xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : เรือหลวงล่ม ภาพสะท้อนรัฐล้มเหลว - - คำสารภาพของแองเกลา แมร์เคิล กับการทรยศหักหลัง “รัสเซีย”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 30 ธ.ค.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ ได้แก่

- เรือรบหลวงสุโขทัยล่ม เพาะคลื่นลมแรงแต่กระกระแสแรงกว่าคลื่นคือความล้มเหลวของกองทัพ ปี 2565 เป็นปีที่สะท้อนเละเทะของรัฐในทุกมิติ ประชาชนพึ่งพารัฐไม่ได้แลัวเราจะอยู่กันอย่างไร

- รู้จัก “เส้นทางสายไหมใหม่” อภิมหาโปรเจ็กต์ใหญ่สุดของมนุษยชาติ ซึ่งจะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลต่อการพัฒนาและขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจให้กับโลกยาวไปถึงศตวรรษหน้า

- “สงครามเย็น”แท้จริงแล้วไม่เคยสิ้นสุดลง และ “สงครามยูเครนที่เราเห็นกัน ณ วันนี้สหรัฐฯและนาโต้ ได้เตรียมการเอาไว้มานานหลายปีแล้ว” นี่คือหนึ่งในคำสารภาพของนางแองเกลา แมร์เคิล อดีตผู้นำเยอรมนี เกี่ยวกับสงครามในยูเครนซึ่งสื่อตะวันตกไม่ค่อยอยากจะพูดถึง"พวกเราชาติตะวันตกและนาโต้รวมทั้งอเมริกา ได้หักหลังรัสเซียในเรื่องยูเครน

- ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ กับความรู้เต็มๆ โดยเฉพาะเรื่องข่าวต่างประเทศ ที่รู้ลึกรู้จริง จากข้อมูลที่วิเคราะห์ตกผลึกมาแล้ว (ไม่ใช่แปลจากสื่อทางตะวันตกด้านเดียว) เรื่องราวแบบทะลุปรุโปร่งของสงครามรัสเซีย-ยูเครน เปิดฟังเมื่อไหร่ ได้ปัญญาทันที ไม่มีหมดอายุ

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.170



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 170 [30 ธ.ค. 2565] : เรือหลวงล่ม ภาพสะท้อนรัฐล้มเหลว

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม สวัสดีปีเก่าครับ วันนี้วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2565 พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของปี 2565 แล้ว รายการวันนี้เป็นรายการปิดท้ายปี 2565 ซึ่งจะมีอะไรหลายอย่างซึ่งผมคิดว่าท่านผู้ชมน่าจะชอบ แต่ก่อนอื่น ผมกราบขออนุญาตเถอะ ท่านผู้ชมหลายท่านบอกว่า ให้หยุดโฆษณาขายของได้แล้ว อยากจะฟัง ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่ผมนำมาขาย ผมไม่ได้ไปซี้ซั้วรับของคนอื่นขาย นี่เป็นของอาจารย์ปานเทพ และเป็นของที่มีคุณภาพ ถ้าท่านไม่อยากฟังระหว่างผมขายของ ท่านออกจากรายการไปก่อนก็ได้ สักพักแล้วท่านค่อยเข้ามาใหม่ แต่ท่านอย่ามาตำหนิว่า จัดรายการ พูดได้แล้ว เบื่อขายของ ผมเสียกำลังใจมาก กรุณาอย่าพูดอีก ถ้าท่านไม่พอใจที่ผมขายของไปด้วย และให้ความรู้ท่านไปด้วย ท่านอย่าเข้ามา รอให้ผมขายจบแล้วท่านค่อยเข้ามาครับ

ท่านผู้ชมครับ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ของขวัญปีใหม่ที่ดีที่สุด ผมพูดไปแล้วนะ ซื้อไปเพื่อแจกคนที่คุณรัก พ่อแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ผู้สูงอายุ เพราะว่าเป็นการมอบสุขภาพที่ดี เป็นยาอายุวัฒนะ ถ้าท่านผู้ชมจะสั่งเป็นของขวัญปีใหม่ ตอนนี้ยังทันอยู่ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" มีโปรโมชันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ จนถึง 31 มกราคม ซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" จำนวน 6 กล่องขึ้นไป จะได้เหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" จำนวน 1 เหรียญ พร้อมหนังสือบูชาครูอีก 1 เล่ม ถ้าซื้อยาลมฯ 9 กล่อง จะได้เหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" จำนวน 1 เหรียญ หนังสือบูชาครูอีก 1 เล่ม และยังแถมยาลมฯ ให้ฟรีอีก 1 กล่องด้วย แถมจนกว่าของจะหมดเท่านั้น ใครมาก่อนได้ก่อน ถ้าท่านผู้ชมสนใจ ขอให้ติดต่อสั่งซื้อโดยแอดไลน์ เพิ่มเพื่อนที่ @sunherb หรืออินบ็อกซ์ (inbox) ที่เพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"


ท่านผู้ชมครับ ผมคิดมาหนักเลยว่า ผมจะแนะนำให้ท่านผู้ชมซื้อสินค้าชิ้นนี้ดีไหม เพราะผมกลัวทำบาปกับท่านผู้ชม เพราะสินค้าชิ้นนี้ ผมลืมติดสติกเกอร์ไว้ว่า อันตราย! เพราะกินแล้วจะติด หยุดไม่ได้ หมดกล่องนี้ไปแล้วต้องหากล่องใหม่มาอีก นี่คือ หมูแท่งอบกรอบ มีขายที่ SUNPAN หมูแท่งอบกรอบนี้ ผมเอาหัวเป็นประกัน ท่านผู้ชมทานแล้วจะติดมาก นั่งดูทีวีวันหยุด หรือเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด ขับรถไป เอาไปสัก 4-5 กล่อง ให้คนในรถกินกัน กินแล้วติด แล้วเป็นหมูแท่งที่มีเนื้อหมูเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ที่อื่นเขาทำกันเขาผสมแป้ง แต่ที่นี่ไม่ใช่ เรามีวางขายแล้วที่ร้าน SUNPAN ที่ราบ 1 วิภาวดีฯ เป็นของขวัญวันปีใหม่ก็ได้ มีคนซื้อไปเป็นของขวัญวันปีใหม่กันเยอะเลย

นอกจากนั้น ที่ SUNPAN ก็ยังมีขนมปัง แยม สเปรดต่างๆ รวมทั้งน้ำ YUZU Soda ก็มีพร้อมจำหน่ายอยู่ตลอดที่หน้าร้าน ในปั๊ม ปตท. วิภาวดีฯ ตรงข้ามหอการค้า หรือเข้าไปสั่งออนไลน์ได้ผ่านทาง Grab อย่าลืมนะครับ ท่านผู้ชม ระวัง! ถ้าอดทนไม่ได้ อดอร่อยไม่ได้ ท่านอย่าสั่งซื้อ เพราะซื้อแล้วท่านจะติดใจ แต่ถ้าตัดสินใจซื้อแล้ว ซื้อไว้สัก 3-4 กล่อง ไม่ใช่ซื้อแค่กล่องเดียวมาลองก่อน แล้วท่านจะต้องขับรถกลับไปซื้ออีกทีหนึ่ง


อีกที่หนึ่งที่เราจะวางขาย ก็คือที่ร้าน "พอดีช้อป" สำหรับท่านผู้ชมที่ต้องการจะไปซื้อข้าวของที่ร้าน "พอดีช้อป" โดยเฉพาะอย่างยิ่ง FC พันธุ์แท้ของผม อันนี้ก็มีขายที่ "พอดีช้อป"

ท่านผู้ชมครับ ก่อนจะเข้ารายการ วันที่ 3 มกราคม ที่จะถึงนี้ ท่านผู้ชมรู้ไหม มันคืออะไร ? มันคือการรำลึกครบ 3 ปี การลอบสังหารนายพลกอเซ็ม สุไลมานี เทพสงครามแห่งทะเลทราย ถ้าท่านผู้ชมติดตามข่าวต่างประเทศมาตลอด โดยเฉพาะติดตามรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" มาตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อสามปีกว่าที่แล้ว ผมเล่าเบื้องลึกเบื้องหลังของเหตุการณ์สำคัญ และเหตุการณ์สำคัญมากเหตุการณ์หนึ่งก็คือ เหตุการณ์ลอบสังหารนายพลกอเซ็ม สุไลมานี กองบัญชาการกองกำลังคุดส์ (Quds) ซึ่งเป็นหน่วยหนึ่งของกองทัพพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามอิหร่าน มีหน้าที่รับผิดชอบหลักด้านการปฏิบัติการทางทหารและปฏิบัติการลับนอกประเทศ โดยนายพลกอเซ็ม สุไลมานี เสียชีวิตจากการโจมตีด้วยโดรนในอิรัก โดยการร่วมมือของหน่วยสืบราชการลับอิสราเอล และสหรัฐอเมริกา (CIA) ระหว่างที่ได้รับเชิญมาปฏิบัติภารกิจทางทหาร เพื่อมาเจรจาหาสันติภาพในอิรัก โดยเขาเชิญมา อเมริกา กับอิสราเอล หาเรื่อง ส่งโดรนเข้าไปลอบสังหารโดยที่เขาไม่ทันได้ระวังตัว


ท่านผู้ชมครับ รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" วันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2563 ตอนนั้นมีคนเข้ามาชมจำนวนมาก หลายล้านคน ผมเคยกล่าวเตือนไว้แล้วว่า การลอบสังหารนายพลกอเซ็ม สุไลมานี จะเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้


นายพลกอเซ็ม สุไลมานี ตั้งแต่เริ่มการปฏิวัติอิสลาม เข้าสู่กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน เขาร่วมรบสมัยสงครามอิรัก-อิหร่าน มีความเข้มแข็ง มีความชำนาญรอบด้าน มีฉายาว่า "เทพสงครามแห่งทะเลทราย" หลังจากนั้นแล้ว ท่านได้รับการแต่งตั้งจากอิหม่ามโคมัยนี ให้เป็นผู้นำกองทัพคุดส์ ซึ่งกองทัพคุดส์ เป็นกองพลพิเศษที่ได้รับการสถาปนาโดยอิหม่ามโคมัยนี เป็นหน่วยพิเศษที่จะปลดปล่อยมุสลิมทั่วโลก กองพลที่เน้นการปฏิบัติการนอกประเทศ เช่น ปลดปล่อยเลบานอน ช่วยเหลือเลบานอน ช่วยเหลือปาเลสไตน์ ช่วยเหลือพี่น้องในเยเมน และในประเทศหลักๆ ที่มุสลิมมีปัญหา คือภารกิจของนายพลคนนี้ที่มีงานหลักๆ คือ เป็นกองกำลังที่ปฏิบัติการในต่างประเทศ และดูแลภายในประเทศด้วย

เพราะฉะนั้นแล้ว การเสียชีวิตของนายพลกอเซ็ม สุไลมานี เป็นอันตรายและเป็นสัญญาณร้ายของทางโลกตะวันตก เพราะว่าประเทศอิหร่านได้ชักธงแดงขึ้นมาแล้ว "ชักธงแดง" ก็คือ ธงนี้จะไม่มีวันลดลงหากยังไม่ได้มีการแก้แค้นให้กับนายพลกอเซ็ม สุไลมานี และวันนี้เราได้ประจักษ์แล้วว่า "ชะฮีดสุไลมานี" คือการเสียสละชีวิตของนายพลสุไลมานีนั้น เป็นอันตรายต่ออเมริกาเสียยิ่งกว่านายพลสุไลมานีมีชีวิตอยู่เสียด้วยซ้ำ


ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้มีเรื่องราวไม่เยอะ แต่ผมคิดว่าเป็นเรื่องราวที่ท่านผู้ชมจะได้ความรู้อย่างเต็มอิ่ม เรื่องแรกที่เราจะพูด คือเราจะย้อนรอยมองปี 2565 ผมตั้งปุจฉาว่า "เมืองไทยคือรัฐที่ล้มเหลวหรือเปล่า ?" เดี๋ยวเราจะมาวิสัชนากัน ท่านผู้ชมฟังข้อมูล ฟังเหตุผล แล้วท่านเห็นด้วยกับผม หรือไม่เห็นด้วยกับผมว่า ประเทศไทย 2565 ที่ผ่านมา เป็นรัฐที่ล้มเหลว

เรื่องที่สอง วันนี้เป็นวันที่เอาข้อมูลลึกที่สุด เอาที่มาที่ไปของสงครามยูเครน ว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เพราะทุกวันนี้เราอ่านข่าวสงครามรัสเซียกับยูเครนนั้น เราอ่านข่าวบนพื้นฐานของเรียลไทม์ (real time) คือเวลาปัจจุบัน มีทิ้งระเบิดที่กรุงเคียฟ รัสเซียถล่มขีปนาวุธใส่ยูเครนทั้งประเทศ ยูเครนส่งโดรนเข้าไปในพื้นที่ของรัสเซีย ฯลฯ ทั้งหมดนี้มันเป็นเพียงแค่ผลต้นไม้ต้นหนึ่ง แต่เหตุที่มันเกิดขึ้น ทำไมรัสเซียถึงต้องบุกยูเครน พวกเราหลายคนไม่ได้รับทราบและไม่รู้จริงๆ ว่าที่มาที่ไป ทำไมอยู่ดีๆ ประเทศรัสเซียถึงบ้าระห่ำยกกองพล กองทัพ กองทัพอากาศ เข้าไปยึดยูเครน แล้วก็โจมตียูเครน รบกันมาจะปีหนึ่งแล้ว 24 กุมภาพันธ์ ปีหน้า ก็จะครบหนึ่งปี ยูเครนเหมือนประเทศร้างไปเรียบร้อยแล้ว เซเลนสกี ก็เที่ยวเร่ขอทานไปทั่วโลก ซึ่งท่านผู้ชมได้ฟังเรื่องราวที่มาที่ไป ท่านผู้ชมจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า อ๋อ ... เรื่องมันเป็นอย่างนี้เอง มันไม่ใช่ความบ้าระห่ำของรัสเซีย แต่มันเป็นเรื่องที่รัสเซียได้เตือนแล้วเตือนอีก และทางนาโต และทางตะวันตก ก็หักหลังรัสเซียมาตลอด แล้วทั้งหมดนี้ ท่านผู้ชมรู้ไหม นางอังเกลา แมร์เคิล เพิ่งให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ในเยอรมนี ก่อนผมออกรายการนี้แค่อาทิตย์เดียว อังเกลา แมร์เคิล พูดชัดเจนว่า รัสเซีย พวกเรา และนาโต ตะวันตก รวมทั้งอเมริกา ได้หักหลังรัสเซียในเรื่องของยูเครน หักหลังอย่างไรเดี๋ยวมาฟังที่ผมพูด

เรื่องที่สาม คือเรื่องมีคอมเมนต์ที่ท่านผู้ชมบางท่าน กรณีที่หลานสาวผม ซาโตมิ กิโนซ่า กลับมาเยี่ยมคุณลุงในช่วงปีใหม่ เป็นคอมเมนต์ซึ่งผมคิดว่าท่านมีสิทธิ์ในการคอมเมนต์ แต่ว่าก่อนที่ท่านจะคอมเมนต์ ท่านนึกถึงเหตุผลและตรรกะนิดหนึ่ง ท่านถึงจะคอมเมนต์ได้ แสดงว่าท่านคอมเมนต์ตามอารมณ์ของท่าน เพราะท่านเห็นว่าผมไม่ชอบอเมริกา และผมเชียร์จีน ก็เลยเอาหลานสาวของผมมาเป็นเหยื่อในการคอมเมนต์ของท่าน

และผมจะต่อเรื่องที่สี่ คือเรื่องวิเคราะห์แนวโน้มที่ประเทศจีนลดความสัมพันธ์ของอเมริกา ผมกำลังบอกท่านผู้ชม ถ้าท่านผู้ชมฟังให้ดีๆ อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์การเช็กบิลว่า เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ที่มาที่ไป มาอย่างไร ผมจะเล่าเหตุตั้งแต่ต้น เนื่องจากมีเหตุดังกล่าว มันถึงมีเหตุตามมา แล้วในที่สุดก็เป็นผลอย่างที่วันนี้เกิดขึ้น ภาษาพุทธ ภาษาธรรม เขาเรียกว่า "อิทัปปัจจยตา" หรือ "ปฏิจจสมุปบาท"

และสุดท้าย โยงกับข้อที่สี่ คือนัยของเส้นทางสายไหมใหม่ กับศตวรรษของจีน ทำไมผมต้องพูดเรื่องนี้ ? เพราะว่าท่านผู้ชมคงรู้จัก "ทางสายไหมใหม่" 1 แถบ 1 เส้นทาง ของจีน แต่ยังไม่เคยมีใครวิเคราะห์ เอาเส้นทางมาให้ดู แล้วฟันธงลงไป ซึ่งผมจะฟันธงให้ดูว่าจากเส้นทางสายไหมใหม่นี้ ซึ่ง 70-80 ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ทำเสร็จแลฃ้ว และกำลังจะกอบโกยผลประโยชน์กลับม เส้นทางนี้ตัดขาดอเมริกา และอียูส่วนใหญ่ออกไปจากเส้นทางนี้เลย ก็คือพูดง่ายๆ ว่า เส้นทางสายไหมใหม่เป็นเส้นทางของกลุ่มระเบียบโลกใหม่ ซึ่งไม่ต้องการที่จะให้อเมริกาเป็นผู้นำ แล้วก็พร้อมที่จะตัดความสัมพันธ์ในเรื่องการค้าการขาย เพราะเส้นทางสายไหมใหม่ผ่านหมดทุกจุด แต่ไม่ผ่านอเมริกา ผ่านเฉพาะอเมริกาใต้ ไม่สนใจอเมริกาเลยแม้แต่นิดเดียว หรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือการโดดเดี่ยวอเมริกานั่นเอง

ท่านผู้ชมเคยมองย้อนหลังไปไหม พวกเราอาจจะถูกดึงดูดจากเหตุการณ์ประจำวันมาจนกระทั่งเราไม่สนใจว่าอะไรมันเกิดขึ้นนบ้าง พอมีเรื่องใหม่ๆ เข้ามาปั๊บ เราก็ให้ความสนใจกับเรื่องใหม่ แล้วก็ทิ้งเรื่องเก่าไปเลย


วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องปี 2565 ที่กำลังจะผ่านไป นี่ผมพูดอย่างเป็นกลางนะท่านผู้ชม ผมไม่ได้เป็นคนเชียร์ลุงตู่ หรือเกลียดลุงตู่ ผมคือ สนธิ ลิ้มทองกุล ที่พูดความจริง เอาธรรมนำหน้า ใครที่เป็นติ่งลุงตู่อย่าโกรธผม ใครที่เกลียดลุงตู่แล้วชอบที่ผมพูดแบบนี้ ก็อย่าเพิ่งไปดีใจ เพราะผมวิเคราะห์ไปตามเนื้อผ้า

2565 เป็นปีที่สะท้อนความล้มเหลวของรัฐในทุกมิติ ประชาชนพึ่งรัฐไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม หรือเรื่องความมั่นคงจากทหาร ทุกเหล่าทัพ รวมทั้งความยากจนที่ต้องเผชิญ ราคาพลังงานก็สูง แต่กลับไม่มีพรรคการเมืองพรรคไหนเลยที่มีนโยบายปรับโครงสร้างพลังงาน ไม่มีพรรคการเมืองพรรคไหนพูดถึงการลดราคาพลังงาน ไม่มีเลย ท่านผู้ชมไปดูสิครับ ตั้งแต่เพื่อไทย ที่บอกจะแลนด์สไลด์ ไปจนทุกพรรค ไม่เคยมีใครเสนอวิธีการที่สมบูรณ์แบบและที่ควรจะกระทำเพื่อลดราคาค่าพลังงาน


นักเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการที่เก่งๆ ก็ไม่เข้าใจหรืออย่างไรว่าทุกวันนี้ที่คนยากจน เงินไม่พอค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพ เป็นเพราะราคาพลังงานอย่างเดียว ถ้าราคาพลังงานลดได้ ประเทศไปต่อ อยู่ได้แล้ว เพราะพลังงานนั้นเกี่ยวข้องกับทุกคน แต่รัฐมนตรีและนักการเมืองไม่มีใครสนใจสักคน แล้วความเป็นรัฐล้มเหลว หรือ Failed State ก็สะท้อนออกมาอย่างชัดเจนจากหน่วยงานหลักๆ ในการขับเคลื่อนประเทศ ทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคง หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม หน่วยงานในภาคส่วนต่างๆ ซึ่งผมจะแจกแจงให้ฟัง

ท่านผู้ชมครับ เรามาเริ่มกันที่ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ก่อน เรื่องความอัปยศอดสูของตำรวจเยอะแยะมากมายไปหมด พูดกันไม่จบไม่สิ้น ถึงขนาดผู้สื่อข่าวตั้งฉายาท่านดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่า "ผบ.ปีชง" เพราะแค่ท่านขึ้นมาไม่กี่เดือน ก็มีแต่เรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้น ไม่ใช่ความผิดของท่านนะครับท่านผู้ชม


