97 บาท พอรวมชุดเป็นหวยย่อย ราคาจะลง คนที่กำหนดราคาคือคนมีหวยมือแรกในราคา 70 บาท 40 สตางค์

อย่างไรก็ตาม วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2565 พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ปูพรมตรวจค้นพร้อมกัน 33 จุด ในบริเวณ 12 จังหวัด จุดที่น่าสนใจคือการเข้าตรวจค้น "กองสลากพลัส" เป็นครั้งที่สอง ตำรวจยึดสลากฯ ที่ไม่ถูกรางวัลของงวดวันที่ 1 เมษายน ประมาณ 4 ล้าน 7 แสนฉบับ และงวด 16 เมษายน ประมาณ 4 ล้านฉบับ รวม 2 งวด มีจำนวนโควตาเกือบ 7 หมื่้นโควตา นอท อ้างว่าตั้งใจจะขายลอตเตอรีในราคาเพียง 80 บาท แต่เมื่อซื้อแล้วมีค่าสนับสนุนก็ตามแต่ลูกค้าจะสมทบทุน ควรจะไปคุมราคาส่ง หรือราคาต้นทุน มากกว่ามาตรวจสอบผู้ค้ารายย่อย


นอกจากนี้แล้ว ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดในการคุ้มครองผู้บริโภค หรือที่เรียกว่า ปคบ. ทำการล่อซื้อลอตเตอรีจาก กองสลาก.com พบว่าแบ่งการจำหน่ายฉบับละ 80 บาท คิดค่าบริการ 20 บาท รวมเป็น 100 บาท เกินกว่าราคาที่กฎหมายกำหนด

จนกระทั่ง 20 เมษายน 2565 นอท พันธ์ธวัช เข้าพบพนักงานสอบสวน ปคบ. สารภาพแล้วยอมปรับเปรียบเทียบในขั้นสอบสวน ปรับแพงมาก 2 พันบาท ผมนี่ตั้งข้อสงสัยกองบังคับการ ปคบ. คืออะไรกันแน่ ได้ข่าวว่าเรียกนายนอท ไปพบอีกแล้ว แต่ข่าววงในแจ้งมาว่า จะเอาเรื่องเก่ามาดำเนินคดี ก็ปรับอีกเหมือนเดิม แต่ต้องขยับสักนิด เพื่อให้ตัวเองมีบทบาทบ้าง แต่ดันทะลึ่งเอาเรื่องเก่าที่ค้างคาอยู่มาปรับ


หลังจากที่สลากฯ งวดที่ 16 เมษายน 2565 "มังกรฟ้า" ประกาศหยุดขาย หายไปจากตลาดหวยสแกน ในที่สุดแล้ว "กองสลากพลัส" ของ นอท ก็ผงาดขึ้นมาแทนที่

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูวิธีการทำตลาดและการสร้างตัวตนของ "นอท"

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า "นอท กองสลากพลัส" ตั้งแต่ตั้งชื่อแพลตฟอร์มแล้ว ฉลาด เจ้าเล่ห์แสนกล เพราะชาวบ้านเห็นชื่อแพลตฟอร์มเผินๆ ต้องคิดว่า "กองสลากพลัส" เป็นหวยออนไลน์ของ "สำนักงานสลากกินแบ่งฯ" ทั้งที่ความจริงไม่มีความเกี่ยวข้องเลย

ผมเอารูปให้ดูนะ รูปทางซ้ายคือรูป "วายุภักษ์" ที่ถูกต้องของกองสลากฯ รูปทางขวา ทำเป็นรูปเหมือนกับวายุภักษ์เหมือนกัน แต่เป็นการออกแบบแบบทันสมัย แต่เขียนว่า "กองสลาก+" มีความพยายามจะกดดันให้เปลี่ยนชื่อ แต่ "กองสลากพลัส" ของ "นอท" ก็ยังดื้อแพ่ง ทำหูทวนลม


นอกจากนั้นแล้ว "กองสลากพลัส" ยังใช้โลโก้เป็นรูปนกฟีนิกซ์ ออกมาคล้ายคลึงกับปักษาวายุภักษ์ หรือ นกการเวก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกองสลากฯ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐ เช่น ธนาคารกรุงไทย ด้วย เพียงแต่ของ "กองสลากพลัส" ออกแบบให้ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัย คุณนอท อาจจะลืมไปว่า "นกฟีนิกซ์" นั้น ตามตำนาน เมื่อบินเข้าใกล้ดวงอาทิตย์แล้วก็จะละลายกลายเป็นขี้เถ้าไป ในขณะนี้ "นกฟีนิกซ์" ของคุณนอท กำลังบินเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ทุกทีๆๆ

ทั้งชื่อและโลโก้จึงถือว่าเป็นการทำการตลาดอันเหนือชั้นของ "กองสลากพลัส" แต่เท่านั้นยังไม่พอ ดึงดารา นักร้องดัง มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ จัดงานเปิดตัวเป็นทางการเมื่อธันวาคม 2564 ครบรอบ 1 ปี ของ "กองสลากพลัส" ดาราคือขวัญใจสามนิ้ว "อ๋อม สกาวใจ พูลสวัสดิ์" นางร้ายหน้าสวย ขวัญใจม็อบสามนิ้ว ส่วนนักร้องเป็นแรปเปอร์ ชื่อ "ปู่จ๋าน ลองไมค์" หรือ นายพิษณุ บุญยืน น่าสังเกตอะไรอย่างไหมท่านผู้ชม ในการครบรอบ 1 ปี "นอท" ประกาศว่า "กองสลากพลัส" มีเซอร์ไพรส์สุดๆ กับการประกาศจับมือร่วมกันทำงานระหว่าง บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด กับ บริษัท เนรมิตรหนัง ฟิล์ม จำกัด เพื่อทำโปรเจกต์ใหม่ โดยมี น.ส.กนกวรรณ วัชระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนรมิตรหนัง ฟิล์ม มาร่วมพูดคุย


ท่านผู้ชมรู้ไหม พอจะคุ้นชื่อไหม บริษัท เนรมิตรหนัง ฟิล์ม ทำภาพยนตร์เรื่อง '4KINGS' นั่นเอง เบื้องหลังมีใคร ท่านผู้ชมรู้ไหม ? คำตอบคือ เบื้องหลังคือ นายแทนไท ณรงค์กูล เด็กหนุ่มวัย 26 ปี เจ้าของบริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ที่้ปี 63 ถูกตำรวจจับข้อหาทำเว็บพนัน แต่หลุดคดีเพราะอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง และที่เพิ่งประมูลป้ายทะเบียนไป 45 ล้านบาท

แสดงว่า "นอท "กับ "แทนไท" คือพวกเดียวกันมาตั้งแต่ต้นแล้ว "แทนไท" ก็ทำธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ ได้รับการปกป้องจากตำรวจไซเบอร์


เรากลับมาถึงบทบาทของคุณอ๋อม สกาวใจ ดาราสาวที่กลายเป็นเจ้าแม่หวย เธอรับงานโปรโมต "กองสลากพลัส" อย่างชัดเจน เธอโพสต์อวดว่าเธอถูกลอตเตอรีไม่เว้นแต่ละงวด แสดงออกให้โลกรู้ว่าจะจริงจังกับการทุ่มแทงหวยแบบไม่แคร์สื่อ "อ๋อม สกาวใจ" ก็ไม่ได้ถูกลอตเตอรีแค่ 1-2 ใบ ถูกทีเป็นร้อยๆ ใบก็มีมาแล้ว อย่างงวด 1 มีนาคม 2565 เธออวดว่าถูกลอตเตอรีเลขท้ายสองตัว ถึง 229 ใบ เอามาเรียงโชว์ไว้เต็มเตียง ฟันเงินไปถึง 458,000 บาท รางวัลที่ห้า เธอก็ถูกได้ง่ายๆ ที่สำคัญ เธอจะติดแฮชแท็กว่า #กองสลากพลัส ไว้ทุกโพสต์ เพื่อให้รู้ว่าเธอซื้อหวยมาจากที่นี่

ท่านผู้ชมคงพอจะเห็นว่าวิธีการทำการตลาดของ "นอท กองสลากพลัส" คล้ายๆ กับใคร ? คิดดูให้ดีๆ ว่าคล้ายใคร ? ติดโฆษณาเต็มบ้านเต็มเมืองเลย ไปถึงต่างจังหวัด หัวเมืองใหญ่ๆ อย่างเช่น จังหวัดชลบุรี ซื้อ wrap โฆษณารถประจำทางวิ่งทั่วกรุงเทพฯ ซื้อ wrap ของรถไฟฟ้า BTS ทุ่มซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลรายการใหญ่ อย่าง เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ คัพ ด้วยเงินกว่า 70 ล้านบาท แล้วช่วงพักครึ่งก็ยิงโฆษณาของตัวเองแบบเต็มที่ เป็นสปอนเซอร์ให้ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยอีกไม่รู้กี่สิบล้านบาท แล้วยังคุยอีกว่า จะพยายามซื้อทีมฟุตบอลไทยในไทยลีกอีกด้วย


"นอท" บอกว่าใช้งบฯ ประมาณ 30-40 ล้านบาทต่อเดือน ในการโฆษณา ยังไม่นับเงินที่ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอล เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิฯ 70 ล้าน สปอนเซอร์ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยอีกนับสิบล้าน คำนวณคร่าวๆ แล้วน่าจะใช้เงินโฆษณาในจุดนี้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้าน

1 มกราคม 2566 สมาคมฟุตบอลฯ ประกาศว่า "กองสลากพลัส" เป็นสปอนเซอร์อย่างเป็นทางการของทีมชาติไทย สาธุ! สาธุ! สาธุ! พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ครับ สาธุครับ รออีกสักพักหนึ่งครับ ขี้คร้านคุณจะถอดออกมาแทบไม่ทัน




เมื่อผมเอาตัวอย่างของ "นอท พันธ์ธวัช" ขึ้นมา ลองมาดูภาพเปรียบเทียบที่ผมจะยกให้ดูว่า "นอท กองสลากพลัส" ทำการตลาดคล้ายๆ กับใคร เหมือนกันเป๊ะเลย เปลี่ยนจากสีเขียว เป็นสีแดง เท่านั้นเอง นั่นคือ "ท๊อป บิทคับ" จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา กับสปอนเซอร์ทีมชาติไทยเหมือนกัน เดินตามรอยเท้ากัน มันเดินตามรอยเท้ากันเป๊ะๆๆๆ


เมื่อพูดถึงความคุ้มค่าการทุ่มเงินทำการตลาด และประเด็นการฟอกเงิน "นอท" บอกว่า การตลาดของผมเพิ่งจะมาทำสามเดือนนี้ เพิ่งจะมาทำสามเดือนสุดท้ายของปี 65 ซึ่งเราไม่มีลอตเตอรีขายอยู่แล้ว ที่ผมทำการตลาด ผมจะสร้างแบรนด์ที่เห็นได้ทั่วๆ ไป คือต้องการสร้างแบรนด์ "กองสลากพลัส" ให้มันแข็งแรง มันจะไม่ใช่แพลตฟอร์มขายลอตเตอรีอีกต่อไป มันจะเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจคนไทย ถามว่าข้ออ้างนี้ฟังขึ้นไหม ? พอผมเปิดผลประกอบการปี 2564 พบว่าบริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคล "กองสลากพลัส" ทำธุรกรรมต่างๆ มีรายได้รวม 1,193 ล้านบาท กำไรแค่ 9 ล้านบาท เท่านั้นเอง

