วันที่ 18 พ.ย.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ได้แก่
- "หงฉี" ยนตรกรรมสุดหรูจากจีน พาหนะรับส่ง "สี จิ้นผิง" ระหว่างเยือนไทย
- G20 ถึง APEC2022 แนวรบ "จีน-สหรัฐฯ" ยังไม่เปลี่ยนแปลง
- วิบากกรม "กัญชา" การเมืองจ้องผลักกลับเป็นยาเสพติด
- เจาะลึก "ทุนจีนสีเทา" โยงนักการเมืองไทย
- เด้งฟ้าผ่า "ผู้การชลบุรี"
- "หุ้น MORE" กับขบวนการปล้นโบรกเกอร์?
- FTX สั่นสะเทือนโลกคริปโต
ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.164
คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 164 [18 พ.ย. 65] : "หุ้น MORE" กับขบวนการปล้นโบรกเกอร์
ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK
สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ก่อนที่จะพูดต่อไป FC เขาส่งเสื้อมาให้ รู้สึกจะเป็นของยี่ห้อ ZARA มั้ง ผมก็เลยต้องสนองพระเดชพระคุณหน่อย ก็เลยต้องใส่มาออกรายการ ก็ขอบพระคุณมากนะครับที่ส่งเสื้อมาให้ บรรดาทีมงานเขาก็หัวเราะกันลั่นเลยว่าใส่แล้วดูเหมือนจะย้อนยุค ย้อนวัยกลับไปเยอะ ไม่เป็นไรครับ แต่ว่าใส่แล้วสบายดี
ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมที่ตอนนี้ดูรายการสดอยู่ที่ Sondhi App facebook YouTube และมี TikTok ด้วยนะครับท่าน ผู้ชม ตอนนี้ YouTube ช่องหลักของเรากลับมาใช้งานได้แล้ว แต่เราจะแบ่งออกเป็น 2 ช่อง เป็น Sondhi Talk Live ที่เราจะเอาไว้ไลฟ์โปรแกรมปกติทุกวันศุกร์ และช่อง Sondhi Talk จะเอาคลิปวิดีโอสั้นกับ full program ลง
ช่องทางเพิ่มเติมคือ TikTok sondhitalk ที่เราไลฟ์ควบคู่กันไป คลิปสั้นบางคลิปเราจะเอามาลง TikTok ด้วย นอกจากนี้ Podcast SONDHI TALK ตอนนี้เราอยู่ในอันดับ 1-2-3 ทุกเสาร์-อาทิตย์ ทุกอาทิตย์เลยครับ เราไม่อยู่ 1 ก็อยู่ 2 ไม่อยู่ 2 ก็อยู่ 3 อีกอาทิตย์กลับมาที่ 1 สลับกันอย่างนี้ไปทุกสัปดาห์
ส่วน Sondhi App คอนเทนต์ทุกอย่างจะไปรวมอยู่ที่นั่นหมด ต้นเดือนมกราคม จะมีคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟใหม่ๆ มาให้ท่านผู้ชมได้ชมกัน และเร็วๆ นี้ ทีมงานของเราที่เข้ามาร่วมกับเราเมื่อไม่นานมานี้ คือคุณวารินทร์ สัจเดว จะเข้ามาร่วมทีมกับทีมงานต่างประเทศของ Sondhi Talk รอติดตามกันได้เลยนะครับ
ส่วนแฟนๆ ที่ยังไม่ได้สมัคร Sondhi App ถ้าสนใจ สมัครได้โดยเข้าไปดาวน์โหลด ทั้งระบบ iOS ที่ App Store และ Android ที่ Google Play สมัครสมาชิกรายเดือนเพียง 99 บาทต่อเดือน รายปี 990 บาท ก็คือ 10 เดือน แถม 2 เดือน
ท่านผู้ชมครับ คนที่สั่งซื้อเหรียญ "ขรัวพ่อฉิม" ที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" คงจะทยอยได้รับกันแล้วนะครับ สิ่งที่ท่านจะได้รับ คือ ขรัวพ่อฉิม หนังสือบูชาครู คือรายละเอียดของการทำเหรียญฯ และมี "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ที่ผ่านการพุทธาภิเษก 1 ซอง แล้วยังมีเหรียญท้าวเวสสุวรรณที่ผ่านการพุทธาภิเษกเช่นกัน เหรียญนี้ติดไว้กับตัวก็ได้ ไม่เป็นไร คือท้าวเวสสุวรรณ คงอยู่กับพวกเราตลอดเวลา
ท่านผู้ชมครับ เผอิญท่านผู้ชมหลายท่านที่ได้รับเหรียญฯ ไป แล้วบอกว่าเหรียญไม่ตรงปก บอกว่าตอนแรกที่เราส่งภาพให้ดูเป็นสีดำ บางคนเลยเข้าใจว่าเป็นเหรียญรมดำ
แต่จริงๆ แล้วเหรียญทุกเหรียญ ตั้งแต่แรก เป็นเนื้อทองฝาบาตร สีทอง ที่เห็นเป็นสีดำในตอนแรก เนื่องจากมุมแสงตอนถ่ายรูปเท่านั้นเอง ก็ขออธิบายให้แฟนๆ ได้รับทราบกัน แต่ถ้าท่านผู้ชมท่านใดไม่พอใจ คิดว่าเราทำไม่ตรงกัน เรายินดีรับเหรียญคืนครับ แล้วก็จะส่งเงินคืนให้ท่านผู้ชมได้ทันที เพราะยังมีคนต้องการอีกเยอะ
"ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ตรา อาจารย์ปานเทพ ขอย้ำอีกทีนะครับ ท่านผู้ชมสามารถทานต่อเนื่องได้ บอกคุณพ่อคุณแม่ ญาติผู้ใหญ่ ถึงจะครบ 9 เดือนแล้วก็ทานต่อได้ ผมทานมาสองปีแล้ว ไม่เคยหยุดเลยแม้แต่วันเดียว แล้วท่านผู้ชมสามารถจะสั่งซื้อได้ในเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ Line Shopping แอดไลน์ (LINE) เพิ่มเพื่อน @sunherb 1 กล่องมี 30 ซอง ทานได้ 1 เดือน ถ้าสั่งตอนนี้เราก็จะมีเข็มกลัดแถมให้ ท้าวเวสสุวรรณที่ผ่านพิธีพุทธาภิเษกแล้ว 1 กล่อง เรามอบให้ 1 เหรียญ
ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันพุธที่ 16 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เราได้นำเงินจากการทำเหรียญฯ นี้ ไปถวายวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร จำนวน 1 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว เพราะว่าวัดอรุณฯ เป็นวัดที่ได้มอบมวลสารสำคัญในการสร้างเหรียญบูชาครูมาให้
ท่านผู้ชมครับ อยากขอแจ้งให้เป็นครั้งสุดท้ายนะครับ เราจะปิดรับการเช่าเหรียญเพื่อทำบุญกุศลรอบนี้วันสุดท้ายที่ 30 พฤศจิกายน หรือถ้าหากเหรียญหมดก่อนวันที่ 30 เราก็จะปิดการเช่าทันที ถึงจะมีเหรียญฯ เหลืออยู่ เราก็จะปิดการเช่า เพราะว่าในขณะนี้มีคนทยอยสั่งเหรียญเข้ามาตลอดเวลา วันละ 100 ท่าน 150 ท่าน 200 ท่าน
ท่านผู้ชมที่อยากจะทำบุญเพิ่มเติมและจองเหรียญฯ ก็ยังพอสั่งได้ เหลือจำนวนไม่มากนะครับ เหรียญละ 2 พันบาท เพิ่มเพื่อนคำว่า @tambun อย่างที่ผมเรียนให้ทราบนะครับ โอนเงินเข้ามูลนิธิ ไชย้ง ลิ้มทองกุล ธนาคารกสิกรไทย เลขบัญชี 008-2-78777-1 แล้วแนบสลิปโอนเงินพร้อมพิมพ์ชื่อ-สกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ สำหรับจัดส่ง เราจัดส่งให้ฟรีนะครับ อย่างที่เราเรียนให้ทราบเมื่อกี้นี้ว่าค่าใช้จ่ายในการจัดส่งนั้น เราออกให้เลย เราไม่ได้หักเงินออกจากค่าเหรียญเลยแม้แต่บาทเดียว เพราะฉะนั้นแล้ว ทุก 2 พันบาท ที่ท่านเสียเงินเช่าซื้อเหรียญฯ ไปเพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิตนั้น เอาไปทำบุญหมด ไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่สตางค์เดียว
ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้มีหลายเรื่องที่ผมคิดว่าน่าสนใจมาก เรื่องแรกก็คือ ท่านทูตอิหร่านเชิญผมรับประทานอาหารกลางวันที่บ้านท่าน ที่ทำเนียบท่าน แล้วมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน เราได้คุยอะไรกันบ้าง หลายๆ อย่าง เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง
เรื่องที่สอง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มาครั้งนี้ ท่านมาอย่างอลังการมาก รถยนต์ที่ท่านนั่งนั้นเป็นรถยนต์ที่สั่งมาพิเศษ แล้วเขาเตรียมรถยนต์คันนี้ไว้ตั้งแต่เดือนเมษายน ปีนี้ ชื่อรถยนต์คือ "หงฉี" (HONGQI) เดี๋ยวผมจะเอารูปรถยนต์ขึ้นให้ดูแล้วอธิบายที่มาที่ไปของรถยนต์ "หงฉี" คือ "ธงแดง"
เรื่องที่สาม คือ อธิบายเรื่องการประชุมสุดยอดผู้นำภายใต้มนตราของมหาอำนาจ มีอาเซียน G20 เอเปค ส่วนแนวรบจีน-อเมริกา ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถึงแม้จะไปประชุมกันตั้ง 3-4 เจ้า ทุกอย่างก็ยังกระเหี้ยนกระหือกัน อเมริกาก็ยังไม่ลดการ์ด จีนก็ตั้งการ์ดอยู่เหมือนเดิม
อีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่อง "กัญชา" ฝ่าวิบากกรรม เตะตัดขาไม่จบสิ้น ตอนนี้ทางการเมืองตั้งเป้าให้กลับไปเป็นยาเสพติด เพื่อรุมกินโต๊ะภูมิใจไทย นี่เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจพรรคภูมิใจไทยมาก เดี๋ยวฟังผมพูดก็แล้วกันว่าทำไมทุกคนถึงมารุมกินโต๊ะพรรคภูมิใจไทย ทั้งๆ ที่กัญชาเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง และสามารถจะนำชาติบ้านเมืองให้พ้นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำได้ ท่านผู้ชมครับ คนบางคนนั้นเล่นการเมืองเพื่อตัวเอง แต่ไม่เคยคิดที่้จะเล่นการเมืองเพื่อส่วนรวม ท่านผู้ชมครับ ทุกคนที่ผมพูดถึง ผมไม่เว้น ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ พรรคโน่นพรรคนี่ ทุกคนรุมกระทืบพรรคภูมิใจไทย เพราะกลัวว่าพรรคภูมิใจไทยจะได้คะแนนเสียง
เรื่องที่ห้า คือ เรื่องเจาะลึกข้อมูลทุนสีเทา งวดนี้มีการพาดพิงที่มีหลักฐานเห็นได้ชัดถึงท่าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และอีกเรื่องหนึ่งซึ่งต่อจากเรื่องทุนสีเทา คือ วงการสีกากีได้ย้ายผู้บังคับการจังหวัดชลบุรี เอี่ยวคดีฉาวเปลี่ยนผู้ต้องหา เรามาดูกันว่า พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ชลบุรี เป็นใคร มาจากไหน มีฤทธิ์ขนาดไหนที่ขึ้นจากรองผู้บังคับการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 จู่ๆ กระโดดขึ้นไปจังหวัดชลบุรี ซึ่งต้องอยู่ในเกรดที่เขาเรียกว่า 4A (AAAA++++++)
เรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องของเกมเศรษฐี บ่อนคนรวย หุ้น MORE และขบวนการปล้นโบรกเกอร์ แล้วผมจะโยงเรื่อง FTX โยงเรื่องบิทคับ (bitkub) ให้ดู สนุกสนานแน่นอนรายการวันนี้
ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ผมได้รับคำเชิญจากท่านทูตอิหร่าน คือ นาย Seyed Reza Nobakhti เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทย เพื่อร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่บ้านพักของท่าน ท่านผู้ชมครับ บ้านพักของท่านทูตอิหร่านเป็นบ้านพักที่สมถะ เรียบง่ายมาก เหมือนบ้านพักของชนชั้นกลางคนหนึ่ง
ผมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างลึกซึ้งกับท่านทูตฯ ในเรื่องสถานการณ์โลก ในเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้ ผมก็ได้เรียนรู้จากท่านทูตมาเยอะ ในขณะเดียวกัน ท่านทูตก็เล่าให้ฟังถึงปัญหาต่างๆ ที่อิหร่านโดนแซงก์ชันบอยคอตมาสามสิบกว่าปี อิหร่านเอาตัวรอดได้อย่างไร แล้วอิหร่านไม่เคยเสียใจที่อิหร่านลุกขึ้นมาสู้ ท่านทูตบอกว่า เพราะอิหร่านสู้อยู่บนความถูกต้อง อิหร่านจะไม่ยอมให้ชาติตะวันตก ไม่ว่าใครก็ตาม มากลั่นแกล้ง รังแก มาครอบงำ หรือมาบูลลี่เป็นอันขาด ท่านทูตพูดชัดเจนว่า กองทัพอิหร่านและแสนยานุภาพของอิหร่าน ซึ่งขณะนี้ (ท่านทูตไม่ได้พูด แต่ผมทราบเอง) มีขีปนาวุธถึงขั้นหลักแสนลูก ท่านทูตอิหร่านและผมเห็นพ้องต้องกัน ในหลักการข้อเดียวกัน คือ ในการดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้ ทุกวันนี้ ถ้าตัวเองไม่เข้มแข็ง ไม่มีกล้ามเนื้อ ภาษาอังกฤษเรียกว่า ไม่มี muscle หรือนัยหนึ่งก็คือว่า ถ้าตัวเองไม่มีกำลังอาวุธ ไม่มีแสนยานุภาพ เหมือนประเทศจีนเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ยังอ่อนแออยู่ จนวันนี้ประเทศจีนเป็นหนึ่งในผู้นำไม่กี่ประเทศในโลกนี้ที่มีแสนยานุภาพ ที่แม้กระทั่งสหรัฐอเมริกาก็ยังเกรงกลัว วันนี้อิหร่านก็มีแสนยานุภาพ มีอาวุธ มีโดรน มีเรือลำเล็กหลายพันลำเพื่อที่จะโจมตีและล่มเรือบรรทุกเครื่องบินของอิหร่าน และเริ่มมีอาวุธนิวเคลียร์ นี่คือสิ่งที่ทำให้ประเทศอย่างอเมริกา ยังหวั่นเกรงอิหร่านอยู่มาก เทคโนโลยีของอิหร่านสูงมาก การพัฒนาโดรนที่รัสเซียยึดได้จากโดรนของอเมริกา แล้วส่งมาให้อิหร่านทำ Reverse Engineering ทำวิศวะย้อนกลับ และผลิตโดรนที่ไม่สามารถที่จะจับได้ และไม่สามารถจะทำลายได้ ให้รัสเซียเอาไปสู้กับกองทัพนาโต และยูเครน นี่คือสิ่งที่อิหร่านมีอยู่ ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ถ้าไม่มีกำลัง ถ้าไม่มีแสนยานุภาพแล้ว พูดกับใครไม่รู้เรื่อง และนี่คือคำตอบว่า ทำไม คิม จอง-อึน ถึงต้องมีอาวุธนิวเคลียร์ เพราะถ้า คิม จอง-อึน ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ ป่านนี้ คิม จอง-อึน จะโดนเกาหลีใต้ และอเมริกาหนุนหลังเพื่อเข้าไปยึดเกาหลีเหนือนานแล้ว
ท่านผู้ชมครับ เรื่องพวกนี้ถ้าไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง จะไม่รู้เรื่อง ก่อนจบการสนทนากัน หลังจากรับประทานอาหาร ท่านทูตสงสัยว่า ... ท่านบอกว่า คุณสนธิ รู้ไหมว่าอิหร่านขายน้ำมันราคาถูก สิงคโปร์ก็ซื้อ มาเลเซียก็ซื้อ ประเทศในภูมิภาคตะวันออก แม้กระทั่งประเทศญี่ปุ่นยังซื้อเลย ท่านไม่เข้าใจว่าทำไมประเทศไทยถึงไม่ซื้อ ทั้งๆ ที่น้ำมันก็เป็นน้ำมันคุณภาพสูง และราคาก็ถูกกว่าตลาดโลก (ท่านไม่ได้พูดอย่างนั้นหรอกครับ แต่ผมพูดต่อ .... เพราะว่าพี่ดอน ของผม ดอน ปรมัตถ์วินัย นั้น เขาเป็นหมาชิวาว่าของอเมริกา เพราะฉะนั้นธุรกิจอะไรที่อเมริกาแซงก์ชันหรือบอยคอตอยู่ ก็จะไม่ให้จัดการ ทั้งๆ ที่สิงคโปร์ก็ซื้อได้ มาเลเซียก็ซื้อได้ แล้วอินเดียก็ซื้อได้ ทุกคนในประเทศเขาเอาสังคม ประเทศชาติ เป็นตัวตั้ง เขาไม่ได้เอาอุดมการณ์เป็นตัวตั้ง นี่ก็คือสิ่งที่ผมคิดอยู่)
ก็ไม่มีอะไรครับ ท่านผู้ชม ก่อนที่จะจบเรื่องนี้ ผมขอหยอดนิดหนึ่ง ว่า ท่านทูตสหรัฐฯ วันที่ 15 พฤศจิกายน เข้าพบสมเด็จพระสังฆราช ที่ผมสนใจจะเล่าให้ฟังคือ พระองค์ท่านพระราชทานธรรมขั้นสูงให้กับทูตสหรัฐฯ หรือ นายโกเดค พระองค์ท่านประทาน "พรหมวิหาร 4" คือ
"เมตตา" ให้รักใคร่ ปรารถนาดี อยากให้เขามีความสุข มีจิตอันไมตรี คิดทำประโยชน์แก่มนุษย์/สัตว์ถ้วนหน้า นั่นก็คือว่า ขอให้อเมริกามีความรักใคร่ ปรารถนาดีต่อประเทศไทย อยากให้ประเทศไทยมีความสุข อย่าเที่ยวไปหนุนหลังม็อบสามนิ้ว หรือวางแผนให้ป่วนประเทศไทย เพียงเพราะว่าประเทศไทยไม่ยอมเดินตามก้นอเมริกา
"กรุณา" คือ ความสงสาร คิดช่วยให้พ้นทุกข์ ปลดเปลื้องความทุกข์ยาก เดือดร้อน
"มุทิตา" คือ ยินดี ในเมื่อผู้อื่นอยู่ดีมีสุข มีจิตผ่องใส บันเทิง
"อุเบกขา" คือ วางตัวเป็นกลาง
ท่านผู้ชมครับ สมเด็จพระสังฆราชพระราชทาน "พรหมวิหาร 4" ซึ่ง "พรหมวิหาร 4" ที่ท่านพูดมานั้น ผมเสียใจที่จะต้องบอกท่านผู้ชมว่า มันตรงกันข้ามกับพฤติกรรมของอเมริกา ที่ไม่มีทั้งเมตตา ไม่มีกรุณา ไม่มีมุทิตา และไม่มีอุเบกขา ผมหวังว่าท่านทูตโกเดค จะมีหูที่มีธรรมอยู่ในหูและเข้าใจในธรรมนี้ แต่ทูตอเมริกาก็คือรับนโยบายมาจากรัฐบาลอเมริกาที่ต้องการจะครอบงำโลกนี้ แล้วทำตัวเองให้เป็นผู้นำของโลกตราบชั่วนิจนิรันดร์
ท่านผู้ชมครับ ในการประชุมเอเปคครั้งนี้มันมีเกร็ดหลายเกร็ด ซึ่งผมอยากจะเล่าให้ฟัง ท่านผู้ชมอาจจะเห็นรถยนต์ที่ใช้ต้อนรับผู้นำจีน คือรถชื่อ "หงฉี H9" (HONGQI H9) "HONGQI" ก็คือ "ธงสีแดง"
รถคันนี้เขาเตรียมมาตั้งแต่ช่วงสงกรานต์แล้ว ดูแลการจัดส่ง บำรุงรักษาเป็นอย่างดี เพื่องานนี้โดยเฉพาะ บริษัทที่จัดจำหน่ายรถ "หงฉี" ในประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความ ยนตรกรรมหรู แบรนด์จีน FAW HONGQI H9 ที่ใช้ต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการประชุมเอเปค 2022 ที่กรุงเทพฯ
FAW ประเทศไทย ได้นำรถที่มีความสวยงาม หรูหรา โดดเด่น ต้อนรับผู้นำจีนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมครั้งนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมรถคันนี้เอาไว้ตั้งแต่สงกรานต์ ปี 2565 เดือนเมษายน ดูแลการจัดส่ง บำรุงรักษารถเป็นอย่างดี ต่อเนื่อง เพื่องานนี้โดยเฉพาะ
