xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ]SONDHI TALK : ส่วยฉาวโฉ่กรมอุทยานฯ ทำไม "ประยุทธ์" ยังกล้าเอาซุกทำเนียบฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 6 ม.ค.66 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ ได้แก่

- ล้มเหลวทั้งระบบ! กรมอุทยานประเมินคุณธรรมเกรด A ป้องกันทุจริตเต็ม 100
- ส่วยฉาวโฉ่อธิบดีกรมอุทยาน ทำไม "ประยุทธ" ยังกล้าเอาซุกทำเนียบ?

- จับ 6 พิรุธ ผบช.น. ต้นตอหมกเม็ด "คดีตู้ห่าว"!?!

- "ประยุทธ์" แผ่นเสียงตกร่อง 8 ปีซ้อน คอรปชันขจัดแค่ลมปาก

- แนวโน้มการเมืองไทย

- สดุดีทหารกล้า ฆาตกรคือผู้ตัดสินใจ "ประยุทธ์" ทำอะไรอยู่?

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.171



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 171 [6 ม.ค. 66] : ส่วยฉาวโฉ่กรมอุทยานฯ ทำไมประยุทธ์ยังกล้าเอาซุกทำเนียบฯ


ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566 เป็นศุกร์แรกของปี 2566 ที่รายการนี้ออกมา ท่านผู้ชมแฟนๆ รายการกำลังรับชมสดอยู่ทางช่องทุกช่อง Sondhi App เฟซบุ๊ก ยูทูบ และ TikTok ที่เราออกอากาศไปพร้อมกัน วันนี้ท่านผู้ชมคงจะประหลาดใจมั้ง ผมแต่งตัวหล่อมากเลย ก็ขอโม้หน่อยแล้วกัน นี่คือของขวัญวันปีใหม่จากอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เขาเห็นว่าผมแต่งตัวประเภทโลซก โลโซ+ซกมก นึกจะใส่เสื้อพับแขน ใส่เสื้อแขนสั้น ก็ว่าไป เขาก็เลยตัดสินใจเลือกรูปแบบเสื้อให้ผม แล้วก็เอาช่างที่เก่งมาก มาตัดให้


ชุดนี้ คุณปานเทพ บอกว่ามันชื่อชุด "เหมา" คือ ประธานเหมา เจ๋อตุง แต่ชื่อจริงๆ ของชุดนี้ เขาเรียกว่า "ชุดจงซาน"

"ชุดจงซาน" ตั้งขึ้นตามชื่อผู้นำแฟชั่น ใส่ชุดนี้คนแรกเลย เมื่อร้อยกว่าปีก่อน คือ "ดร.ซุน ยัตเซ็น" ชื่อภาษาจีนกลางเขาชื่อ "ซุน จงซาน"

ดร.ซุน ยัตเซ็น ได้รับการยกย่องเป็นบิดาของทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ และไต้หวัน ได้แนะนำรูปแบบนี้ ภายหลังจากที่เกิดการก่อตั้งสาธารณรัฐจีน พ.ศ. 2455-2492 เป็นรูปแบบการแต่งกายประจำชาติที่มีเอกลักษณ์สูง ผมเอารูปขึ้นให้ดู จอมพลเจียง ไคเชก รูปขาวดำด้านบน คือรูปของผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐจีน คือ ดร.ซุน ยัตเซ็น รูปล่างคือเสื้อที่ท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และ หู จิ่นเทา แต่ง


ชุดนี้มีกระเป๋า 4 ใบ หน้าอก 2 และตรงเอวอีก 2 ใบ อาจารย์ปานเทพ บอกว่า กระเป๋า 4 ใบ เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของคุณธรรม 4 ประการ คือ ความเหมาะสม ความยุติธรรม ความซื่อสัตย์ และ ความละอาย คุณปานเทพ ก็เลยตัดสินใจตัดให้ผม แล้วก็เรียก "คุณอุ๋ม" ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน Charles 89 Fashion


คุณอุ๋ม ฝีมือดีมาก คุณปานเทพ ลงทุนงวดนี้ ให้ของขวัญปีใหม่ผมเยอะมาก ทั้งเสื้อเชิ้ตข้างในที่ตัดออกมา ที่ต้องใส่แบบนี้ ตลอดจนเสื้อเชิ้ตอีกหลายตัว และชุด "จงซาน" ตัดให้ผม 2 ชุด มีกางเกงอีกหลายตัว ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ในที่นี้ ขอบพระคุณคุณปานเทพมากนะครับ ฝีมือสุดยอด ผมไม่เคยเห็นใครมีฝีมือเนี้ยบขนาดนี้ ถ้าสนใจ ติดต่อ "คุณอุ๋ม" ได้นะครับ เบอร์โทรศัพท์ของคุณอุ๋ม 062-6289989 บอกว่าได้ดูจากรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"


ท่านผู้ชมครับ วันนี้ขออนุญาตนิดหนึ่ง ขออนุญาตจริงๆ เปิดมาปีใหม่ ฟ้าใหม่ เราเอาข้าวของต่างๆ ที่เราเคยเอามาวางขายให้ท่านผู้ชมฟัง เป็นของเราทั้งสิ้น ของบริษัท สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์ ท่านผู้ชมจำยาสีฟันของเราได้ไหม ราคาถูกมาก ใส่เท่าเม็ดข้าวโพด ปากสะอาด หอมกรุ่นทั้งวันเลย ท่านผู้ชมจำอันนี้ได้ไหม QUERCETIN C PLUS ZINC มีทั้งสังกะสี และมีทั้งหอม อันนี้เป็นอาหารเสริมที่ทานเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันตัวเอง เราต้องทานเพื่อให้ภูมิคุ้มกันของเราเข้มแข็ง และนี่คือ LUTEIN ทานวันละ 2 เม็ด ตาสว่าง เป็นอาหารเสริมเช่นกัน และที่สำคัญ ท่านผู้ชมอย่าลืมเด็ดขาด ฟ้าทะลายโจร อาจารย์ปานเทพ ระดับพรีเมียม ต้องมีติดตัวเอาไว้ ประเทศไทยที่ยอดคนติดโควิดไม่ได้โผล่ออกมาเป็นตัวเลขอย่างเป็นทางการ ก็เพราะว่าประชาชนคนไทยส่วนใหญ่เมื่อรู้สึกว่าติดหรือเป็นไข้ ก็จะทานฟ้าทะลายโจรกัน


ฟ้าทะลายโจรของอาจารย์ปานเทพ ทำจากใบ คุณภาพสูงกว่าฟ้าทะลายโจรทั่วๆ ไป ราคาถึงแพงกว่าของชาวบ้านเขา แต่ของดี และสุดท้าย ท่านผู้ชมอย่าลืม "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ผมเคยบอกมาแล้ว รีบๆ สั่งเข้ามา ของแบบนี้ 30 ซอง สั่งซื้อมา 1 กล่อง ส่งให้คุณพ่อที่อายุมากแล้ว คุณแม่ คุณป้า คุณน้า คุณอา คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย ได้หมด เพราะว่า "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" นี้เป็นยาอายุวัฒนะ ผมทานมาแล้วสองปีกว่า ยังไม่หยุดทานเลย ท่านผู้ชมครับ คนอายุ 76 อย่างผม ผมอยู่ได้เพราะ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก"


สุดท้ายนี้ ท่านผู้ชมอย่าเพิ่งหัวเราะนะครับ ท่านผู้ชมคงสงสัยว่าผมเอาน้ำแข็งมาทำไม ขออนุญาตนะครับ ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง ท่านผู้ชมอย่าหัวเราะ นี่คือ "โอเลี้ยงโบราณ" สูตรผมเองครับ ได้มาจากคุณแม่ 70-80 ปีที่แล้ว คุณแม่แต่ก่อน สมัยก่อนคุณพ่อเป็นพ่อเลี้ยงค้าไม้ แล้วเป็นลูกน้องของ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ พอ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ปฏิวัติ ก็เลยยกเลิกสัมปทานไม้ที่คุณพ่อมีอยู่ที่ทางภาคเหนือ คุณพ่อก็เลยเกิดอาการที่เรียกว่าล้มละลาย คุณแม่ จากที่เป็นลูกของคหบดีชาวจีน ก็เลยต้องมาเปิดร้านกาแฟขายเพื่อเลี้ยงดูพวกเราอยู่ ผมเนี่ยโตมาจากกาแฟ และผมก็ชงกาแฟเป็น จนกระทั่งผมนึกออก ผมชอบกินโอเลี้ยง ผมก็เลยลองทำดู สูตรนี้ก็ได้มาจากคุณแม่คนหนึ่งอยู่ที่ชุมพร เป็นคนชุมพร เหมือนกับคุณแม่ผมเลย สูตรเดียวกัน ผมเรียกว่า "โอเลี้ยงโบราณ สูตรคุณสนธิ" ใส่น้ำแข็งทานได้

ถ้าท่านผู้ชมซื้อไป แล้ววางไว้ข้างนอก อยู่ได้ 2-3 วัน แต่ถ้าแช่ตู้เย็น อยู่ได้ประมาณเกือบเดือน ผมขอยืนยันว่าถ้าทานแล้วท่านผู้ชมจะติดใจ ของพวกนี้ที่ผมบอก มีขายที่ Shopee มีหมด ในหัวข้อ "สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์" ส่วนโอเลี้ยงนี้ เราไม่ทำมาก ผมทำอาทิตย์ละประมาณ 1,000-1,500 ขวด แล้วผมก็ขายที่ร้าน "พอดีช้อป" แล้วก็ไปที่ร้าน SUN PAN ที่ถนนวิภาวดีฯ ที่ขายขนมปัง ท่านผู้ชมซื้อไปเถอะครับ รับรองว่าอร่อยแน่นอน ผมยืนยันได้ กลายเป็นตอนนี้ชีวิตผมมันขมขื่นเหลือเกิน ต้องมาขายยาสีฟัน ต้องมาขายโอเลี้ยง เพื่อเอาเงินมาสนับสนุนการทำรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ท่านผู้ชมอดทนหน่อยนะครับ ให้ผมได้โฆษณาขายของหน่อย เพราะนี่คือการต่อชีวิตของรายการนี้ต่อไป

โอเลี้ยงนี้เราไม่ได้ใส่นม เราเรียกว่า "โอเลี้ยงโบราณ" เราใช้น้ำตาลทรายแดงไม่ได้ผ่านการฟอกสี เราใช้เมล็ดกาแฟโบราณ คุณภาพดี สด สะอาด ที่สำคัญเราต้มวันต่อวัน ไม่ใส่วัตถุกันเสีย



ท่านผู้ชมครับ วันนี้มีเรื่องหลายเรื่องที่ผมอยากจะเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง วันนี้เป็นวันเปิดวันแรกของปี 2566 สำหรับรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เราจะพูดเรื่องประเด็นต่างๆ ที่ผมจะทำ แล้วอะไรบ้างในปีใหม่นี้ที่ผมตั้งปณิธานเอาไว้ แล้วผมจะต่อด้วยเรื่องส่วยฉาวโฉ่ของท่านอธิบดีกรมอุทยานฯ แล้วผมจะตั้งคำถาม ถามว่าทำไมท่านนายกฯ ถึงเอาอธิบดีกรมอุทยานฯ ที่ถูกข้อหาคอร์รัปชันนั้น เอาไปซุกไว้ทำเนียบฯ ?

เรื่องที่สอง พี่ชูวิทย์ของผมฟาดฟันกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง โดยคุณชูวิทย์ไม่ยั้งเลย ไม่ติดเบรกอะไรทั้งสิ้น ใส่เกียร์ 5 เดินหน้าชน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ผมก็เลยรวบรวมข้อมูลต่างๆ ของคุณชูวิทย์บางส่วน และที่ผมหาได้บางส่วน เพื่อมาแสดงให้ท่านผู้ชมเห็นว่า ผมกำลังจับพิรุธ 6 ข้อ ของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ต้นตอหมกเม็ดคดี "ตู้ห่าว" ที่คุณชูวิทย์ออกมาผลักดัน วันนี้เราต้องช่วยคุณชูวิทย์กัน คุณชูวิทย์มีความกล้าหาญมาก

เรื่องที่สาม ท่านนายกฯ เอง ท่านพูดแผ่นเสียงตกร่องมา 8 ปีซ้อน ท่านพูดแผ่นเสียงตกร่องมา คือเรื่อง "ขจัดคอร์รัปชันแค่ลมปาก" แล้วมาดูข้อมูล ข้อเท็จจริง ว่าเป็นอยางไร

วันนี้เราจะคุยเรื่องการเมืองกันนิดหนึ่ง เราจะพูดถึงเรื่อง 2 พรรค รวมพรรค "สร้างอนาคตไทย" และ "ไทยสร้างไทย" พรรคสร้างอนาคตไทย ของคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คุณอุตตม สาวนายน คุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ และ พรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงหน่อย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ สองคนนี้จับมือกันเป็นพันธมิตร ถึงแม้ยังไม่มีการรวมพรรคอะไรก็ตาม เพราะติดปัญหาที่ข้อบังคับของ กกต. แต่ผมก็เชื่อว่าในที่สุดแล้ว สองพรรคนี้ก็จะเป็นหนึ่งพรรคในที่สุด นี่คือความเห็นของผมนะครับ แล้วทิศทางจะเป็นอย่างไร แนวโน้มการเมืองจะเป็นอย่างไร แล้วก็ต่อด้วยคำพูดของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ที่บอกว่า วันนี้จะไม่เป็นมวยรองบ่อนใครแล้ว ที่จะมามีข่าวว่าท่านนายกฯ ประยุทธ์ จะขอเป็นต่อ 2 ปี แล้วจะยกให้คุณอนุทิน 2 ปี คุณอนุทิน บอกว่า ไม่เอา ไม่รับ รับไม่ไหว เพราะว่าจะต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเอง

เรื่องสุดท้าย อาทิตย์ที่แล้วผมพูดเรื่องกองทัพเรือ วันนี้ผมจะเปิดงบฯ กองทัพเรือ ถามดังๆ ว่า เรือรบหลวงสุโขทัย สดุดีทหารกล้า ฆาตกรคือผู้ตัดสินใจ แล้วท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทำอะไรอยู่ ? คำพูดว่า "สดุดีทหารกล้า ฆาตกรคือผู้ตัดสินใจ" เหตุมันเกิดขึ้นจากงานศพของทหารเรือที่เสียชีวิตไปที่ระยอง ญาติๆ เข้าไปเคารพศพครั้งสุดท้าย แล้วมีญาติคนหนึ่งที่เข้าแถว ตะโกนออกมาเลยว่า "สดุดีทหารกล้า ฆาตกรคือผู้ตัดสินใจ" ทำไมถึงพูดอย่างนั้นออกมา ? คอยติดตามก็แล้วกัน

ท่านผู้ชมครับ ขึ้นปีใหม่ครั้งนี้มันมีเรื่องที่สำหรับผมแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่เป็นสิริมงคลเริ่มต้นของปีนี้ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่าปีที่แล้วมีอะไรบ้าง ผมเล่าให้ฟังถึงความล้มเหลวของภาครัฐ หรือที่เรียกว่า "รัฐที่ล้มเหลว" ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Failed State

สิ้นปีที่ผ่านมานี้ หนึ่งในข่าวฉาวโฉ่ที่สุดในบ้านเราและในแวดวงราชการ คงหนีไม่พ้นกรณี "ส่วยอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ" ถ้าพูดเป็นสุภาษิต ต้องบอกว่า "จับได้คาหนังคาเขา" ผมเล่าให้ฟังไปแล้วสั้นๆ เมื่อวันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม ก่อนสิ้นปี ในเรื่องของรัฐที่ล้มเหลว ก็คือสรุปง่ายๆ ว่า วันอังคารที่ 27 ธันวาคม ท่านผู้ชมคงทราบข่าวนี้ไปแล้ว ผมทบทวนความจำให้นิดหนึ่ง


คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (บก.ป.ป.ป.) บุกเข้าจับกุมนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรณีรับเงินจากหัวหน้าหน่วยงานภาคสนาม มีการล่อซื้อ มีการติดกล้องวงจรปิด ท่านอธิบดีฯ ถูกแจ้งข้อหาเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งจากการตรวจค้นห้องทำงาน พบเงินสดประมาณ 5 ล้านบาท ใส่ซองจำนวนหลายต่อหลายซอง เป็นของกลาง เจ้าตัวก็ยังหน้าด้านปฏิเสธว่า ไม่รู้ว่าเป็นเงินอะไร


คนที่เป็นส่วนสำคัญในการระเบิดพลีชีพทลายแก๊งส่วยกรมอุทยานฯ นั้น ก็คงจะหนีไม่พ้น คุณชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ซึ่งท่านเป็นอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ท่านได้แจ้งความที่ บก.ป.ป.ป. เอาผิด รัชดา สุริยกุล กล่าวหาว่า คุณรัชฎา มีพฤติกรรมใช้อำนาจหน้าที่ในทางไม่เหมาะสม กลั่นแกล้งโยกย้ายตำแหน่งเจ้าหน้าที่ที่ไม่ยอมจ่ายเงินวิ่งเต้นจำนวน 5 แสนบาท ไปยังตำแหน่งอื่นๆ ที่ห่างไกลภูมิลำเนาหรือที่พักอาศัย

ทั้งหมดนี้ได้เกิดเหตุขึ้นมา แล้วในที่สุดคุณชัยวัฒน์ ก็บอกว่า ผมเหมือนผูกระเบิดติดตัว พลีชีพ แต่ทำอย่างนี้แล้วครอบครัวของลูกน้องหลายร้อยครอบครัวมีความสุข ผมก็มีความสุข


คุณชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อายุ 58 ปี เป็นคนท่ายาง เพชรบุรี มาแจ้งความ บก.ป.ป.ป. ให้ดำเนินคดีอาญากับคุณรัชฎษ สุริยกุล ในฐานเรียกรับผลประโยชน์ในการโยกย้ายแต่งตั้ง

คุณชัยวัฒน์ แจ้งว่า เขามารับตำแหน่งสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี ก็เลยได้ทราบจากผู้ใต้บังคับบัญชาหลังจากได้เข้ามารับตำแหน่ง ว่า ท่านอธิบดีฯ มีนโยบายที่จะก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างมาก ในกรณีที่ท่านตั้งแต่มารับตำแหน่ง ได้ปรากฏคำสั่งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ในตำแหน่งอื่นๆ ที่ห่างไกลจากภูมิลำเนาที่เจ้าหน้าที่ที่ถูกย้าย พำนักอยู่ ก็เลยก่อให้เกิดการวิ่งเต้นกับท่านอธิบดีฯ รายละประมาณ 2 แสน ถึง 3 แสนบาท ถ้าใครไม่มาวิ่งเต้นก็จะถูกโยกย้ายไป เดือดร้อนกันทั้งครอบครัว และเมื่อทำหน้าที่เป็นหัวหน้าหน่วยแล้ว ยังต้องมีค่าต๋งจ่ายเป็นรายเดือนอีก

ท่านผู้ชมครับ เมื่อพิจารณารายละเอียดของการจับกุมแล้ว เราพบว่ามีรายชื่อข้าราชการกว่า 20 คน ในกรมอุทยานฯ ทั้งระดับผู้อำนวยการ และหัวหน้าหน่วยต่างๆ ที่ปรากฏบนซองเงินส่งส่วย ตอนนี้แต่ละคนอาจจะโดนข้อหาทุจริตตามอธิบดีไปด้วยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตำรวจ บก.ป.ป.ป. จะใช้พวกนี้เป็นพยานหรือเปล่า เขาต้องพิจารณาว่าใครบ้างต้องดำเนินคดี และใครอยู่ในข่ายสมควรกันไว้เป็นพยาน แต่ท่านผู้ชมครับ ไม่ว่าจะเป็นสถานภาพไหน ผู้อำนวยการ หรือหัวหน้าหน่วยเหล่านี้ ต่างมีมลทินมัวหมองกันไปหมด จากนี้ไปจะยืดอกสบตาใครได้ เพราะคนย่อมสงสัยว่าซื้อเก้าอี้มาหรือเปล่า


ถามต่อว่า ราคาซื้อขายเก้าอี้ที่กรมอุทยานฯ มีอัตราอย่างไร ? ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ คุณศศิน เฉลิมลาภ ซึ่งท่านเป็นประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เปิดเผยออกมาว่า ได้ยินราคาซื้อขายตำแหน่งในกรมฯ มานานแล้ว เก้าอี้ซี 8 จะอยู่ที่ 1.5-2 กิโลฯ (1 กิโลฯ = 1 ล้าน) คือเงิน 1 ล้านบาท ถ้าเป็นแบงก์ใบละพัน 10 ปึก เอาไปชั่งน้ำหนักแล้ว หนักประมาณ 1 กิโลกรัม เรียกว่า "1 กิโลฯ" ถ้าพูดว่าของขวัญ 1 กิโลฯ ก็คือ 1 ล้านบาท

เก้าอี้ซี 9 หนัก 5-6 กิโลฯ หรือ 5-6 ล้านบาท ตำแหน่งซี 9 ขึ้นไป อำนาจการแต่งตั้งไม่ได้อยู่ในมืออธิบดี ต้องมีการปรึกษาระดับสูงขึ้นไป ส่วนตำแหน่งอธิบดี จะผ่านการคัดเลือกในระดับคณะรัฐมนตรี ถือเป็นตำแหน่งที่นักการเมืองเป็นคนสรรหาเอง

คุณรัชฎา เข้ามานั่งในตำแหน่งนี้ ก็ไม่ได้มาด้วยความรู้ความสามารถ แต่มาเพราะว่ามีสายสัมพันธ์อันดีงามกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ข้อมูลแบบนี้สอดรับข่าวอื้อฉาวสดๆ ร้อนๆ ที่รัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์เสนอตัวคนที่จะมานั่งเก้าอี้อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่ในที่ประชุม ครม. โดน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐ รุมค้าน โวยว่าอธิบดีกรมนี้เป็นโควตาของพรรคพลังประชารัฐ

ท่านผู้ชมครับ สาเหตุที่การเมืองแย่งทึ้งโควตาอธิบดีกันถึงขนาดนี้ น่าสงสัยว่า ฯพณฯ ทั้งหลายอยากช่วยเหลือชาวนาชาวไร่ หรือเพราะกรมฝนหลวงฯ มีงบประมาณการจัดซื้อเยอะ ทั้งเครื่องบินเล็ก สารทำฝนเทียม และอื่นๆ อีกมากมาย

คุณศศิน ยังกล่าวด้วยว่า ส่วนตัวเชื่อว่าลำพังอธิบดี พลังดูดคงไม่รุนแรงถึงขนาดนี้ แต่ต้องมีพลังดูดที่เหนือกว่าขึ้นไปอีก หรืออีกนัยหนึ่ง คนที่เหนือกว่าอธิบดีก็อาจจะอยู่เบื้องหลัง อธิบดีอาจจะเป็นคนที่เอาเงินมา แล้วก็ประเภทวัดครึ่ง-กรรมการครึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงมีการซื้อขายเก้าอี้และรีดส่วยกันอย่างหนักหน่วง สร้างความเลวร้ายยิ่งกว่ายุคใดๆ

ท่านผู้ชมครับ การโกงกันแหลกราญส่งผลกระทบไปถึงการอนุรักษ์ธรรมชาติ ท่านผู้ชมเชื่อหรือไม่ว่า มันมีการว่าจ้าง "ลูกจ้างผี" มาเดินตระเวนป่า คือมีแต่ชื่อ แต่ไม่มีคนจริงๆ มาทำงาน อาจจะถึงขั้นเลวร้ายสุด แอบปล่อยให้มีการล่าสัตว์ ตัดป่า เพื่อหาเงินเอาไปส่งให้เจ้านาย

นอกจากนั้นแล้ว คุณชัยวัฒน์ ออกรายการของคุณกรรชัย กำเนิดพลอย ในรายการ "โหนกระแส" ช่อง 3 แจ้งว่า ได้เคยร้องเรียนเรื่องนี้ไปที่นายกรัฐมนตรีแล้วตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2565 จนถึงธันวาคม 5 เดือน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ส่งไป 2 ที่ คือ นายกรัฐมนตรี และ ป.ป.ช. โดย ป.ป.ช. เรียกผมไปสอบในวันที่ 22 ธันวาคม


คุณชัยวัฒน์ อ้างว่า ตุลาคม-พฤศจิกายน 2565 ตนเองไปทำงาน แต่ไม่มีเงิน งบยังมาไม่ถึง เจ้าหน้าที่ต้องควักกระเป๋าออกไปก่อน นอกจากนี้แล้ว ในช่วงเดือนกันยายน ก็ต้องจ่ายเงินรักษาตำแหน่ง โดยคุณชัยวัฒน์ เข้าไปพูดกับอธิบดี บอกว่านักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ เพื่อจะสอบขึ้นตำแหน่งผู้ชำนาญการพิเศษ กับเจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส ซึ่งได้มีการตั้งธงไว้ที่ 1 ล้านบาท ตนเองพูดกับอธิบดีว่า โอ้ มันหนักเหลือเกิน หนักหนาเหลือเกิน

ที่มาของเงิน คุณชัยวัฒน์ บอกว่า เจ้าหน้าที่บางคนต้องเอารถไปจำนำ หรือกู้สหกรณ์มาจ่าย เพื่อไม่ให้ถูกโยกย้าย ในส่วนของปลายทางของเงิน ขอไม่ชี้ว่าเป็นใคร แต่คิดว่าทุกคนในระบบราชการรู้ จึงไปร้องที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เลยแทงหนังสือลงมาที่กระทรวง กระทรวงแจ้งผมว่าดำเนินการแล้ว กระทรวงรับว่ามีการทุจริต ผมไม่ยืนยัน ทุกคนน่าจะพอรู้ว่าเส้นทางเป็นอย่างไร

คุณชัยวัฒน์ พูดต่อว่า ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง วัฒนธรรมเช่นนี้จะหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนรุ่นหลังในองค์กรต้องอยู่อย่างยากลำบาก ยินดีพลีชีพ นอกจากนี้ ในกลุ่มอธิบดีและของคนที่ชื่อปรากฏอยู่บนซอง มีการพูดคุยว่าจะตอบเรื่องเงินจากที่เป็นข่าวว่า เป็นเงินค่าสร้างพระ เงินช่วยเหลือช้างป่า ท่านผู้ชมครับ เอาช้างเข้ามาเกี่ยวข้อง เอาพระที่จะสร้างมาเกี่ยวข้อง ก็เหมือนกับพวกที่ฟอกเงินทั้งหลาย มีเงินร่ำรวยขึ้นมา ถามว่าคุณรวยมาจากไหน ก็บอกว่าเงินที่เล่นคริปโตฯ ครับ

ท่านผู้ชมครับ ที่เป็นตลกร้ายอย่างบัดซบมาก ผมเรียกว่า ตลกร้ายที่บัดซบมาก พอผมอ่านข่าวแล้ว ผมรู้ข้อมูลแล้ว ภาษากำลังภายในเขาเรียกว่า หัวร่อไม่ได้ ร่ำไห้ไม่ออ ป.ป.ช. นี่ระยำมาก ผมขออนุญาตใช้คำพูดแบบนี้ในปีใหม่ ไม่เป็นสิริมงคลเลย แต่มันระยำจริงๆ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า ป.ป.ช. ประเมินกรมอุทยานฯ ในเรื่องคุณธรรมและความโปร่งใส ได้เกรด A คะแนนป้องกันทุจริต 100 เต็ม


ท่านผู้ชมครับ ถ้าสืบค้นย้อนไปเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2565 สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีการเผยแพร่ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ 2565 ลงนามโดย นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาฯ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดูส่วนของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปรากฏว่า ได้คะแนนเกรด A ได้คะแนน ITA 85.79 สูงมากนะท่านผู้ชม พอพิจารณาลงลึกในรายละเอียดของรายงานการวิเคราะห์ ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งเผยแพร่โดยกลุ่มงานจริยธรรม เมื่อเดือนกันยายน 2564 เราจะพบข้อมูลที่น่าทึ่งมากกว่า น่าทึ่งตรงไหน ? ผมไม่เคยคิดว่าหน่วยงาน ป.ป.ช. จะทำงานได้เลวแบบนี้

แล้วถ้าเราพิจารณาต่อ ในรายละเอียดของคะแนน 100 เต็ม ด้านการป้องกันการทุจริต ก็พบว่าได้คะแนนเต็มทั้งหมด 10 หัวข้อ หัวข้อละ 10 คะแนน หนึ่ง นโยบายไม่รับของขวัญ (แต่รับเงินค่าโยกย้ายตำแหน่ง) สอง การมีส่วนร่วมของผู้บริหาร สาม การประเมินความเสี่ยงการทุจริตและประพฤติมิชอบประจำปี สี่ การดำเนินการเพื่อจัดการความเสี่ยงการทุจริตและประพฤติมิชอบ ห้า การเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรตามมาตรฐานทางจริยธรรม หก แผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริต เจ็ด รายงานการกำกับติดตามการดำเนินการป้องกันการทุจริตประจำปี รอบ 6 เดือน แปด รายงานผลการดำเนินการป้องกันการทุจริตประจำปี เก้า มาตรการส่งเสริมคุณธรรมและความโปร่งใสภายในหน่วยงาน สิบ การดำเนินการตามมาตรการส่งเสริมคุณธรรมและความโปร่งใสภายในหน่วยงาน ทั้งหมดนี้ 10 ข้อ ข้อละ 10 คะแนน 100 คะแนนเต็ม


ท่านผู้ชมครับ ปีใหม่นี้ผมไม่อยากจะหยาบคายด้วยการเริ่มต้นรายการ ถ้าไม่ติดปีใหม่ ผมถุยไปแล้วนะ ผมถุยนี่ถุยกรมอุทยานฯ และถุยทั้ง ป.ป.ช. ด้วย ท่านผู้ชมมาร่วมกันถุยกับผมได้ไหม ถือว่าเป็นสิริมงคลปีใหม่ในการต่อต้านคอร์รัปชันด้วยการถุยๆๆ ใส่พวกมันทั้งสองฝ่าย ป.ป.ช. นี่ตัวดีเลย หลุดออกมาได้อย่างไร โคตรหน้าด้าน แล้ววันนี้เหตุการณ์มาเป็นอย่างนี้ คุณจะไม่แถลงเลยหรือว่าคุณทำผิดพลาดอย่างไรบ้าง ข้อผิดพลาดมี ก็ขอถอนแล้วกัน จาก 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ให้ 0 เปอร์เซ็นต์ ไม่ ก็ยังคาอยู่อย่างนี้ คุณให้เขา 100 เปอร์เซ็นต์ เรื่องการต่อต้านการทุจริต แต่เขาดันถูกจับได้พร้อมหลักฐานในมือ ด้วยเงินต่างๆ ป.ป.ช. คุณก็ยังหน้าด้านที่จะยังคงยืนยันอยู่ใน 100 เปอร์เซ็นต์ ของความโปร่งใส

ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดนี้เป็นบทพิสูจน์และใบเสร็จที่ผมพูดมาตลอดเลยว่า แคมเปญปราบโกงที่ คสช. และรัฐบาลประยุทธ์ ร้องลั่นปาวๆ มา 8 ปี ว่าทำการปฏิวัติ 2557 เพื่อล้มคนโกง มันก็แค่ผายลมสุนัข ท่านผู้ชมไล่ไปสิ ตั้งแต่ตัวท่านนายกฯ เอง คนในรัฐบาล คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คนใน ป.ป.ช. ซึ่งมีหน้าที่ปราบโกง อย่างคุณประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ที่ร่ำรวยผิดปกติ เกือบ 700 ล้านบาท ต่อเนื่องไปจนถึงองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันประเทศไทย ที่มีเลขาธิการชื่อ ดร.มานะ นิมิตรมงคล ซึ่งผมจะพูดยาวสักนิดรายการนี้


ตัวชี้วัดกรมอุทยานฯ ได้สูงสุด ท่านผู้ชมทายว่าเท่าไร ? 100 เปอร์เซ็นต์ 100 คะแนนเต็ม ก็คือการป้องกันการทุจริตในรอบสามปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2563-2565 กรมอุทยานฯ ที่อธิบดีเพิ่งโดนจับข้อหาคอร์รัปชันนั้น ได้คะแนน 100 เต็มมาตลอด ซึ่งตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริงที่คุณชัยวัฒน์ และข้าราชการ ประสบพบเจออย่างสิ้นเชิง โคครหน้าด้านเลย ผมนึกไม่ออกว่า ป.ป.ช. คุณใช้หลักการอะไรมาประเมิน แล้วคุณให้ ดีอย่างไร 100 เต็มแทบทุกปี หรือพวกคุณที่ประเมิน มีส่วนร่วมด้วยกับท่านอธิบดีด้วยหรือเปล่า

ผมเคยถามว่า คุณมานะ ทำงานมีความโปร่งใสแค่ไหน เรื่องบางเรื่อง องค์กรที่คุณมานะ เป็นเลขาฯ อยู่ ที่ควรทำ ไม่ทำ เรื่องไม่ควรทำ แต่ไปทำ กรณีเรื่องการทะเลาะเบาะแว้งของเอกชน ในเรื่องของรถไฟฟ้าสายสีส้ม กระดี๊กระด๊าเลย คุณมานะ ออกมา ขึ้นเวทีพูดโน่นพูดนี่ พร้อมกับคนอย่างเช่น สามารถ ราชพลสิทธิ์ เอากันให้ตายไปเลย รับงานกันมาหรือเปล่าผมก็ไม่รู้ แต่ไปยุ่งในเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้ม คุณมานะ คุณไม่อายฟ้าอายดินบ้างหรือ ผมนี่อายแทนคุณฉิบหายเลย

กรณีส่วยอธิบดีกรมอุทยานฯ กลับเงียบฉี่ ไม่กล้าพูดอะไรมาก พูดมาก็พูดในหลักการ คุณพูดออกมาก็ แบ๊ะๆๆๆ เพราะว่าในความเป็นจริง ส่วยกรมอุทยานฯ และที่ตีแสกหน้า ป.ป.ช. และหน่วยงานอย่างองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ที่คุณมานะ เป็นเลขาฯ มันเป็นบทพิสูจน์ว่าการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งชื่อย่อคือ ITA ชื่อเต็มภาษาอังกฤษ เรียกว่า Integrity and Transparency Assessment จริงๆ แล้วมันคือขยะ ป.ป.ช. ครับ คุณมานะครับ มันคือขยะ ปาหี่ คือการผลาญงบประมาณ ภาษีราษฎรตลอดหลายปี ไม่มีประโยชน์อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

คุณให้กรมอุทยานฯ 100 เปอร์เซ็นต์ สิบข้อ ข้อละ 10 เต็ม แล้วถูกจับคาหนังคาเขาเงินสด 5 ล้านบาท ในเซฟยังมีซองค่าวิ่งเต้นตำแหน่ง