ลอตเตอรี่ออนไลน์ มีกำไรปี 64 ไม่ถึง 10 ล้านบาท พอปี 65 กลับหว่านเงินทำการตลาดไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท มากกว่ากำไรในปีที่แล้วถึง 20 เท่า แต่ผมเชื่อจริงๆ ว่าตัวเลขการตลาดของ "กองสลากพลัส" นั้น มากกว่าที่มีการกล่าวอ้างถึง เพราะยังไม่รวมการตลาดแบบใต้ดิน ผ่านการยิงโฆษณาออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO หรือการลงโฆษณาใน Google ในเฟซบุ๊ก ซึ่ง "นอท พันธ์ธวัช" มีความถนัดเป็นพิเศษ แต่ในประเด็นต่างๆ เหล่านี้ "นอท" แก้ข้อกล่าวหาอ้างว่า 2565 เขามียอดขาย 15 เท่า เป็น 18,000 ล้านบาท น่าจะมีกำไร 400 ล้านบาท การให้เงินสปอนเซอร์ 200 ล้านบาท จึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผล


พอเรามาดูธุรกิจหวยออนไลน์กับโมเดลใหม่ของการฟอกเงินแล้ว มันมีเส้นบางๆ ที่เป็นไปได้ทั้งสองอย่าง รูปแบบโมเดลการทำธุรกิจสลากฯ/ลอตเตอรีออนไลน์ เป็นอย่างไร ? ทำไมมีคนกระโดดเข้ามากันเยอะแยะไปหมด มังกรฟ้า, กองสลากพลัส, หงษ์ทอง หรือ เสือแดง คำตอบแบบง่ายๆ ก็คือว่า หลักของการซื้อมา-ขายไป คือการหากำไรจากส่วนต่างราคาซื้อ และ ราคาขาย นั่นเอง


อย่างที่ท่านผู้ชมทราบว่า แต่ไหนแต่ไรมา สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลพิมพ์สลากฯ ออกมางวดละ 100 ล้านใบ แล้วกระจายสลากฯ ออกไป เป็นตัวแทนจำหน่าย 31 ล้านใบ ระบบรายย่อยอีก 69 ล้านใบ โมเดลการขายตามราคาจริงกำหนดไว้ที่กองสลากฯ ใบละ 80 บาท จะแยกแยะต้นทุน-กำไรอย่างนี้ ต้นทุนรับมาจากกองสลากฯ คือ 70 บาท พ่อค้าแม่ค้ากำไร 10 บาท แต่ถ้าขายสลากฯ เกินราคาที่ใบละ 100 บาท หรือเลขชุดหารเฉลี่ยใบละ 120-150 บาท หรือสูงกว่านั้น เพราะบางทีไปถึงใบละ 200 บาท ดังเช่นที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน จากกำไรใบละ 10 บาท จะพุ่งขึ้นไปเป็นใบละ 30 บาท 50 บาท 80 บาท หรือ 130 บาททันที แต่กำไรในส่วนนี้จะแบ่งสรรปันส่วนระหว่างยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ไปจนถึงผู้ค้ารายย่อย จำนวนเท่าไรก็แล้วแต่ตกลงกัน


ว่ากันว่า การบุกเบิกตลาดของ "มังกรฟ้า" เดิมทีเชื่อกันว่าเจ้าของตัวจริงของแพลตฟอร์ม "มังกรฟ้า" ไม่ใช่เด็กหนุ่ม แต่เป็นหนึ่งในเจ้าของโควตาสลากฯ ที่จำหน่ายตามระบบตัวแทนจำหน่าย 31 ล้านใบ ทำให้ "มังกรฟ้า" มีสลากฯ อยู่ในมืองวดละไม่ต่ำกว่า 2 ล้านฉบับ สบายๆ ทำให้ "มังกรฟ้า" ที่อ้างว่าทำแพลตฟอร์มมาเพื่อฝากขายสลากกินแบ่งรัฐบาลซึ่งวางขายบนแพลตฟอร์มตัวเองในราคา 103-105 บาท เล่นแร่แปรธาตุโดยอ้างราคาดังกล่าว แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ หนึ่ง ค่าสลากฯ 80 บาท ค่าธรรมเนียม 20 บาท ค่าสแกนจัดเก็บ 3-5 บาท

ท่านผู้ชมครับ จากโมเดลเจ้าของโควตารายใหญ่ มาขายสลากฯ ราคา 103-105 บาท ดังกล่าว จะเห็นว่าได้กำไรเหนาะๆ 20-30 บาทต่อใบ ไม่ต้องแบ่งกำไรให้ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าเร่แต่อย่างใด ถ้ามีการขายสลากฯ งวดละ 2 ล้านใบ กำไรเป็นส่วนต่างอย่างต่ำ 40-60 ล้านบาท ตกเดือนละ 80-120 ล้านบาท

ท่านผู้ชมครับ แต่ว่ารูปแบบการทำธุรกิจของ "กองสลากพลัส" ที่ "นอท" เปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่ใช่อย่างนั้นเลย


วันที่ 30 ธันวาคม "นอท พันธ์ธวัช" แถลงข่าวชี้แจง ระบุว่า "กองสลากพลัส" ไล่ซื้อลอตเตอรีจากตลาดสนามบินน้ำ ตลาดวังสะพุง ที่เลย ตลาดสี่แยกคอกวัว รวมทั้งผู้อื่นที่ซื้อขายกันอยู่แล้ว ในราคาใบละ 98 บาท แล้วมาขายต่อ 2 ราคา ราคาลอตเตอรีเดี่ยวชุดละ 2 ใบ ราคา 100 บาท คือ 80 บาท บวก 20 บาท (ค่าบริการ) รวม VAT 7% ลอตเตอรีชุดใหญ่ ตั้งแต่ 3 ใบขึ้นไป ราคา 105 บาท เรียกได้ว่าส่วนต่างของ "กองสลากพลัส" ตามที่ "นอท" อ้างนั้น จริงๆ แล้วบางมาก เขาอ้างว่าเมื่อหักภาษี ต้นทุนต่างๆ แล้ว กำไรตกเพียงใบละ 3-4 บาท ก่อนหักค่าใช้จ่ายเท่านั้นเอง

ผมจะเอาไทม์ไลน์การทำงานของ "นอท" และทีมงาน "กองสลากพลัส" ในแต่ละงวดมาให้ท่านผู้ชมดู

สลากฯ ที่ออกรางวัลในวันที่ 16 ของทุกเดือน เขาจะเริ่มไล่ซื้อสลากฯ ทุกวันที่ 3 โดยจะได้ลอตเตอรีในวันถัดมา หรือไล่ซื้อล่วงหน้าก่อนสลากฯ ออกประมาณสิบกว่าวัน


ข้อสอง สำหรับการบริหารเงินสำหรับซื้อขายลอตเตอรีต่องวด ต้องใช้เงิน 1,200-1,400 ล้านบาท ในการซื้อสลากฯ โดยวันแรกจะได้ 6 ล้านใบ ตีเป็นเงิน 600 ล้านบาท ขายได้ก็เอาเงินมาหมุนเวียนซื้อขายไป วิธีการดังกล่าว "นอท" อ้างว่าทำให้ตัวเองไม่ใช่นายทุนเพียงคนเดียวที่ได้กำไร เพราะตนยังเป็นพ่อค้าที่ไปซื้อตลาดมาจากผู้อื่นโดยไม่ได้แทรกแซงกลไกตลาด อาจเข้าข่ายผิดเงื่อนไขสัญญาเรื่องขายยกเล่ม แต่เขาไม่ได้ซื้อกับเจ้าของโควตา

แรกเปิดบริษัท 2563 "นอท" อ้างว่าซื้อ 2,285 ใบ ก่อนเพิ่มขึ้น ต้องเอารถ บ้าน ไปจำนอง เพื่อเอาเงินทุนมาหมุนเวียนในบริษัท ก่อนที่จะมีหุ้นส่วนเข้ามาร่วมลงทุน เปรียบเทียบได้กับร้านสะดวกซื้อที่นำสินค้าไปฝากขาย ทำให้ลูกค้ามีสลากฯ ในมือมาฝากขาย งวดล่าสุดทั้งหมด 13.8 ล้านใบ

แล้วเงินทุนของ CEO "นอท กองสลากพลัส" มาจากไหน ? ประเด็นสำคัญคือ สื่อมวลชนส่วนใหญ่มองข้าม ไม่มีใครมาเจาะลึกเลยว่าเงิน 600 ล้านบาท ที่มีการนำเข้ามาหมุนเวียน กลายเป็น 1,300-1,400 ล้านบาท เพื่อซื้อสลากฯ สิบกว่าล้านใบแต่ละงวดของ "นอท" มาจากไหน มีที่มาที่ไปอย่างไร สื่อมวลชนส่วนใหญ่ไม่ค้นหาข้อมูล หลงมัวเมาไปกับภาพลักษณ์ของ "นอท" หรือไม่ก็เกรงอกเกรงใจกับเงินโฆษณาที่ "นอท" ให้ ประเด็นไหนกันแน่จึงทำให้สื่อมวลชนไทยกลายเป็นเครื่องมือของ "นอท" ตกเป็นเหยื่อในการเบี่ยงเบนประเด็น ยิ่งทำให้คนไทยหลงไปกับ "นอท กองสลากพลัส" โดยสื่อส่วนใหญ่มัวไปสนใจประเด็นยิบๆ ย่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น เรื่องการขายสลากฯ เกินราคา เรื่องงบการเงินบริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ เรื่องการเสียภาษี ประเด็นทะเลาะเบาะแว้งแย่งลูกค้าระหว่างแพลตฟอร์มลอตเตอรีออนไลน์ด้วยกัน


อาจจะเป็นเพราะว่า "นอท พันธ์ธวัช" เป็นคนมีคารมดี เขาเป็นคนพูดเก่งมาก เข้าข่ายอัจฉริยะเลย เขากับ อภิรักษ์ โกฎธิ มีความสามารถใกล้เคียงกัน ฉลาด ความรู้ทางเทคโนโลยีสูง เขาพูดเก่ง พรีเซนต์เก่ง ชอบอธิบายอะไรเป็นฉากๆ ยกตัวเลขอ้างอิงขึ้นมาอย่างละเอียด บางครั้งถึงขั้นจุดทศนิยมเลย ทำให้ฟังดูน่าเชื่อถือ

ท่านผู้ชมครับ คุณหลอกใครหลอกไป แต่อย่ามาหลอกผม สนธิ ลิ้มทองกุล อย่าแม้แต่คิด เพราะข้อมูลที่ผมจะพูดต่อไปนี้ ไม่มีใครเลยสังเกต เอามาเปิดเผย ค้นคว้า วิเคราะห์เจาะลึกอย่างนี้มาก่อน แต่ก่อนที่ผมจะไปตรงนี้ ผมจะรวบรวมสื่อที่ตกเป็นเครื่องมือของ "นอท กองสลากพลัส" มา

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูบรรดาสื่อที่ให้พื้นที่ "นอท กองสลากพลัส" ไปโฆษณา ไปแก้ตัวต่างๆ นานา คุณจะจงใจหรือไม่จงใจก็ตาม แต่พวกคุณกำลังตกเป็นเครื่องมือให้กับ "นอท" และ "กองสลากพลัส" โปรโมตโฆษณาไปอย่างเรียบร้อย