ท่านผู้ชมครับ รถหงฉี มันมีอดีตที่ยาวนานมาก ตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีคนแรกของจีน จนถึงปัจจุบัน ธรรมดาแล้วรถหงฉีจะใช้ในงานระดับประเทศ หรือระดับโลก เช่น วันชาติจีน
รถหงฉี สร้างและผลิตขึ้นเพื่อต้องการให้ทั่วโลกเห็นว่าจีนได้แซงหน้าทุกชาติไปแล้วในเรื่องของดีไซน์ เทคโนโลยี และความปลอดภัยของยานยนต์
หงฉี มีตำนานว่า ชื่อ "ธงแดง" ก่อตั้งเมื่อปี 2501 หกสิบสี่ปีที่แล้ว มักจะถูกใช้เป็นยานพาหนะสวนสนามในงานเฉลิมฉลองในระดับชาติ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา "หงฉี" ได้เร่งขยับขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของตนเอง ได้มีการส่งออกรถซีดาน รถ SUV รถยนต์ปรับแต่ง ไปยังญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ตะวันออกกลาง และยุโรป
ผมเอารูปให้ดูนะครับ ท่านประธานเหมา เจ๋อ ตุง ท่านดูรถหงฉี
เติ้ง เสี่ยวผิง ยืนอยู่บนรถหงฉี มีอยู่หลายคัน หลายแบบ ผมคิดว่าอาจจะมียอดของการขายรถหงฉีเพิ่มขึ้นก็ได้หลังจากที่เอเปคจบไปแล้ว เพราะรถคันนี้ถือว่าเป็นรถที่เป็นหน้าตาของประเทศจีนเลย เป็นรถรุ่นแรกที่ประเทศจีนผลิตขึ้นมา ก่อนที่ประเทศจีนจะเปิดเสรีให้กับบริษัทรถยนต์ อย่างเช่น โฟล์กสวาเกน หรือ ฟอร์ด หรือ เจเนอรัล มอเตอร์ มาร่วมทุนกับบริษัทจีนเพื่อผลิตรถโฟล์กสวาเกน เจเนอรัล มอเตอร์ และฟอร์ด
สรุปง่ายๆ คือ "หงฉี" คือรถต้นแบบ และเป็นความภูมิใจของประเทศจีน ด้วยเทคโนโลยีที่ประเทศจีนมีในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตรถยนต์ หรือทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ หรือชิปต่างๆ ผมเชื่อว่ารถ "หงฉี" จะเป็นรถที่มีคุณภาพสูงอีกแบบหนึ่ง ผมเชื่อว่าหลังจากงานนี้แล้วน่าจะมีคนติดต่อบริษัทที่เป็นคนนำรถคันนี้เข้า แล้วก็ซื้อเข้ามาใช้ เราอาจจะได้เห็นรถ "หงฉี" ปรากฏอยู่บนถนนในกรุงเทพฯ ทั้งหมดนี้ "หงฉี" ก็เลยถือโอกาสใช้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับรถยี่ห้อนี้
ท่านผู้ชมครับ อย่างที่ท่านผู้ชมทราบดีว่าสัปดาห์นี้ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทย มีการประชุมสุดยอดระดับผู้นำโลก 3 งาน ที่เกิดขึ้นติดๆ กัน เป็นที่จับตากันทั่วโลก ประการแรก ประชุมอาเซียนซัมมิต (ASEAN Summit) ที่กัมพูชา 12-13 พฤศจิกายน ประการที่สอง ประชุม G20 ที่อินโดนีเซีย 15-16 พฤศจิกายน และประชุมครั้งสุดท้าย ก็คือ เอเปค 2022 (APEC 2022) ที่ประเทศไทย 16-19 พฤศจิกายน
จุดไคลแม็กซ์ของการประชุม G20 ที่อินโดนีเซีย แล้วต่อด้วยงานเอเปค ที่ประเทศไทย คนที่ปลาบปลื้มที่สุดในการประชุมอาเซียนซัมมิต ที่กัมพูชา น่าจะหนีไม่พ้นสมเด็จฮุน เซน ในฐานะเจ้าภาพ เนื่องจากสามารถดึงชาติมหาอำนาจระดับโลกเข้ามาที่กัมพูชาได้พร้อมหน้ากัน ไม่ว่าจะเป็นนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายจัสติน ทรูโด ประธานาธิบดีแคนาดา นายยุน ซ็อก-ย็อล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และนายแอนโทนี แอลบานีส นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย
ท่านผู้ชมครับ พอสมเด็จฮุน เซน ได้แสงเต็มที่แล้ว เล่นบทพระเอกเกือบครบถ้วน ถ้าจะขาดก็มีอยู่นิดเดียว ตรงที่ที่ประชุมผู้นำอาเซียนไม่เห็นชอบที่จะขอเปิดวิดีโอเทปการกล่าวสุนทรพจน์ของนายโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ควรจะเอามาเปิดตั้งแต่แรก เพราะนี่เป็นการประชุมกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกับยูเครนแม้แต่นิดเดียว
ท่านผู้ชมครับ พอจบประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ถัดมาเพียง 1-2 วัน สมเด็จฮุน เซน ก็ประกาศทันทีว่าตัวเองติดโควิด มาร่วมประชุมเป็นตัวประกอบใน G20 กับเอเปค ไม่ได้
ท่านผู้ชมครับ ผมคงไม่ใช้รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" รายการนี้เพื่ออธิบายถึงรายละเอียดการประชุมต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพราะท่านผู้ชมสามารถติดตามได้ตามสื่ออื่นๆ ที่เผยแพร่เรื่องนี้ตลอดสัปดาห์ แต่ผมมีความเห็นอย่างนี้ครับ
การประชุมพวกนี้แทบไม่มีความหมายต่อประชาคมอาเซียน ตราบใดที่มหาอำนาจฟาดฟันกันไปมา "โดยใช้อาเซียนเป็นเวทีวาที" ปีนี้อาเซียนครบ 55 ปี ผมถามว่า เมื่อไรอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ คือ ไทย เวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซีย สิงคโปร์ บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ลาว และ พม่า เมื่อไรถึงจะสามารถพูดคุยกันได้อย่างเป็นเอกภาพ อย่างคนที่อยู่ในอาเซียนด้วยกัน ไม่มีคนนอกเข้าไปชี้นำหรือแทรกแซง
ยกตัวอย่าง ดึงเอาประเทศที่ไม่เกี่ยวข้องเลยเข้ามา แคนาดา ยูเครน หรือแม้กระทั่งมหาอำนาจต่างๆ อย่างเช่น อเมริกา จีน ญี่ปุ่น หรือประเทศไหนก็ตาม ท่านผู้ชมครับ หมดยุคหรือยังที่ประเทศเจ้าภาพจะหิวแสง จะเอาเจ้าใหญ่เข้ามา แล้วเป็นเบี้ยให้มหาอำนาจเดินหมากรุก หมากล้อม ตามยุทธศาสตร์ความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติมหาอำนาจเป็นหลัก โดยไม่ตอบสนองต่อความคาดหวังของคนอาเซียนในภาคส่วนต่างๆ อาเซียนควรเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างกันในอาเซียนมากๆ หมายถึงการพึ่งพาภายในภูมิภาค ลดอิทธิพลภายนอกที่จะมีผลต่อการดำเนินกิจการของอาเซียน ต้องทำให้อาเซียนมีความเข้มแข็งมากขึ้น มีอำนาจต่อรอง ไม่ให้ต่างชาติมาบีบบังคับได้
ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งล่าสุดที่กัมพูชา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อายุร่วม 80 เดินทางมาร่วมงานระหว่างวันที่ 12-13 ที่กรุงพนมเปญ มาเพื่ออะไร ? มาปั่นหัวอาเซียน แม้จะป้ำๆ เป๋อๆ เรียกสมเด็จฮุน เซน ว่านายกฯ โคลัมเบีย แทนที่จะเป็นกัมพูชา
แน่นอนที่สุด ท่านผู้ชมครับ การประชุม G20 ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ก็คือการพบกันระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของอเมริกา และ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กับทีมผู้บริหารฝ่ายละ 9 คน เพื่อจะลดความวิตกกังวลของโลกได้บ้าง จากการประชุมสุดยอดแบบตัว-ตัว เป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ซึ่งทั้งสองฝ่ายแถลงการณ์อย่างนี้ครับ
กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงการณ์ว่า หนึ่ง ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ กรณีสหรัฐฯ กังวลกับการขยายอิทธิพลของจีน ประธานาธิบดีสี กล่าวกับประธานาธิบดีไบเดน ว่า จีนไม่ได้พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบระหว่างประเทศที่มีอยู่ หรือแทรกแซงกิจการภายในของสหรัฐฯ ไม่มีเจตนาที่จะท้าทายหรือเข้าไปแทนที่สหรัฐฯ พร้อมกับเน้นย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกันไม่ควรเป็นความสัมพันธ์แบบที่ต้องมีผู้แพ้-ผู้ชนะ เพราะโลกนี้กว้างใหญ่พอที่สองประเทศจะอยู่ร่วมกันและเจริญรุ่งเรืองไปด้วยกันได้
สอง กรณีไต้หวัน ประธานาธิบดีสี เน้นย้ำว่า ประเด็นไต้หวันเป็นหัวใจสำคัญของผลประโยชน์หลักของจีน เป็นรากฐานทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับ อเมริกา เป็นเส้นสีแดงเส้นแรก เส้นสีแดงทางยุทธศาสตร์ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Strategic Red Line ที่สหรัฐฯ ไม่ควรจะล้ำเส้น และต้องไม่ล้ำเส้นข้ามมา
ประธานาธิบดีสี เรียกร้องให้อเมริกาแสดงคำพูดและการกระทำที่เป็นไปตามนโยบายจีนเดียว ที่สหรัฐฯ เคยรับปากไว้ว่าจะยอมรับจุดยืนของรัฐบาลปักกิ่งว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และไม่ยอมรับอธิปไตยเหนือเกาะปกครองตนเองแห่งนี้
สาม ทางจีนบอกว่า การปกป้องระบบการปกครองจีน ประธานาธิบดีสี โต้แย้งสหรัฐอเมริกาที่ตีกรอบการแข่งขันระหว่างประเทศว่าเป็นเรื่องระหว่างประชาธิปไตย และ เผด็จการ โดยระบุว่า จีนก็มีประชาธิปไตยในรูปแบบของจีน เราไม่สมควรที่จะพยายามสร้างรูปแบบการปกครองใดๆ ขึ้นมาใหม่ โดยอิงอ้างตามสิ่งที่ตนเป็น หรือแม้พยายามเปลี่ยนแปลง ล้มล้างระบบการปกครองของอีกฝ่าย
สี่ การแยกตัวทางเศรษฐกิจ ประธานาธิบดีสี ได้วิจารณ์อเมริกา ว่า กำลังพยายามสร้างกำแพงและอุปสรรค ตลอดจนผลักดันให้เกิดการแยกตัวกันในห่วงโซ่อุปทาน ผู้นำจีนย้ำว่า จีนไม่เห็นด้วยกับการต่อต้านการสร้างความสัมพันธ์ทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ การค้า ตลอดจนการแลกเปลี่ยนทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ห้า เรื่องสงครามในยูเครน ประธานาธิบดีสี ระบุว่า จีนมีความกังวลอย่างมากในสถานการณ์ในยูเครนปัจจุบันนี้ และยืนหยัดอยู่เคียงข้างสันติภาพมาโดยตลอด และพร้อมที่จะสนับสนุนให้มีการเจรจาสันติภาพต่อไป
ประการที่หก การสื่อสารระหว่างกัน จากแถลงการณ์กระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า ผู้นำทั้งสองประเทศได้สั่งการให้คณะทำงานของแต่ละฝ่าย ติดตามและดำเนินการตามความเข้าใจที่มีร่วมกันทันที พร้อมทั้งเห็นพ้องที่จะรักษาการสื่อสารระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ
ท่านผู้ชมครับ นี่คือจุดยืนของจีนที่แถลงออกมา
ส่วนจุดยืนของอเมริกา แถลงว่า
หนึ่ง การแข่งขันกันระหว่างสองประเทศ ประธานาธิบดีไบเดน กล่าวว่า อเมริกาจะแข่งขันกับจีนต่อไป แต่ไม่ใช่การแข่งขันที่นำไปสู่ความขัดแย้ง พร้อมกับย้ำว่า จีน และ อเมริกา ต้องแข่งขันกันอย่างมีความรับผิดชอบ รักษาช่องทางการสื่อสารที่เปิดกว้างไว้ แต่อเมริกาไม่ยอมพูดว่า การที่บล็อกเทคโนโลยีของจีน บล็อกไม่ให้บริษัทชิปที่ผลิตชิปต่างๆ นั้นมาทำงานหรือมาส่งเสริม หรือส่งออกมาที่ประเทศจีน ไม่ยอมพูดเรื่องนี้
สอง การทำงานร่วมกัน ประธานาธิบดีไบเดน กล่าวกับประธานาธิบดีสี ว่า อเมริกา-จีนต้องทำงานร่วมกันเพื่อจัดการปัญหาระหว่างประเทศ ทุกเรื่อง
สาม ประเด็นไต้หวัน ประธานาธิบดีไบเดน ย้ำกับผู้นำจีนว่า สหรัฐฯ ยังคงยึดมั่นในนโยบายจีนเดียว ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจุดยืนสำหรับไต้หวัน ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของจีนที่เป็นการบีบบังคับ และก้าวร้าวขึ้น ต่อไต้หวัน ซึ่งเป็นการบ่อนทำลายสันติภาพและเสรีภาพในช่องแคบไต้หวันและภูมิภาค
นอกจากนี้แล้ว ประธานาธิบดีไบเดน ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวปฏิบัติของจีนในซินเจียง ทิเบต และ ฮ่องกง รวมทั้งประเด็นสิทธิมนุษยชนในไต้หวันด้วย แปลไทยเป็นไทยก็คือว่า ประธานาธิบดีไบเดน ก็ยังอยากจะเข้ามาแทรกแซง ก่อความวุ่นวายให้กับปัญหาซึ่งจีนมองว่าเป็นปัญหาภายในของจีน
ประการที่สี่ ความท้าทายระดับโลก ระหว่างการหารือกันนั้น ทั้งสองผู้นำมองว่า ประเด็นพูดเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการต่อต้านการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน ซึ่งผู้นำทั้งสองต่างก็เห็นพ้องว่า สงครามนิวเคลียร์เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และไม่มีผู้ใดจะชนะ
ประการที่ห้า เกาหลีเหนือ ประธานาธิบดีไบเดน ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมยั่วยุของเกาหลีเหนือ สหรัฐฯ ยังคงมุ่งมั่นจะปกป้องพันธมิตรในอินโด-แปซิฟิก จากภัยคุกคามของเกาหลีเหนือ (นี่ผมพูดเองนะครับ จริงๆ แล้วภัยคุกคามที่สหรัฐฯ มีอยู่ ก็คือภัยจากจีน ไม่ใช่เกาหลีเหนือหรอก)
หก สหรัฐฯ จะส่งนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศ เดินทางไปจีน เพื่อสานต่อการเจรจาทวิภาคี โดยต้นปีหน้าอาจจะมีการเดินทางไป
ท่านผู้ชมครับ ฟังสาระจากทั้งสองฝ่ายแล้ว ผมไม่รู้ว่าท่านผู้ชมมีข้อสังเกตเหมือนผมไหม ผมเห็นว่าอย่างนี้ครับ
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แสดงทีท่าค่อนข้างอ่อนน้อม อ่อนนอกแต่แข็งใน ทั้งๆ ที่ตัวเองเพิ่งได้รับฉันทามติจากที่ประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ ในการให้เป็นผู้นำต่อไปอย่างน้อยอีก 5 ปี หรืออาจจะเป็น 10 ปี เสียด้วยซ้ำ ประเด็นที่ประธานาธิบดีสี จะโฟกัส อยู่แต่ในเชิงความสัมพันธ์จีน-อเมริกา โดยใน 6 ข้อนั้น มีเพียงเรื่องเดียวที่แฉลบออกไปเรื่องยูเครน-รัสเซีย คือในข้อที่ห้า ซึ่งเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสำคัญที่สุด แต่ประเด็นที่ประธานาธิบดีสี ยังยึดมั่นอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง คือ เรื่องไต้หวัน
ในทางตรงกันข้าม ผู้นำอเมริกา นายไบเดน ทั้งๆ ที่สถานะตัวเองในประเทศ ในฐานะประธานาธิบดี ยังง่อนแง่น คะแนนนิยมก็ตกต่ำ เศรษฐกิจในสหรัฐฯ ก็ย่ำแย่ แม้กระทั่งการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรคเดโมแครตก็สูญเสียที่นั่ง ให้สภาคองเกรสตกอยู่ในมือของพรรครีพับลิกัน แต่ประธานาธิบดีไบเดน กลับแสดงท่าทีแข็งกร้าวด้วยการโจมตีประเด็นต่างๆ ที่อ่อนไหวของจีน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไต้หวัน ทิเบต ซินเจียง ฮ่องกง สิทธิมนุษยชน แล้วยังทะลึ่งไปพาดพิงเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ อินโด-แปซิฟิก ไปโน่น
ท่านผู้ชมครับ นี่มันแสดงว่าท่าทีของไบเดน แสดงให้เห็นถึงลักษณะนิสัยและธรรมชาติของฝรั่งตะวันตก คอเคเซียนที่ยึดหลักการการต่อรองต้องต่อรองจากจุดแข็ง Negotiation from Strength แม้ว่าตัวเองจะอ่อนแอ มีปัญหาตัวเองอยู่มาก ทั้งสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ที่ตกอยู่ในภาวะเปราะบาง
ตรงกันข้ามกับสี จิ้นผิง ที่ใช้ท่าทีที่อ่อนน้อมถ่อมตน นอบน้อม อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้ว การเมืองในประเทศจีน สี จิ้นผิง สยบไว้หมดแล้ว ภายหลังการประชุมสมัชชาฯ 20 เรื่องปัญหาเศรษฐกิจ เงินเฟ้อในจีน ก็ไม่ได้รุนแรงหรือย่ำแย่มากมายนัก แม้จะมีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับการปรับการใช้นโยบาย Zero COVID แบบมีพลวัตรบ้าง แต่ในภาพรวม เศรษฐกิจ และสังคมจีน ไม่ได้มีปัญหาเหมือนสหรัฐอเมริกาเลย
ส่วนเรื่องความเข้มแข็งทางการทหาร กองทัพ และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จีนก็แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน เมื่อ 10-20 ปีที่แล้วมาก ทำให้การแยกตัวเป็นอิสระของไต้หวันในปัจจุบันเป็นไปไม่ได้เลย แต่จีนไม่ได้เร่งร้อนเดินตกหลุมพรางกับดักที่ทางอเมริกาและตะวันตกวางเอาไว้ เรียกว่าจีนใช้ความอดทนอดกลั้น รอเวลาที่เหมาะสม
ท่านผู้ชมครับ ผมจะขอจบบทสรุปการวิเคราะห์ของผม ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องเอเปคเลย เพราะว่าเป็นเรื่องไร้สาระมาก
