xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : อั้ม ภูมิพัฒน์-แยม ธมลพรรณ์ อวดจนได้เรื่อง! - บทเรียนถึงหมอโอ๋ เลี้ยงลูกนอกบ้าน - RED ALERT “ญี่ปุ่น” กำลังเดินหน้าสู่สงคราม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 23 ธ.ค.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ได้แก่

- จับโกหกวัยรุ่นพันล้าน กรรมที่กำลังไล่ล่า “แก๊งฟอกเงิน”
- คำถามถึง ป.ป.ง. จากคดีตู้ห่าว-ทุนจีนสีเทา เหมืองบิตคอยน์-แทนไท ถึง อั้ม Psv
- อั้ม ภูมิพัฒน์-แยม ธมลพรรณ์ อวดจนได้เรื่อง!
- บทเรียนถึงหมอโอ๋ เลี้ยงลูกนอกบ้าน
- ค่าแรง 600 บาท หาเสียงต้มตุ๋นประชาชนล่วงหน้า
- RED ALERT “ญี่ปุ่น” กำลังเดินหน้าสู่สงคราม

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.169



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 169 [อั้ม ภูมิพัฒน์ - แยม ธมลพรรณ์ อวดจนได้เรื่อง"

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK
สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2565 อีก 7 วัน ก็จะเป็นรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนสุดท้ายของปีนี้ ตอนที่ 170 วันนี้เป็นตอนที่ 169 ท่านผู้ชมครับ เผลอแป๊บเดียวว สามปีกว่าแล้ว อีกสักพักก็ขึ้นปีที่สี่ ไม่เคยขาดเลยแม้แต่อาทิตย์เดียว

ท่านผู้ชมที่ชมอยู่ในทุกๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะไม่เป็น Sondhi App ยูทูบ เฟซบุ๊ก และ TikTok ผมขอสวัสดีครับท่านผู้ชมทุกๆ ท่านนะครับ

วันนี้มีหลายๆ เรื่องราวที่เราจะมาเล่าให้ฟัง ใกล้สิ้นปีแล้ว อากาศก็เริ่มเย็นแล้ว ท่านผู้ชมดูแลสุขภาพให้ดีๆ นะครับ เรื่องราวเรื่องแรกซึ่งเป็นเรื่องงานบุญงานกุศล คือ มูลนิธิ ไชย้ง ลิ้มทองกุล ที่เราได้รับเงินบริจาคมาจากการสั่งจองเหรียญและซื้อเหรียญบูชาครู เราได้ถวายเงินบรรพชาในโครงการบรรพชาอุปสมบท-บวชชีพรหมโพธิ ภายใต้พระศรีมหาโพธิ์ ที่วัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย โครงการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าไตร แต่เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปบวชรูปละ 30,000 บาท ทางมูลนิธิฯ ก็เลยถวายเงินสำหรับบรรพชาพระ 9 รูป รวมทั้งสิ้น 270,000 บาท ท่านผู้ชมครับ ร่วมอนุโมทนาในครั้งนี้ด้วย

เรื่องที่สอง ช่วงนี้ท่านผู้ชมสังเกตไหมว่าฝุ่นมาแล้วนะ มาพร้อมลมหนาว ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ เรามีเครื่องฟอกอากาศ ManNature รุ่น PCO ที่สามารถดักจับฝุ่นและเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวเครื่องขนาดเล็ก ซึ่งเล็กกว่าเก่าเยอะ เล็กกว่าเก่าอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง กระทัดรัด แต่สามารถจะทำงานได้ถึงพื้นที่ 279 ตารางเมตร ทั้งห้องเลย และท่านผู้ชมไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรอง ตอนนี้มีโปรโมชันสำหรับลูกค้าที่ซื้อเครื่องฟอกอากาศ ManNature รุ่นแรกไป มีสิทธิพิเศษซื้อได้ในราคา 14,990 บาทเท่านั้น


ท่านผู้ชมครับ อย่างที่เรารู้กันว่าเชื้อโรคใหม่ๆ เข้ามาเยอะ เราต้องมีตัวช่วยใหม่ๆ ที่จะเอามาสู้ ป้องกันตัวเราเองด้วยเหมือนกัน ท่านผู้ชมสั่งซื้อหรือสอบถามข้อมูลได้ที่ พอดี (PORDEE) คอลเซ็นเตอร์ โทร. 02-633-5353 ทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-20.00 น.

อีกเรื่องหนึ่ง "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ผมพูดอยู่ตลอดเวลาว่า ของขวัญปีใหม่ สิ้นปีนี้ เรามีผู้หลักผู้ใหญ่ที่เรารัก เคารพ และนับถือ ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย คุณลุง คุณป้า คุณน้า คุณอา ผู้สูงอายุ ท่านผู้ชมต้องซื้ออันนี้ไปเป็นของขวัญ เพราะเป็นยาอายุวัฒนะ เป็นของขวัญที่ดีที่สุด ดีกว่าทุกๆ อย่าง ดีมากๆ เป็นการทำบุญ และเป็นการทำกุศลให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ ให้เขาได้มีสุขภาพที่ดี ช่วงนี้ "ยาลมฯ" ยังมีโปรโมชันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 มกราคม 2566 ถ้าท่านผู้ชมซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" 6 กล่องขึ้นไป เราจะมอบเหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" จำนวน 1 เหรียญ พร้อมหนังสือบูชาครูอีก 1 เล่ม ถ้าท่านผู้ชมซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" จำนวน 9 กล่อง เราจะมอบเหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" จำนวน 1 เหรียญ พร้อมหนังสือบูชาครู 1 เล่ม และแถมยาลมฯ ให้ฟรีอีก 1 กล่อง


ท่านผู้ชมครับ ธรรมดาแล้วตอนสิ้นปีเราจะซื้อผลไม้เอย จะซื้อกระเช้าดอกไม้เอย ก็เป็นหลักหลายร้อย เป็นพันๆ บางทีเราก็ไปซื้อของที่เป็นของแฟชั่นตามห้างสรรพสินค้าเป็นพันๆ ท่านผู้ชมครับ 1,800 บาท ต่อ 1 กล่อง ใช้ได้ 30 วัน ท่านผู้ชมซื้อ 6 กล่อง ก็ไม่ถึง 10,000 บาท แต่ท่านผู้ชมแจกคุณพ่อ แจกคุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ที่ยังมีชีวิตอยู่ ให้ทานทุกวัน วันละ 1 ซอง ของแถมนี้หมดเมื่อไรก็เมื่อนั้น ใครมาก่อนได้ก่อน ตอนนี้ยอดสั่งซื้อ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" มีเยอะมากในทุกช่องทาง และเราเพิ่งมีของเข้ามาใหม่ ไม่ต้องรอแล้วครับ ท่านผู้ชมสั่งมาปั๊บ ได้ปุ๊บเลย ถ้าท่านผู้ชมสนใจ ติดต่อสั่งซื้อโดยแอดไลน์ @sunherb หรือจะอินบอกซ์ (inbox) เข้ามาที่เพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ก็ได้ครับ

อย่าลืมนะครับท่านผู้ชม ของขวัญที่เหมาะที่สุดให้กับผู้ใหญ่ที่เรารัก ที่เราเป็นห่วง ไม่มีอะไรสู้ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ได้

ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้ผมมีเรื่องราวประมาณ 6 เรื่อง เรื่องแรก ท่านผู้ชมจำได้ไหมว่าผมเคยพูดถึง นายแทนไท ที่ประมูลป้ายทะเบียนรถยนต์ถึง 45 ล้านบาท ผมมาจับโกหกคุณแทนไท และผมเตือนถึงแก๊งฟอกเงิน ว่าตอนนี้กรรมกำลังไล่ล่าพวกคุณอยู่

เรื่องที่สอง ผมมีคำถามถึง ปปง. จากคดี "ตู้ห่าว" ทุนจีนสีเทา เหมืองขุดบิตคอยน์ (Bitcoin) แทนไท จนถึง "อั้ม PSV" เหมือนอย่างที่พี่ชูวิทย์ของผมโวยวายออกมาว่า ปปง. รับเงินรับทอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมพูดมาแล้วว่า ถ้าหัวไม่ส่าย ตรงกลางและหางก็ไม่ส่ายหรอก ตัวที่ตบทรัพย์ชาวบ้านมากที่สุดในขณะนี้ น่าประหลาดใจมาก แต่ผมไม่ประหลาดใจ ก็คือเจ้าหน้าที่ ปปง. ระดับกลาง ที่เรียกคนที่ถูกตรวจสอบมากระทืบ แล้วถามว่า เงินก้อนนี้ คุณจ่ายมา 20 เปอร์เซ็นต์ ของวงเงิน แล้วผมจะปล่อยคุณไป ไม่ยึดทรัพย์คุณ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ และมันเป็นความจริง ท่านผู้ชม

เรื่องที่สาม คุณอั้ม ภูมิพัฒน์ คุณแยม ธมลพรรณ์ รวยอย่างไม่เกรงใจใคร โชว์ตัวเองจนได้เรื่อง ตามมา แล้วผมจะอธิบายให้ฟังว่าโชว์อย่างไรจึงได้เรื่อง

เรื่องที่สี่ ผมจะพูดถึงพี่สาวของคุณอั้ม ภูมิพัฒน์ คือ "คุณหมอโอ๋" ที่ทำเพจ "เลี้ยงลูกนอกบ้าน" บิ๊กเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ เว็บโป๊ กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง ผมตั้งคำถาม ถามถึง "หมอโอ๋" และผมจะเสนอเลยว่า ผมคิดว่า "หมอโอ๋" อ้างว่าไม่รู้จริงๆ ว่าน้องชายทำอะไร ผมไม่เชื่อครับ

เรื่องที่ห้า เป็นครั้งแรกในรอบ 1-2 อาทิตย์นี้ ผมมองการเมือง มองเรื่องแลนด์สไลด์ของคุณทักษิณ กับ อุ๊งอิ๊งค์ พรรคเพื่อไทย มองนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ว่ามันเป็นการเพ้อเจ้อ เพ้อฝัน หรือขายฝันล่วงหน้า หรือต้มตุ๋นคนลงคะแนนเสียงล่วงหน้าเป็นเวลา 5 ปี

เรื่องสุดท้าย ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า ญี่ปุ่นกำลังจะแก้กฎหมายเพื่อเดินหน้าเข้าไปสู่สงครามแล้ว จากรัฐธรรมนูญที่ให้เน้นสันติภาพ กลายเป็นเปิดหน้าต่างตัวเอง เปิดประตูบ้านตัวเอง ที่พร้อมจะใช้อาวุธตอบโต้ใครก็ตามที่มาบุกรุก และทำตัวเป็นสุนัขรับใช้อเมริกา ทำตัวเป็นชิบะคอยเลียแข้งเลียขาอเมริกา


ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์ที่แล้ว วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม ผมได้พูดถึงคนหนุ่มคนหนึ่ง อายุแค่ 26 ปี ที่ชื่อ แทนไท ณรงค์กูล ทำตัวเป็นมหาเศรษฐี หอบเงินมาประมูลป้ายทะเบียนจำนวน 45 ล้านบาท คุณแทนไท หลังจากประมูลได้ก็มาโอ้อวดว่า ที่ประมูลไม่ใช่เพราะเหมือนเป็นการลงทุน ได้โปรโมตในสื่อต่างๆ ฟรี พอผมไปเปิดดูข้อมูลตามที่ผมได้รายงานให้ท่านผู้ชมทราบเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่า บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ตั้งขึ้นมาแค่ 11 เดือน ทุนจดทะเบียนครั้งแรก 5 ล้านบาท ภายใน 11 เดือน เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็นเงินสดอีก 900 กว่าล้านบาท สรุปแล้วเป็นทุนจดทะเบียนเกือบ 1,000 ล้านบาท

สองปีที่แล้ว คุณแทนไท กับพรรคพวก เพิ่งถูกจับดำเนินคดีเกี่ยวกับการทำผิดกฎหมายการพนัน เมื่อปีกว่าๆ ไม่ถึงสองปี ซึ่งทางตำรวจ


อัยการสั่งฟ้องเป็นคดีอาญาและคดีแพ่ง คดีอาญานั้น ปรากฏว่ามีการสั่งไม่ฟ้อง ส่วนคดีแพ่งนั้น ดำเนินการไปถึงขั้นยึดทรัพย์สิน ส่วนคุณแทนไท ผมไม่รู้ว่าเป็นคนที่เข้าไปให้สัมภาษณ์คุณดนัย เอกมหาสวัสดิ์ หรือ หมาแก่ ที่วันเดียวกับที่ผมออกรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เขาให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ รายการ "เจาะลึกทั่วไทย" เขายอมรับว่าเขาถูกดำเนินคดีมาก่อน ส่วนตัวแล้วเขาชอบเรื่องการเงินการทอง เขาซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี FOREX เล่นกาสิโน อายุ 26 ชอบไปต่างประเทศ เล่นบ่อนการพนันต่างๆ ก็เลยทำให้เขาถูกมองว่าภาพลักษณ์เป็นนักการพนัน


พอคุณดนัยถามว่า คุณเป็นนักเล่นพนันใช่ไหม คุณแทนไทก็ตอบแบบตะกุกตะกัก บอกว่า ผมไม่ได้ขนาดนั้นครับ เวลาผมไปเที่ยว ผมมักจะเกี่ยวข้องกับแวดวงพนัน ทำให้ภาพลักษณ์ของผมออกมาในรูปนั้น คุณแทนไท อ้างกับคุณดนัย ว่า รวยจากการทำการตลาดออนไลน์ให้เอไอเอา และเทรดคริปโทเคอร์เรนซี พอถามว่า อายุยังน้อยแต่ชอบเดินทางเที่ยวกาสิโน เอาเงินที่ไหน ทำธุรกิจอะไร คุณแทนไท บอกว่า ปกติแล้วเป็นคนที่หาเงินมาตั้งแต่สมัยเรียน ช่วงหนึ่งเปิดบริษัททำการตลาดออนไลน์ มีโอกาสทำการตลาดให้กับบริษัทเอกชนในเครือแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) อ้างว่าช่วงนั้นทำยอดขายได้ถึง 100 ล้านบาท

ท่านผู้ชมครับ ผมเป็นคนขี้สงสัย ผมก็เลยเช็กไปที่บริษัท เอไอเอส ตั้งแต่ระดับปฏิบัติการ ไปจนถึงผู้บริหารระดับสูง ทุกคนปฏิเสธอย่างมั่นเหมาะว่า เขาเป็นบริษัทมหาชน ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับทางคุณแทนไท และธุรกิจของคุณแทนไท แล้วฝากให้พวกผมมาบอกคุณแทนไท ว่า อย่ามาอ้างห่วยๆ แบบนี้ ผมคิดว่าคุณแทนไท โกหกเรื่องนี้ ถ้าสมมุติว่าคุณทำการตลาดให้เอไอเอส ก็เอาหลักฐานมาเปิดให้ดู แล้วกำรี้กำไรที่คุณอ้างนั้น มีจริงหรือเปล่า ถ้าตอบไม่ได้ คุณแทนไทจะเอาใครมาอ้าง หรือเอาบริษัทไหนมาอ้าง ให้ดูตาม้าตาเรือหน่อย หรือคุยกับเจ้าตัวเขาเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคนที่ถูกอ้าง เขาอาจจะถูกติดร่างแหไปด้วย


คุณแทนไท บอกว่าตัวเองเข้ามาศึกษาลงทุนในตลาด FOREX และคริปโทเคอร์เรนซี ใช้เงินลงทุนเริ่มต้น 10 ล้านบาท ขายมาหลายปี คุณแทนไทลืมบอกไปว่า ที่โดนคดีอาญานั้น เพราะเป็นคนเปิดเว็บพนันออนไลน์อยู่หลายเว็บ เป็นเพียงแต่ว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคน และอัยการบางคน ค่อนข้างที่จะแอบช่วยเหลือคุณแทนไทอยู่ ก็เลยทำให้คดีอาญาถูกสั่งไม่ฟ้อง

ถามว่าเขามีธุรกิจอื่นอีกไหม นอกจากสองธุรกิจนี้ ? เขาก็เล่าให้ฟังว่า เขาก็เปิดบริษัทอย่างที่บอก เปิดมา 11 เดือน มีเงินมาลงทุนจดทะเบียนจาก 5 ล้านบาท เป็น 900 กว่าล้านบาท แล้วถามว่าตำรวจแกะรอยเว็บไซต์พนันออนไลน์ มีเว็บไซต์ที่เกี่ยวพันกับคุณแทนไทหรือเปล่า ? แทนไท ปฏิเสธว่า ไม่มี เพราะฉะนั้นแล้ว คุณแทนไทก็เลยแก้ตัวทุกๆ อย่าง ผ่านรายการของคุณดนัย เอกมหาสวัสดิ์ หรือ หมาแก่ ที่มีชื่อเสียงอยู่