เริ่มจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐก่อน ธันวาคม 2565 ปล่อยให้ "กองสลากพลัส" ซื้อโฆษณาหุ้มปกหนังสือ ในวาระครบ 2 ปี ของ "กองสลากพลัส" รายการคุณวู้ดดี้ 30 กันยายน "นอท" ไปออกรายการ "WOODY INTERVIEW" นายวุฒิธร มิลินทจินดา ในหัวข้อ "เคลียร์ชัด จัดเต็มทุกประเด็น พิสูจน์วงการลอตเตอรีไม่ใช่วงการมาเฟีย" เผยเรื่องราวเบื้องหลังวงการลอตเตอรี


รายการ "ตีสิบ" ช่อง 3 ของคุณวิทวัส สุนทรวิเนตร ท่านผู้ชมครับ ผมขอพูดถึงรายการ "ตีสิบ" ของคุณวิทวัส หน่อย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมรายการนี้ต้องเป็นรายการสำคัญที่บรรดาอาชญากร ที่ผิดกฎหมาย หรือแก๊งแชร์ลูกโซ่ทั้งหลาย ชอบมาออก สร้างโปรไฟล์ตัวเองให้ดูน่าเชื่อถือในสายตาของประชาชน 


ท่านผู้ชมไล่กับผมไปสิ "เบนซ์ เรซซิ่ง" อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช เครือข่ายฟอกเงินพ่อค้าชาวลาว ไซซะนะ แก้วพิมพา ก็มาออกตีสิบ


"นัตตี้ ลีอาห์" นัทธมณ คงจักร์ เน็ตไอดอลที่ต่อมาทำตัวเป็นแชร์ลูกโซ่ เล่นหุ้นโกงเงินเหยื่อไปกว่า 2 พันล้านบาท แล้วหลบหนีไปมาเลเซีย อีกหลายต่อหลายคน โดยกรณีของ "นอท กองสลากพลัส" ก็เช่นกัน


รายการ "ตีสิบ" ทางช่อง 3 ของคุณวิทวัส สัมภาษณ์ "นอท" ชูประเด็นว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจแบบสุดๆ บนโลกออนไลน์ อุตส่าห์พาดหัวรายการตอนนี้ว่า เปิดเบื้องลึกของเจ้าพ่อกองสลากพลัสที่เริ่มต้นชีวิตด้วยวงจรสีเทา ตั้งแต่อายุ 17 ปี แต่อะไรคือจุดเปลี่ยน จากคนหลงผิด ให้ประสบผลสำเร็จได้ คือรายการคุณวิทวัส "ตีสิบ" สัมภาษณ์อวยสุดๆ ส่วนคุณนอท จะจ่ายเงินหรือไม่จ่ายเงินให้ได้ออกรายการนั้น ผมไม่รู้ แต่ถ้าไม่มีผลประโยชน์เข้ามาชักจูงให้รายการนี้เชิญคุณนอท ที่มากพอ ผมว่าเขาคงไม่ให้คุณนอท ออกรายการนี้


แต่ปรากฏว่าหลังจากออกรายการไป มีผู้ชมในโลกโซเชียลฯ เข้ามาคอมเมนต์ทางลบต่อตัวนายนอท กันเยอะ เกี่ยวกับประวัติชีวิตที่เปิดเผยว่าเคยค้ายา ทำเว็บโป๊ เว็บพนัน รวมทั้งความคิดเห็นทางลบต่อธุรกิจของ "กองสลากพลัส"

ท่านผู้ชมครับ ที่น่าสงสัยต่อไปอีกคือ หลังจากออกรายการ "ตีสิบ" ไปแล้วรอบหนึ่ง 27 ธันวาคม "นอท กองสลากพลัส" ออก "ตีสิบ" อีกรอบหนึ่ง เพื่อแก้ภาพลักษณ์และตอบโต้ชาวเน็ตเหล่านั้นทันที ทำเหมือนกับว่านายนอท จะออก "ตีสิบ" เมื่อไรก็ได้ ตอนไหนก็ได้ คุณวิทวัส พร้อมจะเปิดเวทีให้ทันที คุณวิทวัสครับ ถ้าจะออกรายการคุณนี่ต้องเสียเงินเท่าไร ผมจะได้จำเอาไว้เป็นมาตรฐาน มีใครมาถาม ผมจะได้บอกได้ คุณวิทวัสเขารับ ออกเลย จ่ายเงินเท่านี้ เขาให้ออกเลย จะออกกี่ครั้งก็ได้ ครั้งหนึ่งก็จ่ายเท่านี้


คุณวิทวัส คุณเป็นสื่อมวลชนที่อายุมากแล้วนะ คุณอายุน้อยกว่าผมไม่กี่ปีเอง แต่คุณเคยพิจารณาหรือเปล่าว่ารายการ "ตีสิบ" ของคุณช่วงหลังๆ นี้แทบจะไม่มีคนดูเลย ดูเรตติ้งแล้วแย่ ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ผมเป็นห่วงคุณมาก

รายการ "ตีสิบ" กรณี "นอท กองสลากพลัส" แตกต่างจากรายการช่อง 3 อีกรายการหนึ่ง ชื่อ "โหนกระแส" คุณหนุ่ม กรรชัย มาเชิญคุณนอท ออกรายการหลายครั้ง แต่เป็นการเชิญมาเพื่อตอบประเด็นข้อสงสัย เรื่องราวที่ตกเป็นข่าวและมีประโยชน์ต่อสังคม


รายการ "โหนกระแส" วันที่ 3 มกราคม ระหว่าง "นอท กองสลากพลัส" กับ "วี หงษ์ทอง" ที่เปิดประเด็นโจมตีกันผ่านโซเชียล มาออกรายการอีกครั้ง ท่านผู้ชมรู้ไหม มีการหลุดข้อมูลสำคัญอะไรออกมาบ้าง ?

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2566 นายนอท มาออกรายการ "เคลียร์ ชัด ชัด" ช่องเวิร์คพอยท์ ของนายอั๋น ภูวนาท คุนผลิน เพื่อตอบข้อกล่าวหาทั้งหมดที่กำลังเป็นกระแสอยู่ ฟังเผินๆ ดูเหมือนจะเป็นรายการสัมภาษณ์เชิงข่าว แต่มีตอนหนึ่งที่พอ "นอท พันธ์ธวัช" บอกว่าตั้งใจจะปั้นบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ได้ คุณอั๋น ถึงกับพูดกึ่งๆ ติดตลกว่า "นี่ไม่ได้อวยอะไรทั้งสิ้นนะ แต่บริษัทใดก็ตามมีความตั้งใจจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ แปลว่าเขามั่นใจพร้อมจะถูกตรวจสอบแน่นอน คือธรรมาภิบาล เรื่องของความโปร่งใสทุกอย่าง ทุกอย่างต้องสามารถเข้าตรวจสอบได้ทั้งหมด มุมหนึ่งพอได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกว่ามั่นใจมากขึ้น" คุณอั๋นครับ คุณไม่อวยมากจนเกินไปเหรอ ผมถามจริงๆ เถอะ ต้องเสียเงินเท่าไรถึงมาออกรายการคุณได้ คุณไม่ได้ทำหน้าที่เป็นสื่อมวลชนที่พร้อมจะเจาะลึก เอาความจริง เอาข้อมูลมาเปิดเผย หรือว่าเวิร์คพอยท์หลักๆ แล้วเป็นคนประเภทนี้กันเสียส่วนใหญ่


แล้วคุณอั๋นยังพูดต่อ "ผมแอบเปิดเผยสักนิดหนึ่งก็แล้วกันนะครับ ว่า 30-40 ล้านต่อเดือน เท่าที่ทำโฆษณา เท่าที่สำรวจเจอนะครับ รถไฟฟ้า 4 ขบวน 1 สถานี รถเมล์ 300 คัน บิลบอร์ด 60 ป้าย" แล้วยังพูดต่อว่า "แล้วอาจจะซื้อจอของรายการ เคลียร์ ชัด ชัด ตรงนี้ รอติดตามได้นะครับ ไม่แน่สัปดาห์อาจจะเปลี่ยนเป็น เคลียร์ ชัด ชัด โดยกองสลากพลัส" คุณพูดเองนะครับ

คุณปัญญา นิรันดร์กุล ซึ่งผมรู้จักดี คุณสร้างเวิร์คพอยท์มาตั้งนาน หยาดเหงื่อทุกเม็ด คุณจะรับโฆษณาจาก "กองสลากพลัส" จริงๆ หรือเป็นแค่การพูดเล่นขำๆ เพราะเมื่อหน้ากากนักธุรกิจหวยออนไลน์ของ "นอท" ถูกฉีกออกมาแล้ว ผมยังไม่แน่ใจว่าคุณยังอยากได้เงินของเขาอยู่หรือเปล่า

ส่วนช่อง 9 อสมท หลังจากที่ "นอท" ควักเงินเกือบ 70 ล้านบาท ซื้่อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คัพ ทีมชาติไทยกำลังเข้าร่วมการแข่งขัน ถ่ายทอดสดทางช่อง MCOT HD, ช่อง 9 และ T SPORT 7 ปรากฏว่าช่อง 9 ซึ่งเป็นสื่อภายใต้การควบคุมของรัฐ ถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอล ก็มีการแทรกโฆษณา "กองสลากพลัส" เป็นระยะๆ โดยเพลย์โฆษณาต่อเนื่องเป็นเวลาร่วมเกือบ 20 นาที


เนื้อหาการโฆษณามีทั้งเอาเงินมาวางเป็นฟ่อนๆ ประกาศรางวัลที่หนึ่ง โทรไปหาคนถูกรางวัล ปลายสายก็ดีอกดีใจที่ทุกคนถูกรางวัล มีคอนเทนต์นายนอท ขับรถเฟอร์รารีสีแดงหรูหราฟู่ฟ่ามาก ขนเงินไปให้ลูกค้าที่ถูกหวยตามจังหวัดต่างๆ จังหวัดโน้นจังหวัดนี้ ให้คนดูฝันว่าสักวันจะเป็นของตัวเอง


คุณนอท อาจจะอ้างว่าเป็นคนออกค่าลิขสิทธิ์ ดังนั้นจะโฆษณาอะไรก็ได้ แต่ช่อง 9 ครับ คุณเป็นรัฐวิสาหกิจ เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นสื่อภายใต้การควบคุมของรัฐบาล คุณไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยหรือที่มีการโฆษณาสนับสนุนให้มีการซื้อหวยออนไลน์ที่ไม่ได้ขายโดยรัฐบาลเองเสียด้วยซ้ำ แต่ผ่านจอโทรทัศน์ ผ่านสื่อของคุณ ที่ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย เข้าถึง ผู้บริหาร อสมท ครับ คุณอายบ้างหรือเปล่า คุณอย่าทำตัวเป็นช่อง 3 รายการคุณวิทวัส สิครับ เพราะคุณวิทวัส เขาถนัดในเรื่องนี้ แต่สถานภาพของพวกคุณช่อง 9 มันเป็นอีกสถานภาพหนึ่งนะครับ ให้ระมัดระวังตัวเอาไว้ด้วย


