วันที่ 9 ก.ย.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ ได้แก่
- คดี Forex 3D ถึงคิว ดีเจแมน-ใบเตย
- Bitkub ฉาวโฉ่ เหตุไฉนจึงคว้ารางวัลและความสัมพันธ์ ชัยวุฒิ กับ ท๊อป จิรายุ
- ลากไส้ จิ้งจอกสาวนัตตี้ กงเทรดหุ้น 2 พันล้าน
- โออาร์ =โอกาส โอกาสใคร?
- เบื้องลึก เจ้นุช สัมพันธ์โยง ส.ว. เส้นใหญ่ งานนี้จะเป็นมวยล้มต้มคนดู
ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.154
คำต่อคำ SONDHI TALK EP.154 [9 ก.ย. 65] : เปลือยตัวตน นัตตี้ จิ้งจอกสาว โกง 2,000 ล้าน
ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK
สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2565 ก่อนที่จะเข้ารายการ ผมจำเป็นจะต้องเล่าให้ฟังถึงการทำ "เหรียญที่ระลึก ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ตอนนี้วัตถุมงคลส่วนที่เป็นโลหะ ได้ทำการพลีมวลสาร หลอมมวลสาร แต่วัตถุมงคลมวลสารที่เป็นเนื้อว่านและเนื้อผงเราแยกออกมา เพื่อจะทำพิธี แยกมวลสารที่เป็นเนื้อว่านและเนื้อผง เอามาบด บดให้ละเอียดแล้วเอามาแปะติดเนื้อโลหะด้านล่าง ในด้านของ "ขรัวฉิมเทวดา" ซึ่งหมายความว่าเป็นเหรียญที่ระลึก "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" จะเป็นเนื้อโลหะและเนื้อผงในที่เดียวกัน โดยการติดนั้นเราใช้อีพอกซี (Epoxy) และระบบที่ติดแล้วไม่มีวันหลุด ซึ่งผ่านการพิสูจน์แล้ว ผมจะเอารูปให้ดูว่าตำแหน่งติดผงมวลสารเป็นอย่างไร
ส่วนมวลสารที่เป็นผง มีอะไรบ้าง ? สมเด็จเนื้อผงหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อยุธยา เบญจภาคี ของผมเอง 5 ชุด ของแท้นะครับ พระผงสุพรรณ จากวัดพระศรีมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี สมเด็จบางขุนพรหม สมเด็จก้านมะลิ เมล็ดพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ มีหลวงปู่ทวด ซึ่งเป็นเนื้อว่าน มีทั้งหมดหลายสิบองค์ พระรอดกรุมหาวัน เกือบ 40 องค์ ซึ่งเป็นของผมเอง ของแท้เลย พระผงว่านยา พระคัมภีร์อติสาระวรรค โบราณกรรมฝีพระหัตถ์ของเสด็จเตี่ย สมเด็จในกรมหลวงชุมพรฯ และมวลสารสำคัญอื่นๆ
ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้มีคนจองเข้ามามาก และเร็วมาก แต่เนื่องจากมวลสารสำคัญทั้งหมดด้วยการหลอมรวมกับเนื้อฝาบาตรตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมานี้แล้ว เราเพิ่มจำนวนไม่ได้แล้ว มีแค่ไหนก็แค่นั้น ผมขอย้ำอีกทีนะครับท่านผู้ชม การทำเหรียญนี้ ค่าใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์พวกผม อาจารย์ปานเทพ และทีมงานของผม คุณใหม่ คุณดวงพร ลิ้มทองกุล คุณวริษฐ์ ลิ้มทองกุล และ คุณสุวิชชา เพียราษฎร์ ได้เสียสละเงินทองส่วนตัวมาเป็นค่าใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์ เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกบาททุกสตางค์ที่ท่านผู้ชมจองมา และเราได้รับมา เราจะเอาไปบำรุงทั้งการซ่อมแซมปฏิสังขรณ์ รวมทั้งสร้างถาวรวัตถุหลายวัด เพื่อบูชาครูเชิดชูภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย และเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญยั่งยืนสืบต่อเนื่องไป เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยและครอบครัว เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย โดยไม่หักต้นทุนในการทำเหรียญเลยแม้แต่บาทเดียว
เพราะฉะนั้น ท่านผู้ชมที่ต้องการจะจองเหรียญร่วมทำบุญ ให้รีบเข้ามาจองได้ในไลน์ (LINE) เพิ่มเพื่อนคำว่า @tambun โอนเงินเข้ามาที่มูลนิธิ ไชย้ง ลิ้มทองกุล ธนาคารกสิกรไทย เลขบัญชี 008-2-78777-1 แล้วท่านผู้ชมแนบสลิปโอนเงิน พร้อมพิมพ์ชื่อ-สกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ สำหรับจัดส่ง เราจัดส่งให้ฟรีด้วย
ท่านผู้ชมครับ ก่อนจะเข้ารายการ ขออนุญาตนิดหนึ่ง ท่านผู้ชมจำน้องแอ้ม ได้ไหม คุณสโรชา พรอุดมศักดิ์ น้องแอ้ม ทำธุรกิจอยู่ เป็นไซด์ไลน์ แล้วของที่เธอทำนั้นเป็นของมีคุณภาพดีมาก เธอมีสกินแคร์ของเธอเอง ชื่อ Aravinda ผมเคยโฆษณาไปให้แล้วครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว นี่ขออีกครั้งหนึ่ง อันนี้เป็น Best seller ขายดีมาก ของ Aravinda คือเป็นมอยเจอไรเซอร์เนื้อเจลที่เติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ส่งเสริมสุขภาพผิวที่แข็งแรง ใช้ได้ทุกเพศ ทุกวัย ปัจจุบันเป็นสินค้า Best seller ของน้องแอ้มเขา มอยเจอไรเซอร์เนื้อเจล ถ้าท่านผู้ชมจะซื้อ สั่งซื้อได้ที่เฟซบุ๊ก Aravinda Skin Care หรือไลน์ aravindaskincare เช่นกัน แล้วน้องแอ้ม บอกว่า ถ้าแจ้งมาว่ามาจากรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" จะได้รับส่วนลดเป็นพิเศษอีก ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ สกินแคร์ของน้องแอ้ม สโรชา Aravinda Moisture Complete
ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้เรามีเรื่องราวต่างๆ หลายเรื่องราวที่น่าสนใจมาก บางเรื่องก็สั้น บางเรื่องก็ยาว บางเรื่องก็ยาวมากเลย เราจะเริ่มเมดเลย์ด้วยเรื่องของการที่ดีเอสไอได้ออกหมายเรียก ดีเจแมน และ ใบเตย ว่าเกมโอเวอร์หรือยัง ทั้งสองคนถูกหมายเรียกคดี Forex-3D แล้วผมก็จะเจาะเบื้องลึกเบื้องหลังบิทคับ (bitkub) ฉาวโฉ่ ปั่นราคาทำกำไรอินไซเดอร์เทรดดิง (Insider Trading) แต่กระทรวงดีอี ดันมอบรางวัล ICT ให้ เพื่อโปรโมตบิทคับ แล้วผมจะเล่าให้ฟังว่า ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ท่านทำอะไรที่เกินงามจนเกินไป จนกระทั่งคนตั้งข้อสงสัยว่าท่านมีผลประโยชน์ร่วมกับบิทคับหรือเปล่า
อีกเรื่องหนึ่งคือ ข่าวที่ออกมา ท่านผู้ชมคงได้ยินแล้วว่า ก.ล.ต. เอาจริงแล้ว เชือด เอกลาภ ยิ้มวิไล CEO ของซิปเม็กซ์ (Zipmex) ที่ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ผมก็จะให้ท่านผู้ชมจับตาดูบิทคับ ว่าจ่อคิวจะโดนแขวนคับคอยน์ (KUB Coin) หรือเปล่า ผมเชื่อว่าการเดินเรื่องของซิปเม็กซ์ครั้งนี้จะมีการต่อเนื่องไปถึงบิทคับด้วย เพราะ ก.ล.ต. ตอนนี้เอาจริงแล้ว อย่างเช่น ซิปเม็กซ์ คุณเอกลาภ ยิ้มวิไล ก.ล.ต. แจ้งความไปแล้วที่กองปราบฯ เริ่มกลายเป็นคดีอาญาแล้ว
รายการวันนี้เรื่องหลักๆ มี หนึ่ง ท่านผู้ชมคงจะได้ยินชื่อ น้องนัตตี้ ลีอาห์ ยูทูปเบอร์คนดัง โกงแชร์ลูกโซ่เสียหายหนัก 2 พันล้าน เป็นครั้งแรกครับท่านผู้ชม ที่ผมรับปากท่านผู้ชมว่าผมจะขุดคุ้ยชีวประวัติและความเป็นมาของ น้องนัตตี้ ลีอาห์ รวมทั้งคุณแม่ของเขา เครือข่ายสายสัมพันธ์ฟอกเงินของเธอ แล้วผมจะบอกให้ด้วยว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน
เรื่องที่สอง เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเป็นเรื่อง แต่เผอิญมันมีเรื่องที่น่าพูดมาก ท่านผู้ชมรู้จัก "โออาร์" ไหมครับ ? โออาร์ คือเจ้าของร้านกาแฟ Amazon และหลายๆ อย่าง โออาร์ โฆษณาว่า "โออาร์ = โอกาส" แต่ผมดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ โออาร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ ปตท. แล้ว ผมจะถามว่า "โอกาส" คือโอกาสของใคร ? เป็นโอกาสของทุนใหญ่หรือของผู้บริหารกันแน่ ?
สุดท้ายแล้วคือเรื่องที่ท่านผู้ชมไต่ถามมา ให้ผมพูดเสียที คือเรื่องมวยล้มต้มคนดู "เจ๊นุช" สิบตำรวจโทหญิงโหด กับทีมงานที่เกี่ยวพันกับ บอส อยู่วิทยา ท่านผู้ชมครับ เขากำลังจะสอบกันแล้ว แต่ผมกำลังบอกว่ามันจะเป็น "มวยล้มต้มคนดู" ฟังผมอธิบายความให้ฟังก็แล้วกันครับ
ท่านผู้ชมครับ คดี Forex-3D นั้น กำลังมาสู่จุดจบแล้ว หลังจากที่อัยการท่านได้ส่งเรื่องกลับมาให้ดีเอสไอสอบเพิ่มเติมกลุ่มที่ 3 ซึ่งไม่เคยโดนเรียกตัวเลยแม้แต่นิดเดียว ได้ข่าวว่า 16 คนนี้ ถูกสอบเพิ่มเติมและดูเส้นทางทางการเงินแล้ว ตอนนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าและน่าเสียใจสำหรับคุณใบเตย อาร์สยาม และ ดีเจแมน เพราะว่าดีเอสไอได้มีมติออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้อง 4 คนแรก จาก 16 คน ทยอยๆ ไป คนแรก คือ พัฒนพล มินทะขิน หรือ ดีเจแมน สุธีวัน กุญชร หรือ ใบเตย ปภพ กลปราณีต และ นางพรหมพร กลปราณีต โดยข้อกล่าวหาว่า อาจจะมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดจริงในคดี Forex-3D ดีเจแมน และ ใบเตย เกี่ยวข้องอย่างไร ดีเอสไอออกมาเปิดเผย ดังนี้
คือเขาชี้แจงว่า ทั้งหมดนี้รวบรวมพยานหลักฐานได้มากพอสมควร ทำให้พบว่า 4 คนนี้ ที่เขาออกหมายเรียกครั้งแรก มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดจริง อะไรบ้างล่ะ ? เขาตรวจสอบเส้นทางการเงินที่พบความผิดปกติหลายสิบล้านบาท ของดีเจแมน และ ใบเตย ความสัมพันธ์กับบุคคลต่างๆ ใน Forex-3D แล้วยังทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการชักชวนเหยื่อต่างๆ เป็นต้น
พนักงานสอบสวนยืนยันว่า การออกหมายเรียกดังกล่าวเกิดจากการตรวจสอบข้อมูลหลายอย่าง ไม่ใช่แค่เส้นทางทางการเงิน โดยการเข้ามาให้ปากคำของดีเจแมน และ ใบเตย ในฐานะพยาน เมื่อปี 2562 ถือเป็นส่วนหนึ่งที่เจ้าหน้าที่เอามาพิเคราะห์ในครั้งนี้ด้วย
ผมเอาโปสเตอร์ขึ้นให้ดู "สรุปสาเหตุดีเอสไอเรียก ใบเตย-ดีเจแมน" คือข้อกล่าวหารุนแรงมาก ก็เหมือนกับที่พิ้งกี้ และพี่ชาย ตลอดจนมารดาของเธอโดน ทุจริต หลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน ร่วมการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงจนทำให้มีผู้เสียหายกว่า 9,824 คน มีมูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 2,500 ล้านบาท
ท่านผู้ชมครับ นี่คือสิ่งที่กำลังตามมา และเข้าใจว่า 16 คนนี้ น่าจะเป็น 16 คนสุดท้าย ต่อจากนั้นไปก็คือการติดตามทรัพย์ต่างๆ ที่จะต้องมีอยู่
ข่าวว่า คุณใบเตย อาร์สยาม ลูก และแม่ ได้เดินทางไปสิงคโปร์แล้ว ก่อนที่จะโดนหมายเรียกนี้ แล้วผมเข้าใจว่าอาจจะไม่กลับแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้ากลับมา รวมทั้งดีเจแมน ช่วงหลังนี้ ตั้งแต่ 3-4 วันก่อนหน้านี้ เรื่องของข่าวคราวดีเจแมนเงียบสนิท ไม่มีปรากฏในโซเชียลมีเดีย ไม่ได้ออกมาโต้แย้ง ไม่ได้ออกมาโต้เถียง ไม่ได้ออกมาชี้แจงเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง กลับปิดไปหมดและเงียบหายไปเลย ถ้าจะให้ผมฟันธงก็คือว่า ดีเจแมน ก็ออกนอกประเทศไปเรียบร้อยแล้ว และผมเชื่อว่า ใบเตย และลูก และแม่ คงไม่กลับมา แม่คงไม่เกี่ยวข้อง แต่ท่านผู้ชมครับ คดีนี้เป็นคดีเดียวกับที่พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช แม่ของพิ้งกี้ และพี่ชายของพิ้งกี้ โดน ถ้าศาลไม่ให้ประกันตัวพิ้งกี้ แม่ และพี่ชายพิ้งกี้ ก็ไม่มีเหตุอะไรที่จะทำให้ศาลให้ ดีเจแมน และ ใบเตย ประกันตัวเช่นกัน ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า The writing is on the wall. ชัดเจนแล้วว่า ถ้าอยู่ต่อ โดนเรียกตัวเข้ามา เผลอๆ อาจจะต้องถูกส่งเข้าศาลและถูกค้านประกันตัวที่ศาลทันที ซึ่งศาลก็จะไม่ให้ประกันตัวเหมือนกัน พูดได้เลย อีกประการหนึ่ง ตอนนี้ในแวดวงงานบันเทิงต่างๆ ก็ยกเลิกงานของ ดีเจแมน และ ใบเตย หมดเรียบร้อยแล้ว
น่าเสียดาย ในที่สุดแล้ว เรื่องราวต่างๆ แบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย ถ้าเวลาใช้ชีวิต ใช้สติสักนิด เงินทองถ้าทำมาหากินด้วยตัวเอง มีเงินสะสมขึ้นมา แล้วอาชีพอย่างดีเจแมน หรือ ใบเตย ก็เป็นอาชีพที่สามารถที่จะมีงานมาตลอดเวลาได้ เงินสิบล้าน ยี่สิบล้าน หาได้ ไม่ใช่หาไม่ได้ เพียงแต่โลภ จริงหรือไม่จริง ผมไม่รู้ แต่ผมรู้ว่าทั้งหมดนี้ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ เอาความโลภนำหน้า และไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้น คนพวกนี้ไม่เข้าใจหลัก "อนิจจัง" ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วตอนนี้ก็กำลังจะดับไปเช่นกัน คดีความ คดีฉ้อโกงช่วงหลังนี้ศาลเอาเรื่องเอาราวจริงๆ แม้กระทั่งในกฎระเบียบของการพระราชทานอภัยโทษ คดีฉ้อโกงก็จะไม่ได้รับการอภัยโทษ เหมือนกับคดีโกงแผ่นดิน เหมือนคดีหลายๆ คดีที่การพระราชทานอภัยโทษที่ผ่านมานั้น หลายคนไม่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ เพราะฉะนั้นแล้ว คดีนี้คงจะต้องติดคุกกัน ถ้าจำเป็นจะต้องติดคุก อยู่ไม่ต่ำกว่า 7-8 ปี ถึงจะเริ่มมีการพิจารณาให้มีการพระราชทานอภัยโทษกันได้