เริ่มตั้งแต่สิบตำรวจเอกที่มีประวัติพัวพันยาเสพติดกราดยิง ไล่แทงเด็กและครู ภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอุทัยสวรรค์ จังหวัดหนองบัวลำภู 6 ตุลาคม เด็กเสียชีวิต 24 คน รวมผู้เสียชีวิตจากจุดเกิดเหตุอื่นๆ ตายไปแล้ว 36 คน ไม่รวมตัวผู้ก่อเหตุ


เหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญมากที่สุดเรื่องหนึ่งในปี 2565 และต้นเหตุความรับผิดชอบก็หลีกหนีไม่พ้นคนแวดวงตำรวจ เมื่อสืบประวัติไปแล้วพบว่าสิบตำรวจเอกผู้นี้มีประวัติในการเสพยาเสพติด พัวพันเรื่องนี้มาจนเกือบจะตลอดอายุราชการ จนสุดท้ายเมื่อถูกไล่ออกจากราชการ ก็มาก่อเหตุน่าโศกสลด

ต่อมาคือขบวนการโกงสอบเข้าโรงเรียนนายสิบตำรวจ เหตุนี้เกิดจากสนามสอบกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ที่จัดสอบกันตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2565 แต่ผลการสอบสวนเพิ่งออกมาชัดเจนว่าโกงสอบกันสะบั้นหั่นแหลก ไล่ออกนักเรียนสิบตำรวจขี้โกงถึง 118 นาย และจะเอาผิดทางอาญาด้วย


ตอนนี้รู้กันหมดแล้วว่าขบวนการโกงสอบประกอบด้วยใครบ้าง ไม่ว่าเจ้าหน้าที่คุมสอบ โรงเรียนกวดวิชา นายหน้าหาลูกค้า การสอบเป็นนายสิบตำรวจฝ่ายอำนวยการกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 กรณีนี้มีคนปล่อยคำถาม-คำตอบข้อสอบออกมา ส่อเค้าเป็นขบวนการในการโกงสอบ อาจจะเป็นแก๊งเดียวกันเสียด้วยซ้ำ

การสอบที่ภาค 5 มีคนสอบถึง 2 แสนคน แต่สอบข้อเขียนผ่านเข้ามาแค่ 1,160 คน เป็นสัดส่วนการแข่งขันที่สูงมาก อัตราการรับเพียง 0.58 เปอร์เซ็นต์ หรือ เข้าสอบ 200 คน ได้ 1 คน จูงใจให้คนอยากเป็นตำรวจเลือกใช้บริการโกงข้อสอบ ซึ่งยอมควักเงิน 200,000-500,000 บาท ข้อมูลระดับสูง คณะกรรมการที่ทำการสืบสวนสอบสวนในเรื่องนี้เล่าว่า ในการสอบเข้ารับราชการตำรวจระดับนายสิบทุกครั้งจะมีแก๊งที่เป็นนายหน้าในการติดต่อผู้เข้าสอบ เอาบัญชีรายชื่อผู้เข้าสอบจากเจ้าหน้าที่ใน ศฝร.ภ.9 (ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 9) ไปทำการศึกษาและติดต่อกับผู้สอบที่มีฐานะดี เสนอช่วยให้สอบได้ด้วยการเรียกรับเงินค่าวิ่งเต้น อ้างว่าเป็นการซื้อคำตอบเฉลยข้อสอบ ตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 500,000 บาท ต่อราย ที่ไม่มีข่าวเพราะว่าคนจ่ายเงินไม่ออกมาเปิดเผย แต่เผอิญครั้งนี้จ่ายเงินแล้วไม่ได้ ก็เลยมาแจ้งความจนเป็นข่าว

นอกจากนี้ ยังพบว่าการโกงสอบทั้งภาค 9 และภาค 5 มีพฤติการณ์แบบเดียวกัน คือข้อสอบรั่วไหลออกจากห้องเก็บข้อสอบก่อนถึงเวลาการสอบเล็กน้อย ทางแก๊งจะทำการเฉลยข้อสอบกันแบบเร่งด่วน เสร็จแล้วปรินต์โพยคำตอบขนาดบิลร้านสะดวกซื้อ แจกให้ลูกค้าผู้เข้าสอบไปกา


ท่านผู้ชมครับ การจะทำให้ข้อสอบรั่ว หรือมีตีนเดินออกจากห้องเก็บได้ ต้องใช้บริการเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบนั่นเอง งานนี้ก๊วนกลับมาที่เครื่องมือที่้เหล่าตำรวจเหมือนจะแพ้ทางตลอดเวลา นั่นก็คือ "สินบน"

ท่านผู้ชมครับ มีข่าวว่าร้อยตำรวจเอกหญิงจากสนามสอบภาค 9 มีเงินหมุนเวียนมหาศาล ร่วม 30 ล้านบาท สอบแล้ว ชื่อ ร้อยตำรวจเอกหญิง ลภัสรดา หอมนวพล ตำแหน่งรองสารวัตร ฝ่ายอำนวยการ 6 กองบังคับการอำนวยการภูธรภาค 9 (รอง สว.ฝ.6 บก.อก.ภ.9) มีนายตำรวจระดับพันตำรวจโทที่ร่วมมือกับเธอ

ท่านผู้ชมครับ นี่คือต้นทางระบบการคัดเลือกคนที่กำลังจะเข้ามาเป็นผู้รักษากฎหมาย ดูแลทุกข์สุขประชาชน แต่เล่นโกงกันตั้งแต่ยังไม่ทันเป็นตำรวจ แล้วพอเป็นตำรวจจะโกงขนาดไหน พอเป็นตำรวจแล้ว ก็มีตำรวจแบบที่ช่วยโจร หรือจริงๆ แล้วเป็นหัวหน้าโจรเสียเอง เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมไม่ต้องสงสัยเลยว่ากรณีทุนจีนสีเทาที่อื้อฉาวมา 2 เดือน อย่างกรณี "ตู้ห่าว" ที่เชื่อมโยง เกี่ยวโยงไปกับกรณีอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้ายาเสพติด เปิดสถานบันเทิงผิดกฎหมาย เปิดบ่อนพนันผิดกฎหมาย สวมบัตรประชาชน ค้ามนุษย์ ทัวร์ศูนย์เหรียญ และฟอกเงิน เชื่อมโยงถึงบุคลากร/หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม


ทั้งสองหน่วยงานนี้ ทั้่ง ปปง. และ ดีเอสไอ ก็แปดเปื้อนมลทินทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปปง. นี่ชัดเจน อันเป็นผลทำให้ประธาน ปปง. ท่านต้องลาออกทันทีเลย ผมเคยพูดในคราวที่แล้วว่า เจ้าหน้าที่ระดับกลางใน ปปง. คือคนที่รับเงิน วิ่งเต้น ใครที่ถูกอายัดทรัพย์ ไปเจรจาว่าจ่าย 10-20 เปอร์เซ็นต์ ของยอดเงินมาแล้ว เดี๋ยวจะคืนเงินให้


อีกคดีหนึ่ง "หลงจู๊สมชาย" ท่านผู้ชมจำได้ไหม "สมชาย จุติกิติ์เดชา" ที่เป็นข่าวใหญ่โตมโหฬารที่ผมขุดคุ้ยมาเป็นคนแรก จนในที่สุดตำรวจทนไม่ได้ จำเป็นต้องเทกแอกชันและดำเนินการ ปรากฏว่ารอดคุกจากคดีการพนันและฟอกเงิน 23 ธันวาคม ที่ผ่านมา ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาที่สมชาย (หลงจู๊สมชาย) และพวก เป็นจำเลยผิด พ.ร.บ. การพนัน พิจารณาแล้วพิพากษาว่า พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่าพยานโจทก์ที่นำมาสืบยังมีข้อน่าสงสัยอีกหลายประการ พยานหลักฐานโจทก์จึงยังเป็นที่น่าเคลือบแคลงสงสัยและยังไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่าจำเลยร่วมกันกระทำความผิด จึงพิพากษายกฟ้อง

ต่อเป็นติ่งให้หน่อยก็ได้ ท่านผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งรับผิดชอบคดีหลงจู๊สมชาย คำถามมีอยู่ว่า ท่านทำสำนวนอย่างไรมันถึงอ่อนปวกเปียกจนกระทั่งศาลยกฟ้องว่าหลักฐานไม่พอ แล้ววันนี้ท่านก็ทะลึ่งมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบคดีตู้ห่าวอีก และท่านก็เป็นบุคคลที่คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาโวยวายว่าทำงานชักช้า เกิดอะไรขึ้น เหมือนกับพยายามแอบช่วยตู้ห่าว ท่านก็ออกมาแถลงเหมือนกับเดินบนทุ่งลาเวนเดอร์ สไตล์ที่เคยชินกันว่า เรื่องนี้ต้องทำด้วยความรอบคอบเพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย เดี๋ยวจะมีการถูกฟ้องร้องกลับได้ ท่านผู้ชมครับ คนๆ นี้คืออดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 รับผิดชอบคดีหลงจู๊สมชาย แล้วหลงจู๊สมชายถูกยกฟ้อง แล้วคนๆ นี้ก็มาอยู่นครบาล มารับผิดชอบคดีตู้ห่าวอีก ผมไม่รู้ว่าขึ้นศาลแล้วตู้ห่าวจะถูกยกฟ้องอีกหรือเปล่า เพราะหลักฐานอ่อน สำนวนอ่อน ท่านผู้ชมครับ ผมไม่รู้ ถ้าไม่แน่จริง คุณชูวิทย์ไม่ออกมาโวยวายอย่างนี้หรอกว่าท่านทำงานช้า แล้วท่านทำอะไรไม่ค่อยโปร่งใส


ต่อมา กรมอุทยานฯ ข้อหาเรียกเงินวิ่งเต้นตำแหน่ง รีดลูกน้อง ท่านผู้ชมคงได้ข่าวแล้ว อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ คุณรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา รับเงินหัวหน้าหน่วยงานภาคสนาม มีการล่อซื้อ ใช้กล้องวงจรปิด ปฏิบัติการครั้งนี้ว่ากันว่ามาจากก่อนหน้านี้ ประมาณตุลาคม ปีที่แล้ว คุณชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการ ป.ป.ป. เพื่อแจ้งเอาผิดคุณรัชฎา หลังพบว่ามีพฤติกรรมใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ไม่เหมาะสม เรียกรับเงินเพื่อวิ่งเต้นโยกย้ายตำแหน่ง หรือกลั่นแกล้งโยกย้ายตำแหน่งเจ้าหน้าที่ที่ไม่ยอมจ่ายเงินวิ่งเต้นไปยังตำแหน่งอื่นๆ ที่ห่างไกล

ท่านผู้ชมครับ ว่ากันว่ามีการเรียกรับเงินหัวหน้าหน่วยเพื่อรักษาตำแหน่งเดิม รายละ 500,000-1,000,000 บาท ซึ่งหัวหน้าหน่วยนี้ถ้าเขามีเงินมาจ่ายให้ 500,000-1,000,000 บาท แสดงว่าหน่วยที่เขาดูแลอยู่นั้น ต้องมีช่องทางที่จะทำมาหารับประทาน วันนี้ คุณรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อยู่ในบั้นปลายของเส้นทางการรับราชการ อายุ 59 ปี เป็นน้องชายของ พลเอก ยุวนัฏ สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เขาเป็นเตรียมทหารรุ่น 12 รุ่นเดียวกับลุงตู่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม


ท่านผู้ชมครับ เหตุการณ์ในวันที่เขาถูกแจ้งข้อหา ต้องถือว่า รัชฎา เป็นข้าราชการซี 10 คนแรกในประวัติศาสตร์ระบบราชการไทย ที่ถูก ป.ป.ป. บุกเข้าไปรวบตัวในห้องประชุม เก็บหลักฐานได้ที่เป็นซองเอามาใส่ไว้อยู่ในเซฟ คุณรัชฎา เก็บเงินชาวบ้านถึงหลักร้อยบาทด้วย

ท่านผู้ชมครับ กรณีกองทัพบก เป็นได้ชัดในหลายกรณีของปีนี้ที่เกิดเหตุทหารกราดยิงเพื่อนด้วยกัน และยิงประชาชนเสียชีวิตเสียเอง ที่เขาใช้ชื่อว่า "จ่าคลั่ง"


"จ่าคลั่ง" ฆ่าคนตายเป็นเบือ เพราะว่าตัวเองถูกรังแก ตัวเองถูกโกงเงิน "จ่าคลั่ง" จ่าสิบเอก จักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กราดยิงประชาชนก่อนจะหลบหนีเข้าไปในศูนย์การค้าเทอร์มินัล 21 และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฯ ตาย 31 คน บาดเจ็บ 60 สืบสวนไปแล้วปรากฏว่าชนวนสำคัญที่ทำให้กลายเป็นจุดเริ่มเหตุการณ์รุนแรงนั้น คือข้อพิพาทเกี่ยวกับเรื่องการเงิน และการซื้อขายบ้านที่ผู้ก่อเหตุไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชา และเครือญาติ

เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ซึ่งปัจจุบันท่านเป็นรองราชเลขาฯ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ออกมาสัญญาจะปฏิรูปกองทัพ โดยเฉพาะเรื่องการทุจริต และการกดขี่ชั้นผู้น้อย ซึ่งผ่านมาแล้วสองปีกว่า จะสามปี พลเอก อภิรัชต์ ก็เกษียณไปแล้ว ผมไม่ทราบว่าการปฏิรูปหรือการแก้ไขที่ท่านพูดตอนนั้น ไปถึงไหนแล้ว ผมไม่ได้คิดว่าจะไปถึงไหน เพราะว่ายังมีการรังแกทหารชั้นผู้น้อยอยู่ สูบเงินสูบทองจากทหารชั้นผู้น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องสวัสดิการการซื้อบ้าน หลายอย่าง เงินที่ควรจะตกไปถึงชั้นผู้น้อย ก็ไม่ตก ผู้ใหญ่อมเอาไว้ สรุปง่ายๆ ผมกล้าฟันธงว่ากองทัพบกไม่ได้มีการปฏิรูปอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว มีเรื่องมีราวอะไรเกิดขึ้นมา ก็ฟิตกันทีหนึ่ง วิ่งเข้าหาแสง บอกว่าพร้อมจะแก้ไขให้ ประชาชนสบายใจได้ แต่ผมยังมั่นใจ ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมที่เป็นทหารชั้นผู้น้อย ท่านผู้ชมก็รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นความจริง ก็คือว่า ไม่ได้มีการแก้ไขอะไรเลย ท่านก็ยังถูกสูบเลือดสูบเนื้ออยู่เหมือนเดิม


เอาล่ะ เราก้าวมาที่กองทัพอากาศ จากกองทัพบก มากล่าวถึงความล้มเหลวของกองทัพอากาศ ผมเคยชี้ให้เห็นไปแล้วว่า กรณีการที่ประเทศไทย กองทัพอากาศ หรือรัฐบาล ให้กองทัพสิงคโปร์ ซึ่งเป็นลิ่วล้อของอเมริกา มาเช่าฐานทัพอากาศเพื่อฝึกบินเครื่องบิน F-16 และ F-35 ในประเทศไทย โดยอ้างว่ามาฝึกบินกัน ผมพูดไปตั้งหลายครั้งแล้ว ผมจะทบทวนให้ฟังอีกทีก็ได้ คือผมพูดสรุปง่ายๆ ว่า มันเป็นอะไรที่เราต้องให้สิงคโปร์เช่าฐานทัพเรา ก็ในเมื่อสิงคโปร์เขามีพื้นที่ของเขา ถึงพื้นที่ของเขาจะเล็ก ก็เมื่อเล็กแล้วจะซื้อ F-16 ซื้อ F-35 คุณก็ต้องฝึกของคุณตามเท่าที่ฝึกได้สิ คุณมาฝึกบินในประเทศไทยแปลว่าอะไร แปลว่าข้อมูลข่าวสาร สนามบิน ข้อมูลทางด้านการทหาร ความมั่นคง ก็อยู่ในมือของสิงคโปร์ ซึ่งหมายความว่า อยู่ในมือของสหรัฐอเมริกาเช่นกัน

ผมถามในวันนั้นว่า ทำไมสิงคโปร์ไม่เช่าพื้นที่มาเลเซียเพื่อฝึกบินล่ะ มาเช่าเมืองไทย เพราะว่าเบื้องหลังของสิงคโปร์คืออเมริกา ใช้สิงคโปร์เป็นนายหน้าเข้ามาสปาย เป็นม้าเมืองทรอย ก็เหมือนอเมริกาใช้ญี่ปุ่นเป็นนายหน้า เดินมาเพื่อเจรจาทุกอย่างให้อเมริกาหมด แล้วผมถามท่านนายกฯ ว่า เค้าโครงเรื่องของ "นาโต 2" (NATO 2) ได้เริ่มแล้ว


อีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากสำหรับคนที่ติดตามข้อมูล แล้วก็รับไม่ได้กับคำแถลงของ พลอากาศเอก ที่ท่านเป็นผู้บัญชาการทหารอากาศ นั่นคือความพยายามของกองทัพอากาศไทยที่จะซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35 ซึ่งผลิตโดยบริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน ของอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นโครงการอาวุธที่ใช้เงินมากมายมหาศาลที่สุดในประวัติศาสตร์โลก F-35 พัฒนาขึ้นมาผลาญงบประมาณกระทรวงกลาโหมไปแล้วไม่ต่ำกว่า 400,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 14 ล้านล้านบาท แต่ท่านผู้ชมรู้ไหมครับ F-35 กลายเป็นเครื่องบินที่มีปัญหามากที่สุด ตกบ่อยที่สุด ทั้งๆ ที่คุยนักคุยหนาว่าเป็นเครื่องบินรบที่ทันสมัย ไฮเทคที่สุดในโลก

ล่าสุด กลางเดือนธันวาคม ที่ผ่านมาไม่กี่อาทิตย์ เครื่องบิน F-35 B ซึ่งเป็นเครื่องบินขึ้น-ลงแนวดิ่ง (F-35 มี 2 รุ่น A คือใช้รันเวย์ขึ้น เหมือนเครื่องบินทั่วๆ ไป ส่วน Type B คือขึ้นแนวดิ่ง) F-35 B ตกอีกแล้วที่สนามบินทหารในเทกซัส เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม หัวทิ่มลงระหว่างจอดในแนวดิ่ง สนามฟอร์ตเวิร์ธ (Fort Worth) มลรัฐเทกซัส โชคดีนักบินไม่ตาย


ล่าสุด แม้กระทั่งพันธมิตรที่ใกล้ชิด เป็นลูกไล่ หรือเดินตามรอยเท้าอเมริกา อย่างกองทัพอากาศอิสราเอล ยังออกมาประกาศว่า ได้สั่งห้าม อิสราเอลสั่งห้ามเครื่องบิน F-35 B จำนวน 11 ลำ ที่มีอยู่ เป็นแบบเดียวกับที่้ตกในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา สั่งห้ามไม่ให้บินแล้ว จริงๆ แล้วเรื่องนี้ผมเคยพูดถึง อธิบายอย่างละเอียดไปแล้วในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 162 วันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 แต่กองทัพอากาศไทย กับนายพลทั้งหลาย ก็ยังอยากได้ อยากซื้อ F-35 จนตัวสั่นงันงก และไม่สนใจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว


ย้อนกลับไป 3 สิงหาคม 2565 กรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ชุดใหญ่ อนุมัติให้จัดซื้อเครื่องบินโจมตี F-35 A จำนวน 2 ลำ ซื้อมาทำอะไร ถ้าซื้อต้องซื้อทั้งฝูงสิ กองทัพอากาศประกาศของบประมาณ 369.1 ล้านบาท จาก 738 ล้านบาท

ท่านผู้ชมครับ F-35 เป็นเครื่องบินที่มีสถิติตก 1 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟัง อเมริกามอบไปแล้ว 800 ลำ แต่ตกไปแล้ว 8 ลำ ยังไม่นับรวมที่เทกซัสอีก 1 ลำ เป็น 9 ลำ


ท่านผู้บัญชาการทหารอากาศ พลอากาศเอก อลงกรณ์ วัณณรถ ท่านยังยืนยันโครงการจัดซื้อเครื่องบินโจมตี ขับไล่ F-35 A ที่ ทอ. เสนอ อยู่อีกหรือ ? ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ท่านผู้บัญชาการทหารอากาศ พลอากาศเอก อลงกรณ์ ยังออกมาพูดให้ข่าวเหมือนกับว่าวิงวอน เหมือนกับว่าเราไปคุกเข่า ขอเถอะ อเมริกา ท่านบอกว่ากองทัพอากาศรอลุ้นผลตอบรับจากสหรัฐฯ ว่าจะขาย F-35 ให้ไทยไหม ถ้าจะรู้เรื่อง ระหว่าง 6 เดือนข้างหน้า ท่านผู้บัญชาการครับ ท่านย้ำมากๆ ว่าท่านอยากได้ F-35 เป็นแต้มต่อมาก เพราะ F-35 จำนวน 1 เครื่อง เท่ากับ F-16 ถึง 3 เครื่อง ท่านเอาข้อมูลมาจากไหน คุณเอาข้อมูลมาจากคนขายเครื่องใช่ไหม พวกฝรั่งใช่ไหม แต่ข้อมูลที่ผมเสิร์ชในอินเทอร์เน็ตอย่างลึกซึ้ง เขาบอกว่าเครื่องบิน F-35 เป็นเครื่องบินที่มีปัญหามากที่สุด เอางบประมาณตั้งหลายร้อยบาทมาลงเครื่องบินที่บิน 100 ลำ แต่มีเปอร์เซ็นต์ตก 1 เปอร์เซ็นต์ 1 ลำ ซึ่งถือว่าสูงมาก อย่างนี้ถือว่าเป็นความล้มเหลวของกองทัพอากาศหรือเปล่า ?