นอกจากนี้แล้ว ผมยังมีคำถาม ถามต่อถึงท่านนายกรัฐมนตรี ท่านนายกรัฐมนตรีครับ ท่านอย่าหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ กรณีนี้มีการเมืองเข้ามาแทรกหรือเปล่า ? หลังจากเกิดเหตุวันเดียวเท่านั้นเอง วันพุธที่ 28 ธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ท่านมีแอกชันทันทีเลย คือวันพุธที่ 28 นายวิษณุ เครืองาม นี่ก็อีกคนหนึ่ง ประเภทหาหลักการ หาช่องทางที่จะให้ความชอบธรรมในการกระทำของรัฐบาลทุกเรื่อง อย่างไม่อายฟ้าอายดิน วิษณุ เครืองาม

วิษณุ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งให้นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เข้ามาช่วยรายการที่สำนักนายกฯ มีผลวันนี้ เพื่อดึงออกมาจากอธิบดีกรมอุทยานฯ ตามพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 11 อธิบายว่า ท่านนายกฯ มีอำนาจไม่ให้อยู่ตรงนั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่สอบสวนได้โดยสะดวก โดยเรียบร้อย ซึ่งสื่อก็จะเรียกว่า "เข้ากรุ" ไม่ใช่การย้าย แต่เป็นการเอาออกมาก่อน ไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่อธิบดี


ท่านผู้ชมครับ มองอีกมุมหนึ่ง ตามผมมา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่คุณทอป วราวุธ ศิลปอาชา เป็นรัฐมนตรี คุณกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงฯ ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ผมก็อยากจะฝาก ก่อนที่ผมจะพูดต่อไป คุณกุศล ว่า คุณระวังนะครับ ข้อชี้แจงของพวกที่ถูกกล่าวหา จะบอกว่า ระดมเงินมาสร้างพระ นอกจากระดมเงินมาสร้างพระแล้ว ก็จะเป็นเงินที่เอามาเพื่อทำการกุศล

คุณกุศล เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า เบื้องต้นคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาให้นายรัชฎา มาช่วยราชการในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ไว้ก่อน ส่วนระยะเวลาการสอบข้อเท็จจริงกี่วันนั้น ยังไม่มีกำหนด

คุณกุศล ครับ คุณทอป วราวุธ ครับ รัฐมนตรีฯ ครับ ผมฟังคำชี้แจงของท่านรองปลัดกระทรวงฯ แล้ว นี่คือลักษณะการขึ้นต้นเพื่อหาทางช่วยคุณรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา คุณพูดได้อย่างไรว่า ระยะเวลาการสอบข้อเท็จจริงกี่วันนั้น ยังไม่มีกำหนด คุณทอป อุตส่าห์ทุบโต๊ะบอกว่า 7 วัน จริงๆ แล้วข้อเท็จจริงแบบนี้ ถูกจับคาหนังคาเขาอย่างนี้ ต้องให้พักราชการไปก่อน เมื่อพักราชการแล้ว อธิบดีคนนี้ก็จะไม่มีอำนาจ ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาแทรกแซงการตรวจสอบได้ เพราะถูกพักราชการแล้ว แต่ทำไมถึงถูกย้ายไปที่สำนักนายกรัฐมนตรี ?

ท่านผู้ชมสังเกตหรือมีข้อสงสัยเหมือนผมไหม ? ทำไมกรณีคำสั่งย้าย รัชฎา เข้ามาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ถึงออกคำสั่งมาซ้ำซ้อนคำสั่งเรียกนายรัชฎา เข้าไปช่วยราชการในส่วนของสำนักปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ? มันต้องพักราชการลูกเดียว อำนาจมีอยู่แล้ว กระทรวงทรัพยากรฯ ช่วยกันฉิบหายเลยนะ ผมไม่รู้วาคุณทอป อยู่ภายในนี้ด้วยหรือเปล่า เบื้องหลังในการช่วยคนๆ นี้ แล้วทำไม พล.อ.ประยุทธ์ ท่านออกแอกชันเร็วเหลือเกิน ปกติธรรมดาแล้ว เรื่องบางเรื่อง เรื่องตู้ห่าว ที่ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โวยวายออกมา ให้ท่านเข้ามาช่วยจัดการหน่อย ท่านเงียบเฉย ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำเลย เฉย คุณชูวิทย์ก็ร้องแรกแหกกระเฌอ น่าสงสารจริงๆ สู้อยู่คนเดียว แต่เรื่องนี้ท่านนายกฯ ออกแอกชันเร็วมาก ไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังเกิดเรื่อง เซ็นคำสั่งย้ายเลย ไม่เปิดโอกาสให้คุณทอป วราวุธ เจ้ากระทรวง ได้เข้าได้จัดการปัดกวาดบ้านเขาเสียก่อน


ท่านนายกฯ ครับ แล้วเวลาที่เขาร้องเรียนท่านนายกฯ ไปเมื่อสี่เดือนที่แล้ว ตั้งแต่สิงหาคม 2565 ทำไมช่วงนั้นกลับเงียบฉี่ แต่พอช่วงนี้ ยังไม่ถึง 24 ชั่วโมง ท่านสั่งย้ายทันทีเลย มันเกิดอะไรขึ้น

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้น่าสงสัย มีเงื่อนงำ พรรคพวกผม น้องๆ ผม คุณนพรัฐ พรวนสุข หรือแม้กระทั่งสำนักข่าวอิศรา เขาถามดังๆ เอาไว้ว่า หลังจากมีการจับกุมอธิบดีแล้ว ทำไมพนักงานสอบสวนไม่ขออำนาจศาลไปตรวจค้นบ้านพักทันที ไม่ยอมดำเนินการโดยเร่งด่วน ซึ่งถ้าค้นบ้านพัก จะเจอหลักฐาน เช่น เงินสดมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่ทำไมพนักงานสอบสวนจึงไม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วน หรือว่ามีคำสั่งจากใครให้เอาแค่นี้ก็พอ ?

พนักงานสอบสวนเอง ท่านผู้การ ป.ป.ป. ท่านก็ต้องมีคำตอบให้กับสังคมไทยเหมือนกัน เวลาเขาจับผู้ค้ายาเสพติดได้ เขามุ่งตรงไปที่ที่พักของผู้ค้ายาเสพติด ไปค้นบ้าน เปิดเซฟดู มียาอยู่ไหม มีโน่นมีนี่ไหม ทุกกรณีทำหมด แต่กรณีคุณรัชฎา เจอของกลางในห้อง แล้วก็ไม่ขออำนาจศาลไปตรวจค้นที่บ้านทันที เพราะอะไร ? เพราะพวกคุณกำลังหาทางช่วยกันอยู่ใช่ไหม

แต่ที่น่าสนใจมากกว่านั้น คือกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีนี้ของสำนักนายกรัฐมนตรี สังคมตั้งข้อสงสัยว่ามีนัยอะไรอยู่หรือเปล่า เพราะว่าการสอบสวนในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หลังจากที่คุณจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงฯ ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งสืบสวนข้อเท็จจริง โดยมีคุณกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงฯ เป็นประธาน กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน แต่คุณกุศล กลับให้สัมภาษณ์ว่า ไม่สามารถบอกได้ว่ากี่วัน แสดงว่าคุณกุศล เป็นมือวางอันดับหนึ่งหรือเปล่าที่วางเอาไว้ให้ช่วยหาทางทำเรื่องหนักให้เป็นเรื่องเบา กับอธิบดีกรมอุทยานฯ

กุศล โชติรัตน์
มีกระแสข่าวว่า จะมีการลงนามคำสั่งด่วนโยกย้ายนายรัชฎา เข้ามาประจำที่กระทรวง ทส. หลังจากนายจตุพร เดินทางกลับจากการปฏิบัติราชการที่จังหวัดภูเก็ต ในช่วงเย็นวันที่ 28 ธันวาคม 2565 แต่ยังไม่ทันจะดำเนินการเลย ก็ปรากฏข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ให้ย้ายนายรัชฎา มาช่วยราชการสำนักนายกฯ มีผลในวันเดียวกันนั้น โอ้โห ท่านนายกฯ ท่านฟิตจริงๆ โคตรฟิตเลย บางเรื่องท่านไม่สนใจอะไรเลย ท่านละทิ้ง ปล่อยมันช้าไป

แล้วมีการอ้างเหตุโดยผ่านทนายเนติบริกรที่พร้อมจะทำให้ขาวเป็นดำ ดำเป็นขาวไ บอกมาว่า เพื่อดึงตัวนายรัชฎา ออกจากการเป็นอธิบดีตามพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 21 ที่นายกฯ มีอำนาจไม่ให้อยู่ตรงนั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการปฏิบัติการสอบสวนได้สะดวกและเรียบร้อย


ท่านผู้ชมครับ มาตรงนี้หน่อย ฟังให้ดีๆ ในทางปฏิบัติ แม้ว่าการใช้อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการดึงตัวนายรัชฎา ออกมาจากกระทรวง เข้ามาช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกมองว่าเป็นการทำเพื่อเอื้อประโยชน์ให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนเรื่องได้สะดวกโดยเรียบร้อย ไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลหรืออำนาจของใคร แต่อีกมุมมองหนึ่ง การดึงตัวรัชฎา เข้ามาช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี อาจจะเป็นผลทำให้สิทธิในการสอบสวนหรือลงโทษนายรัชฎา จากนี้ไปต้องผ่านเรื่องสำนักนายกรัฐมนตรีก่อน สำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อเห็นแล้วจะช่วยกัน ก็ดึงเรื่องเอาไว้ ยังไม่ให้ทำ โน่นนี่นั่น ทำให้ขั้นตอนในการดำเนินการยุ่งยากมากกว่าการปล่อยให้นายรัชฎา อยู่ที่กระทรวง ทส. หรือไม่ ผมยังยืนยัน คุณทอป ท่านปลัดกระทรวงฯ ทำไมไม่สั่งให้พักราชการเลย "กราชการ"ไม่ได้แปลว่าไล่ออก พักราชการเพื่อไม่ให้อำนาจในการใช้อำนาจอธิบดี เมื่อพักราชการแล้ว ก็ไม่ต้องเข้าในห้องทำงาน รอผลการสอบสวนให้จบแล้วค่อยตัดสินว่าจะให้ออกจากราชการ หรือตัวเองไม่ผิด

อ้าว ตายล่ะ! มีคนไปขุดประวัติมา สายสัมพันธ์ของคุณรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา เป็นน้องชายแท้ๆ น้องชายคนเล็ก ของทหารรุ่น 12 เตรียมทหารรุ่น 12 ที่มีฉายาว่า "บิ๊กยาว" คือ พล.อ.ยุวนัฏ สุริยกุล ณ อยุธยา อดีต สนช. ที่สำคัญ เป็นเพื่อนสนิทสนมมาก ร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่นเดียวกัน รุ่น 12 กับ พล.อ.ประยุทธ์ สนิทสนมกันจริงๆ


พล.อ.ยุวนัฏ พี่ชายนายรัชฎา นอกจากเป็นเพื่อนเตรียมทหารคนสนิทของ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว ยังเคยเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ อัตราพลเอก ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าสำนักงานรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร

ท่านผู้ชมครับ ผมมีคำถาม การจับกุมอธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมพยานหลักฐานคาหนังคาเขา ปกติแล้วย่อมเป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่จะสั่งพักราชการ หรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อทำการตรวจสอบ ไต่สวน แต่จู่ๆ ก็มีคำสั่งจากทำเนียบรัฐบาล ให้ย้ายไปประจำทำเนียบฯ ก็เลยเกิดการวิพากษ์วิจารณ์เชิงลบว่า "อุ้มเอาไปซุกทำเนียบฯ" อย่างกว้างขวาง

ท่านผู้ชมครับ เห็นด้วยกับผมไหม เสียภาพลักษณ์เรื่องการปราบโกงย่อยยับไปเลย

สอง การขุดคุ้ยเบื้องหลังการถูกร้องเรียนเรื่องการเรียกส่วย การทุจริตในหน่วยงานนี้กำลังขยายตัวลุกลาม เพราะข้าราชการในสังกัดไม่ยอมอดทนต่อไป ลุกขึ้นต่อสู้ เปิดโปง ล่าสุด มีการตรวจจับเงินสดเป็นกระสอบซ้ำเข้ามาอีกก่อนวันสิ้นปี

ข้อที่สาม เมื่อย้ายนายรัชฎา เข้ามาประจำทำเนียบฯ แล้ว จะเป็นอย่างไรต่อไป การย้ายเข้ามาประจำทำเนียบฯ ทำให้คนเห็นว่าสายสัมพันธ์นายรัชฎา เป็นคนของใครเด่นชัดมากขึ้น ใช่หรือเปล่า ทำให้คนตรวจสอบ หรือคณะกรรมการ มีความเกรงอกเกรงใจ ไม่กล้าตรวจสอบจริงๆ หรือเปล่า เพราะพี่ชายของคุณรัชฎา คือเพื่อนสินทของท่านนายกฯ แล้วการที่ถูกย้ายทันทีเลย พิสูจน์ให้เห็นถึงเส้นสายของคุณรัชฎา ที่สำคัญคือ การสั่งย้ายครั้งนี้ เจ้ากระทรวง คือ นายทอป วราวุธ เป็นคนสั่งย้ายหรือเปล่า หรือว่าทำเนียบฯ สั่งย้ายเอง ซึ่งดีไม่ดีจะเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือทุจริต ตามมาเป็นพรวน

ท่านผู้ชมครับ หมากตานี้เสียทั้งทางการเมือง และเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียนว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือทุจริต หรือประพฤติผิดจรรยาบรรณ ซึ่งอาจจะถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง หรือมีการดำเนินคดีอาญาต่อไปอีก ก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นเพราะก้าวพลาดเอง หรือถูกวางยา

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้กำลังจะเป็นข่าวใหญ่ อาจจะเป็นโดมิโนทางการเมืองที่จะเขย่าเก้าอี้ของหลายๆ คนไปจนถึงตัวเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่จะมาถึง ผมเห็นใจท่านนายกฯ ถ้าท่านไปหาเสียง หรือท่านเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ แล้วฝ่ายตรงกันข้ามเอาเรื่องนี้มาโจมตีท่าน ท่านจะว่าอย่างไร คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ครับ ท่านคิดอย่างไรกับเรื่องนี้


ท่านผู้ชมครับ ก่อนจะจบเรื่องนี้ ผมจะเอาตลกร้ายของประเทศไทยมาเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง โคตรตลกร้ายเลย ตลกร้ายเรื่องนี้สะท้อนภาพระบบข้าราชการของประเทศเราได้อย่างดี คือกรณีที่เมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา มีพยาบาลที่โรงพยาบาลราชธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โชว์ดื่มเหล้าเบียร์ขณะกำลังฉลองเทศกาลปีใหม่กับเพื่อนร่วมงานในห้องพักพยาบาล ลงคลิป TikTok จนโซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์ความเหมาะสม ในที่สุดโดนต้นสังกัดสั่งพักงานคนที่เกี่ยวข้องทุกคน ข่าวว่าพยาบาลคนนั้น ต้นเรื่องก็คือจบมาแค่หนึ่งปี เข้าทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนที่นี่เป็นครั้งแรก และเขาแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ท่านผู้ชมครับ พยาบาลจบใหม่กินเหล้าในที่ทำงาน โดนสั่งพักงาน สุดท้ายลาออก ถามว่ากรณีอย่างนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานฯ รับสินบนในที่ทำงาน ถูกจับคาหนังคาเขา ยังได้ทำงานต่อ แต่โยกไปอยู่สำนักนายกรัฐมนตรี ท่านผู้ชมงงไหมครับ ประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ งงไหมครับเรื่องนี้ ผมงงฉิบหายเลยงานนี้

ท่านผู้ชมเห็นหรือยังว่า อาทิตย์สุดท้ายของปีที่แล้ว ผมพูดถึงเรื่องรัฐที่ล้มเหลว คือ Failed State แคมเปญของการต่อต้านคอร์รัปชันคือการผายลมสุนัขออกมา ทั้งแปดปี โม้มาตลอด แต่ไม่เคยปราบอะไรได้เลยแม้แต่นิดเดียว ผายลมสุนัขครับ และฝากถึงคุณมานะ อีก ผมไม่ทิ้งคุณหรอกครับ คุณมานะ จากนี้ไป คุณมีหน้าที่ดูองค์กรปราบปรามคอร์รัปชัน แต่ทีเรื่องนี้คุณกลับแบ๊ะๆๆๆ พูดในหลักการ คุณเคยทำอะไรสำเร็จบ้างไหม คุณมานะ องค์กรของคุณน่ะ นอกจากไปสร้างอิทธิพล ขอเข้าไปเสียบที่กรมบัญชีกลาง ว่าถ้ามีการประมูลอะไรก็ตาม ต้องผ่านองค์กรของคุณก่อน คุณทำได้แค่นั้นเหรอ วิธีการของคุณแบบนั้นเขาเรียกว่า เคาะกะลา ภาษานักเลงเขาเรียกว่า เคาะกะลา แปลว่าอะไร ? คุณไปหาเอาเองก็แล้วกัน

นี่คือความบัดซบ ขยะ ที่ผมมีความจำเป็นต้องพูดในรายการอาทิตย์แรกของปีนี้ครับ


ท่านผู้ชมครับ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมจะต้องชื่นชมชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ น้องผม ไม่เกรงกลัวอิทธิพลตำรวจเลย ออกมาฟิต เปิดโปงกรณีปัญหาทุนจีนสีเทาแทบจะรายวันเลย แม้แต่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ก็ไม่มีข้อยกเว้น