คุณดนัย ผมสังเกตดูว่าในการให้สัมภาษณ์ของคุณแทนไท ช่วงหลังๆ ตอนท้ายๆ รายการ คุณดนัยเริ่มมีความรู้สึกว่ามันผิดปกติแล้ว คุณดนัยก็เลยค่อยๆ ถอยออกมาทีละนิดๆ ตอนที่ไปคุยกับคุณแทนไท เหมือนกับว่าจะพยายามฟอกตัวคุณแทนไทในรายการตัวเอง แต่ว่าความที่เก๋าในวงการสื่อมวลชน พอเห็นแทนไทตอบมาแบบนี้ หลายๆ อย่างซึ่งตอบแล้วมันฟังไม่ขึ้น ทำให้คุณดนัยต้องค่อยๆ ถอยออกมา


ผมไม่รู้ว่างานนี้ทีมงานของคุณดนัยเป็นคนติดต่อไป หรือว่าคุณแทนไทติดต่อมา เพราะรู้สึกว่าสปอตไลต์เริ่มจับตัวคุณแทนไทแล้ว แต่พอพูดไปๆ ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าเหตุผลที่คุณแทนไทอธิบายนั้น ฟังไม่ขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลของการใช้เงิน 45 ล้านบาท ไปประมูลป้ายทะเบียนรถ ที่มาของความร่ำรวยของแทนไท ทั้งการประมูลป้ายทะเบียน ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต รวมๆ แล้วใช้เงินเป็นพันล้าน พันๆ ล้านบาท ลำพังแค่ทุนจดทะเบียนบริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป อย่างเดียวก็ 900 กว่าล้านบาทแล้ว คุณแทนไทยังไม่ตอบเลยว่าคุณเอาเงินจากไหนมาลงทุนตั้ง 900 ล้านบาท เป็นไปได้ไหมว่าจริงๆ แล้วคุณทำเว็บพนันออนไลน์ แล้วคุณได้กำไรจากเว็บพนันออนไลน์ แต่คุณปฏิเสธว่าคุณไม่ได้ทำ

การนำเงินสดหมุนเวียนในบริษัทที่ตัวเองตั้งขึ้นมาไม่กี่ปี 900 ล้านบาท คุณเอาเงินมาจากไหน คุณอ้างว่าคุณรวยมาจากบ่อนกาสิโนในต่างประเทศ อ้างว่าทำการตลาดออนไลน์ให้เอไอเอส ก็ไม่เป็นความจริง การเทรดคริปโทฯ เทรด FOREX จนมีเงินเป็นพันๆ ล้านบาท เรียกได้ว่ารวยน้องๆ คุณท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา เจ้าของบิทคับ (bitkub) ตลาดเทรดคริปโทฯ เบอร์หนึ่งของประเทศไทยก็ว่าได้ ถามจริงๆ เถอะว่ามันน่าเชื่อถือไหม ถ้าพ่อแม่ไม่รวย แต่มีเงินมหาศาลในวัยแค่นี้ คุณแทนไท ณรงค์กูล คุณต้องเป็นนักธุรกิจอัจฉริยะ ฟ้าส่งมาเกิดเป็นแน่แท้

สุดท้ายแล้ว การออกสื่อของคุณแทนไทครั้งนี้ มีแต่ฉิบหาย กับฉิบหาย ไม่มีใครเชื่อถือคำพูดหรอก แล้วก็พยายามกระเหี้ยนกระหือโชว์พาว เข้าประมูลเลขสวย กลับส่งผลมุมกลับกับตัวเขา เพราะเป็นที่ฮือฮาได้แค่วันเดียว สิ่งที่ตามมาจากนั้น ผมบอกได้เลยว่า มันเป็นวิบากกรรมของคุณแทนไท อาจจะกลายเป็นหายนะก็ได้นะ ในเวลาไม่ช้าไม่นานนี้ เพราะว่าผมเองได้ข่าวว่า ปปง. กำลังสนใจที่จะเจาะลึก สืบที่มาที่ไปของเงิน แล้ววันนี้คุณไม่มีคุณอั้ม เป็นคนเคลียร์กับ ปปง. ซึ่งเดี๋ยวผมจะพูดให้ฟัง ไม่มีแล้ว เพราะคุณอั้มโดนจับเข้าคุกไปเรียบร้อยแล้ว และวันนี้ ปปง. ถูกฉีกหน้ากากออกมาแล้วว่าได้ร่วมมือกับคนลักษณะที่ทำธุรกิจสีเทาแบบนี้ เพื่อรับเงินรับทองพวกคุณ


คุณแทนไทครับ คุณอาจจะต้องเดินตามรอยเสี่ยโป้ หรือ นายเสี่ยโป้ โป้อานนท์ ศาลจำคุกประมาณ 20 ปี เป็นคดีเปิดเว็บพนันออนไลน์ โฆษณาชักชวนเล่นพนัน และฟอกเงิน จริงๆ แล้วโดนพิพากษา 50 ปี 48 เดือน แต่โทษฐานตามมูลความผิดจำคุกสูงสุดได้ไม่เกิน 20 ปี รายการผมพูดถึง "เสี่ยโป้" เมื่อวันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ตอนที่ 72

ท่านผู้ชมครับ จบจากเรื่อง "แทนไท" กลิ่นการโกหกยังไม่ทันจางเลย เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม ที่ผ่านมา พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และเจ้าหน้าที่ ได้แถลงข่าวว่าจับเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ ufa24h.net และเว็บไซต์ที่เผยแพร่ภาพยนตร์ การแข่งขันฟุตบอล และหนังโป๊เถื่อน hd.star4k.com จับกุมคนที่ชื่อ นายภูมิพัฒน์ หรือ อั้ม ประเสริฐวิทย์ อายุ 42 ปี นายเชษฐ์ชัย อายุ 38 ปี น.ส.ธมลพรรณ์ หรือ แยม ภาณุชิตพุทธิวงศ์ อายุ 40 ปี อดีตนางเอกละครพื้นบ้านชื่อดัง ข้อหาที่ถูกจับตามหมายจับศาลอาญาคือ ร่วมกันเผยแพร่ภาพสื่อลามกอนาจาร ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือชักชวนผู้อื่นให้พนันออนไลน์ สมคบเพื่อกระทำผิดในการฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน


ของกลางมีรถยนต์ 13 คัน รถซูเปอร์คาร์ 6 คัน รถกระบะ 1 คัน จักรยานยนต์ 2 คัน เงินสด เงินสกุลต่างประเทศ 42 ล้านบาท นาฬิกาหรู 8 เรือน กระเป๋าแบรนด์เนม 50 ใบ คอมพิวเตอร์ 5 เครื่อง โทรศัพท์เคลื่อนที่ 18 เครื่อง สมุดบัญชี 44 เล่ม บ้านพักหรูมีตั้ง 4 หลัง ทรัพย์สินอื่นๆ อีก รวมแล้วมูลค่า 700 ล้านบาท


ท่านผู้ชมครับ คะเนกันว่าเว็บพนันของคุณแยม หรือ ธมลพรรณ์ กับสามี มีเงินหมุนเวียนประมาณ 7,000 ล้าน ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางบอกว่า เรื่องนี้ท่านติดตามมาตั้งสองปีแล้ว ใช้ความอดทนมาก หลังจากตรวจสอบว่ามีกลุ่มเครือข่ายลักลอบเปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ทายผลฟุตบอล ชื่อ ufa24h.net และเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเผยแพร่ภาพยนตร์ การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ รวมทั้งภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาลามกอนาจาร ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ชื่อเว็บไซต์ hd.star4k.com ท่านผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางก็เลยแกะรอยตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าเส้นทางการเงินของทั้งสองเว็บไซต์เชื่อมโยงไปถึงนายภูมิพัฒน์ และ น.ส.ธมลพรรณ์ สองสามี-ภรรยาที่ได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริงจากการเก็บค่าสมาชิก และจัดให้มีการเล่นการพนันผ่านระบบอินเทอร์เน็ตบนเว็บไซต์ดังกล่าว มีนายเชษฐ์ชัย เป็นผู้ทำการถอนเงินสดที่ได้จากเว็บไซต์ดังกล่าว แล้วนำเอาเงินไปมอบให้กับนายอั้ม


เฉพาะเมษายน-กันยายน 2565 หกเดือนที่ผ่านมา นายเชษฐ์ชัยได้มีการถอนเงินออกจากบัญชีม้า (บัญชีม้า = บัญชีตัวแทน รับเงินแทนเจ้าของเว็บ) กว่า 30 ครั้ง รวมเป็นเงิน 400 ล้านบาท

นายอั้ม หรือ นายภูมิพัฒน์ เป็นผู้ควบคุมสั่งการในการถอนเงินสดออกจากบัญชีในแต่ละครั้ง เอาไปเก็บไว้ที่บ้านพักของตัวเอง เจ้าหน้าที่ไปรวบรวมหลักฐานแล้วขออนุมัติหมายจับ/หมายค้นจากศาล เข้าค้นบ้านพักที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และจับผู้ต้องหาได้ 3 คน

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า นอกจากนี้ จากการตรวจสอบระบบหลังบ้านของเว็บไซต์พนันออนไลน์ของเครือข่ายดังกล่าว มีบัญชีลูกค้าผู้พนันกว่า 40,000 ราย มียอดการเล่นพนันหมุนเวียนต่อเดือนประมาณ 7,000 ล้านบาท อีกทั้งจากการตรวจสอบข้อมูลการเสียภาษีเงินได้ย้อนหลังของผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ไม่พบว่ามีแหล่งที่มาของรายได้อื่นที่เพียงพอในการซื้อทรัพย์สินที่ตรวจยึดข้างต้นแต่อย่างใด จึงเชื่อได้ว่า น่าจะเป็นการนำเงินที่ได้จากการประกอบธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ไปซื้อทรัพย์สินเพื่อเป็นการฟอกเงิน ก็เลยประสานข้อมูลร่วมกับ ปปง. ดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีดังกล่าว เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน


ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พูดว่า สำหรับใครที่คิดจะประกอบอาชีพในลักษณะดังกล่าวเพราะเห็นว่ารายได้มหาศาล ให้ดูจากคดีเสี่ยป้ หรือคดีนี้เป็นอุทาหรณ์ เพราะทางเจ้าหน้าที่นั้นเอาจริง อีกทั้งคดีในลักษณะดังกล่าวยังมีอัตราโทษค่อนข้างสูง

เหมือนกัน ... หยุดพักกับนายภูมิพัฒน์นิดหนึ่ง กลับมาที่นายแทนไท

พล.ต.ท.จิรภพ ท่านบอกว่า ตรวจสอบแล้วไม่พบว่าได้ทำงานอะไร ไม่ได้เสียภาษีอะไร ที่เป็นต้นเหตุของการที่มีเงินเข้ามาแบบนี้ ฉันใดฉันนั้น ผมอยากให้ พล.ต.ท.จิรภพ ตรวจสอบนายแทนไทด้วย ตรวจสอบว่าทุนจดทะเบียนที่คุณเพิ่มทุนจดทะเบียนใน 11 เดือน เป็น 900 กว่าล้านบาทนั้น เงินก้อนนี้คุณเอามาจากไหน เสียภาษีหรือเปล่า รายได้มีอะไรที่ไหนที่สามารถจะทำกำไรให้คุณเอาเงิน 900 กว่าล้าน มาเพิ่มทุนบริษัทของคุณ นี่คือการฟอกเงินชัดๆ

เพราะฉะนั้นแล้ว สถานภาพของนายแทนไทวันนี้ จะแก้ตัวอย่างไรก็ตาม ถ้าตรวจสอบกันจริงๆ ล้วงกันเข้าไปจริงๆ จะค้นพบว่าเงิน 900 กว่าล้านบาทนั้น ที่มาที่ไปไม่สะอาด ไม่โปร่งใส และค่อนข้างสกปรก นี่ผมกำลังรอให้คุณแทนไทฟ้องผมอยู่นะ ผมอยากให้คุณฟ้องจริงๆ อย่าช้า เพราะผมรู้ว่านายอั้ม ภูมิพัฒน์ เป็นหน้าม้า เป็นคนกลางที่คอยเคลียร์เรื่องกับตำรวจและ ปปง. หมายความว่าคนที่ถูกคดีเรื่องฟอกเงินในเรื่องของเว็บพนันออนไลน์ หรือทำธุรกิจสีเทานั้น นายภูมิพัฒน์จะเป็นคนที่เข้าไปเคลียร์กับ ปปง. ให้ เหมือนอย่างที่คุณชูวิทย์ตีแสกหน้า ปปง. ไปแล้วว่ารับเงินรับทอง แล้วเดี๋ยวผมจะมีตอนเรื่องของ ปปง. ให้ท่านผู้ชมฟังในอาทิตย์นี้ ในรายการนี้ด้วย

เอาล่ะครับ ผมเอาโลโก้โฆษณาของ ufa24h ของคุณแยม ภรรยาของคุณอั้ม 24 ชั่วโมง โฆษณาได้ ท่านผู้ชมเคยคุ้นชื่อหรือเปล่าว่าเว็บ UFABET เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน ? ท่านผู้ชมครับ มันเป็นเว็บไวต์พนันออนไลน์ที่เป็นกลุ่มนายทุนเดียวกันกับสัปดาห์ที่แล้วที่รายการผมออกมาเปิดโปงว่าเป็นแก๊งมิจฉาชีพที่ไล่ตระเวนเช่าบ้านตามพื้นที่ต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อไปตั้งเหมืองขุดบิตคอยน์แล้วทำให้ประเทศชาติเสียหายไปกว่า 500 ล้านบาท ถ้าคำนวณเครือข่ายทั้งประเทศจริงๆ อาจจะเป็นมูลค่าความเสียหายค่าไฟมากกว่า 50,000 ล้านบาท

ท่านผู้ชมครับ ต่อจิ๊กซอว์ความเชื่อมโยงได้แล้วหรือไม่ว่าอะไรเป็นอะไร ตั้งแต่เรื่องเหมืองขุดบิตคอยน์ ขโมยไฟหลวง เชื่อมโยงกับนายทุนจีนสีเทา และนายทุนเว็บพนันออนไลน์ที่ชื่อ UFA.BET อันเดียวกัน นายแทนไท ประมูลป้ายทะเบียนรถยนต์ด้วยราคาสูงเทียมฟ้า 45 ล้านบาท อ้างว่าร่ำรวยจากกำไรที่ได้มาจากการเทรดบิตคอยน์ และคริปโทเคอร์เรนซี


นอกจากนี้ นายแทนไท ซึ่งมีประวัติการเปิดเว็บพนันออนไลน์จนถูกจับกุมเมื่อปี 2563 แต่หลุดคดีอาญามาได้ เพราะว่ามีคนช่วยเคลียร์ตำรวจและ ปปง. แต่ ปปง. เคลียร์ไม่ได้ เพราะศาลแพ่งพิพากษาไปแล้ว ศาลแพ่งให้ยึดทรัพย์ ปปง. ช่วยอะไรไม่ได้ ยังมีบริษัทในเครือที่อ้างว่าเปิดบริษัทขายเครื่องขุดบิตคอยน์อีกด้วย ของนายแทนไท ซึ่งบริษัทนี้และกลุ่มที่ถูกจับ ก็คือคนที่ขโมยไฟของการไฟฟ้านครหลวงใช้


วันศุกร์ที่แล้ว 16 ธันวาคม กองปราบฯ จับกุมอดีตดาราสาวชื่อดัง คุณแยม ธมลพรรณ์ กับคุณอั้ม ภูมิพัฒน์ ในข้อหาทำเว็บพนันออนไลน์ เว็บโป๊ ที่มีเงินหมุนเวียนกว่า 7,000 ล้าน ข้อมูลหลักฐานชี้ว่าเว็บไซต์ ufa24h ของแยม และอั้ม ก็ระบุชัดเจนว่าเป็นพาร์ตเนอร์ของ UFABET ซึ่งเกี่ยวพันกับกรณีเหมืองขุดบิตคอยน์ที่ขโมยไฟหลวง

