xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : "ชูวิทย์" ปะทะ "สันธนะ" ศึกลากไส้ ไล่ล่าทุนจีนสีเทา - เปิดประวัติ “ตู้ห่าว” ความสัมพันธ์อันสนิทแนบแน่นกับบิ๊กการเมืองและบิ๊กตำรวจไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 11 พ.ย.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ได้แก่

- เบื้องหลังคนไทยได้ดู "บอลโลก 2022" เตะหมูเข้าปากหมา?
- เลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ สังคมมะกันร้าวลึกโลกปั่นป่วน
- เปิดประวัติ “ตู้ห่าว” และความสัมพันธ์อันสนิทแนบแน่น กับบิ๊กการเมืองและบิ๊กตำรวจไทย
- อดีต ปัจจุบัน เปิดเส้นทาง "ผับจีนค้ายา"
- "ชูวิทย์" ปะทะ "สันธนะ" ศึกลากไส้ ไล่ล่าทุนจีนสีเทา

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.163



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 163 [11 พ.ย. 65] : จัดเต็มคาราเบล ฉีกหน้ากาก ทุนมาเฟีย-ผับค้ายาจีน

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 วันนี้เรามีอะไรหลายอย่างที่จะต้องมาอัปเดตกันนิดหนึ่ง อันแรกที่จำเป็นต้องพูดก็คือ เหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" เราได้ทำพิธีพุทธาภิเษก ถวายเงินให้วัดไปแล้ว ท่านผู้ชมครับ ในขณะนี้คณะทำงานกำลังทยอยจัดส่งเหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" เพื่อบูชาครู "ขรัวพ่อฉิมเทวดา" และ ท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งได้ทำพิธีเทวภิเษก และพุทธาภิเษก เมื่อคืนวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 เรียบร้อยแล้ว ที่อุโบสถวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ที่ไม่เคยให้ใครได้รับอนุญาตไปทำพิธีพุทธาภิเษกมาก่อน เหรียญนี้เป็นเหรียญแรก ท่านเจ้าอาวาสเมตตามาก ให้เอาเหรียญนี้ไปทำ


ทุกท่านที่เช่าบูชาเหรียญ ที่ได้รับไป จะได้รับ หนึ่ง เหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" 1 เหรียญ ที่พุทธาภิเษกไปแล้ว สอง หนังสือบูชาครู สำคัญมากครับ เพราะว่าในนี้มีเหตุปัจจัยและธรรมะจัดสรรที่น่าอัศจรรย์ทำให้ได้มาทำเหรียญ ตลอดจนบันทึกรายละเอียดของมวลสารทุกชิ้น สาม "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ที่ผ่านพิธีพุทธาภิเษกมาแล้ว เหรียญละ 1 ซอง เมื่อได้รับแล้วท่านผู้ชมผสมน้ำร้อนรับประทานเลย เพื่อเป็นสิริมงคล อย่าเก็บเอาไว้บูชา ทานไปเลยนะครับ


ส่วน "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ผมขอย้ำอีกทีนะครับ ว่าสามารถทานต่อเนื่องได้ ถึงแม้ว่าผมจะทานครบ 9 เดือนแล้ว ผมไม่รู้ว่าใครไปเอาหลักการ 9 เดือนมา ทานต่อได้ ผมทานมาตั้งสองปีแล้ว ไม่เคยหยุดเลยแม้แต่วันเดียว ผมไปทอดกฐินที่ต่างจังหวัด ผมก็พกยาลมไปด้วย พอถึงช่วงบ่ายผมก็หาที่มีน้ำร้อนแล้วก็ชงรับประทาน

กลับมาที่การทำเหรียญครั้งนี้ ที่มีความบังเอิญที่ไม่บังเอิญ หรือที่ผมเรียกว่า "ธรรมะจัดสรร" คือระหว่างทำบล็อกเหรียญขึ้นมา ปรากฏว่าวันที่ 5 มิถุนายน 2565 เกิดไฟไหม้หลังอุโบสถที่วัดชัยชนะสงคราม แม้เป็นข่าวทั่วไป ระบุว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเมื่อดูจากกล้องวงจรปิด ปรากฏว่าเกิดไฟลุกขึ้นมาเอง โดยไม่ได้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ตำรวจก็เลยสันนิษฐานเอาว่าน่าจะเกิดเหตุจุดรวมแสงจากพระอาทิตย์ส่องแผ่นกระจกที่ประดับอยู่ แต่ผมและอาจารย์ปานเทพ มีความเห็นว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะถ้าไฟไหม้เพราะจุดรวมแสง ก็ควรจะเกิดเหตุไฟไหม้มาก่อนหน้านั้นบ้าง ในรอบ 174 ปี นับตั้งแต่การก่อตั้งวัดชัยชนะสงคราม


ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผมและอาจารย์ปานเทพ จึงเหมือนถูกเตือนสติให้จัดทำเหรียญเพื่อทำบุญใหญ่ ไม่ใช่เพียงแค่บูรณะปฏิสังขรณ์บำรุงพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ต้องอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายด้วย

ทุกบาททุกสตางค์ที่ท่านผู้ชมได้เช่าบูชาเหรียญฯ ได้นำเงินจากการนี้ไปทำบุญตามวัดต่างๆ ทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

ท่านผู้ชมครับ เหรียญฯ เหลืออีกไม่มาก เราจะปิดรับการเช่าเหรียญฯ เพื่อทำบุญกุศลรอบนี้วันสุดท้ายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งถ้าหากเหรียญฯ หมดก่อนวันที่ 30 พฤศจิกายน ก็จะปิดการเช่าทันที


สำหรับท่านผู้ชมที่อยากร่วมทำบุญเพิ่มเติม และจองเหรียญฯ ยังพอสั่งได้ เหลือจำนวนไม่มากจริงๆ ครับ เหรียญละ 2 พันบาท ให้เข้าไปจองได้ในไลน์ (LINE) เพิ่มเพื่อนคำว่า @tambun โดยโอนเงินเข้าไปที่ มูลนิธิ ไชย้ง ลิ้มทองกุล ธนาคารกสิกรไทย เลขบัญชี 008-2-78777-1 แล้วแนบสลิปโอนเงิน พร้อมชื่อ-สกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ สำหรับจัดส่ง โดยจัดส่งให้ฟรี

ผมขออนุญาตเล่าเรื่องเหตุอัศจรรย์ในวันพุทธาภิเษกที่วัดมหาธาตุฯ ทุกท่านที่ได้เช่าเหรียญนี้ ได้อนุโมทนาบุญในวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา อาจารย์ปานเทพได้เป็นตัวแทนพวกเราไปร่วมทำบุญถวายเพลโต๊ะจีนพระสงฆ์ทุกรูป วัดมหาธาตุฯ ทั้งวัด ต่อมาเวลา 17.00 น. ของวันที่ 3 ก็มีพิธีพราหมณ์ด้านนอกอุโบสถ หันหน้าไปทางพระมณฑปที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ท่านผู้ชมเชื่อไหม เวลาที่ทำพิธี นกบินขึ้น-ลง รอบพิธี แล้วนกทุกประเภท สารพัดนก บินวนรอบศีรษะอาจารย์ปานเทพ ประหนึ่งว่าเทวดาและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้รับรู้แล้ว


พอถึงเวลาหนึ่งทุ่ม ก็เริ่มพิธีสดัปกรณ์ หรือบังสุกุล ให้กับเจ้านายและแม่ทัพที่กอบกู้ชาติบ้านเมือง ขรัวพ่อฉิมเทวดา รวมทั้งอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายด้วย นอกจากนั้นแล้ว พระสงฆ์ยังได้ทำพิธีพุทธาภิเษก ที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง มีบทสวดมหาสมัยสูตร ซึ่งเป็นบทสวดชุมนุมเทวดาที่ยาวที่สุด เพราะกล่าวถึงเทวดาถึง 10 โลกธาตุ เป็นบทสวดยาวตามพระไตรปิฎก คือต้องสวดบทเดียวกว่าชั่วโมงครึ่ง


การสวดครั้งนี้เต็มไปด้วยพระสงฆ์ที่มีอายุยืนมากเมตตามานั่งปรกให้ มีท่านเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุฯ พระพรหมวชิราธิบดี อายุ 93 ปี พระเทพรัตนากร เจ้าอาวาสวัดเทพลีลา ซึ่งเป็นวัดที่ท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชา สร้างขึ้น พระราชอุดมมงคล อายุ 105 ปี วัดภคินีนาถ ซึ่งเป็นวัดขอบสุดของวังหน้า พระราชสุวรรณเมธี วัดสุวรรณคีรี ซึ่งเป็นวัดสายหลวงปู่ศุข วัดคลองมะขามเฒ่า พระมหาด็อกเตอร์ณัฐพงษ์ นาคถ้ำ วัดชำนิหัตถาการ ครูบาอาจารย์ผู้ให้ฤกษ์อัศจรรย์ในการทำเหรียญ


หลังจากนั้นแล้ว ผมได้เป็นตัวแทนพวกเราถวายเงินให้ท่านเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุฯ พระพรหมวชิราธิบดี จำนวน 1 ล้านบาท ซึ่งท่านก็แจ้งว่าจะนำเงินนี้ไปสร้างสถานวิปัสนากรรมฐานปฏิบัติธรรม ในที่ดินซึ่งทางวัดมีอยู่แล้ว ที่ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี

หลังเสร็จพิธีแล้ว ขากลับผมได้ไปกราบที่เท้ารูปหล่อของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท หรือ วังหน้า ท่านผู้ชมเชื่อไหม ผมรับรู้ถึงพลังบางอย่าง ท่านอยู่ที่นั่น ผมขนลุกซู่ทั้งตัว ประหนึ่งว่าการทำบุญครั้งนี้ได้บรรลุเป้าหมายของการทำบุญสายวังหน้าอย่างแท้จริง


วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน คือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 คือวันลอยกระทง อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และคุณสุวิชชา เพียราษฎร์ ประธานมูลนิธิ ไชย้ง ลิ้มทองกุล ได้เป็นตัวแทนเราไปทำพิธีถวายสังฆทาน บังสุกุลให้กับขรัวพ่อฉิมเทวดา และเจ้าพระยาบดินทรเดชา ที่วัดชัยชนะสงคราม ถวายเงินให้กับวัดชัยชนะสงครามไป 4 ล้านบาท ซึ่งทราบมาทีหลังว่างบประมาณซ่อมจากเหตุไฟไหม้ โดยการซ่อมภายนอกพระอุโบสถ ใช้เงินประมาณ 6 ล้านบาท ยังไม่นับการซ่อมจิตรกรรมฝาผนังภายในอีก แต่ทางวัดได้เงินจากการทำบุญและกฐินมาแล้วจำนวน 4 ล้านบาท เมื่อพวกเราเช่าเหรียญไปเติมอีก 4 ล้านบาท ก็เลยมีงบประมาณทั้งหมด 8 ล้านบาท ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่า เพียงพอจะซ่อมอุโบสถทั้งภายนอกและภายในอย่างแน่นอน การทำบุญครั้งนี้จึงเป็นการโปะเงินให้จนจบการซ่อมได้ ท่านผู้ชมครับ ขอให้พวกเราร่วมอนุโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วย


ส่วนวัดสุดท้ายที่พวกเราจะไปถวายเงินให้ คือ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ที่ได้มอบมวลสารสำคัญมากๆ ในการทำเหรียญฯ มาให้ รวมการทำบุญของพวกเราครั้งนี้ เฉพาะเรื่องพระ รวมทั้งสิ้น 34 ล้านบาทแล้ว ขอย้ำอีกทีนะครับท่านผู้ชม เราจะปิดรับการเช่าเหรียญฯ เพื่อทำบุญกุศลรอบนี้ วันสุดท้ายคือวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 เหรียญฯ มีไม่มากจริงๆ ครับ ใครอยากจะได้ ขอให้รีบจองเข้ามา

ท่านผู้ชมครับ ขออนุญาตขายของสักหน่อย จริงๆ ของที่จะขายนี้ไม่ใช่ของใหม่ ถ้าท่านผู้ชมดูรายการนี้มานานแล้ว ท่านผู้ชมรู้ว่าของที่ผมเอาเข้ามาขายให้ ที่ขายอยู่ประจำจะมี 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ เครื่องฟอกอากาศ เรื่องที่สอง คือ เครื่องทำน้ำด่าง แต่ไหนแต่ไรมาก็พูดเรื่องนี้มาตลอด


ตอนนี้เรามีเครื่องทำน้ำด่างของ ManNature ออกรุ่นใหม่มา ตัวเล็กกว่าเดิม ประสิทธิภาพดีมาก ราคาถูกลง ใช้งานง่ายด้วยระบบสัมผัส มีถึง 5 ฟังก์ชันในการใช้งาน คือ กด "อัลคาไลน์ 1" สำหรับผู้เริ่มทาน ตรงนี้จะได้ค่า pH ความเป็นด่างประมาณ 7 กว่าๆ สอง "กดอัลคาไลน์ 2" เหมาะกับท่านที่ทานประจำ ค่า pH จะอยู่ที่ 8.5-9 ซึ่งเป็นน้ำที่มีค่าความเป็นด่างที่ดี สาม กด "อัลคาไลน์ 3" ค่า pH จะอยู่ที่ 11 ตรงนี้เอาไว้ล้างผัก ผลไม้ เพื่อล้างสารเคมี ยาฆ่าแมลง หรือนำไปล้างเนื้อสัตว์ อาหารทะเล เพื่อล้างพวกฟอร์มาลีน ปุ่ม "ACID" เป็นน้ำกรดอ่อนๆ เหมาะสำหรับเอามาล้างชาม ช้างภาชนะเพื่อฆ่าเชื้อ ล้างหน้า ใครเป็นผด ผื่น สิว ล้างประจำจะช่วยได้ ส่วนปุ่มสุดท้าย คือ "Purify" เป็นน้ำกรอง สะอาด พร้อมดื่ม หากวันไหนต้องการน้ำสะอาด เครื่องนี้ก็ทำได้ สุดยอด ท่านผู้ชมอย่าพลาดสิ่งนี้


ส่วนเครื่องฟอกอากาศ ตอนนี้พอโควิดหมดไปแล้ว ฝุ่น PM 2.5 กลับมาแล้ว เครื่องฟอกอากาศตอนนี้เราลดราคาลง ในขณะที่ประสิทธิภาพการกรองละเอียดขึ้นกว่าเดิมหลายสิบเท่า ถ้าอยากเห็นเครื่องฟอกอากาศ ผมตั้งเอาไว้ข้างๆ ตัวนี่ สั้นมากนะครับ ดูความสูง ความกว้าง เหมาะสมมาก ตอนนี้มีโปรโมชันพิเศษสองต่อ ทั้งเครื่องฟอกอากาศ และ เครื่องทำน้ำด่าง เครื่องทำน้ำด่างเครื่องเก่าที่ท่านผู้ชมมีอยู่ ถ้ายังใช้ได้อยู่ ไม่ต้องซื้อใหม่ ใช้อันเก่าไปเลย แต่ถ้าท่านคิดว่าท่านอยากจะใช้ของใหม่ หรือน่าจะเปลี่ยนใหม่ได้แล้ว เพราะใช้มาสิบกว่าปีแล้ว เอาเครื่องทำน้ำด่างเครื่องเก่ามาแลกเครื่องใหม่ ปกติแล้วราคา 25,000 บาท ลดให้เหลือแค่ 17,000 บาท ลดไป 8,000 บาท


ยังไม่พอ! ถ้าซื้อเครื่องทำน้ำด่างแล้ว สามารถเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ PCO ในราคา 14,990 บาท จากราคาปกติ 19,990 บาท จากวันนี้ ถึงสิ้นเดือนนี้เท่านั้น ถ้าท่านสนใจรายละเอียด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือโทรสั่งซื้อได้ที่คอลเซ็นเตอร์ 02-633-5353 ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. ทุกวัน



ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้จะมีเรื่องหลายเรื่อง เรื่องแรก คือ เรื่องที่ฮอตพอสมควรสำหรับท่านผู้ชมบางท่านที่สนใจในเรื่องบอลโลก คือผมจะเอาเบื้องหลังลิขสิทธิ์บอลโลก 2022 มาเล่าให้ฟังว่างานนี้เป็นการเตะหมูเข้าปากหมาหรือเปล่า ท่านผู้ชมลองฟังดู แล้วท่านผู้ชมก็จะรู้สึกเศร้าโศกสลดกับพวกนักการเมืองทั้งหลาย และผู้มีอำนาจทั้งหลาย ว่า แม้กระทั่งเงินซื้อลิขสิทธิ์บอลโลกก็ยังแ _ กกันอยู่ ตามมาครับ ไม่มีใครพูดเรื่องนี้ ผมจะพูด เปิดเบื้องหน้าเบื้องหลังให้ฟังอย่างจะๆ เลย

เรื่องที่สอง ผลเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐอเมริกา ตอนนี้ได้ออกมาเป็นภาพที่ค่อนข้างชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาคองเกรส หรือสภาล่าง ซึ่งค่อนข้างจะแน่นอนแล้วว่าพรรครีพับลิกันชนะ เหลือแต่สภาบน หรือวุฒิสภา (Senate) ซึ่งกำลังหายใจรดต้นคอกันอยู่ การเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ สังคมอเมริกันร้าวลึกมาก โลกปั่นป่วน