คุณชูวิทย์ พยายามชี้ให้เห็นว่าปัญหาที่แท้จริงในการทำคดี "ตู้ห่าว" อยู่ที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ชื่อ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง โดยระบุว่า คดีตู้ห่าว และเครือข่ายทุนจีนสีเทา จะกระจ่างและลุล่วงได้ ไม่เป็นมวยล้มต้มคนดู เหมือนกรณีของ "หลงจู๊สมชาย ระยอง" หรือ สมชาย จุติกิตติ์เดชา เจ้าพ่อธุรกิจสีเทาในภาคตะวันออก ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพราะการทำงานในคดีนี้มีพิรุธ ทำให้ประชาชนไม่สามารถไว้วางใจได้ ต้องไล่ออกเท่านั้น

ประการสำคัญ ข้อมูลแต่ละข้อมูลที่คุณชูวิทย์ เอาออกมาเปิดเผย น่าจะเป็นข้อมูลจากคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคลิปวิดีโอ ภาพถ่าย รวมทั้งเอกสารต่างๆ ที่คุณชูวิทย์ นำมาเปิดเผย โพสต์ลงในเฟซบุ๊กตัวเองเป็นรายวัน


เอาล่ะ ผมจะสรุปประเด็นที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ใช้โจมตี พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. นั้น มีหลักๆ 6 ประเด็น ประเด็นแรก ท่านผู้ชมครับ ผมกับรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เป็นคนเปิดเผยเป็นที่แรกเองว่า วันที่เข้าตรวจค้น วันที่ 26 ตุลาคม 2565 ได้พบรถยนต์จอดหลายคัน ไม่มีเจ้าของ ปรากฏว่ามีรถโรลส์-รอยซ์ 1 คัน มีชื่อเจ้าของคือ "หวัง เจิ้นหนาน" ซึ่งเป็นหลานของ "ตู้ห่าว" อายุ 21 ปี แจ้งที่อยู่กับ ตม. ว่า อยู่ที่คอนโดฯ บันยันทรี ชั้น 33 ปรากฏว่าไม่พบว่าถูกจับกุมในผับ พบเพียงรถคันดังกล่าวจอดทิ้งไว้ และไม่มีการติดตามตัวมาดำเนินคดี


จนวันที่ 4 พฤศจิกายน ชุดทำงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ซึ่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบเรื่องสืบสวนสอบสวน ก็ทำหน้าที่สอบสวนและสืบสวน ได้เข้าค้นคอนโดฯ ดังกล่าว ชั้นที่ 33 ของบันยันทรี พบเงินสดจำนวน 19 ล้านบาท สุรา-ไวน์ต่างประเทศราคาแพง จำนวนมาก มูลค่าหลายสิบล้านบาท


วันที่ 26 ตุลาคม วันที่้ตรวจค้น หลานของตู้ห่าว หรือ นายหวัง เจิ้นหนาน ได้เดินทางโดยเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวออกจากประเทศไทยไปสิงคโปร์ กับพวก รวม 3 คน โดยน่าเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นคนปล่อยตัวไป


ข้อพิรุธข้อที่สอง นับตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม ที่มีการดำเนินการตรวจค้น ทีมตำรวจนครบาลของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ก็ไม่มีการสืบสวนขยายผลในเรื่องใดๆ เลย แล้วก็ตั้งนะโมตัสสะ พูดจาเหมือนเดิมทั่วๆ ไป สวยหรู เดินในทุ่งลาเวนเดอร์ อ้างว่าการสอบสวนต้องละเอียด เก็บข้อมูลไว้คนเดียว จนกระทั่งทีมของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เร่งรัดให้ออกหมายจับตู้ห่าว หลายครั้ง แต่ พล.ต.ท.ธิติ ก็อ้างเหตุถ่วงเวลาจนเนิ่นช้า จนเครือข่ายตู้ห่าวยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน มีเพียงชุด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่เข้าตรวจค้น ยึดอายัดทรัพย์กลุ่มทุนจีน รวมทั้งกลุ่มตู้ห่าว จำนวนมาก ก็ไม่พอใจ อ้างว่าทำงานข้ามหน้า แต่ตัวเองกลับไม่ขยายผลใดๆ เลย

ข้อที่สาม ป.ป.ส. อัยการ ตำรวจทีม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้าตรวจทรัพย์สินที่ถูกอายัด พบหลักฐานหลุดรอดจากการตรวจค้นของทีมตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาลเพียบเลย


27 ธันวาคม 2565 ชูวิทย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ใจความตอนหนึ่ง "วันนี้เลขาฯ ป.ป.ส. อัยการ ตำรวจ และทีมบิ๊กโจ๊ก ไปตรวจทรัพย์สินที่ถูกอายัดไว้ในที่เกิดเหตุคดีจินหลิง มีรถหรูของกลางจำนวน 11 คัน จาก 35 คัน ที่พบว่าไม่ได้ตรวจมาก่อนจากทีม บช.น. ไม่เหมือนกับที่ ผบช.น. ให้สัมภาษณ์ว่ามีการตรวจทุกคันและถ่ายวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน เพราะวันนี้ (27 ธันวาคม) ที่พูดมา ผ่านมาแล้ว 2 เดือนแล้ว พบว่ารถตู้อัลฟาร์ด ของนายหยาง เฉิน หลานของนายตู้ห่าว ซึ่งตำรวจ บช.น. ปล่อยหนีไปในวันเกิดเหตุ (26 ตุลาคม) ยังไม่เคยถูกค้น ของในรถยังอยู่ครบถ้วน ปรากฏว่าพบเขียงไม้ที่แบ่งยาเสพติดมีร่องรอยคราบยาอยู่ มีหลอดดูดยา ที่ปั่นจมูก หลักฐานทั้งหมดยังอยู่ในรถตู้ของหลานตู้ห่าว ภายในจินหลิง ที่เพิ่งตรวจพบวันนี้นี่เอง ทั้งๆ ที่ผ่านไปแล้วสองเดือน ทำไม ผบช.น. ไม่ตรวจยึดเอาไว้เป็นของกลาง แล้วยังพบชิป อุปกรณ์การเล่นการพนันอีก ที่แสดงถึงจำนวนเงินหมุนเวียนภายในเป็นจำนวนมาก คุณชูวิทย์ บอกว่า นับเป็นความสะเพร่าอย่างร้ายแรงของการทำงานในทีม ผบช.น.


ในวันที่ 27 ธันวาคม ผ่านไปแล้วสองเดือน ยังพบร่องรอยของการใช้ยาเสพติดมากมาย ทั้งในรถของหลานตู้ห่าว และภายในอาคารจินหลิง กลับถูกแม่บ้านกวาดออกมากองอยู่ด้านนอก หลักฐานที่ต้องเก็บไว้ให้ดีในวันแรก กลับถูกละเลย เพิกเฉย ไม่สนใจ เช่นเดียวกับพยานสำคัญที่ปล่อยหลุดไปหมด การทำสำนวนให้อ่อนปวกเปียก มีวิธีการกระทำมากมาย แต่ไม่เคยเห็นการกระทำที่โจ๋งครึ่มแบบนี้มาก่อน

วันพุธที่ 28 ธันวาคม ผบช.น. แถลงข่าวตอบโต้นายชูวิทย์ ว่า เนื่องจากมีระเบียบ ป.ป.ส. คือสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ทำให้ตำรวจ บช.น. ไม่สามารถเข้าพื้นที่จินหลิงไปตรวจหาหลักฐานเพิ่มได้ คือ พล.ต.ท.ธิติ โยนความผิดไปที่เลขาธิการ ป.ป.ส. ว่าที่ไม่เข้าไปเพราะไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ตามระเบียบ ป.ป.ส.


ปรากฏว่า 28 พล.ต.ท.ธิติ พูด โยนขี้ไปที่ ป.ป.ส. วันรุ่งขึ้น (29) นายชูวิทย์ โต้กลับ โพสต์บอกว่า ความจริงมีหนึ่งเดียว ผมเอารูปให้ดูนะครับ นี่เป็นคำประกาศของท่านเลขาธิการ ป.ป.ส. วิชัย ไชยมงคล ต่อหน้าผู้สื่อข่าว ขณะแถลงข่าวร่วมกับผม ท่านเลขาฯ ท่านเป็นผู้ใหญ่ ย่อมไม่อยากโทษหน่วยงานรัฐกันเอง แต่คงทนไม่ไหวที่คุณธิติ แสงสว่าง โบ้ยขี้มาให้ว่ามีระเบียบ ป.ป.ส. ไม่ให้เข้าพื้นที่จินหลิง ทำให้ตำรวจ บช.น. ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติมได้ ท่านเลขาฯ ยืนยันว่า ไม่มีระเบียบดังกล่าว ตำรวจจะเข้ามาเมื่อไรย่อมทำได้ ไม่มีระเบียบห้ามไว้เลย สื่อถามว่า อย่างนี้ต้องมีคนหนึ่งคนใดโกหกประชาชน ท่านเลขาฯ ป.ป.ส. ท่านก็แสบ ท่านตอบว่า "ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว" เป็นคำกล่าวทิ้งท้ายสั้นๆ แต่มีความหมายยิ่ง


ความจริงคือ ที่เกิดเหตุ "จินหลิง" อยู่ในความควบคุมของตำรวจ บช.น. ที่เป็นเจ้าของพื้นที่ หากอยากจะตรวจอะไรเพิ่มเติม ย่อมเข้าไปได้ตลอดเวลา งานต้องเริ่มจากตำรวจ แล้วส่งบัญชีรายการทรัพย์สินให้ ป.ป.ส. ตรวจสอบอายัด แล้วตำรวจเพิ่งจะส่งรายการให้ ป.ป.ส. อายัดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมนี้ เอง และมีรถแค่ 33 คันเท่านั้น ก่อนหน้านี้ตำรวจ บช.น. ที่นำโดย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ไม่เคยส่งรายการอะไรมาเลย

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ที่ ป.ป.ส. และอัยการ ไปตรวจจินหลิง ท่านก็ไปกันเอง ตำรวจยังไม่ได้ทำเรื่องประสานอะไรมาสักคำ แล้ว ผบช.น. มาโยนขี้ให้เลขาฯ ป.ป.ส. เอาดื้อๆ ท่านเลขาฯ บอกว่า มันไม่แฟร์ แถไปเรื่อย ถึงขนาดลงมายืนยันกับผู้สื่อข่าวด้วยตัวเองข้างๆ ผม เรียกว่าท่านเป็นสุภาพบุรุษแท้ เพราะไม่ยอมให้ใครมาป้ายสี เอาความผิดพลาดของตัวเองมาโกหกแล้วโยนให้ ป.ป.ส. งานนี้จึงเข้า ผบช.น. โดยตรง การที่ท่านเอาดีเข้าตัว อ้างว่าติดเรื่องระเบียบ ทำให้เข้าพื้นที่ที่เกิดเหตุไม่ได้ จึงกลายเป็นคำโกหกคำโต ซึ่งสรุปง่ายๆ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง พูดจาโกหก

ข้อที่สี่ ผบช.น. ตั้งข้อหาล่าช้า กรณีผู้กำกับ สน.ยานนาวา ได้เซ็นคืนรถของกลางให้กับกลุ่มทุนจีน แลกเงิน 6 แสนบาท โดยผ่านไป 2 เดือน พอโดนแฉต่อหน้าสื่อ ผบช.น. ค่อยย่องไปแจ้งมาตรา 149 และมาตรา 157

เอารูปให้ดูนะครับ ผู้หญิงหน้ากากฯ สีขาว ถือถุงเงินขึ้นไป


31 ธันวาคม วันสิ้นปี ชูวิทย์ ออกมาโพสต์ภาพแฉพฤติกรรมผู้กำกับ สน.ยานนาวา หลังเซ็นคำสั่งอนุญาตให้คืนรถของกลางให้กลุ่มทุนจีน แลกกับเงิน 6 แสนบาท มีข่าวว่าผู้กำกับคนนี้สนิทสนมกับ พล.ต.ท.ธิติ ผบช.น. ด้วย คุณชูวิทย์ บอกว่า ผบช.น. ปล่อยปละละเลยในการตั้งข้อหา "รองหมา"

"รองหมา" ชื่อ พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ ที่เป็นผู้ปล่อยรถของกลางในคดีออกไป ก็คือว่า รถของกลางจะต้องเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน แต่ได้ปล่อยรถออกไป เหตุผลเพราะว่ามีผู้หญิงเอาถุงเงิน 6 แสนบาท มาให้ "รองหมา" ถึง สน.ยานนาวา ในขณะนั้น "รองหมา" ถูกมอบหมายมารักษาการผู้กำกับ และคนส่งมาก็คือ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง นั่นเอง ในฐานะ ผบช.น.

พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ
6 แสนบาท มาไถ่รถ Porche ของกลางในคดีที่คนจีนถูกยึดจากที่จินหลิง พวกจีนสีเทา ให้ผู้หญิงจีนหิ้วถุงเงินมาให้ ดูวันที่ในภาพระบุ 28 ตุลาคม หลังเกิดเหตุจินหลิงเพียง 2 วัน และยังมีลายเซ็น "รองหมา" อนุญาตให้คืนรถได้ มีตำรวจลูกน้องของรองหมา ลงมารับผู้หญิงหิ้วถุงเงิน พาขึ้นไปที่ห้องทำงาน "รองหมา" แล้วผู้หญิงคนนี้ก็ยังทะลึ่งถ่ายรูปโต๊ะทำงาน "รองหมา" กับถุงเงิน เป็นหลักฐานส่งภาพกลับไปให้เจ้าของรถ Porche สัญชาติจีน-กัมพูชา ว่าได้นำเงินมาให้ "รองหมา" เรียบร้อยแล้ว

คุณชูวิทย์ บอกว่า ทำกันได้ลงคอถึงเพียงนี้ ระยะเวลาผ่านไปสองเดือน ผบช.น. ไม่ทำอะไร เพราะ "รองหมา" เผอิญเป็นลูกน้องคนสนิทที่ตัวเองส่งไปรักษาการตำแหน่งผู้กำกับยานนาวา ท้องที่เกิดเหตุ หลังเกิดเรื่องจินหลิง คุณชูวิทย์ บอกว่า แบบนี้เป็นเรื่องยื่นหมูยื่นแมว "รองหมา" ลูกน้องท่าน ผบช.น. เก่งจริงๆ เรื่องพรรค์นี้ ไม่รู้ว่าต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ใครข้างบนอีกไหม

ชุดสืบรายงานท่าน ผบช.น. ไปตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้ว แต่ท่าน ผบช.น. ก็ยังนิ่งเงียบ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ คือชุดสืบรายงานไปแล้วว่ามีการรับเงิน "รองหมา" รับเงินจากผู้หญิงจีน 6 แสนบาท แล้วก็ปล่อยรถออกไป ท่าน ผบช.น. รู้มาตั้งสองเดือนแล้ว แต่ท่านก็นั่งเงียบ ผมคิดว่าผมรู้ว่าทำไมท่านถึงนั่งเงียบ ชูวิทย์ บอกว่า พอเมื่อวานผมเคาะสะกิดต่อมท่าน ผบช.น. ที่ ป.ป.ส. หน้าสื่อเจี๊ยวจ๊าว ปรากฏว่าวันนี้วันหยุดยาว ท่าน ผบช.น. แอบรีบย่องไปแจ้งข้อหา มาตรา 149 กับ 157 กับ "รองหมา" หลังจากที่นั่งเงียบๆ ไม่ทำอะไรเลยมาสองเดือน

ข้อห้า ไม่แจ้งข้อหาฟอกเงินนายตู้ห่าว ทั้งๆ ที่หลักฐานชัด แต่กลับไปแจ้งข้อหายาเสพติดที่หลักฐานอ่อนกว่ามาก

22 ธันวาคม 2565 ชูวิทย์ แถลงว่า ได้รับผังข้อมูลเส้นทางการเงินที่ควรจะอยู่ในสำนวนคดีตู้ห่าว มาจากตำรวจยศนายร้อย ซึ่งอยู่ในทีม ผบช.น. เอง โดยชูวิทย์ บอกว่าผังเส้นทางการเงินชิ้นนี้กลับไม่อยู่ในสำนวน แต่ท่าน ผบช.น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง นำไปเก็บไว้คนเดียว แสดงว่าพยายามจะอำพรางคดีนี้ในการไม่แจ้งข้อหาฟอกเงินกับตู้ห่าว ทั้งๆ ที่มีหลักฐานชัดเจน ใช่หรือไม่


ผังข้อมูลเส้นทางการเงินชี้ให้เห็นว่า บัญชีคิวอาร์โค้ดของผับจินหลิงได้เชื่อมโยงไปยังบุคคล 2 คน คือ นายฟูจิ และ นายหยาง เฉิน ซึ่งเป็นหลานของนายตู้ห่าว ทั้งสองคนมีการโอนเงินค่ายาเสพติดกันไปมา โอนเข้า-ออกบัญชีคิวอาร์โค้ดผับจินหลิง จากนั้น นายหยาง เฉิน ก็ได้มีการโอนเงินต่อไปให้นายเซ็นบิ เฉิน จากนั้น นายเซ็นบิ เฉิน ก็โอนต่อไปบัญชีม้า ชื่อ นายสิทธิพงษ์ ถือสัตย์เที่ยง และเงินจากบัญชีม้านี้ก็โอนต่อไปยังบริษัท โมเดิร์น เจมส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งมีนายตู้ห่าว ถือหุ้นอยู่ 51 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันนี้ นายฟูจิ และ นายเซ็นบิ ถูกจับกุมอยู่ที่ ตม. แต่นายหยาง เฉิน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญ หลบหนีไปได้