ถ้าท่านผู้ชมยังจำได้กับสิ่งที่ผมเคยพูดและอธิบายให้ฟังหลายครั้ง นั่นคือจีนกับชาติพันธมิตรใกล้ชิดของเขา ไม่ว่าจะเป็น BRICS หรือ SCO (Shanghai Cooperation Organisation) ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย อิหร่าน อินเดีย อื่นๆ ในการวางระเบียบโลกใหม่
มาตรฐานระเบียบโลกใหม่ที่เขากำลังวางอยู่นั้น ครอบคลุมเกือบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเมือง ความมั่นคง การค้า การเงิน พลังงาน และ สิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะใดก็ตาม เขาไม่รีบร้อนที่จะต้องเต้นไปตามแรงกดดัน หรือการบีบรัดของชาติตะวันตกที่ขุดหลุมพรางกับดักเอาไว้ ดังนั้น ไม่ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงอย่างไร เขาก็อดทนอดกลั้น เขาแสดงจุดยืนในจุดที่เขาไม่สามารถถอยหลังได้ คือจุดยืนจุดที่พวกจัดระเบียบโลกใหม่ คือ จีน รัสเซีย อิหร่าน และหลายๆ ประเทศนั้น เขาจะไม่ถอยหลังเลย เรื่องอื่นๆ เขาปล่อยให้ผ่านหูไปเหมือนเสียงนกเสียงกา
โดยสรุปแล้ว การประชุมระหว่าง สี จิ้นผิง กับ โจ ไบเดน สามชั่วโมงกว่าๆ กินระยะเวลาขนาดนั้น ท่านผู้ชมรู้ไหมผมให้คำจำกัดความว่าอย่างไร ? คือการประชุมแบบผายลมใส่กันไปใส่กันมา เพราะแนวรบ สถานการณ์โลกวันนี้ แนวรบระหว่างจีน-อเมริกา จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ของการวุ่นวายในเรื่องของการประชุมเอเปค ทุกคนพุ่งเป้าไปที่เอเปค แต่ทุกคนหารู้ไม่ว่า เรากำลังมีคลื่นใต้น้ำเกี่ยวกับกัญชาที่น่าเป็นห่วงมาก
ท่านผู้ชมครับ มันมีขบวนการเตะตัดขากัญชา ช่วงนี้ถือว่าอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ซึ่งมีการปล่อยข่าวรัวๆ เพื่อด้อยค่าพืชสมุนไพรที่อยู่ระหว่างการเข้าสู่การพิจารณาในสภาฯ ระหว่างที่รอกฎหมายอยู่นั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศกระทรวงเกี่ยวกับสมุนไพรควบคุมกัญชา เจตนาเพื่อไม่ให้ใช้กัญชาในทางที่ผิดๆ ขนาดออกกฎหมายควบคุม ออกระเบียบของกระทรวงสาธารณสุขควบคุมแล้ว ซึ่งทำได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ผิด ก็ยังมีดรามาวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา
ยกตัวอย่างกรณีคุณสมชาย แสวงการ ส.ว. หารือที่ประชุม ส.ว. วันก่อน แสดงความกังวลเกี่ยวกับร้านขายกัญชาเพื่อสันทนาการที่ผุดขึ้นมาราวดอกเห็ด ซึ่งก็ย้อนแย้งกับการลากถ่วงไม่ให้กฎหมายเข้าสู่รัฐสภา งานนี้คุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เขาอธิบายเหตุผลว่า ที่ต้องออกประกาศกระทรวงฯ ก็เพราะว่าห่วงที่กฎหมายยังไม่ออกมา และเขามีความกังวลต่อร้านค้าที่ขายกัญชาให้นักท่องเที่ยวสูบในร้าน เห็นด้วยที่ต้องเร่งให้สภาฯ พิจารณาผ่านร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชง แต่ระหว่างรอนี้จำเป็นต้องมีประกาศเพื่อควบคุมเอาไว้ และนั่นคือเหตุผลที่ออกประกาศสมุนไพรควบคุมกัญชาฉบับใหม่ ที่ปรับปรุงจากฉบับเดิมขึ้นมา เพราะประกาศฉบับเดิมนั้นเน้นควบคุมการขายให้เด็กและสตรีมีครรภ์ แต่ฉบับใหม่นี้ ห้ามการขายช่อดอกทั้งหมด ไม่ว่ากับใคร ยกเว้นได้รับอนุญาต โดยเฉพาะการขายช่อดอกที่แปรรูปเพื่อสูบด้วย แม้ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านจะยืนยันว่าการสูบกัญชาแบบคนที่ใช้เป็น จะไม่เป็นอันตรายเท่าเหล้าและบุหรี่
ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องนี้ คุณอนุทิน ส่งเรื่องไปที่สำนักงานเลขาธิการ ครม. เพื่อลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา หมายความว่า หลังจากประกาศฉบับนี้ลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ใครก็เปิดร้านกัญชาเพื่อสูบไม่ได้ ขายช่อดอกก็ไม่ได้ ยกเว้นคนที่ขอใบอนุญาต ซึ่งเปิดช่องไว้สำหรับทางการแพทย์ แต่ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า ในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน ในที่ประชุมฯ กระทรวงสาธารณสุขชี้แจง ครม. รับทราบประกาศกระทรวงสาธารณสุขควบคุมกัญชา ช่อดอกสมุนไพรควบคุม แต่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้นำกลับไปทบทวนใหม่ เพราะยังไม่รอบคอบว่าจะควบคุมอย่างไรบ้าง ห้ามซื้อขายช่อดอกในพื้นที่ไหนบ้าง และให้ทางการแพทย์เท่านั้น ห้ามใช้ในการสันทนาการ ห้ามนำเข้า-ส่งออก เพื่อให้สังคมสบายใจถึงที่มา-ที่ไป โดยตนเองจะนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ก่อน จึงยังไม่ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา
ท่านผู้ชมครับ งานนี้ ฝีมือคุณวิษณุ เป็นไปไม่ได้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่รู้เรื่อง ผมกลับมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังรองนายกรัฐมนตรีวิษณุ เครืองาม ในการออกมาเอาไม้หน้าสามตีหน้านายอนุทิน ชาญวีรกูล คือวัตถุประสงค์ต้องการบล็อกประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่คุณอนุทิน ลงนามไปแล้ว และไม่ให้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา
แล้วท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่าคณะกรรมการยาเสพติด ใครนั่งเป็นประธาน ? คือคุณวิษณุ เครืองาม วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 คณะกรรมการยาเสพติดที่คุณวิษณุ เป็นประธาน ได้มีการปลดล็อกกัญชา มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน ให้ประชาชนปลูกได้เป็นการทั่วไป เพื่อใช้เป็นยาสมุนไพร เมื่อคณะกรรมการยาเสพติดปลดล็อกดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขก็ประกาศให้กัญชาเป็นสินค้าควบคุม ซึ่งประกาศแต่ละฉบับ มีการควบคุมการปลูก การใช้กัญชาเพื่อให้ตรงตามวัตถุประสงค์ และประกาศเป็นกฎกระทรวง ซึ่งคุณอนุทิน มีอำนาจเต็ม ล่าสุด การแก้ประกาศสาธารณสุขสมุนไพรควบคุมกัญชาเฉพาะช่อดอก ห้ามจำหน่ายแปรรูป คนอายุต่ำกว่า 20 ปี นักเรียน ห้ามค้าผ่านเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ เมื่อวันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2565
เมื่อคุณอนุทิน ลงนามแล้ว กลับดึงประกาศเอาไว้ เพื่อไม่ให้ลงในราชกิจจาฯ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าสัปดาห์หน้าจะมีระเบียบวาระการประชุม ป.ป.ส. โดยเรื่องหนึ่งคือ เรื่องเพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินการกรณีการฟ้องศาลปกครองให้เพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับกัญชา ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า พรรคก้าวไกล เดิมทีเป็นพรรคที่มีการเสนอให้ปลดล็อกกัญชา ให้ใช้ในทางนันทนาการเสียด้วยซ้ำ พรรคก้าวไกลนะท่านผู้ชม เสนอให้ปลดล็อกกัญชา แล้วให้ใช้ในทางนันทนาการ ไม่ได้จำกัดเฉพาะการแพทย์ และมิหนำซ้ำพรรคก้าวไกลยังเสนอให้ขายออนไลน์ได้ด้วย แต่วันนี้พรรคก้าวไกลกลับมาบอกว่า เสนอให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด กลืนน้ำลายตัวเอง ถุยน้ำลายรดฟ้า น้ำลายลงมาเปื้อนหน้าพวกพรรคก้าวไกลทั้งหลาย พรรคของเทียม พรรคของปลอม
ที่น่าสนใจ ท่านผู้ชมครับ ที่ประชุม ครม. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ท่านนายกฯ อ้างเรื่องกัญชาเสนอเข้าที่ประชุม ป.ป.ส. ท่านนายกฯ ท่านอ้างได้อย่างไร ก็ในเมื่อมันไม่ใช่ยาเสพติดแล้ว แต่ถ้าเราพิจารณาคำพูดและการกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ และวิษณุ แล้ว เป้าหมายที่แท้จริงก็คือว่า สองคนนี้ต้องการจะผลักกัญชาที่ตัวเองเห็นด้วยในการปลดล็อก กลับไปเป็นยาเสพติดอีกทีหนึ่ง ไม่ได้ถอยหลังเข้าคลองนะท่านผู้ชม แต่ถอยหลังแล้วกระโดดลงคลองไปเลย
ตอนนี้ที่มีการรุมกินโต๊ะพรรคภูมิใจไทยจากทุกฝ่าย เพราะว่าพรรคภูมิใจไทยกำลังจะไปได้ดี ก็เลยเตะตัดขา รวมทั้งท่านนายกรัฐมนตรีด้วยที่ทนไม่ได้ ท่านผู้ชมครับ นายกรัฐมนตรีทนไม่ได้ที่อนุทิน ชาญวีรกูล กำลังได้รับความนิยม ก็เลยถือโอกาสฆ่ากัญชา ฆ่าพรรคภูมิใจไทย ที่คะแนนนิยมกำลังพุ่งสูงขึ้น และมีแนวโน้มว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้คะแนนเสียงมากกว่า 100 ที่นั่ง
ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าเศร้าและบัดซบที่สุด ผมรับไม่ได้เลยที่นักการเมืองทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อส่วนรวม การเมืองมันเล่นกัญชา ทำให้ประชาชนคนไทยกำลังพลาดโอกาสยิ่งใหญ่ในการพึ่งพาตัวเอง เพราะถ้าประชาชนสามารถปลูกกัญชาได้ด้วยตัวเองคนละ 1-2 ต้น หรือ 5 ต้น แล้วมีวิธีการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรค จะทำให้กัญชากลายเป็นยาสามัญประจำบ้าน
ท่านผู้ชมครับ พรรคไหนที่สนับสนุนให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ท่านผู้ชมอย่าไปเลือกมันเลย เหมือนสมัยผมต่อสู้เรื่องฟ้าทะลายโจร ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าช่วงที่ผมสู้เรื่องฟ้าทะลายโจร ผมเหนื่อยสาหัสสากรรจ์ขนาดไหน ฟทจ. โดนบล็อก โดนหมอดูถูกเหยียดหยาม มาวันนี้ประชาชนกินกันแทบทุกบ้าน ไม่เว้นแม้กระทั่งหมอผู้เชี่ยวชาญอย่าง ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ยังแนะนำให้ประชาชนใช้ ฟทจ. เพื่อรับมือกับโรคระบาดสายพันธุ์ใหม่เลย
ท่านผู้ชมครับ ผมฝากบอกคุณอนุทิน ชาญวีรกูล คุณอนุทิน ต้องเลิกเต้นชะชะช่า หรือเลิกเต้นฟุตเวิร์กแล้ว คุณอนุทิน ต้องบอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลยว่าเขาไม่ใช่คนที่คุณจะต้องสนับสนุนเป็นนายกฯ อีกต่อไป คนแบบนี้คุณอนุทิน และพรรคภูมิใจไทย ยังจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ อีกหรือ ประกาศเลย แล้วมันก็ใกล้จะยุบสภาฯ แล้ว ดีไม่ดีลาออกมันหมดเลย แล้วโหมโรงหาเสียงกับประชาชนทั่วประเทศ ว่า พรรคภูมิใจไทยต้องการที่จะเอากัญชานั้นเป็นตัวที่เปลี่ยนสถานภาพเศรษฐกิจของบ้านเรา ให้ประชาชนรักษาตัวเองได้ โดยเน้นในเรื่องของการรักษาตัวเอง ใช้เป็นยาสามัญประจำบ้าน ใครก็ตามที่ผลักดันกัญชาให้กลับไปเป็นยาเสพติดอีก ไม่ว่าอ้ายคนไหน อีคนไหน พรรคอะไรก็ตาม บอกประชาชนทั่วประเทศว่าอย่าไปเลือกมัน อย่าไปเลือก แล้วต้องบอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ท่านเล่นการเมืองอย่างนี้ พรรคภูมิใจไทยไม่เอาด้วยแล้ว แล้วไม่เอาเลย ถึงจะไม่ลาออก แต่พอประกาศยุบสภาฯ แล้วเลือกตั้งครั้งใหม่ ก็อย่าไปสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นนายกฯ อีก ถอยออกมาเลย พรรคภูมิใจไทย ถ้าได้ 100 เสียงขึ้นไป พรรคภูมิใจไทย จะเป็นกุญแจสำคัญในการตั้งรัฐบาล
ถึงวันนั้นแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จะมาออเซาะอะไร ก็อย่าไปฟัง คนแบบนี้คบได้อย่างไร แล้วผมไม่ได้สู้เพื่อคุณอนุทิน หรือพรรคภูมิใจไทย ผมสู้เพื่อประชาชนที่จะสูญเสียโอกาสในการได้ใช้กัญชาอย่างถูกต้อง รักษาตัวเอง
ท่านผู้ชมครับ ถ้าท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผม พูดไปทั่วๆ เหมือนผมสู้เรื่องฟ้าทะลายโจร เรื่อง ฟทจ. ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า ผมหืดขึ้นคอ เหงื่อแตก เลือดซิบๆ เลย โดนทุกลูกทุกดอก แล้ววันนี้เป็นอย่างไรล่ะ ทุกคนยอมรับ ฟทจ. ฟ้าทะลายโจร เหมือนกันท่านผู้ชม ผมไม่ได้ซี้ซั้วออกมาปกป้องกัญชา แต่ผมคิดว่ามันเป็นพืชสมุนไพรที่จะช่วยประชาชนในเรื่องสุขภาพ ที่จะช่วยประชาชนให้สามารถใช้กัญชาตามวิธีทางการแพทย์ ตามวิธีแพทย์แผนไทย ใช้กัญชาเป็นยาสามัญประจำบ้าน
คุณอนุทิน ครับ คุณเลิกเหลาะแหละได้แล้ว พอคุณเจอท่านนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ คุณก็หัวเราะแหะๆๆๆ เลิก บอกท่านนายกฯ ชัดเจน คุณเคยพูดกับท่านนายกฯ หรือเปล่าว่าเรื่องนี้ ถ้านายกฯ จะผลักดันกัญชาให้กลับไปเป็นยาเสพติด ซึ่งท่านทำแน่ การที่นายวิษณุ เครืองาม ออกมาพูดครั้งนี้ แสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่เบื้องหลังนายวิษณุ เครืองาม นี่ไม่ใช่แค่การเตะตัดหลังนะคุณอนุทิน นี่คือการเอามีดแทงข้างหลังเลย เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ทนไม่ได้ที่คุณอนุทิน เริ่มมีชื่อเสียงเหนือ พล.อ.ประยุทธ์ อย่าไปสนับสนุนอีกต่อไป เชื่อผมสิ แสดงบทลูกผู้ชาย เป็นไงเป็นกัน เพราะสิ่งที่พวกคุณทำไม่ผิดเลย สิ่งที่พวกคุณทำ คุณทำเพื่อประเทศชาติ คุณทำเพื่อส่วนรวม ส่วนทุกพรรคที่ค้านก็ให้มันตกนรกไปเลย บอกประชาชนทั่วไป พรรคพวกนี้มันโง่ จริงๆ แล้วพรรคภูมิใจไทยไม่ได้มีประเด็นในการขายอะไรเลย นอกจากกัญชาตัวเดียว โง่ฉิบหายเลยพวกมึง ถ้าคุณปล่อยให้กัญชามันจบไป พรรคภูมิใจไทยไม่รู้จะโฆษณาหาเสียงตรงไหนได้ นี่คุณมาขวางพรรคภูมิใจไทย เลยทำให้พรรคภูมิใจไทยมีอาวุธที่จะออกไปฟาดฟันกับพวกพรรคการเมืองทั้งหลาย ไปหาเสียงที่ไหน คนที่ปลูกกัญชาตามบ้าน บอกเลย พรรคทุกพรรคขวางเรื่องกัญชา มีพรรคผมพรรคเดียวที่ไม่ขวาง เพื่อให้พ่อแม่พี่น้องที่ปลูกกัญชาคนละ 1-2 ต้น โง่จริงๆ พวกพรรคการเมืองต่างๆ
ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่บัดซบจริงๆ ก็คุณปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด แล้วคุณจะเอาเข้ามาฟ้องศาลปกครองเพื่อให้กลับไปเป็นยาเสพติดอีก คุณจะบ้าหรือเปล่า แล้วคนที่ติดคุกเรื่องกัญชา คุณปล่อยเขาออกมาแล้ว ถ้าคุณปลดล็อก แล้วกลายเป็นยาเสพติด คุณจะเรียกเขากลับมาติดคุกเหมือนเดิมหรือเปล่าล่ะ บ้ากันไปหมดแล้วสังคมไทย ผมฝากบอกคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา นะว่า คุณประยุทธ์ ใช้ไม่ได้เรื่องนี้ ใช้ไม่ได้จริงๆ ท่านอยากเป็นนายกฯ แต่ท่านไม่ควรเล่นการเมืองที่ทำให้ประชาชนเสียหาย คุณอนุทิน และพรรคภูมิใจไทย ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องทบทวน อย่าไปยืนข้าง พล.อ.ประยุทธ์ อีกต่อไป
ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์ที่แล้ว วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2565 รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 163 ผมออกมาฉีกหน้ากาก "ทุนสีเทา-มาเฟียจีน" ที่อาศัยสายสัมพันธ์เครือข่ายของตำรวจใหญ่ นักการเมืองไทย ที่พัวพันกันอย่างลึกซึ้ง แล้วทำกันอย่างเหิมเกริม ใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งกระทำผิดกฎหมาย ประกอบอาชญากรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ ค้ายาเสพติด เปิดบ่อนการพนัน ค้าประเวณี คนจีนเสพยาตายแล้วกลบเกลื่อนทำลายหลักฐาน และยังมีพฤติกรรมอันชั่วร้ายอีกมากมาย คนไทยที่อยู่เบื้องหลัง รู้เห็นเป็นใจ โดยกระทำการลับๆ ผ่านเครือข่ายของคนไทย คนจีน และชาวจีนบนพื้นที่สูงในเมืองไทย พวกชาวจีนฮ่อ ใช้เป็นนอมินี
