หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ชี้แจงต่อรัฐสภาวานนี้ (22 พ.ย.) ว่า “เด็กหญิง” ที่ผู้นำ คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือพามาเปิดตัวต่อสาธารณชนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็น “บุตรคนที่ 2” ของเขา ซึ่งอายุประมาณ 10 ขวบ ขณะที่นักวิเคราะห์ยังคงขบคิดกันอยู่ว่า ผู้นำโสมแดงมีเจตนาใดแน่ในการเผยโฉมทายาทให้ทั่วโลกได้เห็น
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (19) สื่อเกาหลีเหนือได้รายงานข่าวผู้นำ คิม เดินทางไปชมการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) รุ่น “ฮวาซอง-17” พร้อมกับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง “รี ซอลจู” และ “บุตรสาวที่รัก” ของทั้งคู่เมื่อ 1 วันก่อนหน้า โดยมีการเปิดเผยภาพถ่ายผู้นำ คิม จูงมือลูกสาวที่สวมเสื้อโค้ตสีขาว รองเท้าสีแดง เดินผ่านขีปนาวุธขนาดใหญ่ที่ถูกติดตั้งอยู่บนรถบรรทุก และยืนมองขณะที่ขีปนาวุธพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจากระยะไกล
สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติเกาหลีใต้ (NIS) ได้แจ้งต่อสมาชิกรัฐสภาระหว่างการประชุมแบบปิดว่า พวกเขาประเมินว่าเด็กหญิงคนนี้คือบุตรคนที่ 2 ของผู้นำ คิม ที่มีชื่อว่า “คิม จูเอ” (Kim Ju-Ae) และเวลานี้น่าจะอายุประมาณ 10 ขวบ ตามข้อมูลจาก ยู ซัง-บุม หนึ่งใน ส.ส.เกาหลีใต้ที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
สาเหตุที่ NIS เชื่อว่าเธอเป็นบุตรคนที่ 2 เนื่องจากมีข้อมูลข่าวกรองว่า คิม จูเอ เป็นเด็กที่รูปร่างสูงใหญ่กว่าเด็กหญิงในวัยเดียวกัน
NIS ระบุว่า พวกเขา “ไม่สามารถยืนยัน” ข้อมูลจากปาก ส.ส. ผู้นี้ ซึ่งก็เป็นไปตามธรรมเนียมของทางหน่วยงานที่จะไม่ยืนยันหรือปฏิเสธข้อมูลที่ได้แถลงต่อรัฐสภาเป็นการลับ
เด็กหญิงคนนี้ยังน่าจะเป็นบุตรสาวของ คิม ที่อดีตนักบาส NBA ดาวดัง “เดนนิส ร็อดแมน” บอกว่าเคยเจอระหว่างไปเยือนเปียงยางเมื่อปี 2013
ร็อดแมน ให้สัมภาษณ์กับสื่อเดอะการ์เดียนของอังกฤษหลังกลับจากเปียงยางในปีนั้นว่า เขาได้ใช้เวลาพักผ่อน “ริมทะเล” แบบเป็นส่วนตัวกับครอบครัวคิม และยังมีโอกาสอุ้มลูกสาววัยแบเบาะของผู้นำเกาหลีเหนือที่ชื่อว่า “จูเอ” ด้วย
นับเป็นครั้งแรกที่เกาหลีเหนือยืนยันการมีอยู่ของบุตรสาว คิม แบบเป็นทางการ แม้จะไม่ได้เปิดเผยชื่อ อายุ และรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับตัวเธอก็ตาม
สื่อเกาหลีใต้คาดการณ์ว่า ผู้นำ คิม แต่งงานกับ รี ซอลจู เมื่อปี 2009 และมีบุตรด้วยกัน 3 คนซึ่งเกิดในปี 2010, 2013 และ 2017 ตามลำดับ บางรายงานระบุว่า บุตรคนแรกของผู้นำเกาหลีเหนือเป็น “ชาย” และคนสุดท้องเป็น “หญิง”
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การที่ คิม พาบุตรสาวออกมาเปิดตัวในการทดสอบขีปนาวุธคราวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความ “ฮึกเหิม” และเชื่อมั่นในศักยภาพของคลังแสงนิวเคลียร์ซึ่งได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และถือเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยค้ำจุนอำนาจของตระกูล คิม ไว้ ขณะที่บางคนตั้งข้อสังเกตว่า หาก คิม ยังคงพาลูกสาวคนนี้ออกงานด้วยบ่อยๆ ในอนาคตก็อาจจะสื่อถึงการวางตัวเธอให้เป็นผู้นำรุ่นต่อไป
ที่มา : AP