ท่านผู้ชมครับ เมื่อสองวันที่แล้ว วันพุธที่ 7 กันยายน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือเรียกชื่อย่อๆ ว่า ก.ล.ต. ได้ออกประกาศเลขที่ 147/2565 กล่าวโทษบริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด โดยมีนายเอกลาภ ยิ้มวิไล บุตรชายของคุณไชยา ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารซิปเม็กซ์ ต่อกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัล ที่สั่งให้นำส่งข้อมูลกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ ที่เขาเรียกว่า วอลเล็ต (Wallet) ที่ใช้เก็บทรัพย์สินของลูกค้า และรายละเอียดเกี่ยวกับรายการโอนหรือถอนสินทรัพย์ดิจิทัล
ก.ล.ต. ได้อ้างถึงกรณี ตามที่ซิปเม็กซ์ประกาศระงับการให้บริการซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัล การฝาก-ถอนเงินบาท และการฝาก-ถอนสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากซิปเม็กซ์ประสบปัญหากับโปรแกรม ZipUp หรือเรียกว่า ZipUp+ (ZipUp Plus) ที่ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างการรวบรวมตรวจสอบข้อเท็จจริงในการประกอบธุรกิจของซิปเม็กซ์นั้น จากการรวบรวมและตรวจสอบข้อเท็จจริง พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 51 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล 2561 ได้สั่งให้ซิปเม็กซ์ และ นายเอกลาภ ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นำส่งข้อมูลเกี่ยวกับกิจการและการดำเนินการ เช่น ข้อมูลกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ (วอลเล็ต) ที่ใช้เก็บทรัพย์สินของลูกค้า และรายละเอียดเกี่ยวกับรายการโอนหรือถอนสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ซิปเม็กซ์ โดยนายเอกลาภ มีพฤติการณ์ไม่นำส่งข้อมูลดังกล่าวแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ภายในเวลาที่กำหนด และเมื่อได้รับการแจ้งเตือนจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็ได้ส่งข้อมูลเพียงบางส่วน ไม่ครบถ้วน มีพฤติกรรมประวิงเวลา ไม่นำส่งข้อมูลตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ร้องขอ โดยไม่มีเหตุอันควร หรือข้ออ้างไม่สมเหตุสมผล
การกระทำดังกล่าวของซิปเม็กซ์ และ นายเอกลาภ เข้าข่ายเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นความผิดและมีระวางโทษตามมาตรา 75 แห่ง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัล ก.ล.ต. ก็เลยกล่าวโทษซิปเม็กซ์ และ นายเอกลาภ ต่อกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ท่านผู้ชมครับ การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่้มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย เป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ
ขณะที่ก่อนหน้าช่วงเกิดเหตุการณ์ปิดระงับการฝาก-ถอนของซิปเม็กซ์ ทางนักลงทุนจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบ ทุกคนตั้งคำถามถึงมาตรฐานการทำงานที่ล่าช้าของสำนักงาน ก.ล.ต. โดยจากนายเอกลาภ ยิ้มวิไล ตลอดจนกลุ่มผู้ถือหุ้นในเครือข่ายซิปเม็กซ์เองนั้นล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เกี่ยวพันกับนามสกุลดังทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น เครืองาม ยิ้มวิไล และ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ก็อาจจะกดดันว่า ก.ล.ต. จะกล้าดำเนินการตามมูลฐานความผิดของผู้กระทำผิดหรือไม่
ท่านผู้ชมครับ ผมเคยพูดไปแล้วว่า ก.ล.ต. ต้องไม่มีสองมาตรฐาน อย่าทำตัวเป็นเสือกระดาษ แค่ออกมาขู่หรือลงโทษปรับทางแพ่ง คือปรับเงินเท่านั้น
ท่านผู้ชมครับ พวกทำธุรกิจซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รวมทั้งบิทคับ มันชอบทำตัวเหมือนไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา นอกจากโทษทางแพ่งและปกครองแล้ว ก.ล.ต. ต้องเด็ดขาด เดินหน้าให้สุดซอย บังคับใช้กฎหมายให้สุดทาง ดำเนินคดีอาญาด้วยเลย ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาผมก็เห็นหลายๆ สัญญาณเป็นเชิงบวก ไม่ว่าจะเป็นกรณีล่าสุด คือการกล่าวโทษนายเอกลาภ ยิ้มวิไล ซึ่งผลจะเป็นอย่างไรต้องติดตาม
ผมเชื่อว่าซิปเม็กซ์ ที่ว่าเส้นใหญ่สุดๆ โดนแล้ว เจ้าตลาดอย่างบิทคับ ของนายท๊อป จิรายุส ที่ทำผิดยุบยับไปหมดเป็นสิบๆ ข้อ รวมทั้งล่าสุด คือเรื่องลิสต์เหรียญคับ (KUB) ของตัวเองในตลาดตัวเอง โดย ก.ล.ต. สั่งให้บิทคับแก้ไขการคัดเลือกอนุมัติเหรียญคับเข้ามาบริการในศูนย์ซื้อขาย โดยกำหนดเส้นตายตั้งแต่เดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา แต่นายท๊อป กับพรรคพวก ก็ยังดื้อแพ่ง
เพื่อเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ผมจะเรียนให้ท่านผู้ชมทราบ ท่านผู้ชมที่เล่นบิทคับ หรือ KUB Coin อยู่ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่านายท๊อป จิรายุส ไม่มีชื่อปรากฏอยู่ในการบริหารงานของบิทคับเลย คือลอยตัวไปแล้ว ให้ลูกน้องเป็นคนที่เซ็นรับทราบ เป็นคนออกคำสั่ง เพราะฉะนั้นในอนาคตคนที่จะตะรางก็คือลูกน้องของนายท๊อป ทุกคน นายท๊อปก็ล่องลอยไปเรื่อยๆ ไปเที่ยวเจอคนโน้นเจอคนนี้ ไปแสดงออกงานพีอาร์
30 สิงหาคม เก้าวันที่แล้ว ก.ล.ต. ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับ นายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี บิทคับ กรณีซื้อโทเคนดิจิทัล บิทคับคอยน์ โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน ภาษาอังกฤษเรียกว่า Insider Trading โดยให้ผู้กระทำความผิดชำระเงิน 8,530,383 บาท แล้วห้ามเป็นกรรมการเป็นระยะเวลา 12 เดือน
ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่า บริษัทในเครือบิทคับทะลึ่งดื้อแพ่ง ออกมาตอบโต้ ยังยืนยันว่าจะให้นายสำเร็จ ทำหน้าที่บริหารต่อ ก.ล.ต. ครับ ผมว่าเรื่องนี้ เมื่อเป็นคำสั่ง ก.ล.ต. แล้วไม่ทำตาม ควรที่จะยื่นเรื่องนี้เข้าไปให้ตำรวจดำเนินคดีอาญา แล้วผมอยากเห็น ท่านผู้ชมครับ จับตาดู ก.ล.ต.ดีๆ เพราะว่าการดำเนินคดีกับนายเอกลาภ ยิ้มวิไล ครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินสุดซอยของเครือข่ายพวกคริปโทเคอเรนซีที่แหกกฎ ดื้อแพ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบิทคับ ผมเชื่อว่าจะมีการใช้ไม้แข็งแล้ว อาจจะมีการแขวน ไม่ให้มีการซื้อขาย KUB Coin เป็นระยะเวลาหนึ่ง อาจจะเป็น 3 เดือน หรืออาจจะยาวกว่านั้น ท่านผู้ชมครับ ถึงเวลานั้นเราจะรู้ว่าใครเป็นหมู่ ใครเป็นจ่า
ท่านผู้ชม เป็นไปได้อย่างไร ก.ล.ต. เป็นผู้กำกับของรัฐ บอกว่าไม่ให้คนๆ นี้ ซึ่งถูกจับผิดได้ว่ารู้ข้อมูลภายในในการซื้อขายหุ้น แล้วสั่งปรับ และสั่งห้ามไม่ให้เป็นกรรมการเป็นเวลา 12 เดือน พวกมันยังทะลึ่งออกมาตอบโต้ และยังจะให้นายสำเร็จ ทำหน้าที่บริหารต่อ ท่านผู้ชมครับ อย่างนี้จะเก็บไว้ได้อย่างไร มันอยู่เหนือกฎหมายหรืออย่างไรพวกนี้ หลอกลวงประชาชนไปวันๆ เปิดบ่อนการพนันถั่วโปท้ายซอย แล้วมาทำเป็นบอกว่า นี่คือการก้าวไปสู่อนาคต
ท่านผู้ชมครับ ผมเบื่อจริงๆ เพราะผมมีหน้าที่ฉีกหน้ากากคนหลายๆ คน และคนบางคน ที่ชอบทำตัวเป็นคนที่อยู่ในวงการ ซื่อใสบริสุทธิ์ ร่ำรวย
สัปดาห์ที่แล้ว วันศุกร์ที่ 2 กันยายน ประมาณเจ็ดวันที่แล้ว ผมพูดเกริ่นไว้จากกรณีมีภาพๆ หนึ่ง ที่นายท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและ CEO ของบิทคับ ไปถ่ายรูปคู่กับคุณเยาวณี นิรันดร ชื่อเล่นชื่อ คุณกิ๊ก ซึ่งตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ อยู่ในวงการไฮโซ มหาเศรษฐี ในแวดวงสังคมชั้นสูง จนกระทั่งเมื่อเวลาสองปีที่แล้ว 2563 เครือญาติของตัวเองในตระกูลนิรันดร ออกมาเปิดเผยว่าทรัพย์สินจำนวนมากที่คุณกิ๊ก เยาวณี ถือครองอยู่นั้น แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่ของวงศ์ตระกูลหรอก แต่เป็นทรัพย์สินที่ ขุนนิรันดรชัย หรือ พ.ต.เสวก นิรันดร หนึ่งในสมาชิกคณะราษฎร 2475 ซึ่งใกล้ชิดและเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ไปปล้นชิงมาจากราชวงศ์จักรี สถาบันกษัตริย์ ในยุคสมัยรัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 8 มาอีกที แล้วยักย้ายถ่ายโอนมาให้คนในคณะราษฎร ก่อนจะสืบทอดตกมาถึงลูกหลานอย่างคุณกิ๊ก เยาวณี ซึ่งถือว่าเป็นหลานปู่ของขุนนิรันดรชัย รายละเอียดเรื่องนี้ผมเคยเล่าให้ฟังอย่างละเอียดไปแล้วในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อสองปีก่อน ใครที่ยังไม่ได้ชม ลองไปหาดู
หลังจากออกรายการไปแล้ว คุณกิ๊ก เยาวณี ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในแวดวงไฮโซคนชั้นสูง ออกงานสังคมอยู่ประจำ มิหนำซ้ำยังสนิทสนมกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนปัจจุบัน ได้หายหน้าหายตาไปจากสื่อมวลชน ไม่ปรากฏตัวเลยแม้แต่นิดเดียว อาจจะเป็นเพราะว่าอาย ไม่ทราบว่าเพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะว่าอับอายเพราะถูกเปิดโปงว่าทรัพย์สินที่ตัวเองคุยนักคุยหนา และครอบครัวมีอยู่นั้น ไม่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงหรือการทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมาของตัวเอง แต่แท้ที่จริงแล้วคือการคดโกงมาจากสถาบันกษัตริย์ จึงไม่กล้าออกสังคมนับตั้งแต่นั้น
จนกระทั่งล่าสุด ผมเห็นคุณกิ๊ก เยาวณี ออกสื่อ ก็คือกับคุณท๊อป บิทคับ นี่ล่ะ ซึ่งผมคิดว่าเป็นภาพที่เหมาะสมกันจริงๆ แรกเริ่มเดิมทีผมก็จะเอาเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโกงที่ดินของสถาบันพระมหากษัตริย์ ของขุนนิรันดรชัย กับพรรคพวกในคณะราษฎร 2475 มาเล่าให้ฟังเพิ่มเติม แต่เนื่องจากเรื่องนี้มีรายละเอียดค่อนข้างมาก มีหลักฐานประกอบค่อนข้างเยอะ บังเอิญในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับคุณท๊อป จิรายุส และบิทคับ ออกมาเสียก่อน ผมก็เลยคิดว่าถ้าไม่พูดเรื่องนี้ก็คงไม่ได้ ก็เลยขอเลื่อนเรื่องราวเกี่ยวกับคุณกิ๊ก เยาวณี ไปออกสัปดาห์หน้า ซึ่งผมจะมีหลักฐานพิสูจน์ชัดเจนว่าท่านขุนนิรันดรชัย โกงทรัพย์สินของเจ้าไป ผมมีรายชื่อโฉนดหมด พร้อมหมด ผมกำลังเรียบเรียงหลักฐาน และผมจะไปถ่ายรูปให้ดูว่าบางจุดที่เข้ามาพัฒนาเป็นอสังหาริมทรัพย์ในระดับสูงนั้น แท้ที่จริงแล้วมันคือทรัพย์สินของราชวงศ์จักรีที่ถูกโกงไป คนประเภทนี้ผมรับไม่ได้จริงๆ
ผมนับถือคนที่ทำมาหากินอย่างตรงไปตรงมา ทุกบาททุกสตางค์ได้มาด้วยหยาดเหงื่อและความสามารถของตัวเอง แต่ไม่ได้ไปคดโกงใครมา ไม่ได้ไปหลอกลวง ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นเป็นการทำเพื่ออนาคต งานที่ตัวเองทำนั้นเดินหน้าไปสู่อนาคต หลอกลวง ตอหลดตอแหล ไม่ใช่ หรืออีกคนหนึ่งก็บอกว่าร่ำรวยขึ้นมาเพราะว่าทรัพย์สินของตัวเอง ทั้งๆ ที่เป็นทรัพย์สินที่ปล้นมาจากเจ้า
เผอิ๊ญ...เผอิญ วันเสาร์ที่ 3 กันยายน นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ป่าวประกาศผ่านทางช่องทางโซเชียลมีเดียด้วยความยินดีปรีดา ว่า บิทคับเชน (Bitkub Chain) คว้ารางวัลชนะเลิศจากการประกวดผลงานด้านซอฟต์แวร์แห่งชาติ ICT Awards พร้อมโพสต์ภาพผู้บริหา 2 คน ของบริษัทในเครือบิทคับ เข้ารับรางวัล หนึ่งในนั้นก็คือ นายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี ซึ่งนายสำเร็จ คนนี้ ไม่กี่วันล่วงหน้า วันที่ 1 กันยายน สองวันก่อนได้รับรางวัล เพิ่งโดน ก.ล.ต. ดำเนินคดีว่าเป็นคนปั่นหุ้น เอาข้อมูลภายในมา โดนปรับไป Insider Trading แล้วถูกห้ามเป็นกรรมการผู้บริหารเป็นเวลา 12 เดือน บิทคับยังทะลึ่งกระจายภาพและข้อความดังกล่าวไปยังเครือข่ายที่ตัวเองใช้ในการแพร่ข่าว เย้ยหยันคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในทำนองว่า ก.ล.ต. ไม่รู้เรื่องเทคโนโลยี และไม่มีน้ำยาในการกำกับดูแลธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
คือสรุปง่ายๆ ท่านผู้ชมครับ นี่เรียกว่าบิทคับ กับนายท๊อป และที่ปรึกษาที่อยู่เบื้องหลังบิทคับนั้น ออกมาด่า ก.ล.ต. หลังจากได้รางวัลนี้แล้ว ว่า ก.ล.ต. ไม่รู้เรื่อง โง่เง่า งี่เง่า เซ่อซ่า ออกมาตบหน้า ก.ล.ต. คุณรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาฯ ก.ล.ต. คน ก.ล.ต. โดยเอารางวัลผลงานซอฟต์แวร์ดีเด่นแห่งชาติ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง ที่สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นผู้พิจารณาและแจกรางวัล เอามาเป็นเครื่องมือ