คุณชูวิทย์ บอกว่า เอกสารเส้นทางการเงินชิ้นนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า เส้นทางการเงินของผับจินหลิง ได้เชื่อมโยงไปถึงบริษัทของนายตู้ห่าว ซึ่งเป็นธุรกิจผิดกฎหมาย เป็นการทำเงินจากยาเสพติดให้เป็นเงินขาวสะอาด เข้าข่ายการฟอกเงินอย่างชัดเจน ที่สำคัญ คุณชูวิทย์ พูดอย่างนี้ ท่านผู้ชมจำเอาไว้นะ ท่าน ผบช.น. ท่านฟังเอาไว้ด้วย เอกสารนี้ ผบช.น. ก็ได้มีมาตั้งแต่การเข้าตรวจค้นผับจินหลิงแล้ว ทำไมท่านถึงไม่แจ้งข้อหาฟอกเงิน ทั้งที่มีหลักฐานเพียงพอต่อการแจ้งข้อหาดังกล่าว ไม่จำเป็นต้องรอ ปปง. พร้อมตั้งคำถาม ผบช.น. ว่า ได้มีการนำตัวนายสิทธิพงษ์ ซึ่งเป็นบัญชีม้า มาสอบปากคำแล้วหรือเปล่า

คุณชูวิทย์ พูดต่อว่า การที่ ผบช.น. ไม่ดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงิน ก็เป็นเพราะมีหลักฐานชิ้นนี้ ซึ่งสามารถเอาผิดนายตู้ห่าวได้อย่างแน่นอน ฟอกเงิน แต่ไปเอาผิด ดำเนินคดียาเสพติดแทน เพราะหลักฐานอ่อน เนื่องจากมีการทำลายพยานหลักฐานไปนานแล้ว


ท่านผู้ชมครับ ความจริงมีข้อมูลอีกเยอะ แต่ผมกระโดดข้ามไปข้อที่หกก็แล้วกัน ข้อที่หก คุณชูวิทย์ ตั้งข้อสังเกตว่าคดีตู้ห่าวอาจจะตามรอยคดี "หลงจู๊สมชาย" ที่ตอนแรกโดนข้อหา ตามยึดทรัพย์ แต่ตอนจบเดินออกจากคุกอย่างเท่ อย่างผู้บริสุทธิ์ เพราะอะไร ? สำนวนและหลักฐานอ่อน แล้วท่านผู้ชมรู้ไหมว่าคนที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ที่ดูแลตั้งแต่ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด คุณชูวิทย์ บอกว่า คดีหลงจู๊สมชายโด่งดัง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการภาค 2 มาเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ย่อมเป็นผู้ที่รับผิดชอบต่อคดีหลงจู๊สมชาย อย่างหลีกเลี่้ยงไม่ได้ เพราะคุณธิติ อยู่ตำแหน่งที่สูงสุด ณ ขณะที่เกิดเหตุจับกุม จนสั่งฟ้อง การดำเนินคดี ตีข่าวใหญ่โต แต่ท้ายที่สุดศาลตัดสินยกฟ้อง บอกว่าพยานหลักฐานอ่อน ปล่อยให้หลงจู๊สมชายนั่งรถเบนซ์กลับอย่างเท่ๆ

คุณชูวิทย์ บอกว่า เห็นสมชายยกฟ้อง ก็หวนคิดถึงคดีตู้ห่าว ชูวิทย์ บอกว่า คราวนี้ท่านย้ายจากผู้บัญชาการภาค 2 ที่เคยรับผิดชอบคดีหลงจู๊ มาเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตอนมีคดีตู้ห่าว พอดิบพอดีเหมือนโกหก


คุณชูวิทย์ ยังมีความเป็นห่วงว่า การจับกุมภรรยาของนายตู้ห่าว ข้อหาฟอกเงิน สำนวนคดีจะอ่อน ทั้งๆ ที่ตัวนายตู้ห่าวเองยังไม่ได้โดนข้อหาฟอกเงินแต่อย่างใด

ท่านผู้ชมครับ 25 ธันวาคม คุณชูวิทย์ ออกมาแถลงว่า ถึงแม้มีการออกหมายจับข้อหาฟอกเงินเครือข่ายทุนจีนสีเทาแล้ว แต่คุณชูวิทย์ ตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมา ตนเองออกมาพูดเรื่องการเอาผิดกลุ่มผู้ต้องหา โดยเฉพาะนายตู้ห่าว ในเรื่องการฟอกเงินมาตลอด แต่ตำรวจไม่ดำเนินการ ปล่อยทิ้งระยะเวลาไปนานถึง 2 เดือน ซึ่งจะเริ่มมีการแจ้งข้อหาเมื่อวานนี้ ซึ่งในเรื่องของทรัพย์สิน ตนเอง (คือคุณชูวิทย์) ตั้งข้อสงสัยว่า อาจจะมีการยักย้ายถ่ายเทไปแล้วหลายส่วน

หากมองจากไทม์ไลน์ ลำดับเหตุการณ์วันที่ 26 ตุลาคม เป็นวันที่เข้าจับกุมตรวจค้นจินหลิง จับตู้ห่าว วันที่ 22 พฤศจิกายน จนมาถึงวันที่ 24 ธันวาคม เพิ่งจะมีการแจ้งเรื่องฟอกเงินกับผู้ต้องหา แต่ไม่มีการแจ้งกับนายตู้ห่าว

คุณชูวิทย์เขาฝากคำถาม ผบช.น. 2 ข้อ ให้ช่วยตอบด้วย ข้อแรก การเข้าค้นรอบแรกในวันที่ 26 ตุลาคม ได้ของกลางจากจินหลิง และอาคาร LEELA รวมยาเสพติดกว่า 4.5 กิโลกรัม แต่ไม่ยอมเข้าค้น WIP WUP Car Wash


ทั้งๆ ที่เป็นบ้านเลขที่เดียวกัน ตั้งอยู่ในรั้วเดียวกัน แต่กลับมาค้นที่ WIP WUP Car Wash อีกครั้งในวันที่ 1 พฤศจิกายน ผ่านไปแล้วเกือบอาทิตย์ เวลา 17.00-18.00 น. ค้นพบของกลางยาเสพติดแค่ 950 กรัม คุณชูวิทย์ ถามว่า คำถามคือทำไมไม่ทำการค้นตั้งแต่วันแรกที่เข้าค้น ? เพราะคุณชูวิทย์ มองว่า WIP WUP Car Wash เป็นคลังในการเก็บยาเสพติด ส่วนจุดที่ค้นได้วันที่ 26 เป็นเพียงจุดขายปลีก ดังนั้น ตนเชื่อว่าการทิ้งช่วงไว้นานเกือบอาทิตย์ เป็นช่องให้มีการยักย้ายถ่ายเทยาเสพติดออกจากพื้นที่ อีกทั้งสำเนาบันทึกของกลางที่เข้าตรวจค้นในวันที่ 26 ท่านผู้ชมเชื่อไหมว่าหาย สูญหายที่ สน.ยานนาวา จนวันนี้ยังไม่พบเอกสารดังกล่าว นี่มันต้องเล่น 157 ทั้งโรงพักเลยนะ

ข้อที่สอง วันที่เข้าค้น วันที่ 26 ตุลาคม เลขคดี 794/2565 ไม่มีการลงระบบ Crime อาชญากรรม ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันเข้าค้นวันที่ 26 นะครับ ไม่มีการลงในระบบ แต่วันเข้าค้นวันที่ 1 พฤศจิกายน เลขที่ 803/2565 กลับมีการบันทึก บิดไปว่าเป็นการเข้าวันที่ 2 พฤศจิกายน ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง แล้วทำไมลงวันที่ 2 ? เป็นไปได้ไหมว่าสาเหตุการเข้าค้นวันที่ 1 พฤศจิกายน ได้พบหลักฐานเป็นภาพกล้องวงจรปิด ปรากฏภาพนายเหมา หยาง ว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในสถานที่ดังกล่าว แต่ตำรวจกลับไม่มีการดำเนินการใดๆ กับนายเหมา หยาง ทั้งๆ ที่สถานที่ดังกล่าวมีการตรวจพบยาเสพติด แต่กลับลงไปในระบบฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า เข้าค้นวันที่ 2 ไม่พบผู้กระทำผิดในวันค้น

ท่านผู้ชมครับ คุณธิติครับ คำพูดข้อกล่าวหาของคุณชูวิทย์ค่อนข้างจะแรง ผมว่าถ้าท่านบริสุทธิ์ใจ ท่านต้องฟ้องคุณชูวิทย์นะ ฟ้องเลย ผมคิดว่าคุณชูวิทย์เขาไม่กลัวท่านฟ้องหรอก


คุณธิติ แสงสว่าง ครับ คุณเป็นเด็กของ ผบ.ปั๊ด เก่า สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ไม่อย่างนั้น สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ไม่ส่งคุณไปอยู่ภาค 2 หรอก หลังจากที่ผมเป็นคนแรกที่เปิดโปงเรื่อง "หลงจู๊สมชาย" จนกระทั่งจำเป็นต้องจับหลงจู๊สมชาย แล้วในที่สุดผลก็คือ หลงจู๊สมชาย ถูกยกฟ้อง และผมรู้มาว่าในการแต่งตั้งคุณเข้ามาเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดิมที พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ผบ.ตร. คนต่อไป ได้มาขอ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ว่าขออีกคนหนึ่งเป็น ผบช.น. ได้ไหม เอามาทำงานให้เขา แต่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กลับปฏิเสธ แทนที่จะให้คนที่จะเป็นมือเป็นเท้าของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนต่อไป กลับไม่ยอม เอาคนของตัวเองไป นี่ไง ธิติ แสงสว่าง กับ สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข พวกเดียวกัน ส่วนจะพวกแบบไหน ผมไม่รู้

ท่านผู้ชมครับ ผมบอกมาแล้วไงว่า ท่านนายกฯ ท่านไม่ทน ท่านไม่ทำ ท่านไม่เอาด้วย พฤติกรรมของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง เข้าข่ายหรือเปล่าว่ามีเจตนาละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ ท่านในฐานะประธาน ก.ตร. ท่านต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าตัวท่านจริงจังกับเรื่องนี้ ท่านเป็นประธาน ก.ตร. ท่านจะต้องเสนอ ก.ตร. ให้ย้ายธิติ แสงสว่าง เข้ามาประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วตั้ง ผบช.น. คนใหม่ขึ้นมา ไปรื้อคดีต่างๆ ที่คุณธิติ แสงสว่าง ทำอยู่

ท่านผู้ชมครับ ผมขอยกมือไม่ไว้วางใจ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ตามคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นี่คือความเศร้า คุณธิติ คือส่วนหนึ่งของคำพูดของผมอาทิตย์ที่แล้ว ที่ผมบอกว่า ประเทศไทยเป็นรัฐที่ล้มเหลว เป็นรัฐที่ล้มเหลว ผมเสนอให้ เมื่อสอบมีมูลแล้ว ให้พักราชการคุณธิติ แสงสว่าง นี่ล่ะครับท่านผู้ชม นี่คือความชอกช้ำของผม ผมชอกช้ำมาก ผมช้ำใจมาก ตำรวจยิ่งตำแหน่ง-ยศสูงๆ มีอำนาจล้นฟ้า ผลประโยชน์ยิ่งเยอะ ผมคิดว่าข้อกล่าวหาหรือการตั้งข้อสงสัยของคุณชูวิทย์ มีเหตุมีผลทุกข้อกล่าวหา คุณธิติ แสงสว่าง คุณพร้อมไหมที่จะนั่งเผชิญหน้ากับคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แล้วซัดกันตัว-ตัว ข้อต่อข้อเลย ผมว่าคุณไม่กล้าหรอก ผมนี่อายแทนคุณ ผมไม่รู้คุณจะจงใจช่วยตู้ห่าวหรือเปล่า แต่พฤติกรรมของคุณมันสะท้อนให้เห็น พฤติกรรมของคุณ ถ้าในระบบศาล ศาลคงจะมีคำพิพากษาว่า เชื่อได้ว่าจำเลยได้กระทำตามที่โจทก์ได้ฟ้องร้องมา ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หนึ่ง..สอง..สาม..สี่..ห้า.. ที่จำเลยไม่ทำหนึ่ง .. ไม่ทำสอง .. ไม่ทำสาม .. ไม่ทำสี่ .. ไม่ทำห้า ก็เลยเป็นพยานแวดล้อมหลักฐานแวดล้อมที่ทำให้ศาลเชื่อได้ว่าจำเลยทำความผิดจริง จบครับท่านผู้ชม



ท่านผู้ชมครับ ผมมีความจำเป็นที่จะต้องพูดถึงท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องขอโทษติ่งท่านนายกฯ นิดหนึ่ง ผมไม่ได้มีเจตนาอะไรที่จะดิสเครดิตท่าน แต่ว่าผมพูดบนพื้นฐานของความเป็นจริง ท่านผู้ชมที่ติดตามรายการผม และท่านนายกฯ ด้วย และคนที่แวดล้อมท่านนายกฯ จะต้องรู้ว่า อะไรที่เป็นความจริงแล้ว ผมก็จะพูดออกมา หลายๆ เรื่องของท่านนายกฯ ผมไม่พูดเลยแม้แต่นิดเดียว ในขณะที่คนอื่นก็จะกระแนะกระแหนท่าน แดกดันท่านมาตลอด แต่ผมไม่ เหตุผลเพราะว่า บางเรื่องผมถือว่าผมให้อภัยท่านได้ ผมถือว่าท่านผิดพลาดโดยที่ไม่เจตนา หรือท่านก็ได้กระทำอะไรบางสิ่งบางอย่างลงไป แต่เรื่องนี้ผมคิดว่าท่านนายกฯ ท่านผิดพลาดมาก หลายอย่าง แล้วมันมีตัวอย่างให้เห็นชัดเจน นั่นคือ ท่านนายกฯ แปดปีที่ผ่านมา ท่านเล่นบทแผ่นเสียงตกร่องมาตลอด คือเรื่องของการที่ท่านเน้นเรื่องขอให้พวกเราร่วมกันขจัดคอร์รัปชัน

ท่านผู้ชมครับ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา ท่านนายกฯ เป็นประธานให้ความสำคัญการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ แล้วก็ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท. องค์การต่อต้านคอร์รัปชันแห่งประเทศไทย ที่คุณมานะ เป็นเลขาธิการ ภาคประชาชน ภาคเครือข่าย จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากลขึ้นมา

ท่านผู้ชมครับ ท่านนายกฯ ร่วมกับ ป.ป.ช. แล้ว ป.ป.ช. ก็เป็นองค์กรที่ให้คะแนนกรมอุทยานแห่งชาติฯ เต็ม 100 มาสามปีเต็ม ทั้งๆ ที่อธิบดีถูกจับคอร์รัปชันคาหนังคาเขา


การชุมนุมครั้งนี้ ในวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา เขาได้แสดงจุดยืนร่วมพร้อมคนไทยทุกภาคส่วนว่า จะไม่ทำ ไม่ทน และไม่เพิกเฉย ต่อการทุจริตอีกต่อไป ท่านผู้ชมจำคำพูดนี้ไว้ดีๆ นะครับ "ไม่ทำ ไม่ทน ไม่เพิกเฉย" เดี๋ยวผมจะเอาเรื่องนี้กลับเข้ามาพูดอีกที แล้วถามท่านนายกฯ ว่าคำพูดที่ท่านบอกว่าจะ "ไม่ทำ ไม่ทน และ ไม่เพิกเฉย" ต่อการทุจริตต่อไป ไม่ใช่เฉพาะวันนี้ แต่จะต้องอยู่ในจิตใต้สำนึกคนไทยทุกๆ คน ในทุกๆ วัน

ท่านนายกฯ บอกว่าองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ชื่อ Transparency International (TI) สะท้อนว่าปัญหาทุจริตที่เป็นจุดอ่อนของประเทศไทยที่สำคัญ คือ ปัญหาการซื้อขายตำแหน่ง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การเรียกรับสินบน นี่มันตรงกับกรณีเกิดขึ้นกับกรมอุทยานแห่งชาติฯ เป๊ะๆๆ เลย ทั้งหมดนี้ คือพูดง่ายๆ ว่า เป็นคำพูดที่สวยหรูมาก และก็เป็นคำพูดที่ ถ้าคนที่ไม่ได้ติดตามเรื่องราว ไม่ได้ดูข้อมูลข่าวสารที่แท้จริงว่าเกิดอะไรขึ้น ก็จะมีความรู้สึกว่า โอ้โห มีการเอาจริง ผมเอาคำพูดของท่านนายกฯ มาแล้วกันนะครับ

"ผมไม่ต้องการทุจริตอะไรทั้งสิ้น ผมถูกสอนมาไม่ให้ทุจริต ไม่อย่างนั้นจะเอาหน้าไปเสนอให้คนมองไม่ได้ วันนี้ดีใจที่ได้พบกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ขอให้ช่วยกันทำ และในฐานะที่รับผิดชอบนโยบาย ขอยืนยันไม่ให้มีการทุจริตเชิงนโยบายโดยเด็ดขาด แต่ถ้ามีอะไรบกพร่องก็ต้องถูกลงโทษ และลงโทษด้วยความเป็นธรรม ไม่มีอะไรสำเร็จได้ถ้าไม่ร่วมมือร่วมใจกัน"


เอาอย่างนี้ดีกว่าท่านผู้ชม ผมจะย้อนรอยการต้านโกง ซึ่งถือว่าเป็นวาระแห่งชาติ (ชั่วกัลปวสาน) ท่านประกาศวาระแห่งชาติด้วยการจัดสร้างอีเวนต์ต่อต้านคอร์รัปชันอยู่ทุกปี ตั้งแต่ 2557 แล้ว นอกจากวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมานี้แล้ว ผมลองรวบรวมมาให้ดูย้อนหลังสัก 10 ครั้ง ดีไหมท่านผู้ชม ตามผมมา

ท่านผู้ชมครับ ท่านนายกฯ ได้พูดเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชัน ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2557 ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บางกอกคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ องค์การต่อต้านคอร์รัปชันได้จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2557 ภายใต้หัวข้อ "Hand in Hand" นั่นคือครั้งที่หนึ่ง


ครั้งที่สอง วันที่ 17 ธันวาคม 2557 ท่านนายกฯ ยกระดับขจัดโกง เซ็นตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริต นั่งหัวโต๊ะเอง ก็เอาล่ะ ผมไม่เอารายละเอียดมาลงก็แล้วกันนะครับ เพราะเป็นคำพูดที่สวยหรู

ครั้งที่สาม วันที่ 6 กันยายน 2558 อีกหนึ่งปีให้หลัง ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ 9 นาฬิกา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานเปิดงานวันต้านคอร์รัปชัน พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา นางอรรชกา ศรีบุญเรือง นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร โดยมีนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์การต่อต้านคอร์รัปชัน ให้การต้อนรับ

ต่อมา ครั้งที่สี่ ท่านนายกฯ พอใจระดับต้านคอร์รัปชันขยับขึ้นอยู่อันดับ 3 ในอาเซียน ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2559 เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับทราบผลการจัดอันดับดัชนีชี้วัดคอร์รัปชันในปี 2558 ว่า ประเทศไทยได้ 38 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 เป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มประเทศอาเซียน และอันดับที่ 76 จากทั่วโลก ขยับขึ้นมาจากเดิม 9 อันดับ


ครั้งที่ห้า วันที่ 8 ธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวผ่านรายการ "ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ถึงวันต่อต้านคอร์รัปชัน ในวันที่ 9 ธันวาคม ของทุกปี ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญมากกับเรื่องนี้ bla bla bla ...