ท่านผู้ชมครับ สุดท้ายของกองทัพไทย หรือกองทัพเรือ คงไม่ต้องพูดอะไรกันมากแล้ว เหตุการณ์ล่าสุดเมื่อ 18 ธันวาคม 2565 ที่เรือหลวงสุโขทัยเกิดเหตุอับปางขณะลาดตระเวนระยะ 20 ไมล์ จากท่าเรือบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเดินทางกลับไปที่ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี หลังจากพยายามเข้าจอดเทียบเพื่อร่วมกิจกรรมองค์บิดาทหารเรือไทยที่จังหวัดชุมพร ท่ามกลางภาวะคลื่นลมที่แรง สูงถึง 2-4 เมตร เรือล่ม ทหารเรือเสียชีวิต สูญหายจำนวนมาก ยอดสรุปเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา ยอดกำลังพลทั้งหมด 105 นาย รอดชีวิต 76 นาย เสียชีวิต 18 นาย จำนวนนี้สามารถระบุชื่อได้แล้ว 7 นาย และอยู่ในกระบวนการพิจารณาอัตลักษณ์เพื่อยืนยันตัวบุคคล 11 นาย คงเหลือผู้สูญหายถึง 11 นาย

ท่านผู้ชมครับ พี่น้องชาวทหารเรือทั้งหลายครับ นี่ผมพูดถึงทหารเรือระดับล่างนะ ผมไม่ได้ใส่ใจพวกนายพลทหารเรือทั้งหลายเลย เพราะพวกนี้เอาตัวรอดได้ แต่เวลาฉิบหาย ฉิบหายที่พวกคุณ พวกทหารระดับล่าง

โศกนาฏกรรมที่ไม่ควรเกิด แต่เกิดขึ้น สังคมตั้งคำถามว่า งานนี้ใครต้องรับผิดชอบ ? เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ลูกชายของพ่อแม่หลายๆ ครอบครัว พ่อแม่/สามีของหลายๆ คน ต้องตาย ทำให้อนาคตครอบครัวของหลายๆ คนต้องมืดมน ไม่ต้องมาอธิบายปัญหาทางเทคนิคหรือเรื่องท่อแตกอะไรทั้งสิ้น ผมมีคำถามแค่ว่า เรือลำนี้บรรทุกได้กี่คน เริ่มตรงนี้ก่อน แล้วโดยสารจริงกี่คน เพราะผมได้ข้อมูลมาว่าเรือบรรทุกเกินเป็นเท่าตัว แล้วที่คุณบอกว่าเสื้อชูชีพมีพอ คือเสื้อชูชีพมีพอสำหรับปริมาณคนที่ประจำการเรือ ตามหลักการว่าสามารถบรรทุกได้กี่คน ก็คือมีเท่านั้น แต่ที่มีไม่พอ ก็เพราะว่าคุณดันให้คนเข้ามาบนเรือ ทำให้เรือรับน้ำหนักที่เกินตัว สภาพเรือก็เก่า อุปกรณ์เรือก็เก่า การซ่อมแซมเรือสุโขทัยก็ยังซ่อมแซมไม่สมบูรณ์แบบ มีปัญหาตลอดเวลา

พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม
แต่ท่านผู้ชมรู้ไหม ท่านผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม กลับออกมายืนยันว่า เรือหลวงสุโขทัย สามารถรับน้ำหนักจำนวนกำลังพลได้กว่า 105 นาย ได้แน่นอน ปริมาณคนไม่มีผลอะไรที่ทำให้เรือล่ม เพราะบนเรือมีปืนใหญ่หนักเป็นตันอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีผลอะไรหากจะมีคนมาเพิ่มบนเรือหลวงอีก 50 คน แต่ละคนหนัก 70 กิโลกรัม ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย

ส่วนกระแสเสื้อชูชีพไม่พอ พลเรือเอก อะดุง บอกว่า มีครบ เสื้อชูชีพมี 2 แบบ คือ แบบเสื้อ และแบบห่วงยาง แต่เมื่อเรือเผชิญคลื่นลมแรง เรืออาจจะมีการกระแทก ทำให้เสื้อชูชีพและห่วงยางหลุดได้ คุณอะดุง ท่านผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ครับ ผู้บัญชาการที่นั่งอยู่ในห้องแอร์บอกว่าชูชีพมีพอ แล้วทำไมทหารเรือที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ กลับมาเล่าให้พวกผมฟังว่าชูชีพไม่พอ โดยภายในเรือมีการแจ้งให้กำลังพลรับทราบ คนที่ไม่มีเสื้อชูชีพขอให้อยู่ใกล้คนที่มีเสื้อชูชีพไว้ เพราะเสื้อชูชีพมีไม่พอกับคนอีกประมาณ 20-30 คน

ท่านผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ บอกว่าปัจจัยที่ทำให้เรืออับปางและจมลงใต้ทะเล มาจากสภาพอากาศที่แปรปรวน เพราะอยู่มาสิบปีไม่เคยเจอทะเลคลั่งเหมือนคืนที่เกิดเหตุ ผมอยากจะถามว่า เมื่อรู้สภาพอากาศแปรปรวนมาก ทำไมยังออกเรือไปล่ะ ไม่ได้เตรียมพร้อม ทั้งๆ ที่กรมอุตุนิยมวิทยาออกมาเตือนว่าช่วงวันที่ 17-20 ธันวาคม คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง มีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากถึง 4 เมตร หรือว่าการเดินทางไปร่วมงานที่ชุมพรมันสำคัญกว่าชีวิตและความปลอดภัยของลูกน้องและทหารชั้นผู้น้อย


ท่านผู้ชมครับ ผมมีภาพๆ หนึ่ง ซึ่งผมไม่ทราบว่าท่านผู้บัญชาการกองเรือฯ ท่านมีด้วยหรือเปล่า แต่ผมจะเอาให้ท่านดู ภาพที่ผมเอาให้ดูนี้เป็นภาพถ่ายดาวเทียมในวันนั้น วงกลมนี้คือรัศมีของอากาศที่แปรปรวนและที่แรง ตรงนี้คือท่าเรือบางสะพาน นี่คือเรือรบหลวงสุโขทัย ตรงกลาง ถ้าเป็นอย่างที่ผู้ใหญ่ในกองทัพเรือพูด เผอิญ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า ในภาพนี้ตรงวงกลม วงของอากาศแปรปรวน มันมีเรือประมงชื่อ จ.โชคคณาศรีนุวัติ 5, จ.โชคคณาศรีนุวัติ 4 และลงมาข้างล่างมี พ.พิชิตมัสยา 5, พ.พิชิตมัสยา 4 เรือประมง 4 ลำแล้วนะ ลำสุดท้ายชื่อ เขตอุดมรัตน์ 2 เรือประมงมันเล็กและไม่แข็งแรงเท่าเรือสุโขทัย ทำไมเรือประมงทั้ง 5 ลำ ถึงไม่มีปัญหาอะไรเลยทั้งสิ้น มามีปัญหาเฉพาะเรือรบหลวงสุโขทัยลำนี้ ผมคิดว่าเราต้องดำเนินการตรวจสอบ ต้องตั้งคณะกรรมการ ที่ผมต้องการเห็นคือคณะกรรมการที่เป็นอิสระ ไม่ใช่คณะกรรมการจากกองทัพเรือ เพราะเกิดเหตุเอง สอบเอง ปกป้องผู้ใหญ่เอง ตอหลดตอแหลกันไปตลอด


ท่านผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ท่านไม่รู้หรอกว่าพ่อบุญธรรมของผมเป็นทหารเรือเก่า ชื่อ นาวาตรี ประกาย พุทธารี ตอนที่มีกบฏแมนฮัตตัน เขาอยู่ในเรือรบหลวงแมนฮัตตัน แล้วเขาก็หนี หลังจากนั้นแล้วเขาหนีไปอยู่ที่พม่า แล้วเพื่อนฝูงของผมหลายๆ คนเป็นอดีต อย่างน้อยพลเรือเอกทั้งสิ้น ในกองทัพเรือ

ท่านผู้ชมครับ มีคนส่งข้อมูลเชิงลึกจากวงในกองทัพเรือ ว่าตอนนี้ทหารชั้นผู้น้อยและครอบครัวทุกคนถูกสั่งให้ปิดปาก หยุดให้ข่าวทั้งหมดแล้ว ข้อมูลนี้เขาบอกเลยว่า ทหารที่อยู่บนเรือไม่ผิดอะไร แต่คนที่ผิดคือผู้บัญชาการระยำๆ ที่สั่งด่วนให้ลูกน้องขนคนขึ้นเรือไปงานที่ชุมพร คืองานครบรอบ 100 ปี การสิ้นพระชนม์ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ในวันที่ 19 ธันวาคม 2565 ให้ทัน ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง งานใหญ่ขนาดนี้คุณต้องเตรียมพร้อมตั้งนานแล้ว ต้องมีการจัดรถจากสัตหีบไปเป็นรอบๆ ให้เพียงพอ

ท่านผู้ชมครับ ถ้าไม่มีคำสั่งเร่งด่วนโง่ๆ ดังกล่าว เรือรบสุโขทัยก็จะไม่จมจนมีคนตาย แต่ที่ตายเพราะ หนึ่ง เรือไม่พร้อม ชูชีพไม่พร้อม แหล่งข่าววงในของผมบอกว่า เรือหลวงสุโขทัยแม้เพิ่งจะเข้ารับการซ่อมบำรุงใหญ่ช่วงปี 2561-2563 แต่เครื่องจักรใหญ่และชุดเกียร์เคยถูกยกเปลี่ยนออกไปให้เรือรบหลวงรัตนโกสินทร์ ทำให้เครื่องไฟฟ้าไม่สมบูรณ์ ดับบ่อย รับโหลดไม่ดี กำลังพลหน่วยนอกที่เสียชีวิต ถ้าไปกับเรือหลวงกระบุรี ก็อาจจะไม่มีใครเสียชีวิต แต่หน่วยขนส่งทางบกไม่พร้อม และเรือหลวงกระบุรีก็ออกเดินทางไปก่อนแล้ว แสดงว่าหน่วยขนส่งไม่พร้อม ก็คุณเตรียมงานนี้มาเป็นปีแล้ว คุณยังไม่พร้อมที่จะดูงานทางด้านโลจิสติกส์ คุณเป็นทหารระดับนายพลได้อย่างไร ประเทศไทยต้องฝากชีวิตความมั่นคงในเรื่องท้องทะเลไทยกับคุณได้หรือเปล่า ลำพังแค่งานใหญ่แค่นี้คุณยังไม่สามารถเตรียมตัวได้เลย แล้วคุณมาโทษอากาศแปรปรวน


มีข้อมูลซึ่งทางทหารเรือต้องตอบว่าจริงหรือเปล่า เรือรบหลวงสุโขทัย และเรือรบหลวงรัตนโกสินทร์ มีปัญหาทางเทคนิคเรื่องการซ่อมบำรุง ทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานไม่เต็มที่ และจริงหรือเปล่าที่ ระหว่างที่เรือรบหลวงสุโขทัยประสบเหตุ จริงหรือไม่ว่าผู้การเรือพยายามแจ้งว่าไม่สามารถเดินทางไปชุมพรได้ แต่ผู้บังคับบัญชาโง่ๆ ก็ยังยืนกรานว่าต้องไปงานชุมพรให้ได้ ให้ไปจอดหลบพายุที่ท่าเรือบางสะพานเสียก่อน แต่เผอิญบางสะพานเป็นท่าเรือที่เป็นอ่าวเปิด ไม่มีเรือลากจูง ทำให้จอดไม่ได้ และนี่้เป็นความหวังสุดท้าย

ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่าเมื่อทุกอย่างวิกฤตและฉิบหายแน่แล้ว กำลังพลก็เลยโทรสั่งเสียครอบครัว ลูก-เมีย บางคนโพสต์ข้อมูลทางโซเชียลมีเดียก่อนจะเสียชีวิต ท่านผู้ชมครับ มันเจ็บปวดหัวใจ ผมมีภาพๆ หนึ่งมาแชร์ให้ดู เป็นการแดกดันที่โคตรขำแต่เจ็บปวดมาก

คำบรรยายภาพบอกว่า "ทีน้ำแค่ตาตุ่ม ใส่ชูชีพทุกคน แต่ลงเรือรบไม่มีชูชีพ มันอะไรกันวะประเทศนี้"


ท่านผู้ชมหลายท่านอายุยังมากไม่พอ หรือบางคนอายุมากแล้วแต่ไม่เคยสนใจเรื่องนี้ มันมีเพลงๆ หนึ่ง ชื่อเพลง "ดอกประดู่" หรือที่นิยมเรียกกันอีกอย่างว่า เพลง "หะเบสสมอพลัน" เป็นบทเพลงพระนิพนธ์ของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทำนองเพลงเดิมชื่อภาษาอังกฤษ แรงบันดาลใจสำคัญในการทรงนิพนธ์เพลงนี้คือ เหตุการณ์วิกฤตการณ์ปากน้ำ ร.ศ. 112 (2436) ซึ่งเป็นที่จดจำกันได้ดีทุกคนสำหรับคนไทยในยุคนั้น สันนิษฐานว่าทรงนิพนธ์เพลง "ดอกประดู่" เมื่อปี 2448 เพลงนี้เป็นเพลงสัญลักษณ์ของทัพเรือไทยที่คนไทยรู้จักกันดี เก่ามากแล้ว แต่คนรุ่นใหม่จะไม่เคยได้ยิน หรือบางคนที่ไม่ใส่ใจ สนใจแต่เพลงรักๆ ใคร่ๆ อย่างเพลงทหารอากาศขาดรัก จะไม่รู้จักเพลงนี้ หรือบางคนสนใจแต่เพลง "มาร์ชราชนาวี"

กองทัพเรือไทยที่คนไทยรู้จักกันดี และเป็นที่มาของการเปรียบเทียบตนเองของทหารเรือไทยว่าเป็นเหมือน "ลูกประดู่" ท่านผู้ชมคงไม่มเคยได้ยินเพลงนี้หลายท่าน ผมจะร้องให้ฟัง ร้องแล้วน้ำตาจะไหล ที่จะไหลเพราะอะไร เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังเมื่อเพลงจบ

"หะเบสสมอ พลัน ออกสันดอนไป
ลัดไปเกาะสีชัง จนกระทั่งกระโจมไฟ
เที่ยวหาข้าศึก มิได้นึกจะกลับมาใน
ถึงตาย ตายไป ตายให้แก่ชาติของเรา

พวกเราดูรู้ เจ็บแล้วต้องจํา
ลับดาบไว้ พลางช้างบนยอดกาฟฟ์ จะนํา
สยามเป็นชาติของเรา ธงทุกเสาชักขึ้นทุกลํา
ถึงเรือจะจมในน้ำ ธงไม่ต่ำลงมา

เกิดมาเป็นไทย ใจร่วมกันแหละดี
รักเหมือนพี่เหมือนน้อง ช่วยกันป้องปฐพี
สยามเป็นชาติของเรา อย่าให้เขามามายี
ถึงตาย ตายให้ดี ตายในหน้าที่ของเรา

พวกเราทุกลํา จําเช่นดอกประดู่
วันไหนวันดี บานคลี่พร้อมอยู่
วันไหนร่วงโรย ดอกโปรยตกพรู
ทหารเรือเราจงดู ตายเป็นหมู่เพื่อชาติไทย"


ท่านผู้ชมครับ พ่อแม่พี่น้องของทหารเรือที่ตายไปครับ ลูกหลานท่านตายอย่างไม่มีสาระเลย ไม่ได้ตายเพื่อชาติไทย แต่ตายเพราะความโง่บัดซบของผู้บัญชาการกองทัพเรือ จนวันนี้ยังไม่รู้สึกตัวอีก ถ้ามียางอายสักนิด เป็นผม ผมขอแสดงความรับผิดชอบ ขอยื่นใบลาออก

ท่านผู้ชมเห็นหรือยังว่าระบบราชการ ระบบความมั่นคง ระบบทหาร-ตำรวจ มันล่มสลายไปหมดแล้ว คุณรัชฎา ของกรมอุทยานแห่งชาติฯ เป็นแค่ตัวอย่างเดียวนะ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามีรัฐมนตรีบางคน ก่อนเข้ามาเล่นการเมือง เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ มีหนี้อยู่ 600 กว่าล้าน พอมาเป็นรัฐมนตรีอยู่สามปีกว่า เจ้าหนี้ 2-3 คน ที่ผมรู้จัก คุยกันเรื่อยๆ ว่า เฮ้ย! ตกลงรัฐมนตรีเขาเอาเงินมาคืนหรือยัง โอ๊ยพี่! เขาเอามาคืนตั้งแต่ปีแรกแล้ว รวยจะตาย โยกย้ายแต่งตั้งอธิบดีบางคน อธิบดีต้องวิ่งเอาเงินไปให้ 500 ล้าน 1,000 ล้าน 2,000 ล้าน เพราะว่ากรมนั้นมีงบประมาณในการก่อสร้างสูง นี่ไม่ใช่เรื่องมโนนะท่านผู้ชม เป็นเรื่องจริง

สื่อมวลชนเองก็ตัวดี พอสิ้นปีเที่ยวตั้งชื่อให้ชาวบ้านเขาอย่างโน้นอย่างนี้ คนอ่านแล้วชอบใจ แต่พอมีข่าวสำคัญ พวกคุณกลับไม่กล้ารายงาน กลัวอิทธิพลมาเฟีย อิทธิพลนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตู้ห่าว มาจนถึงเรื่องเรือหลวงสุโขทัยล่ม พวกคุณเงียบ รอจนมีคนมาเปิดแล้วค่อยรายงานตาม แบบนี้ควรที่จะตั้งฉายาให้พวกคุณบ้างนะ ถ้าคิดควรจะตั้งฉายาให้พวกคุณว่าอย่างไรดี ?

ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ในปลายปี 2565 อย่างที่ผมได้บอกไว้ล่วงหน้าว่า รายการของวันนี้จะเป็นรายการที่ให้ปัญญา และให้ท่านผู้ชมที่ดูรายการนี้สามารถจะสะสมข้อมูล และสร้างปัญญาของตัวเองขึ้นมาได้ สามารถจะพิจารณาและเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ที่ผมเคยพูดมาในอดีต วันนี้ผมจะพูด 2 เรื่อง แต่เรื่องแรกที่ผมจะพูดคือ ในขณะนี้คือรากเหง้าของวิกฤตยูเครน ที่ผมจำเป็นต้องพูด


ท่านผู้ชมครับ ผมสังเกตมาตลอดปี 2565 ตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ต้นปีนี้ ผมมีความรู้สึกว่าเรา สังคมไทย และหลายๆ สังคมในโลกนี้ ถูกมอมเมาโดยข้อมูลเท็จจากสื่อทางตะวันตก ตลอดจนการออกมาให้สัมภาษณ์ หรือการออกมาแสดงความคิดเห็นของผู้นำฝ่ายตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา อังกฤษ หรือประเทศในกลุ่มอียู รวมไปจนถึงหลายๆ ประเทศที่ประณามรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ ล้วนแล้วแต่เป็นกระบวนทัศน์ หรือเป็นความเชื่อมั่นในทางที่ผิดๆ และจงใจที่จะโกหกให้กับประชาชนของตัวเอง หรือชาวโลก ตลอดจนสื่อมวลชนในประเทศไทยที่ยึดติดและเป็นทาสทางปัญญา ทาสทางข้อมูลข่าวสารของสื่อตะวันตก

เรื่องของ "ยูเครน กับ รัสเซีย" ไม่สามารถจะอธิบายได้ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ ณ วันนี้ หรือที่ภาษาหนังสือพิมพ์ หรือภาษาข่าว เขาเรียกว่า เรียลไทม์ (real time) ไม่สามารถจะวัดได้จากอดีต ที่ประธานาธิบดียูเครน นายเซเลนสกี ตัวตลก ไปกล่าวสุนทรพจน์ที่สภาคองเกรส แล้วได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตย ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้มันเป็นมายาภาพ แล้วมันเป็นการโกหกระดับโลก

ท่านผู้ชมครับ รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" จะไม่ยอมให้ท่านผู้ชมโง่ หรือได้ข้อมูลที่ผิดๆ ผมรู้ว่าตอนแรกๆ ที่ผมพูดในเรื่องของรัสเซีย-ยูเครน แล้วผมสนับสนุนรัสเซียนั้น ผมก็ถูกตำหนิ มีคอมเมนต์หลายคอมเมนต์เริ่มที่จะมาโจมตีผม แต่ผมไม่รู้สึก ไม่รู้ร้อนรู้หนาว เพราะว่าผมเป็นคนเชื่อมั่นในความจริง เหมือนกับพ่อแม่ครูอาจารย์ผม องค์หลวงตามหาบัว พูดกับผมตลอดเวลามาตั้งเป็นร่วมสิบกว่าปีแล้ว ท่านบอกว่า สนธิ จะทำงานอะไรก็ตาม ให้เอาธรรมนำหน้า ผมก็ไม่เคยคิดว่า "ธรรม" คืออะไร จนกระทั่งต่อมาภายหลังผมเริ่มเข้าใจคำว่า "ธรรมนำหน้า" ขององค์พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว นั้น ก็คือเอาความจริงนำหน้า เพราะท่านบอกว่า "ธรรม" ไม่มีวันผิด คือ "ความจริง" มันไม่มีวันผิด มันจะผิดได้อย่างไรล่ะ เพราะมันเป็นความจริง

ด้วยเหตุนี้ ผมก็เลยไม่ยอมรับคำอธิบายของสื่อทางตะวันตก และผมเองเชื่ออยู่อย่างหนึ่งในหลักธรรมขั้นสูง คือหลักอิทัปปัจจยตา หรือ ปฏิจจสมุปบาท ว่าเนื่องจากมันมีเหตุนี้ เหตุนี้ถึงเกิดขึ้น เหตุนี้ถึงเกิดขึ้น และในที่สุดก็มีผลนี้เกิดขึ้นมา

ท่านผู้ชมครับ ถ้าจะขึ้นปีใหม่แล้ว ผมขอให้ท่านผู้ชมพิจารณาคำแนะนำของผมว่า 2566 ท่านผู้ชมเห็นผลอะไรก็ตาม พยายามโยงกลับไปที่เหตุที่ทำให้เกิดผลนี้ก่อน จึงจะเข้าใจได้ดีว่า "อ๋อ ... มันเป็นเช่นนี้แล" มันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละ

สิ่งที่ผมพูด ณ ขณะนี้ ก็คือเหตุการณ์ที่ผมจะมาอธิบายให้ท่านผู้ชมฟังวันนี้ก่อนสิ้นปี รายการสุดท้าย อาทิตย์สุดท้ายของสิ้นปี วันพรุ่งนี้ก็เป็นวันที่ 31 แล้ว วันเสาร์ มะรืนก็เป็นวันแรกของปี 2566 ผมอยากให้ท่านผู้ชมเปิดฉากปี 2566 ด้วยปัญญา และด้วยความเข้าใจในเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น

ผมเคยเล่าให้ท่านผู้ชมฟังแล้วใช่ไหมว่า รากเหง้าของวิกฤตทางยูเครนนั้นมันต้องมองย้อนหลังกลับไป มันไม่สามารถจะมองเรื่องราวในปัจจุบัน ผมเคยเอาคำอธิบายของ ศาสตราจารย์ ดร. จอห์น เมียร์ไชเมอร์ (John Mearsheimer) ท่านเป็นนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยชิคาโก ว่า สาเหตุเชิงลึกของวิกฤตการณ์ยูเครนนั้น ท่านบอกชัดเจนว่าชาติตะวันตกทั้งหมด ก็คือ อเมริกา อังกฤษ อียู ออสเตรเลีย แคนาดา ต้องรับผิดชอบต่อวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในยูเครน ผมพูดเรื่องนี้เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2565 ต้นปีที่ผ่านมา ตอนที่ 127


ท่านศาสตราจารย์ฯ บอกว่า ความวุ่นวายที่เกิดเช่นนี้ ผู้ที่ต้องรับผิดชอบหลักเลย คือบรรดาชาติตะวันตก ไม่ใช่รัสเซีย มุมมองนี้ไม่ใช่กระแสหลักในสหรัฐฯ แต่เป็นที่ยอมรับกันว่า ชาติตะวันตกเป็นคนที่ก่อให้เกิดวิกฤตนี้ เพราะอเมริกาและพันธมิตรยุโรปต้องการจะดึงยูเครนให้ออกมาจากวงโคจรของรัสเซีย และรวมยูเครนเข้าไปในเครือข่ายของชาติตะวันตก ก็คือ จุดประสงค์เพื่อใช้ยูเครนเป็นกำแพงกั้น ณ ชายแดนรัสเซีย ซึ่งท่านผู้ชมรู้ใช่ไหมว่าคำตอบของรัสเซียนั้นชัดเจนว่า ไม่ได้ ทำแบบนี้ไม่ได้ เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา วลาดิมีร์ ปูติน เขาย้ำพูดย้ำทำให้เห็นว่า รัสเซียจะทำทุกวิถีทางที่จะจัดการกับยุทธศาสตร์สกัดกั้นรัสเซียของอเมริกาและพันธมิตรสหรัฐฯ ในยุโรป


ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญในยุทธศาสตร์สกัดกั้นรัสเซียของอเมริกาและชาติพันธมิตร หลังสงครามโลกครั้งที่สองนั้น มีอยู่ 3 ประการ ประการแรก ชาติตะวันตกจะต้องขยายจำนวนสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต (NATO) ในเชิงการทหาร ข้อที่สอง ขยายจำนวนสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งการผนวกยูเครน โปแลนด์ เชโกสโลวาเกีย และเหล่ารัฐบาลบอลติก คือยุโรปตะวันออก เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของตะวันตก ในเชิงเศรษฐกิจและสังคม ข้อแรกในเชิงการทหาร ข้อที่สอง ในเชิงเศรษฐกิจและสังคม ข้อที่สาม บ่มเพาะปฏิวัติสีส้มในยูเครน ซึ่งเป็นการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ในการสร้างความวุ่นวายเอาไว้ในนามของคำว่า "ประชาธิปไตย"


การขยับขยายเพิ่มจำนวนสมาชิกไปประชิดกับรัสเซียมากขึ้นเรื่อยๆ นั้นมีหลายระลอก ตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตเป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม การขยับขยายก่อนหน้านี้ไม่ได้กระทบกระเทือนความมั่นคงของรัสเซียมากนัก จนกระทั่งมีการประชุมสุดยอดของนาโตที่กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย ระหว่างวันที่ 2-4 เมษายน เมื่อสิบห้าปีที่แล้ว (2551)


ซึ่งในแถลงการณ์การประชุมกล่าวตอนหนึ่งว่า นาโตยินดีต้อนรับยูเครน และจอร์เจีย เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของความทะเยอทะยานในการเป็นสมาชิกของนาโต โดยวันนี้เรายืนยันแล้วว่าประเทศเหล่านี้่จะเข้าเป็นสมาชิกนาโต เรายินดีต้อนรับการปฏิรูปทางประชาธิปไตยในยูเครน และจอร์เจีย

เดี๋ยวผมจะเอาแผนที่ให้ดูว่าจอร์เจียอยู่ที่ไหน ยูเครนอยู่ที่ไหน

ท่านผู้ชมจะเห็นรัสเซีย ยูเครน ยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย แล้วจอร์เจียอยู่เล็กๆ ตรงนี้ คือหลักๆ นาโตใน 15 ปีที่แล้ว ประกาศเลยว่าจะให้ยูเครน ซึ่งอยู่ติดหลังบ้านรัสเซีย และจอร์เจีย ซึ่งอยู่ติดด้านล่างรัสเซีย เข้าเป็นส่วนหนึ่งของนาโต เท่ากับว่าเข้าไปตั้งกองทัพของนาโตยันหลังบ้านรัสเซีย ซึ่งรัสเซียไม่ยอม เป็นผม ผมก็ไม่ยอม


จนกระทั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย บอกว่า การดึงจอร์เจีย และยูเครน เข้าไปเป็นพันธมิตรนาโต เป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งจะนำมาสู่ผลกระทบร้ายแรงที่สุดสำหรับความมั่นคงของยุโรป นาย Aleksandr Grushko พูดเมื่อปี 2551 สิบห้าปีให้หลังมันก็เป็นความจริงขึ้นมา มันเป็นวิกฤตซึ่งมันไม่จบ หมายความว่า ระหว่างรัสเซียต้องล่มสลายไปทั้งหมดด้วยฝีมือนาโต กับการต่อสู้ของรัสเซียที่รวมนาโตทั้งหมด ใครจะอยู่รอด ปูติน พูดชัดเจนว่า ไม่มีทางที่จะลบรัสเซียออกไปจากแผนที่โลกได้ แต่สิ่งที่ปูตินทำอยู่คือ ปูตินกำลังลากอียูและนาโตทั้งหมดเข้ามาในสงคราม ให้จมปลักสงคราม เพื่อให้พังทลายไปเลย เพื่อให้เศรษฐกิจทั้งหมดถดถอย ไม่เจริญเติบโต ซึ่งวันนี้เป็นจริงแล้วทุกอย่าง ข้าวของแพง เงินเฟ้อสูง พลังงานแพง ประชาชนในกลุ่มของพวกนี้เดินขบวนขับไล่รัฐบาลของตัวเองไม่เว้นแต่ละวัน นั่นคือสิ่งที่รัฐมนตรีช่วยฯ ต่างประเทศของรัสเซียพูดเมื่อ 15 ปีที่แล้ว และเป็นสิ่งที่วลาดิมีร์ ปูติน เตือนแล้วเตือนอีก เตือนมาตลอด

19 กรกฎาคม 2561 สี่ปีที่แล้ว ปูติน บอกว่า การที่จอร์เจีย และยูเครน กลายเป็นส่วนหนึ่งของนาโต เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อรัสเซีย คือปูตินเตือนแล้ว ถ้าพูดภาษานักเลงก็ อย่านะๆ ถ้าเข้ามาอีกก้าว มีเรื่องกันแน่นอน แต่นาโตไม่ฟัง


แล้วทำไมการขยายชาติสมาชิกของนาโตตั้งแต่จอร์เจีย จนมาถึงยูเครน จึงเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อรัสเซีย ? ท่านผู้ชมตามผมมา

รัสเซียนั้นก่อตั้งปี 2465 (ค.ศ. 1922) เป็นสหภาพโซเวียต ล่มสลายเมื่อปี 2534 (1991) อายุเพียง 69 ปี พอล่มสลาย ประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโปแลนด์ เบลารุส บัลแกเรีย โรมาเนีย และอีกหลายๆ ประเทศที่อยู่แถวนี้เต็มไปหมด ประเทศเล็กประเทศน้อย ที่เขาเรียกว่า ประเทศกลุ่มทะเลบอลข่านตะวันออก ก็เริ่มแตกตัวออกมา แล้วก็ใฝ่ฝันอยากจะเข้าร่วมกับอียู

พอกำแพงเบอร์ลินล่มสลาย ผู้นำสหรัฐฯ ในตอนนั้นก็คือ นายจอร์จ บุช หรือ บุชผู้พ่อ ก็ส่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายเจมส์ เบเกอร์ ส่งไปเลย ไปตกลงกับประธานาธิบดีมิคาอิล กอร์บาชอฟ ของสหภาพโซเวียต ไปเหมือนกับไปให้กำลังใจและให้คำมั่นสัญญาว่า คุณไม่ต้องห่วงนะ อเมริกาจะไม่ผลักดันให้มีการขยายประเทศสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) อีกแล้ว เนื่องจากสงครามเย็นจะสิ้นสุด ก็คือว่านาโตแต่ก่อนอยู่แค่เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี มาเรื่อยๆ มีอยู่แค่นี้ ออสเตรีย เขาบอกว่าเขาจะไม่ขยายออกไปอีกแล้ว แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นก็คือตรงกันข้าม เขาค่อยๆ ขยายออก และเขากลืนประเทศพวกนี้เข้ามา พยายามที่จะล้อมรัสเซีย


ผมเอารูป นายจอร์จ บุช กับ นายเจมส์ เบเกอร์ เมื่อปี ค.ศ. 1990 (2533) ให้ดู ข้อมูลนี้ไม่ใช่ผมพูดขึ้นมาเอง เป็นข้อมูลความลับในห้องสมุดของอเมริกาที่เพิ่งถูกเปิดเผยออกมา เพราะที่อเมริกานั้นมันมีชั้นความลับ ความลับบางอย่างจะเปิดเผยไม่ได้ ต้องทอดทิ้งไว้สัก 10 ปี หรือ 15 ปี ความลับตรงนี้จะเปิดเผยได้ เพราะฉะนั้นความลับนี้ที่ว่าจอร์จ บุช ส่งเจมส์ เบเกอร์ รัฐมนตรีฯ ต่างประเทศ ไปให้คำมั่นสัญญากับ มิคาอิล กอร์บาชอฟ ประธานาธิบดีรัสเซีย ว่า ไม่ต้องกังวล นาโตไม่ขยายไปแล้ว อยู่แค่นี้
แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา นาโตกลับสยายปีก เพิ่มจำนวนสมาชิกมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ประธานาธิบดีคนต่อมาหลังจากรัสเซียล่มสลาย คนแรกก็คือ บอริส เยลต์ซิน ไม่พอใจมาก


ท่านผู้ชมครับ 33 ปีที่ผ่านมา นาโตขยายสมาชิกขนาดไหน ? จากสีเขียว และสีเหลือง ในแผนที่ คือชาติที่นาโตทยอยรับเข้าเป็นสมาชิกนับตั้งแต่ปี 2533
2533 มาถึงวันนี้รับเข้ามาเพิ่มแล้ว 14 ชาติ 2542 สาธารณรัฐเช็ก ฮังการี โปแลนด์ 2547 บัลแกเรีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย โรมาเนีย สโลวาเกีย สโลเวเนีย ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ ยกเว้นโปแลนด์ 2552 อัลแบเนีย โครเอเชีย มอนเตเนโกร 2563 มาซิโดเนียเหนือ

ท่านผู้ชมครับ การขยายจำนวนสมาชิกนาโตมาทางยุโรปตะวันออก ติดกับรัสเซีย คือ โปแลนด์ เช็ก ฮังการี สโลวาเกีย ลงมาโครเอเชีย เซอร์เบีย อัลแบเนีย บัลแกเรีย โรมาเนีย แล้วตอนนี้ก็จะผนวกยูเครนเข้าไปอีกเจ้าหนึ่ง แล้วเอาจอร์เจียเข้ามาด้วย 


ท่านผู้ชมเห็นตัวเลขหรือยัง ถ้าท่านผู้ชมเป็นวลาดิมีร์ ปูติน จะมีความสุขไหม ? ไม่มีความสุข เพราะนี่คือยุทธวิธีการรุกเพื่อปิดกั้นรัสเซีย รัสเซียก็ถามว่ารัสเซียทำอะไรผิด ถึงมาปิดกั้นรัสเซีย เพราะอเมริกาเห็นว่ารัสเซียเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ที่ขวางอเมริกาไว้หลายๆ เรื่อง และที่สำคัญ ไม่เคยมีใครพูด ประเทศรัสเซีย+ยูเครน นั้น เป็นประเทศที่มีทรัพยากรทางพลังงาน ธัญพืช เยอะแยะไปหมด มีส่วนในการช่วยโลกในเรื่องของอาหารการกินตั้งเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ พลังงานมีตั้งเยอะตั้งแยะ เพราะฉะนั้นการขยายสมาชิกนาโตมาทางยุโรปตะวันออก ติดกับรัสเซีย รวมไปถึงอดีตประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตอย่างต่อเนื่อง รัสเซียถือว่าเป็นการผิดสัญญาที่สหรัฐฯ เคยให้ไว้กับผู้นำโซเวียต (หรือรัสเซียในปัจจุบัน)


ด้วยเหตุนี้ ในช่วงปี 2543 (22 ปีที่แล้ว) ปูติน รอมายี่สิบกว่าปี เพราะว่ารัสเซียตอนนั้นอ่อนแอมาก เพราะประเทศเพิ่งล่มสลาย ปูตินต้องรื้อฟื้นความเข้มแข็งของสังคม รอให้สัมปทานน้ำมันที่ตะวันตกเข้ามายึดครองในรัสเซียให้หมดสัญญา แล้วยึดคืนมาเป็นของรัฐ และนั่นคือที่มาของการจัดตั้งบริษัทก๊าซพรอม ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเรื่องบริษัทที่ส่งก๊าซ ปูตินรอยี่สิบกว่าปีเดินหน้าเอาคืนอเมริกาและนาโต เพราะว่าอเมริกาใช้นาโต คือยุโรป เป็นหัวหอกในการเข้าไปรุกรัสเซีย นั่นคือเหตุผลว่าทำไมปูตินถึงพูดว่า ยุโรปแท้ที่จริงแล้วคือพรมเช็ดเท้าของอเมริกา คือยุโรปเป็นพรม อเมริกาเอาเท้าถูพรม เช็ดเท้าตัวเอง ทำนองว่าสั่งอะไรก็ต้องทำตามทุกอย่าง
เอาล่ะ ท่านผู้ชม มันมีเหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เข้าสู่วิกฤต มันมีคำพูดคำหนึ่งว่า "ยูโรไมดาน" (Euromaidan)


วิกฤตทางการเมืองของยูเครน เขาเรียกกันว่า "ยูโรไมดาน" ซึ่งแปลได้ว่า จัตุรัสยูโร เป็นการเดินขบวนของชาวยูเครนที่เริ่มตั้งแต่คืนวันที่ 21 พฤศจิกายน ถึง 22 กุมภาพันธ์ สองเดือนกว่า ในปี 2557 ปีที่ คสช. ปฏิวัติยึดอำนาจไป เรียกร้องให้มีการบูรณาการยูเครนให้พึ่งพิงอิงแอบกับยุโรปมากขึ้น มีผู้นำยูเครนซึ่งเป็นผู้นำโปรรัสเซีย ชื่อ วิกเตอร์ ยานูโควิช เข้ามาเป็นประธานาธิบดียูเครน แล้วตัดสินใจยกเลิกการที่จะเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกนาโต โดยไม่ยอมลงนาม เลยไม่อยากให้ยูเครนเข้าไปร่วม ยินดีที่จะอยู่กับรัสเซียต่อไป


สำหรับสาเหตุที่ชาวยูเครนมาขับไล่นายยานูโควิช ที่ยกเลิกข้อเสนอของอียู ไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิก เหตุผลที่ขับไล่ก็เพราะว่า CIA และชาติตะวันตก อเมริกา ตลอดจนอียู อยู่เบื้องหลังการปลุกปั่น ทำให้ชาวยูเครนเชื่อว่า หนึ่ง การเข้าร่วมเป็นสมาชิกอียูจะทำให้เศรษฐกิจ การเมือง และยูเครน รุ่งเรืองและมั่นคงขึ้น ท่านผู้ชมครับ วันนี้ประเทศต่างๆ ที่ร่วมกับอียู ไม่ว่าจะเป็นบัลแกเรีย โปแลนด์ และอีกหลายประเทศ เศรษฐกิจรุ่งเรืองหรือเปล่า มั่นคงหรือเปล่า ? ไม่ ฉิบหายกันหมดเลยทุกเจ้า พลังงานที่แพง รัสเซียก็บอกว่า ถ้าคุณไปร่วมกันต่อต้านผม ทำไมผมต้องขายพลังงานราคาถูกให้คุณ ผมไม่ขาย ยากจนกันเป็นแถว แม้กระทั่งประเทศที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ห่างไป คือ อังกฤษ ก็แทบจะไม่มีกินทุกวันนี้
ข้อที่สอง เขาต้องการให้ประเทศพวกนี้ตีตัวออกห่างจากอารยธรรมดั้งเดิมของรัสเซีย ไปสู่อารยธรรมที่สูงกว่าในยุโรป มันจะบ้ากันไปแล้วท่านผู้ชม อารยธรรมรัสเซีย คือ ชาวสลาฟ มีเป็นหลายร้อยปี เป็นพันปีเช่นกัน แล้วอารยธรรมยุโรปคืออะไรล่ะ ? ไม่เห็นมีอะไรพิเศษเลย ไปทางสแกนดิเนเวียก็เป็นอารยธรรมของไวกิ้ง คนเถื่อนในอดีต อาจจะมีแค่ฝรั่งเศสมั้ง


