วันที่ 26 ส.ค.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk หรือ Sondhitalk (ช่องสำรอง) และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้
- อนาคตการเมืองหลัง น้องตู่ หยุดปฏิบัติหน้าที่ พี่ป้อม รักษาการแทน
- ภาษีบ้านเกิดเมืองนอน กระจายอำนาจ-ลดความเหลื่อมล้ำด้วย
- ธุรกิจปั้นอากาศให้เป็นเงิน ขบวนการหากินกับความโลภของคน
- สงครามเย็น(ยะเยือก) รัสเซียเตรียมโต้กลับยูเครน ทั้งบนดิน และ ใต้ดิน
- ความพินาศฉิบหายของอังกฤษ จากการคว่ำบาตรรัสเซีย
- รัสเซีย-ยูเครน สงครามนี้ใครได้ประโยชน์
ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.152
คำต่อคำ SONDHI TALK EP.152 [26 ส.ค. 65] : หยุด! เพื่อไปต่อ ?
ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK
สวัสดีครับท่านผู้ชมวันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 26สิงหาคมพ.ศ. 2565เผลอแป๊บเดียวจะสิ้นสิงหาฯแล้ววันนี้เรามีเรื่องราวต่างๆที่สำคัญเรื่องที่สำคัญที่สุดไม่พูดไม่ได้เลยก็คือเรื่องแรกคือมองปัจจุบันทำนายอนาคตการเมืองหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5ต่อ 4สั่งให้พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ
เรื่องที่สองที่ผมอยากเอามาพูดคือเรื่องภาษีบ้านเกิดเมืองนอนที่มีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งเอาภาษีบ้านเกิดเมืองนอนซึ่งริเริ่มจากญี่ปุ่นพรรคนี้คือพรรคภูมิใจไทยเอามาเสนอผมก็เลยเอาข้อมูลเรื่องภาษีบ้านเกิดเมืองนอนที่ญี่ปุ่นว่าเขาทำกันอย่างไรเอามาเล่าให้ฟังและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเกิดเมืองนอนเป็นอย่างไรบ้าง
เรื่องที่สามคือเรื่องของอุทาหรณ์จากคดี Forex-3Dของนายอภิรักษ์โกฎธิที่ผมพูดไปเมื่อเกือบๆสามปีที่แล้วและกระบวนการทำมาหากินกับความโลภของคนตอนนี้มีอยู่เยอะเลยเอาตัวอย่างมา 3-4ตัวอย่างให้ดูว่าจริงๆแล้วปัญหาใหญ่คือประชาชนคนไทยที่โลภนั่นเองแต่พวกนี้ก็เกาะกินอยู่กับความโลภของคนแล้วก็ทำร้ายทำลายสิ่งที่มันหลอกลวงขึ้นมา
เรื่องที่สี่เป็นเรื่องต่างประเทศ 4-5-6ไม่ฟังไม่ได้สงครามเย็นยะเยือกของรัสเซียทั้งบนดินและใต้ดินเกิดแล้วกรณีลอบสังหารดาร์ยาดูกินาลูกสาวของอเล็กซานเดอร์ดูกินชายชาวรัสเซียผู้ถูกอ้างว่าเป็นมันสมองปูติน
เรื่องที่ห้าความพินาศฉิบหายของอังกฤษจากการคว่ำบาตรรัสเซียจนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศตัวเองอย่างสาหัสสากรรจ์สาหัสสากรรจ์จริงๆอังกฤษมีสิทธิ์ล่มสลายก่อนหลายๆประเทศในอียู