นอกจากนี้แล้ว คนวงในยังเปิดเผยข้อมูลให้ผมรู้ว่า นายอั้ม ภูมิพัฒน์ ที่ถูกจับกุมไปนั้น มีความรู้จักมักคุ้นกับคนแวดวงเดียวกับนายแทนไท ปีที่แล้ว ตอนหนัง '4KINGS' ที่นายแทนไท เป็นนายทุน ออกฉาย เฟซบุ๊กของนายอั้ม ก็โพสต์เขียนเชียร์กันนักหนา ก็คือสรุปง่ายๆ ว่าเป็นเพื่อนกัน เพื่อนซี้ เผลอๆ จะเป็นหุ้นส่วนกันเสียด้วยซ้ำ อยู่ในวงการเดียวกัน


ท่านอธิบดีดีเอสไอครับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ครับ ผบ.ตร.ครับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ปปง. ครับ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหลาย ช่วยบอกให้ผมฟังทีซิ ยืนยันให้ผมและท่านผู้ชมฟังชัดๆ ทีว่า เรื่องราวทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายแทนไท นายอั้ม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการขโมยไฟหลวงขุดบิตคอยน์ แก๊งฟอกเงินพนันออนไลน์ เว็บโป๊ พวกวัยรุ่นพันล้าน หมื่นล้านเหล่านี้มันทำธุรกิจใสสะอาด ไม่ได้เป็นธุรกิจสีเทา พวกมันเป็นอัจฉริยะในรอบศตวรรษนี้ บอกหน่อยสิครับ ช่วยบอกผมหน่อยว่าพวกนี้ไม่ผิด แล้วบอกผมว่าอย่าไปจับผิดเขาเลย

ท่านผู้ชมครับ ผมอยากจะเรียนท่านเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อย่างที่ผมเรียนไปเมื่อกีนี้ ท่านอธิบดีดีเอสไอ พล.ต.ท.จิรภพ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ว่า ลองขยับไปสักนิดได้ไหม ไหนๆ คุณก็จับคุณอั้ม ภูริพัฒน์ มาเรียบร้อยแล้ว คุณก็รู้ว่ามีเงินหมุนเวียนประมาณ 7,000 ล้าน ท่านลองไปเช็กหน่อยสิว่าบริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป ที่คุณแทนไทภูมิใจนักภูมิใจหนา เขาเอาเงินที่ไหนมาเพิ่มทุนตั้ง 900 ล้านบาท ในเวลาไม่ถึง 1 ปี คือ 11 เดือน


ผมสงสัยว่าเงิน 900 กว่าล้านบาทนี้มาอย่างไร ท่านเช็กที่มาที่ไปหน่อยได้ไหม เรียกตัวมาสอบหน่อยได้ไหม พิสูจน์หน่อยว่าเงิน 900 กว่าล้านบาท คุณทำอะไรถึงกำไรขนาดนั้น เอาเงินมาเพิ่มทุนได้ตั้ง 900 กว่าล้านบาท แล้วผมจะบอกให้รู้นะท่านผู้ชมครับ คดีแพ่งที่ศาลตัดสินให้ยึดทรัพย์นั้น ถ้าเขายังไม่ฟ้องแพ่ง แล้วเขาเอาไปที่ ปปง. ก็ไม่ถูกยึดทรัพย์อีก เพราะว่านายอั้ม ภูมิพัฒน์ มีชื่อเสียงเป็นคนกลางคอยเคลียร์หน้าเสื่อให้ ไม่ใช่เคลียร์เฉพาะหลายๆ คน หลายๆ เจ้าที่เป็นคดีเล่นการพนันออนไลน์แล้วถูกตรวจสอบ และนี่คือช่องทางทำมาหากินของเจ้าหน้าที่ ปปง. หลายๆ คน

สมมุติว่าคุณตรวจสอบแล้วว่ามีโอกาสจะยึดทรัพย์หมอนี่ 300 ล้านบาท คนกลางอย่างอั้ม ก็ไปเจรจาว่า ผมจ่าย 50 ล้าน แล้วปล่อยเงินก้อนนี้มาได้ไหม นี่ไม่ใช่แค่เจ้าเดียวนะ ผมเชื่อว่า ปปง. มีข้อมูลอยู่หลายเจ้า เพราะนี่คือช่องทางทำมาหารับประทานของ ปปง. คนระดับกลาง มีหน้าที่ตรวจสอบ แล้วก็มีหน้าที่เจรจากับพวกที่ถูกตรวจสอบ เฮ้ย! ผมเช็กแล้วนะ เงินคุณไม่มีที่มาที่ไป ประมาณเท่านี้ๆ เดี๋ยวผมจะอายัดนะ พี่ๆ ผมมี 50 พี่ปล่อยไปเถอะ เงิน 200 ล้าน ถ้าอายัด 700 ล้าน เดี๋ยวผมปล่อยพี่ 100 ส่วนเจ้าหน้าที่นั้นรับมาก็แทงบัญชีไปว่าพิสูจน์แล้วว่าเงินก้อนนี้มีที่มาที่ไป หรืออาจจะบอกว่ามีอยู่ 2 ก้อน ก้อนหนึ่ง 100 ล้าน อีกก้อนหนึ่ง 800 ล้าน 100 ล้านต้องอายัด แต่ 700 ล้าน มีที่มา ก็เลยต้องปล่อยไป นี่คือวิธีทำมาหากินของ ปปง. รวมทั้งตำรวจ และรวมทั้งดีเอสไอบางคนด้วย

ท่านผู้ชมครับ ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา มีคดีความเยอะเลย เรื่องเกี่ยวกับทุนสีเทาของจีน นายตู้ ห่าว บ้าง เรื่องของสถานบันเทิงในพัทยา ล่าสุดจับกุมสองสามี-ภรรยา คือ แยม ธมลพรรณ์ กับ อั้ม ภูมิพัฒน์ มาถึงวันนี้สองเดือนแล้ว หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องออกมาเทกแอกชันกันเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจท้องที่ บช.น. กองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดีเอสไอ และกระทรวงยุติธรรม ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามีอยู่หน่วยงานเดียวที่เงียบเชียบผิดปกติ นั่นคือ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เงียบเสียจนน้องชูวิทย์ของผมต้องออกมากระทุ้งเสียยกใหญ่ หนึ่งในตัวละครสำคัญที่ถูกเปิดเผยออกมาและถูกกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงกับ ปปง. คือ นายอั้ม ภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์ หรือ "อั้ม PSV"


ชูวิทย์ แถลงข่าวที่โรงแรมเดวิส เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2565 เขาเขียนชาร์ตให้ดู หลายคนไปสนใจในเรื่องตู้ห่าว และทุนจีน แต่ชาร์ตนี้มีรายชื่อของคน 2 บุคคล ที่รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เอามาตีแผ่มาตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นั่นคือ "อั้ม PSV" หรือ "อั้ม ภูมิพัฒน์" รวมทั้งนายแทนไท ด้วย

วันนี้ผมจะมาตีแผ่ อธิบายอย่างละเอียดว่า "อั้ม ภูมิพัฒน์" กับ "แทนไท" เกี่ยวข้องกันอย่างไร และไปเกี่ยวข้องกับ ปปง. ได้อย่างไร


จากข้อมูลเชิงลึกของผม นายอั้ม ภูมิพัฒน์ อายุ 42 ปี เป็นตัวการ เขาเป็นคนเขียนโปรแกรมเว็บพนัน เว็บหนังเถื่อน และเว็บโป๊ ขึ้นมาด้วยตัวเอง หรือเข้าใจง่ายๆ ว่า เขาเป็นเจ้าของกิจการนั่นเอง มีม้า หรือมือขวาของเชา ชื่อ นายเชษฐ์ชัย หงส์คำ ทำหน้าที่ดูแลคุมบัญชีม้า คอยถอนเงินออกจากธนาคาร ก่อนจะหิ้วเงินสดมาส่งต่อให้นายอั้ม และแยม ธมลพรรณ์ สองผัว-เมีย ซึ่งเจ้าหน้าที่มีหลักฐานชัดเจนว่า หลายครั้ง ขณะที่นายเชษฐ์ชัยไปทำการถอนเงินจากธนาคาร อั้ม กับ แยม เดินทางไปด้วย ทั้งคู่ไม่ได้เข้าไปในธนาคาร รถที่ใช้ขนเงินก็เป็นรถโตโยต้า อัลพาร์ด ที่มีชื่อของ น.ส.ธมลพรรณ์ หรือ แยม เป็นผู้ครอบครอง

หลังจากถอนเงินเสร็จ นายเชษฐ์ชัย และ นายภูมิพัฒน์ (อั้ม) จะขับรถไปส่งธมลพรรณ์ ที่บ้านพัก ก่อนจะนำเงินสดไปเก็บที่บ้านพักอีกหลังหนึ่ง


นอกจากนี้ ยังเป็นที่รู้กันดีว่า อั้ม ภูมิพัฒน์ นอกเหนือจากจะเป็นเจ้าของเว็บพนันและเว็บหนัง/เว็บโป๊เถื่อนใหญ่ระดับประเทศ มีเงินหมุนเวียนเดือนละกว่า 7,000 ล้านบาท แล้ว เจ้าตัวยังมีความสนิทสนม เป็นเด็กในคาถาของผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นหน้าเสื่อคอยวิ่งเต้นเคลียร์ตั๋วหรือเงินสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ปปง. ให้กับกลุ่มเว็บพนันออนไลน์ เครือข่ายใหญ่ๆ อีกหลายสิบเว็บ รวมทั้งมีหน้าที่เป็นหน้าเสื่อเคลียร์ตำรวจทุกหน่วยที่มีอำนาจจับเว็บพนันออนไลน์ ท่านผู้ชมไปคิดเอาเองก็แล้วกันว่าหน่วยงานไหนบ้าง ลามไปจนถึงเป็นหน้าเสื่อของดีเอสไอด้วย

ว่ากันง่ายๆ ว่า นายอั้ม เป็น One Stop Service ทุกเว็บถ้าผ่านอั้ม ภูมิพัฒน์ ทุกอย่างสะดวกโยธิน วิธีเคลียร์ของอั้มก็คือว่า เขาจะเก็บ รับเงินส่วยแทนทุกหน่วย ก่อนจะหอบหิ้วไปเคลียร์ สมมุติว่าเว็บพนันนี้จะต้องเคลียร์ อั้ม ภูมิพัฒน์ จะเรียกเงินผู้ประกอบการมาก่อน 50 ล้านบาทต่อเดือน อั้มจะไปเคลียร์ 20 ล้าน เข้ากระเป๋า 30 ล้าน แบบนี้อั้ม กับ แยม จะไม่รวยได้อย่างไร

ท่านผู้ชมลองคิดคำนวณดูว่าเว็บพนันออนไลน์มีกันกี่เจ้า ตำรวจมีกันกี่หน่วย ไหนจะ ปปง. ไหนจะดีเอสไอ ไหนจะกองบัญชาการไซเบอร์ รายได้ต่อเดือนต่อปีจะมากมายมหาศาลขนาดไหน


ล่าสุด ชูวิทย์ออกมาโหมโรงเปิดโปงว่ามีหลักฐานยืนยันความสนิทชิดเชื้อ ระหว่าง อั้ม กับ บิ๊กปิง ซึ่งเป็นภาพจากวงจรปิดที่จับภาพอั้มเข้า-ออกสำนักงาน ปปง. เป็นว่าเล่น หิ้วเหล้าดีๆ ไวน์เยี่ยมๆ ขึ้นชั้น 3 อยู่บ่อยครั้ง ระยะหลังถึงขั้นนั่งดื่มนั่งดริงก์กันเลยทีเดียว โดยมีเด็กเอนฯ คอยชงเหล้า เป็นสมุนของบิ๊กปิง ที่โตข้ามหัวคนทั่วไปใน ปปง.

ในอินสตาแกรมของแยม ธมลพรรณ์ ระบุข้อความว่า "พี่อั้มขอขอบคุณทุกๆ ความอาลัยรัก ที่ส่งมาให้คุณพ่อทวีวัฒน์ ประเสริฐวิทย์ นะคะ บางท่านมาไม่ได้แต่ก็ยังส่งพวงหรีดและเงินร่วมบุญมูลนิธิรามาธิบดีมาให้" ก็คือพูดง่ายๆ ว่า มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ปปง. ส่งพวงหรีดไปขอแสดงความเสียใจกับบิดาของนายอั้ม


ท่านผู้ชมครับ อีกประเด็นหนึ่งที่ส่อพิรุธมาก ธนาคารเคยส่งเรื่องส่งราวการเบิกถอนเงินครั้งละจำนวนมากๆ ของขบวนการ "อั้ม" ให้กับ ปปง. หลายครั้ง แต่ท่านผู้ชมรู้ไหม ปปง. นิ่งเฉย แสดงว่าเส้นสายของอั้ม กับ ปปง. นั้นใหญ่จริงๆ

อีกสาเหตุหนึ่ง นอกจากการอวดร่ำอวดรวยแล้ว อั้ม กับ แยม เกมโอเวอร์มาที่อั้มเหิมเกริม คิดการใหญ่ ใช้ความฉลาดไปในทางที่ผิด ทะลึ่งไปขโมยดึงสัญญาณการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกที่เพิ่งจบไปสดๆ ร้อนๆ ที่ภาครัฐและเอกชนซื้อลิขสิทธิ์มา เปิดให้ลูกค้าของตัวเองในเว็บไซต์ต่างๆ ที่อั้มเป็นเจ้าของ สร้างความเสียหายอย่างมหาศาล

เบื้องหลังมีอย่างนี้ครับท่านผู้ชม ก่อนหน้านี้บริษัทเอกชน คือ ทรู วิชั่นส์ เคยยื่นเรื่องร้องเรียนกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ตรวจสอบธุรกิจกล่องแอนดรอยด์หนังเถื่อนของอั้ม ที่ดูดสัญญาณไปจากทรู วิชั่นส์ มาขายให้กับลูกค้าเป็นรายเดือน จนอั้ม กับ แยม มีรายได้ตรงนี้มหาศาล แต่นายอั้ม วิ่งเอาเงินไล่อุด จนรอดคดีรอบนั้นได้ แต่รอบนี้ไม่รอดเหมือนที่เคยเป็น


ท่านผู้ชมครับ ถึงวันนี้แม้เจ้าหน้าที่จะสามารถตามยึดทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดของอั้มได้กว่า 700 ล้านบาท แต่ท่านผู้ชมเชื่อผมเถอะ ที่ประชาชนได้เห็น ได้รับรู้รับทราบนี้ เป็นแค่เศษเสี้ยวจากรายได้บ่อนออนไลน์และเว็บโป๊อันมหาศาล ซึ่งข้อมูลเบื้องลึกที่มีแหล่งข่าวส่งให้ผม ก็คือเงินที่อั้ม กับ แยม นั้นถูกกระจายไปยังเครือข่ายเพื่อนฝูงของนายอั้ม ซึ่งมีทั้งพวกนักพนัน นักเล่นคริปโทฯ เต็นท์รถหรู ทั้งมือหนึ่ง มือสอง รวมทั้งเจ้าของแบรนด์กางเกงยีนส์ ท่านผู้ชมเชื่อไหม ขายกางเกงยีนส์อย่างไรไม่รู้ จากแต่ก่อนขายของเล่น ขายของออนไลน์ก๊อกแก๊ก ผ่านเวลาไม่กี่ปี มีเงินซื้อบ้านหลังเบ้อเริ่ม มีเงินซื้อซูเปอร์คาร์ ซื้อรถเบนท์ลีย์ไปรับลูก เอาไว้มีโอกาสเหมาะๆ ผมจะทยอยเอาข้อมูลมาเปิดเผยให้ท่านผู้ชมได้รับทราบอีก เพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการสอบสวน สืบสวน ตามยึดทรัพย์ที่ถูกกระจายออกไป โดยคาดว่ายังมีอีกหลายพันล้านบาท

ท่านผู้ชมครับ ผลของพี่ชูวิทย์ทำให้ประธาน ปปง. ที่เป็นต่อจาก พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ได้ลาออก โดยอ้างว่าตัวเองนั้นสุขภาพไม่ดี คุณปิยะพันธ์ เป็นนักเรียนนายร้อยรุ่น 36 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีต ผบ.ตร. เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น ผบก.ปอส., รอง ผบช.ส. ก่อนที่จะย้ายมาเป็นรองเลขาธิการ ปปง. แล้วขึ้นเป็นเลขาธิการ ปปง. ในที่สุด และจบอาชีพราชการลงด้วยการเป็นประธาน ปปง.