ท่านผู้ชมรู้ไหมครับ รายการสัปดาห์ที่แล้วได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก เข้ามาชมสด คือช่วงไลฟ์ ทั้งเฟซบุ๊ก ยูทูบ Sondhi App สี่หมื่นคน ปกติธรรมดาแล้ว ถึงจะไม่มีการปิดกั้นของเฟซบุ๊กเหมือนสมัยนี้ สมัยก่อนคนที่เข้ามาชมถึงสี่หมื่นคน ก็หาได้ยากมาก แต่เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว วันที่ 11 สี่หมื่นคนเข้ามาฟังสด เหมือนกับว่าผมพูดอยู่กลางสนามกีฬาใหญ่ๆ แล้วมีคนมาฟังร่วมกัน 4-5 หมื่นคน สองเท่าของความจุของสนามศุภชลาศัย ซึ่งมีความจุประมาณสองหมื่นคน ค่อนสนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งมีความจุถึงห้าหมื่นคน นอกจากนั้น พอออกเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ตัดคลิปสั้นออกมา เยอะแยะไปหมด เฟซบุ๊กตอน "ศึกลากไส้ ชูวิทย์ vs สันธนะ" มีคนเข้ามาถึง 1 ล้าน 6 แสน 7 หมื่นคน ตอนนี้อาจจะถึง 2 ล้านคน แล้วก็ได้ ยูทูบ เข้ามา 5 แสนคน ยูทูบ รายการ "สนธิฉีกหน้ากากมาเฟียจีน" แค่ 3 วัน คนชมไปแล้ว 5 แสนคน
ท่านผู้ชมครับ หลายคนที่เข้ามาชมแล้วก็เห็นว่าเรื่องราวที่ผมพูดนั้น กระจ่างชัดแจ้ง แจ่มแจ้ง ไม่มีตัวย่อ /ชื่อย่อ ไม่ต้องคาดเดาว่าตำรวจคนโน้น ตัวย่อนักการเมืองคนนี้ เป็นคนนั้นหรือเปล่า คนนี้หรือเปล่า เพราะผมพูดชื่อกันตรงๆ ซึ่งน่าจะเป็นนักข่าวและรายการเดียวในประเทศไทยที่กล้าทำแบบนี้ แต่อย่างที่ผมเรียนให้ทราบไปแล้วว่า ก่อนจะทำอะไร จะพูดอะไร หรือจะออกรายการ ผมและพรรคพวกได้ทำการบ้านอย่างหนัก มีข้อมูล มีหลักฐาน มีพยาน แบ็กอัปหมด ดังนั้น ใครก็ตามโดนพาดพิง ออกมาขู่ฟ่อๆ ว่าระวังจะโดนฟ้อง ผมขอเตือนนะครับ อย่านะครับ! อย่าช้า รีบๆ ฟ้องมา เพราะข้อมูลที่ผมมีอยู่ในมือนั้น พร้อมจะลากพวกคุณกับพรรคพวกของคุณออกมาประจานให้ประชาชนเห็นกันชัดๆ ว่าตัวตนที่แท้จริงของพวกคุณนั้นเป็นอย่างไร
วันนี้ขอเปิดหลักฐานอีกชิ้นหนึ่ง ท่านผู้ชมครับ เรื่องพวกนี้มันต้องมีอีกหลายตอน หลักฐานชิ้นนี้จะต้องให้เห็นว่า การเชื่อมโยงไม่ได้แปลว่าคนที่ถูกเชื่อมโยงไปร่วมกระทำความผิดกับเขาด้วย แต่การเชื่อมโยงนั้น เชื่อมโยงด้วยหลักฐาน พิสูจน์ให้เห็นได้ว่าคนที่ถูกเชื่อมโยงนั้นต้องรู้จักกับกลุ่มคนพวกนี้ ส่วนเมื่อรู้จักแล้วจะไปใช้อำนาจตัวเองไปสนับสนุน หนุนหลังพวกคนจีนสีเทาหรือสีดำ อันนี้ผมไม่รู้แล้ว แต่ว่าหลักฐานในการเชื่อมโยงมันพิสูจน์ชัดเจน
ผมเคยเล่ากรณีเชื่อมโยงระหว่าง ผับจินหลิง ค้ายา บ่อนการพนัน ค้าประเวณี ที่ย่านสาทร เขตยานนาวา กับสถานบันเทิงชื่อดัง ณ ถนนรัชดาภิเษก ในท้องที่ สน.สุทธิสาร ที่มีชื่อว่า TOP ONE CLUB ซึ่งได้มีข่าวอื้อฉาวว่ามีนักท่องเที่ยวจีน "โย่ว ซื่อ หัว" มาเที่ยวกับเพื่อน 2-3 คน แล้วอัปยาที่นี่ แล้วเสียชีวิตไป แต่ว่ามีการไล่ปิดข่าวจนเงียบสนิท
จนกระทั่ง คุณหยาง ซิน ซึ่งเป็นอุปทูตจีน ได้ติดต่อมาทางตำรวจ คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ขอให้ช่วยติดตามหน่อยว่า สาวจีนที่เสียชีวิตนั้น พ่อแม่ซึ่งเป็นคนเจียงซู ได้ถามมาว่าลูกสาวเขาหายไปไหน หลังจากนั้นก็มีการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียด ก็ค้นพบว่าสาวจีนคนนี้เสียชีวิตไปแล้ว แล้ว TOP ONE CLUB ก็ส่งลูกจ้าง 4 คน ไปตามเก็บข้าวของของผู้ตายที่โรงแรมห้าดาว คือโรงแรมสินธร เคมปินสกี ไปเผาเพื่ออำพรางคดี
อีกประเด็นหนึ่งในรายการคราวที่แล้วที่ผมยังไม่ได้พูดถึง คือประเด็นเรื่องของสถานบันเทิงเจ้าปัญหา ซึ่งโด่งดังมากในเรื่องที่มีการใช้ยาเสพติด นั่นคือ TOP ONE CLUB ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนรัชดาภิเษก ใกล้ๆ กับแยกสุทธิสาร เรียกว่าอยู่ห่างจาก สน.สุทธิสาร ไม่กี่ร้อยเมตร ทุกวันนี้ยังขึ้นป้ายใหญ่โตอยู่
ในรายการเมื่อวันศุกร์ที่แล้วผมเกริ่นเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าของ TOP ONE CLUB ไว้ว่า เมื่อขุดลงไปที่บริษัทเจ้าของไนต์คลับอื้อฉาว พบว่าบริษัท TOP ONE CLUB BANGKOK จนทะเบียนก่อตั้งบริษัทเมื่อ 2 ปี 9 เดือนที่แล้ว คือวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 วัตถุประสงค์ก็คือ สถานบันเทิงครบวงจร ทุนจดทะเบียนในที่สุดแล้วเป็น 5 ล้านบาท ผู้ถือหุ้น TOP ONE CLUB มีอยู่ 3 คน แบ่งเป็นคนไทยถือ 51 เปอร์เซ็นต์ คนจีน 49 เปอร์เซ็นต์
คนจีนที่ถือหุ้นอยู่ 49 เปอร์เซ็นต์ คือ นายจาง เจี้ยนกุ้ย ส่วนนายวีรยุทธ แซ่หย้าง สัญชาตไทย น่าจะเป็นคนจีนที่โอนเป็นสัญชาติไทย ถือหุ้นอยู่ 35 เปอร์เซ็นต์ นายสมชาย แซ่อั๊ง สัญชาติไทย ถือหุ้นอยู่ 16 เปอร์เซ็นต์
กรรมการบริษัทนี้ ที่ผมเอามาเล่าให้ฟังนี่ท่านผู้ชมตั้งใจฟังนิดหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2563-2565 มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการ เข้าๆ ออกๆ กันอยู่ 2 คน มีอยู่ 2 คน จำชื่อให้ดีๆ นะ นายวีรยุทธ แซ่หย้าง และ นายจาง เจี้ยนกุ้ย
ประเด็นอยู่ที่ไหน ที่ผมเอาเรื่อง TOP ONE มาพูด ? ประเด็นกรณี TOP ONE CLUB นั้น ในรัชดาฯ มีการเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับกรณีผับจินหลิงที่ย่านยานนาวา สมคบกันระหว่างทุนจีนสีเทา กับเครือข่ายตำรวจและนักการเมืองไทยที่ใช้นอมินีในการกระทำผิดกฎหมายทุกอย่าง แล้วทำตัวเหมือนรัฐอิสระขึ้นมาในประเทศ คนพวกนี้ ท่านผู้ชมรู้ไหมครับ ที่พักเขา อาคารเขา จะแต่งอย่างหรู ติดธงชาติไทย ติดธงชาติจีน เหิมเกริมถึงขนาดเอาตราครุฑมาติดเอง ว่าโดยได้รับพระบรมราชานุญาต ตลอดจนรถซูเปอร์คาร์ หรือรถหรูๆ มูลค่า 20-30 ล้าน เบนท์ลีย์ ไปไหนมาไหนก็จะมีธงชาติไทย และธงชาติจีน ติดอยู่ที่หัวรถ ทำเหมือนกับว่าเป็นรถสถานทูต มิหนำซ้ำบางครั้งยังจ่ายพิเศษให้กับตำรวจจราจรบางท่านที่จะหางานพิเศษในการขับรถมอเตอร์ไซค์จราจรคันใหญ่ๆ เพื่อนำทาง
ผู้ถือหุ้นและกรรมการ TOP ONE CLUB ที่มีชื่อ นายวีรยุทธ แซ่หย้าง และ นายจาง เจี้ยนกุ้ย ชื่อของสองคนนี้ไปปรากฏกับบริษัทอีกบริษัทหนึ่งในฐานะผู้ถือหุ้น และเป็นกรรมการอีกบริษัทหนึ่ง ชื่อบริษัท ไชน่า คิงดอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
บริษัท ไชน่า คิงดอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นบริษัททำอะไร ? แล้วทำไมถึงมีความสำคัญในเรื่องนี้ ? ท่านผู้ชมตามผมมาครับ
บริษัท ไชน่า คิงดอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จดทะเบียนประมาณ 10 ล้านบาท 14 ปี 5 เดือนที่แล้ว ทำหน้าที่ธุรกิจ ธุรกรรมทางด้านซื้อขาย ดำเนินการด้านอสังหาริมทรัพย์ ตั้งอยู่เลขที่ 278 ถนนรัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
บริษัท ไชน่า คิงดอมฯ มีผู้ถือหุ้นอยู่ 4 คน มี คุณวีรินทร์พิมล สุพรรณกุล สัญชาติไทย ถือหุ้นอยู่ 26 เปอร์เซ็นต์ คุณบุญชูเกียรติ หวังตระกูลเจริญ สัญชาติไทย ถือหุ้น 25 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น 51 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีกคนหนึ่ง ชื่อ นายเฉิน เฟงเชาว์ สัญชาติจีน ถือหุ้นอยู่ 20 เปอร์เซ็นต์ และคนที่สี่ นายจาง เจี้ยนกุ้ย สัญชาติจีน ถือหุ้นอยู่ 29 เปอร์เซ็นต์
คนแรก จาง เจี้ยนกุ้ย ที่เชื่อมโยงกับรายชื่อผู้ถือหุ้นและกรรมการของ TOP ONE CLUB ทีนี้เราไปดูรายชื่อกรรมการของ บริษัท ไชน่า คิงดอมฯ กันบ้าง
กรรมการบริษัท ไชน่า คิงดอมฯ ปัจจุบันมีอยู่ 2 คน คนหนึ่ง คือ นายบุญชูเกียรติ หวังตระกูลเจริญ ซึ่งมีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นด้วย คนที่สอง คือ นายวีรยุทธ แซ่หย้าง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นและกรรมการของ TOP ONE CLUB แล้วสองคนนี้ผมเอ่ยไปแล้วนะ สองคนนี้คือคนที่ถือหุ้นใน TOP ONE CLUB
ท่านผู้ชมครับ แต่เมื่อเราสืบย้อนหลังไป พบว่าในช่วงสองปีกว่าที่ผ่านมา 2563-2565 บริษัท ไชน่า คิงดอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มีการสับเปลี่ยนกรรมการเข้า-ออกหลายคน โดยข้อมูลเชิงลึกของผม บริษัทนี้คือบริษัทที่รับงานก่อสร้างให้กับ TOP ONE CLUB และโครงการก่อสร้างต่างๆ ที่วางแผนไว้ ริมถนนรัชดาฯ เป็นโครงการใหญ่โต ท่านผู้ชมที่ผ่านไปแถวนั้นจะสังเกตได้
ทีนี้ ในปี 2561 สี่ปีที่แล้ว มีกรรมการคนหนึ่งถือหุ้น นั่งเป็นประธานกรรมการของบริษัท ไชน่า คิงดอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด คนๆ นี้ไม่ได้เป็นอะไรที่ผมจะพูดถึงมากในเรื่องของกรรมการ 2 คน แต่คนนี้ เผอิญชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพะเยา พรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม แล้วนี่ก็คือหุ้นที่ ร.อ.ธรรมนัส เปิดเผยกับ ป.ป.ช. เอาข้อมูลมาเปิดเผย ซึ่งคุณธรรมนัส ก็บอกว่า เมื่อลงสนามการเมืองแล้ว ตนเองก็ลาออกจากผู้ถือหุ้น 16 บริษัท จากเงินลงทุนทั้งหมด 21 รายการ
ท่านผู้ชมครับ หน้าที่ 2 ของบัญชีการแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าวของคุณธรรมนัส ในส่วนที่ระบุถึงประวัติการทำงานของผู้ยื่นย้อนหลัง 5 ปี คุณธรรมนัส ระบุชัดเจนว่า 2551-2561 (สิบปี) ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท ไชน่า คิงดอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งในทุกหน้าของบัญชีทรัพย์สินฯ ด้านล่าง ร.อ.ธรรมนัส ได้ลงนามกำกับเอาไว้ทุกหน้าอย่างชัดเจน
นอกจากนั้นแล้ว บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินฉบับเดียวกันที่รายงานแจ้งต่อ ป.ป.ช. ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า มีทรัพย์สินรวมราว 859 ล้านบาท มีหนี้สินอยู่ 79.2 ล้านบาท และหนึ่งในทรัพย์สินและเงินลงทุน หน้า 11 ที่แจ้ง ป.ป.ช. หัวข้อที่ 3 เงินลงทุนข้อที่ 4 ยังระบุชัดเจนว่ามีหุ้นใน บริษัท ไชน่า คิงดอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งได้มาตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน 2551 และออกจากการเป็นผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2561 ก่อนการเลือกตั้งทั่วไป วันที่ 24 มีนาคม 2562 ก็คือว่าเป็นประธานกรรมการ บริษัท ไชน่า คิงดอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มาสิบปีเต็มๆ
ถัดมา ปี 2561 ที่ ร.อ.ธรรมนัส ลาออก แล้วท่านโอนหุ้นให้ใคร ? ในวันที่ 1 กันยายน 2561 ได้มีการเปิดข้อมูล "ธรรมนัส-อริสรา" เมียคนแรก โอนหุ้น 16 บริษัท ให้ใคร 7 คน ? ข้อมูลตอนหนึ่งระบุว่า ร.อ.ธรรมนัส โอนหุ้นจำนวน 45,000 หุ้น ประมาณ 4 ล้าน 5 แสนบาท ไว้ว่า บริษัท ไชน่า คิงดอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และนายธรรมนัส ถือ 45,000 หุ้น นายอัครา พรหมเผ่า 2,000 หุ้น โอนไปให้กลุ่ม น.ส.ลักคณา ช่วงทิพย์ และ นายกวงฉั่ง แซ่หย้าง นักธุรกิจชาวจีน
ท่านผู้ชมครับ นี่ก็เลยเป็นหลักฐานสำคัญชิ้นหนึ่งที่เชื่อมโยง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เข้ากับเครือข่ายนักธุรกิจสีเทาชาวจีน และ นายตู้ ห่าว ซึ่งไม่ได้เป็นแค่คนรู้จักหรือคนถ่ายรูปร่วมเฟรมกันเท่านั้น แต่ยังมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดเชิงธุรกิจและผลประโยชน์ ถึงขนาดยักย้ายถ่ายโอนหุ้น ทรัพย์สิน อำนาจการบริหาร ให้กันอย่างง่ายๆ
เพราะฉะนั้นแล้ว แสดงให้เห็นชัดว่า รายชื่อคนจีนที่อยู่สีเทาที่ผมเอ่ยชื่อให้เห็นแล้วนั้น เป็นกรรมการในบริษัทที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นประธานกรรมการอยู่สิบปี เพราะฉะนั้นจะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้จักกัน ถ้าไม่รู้จักกันแล้ว หนึ่ง จะเอาเข้ามาเป็นกรรมการได้อย่างไร สอง เมื่อเขาเป็นกรรมการแล้ว ตัวเองจะขึ้นเป็นประธานกรรมการได้อย่างไร ? ก็แสดงว่ามีความใกล้ชิดสนิทสนมกัน แต่ว่าจะสนิทสนมกันแค่ไหน อย่างไร และร่วมทำอะไรด้วยกันหรือเปล่า นั่นผมไม่ทราบ แต่ผมจะชี้แจงให้เห็นว่า ร.อ.ธรรมนัส ท่านจะปฏิเสธตรงนี้ไม่ได้ เพราะท่านเป็นประธานกรรมการบริษัทนั้นมาตั้งสิบปี แล้วในระหว่างสิบปีนั้นก็มีชื่อของนายชื่ออะไรต่างๆ ที่ผมเอ่ยชื่อไปเมื่อกี้นี้ เป็นกรรมการอยู่ด้วย ซึ่งคนจีนพวกนั้นคือคนที่เป็นมาเฟียสีเทา ตรงนี้ต่างหากที่มีข้อกังขาและต้องตั้งข้อสงสัย แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่า ร.อ.ธรรมนัส สมรู้ร่วมคิดกับคนพวกนี้ แต่เป็นหลักฐานที่คุณธรรมนัส จะพิสูจน์หรือปฏิเสธไม่ได้เด็ดขาดว่าไม่รู้จักคนพวกนี้ ไม่เกี่ยวข้องกัน เกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน
ท่านผู้ชมครับ ย้อนรอย นายตู้ ห่าว หนีหมายจับจากจีน คดีลอบวางระเบิดบ้านลูกหนี้น้ำมันเถื่อน ท่านผู้ชมครับ ผมพวกยิ่งขุดค้นประวัติ ตู้ ห่าว ยิ่งค้นพบว่าไอ้หมอนี้ไม่ใช่นักธุรกิจ หรือชาวจีนผู้รักชาติอะไรหรอก มันคืออาชญากร มันคือโจรชัดๆ
จากข้อมูลที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ sina.cn ซึ่งเป็นเว็บไซต์ใหญ่ของจีน เมื่อราวสี่ปีก่อน ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2561 มีชาวจีนออกมาแฉเรื่องการทำทัวร์ศูนย์เหรียญของกลุ่มโมเดิร์นเจมส์ ของนายตู้ ห่าว และพรรคพวก เขาอ้างอิงข้อมูลประวัติอาชญากรรมนายตู้ ห่าว ไว้อย่างน่าสนใจ เขาเขียนว่า
ตู้ ห่าว หลบหนีหมายจับจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดบ้านลูกหนี้น้ำมันเถื่อนที่เมืองฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยน แล้วหนีมาแฝงตัวเป็นไกด์เถื่อนในประเทศไทยถึงสิบปี จนเห็นช่องทางที่จะทำเงินมหาศาลได้ ก็เลยติดต่อลูกพี่เก่าขอยืมเงินมาลงทุนดังกล่าว
ถามว่า นายตู้ ห่าว ตกเป็นข่าวในเมืองจีนช่วงสี่ปีก่อนได้อย่างไร ? ย้อนไปดูข่าว 2561 ชื่อ นายตู้ ห่าว หรือ ตู้ ห้าว เคยปรากฏในหน้าสื่อมาแล้ว กรณีที่มีไกด์จีนระเบิดอารมณ์ใส่นักท่องเที่ยวจีน ไล่ให้ลงจากรถเหตุไม่พอใจลูกทัวร์ซื้อสินค้าหมอนยางพาราน้อย ไม่ถึงตามเป้าที่วางไว้ที่ร้านค้า เป็นข่าวดังทางโซเชียล และสื่อมวลชนในประเทศจีน จุดกระแสให้คนจีนผิดหวัง เสียความรู้สึกต่อการที่มาเที่ยวเมืองไทยเป็นวงกว้าง ช่วงนั้น 2561 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้นำตัวนายลี่ ไห่ หรือฉายา ผีอาไห่ อายุ 21 ปี มาแถลงข่าว ระบุว่า นายลี่ ไห่ เป็นไกด์เถื่อนสัญชาติจีน เป็นไกด์พากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนประมาณสิบคน เดินทางมาเที่ยวเมืองไทยตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2561 มีบริษัทเอเยนต์ทัวร์ในไทยเป็นผู้จัดโปรมแกรมทัวร์ดังกล่าว และมีนายลี่ ไห่ เป็นไกด์นำเที่ยว 3 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ระยอง พัทยา