นอกจากนี้แล้ว นายสำเร็จ วจนะเสถียร ที่กำลังโดน ก.ล.ต. เล่นงาน รีบแชร์บทความในสื่อเครือของตัวเอง ที่รายงานการรับรางวัล เพื่อเคลมว่านี่ไง ถ้าเหรียญบิทคับคอยน์ไม่ถึงเกณฑ์ที่จะอนุมัติให้เข้ามาซื้อขายในศูนย์ซื้อขายฯ ได้ตามที่ ก.ล.ต. มองแล้ว ทำไมบิทคับเชน ยังได้รับรางวัล แถมยังได้เป็นตัวแทนประเทศไปประกวดที่ต่างประเทศอีก
คุณสำเร็จ ครับ คุณหลอกคนธรรมดาได้ คุณอย่ามาหลอกผม เทคโนโลยีบล็อกเชนของคุณ ที่คุณภูมิใจนักภูมิใจหนา มันไม่ใช่เรื่องใหม่เลย เขาใช้กันมาทั่วโลก หลายๆ ประเทศเขาก็ใช้บล็อกเชนกัน ในเมืองไทยก็มีคนรู้เรื่องเทคโนโลยีบล็อกเชน ไม่ใช่มีแค่คุณคนเดียว มีเยอะแยะไปหมด คุณอย่าลืมตัว คุณอย่าอวดอ้างในสิ่งที่มันไม่ใช่อะไรใหม่ เหมือนกับกระทรวงดีอี ที่มันทะลึ่งให้รางวัลสตาร์ทอัพ (Startup) ผมก็บอกว่าสตาร์ทอัพของบิทคับนั้นคือสตาร์ทอัพของการทำบ่อนการพนัน มันเป็นสตาร์ทอัพอะไรของคุณ
ผมอยากจะถามว่า สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสารสนเทศไทย (ATCI) ที่แจกรางวัลให้บิทคับนั้น ใกล้ชิดกับหน่วยงานภาครัฐหน่วยงานไหนมากที่สุด ? คำตอบก็คือ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กระทรวงดีอี) มีรัฐมนตรีชื่อ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
ชัยวุฒิ คือใคร ? คือคนที่ขอเลิก หย่าเมีย ขอให้เมียออกไปจากบ้าน ให้เลิกกัน ถ้าไม่ยอมรับเงื่อนไขการใช้ชีวิตในครอบครัวอีกแบบหนึ่ง ซึ่งภรรยา คือคุณกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ (นามสกุลเดิม) ยอมรับไม่ได้ ก็รัฐมนตรีฯ ชัยวุฒิ คนเดียวกัน ที่เมื่อเร็วๆ นี้ถูกแฉกลางสภาฯ ว่าทิ้งภรรยา เมียหลวง ไปหาเมียน้อยที่เป็นล็อบบี้ยิสต์ แล้วผมพูดเตือนสติหมอนี่ไปแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา เขาชื่อเล่นชื่อ โอ๋ และเป็นคนเดียวกับที่เมื่อเดือนเมษายน 2565 ชงรางวัล Prime Minister's Awards สาขา Digital Startup of the Year 2021 ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศจากนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จัดขึ้นโดยใคร ? ก็คือกระทรวงดีอี นี่เอง และยังเป็นคนมอบรางวัลนี้ให้กับนายจิรายุส ด้วยตัวเอง
รัฐมนตรีฯ ชัยวุฒิ อีกหัวโขนหนึ่งคือ ส.ส. และแกนนำพรรคพลังประชารัฐ คนเดียวกับที่มีข่าวว่าใกล้ชิดสนิทสนมกับนายท๊อป บิทคับ มากเป็นพิเศษ ถึงกับมีเสียงร่ำลือว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทั้งสองฝ่ายอาจจะเอื้อเฟื้อกันทางใดทางหนึ่ง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงหรือเปล่า
ท่านผู้ชมครับ งานนี้ผมจะถามกลับคุณชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เรื่อยไปจนถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ที่แต่งตั้งนายชัยวุฒิ เข้ามาเป็นรัฐมนตรีฯ ดีอี ว่าพวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่ ถึงปล่อยให้การสับสน ย้อนแย้ง มาเล่นปาหี่ให้ประชาชนดู
ลักษณะคุณชัยวุฒิ ที่มาแบ็กนายท๊อป แบบนี้ ทำให้ผมนึกถึงเรื่องในอดีต ผมนี่อายุมากแล้ว ผมผ่านเหตุการณ์มาหลายเหตุการณ์ แล้วผมจำได้แม่น สมัยก่อนมีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ชื่อ เส้นทางเศรษฐกิจ เป็นหนังสือรายสัปดาห์ หรือรายสองสัปดาห์ หรือรายสะดวก เขาจะแจกรางวัลทุกปี โดยใช้ชื่อว่า "รางวัลคนดี" ซึ่งเป็นที่รับรู้กันทั้งวงการว่าใครอยากได้รางวัลก็จ่ายเงินมา ขึ้นเวที ถ่ายรูป วิธีทำมาหากิน เดินหานักธุรกิจ ใครจ่ายก็มอบเลย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ยังตกหลุมพรางไปยืนแจก 20-30 รางวัล นักธุรกิจอยากได้แสงก็จ่ายเงินจ่ายทอง ได้รางวัลการันตี เอาไปอ้างทำโน่นทำนี่ ก็เหมือนกับที่นายชัยวุฒิ ทำกับบิทคับ แล้วนายสำเร็จ ก็เอารางวัลนี้ไปแชร์ในหมู่พรรคพวกตัวเอง แล้วไปแดกดัน ก.ล.ต. ว่า นี่นะ ขนาดกระทรวงดีอี เขายังเห็นคุณค่าเลย แต่ ก.ล.ต. ทำไมไม่เข้าใจ ไม่ยอมให้เทรด ไม่ยอมเข้าใจ คือพูดง่ายๆ ว่า ก.ล.ต. โง่ งี่เง่า คือถ้ากูไม่แน่จริง จะได้รางวัลจากนายชัยวุฒิ แล้วนายชัยวุฒิ ให้โดยพื้นฐานอะไร ? ไม่ได้มีพื้นฐานอะไรเลย แค่เพราะความสนิทสนม
คุณชัยวุฒิ เทคโนโลยีบล็อกเชน ถ้าคุณอยู่กระทรวงดีอี คุณต้องรู้ คุณไปถามคนที่อยู่ในวงการคอมพิวเตอร์ มันไม่ใช่ของใหม่เลยนะ แล้วทำไมคุณให้บิทคับอยู่เจ้าเดียว คุณเรียกมาสิ ชาวบ้านที่เขาใช้ หลายบริษัท หลายคนที่เขาใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในธุรกิจอื่นๆ ให้เขาด้วยสิ คุณเจาะจงให้เจ้านี้ เพื่อจะเอาเจ้านี้ เอาเรื่องราวซึ่งคุณปั้นขึ้นมา เสกสรรค์ขึ้นมา เพื่อที่จะเอาไปแสดงออกว่าพวกนี้ใช้ได้
อีกภาพหนึ่ง ผมจะเอาให้ดู คุณถ่ายรูปทำมือโปรโมตโลโก้บิทคับ ทำยูทูบลงช่องตัวเอง สัมภาษณ์นายท๊อป บิทคับ ในตอน "คุยกับโอ๋ ชัยวุฒิ พาลุยบิทคับ ลงทุนตลาดคริปโท" ช่วยโปรโมตให้เสร็จสรรพ คุณชัยวุฒิ คุณเป็นผู้จัดการประชาสัมพันธ์ หรือฝ่ายโฆษณาของบิทคับตั้งแต่เมื่อไร คุณเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี นี่คุณมาทำท่าโน่นท่านี่ โฆษณาบิทคับให้เขา
คุณเป็นคนที่น่าสงสัยมาก คุณชัยวุฒิ สาธุ! ผมขอให้คุณเป็นรัฐมนตรีครั้งสุดท้ายในชีวิตก็แล้วกัน ประชาชนอย่าไปเลือกคนๆ นี้ขึ้นมาอีก คนๆ นี้มีปัญหาในทางจริยธรรมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องครอบครัว แล้วการกระทำที่มีการกระทำกับพวกนายท๊อป จิรายุส นายสำเร็จ พิสูจน์ชัดเจนว่าคนๆ นี้คือคนที่อยู่เบื้องหลังบิทคับ ที่ ก.ล.ต. กำลังปวดหัวด้วย เพราะว่าทำผิดกฎ ผิดกติกา ดื้อแพ่ง ก.ล.ต. สั่งให้ทำอย่างนั้น ก็ปฏิเสธ ไม่ทำ ก.ล.ต. สั่งห้ามไม่ให้เป็นกรรมการต่ออีก 12 เดือน ก็ไม่สนใจ ก็จะเป็นกรรมการต่อ ท่านผู้ชมครับ ประเทศไทยมีคนประเภทนี้ได้อย่างไร คุณชัยวุฒิ คุณไม่เคยอ่านข่าว คุณไม่เคยติดตามเรื่องราวหรือ คุณกริ๊ง ยกหูโทรศัพท์ไปหาคุณรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาฯ ก.ล.ต. ดูสิ ว่ามันเป็นอย่างไร
ถ้าอย่างนั้น คุณชัยวุฒิ ทำไมคุณไม่ให้รางวัลสตาร์ทอัพบ้างสิ บ่อนการพนันออนไลน์เยอะแยะไปหมดเลย คุณชัยวุฒิ นั่นคือสตาร์ทอัพอีกแบบหนึ่งไม่ใช่หรือ คุณไปให้เขาด้วยสิ ทำไมคุณเจาะจงให้บิทคับ แล้วคุณก็เดินมาตลอด เพราะว่าคุณต้องการจะส่งเสริมบิทคับ ให้คนเข้ามาเล่นคับคอยน์เยอะๆ เพื่อนายท๊อป จิรายุส จะได้เงินค่าธรรมเนียมเยอะๆ แล้วเผื่อคุณจะเล่นการเมืองต่อ นายท๊อป จิรายุส ก็อาจจะยืนข้างหลังคุณก็ได้
อย่านะคุณชัยวุฒิ ผมจะบอกให้คุณรู้นะ ผมจะตามติดคุณตลอดเวลาจากนี้ไป ตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม คุณชัยวุฒิ ผมจะจับตาดูคุณอย่างละเอียดเลย เพราะผมไม่ไว้ใจคุณเลย คุณเป็นคนที่ใช้ไม่ได้
ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่ผมจะพูดเรื่องนี้ ท่านผู้ชมเคยดูภาพยนตร์เก่าเรื่องหนึ่งไหม ซึ่งตัวพระเอกคือ ดิแคพรีโอ หนังเรื่องนี้ชื่อ Catch Me If You Can แปลไทยเป็นไทยก็คือว่า มาจับผมสิ ถ้าคุณมีปัญญา ในเรื่องนี้ พระเอก ก็คือนักฉ้อโกง ต้มตุ๋น หลอกลวง แปลงตัวเป็นกัปตันเครื่องบินเอย แปลงตัวเป็นนักเทรดหุ้นเอย โน่นนี่นั่น ทำความเสียหายไปหมดเลย จนกระทั่งในที่สุดแล้ว FBI ต้องตั้งหน่วยเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อตาม
วันนี้เราก็มีตัวแทนคนหนึ่งในเรื่องของ Catch Me If You Can เกิดขึ้นมา แล้วก็เป็นที่โด่งดังมากในแวดวงต่างๆ หลายคนก็ไม่รู้ว่าคนๆ นี้สวมหัวใจเสือ หัวใจสิงห์มาจากไหน ถึงสามารถที่จะฉ้อโกงคนได้ จำนวนเงินที่ฉ้อโกงนั้น 2 พันล้านกว่าบาท
ท่านผู้ชมครับ ระหว่างนายอภิรักษ์ โกฎธิ กับ นัทธมณ หรือ นัตตี้ ลีอาห์ Forex-3D นั้น โกงเงินคนไป ผมเข้าใจว่าน่าจะใกล้ๆ ถึงหมื่นล้านบาท มีคนเยอะเลยที่ไม่กล้าไปแจ้งความ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คนในวงการดารา วงการบันเทิง แต่ว่าใน Forex-3D มันโกงโดยใช้เครือข่ายทั้งเครือข่าย เอาดารา อดีตดารา เอาแม่พิ้งกี้มาเป็นหัวหน้าสาย เอาคนโน้นคนนี้มา แล้วขณะเดียวกันก็ยังมีอีกหลายสายที่มาร่วมผสมโรงกัน เรียกว่าเป็นชุดใหญ่เลยที่จะโกงกัน เพราะฉะนั้นยอดเงินก็เลยดูสูง
แต่ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า รายการที่นัตตี้ และพวก โกงไป 2 พันล้าน 2-3 คนเท่านั้นเองที่ทำ น่าตกใจไหมท่านผู้ชม
นายอภิรักษ์ โกฎธิ ใน Forex-3D มีผู้ร่วมขบวนการตั้งหลายสิบคน อาจจะถึงร้อยคนในเบื้องต้น แต่กรณีนัตตี้ ลีอาห์ มีความเสียหายหลักพันล้าน แต่ทำกันแค่ 2-3 คน เธอถูกออกหมายจับไปเรียบร้อยแล้ว เธอเป็นยูทูปเบอร์คนดัง ออกหมายจับวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา พ.ต.ท.วัฒนา เกตุอำไพ รองผู้กำกับ (สอบสวน) กองกำกับ 3 บก.สอท. 5 ขอหมายจับจากศาลอาญา เลขที่ 1596/2565 ลงวันที่ 7 สิงหาคม ประมาณเดือนที่แล้ว หมายจับ น.ส.สุชาดา คงษุภจักร์ หรือ ลีอาห์ คงจักร์ หรือ น.ส.นัทธมณ คงจักร์ อายุ 30 ปี ยังออกหมายจับอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นเลขาฯ นัตตี้ ชื่อ น.ส.ณิชาภัทร รัตนนุกรม ร่วมฉ้อโกงประชาชน หลอกลวงประชาชน เอาข้อมูลเท็จเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์
ทั้งหมดนี้เพราะว่ามีคนไปร้องเรียน แล้วคุณไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ พาผู้เสียหายประมาณ 30 คน ซึ่งยังมีอีกเยอะ มาแจ้ง หลายคนก็เสียเงินไปตั้ง 18 ล้านบาท หลายๆ อย่าง
ปัญหาก็คือว่า นัตตี้ ยูทูปเบอร์คนดัง สไตล์เหมือนกับที่ผมได้พูดคราวที่แล้ว มักจะโพสต์กิจกรรมหรือความร่ำรวยโดยการซื้อสินทรัพย์ บ้าน ที่ดิน โรงงาน รถยนต์หรู ซึ่งอ้างว่าได้ทรัพย์สินมาจากการเทรดหุ้นผ่านโบรกเกอร์ที่ชื่อ IQ Option แล้วนัตตี้ ก็โพสต์หน้าจอมาให้ดู เชิญชวนให้แฟนคลับหรือผู้ติดตามสมัครเข้ามาเรียนการเทรดหุ้น คือนัตตี้ ทำตัวเป็นกูรูในเรื่องการเทรดหุ้น แล้วอ้างว่าได้กำไร 100 เปอร์เซ็นต์ รับประกันว่าได้กำไรแน่นอน
กำหนดรอบจ่ายเงินปันผลเป็นประจำทุกเดือน อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า ลักษณะการฉ้อโกงแบบนี้ในช่วงต้นจะมีการจ่ายเงินปันผลไม่ขาด ก็เลยมีคนหลายๆ คนน่าจะรู้ว่าขบวนการนี้เป็นขบวนการฉ้อโกง หรือหลายๆ แชร์ลูกโซ่ แต่เก็งว่าในช่วงต้น เข้ามาตอนต้นๆ ลงไป 100 บาท ได้คืนมา 130 บาท อะไรพวกนี้ ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ถ้าทอดทิ้งไปสัก 1 ปีหลังจากนั้นอาจจะมีปัญหา ก็เลยจะถอนออก แต่ก็มีคนที่รู้ตัวและถอนออกไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือนั้นยังคงซึ่งความโลภเกิดขึ้นมา
ทีนี้พอเงินปันผลไม่ได้จ่ายให้ ประชาชนที่หลงเชื่อลงเงินลงทองไป ก็ไปร้องเรียน ไปแจ้งความ เมื่อตำรวจไปตรวจสอบบัญชีทั้งสามบัญชีแล้ว เงินทั้งหมดเหลืออยู่แค่ 173,000 บาท เมื่อเขาไปตรวจสอบเส้นทางเดินบัญชีแล้ว ก็ปรากฏว่ามีเหลืออยู่เท่านั้นจริงๆ
ล่าสุด นัตตี้ หายออกไปจากประเทศไทยแล้ว ไม่ปรากฏการบันทึกการเดินทางออกนอกประเทศไทย เข้าใจว่าเดินทางออกทางช่องทางธรรมชาติ สันนิษฐานเบื้องต้น ผมเชื่อว่าค่อนข้างที่จะแน่นอนว่า นัตตี้ คุณแม่ และเลขาฯ ทั้งสามคนออกไปแล้ว เพราะว่าการตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์มือถือของนัตตี้ ปรากฏขึ้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส น่าจะข้ามแดนไปอยู่มาเลเซียเรียบร้อยแล้ว แหล่งข่าวผมซึ่งอยู่ในวงการราชการ เพิ่งแจ้งให้ผมทราบก่อนผมออกรายการนี้ 1 วัน ยืนยันได้แน่นอนว่า นัตตี้ อยู่ที่มาเลเซีย
นัตตี้ คือใคร ? ทำไมถึงใจใหญ่ โอหังมมังการมาก เธอโกงเทรดหุ้น 2 พันล้าน มาได้อย่างไร ? จริงๆ แล้ว นัตตี้ เมื่อปี 2557 เกือบๆ สิบปีที่แล้ว เธอได้เคยออกรายการ "ตีสิบ" ของคุณวิทวัส เธออธิบายความเลยว่าชีวิตเธอ ทางบ้านรวยมาก เธอบอกว่ากินเท่าไรก็กินไม่หมด ชาตินี้ใช้อย่างไรก็ไม่หมด
เธอบอกว่าคุณแม่ของเธอเปิดร้านคาราโอเกะเจ้าแรกใน จ.เชียงใหม่ ทำหลายอย่างมาก เธออ้างว่าเธอมีรถ 14 คัน "นัตตี้ คนเดียว มีคนใช้ตั้ง 22 คน มันเป็นอะไรแบบนั้น" นี่เธอพูดเองนะว่าเธอมีพี่เลี้ยงดูแล รองเท้าก็มีคนใส่ให้ ตีนไม่ต้องแตะพื้นดิน แต่พอหลังจากนั้นแล้วคุณแม่ก็ล้มละลาย คุณแม่ก็มายืนยันสิ่งที่นัตตี้พูดในรายการตีสิบ