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมเคยสงสัยไหมว่าจากที่ "นอท กองสลากพลัส" บอกว่าตัวเองซื้อหวยงวดละ 13-14 ล้านใบ นี่คือคำพูดของคุณนอท เองนะ ไม่ได้มีใครมโนให้นะ คุณนอทเป็นคนพูดเอง ถ้าตีเป็นเงินแล้ว 13-14 ล้านใบ ประมาณ 1,300-1,400 ล้านบาท ซึ่งถ้าวิธีการบริหารเงินในการไล่ซื้อสลากฯ ในแต่ละงวด ในแต่ละเดือน เป็นอย่างที่ "นอท" เขาว่าจริง ว่าเขาหมุนเงิน 2 รอบ เพราะฉะนั้นแล้ว เขาต้องมี 600-700 ล้านบาท ในรอบแรก ในการซื้อสลากฯ มา เอาเงินสดที่ขายลูกค้าที่มาซื้อสลากฯ อีกรอบหนึ่ง ภายในระยะ 4-5 วัน ที่ลูกค้ารุมเข้ามาแย่งซื้อสลากฯ บนแพลตฟอร์ม "กองสลากพลัส" ในราคาร้อยกว่าบาท ก็ถามว่าเงิน 600-700 ล้านบาท คุณนอท เอามาจากไหน


"นอท พันธ์ธวัช" เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2565 ให้สัมภาษณ์รายการ "เจาะลึกทั่วไทย" ของคุณดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ทางช่อง 9 เขาบอกว่าเงินที่ผมเอามาทำธุรกิจทั้งหมดเป็นเงินกู้ยืมมา มีนายทุนให้ผมกู้ เมื่อก่อนมีอยู่สองรายใหญ่ จำนวน 2 คน แต่ปัจจุบันเป็นรายย่อยทั่วๆ ไป ผมประกาศผ่านเฟซบุ๊ก แล้วเขามาลงทุนกับผม ให้ผมกู้ เงินที่เข้ามาก้อนใหญ่แล้วมันก็ออกไปทุกเดือน เป็นดอกเบี้ย ดอกเบี้ยออกไปทุกเดือน แต่เงินต้นยังอยู่ พอครบสัญญาผมคืนเงินต้นทั้งก้อน

ท่านผู้ชมครับ จากคำพูดของนายพันธ์ธวัช หรือ "นอท กองสลากพลัส" ข้อแรกคือ เงินที่นายนอท เอามาลงทุนกว้านซื้อสลากกินแบ่งฯ เพื่อมาสแกนลงแพลตฟอร์มของตัวเองนั้น เป็นเงินกู้ยืมคนอื่นทั้งหมด ท่านผู้ชมจำตรงนี้ไว้นะครับ เป็นเงินกู้ยืมทั้งหมด ไม่มีเงินของตัวเองเลย ท่านผู้ชมครับ นี่เพิ่งเริ่มต้นนะครับ เดี๋ยวตามผมมา


ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน คือวันพุธที่ 4 มกราคม ก่อนที่จะให้สัมภาษณ์คุณดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ในวันที่ 5 ก่อนหน้านั้น 1 วัน "นอท" ให้สัมภาษณ์ "คุณอั๋น ภูวนาท คุนผลิน" ในรายการ "เคลียร์ ชัด ชัด ... นอท กองสลากพลัส" ทางช่องเวิร์คพอยท์ ระบุว่า เงินทุนตรงนี้ตนไม่สามารถไปกู้กับธนาคารได้ ทำให้ต้องกู้ยืมคนอื่นมา ผ่านสัญญาเงินกู้ที่อ้างว่าทำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีหลักฐานทุกชิ้น พร้อมกันนั้น "นอท" ยังได้ตอบถึงข้อสงสัยอีกข้อว่า เงินกู้ดังกล่าวไม่ใช่เงินกู้นอกระบบ เพราะเป็นเงินกู้ที่ลงบัญชีไว้ถูกต้องทุกอย่าง และคิดดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด คือ 15% ต่อปี

ท่านผู้ชมครับ คงไม่ต้องเอาคำพูดของ "นอท" มาเล่ารายละเอียด แต่สรุปแล้วที่ให้สัมภาษณ์พูดแบบนี้ สามารถจะเช็กได้ทันทีเลย

ด้วยเหตุนี้ สรุปง่ายๆ ก็คือ เงิน 600-700 ล้านบาทต่องวดนี้ ไม่ได้กู้มาจากระบบธนาคาร หรือระบบการเงินปกติ แต่เป็นการกู้ยืมแบบทำสัญญาเงินกู้กับบุคคล หรือกับนิติบุคคลที่ไว้ใจในตัว "นอท พันธ์ธวัช" และต้องไว้ใจมากๆ ด้วย เพราะว่าเงินจำนวนหลายร้อยล้านบาทไม่ใช่เงินน้อยๆ มีมูลค่ามหาศาล


แล้วท่านผู้ชมรู้ไหมว่า ในที่สุดแล้วผมค้นเจอว่า "นายแทนไท" หรือบริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ โผล่มาเป็นแหล่งเงินทุน "กองสลากพลัส" ท่านผู้ชมครับ "แทนไท" ที่ผมเคยพูดมาแล้วในหลายตอนที่ผ่านมาว่า เป็นคนที่มีข้อสงสัยมากที่สุด เพิ่มทุนบริษัทตัวเองภายใน 11 เดือน จากเงินทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท เป็น 900 ล้านบาท เป็นเงินสด ผมถามว่าคุณเอาเงินนี้มาจากไหน ปรากฏว่า "นายแทนไท" เป็นหนึ่งในผู้ที่ให้กู้ โดยใช้นามของบริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป

ก่อนหน้านั้นไปอีกวันหนึ่ง ในวันอังคารที่ 3 มกราคม ช่วงนั้น 3-4-5 "นอท พันธ์ธวัช" ออกเดินสาย ออกรายการ "โหนกระแส" ออกรายการ "เคลียร์ ชัด ชัด" ของอั๋น ภูวนาท และออกรายการของคุณดนัย เอกมหาสวัสดิ์ วันอังคารที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา คุณนอท ไปออกรายการ "โหนกระแส" ของคุณหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย เพื่อโต้เถียงกับเจ้าของแพลตฟอร์มหวยออนไลน์อีกเจ้าหนึ่ง คือ "หงษ์ทอง" ซึ่งตกเป็นข่าวโด่งดังเรื่อง "หวยทิพย์" "รางวัลที่หนึ่งทิพย์" โดยตอนหนึ่งเมื่อมีการถามถึงที่มาของเงินทุนของ "กองสลากพลัส" "นอท" ได้ยกแฟ้มขึ้นมาแฟ้มหนึ่้งส่งไปให้คุณหนุ่ม กรรชัย แล้วพูดบอกว่า "เรื่องเงินทุนผมเอามาจากไหน ผมหมุนเวียนอย่างไร ผมเริ่มจาก 2 พันใบ ขายเพิ่มมาเรื่อยๆ ผมยังเคยชวนจะยืมเงินพี่หนุ่ม นี่คือสัญญาร่วมลงทุน" แล้วก็ยกแฟ้มส่งไป "อย่างไรผมก็ต้องส่งข้อมูลนี้ให้ ปปง. อยู่แล้ว"


คุณหนุ่ม ได้แฟ้มมา ก็ยกแฟ้มมา แล้วก็กรีดหน้าสัญญาต่างๆ อย่างคร่าวๆ จากด้านหลังไปด้านหน้าประมาณ 2-3 รอบ ซึ่งระยะเวลาที่กรีดแฟ้มนั้น กินเวลาไม่กี่วินาทีเอง แล้วถามจริงๆ ท่านผู้ชม ในเวลาไม่กี่วินาทีนั้น จะมีใครสังเกตข้อความในแฟ้มไหมว่ามีอะไรบ้าง ผมว่าไม่มีหรอกครับ เชื่อว่าไม่มี

แต่เผอิญทีมงานของผมซึ่งเกาะติดเรื่องราวของคุณนอท มาหลายเดือนแล้ว ร้ายกาจมาก จับภาพข้อความสัญญาที่ร่วมลงทุนน่าสนใจได้บางส่วน


ฉบับแรก (ผมเอาภาพขึ้นให้ดู) เป็นสัญญาร่วมลงทุนระหว่างนายณัฐพล คงสุวรรณ์ กับ บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด หรือ "กองสลากพลัส" ฉบับแรก แล้วคุณณัฐพล คือใคร ? ผมค้นไปว่า คุณณัฐพล คงสุวรรณ์ ชื่อเล่นว่า โน้ต ปัจจุบันเป็นนักธุรกิจ มีตำแหน่งเป็นถึงประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO ของบริษัทจำหน่ายสินค้าจำพวกเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิวต่างๆ ในแบรนด์ EVE'S ซึ่งท่านผู้ชมอาจจะเคยได้ยินหรือคุ้นหูแบรนด์นี้มาบ้าง เพราะ 2563 ช่วงดาราสาว "โฟกัส จีระกุล" กำลังฮือฮาด้วยการออกมาสนับสนุนม็อบสามนิ้วแบบเต็มตัวนั้น แบรนด์ EVE'S ก็ดึง "โฟกัส" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ แล้วซื้อโฆษณาเต็มบ้านเต็มเมือง ทั้งป้ายบิลบอร์ด รถประจำทาง


ท่านผู้ชมครับ ผมมีข้อสังเกตอย่างหนึ่ง คุณโน้ต กับ คุณนอท น่าจะอยู่เบื้องหลังม็อบสามนิ้ว เพราะคุณนอท เป็นคนที่เอาคุณอ๋อม สกาวใจ พูลสวัสดิ์ ซึ่งเป็นพวกสามนิ้วชัดเจน เอามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในเรื่องของ "กองสลากพลัส" แล้วเครือข่ายโดยผ่านคุณโน้ต เจ้าของแบรนด์ EVE'S ก็เอาคุณโฟกัส จีระกุล ซึ่งก็เป็นพวกสามนิ้ว ออกมา ผมไม่อยากจะพูดว่า "กองสลากพลัส" ก็คือนายหน้าของกลุ่มสามนิ้ว แต่ไม่เป็นไรครับ นั่นเป็นเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว


ปัจจุบันนี้แบรนด์ EVE'S กำลังโปรโมตสินค้าป้องกันหน้าท้องลาย โดยใช้คุณแม่ป้ายแดงอย่าง ไอซ์ อภิษฎา เครือคงคา


อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้ลงลึกไปว่ารายงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เครือบริษัท EVE'S ซึ่งคุณโน้ต ณัฐพล เป็น CEO นั้น ประสบผลสำเร็จและมีผลประกอบการยอดเยี่ยมอย่างไร หรือว่าผมจะใช้เวลาบอกเล่าและชื่นชมตัวคุณณัฐพล ว่ามีเส้นทางชีวิตเติบโตมาอย่างไร จากพ่อค้าลูกชิ้นปลาทอดถุงละ 20 บาท มาเป็นพ่อค้าตลาดนัดขายเสื้อผ้าที่ตลาดนัดข้างตึก TRUE วันนี้ร่ำรวยเป็นนักธุรกิจใหญ่ สามารถปล่อยกู้เงินของตัวเองให้กับบริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ ของคุณ "นอท กองสลากพลัส" ซึ่งมียอดขายอ้างอิงว่า 18,000 ล้าน


ไปดูสัญญาอีกตัวหนึ่ง ท่านผู้ชมครับ ไม่มีใครมีในประเทศไทย มีทีมงาน "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เท่านั้นที่มี ก็เลยเอามาเปิดให้ดู

เป็นสัญญาร่วมลงทุนและค้ำประกัน สัญญานี้แตกต่างจากสัญญาคุณณัฐพล เพราะมีคำว่า "ค้ำประกัน" เพิ่มมาด้วย ระหว่างบริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กับ บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด


อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า บริษัท ไททันฯ เป็นบริษัทที่มีปัญหามาก ผมเคยถามว่า อธิบดีกรมสรรพากร คุณนั่งสบายดีอยู่หรือ แล้วลูกน้องคุณล่ะ นั่งสบายดีอยู่หรือ ทีเวลาร้านขายก๋วยเตี๋ยว คุณไปนั่งนับชามเขา แล้วเหมาว่าเขาต้องจ่ายภาษีตามชามที่คุณนับ แต่กับบริษัทอย่างเช่น ไททันฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 5 ล้านบาท เป็น 900 ล้านบาท ในเวลา 11 เดือน คุณไม่สงสัยบ้างเลยหรือว่าเงินนี้มาจากไหน เสียภาษีถูกต้องหรือเปล่า ที่มาที่ไปของเงินนั้นคุณต้องตามไปเก็บภาษีสิครับ

คุณแทนไท ณรงค์กูล เจ้าของบริษัท ไททันฯ อายุ 26 ปีเอง สองปีที่แล้ว (2563) เคยถูกจับข้อหาเปิดเว็บพนันฟุตบอลที่มีเงินหมุนเวียนเป็นหมื่นล้าน แต่หลุดคดีอย่างมีปาฏิหาริย์ ทุกวันนี้ยังมีเงิน ร่ำรวยเป็นพันล้าน จนเอาเงินไปหว่านประมูลซื้อทะเบียนรถเลขสวยได้ในราคา 45 ล้านบาท นั่นไง คุณแทนไท เป็นคนที่ต้องตั้งข้อสงสัยไว้เลยว่า ร่ำรวยมาได้อย่างไร ท่านผู้ชมครับ ถ้าท่านผู้ชมเอาเงิน 45 ล้านบาท ไปประมูลทะเบียนรถ เป็นไปได้ไหมว่าท่านผู้ชมต้องมีเงินมากกว่า 45 ล้านบาท อย่างน้อยที่สุด 20-30 เท่า ก็คือพันกว่าล้านบาท หรือ 50 เท่า 2 พันกว่าล้านบาท


เหมือนคนๆ หนึ่ง ถ้ากัดฟันจะซื้อ ตัดสินใจจะซื้อเฟอร์รารีคันละ 35 ล้านบาท คำถามมีอยู่ว่า ทำไมถึงซื้อรถราคา 35 ล้านบาทได้ แสดงว่าตัวเองต้องมีเงินเป็นพันล้าน ถึงสามารถจะเจียดเงิน 35 ล้านบาท มาซื้อได้

ท่านผู้ชมครับ นี่คือข้อแตกต่างกัน ท่านผู้ชมสังเกตว่าเศรษฐี หรือคนที่ตระกูลร่ำรวย มีเงินหรือมีธุรกิจที่ถูกต้อง หรือเจ้าของบริษัท ทรูฯ อย่างคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ผมไม่เห็นท่านต้องไปซื้อเฟอร์รารีเลย ท่านก็ใช้รถโฟล์กตู้คันหนึ่ง หรือลูกหลานของท่านใช้รถอย่างดีก็เบนซ์ เพราะคนพวกนี้มีเงินมาก แต่ใช้เงินเป็น และไม่อวดรวย

คุณแทนไท ยังเป็นเจ้าของบริษัท ไททันฯ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า เพิ่มทุนมา โดยที่เงินเพิ่มทุนตั้งร่วมเกือบ 900 ล้านบาท เป็นเงินสด ไม่รู้ว่าเอามาจากไหน ผมไม่ได้ทึกทักหรือกล่าวหาเองนะครับ แต่ท่านผู้ชมลองเชื่อมโยงเส้นเวลา หรือที่เรียกว่า ไทม์ไลน์ การก่อตั้งและเพิ่มทุนของบริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ของนายแทนไท ในช่วงปี 2565 ปีที่แล้ว กับการผงาดขึ้นมาของแพลตฟอร์ม "กองสลากพลัส" ของ "นอท พันธ์ธวัช" ในห้วงเวลาเดียวกัน ก็พบว่ามีความสอดคล้องกันอย่างมีนัยสำคัญ คือ บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2563 ปลายปี 2564 ฉลองครบรอบ 1 ปี ก็มีการประกาศจับมือร่วมกันทำงานระหว่าง บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด กับ บริษัท เนรมิตรหนัง ฟิล์ม ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของไททันฯ เพื่อทำโปรเจกต์ใหม่


ท่านผู้ชมครับ ตามผมมา ตั้งแต่มีนาคม-เมษายน 2565 "กองสลากพลัส" มีชื่อเสียงโด่งดัง ยึดตลาดหวยออนไลน์มาจาก "มังกรฟ้า" ผงาดขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดหวยออนไลน์ได้อย่างเต็มตัว มียอดขายต่อเนื่อง จากหลักแสนเป็นหลักล้าน หลักสิบล้าน หลักร้อยล้าน หลักพันล้าน เวลาเดียวกัน บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป ก็เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 5 ล้านบาท ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เพิ่มไปเรื่อยๆ 1 เดือน 1 มีนาคม 2565 เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 500 ล้าน เป็น 505 ล้าน 12 กันยายน 2565 เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 395 ล้านบาท เป็น 900 ล้านบาท เงินสดทั้งนั้น

ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณนอทครับ คุณแทนไทครับ ผมไม่ได้กล่าวหาคุณว่าคุณทำอะไรผิดกฎหมาย หรือกำลังฟอกเงินอยู่นะครับ ผมแค่ตั้งข้อสังเกตว่าสิ่งที่คุณทำนั้น มีประเด็นที่คุณต้องนำไปชี้แจงเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะเป็นกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ปปง. รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่กำลังจับตาดูพวกคุณอย่างใกล้ชิด จากอาการหิวแสงและชอบโชว์ออฟของพวกคุณ


28 ธันวาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เรียกผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เข้ามาหารือถึงการทำธุรกิจของ "กองสลากพลัส" หลังจาก "นอท พันธ์ธวัช" ระบุว่าบริษัทเองมียอดขายสูงถึง 18,000 ล้านบาท ขอให้ผู้บริหารกองสลากฯ ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ปปง. ดีเอสไอ ตำรวจ รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมมือกันตรวจสอบ โดยเฉพาะเส้นทางการเงิน ว่ามีความเป็นมาอย่างไร และได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดตรวจสอบให้เสร็จภายใน 15 วัน รายงานผลให้ทราบ คงจะไม่นานล่ะ

คุณนอท ครับ เผอิญสัปดาห์นี้ วันนี้ผมรู้ว่าคุณมีนัดกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการฟอกเงิน สัปดาห์ที่แล้ว เมื่อวันพุธที่ 4 มกราคม 2566 ในระหว่างที่คุณกำลังออกมาให้สัมภาษณ์กับทีวีเพื่อเคลียร์ตัวเอง ทางดีเอสไอได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเส้นทางการเงินของผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ และอื่นๆ เขามุ่งเน้นไปยังบุคคลที่ทำหน้าที่ในการยักยอก ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินให้กลุ่มอาชญากรรม ซึ่งศูนย์อาชญากรรมคดียาเสพติดได้ดำเนินการเป็นคดีพิเศษที่ 288/2565 เขาทำงานมาสองปีครับ เขาค้นคว้ามาสองปี เขาสอบสวนเพราะว่ากลุ่มบุคคลที่ทำหน้าที่ในการโอน รับโอน หรือแปรสภาพทรัพย์สิน หรือฟอกเงิน ให้กับอาชญากรรมที่ผิดกฎหมายหลายประเภท โดยการจัดหาบัญชีบุคคลทั่วไปเปิดบัญชีธนาคารให้ ซึ่งในวงการเขาเรียกว่า "บัญชีม้า" จากนั้นก็จะทำการควบคุมบัญชีธนาคารดังกล่าวด้วยการเบิกถอนเงินสด แล้วนำไปส่งมอบให้กับกลุ่มอาชญากรที่ใช้บริการ โดยเรียกเก็บค่าบริการเป็นเงินเปอร์เซ็นต์จากยอดเงินที่เบิกถอนได้ มิหนำซ้ำยังมีบริการหลังการขายด้วยการติดตามทวงเงินกลุ่มลูกค้า


นอกจากนี้แล้ว ยังมีการพบพฤติการณ์ทำร้ายร่างกาย บังคับ ทรมานบุคคลที่แอบปิดบัญชี หรือเบิกถอนเงินจากบัญชีม้า แล้วถ่ายคลิปไปให้ลูกค้าที่ใช้บริการดูอยู่ประจำ

ท่านผู้ชมครับ ปลายปีที่แล้ว (2565) วันที่ 10 ธันวาคม ดีเอสไอ ศูนย์คดียาเสพติด ได้จับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นหัวหน้าขบวนการรายสำคัญได้ 1 ราย ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 5 ราย เขาก็สืบสวนขยายผล ปรากฏว่า ที่ผ่านมากลุ่มขบวนการดังกล่าวทำหน้าที่เบิกถอนเงินสด และนำเข้าบัญชีให้บุคคลที่เกี่ยวข้องหลายราย โดยหนึ่งในผู้ที่รับเงินจากกลุ่มขบวนการนี้ ชื่อ "คุณนอท พันธ์ธวัช" คือผู้บริหารกิจการสลากกินแบ่งฯ ออนไลน์ "กองสลากพลัส" โดยปรากฏหลักฐานการรับเงินจากกลุ่มขบวนการนี้ จำนวนหลายสิบล้านบาท เขาถึงออกหมายเรียก วันนี้ (13 ม.ค.) เพื่อให้คุณนอท ไปชี้แจงว่าคุณรับเงินมาได้อย่างไร 42 ล้านบาท จากไอ้หมอนี่ คุณรู้จักเขาได้อย่างไร แล้วเงินก้อนนี้เอามาทำอะไร

ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า สัปดาห์ที่แล้ว พอข่าวออกไปปั๊บ "คุณนอท กองสลากพลัส" ก็สะดุดหัวเกือบทิ่ม คุณนอท แก้ตัวผ่านสื่อว่า ดีเอสไอเรียกตัวไปเป็นพยาน คุณนอทครับ ตอนนี้ไปเป็นพยานเพื่อให้คุณอธิบายว่ามาอย่างไร แต่ถ้าอธิบายไม่ได้ หรือที่คุณอธิบายแล้ว พนักงานสอบสวนเขาเห็นว่าไม่สมเหตุสมผล ฟังไม่ขึ้น คุณก็จะถูกเปลี่ยนจากการเป็นพยาน กลายเป็นจำเลย คดีฟอกเงิน หมายเรียกที่ออกมานั้น ค่อนข้างชัดเจนว่าอาจจะเป็นผู้ต้องหาในที่สุด


ปรากฏว่า ผมทราบข่าวว่า คุณนอท พยายามล็อบบี้เข้าหาดีเอสไอตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งๆ ที่ตอนแรกก็นัดกันแล้วว่าเป็นวันศุกร์ที่ 13 เพราะอะไร ? เพราะตามไทม์ไลน์แล้ว งวดวันที่ 17 มกราคม คุณต้องหาทุนมาซื้อสลากฯ ตั้งแต่วันที่ 3 หรือ 4 มกราคม เนื่องจากคดีอยู่ในมือดีเอสไอ ก็เลยทำให้นายทุนที่คุณไปกู้เงินเขามา เกิดชะงัก ไม่กล้าปล่อยเงินมาให้คุณนำไปกว้านซื้อสลากฯ กลัวติดร่างแหประเด็นฟอกเงินไปด้วย ซึ่งติดแน่นอน ท่านผู้ชมครับ ใครก็ตามให้นายนอทกู้เงินไป แล้วที่มาที่ไปของเงินไม่สว่าง ไม่สะอาด ไม่ว่าจะเป็นคุณณัฐพล เจ้าของเครื่องสำอาง EVE'S หรือคุณแทนไท ก็ตาม ถ้าคุณเกี่ยวข้องด้วยโดยที่คุณไม่รู้ตัว คุณโดนร่างแหนี้เข้าไปด้วย เพราะถ้าเงิน 42 ล้านบาท ออกมาแล้วเข้ามาหาคุณนอท แล้วคุณ 2 คน ก็ให้คุณนอทกู้ด้วย เข้าข่ายสมรู้ร่วมคิด