ครั้งที่หก วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงรายงานผลการวิเคราะห์ดัชนีวัดภาพลักษณ์ที่ไทยได้ 37 คะแนน ตกมา 1 คะแนน จากของเก่าได้ 38 ตอนนี้ได้ 37 ตกมาอันดับที่ 96

ครั้งที่เจ็ด วันที่ 7 ธันวาคม 2561 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ร่วมงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ท่านก็บอกว่า เป็นเรื่องสำคัญของประเทศชาติ ท่านก็ขอให้ทุกคนมาร่วมมือร่วมใจกัน ท่านก็ยอมรับว่า เมื่อมีการใช้งบประมาณมากขึ้น การทุจริตก็ต้องมีมากขึ้น ให้ทุกคนระมัดระวัง ไม่ให้ย้อนกลับมาที่เดิม


ครั้งที่แปด วันที่ 9 ธันวาคม 2562 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์การต่อต้านคอร์รัปชัน ในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ท่านบอกว่า ท่านขอเน้นในยุทธศาสตร์ชาติว่า การป้องกันและปราบปรามทุจริตระยะที่ 3 (2560-2564) มีเป้าหมายประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต ท่านมุ่งหวังว่าอีก 5 ปีข้างหน้า จะเป็นการปฏิรูปกระบวนการทำงานจากเดิม อีก 5 ปีข้างหน้า คือ 2567 ท่านยังพูดต่อไปว่า นอกจากตัวเองไม่ทำทุจริตแล้ว จะต้องไม่อดทนต่อการทำทุจริตในสังคมไทย อะไรที่่ส่อการทุจริต ท่านจะไม่อดทน


ครั้งที่เก้า 16 พฤษภาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศกร้าวในการแก้ไขปัญหาทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ อีกครั้งหนึ่ง หลายวาระแห่งชาติแล้วนะท่านผู้ชม


ครั้งที่สิบ 9 ธันวาคม เมื่อปี 2564 ที่ ป.ป.ช. จัดงานขึ้นมา ท่านก็ประกาศชัดเจนว่าท่านไม่เอาแน่นอน ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ทุกอย่าง ท่านนายกฯ ท่านลั่นมาว่าไทยต้องไม่ทนต่อทุจริต แต่คำถามที่ท่านนายกฯ ยังตอบไม่ได้ และท่านปฏิเสธที่จะตอบในเรื่องนี้ ป.ป.ช. เปิดเผยว่าเปิดบัญชีทรัพย์สินฯ พล.อ.ประยุทธ์ และวิษณุ เครืองาม รอบที่ 2 เปิดไม่ได้

23 สิงหาคม สื่อมวลชนรายงานว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. บอกว่า บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.ประยุทธ์ รัฐมนตรีฯ กลาโหม วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กรณีดำรงตำแหน่งครั้งที่ 2 ในรัฐบาลชุด พล.ประยุทธ์ ชุด 2/1 เมื่อปี 2562 ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะนั้น ว่า เบื้องต้นมีการปรึกษากับคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย สำนักงาน ป.ป.ช. รวมทั้งที่ปรึกษาทางกฎหมายต่างๆ และศึกษาตามรัฐธรรมนูญแล้ว เห็นว่า มีการระบุถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ ไม่ใช่จะเปิดเผยได้ตลอดเวลา


คุณวัชรพล พูดต่อ แค่เราจะไปตรวจ ยังไปตรวจไม่ได้เลย ได้แค่เก็บไว้ ถ้ามีการอ้างอิงถึงเมื่อไร จึงจะเข้าไปตรวจสอบได้ เรามีหน้าที่แค่เก็บ และไม่ได้มีแค่สองท่านนี้ ยังมีอีกหลายคนที่ยื่นในลักษณะเป็นหลักฐานเช่นกัน ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเราจะถูกดำเนินคดีด้วยเหมือนกัน ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติ ไม่มีอำนาจทางกฎหมายที่จะไปเปิดเผยกรณียื่นเป็นหลักฐาน

ท่านผู้ชมครับ สรุปแล้วตั้งแต่ปี 2557 ที่ท่านทำการรัฐประหารขึ้นมา โดย คสช. จนถึงวันนี้ ผ่านมาแปดปีกว่าแล้ว ท่านนายกฯ ก็ยังประกาศการคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ แต่จากสถานการณ์ทุกอย่างที่เห็นได้ชัดว่าแย่ลงๆ เรียกว่าแตะไปที่ไหนของระบบราชการก็เปื่อยยุ่ยเหมือนซากศพ เหมือนซอมบี้

ท่านนายกฯ ครับ แม้แต่บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของท่าน กับรองฯ วิษณุ เครืองาม รอบใหม่หลังจากการเลือกตั้ง 2562 ป.ป.ช. ก็เก็บไว้ ไม่เปิดให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบ จริงๆ แล้ว ท่านนายกฯ ครับ ผมเชื่อว่าท่านบริสุทธิ์ แต่ทำไมท่านไม่ทำอะไรให้โปร่งใสเป็นตัวอย่าง ถึงแม้ว่าท่านมีสิทธิ์ตามกฎหมาย แต่ท่านสามารถเปิดเผยด้วยตัวท่านเองได้นี่ ผมคิดว่าประชาชนเขาไม่ว่าอะไรท่าน ท่านจะมีทรัพย์มากมายแค่ไหน เพราะว่าท่านเองท่านก็เคยขายที่ดินของคุณพ่อ ได้เงินส่วนแบ่งมาเป็นร้อยๆ ล้าน เขารู้สึกธรรมดากับเรื่องพวกนี้ เขาไม่ได้ถือว่าท่านเป็นคนยากคนจนอะไร ท่านมีเงินมีทอง แต่ว่าการที่ท่านไม่ยอมพูดเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะท่านอาศัยอ้างกฎหมายมาปกป้องท่านเอง แล้วท่านก็เงียบสนิท ท่านไม่พูด ถ้าท่านแสดงความจริงใจ ความบริสุทธิ์ใจ เอาล่ะ! ถึงแม้ว่ากฎหมายจะให้ปกปิดข้อมูลข่าวสารของผม แต่ผมพร้อมจะเปิดเผยของผมให้ฟัง แล้วท่านก็ควรจะชวนคนที่ร่วมรัฐบาลด้วย ไม่ว่าจะเป็นรองฯ วิษณุ เครืองาม เฮ้ย! เรามาเปิดพร้อมกันดีกว่า ไม่มีอะไรที่ต้องปิดนี่ ใช่ไหม ? ผมว่าท่านนายกฯ ครับ ตรงนี้คือความสง่างาม ความสง่างามนี่บางทีมันสอนก้นไม่ได้นะ ท่านผู้ชม มันอยู่ที่จิตใต้สำนึก

อีกประการหนึ่งครับ ผมอยากฝากถึงท่านนายกฯ หน่อย ฝากจริงๆ ท่านนายกฯ ท่านนายกฯ ท่านจำได้ไหมท่านพูดบอกว่า ท่านจะไม่ทำ ไม่ทน และไม่เพิกเฉยต่อการทุจริตอีกต่อไป ผมอยากจะแนะนำท่านว่า เรื่องนี้ถ้าท่านจริงจัง และท่านต้องการแก้ปัญหาจริงๆ และแสดงออกถึงความบริสุทธิ์ใจของท่าน และวาระที่ท่านต้องการต่อสู้เรื่องนี้ ผมมีเรื่องฝาก 2 ข้อ ปัจจุบันนี้ ข้อแรก ท่านต้องย้ายนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ซึ่งพี่ชายเขาเป็นเพื่อนสนิทของท่าน อธิบดีกรมอุทยานฯ จากสำนักนายกฯ กลับไปที่เดิม ให้เจ้ากระทรวงเขาจัดการ อย่าได้ปกป้องเขา เพราะการย้ายเขามาอยู่สำนักนายกฯ นั้น มันสะท้อนให้เห็นลักษณะของการปกป้องอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ อาจจะเป็นเพราะคนตีความว่าเป็นสาเหตุว่าเนื่องจากเป็นน้องชายเพื่อนสนิท เพื่อนรักของท่าน นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 12 ท่านนายกฯ ครับ นี่ไม่สง่างามเลยแม้แต่นิดเดียว


เรื่องที่สอง ท่านต้องย้าย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ออกจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ด้วยข้อกล่าวหาหลายข้อที่มีหลักฐานว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งคุณชูวิทย์ เป็นหัวหอกในเรื่องนี้ คุณชูวิทย์ ไม่มีตำแหน่งหน้าที่อะไรในสังคมไทย เหมือนกับผม ไม่มี แต่เราทั้งสองคนหวังว่าสังคมไทยจะดีขึ้น และข้อมูลที่คุณชูวิทย์ให้มาแต่ละข้อนั้น เป็นข้อมูลที่ปฏิเสธไม่ได้ รวมทั้งการจับโกหก พล.ต.ท.ธิติ จับโกหกว่าคุณธิติ โกหกจริงๆ ผมคิดว่าลำพังเพียงแค่นี้ ท่านก็น่าจะย้ายออกไปได้แล้ว ย้ายไปช่วยราชการก่อน อย่างนี้ล่ะที่ควรจะย้ายประจำสำนักนายกฯ แล้วตั้งคณะกรรมการสอบสวนเลยว่า ที่คุณชูวิทย์ กล่าวหา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง นั้น มีข้อเท็จจริง มีความจริง มีหลักฐานมากน้อยแค่ไหน หรือว่า ข่าวว่าภรรยาคุณธิติ นั้น เป็นหนึ่งในทีมกฎหมายที่คอยให้คำปรึกษาท่านอยู่ ผมไม่อยากให้ประชาชนมองท่านในรูปแบบนั้น

ท่านผู้ชมครับ คนเรารูปไม่หล่อ ไม่เป็นไร พ่อไม่รวย ไม่เป็นไร แต่ว่าสามารถตอบคำถามให้กับสังคมได้ทุกคำถาม จากเริ่มแรกที่ท่านไม่ยอมเปิดเผยทรัพย์สินของท่าน เอาล่ะ ท่านต้องตอบคำถามมา ท่านก็อ้างว่ากฎหมายไม่ให้เปิด ผมยึดถือตามกฎหมาย แต่ไม่จำเป็นนี่ท่าน ท่านก้าวข้ามไปเลย ท่านก้บอก เอาล่ะ ถึงแม้กฎหมายห้าม แต่ผมไม่ห้าม ผมจะเปิดให้ดูก็แล้วกัน จะได้สิ้นสงสัยกัน และซักถามผมได้

เรื่องที่สอง ชัดเจน ท่านตอบไม่ได้หรอก ท่านย้ายคุณรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา มาประจำสำนักนายกฯ และผมพูดไปแล้ว ย้ายกลับเสียเถอะ เพื่อแสดงความถูกต้อง ไม่ใช่เกรงอกเกรงใจเพื่อนท่านที่ขอมา

อีกข้อหนึ่งที่ชัดเจน คุณชูวิทย์ จะเป็นคนอย่างไรก็ตาม แต่คุณชูวิทย์ ไม่ได้พูดจาพร่ำเพ้อหรือเพ้อเจ้อ คุณชูวิทย์ มีคลิป มีหลักฐานต่างๆ และมีแม้กระทั่งเลขาธิการ ป.ป.ส. ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มายืนยันว่าสิ่งที่คุณชูวิทย์ พูดนั้นถูกต้อง และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง พูดโกหก ลำพังแค่นี้เอง ท่านนายกฯ ครับ ถ้าท่านยังยืนยันว่า ไม่ทำ ไม่ทน ไม่เพิกเฉย ท่านก็ต้องขยับตรงนี้ให้ดูสิ เท่านั้นเองล่ะครับที่ผมอยากจะฝากท่านนายกฯ ติ่งท่านนายกฯ อย่าโกรธผม ผมเป็นคนที่ตรงไปตรงมา หลายๆ ครั้ง ตอนที่ท่านต้องถูกพักงาน เหตุผลก็เพราะว่าให้ทางศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าท่านต้องถูกพักงานหรือเปล่า และท่านก็ถูกพักงาน ช่วงนั้นฝ่ายตรงข้ามท่านก็โจมตีท่านเละเทะไปหมดเลย แต่ผมไม่เคยพูดเลยแม้แต่นิดเดียว ท่านผู้ชมที่ดูรายการผมก็รู้ เพราะผมถือว่ามันเป็นปกติธรรมดา ก็ในเมื่อท่านถูกพักงานแล้ว แล้วถ้าท่านจะกลับมาอีกทีหนึ่งเพราะมติของศาลรัฐธรรมนูญ ท่านก็ไม่ผิด แม้ว่าบางคนเขาจะบอกว่าท่านจัดฉาก แต่ผมเฉยๆ ผมรู้สึกว่าให้ประโยชน์กับท่านในข้อสงสัย เพราะฉะนั้นผมไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ท่าน ความจริงถ้าจะวิพากษ์วิจารณ์ท่าน มีเรื่องให้วิพากษ์วิจารณ์ได้ทุกวัน แต่ผมถือว่าหลายๆ เรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์ท่านนั้นค่อนข้างจะไร้สาระ เอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาวิพากษ์วิจารณ์ แต่เฉพาะเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ผมถือว่าไม่ไร้สาระ เป็นเรื่องหลักการ เป็นเรื่องการสะท้อนจุดยืนของท่านที่ท่านประกาศมาเก้าปีเต็มๆ แปดปีกว่าเต็มๆ ว่าท่านจะต่อต้านคอร์รัปชัน ผมอยากให้ก่อนที่ท่านจะไปเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือจะสมัครตำแหน่ง ชูท่านเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ท่านช่วยทำเรื่องนี้ให้หน่อยได้ไหม สองข้อนี้ ย้ายคุณรัชฎา กลับมาที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ให้กระทรวงเขาจัดการกันเอง โดยไม่ต้องใช้สำนักนายกฯ มาปกป้อง เรื่องที่สอง คือย้าย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ที่ถูกกล่าวหาอย่างแรง ท่านเป็นประธาน ก.ตร. อยู่แล้ว ท่านย่อมรู้นี่ ว่าสิ่งที่คุณชูวิทย์ กล่าวหา พล.ต.ท.ธิติ นั้นเป็นข้อกล่าวหาที่ค่อนข้างรุนแรง ท่านลองทำสองเรื่องนี้ให้ดูสักนิดหนึ่ง แล้วผมคิดว่าท่านต้องหยุดพล่ามเรื่องของการต่อต้านคอร์รัปชัน เพราะท่านยิ่งพูดมาก มันเหมือนกับการผายลมสุนัขออกมา

ท่านผู้ชมครับ วันนี้จะแตะเรื่องการเมืองเล็กๆ น้อยๆ เหตุผลที่จะแตะเล็กๆ น้อยๆ ก็เพราะว่าการเมืองยังไม่นิ่ง ล่าสุด ผมก็ได้ข่าวมาว่าพรรคพลังประชารัฐ เลือดก็ยังจะไหลไม่หยุด หลังจากที่มีการประชุมพรรคชุดใหญ่แล้ว น่าจะมีคนลาออกจากพรรคพลังประชารัฐอีกเยอะ