สาเหตุที่ล้มละลาย เธอก็อ้างว่าคุณแม่ของเธอใจดี แล้วช่วงหลังคุณแม่ไม่ได้ไปดูร้านเลย เพราะต้องอยู่กับนัตตี้ เพราะนัตตี้จะงอแง อ้างว่าเรียกร้องให้แม่อยู่ด้วย ก็เลยฝากร้านให้พนักงานดูแล ก็เลยเจ๊ง โดยนัตตี้อ้างว่าคืนหนึ่งคาราโอเกะของเธอได้เฉลี่ยแล้ววันละ 2 แสนบาท ปรากฏว่าเจ๊ง แล้วแม่ปล่อยเงินกู้ ให้ยืมเงิน เก็บดอกเบี้ย ก็เลยโดนคนโกงไปเช่นกัน เอาที่ดินราคาถูกมา แล้วก็กู้ไปในวงเงิน 5 เท่าของราคาที่ดิน
พอเธอตกอับแล้วเกิดอะไรขึ้น ? เธอเล่าในรายการตีสิบ เธอบอกว่าคุณแม่อาย คิดว่าอยู่ไม่ได้ เพราะเคยอยู่สูงมาก่อน ก็เลยหนีจากเชียงใหม่ ไปอยู่หาดใหญ่ วิ่งจากเหนือไปใต้เลย แม่ก็เลยหอบหิ้วนัตตี้ไปภาคใต้ ปรากฏว่าเธอไปรู้จักกับวินมอเตอร์ไซค์ เขาช่วยรับ-ส่งไปยังปาดังเบซาร์ บอกว่าเป็นลุงที่นิสัยดี ช่วงหลังก็เลยใช้บริการของลุงวินมอเตอร์ไซค์ แม่ไปเซอร์เวย์ที่มาเลเซียเพื่อจะไปหาช่องทางทำงาน ก็เลยทิ้งนัตตี้อยู่ที่หาดใหญ่ ก็เลยอยู่กับลุงวินมอเตอร์ไซค์ ก็คือเป็นพ่อบุญธรรมไปนั่นเอง เธอก็บอกว่า เธอได้กินไข่ต้มทุกวัน เธออยู่แค่ ป.5 10-11 ขวบ ซึ่งก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าคงไม่มีอะไรในเชิงชู้สาว เพราะว่ายังเด็กมาก
ทีนี้ คุณแม่ไปอยู่ที่มาเลเซีย ตามที่เธอเล่าให้ฟัง เปิดตลาดนวดแบบถือตะกร้า มีอุปกรณ์ ยานวด ยาหม่อง ไปเดินขอนวดเท้าในหมู่บ้าน ตอนแม่เริ่มนวดก็กลับมารับหนูไปอยู่ด้วย ทั้งสองคนช่วยกันถือตะกร้ารับจ้างนวดในหมู่บ้าน นวดเท้าไหมคะ ให้เท่าไรก็ได้ เดินอย่างนั้นอยู่ 6 เดือน บางวันก็ไม่ไหว ลูกค้าเห็นแล้วสงสาร พอไปนวดที่บ้านเขา เขาก็ให้นอนค้างที่บ้านเลย ก็เป็นอะไรที่มีนัยอยู่หลายอย่าง ก็ต้องไปตีความกันเองนะครับท่านผู้ชม
เกิดเผอิญ (นี่คือสิ่งที่เขาเล่านะครับ ผมไม่ได้มโน) มีมหาเศรษฐีมาเลเซียขอแต่งงาน ตอนนั้นเธออายุ 13 เหมือนดอกไม้กำลังเริ่มแย้ม มหาเศรษฐีมาเลเซียอายุ 48 ห่างกัน 35 ปี นัตตี้เล่าให้ฟังว่า มหาเศรษฐีมาเลเซียนั้นเป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยที่แม่ไปเรียนภาษา เธออ้างว่า พอเขาเห็นลูกสาว คือเห็นนัตตี้ ก็เรียกแม่ไปคุยว่าชอบลูกสาว ขอแต่งงานด้วย ความที่คนมาเลเซียมีภรรยาได้ 4 คน ในศาสนาอิสลาม แต่คนแรกต้องรู้ว่ามีคนที่สอง เขาจะมีการเซ็นใบรับรู้กัน ถ้าจะมีเมีย 4 คน ก็ต้องมีศักยภาพที่จะเลี้ยงดูได้เท่าเทียมกัน
ทีนี้ เธอหนีอีกครั้งหนึ่ง เพราะเธออ้างว่าเศรษฐีมาเลเซียนั้นผิดสัญญา บอกว่าตอนนั้นที่มหาเศรษฐีมาเลเซียขอเธอแต่งงานด้วย เธอบอกว่าเธอกลัว บอกแม่ว่า เรื่องอื่นหนูให้แม่ได้หมด เรื่องนี้หนูขอได้ไหม แม่ก็บอกว่า แกนัดน้องทานข้าวตอนเย็น ขอแต่งงานดื้อๆ น้องก็บอกว่าน้องยังเด็กอยู่ ขออีกสักสองปีได้ไหม สัก 15 เขาก็สัญญาว่าจะไม่แตะต้องตัวน้องเลย แกก็รับปาก แต่คุณแม่ก็บอกว่า มันไม่ใช่อย่างนั้น นัตตี้ก็บอกว่า เขาพยายามแตะเนื้อต้องตัวเรา หนูอธิบายแล้ว ต่อหน้าแม่เขาทำดี แต่พออยู่กันตัวต่อตัวแล้วก็ทั้งล้วงทั้งควัก นัตตี้ก็เลยบ่นให้แม่ฟังว่าเขาไม่ได้ทำตามที่เขาสัญญา แม่ก็เลยพูดในรายากรว่า สงสารน้องมาก ร้องไห้ทุกวัน คือพูดง่ายๆ ว่าเป็นลมบ่อย เขาบอกว่าเวลาผู้ชายมาหาที่บ้าน ก็พยายามจะเอาให้ได้ ซึ่งก็ไม่น่าประหลาดใจ เพราะว่าคนอายุ 48 ก็ต้องถือว่ายังหนุ่มยังแน่นอยู่ แล้วนัตตี้ก็ดูเซ็กซี่ ผมก็ไม่รู้ว่าใครยั่วใครกันแน่ แต่ที่แน่ๆ น้องนัตตี้ก็ไม่ใช่ธรรมดาเหมือนกัน
แม่ก็อ้างว่า ก็เลยพานัตตี้หนี พามาที่พัทยา มาขายบ้าน แต่ภรรยาเศรษฐีมาเลเซียก็ตามมาเพื่อเรียกเงินคืน เจรจาไปเจรจามาก็คืนเงินเขาไป ที่เธอได้มาสองล้านกว่าบาท ก็คืนไปล้านกว่าบาท แล้วก็ไปหย่ากันให้เรียบร้อย
ปรากฏว่าหลังจากนั้นนัตตี้ก็มาค้นพบแอปพลิเคชัน Social Cam ก็เลยตัดสินใจ ความที่หน้าตาดี โด่งดัง เป็นเน็ตไอดอลจากแอปพลิเคชัน Social Cam
ทีนี้ นัตตี้ คือใคร ? ไม่ค่อยมีใครทำข่าวเรื่องนี้ ผมส่งทีมงานลงไปเจาะลึกที่เชียงใหม่ เป็นเวลาเป็นอาทิตย์ นัตตี้ สุชาตา ชื่อเดิมชื่อ นัทธมณ คงจักร์ เป็นคนเหนือ เป็นคนเชียงใหม่ ก็เหมือนกับนายอภิรักษ์ โกฎธิ คนเชียงใหม่เหมือนกัน คนดอย ปัจจุบันอายุ 29 ปี ตอนนี้อยู่ปทุมธานี หมายถึงทะเบียนบ้าน สมัยเด็กๆ เคยเรียนอยู่ที่โรงเรียนพระหฤทัย เชียงใหม่ ปรากฏว่าตอนเด็กๆ เธอไม่ได้ชื่อนัตตี้ เธอชื่อ น้องหญิง เมื่อไปถามพวกที่เคยเรียนพระหฤทัย เชียงใหม่ ในยุคที่น้องนัตตี้อยู่ หลายคนและโรงเรียนไม่อยากจะพูดถึงนัตตี้ เพราะเสื่อมเสียชื่อเสียงโรงเรียนมาก มีเด็กพระหฤทัยหลายคนบอกว่า สมัยนัตตี้อยู่ที่พระหฤทัย เคยหลอกเอาตังค์เพื่อนสมัย ป.5 ว่าจะดันให้เป็นดารา
น้องหญิง หรือ นัตตี้ เป็นลูกสาวของเจ๊แหม่ม เจ๊แหม่ม คือแม่เขา มาดามแหม่ม แม่เธอเป็นเจ้าของ "มาดามฟลุ๊คคาราโอเกะ" พอเลิกเรียนกลับมา พนักงานสาวในบ้านแม่ก็ยกมือไหว้ทุกคน บางคนเรียกน้องหญิงว่า คุณหนู ก็เลยสันนิษฐานได้ว่าที่นัตตี้และแม่อ้างว่ารวยมากจนมีคนรับใช้ 22 คนนั้น จริงๆ น่าจะเป็นพนักงานในร้านนั่นเอง
เผอิญ มาดามฟลุ๊ค คาราโอเกะ เป็นคาราโอเกะชื่อดังมากในเชียงใหม่ ในยุคประมาณยี่สิบกว่าปีที่แล้ว คือไม่ใช่แค่ขายเครื่องเสียงให้คนมาร้องเพลงอย่างเดียว มีผู้หญิงให้บริการอยู่ในนั้นด้วย พูดถึงนั่นก็คือเป็นการเปิดซ่องกะหรี่นั่นเอง แต่เอาคาราโอเกะมาบังหน้า แล้วมีพนักงานอยู่ยี่สิบกว่าคน หน้าตาดีๆ ทั้งนั้น เป็นเพื่อนร้องเพลงให้ พออกพอใจก็จะอ๊อฟออกไปข้างนอก ก็จ่ายค่าหัวคิวให้กับเจ้าของคาราโอเกะ
ท่านผู้ชมครับ มาดามฟลุ๊ค คาราโอเกะ แต่เดิมตั้งอยู่ที่ย่านหลังสถานีขนส่งช้างเผือก สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ อยู่ใกล้กับเจดีย์เก่า ตอนหลังก็ย้ายมาที่ตึกแถวขนาด 1 คูหา บนถนนศรีดอนชัย หน้าโรงแรมเชียงใหม่พลาซ่า อยู่ฝั่งเดียวกับร้านอาหารจีน คือ เจี่ยท้งเฮง สาขาเดิม ปัจจุบันห้องแถวนี้มีคาราโอเกะที่เน้นกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่น ชื่อ มิยูกิ นามิกิ คาราโอเกะ แต่ก่อนนี้ หนึ่งในสองเจ้านี้น่าจะเป็นที่ตั้งของร้านมาดามฟลุ๊ค คาราโอเกะ
ต่อมา มาดามฟลุ๊ค คาราโอเกะ ก็มีปัญหาอีก เพราะโดนตำรวจรีดไถ ซึ่งแน่นอนที่สุด ธุรกิจแบบนี้จะหนีไม่พ้นเงื้อมมือของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของประเทศไทย หรือที่เราเรียกกันว่า เกียรติตำรวจของไทย เกียรติวินัยกล้าหาญมั่นคง ก็เลยถูกรีดไถจนกระทั่งในที่สุดก็เลยต้องย้ายไปเช่าบ้านเป็นหลัง ย่านหน้า ม.พายัพ ชั้นล่างเปิดเป็นคาราโอเกะ ตั้งจอทีวี ไมค์สายแบบห้องรวม มีสาวๆ คอยให้บริการ ผมเอารูปขึ้นให้ดูคร่าวๆ ที่ตั้งมาดามฟลุ๊ค คาราโอเกะ ที่ถนนศรีดอนชัย หน้าโรงแรมเชียงใหม่พลาซ่า
ท้ายสุด เจ๊แหม่ม หรือแม่ของนัตตี้ สู้เรื่องส่วยไม่ได้ ปิดให้บริการ หายไปจากวงการ คนในวงการที่เชียงใหม่บอกว่า จริงๆ แล้วแม่ของนัตตี้มีปัญหาเรื่องครอบครัว ได้ข่าวว่าไปได้เศรษฐีที่อื่น ซึ่งแหล่งข่าวไม่สามารถยืนยันว่า ที่ได้เศรษฐีที่อื่นเป็นสามีนั้น เป็นตัวเจ๊แหม่ม แม่นัตตี้ หรือตัวนัตตี้เอง
พอเราไปสืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวพันกับ มาดามฟลุ๊ค คาราโอเกะ เราพบว่าเมื่อปี 2538 ยี่สิบเจ็ดปีที่แล้ว ตอนนั้นนัตตี้เพิ่งจะสองขวบเอง แม่นัตตี้ ชื่อ ศรัญญา คงจักร์ จดทะเบียนบริษัทตั้งไว้ชื่อ มาดามฟลุ๊ค เงินทุนจดทะเบียน 1 ล้าน ประกอบกิจการไนต์คลับ คาบาเรต์ ลีลาศ รำวง คาราโอเกะ มาดามฟลุ๊คตั้งประกอบกิจการอยู่ 11 ปี แล้วตอนหลังก็เจ๊ง เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2549 ตอนนั้นนัตตี้อายุสิบสามปีแล้ว
พอเธอโตขึ้นมา เธอก็ไปเรียนคณะนิเทศศาสตร์ สาขาสื่อสารการแสดง ที่ ม.รังสิต เธอเคยออกรายการทีวีของ ม.รังสิต ที่ชื่อ RSU Wisdom TV เมื่อปี 2557 แปดปีที่แล้วเธออายุแค่ 21 ปี แต่ความที่เธอเล่น Social Cam ในฐานะเน็ตไอดอล เธอมีคนติดตามเธอถึง 3 ล้านคน เพราะเธอเป็นคนที่ลูกเล่นแพรวพราว ทั้งหู ทั้งตา ทั้งรูปร่าง ทั้งหน้าอกหน้าใจ และเธอเป็นคนเต้นเก่งมาก ไม่ว่าจะเป็นการเต้นรำประเภทไหน เธอเต้นเป็นหมด ไม่ว่าจะเป็นแรปเปอร์ ไม่ว่าจะเป็นโน่นเป็นนี่ บัลเลต์เธอก็เป็น
แต่ก่อนนี้ ชีวิตที่เชียงใหม่ สมัยที่แม่ยังทำธุรกิจคาราโอเกะ สถานบันเทิง เธอมีรายได้ต่อคืน 3 หมื่น - 2 แสนบาท เดือนละ 2 ล้านบาท ทุกเดือน เพราะว่าเป็นคาราโอเกะเจ้าแรกในเชียงใหม่ แล้วผู้หญิงที่มาเป็นเพื่อนร้องเพลงให้ด้วย ก็หน้าตาดีๆ ทั้งนั้น ก็มาจากเชียงใหม่บ้าง ลำพูนบ้าง ลำปางบ้าง แต่คัดเอาเฉพาะหน้าตาดีๆ เธอมีพี่เลี้ยง มีพนักงานอยู่ 22 คน นั่นคือคนใช้ที่เธอบอก มีพี่เลี้ยงตามดูแลถึงโรงเรียน เธอจะใส่รองเท้าก็มีคนใส่ให้
พอชีวิตเธอผกผัน ล้มละลายแล้วต้องหนีไปที่มาเลเซีย สองคนก็เลยไปใช้ชีวิตที่มาเลเซีย หลังจากนั้นก็กลับมาที่พัทยา อย่างที่ผมเล่าให้ฟัง ที่พัทยานั้น เธอทำงานทุกอย่าง นัตตี้ เป็นเด็กเสิร์ฟ เด็กเข็นของ นักร้อง เธอเห็นเพื่อนๆ เล่น Social Cam ก็ลองเล่นบ้าง ครั้งแรกสุดเธอโพสต์คลิปเล่นอูคูเลเล่ เล่นเปียโน ร้องเพลง เต้นคัฟเวอร์ หลายคลิปเป็นไวรัล เพราะเธอสวย คนที่ดูคลิปพวกนี้จะชอบผู้หญิงสวย มีคนติดตามมากถึงหลักล้าน ก็เลยมีงานรีวิวเข้ามา ชีวิตความเป็นอยู่ของเธอกับแม่เลยสบายขึ้นมาเยอะแยะเลย ผมเอารูปให้ดูว่าหน้าตาเธอเป็นอย่างไร เปรี้ยวเชียว หน้าอกหน้าใจเบ้อเร่อเบ้อร่า
แล้วเธอก็ไปเข้าค่ายเพลงเกาหลี ค่ายเพลง Dream Cinema จากเกาหลีใต้ เห็นคลิปนัตตี้ก็เลยติดต่อให้ไปออดิชัน ปรากฏว่าเธอผ่าน เขาก็เลยออกมินิอัลบัมแรกในชีวิต ชื่อ Power of Nutty มีซิงเกิลชื่อ So what, I'm gonna catch you. ก็คือ ฉันจะต้องจับเธอให้ได้ แต่วันนี้เธอกลายเป็น Catch me if you can มาจับฉันให้ได้ถ้ามีความสามารถ
มีการโปรโมตทั้งที่ไทย และเกาหลีใต้ ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตทั้งไทย เกาหลีใต้ แต่เส้นทางบันเทิงของเธอที่เกาหลีใต้ก็หยุดชะงักแค่นั้น เพราะเธอขัดแย้งกับค่ายเพลงเรื่องสัญญาค่าตอบแทน
เผอิญว่าเธอดังแล้วในยูทูบ เธอก็เลยกลายไปเป็นยูทูปเบอร์ และครูสอนเต้น เธออ้างว่าเธอเต้นได้หมดทุกอย่าง บัลเลต์ แจ๊สแดนซ์ โมเดิร์นแดนซ์ ฮิปฮอป เบรกแดนซ์ ตรงนี้ล่ะที่เธอเปลี่ยนชื่อ จาก นัทธมณ มาเป็น ลีอาห์ (Leeah) แล้วเธอทำตัวเป็นครูสอนเต้น เขาเลยเรียกกันว่า ครูลีอาห์
ในยูทูบเธอมีช่องของตัวเอง ชื่อ Nutty's Diary มีคนติดตาม 846,000 คน ส่วนอินสตาแกรม @nutty.suchataa ของเธอมีคนติดตามประมาณ 310,000 คน
ชีวิตเธอเป็นยูทูปเบอร์สักพักหนึ่ง รีวิวสินค้า ก็น่าจะมีรายได้เข้ามาดีพอสมควร อยู่ได้ทั้งแม่ทั้งลูก แต่จู่ๆ เธอหันมาเทรดหุ้น คือสร้างภาพในการเป็นยูทูปเบอร์ เน็ตไอดอล ว่าเธอเป็นกูรูที่รู้จริงในการเล่นหุ้น เธอเรียกตัวเองว่า โค้ชนัตตี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยปรากฏเลย ไม่เคยมีหลักฐาน ไม่เคยมีคำอ้างอิงว่าเธอรู้เรื่องนี้ แต่เธอมาโม้ว่าเธอทำกำไรได้จำนวนมาก เธอโพสต์โชว์ในสตอรีในไอจีทุกวัน เธอโพสต์บอกว่า "16 นาที กำไร 1 แสน วันเดียวกำไร 4 ล้าน" เธอทำกำไรติดอันดับสองของทั่วโลก เป็นนักเทรด VIP ที่ดีที่สุดของโลก
ท่านผู้ชมครับ ผมไม่อยากจะซ้ำเติมท่านผู้ชมที่เสียเงินไปกับนัตตี้ ลำพังโพสต์แค่นี้ ถ้าท่านผู้ชมที่เสียเงินไป ท่านใช้สติที่ยังมีอยู่ตอนนั้น (ถ้ามีเหลืออยู่) พิจารณาคำพูดเธอว่า ถ้า 16 นาที ได้กำไร 1 แสน วันเดียวทำกำไร 4 ล้าน ที่สำคัญก็คือว่า เธอทำได้อย่างไรกำไรติดอันดับสองของโลก คนเทรดหุ้นในโลกนี้มีเป็นพันๆ ล้านคน เอาอะไรมาวัดกัน แล้วก็อ้างว่าเป็นนักเทรด VIP ที่หนึ่งของโลก
เมื่อมีคนเชื่อ คนที่หลงเชื่อโดยที่ไม่ได้ใช้ปัญญาคิด แต่ว่าเอาความโลภนำหน้า เธอก็เลยเริ่มเปิดสอนเทรด รับฝากเงินมาเทรดให้ พอเปิดสอนเทรดปั๊บ เดิมทีเธอยังไม่ได้รับเงินคน เธอเที่ยวเอาของมาโพสต์แล้วเธอก็มีรถยนต์คันใหม่ๆ ออกมาให้ดู นี่นะคือเงินจากการเทรด คนที่โง่ หรือคนที่หลงเชื่อ ตาลุกวาวเลย ทุกคนอยากมีเงิน แต่ไม่ดูที่มาที่ไปของเงินว่ามันเป็นอย่างไร เธอเปิดสอนเทรด แล้วเธอก็เลยถือโอกาสรับฝากเงิน ในทำนองว่าเอามาฝากให้นัตตี้ นัตตี้จะเทรดให้ เทรดให้แล้วจะคืนกำไรให้ มันก็คือแชร์ลูกโซ่นั่้นเอง ท่านผู้ชม ก็เหมือนกับแม่ข่าย แม่สาย บอกว่าเอาเงินมาฝากนะ แชร์นี้ แชร์แม่มณีเอย Forex-3D เอย รับรอง รับประกันว่าจะมีรายได้อย่างนี้ เพราะว่าเอาให้