วันนั้นคุณนอท อ้างว่า เนื่องจากสถานการณ์ลอตเตอรีราคาแพง ไม่เกี่ยวกับเรื่องหมายเรียกของดีเอสไอ ท่านผู้ชมครับ คุณลงโพสต์เลยนะ "เลื่อนเปิดขายลอตเตอรี่ เพราะสู้ราคาไม่ไหว ไม่เกี่ยกับ DSI นะครับ งวดนี้ขายตามปกตินะครับ แต่เปิดช้า"


ข้อที่สาม วันจันทร์ที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา คุณนอทประกาศว่า ตอนนี้หาทุนมาได้แล้ว ซื้อสลากฯ งวด 17 มกราคม ได้ 7 ล้านใบแล้ว ขอให้ลูกค้าเตรียมซื้อในวันอังคารที่ 10 มกราคม ท่านผู้ชมครับ เหตุสะดุดครั้งนี้เกือบหัวทิ่มของ "กองสลากพลัส" ไม่ใช่ครั้งแรกนะครับ ถ้าท่านผู้ชมติดตามข่าวนี้มาตลอด จะเห็นว่าวันที่ 9 ธันวาคม 2565 คุณนอท เคยโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กของตัวเอง ซึ่งมีผู้ติดตามประมาณ 6 แสนคน ลงโฆษณาเลยนะว่า "มีนายทุนถอนทุนออกครับ ต้องการทุน 200 ล้าน ปันผล 1.25% ต่อเดือน (15% ต่อปี) ปันผลทุกเดือน สัญญา 1 ปี"


การโพสต์ระดมทุน 200 ล้านบาท อย่างกะทันหันดังกล่าว ทำให้คนแปลกอกแปลกใจกับลูกค้า สาธารณชนเป็นจำนวนมาก เพราะคุณนอท พรีเซนต์ตัวเองตลอดเวลาว่า ทำธุรกิจถูกกฎหมาย แต่เผอิญมีไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา ร่ำรวย ขับรถซูเปอร์คาร์ เฟอร์รารี ลัมโบร์กีนี เบนท์ลีย์ มอเตอร์ไซค์ก็ DUCATI คันละหลายล้านบาท หรือหลายสิบล้านบาท ไม่นับบ้านช่องห้องหับ นาฬิกาหรูยี่ห้อริชาร์ด มิลล์ Patek Philippe โรเล็กซ์ รวยจริงๆ


ทีนี้ ประเด็นการประกาศขอกู้เงิน 200 ล้านบาท ดังกล่าว คุณนอท อ้างว่านายทุนถอนทุน และเงินของบริษัทฯ ที่ทำ "กองสลากพลัส" นั้น แยกกับเงินและทรัพย์สินส่วนตัว ประเด็นครับ สื่อมวลชนไทยทั้งหลายครับ ปีนี้ผมอายุ 75 ย่าง 76 พอผมได้ยินได้ฟังคำอธิบายอย่างนี้ ท่านผู้ชมรู้ไหม ผมแทบจะหัวเราะตกเก้าอี้เลย คนโบราณเขาพูดอย่างไร ผมจำได้หมด "อาชญากรรมมักจะทิ้งร่องรอย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง"

การประกาศหานายทุนใหม่เพื่อกู้เงิน 200 ล้านบาท ผ่านเฟซบุ๊กในเชิงธุรกิจแบบถูกกฎหมาย ถูกต้อง โปร่งใส เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ มีแต่นักธุรกิจสีดำๆ สีเทา เท่านั้นที่จะทำแบบนี้ เมื่อนำเรื่องของการประกาศหานายทุนกู้เงิน 200 ล้าน ดังกล่าว ของ "นอท กองสลากพลัส" ไปร้อยเรียงกับประเด็นที่ดีเอสไอบุกจับคนที่ทำหน้าที่ผ่านบัญชีม้า ไปยังบัญชีส่วนตัวของ "คุณนอท พันธ์ธวัช" เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ยิ่งไม่ต้องสงสัย แหล่งข้อมูลที่ผมได้มาก็คือว่า คนถูกจับ ชื่อ นายสุทิน อายุ 48 ปี ถูกจับแถวๆ ปิ่นเกล้า

นายสุทิน คือใคร ? เป็นลูกน้องในเครือข่ายเจ้าของบ่อนผิดกฎหมายที่ได้รับฉายาว่า "บ่อนลอยฟ้า" จำนวนเงินที่โอนเข้าบัญชีส่วนตัวของ "นอท พันธ์ธวัช" ไม่ได้เข้าบริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ นะท่านผู้ชม เข้าบัญชีส่วนตัวคุณนอท มีมูลค่า 42 ล้านบาท แต่เงินก้อนดังกล่าวเอาไปหมุนซื้อสลากฯ 3-4 รอบ จะใกล้เคียงกับเงิน 200 กว่าล้านบาท ที่ประกาศระดมทุน ลงตัวกันเป๊ะๆ โดยเป็นการโอนผ่านแคชเชียร์เช็ค เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ของนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้อายัดบัญชีทั้งต้นทางและปลายทางไว้หมดแล้ว

พอตรวจสอบไปเพิ่มเติม พบว่าการโอนเงินลักษณะนี้มีอยู่หลายครั้ง ซึ่งหากเงินที่ผิดกฎหมาย หรือตรวจสอบที่มาที่ไปไม่ได้ ซึ่งคุณสุทิน คงไม่สามารถอธิบายที่มาที่ไปของเงินได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ว่าผมมีพ่อมีแม่ มีปู่ มีย่า มีที่ดินอยู่ 25 ไร่ 100 ไร่ อยู่แถวปิ่นเกล้า มูลค่าเป็นหมื่นล้าน ผมก็เอาเงินก้อนนี้มาหมุนเพื่อกินดอกเบี้ย คงไม่ใช่กรณีแบบนั้น แต่ถ้าตรวจสอบที่มาที่ไปไม่ได้ คุณนอท ชี้แจงไม่ได้ จะเข้าข่ายตามมาตรา 5 ของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน


ท่านผู้ชมครับ มาตรา 5 ของพระราชบัญญัติ ปปง. ต่อกรณี (1 ครั้ง) ถ้าโอนไป 3 ครั้ง ก็ 3 กรรม โอน 5 ครั้ง ก็ 5 กรรม โอน 10 ครั้ง ก็ 10 กรรม ครั้งหนึ่งโทษ 1-10 ปี ก็อาจจะลงโทษ 5 ปี แต่โอน 2 ครั้ง ก็จำคุก 10 ปี เอา 5 คูณ 2 ถ้า 3 ครั้ง ก็คูณเพิ่มไปเรื่อยๆ

เพราะฉะนั้นแล้ว คุณนอทครับ คุณเตรียมตัวและลองไปไล่นับแล้วกันว่า ในช่วงสองปีกว่าที่คุณทำ "กองสลากพลัส" มา พวกอาชญากร ทุนพนัน ทุนสีเทา มีหรือไม่ที่เอาเงินมาฟอกกับคุณ กี่ราย ถ้าผิดจริง คุณลองคิดดูว่าคุณต้องติดคุกกี่ปี เตรียมรับนะครับ

ยังไม่หมด คุณนอท นี่แค่วิบากกรรมที่คุณต้องเผชิญในดอกแรกขารับ คือการรับฟอกเงินจากธุรกิจสีเทา ซึ่งผมไม่รู้ แต่ลักษณะมันเป็นข้อสงสัยสีดำทั้งหลาย ถ้าอธิบายไม่ได้จริงๆ บัญชีธนาคารของคุณก็จะทยอยถูกอายัดไปหมด

ท่านผู้ชมครับ เท่าที่ผมทราบมา ทั้งดีเอสไอ ปปง. ตำรวจ ระบุตรงกันว่า นอกจากบัญชี "คุณนอท พันธ์ธวัช" และบริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ฯ แล้ว รายชื่อบุคคล/นิติบุคคล ที่อยู่ในแฟ้มสัญญาร่วมลงทุนที่คุณเอามาโชว์ให้คุณกรรชัยดู จะต้องถูกนำไปตรวจสอบทั้งหมด ทั้งหมดเลยนะที่มีชื่ออยู่ในนั้น ที่คุณอ้างว่าให้คุณกู้ยืมเงิน ตรวจสอบว่าบุคคล/นิติบุคคลที่ทำสัญญากับคุณนั้น เอาเงินจากไหนมาให้คุณกู้ยืม ไม่ว่าบริษัท ไททันฯ ของคุณแทนไท หรือคุณโน้ต ณัฐพล CEO ของแบรนด์ EVE'S รวมทั้งคนอื่นๆ ด้วย


แล้วยังมีดอกที่สอง คือขาออก หมายความว่า ใครก็ตามที่ซื้อลอตเตอรีของคุณ เอาเงินที่ไหนมาซื้อ คุณให้สัมภาษณ์เอาไว้ในรายการ "เจาะลึกทั่วไทย" ของคุณดนัย ที่ MCOT เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พูดว่า ดีเอสไอเรียกคุณไปชี้แจงบัญชีว่าเคยมีลูกค้า "กองสลากพลัส" เคยซื้อลอตเตอรีมากที่สุดถึง 5 หมื่นใบ คิดเป็นเงิน 5 ล้านบาท ในเชิงนักเลง ในวงการฟอกเงิน 5 ล้านบาท อาจจะเป็นตัวเลขทิพย์ ก็คือ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็คือมีการฟอกเงิน 5 ล้านบาท หลายเจ้าอาจจะฟอกทีละ 10 ล้านบาท 20 ล้านบาท รวมๆ กันเข้าไป

ท่านผู้ชมครับ ผมมานั่งนึก ว่าไปเอาเงินเขามาตอนไหน นั่นคือคำพูดที่คุณนอทพูด คุณนอท พูดเลย "ผมมานั่งนึก เอ๊ะ กูไปเอาเงินเขามาตอนไหนวะ คิดดูตอนแรกก็ไม่มี สองปีที่ผ่านมา เงินที่ผมเอาเข้าบัญชี จะเป็นเงินที่ออกมาจากบริษัทเท่านั้น ไอ้ตัวผมไม่ได้รับเงินจากใคร ตรงนี้ผมมั่นใจ ถ้าอย่างที่ผมตั้งข้อสังเกต มันจะมาซื้อลอตเตอรีของผมหรือเปล่า" คุณนอทครับ ที่คุณพูดน่ะมันตรงกันข้ามกับหลักฐานที่ดีเอสไอเขามีว่า นายสุทิน ได้โอนเงิน 42 ล้านบาท เข้าบัญชีส่วนตัวของคุณ มันตรงกันข้ามกับที่คุณพูด ให้สัมภาษณ์ว่าเงินที่ผมเอาเข้าบัญชี เป็นเงินที่ออกมาจากบริษัทเท่านั้น "ไอ้ตัวผมไม่ได้รับเงินจากใคร ตรงนี้ผมมั่นใจ" ตรงนี้ล่ะ บัญชีม้า 42 ล้านบาท ของนายสุทิน ยืนยันว่าได้โอนเงินไปให้คุณโดยตรง มีแคชเชียร์เช็คเข้าบัญชีคุณ ของธนาคารกสิกรไทย ผมว่างานนี้คุณน่าจะเหนื่อยนะ คุณนอท

