MGR Online - อธิบดีดีเอสไอ เผย "นอท กองสลากพลัส" เข้าให้ข้อมูลเส้นทางการเงิน 42 ล้านบาท จากขบวนการฟอกเงิน แย้มพบอีก 39 เส้น มูลค่า 1,100 ล้านบาท ให้เตรียมเอกสารชี้แจง ภายใน 2 สัปดาห์
วันนี้ (13 ม.ค.) เวลา 09.40 น. ที่ศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ อาคารเอ ชั้น 2 นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ “นอท กองสลากพลัส” พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีดีเอสไอ และ นายพงษธร อินอำนวย ผอ.ศูนย์คดียาเสพติด เพื่อให้ปากคำในฐานะพยาน หลังถูกออกหมายเรียกเนื่องจากคณะพนักงานสอบสวน พบพยานหลักฐานปรากฏว่าบัญชีธนาคารของ นายพันธ์ธวัช มีการรับเงินจำนวนหลายสิบล้านบาทจากขบวนการฟอกเงิน ซึ่งเป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่ดีเอสไอจับกุมตัวได้เมื่อเดือน ธ.ค.65 ที่ผ่านมา
ต่อมา เวลา 11.30 น. นายไตรยฤทธิ์ เปิดเผยหลังการสอบปากคำ ว่า นายพันธ์ธวัช เดินทางมาให้ถ้อยคำตามหมายเรียกและมีการสอบถามประเด็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่โอนเงินให้ นายพันธ์ธวัช รู้จักกันหรือไม่ มีพฤติการณ์อย่างไร มีการดำเนินธุรกิจอย่างอื่นร่วมกันหรือไม่ สาเหตุใดถึงโอนเงินจำนวนดังกล่าวมาให้ ซึ่งการสอบถามนั้นเพื่อให้นายพันธ์ธวัชได้ชี้แจงและเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ครบถ้วน แต่ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะต้องนำข้อมูลอื่นมาประกอบการสืบสวนเพิ่มเติมต่อไป
นายไตรยฤทธิ์ เผยว่า ส่วน นายพันธ์ธวัช เกี่ยวข้องกับผู้ถูกออกหมายเรียก 1 ใน 7 ที่เดินทางมาก่อนหน้านี้หรือไม่นั้น นายพันธ์ธวัช ให้การว่าไม่รู้จักกันมาก่อน แต่รู้จักกันผ่านนายหน้าหลายคน และก็ได้เจอกันแค่วันเดียว แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่อกันอีกเลย ส่วนลักษณะการโอนเงินก้อนดังกล่าวขอยังไม่เปิดเผย เพราะมีพฤติการณ์ที่ซับซ้อน ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจและหาข้อมูลประกอบเพิ่มเติม
นายไตรยฤทธิ์ เผยอีกว่า ส่วนเงินจำนวน 42 ล้านบาทที่โอนเข้าบัญชีส่วนตัว นายพันธ์ธวัช เป็นชื่อบุคคลเดียวและเป็น 1 ใน 7 บุคคลออกหมายเรียกแต่ยังขอเลื่อนเข้าพบดีเอสไอ รวมถึงจะต้องมีการตรวจสอบว่ามีการโอนเงินออกไปสู่บัญชีอื่นด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยังมีเส้นทางการเงินอีก 39 เส้นที่นายพันธ์ธวัชจะต้องเข้ามาชี้แจงภายในสองสัปดาห์ มูลค่ากว่า 1,100 ล้านบาท และต้องส่งเอกสารเพิ่มเติม ว่าเป็นเงินลงทุน เงินหมุนเวียน ผู้โอนมีความสัมพันธ์อย่างไร ซึ่งจะเชื่อมโยงกับขบวนการยาเสพติดหรือไม่ ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนในเรื่องนี้ ทั้งนี้ เงินที่ปรากฏนั้นเป็นเงินที่เข้ามาระหว่างการทำธุรกิจกองสลากพลัส
นายไตรยฤทธิ์ เผยต่อว่า นอกจากนี้ ดีเอสไอจะมีการสอบถามไปทางกองสลากกินแบ่งรัฐบาลเพิ่มเติมด้วยว่ามีระเบียบ ข้อบังคับหรือกฎหมายที่เกี่ยวกับการขึ้นเงิน การให้ผู้ประกอบการไปจำหน่ายสลาก ซึ่งตรงนี้มันจะมีที่มาที่ไปอยู่ ขอเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงให้ชัดเจนก่อน
“บรรยากาศการพูดคุยในห้องสอบสวน ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นผู้ต้องหา หรือเป็นผู้กระทำความผิด เพราะทุกคนยังเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ในการคุ้มครอง ขอยืนยันว่า มีข้อมูลของกองสลากอื่นๆ ด้วย แต่ความผิดอาจจะแตกต่างกัน ต้องพิจารณาไปเป็นเรื่องๆ และเรื่องนี้ไม่มีการรับงานมาเพื่อพุ่งเป้าที่กองสลากพลัส แต่มันเป็นเรื่องที่สังคมอยากให้มีการตรวจสอบ เราให้ความเป็นธรรม ซึ่งการค้าขายสลากออนไลน์ ถ้าทำให้ถูกต้องก็เป็นประโยชน์กับตัวเขาเองและบริษัท หากชี้แจงทุกอย่างได้”
อย่างไรก็ตาม นายไตรยฤทธิ์ ยังถาม นายพันธ์ธวัชด้วยว่า รู้สึกหรือไม่ว่าดีเอสไอทำอะไรผิดปกติ โดยนายพันธ์ธวัช เผยว่า ไม่รู้สึก จากการที่ได้พูดคุยกับพนักงานสอบสวน ซึ่งตนทราบว่ามีการติดตามมาครึ่งปี ไม่ใช่ว่าดีเอสไอเพิ่งมาเริ่มทำ พร้อมระบุว่า “ขอให้ข่าวช่วงบ่ายโมงทีเดียวครับ”
ด้าน นายพงษธร อินอำนวย ผอ.ศูนย์คดียาเสพติด กล่าวว่า ในวันที่ 16 ม.ค.66 นายสันธนะ ประยูรรัตน์ จะเดินทางเข้ามาที่ศูนย์คดียาเสพติดด้วย คาดว่าจะมาเรื่อง “นอท กองสลากพลัส”
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 16 ม.ค.66 ช่วงบ่าย อธิบดีดีเอสไอ พร้อมพนักงานสอบสวน จะเดินทางไปตรวจสอบสถานที่ 2 แห่ง เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ว่าสิ่งที่นายพันธ์ธวัชพูดนั้นเป็นข้อเท็จจริง 1.โกดังเก็บสลากกินแบ่ง ประมาณ 170 ล้านใบ ที่ได้มีการขายสลากกินแบ่งเหลือแล้วเก็บไว้ เพื่อสอบถามถึงสาเหตุว่าเก็บไว้ทำไม และ 2.ออฟฟิศ “กองสลากพลัส” ซึ่งเป็นที่เก็บเอกสาร เพื่อไปดูว่าลอตเตอรี่มีจริงหรือไม่ มีการจัดเก็บไว้เพื่อเตรียมจำหน่ายจริงหรือไม่ เป็นลักษณะหวยทิพย์หรือไม่ จึงขอเชิญสื่อมวลชนไปร่วมทำข่าว