เผอิญตอนนั้นเธอเป็นยูทูปเบอร์มีชื่อมาก คลิปของเธอไวรัลมาก ทั้งอินสตาแกรม ทั้งยูทูบ คนตาม 2-3 ล้านคน เธอได้โชว์ชีวิตดีๆ ของเธอ ทำให้ได้รับความเชื่อถือ คนไทยนี่ก็แปลก ถ้าขับรถปิกอัพ ดูถูกว่าจน แต่ถ้าโกงเงินชาวบ้านเขามาแล้วขับเฟอร์รารี หรือซูเปอร์คาร์ เหมือนอย่างที่เขาเพิ่งจับ พี ไมเนอร์ เมื่อ 1-2 วันนี้ ว่ามันโกงเงินเขา พอขับเฟอร์รารีแล้ว เฮ้ย มันรวยจริง เพราะฉะนั้นก็ฝากเงินให้เธอเทรด ก็หลายพันราย
ผมเอารูป 27 สิงหาคม เมื่อปีที่แล้ว หนึ่งปีที่ผ่านมา เธอโพสต์อินสตาแกรมโชว์ว่าเธอได้ถอยรถ Alphad ป้ายแดง จากเงินกำไร เทรดหุ้นเพียง 6 เดือน ตายแล้ว! น้องนัตตี้เทรดหุ้นเพียง 6 เดือน ซื้อ Alphad สีดำ คันละ 4-5 ล้านบาทได้ น้องนัตตี้ชวนให้มาเทรด เอาไหม เดี๋ยวจะเทรดให้ จะเอาเงินคืนให้ ผลกำไรตอบแทน เอาสิๆ นั่นคือที่มาของความโลภ
ต้องบอกว่าน้องนัตตี้ศึกษาการเทรดหุ้นมาหลายปีแล้ว ก่อนหน้านั้นพอร์ตเธอเคยแตก เคยขาดทุน เคยหมดตัว เคยหมดมาแล้ว แต่เพิ่งจะเทรดด้วยความเข้าใจจริงในช่วงต้นปี เก็บเงินจริงจังทุกวันในช่วงโควิดที่ผ่านมา นี่คือนัตตี้พูดนะครับ เพราะเราไม่รู้จะหารายได้จากทางไหนเลยตอนนั้น สตูตัวเองก็ปิด ไปสอนเต้นก็ไม่ได้ เงินเก็บก็จะหมดแล้ว เลยตัดสินใจกลับมาเทรดอย่างจริงจัง เพราะจำเป็นต้องหารายได้เข้าบ้าน ยอมรับว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งหายไปจากโซเชียล เพราะเครียดมาก กำลังปั่นเงินอยู่ แล้วเธอก็บอกว่า ขอบคุณตัวเองนะที่สู้ๆๆ เกิดมาชีวิตหนึ่งต้องทำให้สุด สุดแล้ว ท่านผู้ชม สุดแล้วคือคว้าเงินท่านผู้ชมไป 2 พันล้านบาท คนที่โง่ หลงใหลในน้องนัตตี้
น้องนัตตี้บอกว่า ใครอยากสนใจหารายได้ อยากฝากเทรด หรือเรียนรู้การเทรด ทักไลน์มาได้เลยนะคะที่ LINE @traderleeah เราจะต้องดีขึ้นไปด้วยกัน นี่คือคำพูดของนัตตี้
ก็เหมือนกับแชร์ลูกโซ่หลายแชร์ ที่ในตอนต้นหลายคนได้เงินจริง พอได้มา ความโลภ กิเลสมันปิดบัง หูหนวก ตาบอด ทุ่มเงินลงทุนมากขึ้น พอในที่สุดแล้ว วันหนึ่งนัตตี้ไม่สามารถคืนเงินให้ผู้ลงทุนได้ มีคนเสียหายไปกว่า 2-3 พันคน มูลค่าความเสียหาย 2 พันกว่าล้านบาท ก็ปกติธรรมดา ท่านผู้ชม ในเมื่อเธอเทรดกับโบรกเกอร์ เธอก็ต้องอ้างว่าโบรกเกอร์โกง ก็เหมือนสมัยนายอภิรักษ์ โกฎธิ เงินหาไม่ได้ ก็บอกว่าเขาบล็อกเงินอยู่ที่เมืองนอก ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวจะเอาเงินเปิดบล็อก ให้เขายกเลิกบล็อก เคลียร์เขาหมดแล้วจะเอาเงินมาคืน ผมยังจำได้เลยยุคนั้น ที่ผมรายงานเรื่องนายอภิรักษ์ ผมบอกว่า หมดแล้วงานนี้ เจ๊ง ยังมีคนเชื่อนายอภิรักษ์อยู่ตอนนั้น บอกว่าอย่าไปว่าเขาสิ เดี๋ยวเขาก็เอาเงินมาคืนแล้ว ด่าผมอีก เหมือนกับคนที่ด่าผมในเรื่องบิทคับของนายท๊อป จิรายุส คุณสนธิจะไปรู้อะไร ลุงจะไปรู้อะไร ลุงไดโนเสาร์ ลุงเก่าเกินไปแล้ว ไม่ทัน ปรากฏว่ามาวันนี้ทุกคนน้ำตาไหลพราก สะอื้นไห้ แล้วตอนนั้น คือบอกว่าอะไรผิดพลาด โอนเงินไม่ได้ แบงก์บล็อกเงิน โบรกเกอร์โกง เหมือนกันกับอภิรักษ์ ตอนแรกไม่มีคนแจ้งความ เพราะนัตตี้บอกว่าจะทยอยคืนเงินให้ทุกคน แต่พอต่อมาเธอจะมีข้ออ้างมากมาย ถูกตำรวจอายัดบัญชี ทำให้ไม่มีเงินมาคืน อย่าเพิ่งแจ้งความ ขอโอกาสทำงาน ขายเสื้อผ้า รับรีวิว จะได้มีเงินไปคืนทุกคน
24 มิถุนายน 2565 ศาลไม่ให้เธอประกันตัวหลังจากมีคนไปแจ้งความ หลังจากนั้นเธอก็หาเงินมาได้ 2 ล้านบาท เพื่อประกันตัวเธอและเลขาฯ ของเธอ แล้วเธอก็เล่นบทมนุษย์ล่องหนทันที หลายคนยังเข้าใจผิดว่านัตตี้ติดคุกไปแล้ว ผู้เสียหายนับสิบๆ รายไปแจ้งความ เพราะเชื่อว่านัตตี้กับแม่หนีออกไปต่างประเทศ มีคนใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง บอกว่าเพิ่งจะเจอนัตตี้เอง ที่กาสิโน ในบ่อนที่เก็นติ้งไฮแลนด์ ประเทศมาเลเซีย
ท่านผู้ชมครับ ประวัติที่ผ่านมาของนัตตี้ถูกขุดคุ้ย เช่น ประวัติชีวิตในวัยเด็กที่คนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องแต่ง หรือช่วงที่ตั้งตัวเป็นกูรู มีคนสังเกตว่าเธอใช้เงินเหมือนเสกได้ เธอซื้อรถสปอร์ต ซื้อรถแบรนด์เนม ใช้หนี้ให้แม่ เธอเปย์ให้ผู้ชายด้วยนะ ในแอปฯ Vivie แล้วเธอจะซื้อคลินิกเสริมความงาม เหมือนอภิรักษ์ โกฎธิ เป๊ะเลย โชว์รถ โชว์แบรนด์เนม โชว์ความร่ำรวย อวดรวย เพราะว่าพวกนี้จับจิตวิทยาคนถูก คนมีเงินน้อยก็อยากมีเงินมาก คนมีเงินมากก็อยากมีมากขึ้นไปอีก แล้วก็เหมือนอภิรักษ์ โกฎธิ ในเรื่องของ Forex-3D ดารา อินฟลูเอนเซอร์ และคนดังหลายคน เยอะเลย เป็นผู้เสียหาย แต่ไม่กล้าแจ้งความ
ผมได้ดูเส้นทางการเงินที่เป็นหลักฐานสำคัญ พอผมตรวจสอบไปยังบริษัท สุชาตา ที่นัตตี้ใช้เป็นจุดฝากหลักทรัพย์ของเหยื่อทั้งหลาย บริษัท สุชาตา ซึ่งเป็นที่รับฝากเงินของเหยื่อ ตั้งขึ้นเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา ก่อนที่เจ้าตัวจะหายตัวไปประมาณ 3-4 เดือน เจ้าตัวเพิ่งเข้าสู่วงการชักชวนคนเข้ามาเทรดหุ้นเมื่อช่วงปี 2564 บริษัท สุชาตา ตั้งเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ แขวงประเวศ เขตประเวศ มีกรรมการผู้จัดการลงนามเพียง 1 คน ก็คือ ลีอาห์ คงจักร์ หรือ นัตตี้ ก็คือว่าเตรียมตัวโกงเต็มที่แล้วล่ะ เตรียมตัวโกงเต็มที่เลย เธอถือหุ้นอยู่ 99.98 เปอร์เซ็นต์ มีคนๆ หนึ่ง ชื่อ ธานิยา คงษุภจักร์ น่าจะเป็นแม่ของนัตตี้
แม่ของนัตตี้ เดิมชื่อ ศรัญญา คงจักร์ เธอตั้งฉายาตัวเองว่า อาจารย์แม่ อายุ 66 ปี เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญการจับกระษัย สอนจับเส้น ตั้งตัวเองเป็นประธานชมรมช่วยเหลือหมอนวดไทย หน้าตาดีครับ สาวๆ ก็คงจะไม่น้อยกว่านัตตี้ เผลอๆ จะเจ้าเสน่ห์กว่านัตตี้ เธอโฆษณา "ของเล็ก ของสั้น หลั่งเร็ว ไม่มั่นใจเลย!! นวดกษัย 4 ศาสตร์ ระดับแอดวานซ์ ช่วยได้ 99% ไม่พอใจยินดีคืนเงิน"
เรื่องนวดกระษัยนี่ต้องถามผม เดี่ยวผมจะเล่าให้ฟัง
จับกระษัย หรือนวดกระษัย คืออะไร ? ขอให้ทำความเข้าใจก่อนว่า สมัยก่อนนวดกระษัย ไม่ใช่ นวดกระปู๋ (กระปู๋ ก็คือ กระเจี๊ยว เดี๋ยวท่านผู้ชมบางท่านจะมาถาม คุณสนธิ กระปู๋คืออะไร รายการที่นี่พูดจาตรงไปตรงมา) ผมก็เคยนวด แต่ที่ผมนวด คนที่นวดให้ผมคืออาแปะ อายุเกือบเจ็ดสิบปี แต่วิธีนวดกระษัยของอาแปะ จริงๆ อาแปะให้นอนบนเตียง แต่อาแปะบอกว่า ลื้อถอดกางเกง อาแปะก็จะเอามือล้วงเข้าไปใต้ลูกอัณฑะ หรือไข่ของผู้ชาย แล้วข้างล่างจะมีเส้น ก็จะบีบเส้น แกะเส้นออก เพราะมันจะไปขวางทางเดินของเลือด ทำให้กระเจี๊ยวไม่แข็ง เพราะฉะนั้นแล้ว นี่คือเคล็ดของคนโบราณ เขานวดกัน แต่พอต่อมาแล้ว ศาสตร์นี้คนแก่ๆ ไม่ทำแล้ว กลายเป็นคนสาวๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมอนวดที่นวดไทยอยู่ เอ๊ะ นวดกระษัย มันสามารถจะนวดอย่างอื่นไปพร้อมกระษัยได้ อย่างเช่น นวดกระปู๋ไปด้วย นวดกระษัยไปด้วย
ทีนี้ พอนวดกระปู๋แล้ว ท่านผู้ชมกำลังปล่อยม้าพยศออกจากคอก มันก็อาจจะตามมาด้วยการมีเพศสัมพันธ์กับคนนวด ด้วยเหตุนี้ช่วงหลังๆ นวดกระษัยโด่งดังมาก เปิดไลน์ดู เปิดไอจีดู เปิดพวกเฟซบุ๊กดู นวดกระษัยเต็มไปหมด แต่จริงๆ เป็นกระษัย+กระปู๋
ข้อเท็จจริงแล้ว การนวดไม่ได้ทำบนอวัยวะเพศ กดบริเวณตำแหน่งเส้นลมปราณ จุดสัญญาณการนวด จุดเส้นประธานสิบที่ไหลเวียนในร่างกาย ทำให้การไหลเวียนของเลือด คือ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม พัดนำพาความร้อน เพิ่มการขับเคลื่อนของพลังธาตุต่างๆ ให้กลับมาปกติได้
แต่ก่อนถ้าไปตามอาบอบนวด จะมีหมอนวดที่สูงอายุหน่อย อายุมากแล้ว หมอนวดพวกนี้จะเป็นหมอนวดที่สอนหมอนวดสาวๆ อีกทีให้รู้วิธีการนวด การจับเส้นเบื้องต้น ให้ลูกค้าผ่อนคลาย แต่ถ้าลูกค้าต้องการนวดกระษัยแก้อาการเกี่ยวกับอวัยวะเพศต่างๆ เช่น นกเขาไม่ขัน หรือหลั่งเร็ว ก็จะอาศัยหมอนวดระดับอาจารย์นี่ล่ะ อายุมากๆ เป็นคนนวดให้ เพราะถ้าไม่เชี่ยวชาญ จับเส้นผิด จะเกิดอันตราย อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ วันเวลาต่อมา ผ่านไป นวดกระษัยพัฒนาตามความนิยมของแพทย์แผนไทย เป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง มีการให้บริการตามโรงพยาบาลหลายแห่ง
รูปนี้นัตตี้นั่งอยู่กับแม่ ดูหน้าตานัตตี้สิครับ สวยไหม ไม่มีใครนึกถึงเลยนะ นี่คือแม่เธอ ถ่ายรูปเสร็จเลย กำลังจะนวดกระษัย เห็นไหมผู้ชายคนนี้กำลังคุกเข่าโก้งโค้ง นี่ยังดีนะ ยังใส่กางเกงอยู่ แต่ในข้อเท็จจริงแล้วเวลานวด ถ้านวดกันจริงๆ เขาไม่ใส่อะไรเลย
แม่ของนัตตี้เชี่ยวชาญมากเรื่องการนวด การสอนนวด การจัดการธุรกิจ เธอเคยเขียนหนังสือด้วยนะครับ เรื่อง "นวดกษัย 4 ศาสตร์ ฉบับชะลอการหลั่งและแข็งไม่เต็มที่" วางจำหน่ายในปี 2562 สามปีที่แล้ว
มกราคม 2562 แม่นัตตี้เคยโพสต์บอกว่า รับสอนนวดที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เธอมีเบอร์โทรศัพท์สอดคล้องกับประวัติของนัตตี้ที่เคยเล่าว่าแม่และตัวเองเคยย้ายไปอยู่มาเลเซีย เนื่องจากเคยไปทำงานนวดที่นั่น แล้วก็มีมหาเศรษฐีมาเลเซียขอแต่งงานด้วย
นอกจากนั้นแล้ว นัตตี้ยังมีบริษัทที่เกี่ยวกับครอบครัวอีก 2 บริษัท บริษัทแรกชื่อ คอสตินา คอสเมติก อินโนเวชั่น (COSTINA COSMETIC INNOVATION) รับจ้างจำหน่ายเครื่องสำอาง รวมทั้งรับจ้างบรรจุภัณฑ์ทุกชนิด เดิมทีบริษัทนี้ชื่อบริษัท Techno Green Innovation ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น COSTINA COSMETIC INNOVATION
ในส่วนของบริษัท COSTINA COSMETIC INNOVATION มีกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม 1 คน คนเดียวเลย คือ นัตตี้ สุชาตา คงษุภจักร์ ผู้ถือหุ้นก็เช่นกัน มีผู้ถือหุ้น 3 คน บริษัทที่ใช้ฉ้อโกงประชาชน 3 คน มี หนึ่ง นัตตี้ สุชาตา คงษุภจักร์ ถือหุ้นอยู่ 98 เปอร์เซ็นต์ แม่นัตตี้ ธานิยา คงษุภจักร์ ถือหุ้นอยู่ 1 เปอร์เซ็นต์ พี่สาวนัตตี้ ชื่อ ปูริดา คงจักร์ ถือหุ้น 1 เปอร์เซ็นต์ บริษัทนี้ขายของที่เป็นเครื่องสำอาง เพราะฉะนั้นแล้ว เธอพยายามใช้บริษัทนี้เพื่อทำมาหากิน
ในคลิปวิดีโอประชาสัมพันธ์ก็ระบุว่า นัตตี้เป็นเจ้าของแบรนด์ เป็น CEO ผู้บริหาร มีทั้งลดความอ้วน จาก 56 กิโลฯ ลดลงมาเหลือ 42 ที่สำคัญ บริษัทนี้ยังเปิดทำการอยู่ ในปี 2564 มีการส่งงบการเงินให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า บอกกำไร 3 ล้านกว่าบาท จากหลายปีที่ผ่านมาขาดทุนมาตลอด 2562 ขาดทุน 4.4 ล้าน 2563 ขาดทุน 6.9 ล้าน ขาดทุนมาสองปี จู่ๆ พลิกมากำไร 3.3 ล้าน แปลว่าอะไร ? แปลว่ามันตรงเวลาไทม์ไลน์ของการที่นัตตี้เริ่มเข้าสู่วงการแชร์ลูกโซ่เทรดหุ้นของนัตตี้พอดีเลย
เอารูปนัตตี้ให้ดู ในโฆษณาของเธอ บริษัท COSTINA COSMETIC เธอแต่งชุดบีกินี เสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็มีการเปิดช่องทางที่จะให้รับสมัครตัวแทนจำหน่าย
ท่านผู้ชมครับ บริษัทที่นัตตี้ทำนั้น เธอจะเข้าเป็นกรรมการ เธอเปลี่ยนชื่ออีกครั้ง จาก ลีอาห์ เป็น สุชาตา ที่สำคัญ ปี 2565 มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการผู้ถือหุ้น คือ คุณราเชน ตระกูลเวียง เป็นนักการเมือง หัวหน้าพรรคทางเลือกใหม่ โดยคุณราเชน เข้าถือหุ้น 99.91 เปอร์เซ็นต์ ของบริษัท COSTINA COSMETIC เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามร่วมนัตตี้ ซึ่งเปลี่ยนชื่ออีกแล้ว เป็น สุชาตา คงจักร์
คุณราเชน ตระกูลเวึยง เป็นที่รู้จักในหน้าสื่อ เขามีบทบาทเป็นประธานสหพันธ์คนไทยปกป้องสถาบัน เป็นคนนำมวลชนเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มที่คิดจะแก้ไขมาตรา 112 แล้วแจ้งจับแกนนำเสื้อแดงหลายคนที่หมิ่นสถาบัน
ปลายปี 2556 คุณราเชน เข้าร่วมชุมนุม กปปส. ประกาศตัวเป็นแกนนำ กปปส. นนทบุรี ร่วมบริหารจัดการเวที กปปส. ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ ร่วมกับพุทธะอิสระ ภายหลังราเชนแยกตัวออกมา ทำให้บทบาทแกนนำ กปปส. ของตัวเองยุติลงแค่นั้น ปัจจุบัน คุณราเชน อายุ 59 ปี เป็นคนบางกรวย จ.นนทบุรี มีภรรยาเป็นคนปักษ์ใต้ ทำธุรกิจหลายอย่างในพื้นที่นนทบุรี ก็เลยมาทำงานการเมืองอย่างเต็มตัว เป็นเจ้าของ-หัวหน้าพรรคทางเลือกใหม่ รวมทั้งแคนดิเดตทุกอย่างที่สมัครไป