มีเหตุการณ์บางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนที่แล้ว ที่ผมอยากจะเล่าให้ฟัง คือการนั่งชุมนุมกันระหว่างคุณหญิงสุดารัตน์ และถัดไปก็คืออาจารย์โภคิน พลกุล และทางฝั่งตรงข้ามก็มีาจารย์สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คุณอุตตม ระหว่างพรรคไทยสร้างไทย กับ พรรคสร้างอนาคตไทย จริงๆ แล้วทั้งสองพรรคนี้คุยกันมานานพอสมควรแล้ว เพราะว่าแต่ละคนก็รู้อยู่แล้วว่าจำเป็นต้องจับมือเป็นพันธมิตรกัน แต่เขาก็เลือกกันพอสมควรว่าน่าจะเป็นพันธมิตรกับใครดี ก็ปรากฏว่า ไทยสร้างไทย ก็ตัดสินใจว่ากับ สร้างอนาคตไทย ดีที่สุด เดิมทีมีพรรคชาติพัฒนากล้า ของคุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และ กรณ์ จาติกวณิช จะชวนพรรคสร้างอนาคตไทย ไปรวมด้วย แต่เขาตัดสินใจมาทางนี้

ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือว่า ทั้งสองพรรคนี้ แต่ละคนต้องบอกว่ามีดีกรีทางการเมืองค่อนข้างจะเก่าแก่ และที่สำคัญที่สุด สองพรรคนี้มีบุคลากรที่มีคุณภาพสูงมาก คือพูดง่ายๆ ว่า ถ้าดูพรรคการเมืองทุกพรรคแล้ว ผมคิดว่าสองพรรคนี้ ในขณะนี้เขาตัดสินใจเป็นพันธมิตรกันอยู่ แต่ยังไม่รวมตัวกัน เพราะว่ารวมไม่ได้ เดี๋ยวโดน กกต. เล่นงาน แต่สักพักผมเชื่อว่าเขาต้องรวมกันแน่ เพราะถ้าเขาไปกันโดดๆ แล้วเขาจะลำบาก แต่ถ้าเขารวมพลังกันแล้ว จุดแข็งของพรรคไทยสร้างไทย ก็มี คุณสุดารัตน์ ก็ยังพอขายได้ในทางภาคอีสาน คงจะไม่ใช่ส่วนใหญ่ แต่หลายจุดที่ยังเอาคุณสุดารัตน์อยู่ หรือแม้กระทั่งที่เชียงราย ก็มีโอกาสที่จะได้คะแนนเสียงสูงพอสมควร ส่วนพรรคสร้างอนาคตไทย ก็มีจุดแข็ง คือทั้งสองพรรคนี้มีจุดแข็งที่สำคัญมาก ก็คือ บุคลากรของเขาค่อนข้างจะมีคุณภาพสูง ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ถ้าจะถามว่าจะชูใครเป็นนายกฯ จริงๆ แล้วเขาแทบจะไม่ต้องมาคุยตอนนี้เลย รอวันสุดท้ายค่อยคุยก็ได้ เพราะว่าสองพรรคนี้ ถ้าสมมุติว่าร่วมกันได้แล้ว บุคลากรที่มีคุณภาพ ที่สามารถจะเป็นนายกฯ ได้ เสนอได้ตั้งเกิน 3 คน คุณหญิงสุดารัตน์ก็เป็นได้ ดร.สมคิด ก็เป็นได้ อาจารย์อุตตม ก็เป็นได้ แม้กระทั่งคุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ก็เป็นได้เช่นกัน ว่าค่อยว่ากันต่อไป และนี่คือจุดเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด


เรื่องสองพรรคนี้มารวมกันแล้วใครจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ นั้น ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แต่การร่วมมือของสองพรรคนี้จะเป็นประโยชน์กับประชาชน เพราะว่ามีบุคลากรที่มีคุณภาพสูง

อีกเรื่องหนึ่งที่ผมไม่พูดไม่ได้ ท่านผู้ชมครับ คือผมติดตามความเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทยมานานแล้ว ข้อแรก พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคหนึ่งซึ่งมีความโดดเด่นกว่าพรรคการเมืองทุกพรรคในขณะนี้ อาจจะโดดเด่นเหนือกว่าพรรคไทยสร้างไทย หรือสร้างอนาคตไทย เพราะว่าสองพรรคนี้ยังไม่เกิด ตอนนั้นที่คุณอนุทินทำงานอยู่


ภูมิใจไทย มีข้อดีอย่างหนึ่ง ท่านผู้ชมที่คิดว่าผมอวยภูมิใจไทย ก็ฟังสักนิดหนึ่งเถอะครับ ผมพูดด้วยเหตุด้วยผล และด้วยหลักฐานข้อเท็จจริง และเอาธรรมนำหน้า ภูมิใจไทย เป็นพรรคเดียวในประเทศไทยที่พูดอะไรแล้วเขาทำตามที่เขาพูดหมด ทุกเรื่อง ไปเช็กดูได้ อย่างเรื่องกัญชานี่พิสูจน์ชัดเจน หลายเรื่อง หลายต่อหลายเรื่อง กระทรวงสาธารณสุข ถึงแม้ว่าคุณอนุทินจะค่อนข้างเฟเวอร์ยาฟาวิพิราเวียร์มากไปหน่อย มากกว่าฟ้าทะลายโจร แต่ในที่สุดแล้ว นโยบายของกระทรวงสาธารณสุขดีๆ มีเยอะมาก ซึ่งออกมาจากคุณอนุทิน ไม่ว่าจะเป็นการฟอกไตฟรี ซึ่งหาได้ยากมาก นี่เป็นการผ่อนภาระหนักของประชาชน แล้วก็ได้เพิ่มสิทธิในการรักษาจากบัตรทองอีกมากมาย อีกหลายประการ


ที่ผมชอบคำพูดคุณอนุทิน คือว่า คุณอนุทินเคยมีข่าวว่าจะมาร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ ชู พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ก็บอกว่าจะอยู่แค่สองปีตามรัฐธรรมนูญ และอีกสองปีจะผ่องถ่ายให้คุณอนุทิน อาทิตย์ที่แล้วคุณอนุทิน ออกมาแถลงชัดเจนว่า ขอคว่ำสูตร "นายกฯ คนละครึ่ง" คุณอนุทิน บอกว่า ข่าวที่บอกว่าจะแบ่งกันคนละครึ่ง ท่านนายกฯ ประยุทธ์ สองปี และผมอีกสองปี ไม่รู้ว่าตรงนี้ข่าวมาจากไหน คุณอนุทินพูดชัดเจนว่า ตำแหน่งแบบนี้มีทายาททางการเมืองด้วยเหรอ และผมไม่ขอเป็นทายาทใคร จะเป็นอะไรก็ทำด้วยตัวเอง ที่สำคัญ เราไม่ได้เลือกหรือแต่งตั้งตัวเอง กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ต้องผ่านไม่รู้กี่ด่าน โดยเฉพาะความต้องการของประชาชน ดังนั้น สิ่งที่ดูแล้วไม่เกี่ยวข้องกับทางเดินของเรา เราไม่ได้คิด


ด้วยเหตุนี้ การเมืองในขณะนี้ นี่คือล่าสุดที่เห็น แล้วก็รอให้มันชัดเจนมากกว่านี้อีก เพราะว่าวันจันทร์ที่ 9 มกราคมนี้ ได้ข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะประกาศตัวชัดเจนแล้ว ท่านจะอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ค่อยเริ่มจากตรงนั้น แล้วค่อยมาวิเคราะห์กันใหม่ เพราะว่าหลังจากท่านนายกฯ ประกาศตัวเองว่ายืนอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว แล้วพรรคพลังประชารัฐมีการประชุมใหญ่ ดูเลือดที่ไหลออกมา แล้วดูพรรคหลักๆ อย่างเช่น พรรคประชาธิปัยต์ พรรคเพื่อไทยไม่ต้องดูอะไรหรอกครับ เพราะว่าเขาก็มีเลือดไหลของเขาอยู่แล้ว แต่เขายังมั่นใจว่าเขามีแลนด์สไลด์ พอถึงวันนั้นภาพมันจะชัดมากขึ้น แล้วผมค่อยมาวิเคราะห์ทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมาให้ท่านผู้ชมฟัง โดยที่ไม่ต้องอ้อมค้อมเลย อะไรใช่ ก็ใช่ อะไรที่ไม่ใช่ ผมจะบอกว่าไม่ใช่

ท่านผู้ชมครับ วันที่เรือรบหลวงสุโขทัยอับปางลงจมทะเล วันที่ 18 ธันวาคม 2565 มาจนถึงวันนี้ก็เกือบเดือนแล้ว ขณะนี้ปรากฏว่ายังมีกำลังพลที่สูญหายอีก 5 ราย โดยยอดวันที่ 2 มกราคม สรุปได้ว่า ยอดกำลังพล 105 นาย รอดชีวิต 76 นาย เสียชีวิต 23 นาย

พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล
พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ตอบกระทู้ถามสดแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อคุณณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส. กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล โดยระบุว่า เรือรบหลวงสุโขทัยก็ได้เข้ารับการซ่อมบำรุงในปี 2551-2563 โดยระบุว่า งบซ่อมบำรุง กองทัพเรือได้รับโดยเฉพาะกับการซ่อมบำรุงเรือ เฉลี่ยปีละ 1,300 ล้านบาท ปี 2566 ปีนี้ กองทัพเรือได้รับจัดสรรงบประมาณ 1,800 ล้านบาท สำหรับเรือที่มีอายุการใช้งานเรือเฉลี่ยส่วนใหญ่เกิน 30 ปีขึ้นไป ส่วนอายุเรือรบหลักๆ อยู่ที่ 40 ปี

ท่านผู้ชมครับ ถ้าเราสืบย้อนหลังไป ระหว่างปี 2561-2565 ถึงงบซ่อมเรือรบหลวงสุโขทัย กองทัพเรือ ตั้งแต่ยุคผู้บัญชาการทหารเรือลำดับที่ 39-42 (ผบ.ทร. คนปัจจุบัน) ซึ่งคนที่ 39 คือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ คนที่ 40 พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน คนที่ 41 พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย และคนสุดท้าย ปัจจุบันคือ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์

จากการสืบค้นข้อมูลของพวกผม พบว่าเรือหลวงสุโขทัยได้รับงบซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ ปี 2561-2563 และส่งมอบเรือคืนให้กองทัพเรือปี 2564 ก็ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2561 ในส่วนของเรือรบหลวงสุโขทัยมีการจ้างบริษัท 3288 เอ็นจิเนียริ่ง เข้าซ่อมแซมตัวเรือไปแล้ว ในปี 2561 มูลค่า 7,998,99 บาท ซื้ออะไหล่เครื่องผลิตน้ำจืด ตราอักษร VILLAGE MARINE โดยใช้วิธีเฉพาะเจาะจง ก็คือไม่ต้องมีการประมูล จากบริษัท วชิรธร จำกัด อีก 9 แสนบาท จัดซื้ออะไหล่เครื่องแยกน้ำท้องเรือ ตราอักษร Turbolo ด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง คือไม่ต้องประมูล จากบริษัท วชิรธร จำกัด อีก 890,000 บาท รวมมูลค่า 3 รายการ 9,796,433 บาท


ส่วนงบประมาณปีต่อๆ ไปที่เกี่ยวกับการซ่อมบำรุงเรือหลวงสุโขทัยนั้น ไม่ได้มีการเปิดเผยอย่างละเอียดแต่ประการใด การซ่อมเรือหลวงสุโขทัย ซึ่งอายุการใช้งาน 36 ปี ได้รับการซ่อมบำรุงและจัดซื้ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ช่วงระยะเวลาดังกล่าว กองทัพเรืออยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ อดีตผู้บังคับบัญชาทหารเรือ เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) เป็นอดีตสมาชิกสภา สนช. แล้วหลังจากนั้นก็ส่งตำแหน่งต่อให้กับ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ในเดือนตุลาคม จนถึงกันยายน 2563

ท่านผู้ชมครับ จุดสำคัญเริ่มต้นจากปีงบประมาณ 2561 เอกสารระบุถึงอุปกรณ์ที่คาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เรือล่มจากสาเหตุการอับปาง เนื่องจากน้ำรั่วไหลเข้าไปในบริเวณหัวเรือ จนถึงเครื่องปั่นไฟไม่ทำงาน นำมาสู่การสละเรือในที่สุด ในครั้งนี้อาจพบได้ว่าเกี่ยวโยงกับการจัดซื้อจัดจ้าง 4-5 เรื่อง

อันแรกคือ เรือรบหลวงสุโขทัยจะจัดซื้อจัดจ้างระบบควบคุมเครื่องไฟฟ้า ตราอักษร MTU จำนวน 11 รายการ มูลค่า 1 ล้าน 9 แสนบาท อันที่สอง จัดซื้อระบบควบคุมเครื่องจักรใหญ่ ตราอักษร MTU 7 รายการ 3 ล้าน 9 แสนบาท อันดับที่สาม เรือหลวงสุโขทัยจัดซื้ออะไหล่เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 3 แสน 4 หมื่นบาท อันดับที่สี่ เรือหลวงสุโขทัยจัดจ้างซ่อมทำตัวเรือและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ราคา 8 ล้านบาท


เมื่อพลิกไปดูแผนงานจัดซื้อจัดจ้างในปีงบประมาณ 2565 เรือรบหลวงสุโขทัยยังได้จัดซื้ออะไหล่ซ่อมทำเครื่องขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า จำนวน 2 ล้าน 2 แสน 9 หมื่นบาท จัดซื้อ COUPLING ตราอักษร VULKAAN รุ่น EZ135 ของเครื่องขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ประมาณ 5 แสนกว่าบาท


ท่านผู้ชมครับ ประเด็นอยู่ที่ไหน ? ประเด็นอยู่ที่ว่า หากการซ่อมบำรุงและการจัดหาซื้ออะไหล่ที่กล่าวมามีเพียงเท่านี้ แสดงว่าเรือรบหลวงสุโขทัยขาดงบประมาณในการซ่อมบำรุง ใช่หรือเปล่า ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานการวิเคราะห์งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า งบประมาณกองทัพเรือลดลง ทั้งที่เป็นที่น่าสังเกตว่างบกองทัพเรือเริ่มถูกปรับงบลดลง ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา แล้วก็เป็นปีที่เรือหลวงสุโขทัยกำลังอยู่ระหว่างการซ่อมบำรุง ก่อนจะส่งคืนให้ในปี 2564


ต้นปี 2565 พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือคนที่แล้ว เคยพูดชัดเจนว่า เรือและอากาศยานของกองทัพเรือจำนวนมากไม่ได้รับการซ่อมบำรุงตามวงรอบ จนส่งต่อความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจ ดังนั้น ในปี 2566 กองทัพเรือจึงของบประมาณในการซื้ออาวุธน้อย แต่เน้นไปที่การซ่อมบำรุงเรือมากกว่า ท่าบอกว่าเราเสนอไปแล้วถูกตีตก รวม 3 ปี งบทหารเรือถูกตัดไปแล้ว 8 พันล้าน ฟรีๆ โดยปีแรกและปีที่สอง ปีละ 3 พันล้าน และปีที่สาม ประมาณ 900 ล้าน ทำให้งบประมาณของทหารเรือลดลงไปเรื่อยๆ กระทบต่อแผนพัฒนากองทัพ ท่าน พล.ร.อ.สมประสงค์ กล่าวไว้เมื่อ 6 มกราคม 2565 ปีที่แล้ว

ท่านผู้ชมครับ แม้ว่ากองทัพเรือจะถูกปรับลดงบประมาณในการดูแลกองเรือรบช่วงปี 2563-2565 งบประมาณลดลง 589 ล้านบาท งบลงทุนลดลง 507 ล้านบาท งบรายจ่ายอื่นๆ อีก 566 ล้านบาท แต่ดันกลับมีการปรับเพิ่มงบบุคลากรในช่วงเวลาเดียวกันถึง 536 ล้านบาท ภายใน 3 ปี (2563-2565) งบประมาณกองทัพเรือลดลง 1,129 ล้านบาท คำถามที่สังคมกำลังสนใจ คือ การปรับลดงบประมาณจำนวนหลักพันล้าน ใช้เวลาเพียง 3 ปี ทำให้ขาดงบประมาณซ่อมบำรุงเรือรบหลวงสุโขทัยหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองทัพเรือจัดสรรงบประมาณจำนวนมากเพื่อซื้อเรือดำน้ำ และยุทโธปกรณ์อื่นๆ จนต้องลดงบประมาณในส่วนอื่นๆ ถึงการซ่อมบำรุงกองทัพเรือยังเดินหน้ายุทธศาสตร์การป้องกันทางทะเล ด้วยแผนจัดซื้อที่ผูกพันกับโครงการซื้อเรือดำน้ำ 3 ลำ 36,000 ล้านบาท


ในช่วงนั้นยังมีการลงสัญญาต่อเรือยกพลอู่ลอย เรือรบหลวงช้าง ที่เป็นเรือพี่เลี้ยงให้กับเรือดำน้ำ จากจีน 1 ลำ 6,100 ล้านบาท สร้างอู่ต่อเรือและท่าเทียบเรือดำน้ำระยะกับการจัดซื้อจัดจ้างและเอกสารงบประมาณที่ยังไม่ถูกเปิดเผย คือหนึ่งในสาเหตุทำให้เรือรบหลวงสุโขทัยต้องจมลงหรือเปล่า ? ใช่หรือเปล่า ไม่ทราบ