ประเด็นอยู่ที่ไหน ? การที่ชาติตะวันตกปลุกปั่นประชาชนชาวยูเครนออกมาทำการปฏิวัติ ที่เขาเรียกว่า "ยูโรไมดาน" เพื่อตีตัวออกห่างจากรัสเซีย แล้วหาเหตุไปซบอกสหภาพยุโรป และสหรัฐฯ ลืมไปเลยว่ายูเครนนั้นเคยเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย มีพรมแดนติดกับรัสเซีย ที่สำคัญ ต้องพึ่งพาทรัพยากรมหาศาลจากรัสเซีย ด้วยเหตุนี้ รัสเซียพยายามพูดตลอดเวลาว่า ยูเครนควรประพฤติตนเป็นรัฐที่เป็นกลาง มากกว่าที่จะโอนเอียงไปทางมหาอำนาจข้างใดข้างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นข้างรัสเซีย หรือยุโรปก็ตาม
ด้วยสาเหตุนี้ อเมริกาไม่ต้องการให้ยูเครนเป็นกลาง แต่อยากให้เข้ามาอยู่กับนาโต อยู่กับยุโรป อยู่กับอียู ก็เลยชักนำชาวยูเครนเดินสู่เส้นทางหายนะอย่างแท้จริง

เพราะฉะนั้น "การปฏิวัติยูโรไมดาน" ถือเป็นชนวนเริ่มต้นของสงครามรัสเซีย-ยูเครน เลยก็ว่าได้ เพราะได้สร้างความไม่พอใจอย่างมากแก่ประชาชน จนอดีตประธานาธิบดียานูโควิช ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งประธานาธิบดียูเครน และลี้ภัยไปอยู่รัสเซียกับปูติน ทำให้รัสเซียตอบโต้เลย ด้วยการเข้าไปยึดแหลมไครเมีย ทันที ในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ปีเดียวกัน คือปี 2557

ท่านผู้ชมครับ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างท่านผู้ชมกับผม ผมต้องการแสดงให้เห็นว่าผมไม่ได้มโนเรื่องต่างๆ ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่า อเมริกาอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ "ยูโรไมดาน" ที่เล่าให้ฟังเมื่อกี้นี้

นางวิคตอเรีย นูแลนด์
ต้นปี 2557 ได้มีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์หลุดออกมาทางโซเชียลมีเดีย ผ่านเว็บไซต์ youtube เป็นบทสนทนาของ นางวิคตอเรีย นูแลนด์ (Victoria Nuland) ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ต่างประเทศสหรัฐฯ สมัยประธานาธิบดีบารัก โอบามา และสมัยรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน

นางนูแลนด์ ได้โทรศัพท์หานายเจฟฟรีย์ ไพแอตต์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเครน โทรไปเลย แล้วบอกว่า CIA ได้เข้าแทรกแซงการประท้วงและการปฏิวัติในยูเครน และเตรียมผู้นำยูเครนที่จะมาจัดตั้งรัฐบาลแทนนายวิกเตอร์ ยานูโควิช ที่ถูกขับไล่ออกไป นี่เป็นหลักฐานชัดเจน

 นายเปโตร โปโรเชนโก
มิถุนายน 2557 ด้วยการแทรกแซงของอเมริกา และชาติยุโรป ยูเครนก็เลยตั้ง นายเปโตร โปโรเชนโก ซึ่งยืนข้างอียูและนาโต มาเป็นผู้นำแทน ซึ่งในขณะนั้นยูเครนกำลังวุ่นวายมาก แล้วเมื่อเขาขับไล่ประธานาธิบดีที่โปรรัสเซียออก รัสเซียก็เลยถือโอกาสยึดไครเมียคืนเลยทันที เหตุผลก็เพราะว่า รัสเซียได้สร้างความชอบธรรมจากการลงประชามติแยกตัวเป็นอิสระของแคว้นไครเมียในวันที่ 16 มีนาคม 2557 (8-9 ปีที่แล้ว) โดยประชาชนชาวไครเมียกว่า 96.8 เปอร์เซ็นต์ สนับสนุนให้ไครเมียนั้นผนวกกับรัสเซีย มตินี้ไม่ได้มีอะไรน่าแปลกใจ เพราะประชากรส่วนใหญ่ในแคว้นไครเมียนั้นแต่เดิมเป็นเชื้อสายรัสเซียอยู่แล้ว

สรุป 8 ปีที่แล้ว ค.ศ. 2014 หรือ พ.ศ. 2557 เป็นปีที่มีความสำคัญหลายประการ และถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในสถานการณ์ยูเครน คือ หนึ่ง การปฏิวัติโดย CIA อยู่เบื้องหลัง ซึ่งยืนยันโดยอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ต่างประเทศอเมริกา สมัยบารัก โอบามา ยืนยันว่าการปฏิวัติ "ยูโรไมดาน" ที่เริ่มขึ้นปี 2556 นั้น เกิดขึ้นเพราะ CIA ปลุกปั่น และอยู่เบื้องหลัง และเอากองกำลังกองพันอาซอฟ ซึ่งเป็นพวกนีโอนาซีนั้น เข้ามาก่อความวุ่นวายและขับไล่ประธานาธิบดีที่โปรรัสเซีย

สอง ยูเครนเปลี่ยนผ่านผู้นำจากโปรรัสเซีย มาเป็นฝ่ายโปรยุโรป นาโต สาม รัสเซียผนวกแคว้นไครเมียเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย โดยอ้างอิงถึงการลงประชามติเห็นชอบว่าชาวไครเมียส่วนใหญ่มีเชื้อสายรัสเซีย

จากนั้นแล้ว ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ก็ได้รุกต่อ กล่าวถึงการถูกกดขี่ ทารุณกรรม โดยกล่าวถึงสิทธิของชาวยูเครนเชื้อสายรัสเซียที่อยู่ในแคว้นดอนบัส ทางตะวันออกของยูเครน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดโดเนตสก์ และ ลูฮานสก์ ว่ากำลังถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยกลุ่มนีโอนาซี


ผมจะเอาแผนที่ให้ดู นี่คือแผนที่ยูเครนทั้งประเทศ เขาแบ่งชนชาติ สีแดง เป็นคนที่ใช้ภาษายูเครนพูด สีเหลือง กับ เส้นสีน้ำตาล เป็นพื้นที่ที่ชนชาติรัสเซียอยู่ และใช้ภาษารัสเซีย ส่วนสีเหลือง ส่วนใหญ่จะเป็นคนพูดภาษารัสเซีย ส่วนสีเหลืองอ่อนๆ ก็เป็นชนชาติที่ใช้ภาษารัสเซียส่วนใหญ่ ซึ่งก็มีส่วนเกี่ยวพันกับรัสเซีย


ส่วนที่เป็นสีเหลือง-เส้นน้ำตาลคาด คือพื้นที่ของดอนบัส ซึ่งมีประชาชนชาวรัสเซียอาศัยอยู่ที่นี่ และโดนกองกำลังนีโอนาซีของยูเครนซึ่งศูนย์บัญชาการการรบอยู่ที่เมืองท่ามาริอูโปล ส่งกำลังทหารแล้วไปโจมตีประชาชนในพื้นที่ดอนบัส และเมืองสามเมืองที่เล่าให้ฟังเมื่อกี้นี้ ซึ่งคนพวกนี้เป็นคนรัสเซีย เสียชีวิตไป 14,000 คน อย่างน้อย ตรงนี้ก็เลยทำให้วลาดิมีร์ ปูติน ถือโอกาสหลังจากที่เข้าไปยึดไครเมียแล้ว ก็ถือโอกาสบุกเข้าไปสนับสนุนให้มีการแยกดินแดนออกมาเป็นรัฐอิสระ โดยที่ไม่ต้องขึ้นอยู่กับยูเครน ก็เลยมีสงครามอย่างใหญ่เลยที่เกิดขึ้น ซึ่งยูเครนใช้กองพันอาซอฟ ซึ่งเป็นกองพันที่เป็นพวกนีโอนาซียุคใหม่มาทำลายล้างชาวรัสเซียที่อาศัยอยู่ตามพื้นที่นี้ ยิง ฆ่า ปี 2014 ตายไป 14,000 คน ท่านผู้ชมคิดว่าคนตายไป 14,000 คน มันน้อยหรือ รัสเซียเขาเจ็บปวดหัวใจมาก


สถานการณ์ขัดแย้งที่ลุกลามในแคว้นดอนบัส รัสเซียก็ส่งกำลัง ส่งอาวุธ ส่งผู้สนับสนุน ส่งทหารรับจ้าง เข้าไปช่วยชาวบ้านที่อยู่ในโดเนตสก์ ลูฮานสก์ และแคว้นดอนบัส สู้กับยูเครน ก็เลยมีการนำไปสู่การเจรจา 4 ฝ่าย ระหว่าง ยูเครน รัสเซีย และมีคนกลาง คือ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ที่กรุงมินสก์ ประเทศเบลารุส มีเยอรมนีเข้าร่วม ฝรั่งเศสเข้าร่วม ยูเครน และ รัสเซีย


5 กันยายน 2557 ทั้ง 4 ฝ่าย เจรจาจนบรรลุข้อตกลงกรุงมินสก์ ครั้งที่ 1 มุ่งที่จะยุติการสู้รบในแคว้นดอนบัส และให้แนวทางทางด้านการเมืองเพื่อการมอบพื้นที่ให้คืนกับรัฐบาลยูเครน แต่ละฝ่ายก็ลงนามร่วมกัน รัสเซีย-ยูเครน ลงนาม แต่จากภาพแผนข้างต้นระบุชัดเจนว่า มีการกำหนดพื้นที่กันชนข้างละ 15 กิโลเมตร และห้ามทั้่งสองฝ่ายใช้อาวุธปืนใหญ่เกิน 100 มิลลิเมตร แต่ข้อตกลงมินสก์ดังกล่าวกลับล้มเหลว ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง ถึงแม้จะมีการลงนามในข้อตกลงมินสก์ ครั้งที่ 2 ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2558 แต่ข้อตกลงก็ล้มเหลวซ้ำสอง


คำถามที่น่าสนใจว่า ทำไมข้อตกลงกรุงมินสก์ในการเจรจาสงบศึกถึงล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าถึง 2 ครั้ง คำตอบคือ เรามาดูข้อเรียกร้องของทั้งสองฝ่ายก่อน

ทางฝั่งยูเครน ต้องการให้มีการหยุดยิงในพื้นที่ยูเครนตะวันออกทั้งหมด กลุ่มกบฏ และรัสเซีย ต้องถอนอาวุธหนักและทหารรับจ้างออกจากพื้นที่ดอนบัสให้หมด รัฐบาลยูเครนต้องมีอำนาจในการปกครองแคว้นดอนบัสอย่างเต็มที่

ข้อเรียกร้องของฝั่งรัสเซีย หนึ่ง แคว้นดอสบัสต้องเป็นรัฐอิสระ ผู้ปกครองแคว้นดอนบัสต้องมีสิทธิในการปกครองและควบคุมกิจการภายในตัวเองได้ โดยจุดมุ่งหมายคือ ปลดปล่อยชาวยูเครนเชื้อสายรัสเซียที่ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และป้องกันชาติตะวันตกเข้าแทรกแซงพื้นที่ในแคว้นดอนบัส ซึ่งมีพื้นที่ติดกับรัสเซีย


เมื่อเราพิจารณาข้อตกลงแล้ว เรามาดู ข้อ 3. จะต้องทำตัวเป็นกลาง คือ องค์กรเพื่อความร่วมมือและความมั่นคงในยุโรป ที่มีฝรั่งเศส และเยอรมนี เป็นตัวแทน จะต้องมีความเป็นกลาง โดยเป็นผู้ตรวจสอบและควบคุมว่าทั้งสองฝ่าย คือ ยูเครน และ รัสเซีย ต้องทำตามข้อตกลง แต่ฝรั่งเศส และเยอรมนี กลับไม่ได้เป็นตัวกลางในความขัดแย้ง ประพฤติตัวเข้าข้าง ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างออกหน้าออกตามาตั้งแต่ปี 2558 หรือ 7 ปีที่แล้ว

ท่านผู้ชมครับ เดี๋ยวผมจะเอาคำพูดของนางอังเกลา แมร์เคิล อดีตผู้นำหญิงเยอรมนี ที่ออกมาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ในเยอรมนี ชื่อ DIE ZEIT


ในการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ของเยอรมนี นางแมร์เคิล ระบุเลยว่า ข้อตกลงกรุงมินสก์ ซึ่งถูกจัดทำขึ้นที่เมืองหลวงของประเทศเบลารุส ในช่วงปี 2557-2558 เป็นเพียงการซื้อเวลาของอเมริกา และชาติยุโรปในนาโต เพื่อให้ยูเครนแข็งแกร่งขึ้น เพื่อให้ยูเครนพร้อมทำสงครามกับรัสเซีย และเรากำลังเห็นผลของมันในตอนนี้

นางแมร์เคิล พูดต่อ นั่นหมายความว่าสงครามยูเครนที่เราเห็นกัน ณ วันนี้ เป็นการตระเตรียมของอเมริกา และนาโต ที่เตรียมเอาไว้หลายปีแล้ว ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมที่ไม่ชอบรัสเซียฟังข้อมูลตรงนี้หน่อย ประเทศไทย หรือประเทศทางตะวันตก ไม่เคยเอาเรื่องพวกนี้มาพูดให้ฟัง แล้วนางแมร์เคิล ซึ่งเป็นผู้นำเยอรมนี และเข้าไปเป็นตัวแทนในการเจรจาครั้งนั้นพร้อมกับผู้นำฝรั่งเศส ออกมายืนยันหลังจากที่ผ่านมาแล้วหลายปี ว่า สรุปแล้วข้อตกลงมินสก์ก็คือการเปิดโอกาสให้อเมริกา และนาโต เตรียมตัวสนับสนุนยูเครนให้เตรียมพร้อมที่จะรบกับรัสเซีย

การจะกล่าวถึงข้อตกลงกรุงมินสก์ ซึ่งเป็นชื่อเมืองหลวงของเบลารุส เพื่อนบ้านของรัสเซีย และยูเครน ปัจจุบันเบลารุสกลายเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของรัสเซียนั้น เราต้องมองย้อนอดีตไปอย่างน้อยถึงเหตุการณ์สงครามเย็น คือหลังจากการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน ความล่มสลายของสหภาพโซเวียต และการประกาศตัวเป็นเอกราชของประเทศต่างๆ ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของนาโต เรื่อยมาจนถึงการประท้วง นำมาสู่การปฏิวัติ "ยูโรไมดาน" ในยูเครน เมื่อปี 2556 หรือ ค.ศ. 2013 เสียก่อน

สันติภาพของยูเครน นางแมร์เคิล กล่าวว่า รัสเซียต้องการบรรลุข้อตกลงกับยูเครนในอนาคต แต่รัสเซียรู้สึกว่าชาติตะวันตกหักหลัง และฉีกข้อตกลงมินสก์

ประธานาธิบดีปูติน กล่าวว่า เยอรมนี และฝรั่งเศส ซึ่งผลักดันการทำข้อตกลงหยุดยิงที่กรุงมินสก์ ระหว่างยูเครน กับ กลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ฝักใฝ่รัสเซีย ในปี 2557-2558 นั้น ได้หักหลังรัสเซีย และขณะนี้กำลังสนับสนุนอาวุธให้กับยูเครน


นายปูติน แสดงความผิดหวังต่อนางอังเกลา แมร์เคิล อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งระบุว่า แท้จริงแล้วข้อตกลงมินสก์มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ยูเครนมีเวลาเพิ่มกำลังอาวุธเพื่อป้องกันตัวเอง

ท่านผู้ชมครับ เมื่อผมประมวลเหตุการณ์ทุกอย่างแล้ว เป็นเรื่องๆ เป็นตอนๆ ให้ท่านผู้ชมเห็น ท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัดว่า การที่นางอังเกลา แมร์เคิล อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนี บอกว่าสงครามเย็นนั้น แท้ที่จริงไม่เคยสิ้นสุดเลย เป็นความจริงอย่างแน่นอนที่สุด นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ สงครามยูเครน อันเป็นผลมาจากสงครามเย็นที่ไม่เคยสิ้นสุดลงอย่างแท้จริง สุดท้ายแล้วจะพาโลกใบนี้ไปสู่ที่ใด หรือที่น่ากลัวไปยิ่งกว่านั้นคือ ลุกลามกลายเป็นชนวนนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สาม หากอเมริกา และนาโต ยังยืนกรานที่จะยุแหย่และให้การสนับสนุนรัฐบาลหุ่นเชิดตะวันตกของนายโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ให้ทั้งอาวุธ ยุทโธปกรณ์ การฝึกกำลังทหาร การสนับสนุนทางการเงินต่อไปเรื่อยๆ จนในที่สุดนำพาสถานการณ์ไปสู่จุดที่บีบให้มีการก่อสงครามนิวเคลียร์ที่ทำลายโลกทั้งใบ


ท่านผู้ชมครับ นี่คือที่มาของสงครามในยูเครนที่พวกเราต้องเข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร มันเกิดขึ้นเพราะตะวันตกเป็นคนก่อ นาโตเป็นคนก่อ แล้วใช้ยูเครน ใช้เซเลนสกี เป็นหมาก เป็นเบี้ย ยูเครนจะฉิบหาย คนยูเครนจะตายไปอย่างไร พวกนี้เขาไม่สนใจ เซเลนสกี คือตัวตลกที่เขาเชิดขึ้นมา วันข้างหน้าพอไม่มีความจำเป็นต้องใช้นายเซเลนสกีแล้ว เขาก็จะถีบส่งนายเซเลนสกี เหมือนหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง คนที่ฉิบหายคือประชาชนชาวยูเครน ซึ่งต้องการจะอยู่อย่างสงบสุข มีสันติภาพ และไม่ต้องการเข้าข้างฝ่ายใด เพราะยูเครนเองก็มีทรัพยากรธรรมชาติที่เยอะ


ท่านผู้ชมครับ วลาดิมีร์ ปูติน ยึดตรงนี้เอาไว้ ฉลาดมาก เพราะนี่คือพื้นที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะที่สุดในยูเครน สีแดงนี่ไม่มีอะไรเลย อ้างโลก ผมจะเอาแผนที่อีกอันให้ท่านผู้ชมดู แล้วท่านผู้ชมจะเห็น

ท่านผู้ชมเห็นโปแลนด์ไหม ? โปแลนด์กำลังกระเหี้ยนกระหือที่จะไปยึดทางตะวันตกของยูเครน เพราะโปแลนด์เคยอ้างว่ากรุงลวิฟ (Lviv) เคยเป็นของโปแลนด์มาก่อน จะยึดคืนเอาไปผนวกกับโปแลนด์ ซึ่งหมายความว่าถ้าเซเลนสกีแพ้ โปแลนด์ก็จะยาตราเข้ามายึดเมืองลวิฟ ซึ่งปูติน ไม่ยอม ถ้าโปแลนด์เข้ามาก็ต้องเกิดสงครามระหว่างรัสเซีย กับ โปแลนด์ ต่อไปอีก


เบลารุส ตอนนี้ เมื่อ 1-2 อาทิตย์ที่แล้ว วลาดิมีร์ ปูติน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ไปเยือนแล้วส่งอาวุธ ขีปนาวุธติดนิวเคลียร์ จรวดความเร็วสูง ไฮเปอร์โซนิก เร็วกว่าเสียง 25 เท่า ติดตั้งไว้ในเบลารุส ก็เท่ากับว่า อีกหน่อย ตอนนี้รัสเซียประกาศมาชัดเจนแล้วว่าจะมาบนโต๊ะเจรจาสันติภาพไหม หมายความว่า รัสเซียพูดชัด ถ้าจะเจรจาสันติภาพ ถ้าจะมาบอกว่าให้คืนตรงนี้ไป คืนพวกนี้มาให้ก่อนแล้วค่อยคุยด้วย ให้รอชาติหน้าตอนบ่ายๆ นี่คือสิ่งที่รัสเซียพูด แต่ถ้าไม่มาเจรจา ไม่เป็นไร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ประกาศชัดเจนในโลกนี้ว่า ถ้าไม่มาเจรจา รัสเซียจะจัดการของรัสเซียเอง ก็คือว่ายึดยูเครนทั้งหมดเลย โดยเบลารุสบุกเข้าทางเหนือ รัสเซียบุกเข้ามาทางใต้ เข้าไปยึดกรุงเคียฟ (Kyiv)

ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่าวันนี้ไม่ต้องยึดกรุงเคียฟ กรุงเคียฟมันคือเมืองร้างไปแล้ว ประชากรเหลืออยู่แค่ 4 แสนคน กำลังจะอพยพออกจากเมืองเคียฟ คือเมืองหลวงของตัวตลกเซเลนสกี แล้วตัวตลกเซเลนสกี อยู่ที่ไหน ? มันไม่ได้อยู่ที่เคียฟ มันอยู่แถวๆ ริมชายแดนโปแลนด์ วันดีคืนดีก็บินไปที่ประเทศโน้นประเทศนี้ เพื่อไปทำหน้าที่เป็นขอทาน ขอเงิน ขออาวุธ ขอโน่นขอนี่ โดยไม่ได้สนใจอะไรเลยว่าพลเมืองของมัน อย่างน้อยที่สุดในเคียฟ 4 แสนคน กำลังอพยพออกไปแล้ว มันอยู่ไม่ได้นะท่านผู้ชม กรุงเคียฟ ตึกรามบ้านช่องพังทลายหมด ไฟฟ้าไม่มีใช้ ก๊าซไม่มีใช้ น้ำร้อนไม่มีใช้ น้ำดื่มไม่มีใช้ นี่ยังไม่นับพื้นที่ที่กำลังรบราฆ่าฟันกันอยู่ ที่สื่อตะวันตกไม่ยอมพูดเลยแม้แต่นิดเดียว เดี่ยวผมจะพูดให้ฟัง เดี๋ยวผมจะเอาให้ท่านผู้ชมดู


