วันที่ 16 ก.ย.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ได้แก่
- จับตาดาราดัง โยงคดี Forex 3D พ่อทีมลูกข่ายผู้เสียหาย?
- กทม.กับปัญหาหนี้รถไฟฟ้า เมื่อศาลปกครองพิพากษาให้จ่าย 1.2 หมื่นล้านให้บีทีเอส ใครที่ต้องรับผิดชอบ?
- เกมการเมือง ปชป.เตะตัดขา กฎหมายกัญชา-กัญชง
- สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เปิดตัวเป็นประธานพรรคสร้างอนาคตไทย หวนสู่ยุทธจักรการเมือง
- ครอบครัวเพื่อไทยเลือดไหลไม่หยุด คุณหญิงพจมานต้องออกหน้า งานนี้ทักษิณเทหมดหน้าตัก เปิดสงครามครั้งสุดท้าย
- การสวรรคตของ ควีนอลิซาเบธที่ 2 จุดจบของจักรวรรดิอังกฤษ เปิดเบื้องหลังผู้ดีสายดาร์กปล้นชิงสมบัติล้ำค่าจากประเทศอาณานิคมทั่วโลก
ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.155
คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 155 [16 ก.ย. 65] : สงครามครั้งสุดท้าย
ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK
สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2565 ก็อีกแค่หนึ่งหรือสองศุกร์ รายการนี้ก็จะครบสามปีแล้ว ท่านผู้ชมครับ สามปีเต็มๆ ที่ไม่ได้หยุดเลยแม้แต่อาทิตย์เดียว ขยันหาข้อมูล อ่านหนังสือ วิเคราะห์เจาะลึก ทีมงานทำงานหนักมาก ทั้งทีมข้อมูลข่าวสาร ทีมฝ่ายโปรดักชัน ทีมตัดต่อ ทุกอย่าง
วันนี้ขอเปิดรายการด้วย เหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" นี่คือเหรียญที่ทำเสร็จแล้ว ท่านผู้ชมเห็นจุดดำๆ ไหม นี่คือกาวอีพ็อกซีที่เราใส่พวกผงสมเด็จ พระผงต่างๆ ที่เราเอาไปบดแล้วเอามาแปะ ทุกเหรียญจะมีการแปะผงศักดิ์สิทธิ์นี้ทั้งหมด นอกจากในเหรียญนี้แล้ว ซึ่งเป็นสีของบาตรพระ จะประกอบด้วยมวลสารต่างๆ ที่ศักดิ์สิทธิ์มากๆ ของเราทำพิธีพลีมวลสารบดแปะติดเนื้อโลหะด้านล่างของ "ขรัวฉิมเทวดา" หรือ "หลวงพ่อฉิมเทวดา" เขาเรียกว่า "เหรียญนำฤกษ์" ผมเอาให้ดู จุดสีดำๆ คือมวลสารที่ไม่มีวันหลุด จะหลุดก็ต่อเมื่อเอาไปเผา
มวลสารส่วนที่เป็นผงคืออะไร ? คือสมเด็จเนื้อผงของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา เบญจภาคี (ของผมเอง) ทั้งหมด 5 ชุด พระผงสุพรรณ (ของผมเอง) สมเด็จบางขุนพรหม (ของผมเอง) สมเด็จก้านมะลิ (ของผมเอง) นอกนั้นก็เป็นของหลายท่าน มีเมล็ดพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ หลวงปู่ทวด (ของผม) พระรอดกรุมหาวัน และมวลสารสำคัญอื่นๆ
ตอนนี้มีท่านผู้ชมเข้ามาจองกันเยอะมาก โอนเงินมาให้เรียบร้อย จำนวนเหรียญที่กะจะทำอยู่นั้น ร่อยหรอลงทุกวันเลย ท่านผู้ชมที่ต้องการจะร่วมทำบุญ จองเหรียญ ให้รีบเข้าไปจองได้เลย ในไลน์ (LINE) แล้วเข้าไปเพิ่มเพื่อนคำว่า @tambun โอนเงินไปที่ "มูลนิธิ ไชย้ง ลิ้มทองกุล" ธนาคารกสิกรไทย เลขบัญชี 008-2-78777-1 ท่านผู้ชมแนบสลิปโอนเงิน พร้อมพิมพ์ชื่อ-สกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ สำหรับจัดส่ง เราจัดส่งให้ฟรีนะครับ
ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผมเดินทางไปจังหวัดสุราษฎร์ธานี เผอิญผมไปเจอพี่จิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ บนเครื่องบิน แล้วก็ลงมาคุยต่อที่สนามบิน พี่จิ๋วเดินทางไปจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพิ่งออกจากโรงพยาบาลครับ อายุ 90 เศษๆ แล้ว เราพูดกันหลายเรื่อง เรื่องเก่าๆ หัวเราะกันทั้งคู่ แล้วผมมีเรื่องจะเล่าเกี่ยวกับตัวพี่จิ๋วให้ท่านผู้ชมได้ฟัง ว่าเขาคือ "วีรบุรุษนิรนาม" ที่ประเทศไทยไม่เคยรู้ว่าเขาทำอะไรให้ประเทศไทยบ้าง นอกจากนั้นแล้ว ฝ่ายตรงข้ามก็กล่าวหาเขาผิดๆ อย่างเช่น กล่าวหาว่าเขาเป็นลูกเจ๊กบ้าง ลูกญวนบ้าง
แล้วผมก็ไปขึ้นศาล ท่านนายอำเภอพุนพิน ท่านฟ้องผมคดีหมิ่นประมาท หลังจากที่ท่านไปแจ้งความกับตำรวจและอัยการแล้ว ตำรวจและอัยการสืบข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว สอบถามข้อมูล แล้วสั่งไม่ฟ้อง แต่ท่านก็ไปฟ้องที่ศาล ก็มีเรื่องมีราวที่ศาลอีก เอาไว้วันหลังผมจะเล่าให้ฟัง
ผมก็เลยอดคิดไม่ได้ว่า ถึงเวลาหรือยังที่จะต้องต่อสู้เพื่อปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งลักษณะการใช้ดุลพินิจของผู้พิพากษา รายละเอียดเป็นอย่างไร ยังไม่ใช่ตอนนี้ มีเวลาแน่ ไม่ต้องห่วงครับ ไม่ต้องห่วง ผมพูดแน่ อายุ 75 แล้ว จะไปกลัวอะไร ลูกปืนก็ผ่านมาแล้วสองร้อยนัด คุกตะรางก็ติดมาแล้ว กับเรื่องกระจอกๆ แค่นี้ แต่ผมต้องการความยุติธรรมนี้ ไม่ใช่เพื่อผม เพื่อประชาชนทั่วไป เอาไว้แล้วผมจะเล่าให้ฟังทีหลังก็แล้วกัน วันนี้ขอผ่านไปก่อน ยังไม่อยากจะพูดอะไรมากมายนัก
รายการวันนี้จะมีอะไรบ้าง ? ผมจะสรุปความคืบหน้า Forex-3d ดีเจแมน-ใบเตย จากนี้ไป หลังจากมามอบตัวแล้วจะต้องเดินหน้าต่อไปอย่างไร แล้วก็มีอะไรพ่วงแถมนิดหนึ่ง ฝากไปถึงคุณท๊อป จิรายุส แล้วก็บรรดา IO ของท่าน ชื่อ เสธ. อะไรก็ไม่รู้ ผมขี้เกียจเอ่ยชื่อ ผมรู้จักตัวตนดี เป็นรุ่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลูกชายทำงานกับนายท๊อป เที่ยวไปออก IO ร่วมกับคนๆ หนึ่งซึ่งผมกำลังฟ้องอยู่ และผมกำลังหาเรื่องจะฟ้องอีกคดีหนึ่ง ทำไมผมถึงต้องพูดเรื่องนี้ ? เพราะว่าศาลเกาหลีได้ออกหมายจับ นายโด ควอน (Do Kwon) นายโด ควอน คือใคร ? นายโด ควอน อาจจะเป็นไอดอลของ ท๊อป จิรายุส ก็ได้ นายโด ควอน เป็นเจ้าพ่อเหรียญลูน่า (LUNA) และพวก ศาลเกาหลีใต้ออกหมายจับเลยนะคราวนี้ ว่าทำผิด ฉ้อโกงประชาชน
เรื่องที่สอง ผมจะคุยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ศาลปกครองสั่งให้ กทม. จ่ายหนี้ 1 หมื่น 1 พัน 7 ร้อยล้าน ผมจะตั้งคำถามว่าเงินก้อนนี้ใครจะต้องรับผิดชอบ
เรื่องที่สาม เมื่อวานซืน พรรคภูมิใจไทยสะดุดตัวเองอย่างแรง เพราะว่าโดนพรรคพวกเตะตัดขา ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์ ผมจะเอาความกลับกลอกของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลงคะแนนเสียงเพื่อให้ถอนร่างกฎหมายกัญชา เอามาดูว่าพรรคนี้กลับกลอกอย่างไรบ้าง เคยทำอะไรไว้ เคยพูดอะไรไว้ แต่หวังผลบางอย่างทางการเมือง ก็เลยขัดขวางพรรคภูมิใจไทย เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง
อีกเรื่องหนึ่ง คือ คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้เปิดตัวแล้ว กลับมาเป็นประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ดร.สมคิด หวนสู่ยุทธจักรทางการเมือง แล้วก็ผสมผสานกับพรรคเพื่อไทยเลือดก็ไหลไม่หยุด ระส่ำมาก จนกระทั่งในที่สุดต้องผลักดันคุณหญิงอ้อออกมาเสนอหน้า เพื่อเป็นแบงก์การันตีให้กับบรรดา ส.ส. พรรคเพื่อไทย ที่กำลังคิดที่จะตีจาก แต่ผมก็มีข้อคิดจาก ส.ส. พรรคเพื่อไทย หลายคน เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง
และเรื่องสุดท้ายซึ่งไม่พูดไม่ได้ คือการสวรรคตของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งผมถือว่ามันเป็นจุดจบของจักรวรรดิอังกฤษอย่างถาวร ซึ่งจักรวรรดิอังกฤษนั้นมีอีกหน้าหนึ่งที่ท่านผู้ชมอาจจะไม่รู้ เป็นจักรวรรดิแห่งการปล้นชิงโลกนี้ ทรัพย์สมบัติ ความร่ำรวยของอังกฤษ เกิดมาจากการล่าอาณานิคมและปล้นชิงทรัพยากร รวมทั้งสมบัติล้ำค่าหลายๆ อย่างที่ผมจะเอามาเปิดเผยให้ดู
ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันที่ 12 กันยายน วันจันทร์ ที่ผมเดินทางไปขึ้นศาลที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผมโชคดีมาก ได้มีโอกาสเจอ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งท่าน ครอบครัวของท่าน และทีมงานของท่าน ขึ้นเครื่องบินเป็นชุดสุดท้ายเพราะว่าท่านต้องนั่งรถเข็น ท่านเดินต้องมีคนประคอง เพราะท่าน 90 กว่าแล้ว อายุท่านยืนมาก ความผูกพันของผมกับ พล.อ.ชวลิต นั้นลึกซึ้งมาก ท่านผู้ชมครับ ผมมอง พล.อ.ชวลิต ในหลายๆ มิติ มีทั้งมิติที่ผมไม่เห็นด้วย และมิติที่ผมว่าพี่จิ๋วเป็นคนดีและเป็นคนน่ารัก มีหลายมิติที่ผมดูแล้ว ผมและพี่จิ๋วเป็นคนโชคร้ายอย่างหนึ่ง ทำคุณูปการให้กับประเทศชาติบ้านเมืองอย่างมากมายมหาศาล แต่ไม่เคยโฆษณาให้คนรู้ว่าเป็นฝีมือของตัวเองทำ ไม่ว่าจะเป็นสงคราม การข่มขู่ของประเทศเวียดนามที่จะมายึดประเทศไทยหลังจากที่เขมรแตก แล้วเวียดนามก็มายึด แล้วส่งกองทัพรถถังประมาณ 4 กองพัน เข้ามาชิดชายแดน หลังจากนั้นก็เกิดสงครามสั่งสอนของจีนที่สั่งสอนเวียดนามที่เกิดขึ้นแล้วทำให้เวียดนามต้องขนอาวุธทั้งหมดออกจากชายแดนแล้วไปยันกองทัพจีนที่ทางเหนือของกรุงฮานอย ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของพี่จิ๋ว
พี่จิ๋วเป็นคนที่ แวดวงการเมืองและผมคิดว่าลูกเล่นของพี่จิ๋ว ถ้าพี่จิ๋วอยู่อันดับสอง ไม่มีใครกล้าขึ้นอันดับหนึ่ง คือผมรู้จักท่านดี ผมรู้จักที่ปรึกษาของท่าน ไม่ว่าจะเป็นคุณไพศาล พืชมงคล พล.ต.ศรชัย มนตริวัต ซึ่งทั้งสองคนนี้ก็ไม่ถูกกัน เพราะว่าคุณศรชัย มนตริวัต ก็ค่อนข้างไม่อยากให้พี่จิ๋วฟังคุณไพศาลมากนัก เพราะตัวเองเป็นคนใกล้ชิดพี่จิ๋ว เอาล่ะ ไม่เป็นไรครับ แต่วิธี handle งานของพี่จิ๋ว ท่านผู้ชมฟังแล้วท่านผู้ชมจะหัวเราะ
ตอนพี่จิ๋วเป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะเล่าตำนานให้ฟัง พี่จิ๋วกำลังจัด ครม. คนแรกที่วิ่งมาหาพี่จิ๋ว ตอนพี่จิ๋วเป็นนายกรัฐมนตรี ก็คือคุณวีระกานต์ มุสิกพงศ์ จะไปขอนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พี่จิ๋วก็คือพี่จิ๋ว เอ้า เอาเลย เอาไป เดี๋ยวพี่ให้ วีระก็เดินออกจากห้อง ยิ้ม เชิญพรรคพวกมาเลี้ยงทันทีเลย พี่จิ๋วให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทุกคนก็เฮกัน ดีใจ คมนาคมมันใหญ่นะท่านผู้ชม สมัยก่อนมันคุมทุกอย่าง ถนนหนทาง รถ เรือ อากาศ ที่สำคัญตอนนั้นกระทรวงไอซีทียังไม่มี กระทรวงดีอียังไม่มี เพราะฉะนั้น องค์การโทรศัพท์ฯ ทีโอที หรือว่าการสื่อสารแห่งประเทศไทย CAT ขึ้นอยู่กับกระทรวงคมนาคม แหล่งขุมเงินขุมทองทั้งนั้น แต่เผอิญตำแหน่งนี้พี่จิ๋วคิดว่ามันจะต้องผูกพันกับตำแหน่งอื่น เพราะว่าคุณวันมูหะมัดนอร์ มะทา ตอนนั้น อยากจะนั่งกระทรวงศึกษาธิการ ตามสไตล์พี่จิ๋ว พี่จิ๋วก็ให้ตำแหน่งนี้กับคุณวันนอร์ เผอิญพี่จิ๋วก็มีคนสนิทคนหนึ่งที่ผูกพันกันโดยผ่านทางลูกสาวของเขา ก็คือ คุณสุขวิช รังสิตพล ซึ่งพี่จิ๋วเกรงใจมาก ก็บอกว่า คุณสุขวิช อยากจะนั่งกระทรวงศึกษาธิการบ้าง คุณสุขวิชเองก็มีความรู้สึกว่าอยากจะเอาความทันสมัยมาให้นักเรียน นักศึกษาไทย โดยการมีงบประมาณสั่งซื้อคอมพิวเตอร์ตอนนั้น พี่จิ๋วทำอย่างไรล่ะ ไม่ให้ก็ไม่ได้ แล้ววันนอร์ ก็ไปแล้ว กระทรวงศึกษาธิการจะทำอย่างไรดี ในที่สุดพี่จิ๋วก็เลยมีไอเดียบรรเจิดมา ก็มีทีมงานคอยคิด พี่จิ๋วก็พูด อธิบายให้ฟัง ทีมงานก็เลยจัดคนเดินขบวนประท้วงท่านรัฐมนตรีฯ วันนอร์ ที่กระทรวงศึกษาธิการ บอกว่า เป็นมุสลิม จะมาว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้อย่างไร ประเทศไทยเป็นประเทศพุทธ ไปเอะอะโวยวาย มีขบวน ไม่เยอะ ไม่ใหญ่เท่าไร แต่ก่อให้เกิดกระแสขึ้นมา ท่านวันนอร์ ท่านเป็นคนขี้เกียจที่จะไปเจอ ท่านเห็นมีคนมาประท้วง และท่านก็เป็นมุสลิม แต่ลึกๆ แล้วท่านก็อยากจะเป็นมุสลิมคนแรกที่นั่งกระทรวงศึกษาธิการ แต่ในที่สุดแล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ ท่านก็เลยยอมที่จะลุกไป นั่นคือที่มาว่า คุณสุขวิช รังสิตพล ถึงมีสิทธิ์มานั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแทน แล้ววันนอร์ เอาไปไว้ที่ไหนล่ะ ? จะยากอะไรล่ะ ก็เพิ่งให้ตำแหน่งคุณวีระกานต์ไป ก็ให้วันนอร์มานั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คุณวีระก็เลยจบเหตุการณ์ในวันนั้นด้วยการไปเป็นประธานบอร์ดรถไฟ เรื่องนี้คุณวีระก็แค้น พูดลับหลังเยอะแยะไปหมด ผมก็ขำ
ผมเจอพี่จิ๋วที่สนามบิน ถอดหน้ากากออก ผมจำแววตาพี่จิ๋วได้ มองผม ผมก็มองพี่จิ๋วด้วยความอบอุ่นใจ รัก ในฐานะเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง เป็นคนดีคนหนึ่ง และเป็นจอมยุทธ์เลยในเรื่องแวดวงทางการเมือง พี่จิ๋วชอบแวะมาที่บ้านพระอาทิตย์ มาเองเลย พี่ ทส. ตามมา แต่ ทส. ก็ปล่อยให้พี่จิ๋วนั่งคุยกับผมที่ห้องรับแขก ห้องพระนั่นล่ะ ผมบอก พี่จิ๋วครับ พี่จิ๋วนี่ทำอะไรหลงลืมเยอะมากเลย ทำอย่างไรดี ท่านเรียกผมว่า น้าธิ ท่านก็บอกว่า น้าธิ ลองแนะนำวิธีแก้ซิ ผมบอก พี่จิ๋วตื่นเช้ามา ก่อนจะออกจากบ้าน พี่จิ๋วลองยืนหน้ากระจก แล้วพี่จิ๋วท่องเลย "ผมชื่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ" ท่านก็หัวเราะลั่นเลย
ผมเป็นคนเดียว เพราะผมไม่มีผลประโยชน์ ผมไม่ได้มีตำแหน่ง และผมไม่ได้ต้องการอะไร ผมก็เหมือนลูกหลานของท่าน แต่ผมก็วิพากษ์วิจารณ์ท่านตรงๆ นะ ผมก็บอกท่านว่า พี่จิ๋ว ผมขออนุญาตพูดอย่างนะ อย่าโกรธผมนะ พูดตรงไปตรงมานะ ท่านก็บอกว่า เฮ้ย น้าธิ พูดเลย สำหรับพี่ไม่มีปัญหาอะไร ผมก็บอก พี่จิ๋ว พี่จิ๋วรู้ไหม ลักษณะพี่จิ๋ว ความเจ้าเล่ห์ของพี่ ความเชี่ยวชาญของพี่ ทุกอย่างที่พี่ทำ แถวบ้านผมเขาเรียกคนอย่างพี่จิ๋วว่าอย่างไร ? เฮ้ย เขาเรียกว่าอย่างไร น้าธิ ? ขอโทษนะครับพี่จิ๋ว แถวบ้านผมเขาเรียกคนประเภทนี้ว่า "สุวรรณมาลี คชสารสมสู่" ผมไม่ได้พูดกับท่านแบบนี้นะ แต่ผมพูดตรงภาษาเลย แต่เนื่องจากออกรายการผมเลยต้องเอามาดัดแปลงนิดหนึ่ง "สุวรรณมาลี คชสารสมสู่" แกก็หัวเราะลั่น