ท่านผู้ชมครับ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2561 ขณะที่นักท่องเที่ยวกลับขึ้นรถ หลังจากพาไปซื้อสินค้าหมอนยางฯ ในเมืองพัทยา แล้วถูกไล่ลงจากรถ ตำรวจเลยแจ้งข้อหา นายลี่ ไห่ เป็นมัคคุเทศก์ไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน แล้วขอศาลออกหมายจับกรรมการบริษัทเอเยนต์ทัวร์ในข้อกล่าวหาที่ทำให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าวันแถลงข่าว นายลี่ ไห่ ยืนประจันจ้องตา พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล อย่างไม่เกรงกลัว หรือสำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เพราะว่า นายลี่ ไห่ มีความเชื่อมั่นในลูกพี่ที่เป็นมาเฟียจีนที่มีตำรวจหนุนหลัง และมีนักการเมืองหนุนหลัง มีอิทธิพลสูงในประเทศไทย ในสมัยนั้น
สมาคมมัคคุเทศก์จีนมีการเขียนแฉในเว็บไซต์ sina.cn ว่า หมอนยางพารา รวมทั้งสินค้าประเภทอื่นๆ ที่ซื้อจากร้านค้ากลุ่มนี้เป็นของปลอม ที่ไม่มีคุณภาพ กลุ่มร้านค้ากลุ่มนี้เป็นของชาวจีน 100 เปอร์เซ็นต์ เจ้าของคือ ตู้ ห่าว เปลี่ยนสัญชาติเป็นคนไทย แต่งงานกับนายตำรวจหญิง มีการกู้ยืมเงินราวๆ 1 พันล้านหยวน หรือ 5 พันล้านบาท จากนายทุนน้ำมันเถื่อน จากมณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งเป็นอดีตลูกพี่ของ ตู้ ห่าว เพื่อมาลงทุนสร้างร้านค้าหรูหราใหญ่โต
ท่านผู้ชมครับ บรรดามัคคุเทศก์ที่ออกมาแฉในตอนนั้น เชื่อกันว่ากลุ่มของมาเฟีย ตู้ ห่าว อาจจะเข้าข่ายอั้งยี่ซ่องโจร เพราะออกเป็นเอกสาร มีคำสั่ง ลายเซ็น ตู้ ห่าว วางกฎบังคับไกด์ทุกคนในสังกัดให้บังคับซื้อสินค้า ถ้าทำได้จะได้ค่าตอบแทนที่สูงกว่ากลุ่มอื่น ถ้าไม่ได้จะแจ้งให้ตำรวจจับ เพราะไกด์สังกัด ตู้ ห่าว เกือบทั้งหมดเป็นไกด์เถื่อนชาวจีน ไม่มีใบอนุญาต
นอกจากนี้ ในเพจยังมีการลงรูปบัตรสีเหลือง ที่ระบุว่าเป็นบัตรเมมเบอร์ประจำตัวไกด์ ที่ออกให้โดยร้านค้าที่สังกัดอยู่ เพื่อแสดงถึงการนำลูกทัวร์เข้ามาซื้อสินค้าในกลุ่มบริษัทนั้นๆ
เมื่อกี้นี้ผมเล่าเบื้องหน้าเบื้องหลัง ขุดลึก เจาะลงไปให้เห็นว่าแก๊งนายตู้ ห่าว นั้น ไม่ใช่คนดีเด่อะไรทั้งสิ้น เป็นอาชญากรที่เอามาปล้นคนจีนด้วยกัน และในขณะเดียวกัน มาทำความเดือดร้อนให้คนไทย ที่สำคัญที่สุด เอามาทำร้ายทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย
ท่านผู้ชมครับ ข่าวและข้อมูลที่ผมให้ไปนั้น ไม่มีที่ไหนเอามาออกให้ท่านผู้ชมได้ดูหรอกครับ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากเว็บไซต์ sina.cn หรือ sohu.com มีเฉพาะที่นี่เท่านั้นเอง เพราะว่าทีมงานของผมเช็กเรื่องเว็บไซต์ชาวจีนมาตลอด ให้ฟังให้ได้ แล้วค้นคว้า เพราะว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้น ไม่ใช่ความลับ คนจีนหูตาอย่างกับสับปะรด อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในประเทศไทยกับชนชาติของเขา ก็จะมีคนอัปโหลดเรื่องขึ้นมา แล้วคนจีนหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็จะเข้ามาคอมเมนต์กัน ไม่ว่าจะเป็น sina.cn sohu.com หรือ WeChat ทีมงานของผมสามารถเข้าเว็บไซต์พวกนี้ได้หมดทุกแห่ง ในขณะที่สื่อมวลชนเจ้าอื่นไม่ได้สนใจ หรือเข้าไปแล้วไม่เข้าใจ อย่างที่ผมเคยเรียนให้ทราบ เราจะปฏิเสธจีนไม่ได้ การท่องเที่ยว ทุกคนในขณะนี้ ในประเทศไทย กำลังรอนักท่องเที่ยวจีน ให้จีนเปิดประเทศแล้วมา ในขณะเดียวกัน ก็จะมีพวกหัวมังกุท้ายมังกร พวกสีดำ สีเทา ที่เป็นขยะของประเทศจีน ที่หนีประเทศจีนมา หนีการปราบปรามมา เพราะว่าสี จิ้นผิง ปราบปรามคนพวกนี้มาเกือบสิบปี นับตั้งแต่เขาได้ขึ้นมาเป็นผู้นำรุ่นที่ 5 ปีแรก จนถึงปีที่สิบ เขาไม่หยุดยั้งในการปราบปรามมาเฟียพวกนี้
คนพวกนี้แต่ก่อนจะยึดเอาผู้มีอำนาจในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าการมณฑล เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ตามอำเภอต่างๆ ตามเทศบาลเมืองใหญ่ๆ พอโดนปราบจริงแล้วหัวหน้าใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นนายโจว หย่งคัง หรือ นายโป๋ ซีไหล ก็ถูกจับเข้าคุกหมด บางคนถูกพิพากษาประหารชีวิต ก็เลยทำให้พวกนี้แตกกระเซ็นกระสานซ่านเซ็นไปหมดเลย หนีออกจากประเทศจีน ขนเงินขนทองออกมา เหมือนนายตู้ ห่าว เคยมีคดีเรื่องเผาลูกหนี้ที่เมืองจีน ก็หนีมาอยู่เมืองไทย คนพวกนี้เป็นขยะของประเทศจีนที่ทำความปวดหัวให้กับประเทศจีน คนพวกนี้คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วน้อยมาก แต่ความที่ประเทศจีนมีตั้ง 1,400 ล้านคน ท่านผู้ชมครับ แค่ 1 เปอร์เซ็นต์ ของ 1,400 ล้านคน มันก็ 14 ล้านคนแล้ว
14 ล้านคน ท่านผู้ชมหลับตาวาดภาพ มันคืออาชญากร เพราะฉะนั้นคนพวกนี้พอแตกกระเซ็นกระสายจากเมืองจีนมา ก็ไปไหนล่ะ ? ไปกัมพูชา ไปลาว ไปพม่า ไปฟิลิปปินส์ แล้วบางส่วนก็มาที่เมืองไทย ที่ไปอยู่เยอะที่สุดพักหนึ่งก็คือที่กัมพูชา เพราะว่าศูนย์กลางของคอลเซ็นเตอร์นั้นอยู่ที่กัมพูชา โดยคนจีนเป็นนายทุน แล้วก็ว่าจ้างคนไทยเข้าไปทำงาน เพื่อพูดภาษาไทย คอลเซ็นเตอร์ ไปหลอกเอาเงินคนไทย อย่าว่าแต่ประชาชนคนธรรมดาเลย แม้กระทั่งตำรวจชั้นผู้ใหญ่บางคนยังโดนหลอก เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อคนพวกนี้ทำมาหากินได้ที่กัมพูชาโดยไม่มีใครยุ่ง จนกระทั่งรัฐบาลกัมพูชารับไม่ไหวแล้ว ท่านนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ท่านประกาศล้างมาเฟียจีนพวกนี้ออกไปหมดเลย
กัมพูชามีเมืองๆ หนึ่งที่คนจีนอยู่เยอะที่สุด และเป็นแหล่งซ่องสุมมาเฟียทั้งหลาย คือเมืองสีหนุวิลล์ เป็นเมืองท่าริมทะเล มีท่าเรือน้ำลึก ในขณะเดียวกัน กำลังจะพัฒนาปรับปรุงให้เป็นที่จอดเรือขนาดใหญ่ คนจีนไปสร้างอาคาร ไปสร้างถนนหนทางกันเต็มไปหมด ไปลงทุน ฉะนั้นคนพวกนี้ก็คือนายทุนของบรรดาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พอฮุน เซน ประกาศปราบคอลเซ็นเตอร์ ไล่จับเป็นแถวเลย แล้วประเทศจีนให้ความร่วมมือ ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนมา เพื่อเอาคนพวกนี้บินกลับไปประเทศจีน ไปดำเนินคดี เพราะว่ามีหลายๆ คนหนีหมายจับจากประเทศจีนมา แล้วมาอยู่ที่กัมพูชา และประเทศไทย และลาว และฟิลิปปินส์
เพราะฉะนั้นแล้ว พอผึ้งแตกรังที่กัมพูชา แล้วหนีไปไหนล่ะ ? พวกนี้ก็หนีเข้าประเทศไทยสิ เพราะว่าพวกนี้จะมีเส้นสายอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว ผมเชื่อว่า นายตู้ ห่าว มีเส้นสาย รู้จักบรรดาแก๊งอาชญากรที่อยู่ที่กัมพูชา ที่อยู่ที่ลาว อยู่ที่ฟิลิปปินส์ เขาเรียกว่าคนที่มีประวัติไม่ดีจะคบกับคนที่มีประวัติไม่ดี แล้วจะพูดจากันรู้เรื่อง
และนี่คือที่มาว่าทำไมตอนนี้แก๊งมาเฟียจีนมันถึงเหิมเกริม โอหังมมังการมาก ไม่สนใจกฎหมายไทย เหตุผลทั้งหมดนี้ ท่านผู้ชมครับ เนื่องจากว่ามันมีเชื้ออยู่แล้ว คืออาชญากรจีน แล้วคนพวกนี้มีเงินมีทอง ก็เอาเงินไปซื้อข้าราชการไทย กลุ่มคนแรกที่ถูกซื้อคือ ตำรวจ กลุ่มคนต่อมา แล้วตำรวจก็แบ่งเป็นพวก สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่อย่างนั้นพวกนี้จะมาอยู่เมืองไทยได้อย่างไร ตำรวจท่องเที่ยวเองสมัยก่อนก็มีส่วนเกี่ยวพัน เพราะว่ามีไกด์เถื่อน ไกด์จีนเถื่อน ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวสามารถปราบปรามได้ แต่เนื่องจากว่าตำรวจบางคนในตำรวจท่องเที่ยวนั้นรับเงินรับทอง นายตู้ ห่าว ไป ก็เลยต้องหลับตาไว้ข้างหนึ่ง
ท่านผู้ชมเห็นหรือยังครับ คำถามไม่ได้อยู่ที่มาเฟียจีน มาเฟียเวลามันเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นทุกประเทศ ทุกประเทศในโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีกลุ่มมาเฟีย แต่พอมันไปประเทศไหนแล้ว ไม่มีประเทศไหนที่จะเอื้ออาทร เมตตา กรุณา พวกมาเฟีย อาชญากรทั้งหลายได้ดีเท่าประเทศไทย เพราะตำรวจประเทศไทย เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการป้องกันและปราบปรามมาเฟียพวกนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นคนหิวเงินทั้งสิ้น บูชาเงินเป็นพระเจ้า ขนาดปล่อยตัวผู้ต้องหาออกได้ก็แล้วกัน ที่ สน.ยานนาวา และกำลังถูกดำเนินคดีอยู่ เขาจับมาแล้ว ยังขอให้ตำรวจที่ร่วมสอบสวนอยู่ปล่อยไป แล้วเอาเงินเอาทองให้ หรือว่ายึดรถมาแล้ว ฝ่ายจีนไปเจรจาขอปล่อยรถ 2-3 คันนี้ ได้ไหม ก็คิดคันละ 5 แสนบาท ซึ่งผมลงเป็นข่าวอธิบายไว้แล้วเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง
มาเฟียมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่คนที่ทำให้มาเฟีย อาชญากร เจริญเติบโตก็คือพวกเรากันเอง คือข้าราชการไทย และที่หนักหนาสาหัสสากรรจ์ที่สุดก็คือ ตำรวจไทย นั่นเอง ยังโชคดีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ซึ่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปราบปราม พากันเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้อย่างไม่หยุดหย่อน สุรเชษฐ์ หักพาล ยังไม่หยุดเลยนะตอนนี้ ยังเดินหน้าต่อ เพราะว่าสายสัมพันธ์และความชั่วมันลงลึกมากในสังคม เมืองท่องเที่ยวทุกเมืองท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นชลบุรี ไม่ว่าจะเป็นพัทยา ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต ตลอดจนชุมชนของชาวจีนทั้งหลายที่มาตั้ง ไม่ว่าจะเป็นห้วยขวาง ที่เดินไปแล้วเหมือนเข้าเมืองจีนเลย เดินเข้าไปในร้านหม่าล่า ขายหม่าล่าเหมือนที่เสฉวน ที่เมืองฉงชิ่ง หรือเฉิงตู พวกนี้ทำมาหากินทั้งสิ้น และพวกนี้จะมีไม่น้อยเลยที่มีสายสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับพวกแก๊งมาเฟียจีน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้าไปร่วมกิจกรรมการทำผิดกฎหมาย แต่ก็เข้าไปเกี่ยวข้องในเชิงปฏิสัมพันธ์กับคนพวกนี้ ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง นี่คือทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ท่านผู้ชมครับ ประเทศจีนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น และไม่ได้ให้การสนับสนุนพวกมาเฟียสีเทาพวกนี้ มิหนำซ้ำประเทศจีนยังภาวนาให้ตำรวจไทยเอาจริงเสียที เพราะว่าเขามาแทรกแซงเรื่องภายในประเทศเราไม่ได้ ต้องเป็นพวกเราจัดการกันเอง แต่ผมคุยกับทางสถานทูตจีนแล้ว เขาบอกว่าเขาพร้อมจะให้ความร่วมมือทุกอย่างเลยในเรื่องข้อมูลข่าวสาร หรือแม้กระทั่งถ้าติดต่อไป เขาพร้อมจะส่งคนเข้ามาเพื่อประสานงานกับประเทศไทย เพื่อจัดการกับคนพวกนี้ที่ทำให้ประเทศจีนเสียชื่อเสียง ท่านผู้ชมครับ ขอให้ทำความเข้าใจตรงนี้ อย่าไปเหมารวมประเทศจีน ประชากร 1,400 ล้านคน 1 เปอร์เซ็นต์ ก็คือ 14 ล้านคน ที่เป็นอาชญากร ท่านผู้ชมคิดว่า 14 ล้านคน มันน้อยหรือ แล้ว 14 ล้านคนนี้ ถ้าคิดเป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์ของประชากรในประเทศไทยแล้ว ก็เกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ แล้วพวกนี้เงินทองมันมีเพราะว่าเงินหยวนมันแข็ง 1 หยวน เท่ากับ 5 บาทไทย ของจีนมันแพง พอมาเจอของไทยถูก แล้ววิธีการง่ายที่สุดก็คือพวกนี้หาผู้หญิงไทยซึ่งเป็นชาวบ้านๆ ให้เงินก้อนหนึ่ง แต่ง จดทะเบียน เพื่อเป็นนอมินี เพื่อให้ผู้หญิงไทยนั้นเป็นเจ้าของกิจการ ท่านผู้ชมไปดูได้เลย
สมัยก่อนที่เชียงใหม่ หรือทางภาคเหนือ ลำไยเป็นสินค้าที่คนจีนต้องการมากที่สุด เพื่อเอาไปทำยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งลำไยแห้ง พอเราส่งเข้าไปมากขึ้นๆ พวกนักธุรกิจจีนที่รับสั่งลำไยเข้าไปเกิดหัวใส และได้รับคำแนะนำจากข้าราชการไทย เฮ้ย คุณมาเปิดโรงงานที่เมืองไทย เจ้าของ ง่ายนิดเดียว เดี๋ยวผมแนะนำลูกสาวบ้านนี้ให้ ชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำ แล้วจู่ๆ สร้างบ้านหลังหนึ่งให้อยู่ แต่งงาน แล้วถือหุ้นส่วนใหญ่ แต่จริงๆ คนบริหารงานและบริหารการจัดการก็คือคนจีนที่ทำตัวเป็นผัวเขา ฉะนั้นการแต่งงานพวกนี้ ถ้าจะมีลูกก็มีไป พวกนี้ก็มีลูกที่เมืองจีนเหมือนกัน แต่วัตถุประสงค์ก็คือว่า ขอให้ได้ทำต้นเรื่องเพื่อทำความร่ำรวยของตัวเอง
ท่านผู้ชมครับ กิจการการเกษตรก็เป็นส่วนหนึ่ง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าตอนนี้ทุเรียนไทยถูกมาเฟียจีนหลายคนครอบงำอยู่ และก็ร่วมมือกับมาเฟียไทย ร่วมมือกับข้าราชการไทย ส่งทุเรียนอ่อนออกไปเมืองจีน ทำให้เมืองจีนเริ่มแอนตี้ทุเรียนไทย นี่คือความเสียหายของชาติบ้านเมือง ท่านผู้ชม
ท่านผู้ชมครับ ทำไมผมต้องมาทำเรื่องนี้ ? เพราะว่าประเทศไทยมันเสียหาย แล้วคนที่มีอำนาจอยู่ก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
สัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีประเด็นใหญ่ในแวดวงตำรวจอีกเรื่องหนึ่ง คือกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งย้าย พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดชลบุรี ปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากค้นพบว่ามีพฤติกรรมเชื่อมโยงกับการ "เปลี่ยนตัวผู้ต้องหา" คดีฉาวในพื้นที่พัทยา เหมือนการปล่อยผู้ต้องหาที่ สน.ยานนาวา กรณีผับจินหลิง เหมือนกัน เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทาหรือเปล่า จะว่าเกี่ยวก็เกี่ยว จะว่าไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว แต่ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า ผมเคยอธิบายไปในรายการวันศุกร์ที่แล้วว่า ช่วงระยะเวลาประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา มีกรณีอาชญากรรมอื้อฉาวที่เกี่ยวข้องกับมาเฟียจีนและธุรกิจสีเทาของชาวจีน ซึ่งสร้างความฮือฮาอยู่ 3 คดี คือ คดีแรก ผับจินหลิง คดีที่สอง นักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตจากการอัปยาที่ TOP ONE CLUB พื้นที่ สน.สุทธิสาร และ คดีสถานบันเทิง CLUB ONE ในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี
สองคดีแรกนั้น ผมเล่าให้ท่านผู้ชมฟังละเอียดมาแล้ว 2 ตอน แต่คดีที่สาม ซึ่งเกิดขึ้นนอกพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เกิดขึ้นในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญใกล้เมืองหลวง อย่างพัทยา ก็เชื่อมโยงกัน มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีเจ้าของสถานบริการเป็นนายทุนชาวจีน ที่มีเบื้องหลังเป็นนายทุนผู้มีอิทธิพลชาวไทยทั้งสิ้น
ท่านผู้ชมครับ ผมเอารูปให้ดู กรณีตำรวจบุกตรวจผับ CLUB ONE PATTAYA พวกผับ คลับชื่อ ONE นี่ล่ะ มันมีสายสัมพันธ์เกี่ยวโยง CLUB ONE ที่กรุงเทพฯ CLUB ONE PATTAYA เกี่ยวโยงกันแน่นอน