เรื่องที่สาม เป็นการต่อยอดจากเรื่องอาทิตย์ที่แล้ว เบื้องลึกทลายแก๊ง "ตู้ ห่าว" ที่เขายึดทรัพย์มา 150 ล้านบาท ผมมีข้อมูล รายละเอียดที่ลึกมาก สะท้อนความอัปยศของตำรวจและนักการเมืองไทย

เรื่องที่สี่ เป็นเรื่องเอ็กซ์คลูซีฟจริงๆ ไม่มีใครมีหรอกครับ มีอยู่ที่เดียว คือ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" และมีคนกล้าพูดอยู่คนเดียว คือ ผม สนธิ ลิ้มทองกุล ผมจะเปิดประวัติ ตู้ ห่าว กับเครือข่ายบิ๊กการเมืองและตำรวจไทย มีใครบ้าง ที่รู้จักกันดี ถ่ายรูปกันอย่างเต็มที่ อวดทุกอย่าง ว่าตัวเองมีอำนาจ มีบารมี

แล้วอีกเรื่องหนึ่งต่อจากเรื่องเอ็กซ์คลูซีฟวันนี้ ท่านผู้ชมหลายๆ ท่านอายุยังไม่มากเท่าผม ท่านไม่รู้หรอกว่าอดีต ปัจจุบัน ของผับจีนที่ค้ายานั้น มีเส้นทางมาอย่างไรบ้าง ยาวนานพอสมควร ผมจะเล่าที่มาที่ไป เรียกได้ว่าฟังเรื่องนี้แล้ว เข้าใจป่าทั้งป่าเลย

แล้วตบท้ายด้วย คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และ คุณสันธนะ ประยูรรัตน์ ที่ปะฉะดะกัน กลายเป็นไวรัลร่อนอยู่ใน TikTok ในโซเชียลมีเดีย ศึกลากไส้ไล่ล่าทุนจีนสีเทา มันจะเป็นอย่างไร ท่านผู้ชมฟังดูก็แล้วกัน สนุกสนาน งานนี้ ได้ความรู้ รู้ถึงตำนานของบ่อนอัปยาของชาวจีนที่มาตั้ง ใครเข้ามาคนแรก ชื่ออะไร มีอะไรบ้าง แล้วใครเอามาต่อเนื่อง ทำกันอย่างไร

อีกไม่กี่วันข้างหน้า การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ จะเริ่มขึ้นแล้ว วันที่ 20 พฤศจิกายน ถึง 18 ธันวาคม ประเด็นที่ทุกคนสงสัยว่าปีนี้คนไทยจะได้ดูถ่ายทอดสดฟุตบอลไหม


ตามข่าวที่ผมติดตามมา ไทยเป็นชาติสุดท้ายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ยังไม่ได้ซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกครั้งนี้ เพื่อนบ้านแต่ละคน ลาว พม่า ได้รับลิขสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ผู้ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดของลาว คือ Satellite Co., Ltd-Laos ส่วนของพม่า คือ SKY NET ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดครบทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ต

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ที่อาเซียนซื้อลุล่วงเรียบร้อยแล้ว ในจำนวนนี้ที่มีการเปิดเผย เนื่องจากเป็นการซื้อลิขสิทธิ์โดยสถานีโทรทัศน์ของรัฐ คือ มาเลเซีย เวียดนาม และ กัมพูชา เวียดนาม VTV ซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2022 เป็นเงิน 14 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 532 ล้านบาท มาเลเซีย ซื้อลิขสิทธิ์ประมาณ 261.50 ล้านบาท ฟิลิปปินส์ ถ่ายทอดสดผ่านทาง TAP ด้วยระบบ Pay-Per-View (PPV) ก็คือใครจะดูต้องจ่ายประมาณ 1,999 เปโซ ค่าลิขสิทธิ์ก็เลยแพง อยู่ที่ 1,306 บาท ส่วนที่สิงคโปร์นั้น StarHub, Singtel และ Mediacorp ซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลในราคา 948 ล้านบาท และเขาบริการสตรีมมิง 98 ดอลลาร์สิงโปร์ หรือประมาณ 2,636 บาท ต่อ 64 แมตช์ ถ่ายทอดสดแบบฟรีทูแอร์ (Free To Air) ใน 9 แมตช์

เท่ากับว่าตอนนี้ชาติอาเซียนทั้ง 11 ชาติ เหลือแค่ประเทศไทยชาติเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ได้ลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2022


เรื่องนี้ ตอนนี้กำลังถกเถียงกันในหลักการของ กสทช. และการท่องเที่ยว อ้างหลักกฎ Must Have ทำให้ฟีฟ่าโก่งราคาสูงถึง 1,500 ล้านบาท ค่าลิขสิทธิ์ เนื่องจากทางเอเชียนฟีฟ่ารู้ว่าบ้านเรามีกฎหรือกติกาในเรื่อง Must Have ทำให้การซื้อลิขสิทธิ์แบบนี้เรียกราคาค่อนข้างสูง คือ ค่าลิขสิทธิ์ 1,364 ล้านบาท เมื่อรวมภาษี ค่าโอน ก็จะเพิ่มเป็น 42 ล้านเหรียญ คือ 1,591 ล้านบาท ท่านผู้ชมครับ จำตัวเลข 36 ล้านเหรียญ 1,360 ล้านบาท กับ 42 ล้านเหรียญ หรือ 1,591 ล้านบาท เอาไว้นะครับ ส่วนต่างจะมีอยู่ประมาณ 6 ล้านเหรียญ หรือ 231 ล้านบาท

ที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ผมกระโดดข้ามเรื่องการถกเถียงเรื่อง Must Have ของกองทุน กทปส. หรือมีความไม่พอใจของกรรมการ กสทช. บางคนออกมาโวยวาย สรุปง่ายๆ ก็คือว่า เบื้องหลังจริงๆ ก็คือ รัฐบาลสั่งให้กองทุน กทปส. เอาเงิน 600 ล้านบาท ไปสนับสนุนซื้อลิขสิทธิ์ ซึ่งนักวิชาการบางคนกระแนะกระแหนว่าให้เปลี่ยนกองทุน กทปส. เป็น "กองทุน ป. สั่ง"


อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเชิงลึกของผม งานนี้คืองานเตะหมูเข้าปากหมา เวลามีมหกรรมฟุตบอลใหญ่ๆ อย่างนี้ สมาคมฟุตบอลจะออกหน้า กระตือรือร้น แน่นอน เพราะฟุตบอลเป็นกีฬายอดนิยมอันดับต้นๆ ซึ่งปกติสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยก็จะจัดดีลโดยตรงกับฟีฟ่า ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ แล้วที่ผ่านมา เวลาดีลราคาก็จะสมเหตุสมผล โดยเป็นเรื่องปกติที่มีการกินค่าหัวคิว กินคอมมิชชัน กินตามน้ำบ้าง ค่าลิขสิทธิ์กี่ร้อยล้าน ก็ได้เปอร์เซ็นต์กันไป 3 เปอร์เซ็นต์ 5 เปอร์เซ็นต์ นี่ผมแค่ยกตัวอย่างนะ ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนี้ตลอดไป

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้มีความผิดปกติ และผิดแผกแตกต่างออกไป พอใกล้วาระของการเลือกตั้งทั่วไป เริ่มมีธงของฝ่ายการเมืองมาว่า เฮ้ย! สมาคมฟุตบอลอยู่เฉยๆ นะ ไม่ต้องรีบซื้อ ส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก็อยู่เฉยๆ เอาไว้ เนื่องจากมีธงตั้งเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าให้ซื้อลิขสิทธิ์ในราคาแพงๆ เอาไว้ จะได้กินค่าหัวคิวเยอะๆ หน่อย

ทีนี้ ก่อนที่จะเตรียมการซื้อลิขสิทธิ์ที่บริษัทเอกชนรับหน้าที่สืบราคาจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เขาไปสืบราคามาว่า สิงคโปร์ซื้อลิขสิทธิ์และภาษีมาได้ 950 ล้านบาท เขาก็ไปติดต่อในราคานี้ แต่พอกลับมาถึงเมืองไทย เสนอไปยังผู้มีอำนาจ กลับไม่อยากได้ในราคาถูกๆ อยากได้ราคาแพงๆ คือเขาตั้งราคาไว้แล้ว ฝ่ายการเมืองเขาตั้งไว้แล้วว่าต้อง 42 ล้านเหรียญ นะ เกือบ 1,600 ล้านบาท ฟังแล้วน่าสมเพช เพียงเพื่อจุดประสงค์ข้อเดียว คือ ได้กินส่วนต่างเยอะๆ ทำให้ไปๆ มาๆ อาจกล่าวได้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ติดอันดับซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ครั้งนี้ ในราคาที่แพงที่สุดในโลก ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมว่านี่เป็นตลกร้ายของประชาชนหรือเปล่า ที่ผมอยากเล่าให้ฟัง


มีคนเอามาเสนอว่า เขาพร้อมแล้วที่จะซื้อลิขสิทธิ์นี้มาจากสิงคโปร์ สิงคโปร์จ่ายไปแล้ว 25 ล้านเหรียญสหรัฐ เราจ่ายราคานี้ เขายินดีจ่าย ปรากฏว่าทางฝ่ายการเมืองฟันธง ไล่คนที่ติดต่อมา ซึ่งเป็นคนของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บอกว่า คุณเป็นใคร 25 ล้านได้อย่างไร ราคาที่พวกผมตั้งไว้คือ 42 ล้านเหรียญ

ทีนี้ ถ้ามันต้องจ่าย 25 ล้านเหรียญ จริง แล้วส่วนต่างระหว่าง 42 กับ 25 ล้านเหรียญ มันเป็นส่วนต่างถึง 17 ล้านเหรียญ ท่านผู้ชมครับ 17 ล้านเหรียญ เอา 48 คูณเข้าไป ได้เท่าไร ? 5-6 ร้อยล้านบาท แล้ว 5-6 ร้อยล้านบาท เอามาจากไหน ? ผมคิดว่าเงินของ กสทช. คือเงินที่จ่ายให้กับฟีฟ่า ซึ่งก็คงจะซื้อในราคา 25 ล้านเหรียญ แต่ราคาที่เพิ่มขึ้น บวกค่าโน่นค่านี่ ค่าบริหารจัดการ ค่าคอมมิชชัน ค่าโน่นค่านี่ เอาเงินที่ไหนจ่าย ? ก็เป็นเงินจากเอกชนนี่ล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็น ปตท. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ เบียร์ช้าง โน่นนี่นั่น ที่ลงขันกันเพื่อให้คนไทยได้ดู และเงินก้อนนี้ ผมอยากจะรู้เหมือนกันว่า เวลาเขาจ่ายเงิน เขาจ่ายให้ใคร ? เป็นไปได้ไหมที่จะมีบริษัทๆ หนึ่งมาตั้งเพื่อรับเงินของเอกชนเข้ามา ส่วนเงินค่าลิขสิทธิ์นั้น ก็ใช้เงินทางรัฐบาลจ่ายออกไป ส่วนเงินที่เข้าบริษัทมา นั่นคือเงินที่เอามาแบ่งกัน นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง

ท่านผู้ชมครับ ดูบอลให้สนุกนะครับ ถึงแม้มันจะมีตลกร้ายอย่างนี้ ช่างหัวมัน นี่คือประเทศไทย ที่นี่ประเทศไทยครับ


ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่ผมจะพูดเรื่องรายละเอียดและประเด็นของการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ผมอยากจะเอาคำให้สัมภาษณ์ของอดีตหัวหน้าพรรครีพับลิกัน ชื่อ ไมเคิล สตีล (Michael Steele) ซึ่งเขาออกความเห็นให้กับสถานีโทรทัศน์ช่อง ABC News เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐอเมริกา เขาพูดอย่างนี้ครับ (ขออนุญาตอ่านภาษาอังกฤษนะครับ แล้วจะแปลเป็นไทยให้ฟัง)

"At the end of the day it doesn’t matter: one chamber, two chambers, if Republicans have control, the next 18 to 24 months in this country are going to be a new political hellscape unlike anything we’ve seen ever." คำแปลคือ "สุดท้ายแล้วรีพับลิกันจะได้กุมสภาเดียวหรือสองสภาก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ อีก 18-24 เดือนข้างหน้า ประเทศนี้จะกลายเป็นนรกทางการเมืองครั้งใหม่ชนิดที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน"

ท่านผู้ชมครับ ประชาธิปไตยอเมริกาเวลานี้ คือประชาธิปไตยของเจ้าของประเทศที่ชอบอวดอ้างว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตยและต้องการให้ทุกคนเป็นประชาธิปไตยตามตัวเอง ประชาธิปไตยอเมริกาวันนี้กำลังโซซัดโซเซอยู่ริมปากเหว เพราะฝ่ายค้านเอาคืน ไล่จิกกัดฝ่ายรัฐบาลไบเดน ที่กลายเป็นรัฐบาลเป็ดง่อย เสียงข้างน้อย

เสียงพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งกลางเทอมนี้ กลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร โดยผลเลือกตั้งปรากฏว่า ทางพรรครีพับลิกันนั้นมีคะแนนเสียงเข้ามาได้ 207 เดโมแครต 187 ก็ค่อนข้างจะแน่นอนแล้วว่ารีพับลิกันได้ครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรส ส่วนในวุฒิสภา หรือสภา Senate นั้น พรรคเดโมแครตได้ 48 เสียง รีพับลิกันได้ 49 เสียง คือพูดง่ายๆ ว่า ยังหายใจรดต้นคอกันอยู่ แต่ถึงแม้รีพับลิกันจะไม่ชนะใน Senate แต่แค่คุมเสียงสภาล่างได้ โจ ไบเดน ก็เป็นเป็ดง่อยไปเรียบร้อยแล้ว


ท่านผู้ชมครับ การเลือกตั้ง ส.ส. ในสภาผู้แทนราษฎร คือ คองเกรส พรรคเดโมแครตได้เสียง 184 ที่นั่ง หากได้รับเลือกเป็น ส.ส. เสียงข้างมากในสภา จำนวน 218 ที่นั่ง จากจำนวนทั้งหมด 435 ที่นั่ง แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว ก็หมายความว่ารีพับลิกันได้แน่นอน เป็นผู้ครองรัฐ

ในระดับผู้ว่าการรัฐของพรรครีพับลิกัน ได้มากกว่าเดโมแครต 3 ที่นั่ง สรุปภาพรวม จากการเลือกตั้งเมื่อปี 2563 ที่เดโมแครตเคยคุมได้ทั้ง 3 สถาบัน คือ สภาผู้แทนราษฎร (คองเกรส) วุฒิสภา (Senate) และทำเนียบขาว ตอนนี้สูญเสียไปแล้ว คือ สภาผู้แทนราษฎร (คองเกรส) ซึ่งอาจจะรวมถึงวุฒิสภาด้วย ก็จะเหลือแค่ฝ่ายบริหารเท่านั้น


ปัจจัยของชัยชนะของพรรครีพับลิกันในศึกเลือกตั้งกลางเทอมนี้ เป็นผลมาจากความตกต่ำของคะแนนสนับสนุนไบเดน เคยดิ่งฮวบลงไปถึง 36 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ ในช่วงพฤษภาคม-มิถุนายน ปีนี้ เพราะวิกฤตเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ตอนนี้ รองลงมาคือ ปัญหาอาชญากรรม และการยกเลิกสิทธิการทำแท้ง หลังจากที่ศาลสูงสุดสหรัฐฯ ได้มีคำวินิจฉัยว่า คำตัดสินศาลที่เคยคุ้มครองสิทธิผู้หญิงในการทำแท้งนั้นไม่มีแล้ว นี่คือความล้มเหลวของพรรคเดโมแครตในการปกป้องนโยบายเศรษฐกิจและสิทธิในการทำแท้ง รวมทั้ง อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของเทสลา และทวิตเตอร์ ได้ทวีตแสดงจุดยืนสนับสนุนพรรครีพับลิกันก่อนเปิดหีบเลือกตั้ง 11 ชั่วโมง คือขอให้เลือกรีพับลิกัน


โค้งสุดท้ายที่รัฐแมริแลนด์ ในการหาเสียง นายโจ ไบเดน ชี้ว่า ประชาธิปไตยอเมริกานั้นตกอยู่ในอันตราย และโจมตีกลุ่มหัวรุนแรงที่สนับสนุนทรัมป์ โดยไบเดน เรียกกลุ่มพวกนี้ว่า Ultra-MAGA ที่ชอบชูคำขวัญว่า Make America Great Again และไบเดน ได้อ้างถึงเหตุรุนแรงที่ทำร้ายสามีของนางแนนซี เพโลซี ที่บ้านพักในซานฟรานซิสโก เพราะเชื่ออย่างผิดๆ ว่า ทรัมป์ ถูกขโมยผลการเลือกตั้ง ไบเดนได้ผูกความรุนแรงและอำนาจนิยมของทรัมป์และพรรคคู่แข่งเพื่อหาเสียงในเชิง "ไม่เลือกเรา เขามาแน่"

ผลการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ส่งผลอะไรบ้าง ? ท่านผู้ชมครับ นี่คือการเลือกตั้งครั้งแรกในอเมริกานับตั้งแต่ยุคสิ้นสุดวิกฤตโควิด-19 และเหตุการณ์จลาจลโจมตีอาคารรัฐสภาอเมริกาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 ที่สะท้อนฉากการเมืองที่แบ่งขั้วชัดเจนของชาวอเมริกัน และความไม่แน่นอนของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดังนั้น พรรครีพับลิกันที่เข้ามาควบคุมสภาล่างและวุฒิสภา ไม่ได้หมายความว่าความนิยมของทรัมป์จะเพิ่มขึ้น และสามารถจะกลับมาในปี 2567 ได้