พี่จิ๋วจะสนิทกับอดีตนักคอลัมนิสต์คนหนึ่ง ชื่อ เผด็จ ภูรีปติภาน (พญาไม้) คุณเผด็จก็เป็นคนที่มีความกว้างขวางในวงการ รู้จักทหารทุกคน เพราะว่าพ่อแกเป็นนายพลเก่า ก็เลยมีทหารลูกน้องพี่จิ๋วหลายคนหมั่นไส้คุณเผด็จ เป็นทหารพราน ในทำนองว่าไม่ไว้หน้า ไม่ไว้ใจ ไม่ไว้หน้าลูกพี่กู ก็ปรากฏว่าพี่จิ๋วเลยเรียกคุณเผด็จไปเจอที่ค่ายทหารพรานแห่งหนึ่ง คุณเผด็จก็ขับรถไป ไปถึงก็ลงจากรถ ก็ตามสไตล์ของคุณเผด็จ โวยวาย เรียกคนโน้นเรียกคนนี้ ปรากฏว่าเรียกยังไม่ทันจบเลย โดนส้นตีน โดนกำปั้น ประเคนจนหมอบลงไปเลย แล้วท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ? พี่จิ๋วเดินลงมาจากข้างบน เฮ้ยๆ ไปทำอะไรเด็กมัน พวกกันๆ ประคองมันขึ้นมา เสร็จเรียบร้อยแล้วเรื่องก็จบลงไป แต่ให้ตายเถอะท่านผู้ชม ผมเชื่อว่าพี่จิ๋ววางแผน เป็นการสั่งสอนคนที่ชอบลืมตัว และหลงตัวเอง นี่คือพี่จิ๋ว
ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าบทบาทของพี่จิ๋วหลายบทบาทที่ไม่มีใครรู้เลย ผมย้อนประวัติศาสตร์ไปนิดหนึ่ง อเมริกาแพ้สงครามในเวียดนาม ปล่อยให้ประเทศไทยรบกับเวียดนาม โดดเดี่ยวมาก กองทัพเวียดนามเข้าไปยึดกัมพูชา เคลื่อนกำลังทหาร 3 แสน พร้อมรถถัง 5 กองพัน มาประชิดชายแดนไทย
2 มิถุนายน 2521 (44 ปีที่แล้ว) สี่สิบสี่ปีที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ที่ไหน พล.อ.อนุพงษ์ อยู่ที่ไหน พล.อ.ประวิตร อยู่ที่ไหน ตอนนั้นพี่จิ๋วเป็น พ.อ.ชวลิต และพร้อมกับ พ.อ.พัฒน์ และ พล.ท.ผิน เกสร เป็นทูตลับเดินทางไปเจรจากับ เติ้ง เสี่ยวผิง ขอให้ร่วมทำสงครามกับเวียดนามเพื่อช่วยเหลือประเทศไทย แล้วทั้งสองก็ตกลงเชิญ เติ้ง เสี่ยวผิง มาประเทศไทย มาร่วมงานผนวชของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ รัชกาลที่ 10 โดยเป็นแขกผู้นำต่างชาติเพียงคนเดียวของรัชกาลที่ 9 ผมเคยพูดเรื่องนี้ไปแล้ว จำได้ไหม
พฤศจิกายน 2521 นายเติ้ง เสี่ยวผิง เดินทางมาร่วมงานบวชสมเด็จพระบรมฯ เป็นแขกต่างประเทศคนเดียวที่ได้รับเชิญเข้าร่วมงานบวชที่วัดพระแก้ว และวัดบวรนิเวศฯ
เมื่อกลับจากประเทศไทยแล้ว เติ้ง เสี่ยวผิง ก็เดินทางไปอเมริกา และสั่งให้กองทัพจีนเริ่มเคลื่อนพล 2 แสนคน รถถัง 5 ร้อยคัน เครื่องบินจำนวนหนึ่ง เข้ามาที่กวางสี ชายแดนเวียดนาม ทำให้เวียดนามต้องถอนกำลังจากชายแดนไทยไปยันศึกจีน เวียดนามตอนนั้นต้องขอร้องให้สหภาพโซเวียตส่งเรือบรรทุกขนาดใหญ่มาช่วยลำเลียงรถถังไปชายแดนทางด้านเหนือของเวียดนาม
ปลายมกราคม 2522 เติ้ง เสี่ยวผิง กลับจากอเมริกา เดือนกุมภาพันธ์ 2522 กองทัพจีนเริ่มเปิดสงครามสั่งสอนเวียดนาม กินเวลาประมาณ 4 สัปดาห์
นี่คือเหตุผลใหญ่ที่ทำให้เวียดนามต้องถอยออกไป และทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการปะทะกับเวียดนาม ซึ่งตอนนั้นถ้าปะทะ เราสู้เขาไม่ได้หรอก
พี่จิ๋วรับหน้าที่ด้านความมั่นคงโดยตรง เพราะท่านมีประสบการณ์ในการทำสงครามในลาว ในกัมพูชา ช่วงสงครามก่อนที่เวียดนามจะแตก เคยเป็นผู้เข้าร่วมรบทำสงครามเวียดนามมาหลายปี ในการแก้ปัญหาความมั่นคงในประเทศ ซึ่งเกิดสงครามกลางเมืองระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ถึง 47 จังหวัด พี่จิ๋วต้องดึงพวกคอมมิวนิสต์มาเป็นพวก จนถูกกล่าวหาว่าท่านเป็นลูกจีนบ้าง ลูกญวนบ้าง เป็นคอมมิวนิสต์บ้าง แต่พี่จิ๋วไม่เคยแก้ตัว คนที่แก้ตัวให้ก็คือ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ถึงกับเปิดแถลงข่าวว่า บิ๊กจิ๋วไม่ใช่ลูกเจ๊กลูกจีน หรือคอมมิวนิสต์ แต่เป็นคนของวังบูรพา เขาเติบโตจากวังบูรพา รวมทั้งเจ้าอาวาสวัดพระยายัง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับทางโลกแล้ว ออกมาแถลงข่าวว่าพี่จิ๋วไม่ใช่คอมมิวนิสต์ ไม่ใช่จีนหรือญวน แต่เป็นเชื้อสายของพระยายัง ผู้ก่อตั้งวัด เห็นหรือยังครับว่าโดนโจมตีขนาดไหน ในที่สุดเรื่องนี้ก็เลยเงียบไป
เขาเรียกพี่จิ๋วกันว่า "จิ๋วหวานเจี๊ยบ" เพราะพี่จิ๋วชอบพูดอะไรแล้วก็หวานไปหมดเลย นักข่าวเลยเรียกว่า "พี่จิ๋วหวานเจี๊ยบ" แต่จริงๆ แล้วพี่จิ๋วเป็นนักยุทธศาสตร์และนักรบ คนรอบตัวพี่จิ๋วมี 3 ประเภท หนึ่ง พวกนักรบมหาโหด เช่น ผู้บัญชาการทหารพราน พล.อ.พัลลภ ปิ่นมรี สอง พล.ท.พิรัช สวามิวัศดุ์ หรือชื่อในวงการเรียกว่า เสธ.หมึก ส่วนอีกสายหนึ่งคือสายสังคม เรียกว่า สายแอลเอ (ลอสแองเจลิส) ก็มี พล.ต.ศรชัย มนตริวัต หรือ เสธ.นิด และคณะ สายความมั่นคง ก็มี พล.อ.พัฒน์ อัคนิบุตร พี่จ๊อด พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ กลุ่มพวกนี้เรียกว่า "กลุ่มไชโย" ในสามกลุ่ม คือ กลุ่มมหาโหด ฆ่าลูกเดียว กลุ่มสายสังคม และกลุ่มสายความมั่นคง ในสามกลุ่มนี้ กลุ่มแอลเอ ซึ่งมี พล.ต.ศรชัย มนตริวัต พ่วงพ่อของนายสงกรานต์ เตชะณรงค์ เข้าไปด้วย เป็นกลุ่มเดียวกัน
พี่จิ๋วคือคนที่รับสนองจัดทำนโยบาย "66/23" ซึ่งป๋าเปรมรับมาจากรัชกาลที่ 9 ประสานงาน ทำความเข้าใจ นำคนไทยที่ขัดแย้งกลับมาพัฒนาชาติ แต่พี่จิ๋วก็ไม่เคยพูด ไม่เคยอ้างในหลวง ถูกด่าแล้วแอ่นอกรับอยู่คนเดียว พี่จิ๋วอยู่เบื้องหลังประสานงานเพื่อยุติสงครามสามฝ่ายที่ต่อเนื่องมาสามสิบปี ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์มลายา รัฐบาลมาเลเซีย และรัฐบาลไทย ทำสัญญาสงบศึกกันที่หาดใหญ่ โดยที่กลุ่มความมั่นคง หรือกลุ่มไชโย ได้ประสานงานในการปฏิบัติตามสนธิสัญญาเป็นเวลาสิบห้าปี จึงครบถ้วน แล้วให้สัญชาติไทยกับชาวจีนที่้อยู่ในมลายา ในปี 2545
พี่จิ๋วเป็นผู้ที่ประสานงานความขัดแย้งระหว่างลาว เขมร พม่า นับถือผู้นำสามประเทศนี้เป็นพี่น้องกัน ก่อตั้งธรรมเนียม แล้วสร้างธรรมเนียม สั่งให้โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ให้การรักษาครอบครัวของผู้นำทั้งสามประเทศโดยไม่มีการหักค่าใช้จ่าย
นี่คือคุณูปการหลายประการที่คนไทยไม่มีใครรู้ และจริงๆ แล้วมันมีเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วไม่มีใครรู้ เหมือนอย่างบางเหตุการณ์ มีทหารคนหนึ่งชื่อ พล.ต.อมรรัตน์ จินตกานนท์ เสียชีวิตไปแล้วจากอุบัติเหตุ ซึ่งจากการสืบเบื้องหลังนั้น คือการฆาตกรรมอำพราง
พล.ต.อมรรัตน์ จินตกานนท์ ท่านเป็นราชองครักษ์พิเศษของรัชกาลที่ 9 เป็นผู้ถวายงานดูแลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ระยะหลังมี ม.จ.จุลเจิม และ ม.ร.ว.จิราคม กิติยากร ได้ถวายการดูแลด้วย
ท่านผู้ชมครับ จู่ๆ พล.ต.อมรรัตน์ ปลอมตัวมาร่วมทำงานกับพี่จิ๋ว มาประจำอยู่ที่สำนักงานทนายความธรรมนิติ บางโพ ของคุณไพศาล พืชมงคล มาเป็นยาม พล.ต.อมรรัตน์ ทำงานยามเงียบๆ ไม่พูดไม่จากับใคร ภายหลังหายตัวไป รู้ว่าถูกส่งตัวไปปฏิบัติงานในประเทศจีน เป็นผู้ประสานงานกับทางจีนจนสิ้นสงครามสั่งสอน ตอนที่จีนสั่งสอนเวียดนาม พล.ต.อมรรัตน์ กลับมาจากประเทศจีนตอนที่สิ้นสงครามสั่งสอนแล้ว ก็เลยกลับมาประเทศไทย แล้วท่านถึงแก่กรรมด้วยอุบัติเหตุในลักษณะที่มีเบื้องหลัง ซึ่งพี่จิ๋วได้ส่งคนสนิทของท่าน คือ พล.อ.พัฒน์ ไปตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง ซึ่งมีรายงานมาว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ลักษณะเป็นฆาตกรรมอำพราง
พล.ต.อมรรัตน์ ท่านมีลูกชายอยู่คนหนึ่ง ปัจจุบันเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล คือ พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ซึ่งเดิมทีเคยมีชื่อว่าจะขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ มีชื่อในขั้นสุดท้าย แต่ก็ถูกถอดออกไป น่าเสียดาย เพราะว่าบิดาของ พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ เป็นคนที่ทำงานเบื้องหลังให้กับประเทศไทย โดยเป็นผู้ที่ปิดทองหลังพระจริงๆ
ท่านผู้ชมครับ นี่คือบทบาทของพี่จิ๋ว พี่จิ๋วโชคร้าย ในช่วงที่เศรษฐกิจล่มสลาย ปี 2540 พี่จิ๋วไม่มีใครช่วยเลย มีแต่คุณอำนวย วีรวรรณ ซึ่งท่านมาสายตะวันตกร้อยเปอร์เซ็นต์ ท่านคิดแบบตะวันตก ถ้าพี่จิ๋วมีที่ปรึกษาดีๆ ในช่วง 2540 บ้านเมืองเราไม่ต้องพังพินาศในปี 2540 เพราะว่าพี่จิ๋วไม่ได้เป็นคนที่ทำให้ประเทศไทยล่มสลาย แต่ช่วงนั้นทุกคนต้องการจะไล่พี่จิ๋วกัน เพื่อเชิดชูอานันท์ ปันยารชุน พี่จิ๋วเลยกลายเป็นสุนัขตัวหนึ่ง ซึ่งจริงๆ แล้วคุณูปการของพี่จิ๋วมีสูงกว่าคุณอานันท์ ตั้งไม่รู้กี่ร้อยเท่า เป็นคนที่ไม่พูดเลยนะ แต่ในวงการการเมืองท่านเป็นคนเจ้าเล่ห์ ในวงการนักเลง ถ้าบทโหด ก็ถือว่าโหดมากๆ โหดสุดๆ แต่เพื่อความมั่นคงของประเทศไทย พี่จิ๋ววางหมากเอาไว้เต็มไปหมด จนกระทั่งประเทศไทยอยู่รอดมาได้ตลอดถึงวันนี้
ท่านผู้ชมครับ นี่คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ผมกอดกับพี่จิ๋วด้วยความสุข พี่จิ๋วก็กอดผมด้วยความสุข เดินจะไม่ได้อยู่แล้ว เรามองตากัน คนต่างวัยกันสองคน ผมอ่อนกว่าพี่จิ๋ว 15-16 ปี แต่เราผ่านอะไรมาด้วยกัน แล้วผมเป็นคนที่พูดจาตรงไปตรงมา พี่จิ๋วไม่เคยโกรธผมเลย ผมจะว่าพี่จิ๋วอย่างไร พี่จิ๋วเอาแต่หัวเราะอย่างเดียว กึกกักๆๆ ท่านผู้ชมครับ ขอให้ทำความเข้าใจใหม่กับคนที่ชื่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ คนๆ นี้เป็นวีรบุรุษของประเทศไทย ตัวจริงเสียงจริง ไม่เหมือนพลเอกอีกหลายๆ คนที่อยู่ในปัจจุบันนี้
ท่านผู้ชมคงติดตามข่าวเรื่อง ดีเจแมน และ คุณใบเตย มาสักพักแล้วใช่ไหม เมื่อวานซืน ทั้งสามี-ภรรยาคู่นี้ได้แอบไปมอบตัวกับดีเอสไอ ไปรับแจ้ง ไปมอบตัว แล้วดีเอสไอก็ปล่อยตัวไป โดยมีข้อตกลงกันว่า 30 กันยายนนี้ ต้องเอาข้อมูลที่ดีเอสไอต้องการ เอามาแสดงว่าสิ่งที่ดีเอสไอตั้งข้อหานั้น ไม่มีความจริง แต่ไม่เป็นไรครับ เผอิญมันมีเรื่องที่คนถามผมต่อมาว่า แล้วของคุณดีเจแมน กับ ใบเตย จะจบอย่างไร
เรื่องตอนนี้มันเดินมาอย่างนี้ เมื่อตำรวจออกหมายเรียก สองคนนี้ก็ไป ยังไม่รับทราบข้อกล่าวหา แล้วก็สัญญาว่าจะต้องเอาเอกสารทุกอย่างมาเคลียร์ข้อกล่าวหาทั้งหมดภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ ถ้าเอามาไม่ทัน หรือเคลียร์ไม่ทัน จะอ้างว่าขอเวลาต่อ เขาก็อาจจะต่อให้อีกสักสิบห้าวัน แต่อย่างไรก็ต้องเอามา ฉะนั้นการเข้ามามอบตัวครั้งนี้ยังไม่ใช่ผู้ต้องหา ยังไม่ได้ถูกกล่าวหาอย่างเป็นทางการ เพราะฉะนั้นดีเอสไอก็เลยปล่อยตัวไปชั่วคราว ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น ปล่อยไปเลย แต่ 30 กันยายน ต้องมา จะมาเมื่อไร หรือจะมาหลังจากนั้น หลังจากตกลงกับดีเอสไอได้ แต่ถ้าข้อหา หรือข้อกล่าวหานั้นยืนอยู่ และข้อมูลที่ดีเจแมน และใบเตย ส่งเข้ามา ดีเอสไอดูแล้วไม่มีเหตุผล สู้ข้อมูลดีเอสไอไม่ได้ เพราะว่าข้อมูลดีเอสไอนั้นเป็นข้อมูลที่แม้กระทั่งดีเจแมนยังยอมรับว่าต้องไปค้นดู คือข้อมูลที่อภิรักษ์ เคยโอนเงินก้อนใหญ่ๆ ให้ดีเจแมนหลายก้อน ถ้าถึงวันนั้น แล้วให้ไม่ได้ หรือพิสูจน์ไม่ได้ ดีเอสไอก็จะสรุปสำนวน แล้วก็ส่งไปที่อัยการ เพื่อให้อัยการส่งฟ้อง ตรงนั้นล่ะ คือจุดเริ่มต้นแล้ว
อัยการพิจารณาข้อมูล ข้อกล่าวหาของดีเอสไอ พร้อมกับคำให้การของดีเจแมน และใบเตยแล้ว เห็นว่าคดีนี้มีมูล ก็เดินหน้าเพื่อสั่งฟ้อง นอกจากดีเจแมน และใบเตยแล้ว ก็ยังมีอีกหลายคนในกลุ่มที่สาม เมื่อไปฟ้องแล้ว อัยการก็จะนัดจำเลยทุกคนไปที่ศาล เมื่อยื่นฟ้องปั๊บ ทุกคนต้องประกันตัว ตรงนั้นล่ะ กลับไปสู่จุดที่พิ้งกี้ พี่ชาย และมารดาของพิ้งกี้เจอ ก็คือว่าเมื่อฟ้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ยื่นเรื่องขอประกันตัวทันที ตรงนั้นล่ะที่ศาลเคยไม่ให้พิ้งกี้ พี่ชาย และแม่ของพิ้งกี้ ประกันตัว ด้วยเหตุผลที่ว่า เนื่องจากคดีนี้ความเสียหายยอดเงินสูงมาก และมีประชาชนเสียหายอยู่เยอะ และเกรงว่าเนื่องจากยอดเงินสูง จำเลยอาจจะหลบหนีไป ก็เลยจะไม่ให้ประกันตัว เพราะว่าข้อหาที่ดีเอสไอตั้งเอาไว้ ก็เป็นหลายๆ ข้อหาที่ตรงกับสิ่งที่พิ้งกี้ แม่ และพี่ชายโดน
ท่านผู้ชมครับ ช่วงหลังมันเริ่มมีดรามามากขึ้น มันมีเพจชื่อ "รวบรวมผู้โดนโกงจาก Forex-3D" ที่คนทำบอกว่าคนทำเป็นหนึ่งในผู้เสียหายในเรื่องนี้ เขาเปิดหน้าคนในวงการบันเทิงที่คาดว่าจะมีส่วนได้ส่วนเสียมาแล้วหลายคน ล่าสุด เปิดชื่ออีกสี่ราย คือ กระทิง ขุนณรงค์ กระปุก พัชรา บอล กัมมัญญ์ และ โต๋ ศักดิ์สิทธิ์
กระทิง ขุนณรงค์ อายุ 26 เป็นนักแสดงสังกัดช่อง 3 โดยเพจฯ ระบุว่า กระทิงเป็นพ่อทีม มีเงินลงทุน 1 ล้าน 2 แสนบาท มีลูกทีม 14 คน มีลูกทีมย่อยอีก 42 คน ผู้บริหารช่อง 3 ในฐานะตัวแทนกระทิง เข้าพบเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คือ คุณธนกฤต เพื่อยืนยันว่ากระทิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ก็ว่ากันไป