ท่านผู้ชมครับ ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัท COSTINA COSMETIC ล่าสุด สอดคล้องกับกรณีวันที่ 29 สิงหาคม 2565 รายการ "โหนกระแส" ที่ออกอากาศทางช่อง 3 คุณหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย เชิญทนายเหยื่อผู้เสียหายจากการหลอกลวงของนัตตี้ บุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมพิเศษ ในตอนหนึ่ง คุณแองจี้ ซึ่งเป็นผู้ประสานงานนักลงทุนให้นัตตี้หาแหล่งเงินทุนเพื่อใช้คืนเหยื่อ เธอระบุตอนหนึ่งหลังผู้เสียหายร้องเรียนต้องการเงินคืนจากนัตตี้ว่า นัตตี้พยายามใช้เงินให้กับผู้เอามาเล่นเทรดด้วยค่ะ ทำการขายฝาก หรือขายโรงงานให้กับหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง คือพยายามเอาเงินคืน ก็เลยเอาบริษัทตัวเองไปขายฝากกับหัวหน้าพรรคการเมือง ไม่ได้เกี่ยวกับเทรดค่ะ
แต่เขาให้นัตตี้โอนชื่อเป็นของเขาทั้งหมด ให้เขาเป็นเจ้าของครอบครองสิทธิ โดยอ้างว่าจะให้นัตตี้โอนเป็นชื่อเขาแล้วขายฝากได้กับทุนของบริษัท ของพรรค นัตตี้ทำการขายฝากโรงงานครีมของตัวเองไว้สองครั้ง ครั้งหนึ่งขายฝากกับนักการเมือง นัตตี้อ้างว่าทรัพย์ดังกล่าวมีมูลค่า 30 ล้านบาท ซึ่งน่าจะหมายถึงทรัพย์สินของบริษัท COSTINA COSMETIC นัตตี้ขายฝากในจำนวนเงิน 20 ล้านบาท แต่นักการเมืองดังกล่าวให้เงินนัตตี้แค่ 7 ล้านบาท แล้วโอนชื่อบริษัทดังกล่าวเข้าเป็นชื่อตัวเอง นี่คือข้ออ้างที่ทำให้นัตตี้่บอกว่าไม่มีเงินมาคืนผู้ถือหุ้น
ส่วนผู้เสียหายอีกคน ชื่อ นกกี้ (นกกี้ นัตตี้ แองจี้ สระอี้กันทั้งนั้น เลยกินขี้กันหมดทุกคน) ขยายความอย่างนี้ เรารู้ว่านัตตี้มีทรัพย์หลังจากเขาโกงมาแล้ว มีโรงงานพร้อมที่ดิน มีคลินิกที่พร้อมเปิดแล้ว มีคอนโดฯ ที่พัทยาไม่รู้กี่ห้อง มีบ้านที่แม่เพิ่งกดเงินสดมา หลายๆ อย่าง รถตู้เอย นาฬิกา เราก็กดดันว่าถ้าโดนโบรกเกอร์โกงจริงๆ ในช่วงแรก เราเชื่อแบบนั้น เพราะนัตตี้ไม่มีอิสระในการพูดมาก เราสงสารเขา เราก็บอกว่า เอาทรัพย์ไปขายซะ ของพี่น่าจะเป็นส่วนโรงงานเอาไปขายฝาก แต่สุดท้ายเอาไปขายฝากไม่ได้เงินกลับมาเลย พวกเราไม่ได้เงินสักบาท เหมือนเขาพยายามโยกทรัพย์สินจากตัวเองมากที่สุด เพื่อหาช่องทางหนี้หรือเปล่า
ท่านผู้ชมครับ มีการประเมินความเสียหายว่า มีความเสียหายประมาณ 2 พันล้านบาท ถ้าเปรียบเทียบกับ Forex-3D แล้ว ถือว่าจิ๊บจ๊อยมาก แต่ผู้ร่วมขบวนการ Forex-3D มีเกินหลายสิบคน อาจจะถึงร้อยคน
นัตตี้ จริงๆ แล้วมีคนเดียว หรืออย่างมากก็มีแม่ กับเลขาฯ ประเด็นข้างต้น ผมสรุปได้ว่า นัตตี้และเครือข่ายมีการเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนาม ทั้งชื่อและนามสกุล หนึ่ง ตัวนัตตี้เอง เปลี่ยนชื่อมา 5 ชื่อ เริ่มแรกเป็น นัทธมณ คงจักร์ ต่อมาเป็น ลีอาห์ คงจักร์ ต่อมาเป็น สุชาตา คงจักร์ และจบลงด้วย สุชาตา คงษุภจักร์ ส่วนแม่นัตตี้เริ่มจากชื่อ ศรัญญา คงจักร์ แล้วลงมาจบที่ นางธานิยา คงษุภจักร์ ตอนนี้นัตตี้และแม่หนีไปอยู่มาเลเซียแล้ว ก่อนที่จะหนีไป มีการเล่นแร่แปรธาตุทรัพย์สินไปหลายอย่าง เหลือเงินติดบัญชีแค่ 173,000 บาท บริษัทที่เปิดดำเนินกิจการอยู่ มีกำไร 3.3 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ต้องไปดำเนินการติดตามยึดทรัพย์สินบริษัทนี้ให้หมด รวมทั้งบ้าน รถยนต์ ที่ดิน ทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้าตัว แม่ และครอบครัว
นอกจากบริษัท COSTINA COSMETIC INNOVATION แล้ว นัตตี้ยังมีการเล่นแร่แปรธาตุด้วยการขายบริษัทนี้ให้กับนายราเชน ตระกูลเวียง หัวหน้าพรรคทางเลือกใหม่ ซึ่งผมไม่รู้ว่าคุณราเชนให้เงินนัตตี้ไปเท่าไร และโกงกันอย่างไร แต่ทรัพย์สินในส่วนนี้ ต้องเกี่ยวพันกับการฉ้อโกงประชาชนด้วย
ท่านผู้ชมครับ ตอนจบเรื่องนี้ ผมเคยพูดไปแล้วว่า ผมขอย้ำอีกที เพราะยังเห็นแก๊งเหล่านี้ระบาดไปทั่ว ยังมีคนหลงเชื่ออยู่เยอะ แม้ว่าจะมีกรณีโด่งดังอย่าง Forex-3D นัตตี้ พี ไมเนอร์ ขบวนการหลอกลวงเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของเทรดหุ้น เทรด Forex เทรดคริปโทฯ เท่าที่สังเกตมีการหลอกลวงการลงทุนที่มีความคล้ายคลึงกันมาก ข้อที่หนึ่ง หัวขบวนจะเป็นคนหน้าตาดี มีชื่อเสียงในสังคม ไม่ว่าจะเป็นนายอภิรักษ์ รวมทั้งเครือข่าย พิ้งกี้ หรือนัตตี้ ล้วนแล้วแต่หน้าตาดี หล่อ สวย มีแรงดึงดูด หลายคนเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนาม ทั้งชื่อ นามสกุล ให้ดูน่าเชื่อถือ ไม่ให้ถูกตรวจสอบว่าเคยเป็นสิบแปดมงกุฎที่หลอกคนมาแล้ว
ที่สำคัญ ข้อนี้คือ มีการเปิดคอร์สสอนการลงทุน สอนเทรด หรือเทรดสดๆ ว่าได้เงินจริง เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วถ้าพวกสิบแปดมงกุฎมันเทรดหุ้น เทรด Forex เทรดคริปโทฯ แล้วมันรวยเร็ว มันจะมาสอนคนอื่นเทรดทำไม หรือระดมคนอื่นมาเทรดเพื่ออะไร มันก็รวยคนเดียว หรือรวยเฉพาะในกลุ่มตัวเองไม่ดีกว่าหรือ เพราะฉะนั้นแล้ว เพจไหนที่สอน ที่ให้ลงทุน ท่านผู้ชมครับ ขอประทานโทษ ถุยน้ำลายใส่เพจนั้นไปได้เลย เดินหนีไปได้เลย ก็ถ้าโม้ว่าเทรดแล้วร่ำรวยแบบนี้ ไม่มีทางหรอกที่มันจะเอาความรู้หรือเคล็ดลับในการเทรดให้คนอื่นเขา แต่ที่ชวนเขาเข้ามาเพราะว่าต้องการจะฉ้อโกงเขา และเสร็จแล้วก็คือโชว์รวย โชว์โปรไฟล์ เป็นต้นว่าเอาเงินสดเป็นล้านๆ มากอง ทำคลิปเซอร์ไพรส์พ่อแม่พี่น้อง ซื้อรถหรู ซื้อบ้านหรูให้ โชว์นั่งเครื่องบินเจ๊ต หรืออะไรพวกนี้ พวกนี้ให้ท่านผู้ชมตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนได้เลย จะเริ่มมีการปล้นทรัพย์จากกระเป๋าของคนที่หลงเชื่อ เพราะรถหรู เรือยอชต์ เครื่องบินเจ๊ต นาฬิกาข้อมือราคาแพง กระเป๋าแบรนด์เนม เป็นอุปกรณ์ประกอบฉากเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือชั้นดี อาจจะเป็นเศรษฐีที่ผมเรียกว่า เศรษฐีเจเปก (เจเปก คือ เช่ามาถ่ายรูปให้ดูรวยเฉยๆ) จะมีการโฆษณาชวนเชื่อว่าจ่ายเงินค่าตอบแทนเกินจริง 10-20 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน ตกราว 120-240 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
ท่านผู้ชม ใช้สติปัญญา ไม่ต้องเก่งขนาดที่ว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ผลิตจรวดยิงไปโลกพระจันทร์หรอก สติปัญญาธรรมดานี่ล่ะ บอกธุรกิจอะไรกำไรปีละ 120-240 เปอร์เซ็นต์ ท่านผู้ชมครับ ค้ายาเสพติดยังทำไม่ได้เลย
อีกข้อหนึ่ง ร้อยทั้งร้อยจะมีการจ่ายผลตอบแทนจริงในช่วงแรก สร้างความน่าเชื่อถือ เน้นให้เติมเงิน เอาเงินมาลงเพิ่มจะได้กำไรมากขึ้น แต่พอตอนหลังปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยมีมุกเก่าๆ อย่างเช่นของนัตตี้ ก็บอกว่าโดนโบรกเกอร์ IQ โกงไป ส่วนอภิรักษ์ก็บอกว่าโดนบล็อกเงินที่ต่างประเทศ ส่วนใหญ่เราจะรู้ก็ต่อเมื่อวงแชร์ใกล้แตก ตอนแรกๆ คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ แล้วทางออกของคนพวกนี้ทำอย่างไร ? หนีออกไปต่างประเทศ หรือติดคุก อภิรักษ์หนีออกไปเมืองนอก แต่ว่าเอาเงินยัดตำรวจ 2-3 ร้อยล้านบาท ตำรวจก็ให้กลับมาได้ พอกลับมาโดนตำรวจไถอีก อภิรักษ์ไม่ยอมจ่ายก็เลยโดนจับ
คนที่หลงเชื่อมีสองแบบ อย่างแรกคือ เชื่อใจคนใกล้ชิดที่เป็นแม่ทีม อย่างที่สอง คือ โลภ บางคนอาจจะรู้ว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ คิดว่าจะถอนทันก่อนล่ม แต่ส่วนใหญ่แล้วกลายเป็นกิ้งกือหกคะเมน
ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมเอาชีวประวัติ เบื้องหน้าเบื้องหลังของนัตตี้ ของแม่เขา ชีวิตเขาตั้งแต่เด็กเป็นอย่างไรบ้าง ชีวิตเขาร่ำรวยมาอย่างไร แล้วชีวิตเขาพลิกผันมาอย่างไร แล้วเขาเริ่มโกงประชาชน เขาเริ่มโกงประชาชนเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ปีเดียว แสดงว่าตั้งใจอย่างยิ่งที่จะสูบเงินคนที่ถูกหลอกไป เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งแล้ว เขารู้ว่าเขาจ่ายไม่ได้ เขาก็หิ้วเงินนั้น โอนไปเรียบร้อยแล้วหนีไปเลยครับ
ผมไม่รู้ว่าวันนี้ผมควรจะประจานหรือประณามนัตตี้กับแม่เขาดี หรือว่าควรจะประจานคนที่ถูกหลอกและหลงเชื่อไป มันไม่มีวันสิ้นสุด ท่านผู้ชม จะมีคนประเภทนี้อยู่อีกเยอะมาก ตราบใดที่เรายังมีความโลภสิงสถิตอยู่ในตัวของเรา
ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่ผมจะพูดวันนี้ คือ บริษัท โออาร์ (OR) ในเครือ ปตท. ที่กำลังโด่งดังขึ้นมา เพราะว่าโออาร์ที่แท้จริงคือ ปตท. ที่เปลี่ยนร่าง แปลงกายแตกเป็นบริษัทย่อยมาทำธุรกิจค้าปลีก เพราะว่าชื่อเต็มๆ คือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก เรียกว่า PTT Oil and Retail Business ภาษาอังกฤษ คือ O มาจาก Oil (น้ำมัน) R มาจาก Retail (ค้าปลีก) นั่นเอง
ผมเคยพูดมานานแล้วว่าในช่วงวิกฤตนั้น กลุ่ม ปตท. กำไรเละเลย กำไรมาก ไทยออยล์ก็กำไร ปตท.สผ. ก็กำไร เพราะฉะนั้นแล้ว กลุ่ม ปตท. หรือไทยออยล์ กับ ปตท.สผ. อยู่ในส่วนต้นน้ำ คือ สำรวจ ผลิต และกลั่น ทีนี้่พอเรามามองดูกลุ่มบริษัท ปตท. ที่อยู่ในส่วนปลายน้ำ คือบริษัทอย่าง โออาร์ ที่เป็นเจ้าของปั๊ม ปตท. ที่เราเห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
วันที่ 11 สิงหาคม คุณจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก เปิดเผยว่า โออาร์ มีกำไรสุทธิ 6,568 ล้านบาท เพิ่มจากไตรมาสก่อนจำนวน 34,140 ล้านบาท และ 2,723 ล้านบาท ตามลำดับ
ท่านผู้ชมครับ ท่านกรรมการผู้จัดการท่านนี้กำลังจะเกษียณอายุเดือนกันยายนนี้ อีกไม่กี่วันก็จะเกษียณแล้ว ผมจะฝากไปถึงคุณอรรถพล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. หน่อย ว่าคุณจะคัดเลือกใครก็ตามขึ้นมาเป็นประธานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นกรรมการผู้จัดการ โออาร์ คุณดูเนื้อหาของโออาร์ สิ เพราะโออาร์ กำลังทุ่ม 2 แสนล้านบาท เพื่อฮุบกิจการชาวบ้านเขา เดินหน้าครอบงำตลาดผูกขาด คุณอรรถพล คุณผูกขาดน้ำมัน คุณกระทืบประชาชนในราคาน้ำมันยังไม่พออีก คุณผูกขาดในต้นน้ำ นี่คุณอรรถพลกำลังจะใช้โออาร์ โดยผ่านกรรมการผู้จัดการคนนี้ ที่จะเกษียณเดือนกันยายนนี้ เดินหน้าครอบงำตลาดผูกขาด
ท่านผู้ชมครับ กลุ่มธุรกิจ ปตท. ที่ทำธุรกิจปลายน้ำ โออาร์ ฉวยโอกาสเดินหน้าถ่ายเทกำไร คนทุกคนจนกันหมดครับ ปตท. รวยอยู่คนเดียว รวยบนราคาที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชน รวยโดยการซ่อนต้นทุนเอาไว้ รวยโดยการดัดแปลงต้นทุน โกงประชาชนในเรื่องราคาน้ำมัน ตอนนี้กำลังจะให้โออาร์เดินหน้าถ่ายเทกำไรเพื่อเข้าซื้อกิจการต่างๆ เรียกว่าพร้อมเปย์เทหน้าตักด้วยเงินกว่า 2 แสนล้าน มิน่า ถึงพูดว่า โออาร์ คือ โอกาส
ถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้นำไปสู่อะไร ? ทราบหรือเปล่าท่านผู้ชม คำตอบคือ สิ่งที่โออาร์กำลังทำอยู่ โดย ปตท. สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง คือสร้างโอกาสให้ทุนใหญ่ครอบงำตลาด เพิ่มอำนาจเหนือคู่แข่งสู่ธุรกิจผูกขาด ความเหลื่อมล้ำนั้นทำลายโอกาสรายเล็กรายน้อย ธุรกิจ SMEs ประชาชนคนธรรมดา ให้หมดเส้นทางทำมาหากินอย่างสิ้นเชิง สวนพันธกิจที่กลุ่ม ปตท. เคยประกาศไว้ว่า จะให้การช่วยเหลือชุมชน คุณช่วยเหลือชุมชนอะไร ถ้าผมจำไม่ผิด คุณอุตตม อดีตรัฐมนตรีฯ คลัง เขาเล่าให้ผมฟังเองว่าเขาตั้งใจให้ปั๊ม ปตท. หรือโออาร์ เป็นตัวกระจายสินค้าของชุมชน ให้ชุมชนยืนได้ ปีกกล้าขาแข็ง พึ่งพาตัวเองได้ นี่ คุณอรรถพล และกรรมการผู้จัดการโออาร์ คุณทำตรงกันข้ามหมดเลย ภาษาแถวบ้านผมเขาเรียกว่า "แดกกินรวบ" คุณเข้าใจหรือเปล่าคุณอรรถพล "แดก" แล้วก็ "กินรวบ" คุณยังไม่เข็ดอีกหรือ คุณยังไม่พอใจใช่ไหมที่ประชาชนเขาก่นด่าโคตรพ่อโคตรแม่คุณ
ท่านผู้ชมตามผมมา ผมจะลำดับเหตุการณ์ให้ท่านผู้ชมเข้าใจอย่างไม่ซับซ้อน
2565 โออาร์ได้ประกาศวิสัยทัศน์ ทิศทางการดำเนินธุรกิจภายใต้คอนเซปต์ว่า "เติมเต็มโอกาสเพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน" (Empowering All toward Inclusive Growth) โออาร์เข้าไปซื้อกิจการ ร่วมลงทุนในหลากหลายธุรกิจต่อเนื่อง กรรมการผู้จัดการใหญ่ คุณจิราพร ขาวสวัสดิ์๋ ประกาศเลย ตั้งงบลงทุนไว้ 2 แสนล้านบาท ในสิบปี หว่านเงินลงให้ผู้ประกอบการทุกขนาด แต่ตลอดปีนี้ ท่ามกลางวิกฤตพลังงาน ราคาน้ำมัน-ก๊าซปรับตัวขึ้นสูง ผลกำไรจากการค้าน้ำมันและก๊าซ กิจการบางกิจการก็อาจจะมีมูลค่าสูงกว่าความเป็นจริง บางธุรกิจเป็นของนายทุนผู้ประกอบการใหญ่ ก็เลยมีคำถามว่า "โออาร์ = โอกาส" โอกาสนั้นเป็นของใคร ?