จากข้อมูลที่คุณนอทให้สัมภาษณ์ เมื่อตรวจสอบข้อมูลของดีเอสไอ ผมไม่อยากพูดว่าผมจับโกหกคุณได้หลายข้อ ข้อที่หนึ่ง คุณใช้บัญชีส่วนตัวในการรับเงินจากนายทุนสีเทา ต้องถือว่าเงินที่มาจากนายสุทิน นั้น บัญชีม้า คือเงินสีเทา ข้อที่สอง เรื่องสลากฯ 5 ล้านบาท คุณไม่รู้ได้อย่างไรว่าลูกค้ารายใหญ่ที่มาซื้อสลากฯ 5 หมื่นใบ นั้นเป็นใคร เป็นไปไม่ได้

ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า ผมเคยเล่าให้ฟังว่าหนี่งในวิธีฟอกเงินของพวกข้าราชการ นักการเมืองบางส่วน คือการขอซื้อรางวัลที่หนึ่งต่อจากคนที่ถูกรางวัลที่หนึ่งจริงๆ เพื่อฟอกเงินสีดำให้สะอาดบริสุทธิ์ นำไปชี้แจง ตรวจสอบได้ เพราะฉะนั้นแล้ว ในส่วนของ "ขาออก" คือคนที่ซื้อลอตเตอรีออนไลน์ "กองสลากพลัส" ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ที่คุณบอกว่ายอดขายของคุณเยอะเหลือเกิน มีคนมาซื้อสลากฯ โดยเฉพาะรายใหญ่ๆ ดีเอสไอ หรือเจ้าหน้าที่ ปปง. ต้องตรวจสอบว่าเป็นใคร เอาเงินที่ไหนมาซื้อสลากฯ ถูกรางวัลจริงหรือไม่ เอาเงินที่มาซื้อสลากฯ ที่ถูกรางวัลกับแพลตฟอร์มคุณนอท เพื่อฟอกเงินหรือเปล่า


ท่านผู้ชมครับ ที่ผมพูดมานี้แค่น้ำจิ้มเท่านั้น เท่าที่ผมทราบจากการตรวจสอบหน่วยราชการทั้งหลาย คุณนอทครับ คุณกำลังจะโดนคดีอื่นๆ ตามมาอีกเป็นพรวน ไม่ว่าจะเป็นดีเอสไอสอบแหล่งที่มาของเงิน อาจจะอยู่ในขบวนการฟอกเงิน ข้อหาจัดให้มีการพนัน ผมรู้ว่าสรรพากรกำลังจัดทีมตรวจสอบภาษีบุคคลธรรมดา เพราะคุณนอทใช้บัญชีส่วนตัวรับเงินจากผู้อื่น ไม่ใช่บัญชีบริษัท สรรพากรจะถามว่าคุณรับเงินมา 42 ล้าน หลักฐานมีอยู่แล้ว คุณเสียภาษีหรือเปล่า

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ตั้งข้อหาขายสลากฯ เกินราคา ปปง. และตำรวจ สอบเส้นทางการฟอกเงินทั้งขาเข้าและขาออก

คุณนอทครับ ผมฟังคุณให้สัมภาษณ์อย่างห้าวหาญ กล้าหาญ ด่าคนโน้นด่าคนนี้ว่าโง่ ไม่ได้ด่าตรงๆ นะครับ แต่นัยของการพูดจาของคุณ ผมไม่ได้กล่าวหาคุณ และผมคิดว่าถ้าคุณชี้แจงได้ สาธุ! ก็เป็นประโยชน์กับคุณ

มิหนำซ้ำแล้ว เขาอาจจะถามต่อว่า เอ๊ะ แล้วที่คุณซื้อเฟอร์รารี ซื้อเบนท์ลีย์ ซื้อ Porche ซื้อลัมโบร์กีนี และบ้านอีกเยอะแยะ คุณเอาเงินที่ไหนมาซื้อ

คุณนอทครับ คุณเชื่อผมอย่าง ประสบการณ์ในชีวิตผมบอกว่าถ้าตามเส้นทางการเงินแล้ว อาชญากรจะหลบหนีไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว เล่าให้คุณเป็นเกร็ดความรู้เล็กๆ คุณอาจจะรู้แล้วก็ได้

ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในอเมริกา ในยุคที่มาเฟียกำลังโด่งดัง มีเจ้าพ่อคนหนึ่ง ชื่อ แอล คาโปน FBI ทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ไปฆ่าคนโน้นไปฆ่าคนนี้ ไปจับคนฆ่ามา คนฆ่าก็สารภาพว่าทำเอง ไม่ถึง แอล คาโปน กลุ้มใจมาหลายปี จนในที่สุดมีเจ้าหน้าที่ FBI คนหนึ่งจบมาทางบัญชี ศึกษาข้อมูลรายละเอียดของ แอล คาโปน แล้วบอกว่าต้องเล่นงานเรื่องหนีภาษี เท่านั้นเอง แอล คาโปน ติดคุกยาวหัวโตเลยงานนี้


คุณนอทครับ ผมรู้ว่าเวลาศาลพิพากษา เขาพิพากษาเป็นกรรม ถ้าคุณผิดจริง ถ้าคุณผิดไป 20 กรรม 25 กรรม หรือ 30 กรรม ในรอบสองปีที่ผ่านมานี้ ถ้าศาลพิพากษากรรมละ 3 ปี โทษ 1-10 ปี กรรมละ 3 ปี คุณก็ถึง 90 ปีนะครับ คุณนอท ไม่ใช่ไม่มีตัวอย่าง "เสี่ยโจ้" ผู้กำกับถุงดำ ก็ทำมาแล้ว และโดนมาแล้ว อภิรักษ์ โกฎธิ ก็ทำมาแล้ว และโดนมาแล้ว Forex 3D เพราะฉะนั้นแล้ว นี่คือข้อมูลข้อเท็จจริง แล้วงานนี้ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยจะต้องระมัดระวัง การทำมาหากินถ้าทำอะไรที่มันไม่ผิดกฎหมาย อาจจะยากหน่อย กว่าจะรวยขึ้นมา มันก็เลยเกิดคนที่อยากรวยเร็ว และพร้อมที่จะเสี่ยง คุณนอท คุณเป็นคนประเภทนี้หรือเปล่า ผมไม่รู้ แต่รอดูต่อไปก็แล้วกัน ท่านผู้ชมครับ หนังเรื่องนี้ยังไม่จบ

รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 169 ออกอากาศเมื่อวันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ผมได้ตั้งคำถามดังๆ เรื่องถึง "ปปง. จากคดีตู้ห่าว-ทุนจีนสีเทา เหมืองบิตคอยน์-แทนไท อั้ม PSV" เอาไว้ ตอนหนึ่งผมกล่าวถึงพฤติกรรมของแก๊งพี่น้อง เพื่อนฝูง สองสามีภรรยา ของนายอั้ม PSV "ภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์" กับอดีตดาราช่อง 7 "แยม ธมลพรรณ์ ภาณุชิตพุทธิวงศ์" ว่าพวกนี้ชอบอวดรวย โชว์ไลฟ์สไตล์ชีวิตที่หรูหรา ทั้งๆ ที่ที่ตัวเองได้มาเป็นเงินบาป เงินผิดกฎหมาย สีดำ/สีเทา แต่อดใจไม่ได้ที่จะเอาทรัพย์สินที่มีจากเงินสกปรกนี้มาโชว์ ในที่สุดชีวิตก็ประสบวิบากกรรม ตอนนี้ติดคุกไปเรียบร้อย มีทีท่าว่าจะโดนคดีและติดคุกไปอีกนาน


เผอิญในรายการนั้นผมทิ้งท้ายเอาไว้ ว่า จากข้อมูลเบื้องลึกที่มีแหล่งข่าวส่งให้ผม คือเงินที่อั้ม กับแยม นั้น ถูกกระจายไปยังเครือข่ายเพื่อนฝูงของนายอั้ม ซึ่งมีทั้งนักการพนัน นักเล่นคริปโตฯ เต็นท์รถหรูทั้งมือหนึ่ง-มือสอง รวมถึงเจ้าของแบรนด์กางเกงยีนส์ ที่ขายกางเกงยีนส์อย่างไรไม่รู้ จากแต่ก่อนขายของเล่น ขายอของออนไลน์ก๊อกแก๊ก เวลาผ่านไปไม่กี่ปี กลับมีเงินซื้อบ้านหลังเบ้อเริ่ม มีเงินซื้อรถซูเปอร์คาร์ รถเบนท์ลีย์ไปรับลูก พอผมพูดออกรายการไปเท่านั้น มีคน inbox เข้ามา แล้วฟ้องผมว่า เจ้าของแบรนด์กางเกงยีนส์คนหนึ่งร้อนตัว ขู่จะฟ้องร้องผมกับรายการ SONDHI TALK ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมคงรู้คำตอบผมดี ผมจะบอกว่า อย่า อย่า ... อย่าช้า รีบฟ้องมา อยากให้ฟ้องใจแทบขาดแล้ว นรกจะได้แตกเลยงานนี้


ท่านผู้ชมครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมจะเปิดชื่อก็ได้ คนที่ขู่จะฟ้องผม และรายการ SONDHI TALK ผมจะบอกว่า ลูกหลานเอ๊ย คุณอายุแค่ 35 ปีเอง ยังอายุน้อยกว่าลูกชายผม ฟ้องลุงมาเถอะ ลุงพร้อม เจ้าของคนที่จะฟ้องผม เป็นเจ้าของแบรนด์กางเกงยีนส์ที่อวดอ้างว่าร่ำรวย มีเงินเป็นพันๆ ล้านบาท จากการขายกางเกงยีนส์ ที่สำคัญเขาสนิทสนมกับนายอั้ม ภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์ คนๆ นี้ชื่อ แม็ค หรือ กฤษฏา ปิณฑะเกษตริน หรือ แม็คซิม เจ้าของแบรนด์ HOLD'EM

นายแม็ค กับ นายอั้ม สนิทสนมกันมาก อยู่แก๊งเดึยวกัน นายอั้ม วันนี้อยู่ในคุกแล้ว แต่นายแม็ค ยังอยู่ข้างนอก และขู่ว่าจะฟ้องผม


อีกรูปหนึ่ง อั้ม ภูมิพัฒน์ และ แยม ธมลพรรณ์ สองสามีภรรยา ที่ทำผิดเรื่องเว็บโป๊ มี แม็ค กฤษฎา และกลุ่มเพื่อนฝูงนั่นอยู่ มิหนำซ้ำ (อีกรูปหนึ่ง) นายแม็ค เข้าบ่อนกาสิโนที่มาเก๊ากับนายอั้ม ภูมิพัฒน์ กับเพื่อนฝูง ในปี 2561


ท่านผู้ชมครับ เรามาดูความเป็นเศรษฐีของนายแม็ค กันหน่อย นายแม็ค อวดรวย ใช้รถ Bentley Flying Spur Hybrid ราคา 17.5 ล้าน


นายแม็ค กับ Lamborghini Aventador S 38 ล้าน สองคันก็ 55 ล้านแล้ว


นายแม็ค กับ Mercedes-Benz G63 AMG พร้อมชุดแต่ง BRABUS ซื้อมา 15 ล้าน นี่จะร้อยล้านแล้ว