คุณปิยะพันธ์ เคยได้รับการประเมินคุณธรรมความโปร่งใสในการดำเนินงานหน่วยงานภาครัฐ โดยสำนักงาน ป.ป.ท. โดยได้รับคะแนนประเมินอยู่ในระดับ A+

ท่านผู้ชมครับ ผมจะบอกอะไรอย่าง เรื่อง ปปง. ปปง. นั้น ถ้าหัวไม่ส่าย ข้างล่างไม่กล้าส่ายหรอก คนที่มีบทบาทมากใน ปปง. ก็คือระดับกลาง ระดับผู้อำนวยการฝ่าย เขาจะมีกอง 1 กอง 2 กอง 3 กอง 4 คือคนดำเนินคดี วิธีการไม่ได้มีอะไรมากมาย ได้ข้อมูลมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เรียกเจ้าของเว็บนี้มา หรือว่านายอั้มเป็นนายหน้า นายอั้มก็บอก พี่ครับๆ ผมมีอันนี้ให้ 100 หรือ 50 พี่เอาไปแบ่งกันเอง ก็เคลียร์ ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น แล้วพวกที่โดนตรวจสอบทรัพย์สินและมีเงินมากเป็นพิเศษ ท่านผู้ชมเชื่อไหม ตลกมาก ร้อยทั้งร้อย รวมทั้งนายแทนไทด้วย บอกว่าร่ำรวยมาจากการเล่นคริปโทฯ เพราะว่ามันพิสูจน์ไม่ได้ว่าเล่นคริปโทฯ ตอนไหน มีหลักฐานในการเล่นคริปโทฯ ไหม ก็อ้างว่ารวยจากคริปโทฯ บางคนเอาเงินส่งออกไปที่ชายแดนแล้วส่งกลับเข้ามา อ้างว่าไปเล่นบ่อนการพนันที่พม่า ที่เขมร ได้เงินมา แล้วก็เอาเงินกลับมาเมืองไทย อาจจะมีการแถลงแจ้งมาที่ชายแดนว่าเงินที่เอาเข้ามามีเท่านี้ เพราะว่าไปเล่นการพนันที่ฝั่งโน้น

การเล่นการพนันที่ฝั่งต่างประเทศไม่ผิดกฎหมาย แต่เอาเงินเข้ามาต้องแจ้งที่มาที่ไป ก็บอกว่าเอาเงินเข้ามาเพราะเล่นการพนันได้ ซึ่งเงินก้อนนั้นเป็นเงินของเขาเอง เขาขนออกไปแล้วเอาเข้ามาให้ถูกต้องตามกฎหมาย ให้ถูกต้อง มีการแจ้งถูกต้อง อาจจะมีการเสียภาษีเงินได้ โน่นนี่นั่น ก็ว่ากันไป

ตำรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ ปปง. เป็นคนที่น่ากลัวมาก เมื่อใดก็ตาม มีเงินมีทอง แล้วก็สังเกตอย่างหนึ่ง ท่านผู้ชม ตำแหน่งเลขาธิการ ปปง. เป็นตำแหน่งที่การเมืองทุกคนอยากจะเข้ามายึดถือยึดครอง สมัยที่ พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เป็นเลขาฯ ปปง. และขึ้นมาเป็นประธาน ปปง. นั้น ที่อยู่ได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นคนแบ็ก มีความกดดันจะเปลี่ยนตัว พล.ต.อ.ชัยยะ มาตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่เปลี่ยนไม่ได้ แล้วล่าสุด คนที่เป็นรองเลขาธิการ ปปง. คนปัจจุบัน ชื่อ พล.ต.ต.เอกรักษ์ เป็นลูกน้อง เป็นนายเวร มือขวาของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ คนๆ นี้ก็รอจังหวะที่จะขึ้นมาแทนเลขาฯ ปปง. รออย่างกระเหี้ยนกระหือรือ คนๆ นี้เคยเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 อยากจะรู้ว่า พล.ต.ต.เอกรักษ์ เป็นคนอย่างไร ให้ไปเช็กคนที่ภาค 6 ดู แล้วก็จะร้อง อ๋อ ... มันเป็นของมันเช่นนี้แล คนนี้อยากจะขึ้นเป็นเลขาธิการ ปปง. เพราะว่าอำนาจเลขาธิการ ปปง. มันสูงมาก คุณถูกตรวจสอบเรื่องนี้ปั๊บ ลูกน้องเสนอมา นายครับ ผมดูแล้วเงินสองก้อนนี้ ก้อนหนึ่งหาที่มาที่ไปไม่ได้ เสนออายัด ยึดได้เลย แต่ก้อนนี้มีที่มาที่ไป ให้ปล่อยไป แล้วไอ้ก้อนที่ว่ามีที่มาที่ไป ให้ปล่อยไปนี่ อยากจะรู้เหมือนกันว่าที่มาที่ไปของมันเป็นอย่างไร ที่ปล่อยไปก็เพราะอั้มเป็นคนเคลียร์ให้ปล่อย ก็คือว่า ถ้าโดนยึดแล้วก็จะแยกเงินออกเป็น 2 กองทุกที หรือ 3 กอง กองใหญ่พอสมควรจะถูกปล่อยไป ส่วนอีก 2 กอง จะถูกอายัด เพราะพิสูจน์ได้ว่าไม่มีที่มาที่ไป มันก็เลยมีผลงานขึ้นมา ท่านผู้ชมเข้าใจหรือยัง

ผมพูดอย่างนี้ ผมไม่เกรงใจ ปปง. หรอก เพราะถ้าผู้ใหญ่หัวไม่ส่าย ลูกน้องจะส่ายได้อย่างไร ผมไม่เคยเห็นมีปัญหาเรื่องนี้เกิดขึ้นเลยสมัย พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เป็นเลขาฯ ปปง. และเป็นเลขาธิการ ปปง. เพราะเขาหัวไม่ส่าย แต่ช่วงหลังนี่ส่ายตลอดเวลา และผมไม่รู้ว่า ถ้า พล.ต.ต.เอกรักษ์ ขึ้นมาเป็นเลขาฯ ปปง. ด้วยอำนาจทางการเมือง จะเกิดอะไรขึ้น ผมเพียงแต่หวังว่า คุณเอกรักษ์ คงจะเป็นคนที่ซื่อสัตย์ ไม่รับเคลียร์งานใครทั้งสิ้น คุณเอกรักษ์ ต้องพิสูจน์ตัวคุณเองในฐานะที่คุณเคยเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ส่วนประวัติคุณเป็นอย่างไร ผมไม่พูดดีกว่า คนที่เขาอยู่ภาค 6 เขารู้ดีว่าคุณนิสัยใจคอเป็นอย่างไร ผมปิดปาก ผมจะจับตาดูการกระทำของคุณ ถ้าคุณได้ขึ้น แต่ตอนนี้คุณคงกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะขึ้นใจจะขาด ท่านผู้ชมครับ เวรกรรมของประเทศชาติหรือเปล่านี่ ?


ท่านผู้ชมครับ ผมเป็นคนโบราณ อายุผมปีนี้ย่าง 76 แล้ว ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้จักพวกมาเฟีย หรือพวกเจ้าพ่อ มีอิทธิพล ผมรู้จักหลายคนเป็นเจ้าของบ่อน หลายคนดำเนินการเรื่องหวยใต้ดินมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่น ตั้งแต่ผมยังยี่สิบกว่า เขาก็ยี่สิบกว่า จนกระทั่งร่ำรวยมหาศาล มีเงินเป็นหมื่นๆ ล้าน แต่ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าคนพวกนี้เราไม่เคยได้ยินชื่อเขาเลย สมัยก่อนมีอาบอบนวดเจ้าหนึ่ง ชื่อ เจ้าพระยา มีเจ้าของคนหนึ่ง อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลย ท่านก็อยู่ในวงการ แต่ท่านเสียชีวิตไปแล้ว ผมเรียกท่านว่า "พี่" คนนี้เป็นเจ้าของบ่อนและร่ำรวย ธุรกิจสีเทา สีมืด มีหมด แต่ไม่มีใครรู้จักพี่คนนี้ เพราะอะไร ? คนโบราณ เนื่องจากเขาทำอาชีพแบบนี้ เขาไม่อวดรวย อาจจะเป็นเพราะว่า หนึ่ง เขามีความรู้สึกว่าเขาไม่รู้จะอวดรวยไปได้อย่างไร เพราะว่าเขาอาย เพราะเงินที่เขาได้มา เป็นเงินที่ไม่บริสุทธิ์ เขาก็เลยอยู่อย่างเงียบๆ วิธีการที่เขาได้เงินมา เขาเอาเงินของเขาไปซื้อทรัพย์สิน ซื้อที่ดิน ซื้อตึก ซื้อโน่นซื้อนี่ เอาเงินไปลงทุนให้กับลูกหลาน ทำบริษัท ทำกิจการ ขาดทุนใน 1-2 ปีแรก ก็ช่วยจนกระทั่งมันอยู่ได้และมีกำไร เหมือนกับคนร่ำรวยสมัยก่อน อย่าให้ผมพูดเลย บางคนนะ ขออนุญาต คุณวิชัย มาลีนนท์ เจ้าของช่อง 3 สมัยก่อน อาชีพเดิมเป็นหัวคิวรถบรรทุกอยู่ที่หัวลำโพง สมัยก่อนเรียก "เฮียวิชัย" กัน ใครไม่รู้จักก็ให้มันรู้ไป เพราะว่าเสี่ยวิชัยเป็นนักเลงโต คุมรถบรรทุก คุณวิชัยก็ได้เงินได้ทองมาจากหัวคิวรถเมล์ แล้วหลังจากนั้นก็ผันตัวเอง เอาเงินเอาทองนั้นไปลงทุน แล้วหนึ่งในเงินลงทุนนั้นก็ไปลงทุนเรื่องช่อง 3 เพราะฉะนั้นแล้ว ตระกูลมาลีนนท์ พอพูดถึงคุณวิชัยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคุณประชา มาลีนนท์ คุณประวิทย์ มาลีนนท์ กลัวพ่ออย่างมาก พ่อตวาดแว้ดเดียว จะเงียบสนิท ไม่มีใครกล้าพูดเลยแม้แต่นิดเดียว

ทำไมผมรู้เรื่องนี้ ? เพราะว่าคุณวิชัย มาลีนนท์ เอาลูกไปเรียนอัสสัมชัญศรีราชา คุณประวิทย์ มาลีนนท์ นี่นักเรียนอัสสัมชัญศรีราชา รุ่นเดียวกับผม และผมก็รู้ตำนานของพ่อเขา

คนบางคนเป็นเจ้าของบริษัทประกัน สมัยก่อนค้าฝิ่น ค้าจนกระทั่งร่ำรวยขึ้นมา เลิกจากตรงนั้น ไม่ได้เพื่ออวดร่ำอวดรวย เอาเงินเอาทองมาลงทุนในเรื่องการเงินการทอง การประกัน เอาไปลงในเรื่องเหล้า มีโรงเหล้าอยู่ มีคนถือหุ้นอยู่หลายคน คนพวกนี้จะอยู่อย่างเงียบๆ เอาเงินเอาทองไปลงทุนในสิ่งที่คิดว่ามันจะงอกเงยทีหลัง

แต่พอมายุคนี้ เงินที่มาจากสีเทา หรือสีดำ เอามาอวดรวยกันไม่เกรงใจใคร จนได้เรื่อง แล้วพูดได้เลยว่า งานนี้ที่คุณจิรภพ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จับภูมิพัฒน์ และแยม ได้เพราะรวยไม่เกรงใจใคร ทะลึ่งโชว์จนได้เรื่อง


แยม ธมลพรรณ์ ภาณุชิตพุทธิวงศ์ เคยเป็นดาราช่อง 7 เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการมีเงินแล้วต้องอวด มีเงินแล้วหิวแสง เหมือนคุณแทนไท มีเงินแล้วอวด หิวแสง ด้วยการประมูลป้ายทะเบียนรถยนต์ 45 ล้านบาท คุณนี่โง่ฉิบหายเลย คุณแทนไท คุณมีเงินจากสีเทา คุณเงียบๆ อยู่เฉยๆ เป็นไหม แบ่งเงินสักครึ่งหนึ่งไปทำบุญทำทาน ทำมูลนิธิ เอาเงินคนที่บ้าการพนันมา กำไรมา 100 บาท ได้มา 100 บาท แบ่ง 50 บาทไป เอาเงินใส่มูลนิธิ ให้ทุนการศึกษาคน ทำนุบำรุงพุทธศาสนา วัดไหนไม่มีเมรุเผาศพ สร้างให้หมด อีก 50 บาท ก็เก็บเอาไว้ แต่ไม่

คุณแยมเข้าวงการตั้งแต่เล่นภาพยนตร์หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง สีหไกรภพ สี่ยอดกุมาร เทพสามฤดู โกมินทร์ เกราะกายสิทธิ์ สังข์ทอง เทพสังวาลย์ ดาบ 7 สี มณี 7 แสง หลังจากนั้นก็ไปเล่นละคร เป็นพิธีกร ถ่ายแบบ ผลงานเพลง


เธอสมรสกับนายอั้ม นายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์ แปดปีที่แล้ว หันหลังให้วงการบันเทิงแล้วทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่

คุณแยมคือตัวอย่างของคนที่ชอบเหลือเกิน ชอบ ... ขยันโพสต์ภาพตัวเอง ครอบครัว ลงโลกโซเชียล อินสตาแกรม โพสต์ตัวเองใส่ชุดลายดอก ใส่แคปชันว่า "ช่วงสงกรานต์หาชุดสวยๆ ลายดอกใส่กันนะคะ"


แต่แบ็กกราวนด์ด้านหลังของคุณแยม จะเป็นรถหรู เหมือนจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจอวด เธอมีรถหรูมากมาย ลัมโบร์กีนี้ เฟอร์รารี แมคลาเรน ปอร์เช่ BMW เมอร์เซเดส-เบนซ์ เธอถ่ายรูปทุกรูป พูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับรถ แต่แบ็กกราวน์ข้างหลังเธอเป็นรูปรถ


มีหมด แม้กระทั่งเรื่องที่เธอถ่ายรูปปอร์เช่ ป๊าบอกมีของขวัญวันเกิดให้เซอร์ไพรส์อีก ม๊าก็งงว่ามีแล้วนี่ ป๊าให้เดินมาดูหน้าบ้าน เท่านั้นแหละ!!! ม๊าร้องอ๋อออ เอาลูกมาอ้างเลยนะ ก็คือว่า มีปอร์เช่คันหนึ่ง ผูกด้วยโบว์สีแดง


กุมภาพันธ์ 2564 ปีที่แล้ว คุณแยมโพสต์อวดพร้อมสามีและเพื่อนๆ ว่า เพิ่งซื้อรถเฟอร์รามูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ท่านผู้ชมครับ ราคาอย่างเป็นทางการของเฟอร์รารี SF90 Stradale 40 ล้านบาท เครื่องยนต์ V8 4.0 เทอร์โบ มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว แรงม้าตั้ง 1,000 แรงม้า 


บางทีคุณแยมก็ถ่ายรูปยืนหน้าบ้าน ในมือหิ้วกระเป๋าแบรนด์เนม Hermes ใบละเป็นล้าน หลุยส์ วิตตอง หรือโพสต์ว่ามีคนมาทำความสะอาดบ้าน แต่ว่าตู้โชว์หลังคนที่ทำความสะอาดบ้าน ใส่กระเป๋าแบรนด์เนมเป็นแถว โชว์บ้านใหญ่โต เสื้อผ้าที่ใส่ ถ่ายภาพต้องติดโลโก้แบรนด์เนมตัวโตให้เห็นได้ชัดๆ เพราะกลัวคนจะไม่รู้ว่ารวย แต่ไม่ยอมบอกว่ารวยมาจากไหน


เอารูปให้ดู ยืนถ่ายรูปหน้าบ้าน คนทำความสะอาด ยืนอยู่ที่บนชั้นสองของบ้าน ไปที่สิงคโปร์ โรงแรมเดอะแซนด์ ไปเล่นการพนัน ไปกับสามี ไปยืนหน้าประตูชัยที่ฝรั่งเศส กับสามีของเธอ แล้วก็ถ่ายรูปออกมาโชว์ออฟ