นอกจากนั้น ยังมีแฟนสาวของกระทิง คือ กระปุก พัชรา อายุ 27 ปี นักแสดงสังกัด GMMTV มีเงินลงทุน 6 แสน 2 หมื่นบาท มีลูกทีมอีกจำนวนหนึ่ง คนที่สาม คือ คุณบอล กัมมัญญ์ นักแสดงช่อง 3 มีเงินลงทุน 8 แสน 2 หมื่นบาท บอล เป็นลูกทีมของกระทิง ส่วนบอลก็มีลูกทีมอีก 17 คน
ส่วนโต๋ ศักดิ์สิทธิ์ นักร้องวัย 38 ปรากฏชื่อเป็นลูกทีมของกระทิง มีเงินลงทุน 7 แสนบาท ไม่มีลูกทีม
ทั้งหมดนี้พยายามชี้แจงออกมาว่า ทั้งหมดไม่เกี่ยว ตนเองลง แล้วก็ไม่เคยชวนใครมาลงทุนต่อ แล้วตัวเองมีปัญหา เงินที่คืนมีปัญหา ตนเองยังไม่ได้ทุนคืน แต่ที่ไม่ได้ไปแจ้งความเพราะอาย
ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ก็ต้องสืบกันต่อไป แต่ชุดนี้น่าจะเป็นชุดสุดท้ายที่น่าจะปิดข่าวได้แล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ เผอิญผมทราบว่ามีทนายชื่อดังคนหนึ่ง ตอนนี้มีตำแหน่งอยู่ในสภาฯ เป็นระดับหัวจ่ายของ Forex-3D เลย เป็นคนสนิทที่ดูแลด้านกฎหมายและการเดินเกมทุกอย่าง เป็นคนเก็บเงินเก็บทองทั้งหมดให้กับนายอภิรักษ์ เรียกได้ว่าเป็นคนวางแผนตัวจริงในบริษัท ส่วนอภิรักษ์นั้น ใช้ชีวิตลันล้า ใช้เงินไป แต่ทนายคนนี้กลับไม่ได้มีชื่อในกลุ่มผู้ต้องหาคดี Forex-3D เป็นทนายคนเดียวที่รับว่าความให้กับนักการเมืองของพรรคๆ หนึ่้ง ที่มีข่าวฉาว วันหลังผมจะเปิดชื่อให้ฟัง
ต่อเนื่องจากคดีฉ้อโกง ต่อมาสักนิด ท่านผู้ชมรู้ใช่ไหมครับเรื่องบิทคอยน์ (Bitcoin) บิทคอยน์ที่เกาหลี เจ้าของคอยน์ ชื่อ คอยน์ลูน่า (LUNA Coin) ท่านผู้ชมเคยได้ยินไหม หลายคนในเมืองไทยเจ๊งเพราะลูน่าเยอะมาก เยอะจริงๆ ก็จะบอกข่าว ข่าวร้ายหรือข่าวดีผมไม่รู้นะ ว่า 14 กันยายน ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ศาลเกาหลีใต้ออกหมายจับ "โด ควอน" (Do Kwon) คนก่อตั้งเหรียญลูน่า Terra USD, Terraform Labs เหรียญ Stablecoin พอล้มมาปั๊บ มันเป็นโดมิโนล้มหมดเลย ศาลในกรุงโซลออกหมายจับ คือข้อหาทั้งหมด ทั้ง 6 คน ตอนนี้ที่โดนหมายจับพำนักอยู่ประเทศสิงคโปร์
โด ควอน บอกว่า เขาไม่ได้วางแผนจะกลับไปที่เกาหลีใต้ ก็แสดงว่าไม่อยากไปโดนจับ ยิ่งไปกว่านั้น ทางการเกาหลีใต้ยังไม่ได้ติดต่อหรือฟ้องร้องเขาแต่อย่างใด แต่หมายจับออกมาแล้ว โด ควอน แน่นอนที่สุด ปฏิเสธข้อกล่าวหา การฟ้องร้องดำเนินคดีแบบกลุ่มในสหรัฐอเมริกายังเกิดขึ้นอีกหลายคดีกับ Terra และ โด ควอน ตลอดจนผู้บริหารอื่นๆ ในเครือ จากการเปิดเผยของ FatMan ในวงการ Terra ก็เข้าร่วมในคดีฟ้องร้องในชั้นศาลของสหรัฐฯ ต่อ Terra และผู้บริหารบริษัท
ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมหลายคน ผมเตือนแล้วยังไม่เชื่อ ผมบอกว่าทิ้งมันเถอะ ลูน่า อย่าไปหวังเลย ยังไม่เชื่อผมอีก คนที่ผมรู้จักบางคนตื่นเต้น ลูน่าขึ้นอีกแล้ว ประทานโทษครับ โธ่ ไอ้โง่/อีโง่ จะต้องให้พูดกี่ครั้งถึงจะรู้ เหมือนบิทคับ ให้หยุดเล่นได้แล้ว ถอนเงินออกมา ขาดทุนเท่าไร Cut Loss ไปเลย อนาคตมันไม่มีหรอก ท่านผู้ชมครับ เพราะฉะนั้นแล้ว นี่คือตัวอย่างที่ผมอยากจะพูดให้ทุกคนฟัง เอาเรื่องดีเจแมน เอาเรื่อง Forex-3D เอาเรื่องลูน่า มาผสมผสานกันเป็นเรื่องๆ หนึ่งให้ท่านผู้ชมได้รับทราบความคืบหน้าทั้งหมดครับ
ท่านผู้ชมครับ เมื่อสองวันที่ผ่านมา พ.ร.บ. กัญชา กัญชง ที่เข้าสภาฯ ที่พรรคภูมิใจไทยเป็นสปอนเซอร์ ได้ถูกเสียงข้างมาก ได้ถูกคุณสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ยื่นญัตติเพื่อขอให้ถอนร่างฯ นี้ออกไป ปรากฏว่ากลายเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ แล้วตอนนี้ เป็นเรื่องการเตะตัดขากัน กลัวว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียง บางทีก็เอาคืนกัน อย่างเช่น มีการเสนอเรื่องหนี้ของ กยศ. แล้วฝ่ายที่เสนอ รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ก็เห็นว่าควรจะคิดดอกเบี้ย โน่นนี่นั่น แต่ภูมิใจไทยบอกว่าดอกเบี้ยอย่าไปคิดเลย ประชาชนเขาเดือดร้อนมากพอแล้ว ก็เกิดอาการแค้นเคืองกันว่าพรรคภูมิใจไทยไปหักหลังพรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์ก็เลยไปจับมือร่วมกับพรรคเพื่อไทย
จำนวนผู้ลงมติ 345 คน เห็นด้วยว่าควรถอน 198 ไม่เห็นด้วยคือ 134 งดออกเสียง 12 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง ท่านผู้ชมครับ คำถามคือ พรรคพลังประชารัฐหายไปไหน ? พรรคพลังประชารัฐก็เตะตัดขาเช่นกัน เพราะว่าเรื่องกัญชานั้น ถ้าสำเร็จ ถึงแม้จะเข้าสภาแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็เป็นเครดิตที่ภูมิใจไทยจะอ้างได้ เพราะถ้าไม่สามารถเข้าสภาอีกต่อไป แล้วถ้ารัฐบาลชุดนี้จบไปแล้วต้องเกิดรัฐบาลชุดใหม่มา ต้องเริ่มใหม่จาก 0
งานนี้ท่านผู้ชมไม่ต้องไปคิดอะไรมาก เป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ แล้วแต่ละคนที่ออกมาเสนอหน้า ตอหลดตอแหลทั้งนั้น น่าสนใจอย่าง พรรคก้าวไกลกลับเห็นด้วยกับพรรคภูมิใจไทย ทำไมล่ะ ? เพราะสมาชิกพรรคก้าวไกลสายสีเขียวมีเยอะ คนรุ่นใหม่ ดูว่ากัญชาไม่อันตราย ส่วนพรรคภูมิใจไทยนั้น ผลักดัน พ.ร.บ. กัญชา ทำให้จบ เพื่อที่จะให้กัญชาเป็นพืชสมุนไพร ก็คือเดิมทีมีอยู่สี่สิบกว่ามาตรา ปรากฏว่าเพิ่มเข้ามาอีกหลายสิบมาตรา จนเป็นเกือบร้อยมาตรา คือพูดง่ายๆ ว่าป้องกัน กั๊กหมดเลย แต่เนื่องจากไม่อยากให้มีการผ่านสภา แล้วมาอยู่คาภา เพราะว่าแค้นกันในวงการเมือง ก็เลยทำให้เกิดการถอนญัตติขึ้นมา
ท่าทีของคุณสาทิตย์ วงศ์หนองเตย และพรรคประชาธิปัตย์ บ่งบอกถึงนิสัยของพรรคนี้ พรรคนี้ผมได้พิสูจน์แล้วพิสูจน์อีกมาครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นพรรคแมลงสาบ พรรคกลับกลอก พรรคที่หาเสียงว่าประชาชนต้องมาก่อน จริงๆ แล้วคือประชาชนต้องตายก่อน
การเคลื่อนไหวถอนร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชง ออกครั้งนี้ ไม่ได้มีความห่วงใยประชาชนเลย แต่เหตุผลเป็นทางการเมืองล้วนๆ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้าน เบื้องต้นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าเป็นการเมือง เพราะอะไร ? เพราะว่าปี่กลองการเลือกตั้งมันเริ่มดังขึ้นแล้ว ทุกความเคลื่อนไหวของคู่แข่งอย่างภูมิใจไทย จะถูกเตะตัดขา สกัดทุกเม็ด ทุกดอก จากประชาธิปัตย์ เพื่อไทย โดยเฉพาะนโยบายกัญชา ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของพรรคภูมิใจไทย
ท่านผู้ชมครับ ปฏิกิริยาของพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวานนี้มีประชาชนและผู้ที่ปลูกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ในการรักษาตัวจำนวนมากรู้ทัน เขาเห็นไส้เห็นพุงหมด เขาออกมาว่าอย่างไร ท่านผู้ชมทราบไหมครับ ? ผมจะอ่านให้ฟัง เขาบอกว่า ผมและเครือข่ายขอแสดงความคิดเห็นดังนี้ หนึ่ง พรรคประชาธิปัตย์เป็นหนึ่งในพรรคที่รับหลักการ พ.ร.บ. ฉบับนี้ตั้งแต่แรก การกระทำเช่นนี้จึงเป็นพรรคที่กลับกลอก สอง พรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งตัวแทนไปอยู่คณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ แล้วมาให้ถอนญัตติ แสดงว่าเป็นพรรคที่ไม่มีความจริงใจเลย สาม พรรคประชาธิปัตย์ใช้ประเด็นเรื่องนี้สร้างความชอบธรรมในกลุ่มของพรรคประชาธิปัตย์ จึงเป็นพรรคที่ทอดทิ้งประชาชนคนที่ใช้กัญชา สี่ พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่อยู่มานาน (เกินไป) โดยมีแต่หลักการ (ที่ล้าหลังและไม่มีผลงาน) พรรคประชาธิปัตย์เลยเป็นพรรคที่ล้าหลัง ไม่ทันโลก ห้า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่กำลังจะสาบสูญ จึงเอาเรื่องกัญชาเป็นตัวประกัน พรรคประชาธิปัตย์จึงควรเป็นพรรคที่ต้องสาบสูญไปจากประเทศไทย
สรุปคือ กัญชามีสรรพคุณมากกว่าการรักษาโรค แต่ยังมีสรรพคุณในการฆ่าแมลงสาบได้อีก
ท่านผู้ชมครับ ผมแถมข้อมูลอีกข้อหนึ่ง เพื่อให้ประชาชนที่เชียร์พรรคประชาธิปัตย์ และคนที่คิดจะลงคะแนนเสียงให้พรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ได้รับทราบไว้ พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่าคัดค้าน ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ. กัญชา กัญชง เนื่องจากเปิดช่องใช้กัญชาเพื่อการนันทนาการ พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยถ้ามีการใช้เพื่อนันทนาการ ท่านผู้ชมครับ ประวัติศาสตร์มันมีที่มาที่ไป ถ้าเราย้อนกลับไปวันที่ประชุมคณะกรรมาธิการนัดแรก มีตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ คือคุณกนก วงษ์ตระหง่าน กลับเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ที่เสนอให้มีฟูลมูนปาร์ตี้ในเกาะแห่งหนึ่งเสียเอง ท่านผู้ชม หน้าไหว้หลังหลอกไหมคนพวกนี้ พรรคนี้
เพราะฉะนั้นแล้ว คนคงได้รู้แล้วว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวการที่ทำลายสมุนไพรและภูมิปัญญาไทย เป็นตัวการที่เตะตัดขาที่จะทำให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตัวเองได้ เพราะในการโหวตพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ แก้ไขเพิ่มเติมปี 2562 ฉบับปลดล็อกกัญชา ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าพรรคประชาธิปัตย์ยกมือให้ความเห็นชอบ แต่วันนี้กัญชาถูกประชาชนนำไปปลูก ใช้งานทางการแพทย์อย่างแพร่หลายในหมู่ประชาชนนับจำนวนหลายล้านคนทั่วประเทศแล้ว แต่ต้องเตะสกัดตัดขาพรรคภูมิใจไทยที่กำลังก้าวมาแย่งคะแนนเสียงพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางใต้ ด้วยเหตุนี้ เพื่ออำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง พรรคประชาธิปัตย์จึงยอมตระบัดสัตย์ กลับกลอก ทรยศประชาชน ทำทุกวิถีทางให้กัญชาถูกถีบกลับไปให้เป็นยาเสพติดให้ได้
ท่านผู้ชมครับ เชื่อผมสิ อย่าไปเลือกพรรคนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ท่านที่ฝักใฝ่เป็นติ่งพรรคประชาธิปัตย์ คิดให้ดีๆ ผมพูดจากเหตุการณ์ และผมพูดจากความเป็นจริง ท่านต้องการเลือกพรรคที่กลับกลอกแบบนี้ ต้องการเลือก ท่านรักเหลือเกิน พรรคที่ไม่มีความจริงใจ พรรคที่ประชาชนต้องตายก่อน ท่าน อายุพวกเรามากแล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปหลงพรรคเก่าแก่ ความเก่าแก่ไม่ได้ให้อะไรเลยกับเรา ให้แต่ความรู้สึกที่ว่า อยู่มานานแล้ว สูญพันธุ์ไปดีกว่า
ท่านผู้ชมครับ ช่วงสองสัปดาห์นี้ แวดวงการเมืองมีข่าวที่น่าสนใจหลายประเด็น เพราะเสียงปี่เสียงกลองในการเลือกตั้งทั่วไปน่าจะมีเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2566 ได้ดังขึ้นมาแล้ว ประเด็นแรกที่ผมอยากจะพูด คือการที่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในฐานะประธานพรรคสร้างอนาคตไทย อาจจะไม่ถึงขั้นเซอร์ไพรส์ แต่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะคุณสมคิดเป็นมือเศรษฐกิจที่มีฝีมือและมีวิสัยทัศน์ ประกอบกับบ้านเมืองทุกวันนี้ สภาพประเทศปัจจุบันนี้ ปัญหาใหญ่ที่สุดคงหนีไม่พ้นวิกฤตเศรษฐกิจ ทั้งระดับครัวเรือน อย่างปัญหาปากท้อง น้ำมันแพง ค่าไฟขึ้น ข้าวปลาอาหารราคาแพงขึ้นอย่างชัดเจน หรือระดับประเทศ ระดับมหภาคในภาพรวม อย่างอัตราเงินเฟ้อ ปัญหาค่าเงินบาท หนี้สาธารณะ ราคาพลังงานที่สูงกระฉูด
ผู้ที่ก่อตั้งพรรคนี้ มีทั้งอุตตม สาวนายน สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รวมทั้งผู้ร่วมก่อตั้งอีกหลายคน ล้วนแล้วแต่เป็นลูกศิษย์ลูกหาก้นกุฏิของ ดร.สมคิด แทบทั้งสิ้น ก็เลยทำให้ปัจจัยที่ทำให้สมคิด อายุ 69 ปี ยอมใจอ่อนกลับมาทำงานการเมืองอีกครั้งหนึ่ง ที่น่าสนใจ นี่เป็นครั้งแรกนะท่านผู้ชม ดร.สมคิด กระโดดมายืนร่วมแนวหน้า แถวหน้า รับหน้าที่ประธานพรรค สมัยก่อนสมคิดจะเป็นบทกุนซืออยู่เบื้องหลังมากกว่า ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาแล้ว ตั้งแต่สมัยทักษิณ ชินวัตร เรื่อยมาจนถึงสมัยประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ ดร.สมคิด เป็นมือทำงานเศรษฐกิจ สุดท้ายแล้ว ดร.สมคิด ก็กลายเป็นผู้ถูกกระทำ ถูกบีบให้ออกจากรัฐบาลในช่วงกลางปี 2563 เพื่อเปิดทางให้กับนักการเมืองที่มีโควตา ส.ส. อยู่ในมือ ได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี แม้จะไม่มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ หรือวิสัยทัศน์ อย่างที่เราทราบกัน
วันนี้ผมคิดว่าคุณสมคิดคงจะตกผลึกแล้ว เมื่อตัวเองจะลงมาเล่นการเมือง ก็จำเป็นต้องมีฐานการเมือง ก็เลยตั้งพรรคการเมืองของตัวเองที่ปราศจากการถูกครอบงำ คุณสมคิดนั้นเป็นคนที่ทำงานหลายๆ งานให้กับคุณทักษิณ แล้วคุณทักษิณก็เคลมไปเป็นเครดิตตัวเอง คุณสมคิดจะเป็นคนที่ปิดปากเงียบ หลายๆ งานในรัฐบาลชุดประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เป็นทีมงานของคุณสมคิดที่เป็นคนทำทั้งสิ้น แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เอาไปเป็นเครดิต