Nissan GTR R35 คันละสิบกว่าล้าน Lamborghini Urus 23 ล้าน นี่มันร้อยกว่าล้านบาทแล้วนะ เขาจอดรถ ทั้ง Benz, BMW, Porche ในคอลเลกชันจอดโรงรถที่บ้านซึ่งมีหลายหลัง


อีกรูปหนึ่ง บ้านหรู รถสปอร์ตหรูหลากยี่ห้อ BMW, Honda รุ่นพิเศษ


เขาไม่ใช่คนที่มีพ่อแม่ร่ำรวย มีธุรกิจใหญ่โต ไม่ใช่ลูกหลานของ CP หรือตระกูลจิราธิวัฒน์ หรือตระกูลจุฬางกูร หรือตระกูลอะไรก็ตามที่เป็นเจ้าของกิจการใหญ่โต อายุ 35 ปี จบ ABAC ดูแค่รถกับบ้าน น่าจะมีหลายร้อยล้านาท มิหนำซ้ำยังออกรายการของนายนิกกี้ ณฉัตร จันทพันธ์ เขาบอกว่าเขาสร้างเนื้อสร้างตัวจนมีทรัพย์สินเป็นพันล้านบาท


ในรายการเดียวกัน คุณแม่ของนายแม็ค เปิดเผยว่า ฐานะครอบครัวของนายแม็คมีเงิน แต่ไม่ได้ร่ำรวย ทรัพย์สินทุกวันนี้มาจากน้ำพักน้ำแรงของลูกชายเป็นหลัก ถ้าเขาทำงานอะไรที่เป็นงานสตาร์ทอัพ หรือทำงานอะไร สมมุติว่าเขาเคยเป็นคนที่คิดค้นแอปฯ ลักษระ Grab หรือ Flash หรืออะไรก็ตาม แล้วไปได้ดิบได้ดี มีคนมาลงทุน มีต่างชาติมาลงทุน ทำให้มูลค่าหุ้นเขาสูงขึ้น เป็นร้อยๆ เท่า พันเท่า ผมยังพอรับได้


ผมไปดูธุรกิจของคุณแม็ค พอเห็นอยู่ว่ามีธุรกิจที่เป็นตัวตน พอมีชื่อเสียงอยู่ ก็คือกางเกงยีนส์ ชื่อ HOLD'EM DENIM เขาออกสื่อมานานแล้ว เขาคุยเลยว่ากางเกงของเขาพิเศษ ไม่ใช่ธรรมดา ผลิตรุ่นละ 88 ตัวต่อคอลเลกชัน หาซื้อยาก ราคาสูง ราคาต้นๆ หลักพันบาท ถึงหมื่นบาท แล้วเขาบอกว่า เราทำออกมาไม่เหมือนใคร เราทำจำนวนน้อยจริงๆ ครับ คือน้อยมาก คือไม่ได้เน้นยอดขายอะไรเลย เน้นแบรนดิ้งอย่างเดียว เราโปรโมต ทุ่มทุนโปรโมตหมดเลย ให้ทุกคนอยากได้ แต่สินค้าเรามีแค่นี้ คุณแม็ค กฤษฎา ให้สัมภาษณ์ในรายการ Vision of ASEAN ในตอนที่ 123 แบรนด์ไทยทะยานไกลสู่อินเตอร์ ออกอากาศเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2560 เกือบหกปีที่แล้ว

นอกจากนั้นแล้ว คุณแม็ค ยังทำแบรนด์ HOLD'EM เสื้อยืด หมวก สินค้า Accessories เพื่อส่งไปขายประเทศจีน เมื่อมีคนถามถึงในรายการ Vision of ASEAN ว่า พูดถึงเป้าหมายรายได้ธุรกิจ และรายได้ของแม็ค เขาบอกว่า เขาไม่ได้เน้นยอดขาย เขาเน้นต้องการทำแบรนด์ให้ดัง เพราะฉะนั้น ท่านผู้ชม อธิบายแบบง่ายๆ คุณแม็คครับ คุณกำลังจะอธิบายว่าช่วงแรกที่ปั้นกางเกงยีนส์ยี่ห้อนี้ขึ้นมา เพื่อขอเอาชื่อเสียง เอากล่องไม่เน้นเงิน เพื่อที่ในอนาคตคุณอาจจะคิดขายแฟรนไชส์ด้วยใช่ไหม

ด้วยไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา ร่ำรวย ทรัพย์สมบัติมูลค่านับพันล้านบาท แสดงว่าในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจ HOLD'EM ของคุณแม็ค ต้องมียอดขายกระฉูด กำไรดีมากๆ เลยใช่ไหม ... แต่ไมใช่ ท่านผู้ชมตามผมมา


ผมก็เลยเปิดบัญชีของบริษัท HOLD'EM DENIM ย้อนหลัง 2560-2564 ท่านผู้ชมรู้ไหม รายได้สูงสุดของบริษัทที่ทำกางเกงยีนส์ 29 ล้านบาท รายได้สูงสุดนะ คือขายได้ 29 ล้านบาท กำไรสูงสุด 3 ล้าน 3 แสนบาท พอไปเปิดงบการเงินบริษัท HOLD'EM DENIM ซึ่งเป็นเจ้าของกางเกงยีนส์ Mcs แล้วคุณแม็คถือหุ้นใหญ่ถึง 90% พบว่าบริษัทนี้ คุณแม็ค เป็นกรรมการอยู่คนเดียว ก่อตั้ง 24 เมษายน 2560 อายุบริษัทนี้ 5 ปี กับ 9 เดือน ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท มูลค่าบริษัท 11 ล้าน 4 แสนบาท ปีที่แล้ว คุณรายงานงบของบริษัท HOLD'EM ให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่าบริษัทคุณมีรายได้ 26,321,582 บาท มีกำไรสุทธิ 3 ล้าน 3 แสนบาท เสียภาษีไป 5 แสน 9 หมื่นบาท มีทรัพย์สินรวม 11 ล้าน 7 แสนบาท

ด้วยตัวเลขรายได้ กำไร และมูลค่าบริษัทของคุณ ผมมองไม่เห็นเลยนะ คุณแม็ค ว่ามันทำให้คุณได้ร่ำรวยและมีโอกาสซื้อทรัพย์สมบัติ ทั้งรถหรูราคาดี บ้านหลังใหญ่หลักร้อยๆ ล้านได้อย่างไร คุณเอาเงินที่ไหนมาซื้อ ก็ในเมื่อคุณทำธุรกิจอยู่เพียงแค่นี้เอง ผมยังคิดว่าคุณยังมีธุรกิจแบบยูนิคอร์น หรือมีคนมาซื้อแฟรนไชส์ Mc Jeans ของคุณ แต่ไม่มี

ผมตรวจสอบบริษัทต่างๆ ที่คุณมีอยู่ 5 บริษัท กระจอกงอกง่อยมาก ผมเชื่อว่าเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวที่ขายดีๆ ยังมีรายได้มากกว่าบริษัทคุณอีก ต่อปี คุณกฤษฎา คุณแม็ค ผมไม่ได้อิจฉาริษยาคุณเลย คุณมีรถหรูๆ จอดเรียงรายที่บ้านคุณเป็นสิบๆ คัน มูลค่าหลายร้อยล้านบาท คุณบอกว่าคุณซื้อเบนท์ลีย์มาเพื่อเอามารับ-ส่งลูก คุณซื้อบ้านหลังละร้อยกว่าล้านบาทให้แม่คุณ แล้วคุณอ้างว่าคุณมีทรัพย์สินพันล้านบาท คุณแม็ค ผมผ่านเรื่องนี้มาหมดแล้ว จากจุดสูงสุด ถึงต่ำสุดของผู้คน มาไม่รู้จักเท่าไรต่อเท่าไร แต่คุณลืมไปแล้วหรือว่า เจ้าหน้าที่เขาศึกษา เขามีหลักฐานว่าคุณสนิทสนมกับนายอั้ม ภูมิพัฒน์ อาชญากรที่ทำผิดกฎหมายหลายข้อ ฟอกเงินหลายอย่างจากธุรกิจสีเทา/สีดำ ผมว่าคุณไม่ได้แตกต่างจากนายอั้ม และเมีย คือคุณแยม ธมลพรรณ์ ที่ชอบโชว์ออฟ โพสต์เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ออกยูทูบ บอกความร่ำรวยของตัวเองว่ามีรถหลายร้อยล้านบาท มีบ้านใหญ่โต มีทรัพย์สินเป็นพันล้าน แต่เมื่อตรวจสอบที่มาที่ไป รายได้ของทรัพย์สินแล้ว มันไม่สอดคล้องกันเลย ตัวเลขตามหลักบัญชีผิดหมด คุณแม็ค แล้วคุณจะไปว่าผมหรือชาวบ้านได้อย่างไรว่า เขาตั้งคำถามว่าคุณเอาเงินมาจากไหน เขาถามว่าคุณเป็นหนึ่งในเครือข่ายการฟอกเงินผิดกฎหมายของนายอั้ม ภูมิพัฒน์ หรือเปล่า เขาถามอย่างนี้ คุณแม็คครับ เพื่อความแฟร์ ท่านอธิบดีสรรพากรครับ คนที่มีบริษัท รายงานว่ากำไรปีละ 3 ล้านกว่าบาท บางบริษัทกำไรนิดหน่อย 5 บริษัท แต่มีเงินซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ ประมาณหลายร้อยล้านบาท และยังมีทรัพย์สินอีกนับพันล้านบาท คำถามที่ท่านอธิบดีกรมสรรพากรและลูกน้องต้องถาม ว่า ผมไม่รู้ว่าคุณทำผิดกฎหมายอย่างไร แต่ว่าคุณเสียภาษีหรือเปล่า คุณเอาใบแจ้งภาษีที่คุณจ่ายมาให้ผมดูซิ ถ้าคุณไม่ได้เสีย ต้องถือว่าพวกนี้คุณเอาเงินที่ไหนมา เท่ากับคุณมีรายได้ แต่คุณต้องเสียภาษี นั่นคือข้อแรก สรรพากรจะถามเพียงแค่นี้

แต่ดีเอสไอ กับ ปปง. ต้องถามมากกว่านี้ ต้องถามว่าเงินคุณมาอย่างไร บอกที่มาที่ไปผมหน่อยสิ คุณแม็ค คุณอย่าช้า รีบฟ้องผมมาเลย คุณแทนไทก็เหมือนกัน เคยบ่น เคยพูดว่าจะฟ้อง กรุณาฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล มาได้เลยครับ

วันนี้เป็นวันพิเศษ รายการเดียวเลย เรื่อง "คุณนอท กองสลากพลัส" แล้วก็โยงใยไปตามเครือข่ายเพื่อนฝูงของเขาทั้งหมด ซึ่งไม่มีใครเปิดเผยออกมาอย่างโจ๋งครึ่งแบบนี้

ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์หน้าผมจะพยายามเอาเรื่องตำรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองบัญชาการไซเบอร์ ตัวดีเลย กลุ่มคนพวกนี้กลุ่มคนบางคนปกป้องเว็บพนันออนไลน์ โดยเรียกค่าตอบแทน เดี๋ยวคอยดูข้อมูลอาทิตย์หน้า วันนี้เพียงแค่นี้ก็แล้วกัน ปลายอาทิตย์หน้าก็จะเป็นวันตรุษจีนแล้ว ขอให้โชคดีมีชัย มีเงินมีทองไหลมาเทมา สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น