ว่างๆ เธอก็โชว์ภาพชิลๆ ภาพกำลังเลี้ยงลูกบ้าง อุ้มลูกบ้าง แต่เธอดันใส่นาฬิการิชาร์ดมิลล์ เรือนละตั้งยี่สิบกว่าล้าน Patek Philippe โรเล็กซ์ โอเมก้า ผมเอารูปให้ดู นี่ไม่ได้ถ่ายเพื่อโชว์ตัวเองนะ โชว์นาฬิกา


สรุปแล้วชีวิตของคุณแยมที่พรีเซนต์ออกมานั้น หรูหรายิ่งกว่าเจ้าหญิงเสียอีก รวยจนคนโซเชียลลงมติกันว่า ถ้าวัดจากไลฟ์สไตล์แล้ว เธอน่าจะเป็นดาราและอดีตดาราที่มีฐานะร่ำรวยที่สุดในวงการ แต่ตอนนั้นก็มีคำถามว่า ทำไมรวยจัง รวยจัดแบบไม่มีที่มาที่ไป รวยกว่าระดับดาราเบอร์ต้น หรือดาราเบอร์ต้นที่มีพื้นเพครอบครัวที่ได้สามีเป็นทายาทจากตระกูลอภิมหาเศรษฐี อย่างเช่น จิราธิวัฒน์ ภิรมย์ภักดี ณรงค์เดช พรประภา หรือ เจียรวนนท์ เสียอีก


ประเด็นที่ท่านผู้ชมถามคำถามมากที่สุดถึงความร่ำรวยของแยม และสามี คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อต้นปี 2565 ที่ผ่านมา

2565 มีเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่วิลล่า 63 ที่โรงแรมชื่อ โซเนวา คีรี รีสอร์ต ที่เกาะกูด จังหวัดตราด บ้านพักที่เธอเข้าไปพักเป็นวิลล่าขนาด 6 ห้องนอน ราคาที่พักคืนละ 500,000 บาท 


การเดินทางไปต้องนั่งเรือไป หรือเครื่องบินส่วนตัวไปเท่านั้น ตอนนั้น (ซึ่งเดี๋ยวผมจะพูดถึงคนๆ นี้ด้วย) แพทย์หญิงจิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี หรือ หมอโอ๋ เจ้าของเพจ "เลี้ยงลูกนอกบ้าน" พี่สาวของนายอั้ม ก็เดินทางไปกับครอบครัวน้องชาย ทั้งหมด 15 คน 


หนึ่งในนั้นคือ แยม ธมลพรรณ์ น้องสะใภ้ของหมอโอ๋ ที่มากับสามีที่ชื่อ อั้ม ภูมิพัฒน์ โดยคุณธมลพรรณ์ หรือ แยม เปิดเผยว่า ช่วงที่เกิดเหตุ ตั้งครรภ์ 8 เดือน แล้วไฟไหม้วิลล่า ต้องหนีเพลิงไหม้ขึ้นเขาเข้าป่าเอาชีวิตรอด แล้วเธอก็เล่าถึงทรัพย์สินของเธอที่เสียหายอย่างภาคภูมิใจ

เธอบอกว่าที่เสียหายมีนาฬิกาข้อมือยี่ห้อริชาร์ดมิลล์ รุ่น RM11-03 ราคา 21 ล้านบาท ของสามี เสื้อผ้า 5 ชุด ราคา 80,000 บาท เงินสด 20,000 บาท รวมค่าเสียหาย 22 ล้านบาท แล้วเธอเรียกร้องให้รีสอร์ตหรูดังกล่าวรับผิดชอบ


ท่านผู้ชม ก็รวยจนน่าสงสัยขนาดนี้ ก็เลยไปเตะเข้าตาตำรวจและตอกย้ำ เพราะตำรวจ ท่านผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ท่านบอกแล้วว่าท่านสืบเรื่องนี้มาตั้งสองปีแล้ว แล้วแยมไม่มีหน้าที่อะไร ก็มีแต่โชว์รวย อวดรวย โชว์โง่ด้วยการอวดรวย กลัวคนจะไม่รู้ว่ารวย แต่ตัวเองไม่กล้าพูดว่าที่รวยนั้นรวยมาจากไหน เงินทองเอามาจากไหน ตำรวจสืบเส้นทางการเงินได้หมดว่าสองสามี-ภรรยาอดีตดารา ที่รวยนักรวยหนา รวยมาจากอะไร รวยมาจากการเปิดเว็บไซต์การพนันออนไลน์ ชื่อ ufa24h.net และเว็บไซต์เผยแพร่เนื้อหาลามกอนาจาร รวมทั้งถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลละเมิดลิขสิทธิ์อีกด้วย

ท่านผู้ชมสังเกตไหมว่า บรรดานักธุรกิจสีเทา สีดำ หรืออาชญากรที่แฝงตัวในคราบคนธรรมดาเหล่านี้ ไล่มาเลย ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยโป้ ผู้กำกับโจ้ พวกนี้ หลายๆ คน สุดท้ายก็ต้องจบเกมเพราะความอยากอวดของตัวเองและของเมียทั้งนั้น พวกที่ชอบขี่เบนท์ลีย์ โรลส์-รอยซ์ ทั้งหลาย บางคนเป็นนักการเมือง ขี่เบนท์ลีย์ ขี่โรลส์-รอยซ์ ซึ่งตัวเองรีดไถมาจากตู้ห่าว ชอบนักชอบหนา ไม่รู้ว่าโคตรพ่อโคตรแม่มันรวยมาจากไหน แต่ที่แท้แล้วเงินที่ได้มาไม่บริสุทธิ์

สมัยก่อนเจ้าพ่อหรือมาเฟียเขาทำโลว์โปรไฟล์ ผมเล่าให้ฟังแล้วไง เขาไม่อวดรวยกระโตกกระตาก สมัยก่อนเขามีเงิน อาจจะมีทองมากมายเก็บซุกเอาไว้ แต่จะทำตัวโลว์โปรไฟล์ ลูกหลาน เมีย ไม่เคยเอามาอวดรวยแบบนี้ แต่พอมายุคนี้ พอไปดูไลฟ์สไตล์เมีย เจอแทบทุกราย อดไม่ได้ที่จะอวดรถหรูบ้าง นาฬิกาบ้าง กระเป๋าแบรนด์เนมบ้าง บ้านใหญ่โต พระเครื่อง คริปโทเคอร์เรนซี ไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยว โพสต์โชว์ให้โลกโซเชียลรู้ว่าฉันมีเงินมีทองนะ ลืมคิดไปว่าเวลาเขาถามว่าคุณรวยมาจากไหน มันตอบไม่ได้ เพราะสามีฉันทำงานผิดกฎหมาย สุดท้ายแล้วพวกนี้ก็หนีไม่พ้น งานเข้าตัวเอง เหมือนสามี-ภรรยาคู่นี้ น้องแยม กับ อั้ม ผมได้แต่สงสารลูกๆ ที่ยังเล็กอยู่ จะอยู่กันต่อไปแบบไหน เพราะแม่และพ่อโดนคดี น่าจะติดคุกกันยาวทั้งคู่เลย

เมื่อเราพูดถึงอั้ม และ แยม สองสามี-ภรรยา ที่ถูกจับและนอนอยู่ในคุกปัจจุบัน อั้มอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ แยมอยู่ที่ห้องขังหญิงกลางที่คลองเปรม เราไม่พูดถึง "หมอโอ๋" ไม่ได้


"หมอโอ๋" คือใคร ? คือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิง จิราภรณ์ อรุณากูร หรือ "หมอโอ๋" เธอเป็นกุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี ทำไมต้องพูดถึงเธอ ? เพราะว่าเธอเป็นเจ้าของเพจชื่อดัง ชื่อ "เลี้ยงลูกนอกบ้าน" แล้วเผอิญเธอเกิดเป็นพี่สาวแท้ๆ ของนายอั้ม ภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์ หรือเป็นพี่สะใภ้ของอดีตนางเอกสาวแยม ธมลพรรณ์ ที่เพิ่งโดนตำรวจรวบตัวไป ถูกดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงิน เว็บพนัน เว็บโป๊ พฤติกรรมของ "หมอโอ๋" ที่เผยแพร่ผ่านเพจของเธอ มีคนติดตามประมาณ 780,000 คน เป็นเวลาหลายปี


"หมอโอ๋" ตั้งแต่น้องชายและน้องสะใภ้ถูกจับไป เธอถูกตั้งข้อสงสัยและมีคำถามจากสังคมถามว่า เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีดำของน้องชายหรือเปล่า ไม่ใช่เพียงเพราะมีสถานภาพเป็นพี่สาวของผู้ต้องหาเท่านั้น แต่เผอิญ "หมอโอ๋" เป็นหมอที่ทำตัวอยู่ในสปอตไลต์ของสังคมอยู่เสมอ

เพจ "เลี้ยงลูกนอกบ้าน" ในเฟซบุ๊กของ "หมอโอ๋" มีคนตามอยู่ประมาณ 7 แสนกว่าคน "หมอโอ๋" อธิบายการเลี้ยงลูกเชิงบวก เลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็นคนดี มีการเปิดคอร์สอบรมการเป็นพ่อแม่ที่ดี มีผู้สนใจเข้ามาเรียนเป็นระยะๆ เธอไปบรรยายที่โน่นที่นี่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในการเลี้ยงลูก และหมอที่สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ หมอที่เข้าใจวัยรุ่น


เมื่ออยู่ในความจับจ้อง ในสายตาของสังคม ทันทีที่มีข่าวรวบตัวน้องชายและน้องสะใภ้ ผู้คนในสังคมอดคิดไม่ได้ที่จะไปเชื่อมโยงกับสิ่งที่ "หมอโอ๋" เขียนเอาไว้ในเพจ อย่างเช่นบทความเรื่อง คำสอน 10 ข้อ "สอนลูกให้โตไปไม่โกง" ล่าสุดชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นโพสต์ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เกี่ยวกับประเด็นที่น้องชาย "หมอโอ๋" ถูกดำเนินคดีฟอกเงิน เว็บพนัน เว็บโป๊ ชาวบ้านเขาตั้งคำถามว่า "หมอโอ๋" สอนแต่ลูก แต่ไม่สอนน้องตัวเองบ้างหรือ ? สอนน้องอย่างไรให้โกง สงสัยหมอจะลืมสอนน้อง และ เข้าใจครับว่าคุณหมอเลี้ยงแต่ลูก ไม่ได้เลี้ยงน้อย


ในที่สุด "หมอโอ๋" ทนไม่ไหว วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับน้องชายและน้องสะใภ้ ข้อชี้แจงของ "หมอโอ๋" ฟังดูก็น่าเห็นใจนะครับ เขาบอกว่า ต่างคนต่างโตกันแล้ว ใครจะทำอะไรก็ห้ามกันไม่ได้ แต่ในเมื่อคุณหมอโอ๋เป็นคนมีปัญญา เธอจบเตรียมอุดมศึกษา เตรียมฯ พญาไท จบแพทย์มหิดล จนมาถึงเป็นอาจารย์หมอในโรงพยาบาลอันดับต้นๆ ของประเทศ เธอสร้างโปรไฟล์ของเธอเป็นคนเก่ง เหมือนคราวที่แล้วผมออกเรื่อง FACE/OFF สร้างโปรไฟล์ตัวเอง คุณหมอย่อมรู้ ทราบพื้นเพครอบครัวตัวเองดีมาตั้งแต่ต้น


ผมก็เลยต้องใช้ความกล้าหาญหน่อย ถามคุณหมอหน่อยว่า คุณหมอไม่รู้เลยหรือว่าทำไมน้องชายที่ทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือ พร้อมเล่นหุ้น เหรียญคริปโทฯ อยู่ จู่ๆ โคตรรวยผิดปกติ มีเงินทองมหาศาล ในภาวะที่คนเล่นหุ้นหรือคริปโทฯ คนอื่นๆ เขาเจ๊งกันเป็นระนาว ทรัพย์สินที่ตำรวจยึดได้ เฉพาะที่เป็นของกลางก็มีมูลค่า 700 กว่าล้านบาท ผมเล่าให้ฟังแล้วว่ามีอะไรบ้าง ผมถามคุณหมอโอ๋จริงๆ ว่าคุณหมอไม่สงสัย ไม่เคยถามน้องชายเลยหรือ ไลฟ์สไตล์ยิ่งกว่ามหาเศรษฐีของน้องชายมาอย่างไร ข้าวของเหล่านี้มาอย่างไร ไม่เคยอยากรู้เลยหรือว่าน้องคุณทำงานอะไร มีอาชีพอะไรบ้าง


แต่เอาเถอะ ถ้าคุณบอกว่าไม่ทราบ แต่อย่างน้อยคุณควรจะทราบเรื่องที่คุณเองไปเปิดบริษัทร่วมกับน้องชาย หรือว่าเรื่องนี้คุณหมอโอ๋ก็ไม่ทราบเช่นกัน ?

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า มีบริษัทชื่อ ดิอิมเมจ เมดิคอล แอสเทติก จดทะเบียนจัดตั้ง 9 สิงหาคม 2556 ทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท วัตถุประสงค์ บริการเสริมความงาม สำนักงานใหญ่อยู่ 249 ถนนโยธินพัฒนา แขวงคลองจั่น กรรมการบริษัทมี คุณอั้ม จิราภรณ์ อรุณากูร (หมอโอ๋) นอกจากนี้แล้ว หมอโอ๋ กับน้องชาย ยังเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 4 และอันดับ 5 เท่ากันด้วย

ท่านผู้ชมครับ คุณหมอโอ๋ กับญาติ และเพื่อนฝูง เอาเงินมาเปิดคลินิกเสริมความงาม ถือว่าเป็นเรื่องปกติ สมัยนี้การฟอกเงินผ่านสถานความงามมีมากมาย คดีฉ้อโกงที่ผ่านมา อย่างเช่น นายอภิรักษ์ FOREX 3D หรือนายเอิร์ก เลเดอเรอร์ ก็เอาเงินที่หลอกเหยื่อมาฟอกผ่านคลินิกเสริมความงาม บางคนเอาเงินมาฟอกผ่านร้านขายแว่นตา อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลยครับ ที่มีสาขาอยู่เยอะแยะไปหมด หลายๆ ที่เปิดมาแล้วไม่มีคนเดินเข้าสักคนเลย แต่ก็ยังขยันเปิดอยู่

อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้หมายความว่าคุณหมอ หรือน้องชาย ทำแบบนั้นนะครับ แต่เงินที่น้องชายคุณเอาไปลงทุนทำอะไร ถ้าเจ้าหน้าที่เขาตรวจสอบจริงๆ มีความผิดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือ ปปง. เขาก็มีสิทธิ์จะเข้าไปตรวจสอบนะครับคุณหมอ อาจจะเข้าข่ายการฟอกเงินจากการทำธุรกิจผิดกฎหมายได้นะครับ คุณหมอโอ๋ นอกจากนั้นแล้ว คุณหมอโอ๋ จะไปห้ามความสงสัยของผู้คน ห้ามนักสืบโซเชียลไปขุดคุ้ยครอบครัวคุณไม่ได้ เพราะคุณมีโปรไฟล์ คุณสร้างโปรไฟล์ของคุณให้เป็นคนดัง มีชื่อเสียง มิหนำซ้ำ คุณหมอโอ๋ คุณจำได้ไหมว่าคุณเคยใช้ชื่อเสียงในโลกออนไลน์ของคุณเป็นช่องทางเผยแพร่ความคิดของตัวคุณเอง แล้วโจมตีคนอื่น เช่นกัน

ท่านผู้ชมครับ กรรมตามทัน "หมอโอ๋" ที่กระทืบซ้ำ "ลูกหนัง" ลูกสาวคุณตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง


ปลายปีที่แล้ว ธันวาคม 2564 คุณหมอโอ๋ จำได้ไหมคุณวิพากษ์วิจารณ์กระแส "แบนลูกหนัง" ของ "ลูกหนัง" ศีตลา วงษ์กระจ่าง ที่เดบิวต์เป็นศิลปินที่ประเทศเกาหลีใต้ แล้วโดนบรรดาเด็กสามนิ้วแบนในโซเชียลมีเดีย ตอนนั้นคุณพูดอย่างไร คุณหมอโอ๋ ผมยังจำได้แม่น