ประเด็นสำคัญคือ ถ้าเราพิจารราพันธกิจของโออาร์ ที่เคยระบุว่า จะมุ่งสร้างความมั่นคงทางพลังงานและสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ผ่านการดำเนินธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีก จะเป็นองค์กรที่ดีของสังคม ดำเนินธุรกิจที่มีการบริหารจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม bla bla bla ... โกหกตอแหลหมด
ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ภายใต้นโยบาย "โออาร์ = โอกาส" มีตัวอย่างการร่วมลงทุนที่เป็นประเด็นคำถามว่า ท้ายที่สุดการร่วมลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่ใช่น้ำมัน โออาร์ต้องการผลลัพธ์อะไรกันแน่ ? โออาร์ ได้ร่วมกับบริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ตราสิงห์ ที่มีส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มในสัดส่วนที่เรียกได้ว่าเป็นเจ้าตลาด ตั้งบริษัทร่วมทุน วงเงิน 400 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มสำเร็จรูปพร้อมดื่ม ระหว่างบริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่โออาร์ถือสัดส่วนในหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ กับ บุญรอด เทรดดิ้ง
นักวิเคราะห์เขามองว่าการร่วมลงทุนของโออาร์ กับ บุญรอดฯ ถือว่าเป็นทุนใหญ่ทั้งคู่ ก็มองแบบนักลงทุนนั่นล่ะครับ ท่านผู้ชม วิน-วิน ในการแสวงหากำไรในสมรภูมิตลาดเครื่องดื่มกลุ่มบุญรอด เป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ แต่ละปีรายได้นับแสนล้านบาท โออาร์มีจำนวนสถานีบริการน้ำมันทั้งในและต่างประเทศ รวม 2,473 แห่ง ร้าน Cafe' Amazon ทั้งในและต่างประเทศ รวม 4,051 สาขา เป็นจุดแข็งในการกระจายสินค้า อ๋อ แน่นอนครับท่านผู้ชม เมื่อโออาร์หยิบยื่นโอกาสให้บุญรอดฯ ทุนใหญ่ที่มาพร้อมการตลาด พร้อมเปย์หนัก นั่นหมายถึงอำนาจในการผูกขาดอยู่เหนือคู่แข่ง ตลาดเครื่องดื่มที่มีอยู่มูลค่าแสนล้าน น่าจะได้รับผลกระทบอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องดื่มสำเร็จรูปพร้อมดื่ม ทั้งการผลิต การจำหน่าย อยู่ในมือทั้งคู่ มันก็จะเดินก้าวไปสู่ธุรกิจผูกขาดในตลาดนี้ย่อมมีสูง
ท่านผู้ชมครับ แล้ว SMEs ผู้ประกอบการรายย่อย ที่คาดหวังจะเข้าสู่ตลาดเครื่องดื่มสำเร็จรูปพร้อมดื่ม ก็ต้องฆ่าตัวตายสิ ปิดประตูไปเลย พอหมด ร่วมกับเบียร์สิงห์ จิราพร ขาวสวัสดิ์ ที่จะเกษียณอายุเร็วๆ นี้ ก็ร่วมลงทุนกับบริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของดุสิตธานี ทุนใหญ่อีกรายหนึ่ง โดยบริษัทในเครือของโออาร์ถือหุ้น 25 เปอร์เซ็นต์ ใช้เงินลงทุน 300 ล้านบาท
ประเด็น โออาร์ร่วมลงทุนกับดุสิตฯ ไม่ต่างจากโมเดลการร่วมลงทุนกับสิงห์ กลุ่มดุสิตเป็นเบอร์ต้นๆ ในธุรกิจการให้บริการของประเทศ ล่าสุดขยายไปธุรกิจอาหาร ร่วมมือกับโออาร์ จะได้เพิ่มความแข็งแกร่ง
ท่านผู้ชมครับ โอกาส กลายเป็นของทุนใหญ่อย่างดุสิต จากการเอื้อประโยชน์ของโออาร์ นักวิเคราะห์ต่างกังวลว่าผลลัพธ์ M&A (Mergers and acquisitions) ของทุนยักษ์ จะก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างทุนใหญ่ กับ SMEs หรือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก มากขึ้นไปอีก ทุนใหญ่สามารถครอบครองส่วนแบ่งการตลาด สะสมกำไรจากการผูกขาดได้ง่าย เพิ่มอำนาจอยู่เหนือตลาด คู่แข่งไม่มีสิทธิจะแข่งได้เลย
แล้วร้ายที่สุดคือ โออาร์ แปลงร่างเป็น Venture Capital ลงทุนกวาดธุรกิจดะ นอกจากธุรกิจสิงห์ และดุสิต ที่ผ่านมา แคมเปญของโออาร์แปลงตัวเองเป็น Venture Capital หรือภาษาไทย คือ ธุรกิจร่วมลงทุน ก็โออาร์มีเงินเยอะ แล้วเงินโออาร์มาจากไหนล่ะ ? ก็ ปตท. แล้ว ปตท. เอามาจากไหน ? ก็จากการกดขี่ประชาชนในการคิดราคาน้ำมันแพง พวกคุณนี่ทำความพินาศฉิบหายกับประชาชน โก่งราคาน้ำมัน แล้วผ่องเงินพวกนี้ไปสู่บริษัทย่อย แล้วไปร่วมลงทุนกับหลายบริษัทเพื่อดำเนินธุรกิจการผูกขาดต่อไป แล้วพวกคุณก็กลับมากระทืบประชาชนในเรื่องราคาน้ำมันต่อ คุณอรรถพล คุณเป็นอะไรหรือเปล่า คุณยังมองไม่เห็นหรือ คุณรีบแก้ไขซะ ทุกวันนี้เขาก็ด่าคุณไม่มีดีเลย เอาเปรียบประชาชน แล้ววันนี้คุณก็ยังใช้บริษัทโออาร์มาลงทุน
ดูสิ คุณไปลงทุนในหลายกิจการ เช่น บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด เจ้าของร้านอาหารสุขภาพชื่อดัง "โอ้กะจู๋" ฟังดูก็ดี "โอ้กะจู๋" ปลูกผักเองด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ ส่งตรงจากฟาร์มผักขนาดใหญ่ใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่ตั้งบริษัท ในแง่ธุรกิจโออาร์ตั้งเป้าขยายสาขาร้าน "โอ้กะจู๋" เพิ่มเติมในปั๊ม ปตท. รวมทั้งการจำหน่ายอาหารแบบ Grab & Go ผ่านร้าน Cafe' Amazon ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และภาคเหนือ
ในแง่สังคมชุมชน คาดหวังไว้ว่า การลงทุนดังกล่าวจะเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs และเกษตรกรผู้ปลูกผักในรูปแบบเกษตรอินทรีย์ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น คำถามมีอย่างนี้ ท่านผู้ชม ณ วันนี้ มีผลในทางปฏิบัติเช่นนี้จริงหรือไม่ ? เพราะในความเป็นไปมีเพียงแต่ฟาร์มผักของ "โอ้กะจู๋" เพียงเท่านั้นที่ได้โอกาส เช่นนั้นหรือเปล่า คุณขยายปั๊ม คุณตั้งโออาร์ คุณตั้ง Amazon คุณผูกขาดการขายของคุณหลายอย่างในปั๊มต่างๆ ที่คุณรวยและตั้งได้ เพราะอะไร ? เพราะคุณกระทืบประชาชนในเรื่องราคาน้ำมัน แล้วคุณเอากำไรที่คุณไม่ควรจะกำไรเยอะถึงขนาดนั้น เอามาร่วมทุน ลงทุนกิจการ แล้วคุณเอากิจการที่เจ้าใหญ่ เอามาร่วมผูกขาดกับคุณในปั๊มน้ำมัน ชาวบ้านไม่มีสิทธิเกิดเลย
ที่คุณไปร่วมลงทุนมันสนับสนุนพันธกิจของโออาร์ได้อย่างไร ? สนับสนุนชุมชนได้อย่างไร ? คุณบอกผมซิ ไม่มี
นอกจากนี้ ยังมีอีก คุณทุ่มเงิน 140 ล้าน ลงทุนในเรื่อง GoWabi แอปพลิเคชันในการบริการความสวยความงาม ผ่านกองทุน ORZON Ventures จัดตั้งธุรกิจในเรื่องธุรกิจสตาร์ทอัพ ควักเงิน 480 ล้าน เข้าลงทุน 125 ของบริษัท Kamu Kamu เจ้าของแบรนด์ Kamu Tea ซึ่งขายชานมไข่มุก ควักกระเป๋ากว่าพันหนึ่งร้อยล้านบาท ลงสัญญาจองซื้อหุ้นสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นระหว่างบริษัทในเครือโออาร์ กับบริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น ดำเนินธุรกิจเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าแบบอุตสาหกรรม รวมทั้งประกอบกิจการร้านสะดวกซัก ภายใต้แบรนด์ Otteri ลงทุนประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ 1,105 ล้าน
ท่านผู้ชมครับ ผมเคยพูด ต้องเอา ปตท. กลับมาสู่คนไทย อะไรที่มีธุรกิจ ปตท. ขายทิ้งไปให้หมดเลย เห็นหรือยังท่านผู้ชม ถ้า ปตท. กำไรเยอะ เอากำไรนั้นมาชดเชยราคาน้ำมันที่แพงอยู่ทุกวันนี้ ให้ประชาชนใช้น้ำมันถูก แทนที่จะให้มันกำไรไปเยอะๆ แล้วเอาเงินไปลงโออาร์ แล้วเอาโออาร์พวกนี้ไปผูกขาด ร่วมทุน ฆ่าพวก SMEs ตายโหงตายห่าหมด คุณไปลงได้อย่างไร 140-1,105 ล้านบาท SMEs มันมีธุรกิจเล็กๆ ถ้า SMEs ต้องการทำผักที่ปลอดสาร ที่เป็นผักอินทรีย์ ปลอดสารพิษทุกอย่าง เอาผักนี้เข้าไปขายในปั๊มได้ไหม ? ก็ไม่ได้ เพราะโออาร์ไปผูกขาดตัวเองกับ "โอ้กะจู๋" ท่านผู้ชมเห็นหรือยังว่ารายย่อยตายห่าหมด เพราะโออาร์
โออาร์ นี่คือตัวการร้ายกาจ คุณอรรถพล คุณเป็นอะไรของคุณ คุณยังเหลืออีกหนึ่งปีไม่ใช่หรือถึงจะเกษียณอายุ ผมว่าคุณไปดีกว่า
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ คุณลงไปจัดการหน่อยได้ไหม ชาวบ้านเขาด่าโคตรพ่อโคตรแม่ของพวกคุณไว้เยอะเลยเรื่องราคาน้ำมัน แล้วคุณเอากำไรจากราคาน้ำมันนี้ไปลงในบริษัทในเครือ เพื่อไปขยายขอบเขต เพื่อไปผูกขาดสินค้าอุปโภคบริโภค คนตัวเล็กๆ ตายห่าหมด
ทิศทางที่เปลี่ยนไปของโออาร์ กับโจทย์ใหญ่ ปตท.
ปตท. เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในโออาร์ แต่ว่าวิสัยทัศน์และการขับเคลื่อนผลักดันที่สำคัญกลับกลายเป็นคุณจิราพร ขาวสวัสดิ์ "โออาร์ = โอกาส" ครึ่งปีหลังจะเดินหน้าต่อไม่หยุดยั้ง บริษัทนี้อยู่ในการเจรจากับพันธมิตรหลายรายเพื่อลงทุนรูปแบบเข้าซื้อกิจการและการร่วมลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน
ท่านผู้ชมครับ โออาร์ และ โอกาส เป็นวิสัยทัศน์การลงทุนที่วันนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า โออาร์ มุ่งเข้าสู่การแสวงหากำไรอย่างสูงสุด มากกว่าการตอบแทนสังคมและชุมชนตามพันธกิจที่ควรจะเป็น คือองค์กรที่ผ่องถ่ายกำไรจากธุรกิจค้าน้ำมันและก๊าซที่ตัวเองได้รับสิทธิพิเศษ ใช้ทรัพยากร ภาษีคนทั้งประเทศมาก่อตั้ง เพื่อคืนกลับ หรือบรรเทาค่าครองชีพประชาชน ละทิ้งโมเดล Cafe' Amazon ความจริงแล้ว ปตท. เคยประสบผลสำเร็จในพันธกิจช่วยเหลือชุมชนจากการก่อสร้างและสร้างแบรนด์ Cafe' Amazon สาขามี 4,000 แห่ง ปตท. เป็นเจ้าของไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ 400 สาขา โมเดลที่สนับสนุนพันธกิจนี้ของ ปตท. น่าจะเดินหน้าต่อ ภายใต้การบริหารและวิสัยทัศน์ของโออาร์ กลับเลือกที่จะเดินหน้าการลงทุนจากผู้ประกอบการรายใหญ่ ให้โอกาสนายทุนที่มีธุรกิจอยู่ในมือขยายกิจการมากขึ้น เมื่อหันหลังกลับไปมองการก่อตั้ง Cafe' Amazon เปรียบเทียบกับการเข้าลงทุนกรณีโออาร์ทุ่มเงิน 480 ล้านบาท เข้าไปถือหุ้นในบริษัท Kamu Kamu เจ้าของแบรนด์ Kamu Tea ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง ขาไข่มุกเขาก็ไปของเขาได้แล้ว คุณไม่ต้องไปซื้อหุ้นเขาหรอก ถ้าเขาอยากจะมาขายในปั๊ม ปตท. มีเจ้าชาไข่มุก SMEs อีกหลายเจ้า เขาก็ไม่ได้เลวร้าย ถ้า Kamu เข้ามาขายในปั๊มโออาร์ ปั๊ม ปตท. ธุรกิจเล็กๆ คนที่ทำชาไข่มุกไม่มีสิทธิจะเข้ามาขายบ้างหรือ
ท่านผู้ชมครับ การถ่ายโอนกำไรธุรกิจวิสาหกิจชุมชนที่โออาร์มีพื้นที่ตั้งอยู่ น่าจะเป็นตัวกลาง ได้กลับมากระจุกอยู่ในกลุ่มทุนรายใหญ่ ท่านผู้ชมครับ ทุนรายใหญ่จับมือโออาร์ภายใต้การสนับสนุนทางการเงินของ ปตท. และภายใต้การขูดรีดราคาน้ำมันที่แพงฉิบหายเลย น้ำมันยิ่งแพง ทำให้ ปตท. ยิ่งกำไรมากขึ้น แล้วโออาร์ก็ยิ่งกำไรมากขึ้น โออาร์ก็เอาเงินไปลงทุนกับธุรกิจรายใหญ่ เพื่อต่อสายโซ่แห่งการผูกขาด ประเทศไทยนี่มันช้ำจริงๆ ท่านผู้ชม โคตรช้ำเลย ผมต้องต่อสู้ให้ได้จากนี้ไป เพื่อเรียกร้องให้ ปตท. นั้น ขายกิจการทิ้งทุกอย่าง แล้วเน้นเฉพาะกิจการน้ำมันอย่างเดียว เพราะถ้า ปตท. เป็นเจ้าของกิจการน้ำมัน ประชาชน รัฐบาล เป็นเจ้าของ 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าน้ำมันจะแพง อย่างน้อยกำไรนั้นก็ย้อนกลับมาสู่กระทรวงการคลังให้ถึงประชาชน
ท่านผู้ชมครับ คุณจิราพร ครับ ผมจะบอกให้คุณรู้ มีคนเป็นจำนวนมาก ตอนนี้เขาสาปแช่งคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวก SMEs ทั้งหลายที่ทำมาหากินกัน แล้วโดนคุณไปหักคอพวกเขาโดยไปจับกลุ่มกับพวกกลุ่มทุนใหญ่ๆ เพื่อมาผูกขาดกันต่อไป ทำให้ตัวเล็กๆ ตัวขนาดกลางๆ ไม่มีโอกาสได้เกิด ท่านผู้ชมครับ ถ้าเห็นด้วยกับผม อย่าลืม เรามาร่วมขบวนการยึด ปตท. คืนเข้าสู่ประเทศไทย เข้าสู่รัฐบาลไทย ผมเคยพูดเรื่อง ปตท. ท่านผู้ชมจำได้ไหม แล้ววันหลังผมจะร่ายยาวเรื่อง ปตท. อีกครั้งหนึ่ง
ท่านผู้ชมครับ วันนี้ถ้าเราไม่พูดเรื่อง "เจ๊นุช" สิบตำรวจโทหญิงโหด กับแก๊งอุ้มบอส อยู่วิทยา ก็คงจะกระไรอยู่ ท่านผู้ชมคงรู้เรื่องนี้แล้วใช่ไหม จะให้ผมเล่าให้ฟังไหม โดยสั้นๆ
เรื่องของเรื่องคือ มีสิบตำรวจโทหญิงคนหนึ่ง ชื่อ กรศศิร์ หรือที่เรียกว่า "เจ๊นุช" ชีวิตดั้งเดิมของเธอเป็นเซลส์ขายรถยนต์อยู่ จ.ราชบุรี เธอดูสวย เธอดูเซ็กซี่มาก แล้วเธอกลายมาเป็นตำรวจได้อย่างไร ? ก็เพราะว่ามีคนซึ่งไปชอบเธอ หรืออาจจะมีอะไรกับเธอ แล้วก็สนับสนุนให้เธอออกมา เธอจบแค่ ปวส. หรือ ปวช. จำไม่ได้ ความจริงเธออยากเข้าตำรวจ เอาจับเข้าตำรวจ แต่เธอเป็นได้แค่ยศสิบตำรวจโทเท่านั้นเอง