ท่านผู้ชมครับ ตลกมาก วันที่ 23 ตุลาคม 2565 ตำรวจบุกตรวจต CLUB ONE PATTAYA ท่านผู้ชมรู้ไหมเขาเจอยาเสพติดเต็มไปหมดเลย แต่พอตรวจฉี่นักท่องเที่ยว กลับไม่มีสักคนเลยที่เสพยาเสพติด ในช่วงตีสามของวันที่ 23 ตุลาคม 2565 ท่านผู้ชมคิดเหมือนผมหรือเปล่าว่า นี่ก็เป็นฝีมือของตำรวจอีกเหมือนกัน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังดำเนินการจับกุม ขณะดำเนินการจับกุม เมื่อเสี่ยเจ้าของผับ ชื่อ นายนิติพัฒน์ โชคชัยธนพร อายุ 45 ปี กับลูกน้องมือขวา นี่สันดานคนจีนที่เป็นมาเฟียจริงๆ ออกมาชี้หน้าด่าเจ้าหน้าที่ว่า เฮ้ย! กูจ่ายส่วยไปแล้วทำไมยังมาจับอีก กลายเป็นคลิปไวรัลทั่วเมืองเลย
ต่อมาเกิดบัญชีส่วยหลุดออกมาในโลกโซเชียล ระบุจำนวนเงินที่สถานบริการจ่ายให้ตำรวจชลบุรี กลายเป็นว่าเจ้าของ CLUB ONE PATTAYA คือ นายนิติพัฒน์ โชคชัยธนพร ชื่อจีนคือ "กู๋เอี๋ยว" จริงๆ แล้วไอ้หมอนี่เป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ แต่มาสวมบัตรประชาชนคนไทยดื้อๆ "กู๋เอี๋ยว" มีส่วนเกี่ยวข้องกับผับคนจีนชื่อดัง TOP ONE ที่กรุงเทพฯ ในการส่งลูกค้าไปใช้บริการหลังจาก CLUB ONE PATTAYA ถูกปิด นายนิติพัฒน์ โชคชัยธนพร นี่สวมบัตรประชาชนนะ ข้อหาเยอะมาก มันจะสวมได้อย่างไรถ้าเจ้าหน้าที่ปกครองไม่สมรู้ร่วมคิด เห็นหรือยัง เมื่อกี้นี้ผมพูดถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตอนนี้ผมพูดถึงเจ้าหน้าที่ปกครอง
นอกจากกรณีบุกจับผับเสพยา นายทุนจีนพัทยาแล้ัว ยังมีการบุกเข้าไปทลายบ่อนนายทุนจีนใหญ่ บ่อนใหญ่เลยนะ ในระยะเวลาติดๆ กันด้วย
8 พฤศจิกายน 2565 รอง ผบ.ตร. สุรเชษฐ์ หักพาล นำกำลังฝ่ายสืบสวน สนธิกำลังร่วมกับกองพิสูจน์หลักฐานเขต 2 ชลบุรี นำหมายค้นศาลจังหวัดพัทยาตรวจสอบอาคาร สงสัยกลุ่มนายทุนจีน เนื้อที่ 150 ตารางวา ตั้งอยู่บริเวณแยกเฉลิมเกียรติ แยกเพนียดช้าง ถนนพัทยาสาย 3 หมู่ 9 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เขาสืบสวนมาได้ว่ามีกลุ่มนายทุนจีนเตรียมลงทุนทำธุรกิจสีเทา กำลังให้ช่างเข้าทำการก่อสร้างดัดแปลงอาคารดังกล่าว ซึ่งอาคารนั้นอดีตเป็นร้านขายหมูกระทะของชาวจีน แต่ปัจจุบันปิดตัวลง ก็เลยดัดแปลงให้เป็นอาคารปิด เพื่อเปิดบ่อนการพนัน ได้พบเห็นคนซึ่งเป็นคนดูแลอยู่ แสดงหมายค้น
พอเข้าไป ตำรวจถึงกับตะลึง กำลังจะเปลี่ยนร้านขายหมูกระทะให้เป็นบ่อนบาคาร่าขนาดใหญ่ มีแบ่งพื้นที่เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ 1 ห้อง ห้องแลกชิป 1 ห้อง ห้อง VIP 2 ห้อง ห้อง CCTV 1 ห้อง ห้องครัวขนาดใหญ่ ห้องน้ำ ห้องเก็บของ ยังมีการก่อสร้างดัดแปลงชั้นลอย นอกจากนั้นแล้ว ยังแบ่งเป็นห้องพักจำนวน 2 ห้อง ภายในอาคารปูพรมสีแดงอย่างสวยงาม เตรียมรับแขก
พบโต๊ะบาคาร่า 6 โต๊ะ โต๊ะเสือโต๊ะมังกร 1 โต๊ะ ลูกเต๋า 500 ลูก ไพ่สำรับใหม่ 500 สำรับ อุปกรณ์การเล่นการพนันอีกหลายรายการ มีเฟอร์เจอร์ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ โซฟา และโต๊ะน้ำชา ซึ่งเป็นของใหม่ทั้งหมด ตำรวจก็เลยควบคุมผู้ดูแล
เนื้อที่ที่ตำรวจค้นพบ คือ อยู่บนพื้นที่ 16 ไร่ มีคนจีนทำสัญญาเช่าระยะยาวตั้งแต่ปี 2559 แล้ว จัดสรรที่ดินสร้างเป็นสนามมวย ร้านคาราโอเกะ ร้านอาหารหมูกระทะ ซึ่งเป็นร้านอาหารจีน ปิดตัวลงช่วงสถานการณ์โควิด-19
ทีนี้ มันเกี่ยวข้องอะไรกับท่านผู้การเมืองชลล่ะ ? "เอี่ยวรับสินบนสับเปลี่ยนผู้ต้องหา"
นอกจากกรณี CLUB ONE PATTAYA และบุกทลายบ่อนการพนันใจกลางเมืองพัทยาของนายทุนจีนแล้ว ก่อนหน้านั้น 18 ตุลาคม 2565 มันมีเหตุแก๊งทวงหนี้เหิมเกริมบุกอาละวาด เอาปืนตบหน้าลูกค้าของพูลวิลล่าริมถนนจอมเทียนสาย 2 เมืองพัทยา ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี มีคนบาดเจ็บ 5 คน คนร้ายเอาปืนยิงล้อรถผู้เสียหายแตกกระจุยไปอีก 3 คัน เรื่องนี้บานปลายไปไกลเพราะว่ามีการสับเปลี่ยนผู้ต้องหา 2 คน แลกกับเงินสินบน 1 ล้านบาท คนที่ถูกตั้งข้อสงสัยและกำลังจะดำเนินคดี คือ รองผู้การชลบุรี พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ หรือ รองฯ โจ ซึ่งรองฯ โจ บอกว่า เฮ้ย! กูไม่ยอมตายคนเดียว รองฯ โจ ก็เลยซัดทอดถึงผู้การชลบุรี คือผู้การสันต์ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ว่ามีส่วนรู้เห็น และนี่เองเป็นเหตุผลของการโยกย้ายผู้การชลบุรี ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 หรือวันอังคารที่ผ่านมา
ท่านผู้การชลบุรี พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ท่านเพิ่งมารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม นี่เอง ท่านผู้ชมครับ เดือนกว่าๆ เท่านั้น ถูกย้ายไปแล้ว ข้อหาที่ถูกย้ายก็คือ มีเหตุสงสัยว่าประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่ กระทำผิดทางวินัยหรืออาญา หากปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิม อาจเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนหรืออาจจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการได้ ก็เลยย้ายมาเลย
ชลบุรี ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าคือจังหวัดเกรด A+++ คนที่จะมานั่งตำแหน่งนี้ได้ ถ้าเส้นไม่ใหญ่จริง ไม่สามารถนั่งตำแหน่งนี้ได้ เรามาดูก็แล้วกัน คนที่ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ รู้จักดี รับใช้มาตลอด เป็นคนใหญ่โตคนไหนบ้าง
พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ มีชื่อว่า ผู้การสันต์ อายุ 49 ปี เป็นนักเรียนนายร้อยรุ่นที่ 49 อายุราชการ 30 ปี เขาจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เคยอยู่ที่ สน.ประชาชื่น แล้วตอนหลังย้ายมาเป็นรองสารวัตรจังหวัดชลบุรี หลังจากนั้นแล้วขึ้นมาเป็นสารวัตรในตำแหน่งนายเวร ผู้บัญชาการตำรวจภูธร 1 รับราชการในพื้นที่ภาค 1 นนทบุรี สมุทรปราการ สิงห์บุรี กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว รวมถึงพื้นที่นครบาล
มีนาคม 2561 ถูกย้ายไปลงตำแหน่งรองผู้บังคับการภูธรจังหวัดตรัง บ้านของคุณชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ
หลังจากนั้นอีกหนึ่งปี ได้ถูกย้ายมาเป็นรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 อีกสองปีให้หลังมาเป็นรองผู้บังคับการ อก.บช.น. แล้ว 1 ตุลาคม กระโดดข้ามหัวคนไปเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี
ท่านผู้ชม ผมจะอธิบายให้ฟังเรื่องตำรวจนิดหนึ่ง สมมุติว่าคุณเป็นรองผู้บังคับการตำรวจ พันตำรวจเอก แล้วตำแหน่งต่อไปที่คุณจะได้ขึ้น คือ ผู้บังคับการ พลตำรวจตรี ปกติธรรมดาแล้ว คนที่จะขึ้นจากรองผู้บังคับการ พันตำรวจเอก ขึ้นเป็น พลตำรวจตรี เขาถือว่าเป็นน้องใหม่ เขาจะเอาจังหวัดเล็กๆ เป็นที่รองรับให้ขึ้น อาจจะอยู่จังหวัดเล็กๆ 2 จังหวัด 2 ปี แล้วค่อยย้ายไปสู่จังหวัดใหญ่ แต่ถ้าจู่ๆ กระโดดเลย จากรองผู้บังคับการ พันตำรวจเอก แล้วขึ้นจังหวัดเกรด A+++ อย่างเช่นชลบุรี ท่านผู้ชมครับ ตำรวจคนนี้เป็นตำรวจมีฤทธิ์ มีเทพเจ้าองค์ไหนก็ไม่รู้ล่ะ ปลุกเสก เป่ากระหม่อมให้ ยันต์กันผีมา แล้วก็ร่ายมนตราให้คนนี้กระโดดข้ามหัวแล้วขึ้นไปอยู่ตำแหน่งชลบุรี A+++ และนี่คือกรณีของผู้การสันต์
เรามาดูประวัตินิดหนึ่ง แล้วเราจะเข้าใจว่าทำไม
พ.ต.อ.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ท่านเคยเป็นรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ท่านถูกเรียกตัวไปช่วยราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรขณะนั้น เพราะว่าท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็คือ คุณชวน หลีกภัย ท่านสามารถจะสั่งการในหน่วยงานของสภาผู้แทนราษฎรได้ กิตติ์ธเนศ ก็เลยมาช่วยราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สนิทสนมขนาดไหนกับคุณชวน ? ได้รับมอบหมายจากนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนเข้าพบ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่ออวยพรเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด แสดงว่าท่านประธานสภาฯ ท่านคงสนิทสนมกับผู้การสันต์มาก ถึงให้เป็นตัวแทนไปอวยพรวันเกิดของนายสุชาติ ชมกลิ่น ถ้าไม่สนิทไม่ส่งไปหรอก
ระดับนายตำรวจใกล้ชิดท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร นายชวน หลีกภัย วันนี้กลับตกเป็นจำเลย รู้เห็นเรื่องสับเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา เพื่อแลกกับเงินสินบน จนถูกย้ายจากเก้าอี้ผู้การแบบฟ้าผ่า ผมไม่รู้ว่างานนี้พี่ชวนของผมจะทำหน้าอย่างไร แต่งานนี้อย่างไรก็ตาม คนก็ตั้งข้อสงสัยอยู่แล้วว่าน่าจะเป็นเด็กของพี่ชวน เพราะว่าเคยไปอยู่ตรังมาพักหนึ่ง แล้วขึ้นมา แล้วถูกเรียกตัว จากรองผู้บังคับการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ให้มาเป็น ประจำสำนักเลขาธิการรัฐสภา ถ้าไม่ใช่ท่านประธานสภาฯ ชวน เรียกมา คงมาไม่ได้
ท่านผู้ชมครับ จะเห็นได้หรือยังว่าตำรวจไทยถ้าไม่มีเส้นสาย ลำพังขึ้นจากยศพันตำรวจเอก เป็น พลตำรวจตรี ก็ยากเย็นแสนเข็ญ ยากเย็นมาก ยากเย็นจริงๆ มิหนำซ้ำ ถ้ากระโดดจากรองผู้บังคับการตำรวจภูธร หรือตำรวจนครบาลที่ไหน กระโดดขึ้นเป็นจังหวัดเกรด A+++ โอ้โห ตายล่ะ
ตำรวจเขาแบ่งพื้นที่ เขาเรียกว่า พื้นที่ร่ำรวย กับ พื้นที่กันดาร อย่างเช่นในนครบาล พื้นที่ร่ำรวยก็คือย่านสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ไปดูสิครับว่าผู้กำกับทองหล่อคือใคร ไปเช็กประวัติดู เป็นลูกเขยใคร ก็จะรู้เอง หรือ สน.ลุมพินี ที่ออฟฟิศผมอยู่ตรงนี้ ไม่ค่อยมีใครอยากมาหรอก สน.ชนะสงคราม ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่า เพราะบ่อนอบายมุขแถวชนะสงครามมันน้อย มิหนำซ้ำ ในยุคหนึ่ง ชนะสงคราม ต้องดูแลราชดำเนิน จะต้องมีการประท้วง เดินขบวน ปวดหัว กลุ้มอกกลุ้มใจกันหมด เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมจำเอาไว้ ตำรวจคนไหนถ้าไปนั่งตรงขุมเงินขุมทอง ให้รู้ว่าคนนี้เป็นตำรวจมีฤทธิ์ เหาะเหินเดินอากาศได้ เพื่อนฝูงไต่บันไดลิงกันขึ้นมา ปีนเขา ท่านผู้ชมเห็นนักปีนเขาไหม ใช้ตะขอแล้วค่อยๆ ดึงตัวขึ้นไป แต่คนพวกนี้นั่งเฮลิคอปเตอร์ไปลงยอดเขาเลย
ท่านผู้ชมครับ นี่คือเกียรติตำรวจของไทย เกียรติวินัยกล้าหาญมั่นคง
ท่านผู้ชมครับ สักอาทิตย์หนึ่งที่ผ่านมา มันมีข่าวเรื่องการปล้นโบรกเกอร์โดยคนเล่นหุ้น หุ้น MORE เป็นขบวนการปล้นทรัพย์โบรกเกอร์ ในขณะนี้เรื่องราวไปถึงกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแล้ว เป็นอย่างไร ผมจะเล่าให้ฟัง
11 พฤศจิกายน 2565 วันศุกร์ที่แล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังก่อนตัดสินใจซื้อขายหุ้น MORE หรือหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) เพราะพบว่าเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน มีการเคลื่อนไหวของราคา เปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ เปิดตลาดที่ราคา 2 บาท 90 สตางค์ หลังจากนั้นราคาตกลงมาอย่างต่อเนื่อง จนราคาต่ำสุด ติดฟลอร์ที่ 1 บาท 95 สตางค์ ตลอดทั้งวันหุ้นนี้มีคนซื้อขายสูงถึง 7,142 ล้านบาท ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของการซื้อขายทั้งตลาด
ท่านผู้ชมครับ วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน หลังจากหุ้น MORE ขึ้น-ลงแบบผิดปกติ อีกสามวันต่อมา นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมทั้งนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย ออกมาแถลงข่าวเพื่อหาแนวทางแก้ไข สุดท้ายคือการสั่งยุติการซื้อ-ขายหุ้น MORE เป็นเวลา 1 วัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตอนนี้เดือดร้อนมาก หารือบริษัทสมาชิก สำนักงานเข้าเจรจา ปปง. และ ก.ล.ต. เพื่อให้ตรวจสอบธุรกรรมเกี่ยวกับหลักทรัพย์ MORE ว่ามีการทำธุรกรรมอะไรที่ผิดปกติหรือเปล่า
เหตุที่เกิดขึ้นนี้ คนในวงการโบรกเกอร์กำลังเพ่งเล็งไปที่นักลงทุนขาใหญ่รายหนึ่ง โดยเขาคิดว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยใช้หุ้น MORE เป็นเครื่องมือ นักลงทุนขาใหญ่คนนี้มีพฤติกรรมสร้างราคาหุ้นขนาดเล็กหลายตัว มีการตั้งตัวแทนของนอมินีจำนวนหลายสิบคน ใช้วิธีสร้างภาพลวงตา โดยโยนคำสั่งซื้อ-ขายหุ้นระหว่างนอมินีพร้อมกับการปล่อยข่าวเพื่อกระตุ้นการเก็งกำไร พอนักลงทุนแมงเม่าทั้งหลายตามแห่เก็งกำไร ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น นักลงทุนขาใหญ่รายนี้ก็จะเทขายหุ้นแล้วย้ายไปปั่นหุ้นตัวอื่นต่อ
พวกนี้ใช้เทคนิค ยุทธวิธีของแก๊งตกทอง คือให้พวกน้องหรือนอมินีเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์หลายสิบแห่ง แล้วใช้หุ้น MORE เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน คือสามารถจะเอาหลักทรัพย์ไปค้ำประกันแล้วขอวงเงิน สินเชื่อเพื่อซื้อหุ้น หรือ มาร์จิ้น (Margin)
มาร์จิ้น ก็คือ คุณวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งถ้าโบรกเกอร์เขายอมรับ ตีมูลค่าแล้ว ตีสัก 100 บาท คุณสามารถได้สินเชื่อเพิ่มอีก 3 เท่า คือ 300 บาท
เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าคุณซื้อหุ้น เอาหุ้น MORE ไป 50 ล้านหุ้น ก็สามารถสั่งซื้อหุ้น MORE ได้ 1-150 ล้านหุ้น ขณะเดียวกัน ก็ให้นอมินีที่เป็นลูกน้อง นายหน้า นำหุ้น MORE จำนวน 1,531 หุ้น ไปเปิดบัญชีไว้กับโบรกเกอร์อีกหลายสิบแห่ง นัดหมายกันว่า วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน จะเป็นวันดีเดย์ที่จะกระทืบโบรกเกอร์ทั้งหลาย คือพูดง่ายๆ ว่าปล้นเงินใครไม่ได้แล้ว ต้องปล้นเงินโบรกเกอร์เอง พูดง่ายๆ ว่านอมินีฝั่งที่จะซื้อหุ้น MORE เปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ประมาณ 11 ราย จะสั่งซื้อหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.90 บาท จำนวนรวมกันแล้ว 1,531.77 ล้านหุ้น ส่วนนอมินีฝั่งขาย ซึ่งเป็นพวกเดียวกันนี่ล่ะ เตรียมหุ้นไว้ในพอร์ตที่เปิดบัญชีกับโบรกเกอร์กว่า 20 แห่ง จะตั้งขายในราคาเปิด พอเปิดเมื่อไรปั๊บ ก็ขายเลย แผนปล้นเงินจากโบรกเกอร์ในรูปแบบแก๊งตกทองสำเร็จตามความคาดหมาย เพราะว่ามีการซื้อ-ขายหุ้น MORE ในราคา ATO จำนวน 1,531.77 ล้านหุ้น
ATO คืออะไร ? คือ At The Open หมายความว่า มีการสั่งขาย สั่งซื้อ ไว้ล่วงหน้าแล้ว พอเปิดตลาดปั๊บก็ราคานั้นล่ะ ใส่เข้าไปเลย โดยที่ไม่ต้องยื่นอะไรก่อนล่วงหน้า
โดยหุ้นที่นอมินีฝั่งซื้อ ในวันจันทร์ จะไม่ชำระราคาให้โบรกเกอร์ที่รับคำสั่งซื้อ ยอดให้ถูกยึดเป็นหลักประกัน แต่นอมินีฝั่งขาย คนที่ขายออกไปจะรอรับชำระราคาคำสั่งขาย รวมเป็นเงินแล้ว 4,500 ล้านบาท แล้วใครล่ะเป็นคนต้องจ่ายเงินจำนวนนี้ ? โบรกเกอร์ครับ