ท่านผู้ชมลองดูนะ ในขณะนี้แถวๆ นี้ก็คือเคอร์ซอน และโอเดสซา เมืองเคอร์ซอนมันพังทลายหมดแล้ว ทำไมรัสเซียถึงถอยจากเคอร์ซอน รัสเซียเคยยึดเมืองเคอร์ซอนได้ แล้วย้ายประชากรของเขาทั้งหมดออกมาจากเมืองเคอร์ซอน กลับไปอยู่ไครเมีย หรือกลับไปอยู่รัสเซีย ทำให้ยูเครน และกองกำลังทหารรับจ้างทางตะวันตก ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าทหารยูเครนมีส่วนไม่น้อยเลย แท้ที่จริงแล้วคือทหารโปแลนด์แต่งเครื่องแบบทหารยูเครน แต่เป็นทหารโปแลนด์เข้ามารบ

ปรากฏว่ารัสเซียพอถอยออกมาจากเมืองเคอร์ซอน แล้วตรงด้านบนจะมีเมืองๆ หนึ่งชื่อเมืองบัคมุด ที่รัสเซียถอนทหารออกหมดเลย ทำให้ทหารยูเครน และทหารนาโต ที่อยู่ในคราบทหารยูเครน ส่งกองกำลังเข้ามายึดเมืองบัคมุต ซึ่งเป็นเมืองที่พังทลายหมดแล้ว ไม่มีอะไร และรัสเซียไม่ต้องทำอะไร รัสเซียประหยัดชีวิตของทหารตัวเอง แต่ใช้ขีปนาวุธลูกยาวยิงถล่มเมืองบัคมุต เคอร์ซอน จนกระทั่งทหารยูเครน และทหารที่ใส่เครื่องแบบยูเครน ตายเป็นหมื่นๆ คน

นิวยอร์กไทมส์ สื่อตะวันตก รายงานว่า ตั้งแต่รบกันมา ทหารยูเครนตายไปแล้ว 150,000 คน บาดเจ็บอีกหลายแสนคน ขณะที่รัสเซียตายประมาณ 30,000 คน นี่คือสื่อมวลชนเช่นนิวยอร์กไทมส์รายงาน

ท่านผู้ชมครับ วันนี้เป็นวันที่ 30 จะสิ้นปีแล้ว ถือว่าอันนี้เป็นข้อมูลล่าสุดก่อนสิ้นปีนี้ เพื่อท่านผู้ชมจะได้เข้าใจสถานการณ์ในยูเครน ผมฟันธงลงไปว่า รัสเซียถือไพ่เหนือกว่าตะวันตก และนาโต และอเมริกา เพราะวันนี้เศรษฐกิจเยอรมนี ฝรั่งเศส สเปน ออสเตรีย อิตาลี โปแลนด์ เศรษฐกิจถดถอยหมด 


เพราะประเทศพวกนี้ ... ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าทำไประเทศพวกนี้ถึงเจริญรุ่งเรืองทางอุตสาหกรรม ? เพราะว่ารัสเซียในอดีตทำตัวเป็นปั๊มน้ำมันราคาถูก เป็นปั๊มส่งก๊าซ ส่งน้ำมันราคาถูก ให้กับพวกนี้ โปแลนด์ เยอรมนี เช็ก ออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สวีเดน นอร์เวย์ ฟินแลนด์ เมื่อได้รับพลังงานราคาถูก ต้นทุนอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ฝรั่งเศส เยอรมนี มันก็เป็นต้นทุนที่ต่ำ อุตสาหกรรมมันถึงเจริญเติบโตไง

ท่านผู้ชมลองย้อนกลับไปมองเยอรมนี ณ วันนี้ เวลานี้ เรียลไทม์ โรงงานอุตสาหกรรมเยอรมนีปิดกันเป็นแถว ทอดทิ้งไปปี 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้ เชื่อผมเลย รัสเซียจะไม่ทิ้งพวกนี้ รัสเซียจะถล่มยูเครนไม่หยุดเลย แล้วรัสเซียจะไม่ส่งพลังงาน ใครก็ตาม บริษัทใดก็ตาม ที่เป็นบริษัทกลางซื้อแล้วเอาไปส่งให้กับพวกยุโรปตะวันตก รัสเซียประกาศออกมาแล้วว่าจะไม่ส่งให้แล้ว สมัยก่อนยังใจดี ใช้บริษัทกลาง ใช้อินเดียซื้อ ใช้โน่นใช้นี่ซื้อแล้วส่งให้กับประเทศในยุโรปตะวันตก โดยบวกราคาเข้าไป แต่ตอนหลังมาหัวใส มาคุยกับอเมริกา และอังกฤษ ตัวดีเลย บอกว่าตอนนี้ต้องกำหนดราคาขายของน้ำมันรัสเซียไม่ให้เกิน 60 เหรียญต่อ 1 บาร์เรล รัสเซียบอก ถ้ามากำหนดราคาขาย ก็ไม่ต้องซื้อเลย สิ่งแรกที่รัสเซียทำคือ รัสเซียลดกำลังการผลิตลงไป 7 เปอร์เซ็นต์ ราคาน้ำมันขึ้นในโลกนี้ทันทีเลย


สอง นอกจากลดกำลังการผลิตแล้ว รัสเซียจะไม่ส่ง สมมุติว่าเคยส่งประมาณ 1 ล้านบาร์เรล เพื่อให้บริษัทคนกลางซื้อแล้วเอาไปขายต่อกับพวกฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย โปแลนด์ พวกนี้ ตอนนี้ไม่ขายให้แล้ว เมื่อไม่ขาย น้ำมันมันหายไป พวกนี้ก็ต้องไปซื้อสิ ซื้อจากใครล่ะ ? ก็ไปซื้อจากอเมริกา อเมริกาเห็นพวกนี้เป็นพรมเช็ดเท้า ก็เอาเท้าขยี้หัวของพวกยุโรปตะวันตก พวกนาโต พวกอียู บวกราคาเข้าไปจนแพง แพงเหลือเกิน แพงจริงๆ ขนาดอังกฤษยังมีน้ำมันตัวเองอยู่ ก็ยังซื้อน้ำมันแพง ทุกคนแพงหมด เยอรมนีแทบจะตายอยู่แล้วตอนนี้ ประชาชนในปารีส ในเยอรมนี ประท้วง ไม่เว้นแต่ละวัน เศรษฐกิจในยุโรปตะวันตก อียู ถดถอยมาก ตกต่ำมาก

ทอดระยะเวลาไปปี 2023 (2566) อีก 1 ปี รัสเซียก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม ไม่ล่มสลายหรอก เชื่อผมเถอะ เพราะเขาเป็นเจ้าของพลังงาน อาหารการกินเขามี เขาเลี้ยงประเทศเขาได้ทั้่งประเทศ แต่พวกนี้ขอทานเต็มบ้าน คนไร้บ้านเต็มบ้าน นี่คือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีหน้า และปีหน้าเหตุการณ์ในยูเครนจะรุนแรงมากกว่าปีนี้อีกเยอะเลย เพราะว่าตอนนี้รัสเซียอาวุธไม่เคยหมด รัสเซียเริ่มเอาขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก ซึ่งเร็วกว่าเสียง 25 เท่า เริ่มเอามาติดตั้งประจำการในเบลารุสแล้ว และตามพรมแดนต่างๆ ของรัสเซีย อาวุธต่อต้านขีนปาวุธ แพทริออต ที่อเมริกาจะจัดส่งให้ เชื่อผมสิ ไปถึงยังไม่ทันไร รัสเซียทำลายหมด ไม่มีเหลือเลย ยูเครนกำลังจะหมดสิ้นความเป็นประเทศ ประเทศยูเครนกำลังจะไม่มีเหลืออีกต่อไปแล้วในปีหน้า แล้วยุโรปก็ไม่มีน้ำยาที่จะทำอะไรรัสเซียได้เช่นกัน อเมริกาเองก็มีปัญหาของตัวเองอย่างมากมายมหาศาล ท่านผู้ชม ถ้าท่านลองเสิร์ชโซเชียลมีเดีย ท่านไปดูวันคริสต์มาสของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เงียบสนิท มืดมิด ไม่มีการฉลองอะไรทั้งสิ้น มีแต่เต็นท์ของคนไร้บ้านที่วางอยู่ริมถนนแล้วนอนกัน เพราะไม่มีที่นอน นี่หรือคือโลกตะวันตกที่้ต้องการจะล้มล้างรัสเซีย

ท่านผู้ชมครับ ก็ฝากเป็นข้อคิด ข้อมูล เพื่อที่ท่านผู้ชมจะได้ปัญญา และที่สำคัญ อยากให้บรรดาสื่อมวลชนในประเทศไทย ให้รู้สถานการณ์ที่แท้จริงของยูเครน กับ รัสเซีย อย่าไปลุ่มหลงหลงใหลกับข้อมูลทางตะวันตกนะครับ


มีเรื่องของครอบครัวเรื่องหนึ่ง แต่เผอิญมันเกี่ยวโยงกับความเห็นของท่านผู้ชม ผมเลยจำเป็นต้องเอามาพูด ท่านผู้ชมจำได้ใช่ไหมว่าผมมีหลานสาว ลูกครึ่งญี่ปุ่น ชื่อ ซาโตมิ กิโนซ่า เดินทางจากอเมริกามาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย พร้อมสามี ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2566 หลังจากที่ไม่ได้มาเป็นเวลาสามปีกว่า หรือสี่ปี เนื่องจากโควิด-19

ซาโตมิ เป็นลูกครึ่ง เกิดจากน้องสาวของผม และสามีชาวญี่ปุ่น โดยทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของซาโตมิ เสียชีวิตไปตั้งแต่เด็ก ทำให้ซาโตมิได้รับการเลี้ยงดูจากผม และอาจารย์จันทน์ทิพย์ ลิ้มทองกุล เสมือนลูกสาวคนหนึ่ง มาตั้งแต่ยังเด็ก


ซาโตมิ เป็นเด็กที่เรียนเก่ง เก่งมากๆ หลังจากที่เรียนจบระดับมัธยมศึกษาที่ ISB (International School of Bangkok) เธอได้รับทุนการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่วิทยาลัย Wellesley รัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งเป็นวิทยาลัยสตรีอันดับหนึ่งของอเมริกา และผมก็บินไปส่งเธอด้วยตัวเอง หลังเรียนจบ ซาโตมิ เข้าทำงานในบริษัท องค์กรในต่างประเทศหลายแห่ง ก่อนเรียนต่อระดับปริญญาโท ได้มา 2 ปริญญา ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด คือ MBA และ MPA Harvard Business School (MBA) และ Harvard Kennedy School of Government ที่ฮาร์วาร์ด

เธอแต่งงานกับสามีชาวอเมริกันซึ่งเป็นลูกครึ่งฮ่องกง-อเมริกัน ซึ่งคุณพ่อและคุณแม่สามีเป็นแพทย์ และเป็นอาจารย์หมออยู่ที่ University of Pennsylvania ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอเมริกา


ที่ผมเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังเพราะอะไร ? เพราะประเด็นคือ พอผมโพสต์ภาพนี้ลงในเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" มีท่านผู้ชมบางท่านออกมาคอมเมนต์โดยกระแนะกระแหนว่า ไหนคุณสนธิชอบจีน เชียร์จีนมาก ทำไมถึงส่งหลานไปเรียนอเมริกา ไม่ส่งไปจีนล่ะ ? คุณ Kamsin Pon เขียนว่า "อ่าว..เห็นเชียร์แต่จีน ด่าอเมริกาทุกวัน แต่ไปเรียนอเมริกากันทั้งตระกูล สรุป ก็ทำเพื่อการเมืองทั้งนั้น พูดอย่าง ทำอย่าง" ไม่ใช่ครับ ไม่ได้พูดอย่าง ทำอย่าง คุณ Kamsin Pon ไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ผมก็ไม่รู้ว่าคุณมาดูรายการนี้เพราะคุณต้องการจะกระแนะกระแหนผม หรือคุณดูเพื่อเอาความรู้


คุณคงไม่รู้ใช่ไหม หรือคุณรู้แต่คุณปฏิเสธ ผมเป็นคนที่เรียนอเมริกาตั้งแต่ปริญญาตรี มหาวิทยาลัย Top10 ของอเมริกา จบปริญญาตรีทางประวัติศาสตร์ด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับ 2 แล้วได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยในอเมริกาอีกแห่งหนึ่ง ผมอยู่อเมริกามาเกือบสิบปี คุณคิดว่าผมไม่รู้จักอเมริกาดีหรือ ถ้าผมไปเรียนอเมริกามาสิบปี ทำไมผมกลับมาผมต้องวิพากษ์วิจารณ์อเมริกาล่ะ ก็เพราะว่าผมไปเรียน ผมไม่ได้สักแต่ไปท่องจำ อาจจะว่าผมโชคดีกว่าคุณก็ได้ ถ้าคุณเคยไปเรียนอเมริกา เพราะผมเรียนทางสาขาประวัติศาสตร์ ที่อเมริกามีอาจารย์สอนทางประวัติศาสตร์ที่เน้นสอนในเรื่องความจริงที่เกิดขึ้น ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง มาจนถึงสงครามในเวียดนาม และตลอดจนการรุกรานของอเมริกาที่อยู่ในโลกนี้ ซึ่งผมก็ศึกษาข้อมูล ก็เช็กดูว่าที่อาจารย์สอนนั้นไม่ได้ผิด รวมทั้งผมเข้าไปดูบันทึกประจำวัน หรือที่เขาเรียกว่า National Archives ก็เป็นความจริงอย่างที่ว่า เพราะฉะนั้นการที่ผมเรียนอยู่อเมริกา หรือซาโตมิ จะไปเรียนอเมริกา ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะชอบอเมริกา

อีกประการหนึ่ง ผมต้องเรียนให้คุณทราบนิดหนึ่งว่า ผมเลี้ยงเด็ก เลี้ยงลูก เลี้ยงหลาน ผมไม่เคยครอบงำเขา เผอิญเขาจบ ISB ไฮสคูล เขาเรียนเก่งมาก เขาได้ทุนจาก Wellesley College ปีละ 40,000 เหรียญสหรัฐ เขาก็อยากไปเรียน เพราะเขาเห็นว่าลดค่าใช้จ่ายให้กับผม ขนาดได้ทุนไป 40,000 เหรียญต่อปี ผมยังต้องควักเงินส่วนตัวสนับสนุนเขาอีก 30,000 เหรียญ เพราะค่าใช้จ่ายตกปีละ 70,000 เหรียญ และผมไม่เคยพูดเรื่องการเมืองกับหลานสาว แต่ผมรู้อยู่อย่างหนึ่งว่าในช่วงที่เขาอยู่ ISB ก่อนที่เขาจะไปเรียนที่อเมริกานั้น ผมชุมนุมพันธมิตรฯ อยู่ที่สะพานมัฆวานฯ เขาก็ไปร่วมชุมนุมกับผมด้วย แต่ผมไม่เคยยุ่งเรื่องความคิดทางการเมืองของเขา เพราะฉะนั้นแล้ว จะมาบอกว่า ถ้าผมว่าอเมริกามาก ทำไมผมไม่ส่งหลานสาวผมไปเรียนที่จีน สิทธิการเลือกสถาบันที่เขาต้องการไปนั้นเป็นเรื่องของเขา ผมเป็นเพียงแต่ให้คำแนะนำเขาเฉยๆ ว่าประเทศจีนมันกำลังจะเป็นยักษ์ใหญ่ในอนาคต

แต่เผอิญ ซาโตมิ เขามีเชื้อสายญี่ปุ่นอยู่ครึ่งหนึ่ง และคุณพ่อของเขาก็เป็นคนที่เฟเวอร์อเมริกา และตัวเขา ก็แน่นอนที่สุด เขาอยู่ ISB เขาก็ต้องใกล้ชิดสนิทสนมกับอเมริกามากที่สุด ก็เป็นความเชื่อของเขา

เหมือนหลานชายผม คุณวริษฐ์ ลิ้มทองกุล จบเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ แล้วคุณพ่อเขาซึ่งเป็นนายแพทย์ใหญ่อยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ จะส่งเขาเรียนต่ออเมริกา เขามาปรึกษาผม ผมก็บอกว่า เดี๋ยวอาให้ข้อคิดแล้วกัน ว่าอเมริกาจะมีแต่ต่ำเตี้ยลงไป อีกหน่อยประเทศจีนจะมีอิทธิพลในพื้นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อ๊อฟ คิดให้ดีๆ ก็แล้วกัน น่าจะไปเรียนที่ประเทศจีนมากกว่า เพราะว่าจะได้ใช้ภาษาจีนให้ได้อย่างลึกซึ้ง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจไปเรียนที่ประเทศจีน ปริญญาตรีเพิ่มอีกใบหนึ่ง แต่หลังจากนั้นเขามีภรรยา ภรรยาเขาก็เรียนต่อที่ประเทศจีน ซึ่งจบจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ผมไม่เคยบอกว่าต้องไปเรียนที่ประเทศจีนนะ ผมอธิบายให้ฟังภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศ คุณเข้าใจหรือยัง


อีกคน คุณ Thanachart Sawetchotikorn ออกความเห็นว่า "ผมเห็นคุณสนธิบ่นเกลียดแต่อเมริกาแต่คุณสนธิก็เรียนอเมริกาลูกหลานก็เรียนอเมริกาแล้วอเมริกามันไม่ดียังไงเหรอครับท่าน" ผมไปเรียนอเมริกาเพราะผมเคยไปเรียนที่ไต้หวันมาแล้วปีหนึ่ง แล้วผมสอบตกภาษาจีน ผมบอกว่าถ้าผมอยู่ไต้หวันต่อ ผมเรียนไม่จบแน่ ก็เลยขอคุณพ่อ เผอิญผมเรียนจบ ม.8 (ยุคนั้นเขาเรียก ม.8 คือ ม.6 สมัยนี้) ผมสอบติดบอร์ดได้ 1 ใน 50 คนของประเทศไทย คะแนนโรงเรียนมัธยมผมก็สูง แล้วโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา ตอนนั้น ตอน ม.ปลาย เขาสอนเป็นภาษาอังกฤษ เป็นโรงเรียนแรกๆ ที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาผมก็เลยเข้าได้ ผมก็เลยสมัครไป และผมก็ได้เข้าเรียนที่ UCLA ผมก็ไปทำงานด้วยเรียนหนังสือด้วย ณ เวลานั้น เมื่อปี ค.ศ. 1965 ยุคนั้นเป็นยุคที่ประเทศจีนยังปิดประเทศอยู่ และยุคนั้นก็ยังเป็นยุคที่ผมยังมองไม่เห็นว่าประเทศจีนจะยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้อย่างไร เพราะฉะนั้นแล้ว แน่นอนที่สุด ผมก็ต้องเลือกไปเรียนอเมริกา แต่ถ้าเป็นสมัยนี้นะครับ คุณ Thanachart ถ้าเป็นสมัยนี้ ถ้าผมจบมัธยมและผมจะเรียนปริญญาตรีต่อ ผมจะเลือกไปเรียนภาษาจีน และที่ประเทศจีน

อีกประการหนึ่ง ผมจะต้องเรียนให้คุณ Thanachart ทราบว่าผมไม่ใช่คนที่เป็นนกแก้ว นกขุนทอง นกแก้ว นกขุนทองอย่างไร ? ก็คือครูพูดมาอย่างไร ก็ฟังไปอย่างนั้น แล้วก็พูดไปพร่ำเพรื่อ ท่องตามที่ตำราเขาบอก เพราะว่าผมเรียนประวัติศาสตร์ คุณ Thanachart ผมเรียนประวัติศาสตร์ ทำให้ผมรู้ว่าอเมริกาเป็นอันธพาลโลก เป็นคนเกเร เป็นเกี๋ยกุ้ย และผมเห็นพฤติกรรมของอเมริกาทุกอย่างจากการค้นคว้าของผม จากการที่ผมศึกษาประวัติศาสตร์ จากการดูข่าว และผมคิดเป็น ผมดูข่าวแล้วผมคิดเป็น อเมริกาก่อสงครามหมดทั่วโลก อเมริกาไปที่ไหน ประเทศนั้นฉิบหายหมด แม้กระทั่ง ... 