อีกประเด็นหนึ่ง ท่านโฆษกกองทัพเรือได้บอกว่า ถ้าหากเรือแข็งแรงจริง ทำไมวันที่ออกปฏิบัติภารกิจของเรือรบหลวงสุโขทัย ในวันที่ 17 ธันวาคม นี่คือข้อสงสัยที่ประชาชนถามมานะครับ จึงไม่มีต้นกล หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Chief Engineer ของเรือรบหลวงสุโขทัยขึ้นเรือออกปฏิบัติภารกิจด้วย เป็นสาเหตุหนึ่งหรือไม่ที่เรือหลวงสุโขทัยต้องอับปาง เพราะเมื่อน้ำทะเลรั่วไหลเข้าไปในห้องเครื่อง จนเครื่องปั่นไฟไม่ทำงาน ไม่มีต้นกลเป็นหัวหน้าทำหน้าที่ควบคุมความเสียหาย จนกระทั่งนำมาสู่การตัดสินใจเพื่อสละเรือหลวง

พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ
ประเด็นนี้ พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ท่านผู้ชมจำชื่อคนๆ นี้เอาไว้ให้ดีๆ นะครับ คนๆ นี้คือพระเอกของเรื่องที่ผมจะพูดในวันนี้ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 แถลงวันที่ 31 ธันวาคม ยอมรับว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่มีต้นกลไปกับเรือด้วย โดยจะต้องถูกสอบสวน เข้ากระบวนการสอบสวน โดยที่ท่านผู้บังคับการเรือ นาวาโท พิชิตชัย เถื่อนนาดี จะต้องมาชี้แจงคำถามนี้


ท่านผู้ชมครับ จากข้อมูลข้างต้นที่ผมเล่าให้ฟัง น่าจะทำให้พวกเราพอจะสรุปได้ว่า กองทัพเรือรู้มาตั้งแต่แรกว่าเรือหลวงสุโขทัยกำลังมีปัญหาที่ตัวเรือ และระบบการปั่นไฟ จึงมีการนำเรือหลวงสุโขทัยทำ Overhaul หรือส่งเข้าซ่อมแซมขนานใหญ่ โดยใช้งบประมาณการซ่อมไปมากกว่า 1,300 ล้านบาท แต่ผลที่ออกมาคือเรือไม่พร้อมใช้งานจริง ก็เลยต้องตั้งคำถามต่อไปว่า การซ่อมแซมที่ผ่านมามีประสิทธิภาพจริงหรือเปล่า ? หรืองบประมาณ 100 บาทในการซ่อม ซ่อมจริง 40 บาท อีก 60 บาท เข้ากระเป๋าผู้หลักผู้ใหญ่ในกองทัพเรือ และอุปกรณ์บนเรือมีคุณภาพจริงหรือเปล่า ? เหตุใดเมื่อเรือออกไปจึงไม่มีต้นกล หรือ Chief Engineer ไปด้วย ? เพราะการไม่เตรียมพร้อม หรือการไม่ประมาท หรือการลุแก่อำนาจของใคร ?

ทั้งหมดนี้ นาวาโท พิชิตชัย เถื่อนนาดี ผู้บังคับการเรือหลวงสุโขทัย และที่สำคัญที่สุด คือ พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 มีส่วนต้องรับผิดชอบอย่างไรบ้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น

นาวาโท พิชิตชัย เถื่อนนาดี - พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล
ทั้งหมดนี้ กองทัพเรือ และกองทัพไทย จำเป็นต้องสร้างความกระจ่างให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนชาวไทยทั้งมวล เพราะเหตุใดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่จากเรือหลวงสุโขทัยล่มคร่าชีวิตคนจำนวนมาก นับว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ สูญเสียทั้งชีวิต สูญเสียทั้งเรือ มูลค่าหลายพันล้าน ที่สำคัญคือส่งผลถึงความมั่นคงทางกายภาพและสั่นคลอนความเชื่อมั่นต่อศักยภาพในการป้องกันประเทศในภาพรวมอย่างใหญ่หลวง

ท่านผู้ชมครับ ที่สำคัญไปกว่านั้น เราทราบมาว่า เมื่อเรือสุโขทัยไปไม่รอดแล้ว จะขอเทียบฝั่งที่ท่าเรือที่ประจวบฯ แต่ถูกผู้ใหญ่สั่งไม่ให้เทียบ ให้มุ่งตรงไปที่ชุมพรเลย ผมจะถามว่าผู้ใหญ่ท่านนี้คือท่าน พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล หรือเปล่าครับ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ซึ่งดูแลภาคนั้น จนวันนี้ทหารเรือก็ยังพิการทางเสียง คือเป็นใบ้ ไม่กล้าพูดออกมาว่าใครเป็นคนสั่งเรือลำนี้ซึ่งยังไม่พร้อม และทำท่าจะจม ซึ่งขอร้องที่จะจอดเทียบท่าที่ประจวบฯ บางสะพาน แต่โดนสั่งอย่างเด็ดขาดไม่ให้เข้า แล้วให้มุ่งตรงไปที่ชุมพรเลย อ้าย/อีตัวไหนที่เป็นคนสั่งแบบนี้ ?


ท่านผู้ชมครับ ข้อมูลนี่ชัดเจนเลย ปฏิเสธไม่ได้ มีคนร้องเรียนมาตลอดว่ามีการสั่งคำสั่งแบบนี้ออกมา

ท่านผู้ชมครับ มันมีเหตุการณ์หนึ่ง ผมจะเล่าให้ฟัง วันฌาปนกิจศพที่จังหวัดระยอง เปิดให้ทางญาติของกำลังพลมารดน้ำศพนั้น มีญาติกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยคนหนึ่ง ขณะต่อแถวทำพิธีรดน้ำศพ ได้ตะโกนว่า "สดุดีทหารกล้า ทำดีที่สุดแล้ว คนบนเรือคือผู้บริสุทธิ์ ฆาตกรคือผู้ตัดสินใจ" นัยแปลว่าออกมาว่า คนบนเรือบริสุทธิ์ ไม่รู้เรื่อง แต่คนที่ทำให้เรือจม ทำให้คนตาย คือคนที่ตัดสินใจไม่ให้เอาเรือเทียบท่าบางสะพาน และบังคับสั่ง ตามคำสั่งทหาร ให้มุ่งตรงไปที่ชุมพร

ผมบอกไปแล้วเมื่อ EP. ที่แล้ว ตอนที่แล้ว ผมร้องเพลง "หะเบสสมอ พลัน ออกสันดอนไป" ให้ฟัง และผมจบเพลงนี้ด้วยคำพูดของผม ซึ่งผมยังจำได้แม่นเลย ว่าพ่อแม่พี่น้องที่มีลูกหลานที่ตายบนเรือรบหลวงสุโขทัย ขอให้รู้ว่า พวกท่าน ลูกหลานท่าน ไม่ได้ตายไปเพราะว่าออกไปรบ ปกป้องประเทศไทย ถึงเรือจะจมในน้ำ ธงทุกเสาก็จะไม่ชักลงมา แต่พวกลูกน้อง ญาติพี่น้อง ลูกหลานท่าน ตายเพราะคำสั่งโง่ๆ ของผู้ใหญ่กองทัพเรือ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นใคร ผมอยากถามถึง พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ว่าท่านพอจะรู้ไหมว่าไอ้โง่บัดซบตัวไหนที่เป็นคนสั่งแบบนี้ ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาในภาคนั้น ช่วยตอบผมหน่อยได้ไหม

ท่านผู้ชมครับ อีกล่ะ ผมไม่อยากจะพูด เดี๋ยวจะหาว่าผมมีเรื่องมีราวอะไรก็ไปโทษท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ว่าผมไม่พูดไม่ได้ เพราะว่าท่านดันเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากคำกล่าวในงานศพของญาติผู้เสียชีวิตว่า "สดุดีทหารกล้า ทำดีที่สุดแล้ว คนบนเรือคือผู้บริสุทธิ์ ฆาตกรคือผู้ตัดสินใจ"


สามปีครึ่งที่ผ่านมา ที่ท่านนายกฯ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คาบเกี่ยว ครอบคลุมกับกรณีการซ่อมบำรุงเรือรบหลวงสุโขทัยที่เกิดขึ้น 2561-2563 เมื่อเกิดเหตุเรือรบหลวงสุโขทัยอับปางช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ท่านไม่เคยมีนโยบายเรื่องนี้ที่ชัดเจน ปล่อยให้กองทัพเรือตั้งคณะกรรมการเอง สอบสวนเอง ออกข้อสอบเอง สอบเอง ซึ่งสุดท้ายแล้ว คนที่ต้องรับผิดชอบยศนายพลบางคน ก็จะต้องหลุดจากคดีนี้ไป ปล่อยให้ทหารเรือทำเองเลย ตามสบาย ไม่มีการย้ายผู้บัญชาการทหารเรือ ไม่มีการย้ายผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เข้ามาประจำสำนักนายกฯ เพื่อให้มีการตรวจสอบ ไม่มี แต่ทีกรณีอธิบดีกรมอุทยานฯ นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ซึ่งเป็นน้องชาย พล.อ.ยุวนัฏ สุริยกุล ณ อยุธยา เพื่อนสนิทของท่าน พอเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ไปจับกุมเงินสินบน 5 ล้านบาท 27 ธันวาคม ถัดมาวันเดียวท่านกลับเซ็นคำสั่งให้นายรัชฎา เข้าช่วยราชการสำนักนายกฯ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการสอบสวน อ้าว แล้วทหารเรือล่ะ ทำไมท่านไม่ย้ายคนที่เป็นผู้บังคับบัญชาออกมา ว่าเป็นคนสั่งการโง่ๆ หรือเปล่า ให้คณะกรรมการ และต้องเป็นคณะกรรมการอิสระ ไม่ควรมาจากคณะกรรมการของทหารเรือ เพราะทหารย่อมช่วยทหารด้วยกัน และทหารย่อมรับฟังคำสั่ง ถ้านายบอกว่าต้องสอบมาแบบนี้นะ ผลสอบก็จะออกมาแบบนี้ ท่านผู้ชมเชื่อผมหรือเปล่า

ผมก็เลยมีคำถามว่า ทำไมกรณีเรือรบหลวงสุโขทัยอับปาง ไม่ทำอย่างเดียวกับกรณีที่ย้ายอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ท่านปล่อยให้กองทัพเรือ โดยเฉพาะผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 แถลงข่าว แล้วให้ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 จัดการสอบสวนเรื่องราวเอง ท่านผู้ชมฟังแล้วเศร้าไหม กับประเทศไทย ทั้งหมดนี้เมื่อเปรียบเทียบกัน ระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งโกงเงิน กับคำสั่งโง่ๆ ของผู้บังคับบัญชาทหารเรือที่ทำให้คนตาย 23 คน นี่มันสองมาตรฐานหรือเปล่า ท่านนายกฯ หรือว่าจะจบลงด้วยการทหารช่วยทหารด้วยกันเอง

นี่ไงท่านผู้ชม ยืนยันถึงความล้มเหลวของรัฐไทย Failed State อย่ามาเถียงผม ท่านที่เป็นติ่งท่านนายกฯ อย่ามาโกรธผม สิ่งที่ผมพูดนี้เป็นความจริง เป็นธรรม มีตรงไหนบ้างที่ผมพูดแล้วไม่ใช่ความจริง ช่วยบอกหน่อย


ท่านผู้ชมครับ ผมจะเล่าอะไรบางอย่างให้ฟัง เปรียบเทียบกันดู ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า 8 ปีกว่าที่แล้ว 15 เมษายน 2557 มันมีเรือเฟอร์รี ชื่อ เซวอล ออกเดินทางจากท่าเรืออินชอน มุ่งหน้าไปเกาะเซจู ผู้โดยสารทั้งหมด 476 คน มีนักเรียน 325 คน ของโรงเรียนมัธยมตันวอน ได้ร่วมทริปทัศนศึกษาในครั้งนั้น ถัดมา 16 เมษายน 2557 เรือเซวอลได้เกิดเหตุอับปาง ค่อยๆ จมลงในน้ำทะเล ทั้งนักเรียน ครู รวมทั้งลูกเรือหลายคนติดอยู่ในเรือ ไม่สามารถออกได้ ตายไป 304 ราย ครู 11 นักเรียน 250 ราย เป็นเหตุการณ์ความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง สะเทือนใจมาก เนื่องจากเหยื่อทั้งหมดเป็นเด็กทั้งนั้น เป็นเรื่องสะเทือนใจจริงๆ

ท่านผู้ชมรู้ไหม พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ทราบไหม ว่ามีคนๆ หนึ่ง ชื่อ นายคัง มิน-กยู อายุ 52 ปี รองผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมตันวอน นายคัง มิน-กยู เป็นหนึ่งผู้รอดชีวิตไม่กี่รายจากเหตุเรือเฟอร์รีข้ามฟากเซวอลอับปาง ยังมีนักเรียนโรงเรียนที่โดยสารในเรือดังกล่าวเสียชีวิต สูญหาย นายคัง มิน-กยู เสียใจมาก รู้สึกผิดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และครอบครัวของนักเรียนต่างระบายความโกรธแค้นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปที่เขา นายคัง มิน-กยู รอง ผอ.โรงเรียน ได้ทิ้งจดหมายลาตายไว้ในกระเป๋ากางเกง แล้วผูกคอตายหน้าโรงยิม จดหมายที่รองผู้อำนวยการเขียน บอกว่า การรอดชีวิตแค่คนเดียวเป็นเรื่องเจ็บปวดเกินไป ในขณะที่เด็กนักเรียนกว่าสองร้อยคนยังไม่เป็นที่รู้ชะตากรรม ผมต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อเรื่องนี้ เพราะเป็นคนผลักดันเรื่องการเดินทางไปทัศนศึกษาบนเกาะจินโด พร้อมระบุข้อความว่า ช่วยเผาศพผมและโปรยอัฐิบริเวณที่เรือเฟอร์รีจมด้วย เพราะมันอาจช่วยให้ผมได้เป็นครูของเด็กนักเรียนเหล่านี้อีกครั้งในชาติหน้า


เรือเฟอร์รีเซวอลอับปางครั้งนี้ถูกชี้ว่ามีสาเหตุมาจากการบรรทุกสินค้ามากเกินไป การออกแบบใหม่ไม่ได้รับการอนุญาต ผิดพลาดในการควบคุมเรือ ลูกเรือขาดทักษะในการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ศาลได้พิพากษาให้กัปตันเรือเซวอล ชื่อ ลี จุน-ซ็อก หนึ่งในกลุ่มคนแรกๆ ที่ออกจากเรือนี้ก่อน ในขณะที่ผู้โดยสารอีกหลายร้อยรายยังติดอยู่ภายใน ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ฐานประมาทและฆาตกรรม ลูกเรือหลายคนถูกตัดสินจำคุกตั้งแต่ 18 เดือน จนถึง 12 ปี


เรื่องนี้ Netflix ได้ทำภาพยนตร์ออกมา ชื่อ All of Us are Dead ภาพสะท้อนโศกนาฏกรรมเรือเซวอล และการไร้ประสิทธิภาพของทางการเกาหลีใต้

ท่านผู้ชมครับ รองผู้อำนวยโรงเรียนตันวอน บอกว่า เขารู้สึกผิดที่เขาเป็นคนสนับสนุนและยุยงให้มีการออกไปทัศนศึกษาครั้งนี้ แล้วคนที่อยู่ประเทศไทย เป็นนายพล ที่สั่งให้เรือไม่ให้จอดที่ท่าเรือบางสะพาน ให้มุ่งไปที่ชุมพรทั้งที่เขาบอกว่าเรือจะจมแล้ว ไปไม่ไหว พายุหนัก ใครกันแน่ ผมอยากรู้ว่าเป็นใคร ผมอยากรู้ว่าเป็นใคร ถ้าคุณรอดไปเพราะเขาช่วยชีวิตคุณ แล้วคุณจะมีความสุขไหม ญาติพี่น้องของ 23 คน ที่เขาตายเพราะคำสั่งโง่ๆ ของคุณ ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะเป็นพลเรืออะไรก็ตาม จะเป็นนายพลอย่างไรก็ตาม แต่ใครก็ตามที่ใช้คำสั่งโง่ๆ แบบนี้ เอาล่ะ ไม่ต้องถึงขั้นมาผูกคอตายหรอก เพราะว่าคุณขี้ขลาดตาขาวอยู่แล้ว เพราะลำพังข้อเท็จจริงแค่นี้คุณยังไม่กล้ารับเลยว่าคุณเป็นคนสั่ง แต่ผมอยากรู้ ท่านผู้ชม ว่าใครเป็นคนสั่ง แล้วท่านกองทัพเรือทั้งหลาย สบายใจได้จากนี้ไป ท่านนายพลทั้งหลาย และคนที่จะขึ้นเป็นนายพลทั้งหลาย ผมจะไม่มีวันละทิ้งเรื่องนี้ ผมจะกัด จะจิกตลอดไป จนกว่าลมหายใจในตัวผมจะหมดไป เพราะผมรับไม่ได้จริงๆ กับผู้ใหญ่แบบนี้

ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้ก็สิ้นสุดลงเพียงแค่นี้ ผมมีทีเด็ดจะเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง อาทิตย์หน้า ผมจะมีชุดใหญ่ไม่ใช่ไฟกระพริบนะ ชุดใหญ่ไฟไหม้บ้านเลย ท่านผู้ชมฟังแล้วอย่าช็อกนะ ผมขออุบความลับเอาไว้ก่อน อย่าช็อกนะครับ อาทิตย์หน้ารอฟังชุดใหญ่ไฟไหม้บ้าน สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น