อย่างไรก็ตาม แม้รีพับลิกันจะได้ครองสภาเดียว คือสภาคองเกรส มันก็มากพอที่จะทำให้แผนการของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่เป็นไปตามที่หวัง จะกลายเป็นรัฐบาลเป็ดง่อย การเมืองภายในที่รุนแรงจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในการเมืองสงครามระดับโลกที่หวิดๆ จะเป็นสงครามนิวเคลียร์ยิ่งขึ้น

ข้อที่สอง อเมริกายังคงให้ความช่วยเหลือยูเครนทำสงครามกับรัสเซียอย่างไม่มีข้อจำกัดอีกหรือเปล่า รีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมากในสภาล่าง สภาสูง โอกาสที่ตัวตลกเซเลนสกีของยูเครน ที่เป็นหุ่นเชิดของอเมริกา จะไม่ได้รับเงินช่วยเหลืออีกต่อไปแม้แต่เพนนีเดียว เพราะว่านางมาร์จอรี เทย์เลอร์ กรีน (Marjorie Taylor Greene) นักการเมืองขวาสุดโต่งพรรครีพับลิกัน ได้หาเสียงในวันที่ 4 พฤศจิกายน ชูนโยบายว่า จะไม่ช่วยเงินยูเครนแม้แต่เซนต์เดียวไปทำสงคราม แต่จะนำเงินนั้นมาช่วยเหลือความทุกข์ยากของชาวอเมริกาในประเทศแทน


ซึ่งคำพูดนี้โดนใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลางเทอมชาวอเมริกาที่พากันไปหย่อนบัตรลงคะแนน ตัดสินฉันทามติไม่เห็นชอบให้รัฐบาลโจ ไบเดน ทุ่มทั้งอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ส่งเข้าไปทำสงครามกับรัสเซียต่อไป ให้พอแค่นี้

เพราะฉะนั้นแล้ว โอกาสที่จะเปลี่ยนฉากสงครามตามที่นางนาตาลี ท็อคซี (Nathalie Tocci) ผู้อำนวยการสถาบัน IAI หรือ The Institute of International Affairs ของอิตาลี ว่าไว้ ย่อมเป็นไปได้สูงว่าจะสิ้นสุด ยุติการสงครามสู้รบยูเครน-รัสเซีย ภายในเวลาไม่กี่เดือนนับจากนี้

ขณะเดียวกัน สงครามเทคโนโลยีที่รัฐบาลไบเดนเตะตัดขาจีน และกล่าวหาจีนเป็นภัยคุกคามทางเทคโนโลยี ก็ยังคงเดินหน้ากดดันจีนรุนแรงกว่ายุคทรัมป์ทำสงคราม

แผนการสู้โลกร้อนที่ตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจก 50 เปอร์เซ็นต์ ของไบเดน จะต้องมีอุปสรรคในสภา และพรรครีพับลิกันนั้นต่อต้านอยู่อย่างแน่นอนที่สุด

ไบเดนเองอาจจะถูกสภาคองเกรสสอบสวนในทุกเรื่อง ตั้งแต่การถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน นโยบายปล่อยผู้อพยพเข้าเมืองสหรัฐฯ ของรัฐบาลไบเดน ตลอดจนข้อตกลงธุรกิจต่างประเทศของบุตรชายนายไบเดน คือ นายฮันเตอร์ ไบเดน ที่กำลังอยู่ภายใต้การตรวจสอบของรัฐบาลกลางถึงการที่เขานำเข้าบริษัทพลังงานเบอริสมา (Burisma) ในยูเครน เข้ามาร่วมในข้อตกลงกับจีนเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ


ท่านผู้ชมครับ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีกระบวนการถอดถอนไบเดน จากกรณีแล็ปท็อปอื้อฉาว ท่านผู้ชมจำได้ไหมเรื่องแล็ปท็อปอื้อฉาว ผมเป็นคนแรกในประเทศไทยที่มาเปิดเรื่องนี้ ปัญหาเสื่อมถอยอ่อนแอของไบเดนเอง ทั้งคะแนนนิยมและสุขภาพที่ย่ำแย่

ปัจจัยลบภายในอเมริการุมเร้าการเมืองสหรัฐฯ ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะเป็นเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา คืออะไรบ้าง ? ปัจจัยเรื่องปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอย คนเครียด เดือดร้อน ยากจนลงจากภาวะเงินเฟ้อระดับสูง ค่าครองชีพที่แพง ราคาพลังงานสูงขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับอาชญากรรม ความรุนแรง การเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย สิทธิในการทำแท้งกับการออกกฎหมายใหม่ การควบคุมอาวุธปืน ซึ่งในช่วงสองปีแรกของการเป็นประธานาธิบดี ไบเดนได้ผลักดันกฎหมายใหม่หลายฉบับ แต่อาจจะถูกหยุดยั้งโดยฝ่ายรีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร

ผมสรุปให้ท่านผู้ชมฟังอย่างนี้ดีกว่า ผลการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้จะส่งผลเสียให้ โจ ไบเดน ที่แพ้ยับเยิน ยิ่งไปกว่าผลของมันจะมีบทบาทสำคัญต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2567 โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอกาสที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับมาลงเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่งค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นแล้ว วันนี้การเมืองอเมริกาถึงทางตันที่ยังอยู่ในวังวนของ 2 พรรค และตัวเลือกประธานาธิบดีที่มีตาเฒ่า 2 คน ระหว่าง โจ ไบเดน (โจ ซึมเซา) กับ ทรัมป์บ้า


อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเมื่อเดือนตุลาคม เดือนที่แล้ว จัดทำโดยสำนักข่าว AP (Associate Press) Center for Public Affairs Research น่าสนใจมาก เขาค้นพบว่าคนอเมริกันยังไม่มั่นใจในระบอบประชาธิปไตยในอเมริกา มีเพียง 9 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเองที่บอกว่า ระบอบประชาธิปไตยทำงานได้ดีมาก หรือดีที่สุด อีก 52 เปอร์เซ็นต์ เกินครึ่ง บอกว่าทำงานได้ไม่ดี

ท่านผู้ชมครับ การเลือกตั้งกลางเทอมของอเมริกาจึงเป็นเพียงมายาคติประชาธิปไตยและพิธีการ ทำให้ประชาชนคิดว่าตัวเองมีส่วนร่วมทางการเมืองที่ดูผิวเผินว่าเป็นการแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย แต่ทุกวันนี้คนอเมริกาตกอยู่ในฝันร้ายซ้ำซากระดับชาติ ไม่มีจะกิน หวาดกลัว เงินเฟ้อ ความยากจน หิวโหย อาชญากรรมรุนแรง ยาเสพติด ปัญหาผู้อพยพ เหยียดผิว ความเสื่อมโทรมในเมือง เหมือนนรกบนดินนี่เอง

ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของอเมริกาครั้งนี้กร่อนเซาะอำนาจรัฐบาลโจ ไบเดน อีกทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ ก็มีความบาดหมางกับประธานาธิบดีเซเลนสกี แห่งยูเครน ที่สมัยเขายังเป็นผู้นำสหรัฐฯ ช่วงท้ายวาระเขาเคยเดินทางไปขอข้อมูลการทุจริตคอร์รัปชันของนายฮันเตอร์ ไบเดน ที่เป็นบุตรชายของโจ ไบเดน ซึ่งมีปมสินบนบริษัทพลังงาน Burisma แต่ผู้นำยูเครน คือนายเซเลนสกี ไม่ยอมให้ความร่วมมือ ในยุครัฐบาลทรัมป์ จึงยุติ ระงับเงินกู้ยูเครนจำนวนมาก และนี่คือโอกาสเช็กบิลที่นายทรัมป์เช็กบิลล้างรอยแค้นที่มีต่อผู้นำยูเครน ที่กำลังแบมือขู่ขอเงินสหรัฐฯ บ่อยครั้งจนไบเดนเองก็หงุดหงิดรำคาญใจ


อเมริกาส่งผู้เชี่ยวชาญทางการทหารของตนมาตรวจสอบปริมาณคงเหลืออาวุธต่างๆ ที่ส่งมาให้ยูเครนกู้ยืม พบว่าเหลือใช้งานได้จริงๆ แค่ราว 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น อีก 90 เปอร์เซ็นต์ ถูกกองทัพรัสเซียทำลาย หรือสูญหายไป โดยเฉพาะปืนไรเฟิล ท่านผู้ชมครับ ปืนไรเฟิลไปโผล่ผ่านท่าเรือในฟินแลนด์ เข้าสู่กลุ่มสีดำ กลุ่มนอกกฎหมาย และกระจายไปในตลาดมืด ย้อนกลับไปยังกลุ่มอิทธิพลสีเทาชาติต่างๆ ในทวีปยุโรปอีกที เพื่อก่ออาชญากรรมที่รุนแรงขึ้น

แม้แต่ฝั่งรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ชาติในสหภาพยุโรป (อียู) ก็ทนอึดต่อไปไม่ไหวแล้ว ตัดสินใจแยกแถวเป็นชาติแรกเงียบๆ มาตั้งแต่ปลายตุลาคม 2565 แล้ว โดยประกาศว่า เขาจะประกาศยกเลิกการคว่ำบาตรสินค้ารัสเซียกว่า 90 รายการ เพราะถ้าไม่มีสินค้ารัสเซีย เป็นพลังงาน และวัตถุดิบทางอุตสาหกรรม เนเธอร์แลนด์จะไม่มีโอกาสรอดจากการเป็นประเทศล้มละลาย เนเธอร์แลนด์เลยต้องตัดช่องน้อยเอาตัวรอดไปก่อนเพื่อน เพราะว่าถ้าประชาชนอยู่ไม่ได้ ประชาธิปไตยดีแค่ไหนก็ไร้ความหมาย และกำลังกลายเป็นต้นแบบให้ชาติอื่นในอียูเลียนแบบทำตามบ้าง หลายประเทศก็บอกว่าตนเองขาดพลังงานและสินค้าของรัสเซียไม่ได้ ยกตัวอย่าง อิตาลีระงับจัดส่งระบบต่อต้านอากาศยานให้ยูเครน สวิตเซอร์แลนด์ยืนยันว่าไม่อนุญาตให้เยอรมนีส่งกระสุนปืนของตนที่ใช้กับรถหุ้มเกราะส่งให้ยูเครน ถ้าเยอรมนีจะส่งแต่ปืนเปล่าๆ ให้ยูเครน ก็ส่งไป แต่ห้ามส่งกระสุนปืนของสวิตเซอร์แลนด์ให้เด็ดขาด และเยอรมนีไม่มีการผลิตกระสุนปืนรุ่นนี้เป็นของตัวเองสักลูกเดียว

ท่านผู้ชมครับ แม้กระทั่ง อีลอน มัสก์ ก็เกี่ยวข้องด้วย ระบบดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) ของอีลอน มัสก์ ที่เหลือใช้ระบบเดียวในยูเครน ได้หยุดการทำงานระบบสื่อสารทางโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตไปแล้วอีกครั้ง โดยไม่ทราบสาเหตุของการขัดข้อง ส่วนเงินทุนและอาวุธที่สหรัฐฯ นั้น หลังจากรัฐบาลไบเดนแพ้เลือกตั้ง ในอีกสามวันข้างหน้า ทุกอย่างจะค่อยๆ จางหายไปกับสายลมหนาว และหิมะ อากาศที่เยือกเย็นติดลบกว่า 15 องศาฯ ในยูเครน

ท่านผู้ชมครับ สงครามนั้น ฝ่ายใดมีทรัพยากรพลังงาน มีเงินทุน มีศาสตราวุธ มีกำลังพล อาหารบริบูรณ์ ยื้อเวลาได้มากกว่า ก็ย่อมได้เปรียบ นี่เป็นกฎพื้นฐานที่ชาติจะเข้าสู่สงครามต้องเรียนรู้และเข้าใจ ถ้าดื้อฝืนกฎจะมีแต่โดนบูมเมอแรง สิ่งนั้นสะท้อนกลับมาเจ็บหนักและทรุดนานเสียเอง ส่งอาวุธมาอีก โดรนกามิกาเซ่ของรัสเซียก็จะพุ่งชนจนพังไปหมดอีกเช่นกัน ท่านผู้ชมจะเห็นได้ว่า การเลือกตั้งกลางเทอมของอเมริกานั้นมีผลต่อสถานภาพสงครามในอียู และถ้ายูเครนไม่สามารถจะได้รับอาวุธ คำถามมีอยู่ว่า ประเทศทางอียูจะสนับสนุนยูเครนอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูเหมือนอย่างที่อเมริกาสนับสนุนหรือไม่ ? ก็คงจะไม่ เพราะคนพวกนี้เกรงกลัวอเมริกา ถึงต้องร่วมสังฆกรรมในการส่งอาวุธให้ และหาความช่วยเหลือให้ แล้วก็บอยคอตรัสเซีย แต่พอหมดอิทธิพลของ โจ ไบเดน แล้ว และถ้าสภาคองเกรส สภาผู้แทนราษฎของอเมริกาบอกว่า เงินทองต่างๆ ที่จะให้เซเลนสกี หรือยูเครนนั้น เราจะไม่ให้เลยแม้แต่แดงเดียว แต่เราจะเอาเงินก้อนนั้นมาช่วยคนอเมริกาที่ลำบากอย่างแสนสาหัสทุกวันนี้ และก็ได้รับการปรบมือ และนี่คือผลว่าทำไมสภาล่าง (สภาผู้แทนราษฎร) คองเกรส ถึงได้เสียงพรรครีพับลิกันเหนือกว่าและชนะพรรคเดโมแครตของโจ ไบเดน นี่คืออนาคตข้างหน้าที่สามารถทำนายเอาไว้ล่วงหน้าเลยครับท่านผู้ชม

เรื่องที่ผมจะพูดวันนี้ เป็นเรื่องที่พูดไปแล้วเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แต่เนื่องจากว่ามันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังเยอะมาก ผมยังมีข้อมูลอีกมากมายมหาศาล ผมเลยจำเป็นต้องเอามาพูดต่อในวันนี้ เอาเป็นว่าการพูดในเรื่องของแก๊งมาเฟียจีนสีเทา หรือสีดำนั้น เป็นเรื่องที่เหมือนกับมหากาพย์เลย วันนี้ผมจะย้อนยุคให้ดูว่ามาเฟียจีนเริ่มเข้ามาในเมืองไทยในยุคนไหน สมัยไหน ทำอย่างไรบ้าง


วันนี้เราจะพูดถึงเรื่องแก๊ง "ตู้ ห่าว" ตู้ ห่าว ภาษาจีนกลางเขาเรียกว่า ตู้ ห้าว แต่คนไทยพูดถึงเรื่อง "ตู้ ห่าว" เราจะเล่าถึงหลานของ ตู้ ห้าว อายุแค่ 21 ปี แต่มีเครื่องบินส่วนตัวและหนีออกไปแล้ว แล้วเราก็จะพูดถึงประวัติของ ตู้ ห้าว ที่สำคัญคือเราจะพูดถึงเครือข่ายที่เกี่ยวพันกับบิ๊กทางการเมืองและตำรวจไทย รวมไปจนถึงวิวาทะกันระหว่าง พ.ต.ท. หรือปัจจุบันนี้ไม่มียศแล้ว ก็คือ คุณสันธนะ ประยูรรัตน์ กับ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ว่าวิวาทะกันอย่างไร เป็นอย่างไรบ้าง เดี๋ยวผมจะเล่าเรื่องของคุณสันธนะ ให้ฟัง เพื่อเป็นตัวประกอบองค์ความรู้ให้ท่านผู้ชมรู้ว่า คุณสันธนะ นั้น อดีตเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 33 ถูกให้ออกจากราชการปีไหน แล้วก็ท่านได้เดินทางบนเส้นทางสายมาเฟียมานานพอสมควร และหลังจากนั้นก็มีการออกมาเกี่ยวข้องกับอะไรก็ตามที่เป็นขบวนการสีเทาทั้งนั้น

ท่านผู้ชมครับ เราจะเปิดเรื่องนี้ด้วยการยึดทรัพย์ 150 ล้านบาท สะท้อนความอัปยศของตำรวจและนักการเมืองไทย 26 ตุลาคม 2565 กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้เข้าตรวจค้นร้านจินหลิง ในพื้นที่ สน.ยานนาวา พบนักท่องเที่ยวที่ใช้ยาเสพติดกว่าร้อยราย พบยาเสพติดเป็นจำนวนมาก ตรวจและยึดรถยนต์หรูถึง 35 คัน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สืบสวน และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ปราบปราม ขยายผลตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะเจ้าของรถหรูที่ตรวจยึดไว้ และเส้นทางลำเลียงยาเสพติดที่นำเข้ามาจำหน่ายในผับจินหลิงแห่งนี้ ได้มีการวางแผนร่วมกันและนำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลายหน่วยงานบูรณาการในการปฏิบัติการและขยายผลอย่างเร่งด่วน


วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งการให้ตำรวจเข้าค้นคอนโดมิเนียมหรูใจกลาง กทม. 2 จุด ตามหมายค้นศาลอาญา คือ อาคาร Banyan Tree Residences Riverside และ อาคารมหานคร (MahaNakhon) เพื่อตรวจยึดทรัพย์สิน เพื่อพิสูจน์การได้มาและการครอบครองว่ามีความเชื่อมโยงกับผับจินหลิงในลักษณะใด