คุณ Thanachart คุณจะเชื่อผมหรือไม่เชื่อก็ไม่รู้ แต่ข่าวล่ามาเร็วว่าอเมริกากำลังย้ายห้องแล็บชีวภาพที่เคยตั้งไว้ที่ยูเครน มาทางอาเซียน และผมก็ตั้งข้อสงสัย และผมจะพูดเรื่องนี้อีกเรื่องหนึ่ง คุณ Thanachart ว่ากงสุลอเมริกาที่เชียงใหม่ ที่ใช้เงินสร้างตั้งหมื่นล้าน คุณไปเช็ก Central Embassy สิ Central Embassy ที่ตรงนั้นเขาสร้างห้างสรรพสินค้า Central Embassy ยังใช้ไม่ถึง 1 หมื่นล้าน แต่นี่แค่ "กงสุล" กงสุลมีหน้าที่แค่ออกวีซ่า ทำไมต้องสร้างตั้งหมื่นล้าน แล้วขุดทำไมลึก เป็นไปได้ไหมว่ามันกำลังจะเตรียมตัวที่จะสร้างแล็บชีวภาพอยู่ใต้ดินที่กงสุลที่จังหวัดเชียงใหม่ ผมเป็นคนคาดคะเน ผมเป็นคนอนุมาน เพราะผมใช้ข้อมูลมาประกอบ คุณ Thanachart


คุณบอกว่าผมเกลียดอเมริกาผมก็เรียนอเมริกา เรียนอเมริกาแล้วมันเป็นอย่างไรล่ะ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านเคยบอกพระราชโอรสของพระองค์ท่านว่า ให้ไปเรียนต่างประเทศ ให้เอาข้อดีๆ ของเขามา อะไรที่เราคิดว่าของเขาไม่ดี อย่าเอามา เหมือนกัน อาจารย์ปฐมพงศ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ ซึ่งเป็นปราชญ์คนหนึ่งในประเทศไทย แต่คนไม่ค่อยรู้จัก เป็นอาจารย์ทางบูรพคดีศึกษา ที่มหิดล อาจารย์ปฐมพงศ์ จบออกซ์ฟอร์ด จบอเมริกา ได้ปริญญาเอกมา อาจารย์ปฐมพงศ์ น่าจะเชียร์อเมริกา ทำไมอาจารย์ปฐมพงศ์ ไม่พูดถึงอเมริกาในแง่ดีเลย เพราะอเมริกาในข้อเท็จจริงมันเป็นประเทศที่เกเร ยังมีคนอย่างผมและอาจารย์ปฐมพงศ์ อีกไม่น้อยครับ คุณ Thanachart คุณ Thanachart อย่าไปเข้าใจอะไรผิด

ท่านผู้ชมครับ เมื่อกี้นี้ผมเพิ่งตอบคำถามท่านผู้ชมที่ถามมาเรื่องหลานสาวผมและผมว่าผมเกลียดอเมริกานัก ทำไมถึงส่งหลานสาวไปเรียนที่อเมริกา และตัวผมทำไมถึงไปเรียนอเมริกา ผมตอบให้ทราบแล้ว เอาอย่างนี้ดีกว่า ผมจะเอาคำพูดของคนๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นนักปราชญ์คนหนึ่งเช่นกัน ในประเทศจีน เขาอธิบายการลดความสัมพันธ์ของจีน กับ อเมริกา และเขาอัดรัฐอันธพาลอย่างอเมริกา พูดอย่าง ทำอย่าง


Einar Tangen เขาเป็นนักวิเคราะห์ นักวิจารณ์สถานการณ์ปัจจุบันในประเทศจีน เขาออกคลิปเผยแพร่ทางสื่อทางการจีนหลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้ส่งนางแนนซี เพโลซี ประธานคองเกรส เยือนไต้หวันเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2565 เขาพูดในคลิปของเขาว่า อเมริกาเป็นประเทศที่พูดอย่าง ทำอย่าง คือ \Preaching but not practicing'

Tangen ระบุว่า การที่สังคมหรือชาติๆ หนึ่งจะอยู่ร่วมกันได้ ต้องมีกติกาเสียก่อน ถ้าไม่มีกติกา หมายความว่าเรากำลังใช้กฎแห่งความป่าเถื่อน (The Law of the Jungle) ซึ่งในประเทศต่างๆ การอยู่ร่วมกันและก่อผลประโยชน์กันและกันนั้น ได้อยู่บนพื้นฐานของกฎหมายแห่งชาติ ข้อขัดแย้งนั้นจึงถูกจัดการด้วยหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับภายในประเทศนั้น

แต่ระหว่างรัฐ กับ รัฐ มิได้มีกฎเกณฑ์หรือกลไกในการแก้ไขความขัดแย้ง นอกจากว่าทั้งสองฝ่ายจะตกลงและให้การยอมรับร่วมกันถึงกลไกดังกล่าว ทั้งนี้ ประเทศต่างๆ ผูกพันกันด้วยสนธิสัญญา แถลงการณ์ และสถาบันต่างๆ เพื่อที่ว่าประเทศต่างๆ จะสามารถคาดเดาได้ว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยปกป้องมิให้เกิดความขัดแย้งที่ใช้กำลังหรือสงคราม นอกจากนี้ ก็อาจจะคาดหวังว่า สนธิสัญญา แถลงการณ์ และสถาบันต่างๆ นี้ จะช่วยสนับสนุนให้เกิดความสันติสุขและความสัมพันธ์

Tangen อธิบายว่า เกือบ 50 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างอเมริกา กับ จีน โดยไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และการรวมประเทศเป็นเรื่องภายในของจีนเอง ที่มีแถลงการณ์รองรับตั้ง 3 ฉบับ เป็นพื้นฐานในการจัดการกับความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับ สหรัฐฯ ดังนี้ หนึ่ง แถลงการณ์เซี่ยงไฮ้ฉบับแรกที่ลงนามร่วมกันระหว่างอเมริกา กับจีน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2515 สมัยประธานาธิบดีนิกสัน ที่มาเยือนประเทศจีนเป็นครั้งแรก


สอง ต่อมาแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตที่ลงนามโดยจีน และ อเมริกา มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2521 ที่อเมริกายอมรับรัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นรัฐบาลตามกฎหมายของจีนแต่เพียงผู้เดียว แต่อเมริกายังคงรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจและวัฒนธรรมที่ไม่เป็นทางการกับไต้หวัน และอเมริกายอมรับว่า จีนมีจีนเดียวเท่านั้น ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน
ข้อที่สาม แถลงการณ์ฉบับที่ 3 หรือแถลงการณ์ 17 สิงหาคม คือรัฐบาลจีน และ อเมริกา ได้ออกแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาสหรัฐฯ ขายอาวุธให้กับไต้หวัน โดยสหรัฐฯ สัญญาว่าจะลดการขายอาวุธให้ไต้หวันอย่างมีขั้นตอน มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม หรือ 40 ปีที่แล้ว (2525) รวมทั้งยืนยันว่า อเมริกาจะไม่ดำเนินการนโยบายสองจีน หรือ หนึ่งจีน หนึ่งไต้หวัน นี่คือข้อตกลงแยกต่างหากที่อเมริการับรองมติภายในเรื่องพระราชบัญญัติความสัมพันธ์กับไต้หวัน ปี 2522

คุณ Tangen ชี้ว่าอเมริกาเป็นอันธพาล อันธพาลที่มือถือสาก ปากถือศีล ไม่น่าเชื่อถือ และยุยงปลุกปั่นเอกราชของไต้หวัน และทำลายอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีน

ความพยายามยกเลิกข้อผูกพันทางกฎหมายของแถลงการณ์ทั้งสามฉบับ พิสูจน์ได้จากการกระทำของประธานาธิบดีสหรัฐฯ 3 คน อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่นายบารัก โอบามา นายโดนัลด์ ทรัมป์ นายโจ ไบเดน 


ทั้งสามคนต่างใส่ร้าย กล่าวหาจีน เป็นภัยคุกคาม ใช้มาตรการก้าวร้าวมากขึ้น คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจการค้า การให้ข้อมูลเท็จ ขึ้นบัญชีดำจีน และอเมริกาตั้งกลุ่มแก๊งพหุภาคี ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็นอียู หรือไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ต่อต้านจีนที่ผงาดขึ้นมา เพื่อสหรัฐฯ จะได้คงอำนาจแต่เพียงผู้เดียวของโลก เหล่านี้เองพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แท้ที่จริงแล้ว อเมริกาเป็นเพียงรัฐบาลอันธพาล ปากก็บอกว่าจะยึดถือนโยบายจีนเดียว ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ความจริงคือ อเมริกาไม่เคยหยุดจุดไฟเผาจีน สมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มแบ่งแยกเพื่อเอกราชไต้หวัน และสหรัฐฯ ขายอาวุธมูลค่า 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้ไต้หวัน เพียงหลังจากที่นางเพโลซี ไปเยือนไต้หวันได้แค่ 1 เดือน การกระทำเช่นนี้เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่เป็นสาเหตุของความตึงเครียดทั่วช่องแคบไต้หวัน

28 กรกฎาคม 2565 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ถึงกับใช้ข้อความที่แข็งกร้าว ส่งสัญญาณต่อผู้นำสหรัฐฯ เตือนแรงๆ ว่า ผู้ที่เล่นกับไฟจะพินาศเพราะไฟ เพราะระหว่างการสนทนาทางวิดีโอคอลในประเด็นเกี่ยวกับไต้หวัน และการพิพาททางการค้า คำพูดดังกล่าวของนางเพโลซี ที่เคยพูดเอาไว้ พูดอย่างยะโสโอหังว่า ความมุ่งมั่นของอเมริกาที่จะรักษาระบอบประชาธิปไตยในไต้หวันและทั่วโลกยังคงแข็งแกร่งอย่างยิ่ง


คำพูดดังกล่าว ในฐานะที่นางเพโลซี ดำรงตำแหน่งประธานสภาคองเกรส สหรัฐฯ และถือว่าเป็นผู้นำระดับสามของอเมริกา ลองจากประธานาธิบดีไบเดน และรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ถือเป็นการละทิ้งข้อตกลงและแถลงการณ์พื้นฐานความสัมพันธ์ต่างๆ ที่จีน และ อเมริกา เคยทำร่วมกัน เป็นการยืนยันว่าอเมริกาจะแทรกแซงเกี่ยวกับกิจการภายในของจีน ซึ่งไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งในนั้น

คุณ Tangen ชี้ว่า การแสดงท่าทีและการเดินทางเยือนไต้หวันของนางเพโลซี เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่สะบั้นความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติ ซึ่งประสบกับภาวะย่ำแย่ในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการพูดจาให้ร้ายทางการเมือง การแทรกแซงทางเศรษฐกิจ การเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข่าวปลอม การขึ้นบัญชีดำเจ้าหน้าที่ของชาวจีน และสุดท้าย คือ การเพิกถอน ไม่เคารพแถลงการณ์ 3 ฉบับ ที่สองชาติได้เคยทำไว้ในช่วงประธานาธิบดีสหรัฐฯ 3 คนที่ผ่านมา

ใครก็ตามที่คอมเมนต์ในเรื่องของผม เรื่องจีน นี่คือคำตอบให้ชัดเจนว่าทำไมผมถึงเห็นว่าสหรัฐฯ นั้นเป็นอันธพาลโลก คำตอบนี้คงพอจะอธิบายให้คุณได้ ผมอยากให้พวกคุณที่วิพากษ์วิจารณ์ผมว่าโปรจีน และเกลียดสหรัฐฯ นั้น เปิดสมอง เปิดความคิด ทำใจให้เป็นกลาง และพิจารณาจากข้อเท็จจริง จะดีกว่านะครับ

มันมีเรื่องๆ หนึ่งที่เกี่ยวกับประเทศจีน และโลก ที่ผมจำเป็นต้องพูดในวันสิ้นปีนี้ ผมจะเอานัยของ "เส้นทางสายไหมใหม่" " 1 แถบ 1 เส้นทาง" ซึ่งเป็นอภิมหาโปรเจกต์ใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ กับศตวรรษของจีน


ท่านผู้ชมคงรู้จัก "1 แถบ 1 เส้นทาง" (Belt and Road Initiative : BRI) แล้วใช่ไหม โครงการนี้เป็นโครงการเส้นทางสายไหมยุคใหม่ของจีน นโยบายหลักคือแผนแม่บทที่นายสี จิ้นผิง เริ่มขึ้นตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้นำจีน ประมาณสิบปีก่อน (พ.ศ. 2556) โครงการนี้ต้องถือว่าเป็นอภิมหาโปรเจกต์ด้านโครงสร้างพื้นฐานของโลกที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยเมื่อเวลาผ่านไป 8 ปี ณ เดือนกันยายน 2564 หรือปีที่แล้ว ในรายงานสรุปเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว มูลค่าการลงทุนที่ใช้สนับสนุนการสร้างอภิมหาโครงข่ายทางการค้าและการคมนาคม ทะลุถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 140 ล้านล้านบาท ไปแล้ว
ทั้งนี้ ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างโครงการ "1 แถบ 1 เส้นทาง" กับนโยบายที่พัฒนาเศรษฐกิจที่ผ่านมาหลายทศวรรษของชาติตะวันตกที่นำโดยอเมริกา อย่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับที่ 1 ของประเทศไทย พ.ศ. 2504 และ 2509 ก็มีองค์กรที่อยู่เบื้องหลัง คือ ธนาคารโลก และสหรัฐอเมริกา แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่ฉบับแรกของไทย เมื่อ 60 ปีกว่าที่แล้ว จนถึงฉบับล่าสุด คือ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 พ.ศ. (2566-2570) จึงสอดแทรกเอาไว้ด้วยปรัชญาแนวคิดและค่านิยมของตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา มาตลอด


ท่านผู้ชมครับ ขอนอกเรื่องนิดหนึ่ง ผมเชื่อมาตลอด และจากการพิสูจน์ดูมาตลอด สภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติของประเทศไทยนั้น แท้ที่จริงแล้วก็คือการสะท้อนปรัชญาแนวความคิดของประเทศอเมริกา และประเทศญี่ปุ่น อเมริกา และญี่ปุ่น มีบทบาท อิทธิพลสูงมากในสภาพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย แล้วเจ้าหน้าที่ระดับสูง หรือคนที่เขียนแผนของสภาพัฒน์นั้น ได้อิทธิพลอย่างสูง และแนวความคิดไปทางตะวันตก 100 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่ได้ลืมหูลืมตาดูว่าโลกมันกำลังเปลี่ยนแปลงไป โลกที่มีระเบียบเก่า โลกที่มีผู้นำเดี่ยวอย่างอเมริกา กำลังจะหมดสิ้นไปแล้ว และจะมีโลกที่มีความหลากหลายมากขึ้น
ขอกลับมาเรื่องนี้นะครับ พูดง่ายๆ คืออเมริกา และโลกตะวันตก นอกจากส่งรูปแบบของการพัฒนาเศรษฐกิจแล้ว ยังส่งออกค่านิยม ปรัชญา ความเชื่อ แนวคิด วิถีชีวิต วัฒนธรรม และระบบการเมือง โดยเฉพาะประชาธิปไตยในแบบตะวันตก ออกไปพร้อมกันด้วย โดยการส่งออกค่านิยม ความเชื่อ วิถีชีวิต วัฒนธรรม ระบบการเมือง ได้แฝงไปกับการพัฒนาของเศรษฐกิจ ซึ่งสภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติของไทยเชี่ยวชาญ ชำนาญในเรื่องนี้มาก ที่รับงานของอเมริกามาโดยที่รู้ตัวหรือไม่รู้ตัว

ท่านผู้ชมที่เคยฟังผมพูดตั้งแต่รายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" เรื่อยมาจนถึงรายการ "มองโลกมองเรา" จนถึง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" คงจำได้ว่า หลายครั้งที่ผมพูดเกี่ยวกับนักวิชาการ 2 คน 2 แนวความคิด ที่ออกมาโต้เถียงกันเรื่องประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของโลก หลังจากการล้มลงของกำแพงเบอร์ลิน และการแตกสลายของสหภาพโซเวียต

คนแรกที่ผมเคยพูดคือ นายฟรานซิส ฟุกุยามะ และ นายแซมมวล พี. ฮันติงตัน


ท่านผู้ชมครับ นี่จะสิ้นปีแล้ว อดทนหน่อยครับ ฟังข้อมูลดีๆ ไม่มีใครที่จะพูดให้ท่านฟังได้เหมือนผมพูดในวันนี้ เชื่อผมสิ หมดจากผมแล้วท่านผู้ชมจะหาฟังที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
2532 หรือ 33 ปีที่แล้ว ปีเดียวกับปีที่เป็นจุดจบของกำแพงเบอร์ลิน ฟรานซิส ฟุกุยามะ ได้เขียนบทความเรื่อง The End of History หรืแปลเป็นไทยว่า "จุดจบของประวัติศาสตร์" ต่อมาในปีเดียวกัน ก็พิมพ์หนังสือเรื่อง "The End of History and The Last Man" ซึ่งได้สร้างความฮือฮาในแวดวงวิชาการของโลกอย่างยิ่ง เพราะฟุกุยามะ อ้างว่า หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต อันแสดงให้เห็นถึงชัยชนะโลกเสรีประชาธิปไตย ที่นำโดยสหรัฐอเมริกา แน่นอน ฟรานซิส ฟุกุยามะ เป็นคนญี่ปุ่น แต่เกิดในอเมริกา เรียนที่อเมริกา ถูกปลูกฝังแนวความคิดแบบอเมริกามาตลอด


ฟุกุยามะ ระบุว่า ระบอบการปกครองเสรีประชาธิปไตยเป็นรูปแบบสุดท้ายของการปกครองแบบมนุษยชาติ ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ ชนชาติ หรือศาสนาใดก็ตาม โดยนักวิชาการชาวอเมริกาเชื้อสายญี่ปุ่นคนนี้ พยายามชี้ให้เห็นว่า นับตั้งแต่มีการปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นต้นมา รูปแบบของการปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบปกครองที่ดีที่สุด ในแง่คุณธรรม คุณค่าทางจริยธรรม การเมือง และเศรษฐกิจ เท่าที่เคยมีมา นี่เป็นระบบการปกครองที่ให้การรับรองศักดิ์ศรีของมนุษย์ที่เป็นสมาชิกในสังคมอย่างดีที่สุด ยังไม่มีรูปแบบการปกครองไหนที่มีวิวัฒนาการที่เหนือชั้นกว่าระบอบเสรีประชาธิปไตย
เพราะฉะนั้นแล้ว นายฟรานซิส ฟุกุยามะ ถึงพูด ประวัติศาสตร์ต่อไปนี้จึงไม่มี จะไม่มี ฟรานซิส ฟุกุยามะ ตีขลุมไปว่ามนุษยชาติเดินมาถึงจุดสูงสุด และสิ้นสุดทางประวัติศาสตร์ทางการเมือง การปกครองแล้ว เรียกได้ว่าเชิดชูปรัชญาการเมืองการปกครองตะวันตกว่าเลิศเลอประเสริฐศรี ดีที่สุดในโลก ในจักรวาล ก็ว่าได้

ท่านผู้ชมครับ ผมชอบคำพูดของเขา ว่า ระบอบการปกครองที่ดีที่สุด ประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม เป็นระบบการปกครองที่ให้รับรองศักดิ์ศรีมนุษย์ที่เป็นสมาชิกในสังคมอย่างดีที่สุด ยังไม่มีระบอบการปกครองไหนที่มีวิวัฒนาการที่เหนือชั้นกว่าระบอบเสรีประชาธิปไตย

ท่านผู้ชมครับ ตามผมมา ผมไปมาตั้งหลายประเทศแล้ว ผมเห็นมีประเทศอเมริกาที่ฟรานซิส ฟุกุยามะ เชิดชู เทิดทูนว่าเป็นประเทศที่มีระบอบการปกครองที่ดีที่สุดในโลก แต่ประเทศอเมริกามีคนไร้บ้านเยอะที่สุดในโลก 


ประเทศอเมริกากีดกัน ป้องกัน ไม่ให้คนที่ไม่มีประกันสุขภาพ ไม่มีเงิน เข้ารักษาพยาบาล ให้นอนตายข้างถนนเยอะที่สุดในโลก ประเทศอเมริกามีการไล่ฆ่า ฆ่าคน เด็กเอาปืนยิงกันในโรงเรียน ตายกันเป็นสิบๆ เป็นร้อยๆ คน ผมไม่เห็นประเทศจีนมีคนไร้บ้านเลย ผมไม่เห็นเวียดนามมีคนไร้บ้านเลย ผมไม่เห็นรัสเซียมีคนไร้บ้านเลย นี่คือประเทศที่นายฟรานซิส ฟุกุยามะ มโนเอาไว้ โกหกตอแหลจริงๆ เพียงต้องการสร้างความชอบธรรมว่ารัสเซีย หรือกำแพงเบอร์ลินที่พังทลายลงไปนั้น เป็นเพราะต้านทานกระแสเสรีนิยมทางประชาธิปไตย แล้วประเทศที่มีประชาธิปไตยดีที่สุด การปกครองที่ดีที่สุดของมนุษยชาติอย่างเช่นอเมริกา หรืออังกฤษ เป็นประเทศที่มีคนรวย 1 เปอร์เซ็นต์ ครอบครองทรัพย์สินเกินกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ของทั้งประเทศ ที่เหลือคนอเมริกาอีก 99 เปอร์เซ็นต์ เอาไปเฉลี่ยกัน นี่หรือคือประชาธิปไตยของนายฟรานซิส ฟุกุยามะ ผมฟังแล้วผมจะอาเจียน และนี่คือข้อเท็จจริง ที่คนไทย นักวิชาการไทยโง่ๆ บัดซบ ด้อยปัญญา บางคนในสภาพัฒน์ ยึดถือเอาพวกนี้เป็นหลักการ ท่านผู้ชมดูซิว่ามีประเทศไหนที่มีคนไร้บ้านมากเท่าอเมริกาบ้าง