สรุป หุ้น MORE ที่นอมินีขาใหญ่วางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันกับโบรกเกอร์ประมาณ 11 แห่ง ปริมาณหุ้นคือ 500 ล้านหุ้น หรือมูลค่า 1,500 ล้านบาท แต่เงินจากการขายหุ้น MORE ผ่านนอมินี กลับได้เงินถึง 4,500 ล้านบาท แล้วโบรกเกอร์ต้องจ่าย 4,500 ล้านบาท ให้คนที่สั่งขาย สรุปง่ายๆ ว่า งานนี้คือการเอาเงิน 1,500 ล้านบาท ไปแลกเงินประมาณ 4,500 ล้านบาท มีส่วนต่างคงเหลือประมาณ 3,000 ล้านบาท เป็นกำไรบนความย่อยยับของโบรกเกอร์ประมาณ 30 ราย
ท่านผู้ชมครับ จริงๆ ผมไม่เห็นใจโบรกเกอร์หรอกครับ เพราะโบรกเกอร์มันโลภ ถ้ามันมีสติสักนิด จะต้องคิดให้ดีๆ มันก็มีเพื่อนฝูงในวงการ เฮ้ย! มีคนเอาหุ้น MORE มาวางอย่างนี้ ของมึงมีบ้างไหม ประเดี๋ยวเดียวก็รู้แล้วว่ามีคนวาง ก็ต้องระวังตัว แต่ช่วยไม่ได้ ความโลภของคน
ถ้าไม่สามารถระงับการชำระราคาค่าซื้อ-ขายหุ้น MORE อาจจะมีโบรกเกอร์หลายเบอร์ต้องล้มตาย เพราะขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่สามารถชำระราคาหุ้นที่สั่งซื้อได้ เพราะสั่งซื้อแล้วนี่ ต้องเอาเงินจ่ายแล้ว ส่วนคนสั่งขาย เมื่อสั่งขายเสร็จเรียบร้อย มันก็รอรับเงินอย่างเดียวเลย
ส่วนนักลงทุนขาใหญ่ก็ใช้วิธีการตกทองหุ้น MORE กวาดเงินก้อนโต 3,000 ล้านบาท ออกไปอย่างลอยนวล เป็นที่น่าสังเกตว่า หุ้น MORE ที่ทำรายการ ATO จำนวน 1,531.77 ล้านหุ้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ปริมาณหุ้นมันเป็นจำนวนที่ใกล้เคียงกับหุ้นที่ "เสี่ยม้อ" เจ้าของบริษัท มอร์ฯ นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรรมการผู้จัดการใหญ่ MORE ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง เขาถือหุ้นอยู่ 1,547.20 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ 23.69 เปอร์เซ็นต์
ท่านผู้ชมครับ นายม้อ หรือที่ในวงการเขาเรียกกันว่า "เฮียม้อ" ถือหุ้นอยู่ส่วนตัว 1,547 หุ้น แต่ทำรายการว่า MORE ซื้อ-ขายจำนวน 1,531 หุ้น ก็คือมันใกล้เคียงกับปริมาณหุ้นที่นายม้อถืออยู่ ทำให้เสี่ยม้อ ถูกตั้งข้อสงสัยว่านี่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการปล้นเงินจากโบรกเกอร์ครั้งนี้หรือเปล่า คือตอนนี้ที่โบรกเกอร์กำลังนั่งปวดหัวกันอยู่ ตั้งคำถามว่า นักลงทุนขาใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังคำสั่งซื้อ-ขายหุ้น MORE อันพิสดารล้ำลึกเมื่อวันพฤหัสบดีนี้ ตอนนี้ยังอยู่ในประเทศไทยหรือเปล่า หรือเผ่นไปตั้งหลัก นอนรอรับเงินจากแผนตกทองหุ้น MORE อยู่ที่ต่างประเทศหรือยัง
ท่านผู้ชมครับ เรามาดูสั้นๆ ธุรกิจของบริษัท มอร์ฯ เป็นธุรกิจ 3 ประเภท จัดจำหน่ายอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ธุรกิจวางระบบน้ำประปา เพื่อบริหารจัดการน้ำประปาที่เกาะเสม็ด พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภาพรวมของผู้ถือหุ้นนั้น มีผู้ถือหุ้นอยู่ 3,754 ราย คิดเป็นการถือหุ้นแบบไร้ใบหุ้นถึง 96.47 เปอร์เซ็นต์ โดยผู้ถือหุ้นรายย่อยมีจำนวน หรือที่เขาเรียกว่า Free Float 6,039 ราย คิดเป็นรายการของผู้ลงทุนรายย่อย 42.72 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผมจะเอาเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องนะครับ
อันดับหนึ่ง นายอมฤทธิ์ หรือที่เขาเรียกว่า เสี่ยม้อ กล่อมจิตเจริญ 1,547 ล้านหุ้น สัดส่วน 23.69 เปอร์เซ็นต์ อันดับที่สอง ซึ่งเป็นตัวละครเอก เดี๋ยวผมจะแนะนำให้ฟัง คือ นายอภิมุข บำรุงวงศ์ ชื่อเล่น ปิงปอง ถืออยู่ 586 ล้านหุ้น สัดส่วน 8.98 เปอร์เซ็นต์ ผมเอารูปขึ้นให้ดู นายอภิมุข บำรุงวงศ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งจู่ๆ ก็ร่ำรวยขึ้นมาโดยกะทันหัน โดยไม่มีเหตุผล
อีกคนที่มีชื่อก็คือ นายเอกภัทร พรประภา ชื่อนายคิม 122 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.87 เปอร์เซ็นต์
ท่านผู้ชมครับ บริษัท มอร์ฯ ก่อนจะมาเป็นบริษัทนี้ มันชื่อ บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ DNA ซึ่งมีความอื้อฉาวมาก่อน ฉ้อโกงบิตคอยน์ของนักธุรกิจชาวฟินแลนด์ วงเงินประมาณ 800 ล้านบาท แล้วก็ นายปริญญา จารวิจิต อดีตกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ DNA หรือ MORE ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวการใหญ่ในการวางแผน
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีพฤติกรรมความไม่โปร่งใสในการขายทรัพย์สิน ราคาหุ้นของบริษัท ดีเอ็นเอ ทรุดลงหนัก เพราะฉะนั้นแล้ว ตอนหลังก็มีการขายบริษัท ดีเอ็นเอฯ ออกไป แล้วบริษัท มอร์ฯ ก็มาเทกโอเวอร์
บริษัท มอร์ฯ มีทรัพย์สิน (asset) 1,600 ล้านบาท มีหนี้สิน 300 ล้านบาท ท่านผู้ชม เวลาดูบริษัทต่างๆ ให้ดูเงินสดที่อยู่ในมือ ทรัพย์สิน 1,600 ล้านบาท หนี้สิน 300 ล้านบาท มีเงินสดแค่ 18 ล้านบาท
สามปีย้อนหลัง บริษัท มอร์ฯ ไม่เคยมีรายได้เกิน 145 ล้านบาท เป็นกลุ่มบริษัทที่มีรายได้น้อยที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ฯ และมีมูลค่า Book Value เพียง 22 สตางค์ต่อหุ้น Market Cap ตั้งหมื่นล้าน แต่ Book Value ของผู้ถือหุ้นมีแค่ 22 สตางค์ต่อหุ้น
ท่านผู้ชมครับ คนที่เกี่ยวข้องอีกคนหนึ่ง ชื่อ ปิงปอง อภิมุข ย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน ก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปิดการซื้อ-ขาย มีสัญญาณไฟกะพริบการตั้งคำสั่งซื้อหุ้น MORE คือ ATO : At The Opening พอสั่งซื้อจะมีไฟกะพริบทันทีเลย ที่ระดับราคา 2.90 บาทต่อหุ้น ท่านผู้ชมครับ ราคา 2.90 บาทต่อหุ้น เป็นราคาที่สูงผิดปกติอย่างมีนัยสำคัญ เพราะราคาปิดตลาดวันที่ 9 พฤศจิกายน อยู่ที่ 2.78 บาทต่อหุ้น แต่วันนั้นมีคำสั่งซื้อเข้ามาถึง 1,500 ล้านหุ้น คิดเป็นเงิน 4,350 ล้านบาท ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็เลยเตือนผู้ลงทุนให้ระมัดระวังก่อนตัดสินใจซื้อหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น
มันก็เลยเกิดคำถามว่า ใครเป็นคนตั้งซื้อ และใครเป็นคนตั้งขาย ที่แน่ๆ คือ ฝั่งคนซื้อ ฝั่งคนขาย เป็นพวกเดียวกันหมด ทั้งซื้อและขาย มีความประสงค์ที่จะจับคู่ซื้อ-ขายพร้อมๆ กันเอง ก็คือว่า วางเกมไว้เรียบร้อยแล้ว กูจะซื้อนะ มึงขายมานะ จับคู่กันเรียบร้อยแล้ว
จากข้อมูลผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่ง ระบุว่า ผู้ซื้อหลักๆ มีอยู่รายเดียว คือ นายอภิมุข บำรุงวงศ์ มีชื่อเล่นว่า ปิงปอง เขาถือหุ้นบริษัท มอร์ฯ อันดับที่ 4 มีอยู่ 13 เปอร์เซ็นต์
อภิมุข บำรุงวงศ์ ชื่อ ปิงปอง แต่ก่อนทำงานอยู่บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย เขาใช้บัญชีซื้อขายจากบริษัทหลักทรัพย์กว่าสิบแห่งเข้าทำรายการกว่า 4,500 ล้านบาท หลังจากตลาดฯ ขึ้น หุ้นก็ดิ่งลงสู่ราคาฟลอร์ที่ 1.95 บาท
ท่านผู้ชมที่ไม่เข้าใจเรื่องหุ้น ราคาฟลอร์ก็คือว่า ถ้ามันต่ำเกินไป 10 เปอร์เซ็นต์ เขาจะหยุดแล้ว ก็คือฟลอร์แล้ว จบแล้ว ราคาตกไปแค่นั้น ไม่ให้ตกไปมากกว่านั้น
คำถามที่ต้องสงสัยและชวนให้คิด หากผู้ซื้อไม่ได้มีการตกลงวางแผนอย่างแยบยลล่วงหน้ากับกลุ่มผู้ขาย เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีหุ้นจำนวนมหาศาลมาจับคู่กันโดยบังเอิญ คือโบรกเกอร์ฝ่ายขายก็บอกว่า มึงสั่งซื้อมานะ ในราคาเท่านี้นะ กูจะขายให้ราคาเท่านี้นะ เป็นคู่ๆ กันไปเลย
ปรากฏว่าพอค้นไป ค้น ขุดคุ้ยไป ก็พบว่านายปิงปอง อภิมุข มีความเกี่ยวพันกับผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่ง คือนายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ หรือ เฮียม้อ ยังมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่และทายาทตระกูลพรประภาอีก 2 คน เป็นพี่น้องกัน คนหนึ่งคือ นายเอกภัทร พรประภา คนที่สอง คือ นายอธิภัทร พรประภา
โดยในกรณีของเฮียม้อ ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณที่อภิมุข บำรุงวงศ์ เขาเรียกเฮียม้อ ว่า เจ้านาย เพราะว่าเฮียม้อ เคยเป็นลูกค้าคนสนิทสมัยที่อภิมุข บำรุงวงศ์ ยังเป็นเจ้าหน้าที่การตลาดของบริษัทหลักทรัพย์
ส่วนกรณีของทายาทตระกูล พรประภา 2 คน คือ เอกภัทร พรประภา และ อธิภัทร พรประภา ถือเป็นคนสนิทที่สังสรรค์กันอยู่เป็นประจำ ที่คอนโดฯ หรูแถวถนนวิทยุ แล้วก็ยังชอบรถหรูด้วยกัน ลัมโบร์กีนี
ท่านผู้ชมครับ นายปิงปอง อภิมุข ชอบอวดร่ำอวดรวย พี่คิมเปิดตัวนักสะสมซูเปอร์คาร์น้องใหม่ 250 ล้านบาท ทำอะไรถึงร่ำรวยถึงขนาดนี้ ทำธุรกิจอะไรที่มันเป็นหลักเป็นฐานบ้างไหม มีการผลิตสินค้าอะไรออกขายบ้างไหม ? ไม่มี ก็คือซื้อมา ขายไป แล้วก็ปั่นหุ้นตลอดเวลา
ท่านผู้ชมครับ ตั้งแต่เกิดธุรกรรมผิดปกตินี้ กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์สิบกว่าแห่งด้านขาซื้อ คนซื้อ รวมตัวกัน หารือกับ ก.ล.ต. เขากลัวว่านายปิงปอง อภิมุข จะเบี้ยวไม่จ่ายเงิน เพราะหากอภิมุข บำรุงวงศ์ ไม่จ่ายเงิน แต่กลุ่มผู้ขายที่จับคู่กันได้รับเงินจากกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์สิบกว่ารายจะได้รับความเสียหาย
บริษัทหลักทรัพย์สิบกว่ารายนั้น มี กรุงศรีอยุธยา อาจจะเสียพันกว่าล้าน เกียรตินาคิน 700 ล้าน บริษัทหลักทรัพย์ดาโอ 600 ล้าน เอเชียเวลท์ 100 ล้าน คิงส์ฟอร์ด อาจจะเสียหาย 300 ล้าน ส่วนบริษัทหลักทรัพย์อื่นๆ ยังไม่กล้าเปิดเผยตัวเลข เพราะเกรงกระทบความมั่นใจของลูกค้า ล่าสุด อภิมุข บำรุงวงศ์ ได้เดินทางเข้าเจรจากับตลาดหลักทรัพย์ฯ และกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์สิบกว่ารายที่เป็นผู้เสียหาย แต่ยังไม่มีข้อสรุป และตอนนี้ได้มีการแจ้งความผิดปกตินี้ให้ ปปง. และ ดีเอสไอ แล้ว
ท่านผู้ชมครับ สรุปง่ายๆ ดีกว่า ตามสไตล์ผม สำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องหุ้น
ข้อที่หนึ่ง มีคนกลุ่มหนึ่งวางแผนปั่นราคาหุ้นขึ้นมา แล้วมีการเปิดบัญชีนอมินี คือบัญชีตัวแทน 21 บัญชี ในโบรกเกอร์ต่างๆ เพื่อเพิ่มกำลังซื้อขึ้นมา คือเวลาซื้อหุ้นจะมีฝั่งซื้อ และ ฝั่งขาย วันพฤหัสฯ ที่ 10 พฤศจิกายน มีการเอาหุ้นตัวนี้ โยนหุ้นแบบผิดปกติ มีทั้งคนตั้งซื้อเยอะเลย กับตั้งขายเยอะ ก็คือนัดกันมาทั้งฝั่งซื้อ-ฝั่งขาย จะมาตีหัวกบาลโบรกเกอร์ โบรกเกอร์ก็สมควรจะโดนตีหัวกบาลสักทีนะครับ เพราะว่าร่ำรวยเหลือเกิน
หลังจากโยนไปโยนมาซื้อขายกันเองแล้ว หุ้นก็เลยร่วงตกติดฟลอร์ลง ลงวันละ 30 เปอร์เซ็นต์ สองวันติดกัน
ข้อที่สาม ประเด็นมีอยู่ว่า ฝั่งซื้อ คือซื้อหุ้น แต่ไม่จ่ายสตางค์ อ้างว่าคีย์ผิด ขาดทุนเยอะ คือโดยกำหนดจ่ายสตางค์วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 โบรกเกอร์ก็เลยต้องไปบี้กับคนซื้อเพื่อเอาเงินที่คนซื้อเอาไปให้กับคนขาย ซึ่งมีแววชักดาบไม่จ่ายแน่ๆ แล้วหลักทรัพย์ที่ค้ำประกันอยู่ก็ไม่มี มีไม่พอมาชดใช้ เพราะผมเรียนให้ทราบแล้วว่าเขาเอาหลักทรัพย์อะไรก็ตามมาค้ำประกันเอาไว้หนึ่งเท่า หนึ่งส่วน เขาจะได้ปริมาณของการใช้เงินในการซื้อขายสามส่วน ก็คือสามเท่า
ตามระบบต้องหาเงินมาให้คนขาย คือมีคนขายแล้ว คนซื้อต้องหาเงินมาให้ตามดีล เขาก็เลยร้อง ก.ล.ต. ให้ระงับ ความผิดพลาดตรงนี้มาจากช่องโหว่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เซียนหุ้นพวกนี้มันรู้ ก็เลยใช้เป็นช่องทางเล็ดลอด ลอดใต้รักแร้บ้าง ลอดใต้หว่างขาบ้าง เพื่อตีกบาลโบรกเกอร์
ข้อที่สี่ ท่านผู้ชม อยู่ดีๆหุ้นตัวนี้มีปริมาณการซื้อขายที่ผิดปกติ คือ คนขาย ขายทุกราคาเลย จะซื้อเท่าไรก็ขายหมดๆ จนติดฟลอร์ ส่วนคนซื้อก็รับซื้อฉิบหายวายป่วงหมดเลย แปลว่า มีธุรกรรมซื้อขายที่เกิดขึ้นเป็นหลักหลายพันล้านบาท
ข้อที่ห้า ในหลักการการซื้อหุ้น คนซื้อหุ้นสามารถซื้อหุ้นได้ตามวงเงินที่บริษัทหลักทรัพย์มอบให้ หลังจากเอาที่หลักทรัพย์ไปวางประกัน แล้วได้เพิ่มวงเงินสามเท่าตัว แต่คนซื้อ ค่อยจ่ายเงินสด ไม่ใช่ทันทีนะ อีกสองวันให้หลัง เช่น ซื้อขายหุ้นในวันจันทร์ เงินจะถูกตัดบัญชี หรือเข้าบัญชีในวันพุธ ก็คือมีช่องว่างสองวันตรงนี้
ข้อที่หก ประเด็นมันคือ หลายบริษัทหลักทรัพย์เห็นยอดหนี้ที่คนซื้อจะต้องจ่ายเงินสดเพื่อชำระค่าหุ้นแล้วตกใจ เลยไปเช็ก ปรากฏว่าเป็นพวกเดียวกันหมด บริษัทก็เลยเริ่มไม่ไว้ใจว่าคนที่ซื้อที่ซื้อนี่จะมีเงินสดที่ไหนมาจ่าย เพราะเป็นเงินตั้งหลายพันล้าน คำถามมีอยู่ว่า แล้วทำไมบริษัทหลักทรัพย์เหล่านี้จึงมีวงเงินให้กับนักลงทุนรายนี้เป็นจำนวนมากเท่านี้ ? คำตอบก็คือว่า โดยปกติแล้วการปล่อยวงเงินของบริษัทหลักทรัพย์จะอ้างอิงมูลค่าหลักทรัพย์ที่เอามาค้ำประกัน หมายความว่า ถ้าหุ้นในพอร์ตมีมูลค่ามาก แม้ว่าหุ้นนั้นจะเป็นหุ้นที่ไม่มีพื้นฐานเลย เป็นหุ้นปั่นมา นักลงทุนคนนั้นก็จะมีวงเงินมากในการซื้อ ทีนี้นักลงทุนคนนั้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทอยู่แล้ว ก็เลยมีวงเงินมากในการซื้อขายหลักทรัพย์ นักลงทุนคนนี้ก็แก้เกม ไปเปิดบัญชีไว้กับหลายบริษัทหลักทรัพย์เสียเลย ทำให้มีวงเงินในการซื้อขายกระจายไปทั่วบริษัทหลักทรัพย์ เหมือนเราไปเปิดบัตรเครดิต แบงก์กสิกรไทย Visa KTC, Visa CityBank หรือซื้อบ้านหลายๆ แบงก์ สามารถปฏิบัติการปล้นโบรกเกอร์ได้ เขาเรียกว่าปล้นกลางแดด ปล้นผ่านคีย์บอร์ด
ท่านผู้ชมครับ นายอภิมุข หรือ ปิงปอง ก็ไม่ได้มีพื้นเพมีทรัพย์สินอะไร เคยทำงานเป็นมาร์เก็ตติ้งของบริษัทหลักทรัพย์กสิกร จับพลัดจับผลูไปเป็นลูกน้องเสี่ยม้อ ความรวยก็เลยเกิดขึ้น นายปิงปองทำตัวเป็นนักลงทุน สไตล์คล้ายๆ พวกหัวหน้าแชร์ลูกโซ่เลย ต้องสร้างโปรไฟล์ก่อน เล่นรถหรู ทำตัวดูดีมีชาติตระกูล ขับรถราคาหลายสิบล้าน แต่ยังไม่มีใครรู้เบื้องหลังเบื้องลึกที่แท้จริงว่า ปิงปอง เอาเงินมาจากไหน พอเริ่มมีรถหรูก็เลยอัปโปรไฟล์ด้วยการไปเรียนคอร์สไฮโซตามหลักสูตรต่างๆ ไปเจอกับไฮโซคิม และน้อง คือ เอกภัทร พรประภา และ อธิภัทร พรประภา ที่หลักสูตรความร่ำรวยทางปัญญา ไปเรียนหลักสูตรความร่ำรวยทางปัญญา แต่ดันได้ปัญญามาหาวิธีคดโกงคนอื่นเขา
พอสนิทกัน ปิงปองก็เลยบอกเพื่อนๆ ว่าจะมีดีลใหญ่กับ MORE ช่วยกันซื้อ หุ้นนี้ราคาเลยขึ้นมาจากราคาไม่กี่สตางค์ ขึ้นเป็น 3 บาท ทำให้หุ้นตัวนี้มีมูลค่าถึงสองหมื่นล้านบาท พอลูกพี่คือเฮียม้อเห็นหุ้นขึ้นมาขนาดนี้ก็เลยปั้นสตอรี่ ปั้นกำไร แท้-เทียม จนในที่สุดก็ปั่นไม่ไหว ก็เลยคิดว่าขอใส่ตีนหมาโกยก่อนแล้วกัน เศรษฐีใหม่กับเศรษฐีเก่าก็เลยเริ่มทะเลาะกัน ไฮโซคิม ก็ขู่จนน้องปิงปองกลัวตาย รีบหนีไปฟ้องเฮียม้อว่า เจ้านาย มันรู้แล้วว่าเราหลอกมัน แน่นอนครับ ท่านผู้ชม ปฏิบัติการสะท้านฟ้าสะเทือนดินก็เกิดขึ้น เฮียม้อก็เลยพลิกตำราที่เคยร่ำเรียนมาจากสำนักมารบูรพา ประมุขพรรคสุริยันจันทรา อดีตซีอีโอบริษัทหลักทรัพย์จอมฉาว จะชายก็ไม่ใช่ หญิงก็ไม่เชิง แถวสีลม ที่มีวีรกรรมปั่นหุ้นมาไม่น้อยกว่าสิบตัวในอดีต จนร่ำรวย เจ้าของฉายาว่า เป็นเจ้าหญิงแห่งวงการหลักทรัพย์ไข่มุกดำแห่งอันดามัน ถุย!