"สิ่งที่ลูกหนังโดนนั้น ส่วนหนึ่งก็รู้สึกว่ามันชักจะมากไป ทำไมมันต้องขนาดนี้ ส่วนหนึ่งพบว่า นี่ยังน้อยไปเมื่อเทียบกับสิ่งที่เยาวชนอีกฝ่ายต้องได้รับ" เอาล่ะ คุณดูเหมือนจะปกป้อง "น้องหนัง" แต่ในที่สุดคุณก็กระทืบ "น้องหนัง"

"ส่วนหนึ่งก็พบว่ายังน้อยไปเมื่อเทียบกับสิ่งที่เยาวชนอีกฝ่ายหนึ่งต้องได้รับ"

คุณหมอโอ๋ ครับ มีหลายข้อที่หมอโอ๋พูดในเรื่อง "น้องหนัง" ผมจะเอาส่วนหนึ่งมาพูด ข้อสี่ ข้อห้า ข้อหก


ข้อสี่ "หมอโอ๋" บอกว่า ถ้าเราเชื่อและศรัทธาว่าคนเราควรเห็นต่างทางการเมืองได้ เราควรลุกขึ้นมาตั้งคำถามว่า เด็กจำนวนมากที่ศรัทธาในประชาธิปไตย ทำไมพวกเขาต้องถูกกักขัง เขาถูกกักขัง นี่ง่ายนิดเดียว ถ้าคุณหมอโอ๋ใช้สติปัญญาที่เรียนจบเตรียมฯ พญาไท (เตรียมฯ ใหญ่) แล้วเรียนจบแพทย์ ว่าที่ถูกกักขังก็เพราะว่ามันมีเรื่องมีราว เขาทำผิดกฎหมาย และที่ถูกกักขัง ก็เพราะว่าเขาเมื่อได้รับประกันตัวแล้ว ศาลระบุว่า ไม่ให้กลับไปทำเหมือนเดิมอีก ก็ไม่เชื่อ ก็ยังกลับไปทำเหมือนเดิม ก็เลยถูกกักขัง และผิดมาตรา 112 หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เขาไม่ได้ถูกซี้ซั้วกักขังโดยไม่มีเหตุไม่มีผล เราทำความเข้าใจตรงนี้กันก่อนนะคุณหมอโอ๋

ข้อห้า คุณหมอโอ๋ บอกว่า ถ้าเราคิดว่าความเกลียดไม่ควรเป็นมรดกที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น เราควรเข้าใจ ถ้าความรักสำหรับใครก็ไม่สามารถบังคับหรือถ่ายทอดกันได้จากรุ่นสู่รุ่น

ข้อหก ถ้าเราเห็นใจลูกของคนที่เกิดชุมนุม กปปส. ที่วันนี้ต้องมารับผลกระทบกับสิ่งที่พ่อแม่ หรือตัวเอง เคยทำ เราควรขอโทษที่ตัวเราเองอาจจะเคยเหยียบย่ำลูกหลานของคนที่เรามองเขาเป็นศัตรู

คุณหมอโอ๋ ครับ คุณหมอโอ๋นี่เลอะเทอะฉิบหายเลยนะ ลูกของคนที่เคยชุมนุม กปปส. คุณตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ไม่เคยชุมนุม กปปส. น้องผมคนนี้เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขนานแท้และดั้งเดิม ไม่เคยชุมนุม กปปส. ข้อมูลคุณยังไม่ตรงเลย คุณยังเลอะเทอะ หาว่าน้องลูกหนังเป็นลูกของคนที่เคยชุมนุม กปปส. มิน่า คุณถึงไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับน้องชายคุณ คุณจะให้ผมเชื่อไหมว่าคุณไม่รู้เรื่องเลยว่าน้องชายคุณทำธุรกิจสีเทา หรือวันที่คุณยกทีมกันไปเที่ยวเกาะกูด จังหวัดตราด นั่งเครื่องบินส่วนตัวไป นั่งตรงนั้น คุณไม่สงสัยบ้างหรือว่าทำไมน้องชายคุณถึงรวยเอาๆ

ท่านผู้ชมครับ คุณหมอโอ๋ต้องยอมรับเสียก่อนว่าที่ผ่านมา คุณใช้สถานการณ์ที่เป็นสถานะที่คุณเป็นแพทย์ เป็นหมอ เป็นถึงอาจารย์หมอ ซึ่งมีสถานะทางสังคมที่สูงกว่าคนทั่วไป มาแสดงทัศนคติอันบิดเบี้ยว ใช้วาทกรรม วาทศิลป์ ในการสร้างความชอบธรรม กระทืบซ้ำผู้อื่นมาหลายกรณี จนบางทีผมไม่อยากว่าทัศนคติอย่างนี้ คุณไม่น่าเป็นอาจารย์ใครเขาได้ อย่าว่าแต่เป็นอาจารย์แพทย์เลย ที่ต้องมีความเป็นธรรม มีความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา สูงกว่าบุคคลทั่วไป แต่อย่างว่า คุณหมอโอ๋ครับ กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมสนอง

มาถึงวันนี้ การกระทำที่ผิดกฎหมายรุนแรงของน้องชายคุณ กับน้องสะใภ้ ถึงขนาดที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวนั้น ถ้าใช้ตรรกะเดียวกับที่คุณหมอโอ๋วิพากษ์วิจารณ์น้องลูกหนัง ลูกสาวของตั้ว ศรัณยู ก็แสดงว่าคุณเองก็ต้องเตรียมตัว ก็ต้องยอมรับการโดนวิพากษ์วิจารณ์ขุดคุ้ยจากการกระทำของน้องชายคุณเช่นกัน แม้ว่าคุณจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว ตามที่คุณกล่าวอ้างมา

อันนี้ผมไม่ได้พูดเองนะ แต่เป็นคนที่เข้ามาคอมเมนต์ในเพจ "เลี้ยงลูกนอกบ้าน" ของคุณหมอโอ๋ ยกตัวอย่างให้ดูก็ได้


"วิเคราะห์วิจารณ์น้องลูกหนังขนาดนี้ แล้วน้องชายคุณหมอเป็นแบบนี้ คุณหมอรู้สึกยังไง เว็บพนันคือจุดเริ่มต้นของปัญหาครอบครัว ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาเศรษฐกิจ อยากรู้จังคุณหมอมีความเห็นเรื่องนี้ยังไงบ้าง จะสอนเรื่องสื่อลามกอและการพนันในเด็กยังไง ในเมื่อคนในครอบครัวคุณหมอทำธุรกิจประเภทมอมเมาคน #ความผิดคนอื่นเท่าภูเขา #ความผิดตัวเราเท่าเส้นผม"

อีกความเห็นหนึ่ง "ห่วงเยาวชนที่ได้รับผลกระทบจาก กปปส. แล้วเยาวชน พ่อแม่เยาวชนที่ฉิบหายเพราะน้องชายหมอ จะออกมาขอโทษยังไงดีคะ นี่แหละค่ะเวรกรรม"


อีกความเห็นหนึ่ง "ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่เป็นถึงอาจารย์แพทย์จะมีความคิดแบบนี้ คุณหมออายุเท่าไหร่ แล้วน้องลูกหนังอายุเท่าไหร่ ทำแบบนี้เหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็กเอาอคติตัวเองมาตัดสินเด็กผู้หญิงคนนึงเพราะการเมือง ไม่ใช่แค่น้องชายหมอที่ทำในสิ่งกฎหมายห้าม แต่ตัวคุณหมอเองก็ประดิษฐ์คำสวยๆ ให้คนที่มีแนวทางเดียวกับคุณหมอใช้คำพูดทำร้ายคนคนนึงอย่างเลือดเย็น โดยที่คุณหมอไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลย คุณหมอลองพิจารณาดูแล้วกันค่ะว่าคนประเภทนี้โตจากครอบครัวแบบไหน แล้วมาเขียนเพจให้อ่านบ้าง"

อีกความเห็นหนึ่ง "ตกลงฉันเอาความเกลียดชังไปลงที่ลูกหลานของพวกบ่อนทำลายชาติ ทำเว็บพนันเว็บโป๊ได้มั้ยอ่ะ เพราะพ่อแม่มันทำไม่ดี ลูกหลานมันต้องรับกรรม แบบนี้ได้ใช่ไหม" ใช่หรือไม่ใช่ คุณหมอโอ๋


อีกประโยคหนึ่ง "ประโยคที่เขียนว่า 'นี่ยังน้อยไป' ของคุณหมอ โหดร้ายมากนะคะ เหมือนอนุญาตให้สาวกไปบูลลี่คนอื่นได้ตามสบาย ทั้งๆ ที่ลูกหนังไม่ได้ทำผิดอะไรเลยเมื่อเทียบกับน้องชายคุณหมอ เสียใจมากที่เห็นเพื่อนมากดไลค์ ความถูกต้องไม่มี มีแต่ความถูกใจ"

ท่านผู้ชมครับ คุณหมอโอ๋ครับ ผมคิดว่าคุณคงเจ็บปวดกับเรื่องนี้มาก สิ่งที่คุณทำกับลูกหนัง และสิ่งที่น้องชายและน้องสะใภ้คุณทำกับสังคม "ลูกหนัง" ไม่ได้ผิดอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวในยุคนั้น เพราะเขามีพ่อที่ชื่อ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง และพ่อดันมาเป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งไม่ถูกโฉลกกับพวกสามนิ้ว คุณหมอโอ๋เห็นว่าตอนนั้น "ลูกหนัง" กำลังเพลี่ยงพล้ำ คุณไม่มีเมตตา กรุณา มุทิตา เลยแม้แต่นิดเดียว คุณก็ใช้วาทศิลป์ วาทกรรมของคุณ กระทืบ "น้องลูกหนัง" ทั้งๆ ที่ ตั้ว ศรัณยู ไม่ได้ทำผิดอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เขาต่อสู้กับการคอร์รัปชันของทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น เขาต่อสู้เพื่อคุณงามความดี แต่คุณก็ยังโยง "ลูกหนัง" ไปถึงพ่อเขากระทืบลูกสาวซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรเลย วันนี้สมควรหรือยังที่ประชาชนเขาจะโยงน้องชายคุณไปถึงบิดามารดาของคุณ และกระทืบน้องชายคุณ หรือเขาอาจจะบอกว่า พ่อแม่เลี้ยงลูกอย่างไร หรือพี่สาวดีแต่สอนชาวบ้านเขา แต่น้องชายตัวเองไม่สอน

คุณหมอโอ๋ครับ ผมแนะนำอะไรอย่างได้ไหม จากนี้ไปคุณหุบปากได้แล้ว ปิดเพจคุณไปเถอะ เฮงซวย!

ท่านผู้ชมครับ วันนี้ถ้าไม่พูดถึงเรื่องการเมืองหน่อยก็จะตกข่าว เอาสักหน่อยดีไหม วันนี้ผมจะพูดเรื่อง "แลนด์สไลด์"


ท่านผู้ชมจำคำว่า "แลนด์สไลด์" ได้ไหม ที่พรรคเพื่อไทย นำโดยหนูอุ๊งอิ๊งค์ พยายามแสดงออกถึงการแลนด์สไลด์ และแลนด์สไลด์ที่ตั้งใจพูดมาโดยคุณทักษิณ กับคุณอุ๊งอิ๊งค์ ก็หมายความว่าประชาชนเสียงส่วนใหญ่จะเข้ามาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ทำให้มี ส.ส. เข้ามาอย่างมหาศาล ที่เรียกว่า "แลนด์สไลด์"

แต่วันนี้เมื่อมาดูแล้ว แลนด์สไลด์ของคุณทักษิณ และอุ๊งอิ๊งค์ แปลว่าคนไหลออกจากพรรคตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง ท่านผู้ชมครับ ถ้าติดตามข่าวจะเห็นว่าบุคคลระดับแกนนำไหลออกเป็นชุดแรกๆ ชุดแรกๆ เลย ตั้งแต่ต้นเลย ไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ โภคิน พลกุล พงศ์เทพ เทพกาญจนา และอีกหลายต่อหลายคน จากนั้นแกนนำระดับตัวรองๆ ก็ทยอยออก ไม่ว่าจะเป็นคุณการุณ โหสกุล จิรายุ ห่วงทรัพย์ กลางเดือนที่ผ่านมา ส.ส. เพื่อไทย ออกจากตำแหน่ง ส.ส. อีก 7 คน กระจายไปหลายจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นอุดรธานี ศรีสะเกษ อยุธยา พิษณุโลก กรุงเทพฯ นครนายก นครราชสีมา

ถ้านับนิ้วกันแล้ว จนถึงวันนี้แกนนำและ ส.ส. เพื่อไทย ลาออกแล้วมากกว่า 40 คนเข้าไปแล้ว ท่านผู้ชมครับ ผมกำลังจะถามกลับมาว่า นี่คือสภาวะพรรคการเมืองที่กระแสมาแรงถึงขั้นจะชนะแบบแลนด์สไลด์ หรือชนะท่วมท้นหรือเปล่า ? นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะฝากให้คิด


เรื่องที่สองก็ถกเถียงกันมาก ก็คือค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรีให้เริ่มที่ 25,000 บาท ปรากฏว่าทุกคนก็อยากจะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ แต่ว่าพรรคเพื่อไทยเอาค่าแรงขั้นต่ำมาล่อ ทุกพรรคอยากได้ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มสูงขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ไม่ใช่นำมาล่อลวง เพราะว่าพรรคเพื่อไทยเสนอค่าแรงขั้นต่ำแบบประเภทต้มตุ๋นล่วงหน้า 5 ปี หลอกคนไทยล่วงหน้า 5 ปี อธิบายเรื่องการขึ้นค่าแรง จากที่อ้างว่าขึ้นได้ถึง 600 บาท ในปี 2570 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า

ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะมีเวลาทำงานตามวาระ คือ 4 ปี (2566-2569) แต่เพื่อไทยดันไปบอกว่าจะได้ค่าแรง 600 บาท ในปี 2570 เหมือนกับการต้มตุ๋นล่วงหน้า 5 ปี ไม่ได้ทำตามที่หาเสียงในช่วงที่เป็นรัฐบาล แต่บอกว่าจะเกิดขึ้นในช่วงที่หมดวาระ

ท่านผู้ชมครับ ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ นโยบายนี้จะเป็นการทำลายเศรษฐกิจล่วงหน้า 5 ปี เพราะการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการลงทุน ภาคการผลิต ภาคอุตสาหกรรม การบริการ กิจการ SMEs รวมทั้งส่งผลต่อการลงทุนจากต่างประเทศในประเทศไทย ทำให้ต้นทุนภาคอุตสาหกรรมสูงขึ้น บริษัทที่คิดจะมาลงทุนในประเทศไทยอาจจะเปลี่ยนใจไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านกันหมด ผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตภาคอุตสาหกรรมทั้งระบบ

ส่วนนโยบายคนจบปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มที่ 25,000 บาทนั้น มันเป็นความคิดที่ดี ผมเห็นด้วย แต่ว่ามันจะสร้างความเสียหายต่องบประมาณรายจ่ายประเทศ เพราะการขึ้นค่าจ้างในภาคเอกชนจะส่งผลให้ต้องปรับอัตราค่าจ้างในระบบราชการไปด้วย ถ้ามีการปรับเงินเดือนของข้าราชการระดับล่าง ก็จะต้องมีการปรับเงินเดือนข้าราชการชั้นสูงๆ ขึ้นไปด้วย คือพูดง่ายๆ ว่าถ้าปรับต้องปรับทั้งระบบ จากล่างขึ้นไปถึงสูงสุด เกิดผลกระทบตามมามากมาย

ท่านผู้ชมครับ การเพิ่มสูงของเงินเดือนข้าราชการ ซึ่งอยู่ในส่วนงบรายจ่ายประจำหมวดงบบุคลากร จะไปกระทบกับงบลงทุนที่เราต้องเอาไปใช้พัฒนาประเทศอื่นๆ ตามไปด้วยเป็นเงาตามตัว ยกตัวอย่าง ปี 2566 งบประมาณมีอยู่ 3,185,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ 78.2 เปอร์เซ็นต์ ของงบประมาณปี 2566 เกือบๆ 2.5 ล้านล้านบาท เป็นงบรายจ่ายประจำ คืออย่างไรก็ต้องเอามาจ่าย จ่ายเงินเดือน จ่ายโน่นจ่ายนี่ที่มีผูกพันจะต้องจ่าย หนีไม่พ้น ก็จะเหลือเงินแค่ 21.8 เปอร์เซ็นต์ หรือราวๆ 695,000 ล้านบาท ที่เป็นงบรายจ่ายเพื่อการลงทุน