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูรายละเอียดกันนิดหนึ่ง จำเป็นต้องดูรายละเอียด เพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับเรื่องราวต่างๆ ที่มีหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนี้


จุดแรกคืออาคาร Banyan Tree ห้องเลขที่ 1188/105 ชั้น 33 ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 17 แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ซึ่งเจ้าของห้องคือหลานชายของนายตู้ ห้าว ชื่อ นายหวัง เจิ้นหนาน อายุแค่ 21 ปี ยึดอะไรได้บ้าง ? รถยนต์โรลส์-รอยซ์ สีดำ 1 คัน ทะเบียน กย 9 สระบุรี รถเบนซ์สีดำ 1 คัน ทะเบียน 7 กส 7 กรุงเทพมหานคร รถเบนซ์สีน้ำตาล 1 คัน ทะเบียน ฆษ 7 กรุงเทพมหานคร TOYOTA VELLFIRE สีดำ 1 คัน ทะเบียน 5 กส 4841 กรุงเทพมหานคร TOYOTA ALPHARD สีดำ 1 คัน ติดสติกเกอร์สีม่วง-น้ำเงิน ทะเบียน ษธ 5888 กรุงเทพมหานคร มีโทรศัพท์ iPhone สีดำ โทรศัพท์ iPhone ในตู้เซฟ เงินสด 19 ล้านบาทในตู้เซฟ มีแม้กระทั่งกำไล HERMES ในตู้เซฟ นาฬิกา HERMES แหวน GUCCI กำไล GUCCI กำไล VANCLEEF ในตู้เซฟทั้งหมด มีโฉนดห้องชุดเลขที่ 1188/105 ในตู้เซฟ โฉนดห้องชุดเลขที่ 1188/106 ในตู้เซฟ โฉนดห้องเลขที่ 1188/107 ในตู้เซฟ มีกระเป๋า HERMES จำนวน 2 ใบ รองเท้ายี่ห้อ Chanel 1 คู่ สุราและไวน์ราคาแพงจำนวนมาก

จุดที่สอง คือ ตึกมหานคร ห้องเลขที่ 114/35-36 ชั้น 59 พบยาอีจำนวนหนึ่ง โทรศัพท์มือถือจำนวนหนึ่ง ไพ่กระดาษ 60 สำรับ สุราราคาแพงหลากหลายยี่ห้อ 120 ขวด ขวดที่ราคาแพงที่สุด ราคา 2 ล้านบาท


พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยว่า จากการขยายผลการตรวจค้นผับจินหลิงเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 พบรถหรู 31 คัน หนึ่งในนั้นคือรถโรลส์-รอยซ์ ป้ายแดง ตรวจสอบชื่อผู้ครอบครอง คือ นายหวัง เจิ้นหนาน อายุแค่ 21 ปี เอาเงินเอาทองจากไหนมาซื้อรถยนต์โรลส์-รอยซ์ ป้ายแดง รถหรู ซึ่งนายหวัง เจิ้นหนาน รู้ตัว หลบหนีไปกับเพื่อนก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจค้น เมื่อตรวจสอบเส้นทางการหลบหนี พบว่าช่วงบ่ายวันที่ 26 ตุลาคม นายหวัง เจิ้นหนาน ได้ขึ้นเครื่องบินส่วนตัว คือพูดง่ายๆ ว่า พอหนีตอนเช้า บ่ายขึ้นเครื่องบินส่วนตัวที่สนามบินภูเก็ต มุ่งหน้าไปสิงคโปร์


นายหวัง เจิ้นหนาน คือใคร ? เป็นหลานของนายตู้ ห้าว และยังถือสัญชาติกัมพูชาอีกหนึ่งสัญชาติ

จากการตรวจสอบ ทราบว่านายหวัง เจิ้นหนาน มาซื้ออาคารชุดอยู่ที่อาคาร Banyan Tree Residences ซอยสมเด็จเจ้าพระยา 1 แขวงและเขตคลองสาน ซื้อชั้น 33 เลขที่ 1188/105 ซื้อยกชั้นเลยท่านผู้ชมครับ มี 4 ห้อง ในราคา 120 ล้านบาท จากการเข้าไปตรวจค้นภายในห้อง พบผู้ดูแล 2 คน คือ นายจะหมี่ แซ่หลี่ อายุ 24 ปี และ น.ส.ณัฐชา แซ่หยาง อายุ 25 คือพูดง่ายๆ ว่าเป็นชาวดอย อาจจะเป็นพวกจีนฮ่อ จากการตรวจสอบ ยึดของกลางได้ทั้งหมด 150 ล้านบาท


หวัง เจิ้นหนาน คือใคร ? คือตัวการนำเข้ายาเสพติด เป็นม้าใช้ของนายตู้ ห้าว เพื่อส่งต่อให้ ตู้ ห้าว กระจายไปตามผับต่างๆ ซึ่งตำรวจเข้าตรวจค้นคอนโดมิเนียม 2 แห่ง ยึดทรัพย์กว่า 150 ล้านบาท หลังจากที่เจ้าตัวนั่งเครื่องบินส่วนตัวหนีไป

ท่านผู้ชมครับ งานนี้ อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ชัดว่าเครือข่ายของนายตู้ ห้าว วางเกมเอาไว้เยอะ ทำไมนายหวัง เจิ้นหนาน อายุ 21 ปี ถึงมีเครื่องบินส่วนตัว ก็คือใช้เครื่องบินส่วนตัวนี่ล่ะไปรับยาเสพติดมา แล้วก็ซื้อเจ้าหน้าที่ศุลกากร ซื้อเจ้าหน้าที่ ตม. ที่เครื่องบินลง เอาของออกมา แล้วเอามาให้นายตู้ ห้าว เอาไปแจกจ่ายตามสถานบันเทิงต่างๆ ที่ตัวเองมีเครือข่ายอยู่


นายหวัง เจิ้นหนาน เกิดวันที่ 18 กันยายน 2554 อายุแค่ 21 ปีเอง เกิดที่มณฑลฝูเจี้ยน ผมได้เช็กข้อมูลมาแล้วว่า หลานชายของนายตู้ ห้าว ชื่อ หวัง เจิ้นหนาน ทำอะไรในขบวนการนี้

หวัง เจิ้นหนาน อายุ 21 ปี มีปัญญาเป็นเจ้าของเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวได้อย่างไร ? แล้วหนีออกจากภูเก็ต ออกนอกประเทศไปยังสิงคโปร์ได้อย่างไร ? ผมคิดว่าเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรงน่าจะถูกตรวจสอบให้ดีๆ ว่าทำไมถึงปล่อยให้ออกไปได้ง่ายๆ

หน้าที่ของนายหวัง ก็คือว่า ขนยาเสพติดกับของผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศไทย จากประเทศเพื่อนบ้าน จะมาจากกัมพูชา ที่เขาถือสัญชาติอีกสัญชาติหนึ่ง หรือจะที่ไหนก็แล้วแต่ เอายาเข้ามาก็ส่งให้ ตู้ ห้าว แบ่งยาไปตามจุดต่างๆ ที่กำหนดเอาไว้ในเครือข่าย ซึ่งผมจะเล่าให้ฟังต่อไป

ท่านผู้ชมครับ ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ตรวจค้นร้านจินหลิงในพื้นที่ สน.ยานนาวา ช่วงเช้ามืดวันที่ 26 ตุลาคม ทีมงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินคดีกับนายตำรวจ 3 นาย ช่วยเหลือผู้ต้องหาชาวจีน โดยหนึ่งในนั้นคือ พ.ต.ท.คมไพร ทองลาด รองผู้กำกับจราจร สน.ลาดพร้าว ซึ่งถูกดำเนินคดีในความผิดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อันใดแก่เจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี หรือพนักงานสอบสวน เพื่อจูงใจให้ไม่กระทำการหรือประวิงการทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่

พ.ต.ท.คมไพร ทองลาด
ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมสงสัยหรือเปล่าว่าคนที่ชื่อ พ.ต.ท.คมไพร รองผู้กำกับจราจร สน.ลาดพร้าว มาเกี่ยวข้องกับคดีในท้องที่ สน.ยานนาวา ได้อย่างไร คำตอบชัดเจน พ.ต.ท.คมไพร เคยอยู่ สน.ยานนาวา มาก่อน มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับนายตำรวจระดับสูงใน สตช. โดยที่ พ.ต.ท.คมไพร นี้เอง มีความสนิทสนมกับนายหวัง เจิ้นหนาน หลานของตู้ ห้าว ทำให้คืนเกิดเหตุ เช้าตรู่วันที่ 26 ตุลาคม หลานของนายตู้ ห้าว รอดตัวจากการเป็นผู้ต้องหาในคดีผับจินหลิง ก็คือถูกปล่อยตัว โดยฝีมือของ พ.ต.ท.คมไพร และนายตำรวจอีก 2 นาย คือ พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ พิมมานนท์ พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา และ ร.ต.อ.สมยศ บุญณะแก้ว พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ยานนาวา สองคนนี้ได้รับการประสานงานจาก พ.ต.ท.คมไพร ให้ปล่อยผู้ต้องหาชาวจีน 2 คน ก็เลยถูกดำเนินคดีฐานเรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สิน ก็คือว่า รับเงินรับทองเขามาเพื่อดำเนินการประวิงเวลา หรือปล่อยตัวผู้ต้องหา ตอนนี้โดนดำเนินคดีแล้ว

ท่านผู้ชมครับ ที่สนุกกว่านั้น เหตุการณ์บุกตรวจค้นจับกุมผับจินหลิงของชาวจีน ซึ่งมีการค้ายา เล่นการพนัน ค้าประเวณีอย่างโจ๋งครึ่ม ในช่วงเช้าตรู่วันที่ 26 ตุลาคม 2565 แน่นอน ผู้กำกับ สน.ยานนาวา ชื่อ พ.ต.อ.ธนโชติ ฤกษ์ดี จะปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็น ไม่รู้เรื่อง คงไม่ได้ เลยทำให้ตัวเองต้องถูกย้าย ถูกคำสั่งย้ายให้ไปปฏิบัติราชการที่อื่น ที่ศูนย์ปฏิบัติราชการกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (ศปก.บก.น.6) ขาดจากตำแหน่งเดิม

ท่านผู้ชมครับ เรื่องยังไม่จบ ความทุเรศทุรังและความเน่าเฟะของวงการตำรวจไทยยังไม่จบ พอ พ.ต.อ.ธนโชติ ผู้กำกับ สน.ยานนาวา ถูกย้ายออกมาปฏิบัติราชการที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 คนที่ถูกมอบหมายให้มาปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับการ สน.ยานนาวา แทน ชื่อ พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ ซึ่งเป็นรองผู้บังคับการ น.6 รักษาการแทนตำแหน่งผู้กำกับ สน.ยานนาวา หลังจากผู้กำกับโดนย้ายไปแล้ว ปรากฏว่าหลังจาก พ.ต.อ.ณัฐพล มารักษาการแทนในตำแหน่งผู้กำกับ สน.ยานนาวา ได้มีการปล่อยรถหรูของกลางที่ยึดได้สามสิบกว่าคันจากผับจินหลิงไป 4 คัน ปล่อยเลยนะ มีรถ Porche, Bentley หายไปจากลิสต์ของกลาง โดยจากข่าวเบื้องลึกทราบว่ามีการปล่อยรถหรูออกไป 4 คัน เพื่อแลกกับเงินสดจำนวน 2 ล้านบาท เป็นค่าปล่อยรถ

พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ
พ.ต.อ.ณัฐพล รอง ผบก.น.6 รักษาการแทนตำแหน่งผู้กำกับ สน.ยานนาวา แวดวงตำรวจเขาเรียกว่า "พี่หมา" หรือ "รองหมา" ท่านต้องให้คำตอบ เพราะถ้าท่านให้คำตอบไม่ได้ ท่านคือ "หมา" ตัวหนึ่งนั่้นเอง ว่ารถหรูของกลางปล่อยไปได้อย่างไร ใครเป็นคนรับผิดชอบเก็บของกลางเอาไว้ ใครเซ็นเอกสารปล่อย แล้วหมาตัวไหนรับเงิน 2 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยของกลางออกไปโดยมิชอบ หรือไม่ แล้วเงิน 2 ล้านบาท เข้ากระเป๋าใคร

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมลองนึกดูว่า ข่าวการจับมาเฟียจีนสีเทา นายตู้ ห้าว และเครือข่ายทั้งหมด ใหญ่ขนาดนี้ ร้ายแรงขนาดนี้ ตำรวจไทยยังทำเรื่องชั่วๆ แบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลย ท่านผู้ชมรับไหวไหมเรื่องนี้ ผมคนหนึ่งล่ะ รับไม่ไหว

ในข้อเท็จจริง การบุกและจับกุมผับจินหลิงเป็นหนึ่งในสามการก่ออาชญากรรมร้ายแรงจากแก๊งคนจีนสีเทา ที่เกิดเวลาเดียวกัน ใกล้เคียงกัน แต่สะท้อนให้เห็นถึงความเหิมเกริมของทุนสีเทา หรือสีดำ ของจีน ที่จับมือกับตำรวจและนักการเมืองไทย สยายปีกเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการก่ออาชญากรรมแทบจะทุกรูปแบบ ยาเสพติด บ่อนการพนัน โสเภณี แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฟอกเงิน ซึ่งคนพวกนี้ อย่าไปเข้าใจจีนผิด คนพวกนี้คือขยะของประเทศจีน หนีการปราบปรามของประเทศจีน แล้วหลบเข้าไปในกัมพูชา ในประเทศเพื่อนบ้าน แล้วเมื่อแต่ละประเทศเขาเริ่มปราบปรามหนัก ก็หนีเข้ามาในประเทศไทย เพราะประเทศไทยจ่ายสินบนให้ตำรวจและนักการเมืองง่ายกว่าทุกๆ ประเทศ


ท่านผู้ชมจำเรื่อง นายโทนี่ เตียว หรือ นายเตียว วุยฮวด ที่ผมเล่าให้ฟังได้ไหม ใน SONDHI TALK ตอนที่ 150 นายโทนี่ เตียว เป็นนักธุรกิจมาเลเซีย ฉากหน้าคือเจ้าของ MBI Group ฉากหลังคือองค์กรอาชญากรรม เข้ามาปฏิบัติการทางตอนใต้ ผมเคยเล่าให้ฟังอย่างละเอียดไปแล้ว ตอนที่ 150 วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม สี่เดือนที่แล้ว

ท่านผู้ชมครับ ระหว่างกรณี ตู้ ห้าว กับ โทนี่ เตียว จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องเดียวกัน มีจุดที่แตกต่างออกไปคือเครือข่ายนักการเมืองคนละสาย โทนี่ เตียว เข้ามาสายใต้ เครือข่ายของเขาก็คือพรรคประชาธิปัตย์ คนบางคนในพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นตัวปกป้อง ส่วนอีกสายหนึ่งเป็นตำรวจใหญ่กับนักการเมืองฝั่งที่สร้างอิทธิพลในเมืองหลวงและหัวเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ

เรากลับมาถึงสามคดีอาชญากรรมอื้อฉาวที่เกี่ยวข้องกับมาเฟียจีนและธุรกิจสีเทาของชาวจีน ซึ่งสร้างความสะท้านสะเทือนไปทั่วประเทศไทย

คดีแรก ผับจินหลิงค้ายา บ่อนการพนัน ค้าประเวณี ที่ย่านสาทร เขตยานนาวา กทม. สอง คดีไฮโซนักท่องเที่ยวสาวจีนที่เสียชีวิตหลังเที่ยวสถานบริการ TOP ONE อยู่ในพื้นที่ สน.สุทธิสาร กทม. สาม คดีสถานบันเทิง CLUB ONE ในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ท่านผู้ชมครับ ทั้งสามคดีนี้เป็นสถานบริการที่มีการเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีเจ้าของสถานบริการเป็นนายทุนชาวจีนที่มีเบื้องหลังหนุนอยู่ คือผู้มีอิทธิพลชาวไทยทั้งสิ้น ที่มาในรูปแบบของข้าราชการตำรวจ และบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมืองในประเทศไทย

ผมเล่าให้ฟังอย่างละเอียดในคดีจินหลิง กับ ตู้ ห้าว ไปบ้างแล้ว เรามาดูคดีไฮโซนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เสียชีวิต หลังจากที่มาเที่ยวสถานบริการ TOP ONE ในพื้นที่ สน.สุทธิสาร กันบ้าง

สองเดือนที่แล้ว ปลายเดือนกันยายน 2565 มีข่าวอื้อฉาวปะทุขึ้นมาในสื่อมวลชนประเทศจีน นี่สื่อประเทศจีนเป็นคนลงนะ เมืองไทยไม่ลงเลย กรณีหญิงสาวชาวจีนคนหนึ่งเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย แล้วหายตัวไป


ตอนหลังถึงรู้ว่าตายไปแล้ว ชื่อ นางสาวโย่ว ซื่อ หัว อายุ 32 ปี สัญชาติจีน ภูมิลำเนาอยู่ที่มณฑลเจียงซู เสียชีวิตหลังจากไปเที่ยวผับ TOP ONE ถนนรัชดาภิเษก ห้วยขวาง ญาติของผู้เสียชีวิตติดใจสาเหตุการเสียชีวิต ก็เลยประสานผ่านสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย โดยที่ท่านอุปทูตจีน นายหยาง ซิน ได้ขอให้ตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว และประสานข้อมูลขอความช่วยเหลือมายัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เพื่อให้ช่วยตรวจสอบ

จากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตได้เดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2565 มาพร้อมกับเพื่อนผู้หญิงอีก 3 คน เข้าพักอยู่ที่โรงแรมหรูห้าดาว ก็คือ เคมปินสกี อาคารสินธร ย่านหลังสวน ต่อมาคืนวันที่ 16 กันยายน ทั้งสี่คนนี้ไปเที่ยวผับ ดิสโก้เธค ชื่อดัง คือ TOP ONE ชวนผู้ชายมาเพิ่มอีก 3 คน คือพวกโฮสต์ มาเอนเตอร์เทน ผู้หญิงจีนพวกนี้อายุสามสิบกว่าแล้ว มาเที่ยวทั้งทีก็อยากจะมีผู้ชายหล่อๆ มันก็มีแหล่งที่จะหาผู้ชายหล่อๆ หรือพวกโฮสต์

จากนั้น เวลาตีหนึ่งของวันที่ 17 กันยายน นางสาวโย่ว ซื่อ หัว มีการอาเจียน ช็อก หมดสติ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของร้านนำตัวส่งโรงพยาบาลพระรามเก้า และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ท่านผู้ชมครับ วันที่ 17 สาวจีนคนนี้ โย่ว ซื่อ หัว เสียชีวิตตอนประมาณตีหนึ่ง ภายในวันที่ 17 กันยายน มีชาวจีน 3 คน พร้อมคนขับรถไทยอีก 1 คน ได้ไปที่ห้องพักของผู้ตายที่โรงแรมเคมปินสกี ที่เจ้าตัวพัก เพื่อเอาเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวของผู้ตายไปเผาทิ้ง ผลการชันสูตรศพเบื้องต้น แพทย์ลงความเห็นว่า ตายเพราะพิษของสารยาเสพติด พบสารแอมเฟตามีนภายในร่างกายผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ก็เลยเรียกตัวเพื่อนผู้ชายทั้ง 3 คน ที่มาเที่ยวกลางคืนดังกล่าว มาสอบปากคำ ทั้งสามคนยังปฏิเสธการใช้ยาเสพติด ทั้งสามคนประกอบด้วย นายจาง เหมิวโจว อายุ 26 ปี สัญชาติจีน นายหยู ชุนจุ้ย อายุ 30 ปี สัญชาติจีน นายหลี่ เจิ้งเสียน อายุ 30 ปี สัญชาติจีน เจ้าหน้าที่ก็เลยเพิกถอนใบอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และผลักดันออกนอกประเทศแล้ว

ในส่วนของผู้ต้องหาอีก 4 ราย ที่นำทรัพย์สินของผู้ตายไปเผาทำลายทิ้ง เบื้องต้นสั่งการให้ สน.ลุมพินี ซึ่งเป็นท้องที่ที่พักของผู้เสียชีวิต ดำเนินคดีผู้ต้องหา 4 ราย ซึ่งประกอบด้วย นายไอแดน ฟาน อายุ 40 ปี สัญชาติวานูอาตู (เป็นเกาะๆ หนึ่งซึ่งอยู่ในแคริบเบียน) นายจาง เจียน ฟู่ อายุ 42 ปี สัญชาติจีน นายเฉิน เซียน ปิง อายุ 40 ปี สัญชาติจีน และ นายชัชพิสิฐ แซ่หลี่ อายุ 29 ปี สัญชาติไทย ทั้งสี่รายนี้่โดนข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งเป็นพยานหลักฐานในการกระทำความผิด


ท่านผู้ชมลองดูนะครับ ผมเอาข่าวในประเทศจีนซึ่งตีพิมพ์ลงในเว็บไซต์ประเทศจีน ฮือฮากันมาก แต่ประเทศไทยเงียบสนิท

ท่านผู้ชมครับ เรื่องผู้หญิงจีนมาเที่ยวเมืองไทยแล้วตายเพราะเสพยาเกินขนาดในสถานบันเทิงชื่อดังย่านรัชดาฯ เป็นเรื่องใหญ่นะครับ นี่เข้ามาในประเทศไทย 3 วัน ตาย ตายอย่างผิดธรรมชาติ 15 กันยายน เข้าประเทศไทย 16 กันยายน ไปเที่ยว 17 กันยายน ตีหนึ่ง ตายเพราะเสพยาเกินขนาด 18 กันยายน เพื่อนอีกสามคนที่เดินทางมาด้วย ตกใจ หนีออกนอกประเทศ สองคนไปยูเออี อีกคนหนึ่งหนึไปสิงคโปร์ ปรากฏว่า พอคนตายที่ร้าน TOP ONE บุกเข้าไปที่ห้องโรงแรม ขนข้าวของเสื้อผ้าเอาไปเผาทำลายหลักฐานหมด จงใจทำให้หายสาบสูญไป เพราะอะไร ? เพราะต้องการกลบเกลื่อนหลักฐานใช่หรือไม่ ว่าที่ร้านตัวเองมีการขายยาเสพติด แถมจำหน่ายให้กับชาวต่างชาติด้วย

ท่านผู้ชมครับ พอเจ้าตัวตายไปสิบกว่าวัน ที่บ้านก็สงสัย เรื่องก็แดงไปทั้งเมืองจีน ญาติที่อยู่ที่เจียงซู ก็ถามไปที่สถานทูตจีนประจำเมืองไทย สถานทูตจีนก็ประสานมาทางตำรวจไทย ให้หาสาเหตุว่าตายเพราะอะไร

กรณีนี้ถ้าตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมา สน.สุทธิสาร ที่ดูแลพื้นที่ร้าน TOP ONE อยู๋ ต้องมีข้อมูลหลักฐานต่างๆ ทางคดีแล้วใช่ไหม ว่า นางสาวโย่ว ซื่อ หัว ตายเพราะอะไร พยานหลักฐานมีอะไรบ้าง แต่นี่เงียบแบ๊ะๆ กันไปหมด จนกระทั่งสถานทูตร้องไปทาง สตช. ท่านผู้ชมครับ ผมยังไม่รู้เลยว่าผู้กำกับ สน.สุทธิสาร ถูกย้ายหรือยัง แล้วพวกรองผู้กำกับสืบสวน สายสืบ ถูกย้ายด้วยหรือเปล่า ท่านผู้ชมครับ ผมเบื่อมากๆ ผมฉิบหายเลย ตำรวจชั่วๆ ที่ทำผิดแล้วถูกย้ายอย่างเดียว ไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวนหรือเล่นงาน ลงบัญชีหนังหมาไว้ ไม่ให้ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง หรือว่าถ้าเป็นไปได้ ให้ออกจากราชการเสียก่อน เพราะว่าอำนาจของ ผบ.ตร. มีอยู่แล้ว นี่ช่วยกันฉิบหายวายป่วงหมดเลย ย้ายๆๆๆ

ท่านผู้ชมครับ 26 ตุลาคม 2565 หลังเกิดเหตุเกือบเดือนครึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้มีการประชุมสรุปผลการสืบสวนกรณีดังกล่าว และได้เชิญผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย มาร่วมฟังสรุปดังกล่าว รวมทั้งชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสืบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิต เพื่อให้สิ้นสงสัย และให้ญาติผู้ตายเข้าใจ


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า กรณีดังกล่าวนักท่องเที่ยวเข้ามาเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ ญาติผู้ตายติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต ก็เลยขอความช่วยเหลือมา ตรวจสอบแล้ว ผู้ตายใช้สารยาเสพติดก่อนเสียชีวิต ก็แสดงว่า TOP ONE ขายยาเสพติด แล้วขายยาเสพติด อยู่ใกล้ๆ กับ สน.สุทธิสาร ตำรวจ สน.สุทธิสาร ไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรือ ผมไม่เข้าใจ เพื่อนที่เดินทางไปด้วยก็ใช้ยาเสพติด ทำให้ผู้ตายเกิดอาการอาเจียน เสียชีวิต หลังจากนั้น เพื่อกลบเกลื่อนก็ส่งคนไปอีก เก็บข้าวของที่โรงแรมเอามาเผาทิ้ง เพื่อให้เรื่องเงียบหายไป

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูผับ TOP ONE นี่หน่อยได้ไหม เมื่อเราขุดลงไปที่บริษัทที่เป็นเจ้าของไนต์คลับอื้อฉาว พบว่าบริษัท ท็อปวัน คลับ บางกอก จำกัด (TOPONE CLUB BANGKOK) จดทะเบีนตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2 ปี 9 เดือนที่แล้ว อยู่ในช่วงการระบาดโควิด ตั้งอยู่เลขที่ 278 ชั้นที่ 1 ถนนรัชดาภิเษก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์คือ สถานบันเทิงครบวงจร (รวมยาเสพติดด้วย) จำหน่ายแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มทุกประเภท


คนถือหุ้นใน TOP ONE มีอยู่ 3 คน คนไทยถือ 51 เปอร์เซ็นต์ คนจีนถือ 49 เปอร์เซ็นต์ ก็คือคนไทยถือแทนคนจีนนั่นล่ะ คนจีน มี จาง เจี้ยนกุ้ย สัญชาติจีน ถือหุ้น 49 เปอร์เซ็นต์ 24,500 หุ้น 3 ล้าน 5 หมื่นบาท วีรยุทธ แซ่หย้าง สัญชาติไทย ถือหุ้นอยู่ 35 เปอร์เซ็นต์ สมชาย แซ่อั้ง สัญชาติไทย ถือหุ้นอยู่ 16 เปอร์เซ็นต์

ประเด็นอยู่ตรงไหน ? กรณี TOP ONE CLUB รัชดาฯ มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับผับจินหลิง ยานนาวา เพราะเป็นเครือข่ายเดียวกัน สมคบกันระหว่างทุนจีนสีเทา กับเครือข่ายตำรวจและนักการเมืองไทย ที่ใช้นอมินีในการทำผิดกฎหมายทุกอย่าง และทำตัวเหมือนรัฐอิสระในประเทศไทย พวกนี้เวลาเดินทางไปไหนในกรุงเทพมหานคร จะเอะอะโวยวาย นั่งรถโรลส์-รอยซ์ นั่งรถเบนท์ลีย์ ทำตัวเป็นคนที่ใหญ่คับฟ้า คือเคยชินกับการมีเงิน แล้วคิดว่าเงินซื้ออะไรได้ทุกอย่าง ซึ่งพวกนี้คิดไม่ผิด เพราะว่าเมืองไทยซื้ออะไรได้ทุกอย่างด้วยเงินจริงๆ ซื้อตำรวจได้ ซื้อนักการเมืองตัวใหญ่ได้ แล้วเดี๋ยวผมจะเอาเครือข่ายของนักการเมืองตัวใหญ่ และตำรวจ ของตู้ ห้าว เอามาให้ท่านผู้ชมดู


ทุนสีเทา หรือ ทุนขยะ ของจีนที่หลบหนีจากการปราบปรามของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ก็หลั่งไหลมายังแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ลาว พม่า กัมพูชา และไทย ท่านผู้ชมครับ ล่าสุด สมเด็จฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องทุนจีนไปอาละวาดในกัมพูชา ท่านก็เลยปราบปรามธุรกิจสีเทาที่ซุกซ่อนตัวอยู่ ส่วนใหญ่ตอนนั้นอยู่ที่สีหนุวิลล์ อยู่พนมเปญบ้าง พวกนี้จะมาสร้างเครือข่ายในประเทศไทย ขนเอาสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ เข้ามาในเมืองไทยภายใต้การคุ้มครองของตำรวจไทยและนักการเมืองไทย

ท่านผู้ชมสังเกตไหม รถหรูๆ หลายต่อหลายคันของนักการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรลส์-รอยซ์ หรือ เบนท์ลีย์ ปรากฏในหน้าสื่อบ้าง ไม่ปรากฏบ้าง บางคนปรากฏในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. จริงๆ แต่หลังฉากแล้วรถพวกนี้คือใช้เงินทุนจีนสีเทาซื้อให้ทั้งนั้น


ท่านผู้ชมครับ นี่คือความทุเรศทุรังน่าอัปยศอดสูของแวดวงตำรวจและแวดวงการเมืองเมืองไทย ผมนึกไม่ถึง ไม่นึกไม่ฝันจริงๆ ว่าโคตรเน่าเฟะ เละเทะ และตกต่ำมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

ท่านผู้ชมครับ สัปดาห์ที่แล้ว วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2565 ผมได้ฉีกหน้ากากเครือข่าย ตู้ ห่าว หรือ ตู้ ห้าว แปลงสัญชาติเป็นไทย ชื่อ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ แบบที่ไม่เคยมีใกล้กล้าทำ และไม่เคยมีใครทำมาก่อน


ผมเรียนให้ทราบ ทบทวนความจำนิดหนึ่ง ตู้ ห้าว มีภรรยาเป็นตำรวจ ชื่อ พ.ต.อ.หญิง วัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ ชื่อเล่นชื่อ สารวัตรหนูนา ปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งเป็น พ.ต.อ.หญิง ผู้กำกับฝ่ายความร่วมมือและกิจการระหว่างประเทศ กองการระหว่างประเทศ ซึ่งตำแหน่งหน้าที่การงานที่เธอมีอยู่ ช่างเหมาะสมจริงๆ เพราะว่าสามีของเธอ ก็คือนายตู้ ห้าว นั้น ก็เป็นอดีตคนจีนที่มาขอสัญชาติไทย ก็ถือว่าเป็นคนต่างชาติเช่นกัน


รายการคราวที่แล้วผมเคยเล่าให้ฟังไปแล้วว่า มาเฟียจีนที่ทั้งทำธุรกิจท่องเที่ยวแบบทัวร์ศูนย์เหรียญ ก่อคดีจ้างวานคนร้ายให้เผาทรัพย์สวนงูที่จังหวัดภูเก็ต ปี 2555 ยังให้คนทำร้ายร่างกาย รปภ. จนพิการจนวันนี้ ล็อบบี้คดีชั้นตำรวจ อัยการ ให้สั่งไม่ฟ้อง ตั้งแต่ปี 2560 ก็เลยสยายปีกไปทำธุรกิจชั่้วๆ อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบ่อนการพนัน จำหน่ายยาเสพติด เปิดสถานที่ให้มีการเสพยาเสพติด ค้าประเวณี และสนับสนุนเครือข่ายคนจีนสีเทาให้ทำผิดกฎหมายอีกหลายอย่าง

ผมเคยพูดไปแล้วว่า ถ้านายตู้ ห้าว กับภรรยา ไม่มีนักการเมืองใหญ่กับตำรวจใหญ่ระดับบิ๊กอยู่เบื้องหลัง มันจะอยู่รอดปลอดภัย ทำเหิมเกริมไม่เกรงกลัวกฎหมายไทยได้อย่างไร

วันนี้ผมจะเปิดคอนเนกชันของ ตู้ ห้าว ทุนจีนสีเทา สีดำ กับนักการเมือง-เจ้าหน้าที่ตำรวจใหญ่ ว่าเส้นสายมันเป็นอย่างไรบ้าง

ภรรยาของตู้ ห้าว เป็นหลานแท้ๆ ฝั่งเมียของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ในแวดวงข้าราชการนั้น พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนแรกของประเทศไทย ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี สมัยก่อนนั้นมีระดับเป็นแค่กรม มีอธิบดี ขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย


ตู้ ห้าว ก็พึ่งพาบารมีของ พล.ต.อ.ประชา อย่างกว้างขวาง ทุกบริษัทคู่แข่งเกรงใจ ด้วยเหตุที่ครั้งหนึ่ง พ.ต.อ.หญิง วัทนารีย์ ภรรยา เป็นตำรวจท่องเที่ยว เป็นที่ทราบกันดีว่าแรงงานในจังหวัดภูเก็ต มีทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย กิจการของบริษัท โมเดิร์น เจมส์ ภูเก็ต ซึ่งภายใต้ร่มเงาของบิ๊กตำรวจและหลานสาว ก็เลยเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

คดีเผาสวนงูที่ไปเกี่ยวข้อง ก็มีการใช้เส้นสายเตะถ่วง ไม่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ในเบื้องต้นพนักงานสอบสวนในท้องที่เกิดเหตุ ทำงานมีปัญหา ก็ไปร้องเรียนที่กองปราบ กองปราบ โดย พ.ต.อ.จิรภพ หรือผู้บัญชาการก้อง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในปัจจุบัน สมัยนั้นเป็นแค่รองผู้การกองปราบ ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน พบความผิดปกติ ก็เลยมีการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมทั้งคำซัดทอด แต่ที่สุดแล้วก็ยังถูกอิทธิพลบางอย่างดองไว้ เนื่องจากนอกจากบารมีของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก แล้ว ยังมีลูกเขยหัวแก้วหัวแหวนของ พล.ต.อ.ประชา คือ "บิ๊กอวบ" พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน อดีตรอง ผบ.ตร. และอดีตจเรตำรวจ ที่เป็นบิ๊กตำรวจระดับพลตำรวจเอกอีกคน กุมอำนาจสำคัญอยู่ในขณะนั้น ซึ่งสามารถชี้เป็นชี้ตายให้กับตำรวจระดับล่างได้