สมคิด ให้ปรัชญาว่า ผมอยากให้พรรคนี้พยายามเข้าไปกอบกู้และสร้างอนาคตของประเทศไทย ยกตัวอย่างเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญอยู่ ต้นตอเงินเฟ้อ ราคาพลังงาน คนใน ปตท. รู้ดีว่ากระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ ในอดีตได้กำไรไปเป็นแสนล้าน ทำไมคุณไม่ปรับค่าการตลาดเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ ถ้าคิดเป็นก็ต้องเอากำไรสะสมในอดีตมาช่วยให้คนสบายขึ้น น้ำมันขึ้น ทุกอย่างแพงหมด กระทรวงการคลังทำอะไรอยู่ ผู้บริหาร ปตท. ทำอะไรอยู่
ท่านผู้ชมครับ ในเวลาเดียวกันกับที่ ดร.สมคิด ออกมาเปิดตัว กุมบังเหียนพรรคสร้างอนาคตไทย อีกฟากหนึ่ง ทักษิณ ชินวัตร กับตระกูลชินวัตร ฝั่งเพื่อไทย ก็มีความเคลื่อนไหวน่าสนใจเช่นกัน
วันเสาร์ที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยาของทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ออกงานการเมืองอย่างเปิดเผยในรอบสิบปี ล่าสุด เข้าไปร่วมกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ชื่องานว่า "สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ"
ในงานดังกล่าวมีแกนนำพรรคเพื่อไทยมาร่วมจำนวนมาก เช่น นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รวมทั้งอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวฯ แต่คนที่ต้องโฟกัสเป็นพิเศษ คือ คุณหญิงพจมาน เป็นหลัก เพราะขนาดในยุคของพรรคเพื่อไทยช่วงผลักดันให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ยังไม่เคยเห็นหน้าคุณหญิงพจมานออกหน้า ออกตัว ออกโรงแบบเช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น ยังมีคนในครอบครัวของนายทักษิณเข้าร่วมอย่างพร้อมหน้า โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร เอม พิณทองทา ชินวัตร ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามีของพิณทองทา ปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีของแพทองธาร เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และสามีของเยาวภา เรียกว่ามากันทั้งบ้าน ยกกันทั้งครอบครัว
ท่านผู้ชมครับ เหตุผลที่ครอบครัวชินวัตร และครอบครัวเพื่อไทย ที่ขนกันมาแบบครบเซ็ตแบบนี้ พูดได้ว่าทุ่มสุดตัวไปทางเหนือหรือไม่ เพราะทางอีสานโดนพรรคอื่น อย่างภูมิใจไทย เจาะจนพรุนไปหมดแล้ว การออกโรงของคุณหญิงพจมาน เจ้าของพรรคตัวจริงเสียงจริงแบบนี้พอมองได้หลายแบบ มองได้แน่ๆ คือ เขายอมรับแล้วว่าคู่ต่อสู้ไม่หมู มีความหลากหลาย ที่สำคัญคือ ชื่อของทักษิณ ชินวัตร รวมไปถึงคนที่จะชูขึ้นมา มันเสื่อมมนต์ขลังไปแล้ว ขายไม่ได้เหมือนเก่าอีกต่อไป
คู่ต่อสู้ของพรรคเพื่อไทย นอกจากพลังประชารัฐแล้ว ยังมีภูมิใจไทย ก้าวไกล ไทยสร้างไทย ของคุณหญิงสุดารัตน์ รวมทั้งพรรคสร้างอนาคตไทย ผู้ที่เป็นมือเศรษฐกิจตัวจริงตั้งแต่ทักษิณยังเรืองอำนาจ มาจนถึงยุคประยุทธ์ จันทร์โอชา
การออกมาของครอบครัวชินวัตรวันนี้ ก็พูดได้ว่า แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคำว่า "แลนด์สไลด์" อาจจะเป็นแค่วิสัยทัศน์ที่อยู่ในความฝัน และที่แน่ๆ คือ มันมีความกลัวที่อยู่ภายในใจของทักษิณ ชินวัตร วันนี้ทักษิณเล่นเกม เกมสุดท้ายแล้ว ระดมทุกคนในครอบครัวออกมา ไม่เว้นเลยแม้แต่คนเดียว หงายไพ่ ที่สำคัญเข็นตู้ ATM คือ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ขึ้นมา ตั้งเอาไว้ในที่ทำการ เพื่อให้คนรู้ว่า ATM ตัวจริงมาแล้วนะ
ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันที่ 7 กันยายน ไม่กี่วันมานี้ ศาลปกครองกลางได้พิพากษาคดีที่ BTS ยื่นฟ้อง กทม. ให้ชดใช้เงิน BTS ที่ลงทุนในส่วนต่อขยายที่หนึ่ง ช่วงสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่-บางหว้า ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง ซึ่งค้างชำระหนี้มาตั้งแต่พฤษภาคม 2562 ถึง พฤษภาคม 2564 รวมดอกเบี้ยอีก สองพันสามร้อยสี่สิบแปดล้านบาท ส่วนต่อขยายที่สอง ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ค้างชำระหนี้มาตั้งแต่เมษายน 2560 ถึง พฤษภาคม 2564 รวมดอกเบี้ยอีก เก้าพันสี่ร้อยหกล้านบาท ทั้งหมดนี้คิดเป็นเงินแล้ว หนึ่งหมื่นหนึ่งพันเจ็ดร้อยห้าสิบสี่ล้านบาท ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ทั้งหมดนี้ศาลปกครองกลางบอกว่าเป็นความผิดของ กทม. เอกชนเขาทำงานให้เรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ กทม. ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ เพราะเป็นการผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญากับเอกชน อ๋อ แน่นอนที่สุดครับ บริษัท กรุงเทพธนาคม ระบุว่าจะต้องอุทธรณ์ เพราะมันเป็นสไตล์ครับ จะต้องมีการอุทธรณ์ก่อน แต่อุทธรณ์ไปเท่าไร ดอกเบี้ยก็ขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วกว่าศาลอุทธรณ์ จะอุทธรณ์กลาง หรือว่าศาลปกครองสูงสุด พิพากษาอาจจะสามปีให้หลัง หนึ่งหมื่นหนึ่งพันเจ็ดร้อยกว่าล้าน ก็อาจจะกลายเป็นร่วมๆ สองหมื่นล้าน การฟ้องร้องครั้งนี้ยังไม่รวมค่าจ้างก่อสร้างงานระบบที่มีมูลหนี้อีกไม่ต่ำกว่าสองหมื่นล้านแต่อย่างใด
ท่านผู้ชมครับ เบื้องหน้าเบื้องหลัง เบื้องลึกของปมปัญหาเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว ผมเคยเล่าให้ฟังอย่างละเอียดไปแล้ว ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" EP.141 วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน 2565 คนที่อนุมัติสัมปทาน คนที่ทำในเรื่องนี้ ในยุคนั้นก็คือ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง คุณคีรีออกมาโวยวายลั่นเลย บอกว่า สังคมเข้าใจคุณคีรีผิด เพราะว่าคุณคีรีเป็นเจ้าหนี้ของ กทม. ไม่ใช่จำเลยของสังคม
แล้วก็ยังพูดต่อว่า ที่มีข่าวบอกว่ามีโมเดลสัมปทานแลกหนี้มหาดไทย และ กทม. ในยุค พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นผู้ว่าฯ ไม่จริง เพราะว่าเขาไม่เคยเสนอเลย มันเป็นแพ็กเกจซึ่งกระทรวงมหาดไทย และ กทม. โดยอัศวิน ขวัญเมือง และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นคนเสนอแพ็กเกจนี้ขึ้นมา เขาไม่ได้เกี่ยวข้องเลยแม้แต่นิดเดียว
ส่วนคุณธงทอง จันทรางศุ ท่านเป็นประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม เป็นวิสาหกิจของ กทม. ท่านก็บอกว่า ต้องเจรจากับ BTS ซึ่งก็พูดง่ายๆ ว่าหาทางประนีประนอมกันแล้ว เพราะว่าดอกเบี้ยมันจะไม่หยุด ส่วนคุณชัชชาติ ก็บอกว่าขอหารือทีมกฎหมายอีก ตามปกติธรรมดา จริงๆ แล้ว กทม. และกรุงเทพธนาคม ควรจะต้องฟ้องร้องค่าเสียหายจากผู้ว่าฯ คนก่อน คือ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เพราะอะไร ? ท่านผู้ชมจำได้ไหมผมเคยพูดไปแล้วว่า สมัยผู้ว่าฯ กทม. ชื่อ อัศวิน ขวัญเมือง ได้เซ็นรับโอนค่างานโยธามาจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. หกหมื่นล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2560 มาเป็นของ กทม. โดยพลการ
พล.ต.อ.อัศวิน ก็รู้อยู่แล้วว่าการเดินรถในสองเส้นทางส่วนต่อขยายสายสีเขียวนี้ ท่านรู้อยู่แล้วว่าเดินรถไปก็ขาดทุนทุกเที่ยว ขาดทุนทุกวัน ทำไมไม่ของบประมาณชดเชยมาจากสภา กทม. นอกจากนี้ พล.ต.อ.อัศวิน ยังไม่เคยเก็บค่าโดยสารเลย พอกหนี้กับเอกชนไปเรื่อยๆ เพื่อบีบเข้าไปสู่การแก้ไขสัญญาสัมปทาน 30 ปี กำหนดค่าโดยสารตลอดสาย 65 บาท ซึ่งท่านก็ย้ำแล้วย้ำอีกว่า 65 บาท ไม่แพง แต่ประชาชนเขาด่ากันทั้งเมือง ปรากฏว่าราคา 65 บาทนั้น BTS เอกชนไม่ได้คิด แต่ภาครัฐเป็นคนคิด ตั้งไว้ 65 บาท ตลอดสาย เพื่อแลกกับสัมปทาน 30 ปี
ท่านผู้ชมครับ เมื่อเรามาดูเหตุการณ์ย้อนหลัง ผมเรียนท่านผู้ชมหลายครั้งแล้วใช่ไหม หลายๆ เรื่องที่เกิดขึ้น ผลของมันยังไม่เกิดขึ้น บางครั้งผมชี้แจงไปแล้วท่านผู้ชมอาจจะไม่เข้าใจและอาจจะไม่เห็นด้วย แต่เวลาผ่านไปจนถึงวันนี้มันพิสูจน์ชัดแล้วว่าสิ่งที่ผมพูดมันถูก เพราะขบวนการนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ ปั้นโครงการ ปั้นตัวเลข เพื่อหวังเงินทอนจากผลประโยชน์ ผลกำไรที่ภาคเอกชนจะได้รับ อันนี้ผมไม่รู้ แต่ BTS ตกเป็นจำเลยสังคม
งานนี้สรุปอย่างเดียวคือ ชี้เป้าไปที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ในฐานะอดีตผู้ว่าฯ กทม. เป็นคนผูกเงื่อนปมเอาไว้ พล.ต.อ.อัศวิน ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ หนี้มหาศาล ไม่ใช่ผลักภาระหนี้ทั้งหมดมาเอาภาษีอากรประชาชนเป็นคนจ่าย นี่ผมยังไม่ได้พูดถึงคดีกรณีรถของโฮปเวลล์นะ ซึ่งวันหน้าวันหลังผมจะพูดให้ฟังอีกทีว่าโฮปเวลล์นั้น ศาลปกครองสูงสุดตัดสินแล้วว่าต้องจ่ายให้กับโฮปเวลล์ แต่ก็ยังมีการพยายามดิ้นรนหาเรื่องไปฟ้องโฮปเวลล์ว่าผิดโน่นผิดนี่ เอาล่ะ ท่านผู้ชม ผมเคยพูดแล้วใช่ไหมว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจในองค์กรใดองค์กรหนึ่ง แล้วสร้างความเสียหายให้องค์กรนั้น ต้องรับผิดชอบ มีไหมครับที่คนดูเรื่องนี้ พี่ศรีสุวรรณ จรรยา พี่อย่าอยู่เฉย ดูประเด็นนี้หน่อย แล้วฟ้อง ป.ป.ช. ให้หน่อยว่า พล.ต.อ.อัศวิน คือคนที่ทำให้ กทม. เสียหายถึงหนึ่งหมื่นหนึ่งพันเจ็ดร้อยล้านบาท ท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผมไหมครับ
การสวรรคตของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ที่ผมจะพูดวันนี้ จะเป็นการพูดในหลายๆ มิติ ที่ผมมั่นใจเลยว่าไม่เคยมีใครพูดมาก่อน แบบนี้ เราจะเริ่มด้วยคุณงามความดีที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้ทำให้กับคนอังกฤษ และขณะเดียวกัน ภาพลักษณ์ของพระองค์ท่านก็เป็นที่ชื่นชมของชาวโลก ก็ต้องยอมรับกันอย่างตรงไปตรงมาว่าพระองค์ท่านก็เหมือนกับเป็นไอคอนของโลกองค์หนึ่ง
การสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 8 กันยายน หรือประมาณแปดวันที่แล้ว วันพฤหัสบดีที่แล้ว พระองค์ท่านสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหัน เพราะว่า 6 กันยายน ก่อนสิ้นพระชนม์สองวันเท่านั้นเอง พระองค์ท่านเพิ่งให้นายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ของอังกฤษ ชื่อ นางลิซ ทรัสส์ เข้าเฝ้าฯ ที่ปราสาทบัลมอรัล ในสกอตแลนด์ ที่พำนักพักพิงที่พระองค์ท่านโปรดปรานที่สุด หลังจากที่พระองค์ท่านแต่งตั้งนางทรัสส์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการแล้ว อีกสองวันต่อมาพระองค์ท่านก็สิ้นพระชนม์
ในแวดวงชั้นสูงราชการของอังกฤษ เรื่องสุขภาพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในวัย 96 พรรษานั้น เป็นที่รับทราบมานานแล้ว จริงๆ แล้วอังกฤษได้เตรียมงานมาตั้งอย่างน้อยสามเดือนล่วงหน้า คือวงในคาดว่าพระองค์ท่านอาจจะเป็นมะเร็งที่ใดที่หนึ่ง แต่ด้วยพระชนมายุที่มากแล้ว ก็เลยไม่ได้เข้าสู่การรักษาอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้ทรงรักษาภาพลักษณ์ของประมุขของประเทศไว้ได้ แต่พระองค์ท่านมีพระวรกายที่ซูบผอมลงมากในระยะเวลาเพียงสามเดือนหลังสุด ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่เดือน พระองค์ท่านทรงโปรดปรานเรื่องม้าแข่งมาก เสด็จฯ ไปดูม้าแข่ง พระองค์ท่านเดินขึ้น เดินลง รถพระที่นั่ง และขึ้น-ลงบันไดสนามแข่ง โดยที่ไม่มีผู้ใดต้องมาช่วย
จริงๆ แล้วที่อังกฤษนั้นมีการเตรียมการเรื่องการสวรรคตของพระองค์ท่านและการถ่ายโอนอำนาจไปสู่พระเจ้าชาร์ลสที่ 3 ก็คือเจ้าฟ้าชายชาร์ลส นั่นเอง พระโอรสซึ่งมีพระชนมายุ 73 พรรษา เอาไว้อย่างเพียบพร้อม ภายใต้แผนรองรับ
เขามีแผนรองรับนะท่านผู้ชม ชื่อ "ปฏิบัติการสะพานลอนดอน" หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Operation London Bridge เพราะสะพานลอนดอน (London Bridge) เป็นสถานที่ที่มีชื่อมาก นอกจากเป็นสถานที่ที่มีชื่อแล้ว ยังเป็นหนึ่งในไอคอน หนึ่งในแลนด์มาร์กของประเทศอังกฤษด้วย ได้มีการเตรียมการมาตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 1960 แล้วก็ปรับเปลี่ยนมาเรื่อยๆ เลย
การเสด็จสวรรคตของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่ของโลกเรื่องหนึ่ง เพราะพระองค์ท่านถือว่าเป็นประมุขของจักรวรรดิอังกฤษที่เคยครองโลกมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18-19 จักรวรรดิอังกฤษ ก็คือ British Empire
สมัยก่อนอังกฤษได้ฉายาว่า "ดินแดนที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน" เหตุผลเพราะว่าอังกฤษได้ไปรุกราน ยึดครองอาณานิคม ดินแดนต่างๆ ไว้ ทั่วทุกมุมโลก
พระองค์ท่านทรงครองราชย์อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ กว่า 70 ปี ผมคงไม่ลงรายละเอียดของพระราชพิธีพระบรมศพของพระองค์ท่าน ให้วุ่นวาย เพราะเชื่อว่าท่านผู้ชมที่สนใจและติดตามข่าวสาร ก็คงจะพอรับทราบและสามารถติดตามข่าวสารจากสื่อทั่วๆ ไปมาแล้ว