ถ้าท่านผู้ชมขึ้นเงินเดือนข้าราชการเริ่มต้นจาก 15,000 บาท ไปเป็น 25,000 บาท ท่านผู้ชมคิดว่างบรายจ่ายประจำที่ต้องจ่ายประจำมันคงกระโดดไปถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เหลืองบประมาณเพื่อการพัฒนาประเทศ ช่วยเหลือประชาชนหากเกิดเหตุฉุกเฉินต่างๆ นิดเดียว ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ น่ากลัวไหมท่านผู้ชม ไม่ใช่ว่าขึ้นไม่ได้ ขึ้นได้ แต่การขึ้นนั้นต้องไม่ใช่การขึ้นแบบต้องการหาเสียง ผมเห็นด้วยนะครับว่าค่าแรงควรขึ้นจากสามร้อยกว่าบาท ขึ้นไปเรื่อยๆ แต่การขึ้นต้องมีเป็นขั้นตอน ไม่ใช่จู่ๆ ก็มาฟาดขึ้นให้ทันทีเลย 600 บาท แล้วพรรคเพื่อไทยก็บอกว่าจะขึ้นในปี 2570 แสดงว่าถ้าคุณเป็นรัฐบาลอยู่ 4 ปี (2566-2569) คุณปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม แล้วคุณบอกว่าเลือกตั้งใหม่ 2570 ขึ้นได้แล้ว 600 บาท ก็คือเป็นการตุ๋นคนลงคะแนนเสียงล่วงหน้า แล้วเงินเดือน 25,000 บาทนั้น มันเป็นเรื่องที่ถ้าคุณให้เอกชนปรับ ราชการต้องปรับด้วย แล้วราชการต้องปรับทั้งระบบ เมื่อปรับทั้งระบบแล้ว งบลงทุนที่เคยเหลืออยู่ 20 เปอร์เซ็นต์ ก็จะเหลือไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ งบค่าใช้จ่ายประจำที่ต้องจ่ายอยู่แล้ว จะเพิ่มจาก 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ เป็น 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ประเทศไทยเราจะย่ำอยู่กับที่ ไม่ไปไหนเลยแม้แต่นิดเดียว

ท่านผู้ชมครับ จริงๆ แล้วผมไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ให้ท่านผู้ชมฟังหรอก เพราะว่ามันไม่ได้เป็นสิริมงคลอะไรเลยในช่วงสิ้นปี อยากจะมีเรื่องดีๆ ขึ้นมา แต่เผอิญมันไม่มี สิ่งที่ผมกำลังจะพูดบอกท่านผู้ชมว่า ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่าว่า ตอนนี้ประเทศญี่ปุ่นกำลังเดินหน้าเข้าสู่สงครามแล้ว ทำไมผมถึงพูดอย่างนั้น ?

มันมีความเคลื่อนไหวด้านภูมิรัฐศาสตร์ของภูมิภาคและของโลกที่สำคัญ เพราะญี่ปุ่นประกาศยกเครื่องนโยบายป้องกันประเทศครั้งใหญ่ ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 มา ก็คือว่า ญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงตัวเองจาก "การป้องกันตัวเอง" มาเป็น "โจมตี โต้กลับ เดินหน้าสู่สงคราม"


เมื่อ 16 ธันวาคม วันศุกร์ที่แล้ว คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้รับรองกฎหมายสำคัญ 3 ฉบับ ฉบับแรก คือ ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติ ยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ แผนเสริมสร้างความสามารถด้านการป้องกันประเทศระยะกลาง ก็คือพูดง่ายๆ ว่า นี่คือการพลิกโฉมยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เปลี่ยนจากการตั้งรับ มาเป็นตอบโต้

ญี่ปุ่นมองว่าความท้าทายที่ญี่ปุ่นมุ่งเป้าจะมาจากประเทศเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ คือ จีน เกาหลีเหนือ และ รัสเซีย


นายคิชิดะ ฟูมิโอะ ได้สั่งการให้เพิ่มงบประมาณการป้องกันประเทศเป็น 2 เปอร์เซ็นต์ จากแต่ก่อนแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ ของจีดีพี คิดเป็นจำนวนเงินแล้ว ญี่ปุ่นจะตั้้งงบประมาณการป้องกันประเทศใน 5 ปี ที่ราวๆ 43 ล้านล้านเยน หรือกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยก็ 11 ล้านล้านบาท เพราะฉะนั้นแล้ว ญี่ปุ่นจะกลายเป็นประเทศที่ 3 ที่มีงบประมาณใช้ในการสงครามอันดับ 3 ของโลก (อันดับหนึ่ง คือ อเมริกา อันดับสอง คือ จีน และ อันดับสาม คือ ญี่ปุ่น)

นโยบายนี้จริงๆ แล้วมันเกิดขึ้นและมีความผูกพันตั้งแต่สมัยนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนที่แล้ว คือนายชินโซ อาเบะ ซึ่งเคยพูดเรื่องนี้มาแล้ว และตั้งเป้า ตั้งธงเอาไว้แล้วว่าญี่ปุ่นจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองจากการตั้งรับมาเป็นฝ่ายรุกและโต้ตอบ แล้วพอถึงมือทายาททางการเมืองของชินโซ อาเบะ คือ คิชิดะ ฟูมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน ก็เลยดำเนินการ เป็นไปตามที่ญี่ปุ่นต้องการ


ในสายตาญี่ปุ่น เขามองว่าจีนคือความท้าทายอันดับหนึ่ง เป็นเรื่องที่ตลกร้ายมาก เพราะว่าญี่ปุ่นเคยรุกรานจีนอย่างหนัก ยึดครองประเทศจีนบางส่วนในสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วก็มีการสังหารหมู่ชาวบ้านที่อยู่ในเมืองนานกิง หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Nanking Massacre คนตายเป็นล้านๆ คน และญี่ปุ่นเองเป็นประเทศที่รุกรานประเทศเพื่อนบ้านมาก่อนในอดีต พอทีนี้จีนเกิดใหญ่ขึ้นมา ญี่ปุ่นก็เลยต้องมาทบทวนยุทธศาสตร์ความมั่นคงในระยะ 10 ปี โดยญี่ปุ่นวางจีนเป็นอันดับแรกในรายชื่อประเทศของประเทศที่ญี่ปุ่นมองว่าเป็นประเทศที่ท้าทายความมั่นคงในภูมิภาค ยุทธศาสตร์ปัจจุบันเขาให้เกาหลีเหนืออยู่อันดับแรก แต่ตอนนี้กลายเป็นจีนแล้ว

เสร็จเรียบร้อยแล้ว ญี่ปุ่นจะแสวงหาความเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่มีผลประโยชน์ร่วมกันกับจีน แต่ถ้อยคำนี้หายไปจากยุทธศาสตร์ฉบับล่าสุด แล้วใช้คำพูดแทนว่า "ความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์และมั่นคง และการสื่อสารที่ดีกว่าเดิม" ก็คือญี่ปุ่นยังมองว่าสามารถที่จะคุยให้ดีกว่านี้ ถ้าคุยไม่ดีกว่า จีนก็คือศัตรูอันดับหนึ่ง หมายความว่าอย่างไร ? หมายความว่าญี่ปุ่นไม่ได้มองว่าจีนเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์และมีผลประโยชน์ร่วมกันต่อไปอีกแล้ว เพียงแต่จะรักษาความสัมพันธ์สร้างสรรค์ เพราะญี่ปุ่นมีธุรกิจในจีนจำนวนมาก ทำให้การสื่อสารดีกว่าเดิมเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด อาจจะลุกลามไปถึงการเผชิญหน้ากัน


ท่านผู้ชมจำได้ไหมครับ ในการประชุมเอเปคคราวที่แล้ว นายกรัฐมนตรีคิชิดะ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้พบปะกันตัวต่อตัวในสถานที่แห่งหนึ่ง เข้าใจว่า สี จิ้นผิง คงจะบอกอะไรบางอย่างออกไป แล้วทำให้นายคิชิดะ ตัดสินใจว่า อย่างไรญี่ปุ่นก็ต้องเดินหน้าต่อไป เพราะว่าญี่ปุ่นกลัวจีนมากในขณะนี้ เพราะจีนเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก และกำลังจะขึ้นสู่อันดับ 1 ในที่สุด ญี่ปุ่นนั้นอยู่อันดับ 3 และกำลังจะถูกอินเดียแซงไปอีกแล้ว และญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีปัญหามากในเรื่องของนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ญี่ปุ่นไม่ค่อยมีออกมาเลยในช่วง 1 หรือ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เทคโนโลยีนวัตกรรมที่ญี่ปุ่นเคยมีและเป็นที่กล่าวขวัญกันทุกวันนี้ก็คือ รถไฟชิงคันเซ็น เท่านั้นเอง นอกนั้นแล้ว ญี่ปุ่นไม่มีอะไรใหม่ขึ้นมาเลย แม้กระทั่งอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า ญี่ปุ่นก็ล้าหลังประเทศจีนอย่างมาก หลายๆ อุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ของ Panasonic, TOSHIBA คอมพิวเตอร์ ตกขอบไปหมดเลย ถูกจีนแซงไปหมดแล้วตอนนี้

สังเกตได้อย่างหนึ่ง โรงงานต่างๆ ของญี่ปุ่นที่เคยตั้งอยู่ในประเทศไทย ที่มีการผลิตสินค้าที่ประชาชนซื้อเพื่อใช้ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เครื่องครัว เรื่องโทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ตอนนี้ถูกจีน และเกาหลี แซงไปหมดแล้ว ญี่ปุ่นก็เหลืออยู่อย่างเดียวเท่านั้นเอง ก็คืออุตสาหกรรมรถยนต์ เท่านั้นเอง

ยุทธศาสตร์ความมั่นคงฉบับใหม่ ตลกมาก ให้จีนเป็นความท้าทายอันดับหนึ่ง แล้วเลื่อนเกาหลีเหนือ ซึ่งเคยอยู่อันดับหนึ่ง ลงมาเป็นอันดับสอง เพราะฉะนั้นแล้ว ญี่ปุ่นมองว่าระบบในปัจจุบันของญี่ปุ่นยังไม่พร้อมที่จะรับมือการโจมตีด้วยขีปนาวุธ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ายิงกันมาอย่างมากๆ เลยทีเดียว ซึ่งเกาหลีเหนือมีอยู่เยอะมาก และนี่เป็นฝันร้ายของญี่ปุ่นและประชาชนชาวญี่ปุ่นมานานแล้ว เพราะว่าไม่สามารถจะเดาได้ว่าจิตใจของ คิม จอง-อึน คืออะไร แล้วมีอารมณ์แบบไหน แต่ญี่ปุ่นไม่เคยทบทวนตัวเองว่า ญี่ปุ่นเอง เนื่องจากไปผูกขาตัวเองไว้กับประเทศอเมริกา แล้วอเมริกาก็ใช้ญี่ปุ่นเป็นนายหน้า เป็นตัวแทนอเมริกาในการรุกคืบ หรือออกมาต้านทานจีน ไม่ให้จีนเจริญเติบโตใหญ่ต่อไป เพราะฉะนั้นแล้ว ญี่ปุ่นกำลังปวดหัวมาก จนในที่สุดญี่ปุ่นคงคิดสะระตะแล้วว่า เกาหลีเหนือไม่เป็นไร เอาจีนก่อนดีกว่า

ยุทธศาสตร์ความมั่นคงฉบับใหม่ ยังเปลี่ยนทีท่าต่อรัสเซีย จากหน้ามือเป็นหลังมือ ยุทธศาสตร์ฉบับปัจจุบัน ให้กระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือกับรัสเซียเพื่อคานอำนาจจีน แต่ฉบับล่าสุดได้เตือนว่า การรุกรานยูเครนของรัสเซีย และความร่วมมือระหว่างรัสเซีย กับ จีน เป็นความกังวลความมั่นคงอย่างใหญ่หลวง

สรุปง่ายๆ ก็คือว่า ญี่ปุ่นกำลังรับงานอเมริกามาอย่างเต็มตัว เพื่อจะเป็นตัวแทนอเมริกาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ออกมาคานจีน แล้วก็เป็นส่วนประกอบในการที่จะอยู่ในระเบียบเก่าของโลกที่อเมริกาเป็นผู้นำ

ญี่ปุ่นมองว่าสงครามในยูเครน และการที่กองทัพจีนกดดันไต้หวันอย่างหนัก มันเป็นเรื่องราวที่ญี่ปุ่นกำลังกังวลใจมาก 


นอกจากนั้นแล้ว ญี่ปุ่นยังมีข้อพิพาทกับจีนในหมู่เกาะเซ็งกากุ ฝ่ายจีนเขาเรียกว่า หมู่เกาะเตียวหยู กองทัพจีนได้เพิ่มแสนยานุภาพในทะเลตะวันออก และทะเลจีนใต้ แต่ว่าญี่ปุ่นยังไม่กล้าพอที่จะเรียกจีนว่าเป็นภัยคุกคาม เรียกพฤติกรรมจีนว่า "เป็นความท้าทายต่อความมั่นคง" ญี่ปุ่นตื่นตระหนกมาก เมื่อเดือนสิงหาคม ที่นางแนนซี เปโลซี ไปเยือนไต้หวัน แล้วจีนซ้อมรบรอบเกาะไต้หวัน ขีปนาวุธ 5 ลูก ตกในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น เป็นครั้งแรกที่ความขัดแย้งระหว่างจีน กับ ไต้หวัน ส่งผลกระทบต่อญี่ปุ่นอย่างเป็นรูปธรรม

ในการร่างยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศฉบับใหม่ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น ที่มีขีปนาวุธ 5 ลูก ตกลงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่นนั้น ใช้ข้อความเดิม ข้อความเดิมนั้น ญี่ปุ่นและประชาชนในภูมิภาคมองว่าเป็นภัยคุกคาม แต่ในร่างสุดท้ายตัดญี่ปุ่นออกไป และระบุว่า ประชาชนในภูมิภาคมองว่าเป็นภัยคุกคาม ก็คือญี่ปุ่นกำลังอ้างตัวเองว่าจะพูดแทนประชาชนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทั้งภูมิภาค ซึ่งก็เข้าทางนโยบายอินโด-แปซิฟิก ที่อเมริกาเป็นคนร่าง และดึงญี่ปุ่นเข้ามาเป็นตัวละครในการเดินเกมต่อต้านจีน


ท่านผู้ชมครับ เมื่อผมมามองดูยุทธศาสตร์ความมั่นคงฉบับใหม่ของญี่ปุ่น มันมีคำสำคัญอยู่ 2 คำ คำหนึ่งคือ Standoff หมายถึงการโจมตีเป้าหมายนอกพิสัยที่อาวุธศัตรูยิงมา หรือแปลเป็นไทยก็คือว่า อาวุธญี่ปุ่นต้องยิงได้ไกลกว่าอาวุธของศัตรู อีกคำหนึ่งคือ Counter Strike หมายถึงการโจมตี ตีโต้กลับ ซึ่งจะทำให้ญี่ปุ่นสามารถใช้กำลังรบเชิงรุกได้ แตกต่างจากขณะนี้ที่ญี่ปุ่นทำได้เพียงป้องกันตนเองเท่านั้น

คำว่า Standoff กับ Counter Strike ถูกมองว่าสุ่มเสี่ยงที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพของญี่ปุ่น แต่นายคิชิดะ อ้างว่า แผนการนี้จะไม่ดำเนินการโจมตีเพื่อป้องกันล่วงหน้า หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Pre-emtive Strike

Pre-emtive Strike ก็คือว่า ระหว่างประจันหน้ากัน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตัดสินใจจะโจมตีก่อนเพื่อป้องกันเอาไว้ล่วงหน้า คือขอตีก่อน หรืออีกนัยหนึ่ง สมัยผมเรียนอยู่อัสสัมชัญศรีราชา เวลาเด็กนักเรียนประจำทะเลาะกัน ก็จะผลักอกกันไปผลักอกกันมา มึงแน่นักเหรอ แต่ผมใช้กระบวนทัศน์ Pre-emtive Strike คือถ้าทะเลาะอะไรกับใครแล้ว ตอนนั้นผมยังเป็นเด็ก อยู่โรงเรียนประจำ ผมไม่เถียงกับใคร ไม่ผลักอกใคร ผมชกก่อนเลย พอชกเสร็จปั๊บก็จะมีคนมาห้าม ถือว่าเราได้กำไรแล้ว