เรื่องสุดท้ายคือเขาเคยมีการแกะชิ้นส่วนจรวดและยุทโธปกรณ์ของรัสเซียที่ใช้ถล่มยูเครนนักวิจัยค้นพบว่าส่วนประกอบจากตะวันตกอุปกรณ์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นชิปเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์มีอยู่เพียบเลยคำถามที่ผมจะตั้งก็คือใครได้ประโยชน์ ?สรุปก็คือว่าบริษัทอุตสาหกรรมค้าอาวุธ MIC : Military Industrial Complexคือคนที่ได้ประโยชน์กูจะผลิตของส่งให้พวกมึงยิงกันไปยิงกันมาเมื่อยิงกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ต้องซื้อของใหม่ทั้งยูเครนก็ต้องซื้อของอียูก็ต้องซื้อของรัสเซียก็ต้องซื้อของเพราะฉะนั้นแล้วก็เลยขายของต่างๆพวกนี้ให้กับคู่กรณีนี่คืออสูรสงครามที่แท้จริงก็คือกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมผลิตอาวุธซึ่งหลักๆอยู่ที่ประเทศทางตะวันตกทั้งสิ้นอังกฤษและอเมริกา
อเมริกานั้นมีการส่งอาวุธออกไปขายทั่วโลกเกินกว่า 50เปอร์เซ็นต์หรืออีกนัยหนึ่งทุกประเทศที่ขายอาวุธในโลกนี้เมื่อรวมกันแล้วยังไม่เท่ากับอเมริกาประเทศเดียว
เมื่อวันพุธที่ 24สิงหาคม 2-3 วันที่ผ่านมานี้ท่านผู้ชมคงรู้ข่าวแล้วว่าศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติชี้ออกมาด้วยคะแนนเสียง 5ต่อ 4ที่บอกว่าท่านนายกฯพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชาต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำร้องว่าวาระของการครองตำแหน่งของท่านนายกฯนั้นครบรอบ 8ปีแล้วหรือยังในวันที่ 23สิงหาคมนี้หรือว่ายังไม่ครบยังสามารถเป็นนายกฯต่อไปได้อีกสรุปง่ายๆก็คือนัยของเหตุการณ์ก็คือว่าตอนนี้พักรบก่อนนะขอเวลาศาลรัฐธรรมนูญประมาณไม่เกินหนึ่งเดือนผมคิดว่าอย่างนั้นนะครับที่จะพิจารณาเพื่อชี้ชัดลงไปเลยว่านายกรัฐมนตรีจะอยู่ต่อได้หรือไม่
ที่ผมสนใจคือนัย "5ต่อ 4"ก็คือ 4กับ 4แล้วมีอีก 1เสียงมาเข้าข้างกลุ่มคนที่บอกว่าต้องหยุดทำงานก่อนเป็นเวลาพักหนึ่งจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ทุกคนก็เลยวิพากษ์วิจารณ์กันไปหลายด้านผมมีข้อคิดของผมหลายๆประการซึ่งผมอยากจะฝากเอาไว้ให้ท่านผู้ชมเอาไปคิดต่อ
การตั้งพล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณขึ้นมาเป็นนายกฯนั้นก็เป็นหลักการตามช่องทางและระเบียบและกระบวนการที่ถูกต้องไม่ได้ผิดอะรซึ่งสำหรับพล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณนั้นการขึ้นมาเป็นนายกฯครั้งนี้ก็เรียกว่าขึ้นมาตามระบบคือถ้าหากมีการล้มล้างพล.อ.ประยุทธ์ในสภาด้วยการยกคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ก็จะทำให้พล.อ.ประวิตรเสียชื่อมากในฐานะเป็นคนที่แอบแทงข้างหลังน้องเล็กของตัวเองคือน้องตู่ซึ่งพล.อ.ประวิตรก็ไม่ทำเช่นนั้นรักษาภาพพจน์ของความเป็นพี่ที่ต้องดูแลน้องมาตลอดจนกระทั่งมาถึงคราวนี้พล.อ.ประวิตรก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีอำนาจพล.อ.ประวิตรมีหมดการรักษาการนั้นมีอำนาจทุกอย่างเปรียบเสมือนการเป็นนายกฯก็คือสามารถจะยุบสภาก็ได้ปรับครม.ก็ได้หรือว่าสั่งการอะไรก็ได้ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี
หลายคนก็ยังเชื่อว่าพล.อ.ประวิตรโดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพล.อ.ประวิตรที่เชียร์พล.อ.ประวิตรก็บอกว่าพล.อ.ประวิตรคงจะยุบสภาหรือไม่ก็คงจะปรับครม.ทันทีเลยแต่ผมคิดว่าโดยมารยาทแล้วพล.อ.ประวิตรขึ้นมาได้เพราะอุบัติเหตุทางการเมืองคนรอบข้างพล.อ.ประวิตรก็อยากให้ปรับครม.แต่การทำเช่นนี้ไม่ได้เป็นผลดีต่อพล.อ.ประวิตรเลยแม้แต่นิดเดียวเพราะการทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการตบหน้าพล.อ.ประยุทธ์น้องรักที่พ้นจากตำแหน่งยังไม่ทันไรก็ปรับครม.ทันทีเลยซึ่งทั้งๆที่เรื่องนี้ก็รู้กันอยู่แล้วว่าเวลาไม่เกิน 30วันคงไม่เกินสิ้นเดือนกันยายนคงจะชี้ออกมาแล้วว่าอยู่ต่อได้หรืออยู่ต่อไม่ได้เพราะฉะนั้นแล้วการที่พล.อ.ประวิตรจะไม่ทำอะไรเลยแต่ว่าทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศชาตินั้นกลับเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆนะแม้กระทั่งการเข้าไปนั่งในห้องทำงานนายกรัฐมนตรีพล.อ.ประวิตรก็ปฏิเสธเพราะตัวเองรู้ดีว่าถึงมีอำนาจแต่รู้ดีว่าสถานการณ์วันนี้ถึงจะมีอำนาจแต่มีข้อจำกัดในเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพล.อ.ประยุทธ์ที่สายตาคนทั้งประเทศจับตาดูอยู่ด้วยเหตุนี้ผมจึงเชื่อว่าโอกาสที่ยังไม่ปรับครม.นั้นยังมีสูงเพียงแต่ว่าพล.อ.ประวิตรจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนที่มีอยู่นี้ทำงานแล้วท่านจะแสดงความตั้งใจในการแก้ปัญหานิสัยใจคอของพล.อ.ประวิตรนั้นเป็นคนที่เด็ดขาดไม่เหมือนพล.อ.ประยุทธ์ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นพล.อ.ประวิตรจะไม่ตั้งกรรมการแต่จะสั่งการเลยการสั่งการนั้นขึ้นอยู่กับคนที่แวดล้อมพล.อ.ประวิตรจะแนะนำพล.อ.ประวิตรอย่างไรบ้างด้วยเหตุนี้สิ่งที่เป็นอันตรายที่สุดคือพล.อ.ประวิตรต้องระวังคนที่อยู่และคอยให้คำปรึกษาพล.อ.ประวิตร
สำหรับผมแล้วผมคิดว่าวันนี้พล.อ.ประวิตรได้มาเป็นรักษาการนายกฯแล้วได้เป็นผู้บัญชาการทหารบกแล้วถือว่าถึงจุดสุดท้ายแล้วของชีวิตสูงสุดผมคิดว่าระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้พล.อ.ประวิตรไม่ต้องไปสนใจเลยว่าจะปรับครม.หรือไม่ผมยังสนใจว่าวันอังคารหน้าที่จะถึงนี้การประชุมครม.ถึงกับมีคนแนะนำเลยว่าให้หาทางที่จะผลักดันพล.อ.ประยุทธ์นั่งเป็นประธานในการประชุมครม.ต่อเหมือนเดิมซึ่งคนแนะนำนั้นคือคนบ้าเพราะพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เป็นนายกฯแล้วถูกพักราชการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้วเขาก็ตั้งพล.อ.ประวิตรขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่แทนก็ต้องเป็นพล.อ.ประวิตรนั่งหัวโต๊ะสิจะยังดันหลังให้ พล.อ.ประยุทธ์มานั่งหัวโต๊ะแล้วผมคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่เอาด้วย