ส่วนเส้นทางที่นำ ตู้ ห้าว โคจรมาพบกับ "ผู้กองนักการเมืองคนดัง" ซึ่งนั่นก็คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส. พะเยา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ก็เชื่อมต่อมาจาก พล.ต.อ.ประชา ซึ่งคนที่อยู่ในแวดวงหรืออยู่ในวงใน ว่ากันว่า ร.อ.ธรรมนัส ก็ยังถือหุ้นอยู่ในบริษัททัวร์ ตู้ ห้าว และเปิดโรงงานจิวเวลรีของตัวเองในพื้นที่การเมือง


เมื่อรู้จักกับนักการเมืองใหญ่ที่ชอบธุรกิจสีเทาทุกรูปแบบ มีหรือจะหยุดเพียงแค่นั้น หนักกว่าผู้กองนักการเมือง คือ "น้องชายสุดเลิฟของผู้มีอำนาจตัวจริงเสียงจริงในแวดวงทางการเมือง"

ผมจะเอารูปบางรูปให้ท่านผู้ชมดู ชิ้นแรกที่ผมเสิร์ชข้อมูลมาจากเว็บไซต์ SOHU.COM เผยแพร่เมื่อประมาณ 25 สิงหาคม 2560 ระบุว่า นายตู้ ห้าว ในฐานะเป็นผู้รักชาติ และมีศักดิ์เป็นหลานชายของ นายตู้ ซื่อสี ซึ่งมีสถานภาพเป็นลุง ในปี 2539 นายตู้ ซื่อ สี อพยพมาจากซัวเถามายังประเทศไทย เพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว หลังจากการพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว 


นายตู้ ห้าว กลายเป็นผู้นำทางการท่องเที่ยวในประเทศไทย ธุรกิจเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว การเงิน อสังหาริมทรัพย์ โดยเครือข่ายผู้ค้าอัญมณีสมัยใหม่ของไทยที่อยู่ในสังกัดตู้ ห้าว ได้กลายเป็นองค์กรค้าอัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูรูปนี้ แล้วท่านผู้ชมจะเห็น ภาพข้างบนนี้มาจากเว็บไซต์ใหญ่ของจีนที่ชื่อ SOHU.COM เผยแพร่เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2561 หัวข้อเขียนเกี่ยวกับเรื่องราวของ ตู้ ห้าว จริงๆ


ตู้ ห้าว เป็นชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย บ้านเกิด เกิดที่เขตเฉิงไห่ เมืองซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง สมัยหนุ่มเขาเดินทางมาประเทศไทยเพื่อทำธุรกิจ หลังจากจบการศึกษาที่ประเทศจีน ลุงของเขา คือ ตู้ ซื่อ สี เป็นผู้นำชาวจีนโพ้นทะเลที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย ภายใต้อิทธิพลของลุง ตู้ ห้าว เริ่มธุรกิจจากศูนย์ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทย และยังเป็นที่ปรึกษาของหอการค้าจีนในประเทศไทยอีกด้วย นี่คือข้อมูลทาง SOHU.COM นะครับ เว็บไซต์จีน ระบุว่า "251 ตู้ ห้าว แต่งงานกับครอบครัวที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย ปัจจุบันภรรยาเป็นผู้กำกับฝ่ายความร่วมมือกิจการระหว่างประเทศ กองการระหว่างประเทศ เป็นหลานสาวภรรยาของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก นายตำรวจใหญ่ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นนักการเมืองอาวุโสที่ได้รับความเคารพอย่างสูงจากรัฐบาลและฝ่ายค้าน

ตู้ ห้าว เป็นคนฉลาด มีความคิดสร้างสรรค์ กล้าหาญ กล้าได้กล้าเสีย ก็เลยประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและอาชีพที่ทำ

หลังจากสิบปีของการขยายขนาดธุรกิจท่องเที่ยว ตู้ ห้าว กลายเป็นผู้นำอย่างแท้จริงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย เขาลงทุนอย่างมหาศาลในห้างสรรพสินค้าปลอดภาษีขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต และที่อื่นๆ


โดยเครือผู้ค้าอัญมณีสมัยใหม่ไทย ที่สังกัดอยู่ใน ตู้ ห้าว กลายเป็นองค์การอัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีรถบัสท่องเที่ยว 2 พันคัน พนักงานร่วมหมื่นชีวิต เชื่อมโยงไปกับธุรกิจอื่นๆ ทั้งการท่องเที่ยว การเงิน อสังหาริมทรัพย์ และโรงแรม มูลค่าการค้าขายหลายหมื่นล้านบาท

นายตู้ ห้าว เป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน เขาเป็นคนที่รักความเป็นธรรม ไม่ลืมตอบแทนบุญคุณคน เขามักจะเส้นสาย คอนเนกชันของครอบครัวช่วยเหลือชาวจีนโพ้นทะเลในไทยอย่างแข็งขัน ช่วยเหลือชาวจีนที่เพิ่งอพยพเข้ามาไทย แก้ปัญหาการดำรงชีวิต หาอาชีพรองรับในประเทศไทยด้วยหัวใจรักชาติ เขามีส่วนร่วมอย่างมากในการพัฒนาโครงการ 1 แถบ 1 เส้นทาง" ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ผมพูดนะครับ จากเว็บไซต์ SOHU.COM

เว็บไซต์ SOHU.COM มโน อวย ตู้ ห้าว ใหญ่เลย ตู้ ห้าว จึงได้รับขนานนามโดยทั่วกันในหมู่ชาวจีนโพ้นทะเล ว่า "ตู้ เยว่เซิง" คนใหม่ของชาวจีนโพ้นทะเล

ตู้ เยว่เซิง
ทำไมจีนถึงอวย ตู้ ห้าว โดยนำไปเปรียบเทียบกับ ตู้ เยว่เซิง เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ตัวจริง (ตู้ เยว่เซิง คือ เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ตัวจริงในประวัติศาสตร์ยุคสาธารณรัฐ คือยุคหลังจากราชวงศ์ชิงล่มสลายไป ใน ค.ศ. 1911)

ตู้ เยว่เซิง เป็นเด็กกำพร้าที่เข้าสู่วงการนักเลง อบายมุข ทำงานด้วยการไปคุมซ่องโสเภณี เข้าไปเป็นสมาชิกของแก๊งใหญ่แก๊งหนึ่งที่เขาเรียกว่า ชิงปัง ภายใต้ความสัมพันธ์ของนายตำรวจที่ชื่อ หวง จินหลง ซึ่งสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

แก๊งชิงปัง ควบคุมอบายมุขแทบทุกชนิด เช่น ซ่องโสเภณี บ่อนการพนัน ยาเสพติด ฝิ่น เรียกค่าคุ้มครอง ไม่กี่ปีให้หลัง ตู้ เยว่เซิง ก็สามารถก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในระดับผู้นำแก๊ง ร่วมกับ จาง เสี้ยวหลิน

หวง จินหลง เป็นตำรวจ จาง เสี้ยวหลิน และ ตู้ เยว่เซิง ก็คือมาเฟียตัวจริงของเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้


เป็นที่รู้กันอยู่ว่า ตู้ เยว่เซิง มีอาชีพที่ผิดกฎหมาย ได้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่รักชาติ เขาจะสวมเสื้อผ้าไหมแบบจีนเป็นประจำ นอกจากนั้น แก๊งชิงปัง ยังร่วมมือกับรัฐบาลจีนต่อสู้กับกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งรุกรานจีนอย่างหนักในยุคนั้น และเป็นแหล่งการเงินที่สนับสนุนทางการเงินให้กับรัฐบาลของ จอมพลเจียง ไคเช็ก

เรื่องราวของเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ทั้งสาม ถูกนำไปแต่งเป็นนวนิยาย สร้างเป็นหนังซีรีส์ทางโทรทัศน์มาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีรีส์ในชุดเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ โดย TVB ฮ่องกง ที่มีพระเอกชื่อ สวี่ เหวินเฉียง ก็คือ โจวเหวินฟะ มีคนสนิทชื่อ ติงลี่ หรือ หลี่ เหลียงเหว่ย และนางเอกชื่อ ฟง ฉิงฉิง จ้าว หย่าจือ บทบาทของฟง จิ้นเหยา แสดงโดย หลิวตัน พ่อของนางเอก ที่มาจากเส้นทางชีวิตของ ตู้ เยว่เซิง นั่นเอง


ท่านผู้ชมครับ ถ้าท่านผู้ชมดูภาพยนตร์เรื่องนี้ ท่านผู้ชมคงจำเพลงเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ได้ใช่ไหมครับ ฟรานซิส ยิป เป็นคนร้องเพลงเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้

ที่สำคัญ ในบทความชิ้นนี้ที่เว็บไซต์ SOHU.COM ปรากฏภาพ 2-3 ภาพนี้ งานเปิดบริษัทกลุ่มค้าอัญมณีสมัยใหม่ไทย มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ อดีตรอง ผบ.ตร. และ ผบช.น. ซึ่งเป็นคนสนิทของ พล.ต.อ.ประชา รวมทั้งผู้มีเกียรติจำนวนมาก มาร่วมงานเปิดบริษัทกลุ่มผู้ค้าอัญมณีสมัยใหม่ของไทย


ในภาพ ท่านผู้ชมดูให้ดีๆ ภาพนี้นอกจากนายตู้ ห้าว พล.ต.อ.ประชา พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ยังมีภาพของ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน อดีตรอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติ คุ้นๆ ว่ามีนายวิชาญ มีนชัยนันท์ แกนนำพรรคเพื่อไทย รวมทั้งผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า อยู่ด้วย ดังนั้น จากภาพ ข้อมูลและหลักฐานที่ผมนำออกมาให้ดูนี้ คนที่อยู่ในภาพทุกคน ณ วันนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้จัก ตู้ ห่าว


อีกนัยหนึ่ง ผมขอตั้งคำถามดังๆ ว่า บุคคลเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อดีตตำรวจ นักการเมือง อดีตนักการเมือง ซึ่งแต่ละคนดำรงตำแหน่งใหญ่ๆ ทั้งนั้น รองนายกฯ รัฐมนตรี ส.ส. รองหัวหน้าพรรค จเรตำรวจแห่งชาติ รอง ผบ.ตร. ผบช.น. และอื่นๆ นี่คือแบ็กของเครือข่ายมาเฟียจีนสีเทาหรือเปล่า ที่เหิมเกริมตั้งตัวเป็นเจ้าพ่อทัวร์ศูนย์เหรียญ เปิดบ่อน เปิดสถานบันเทิง ค้ายาเสพติด ค้าประเวณี ใช่หรือเปล่า ผมไม่รู้ ตอบผมหน่อยสิ แต่ถ้าไม่รู้จักกัน ไม่สนิทกัน จะมางานเปิดตัวอย่างนี้กันได้อย่างไร แล้วก็สนิทสนมกันฉิบหายเลย ท่านผู้ชมครับ ที่นี่ประเทศไทย

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมเคยสงสัยไหมว่า เส้นทางผับจีนที่ค้ายา มันมีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร ท่านผู้ชมครับ สมรภูมิยาเสพติดเมืองกรุง เคยมีการค้าขายยาเสพติดในสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ กันอยู่บ้าง แต่เป็นเพียงแค่สีสันส่วนประกอบเท่านั้น สมัยก่อนนะครับ ไม่ใช่เป็นธุรกิจหลักเหมือนอย่างปัจจุบันนี้

เรามาย้อนรอยสถานบันเทิงในยุคที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยังไม่เข้าวงการอาบอบนวด สันธนะ ประยูรรัตน์ ยังคงเป็นตำรวจชั้นผู้น้อย จุดเริ่มต้นยาเสพติดของเมืองไทยที่แพร่ระบาดมากมาย มีมาตั้งแต่ปี 2538 แล้ว (ยี่สิบเจ็ดปีที่แล้ว)

ท่านผู้ชมครับ ก่อนจะมาถึงพญาไทพลาซ่า ที่ผมเล่าให้ฟังเมื่อกี้ มีนายทุนนักธุรกิจชาวฮ่องกง ชื่อ โทนี่ เปิดเลานจ์อยู่ริมถนนย่านพัฒนาการ ในนามของ คารีนาเลานจ์ คาราโอเกะ ที่โด่งดังที่สุดในสมัยนั้น ชื่อของโทนี่ จีน-ฮ่องกง เจ้าของเลานจ์ เป็นที่รู้จักกันดีในวงการกลางคืน เพราะเป็นคนใจกว้างขวาง มีดารา พระเอกดังฮ่องกงมาร่วมงานเปิดตัวในขณะนั้น พอธุรกิจสถานบันเทิง ค็อกเทลเลานจ์ คาราโอเกะ เป็นที่โด่งดัง สร้างชื่อเสียง เลยทำให้เกิดมีการขยับขยายไปเปิดสาขาใหม่ที่อาคารพญาไท พลาซ่า ริมทางรถไฟ เขตราชเทวี แต่ว่าพญาไท พลาซ่า ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไร สุดท้ายก็เลยมีคนมาร่วมลงทุน เปลี่ยนเป็นผับอัปยาเป็นแห่งแรกที่เกิดขึ้นสมัยนั้น มีกลุ่มนายทุนคนจีน สิงคโปร์ ชื่อ มิสเตอร์โจ ร่วมทุน เพราะสมาชิกส่วนใหญ่คือกลุ่มก้อนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่เป็นยาอีในยุคนั้น และยังไม่มียาเสพติดประเภทอื่นแพร่ระบาด เสี่ยโทนี่ ก็เคยถูกตำรวจจับกุม กลายสภาพเป็นขาใหญ่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ

หลังจากได้รับความสนใจจากบรรดานักเที่ยว คนอัปยา กำลังได้รับความนิยม แต่ก็มีอุปสรรคที่วงการสถานบันเทิงที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทางกรมตำรวจในยุคนั้น เลยตั้งหน่วยเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อปราบปรามยาเสพติดในสถานบันเทิง นำทีมโดย พล.ต.ท.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ (ตำแหน่งขณะนั้น) เพื่อออกกวาดล้างยาเสพติดที่กำลังแพร่หลายในช่วงนั้น

ต่อมาจึงเป็นยุคของสถานบันเทิงยุคใหม่ในย่านซอยสุขุมวิท 23 ที่หรูหราที่สุดของเมืองไทย นักท่องเที่ยว สาวกยาเสพติดในเมืองไทยและต่างประเทศ รู้จักกันดีในชื่อ นาร์ซี (NARZ) หรือ นาซีซัส คือทุกคนรู้กันดีว่าที่ไหนๆ เที่ยวปลอดภัยที่สุดในสมัยนั้น ไม่เคยมีตำรวจชุดไหนกล้าเข้าไปจับกุม เพราะว่ามีแบ็กอัปที่แข็งโป๊กๆๆๆ ทั้งสีเขียว และสีกากี NARZ Pub เป็นศูนย์รวมสาวกยาเสพติดระดับไฮโซชื่อดังที่มารวมกลุ่มกันสนุกสนานยันฟ้าสางทุกๆ วัน เปิดขายยาเสพติดกันอย่างโจ่งแจ้ง เจ้าของสถานบันเทิงรู้เห็นเป็นใจ เปิดช่องทางให้ทุกคนเข้ามาทำมาหากิน


พฤษภาคม 2561 มีการบุกค้นผับนาซีซัส จับยาเสพติด นอกจากนั้นยังมีสถานบันเทิงที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมากมาย หลากหลายท้องที่ เปิดให้บริการ ช่วงนั้นสถานบันเทิงดังยอดนิยมแห่งหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการค้ายา อยู่ในโรงแรมย่านรัชดาฯ ที่ตั้งอยู่ใต้ดินของโรงแรมแห่งนั้น สถานบันเทิงมีชื่อว่า สปาร์คผับ ชั้นใต้ดินของโรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ ซึ่งเจ้าของโรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ นั้นก็มีความสนิทสนมกับอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนหนึ่ง อย่าให้ผมเอ่ยชื่อก็แล้วกัน ในยุคนั้นพรรคการเมืองดังเป็นรัฐบาล เจ้าของโรงแรมมีความสนิทสนมกับนักการเมืองย่านดังย่านสามเสน มีน้องชายนักการเมืองคนดัง เป็นคนสำคัญของสถานบันเทิงนั้น นี่คือศูนย์รวมของนักเที่ยวยาเสพติดที่โด่งดังที่สุดในเมืองไทย คือ สปาร์คผับ

แถมมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ถูกยิงในสถานบันเทิงแห่งนี้ เพราะว่าเข้าไปจับยาเสพติดเลยถูกยิง แต่เรื่องก็เงียบหายไป ก็อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่าเจ้าของผับนี้เป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่ง หรือเป็นขาใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังอดีตนายตำรวจใหญ่คนหนึ่ง

พอเปลี่ยนยุคมาเป็นยุครัฐบาลของคุณทักษิณ ชินวัตร มีสถานบันเทิงดังแห่งหนึ่งในชั้นใต้ดิน โรงแรมแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท 20 เพชรดวงใหม่ที่กลายเป็นศูนย์รวมสาวกเสพยาเสพติด ชื่อ Scratch Dog มี เสธ.ไอซ์ คือ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต ที่เสียชีวิตไปแล้ว คนดังเป็นหุ้นส่วนและเป็นแบ็กอัป เพราะเป็นเพื่อนกับผู้นำประเทศในเวลานั้น เปิดกันถึงสิบโมงเช้า กลุ่มนายทุนกลุ่มนี้คือพ่อค้ายาเสพติด ตัวพ่อชื่อ เสี่ย อ. และ ป๋า ย. ในช่วงนั้นทุกคนรวยเละ เสี่ย อ. คือ เสี่ยองอาจ ป๋า ย. คือ ป๋าเยี่ยม หลังจากนั้นด้วยสาเหตุอะไรบางอย่าง ยาเสพติดในสถานบันเทิงซบเซาลงไป ทั้งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้เข้มงวดอะไรมากมายนัก