ประเด็นที่ผมอยากจะพูดวันนี้ เป็นเรื่องที่สื่อ นักวิเคราะห์ หรือคนทั่วไป ไม่ค่อยพูดถึงกันเท่าไรนัก ทางหนึ่งอาจจะไม่รู้ หรือเกาะติดข่าวหวังเอาแค่ประเด็นดรามาเท่านั้น สถานีโทรทัศน์บางแห่งถึงกับขนาดเตรียมตัว ส่งคนไปรายงานข่าวพระราชพิธีพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่กรุงลอนดอน ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 19 กันยายนนี้ ซึ่งก็คืออีกประมาณ 2-3 วัน หลังจากที่รายการนี้ออก ปรากฏว่าสำนักพิมพ์ หรือทีวีหลายช่อง ถอยกรูดกันเลย เพราะว่าพอดูรายการค่าใช้จ่ายแล้ว หลายแสนบาท ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถรายงานข่าวได้ดีกว่าสำนักข่าวต่างประเทศ อย่างเช่น BBC ซึ่งเป็นเจ้าประจำ และเป็นเจ้าที่สำคัญที่สุดในอังกฤษ ก็คงจะรายงานกันเต็มที่ ทั้ง CNN ด้วย
และอีกอย่างหนึ่ง ตอนนี้คนที่ไปอังกฤษจะมีปัญหาเรื่องวีซ่ามาก เพราะว่าถ้าจะทำวีซ่าอังกฤษ ทุกวันนี้ไม่มีทางลัด ต้องต่อคิว รออย่างน้อย 3-4 เดือน
ท่านผู้ชมครับ อย่างที่ท่านผู้ชมทราบว่าในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา หลายร้อยปีที่ผ่านมา อิทธิพลของอังกฤษแผ่ซ่าน ซึมลึกเข้าแทบจะทุกอณูของสังคมไทยอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษา ระบบการศึกษา การเมือง การปกครอง ระบบการคมนาคม เช่น การขับรถพวงมาลัยขวา อาหารการกิน Fish&Chips รวมถึงวัฒนธรรมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย กีฬา ฟุตบอล เพลง ดนตรี ละคร หลายๆ ท่านที่อยู่ในประเทศไทย ผู้รากมากดีทั้งหลายก็พยายามแต่งตัวเหมือนสุภาพบุรุษในอังกฤษ บางคนใส่เสื้อแจ๊กเก็ตลายสก็อต แล้วตรงข้อศอกจะมีแผ่นหนังปิดเอาไว้ นั่นคือเสื้อที่ชนชั้นปกครองชาวอังกฤษ หรือศักดินาชาวอังกฤษ ชอบใส่เสื้อผ้าแบบนี้ออกไปล่าสัตว์ต่างๆ หรือยิงนก ท่านผู้ชมคงเคยเห็นนะครับ
การสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 นั้น เชิงการเมืองการปกครอง และการต่างประเทศในระดับโลก ต้องถือว่าเป็นการสิ้นสุดการแผ่อิทธิพลของจักรวรรดิอังกฤษที่ยาวนานมาหลายร้อยปีอย่างเป็นทางการ คืออังกฤษตกต่ำมามากตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายประเทศที่อยู่ในเครือตัวเองก็ตีจากออกจากอังกฤษไป และอังกฤษไม่ได้มีอำนาจอิทธิพลอะไรเหลืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว มีแค่เกาะอังกฤษ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าอังกฤษตกต่ำมาก ในวันนี้เงินปอนด์ตกต่ำมากที่สุดในรอบ 20-30 ปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ นอกจากนั้นแล้ว ค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพในอังกฤษกำลังตกต่ำอย่างแสนสาหัส แพงขึ้นอย่างมหาศาล เงินคนอังกฤษไม่มีใช้ บิลค่าพลังงานสูงขึ้นอย่างน้อยเป็นเท่าๆ ตัว สมมุติบางคนเคยจ่ายอยู่ 100 ปอนด์ วันนี้ต้องจ่าย 200-300 ปอนด์
การสิ้นพระชนม์ก็คือเป็นสัญลักษณ์อย่างเป็นทางการแล้วว่า หมดแล้วนะ อาณาจักรอังกฤษ จบ
ในยุคสมัยที่มีความรุ่งเรืองที่สุดของจักรวรรดิอังกฤษ คือในช่วงศตวรรษที่ 20 ซึ่งในช่วงนั้น จักรวรรดิอังกฤษกลายเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ท่านผู้ชมครับ จักรวรรดิอังกฤษครอบครองพื้นที่โลกและประชากรมากกว่า 1 ใน 4 ของโลก มีอาณานิคมทั่วโลก ครอบคลุมพื้นที่กว่า 25 ล้านตารางกิโลเมตร กวาดต้อนประชากร และปกครองพลเมืองมากกว่า 400 ล้านคน ทั่วโลก พอหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2 จักรวรรดิอังกฤษก็ประสบความเสื่อมถอยอย่างมาก อย่างที่ผมเคยเล่าไปแล้วก็คือ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงไปในปี 2488 หรือ ค.ศ. 1945 (สองปีก่อนผมเกิด) สหรัฐอเมริกาก็ได้ก้าวขึ้นมากลายเป็นมหาอำนาจของโลก กลายเป็นจักรวรรดิอเมริกา แทนที่จักรวรรดิอังกฤษอย่างเต็มตัว
ท่านผู้ชมครับ แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว เหตุการณ์ที่นักประวัติศาสตร์มักจะใช้เป็นเหตุการณ์อ้างอิงเพื่อบ่งให้เห็นว่านี่คือการสิ้นสุดของจักรวรรดิอังกฤษ คือ หนึ่ง การประกาศเอกราชของอินเดียในปี 2490 หรือที่เขาเรียกว่า Independence of India 1947 สอง การสิ้นสุดการปกครองของอังกฤษเหนือเกาะฮ่องกง ในปี 2540 หรือ ค.ศ. 1997 หรืออีกนัยหนึ่งคือการส่งคืนเกาะฮ่องกงที่อังกฤษปล้นสะดมมาจากจีนแผ่นดินใหญ่เป็นเวลาร้อยกว่าปี นั่นล่ะ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ตอนนั้นเจ้าฟ้าชายชาร์ลส ซึ่งปัจจุบันคือพระเจ้าชาร์ลสที่ 3 ก็เดินทางไปยังฮ่องกงเพื่อส่งมอบฮ่องกงคืนให้อย่างเป็นทางการ ผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยเช่นกัน เพราะว่าผมจงใจที่จะบินไปในวันนั้นเพื่อไปเปลี่ยนผ่านฮ่องกงจากเงื้อมมืออังกฤษมาเป็นเงื้อมมือของจีน โดยที่ขาเข้า คือตอนสิ้นเดือน วันที่ 30 มิถุนายน 1997 เข้าไปก็ประทับตรา Immigration เป็นของอังกฤษ แต่วันรุ่งขึ้นพอส่งมอบเกาะฮ่องกงให้จีนเรียบร้อย ผมบินออก กลับไปหลังจากได้ดูพิธีการต่างๆ ซึ่งฝนตกทั่วเกาะฮ่องกงเลย คนก็บอกว่าเป็นนัยสำคัญว่าฟ้าร่ำร้องให้อังกฤษได้ออกจากเกาะฮ่องกง ซึ่งตัวเองยึดไปอยู่นาน แต่คนข้างจีนก็บอกว่า ฟ้าไม่ได้ร่ำร้องหรอก แต่ฟ้าให้ฝนตกมาไล่อังกฤษไป ชำระล้างกลิ่นอายของอังกฤษออกไป ผมออกไปวันที่ 1 กรกฎาคม 2540 ก็มีตราประทับของจีน หรือเกาะฮ่องกงที่อยู่ภายใต้จีน
การสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 หลังจากครองราชย์มา 70 ปี พระองค์ท่านครองราชย์มาตั้งแต่ 6 กุมภาพันธ์ 2495 ถือว่าเป็นหมุดหมายการเปลี่ยนแปลงใหญ่อีกครั้งหนึ่งของอังกฤษ โดยการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้สื่อความหมายอย่างสำคัญ น่าจับตาอยู่อย่างน้อย 2 ประการ ประการแรก คือ การสิ้นสุดจักรวรรดิอังกฤษ The End of British Empire ซึ่งมีพระราชอำนาจในฐานะสัญลักษณ์ของอังกฤษ และเครือจักรภพทั่วโลก ประการที่สอง บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญสมัยใหม่ จากการสืบอำนาจตามสันตติวงศ์ของราชวงศ์วินด์เซอร์ โดยไม่มีควีนเอลิซาเบธที่ 2 ขณะที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส องค์มกุฎราชกุมาร ผู้ดำรงพระยศเจ้าชายแห่งเวลส์มาอย่างยาวนาน ก็ได้ทรงสืบทอดราชบัลลังก์เป็น พระเจ้าชาร์ลสที่ 3
ย้อนไปปี 2495 ตอนที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ครองราชย์ จักรวรรดิอังกฤษได้ครอบครองดินแดนโพ้นทะเลกว่า 70 แห่ง ตอนนั้นอินเดีย ซึ่งถือเป็นอัญมณีในมงกุฎจักรพรรดิ เพิ่งได้เป็นอิสระจากอังกฤษมา 5 ปี จนทำให้สหราชอาณาจักรต้องมีปฏิญญาลอนดอน ปี 1949 จัดตั้งองค์กรอันหนึ่งขึ้นมาเพื่อรวบรวมอดีตประเทศราชของอังกฤษเข้ามาอยู่ในเครือนี้ เรียกว่า เครือจักรภพ Britain หรือ British Commonwealth ขึ้นมา ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Commonwealth of Nations มีสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เป็นประมุข ซึ่งก่อนที่เครือจักรภพอังกฤษจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อีกในหกสิบปีต่อมา ประเทศอาณานิคม ประเทศแล้วประเทศเล่าที่เป็นประเทศราชของอังกฤษ ประกาศตัวเป็นอิสระ
ผมเอาแผนที่ขึ้นให้ดูว่า จักรวรรดิ British Empire ในปี 1920 หลังลงนามในสนธิสัญญาแวร์ซาย ซึ่งถือเป็นจุดสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษรุ่งเรืองที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก จนได้รับฉายาเป็นจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
ทั้งนี้ ปีที่แล้ว คือปี 2564 หรือปี ค.ศ. 2021 ประเทศหลังสุดที่ประกาศตัวเป็นสาธารณรัฐ แยกอิสระออกไปเลย ที่ไม่ยุ่งแล้วกับอังกฤษ หรือเครือจักรภพ ก็คือประเทศบาร์เบโดส ทำให้อังกฤษเหลือประเทศชาติสมาชิกในเครือจักรภพอยู่เพียง 14 ประเทศ อีก 33 ชาติสมาชิก มีสถานะเป็น "สาธารณรัฐ" อีก 6 ชาติสมาชิก เป็นประเทศมีสถาบันกษัตริย์และราชวงศ์เป็นของตนเอง
ท่านผู้ชมครับ ตลอดระยะเวลา 70 ปีของการครองราชย์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงมีบทบาทสำคัญในการยินยอมให้สหราชอาณาจักรเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรือ อียู ในปี พ.ศ. 2515 ต่อมา ภายใต้การยินยอมของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระองค์ก็ได้ทรงมีพระบรมราชโองการตามที่รัฐบาลขอมา ให้อังกฤษถอนตัวจากอียู ในปี 2561 ซึ่งทำให้การออกจากอียูของอังกฤษ ที่เรียกว่า เบร็กซิท (Brexit) ได้ดำเนินการต่อไป จนกระทั่งวันที่ 31 มกราคม 2564 (ปีที่แล้ว) อังกฤษได้สิ้นสุดการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ที่ยาวนานถึง 48 ปี และได้สร้างประวัติศาสตร์ที่เป็นประเทศแรกในอียู ที่ลาออกจากการเป็นสมาชิก สหภาพยุโรป ลาออกในสมัยที่นายบอริส จอห์นสัน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่พรรคอนุรักษ์นิยม
ปัจจุบัน ณ วันนี้ สถานการณ์ภายในประเทศสหราชอาณาจักร มีความมืด มัวหม่น และโดดเดี่ยว หลังจากการสิ้นพระชนม์ของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ปัญหาทางการเมือง เศรษฐกิจตกต่ำรุนแรง รุมเร้าประชาชน ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คือ นางลิซ ทรัสส์
แหล่งข่าวจากอังกฤษบอกว่า จากการคาดการณ์ในหมู่นักธุรกิจอังกฤษเอง นางทรัสส์ น่าจะอยู่ในตำแหน่งได้เพียง 6 เดือน และอังกฤษน่าจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ประมาณกุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งก็จะเกิดขึ้นก่อนที่ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม-เมษายน ปีหน้า
พระประมุของค์ใหม่ของอังกฤษ พระเจ้าชาร์ลสที่ 3 อยู่ภายใต้สถานการณ์กดดันการปฏิรูปกษัตริย์อังกฤษที่มีนางทรัสส์ เป็นนายกฯ จริงๆ แล้วนางทรัสส์ เมื่ออายุ 19 ตอนที่เธอเรียนอยู่ออกซ์ฟอร์ด เธอเป็นหัวหน้าขบวนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ที่เคยปราศรัยเมื่อปี พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) ไม่เอาสถาบันกษัตริย์ โดยกล่าววิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ ไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจผ่านวงศ์ตระกูลอย่างชัดเจน
นางทรัสส์ พูดว่า ฉันไม่ได้ต่อต้านสมาชิกราชวงศ์คนใดเป็นพิเศษ แต่ฉันต่อต้านความคิดว่าคนบางกลุ่มสามารถเป็นผู้ปกครองได้เพียงเพราะชาติกำเนิด ความคิดว่าคนบางกลุ่มควรเป็นประมุขของรัฐได้เพียงเพราะครอบครัวที่เขาเกิดขึ้นมา นางลิซ ทรัสส์ กล่าวไว้เมื่อตอนอายุ 19 ปี เธอยังเป็นยุวสมาชิกของพรรคเสรีนิยมประชาธิปไตยของอังกฤษด้วย
ผมเอารูปนางลิซ ทรัสส์ ให้ดู หน้าตาก็สดใส ดูน่ารัก สวยงาม ไม่เหมือนวันนี้ เหมือนแม่มดคนหนึ่ง ยิ่งเป็นคนที่ก้าวร้าว ทำให้นางลิซ ทรัสส์ เมื่อเทียบรูปตอนนี้กับรูปสมัยอายุ 19 มันคนละเรื่องกันเลย
แต่จากวันนั้นมา ผ่านมา 28 ปี นางลิซ ทรัสส์ ได้เปลี่ยนจุดยืนมาเป็นผู้นำฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งพรรคอนุรักษ์นิยม หรือ Conservative Party ของอังกฤษนั้น สนับสนุนราชวงศ์อังกฤษ ได้เข้าเฝ้าฯ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 เพื่อรับตำแหน่งนายกฯ อย่างเป็นทางการ จัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ เธอได้กล่าวถ้อยแถลงถึงการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่ทำเนียบหมายเลข 10 ของถนนดาวนิง เธอบอกว่า "พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดของเรา นับเป็นความสำเร็จที่ไม่ธรรมดาแห่งการเป็นพระประมุขด้วยศักดิ์ศรีและความสง่างามเช่นนี้ มาเป็นเวลา 70 ปีแล้ว"
แล้วเมื่อกล่าวถึงพระมหากษัตริย์องค์ใหม่ ที่นางทรัสส์ เคยพูดสมัยเป็นเด็กอายุ 19 ว่าไม่เห็นด้วย ทำไมต้องสืบทอดอำนาจกัน นางทรัสส์ ตอนนี้บทบาทก็คือเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม ก็เลยเผยโฉมหน้าใหม่อีกโฉมหน้าหนึ่ง บอกว่า เราถวายความภักดีและอุทิศตนต่อพระองค์ (พระเจ้าชาร์ลสที่ 3) เช่นเดียวกับที่พระมารดาของพระองค์อุทิศตนอย่างมาก ให้กับคนมากมายเป็นเวลานาน และเมื่อยุคควีนเอลิซาเบธที่ 2 ล่วงเลยไปแล้ว เราเข้าสู่ศักราชใหม่ในประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของเรา ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประสงค์ ด้วยการกล่าวว่า "God Save the King" สมัยก่อนก็เป็น "God Save the Queen" วันนี้กลายเป็น "God Save the King" ก็คือ ขอให้พระเจ้าทรงคุ้มครองพระราชา