แต่ว่าฝ่ายค้านญี่ปุ่นก็โจมตีว่าการตัดสินใจว่าศัตรูจะเริ่มโจมตีแล้วหรือไม่นั้น ไม่ชัดเจน อ้างว่าแผนของรัฐบาลคลุมเครือมาก นอกจากนี้ ก็เป็นการเปิดทางให้ญี่ปุ่นโจมตีตอบโต้เพื่อปกป้องสหรัฐฯ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยน ชักศึกเข้าบ้าน


ญี่ปุ่นตัดสินใจซื้อขีปนาวุธนำวิธีโทมาฮอว์กของอเมริกา ทำให้ญี่ปุ่นมีความสามารถในการยิงตอบโต้ Counter Strike ไปยังฐานยิงขีปนาวุธเป้าหมายของศัตรูได้ และญี่ปุ่นยังจะปรับปรุงขีปนาวุธของตัวเองที่ยิงจากภาคพื้นสู่เรือ กองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดิน มาเป็นขีปนาวุธแบบ Standoff ที่สามารถยิงจากเรือดำน้ำ เครื่องบินพิฆาต และเครื่องบินขับไล่ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นจะมีขีปนาวุธโจมตีระยะไกล เป็นครั้งแรกเลย


จากอาเบะ ถึง คิชิดะ คือเมื่อญี่ปุ่นกลับมาสู่เส้นทางของนักรบซามูไร 2558 ย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีก่อน นโยบายด้านการทหารของญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตั้งแต่สมัยอดีตนายกรัฐมนตรีอาเบะ ที่ออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ เปิดทางให้ญี่ปุ่นสามารถใช้สิทธิ์ในการป้องกันตนเองร่วมกับประเทศพันธมิตรได้ ซึ่งหมายความว่าญี่ปุ่นสามารถจะออกไปรบต่างแดนได้แล้ว ครั้งนั้นมีการประท้วงอย่างกว้างขวาง


ประชาชนนับแสนชุมนุมหน้ารัฐสภา ผู้ประท้วงนอนลงบนพื้นถนนเพื่อขวางทางไม่ให้ขบวนคณะกรรมาธิการผ่านเข้าไปในรัฐสภา อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น 5 คน แถลงการคัดค้านร่างกฎหมายความมั่นคง


ในวันลงมติกฎหมายนี้เกิดความปั่นป่วน ขณะที่เกิดเหตุตะลุมบอนกันในรัฐสภา พรรคฝ่ายค้านใช้กำลังกลุ้มรุมขัดขวางการทำหน้าที่ประธานสภา จนต้องระงับการประชุมไปนานกว่า 15 ชั่วโมง เป็นภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรัฐสภาญี่ปุ่น แต่ในที่สุดแล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นและพันธมิตรมีเสียงรวมกัน 2 ใน 3 ก็สามารถผลักดันกฎหมายความมั่นคงจนผ่านรัฐสภาได้ นั่นคือยุคนายชินโซ อาเบะ


แต่พอมายุคนายคิชิดะ ก็ได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง คือเขาปลดล็อกกองกำลังป้องกันตนเองให้เข้าใกล้สถานภาพกองทัพมากขึ้น เพิ่มงบประมาณ และแก้ไขยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ โดยที่ไม่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องผ่านการลงประชามติของประชาชน

ท่านผู้ชมครับ นายคิชิดะ มั่นใจว่าสุดท้ายแล้วพรรคของตัวเองก็สามารถที่จะผ่านกฎหมายนี้ได้ นายคิชิดะ บอกว่า นายอาเบะ สนับสนุนการขยายบทบาทของกองกำลังป้องกันตนเอง แล้วทำไมสมาชิกรัฐสภาสายอาเบะ ถึงจะไม่สนับสนุน

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูกันนิดหนึ่ง ว่างบประมาณกองทัพญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้น เอาไปใช้ทำอะไรบ้าง ?

ญี่ปุ่นจะเพิ่มงบประมาณด้านการทหารมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ใน 5 ปีข้างหน้า งบประมาณที่เพิ่มขึ้นนี้จะใช้พัฒนาระบบการป้องกันประเทศของญี่ปุ่นในทุกด้าน ได้แก่ ใช้เงินประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท (5 ล้านล้านเยน) ใช้กับการเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศ ที่เรียกว่า Standoff คือ โจมตีเป้าหมายนอกพิสัยที่อาวุธศัตรูยิงมา ใช้เงิน 9 ล้านล้านเยน หรือราว 2.4 ล้านล้านบาท ใช้ในการซ่อมบำรุงยานพาหนะที่สำคัญ เครื่องบิน และเรือ ใช้ 6 ล้านล้านเยน หรือ 1.6 ล้านล้านบาท จัดหาอุปกรณ์ใหม่ ใช้ประมาณ 2 ล้านล้านเยน หรือราว 5 แสนล้านบาท เพื่อใช้ซื้อกระสุนขีปนาวุธนำวิถี โดยตั้งเป้าจัดซื้อขีปนาวุธโทมาฮอว์กของอเมริกา ราว 500 ลูก งบประมาณสำหรับด้านที่เกี่ยวกับอวกาศและไซเบอร์ จะได้รับการจัดสรร 1 ล้านล้านเยน (2.5 แสนล้านบาท) จะจัดซื้อโดรนไร้คนขับ ขยายเขตภารกิจกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศให้ครอบคลุมอวกาศด้วย


ถามต่อว่า ญี่ปุ่นจะเอาเงินงบประมาณจำนวนมหาศาลนี้มาจากไหน ? รัฐบาลญี่ปุ่นต้องหางบประมาณตามยุทธศาสตร์ทหารฉบับใหม่ ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมอีกมากกว่าปีละ 1 ล้านล้านเยน หรือ 254,000 ล้านบาท

พรรคฝ่ายค้านบอกว่า ในที่สุดแล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นต้องขึ้นภาษี แนวทางขึ้นภาษีก็คือจะต้องขึ้นภาษีรายได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษียาสูบ การขึ้นภาษีนี้จะเริ่มในปี 2567

แน่นอนที่สุด คนที่มีความสุขมากกับการที่ญี่ปุ่นเพิ่มงบประมาณการซื้ออาวุธและตอบโต้ ก็คือ อเมริกา อเมริกาเชียร์ญี่ปุ่นขึ้นภาษีโปะงบกองทัพ ข่มจีน

ส่วนทางจีนนั้น Global Times สื่อทางการของจีน ก็ตอบโต้นิ่มๆ ว่า ถ้าญี่ปุ่นคิดว่าจีนเป็นภัยคุกคาม ญี่ปุ่นก็จะกลายเป็นภัยคุกคามสำหรับจีนเช่นกัน นั่นก็คือ จีน พูดตามภาษาแถวบ้านผมก็ว่า มึงมาสิ แลกหมัดกัน หมัดต่อหมัด ขณะเดียวกัน จีนก็จะกลายเป็นภัยคุกคามที่แท้จริงของญี่ปุ่น จากสมัยก่อนไม่เคยเป็นภัยคุกคามที่แท้จริง แต่ถ้าญี่ปุ่นจะหาเรื่องแบบนี้ ก็ยินดีที่จะบอกว่า เฮ้ย! ภาษาหนังสือกำลังภายในเขาว่า เพื่อนเอ๊ย ไสม้าเข้ามาสิ มาเจอกัน แต่ญี่ปุ่นลืมคิดไปนิดว่า ญี่ปุ่นถ้าเกิดต้องการที่จะแสดงความเป็นซามูไรออกมาในยุคนี้ ญี่ปุ่นไม่ใช่เจอจีนอย่างเดียว ญี่ปุ่นจะต้องเจอเกาหลีเหนือ ซึ่งอยู่ติดกับญี่ปุ่น ถ้ารบกันจริงๆ แล้ว ญี่ปุ่นต้องรับภาระทั้งเกาหลีเหนือ และจีน ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าญี่ปุ่นจะรับได้หรือเปล่า


ปฏิกิริยาของชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นภาษีซื้ออาวุธ สำนักข่าวเกียวโด สำรวจความคิดเห็นของประชาชนชาวญี่ปุ่น พบว่า 64.9 เปอร์เซ็นต์ หรือว่าชาวญี่ปุ่น 2 ใน 3 ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นภาษีเพื่อนำมาเป็นงบประมาณการป้องกันประเทศ 87.1 เปอร์เซ็นต์ บอกว่านายคิชิดะ ไม่อธิบายอย่างเหมาะสมเกี่ยวกับแผนการขึ้นภาษี ส่วนการเพิ่มศักยภาพกองกำลังป้องกันตนเองในการโจมตีตอบโต้ ประชาชาชาวญี่ปุ่น 50.3 เปอร์เซ็นต์ เห็นด้วย 42.6 เปอร์เซ็นต์ ไม่เห็นด้วย แต่ในจำนวนนี้ตั้้ง 61 เปอร์เซ็นต์ เชื่อว่าการโจมตีตอบโต้จะเพิ่มความตึงเครียดให้กับประเทศเพื่อนบ้าน ความนิยมชมชอบของรัฐบาลนายคิชิดะ ตอนนี้ตกมาอยู่ที่ 33.1 เปอร์เซ็นต์ ตกต่ำที่สุดตั้งแต่รับตำแหน่งมา อัตราในการไม่สนับสนุนรัฐบาลนายคิชิดะ สูงถึง 51.5 เปอร์เซ็นต์


ท่านผู้ชมครับ ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่มากที่สุดในโลก จนถึงตอนนี้ยังมีผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่นกว่าแสนคน เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 200 คน แม้ว่าชาวญี่ปุ่นจะอยู่ร่วมกับโควิดแล้ว คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นอย่างคึกคัก แต่ตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมานี้ โควิดส่งผลกระทบอย่างหนักจนไม่อาจพูดได้ว่าหวนคืนสู่ปกติแล้ว แต่ผู้นำญี่ปุ่นกลับมาเพิ่มภาษีเพื่อซื้ออาวุธ เป็นการซ้ำเติมประชาชน

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าญี่ปุ่นเลือกยืนข้างอเมริกา ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เป็นหนึ่งในเสาหลักของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ร่วมกับอเมริกา ที่ไม่ใช่ญาติ บั่นทอนความไว้วางใจต่อเพื่อนบ้าน ญี่ปุ่นเลือกที่จะก้าวข้ามจากการป้องกันตนเอง ไปสู่สมรภูมิที่น้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้ และนี่คือสัญญาณอันตรายของสงครามที่นับวันจะก้องกังวาลขึ้นมาทุกทีๆ

ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้ก็หมดสิ้นเพียงแค่นี้ อาทิตย์หน้า วันที่ 30 ธันวาคม เรากลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง 30 ธันวาคมนี้ จะเป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างจะละเอียดอ่อน ท่านผู้ชมครับ ผมจะอธิบายให้ฟัง เราพูดเรื่องต่างๆ มาในหนึ่งปีที่ผ่านมา 2565 เราจะมีคำอธิบายให้ท่านผู้ชมฟัง ท่านผู้ชมหลายคนฟังเรื่องราวต่างๆ ที่ผมพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องต่างประเทศนั้น ท่านผู้ชมอาจจะไม่รู้ที่มาที่ไปอย่างละเอียด เหมือนหลักปฏิจจสมุปบาท หรือ อิทัปปัจจยตา ก็คือว่า ผลที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันมีเหตุมาตั้งแต่ต้น ผมกำลังจะเล่าเรื่องสงครามยูเครน กับ รัสเซีย ว่าเหตุอะไรรัสเซียถึงต้องบุกยูเครน ผมจะเล่าประวัติศาสตร์สั้นๆ ได้ใจความ ท่านผู้ชมจะเข้าใจ ว่าทำไมรัสเซียต้องบุกยูเครน ท่านผู้ชมจะได้เห็นภาพรวมทั้งหมด ท่านผู้ชมจะได้เข้าใจและไม่ตกเป็นเหยื่อของสื่อทางตะวันตก ซึ่งสื่อมวลชนเมืองไทย 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ลอกเลียนความคิดเห็นของสื่อมวลชนตะวันตกมา อีกประการหนึ่งผมก็ต้องเล่าว่าทำไมจีนถึงลุกขึ้นมา แล้วปฏิบัติตน ออกมาปะทะแล้วชนกับอเมริกาแบบเปิดหน้าชน โดยที่มีจีน มีรัสเซีย มีอิหร่าน มีเกาหลีเหนือ ชนกับอเมริกาทางตะวันตก แล้วทำไมอเมริกาถึงหลอกลวงคนเอเชียอย่างเช่นญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ให้ออกมาเป็นลูกไล่ เป็นสุนัขรับใช้ของอเมริกาและตะวันตก เพื่อมาคานอำนาจจีน


ทั้งหมดนี้ทำเพื่อยืนหยัดและยืนยันในระเบียบโลกเก่าที่อเมริกายังคงต้องการเป็นผู้นำต่อไป กดขี่ข่มเหงประชาชนทั่วโลก ตามนโยบายที่อเมริกาตั้ง เพราะฉะนั้นแล้ว รายการวันที่ 30 เป็นรายการที่ท่านผู้ชมไม่ควรพลาด ท่านผู้ชมอาจจะติดธุระโน่นนี่นั่น ไม่เป็นไร แต่รายการวันที่ 30 ผมยืนยันได้ว่า ท่านผู้ชมเปิดฟังเมื่อไร เมื่อนั้นก็จะได้ทันที และก็จะไม่มีวันล้าสมัย จะเป็นการเสริมปัญญาให้ท่านผู้ชม ถึงขั้นระดับที่เรียกว่า ทะลุปรุโปร่งหมด เป็นการเสริมความรู้ องค์ประกอบต่างๆ ที่ผมพูดมาตลอดปี 2565 ย้อนไปจนถึง 2564 ท่านผู้ชมจะได้เข้าใจ

ท่านผู้ชมครับ วันนี้เป็นวันที่ 23 อีก 7 วัน ถึงวันที่ 30 จะสิ้นปีแล้ว เตรียมตัวเตรียมใจสักนิดหนึ่ง แล้วก็ท่านผู้ชมที่กำลังจะเดินทางในสิ้นปี ก็จะมีการขึ้นเครื่องบิน รอเครื่องบิน ก็จะมีการแย่งชิงกัน เข้าคิวกันยาวเหยียด ผมก็มีเรื่องอะไรสนุกๆ เล่าให้ท่านผู้ชมฟัง ซึ่งเป็นเรื่องจริง แต่ก็มีคนมาเรียบเรียงเสียใหม่ ก็คือในสนามบินแห่งหนึ่ง ในช่วงเทศกาลวันหยุด จะมีประชาชนเข้าคิวเพื่อจะมาออกบัตรผู้โดยสาร เจ้าหน้าที่ก็ทำงานมือระวิงเลย คนยาวเหยียดเลย เพราะคนต้องการจะขึ้นเครื่องบิน วันหยุดแล้ว ปีใหม่แล้ว ต้องไปให้ได้ ก็จู่ๆ มีผู้ชายคนหนึ่ง วัยกลางคน ก็เดินถือกระเป๋าใบใหญ่มา เข้ามาแซงคิวเลย รีบเช็กให้ผมก่อนได้ไหม ผู้หญิงคนนี้เขาก็ตอบว่า เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ท่านคะ ช่วยไปเข้าคิวต่อเสียหน่อย เพราะมีคนเขารอคิวอยู่ โน่นครับ ปลายแถวอยู่ตรงนั้น ผู้ชายคนนั้นเขาทุบโต๊ะ แล้วบอกว่า เฮ้ย! คุณรู้หรือเปล่า ผมเป็นใคร เจ้าหน้าที่ที่อยู่สนามบินและอยู่ที่เคาน์เตอร์ตัดสินใจหยิบไมโครโฟนมา บอกว่า สุภาพบุรุษ สุภาพสตรี ท่านผู้โดยสารพอจะรู้ไหมว่าผู้ชายคนที่ยืนอยู่ตรงนี้เขาเป็นใคร ? เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เขามาถามดิฉันว่าดิฉันรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร แล้วเขาก็พูดอธิบาย จนกระทั่งคนก็เฮเข้ามาดูหน้า ผู้ชายคนนี้ก็อาย ก็ด่าผู้หญิง แล้วมันก็ด่าเป็นภาษาอังกฤษว่า F_ck You เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนนั้นก็เลยบอกว่า แม้กระทั่ง F_ck You คุณก็ต้องเข้าคิวค่ะ ยังไม่ถึงคิวของคุณที่จะมา F_ck ดิฉันได้

เล็กๆ น้อยๆ ครับท่านผู้ชม สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น