การเข้ามาของนักลงทุนสีเทาของจีน ผมจะแนะนำให้รู้จัก อันแรกคือ babyface เมื่อมีการซบเซาลงไปของสถานบันเทิงกับยาเสพติดไประยะหนึ่ง แล้วก็มีกลุ่มนักลงทุนต่างชาติจากจีนเข้ามาเล็งเห็นความสำคัญของยาเสพติดกับสถานบันเทิงในไทย ก็เลยเข้ามาเทกโอเวอร์ผับที่ปิดร้างไปบนถนนเอกมัย ติดๆ กับห้างบิ๊กซี ประมาณปี 2562 กลุ่มทุนจีนเข้ามาลงทุนเกือบ 70 ล้านบาท เพื่อเนรมิตเหล้าเก่าในขวดใหม่ที่ชื่อ babyface ในช่วงเวลาที่มาเปิดตอนแรก ได้เป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยววัยรุ่นกลุ่มไฮโซในย่านเอกมัย-ทองหล่อ และเป็นที่ยอมรับของหมู่นักเที่ยวว่า babyface คือศูนย์กลางยาเสพติด แต่ด้วยอำนาจแห่งเงินตรา ทุกเรื่องเงียบสนิท ในช่วงโควิดก็เลยบรรเทาเรื่องยาเสพติดไป 3 ปี เพิ่งจะกลับมาเปิดใหม่เมื่อมิถุนายน 2565 ที่ผ่านมานี้เอง ไม่กี่เดือนนี้เอง สถานบันเทิงแห่งนี้มีขาใหญ่ มือปล่อยยาเสพติดตัวพ่อเลย คนหนึ่ง เคยติดคุกเพราะเดินสายยาเสพติด แต่ตำรวจไม่มีการดำเนินการอย่างใด ก็เรียกว่าไฟเขียวให้ตลอดปี


ขบวนการค้ายาเสพติดในสถานบันเทิงแห่งนี้ บางทีใช้ผู้หญิงบางคนซึ่งเป็นคนท้อง เป็นคนส่งยา เพื่อตบตาตำรวจ ยาเสพติดที่ขายมีโค้ก โคเคน กับน้ำแข็ง (ไอซ์) ราคาพิเศษ ก็คือถุงละ 4-5 พันบาท ต่อมิลลิกรัม

เรื่อง babyface Night Club สอดคล้องกับ 1 ใน 5 ของกลุ่มมาเฟียจีนที่นำโดยนายทุนที่ชื่อ เดวิด คนฮ่องกง ที่เคยติดคุกไปแล้วที่้เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ที่คุณชูวิทย์ ออกมาแฉ แล้วเดวิด ก็เป็นคนที่หลายๆ คนที่อยู่ในเครือข่ายสีเทา แต่เป็นอดีตข้าราชการตำรวจ ออกมาแบ็กอัปว่าเป็นนักธุรกิจ


เดวิด เจ้าของ babyface Pub ที่คุณชูวิทย์พูด แหล่งซ่องสุมของคนเล่นยา ใส่แว่นดำ สั่นหัวกันทั่วผับคืนวันฮาโลวีน ศุกร์-เสาร์ แต่ตำรวจไม่รู้ ดันไปวันจันทร์ คือเขามีกันศุกร์-เสาร์ แต่ดันไปวันจันทร์ ขานี้อยู่ไทยนาน พูดไทยคล่อง แต่ก่อนเปิดบ่อนซี้กับนายตำรวจใหญ่ระดับนายพล ชื่อเล่นชื่อย่อ ก. ที่เข้าคุกเรื่องบ่อน กระสันเปิดบ่อนในซอยสถานทูตลาวเมื่อหลายปีก่อน แต่งให้หรูหรา แต่ไม่ทันเปิด โดนแฉเสียก่อน แต่ก่อนเปิดคนระดับผู้จัดการ แต่ตั้งแต่แยกออกไปตั้งตัวเป็นใหญ่ แยกกลุ่มออกมาเหมือนนักการเมืองไทยอย่างไรอย่างนั้น ดังแล้วแยกวง


TOP ONE CLUB ทุนจีนสีเทาน้องใหม่ที่ตามมา คือกลุ่มที่เปิดแถวเต็นท์รถ ถนนรัชดาฯ ท้องที่สุทธิสาร คือ TOP ONE CLUB BANGKOK จัดเป็นสถานบันเทิงที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดขนานแท้จริงที่ไม่มีใครกล้าแตะ เพราะว่ามีลูกน้องคนสนิทของนักการเมืองคนดังคอยดูแลประสานงาน เป็นแบ็กอัปในทุกอย่าง มีการซื้อขายยาเสพติดกันอย่างโจ๋งครึ่ม ทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนตายเพราะยาเสพติดเกินขนาด ที่ผมอธิบายให้ฟังเมื่อกี้นี้ คือ TOP ONE รวมไปถึง CLUB ONE ที่พัทยาด้วย คือมีการขยายสาขาไป ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมไปเมื่อปลายเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา


ผมจะเล่าเรื่อง SPACE PLUS กับ โทนี่ มาเฟียจีน อีกหนึ่งเจ้าที่มาแรง คือ Spaceplus Bangkok ชั้น 3 อาคารพลาซ่า ย่าน RCA มักกะสัน ห่างจากโรงพัก สน.มักกะสัน ไม่ถึง 100 เมตร และนี่คืออีกหนึ่งดาวจรัสแสงของสาวกนักเที่ยว เปิดกันถึงเช้า ก่อนหน้านี้มีโต๊ะ VIP ขายโต๊ะละ 2 แสนบาท นักเที่ยวจะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ทั้งเหล้าและอื่นๆ ได้แก่ โค้ก (โคเคน) น้ำแข็ง (ไอซ์) มาเสิร์ฟมาสูดดมกันอย่างไม่ขาด


คุณชูวิทย์ มีข้อมูลว่า SP หรือ Spaceplus มีนายทุนใหญ่เป็น 1 ใน 5 ของกลุ่มมาเฟียจีน โดยมีโทนี่ ซึ่งข้อมูลที่คุณชูวิทย์ออกมาระบุว่า โทนี่ เป็นนายทุนสไตล์จีน ชอบโชว์นั่งรถโรลส์-รอยซ์ มีนางแบบจีนขนาบข้างคลอเคลีย บอดีการ์ดตามเป็นพรวน โทนี่ พยายามเข้าหานักการเมืองไทย ขอแจมโครงการรัฐบาลสารพัดช่วงโควิด ไม่ว่าหน้ากากอนามัย เครื่องตรวจ ATK เอาหมด เป็นเจ้าของ SP Pub ที๋โด่งดัง ทำอะไรเล็กไม่เป็น ต้องใหญ่ๆ ลงทุน 4-5 ร้อยล้านบาท ขนเครื่องเสียง ลำโพง อุปกรณ์ ไฟ ชิป มาจากเซินเจิ้น

SP Pub มีช่องลับ ประตูเชื่อมต่อไปให้เฉพาะคนจีนเข้าได้เท่านั้น มีห้องไว้เล่นยาต่างหากเป็นสัดส่วน เวลาตำรวจตรวจก็ไม่เจอ มีคนชื่อ น้อย คอยเคลียร์ที่ สน.มักกะสัน ตำรวจเขารู้จักกันดี ตอนนี้โทนี่เห็นท่าไม่ดี ประกาศขายหุ้น หุ้นละ 5 ล้านบาท ขาย 100 หุ้น ได้ 500 ล้านบาท เตรียมเผ่นกลับไปตั้งหลักที่เมืองจีนแล้ว

ทั้งนี้และทั้งนั้น ผับขายยาแต่ละแห่งล้วนมีเส้นสายสีกากีเป็นแบ็กอัปใหญ่ ในยุคนักค้ายาที่ชื่อ "ภาพ 70 ไร่" นายสยาม ทรัพย์วรสิทธิ์ หรือ นายสุภาพ สีแดง สร้างตัวมาจากเด็กส่งยา ไม่กี่ปีขึ้นมาเป็นเจ้าพ่อยาเสพติดรายใหญ่ เพราะมีคนมีสี ทั้งตำรวจและทหาร ข้าราชการฝ่ายปกครอง ให้ความคุ้มครอง แต่คุ้มครองกันมานานเข้า


ภาพ 70 ไร่ เด็กสลัมคลองเตย มีอำนาจ มีเงินมากมาย จนตำรวจกลับกลายเป็นลูกน้อง เคยมีภาพเจ้าพ่อยาเสพติด "ภาพ 70 ไร่" ประดับยศพันตำรวจโทให้กับสารวัตรคนหนึ่ง ซึ่งนายตำรวจคนนี้เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน รุ่น 35 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล และ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ลูกเขย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก

ท่านผู้ชมครับ หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเอาจริงเอาจัง ไม่มีตำรวจรับส่วยยาเสพติด ตั้งชุดเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติดติดกับสถานบันเทิง ไม่มีใครเปิดได้หรอก ถ้าหากมีการจับกุม ตำรวจท้องที่ต้องรับผิดชอบ ต้องลงโทษย้ายขาด ไม่ใช่ย้ายให้ข่าวเงียบแล้วกลับมาเหมือนเดิม เหมือนกับผู้กำกับด้วง พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผู้กำกับ สน.ทองหล่อ มีความผิดกี่ครั้งก็ยังเดินหน้าเดิม เพราะว่ามีพ่อตาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงทางการเมืองนั่นเอง

ท่านผู้ชมครับ นี่คือตำนานของยาเสพติดมาตั้งนมนาน พัฒนามาเรื่อยๆ ตามลักษณะโลกานุวัตร เมื่อมีการเปิดพรมแดนกัน ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน นักลงทุนประเทศจีนสามารถจะหอบหิ้วเงินทองเข้ามาในประเทศไทยได้ แล้วที่สำคัญที่สุด ที่น่าเจ็บปวดหัวใจที่สุด คือพวกนักลงทุนสีเทา พวกขยะเมืองจีนที่ผมเล่าให้ฟังนี้ รู้เลยว่า ไม่มีตำรวจที่ไหนที่ซื้อง่ายขายคล่องได้เท่ากับตำรวจไทย ท่านผู้ชมครับ ฟังแล้วเจ็บกระดองใจหรือเปล่า

ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เป็นวันเกิดของผม อายุครบ 75 ปี วันนี้ผมย่าง 76 แล้ว ไม่รู้เมื่อไรจะตาย เอาเป็นว่าจะยืนอยู่เท่าที่เรี่ยวแรงจะมีเพื่อให้ปัญญาพ่อแม่พี่น้องประชาชนและท่านผู้ชม จนกว่าจะหมดลมหายใจก็แล้วกัน


วันนั้นก็มีคนเข้ามาอวยพร ธรรมดาแล้ววันเกิดผม ผมไม่แจ้งให้ใครทราบ ก็มีการทำบุญปกติธธรรมดา มีพระสายวัดป่า สายหลวงปู่มั่น ทั้งนั้นเลย ทั้งหมด 9 รูป ตัวประธานสงฆ์ก็คือ พระอาจารย์หลวงพ่อสุธรรม เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ซึ่งท่านเมตตามา ก็มีพระหลายรูปที่รู้จักกันสนิทสนม ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่เฉลิม วัดป่าภูแปก หรือหลวงพ่อสุชิน วัดธรรมสถิต และอีกหลายๆ รูป พระอาจารย์จิรวัฒน์ วัดป่าไชยชุมพล และอีกหลายๆ ท่าน

หนึ่งในนั้นมีหลายคนมาอวยพรผม ท่านนายกฯ ท่านก็ให้ เสธ.คนสนิทของท่าน ที่เรียกว่า เสธ.นิว เอากระเช้าดอกไม้ขอแสดงความปรารถนาดีมาให้กับผม ก็ขอบพระคุณในที่นี้ด้วย คุณนฤมล คนใกล้ชิดสนิทของลุงป้อม ก็เอารูปหล่อเหมือนของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง มาให้ แล้วก็มีท่านรัฐมนตรีหลายคนที่ผมเคยวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ว่าจะเป็นท่านชัยวุฒิ รัฐมนตรีฯ ดีอี และอีกหลายๆ คน แต่มีรายการหนึ่งซึ่งทุกคนก็ฮือฮามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านผู้ชมและพี่น้องที่ติดตามรายการนี้ คนนั้นคือ คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวหอกในการไล่จี้เรื่องนายทุนสีเทาจีน ยังเกาะติด และคุณชูวิทย์ ก็มีความประสงค์ดีต่อชาติบ้านเมือง


เผอิญคุณชูวิทย์ เข้ามาคุยกับผม ท่านผู้ชมสงสัยใช่ไหมว่าคุยกันเรื่องอะไร ผมจะบอกเบื้องหลังให้ฟังก็ได้ จริงๆ แล้วคุณชูวิทย์เขาเป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นน้องผม ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ คุณชูวิทย์ อายุน้อยกว่าผมพอสมควร เพิ่งจะหกสิบกว่าๆ ผมมันเจ็ดสิบกว่าแล้ว คุณชูวิทย์ เป็นคนที่ผมรู้จักเขามานานแล้ว ตั้งแต่เริ่มแรกสุดที่เขายังทำธุรกิจสีเทาอยู่ คืออาบอบนวด แล้วตอนหลังเขาก็ถอนตัวเองออกมา ล้างมือในอ่างทองคำหรือเปล่า ผมไม่รู้ แต่ว่าแกก็ไม่ได้ทำธุรกิจทางด้านสีเทาแบบนั้น แกก็มาเน้นหนักในเรื่องของโรงแรม ซึ่งเป็นโรงแรมห้าดาว อยู่บนถนนสุขุมวิท


แต่เผอิญคุณชูวิทย์ เขาอยู่ในแวดวงอบายมุขมานานแล้ว คนที่เป็นเจ้าของอาบอบนวด ก็ย่อมมีเส้นสาย มีเครือข่าย มีแหล่งข่าวที่จะพูดคุยให้ฟังว่าใครเป็นใครบ้าง คุณชูวิทย์ มีอยู่เรื่อยครับ จะมีคนแอบส่งคลิปมาให้ดู คนเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนแล้วส่งคลิปมาให้ดู แล้วคุณชูวิทย์ ก็เก็บข้อมูลเหล่านี้ไป แล้ววันดีคืนดีคุณชูวิทย์ ก็จะออกมาฟาดงวงฟาดงา ให้ตำรวจรู้ว่ามันมีบ่อนอย่างนี้อยู่นะ มันมีการค้ายาเสพติดแบบนี้อยู่นะ พวกคุณทำอะไรกันอยู่ถึงนั่งเฉยๆ

ทีนี้ คุณชูวิทย์ ออกมาเปิดโปงเครือข่ายทุนจีนสีเทา ก็ปรากฏว่ามีคนๆ หนึ่ง ชื่อ คุณสันธนะ ประยูรรัตน์ ออกมาชนกับคุณชูวิทย์ จังๆ


ค่ำวันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565 เกือบจะมีเรื่องราวกันที่สถานีตำรวจทองหล่อ 9 พฤศจิกายน คุณชูวิทย์ เดินทางไปที่ สน.ทองหล่อ เพื่อเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียน หลังจากที่ถูกนายสันธนะ แจ้งความว่า สถานบันเทิงในโรงแรมของตัวเองเปิดเกินเวลา สงสัยว่ามีการมั่วสุมยาเสพติด ซึ่งหลักๆ แล้ว ถ้าพูดกันตรงๆ ภาษานักเลง คือ คุณสันธนะ จะเอาคืนคุณชูวิทย์ เพราะคุณสันธนะ ทำตัวเป็นเอเยนต์ นายหน้าให้กับทุนจีนทุกๆ คน ไม่ใช่แค่นั้น สมัยก่อนคุณสันธนะ ก็ทำตัวเป็นคนที่มาเคลียร์ความสะอาดของเสี่ยโป้ ตลอดจนหลงจู๊สมชาย คือสิ่งที่คุณสันธนะ ออกมาเคลียร์ให้นั้น แต่ละคนสีเทาหมดเลย บางคนก็ดำปึ้ดเลย เพราะฉะนั้นแล้ว ก็ไม่มีอะไรประหลาดใจ คุณสันธนะ ออกมาแล้วก็มาชนกับคุณชูวิทย์ แต่คุณสันธนะ ก็เล่นนอกเกมไปนิดหนึ่ง


คือพูดง่ายๆ ว่า ไปแจ้งความว่าโรงแรมของคุณชูวิทย์ มียาเสพติด มีการมั่วสุม มีโน่นมีนี่ คุณชูวิทย์ ก็โกรธ คุณชูวิทย์ ก็บอกว่า ที่ผ่านมาไม่เคยขัดข้องเลยถ้าตำรวจจะมาตรวจพื้นที่ ซึ่งวันนั้นก็มีคนเข้าไปตรวจ ตำรวจเข้าไปตรวจหลังจากที่คุณสันธนะ แจ้ง ก็ปรากฏว่าไม่พบอะไรเลย คุณชูวิทย์ ก็เลยมาแจ้งความกับ สน.ทองหล่อ เรื่องแจ้งความเท็จ หมิ่นประมาท ทำให้ตัวเองเสียหาย แล้วคุณชูวิทย์ นอกจากนี้ยังได้นำคลิปวิดีโอที่คุณสันธนะ ไปให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่มีการกล่าวอ้างว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย เป็นคนฝากให้ดูแล ซึ่งก่อนหน้านี้ยังกล่าวอ้างว่า รู้จักกลุ่มทุนจีน 5 ราย ซึ่งกลุ่มนี้ตำรวจมีพยานหลักฐานจับกุมอยู่แล้ว