ท่านผู้ชมครับ เป็นที่ทราบกันดีว่าพระประมุของค์ใหม่ กษัตริย์ชาร์ลสที่ 3 ไม่มีพระบารมีมากเท่าพระมารดา มีการสำรวจความคิดเห็นประชาชนหลายๆ ด้าน ตั้งแต่เมื่อเดือนธันวาคม 2563 สองปีที่แล้ว และเมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 ได้ผลลัพธ์ตรงกันว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส ยังมีคะแนนนิยมต่ำกว่าพระราชมารดา และคะแนนนิยมยังต่ำกว่า เจ้าชายวิลเลียม ซึ่งปัจจุบัน ตอนนี้ได้ปรับสถานภาพขึ้่นมาเป็นมกุฎราชกุมาร คือเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ คือเมื่อใดก็ตาม ราชวงศ์ขึ้นไปเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ ก็แสดงว่าเป็นมกุฎราชกุมารแล้ว ตำแหน่งของเจ้าชายนั้นเป็นตำแหน่งที่ชี้ให้เห็น เหมือนกับสมัยจีนไม่มีผิดเลย จะมีอ๋อง ชินหวัง หรือ ฉู่หวัง อะไรพวกนี้ จะมีหวังหนึ่งที่แสดงสถานภาพว่าเป็นรัชทายาท และสามารถเข้าไปอยู่ในพระราชวังตะวันออก พระราชวังตะวันออกในจีน คือพระราชวังที่รัชทายาทอยู่
กลุ่มต่อต้าน เรียกตัวเองว่า Republic เคยรณรงค์ ระดมทุนซื้อป้ายโฆษณาแล้วเขียนข้อความว่า "NO MAN SHOULD BE KING" เรียกร้องให้ระบอบการปกครองแบบราชาธิปไตยในอังกฤษควรจบสิ้นลงพร้อมกับการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 คือพูดง่ายๆ ว่า มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งบอกว่า พอสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 สิ้นพระชนม์แล้ว ก็พอ จบเพียงแค่นั้นได้แล้ว
ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเราย้อนดูประวัติศาสตร์ในอดีตที่ผ่านมา จะพบว่าการแยกรัฐอังกฤษออกจากระบอบกษัตริย์ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ใช่ไม่เคยเกิด ในยุคโบราณ เมื่อประมาณเกือบสี่ร้อยปีที่แล้ว ในรัชสมัยพระเจ้าชาร์ลสที่ 1 ซึ่งครองราชย์ระหว่าง 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 1600 จนถึง 30 มกราคม ค.ศ. 1649 ก็ประมาณ 49 ปี ครองราชย์เป็นพระเจ้าแผ่นดินแห่งราชอาณาจักรอังกฤษสมัยราชวงศ์สทิวเวิร์ต (House of Stuart) รวมทั้งพระมหากษัตริย์แห่งสกอตแลนด์ และไอร์แลนด์ และในที่สุดแล้วพระเจ้าชาร์ลสที่ 1 ก็ถูกสำเร็จโทษตัดศีรษะในปี 1649 ในสงครามกลางเมืองอังกฤษ ซึ่งนำไปสู่การเว้นวรรคการมีสถาบันกษัตริย์อังกฤษชั่วคราว
หลังจากนั้น พระเจ้าชาร์ลสที่ 2 ซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าชาร์ลสที่ 1 เสด็จขึ้นสู่ราชบัลลังก์ในยุคของการฟื้นฟูราชวงศ์อังกฤษ แต่อำนาจเบ็ดเสร็จที่กษัตริย์เคยครอบครอง จำต้องยอมจำนนต่อการปกครองของรัฐสภา ทรงผ่านการรับรองโดยรัฐสภาแห่งสกอตแลนด์ และรัฐสภาแห่งไอร์แลนด์ รัฐอังกฤษ กับระบอบกษัตริย์ ผ่านเหตุการณ์และการเปลี่ยนแปลงมาหลายยุคหลายสมัย จนกระทั่งถึงวันนี้
ผมเอาข้อมูลจาก ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ ท่านเหมาะสมที่จะเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์อังกฤษที่สุด เพราะว่าท่านจบทางวิชาการจากบูรพคดีศึกษา สังกัดมหาวิทยาลัยมหิดล และท่านเป็นนักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา สังกัดมหาวิทยาลัยมหิดล ท่านจบการศึกษาระดับปริญญาโทจากโซแอส (SOAS : School of Oriental and African Studies) โซแอส คืออะไร ? โซแอส คือ วิทยาลัยบูรพคดีศึกษาและการศึกษาของแอฟริกา ก็คือว่าเป็นการศึกษาต่างประเทศ เรื่องราวต่างประเทศ แอฟริกา และเอเชีย ของมหาวิทยาลัยลอนดอน
ดร.ปฐมพงษ์ ยังจบปริญญาเอกจากคณะบูรพคดีศึกษา สถาบันตะวันออก จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ระบุถึงระบบการเมืองอังกฤษในปัจจุบันว่า อังกฤษเป็นประเทศที่ผู้คนเคารพจารีตประเพณีดั้งเดิมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของอังกฤษมาก เมื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงพาประชาชนบุกเบิกสร้างชาติ อยู่ร่วมกับประชาชนในอังกฤษมาช้านาน รัฐบาลอังกฤษจึงมีวิธีคุ้มครองสถาบันกษัตริย์ โดยกำหนดให้มีสภาบน หรือสภาขุนนาง ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า The House of Lords มีสมาชิก 756 คน ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่เอาไว้กลั่นกรองกฎหมายอย่างเดียว
ดร.ปฐมพงษ์ พูดต่อว่า ผมเคยถามเพื่อนชาวอังกฤษที่เรียนหนังสือด้วยกันว่า เมื่อสภาบน หรือ The House of Lords ที่อังกฤษเรียก ไม่ได้เป็นตัวแทนประชาชน แล้วอังกฤษจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร เพื่อนชาวอังกฤษบอกว่า อังกฤษไม่ได้เลือกตัวแทนประชาชนเข้ามา แต่เลือกตัวแทนประชาชนที่มาจากตระกูลหรือวงศ์วานที่เป็นเสาหลักของอังกฤษในทางวัฒนธรรมและจารีตประเพณีมาช้านาน โดยตรง มาเป็นเวลานานแล้ว
ท่านผู้ชมคงจำได้ใช่ไหม ตำแหน่งบางตำแหน่ง เช่น ตำแหน่งท่านเซอร์ ท่านลอร์ด ท่านเอิร์ล พอตัวพ่อตายแล้ว ตัวลูกก็สืบทอดตำแหน่งนี้โดยอัตโนมัติ
ดร.ปฐมพงษ์ พูดต่อ ถ้าบอกว่าจะเลือกตัวแทน คือเลือกตัวแทนประชาชนที่ยึดมั่นในจารีตประเพณี เอกลักษณ์ หรืออัตลักษณ์ของอังกฤษนั่นเอง เอามาเป็นสมาชิกสภาสูง คนที่ได้รับแต่งตั้งเข้ามาเป็นสมาชิกวุฒิสภา มีกลุ่มตัวแทนศาสนจักร ตัวแทนตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่มีประวัติร่วมสร้างและพัฒนาอังกฤษ ตระกูลคหบดีที่รู้จารีตประเพณีอังกฤษก็มี ดร.ปฐมพงษ์ พูดต่อว่า คนเหล่านี้ได้รับสิทธิพิเศษ คือการแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา เพราะเขาได้ตระหนักถึงความสำคัญ อัตลักษณ์ เอกลักษณ์ หรือจารีตประเพณีของความเป็นอังกฤษอย่างดี บรรพบุรุษของคนเหล่านี้เคยร่วมสร้างสหราชอาณาจักรมาก่อน รัฐบาลอังกฤษจึงให้ความสำคัญ จึงคัดเลือกคนเหล่านี้มาเป็นสมาชิกวุฒิสภา The House of Lords
พูดง่ายๆ ว่า แม้เวลาจะผ่านไป แต่การพัฒนาประเทศของอังกฤษก็จะต้องดำเนินไปบนพื้นฐานของการอนุรักษ์จารีตประเพณีของอังกฤษเอาไว้ รวมทั้งดำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง
ดร.ปฐมพงษ์ พูดต่อว่า ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าสภาล่างจะเสนอร่างกฎหมายอะไรเข้าสู่สภา จะต้องถูกสภาสูง คือ The House of Lords หรือสภาบน ตรวจสอบ เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกฎหมายใหม่จะไม่ไปทำลายวัฒนธรรมหรือจารีตประเพณีดั้งเดิมของอังกฤษ ร่างกฎหมายทุกฉบับจึงถูกสภาบน หรือสภาสูง ที่เรียกว่า The House of Lords กลั่นกรองอย่างละเอียดเสมอ เพราะกลไกรัฐสภาสร้างขึ้นมาเพื่อคุ้มครองสถาบันกษัตริย์เช่นนี้เอง จึงไม่มีทางเลยที่นักการเมืองคนไหนที่ตั้งใจจะโค่นล้มสถาบันกษัตริย์ในอังกฤษ จะเสนอร่างกฎหมายให้ได้รับการยอมรับและผ่านสภา เพราะต้องฝ่าด่าน The House of Lords จำนวน 756 คน ไปก่อนนั่นเอง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ The House of Lords นี่เอง คือปราการสำคัญที่ช่วยกันท่ามิให้รัฐบาลออกกฎหมายตามใจรัฐบาลอเมริกา เมื่อถูกอเมริกากดดันไปทุกเรื่อง
ท่านผู้ชมครับ เมื่อกี้นี้คือความเห็นและคำพูดของ ดร.ปฐมพงษ์
เรากลับมาที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เจ็ดสิบปีที่พระองค์ครองราชย์อยู่นั้น มีความโดดเด่น คนอังกฤษภูมิใจมาก ทรงเป็นกษัตริย์อังกฤษคนสุดท้ายที่ค้ำจุนสถาบันกษัตริย์ในระบอบการปกครองของอังกฤษอย่างต่อเนื่อง ยาวนานที่แท้จริง ในขณะที่กษัตริย์ชาร์ลสที่ 3 หรือดีตเจ้าฟ้าชายชาร์ลส เมื่อก่อนวันที่ 8 กันยายน ทรงเข้าสู่ปัจฉิมวัย คือ 73 พรรษาแล้ว ในฐานะองค์ประมุขแห่งจักรวรรดิอังกฤษ พระองค์ท่านแทบไม่มีพระราชอำนาจ เพราะราชสำนักได้โอนให้แก่รัฐบาลและรัฐสภาเกือบหมดสิ้น แม้ว่าหัวหน้ารัฐบาลจะมากราบทูลรายงานกษัตริย์ทุกสัปดาห์ก็ตาม สถานภาพของราชวงศ์อังกฤษนับวันจะจางหายไป และน่าจะนับได้ว่าเป็นจุดจบของจักรวรรดิอังกฤษที่ผ่านยุครุ่งโรจน์ และเสื่อมถอยลงแบบตะวันตกดิน อังกฤษมิใช่ดินแดนที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกเช่นในอดีตกาลอีกต่อไป
ท่านผู้ชมครับ เมื่อกี้นี้ผมเล่าเรื่องของความเป็นมาของควีนเอลิซาเบธที่ 2 และบทบาทของพระองค์ท่าน และสถาบันกษัตริย์ที่มีต่อประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร ตลอดจนบทบาทของกษัตริย์ต่างๆ ที่เคยมีมาในอดีต ก็มีข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ แถมพกก่อนที่ผมจะพูดข้อมูลอีกด้านหนึ่งของอังกฤษ คือด้านมืด อังกฤษก็เป็นสายดาร์กเหมือนกัน ท่านผู้ชมอย่าไปคิดว่าอังกฤษเป็นสายสว่าง
มีข้อมูลว่า ในการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในอังกฤษ ตั้งแต่ตรา ตั้งแต่ชื่อ ตั้งแต่ทุกอย่าง จากควีนเอลิซาเบธที่ 2 มาเป็นกษัตริย์ชาร์ลสที่ 3 อังกฤษต้องใช้งบประมาณสูงถึง 6 พันล้านปอนด์ (1 ปอนด์ เท่ากับประมาณ 40 บาท 1 พันล้านปอนด์ ก็ 4 หมื่นล้านบาท 240,000 ล้านบาท ในการเปลี่ยนทุกอย่างในประเทศอังกฤษ เพราะว่าควีนเอลิซาเบธที่ 2 ท่านอยู่อังกฤษมาตั้งนานแล้ว ปกครองมา 70 ปี ทุกอย่าง ทั้งผ้าคลุมโต๊ะ ทั้งตรา ทุกอย่าง หมดเลย เป็นรูปลักษณ์ของควีนเอลิซาเบธ
จนกระทั่งมาถึงคิงชาร์ลสที่ 3 รัฐบาลอังกฤษต้องเปลี่ยนหมดทุกอย่าง ใช้งบ 6 พันล้านปอนด์ ก็คงจะเป็นขี้ปากให้กับบรรดาคนซึ่งต่อต้านสถาบันกษัตริย์ เอามาพูด เพราะเผอิญอังกฤษช่วงนี้กำลังลำบากมาก ประชาชนไม่มีเงินไม่มีทองกินกัน ค่าพลังงานสูง ก็ต้องมีคนโวยวาย ขนาดประชาชนลำบากแค่นี้ยังต้องใช้เงินตั้ง 6 พันล้านปอนด์ เพื่อเปลี่ยนหัวกระดาษจดหมาย เปลี่ยนตราสัญลักษณ์ตามที่ต่างๆ โน่นนี่นั่น ก็ว่ากันไป
อังกฤษสายดาร์ก ด้านมืดของอังกฤษมีครับท่านผู้ชม มีเยอะมาก เป็นเพียงแต่ว่าท่านผู้ชมหลายๆ ท่านไม่ใส่ใจในเรื่องพวกนี้ วันนี้ผมจะเอามาเปิดให้หมด ก็อย่างที่เรียนให้ท่านทราบว่า รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" มีข้อมูลอะไรที่เป็นจริง ผมก็จะเปิดให้หมด
การก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจอย่างยาวนานหลายศตวรรษ หลายร้อยปี ของจักรวรรดิอังกฤษ นอกเหนือไปจากการล่าอาณานิคมเพื่อแผ่ขยายอิทธิพลทุกวิถีทางไป เพื่อดูดกลืนทรัพยากรที่มีค่ากลับไปที่ประเทศตัวเอง
ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่รับรู้กันในบรรดานักประวัติศาสตร์ แม้กระทั่งประวัติศาสตร์อังกฤษเองก็รู้ แต่ก็มีหลายกรณีที่ทั้งๆ ที่รู้ ก็ยังหน้าด้านอมทรัพย์สมบัติที่ตัวเองไปปล้นสะดมมา ซึ่งเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง
ผมเคยเล่าให้ฟังแล้วว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศจีนในยุคช่วงรัชสมัยของราชวงศ์ชิง ที่เกิดกรณีกองทัพอังกฤษ และฝรั่งเศส รวมทั้งกองทัพ 8 ชาติ เข้าไปบุกปล้นพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง รวมไปจนถึงการปล้นทรัพย์สิน เผาพระราชวังหยวนหมิงหยวน ซึ่งเป็นพระราชวังฤดูร้อนอันเก่าที่อยู่ชานกรุงปักกิ่ง ได้ทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก มหาศาลหลายล้านชิ้น จำนวนหนึ่งในทรัพย์สินที่ทรงคุณค่ามากที่สุด คือรูปปั้น 12 นักษัตรของจีน ผมเอารูปขึ้นให้ดู นาฬิกาพ่นน้ำ 12 นักษัตรแห่งพระราชวังฤดูร้อน หยวนหมิงหยวน
หยวนหมิงหยวน นี่เขาบอกว่าใหญ่และสวยกว่าพระราชวังแวร์ซายมาก
รูปปั้น 12 นักษัตรของจีนเป็นประติมากรรมโดดเด่นในสวนน้ำพุ บริเวณพระราชวังหยวนหมิงหยวน หรือพระราชวังฤดูร้อนหลังเก่าอันยิ่งใหญ่สมัยศตวรรษที่ 19 ของราชวงศ์ชิง พระราชวังหยวนหมิงหยวน มีฉายาว่า "สรวงสวรรค์แห่งสวนหมื่นสวน" อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่าสวยกว่าพระราชวังแวร์ซาย มีอาณาบริเวณ 2 พันไร่ วังประกอบด้วยตำหนักถึง 1 พันหลัง มีจุดชมวิว 1 ร้อยแห่ง สถาปัตยกรรม ศิลปะตกแต่ง ล้วนปราณีต เป็นที่เลื่องลือ
นาฬิกาพ่นน้ำ 12 นักษัตร จักรพรรดิเฉียนหลงฮ่องเต้ ได้สั่งให้จูเซปเป้ กาสติลิโอเน ศิลปินชาวอิตาลี เป็นผู้ออกแบบ แล้วสร้างขึ้นมาโดยช่างฝีมือชาววัง เป็นประติมากรรมบรอนซ์ หรือโลหะสำริด รูปหัวสัตว์ทั้ง 12 นักษัตร ลักษณะลำตัวเป็นคน หัวสัตว์ประจำนักษัตรเป็นตัวแทนในช่วงเวลา 12 ชั่วยาม คือการนับเวลาของจีนนั้น เขานับแค่ 12 ชั่วยาม 1 ชั่วยาม เท่ากับ 2 ชั่วโมง ผมเอารูปให้ดู
ภาพแบบจำลองประติมากรรมรูปหัวสัตว์ทั้ง 12 ของนาฬิกา เมื่อถึงช่วงเวลาใดของนักษัตรใด หัวนักษัตรนั้นก็จะพ่นน้ำออกมา เป็นเวลานานถึง 2 ชั่วโมง หรือ 1 ชั่วยามของจีน เมื่อเวลาถึงเที่ยงตรง ทั้ง 12 หัวนักษัตร ก็จะพ่นน้ำออกมาพร้อมกัน เป็นภาพที่งดงาม มีชีวิตชีวา และเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิเฉียนหลงมาก
ท่านผู้ชมครับ ระหว่างสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 กองทัพอังกฤษ และฝรั่งเศส สงครามฝิ่นนี่สั้นๆ สำหรับท่านผู้ชมที่ไม่รู้เรื่องประวัติศาสตร์เลย คืออังกฤษเอาฝิ่นไปขายจีน เพื่อที่จะเอาเงินจากการขายฝิ่นไปซื้อผ้าไหม ซื้อเครื่องเคลือบ ใบชา กลับไปที่อังกฤษ แล้วตอนหลังมีคนรักชาติ แม่ทัพราชวงศ์ชิงหลายคน รวมทั้งราชวงศ์ชิง มีความรู้สึกว่าอังกฤษเอายาพิษมาให้คนจีน ก็เลยต่อต้าน สั่งปิดโน่นปิดนี่ ไม่ให้ค้าขาย ก็เลยโดนอังกฤษใส่ความ ว่าประเทศจีนไม่ยอมรับทฤษฎีการค้าเสรี คือพูดง่ายๆ ว่าอังกฤษต้องการให้เปิดการค้าเสรี ส่วนตัวเขาจะเอายาพิษไปให้คนจีนอย่างไร เขาถือว่าเขาไม่สนใจ นี่คือการค้าเสรี คุณห้ามไม่ได้