ที่สำคัญก็คือถ้าพล.อ.ประวิตรนั่งหัวโต๊ะอยู่แล้วพล.อ.ประยุทธ์จะมาประชุมด้วยหรือเปล่าในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมันอิหลักอิเหลื่อมากเลยนะเรื่องนี้เพราะว่าพล.อ.ประวิตรในขณะนี้กำลังถือเผือกร้อนอยู่ในมือวางตัวลำบากมากถ้าวางตัวไม่ดีจะทำให้ภาพพจน์พล.อ.ประวิตรเปลี่ยนไปในสายตาของคนจำนวนไม่น้อยที่เคยดูถูกเหยียดหยามพล.อ.ประวิตรและคนรอบข้าง
เพราะฉะนั้นแล้วการจะแก้ปัญหาอย่างไรของพล.อ.ประวิตรจากนี้ไปต้องระมัดระวังตัวอย่างสูงเพราะวันนี้ไม่ใช่รองนายกรัฐมนตรีแล้วที่ไม่มีอำนาจตอนนี้เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีซึ่งมีอำนาจเปรียบเสมือนนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งชี้เป็นชี้ตายสั่งการได้หมดเพราะฉะนั้นแล้วข้อมูลข่าวสารที่เข้ามาหาพล.อ.ประวิตรหรือมีคนป้อนข้อมูลบางอย่างใส่สมองต้องระวังอาจจะไม่ใช่ข่าวที่ถูกต้องและไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้อง
ท่านผู้ชมครับในขณะนี้คนที่อยู่รอบตัวพล.อ.ประวิตรกำลังคิดว่าพล.อ.ประยุทธ์คงไปแน่นอนเพราะดูคะแนนเสียง 5 : 4ถือว่าชนะแล้วในการที่ให้พล.อ.ประยุทธ์หยุดซึ่งสำหรับผมแล้วถือว่าต้องให้พล.อ.ประยุทธ์หยุดไม่หยุดไม่ได้เพราะถ้ามีการพิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้วบอกว่าพล.อ.ประยุทธ์ยังสามารถทำงานต่อได้แต่ถ้าการชี้ขาดในที่สุดแล้วว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถจะอยู่ต่อได้เพราะครบ 8ปีแล้วคนที่อนุญาตให้พล.อ.ประยุทธ์ทำงานต่อก็จะเสียเป็นถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะรับผิดชอบได้อย่างไรเพราะฉะนั้นทางออกที่ดีที่สุดก็คือต้องให้หยุดซึ่งก็เป็นหลายๆกรณีคล้ายๆกันในอดีตที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ให้ส.ส.หรือรัฐมนตรีบางคนให้หยุดทำงาน
ทีนี้คำถามก็คือถ้าสมมุติว่ามีการชี้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ไปต่อไม่ได้กระบวนการที่ผมเข้าใจก็คือว่าสภาฯก็ต้องมาวิ่งเต้นแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีซึ่งมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อซึ่งหลักๆก็มีอยู่ 3คนแน่นอนที่สุดอภิสิทธิ์เวชชาชีวะคงไม่เอาด้วยชัยเกษมนิติสิริของพรรคเพื่อไทยก็คงจะไม่เอาก็เหลือแค่อนุทินชาญวีรกูล