 ซึ่งคุณสันธนะ ก็มายืนยันว่า 5 คนนี้เป็นคนดี ซึ่งผมพูดอย่างเป็นกลาง เป็นธรรม ไม่เข้าข้างใครนะ ถ้ามาเฟีย 5 คนจีน เป็นคนดี ผมคิดว่าคุณสันธนะ กลับไปเริ่มใหม่ สะกดคำว่า "ดี" ใหม่ ด.เด็ก สระอี "ดี" เขียนสักล้านคำ คนพวกนี้ไม่ใช่คนดีหรอก คุณสันธนะ ผมไม่รู้ว่าคุณไปรับงานอะไรเขามา มามีหน้าที่เคลียร์เพื่อเก็บค่าต๋งเขาหรือเปล่า ผมไม่รู้

คุณชูวิทย์ บอกว่า เขามาทำหน้าที่เป็นพลเมืองดี ซึ่งคุณชูวิทย์ มาพบผมวันนั้น ก็มาเล่าให้ฟัง ผมบอกคุณชูวิทย์ ว่า เฮ้ย ชูวิทย์ เราสนิทกัน เหมือนพี่น้องกัน เพราะว่าเขาเป็นนักเรียนรุ่นน้องผม ผมบอกว่า เฮ้ย ชูวิทย์ คุณฉะกับสันธนะ ผมเข้าใจคุณนะ และผมอยากให้กำลังใจคุณ อย่าไปกลัว ผมให้กำลังใจ ผมจะยืนข้างๆ คุณ เป็นตรงนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ว่า คุณชูวิทย์ ได้ยาดี พอวันรุ่งขึ้น วันที่ 9 ก็ปะฉะดะกับคุณสันธนะ เลย สุดท้ายถึงกับท้าชกท้าต่อยกันเลย คุณสันธนะ ก็เอาแต่เงียบสนิท


คุณชูวิทย์ บอกว่า เมื่อคุณชูวิทย์ พูดถึง 5 กลุ่มเสือจีนที่ถูกจับกุมไป 2 เหลือ 3 คนที่ยังหลบหนี คุณชูวิทย์ พูดอย่างมีตรรกะมีเหตุผลว่า ถ้าบริสุทธิ์จริงจะหลบหนีทำไม เวลาซื้อรถซื้ออะไรได้ ไม่ต้องใส่ชื่อคนอื่นมาสวม ที่ผ่านมาไม่เคยเอ่ยชื่อนายสันธนะ แม้แต่คำเดียว จู่ๆ นายสันธนะ ก็โผล่มาที่โรงแรมแล้วถ่ายคลิปว่ามีการจัดงานมั่วสุมในโรงแรม ก็คือว่า จะเอาคืนเพื่อให้เจ้านาย ซึ่งจ่ายเงินคุณสันธนะหรือเปล่า ซึ่งเป็นคนจีน ให้เห็นว่ากูได้ทำหน้าที่นี้แล้วนะ คุณชูวิทย์ บอกว่า เป็นผู้ใหญ่ อายุ 60 ปีแล้ว ผ่านอะไรมาเยอะ

หลังจากแถลงข่าวเสร็จ คุณชูวิทย์ ออกมาจากห้อง มองหานายสันธนะ ตลอดเวลา และพูดระหว่างให้สัมภาษณ์สื่ออีกครั้งที่ สน.ทองหล่อ ว่า "ผมไม่ใช่นักเลง แต่ผมรู้ว่าพวกคุณชอบ พวกคุณอยากเห็นมวย วันนี้คุณได้เห็นแน่นอน อย่าคิดว่าเก่งคนเดียว เจอกันแน่ ที่ไหนก็จะตามไป เข้าบ่อนไหนระวังให้ดี" นั่นคือคำฝากรักของคุณชูวิทย์ ผ่านสายลมที่ค่อนข้างเย็นไปให้คุณสันธนะ


คุณสันธนะ ก็บอกว่า มายื่นหนังสือร้องเรียนที่ สน.ทองหล่อ เห็นว่าเนื่องจากคุณชูวิทย์ ได้ระบุชื่อตัวเอง สันธนะ บอกว่าชีวิตนี้ผมกลัวอยู่คนเดียว คือพ่อของผม ไม่ใช่หรอกครับ คุณสันธนะ คุณกลัวคนที่มีเงินแล้วจ้างคุณมาทำงานให้เขา แล้วถ้าคุณทำไม่สำเร็จ ไม่มีผลงานที่ดีเด่น เขาก็จะตัดท่อน้ำเลี้ยงคุณ ขอโทษทีที่ผมต้องพูดตรงๆ เพราะว่าคุณสันธนะ คุณต้องเข้าใจนะ จู่ๆ คุณมายื่นขอประกันตัวนายเดวิด ชื่อจีนคือ สุ่ย ไท่เหว่ย เจ้าของสถานบันเทิง babyface ย่านเอกมัย ซึ่งผมได้พูดไปแล้วเมื่อกี้นี้ว่า babyface ของนายเดวิด คือสถานบันเทิงที่อัปยาเสพติดแล้วเป็นแหล่งในการจ่ายยาเสพติด

แล้วคุณสันธนะ สมัยก่อนก็เข้าไปเยี่ยมเสี่ยโป้ เสี่ยโป้ ก็คือคนที่ผมมาเปิดโปงจนกระทั่งตำรวจดำเนินคดีและจับขังคุกอยู่ทุกวันนี้ เข้าไปเยี่ยมหลงจู๊สมชาย คือแต่ละคนที่คุณสันธนะ เข้าไปแตะ มีหลายคน เยอะเลย นอกจากสีเทาแล้ว บางคนกลายเป็นเทา-ดำไปเรียบร้อยแล้ว คุณสันธนะ ต้องตอบคำถามสังคมให้ชัดเจนว่าแต่ละคนที่คุณเข้าไปบอกว่าเป็นคนดี ทุกคนที่คุณบอกว่าเป็นคนดี ตำรวจจับหมดทุกคน มันคืออะไรกันแน่ คุณสันธนะ


คุณชูวิทย์ บอกว่า อดีตนายตำรวจคนนี้น่าจะสูญเสียผลประโยชน์ ทำให้ต้องออกมาตีโพยตีพาย ส่วนประวัติคุณสันธนะ เป็นอย่างไร ต้องโทรศัพท์ถามจากตำรวจด้วยกันเอง จะรู้จักดี

ไม่ต้องถามหรอกครับ มีเรื่องของคุณสันธนะแล้ว ผมจะเตือนคุณสันธนะนิดหนึ่ง เมื่อคุณรับหน้าเสื่อของมาเฟียจีน หรือบรรดาคนที่มีสีเทา มาเคลียร์ในเรื่องภาพพจน์แล้ว คุณต้องยอมรับ นี่คุณกระโดดเข้ามาเล่นน้ำในเทศกาลสงกรานต์แล้วนะ คุณต้องไม่กลัวเปียกจากน้ำเล็กๆ น้อยๆ คุณไปแจ้งความว่าคุณชูวิทย์ เขาหมิ่นประมาทคุณ ที่ชี้ไปที่หมาที่เดินผ่านแล้วเรียก สันธนะๆ ผมคิดว่าเรื่องนี้มันเรื่องขี้หมานะคุณสันธนะ ถ้าคุณนักเลงจริง คุณไม่ยุ่งหรอกเรื่องพวกนี้ ท่าทางการแสดงออกของคุณ ท่าทางคุณเป็นคนจริงๆ แต่จริงๆ แล้วจากการที่คุณไปแจ้งความว่าคุณชูวิทย์ หาว่าคุณเป็นหมา ทำให้ผมต้องประเมินสถานภาพ ผมอาจจะเข้าใจคุณผิดก็ได้ว่าคุณเป็นคนใจถึง แต่จริงๆ คุณไม่ใช่


คุณสันธนะ เกิดปี 2502 อายุ 63 เป็นลูกคนที่สาม พ่อเป็นตำรวจ ชื่อ พ.ต.อ.พิเศษ สมชาย เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 6 คุณสันธนะ เผอิญโชคดี เป็นน้องชายของ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ อดีตเลขาธิการ ปปง. โอ้โห ท่านผู้ชมครับ สมัยนั้น พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เป็นสายตรงของพรรคไทยรักไทย เป็นสายตรงของคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นสายตรงของเจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ก็คือเป็นเลขาธิการ ปปง. ที่ตรวจสอบเส้นทางการเงิน คุณทักษิณ เป็นคนตั้งคุณสีหนาท ขึ้นมา คุณสันธนะ เป็นน้องชาย ก็เลยอาจจะได้ผลประโยชน์ในการที่พี่ชายเป็นใหญ่ แต่จะได้ผลประโยชน์อย่างไร ผมไม่รู้

คุณสันธนะ ก็จบจากอัสสัมชัญเหมือนกัน แต่บางรัก คุณชูวิทย์ ก็อัสสัมชัญเหมือนกัน แต่ศรีราชา ที่เดียวกับผม เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 17 นักเรียนนายร้อยรุ่น 33 ซึ่งผมรู้จักหลายคน ผมจะเอารูปให้ดู เป็นรูปที่คุณสันธนะ โดนจับแล้วก็ถอดเสื้อยืนอยู่ ที่เชียงราย ในข้อหาอะไรก็ไม่ทราบ แต่เป็นข้อหาที่ไม่ค่อยจะสวยหรู และเป็นข้อหาที่ทำให้คนมองคุณสันธนะในแง่ลบ


คุณสันธนะ เคยทำงานเป็นสารวัตรอยู่สันติบาล เป็นรองผู้กำกับการ สำนักงานจเรฯ และตอนหลังลาออกจากราชการ ให้เหตุผลว่าจะผันตัวสู่แวดวงทางการเมือง แต่อีกกระแสหนึ่งก็บอกว่า คุณสันธนะ ถูกให้ออกจากราชการกรณีทำผิดวินัยร้ายแรง เพราะคุณสันธนะ เคยขัดขวางการจับกุมบ่อนการพนันในพื้นที่ สน.บางกอกน้อย ซึ่งตอนนั้นก็เป็นไปได้ว่าคุณสันธนะ อาจจะดูแลและคุ้มครองบ่อนนั้นอยู่ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรก็ต้องว่ากันไปอีกที

คุณสันธนะ น่าประหลาดใจ เข้าสู่แวดวงการเมือง อยู่พรรคประชากรไทย ของคุณสมัคร สุนทรเวช แต่ก็สอบตก ไม่สมหวัง คุณสันธนะ ชอบให้ข่าวลักษณะคุณสันธนะ จะคล้ายๆ พี่ศรีสุวรรณ จรรยา ต่างกันที่ว่า พี่ศรีสุวรรณ นั้นสุภาพเรียบร้อย แล้วพี่ศรีสุวรรณ โดนลุงศักดิ์ชกเอา คุณสันธนะ ยังไม่เคยโดนใครชก ผมก็อยากเห็นเหมือนกันว่าคุณสันธนะ ถ้าโดนชก คุณสันธนะ จะยังดำรงความเป็นนักเลง ใจถึง พึ่งได้อยู่หรือเปล่า


ก็เอาเป็นว่า เรื่องราวต่างๆ ของคุณสันธนะ ที่ไปร้องเรียนนั้น ก็ร้องเรียนเพื่อให้เกิดประเด็นขึ้นมา แต่พี่ศรีสุวรรณ นั้น ร้องเรียนเพราะว่าโดย DNA แล้วเป็นคนชอบร้องเรียนมาตั้งแต่ต้น

คนที่รู้จักคุณสันธนะดี บอกว่าเป็นคนเรียบร้อย เรียนหนังสือดี แต่เป็นคนค่อนข้างที่จะฉลาด เพื่อนฝูงรู้ว่าคุณสันธนะฉลาดมาก สมัยเรียนโรงเรียนนายร้อย อยู่ชมรมช่างศิลป์ อยู่แต่ในห้อง ทำกิจกรรมเกี่ยวกับการวาดภาพ หลายคนที่รู้ก็บอกว่าจริงๆ แล้วที่ไปอยู่ชมรมนั้นก็เพื่ออู้การฝึก เพราะโรงเรียนนายร้อยเวลาฝึก เขาฝึกหนัก

พอคุณสันธนะ เป็นตำรวจชั้นผู้น้อย ก็ก้าวสู่วงการธุรกิจสีเทา ตั้งแต่มียศร้อยตำรวจเอก ที่กองปราบ ข่าวว่ากันว่ามีหุ้นลมในบ่อน เรียกค่าคุ้มครองคนโน้นคนนี้ไปทั่ว ซึ่งผมไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง ชอบทำตัวเป็นมาเฟีย รังแก เรียกผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทา ก็เป็นธรรมชาติของตำรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจกองปราบบางคน คุณสันธนะจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าไม่รู้ แต่นี่คือเรื่องที่เขาเล่ากันมา ซึ่งท่านผู้ชมก็ต้องฟังหูไว้หู


สุดท้าย ปี 2545 ยี่สิบปีที่แล้ว ไล่ออก ถูกไล่ออก ทำผิดวินัยร้ายแรง ขัดขวางการจับกุมบ่อนการพนันที่บางกอกน้อย ในยุคทักษิณ คุณสันธนะ มีแบ็กจากพี่ชาย คือ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ ซึ่งเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 31 ช่วงที่พี่ชายเป็นเลขาธิการ ปปง. ท่านผู้ชมต้องรู้นะว่าเลขาธิการ ปปง. มีอำนาจเยอะฉิบหาย ตรวจสอบใครก็ได้ เส้นทางการเงิน เขาก็ว่ากันว่าคนที่ถ้าไม่จริงจังและไม่จริงใจในการทำงานเป็นเลขาฯ ปปง. จะมีนายหน้าคอยวิ่ง นี่ผมไม่ได้พูดถึงว่าเลขาฯ ปปง. คนไหนนะ แต่ว่าโดยหลักการแล้ว เขาจะรู้ว่า ปปง. กำลังตรวจสอบใครอยู่ ก็จะมีคนนายหน้าไปวิ่งให้คนที่ถูกตรวจสอบ เอาไหม เดี๋ยวจะให้เขาถอนการตรวจสอบ ขอเท่านี้ๆๆ ส่วนเงินที่นายหน้าได้ไปนั้น จะไปเข้ากระเป๋าใคร ผมก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าหลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว คดีที่ถูกตรวจสอบ ก็ถูกแทงว่าไม่มีเหตุผล ไม่มีหลักการ ไม่มีมูลพอที่จะตรวจสอบต่อ ก็เลยปิดคดีไป

เส้นทางทางการเงิน การรับเงิน เดินสาย คุณสันธนะเดินสายตามบ่อนชายแดน แถวเชียงราย แม่สอด สระแก้ว ฝั่งภาคเหนือ ภาคตะวันออก กรณีของเสี่ยโป้ อภิรักษ์ ชัชอานนท์ สันธนะก็ออกตัวแรง หรือแม้กระทั่งการเสียชีวิตของแตงโม นิดา ก็ออกตัวแรง คุณสันธนะไปไหนมาไหนชอบมีลูกน้องเดินตามเยอะ ไม่ใช่ตำรวจนะครับ เป็นกุ๊ย ท่าผู้ชมอย่าเข้าใจผิด คนเดินตามคุณสันธนะ เป็นกุ๊ยทั้งนั้น เพราะฉะนั้นแล้ว คุณสันธนะ กับ คุณชูวิทย์ เมื่อฉะกันแล้ว ถ้าผมไม่ยืนข้างคุณชูวิทย์ ก็ไม่ได้ล่ะ เพราะว่าคุณชูวิทย์ ทำงานเพื่อสังคมส่วนรวม ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ถ้าการจัดการถอนรากถอนโคนเครือข่ายธุรกิจสีเทาทุนจีนได้ ต้องถือว่าเป็นผลงานโบแดงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นยุคของ "บิ๊กเด่น" หรือ ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ แล้วก็ต้องยกย่องให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล


ท่านผู้ชมครับ การปะทะกันระหว่างคุณชูวิทย์ กับ คุณสันธนะ จริงๆ มันเหมือนกับบทจบในเรื่องของมาเฟียจีน 5 คน แต่จริงๆ แล้วยังไม่จบ ผมจะดูว่าการปราบปรามจริงๆ แล้วมันยังมีอีกเยะที่ขบวนการมาเฟียพวกนี้มันขยายกิ่งก้านสาขาออกไปในพื้นที่ท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นพัทยา ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ก็เพิ่งไปอาละวาดมาเมื่อเร็วๆ นี้ หรือว่าที่ภูเก็ต หรือที่เชียงใหม่ แต่เอาเป็นว่าวันนี้เอาเรื่องคุณสันธนะ กับ คุณชูวิทย์ มาเป็นของหวานตอนท้ายของรายการอาหารวันนี้ ฟังแล้วคิดอย่างไรครับท่านผู้ชม สำหรับรายการอาทิตย์นี้ก็ขอจบเพียงแค่นี้ แล้วเราค่อยมาดูกันว่าอาทิตย์หน้าจะมีอะไร สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น