กองทัพอังกฤษ และฝรั่งเศส ตอนนั้น ยาตราทัพถึงกรุงปักกิ่งในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2403 ร้อยกว่าปีที่แล้ว สงครามฝิ่นครั้งที่ 2 ตอนนั้นจวนจะสิ้นสุด หลังจากอังกฤษ และฝรั่งเศส รบจีนมา 4 ปี ในตอนแรกพวกทหารเพียงเข้าปล้นชิงข้าวของในพระราชวัง ซึ่งปัจจุบันนี้เขาเรียกว่าพระราชวังฤดูร้อนเก่า แต่ได้ย้อนกลับมาเผาพระราชวังหยวนหมิงหยวน เพราะต้องการแก้แค้นตัวประกันชาวฝรั่งเศสและอังกฤษที่ถูกทรมานและฆ่าตาย ช่วงระหว่างนั้นเอง มีการปล้นสะดมสมบัติล้ำค่าในวัง ทั้งรูปปั้นหัวนักษัตรทั้ง 12 หัว ถูกตัดออกไปเลย
คือหัวเป็นรูปหัวนักษัตร เป็นรูปแพะ รูปหมู รูปวัว แต่ตัวเป็นตัวคน ก็ตัดเอาแต่หัวไป เป็นเวลานานกว่าร้อยปีที่ประติมากรรมหัวสัตว์ นาฬิกาพ่นน้ำ 12 นักษัตร พลัดพรากจากบ้านไป จนถึงปี 2528 จึงได้เริ่มทยอยกลับบ้าน โดยที่ทยอยกลับไม่ใช่อังกฤษคืนให้นะ คือพวกนี้ พอเงินทองไม่มี คนที่เก็บซ่อนสมบัติที่ปล้นชิงมา ลูกหลานก็เอามาประมูล ประติมากรรมพวกนี้จะประมูลผ่านใครล่ะ ถ้าไม่ใช่บริษัทประมูลซัทเทบีส์ (Sotheby's) หรือไม่ก็ คริสตี (Christie's) ของอังกฤษ
ปัจจุบันประติมากรรมเริ่มทยอยกลับบ้าน หลายชิ้นคนจีนเข้าไปประมูลเพื่อเอากลับมาประเทศจีน 12 นักษัตรที่ได้กลับบ้านแล้ว มีอยู่ 7 ชิ้่น ได้แก่ คนปีวัว คนปีเสือ คนปีลิง หมู หนู กระต่าย และ ม้า ส่วนอีก 5 ชิ้น ไม่รู้ว่าอยู่หนไหน มีงูใหญ่ ก็คือมังกร มีหมา สุนัข มีงูเล็ก แพะ และ ไก่
ท่านผู้ชมครับ ผมเอารูปให้ดูรูปหนึ่ง เป็นรูปนายสแตนลีย์ โฮ มหาเศรษฐีแห่งมาเก๊า ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว เขาเป็นคนควักเงินสมัยนั้น 69 ล้านเหรียญฮ่องกง คิดเป็นเงินไทยกว่า 320 ล้านบาท สมัยนั้น หลายสิบปีแล้ว ถ้าคิดเป็นเงินปัจจุบันนี้ก็เป็นพันล้านบาทแล้ว 1-2 พันล้านบาท ได้ประมูลหัวม้าสำริดจากงานประมูลของซัทเทบีส์ เมื่อเขาได้มาแล้ว เขาบริจาคคืนให้ประเทศจีน สำนักงานบริหารมรดกประเทศ หัวม้าสำริดนี้เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะตะวันออก และ ตะวันตก ที่งดงามยิ่ง
ท่านผู้ชมครับ นี่ผมไม่ได้พูดเฉพาะประเทศจีนอย่างเดียวแล้วนะ ดินแดนที่มีอารยธรรมอันยาวนานหลายพันปี อย่างจีน ที่ถูกชาติตะวันตก นำโดยจักรวรรดิอังกฤษ เป็นผู้นำปล้นชิง แต่อู่วัฒนธรรมของเอเชียแห่งหนึ่ง คืออินเดีย ซึ่งอังกฤษยึดไปเป็นเมืองขึ้นนานกว่า 2 ศตวรรษ สองร้อยกว่าปี อินเดียได้รับความเจ็บช้ำน้ำใจไม่น้อย ไม่นับรวมอีกหลายต่อหลายประเทศในดินแดน อย่างเช่น อียิปต์ รวมถึงแอฟริกา และตะวันออกกลาง
อย่างไรก็ตาม การแผ่อิทธิพลอันยาวนานหลายสิบ หลายร้อยปี ของชาติตะวันตก ปล้นชิง ปล้นสะดม ฆ่าคน ของชาติตะวันตก ยังทำให้คนเอเชียและคนไทยอีกจำนวนมากยังทะลึ่งไปลุ่มหลง หลงใหล เชิดชู ชื่นชอบอังกฤษแบบไม่ลืมหูลืมตา ด้วยอิทธิพลทางวัฒนธรรมที่ได้รับการบ่มเพาะและฝังรากมานาน ไม่ว่าจะผ่านการไปศึกษาต่อ หรือไปเที่ยว แต่พวกนี้จะไม่เข้าใจและไม่เคยศึกษาความรู้เรื่องราวความจริงในประวัติศาสตร์ด้านมืดของอังกฤษ นั่นคือการปล้นสะดมของราชอาณาจักรอังกฤษนั่นเอง
ท่านผู้ชมครับ ไหนๆ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ก็สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ผมจะรวบรวมข้อมูลและช่วยเปิดหูเปิดตาท่านผู้ชมบางส่วน ว่าทรัพย์สมบัติที่มีค่ามหาศาล ที่อังกฤษปล้นสะดมไป มีชิ้นสำคัญๆ ชิ้นไหนบ้าง สัก 10 ตัวอย่าง
ชิ้นแรกที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ สำคัญที่สุด และเป็นประเด็นถกเถียงในอดีต จนถึงปัจจุบัน ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นข่าวใหญ่จากสื่อทั่วโลก เมื่อประมาณ 1-2 อาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อเร็วๆ นี้เองหลังจากที่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 สิ้นพระชนม์ไปแล้ว เป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา และข่าวนี้น่าจะเป็นประเด็นขัดแย้งต่อไปถึงอนาคตด้วย อันแรกเลย คือ เพชรโคอินัวร์ (Koh-i-Noor)
เพชรโคอินัวร์ ถูกขนานนามว่า เพชรอาถรรพ์ เป็นอภิมหาโคตรเพชรในโลกนี้ ใหญ่ที่สุดในโลก อดีต โคอินัวร์ เป็นเพชรที่มีน้ำหนักกว่า 105.6 กะรัต ถูกค้นพบในศตวรรษที่ 12 ที่เหมืองกอลลูร์ รัฐอานธรประเทศ ซึ่งเป็นรัฐทางอินเดียตอนใต้
ข้อมูลทางประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่า โคอินัวร์ อยู่ในมืออังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2392 ในฐานะส่วนหนึ่งของสัญญากับมหาราชแห่งละฮอร์ หลังจากสงครามแองโกล-ซิกข์ ในตอนนั้น เพชรนี้มีน้ำหนัก 186 กะรัต โดยเมื่อปี 1847 มหาราชทุลีปสิงห์ ทรงถูกแยกจากพระมารดา และส่งไปยังอังกฤษ จากนั้นเพชรโคอินัวร์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องราชกกุธภัณฑ์สหราชอาณาจักร และเพชรนี้กลายเป็นหนึ่งในเพชร 2,800 เม็ด ที่ประดับอยู่บนมงกุฎของกษัตริย์อังกฤษ ร่วมกับพลอย แซฟไฟร์ อัญมณีอื่น ตั้งแต่ปี 2480 และมันเป็นของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จนกระทั่งพระองค์สิ้นพระชนม์ และมงกุฎชิ้นนี้จะส่งต่อไปให้สมเด็จพระราชินีคามิลลา ซึ่งเป็นภรรยาของกษัตริย์ชาร์ลสที่ 3 ซึ่งจะทรงได้รับการแต่งตั้งพร้อมกับกษัตริย์ชาร์ลสที่ 3 ในพิธีราชาภิเษกที่จะมีขึ้น
ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ารัฐบาลอินเดียเคยร้องขอเพชรโคอินัวร์คืนหลายครั้ง แต่สุภาพบุรุษอังกฤษปฏิเสธมาตลอด
8 กันยายน 2565 หลังจากการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ชาวอินเดียบางส่วนก็เลยออกมาปลุกกระแสเรียกร้องทวงเพชรโคอินัวร์คืน โดยอ้างว่าถ้ากษัตริย์พระองค์ใหม่ของสหราชอาณาจักรทรงไม่สวมมงกุฎนี้ ก็ควรคืนให้กับผู้เป็นเจ้าของ คือสมัยก่อนนี้ ควีนเอลิซาเบธเป็นกษัตริย์ สวมมงกุฎนี้ ก็เลยยอมได้ แต่ตอนนี้ควีนเอลิซาเบธสิ้นแล้ว ถึงเวลาคืนเพชรแล้ว เพราะว่ากษัตริย์ชาร์ลสที่ 3 จะสวมมงกุฎได้อย่างไร แต่หารู้ไม่ ตอนนี้อังกฤษก็ผ่องสมบัติชิ้นนี้ให้กับสมเด็จพระราชินีคามิลลาแทน
มีคนอินเดียทวีตว่า เพชรถูกขโมย แล้วก็บอกว่าคนอังกฤษสร้างความมั่งคั่งจากความตายและความอดอยากของอินเดีย และปล้นสะดมไป
ท่านผู้ชมครับ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชาวอินเดียขอคืนเพชรโคอินัวร์ เมื่อตอนอินเดียได้รับเอกราชเมื่อปี 2490 รัฐบาลอินเดียได้เรียกร้องในปีพิธีจัดราชาภิเษกของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ในปี 2495 ห้าปีให้หลัง หลังจากที่อินเดียประกาศเอกราช แต่รัฐบาลสหราชอาณาจักรก็ยังทำตัวหูหนวก ตาบอด และโต้แย้งว่า ไม่มีเหตุผลทางกฎหมายจะชดใช้ค่าเสียหาย หรือส่งคืนเพชรโคอินัวร์ให้กับอินเดีย ก็อุปมาอุปไมยเหมือนเราค้นพบว่าสมบัติเราถูกโจรขโมยไป แล้วขอให้โจรคืนให้ อังกฤษก็คือโจรนั่นเอง โจรก็บอกว่าไม่คืน ไม่มีเหตุผลทางกฎหมายที่ต้องคืนให้
หนังสือมหากาพย์โคอินัวร์ คนอังกฤษเขียน ชื่อ วิลเลียม ดัลริมเปิล และ อนิตา อานันท์ คนอินเดีย ได้เล่าตำนานเพชรโคอินัวร์ไว้ ตอนที่เพชรโคอินัวร์ตกมาถึงมืออังกฤษ เพชรมีขนาน 190.3 กะรัต ยังมีเพชรที่มีเพชรที่มีขนาดไล่เลี่ยกับโคอินัวร์อีกอย่างน้อย 2 เม็ด คือ ดาเรียอินัวร์ ตอนนี้อยู่ที่กรุงเตหะราน ประเมินว่าในปัจจุบันมีขนาด 175-195 กะรัต เป็นยอดเพชรแห่งราชวงศ์โมกุล ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเรื่องเพชรเชื่อว่า เพชรออลอฟ ซึ่งมีขนาด 189.9 กะรัต เพชรทั้งสามเม็ดออกจากอินเดียหลังจากที่นาดีร์ชาห์ ผู้ปกครองอิหร่าน กรีฑาทัพบุกอินเดียเมื่อปี 2282 และปล้นสะดมสมบัติในท้องพระคลังไป จนกระทั่งเมื่อต้นศตวรรษที่ 19 โคอินัวร์จึงกลายเป็นเพชรที่โด่งดัง เมื่อตกไปอยู่ในมือของผู้ครอบครองในรัฐปัญจาบ
ทั้งนี้ โคอินัวร์ตอนที่ยังไม่เจียระไน เป็นเพชรที่มีตำหนิ ในตัวเพชรมีรอยด่างออกสีเหลืองหลายรอย บางรอยมีขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้มันไม่สะท้อนแสง และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่เจ้าชายอัลเบิร์ต พระสวามีของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ทรงปรารถนาให้มีการเจียระไนเพชรโคอินัวร์
ท่านผู้ชมครับ ในบันทึกเครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งสหราชอาณาจักร ระบุว่า ในปี 2395 ณ กรุงอัมสเตอร์ดัม ภายใต้การกำกับของเจ้าชายอัลเบิร์ต และผู้เชี่ยวชาญทางอัญมณี นายเจมส์ เทนแนนท์ เจียระไนเพชรโคอินัวร์จากดั้งเดิม 186 หนึ่งส่วนหกกะรัต หนัก 37.21 กรัม ให้เหลือเพียงขนาดปัจจุบัน คือ 105.602 กะรัต หรือหนักเพียง 21.61 กรัม เพื่อเพิ่มการสะท้อนแสง ทั้งหมดนี้ได้ลดขนาดของเพชรลงถึง 42 เปอร์เซ็นต์
จากนั้นก็นำเพชรโคอินัวร์ไปประดับมงกุฎที่สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย มักทรงอยู่บ่อยๆ เก็บรักษาไว้ที่พระราชวังวินด์เซอร์ ซึ่งปกติแล้วสมบัติประเภทนี้ต้องเก็บรักษาไว้ที่หอคอยแห่งกรุงลอนดอน หรือที่เขาเรียกว่า The Tower of London
ภายหลังจากที่สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียเสด็จสวรรคต ในรัชกาลถัดมา คือสมเด็จพระนางเจ้าอเล็กซานดรา ทรงได้ย้ายเพชรโคอินัวร์มาประดับบนมงกุฎองค์ใหม่ของพระองค์ท่าน ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 พระสวามี ซึ่งขณะนั้นสมเด็จพระราชินีอเล็กซานดรา ทรงเป็นพระราชินี ในฐานะพระอัครมเหสีพระองค์แรกที่ทรงมงกุฎประดับเพชร ซึ่งได้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อมาในรัชกาลของสมเด็จพระราชินีแมรี แล้วก็ต่อมาจนถึงพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี หรือที่เขาเรียกกันว่า ควีนมัม
นักเขียนชาวอังกฤษ เชื้อชาติอินเดีย ชื่อ ซอราฟ แดตต์ และนักวิจารณ์ทางการเมือง ได้เคยกล่าวกับนิตยสารไทม์ ว่า โอกาสที่สหราชอาณาจักรจะคืนอัญมณีนี้มีน้อยมาก แต่การรับรู้ถึงความจริงในการได้เพชรโคอินัวร์ด้วยการลักลอบ หรือการหลอกลวง คือต้องแจ้งไปว่าเพชรนี้ถูกขโมยมา ถูกปล้นสะดมมาจากอังกฤษ ซอราฟ แดตต์ นักเขียน บอกว่า อันนี้ต้องเผยแพร่ออกไป เป็นก้าวสำคัญเพื่อวางรากฐานให้คนรุ่นใหม่รับรู้ โดยอย่างน้อยที่สุด กษัตริย์ชาร์ลสที่ 3 ต้องยอมรับในประวัติศาสตร์สีดำของเพชรเม็ดนี้ ร้ายไหมท่านผู้ชม เหมือนกับราชวงศ์ เหมือนกับพระราชวังฤดูร้อนหยวนหมิงหยวน ตอนนี้ ไม่มีคนจีนคนใดใน 1,400 ล้านคน ที่ไม่รู้ในประวัติศาสตร์นี้ว่า พระราชวังหยวนหมิงหยวน ถูกชาติตะวันตก นำโดยอังกฤษ และฝรั่งเศส เข้าไปปล้นสะดมและเผาพระราชวังหยวนหมิงหยวน ในสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 คนจีน 1,400 ล้านคน รู้เรื่องนี้กันหมด เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะต้องทำให้คนอินเดียทั้งหมดได้รับรู้ว่านี่คือเพชรของอินเดีย และถูกอังกฤษปล้นสะดมไป
ท่านผู้ชมครับ ยังมีเพชรอีกเม็ดหนึ่ง ถือว่าเป็นโคตรเพชรที่อยู่ข้างกายสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เพชรเม็ดนี้ถือว่าเป็นเพชรใหญ่ที่สุดในโลกเม็ดหนึ่ง น้ำหนัก 530 กะรัต ประเมินมูลค่าไว้ประมาณ 4 ร้อยล้านดอลลาร์ หรือ 14,600 ล้านบาท เพชรเม็ดนี้ชื่อ The Great Star of Africa เพราะถูกขุดขึ้นมาจากแอฟริกาใต้ในปี 2448 (ค.ศ. 1905) โคตรเพชรเม็ดนี้ถูกส่งต่อให้กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 7 ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของควีนวิกตอเรีย หลังจากนั้นก็ตกทอดมาในราชวงศ์อังกฤษ ปัจจุบันนี้โคตรเพชร The Great Star of Africa ปรากฏอยู่บนคทากางเขน ซึ่งครอบครองโดยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และตกทอดมาจนถึงพระเจ้าชาร์ลสที่ 3 หรือ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส
ท่านผู้ชมครับ ศิลาโรเซตตา (Rosetta Stone) เป็นหินจารึกอายุเก่าแก่กว่า 2 พันปี ถูกเขียนด้วยอักขระ 3 ชนิด ด้านบนเขียนด้วยอักขระเฮียโรกลิฟฟิก (Hieroglyphics) ตรงกลางเขียนด้วยอักขระเฮียราติก (Hieratic) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวอักษรของอียิปต์ที่ใช้งานง่ายกว่าอักขระเฮียโรกลิฟฟิก และด้านล่างเขียนด้วยอักขระกรีกโบราณ ด้วยเหตุนี้ หินจารึกนี้จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการศึกษาวิชาอียิปต์วิทยา
กองทัพฝรั่งเศส ปี พ.ศ. 2342 ภายใต้การนำของนโปเลียนโบนาปาร์ต ได้ค้นพบหินจารึกนี้ที่เมืองโรเซตตา บริเวณใกล้ปากน้ำไนล์ ปี 2344 เมื่อกองทัพอังกฤษได้รับชัยชนะเหนือกองทัพฝรั่งเศส ในอียิปต์ หินโรเซตตาจึงตกเป็นของอังกฤษ นำมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์บริติช หรือ British Museum ท่านผู้ชมหลายคนที่ไปอังกฤษ เคยไปดู British Museum จะเห็นว่านั่นคือ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นที่รวมของสมบัติที่ขโมยจากชาวโลกและปล้นสะดมมา