ก็ยังมีคนที่ใกล้ชิดพล.อ.ประวิตรบอกว่าถึงแม้พล.อ.ประวิตรจะไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อแต่ก็สามารถที่จะดำเนินการเพื่อให้ส.ว.ซึ่งทหารคุมอยู่และพรรคเพื่อไทยตลอดจนพรรคพลังประชารัฐพร้อมที่จะเสนอกฎหมายเพื่อแก้กฎหมายให้คนที่อยู่นอกรายชื่อหรือคนนอกสามารถเป็นนายกฯได้ฟังดูก็เป็นเกมการเมืองที่ ...ถ้าจะผลักดันก็ทำได้แต่ผมไม่อยากให้ทำครับใครที่เห็นพล.อ.ประวิตรเป็นคนดีและรักพล.อ.ประวิตรอายุท่านมากแล้วอย่าให้ท่านตกหลุมพรางตกกับดักนี้ไปผมอยากให้ท่านลาออกจากการเมืองในอนาคตด้วยความสง่าผ่าเผยไม่ใช่ว่าออกไปแล้วคนนินทาหมาดูถูกว่าตัวเองอยากเป็นนายกฯใจแทบขาดถึงกับสั่งให้พรรคพวกไปแก้กฎหมายพล.อ.ประวิตรต้องใช้เวลา 30 วันนี้ ทำงานให้เต็มที่ปัญหาคั่งค้างอะไรที่ไม่สามารถตัดสินใจได้หรือปัญหาคั่งค้างอะไรที่พล.อ.ประยุทธ์ตั้งคณะกรรมการฯออกมาเรียกเรื่องกลับมาแล้วฟังข้อมูลให้ครบถ้วนแล้วใช้วิจารณญาณของตัวเองพิจารณาประโยชน์ของประชาชนแล้วก็สั่งการไปเลยนี่คือความสง่างามที่ผมอยากเห็นพล.อ.ประวิตรทำแล้วผมอยากจะฝากไปยังคนที่ใกล้ชิดพล.อ.ประวิตรเป็นทั้งกุนซือเป็นทั้งคนโน้นคนนี้ที่ล้อมรอบตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแหม่มนฤมลที่อยู่ติดตัวพล.อ.ประวิตรผมอยากให้ฟังเรื่องนี้ดีๆแล้วชี้แจงให้พล.อ.ประวิตรท่านเข้าใจว่างานที่คั่งค้างอยู่มีเยอะเลย 30วันทำได้แค่ไหนทำไปเลยให้เต็มที่โดยไม่มีอคติยึดถือประโยชน์ส่วนรวมเป็นตัวตั้งแล้วตัดสินใจไปตามลักษณะนิสัยที่เป็นคนที่กล้าตัดสินใจและเด็ดขาดกว่าพล.อ.ประยุทธ์เยอะแล้วเมื่อถึงเวลาค่อยดูว่าศาลรัฐธรรมนูญเขาว่าอย่างไรถ้าศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าสามารถที่จะอยู่ต่อได้เกมก็กลับไปเหมือนเดิมไม่มีอะไรเสียหายกลับดีเสียอีกเพราะพล.อ.ประวิตรได้สะท้อนแสดงออกถึงการทำงานที่ไม่เคยมีใครคิดว่าพล.อ.ประวิตรทำงานเป็นตรงนี้ล่ะครับที่ผมอยากเห็น
แต่ถ้าบอกว่าอยู่ไม่ได้อยู่ไม่ได้พล.อ.ประวิตรก็ต้องยึดถือกระบวนการทางสภาฯขั้นตอนของการเลือกนายกรัฐมนตรีคนต่อไปเพราะมันมีมีกติกาอยู่เรียบร้อยแล้วพล.อ.ประวิตรครับต้องสั่งห้ามคนใกล้ชิดว่าอย่าทำอย่าเที่ยววิ่งเพื่อแก้กฎหมายเพื่อให้กูขึ้นมาเป็นนายกฯกูอายเขาผมไม่อยากให้พล.อ.ประวิตรซึ่งขณะนี้แต่ละเรื่องๆตัดสินใจยากมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งผมไม่ต้องการให้มีการแสดงออกว่าจะมีการสืบทอดอำนาจต่อไปปล่อยให้กระบวนการทางรัฐสภาดำเนินการไปตามกระบวนการของมันถ้ามันจะออกมาอย่างไรก็รับไปตรงนั้นแต่อย่าไปเปลี่ยนกระบวนการเพื่อให้ตัวท่านได้เข้ามาเป็นนายกฯหลังจากที่ (ถ้า)ศาลรัฐธรรมนูญชี้ออกมาแล้วว่าพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯไม่ได้ตรงนี้ที่ผมเรียกว่าความสง่าผ่าเผย