ทีนี้มันเกิดปัญหาขึ้นมา เพราะว่าเธอไปรู้จักเด็กคนหนึ่งซึ่งทำงานอยู่ร้านทำผม แล้วเธอก็เอาเด็กคนนี้ เนื่องจากว่าเธอสนิทด้วย เธออยากเอาเด็กคนนี้มารับใช้เธอ เธออยู่ขั้นที่เธอลืมตัวไปแล้ว เธอนึกว่าเธอเป็นคุณนายตัวจริง จากเซลส์ขายรถ มีผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลหรือในแวดวงการเมืองจับเธอยัดเข้าไปเป็นตำรวจ แล้วก็เอาชื่อเธอไปอยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรับเบี้ยเลี้ยงโดยที่เธอไม่ต้องไปทำงาน เธอใหญ่มาก เธอถูกขอตัวไปช่วยราชการที่ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า เธอก็เลยไปวิ่งเต้นให้คนที่เป็นผัวเธอ ซึ่งจะเป็นใครผมไม่รู้นะ จะเป็นผัวแก่ ผัวหนุ่ม ผมไม่รู้ แต่ว่าผัวเธอคนนี้เกิดเผอิญมีเส้นมีสาย ก็จับพลัดจับผลูเอาเธอไปอยู่ในส่วนหน้าของ กอ.รมน. แล้วในขณะเดียวกันก็ทำตามที่เธอขอ ก็คือเอาผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอยู่ร้านทำผม เอามาเข้าทหาร แล้วโอนทหารคนนี้ไปเป็นคนรับใช้เธอ
เรื่องมันโป๊ะแตกตรงที่ว่าทหารคนนี้โดนเธอรังแก ทรมาน เอาไฟช็อตบ้าง จิกผมบ้าง โน่นนี่นั่น จนกระทั่งทหารคนนี้ทนไม่ไหว ต้องร้องเรียนออกมา ก็เลยเปิดเผย เรื่องก็เลยโป๊ะแตก กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต คนก็เลยถามคำถามว่า เกิดอะไรขึ้น
เมื่อค้นพบค้นหาเรื่องราวต่างๆ มาแล้ว ก็ปรากฏว่า เธอถูกขอตัวไปช่วยราชการที่ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า เป็นหน่วยงานที่มีข้าราชการจากหลายหน่วยงาน ทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน ก่อนถูกโยกย้ายมาสังกัดสันติบาลในช่วงต้นปี 2565 เป็นเรื่องที่ไม่ปกติ
พ.ต.อ.กฤษณะ ที่ผมรู้จัก น่าเห็นใจมาก ต้องออกมาโกหกตอแหลเพื่อปกป้องนายตัวเอง อ้างว่าเป็นคุณวุฒิที่ขาดแคลน มีความจำเป็น คำถามก็คือว่า การรับตำรวจเข้ามามีคุณวุฒิที่ขาดแคลน แล้วทำไมต้องส่งไปช่วยราชการ กอ.รมน. แล้วทำไมตอนหลังถึงย้ายไปอยู่ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1
ท่านผู้ชมครับ บัญชีผี ถูกขอตัวไปช่วยราชการ แต่ตัวยังอยู่ที่ จ.ราชบุรี ลักษณะแบบนี้รู้กันในวงการตำรวจ ทหาร ว่าต้องใช้เส้นสายผู้ใหญ่ระดับบิ๊กจริงๆ ส่งชื่อตำรวจ ทหาร เพื่อให้มาช่วยราชการ ชื่อเหล่านี้เป็นชื่อบัญชีผี คือมีชื่ออยู่ช่วยราชการจริง แต่ไม่ได้ลงมาปฏิบัติภารกิจจริง และคนเหล่านี้นอกจากได้รับเงินเดือนจากต้นสังกัดตัวเองตามปกติแล้ว ยังได้รับสิทธิกำลังพล เช่น ขอนับเวลาราชการทวีคูณ ได้อายุราชการมากกว่าคนอื่น ได้รับเบี้ยเลี้ยงพิเศษรายวัน ได้รับค่าเสบียงอาหร ได้รับเงินพิเศษจากการสู้รบ ได้รับเงินค่าแต่งกายเพื่อเบี้ยเลี้ยงเงินพิเศษระดับชั้นประทวน
อีกประการหนึ่ง ส.ต.ปัทมา ที่เป็นคนทำผมอยู่ในร้านทำผม ที่เธอใช้เส้นเข้ามารับราชการทหาร เธอเข้ารับราชการทหารได้อย่างไร ? โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ชี้แจงว่า ได้รับการบรรจุในปี 2561 อย่างถูกต้อง แต่ว่าปิดซิปปาก ไม่ยอมบอกว่าเข้ามาได้อย่างไร สอบเข้ามา หรือคัดเลือกเป็นกรณีพิเศษ
ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโกหกตอแหลแน่นอน แล้วทำไมกองบัญชาการกองทัพไทยยอมให้กำลังพลไปรับใช้บุคคลภายนอก ทั้งที่ยังรับเงินเดือนที่มาจากภาษีประชาชน
ท่านผู้ชมครับ ปรากฏว่าตอนหลังโป๊ะแตก เจ๊นุช ก็คือ กรศศิร์ ที่มีเรื่องมีราว ถูกโยงเข้าหาคุณธานี อ่อนละเอียด ส.ว. เพราะจับได้ว่ามีการไปทำบุญร่วมกัน มีชื่อของคุณกรศศิร์ บัวแย้ม และ คุณธานี อ่อนละเอียด คนเราถ้าไม่สนิทสนมกัน ไม่ไปทำบุญร่วมกันอย่างนั้นหรอกครับ ถึงกับทำชื่อติดกันเลย ผมจำได้เลย มีลูกน้องผมบางคนรักกับแฟนมาก เวลาไปทำงานที่วัดก็จะบอกว่าไปทำบุญด้วยกันนะ ลงชื่อคู่กันนะ เกิดชาติหน้าจะได้มาเป็นผัวเมียกันต่อไปนะ แต่คุณธานี ปฏิเสธว่าแค่รู้จักกันเฉยๆ เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องนี้ก็สุดแล้วแต่ท่านผู้ชมจะตัดสินใจกันเองว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะคุณธานี อ้างว่า คุณธานี อายุ 69 เป็นพ่อหม้ายมาตั้งนานแล้ว
แล้วเผอิญคุณธานี เป็นตัวตั้งตัวตีในคณะกรรมาธิการการกฎหมายและการยุติธรรม สิทธิมนุษยชน ใน สนช. คณะกรรมาธิการชุดนี้คือคณะกรรมาธิการที่เคยรับเรื่องร้องเรียนกรณีที่ทนายความของบอส อยู่วิทยา ร้องเรียนมาที่กรรมาธิการชุดนี้ ซึ่งคุณธานีก็บอกว่ารับร้องเรียนไปตามปกติ เมื่อมีคนมาร้องเรียน มาก็ต้องทำหน้าที่ไป นั่นคือคำชี้แจงของคุณธานี ประชาชนทั่วไปในสังคมจะเชื่อหรือไม่เชื่อ นั่นอีกเรื่องหนึ่งครับ
คุณธานี ออกอาการร้อนตัวในเรื่องของการช่วย บอส อยู่วิทยา อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ ก็บอกว่าสื่อมวลชนไม่ควรเสนอข่าว คุณธานีครับ ไม่เสนอไม่ได้ เพราะจุดของการช่วย บอส อยู่วิทยา มันเริ่มที่คณะกรรมาธิการของคุณ ไม่ใช่เริ่มที่ไหน มีทั้งชื่อคุณสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เข้ามาเกี่ยวข้อง ในการช่วยเหลือที่เดินเรื่องต่อไป ผมเอารายละเอียดเรื่องนี้มาพูด ผมเคยพูดไปแล้ว เอาข้อมูลมาเปิดเผยแล้ว ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อปี 2563 ผมเชื่อว่าคุณธานีจะขู่ว่าจะฟ้อง คุณธานี อย่าเลยครับ อย่าช้า รีบฟ้องมาซะ เพราะผมไม่ได้ว่าอะไรคุณ ผมเพียงแต่ตั้งข้อสังเกต สื่ออื่นอาจจะกลัวคุณ แต่ผมไม่กลัวหรอกครับ เพราะสิ่งที่ผมพูดคือความจริง ทนายความบอส ยื่นเรื่องนี้เข้ากรรมาธิการฯ ซึ่งคุณอยู่ในนั้น จริงหรือไม่จริง ถ้ามันจริงคุณจะมาฟ้องอะไรผม ผมไม่สนใจหรอกครับ
แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ เด็กคนนี้ กรศศิร์ เกิดเรื่องราวจากกรณีอุ้มบอส อยู่วิทยา ถึง อุ้มเจ๊นุช เขาอ้างว่า "แก๊งเดิม" ทำงามหน้าไม่เลิก ผมยังไม่รู้เลยว่าแก๊งเดิม คือแก๊งไหน คุณธานีบอกผมหน่อยได้ไหมว่าแก๊งไหน
ความสนิทสนมของคุณธานี อ่อนละเอียด กับ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ มีว่า มีการแต่งตั้ง น.ส.กรศศิร์ บัวแย้ม เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจำกรรมาธิการ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2561 สิบตำรวจโทหญิง อดีตเป็นเซลส์ขายรถยนต์ที่ราชบุรี แล้วไปทำบุญ แปะชื่อร่วมกับคุณธานี อ่อนละเอียด แล้วได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจำคณะกรรมาธิการ โอ้โห! สิบตำรวจโทหญิง อดีตเซลส์ขายรถ เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์คณะกรรมาธิการที่ทรงเกียรติชุดนี้ได้อย่างไร คุณธานีให้คำตอบหน่อยได้ไหมครับ เป็นได้อย่างไร
เผอิญคุณเกิดเป็นเลขานุการคณะกรรมาธิการการกฎหมาย ฯ ชุดนี้ ที่คุณกรศศิร์ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ เกิดมาผมไม่เคยเจอ สิบตำรวจโทหญิงคนหนึ่ง เพิ่งเข้ามาเป็นตำรวจ อาชีพเดิมเป็นเซลส์ขายรถ ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ตรงนี้คุณธานีต้องชี้แจงแล้ว คุณเป็นเลขานุการของคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ คุณต้องรู้เรื่องนี้ดี
ประเด็นที่น่าสนใจ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ เข้ารับราชการเป็นตำรวจ ปี 2560 ด้วยวิธีการที่สังคมกังขาว่าไม่ปกติ ได้เพียง 1 ปี ก่อนจะมาเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ คงไม่ต้องถามว่าเสันใหญ่ขนาดไหน จะเอาสติปัญญาที่ไหนมาเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ถ้าไม่มีเส้นสาย
ท่านผู้ชมครับ ผมเหนื่อย ท่านผู้ชม ผมเหนื่อยมาก เพราะว่าเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นในประเทศเดียว คือประเทศทลายแลนด์ ผมไม่เรียกว่าประเทศไทยแล้ว "ทลายแลนด์"
สิบตำรวจโทหญิง เป็นนักวิชาการสภาฯ ด้วย ได้รับเงินเดือน ไม่เคยเข้าประชุม ปี 2562 ไม่ปรากฏชื่อเลยแม้แต่ครั้งเดียว ท่านผู้ชมครับ ประชุมปี 2562 จำนวน 9 ครั้ง ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ไม่ไปประชุมเลยแม้แต่ครั้งเดียว ได้รับเงินเดือนประจำตำแหน่งนักวิชาการประจำกรรมาธิการ เดือนละ 6,000 บาท นอกเหนือจากที่ได้รับเงินเดือนจากการเป็นข้าราชการตำรวจแล้ว
ท่านผู้ชมครับ ผมได้ข่าวว่า ส.ว. จะมีการสอบกรณีนี้ เพราะกระแสสังคมกดดันหนักไปถึงบรรดาวุฒิสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ทำให้กรรมาธิการจริยธรรม วุฒิสภา อยู่เฉยไม่ได้ จะเชิญคุณธานีมาให้ข้อมูล คุณสมชาย แสวงการ ที่ผมรู้จักดี เคยรู้จัก ตอนนี้ไม่รู้จักแล้ว ท่านเป็นโฆษกคณะกรรมารจริยธรรม วุฒิสภา บอกว่า คุณธานีคงไม่ปฏิเสธที่จะมาชี้แจง ยืนยันว่าคณะกรรมการจะทำงานหนักและดำเนินการตามกรอบกฎหมาย ทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรน่ากังวล และจะเร่งพิจารณาให้เร็วที่สุด ฮ่าๆๆๆๆ คุณสมชาย ผมไม่ใช่คนที่คุณจะหลอกได้ง่ายๆ คุณรู้จักผมดีไม่ใช่หรือ ผมไม่เชื่อหรอก แถวบ้านผมเขาเรียกว่า คุณอย่าตอแหลได้ไหม
เพราะฉะนั้นแล้ว ผมเชื่อว่าการสอบครั้งนี้คือมวยล้มต้มคนดู เชื่อผมสิท่านผู้ชม พนันกับผมไหม ท่านผู้ชม สอบมาแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ มวยล้มต้มคนดู นี่ผมพูดล่วงหน้านะ คุณสมชาย แสวงการ
คุณสมชาย บอกว่า คณะกรรมการส่วนใหญ่ที่จะสอบ เป็นประธานคณะกรรมาธิการ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความหนักแน่น ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา อะไรผิดก็ว่าไปตามผิด อะไรถูกก็ว่าไปตามถูก เพราะคณะกรรมการต้องรับผิดชอบทางสังคมและคดีอาญา ทั้งนี้ มีบางส่วนพยายามดึงให้เป็นเรื่องการเมืองเพื่อดิสเครดิต ส.ว. ซึ่งคิดว่ากรรมการคงไม่เล่นไปตามนั้น เราทำตามหน้าที่เต็มที่ แข่งกับเวลา มติจะถูก/ผิดอย่างไร กรรมการต้องรายงานที่ประชุมใหญ่วุฒิสภาเพื่อลงมติต่อไป เราไม่เอนเอียงไปตามกระแส
งานนี้ จับจากที่สมชาย แสวงการ สื่อสารฟังพูดแล้วมันทะแม่งๆ ที่ชี้ว่าสิบตำรวจโทหญิง กับ ส.ว. มีความพยายามถูกดึงเรื่องให้เป็นเรื่องการเมืองเพื่อดิสเครดิต ส.ว. และยืนยันว่าคณะกรรมการไม่เต้นไปตามกระแส เดินหน้าทำหน้าที่เต็มที่ แข่งกับเวลา ท่านผู้ชมครับ ฟังเหมือนกับท่าน ส.ว. สมชาย แสวงการ พยายาม ... อ่อ ผมลืมไป ท่านสมชาย สมัยก่อนท่านเป็นคนที่อยู่ในวงการสื่อมวลชน แต่พอตอนหลังท่านถือว่าอาชีพ ส.ว. เป็นอาชีพที่ถาวรแล้ว ท่านจะวิ่งเต้นพยายามให้ได้เป็น ส.ว. ทุกๆ ยุคทุกสมัยเปลี่ยนแปลง ก็เลยฟังเหมือนว่าคุณสมชาย พยายามเบี่ยงเบนประเด็น ยิ่งรู้ความเป็นมา ความสนิทสนมของคุณสมชาย กับ คุณธานี มีความสนิทสนมกันตั้งแต่เป็น สนช. และ ส.ว. ร่วมคณะกันหลายยุค เลยไม่ต้องสงสัย คดีนี้สุดท้ายก็คือ มวยล้มต้มคนดู เชื่อผมสิท่านผู้ชม ผมพูดล่วงหน้าเลยคุณสมชาย และผมหวังว่า ขอให้คุณเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานของคุณในอนาคต ถ้ารัฐบาลชุดนี้ไปแล้ว เลือกตั้งใหม่แล้ว ส.ว. ชุดนี้หมดอายุ ขอให้คุณสามารถวิ่งเต้นได้เป็น ส.ว. ต่ออีกสมัยหนึ่ง เพราะว่าคุณคิดอะไรไม่เป็น ทำอะไรไม่เป็นแล้ว นอกจากเป็น ส.ว. อย่างเดียว
ท่านผู้ชมครับ เห็นด้วยตามผมไหมว่า การสอบสวนครั้งนี้จะเป็นมวยล้มต้มคนดู ผลออกมาจะเป็นในลักษณะ "คนนินทา หมาดูถูก" ครับท่านผู้ชม
ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้ก็ดุเดือด เผ็ดมัน ทุกๆ ประเด็น หลายๆ องค์กร หลายๆ คน ตอนนี้มีเรื่องที่มันเลวร้ายมาก เรื่องเชี่ยๆ แบบนี้เยอะมาก จนกระทั่งผมหาเวลาพูดไม่ค่อยได้แล้วตอนนี้ เพราะมันเยอะ แล้วท่านผู้ชมที่ส่งข้อมูลมาใน inbox เรื่องการฉ้อโกงนั้น ผมได้รับหมดแล้วนะท่านผู้ชม ไม่ต้องกังวล ผมกำลังจัดทีมเพื่อสืบเสาะเรื่องนี้ เมื่อได้ข้อมูลเบื้องต้นอะไรหลายอย่างแล้ว ผมจะเอาข้อมูลทั้งหมดนี้ไปร้องเรียนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยตัวเอง
ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์หน้ารอดูเรื่องของคุณเยาวณี นิรันดร หรือ คุณกิ๊ก เรื่องที่ดินที่ตระกูลนิรันดร ท่านขุนนิรันดรชัย โกง คดโกงเจ้ามา ผมมีทีเด็ดจะเล่าให้ฟังถึงคำพูดของกลุ่มตระกูลนิรันดร ที่พูดออกมาบางประโยค แต่ผมไม่แน่ใจว่าใครพูด แล้วผมจะมาเล่าให้ท่านฟู้ชมฟัง ท่านผู้ชมฟังแล้วท่านผู้ชมจะช็อก วันนี้ลาแค่นี้ก่อน ไปก่อน แล้วเจอกันอาทิตย์หน้า สวัสดีครับ