เฮียม้อก็เลยบอกปิงปองว่า ปั่นหุ้นขึ้นมาขนาดนี้ ทุกหุ้นลงมา รายย่อยมันคงเข้าไม่มารับ เพราะเดี๋ยวนี้มันฉลาดแล้ว รายย่อยมันไม่ได้โง่ มีทางเดียวคือ มึงต้องไปหลอกแดกเงินโบรกเกอร์เท่านั้น แผนการก็เริ่มต้นขึ้น น้องปิงปอง เศรษฐีกำมะลอ ก็เริ่มไปเปิดพอร์ตขอวงเงินกับโบรกต่างๆ ไล่เรียงกันไปนับ 12 แห่ง วิธีการเหมือนเดิม ที่ประมุขพรรคสุริยันจันทราเคยใช้ คือทั้งหมดนี้เริ่มโอนหุ้นจาก MORE 100 ล้านบาท จากโบรกไอโฟน ไปยังโบรกเกอร์เอ แล้วขออัปวงเงินตามกฎสามเท่า กลายเป็นได้วงเงินถึง 300 ล้านบาท ด้วยมูลค่าหุ้นแค่ 100 ล้านบาท แล้วโอนหุ้น MORE อีก 100 ล้านบาท จากบริษัทหลักทรัพย์ A ออกไป B แล้วขอวงเงินจากบริษัท B อีก 300 ล้านบาท โอนจาก B ไป C ขอวงเงินบริษัท C 300 ล้าน ทำแบบนี้อีก 12 โบรก เท่ากับหุ้นตัวเดียวกันเริ่มต้นที่ 100 ล้านบาท แต่สามารถสร้างวงเงินเทียมได้สูงถึง 12x300 เท่ากับ 3,600 ล้านบาท
แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว เงิน 3,600 ล้านบาท มันไม่พอ เพราะพี่แกของเยอะมาก เลยต้องไปขอวงเงินกับบริษัทหลักทรัพย์โฮโซพี อดีตลูกรักของแบงก์สีเขียวที่มีบรรดาลูกค้าไฮโซ สถาบันอันดับหนึ่งของประเทศ 1,200 ล้านบาท ยังอาจหาญไปขอวงเงินบริษัทหลักทรัพย์ซูชิ ที่มีอดีตเจ้าของเป็นช่อง 7 ทีวีสี เพื่อ MORE อีก 1,000 ล้านบาท นั่นก็หมายถึงแบงก์กรุงศรีอยุธยา หลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยามั้ง มันก็เลยสร้างอำนาจซื้อให้น้องปิงปองและกลุ่มนี้อย่างมหาศาลถึง 7,000 ล้านบาท เลยเป็นที่มาของคำสั่งซื้อแบบ AOT : At The Opening ข้ามคืน overnight รวดเดียวถึง 4,500 ล้านบาทโดยใช้วงเงินที่โบรกเสกขึ้นมา หรือว่าปล่อยออกมาโดยวางหลักทรัพย์เน่าๆ เป็นหุ้น MORE มูลค่า 20 เปอร์เซ็นต์ของวงเงิน
ท่านผู้ชมครับ นี่คือวิชามารของสำนักบูรพาชัดๆ เพราะหุ้นที่วางเอาไว้ 4,500 20%ก็เท่ากับ 900 ล้านบาท ไม่มีมูลค่าอะไรอยู่เลย เอา 900 ล้าน มาแลก 4,500 ก็ยังเหลืออีก 3,600 ล้านบาท จะโดนยึดหลักประกันไป 900 ล้านบาท ก็ช่างมัน เพราะหุ้นนี้ไม่มีมูลค่าอยู่แล้ว นี่เป็นเพียงแค่ออร์เดอร์แรกที่ปิงปองยอมพลีกายเพื่อไปรับหุ้นเพื่อนรัก ไฮโซคิม และเจ้านาย เฮียม้อ แต่ไอ้ที่ออกมาอีกเกือบ 2,500 ล้าน นี่ต้องไปสืบต่อกันเองนะ ว่าเป็นพอร์ตของน้องปิงปอง และแรงขายจากเฮียม้อ แอนด์เดอะแก๊งหรือเปล่า แต่ที่รู้แน่ๆ ดีลนี้ถ้าทำการสำเร็จจะมีโบรกเกอร์ปิดกิจการอย่างน้อย 5 แห่ง พนักงานและครอบครัวจะตกงานอีกหลายพันคน
ท่านผู้ชมครับ เมื่อกี้ผมพูดถึงเรื่องวุ่นๆ ในบ่อนคนรวย คือตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปแล้ว เรามาพูดถึงบ่อนการพนันดิจิทัลอย่างตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลกันบ้าง เรื่องนี้ผมเคยพูดอย่างละเอียดไปหลายครั้งแล้วในรายการนี้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีเหรียญลูน่า (Luna Coin) ที่เจ๊งไปแล้ว บิทคับ (bitkub) ของคุณท๊อป จิรายุส ซิปเม็กซ์ (Zipmex) ซึ่งกำลังเปลี่ยนมือเจ้าของ และอีกหลายๆ กรณีของความไม่ชอบมาพากลที่เกี่ยวข้องกับกับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโทเคอร์เรนซี
ล่าสุด ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ได้เกิดความวุ่นวายใหญ่ทั่วโลกเกี่ยวกับบริษัท FTX ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนคริปโทฯ ยักษ์ใหญ่อันดับสองของโลก รองมาจากไบแนนซ์ (Binance) และผู้ก่อตั้งคือ นายแซม แบงก์แมน ฟรายด์ (Sam Bankman-Fried) ฉายาเขาสั้นๆ คือ นาย SBF คนนี้อายุแค่สามสิบปีเอง มีคนตั้งฉายาว่าจะเป็น Warren Buffett คนต่อไป คือ อภิมหาเศรษฐี แต่ว่า FTX ซึ่งคนๆ นี้บริหารงานได้ล่มไปแล้ว ความล่มสลายขอ งFTX เป็นประเด็นใหญ่ที่ผู้คนจำนวนมากแสดงความกังวลว่าการล้มละลายของตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเบอร์ใหญ่ๆ ของโลกจะลุกลากลายเป็นวิกฤตในโลกสินทรัพย์ดิจิทัลที่ยากจะควบคุม
ท่านผู้ชมครับ ผมจะย้อนที่มาของความล่มสลายของคริปโทฯ FTX ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มาจากข่าวลือที่แพร่สะพัดทางทวิตเตอร์ว่า FTX กำลังประสบปัญหาบางอย่าง ซึ่งเรื่องดังกล่าวเริ่มมีมูลขึ้นเมื่อ จ้าว ฉางเผิง หรือ CZ นักธุรกิจชาวจีน-แคนาดา เจ้าของ Binance แพลตฟอร์มเทรดคริปโทฯ อันดับหนึ่ง ทวีตข้อความระบุว่า เขาจะขายเหรียญ FTT ซึ่งเป็นเหรียญของ FTX ทั้งหมด
เนื่องจากเขาตรวจสอบพฤติกรรมบางอย่างของ Alameda Research ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ FTX ที่อาจจะส่งผลเสียหายกับ Binance ผมเอารูป จ้าว ฉางเผิง กับ แซม แบงก์แมน ฟรายด์ ผู้ก่อตั้ง FTX ขึ้นมาให้ดู
ต่อมามันมีเว็บไซต์อันหนึ่งของคริปโทเคอร์เรนซี ที่เรียกว่า Coin desk หรือว่า โต๊ะเหรียญ รายงานข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี ได้ออกมาเปิดเผยว่า สินทรัพย์ภายใต้การดูแลของ Alameda Research กว่า 80 เปอร์เซ็นต์นั้น เป็น FTT โดยนายแซม แบงก์แมน ฟรายด์ ได้นำ FTT (FTT คืออะไร ? คือเหรียญที่ตัวเองออกด้วยตัวเอง คือออกเหรียญด้วยตัวเองเลย เหมือนนายท๊อป จิรายุส บิทคับ ออกเหรียญคับคอยน์ (KUB Coin) ของตัวเองออกมา เอาไปค้ำประกันเพื่อกู้เงินจาก FTX ออกมาใช้ เปรียบเสมือนการโยกเงินจากกระเป๋าซ้ายไปใส่กระเป๋าขวา
ถ้าเปรียบเทียบกับหุ้น MORE ก็คือผู้ถือหุ้น MORE เอาหุ้น MORE ที่ตัวเองถืออยู่ สมมุติว่ามูลค่า 100 ล้านบาท เอาหุ้นนี้ไปค้ำประกันกับโบรกเกอร์เพื่อให้ได้วงเงินในการเล่นหุ้นเพิ่มอีกสามเท่า เป็น 300 ล้านบาท เพียงแต่ว่าในกรผีณหุ้น MORE นั้น เอาหุ้น 100 ล้านบาท ชุดเดียวกัน เป็นหลักฐานให้โบรกเกอร์ 12 โบรก ทำให้ได้วงเงินมากมายมหาศาลหลายพันล้านบาท
เรากลับมาเรื่องของ FTX กับนาย SBF นายแซม แบงก์แมน ฟรายด์ เมื่อเรื่องแดงขึ้นมา ว่านาย SBF เอาเหรียญ FTT ที่ตัวเองสร้างขึ้นมา เอาไปกู้เงินจากบริษัท FTX ซึ่งเป็นบริษัทคริปโทฯ เมื่อเรื่องแดง นักลงทุนจึงแห่ขาย FTT คือหุ้นของนายแซม แบงก์แมน ฟรายด์ จนราคาร่วงลงเกือบสิบเท่าอย่างรวดเร็ว มีการถอนเงินออกจากแพลตฟอร์มถึง 6,000 ล้านเหรียญ คิดเป็นมูลค่าสอง 215,000 ล้านบาท พอเกิดเหตุอย่างนี้ขึ้นมา ท่านผู้ชมครับ นายแซม แบงก์แมน ฟรายด์ เอง ก็ขอความช่วเหลือจากนักลงทุนรายอื่นทันที หนึ่งในนั้นคือ จ้าว ฉางเผิง เจ้าของ Binance ซึ่งเป็นคนที่ผลิตคริปโทฯ อันดับหนึ่งของโลก เพื่อให้เข้ามาซื้อกิจการ FTX
อย่างไรก็ตาม ดีลนี้ก็ล้มพับไป เพราะว่าพอตรวจสอบกิจการของ FTX จาก Binance ไม่ได้ผลที่น่าพอใจ ในที่สุดแล้ว FTX ก็ยื่นขอล้มละลาย
11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานี้ FTX พร้อมบริษัทในเครืออีก 130 แห่ง รวมทั้ง Alameda Research และ FTX.us ได้ยื่นเรื่องขอล้มละลายต่อศาลรัฐเดลาแวร์ในอเมริกา แล้วก็นายแซม แบงก์แมน ฟรายด์ ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ
ท่านผู้ชมครับ ในเอกสารยื่นขอล้มละลายจำนวน 23 หน้า ของ FTX ระบุว่า ปัจจุบันบริษัทมีเจ้าหนี้อยู่มากกว่าหนึ่งแสนราย มีทรัพย์สินอยู่ประมาณ 1-5 หมื่นล้านดอลลาร์ ราวๆ 365,000 ล้านบาท หรือ ราวๆ 1.8 ล้านล้านบาท มีหนี้สินอยู่เช่นกัน พอๆ กัน
การล้มละลายของ FTX ส่งผลให้บรรดานักลงทุนทั้งรายใหญ่ รายย่อย รวมทั้งสถาบันที่เอาเงินมาลงทุน เช่น Venture Capital ต่าวๆ ที่ลงทุนในแพลตฟอร์ม เจ็บตัวไปตามๆ กันไม่มากก็น้อย
ทั้งนี้ นับตั้งแต่การก่อตั้งในปี 2562 สามปีที่แล้ว FTX สะสมฐานลูกค้าไว้มากถึง 5 ล้านราย มีธุรกิจทำการซื้อขายบนแพลตฟอร์มสูงกว่า 7 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังดึงดูดนักลงทุนสถาบัน กองทุนชื่อดังต่างๆ ให้เข้ามาลงทุน เช่น เทมาเส็กโฮลดิงส์ ของสิงคโปร์ ซิโคเอ แคปปิตอล อเมริกา Paradigm, SoftBank ของญี่ปุ่น ICONIQ Capital และ BlackRock ของอเมริกา รวมแล้วเป็นเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์
จากเกิดเหตุการณ์ที่ FTX ทำให้ Sequoia Capital และ Soft Bank ออกมาแถลงว่า เขาตัดสินใจยอมขาดทุน โดยตัดบัญชีมูลค่าเงินทุนลง FTX ให้เหลือศูนย์เป็นที่เรียบร้อย ก็คือ เอาล่ะ ฝรั่งต่างชาตินี่มันจะเร็ว อะไรที่มันขาดทุนแล้ว มันไม่ไหวแล้ว ตัดเป็นหนี้สูญเลย ไม่เหมือนคนไทย คนไทยพอเล่นหุ้น หุ้นราคา 100 บาท ซื้อมา หุ้นมันตกไปเหลือประมาณ 40 บาท ก็ยังใจแข็ง สู้ต่อ ถ้าฝรั่งตกมาแบบนี้ มันเห็นว่าไม่ไหวแล้ว มันยอมเสียหนี้สูญเลย ยอมขาดทุนไปเลย แต่คนไทยบอกว่า คนไทยถือปรัชญาที่ค่อนข้างเป็นปรัชญาที่โง่ๆ ก็คือว่าถ้าไม่ขาย ไม่ขาดทุน ก็เลยฝันเฟื่องเมืองแมน นอนตอนกลางคืนก็จุดธูปไหว้พระ บอกว่าขอให้เทพยดามาสิงสถิตในฝัน ว่าขอให้หุ้นที่ตัวเองถืออยู่นั้นขึ้นเถอะ ถ้าขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วในที่สุด เกิน 100 บาท ก็ ได้กำไร อดทนหน่อยนะ อดทนหน่อยนะน้อง
บริษัท เจพี มอร์แกน สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของโลก ออกมาคาดการณ์ว่าตลาดคริปโทฯ จะต้องเผชิญความผันผวนด้านราคาจากวิกฤตการณ์การล่มสลายของ FTX ราคาบิตคอยน์มีแนวโน้มจะร่วงไปอีก หลังจากเคยพุ่งไปถึง 61,000 ดอลลาร์ต่อหนึ่งเหรียญ ปัจจุบันเหลือแค่ 16,000 เหรียญ ร่วงไปตั้งไม่รู้กี่เปอร์เซ็นต์ เกินครึ่งแล้ว
ท่านผู้ชมครับ วิกฤตที่เกิดขึ้นกับ FTX ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีนักลงทุนจากทั่วโลกใส่เงินลงทุนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้ตลาดเริ่มจับตาว่าจะเกิดปรากฏการณ์ล้มกันเป็นโดมิโนเหมือนอย่างกรณีวิกฤตอื่นหรือเปล่า ในส่วนของไทย ตลาดซื้อขายอย่าง Zipmex ก็ล้มละลายไปก่อนแล้ว ผลกระทบลักษณะเดียวกัน เกิดความเสียหายหลายพันล้านบาท
กรณี FTX ที่น่าจับตามากๆ เพราะว่า FTX เป็นแพลตฟอร์มใหญ่เบอร์ต้นๆ อันดับสองของโลก จะทำให้ผลกระทบนั้นมากมายมหาศาล ทำให้ตลาดซื้อขายสินทรัพย์อีกหลายเจ้า ประกาศให้ผู้ใช้บริการหยุดถอนเงินก่อน และขอให้ผู้ใช้บริการหยุดการฝากเงินบนกระเป๋าเงิน หรือบัญชีเงินฝาก เนื่องจากบริษัทไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ เพราะว่าขาดความชัดเจนเกี่ยวกับสถานภาพของ FTX
ท่านผู้ชมครับ ความปั่นป่วนได้ลุกลามขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทำเนียบขาวออกมาระบุว่า กำลังจับตาดูความล่มสลายของ FTX พร้อมส่งสัญญาณว่า อุตสาหกรรมคริปโทฯ จำเป็นต้องถูกกำกับอย่างเข้มงวดขึ้น โดยบลูมเบิร์ก ระบุว่า ทำเนียบขาวและหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ของอเมริกา กำลังจับตาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับ FTX โดยมองว่านี่คือขาดการกำกับดูแลที่เหมาะสมในอุตสาหกรรมคริปโทฯ ทำให้ชาวอเมริกันมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบในเชิงลบ
ในขณะเดียวกัน บลูมเบิร์กยังรายงานด้วยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าของอเมริกา กำลังดำเนินการตรวจสอบว่า FTX ได้จัดการกับเงินของลูกค้าไปในทางที่ผิดหรือเปล่า
ประเด็นทั้งหมดนี้ ท่านผู้ชมทรายหรือเปล่า ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีพุ่งถึงจุดสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2564 หรือหนึ่งปีที่แล้ว ผ่านมาหนึ่งปี จนถึงปลายปี 2565 จากการประเมินของสำนักข่าว CNBC ระบุว่า นักลงทุนเงินดิจิทัลทั่วโลกสูญเสียเงินไปแล้วกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 71 ล้านล้านบาท
ท่านผู้ชมครับ เมื่อมองโลก มองคนอื่นแล้ว เราหันมามองตัวเองดูดีไหม เรามาดูสถานการณ์ในบ้านเราหน่อย ส่องปมเหรียญ FTT ดิ่งเหว FTX FTT คือเหรียญที่สร้างเอง ใช้เอง ปั้นเอง ทำงบเอง ส่วน Kub ที่ถูก ก.ล.ต. เล่นงานอยู่ ขอยืดเวลาต่ออีก 30 วัน จาก ก.ล.ต. ที่จะรายงานข้อมูลที่ ก.ล.ต. ถามไป ในขณะเดียวกัน ก็พยายามจะวิ่งเต้นที่จะไปจดทะเบียนในสิงคโปร์เพื่อหลีกเลี่ยงกฏของ ก.ล.ต. เผอิญตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์กับตลาดหลักทรัพย์ไทยนั้นเชื่อมโยงกัน มีความสัมพันธ์ที่ดี ก็เลยกลัวว่าจะไปเจอความเข้มงวดที่สิงคโปร์ ตอนนี้นายท๊อป กำลังวิ่งเต้นหาทางไปลีสบิทคับของตัวเอง บิตคอยน์ของตัวเองที่ไหน ? ดูไบครับ
เหรียญคริปโทฯ ในประเทศไทย แม้เบื้องต้นจะได้รับการกระทบจาก FTX ไม่มาก แต่สิ่งที่ผมกลัวสำหรับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศนั้นคือ เหรียญที่ถูกสร้างขึ้นเอาออกมาซื้อขายในบรรดา Exchange ให้บริการอยู่ในตลาด ท่านผู้ชมครับ เดี๋ยวนี้เขาสร้างเหรียญขึ้นมาเอง เอามาซื้อขายในตลาด มีอะไรบ้างล่ะ ? เหรียญ BTZในรูปแบบ Utility Token ของExchange อย่าง bitazza เหรียญ ZMT หรือเหรียญโทเคน ERC-20 สร้างและควบคุมโดย Zipmex เหรียญ Kub สร้างโดย Exchange รายใหญ่ อย่างเช่นบิทคับ
ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่เกิดขึ้นกับ FTX ขณะนี้ คือ สถานการณ์ของเหรียญ FTT ที่ FTX สร้างขึ้นมา แม้จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุน แต่การเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับงบดุลของบริษัทในเครือ FTX ด้วยสัดส่วนที่มาก เมื่อราคาเหรียญร่วงหนักก็อาจจะสร้างผลกระทบให้กับบริษัท และสร้างความกังวลให้นักลงทุนด้วย
ปัจจุบันสิ่งที่เราเห็นชัดเจนและหนีไม่พ้น กรณีเหรียญ kub ของ Bitkub ของนายท๊อป จิรายุส ที่ไม่เคยมีชื่ออยู่ในบริษัท หรือมีส่วนเกี่ยวข้อง กันตัวเองออมา แต่สั่งงานให้ลูกน้องดำเนินการ ตอนนี้เหรียญ Kub ของ bitkub อยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ก.ล.ต. และเขามีคำสั่งให้แก้ไขคุณสมบัติของเหรียญที่ bitkub ให้คะแนนสูงเกินมาตรฐานจนส่งผลให้เหรียญ Kub ขาดคุณสมบัติเข้ามาเทรดในกระดาน
ประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. ครั้งที่ 15/2565 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 จะขยายการแก้ไขเหรียญ ขายเหรียญ kub ออกไปอีก 30 วัน จากเดิมกำหนดสิ้นสุด 5 พฤศจิกายน แล้วก็ตาม สิ่งที่ ก.ล.ต. เมืองไทยกังวลคือ การดำเนินการที่ก่อให้เกิดความเสียหายให้กับประชาชน จึงประสานกับผู้ออกเหรียญ kub จริงๆ ก็คือคือนายท๊อป จิรายุส นั่นเอง ให้แก้ไขมาตรฐานเทคโนโลยีของโปรเจกต์เหรียญ kub แก้ไขในส่วนของ Admin transfer เพื่อจำกัดผลกระทบเชิงระบบต่อสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ถือเหรียญ kub นอกจากการเข้าถึงระบบดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาต คือต้องคำนึงถึงการแก้ไขในเชิงเทคนิค ออกแบบใหม่ การลดโอกาสในการแทรกแซงของบุคลากร และให้ bitkub แสดงหลักฐานเกี่ยวกับการแก้ไขดังกล่าวที่ ก.ล.ต. เรียกร้องมาอย่างชัดเจน
นอกจากนี้แล้ว ในระหว่างการแก้ไขตามการสั่งการดังกล่าว ก.ล.ต. สั่งการให้ bitkub ประสานงานกับผู้ออกเหรียญ Kub ให้ดำเนินการตามแนวทางการปรับปรุงนโยบายการควบคุมการใช้ หรือภาษาอังกฤษ เขาเรียกว่า Admin transfer ให้มีความรัดกุมมากขึ้นตามที่ bitkub เสนอมา โดยต้องคำนึงถึงการควบคุมความเสี่ยงจากการเข้าถึงกุญแจและอนุมัติคำสั่ง
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลยฝ่ายเริ่มกังวลว่า Exchange ที่มีการจัดสร้างเหรียญของตัวเองขึ้นมา หากไม่ดูแลหรือควบคุมอย่างรอบคอบก็อาจจะสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นได้ในอนาคต ดังนั้น จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ ก.ล.ต. ไม่ควรละเลย หรือยืดเยื้อให้มากไปกว่านี้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจขึ้นได้ในวงกว้าง เหมือนกับสิ่งเกิดขึ้นกับ FTX และ FTT
ท่านผู้ชมครับในบอร์ด ก.ล.ต. ชุดใหญ่นั้น ผมได้ข่าวมาว่า มีตัวแทนกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมาแทนปลัดกระทรวงพาณิชย์ พยายามที่จะช่วยเหลือ bitkub นายท๊อป จิรายุส เหมือนกับอดีตรองเลขาธิการ ก.ล.ต. และพรรคพวกบางคน ที่พยายามช่วย bitkub อยู่ อย่างสุดฤทธิ์สุดเดช แล้วรองเลขาธิการ ก.ล.ต. อดีตนั้นก็มาเป็นที่ปรึกษาให้ bitkub ในขณะเดียวกัน ในบอร์ดใหญ่ ก.ล.ต. นั้นมีตัวแทนจากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นตัวแทนปลัดกระทรวงพาณิชย์ออกมาปกป้อง ไม่ให้เล่นงาน bitkub โอ้โห อิทธิพลนายท๊อป จิรายุส ผมไม่รู้ว่าเข้าไปถึงกระทรวงพาณิชย์ได้อย่างไร ผมไม่รู้จะเกี่ยวข้องสนิทสนมกับรัฐมนตรีในนั้นหรือเปล่า ผมก็ไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือ ตัวแทนปลัดกระทรวงพาณิชย์ออกอาการชัดเจนว่า ออกมาปกป้องนายท๊อป จิรายุส และ bitkub ท่านผู้ชมครับ จับตาดูตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ท่านนี้ วันหลังผมจะเอาชื่อ เอาตัวตนออกมาเปิดผย เอาสปอตไลต์จับคนๆ นี้ให้ท่านผู้ชมดู
ท่านผู้ชมครับ วันนี้ก็มีเพียงแค่นี้เอง รายการวันนี้ค่อนข้างยาวหน่อย ประมาณสองชั่วโมงกว่า แต่ว่าทุกคำพูด ทุกตอน ล้วนแล้วแต่มีสาระและมีข้อคิดให้ท่านผู้ชมเอาไปคิด เรามาพบกันอาทิตย์หน้า ซึ่งแน่นอนที่สุด ก็ยังคงเข้มข้นเหมือนเดิม สวัสดีครับ