ประเทศอเมริกาเป็นประเทศที่มีคนอยู่ในเรือนจำ ติดคุกมากที่สุด อันดับหนึ่งของโลก ถ้ามันเป็นการปกครองที่ดีที่สุดในโลก คนที่ติดคุกต้องมีน้อยสิ ไม่ใช่ เอาล่ะ มาอีกคนหนึ่ง
ในทางตรงกันข้าม หลังการสิ้นสุดสงครามเย็น มีนักวิชาการคนหนึ่ง ชื่อ แซมมวล พี . ฮันติงตัน เขากลับมองว่าต่อไปจะมีการปะทะกันทางด้านอารยธรรม โดยได้เลกเชอร์โต้แย้งกับ ฟุกุยามะ มาตั้งแต่ปี 2535 ทั้งยังเขียนบทความ ชื่อ The Clash of Civilizations ตีพิมพ์ลงในวารสาร Foreign Affairs


ฮันติงตัน ระบุว่า การยุติของสงครามเย็นระหว่างอเมริกา กับ โซเวียต จะนำมาสู่ความขัดแย้งของการเมืองโลกระหว่างชาติ โดยกลุ่มที่มีความแตกต่างทางอารยธรรม การปะทะกันทางอารยธรรม จะลุกลามไปสู่ทางการเมือง ยกตัวอย่างเช่น ความขัดแย้งอารยธรรมคริสต์ เช่น อเมริกา ยุโรปตะวันตก ออสเตรเลีย ซึ่งนับถือคริสต์ กับประเทศที่นับถืออารยธรรมอิสลามทั้งหมด โดยความขัดแย้งทางอารยธรรมนี้อาจลุกลามไปเป็นสาเหตุของสงครามใหญ่ในโลกนี้ก็ได้
ด้วยเหตุนี้ ก่อให้เกิดการทุบทำลายวัฒนธรรม ศาสนา ความเชื่อ ประเพณีปฏิบัติ วิถีชีวิต รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง นี่เอง ทำให้เกิดแรงต้านอย่างรุนแรงในหลายพื้นที่ทั่วโลก และได้พัฒนากลายเป็นลัทธิก่อการร้าย และกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ผุดขึ้นทั่วโลก เพื่อต่อต้านการพัฒนาและโลกานุวัตน์แบบตะวันตกที่เข้าไปบดขยี้วัฒนธรรมท้องถิ่นในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก

เรากลับมาถึงสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ตรงกันข้าม นโยบาย "1 แถบ 1 เส้นทาง" หรือ "เส้นทางสายไหมสายใหม่" ของจีนนั้น เขานำเสนอแนวทางการพัฒนาที่ไม่ได้สอดแทรกข้อเรียกร้องทางฃการเมืองใดๆ มาด้วยเลย

ผมเคยเล่าให้ท่านผู้ชมฟังแล้วในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 168 วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม ผมพูดถึงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ทางการเมืองระหว่างประเทศซาอุดีอาระเบีย ทีได้เชิญนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ไปเยือนกรุงริยาดอย่างเป็นทางการ โดยมีการต้อนรับอย่างเอิกเกริก อย่างมโหฬาร


ขณะที่สื่อมวลชนซาอุดีอาระเบีย ระบุว่า ซาอุดีอาระเบียไม่พอใจที่วอชิงตันลดการมีส่วนร่วมในตะวันออกกลาง แต่ในทางกลับกัน ปักกิ่งหยิบยื่นข้อเสนอที่ให้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยไม่มีการเรียกร้องทางการเมืองหรือแทรกแซงกิจการภายในแต่อย่างใด จีนไม่เคยข้องแวะกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งอิหร่าน และซาอุดีอาระเบีย สองคู่ขัดแย้งในภูมิภาค

ด้วยเหตุนี้ ในปี 2565 ประเทศที่เข้าร่วมโครงการ "1 แถบ 1 เส้นทาง" ของจีน มีมากถึง 147 ประเทศ ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ของโลก เหตุนี้โครงการ "1 แถบ 1 เส้นทาง" จึงเป็นอภิมหาโครงการระดับโลก ซึ่งมีทุกประเทศในโลกนี้เข้ามาร่วม ยกเว้นประเทศในอเมริกาเหนือ ซึ่งผมจะไล่ให้ดูว่าทวีปต่างๆ มีกี่ประเทศเข้ามาร่วม แอฟริกาทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา 43 ประเทศ แอฟริกาทางเหนือ และตะวันออกกลาง 18 ประเทศ ยุโรป-เอเชียกลาง 35 ประเทศ เอเชียตะวันออก และมหาสมุทรแปซิฟิก 25 ประเทศ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 6 ประเทศ ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 20 ประเทศ ประเทศล่าสุดในลาตินอเมริกา หรืออเมริกาใต้ ที่เข้าร่วมโครงการ "1 แถบ 1 เส้นทาง" เมื่อต้นปี 2565 ที่ผ่านมา คือ อาร์เจนตินา แชมป์ฟุตบอลโลกล่าสุดนี่เอง ส่งผลให้ประเทศเศรษฐกิจหลักๆ ในอเมริกาใต้ถือว่าเข้ามาร่วมโครงการ "1 แถบ 1 เส้นทาง" ซึ่งริเริ่มโดยประเทศจีน ที่ตั้งอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง ครบถ้วนแล้ว


ขณะที่ประเทศในทวีปแอฟริกานั้น ทยอยเข้ามาร่วมโครงการ "1 แถบ 1 เส้นทาง" ของจีนนานแล้ว แต่โครงการหนึ่งที่สื่อไทยไม่ค่อยพูดถึง หรือให้ความสนใจมากนัก คือการพัฒนาท่าเรือขนาดใหญ่ยักษ์ของจีนในประเทศแทนซาเนีย ท่าเรือนี้มีชื่อว่า "มาบาโมโย" (Bagamoyo Port)

โครงการท่าเรือใหม่ของแทนซาเนีย ซึ่งใช้เงินลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท หรือราวๆ 350,000 ล้านบาท เมื่อสร้างเสร็จจะมีความสามารถในการขนส่งตู้สินค้าคาร์โก้ปริมาณถึง 20 ล้านตู้สินค้าต่อปี หรือมากกว่าท่าเรือรอทเทอร์ดัม ในเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่้สุดในยุโรปเสียอีก ท่าเรือขนาดมหึมาที่เป็นความร่วมมือระหว่างจีน กับ แทนซาเนีย จะกลายเป็นประตูที่เปิดให้จีนเข้าไปทำการค้ากับประเทศในแอฟริกาอีก 12 แห่ง ซึ่งประเทศในแอฟริกาไม่มีทางออกทะเล แต่มีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีประชากรมากกว่า 300 ล้านคน ซึ่งนั่นหมายความว่า แหล่งทรัพยากรและวัตถุดิบจากแอฟริกาจะไหลไปสู่จีนอย่างรวดเร็วขึ้น ในทางกลับกัน สินค้าจากจีนก็จะหลั่งไหลไปสู่ตลาดแอฟริกาที่มีประชากรมากมายมหาศาลเช่นกัน


ท่านผู้ชมครับ ผมอยากจะย้ำอีกทีว่า โครงการ "1 แถบ 1 เส้นทาง" ซึ่งเป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ครอบคลุมประเทศต่างๆ ถึง 147 ประเทศ จากทั้งหมด 195 ประเทศ หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนประเทศทั่วโลกนั้น ไม่ได้รวมเอาประเทศในแถบอเมริกาเหนือเลย ซึ่งหมายถึงอเมริกา และแคนาดา ไม่ได้รวม ตัดขาดเลย เอาโลกทั้งโลกมา แต่ไม่เอาอเมริกา และแคนาดา เข้ามา

โครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้กำลังจะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลต่อการพัฒนา และจะเป็นพื้นฐานซึ่งสร้างแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งให้กับโลกไปอีกหลายสิบปี จนถึงศตวรรษหน้า

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า จีน และพันธมิตร "1 แถบ 1 เส้นทาง" เตรียมเริ่มเก็บเกี่ยวประโยชน์ พืชผลจากการลงทุน อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ "1 แถบ 1 เส้นทาง" นั้นลงทุนไปแล้ว 4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 140 ล้านล้านบาท ท่านผู้ชมจำได้ไหม ช่วงหลายๆ ปีก่อนหน้านี้สื่อตะวันตกเจ้าเก่าจำนวนมาก และสื่อไทยจำนวนหนึ่ง ที่จำขี้ปากฝรั่งมาพูด แล้วโจมตีรายการ "1 แถบ 1 เส้นทาง" ว่า นี่เป็นจีนปล่อยกู้ไปทำโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งเป็นกับดักที่จีนวางไว้ ท่านผู้ชมครับ ท่านนักคอลัมนิสต์และนักหนังสือพิมพ์ในเมืองไทยครับ ที่ไปหลงเชื่อทางตะวันตก จนกระทั่งไม่สามารถจะใช้สมองหรือใช้สติปัญญาของตัวเองวิเคราะห์ รวมทั้งบรรดานักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศที่มีสามีเป็นคนต่างชาติ ที่เป็นฝรั่ง แล้วก็พูดจาเหมือนสไตล์ของสามีตัวเอง ไม่ว่าสามีจะเป็นคนฝรั่งเศส จะเป็นคนดัตช์ (เนเธอร์แลนด์) พูดจาออกมาเหมือนกับที่ฝรั่งพูดไม่มีผิด


ท่านผู้ชม รู้ไหม ตั้งแต่ช่วงโควิดจะระบาด ธนาคารจีน 2 แห่ง รับหน้าที่ปล่อยกู้เพื่อทำโครงการ "1 แถบ 1 เส้นทาง" คือ ธนาคารเพื่อการพัฒนาของจีน (China Development Bank) และธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออก (Export-Import Bank) ของจีน ได้เริ่มลดการปล่อยกู้โครงการใหม่ๆ ลงแล้ว เนื่องจากโครงการที่ปล่อยกู้ออกไปก่อนหน้านี้ทยอยก่อสร้างเสร็จสิ้น


ท่านผู้ชมที่เป็นนักธุรกิจ นักลงทุน จะทราบดีว่าเมื่อช่วงแรกของการลงทุนที่ยังไม่มีผลตอบแทนอะไรผ่านไป ช่วงต่อไปคือการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุน ซึ่งแนวโน้มชัดเจน ยกตัวอย่างง่ายๆ โครงการรถไฟจีน-ลาว ซึ่งเสร็จสิ้นและเปิดใช้งานจริง หลังจากนี้คือช่วงเวลาการหาทุนคืน ทำกำไรจากโครงการเหล่านี้ มีหลายโครงการ โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงสายจาการ์ตา-บันดุง ของอินโดนีเซีย ใกล้เสร็จสิ้น เปิดใช้งานได้ในเดือนมิถุนายน ปีหน้า ท่าเรือกวาดาร์ ในเมืองกวาดาร์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ตามโครงการ BRI


สำหรับท่าเรือกวาดาร์ ตั้งอยู่ในทะเลอาราเบียน ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางทะเลที่สำคัญของปากีสถาน ซึ่งเชื่อมต่อสามดินแดนสำคัญของโลก คือ ตะวันออกกลาง เอเชียกลาง และ เอเชียใต้ ปัจจุบันท่าเรือกวาดาร์สามารถรองรับสินค้าได้มากกว่า 1 ล้านตัน จะกลายเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียใต้ ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า ด้วยเป้าหมายการรองรับสินค้าได้ถึง 400 ล้านตันต่อปี โครงการพัฒนาของท่าเรือกวาดาร์ คือส่วนหนึ่งของเส้นทางเศรษฐกิจที่เชื่อมระหว่างจีน กับ ปากีสถาน หรือ CPEC ที่เพิ่งลงนามไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว มูลค่าลงทุน 46,000 ล้านดอลลาร์ มีระยะเวลา 15 ปี ในการก่อสร้างถนน รถไฟ ท่าขนส่งน้ำมัน โรงไฟฟ้า และเขตอุตสาหกรรม


ท่านผู้ชมครับ ผมจะเอารูปให้ดู นี่คือท่าเรือกวาดาร์ (Gwadar) ของปากีสถาน เพราะฉะนั้นแล้ว เรือที่มาเพื่อส่งสินค้าไปทางตะวันตกของจีน ก็สามารถจะขึ้นที่ท่าเรือกวาดาร์ แล้วจากนี้เข้าไปสู่จีน ซินเจียง ต่างๆ พวกนี้ ใช้ระยะทางแค่ 1,500 ไมล์


หรือถ้าสินค้าทางจีนที่เคยส่งออกผ่านช่องแคบมะละกา ออกไปทางทะเลอาราเบียน ไปทางมหาสมุทรอินเดีย ต้องมาอย่างนี้ แต่จีนสามารถจะส่งสินค้าตัวเองทางคาร์โก้ 2,500 ไมล์ มาที่ซินเจียง แล้วจากซินเจียง ก็ลงมาที่ท่าเรือกวาดาร์ แล้วก็ออกไป ประหยัดเงิน ประหยัดระยะทางเป็นพันไมล์

รายงานล่าสุด ระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน โครงการสำคัญภายใต้กรอบการทำงานของแผนริเริ่ม "1 แถบ 1 เส้นทาง" ได้สร้างงานถึง 190,000 อัตรา นับตั้งแต่ปี 2556 โดยรายงานระบุว่า จีน และ ปากีสถาน ได้ประสานงานเชิงลึกใน 4 ด้านหลัก คือ การพัฒนาท่าเรือกวาดาร์ พลังงาน การก่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐาน และความร่วมมือทางอุตสาหกรรม

ท่านผู้ชมครับ ที่เล่าให้ฟังนี่้เป็นแค่น้ำจิ้มส่วนหนึ่งของจำนวนโครงการทั้งหมด 3,164 โครงการ ใต้ร่มอภิมหาโปรเจกต์ "1 แถบ 1 เส้นทาง" หรือการสร้างเส้นทางสายไหมสายใหม่ของประเทศจีน ด้วยมูลค่าลงทุนกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา

ท่านผู้ชมครับ จะเห็นได้ว่าแนวทางการพัฒนาแบบใหม่ของจีนในศตวรรษที่ 21 นี้ แตกต่างอย่างชิ้นเชิงกับวิธีการส่งออก และการพัฒนาเศรษฐกิจของอเมริกา ของชาติตะวันตก ในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา ที่มีวาระซ่อนเร้น ที่มิเพียงต้องการจะสร้างความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ แต่ต้องการจะเปลี่ยนโครงสร้างทางการเมือง สังคม วัฒนธรรม ความเชื่อ ศาสนา ไร่ลงไปถึงรากฐานการใช้ชีวิตอย่างปรัชญาแนวคิด รวมทั้งพื้นฐานครอบครัวด้วย

ผมถามท่านผู้ชมสั้นๆ ว่า ถ้าเป็นคุณเอง คุณจะเลือกทางไหน ทางเดิมของอเมริกา ชาติตะวันตก หรือ ทางใหม่ที่ทางจีนเสนอมา

ท่านผู้ชมครับ ที่ท่านผู้ชมเห็นนี้คือ "เส้นทางสายไหม" สีม่วงคือเส้นทางสายไหมทางทะเล ผ่านโคลอมโบ ไปที่โมมบาซา เรื่อยไปทางกรีก เอเธนส์ ไปถึงอิตาลี เวนิส หรือมาทางนี้ จากศรีลังกา ไปสิงคโปร์ จากสิงคโปร์ ไปจีน จีน ชายฝั่งทะเลตะวันออกของจีน ส่วนสีเขียว ก็คือเส้นทางสายไหม "1 แถบ 1 เส้นทาง" เยอรมนี ฮัมบูร์ก มีรถไฟวิ่งแล้ว จากจีน ผ่านมาทางมอสโก เข้าทางอิสตันบูล ผ่านตุรกี เข้าใจหรือยังท่านผู้ชม มาอุซเบกิสถาน มาเรื่อยๆ ถึงอุรุมฉีที่ซินเจียง


ส่วนสีชมพู เป็น Economic Corridor อย่างที่ผมบอก ปากีสถาน ข้ามมาท่าเรือกวาดาร์ สีชมพูตรงนี้ Economic Corridor สีชมพูตรงนี้ผ่านคาซัคสถาน Economic Corridor ท่านผู้ชมครับ มีแค่นี้ ไม่มีอเมริกา ในเมื่อจีน 147 ประเทศในโลกนี้ เขาเข้ามาร่วมโครงการ "1 แถบ 1 เส้นทาง" แล้วได้ประโยชน์จาก "1 แถบ 1 เส้นทาง" ในการพัฒนาประเทศเขา โดยที่ไม่มีการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ การเมืองภายในประเทศเขา ไม่ยุ่ง ยุ่งอยู่อย่างเดียว ให้เขาทำมาค้าขาย วิน-วิน ฝั่งนี้ก็ได้ ฝั่งจีนก็ได้ ฝั่งเขาก็ได้

ท่านผู้ชมที่เกลียดจีน และชอบอเมริกา ผมถามหน่อยว่า 147 ประเทศ มันกว่าครึ่งหนึ่งของโลกนี้ เมื่อกว่าครึ่งหนึ่งของโลกนี้แล้ว ทำไมจีนเขาต้องค้าขายกับอเมริกาอีกต่อไปในอนาคตล่ะ ? อเมริกาให้อะไรเขาไม่ได้เลย เขาค้าขายกับอเมริกาใต้ ใช้อาร์เจนตินาเป็นต้นเหตุ เป็นจุดเริ่มต้น อเมริกาเขาก็ปล่อยให้ค้าขายกันเอง อเมริกาค้าขายกับแคนาดาสิ ค้าขายกับอียูสิ เพราะยุโรปตะวันตก ตามคำพูดของวลาดิมีร์ ปูติน ก็คือพรมเช็ดเท้าของอเมริกา และท่านเชื่อผมไหม พอหลังจาก "1 แถบ 1 เส้นทาง" ประสบผลสำเร็จแล้ว กลายเป็นอเมริกา แคนาดา และพวกตะวันตก พวกฝรั่งตาน้ำข้าว พวกแองโกล-แซกซัน จะค่อยๆ คืบคลานเข้ามา ขอเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ขอกินน้ำแกงสักช้อนได้ไหม เชื่อผมสิ นี่คือสันดานของฝรั่ง

ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้เต็มอิ่มนะครับ 2 ชั่วโมงครึ่ง ไหนๆ ก็ไหนแล้ว เป็นรายการสุดท้ายของปีนี้ ก่อนที่จะปิดรายการ ผมมีเรื่องสนุกๆ จะเล่าให้ท่านผู้ชมฟังนิดหนึ่ง ท่านผู้ชมรู้ไหมครับว่าทำไมเงินอังกฤษมันถึงหนัก ? ที่มันหนักเพราะว่ามันเป็นปอนด์ แล้วเงินญี่ปุ่น เวลาท่านผู้ชมจับ ทำไมมือชาหมด ? เพราะมันเป็นเงินเยน ส่วนเงินไทย ท่านผู้ชมรู้ไหม จับทีไรเลือดสาดทุกที ? เพราะมันเป็นเงินบาท ถ้าอย่างนั้นเงินเกาหลีก็ต้องเป็นเงินที่ชอบหาเรื่องคนอื่น เพราะอะไร ? เป็นเงินวอน และสุดท้าย เงินจีนก็อะลุ้มอะล่วยดีใช่ไหม ? เพราะเป็นเงินหยวน หยวนๆ ไง ส่วนเงินพม่า โคตรเท่เลย เขาเรียกว่า เงินจ๊าด คือเงินมันจ๊าบ

ท่านผู้ชมครับ ขอให้สิ้นปีนี้ทุกท่านมีความสุขความเจริญ คิดสิ่งใด หวังสิ่งใด ประสงค์สิ่งใด ขอให้สมหวัง สมประสงค์กับทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดอยู่ ท่านผู้ชมครับ เราค่อยมาเจอกันวันศุกร์หน้า ต้นเดือนมกราคม ขอให้ปลอดภัย สุขภาพแข็งแรง พักผ่อนให้มาก และปีใหม่ ไม่มีอะไรดีเท่ากับการอยู่กับครอบครัวกันทุกคน สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น