หินโรเซตตา ถือว่าเป็นหนึ่งในวัตถุโบราณชิ้นไฮไลต์ ชิ้นสำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์บริติช ที่ได้รับการแนะนำอย่างแพร่หลายว่าเป็นวัตถุโบราณชิ้นแรก เขาบอกว่าถ้าจะไปเยือนอังกฤษ ไปเยือนพิพิธภัณฑ์บริติช ต้องมาชมให้เห็นกับตา
ในความเป็นจริง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า พิพิธภัณฑ์บริติช ในกรุงลอนดอน ถือว่าเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ใหญ่โตและสะสมโบราณวัตถุอายุหลายร้อยหลายพันปีไว้ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเขามีวัตถุโบราณอยู่เท่าไร ? ร่วม 8 ล้านชิ้น แต่สามารถจัดแสดงได้เพียง 8 พันชิ้น หรือว่า 1 เปอร์เซ็นต์ของที่สะสมไว้ทั้งหมด และส่วนใหญ่นั้น 80-90 เปอร์เซ็นต์ เป็นของมีค่า ทรัพย์สิน วัตถุโบราณ ที่อังกฤษไปปล้นสะสม ปล้นชิง หรือขโมยเขามาทั้งนั้น จนกระทั่งมีการตั้งฉายาพิพิธภัณฑ์บริติช ว่า เป็นโกดังเก็บของที่อังกฤษขโมยมา ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า British Warehouse of Looted
อีกอันหนึ่ง ท่านผู้ชมที่สนใจสถาปัตยกรรมกรีกโบราณ มีการขโมยภาพหินแกะสลักจากมหาวิหารพาร์เธนอน (Parthenon) แห่งกรีซ วัตถุโบราณนี้ถูกปล้นโดยอดีตทูตอังกฤษสถุนคนหนึ่ง ชื่อ ลอร์ดเอลกิน อยู่ในกรีซ เข้าไปขโมยเฉยๆ เลย ขนย้ายรูปปั้นภาพแกะสลักไปอังกฤษ เอาวัตถุโบราณหลายพันปีจากกรีซ สะสมไว้เป็นส่วนตัว ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะขายของดังกล่าวให้กับรัฐ ถูกเอามาเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์บริติช ในกรุงลอนดอน ในเวลาต่อมา อุตส่าห์เป็นถึงท่านลอร์ด ท่านผู้ชมครับ ให้มีศักดินาอย่างไร สันดานมันก็คือโจร ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง รู้จักคน รู้จักหน้า ไม่รู้จักใจ คนมียศมีตำแหน่ง มีศักดิ์ศรี ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ มีนายพล หรืออภิมหาเศรษฐี เป็นพระยา หรือบางคนเป็นถึงอัยการ บางคนเป็นผู้พิพากษา ความชั่วก็มีอยู่เยอะ
ท่านผู้ชมครับ ประติมากรรมกรีก เป็นปมขัดแย้งระหว่างกรุงเอเธนส์ กับลอนดอน มาหลายสิบปีแล้ว อังกฤษหน้าด้านไม่ยอมคืนสมบัติให้กับกรีซ หนึ่งในข้ออ้างข้างๆ คูๆ ของอังกฤษคือ อังกฤษไม่คืนให้เพราะว่ากรีซยังไม่มีสถานที่ในการเก็บรักษารูปแกะสลักของมหาวิหารพาร์เธนอนได้ดีเพียงพอ มันไม่คืนให้นะท่านผู้ชม มันบอกว่าเพราะกรีซยังไม่มีพิพิธภัณฑ์ที่รักษาสิ่งนี้ได้ กรีซก็เลยใช้เวลาตั้ง 8 ปี ใช้งบประมาณไป 175 ล้านดอลลาร์ หรือ 6 พันกว่าล้านบาท ใช้เวลา 8 ปี สร้างพิพิธภัณฑ์อะโครโปลิส ที่กรุงเอเธนส์ แล้วท่านผู้ชมรู้ไหม เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ขอคืน อังกฤษก็ไม่ยอมคืน แล้วมันให้สัมภาษณ์หน้าด้านๆ
2563 นางลินา เมนโดนี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและกีฬาของกรีซ ให้สัมภาษณ์กับสื่อย้ำอีกครั้งว่า ประติมากรรมของมหาวิหารพาร์เธนอนที่จัดแสดงอยู่ที่ British Museum เป็นผลงานมาจากการลักขโมย เมื่อไม่ยอมคืน แต่ถูกสื่อจี้ถาม นางฮันนาห์ โบลตัน โฆษกพิพิธภัณฑ์บริติช เบี่้ยงเบนประเด็นว่า ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การจะเอาภาพสลักของกรีกโบราณมาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของอังกฤษ ก็เป็นเรื่องง่าย ทำให้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงวัตถุโบราณเหล่านี้ได้ง่าย รวมทั้งสามารถเปรียบเทียบโบราณวัตถุจากกรีกโบราณ กับโบราณวัตถุจากอารยธรรมในยุคใกล้เคียง อย่างอียิปต์ และโรมัน ได้ด้วย ตรรกะวิบัติ ตรรกะของโจร
ท่านผู้ชมครับ ฟังดูแล้วผมก็เซ็ง แต่ว่าผมต้องเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง คือพูดง่ายๆ พวกอังกฤษขโมยของเขามา ชักแม่น้ำทั้งห้า ไม่ยอมคืน สรุปแล้วคือ ขโมยมาแล้วก็จะไม่คืนนั่นล่ะ นี่คืออังกฤษ
ท่านผู้ชมครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว วันนี้ยาวหน่อย ท่านผู้ชมครับ คลิปนี้จะเป็นคลิปประวัติศาสตร์ คลิป Documentary ที่ท่านผู้ชมต้องสะสมและเซฟเอาไว้ แต่ที่แน่ๆ สามารถเข้าไปที่ Sondhi App แล้วหาคลิปนี้ได้ตลอดเวลา
แหวนสุลต่านติปู (Tipu's Ring) อังกฤษได้ยึดครองอาณาจักรไมซอร์ ซึ่งเป็นเมืองท่า เมืองทางใต้ของรัฐกรณาฏกะ ประเทศอินเดีย ปลายศตวรรษที่ 19 ใครเป็นเจ้าของ ? ท่านสุลต่านติปู ก็เลยปล้นทรัพย์ไป มีทั้งดาบและแหวนขององค์สุลต่าน ดาบของสุลต่านติปู กลับไปสู่อินเดียในปี 2547 หลังจากที่มีมหาเศรษฐีชาวอินเดียประมูลไปด้วยราคา 1.57 ล้านรูปี ส่วนแหวนที่มีคำจารึกว่า ราม ของพระองค์ ยังอยู่ที่ British Museum มาจนถึงบัดนี้
ท่านผู้ชมดูหนังสือเล่มนี้ อยู่ในมือผม คือหนังสือที่วางขายอยู่ใน British Museum ชื่อ Masterpieces of the British Museum จริงๆ แล้วมันพาดหัวผิด มันต้องเขียนว่า Masterpieces Stolen by England in British Museum ท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผมไหม มันรวบรวมโบราณวัตถุจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ประมาณ 250 ชิ้น น้อยนิดมาก 0.003 เปอร์เซ็นต์ ของ collection ทั้งหมดที่ปล้นมาจากทั่วโลก ที่มีมากถึง 8 ล้านชิ้น
ท่านผู้ชมครับ ยังมีพระพุทธรูปหินแกะสลักของอินเดียขนาดมหึมา สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 10 หรือ 1 พันปีที่แล้ว จัดแสดงที่ British Museum
พระพุทธรูปสุลต่านกันจ์ เป็นพระพุทธรูปโลหะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สูงกว่า 2.3 เมตร หนักกว่า 500 กิโลกรัม สร้างขึ้นในสมัยอาณาจักรคุปตะ ราวๆ ค.ศ. 500-700 พระพุทธรูปนี้ค้นพบโดยวิศวกรรถไฟชาวอังกฤษ ชื่อ อี. บี. ฮาร์ริส ระหว่างที่เขาขุดพื้นที่เพื่อสร้างเส้นทางรถไฟสายตะวันออก ปัจจุบันนี้พระพุทธรูปนี้แสดงอยู่ที่ Birmingham Museum and Art Gallery ที่เมืองเบอร์มิงแฮม
ยังมีอีกชุด ประติมากรรมอัมราวดี เป็นชุดประติมากรรมและจารึก ทำจากหินปูน จำนวนกว่า 120 ชิ้น อายุเก่าแก่กว่า 2 พันปี ค้นพบที่เมืองอัมราวดี รัฐอานธรประเทศ ซึ่งเป็นรัฐในอินเดียใต้ อังกฤษครอบครองประติมากรรมชุดนี้ในช่วงทศวรรษที่ 1840 แน่นอนที่สุด ปัจจุบันอยู่ที่ British Museum ขโมยเขามาอีก ปล้นเขามาอีก
อีกชุดหนึ่ง คือหุ่นกลเสือของสุลต่านติปู นอกจากดาบและแหวนแล้ว อีกหนึ่งของสิ่งล้ำค่าของสุลต่านติปู ซึ่งอังกฤษขโมยมา คือ หุ่นกลไม้ขนาดเกือบเท่าตัวจริง เป็นรูปของเสือที่กำลังขย้ำร่างชายชาวยุโรปคนหนึ่ง สุลต่านติปู สั่งให้สร้างหุ่นกลไม้ที่มีกลไกสร้างเสียงเพลงซ่อนอยู่นี้เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับพระองค์ในการต่อสู้กับทหารอังกฤษ หุ่นกลนี้ยังมีกลไกพิเศษทำให้ชาวยุโรปที่นอนอยู่ สามารถส่งเสียงร้องและยกแขนได้
หุ่นกลนี้ถูกปล้นไปในพระราชวังฤดูร้อนของสุลต่านติปู หลังจากบริษัท อีสต์อินเดีย คอมปานี ของอังกฤษ บุกเข้าไปในปี 2342 จากนั้น ลอร์ดมอร์นิงตัน ซึ่งตำแหน่งเป็น Governor-General of India หรือเป็นผู้ปกครองในอินเดียที่อังกฤษส่งมา ก็ส่งเสือกลไกมหัศจรรย์นี้กลับไปแสดงที่พระราชวัง The Tower of London เปิดให้ประชาชนชม ก่อนจะถูกส่งต่อไปจัดแสดงอย่างถาวรที่พิพิธภัณฑ์วิกตอเรียและอัลเบิร์ต
ยังมีถ้วยเหล้าหยกของจักรพรรดิซาห์จาฮาน เป็นถ้วยไวน์ที่ทำมาจากหยกแท้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1657 หรือ พ.ศ. 2200 (365 ปีมาแล้ว) เจ้าของคือใคร ? เจ้าของคือจักรพรรดิซาห์จาฮาน แห่งจักรวรรดิมุคัล หลังจากที่อินเดียตกเป็นอาณานิคมอังกฤษ ถ้วยหยกนี้ก็ตกเป็นของอังกฤษ แสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์วิกตอเรียและอัลเบิร์ต กรุงลอนดอน
ท่านผู้ชมรู้ไหม เฉพาะอินเดียประเทศเดียวที่ได้รับการขนานนามว่า อัญมณีในมงกุฎจักรวรรดิอังกฤษ ในช่วงเวลาเกือบสองร้อยปีที่อังกฤษยึดครอง ล่าเป็นอาณานิคม มีการประเมินว่าทรัพย์สินที่อังกฤษปล้นชิงไปจากอินเดีย คิดเป็นเงินปัจจุบันมากกว่า 45 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,600 ล้านล้านบาท
ท่านผู้ชมครับ งานศึกษาชิ้นนี้เป็นงานที่ศึกษาวิจัยมา ตีพิมพ์ในหนังสือชื่อ Capital and Imperialism แปลเป็นไทยว่า ทุนและจักรวรรดินิยม โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ผู้เขียนคือ Dr. Utsa Patnaik นักเศรษฐศาสตร์การเมืองชาวอินเดีย ที่จบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ก่อนกลับไปสอนที่มหาวิทยาลัยยาวาฮาร์ลาล เนห์รู ที่เมืองนิวเดลี
ท่านผู้ชมครับ แค่ประเทศอินเดียประเทศเดียว อังกฤษปล้นเขาไป คิดเป็นมูลค่าเงินปัจจุบัน 45 ล้านล้านดอลลาร์ มากมายมหาศาลขนาดไหน เทียบกับ GDP ของสหราชอาณาจักรปัจจุบัน อยู่เพียงแค่ 3 ล้านล้านดอลลาร์ ต่างกันจนถึง 15 เท่า
นอกจากอินเดีย จีน กรีซ และแอฟริกาแล้ว อังกฤษยังปล้นชิงเขามาอีกเยอะ อีกสองตัวอย่างง่ายๆ แล้วกัน เครื่องสำริดเบนิน (Benin Bronzes)
เป็นชุดประติมากรรมและเครื่องสำริด ส่วนใหญ่ทำจากทองแดง สร้างขึ้นศตวรรษที่ 13-18 อังกฤษนำชุดประติมากรรมนี้ออกจากพระราชวังในเบนิน อาณาจักรในแอฟริกาตะวันตก ก่อนจะถูกแยกย้ายไปจัดแสดงทั้งใน British Museum และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ในยุโรป และอเมริกา
สุดท้ายที่ผมเอามาเป็นตัวอย่างให้ดู คือ สมบัติเมืองมัคดาลา (Maqdala Treasure) อังกฤษรบชนะประเทศเอธิโอเปียในปี พ.ศ. 2411 อังกฤษได้ขโมยสิ่งของล้ำค่าหลายพันรายการจากเมืองมัคดาลา มีการบันทึกว่าอังกฤษต้องใช้ช้างมากถึง 15 ตัว ในการขนสมบัติเหล่านี้ ปัจจุบันสมบัติเหล่านี้ของเมืองมัคดาลาถูกจัดแสดงที่ Victoria and Albert Museum
ท่านผู้ชมครับ ในภาพๆ หนึ่ง อังกฤษเป็นประเทศที่หลายคนชื่นชม ชอบฟุตบอลอังกฤษ ชอบความเป็นสุภาพบุรุษอังกฤษ ซึ่งผมยังไม่เห็นว่ามันมีความเป็นสุภาพบุรุษตรงไหน บางคนไปพำนักอาศัย ถ้าจะไปอยู่ ไปอยู่อังกฤษ บางคนผ่องเงินผ่องทองมา โกงชาติ โกงบ้านโกงเมือง เอาไปฝากไว้ที่อังกฤษ บางคนร่ำรวยมาจากการคดโกง ส่งลูกส่งหลานไปเรียนที่อังกฤษ ซื้ออพาร์ตเมนต์ที่อังกฤษ ฝากเงินฝากทองไว้ที่อังกฤษ เทิดทูนอังกฤษว่าเป็นพ่อ เป็นบิดาคนที่สอง เผลอๆ อาจจะเป็นบิดาคนแรก สำคัญกว่าพ่อตัวเองเสียด้วยซ้ำ แต่นั่นคือมายาภาพ ท่านผู้ชม เรามาดูประชาธิปไตยอังกฤษแล้ว มัน bullshit มาก เรามาดูคนอังกฤษแล้ว ปากว่าตาขยิบ หลอกลวง และเรามาดูส่วนมืด Dark side ของอังกฤษ ที่ผมเล่าให้ฟังนี่ผมไม่ได้มโนขึ้นมา ผมมีตัวแทนหลักฐาน และประชาชนในอินเดีย ในเอธิโอเปีย ในแอฟริกาใต้ ในจีน ถ้าฟังรายการผมก็จะบอกว่าใช่ ถูกต้อง แล้วอังกฤษก็หน้าด้าน เขาทวงคืน กรีซก็ทวงคืน จีนทวงคืน อินเดียทวงคืน ก็บอกว่ากฎหมายไม่ได้อนุญาตให้ส่งออก ไม่มีกฎหมายใดอนุญาตให้ส่งออก ทีอย่างนี้มาอ้างกฎหมาย แต่ทีไปปล้นเขา ไม่อ้างกฎหมายใช่ไหม
เพราะฉะนั้น ท่านผู้ชมครับ ดูอะไรก็ดูให้ดีๆ ดูหลายด้าน อย่าไปลุ่มหลง หลงใหลกับการที่เราเคยไปเรียนอังกฤษ กับการที่ประเทศไทยได้รับอิทธิพลอังกฤษมามากจนเทิดทูนโคตรพ่อโคตรแม่มันเป็นพ่อแม่เรา
ท่านผู้ชมครับ นี่้เป็นบทเรียนอีกบทเรียนหนึ่งที่ผมอยากจะฝากเอาไว้
ท่านผู้ชมครับ ก่อนจากไป ผมมีเรื่องที่ค้างท่านผู้ชมไว้ คือกรณีเจ้าพ่อบ่อนคริปโทฯ นายท๊อป จิรายุส ยืนถ่ายรูปกับเศรษฐินีที่ดิน พระคลังข้างที่ คุณเยาวณี นิรันดร หลานของท่านขุนนิรันดรชัย สมาชิกคณะราษฎร 2475 ผมเคยเล่าให้ฟังแล้วว่าเป็นตัวการเลยที่ฉ้อฉลที่ดินไปจากสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 8 จนถึงปัจจุบัน ท่านผู้ชมครับ เดิมทีผมจะพูดในอาทิตย์นี้ แต่ผมรอข้อมูลอีกหลายประการ จนกระทั่งผมได้ครบแล้ว และผมกำลังเรียบเรียง ท่านผู้ชมฟังแล้วจะต้องอึ้ง และผมอยากให้ท่านราชเลขาฯ สำนักพระราชวัง พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ได้ฟังด้วย และเก็บเอาไปคิด ว่าที่ผมเอามาแสดงให้ดูนี่คือที่ดินของสถาบันกษัตริย์ที่ถูกขุนนิรันดรชัย ยักยอกขโมยปล้นชิงมา และเอามาให้ลูกหลาน ไม่ใช่ทุกคนนะครับ คนดีๆ ก็อับอายขายหน้า อยากจะคืนที่ให้ แต่มีคนๆ หนึ่ง อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลย บอกว่าไม่คืน แล้วพูดออกมาเป็นสัจจะวาจาว่า ถ้าเป็นรัชกาลที่ 9 จะคืน ผมทิ้งไว้แค่นี้ ที่เหลือท่านผู้ชมตีความเอาเอง ผมอยากให้ท่าน พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ ราชเลขาฯ ท่านฟังรายการนี้ให้ดีๆ แล้วท่านคิดว่าถึงเวลาหรือยังที่จะดำเนินการเพื่อเรียกร้องที่ดินของสถาบันพระมหากษัตริย์ตั้งแต่รัชกาลที่ 8 คืนมาให้กับสถาบันกษัตริย์อย่างถูกต้อง จัดการเสียทีเถอะครับ แล้วเจอกันอาทิตย์หน้า สวัสดีครับ