พล.อ.ประวิตรครับทุกอย่างมันเป็นเรื่องสมมุติท่านอายุมากกว่าผมสองปีท่าน 77แล้วอีกไม่นานท่านก็คงจะต้องลงจากตำแหน่งผมอยากให้ท่านลงมาด้วยความสง่าผ่าเผยเพราะฉะนั้นแล้วสภาฯจะเลือกนายอนุทินชาญวีรกูลขึ้นมาทั้งหมดนี้ก็อยู่ได้ไม่เกินต้นปีหน้าต้องยุบสภาพล.อ.ประวิตรก็สามารถจะพูดคุยกับอนุทินได้ว่าถ้ามีการปรับครม.ท่านอยากให้ใครมานั่งตำแหน่งนี้โดยเฉพาะตำแหน่งที่พล.อ.ประวิตรต้องการมากที่สุดคือตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ท่านผู้ชมครับพล.อ.ประวิตรครับและคนใกล้ชิดพล.อ.ประวิตรครับทั้งหมดนี้คือความสง่าผ่าเผยที่ผมอยากเห็นอดีตทหารเก่าอย่างเช่นพล.อ.ประวิตรและนักการเมืองที่มากบารมีขอให้การสิ้นสุดการเดินทางในฐานะนักการเมืองยังคงรักษาความสง่าผ่าเผยได้จะเป็นเครดิตติดตัวตลอดไปจะทำให้คนไม่น้อยที่เคยดูถูกดูแคลนพล.อ.ประวิตรจะต้องปรับทัศนคติและมุมมองต่อพล.อ.ประวิตรใหม่ได้
ท่านผู้ชมครับไม่ได้จบเพียงแค่นี้ผมมีมิติสุดท้ายอีกมิติหนึ่งที่ผมจะโยนขึ้นไปแล้วให้ท่านผู้ชมคิดกันจริงหรือไม่จริงผมไม่รู้แต่ผมเป็นคนที่ไม่ปฏิเสธ "ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด"ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Conspiracy Theoryท่านผู้ชมลองดูตัวเลข 4 : 4แล้วมีอีกคนหนึ่งยืนข้างอีกคนหนึ่ง 5ก็คือชนะด้วย 1เสียงคำถามของผมมีว่าเป็นไปได้ไหมว่าถ้าหากศาลรัฐธรรมนูญชี้มาว่าพล.อ.ประยุทธ์สามารถเป็นนายกฯต่อได้แต่เป็นต่อได้อีกไม่เกินสองปีผมคิดว่าตรงนี้จะไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวายมากมายนักเพราะได้มีการชี้มาแล้วว่า 5 : 4ให้พล.อ.ประยุทธ์หยุดการทำงานถ้าชี้ต่อ 5 : 4เช่นกันให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อได้แต่ไม่เกินสองปีเพราะว่าวาระการอยู่ต่อมันมีอยู่ 2แนวทางแนวทางหนึ่งพิจารณาว่าอยู่ได้ไม่เกินสองปีอีกแนวทางหนึ่งอยู่ได้ถึง 2570ซึ่งตัวอยู่ต่อได้ถึง 2570นั้นผมว่าไม่เกิดขึ้นเพราะประชาชนจะลุกฮือกันทั่วประเทศแต่ถ้าอยู่ต่อได้ไม่เกินสองปีประชาชนเห็นว่าโดนสั่งพักไม่ให้ทำงานมา 1เดือนแล้วสองปีไม่เป็นไรเพราะไหนๆปีหน้าก็ต้องยุบสภาแล้วเป็นไปได้ไหม ?
ท่านผู้ชมครับสำหรับประเทศไทยแล้วเป็นไปได้ทุกอย่างท่านผู้ชมอย่าเพิ่งไปปฏิเสธทฤษฎีผมหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศไทยประเทศไทยอ่อนเปลี้ยเพราะข้าราชการไม่ทำหน้าที่เกียจคร้านและฟุ่มเฟือยนักการเมืองไม่สนใจประชาชนจริงรองนายกรัฐมนตรีบางคนทำตัวเป็นศรีธนญชัยทางกฎหมายประชาชนคนไทยถูกฝรั่งล้างสมองด้วยสื่อสารพัดให้คิดล้มล้างสถาบันนักวิชาการรับจ้างแบบสิ้นคิดเพราะฉะนั้นแล้วถ้าทฤษฎีอันสุดท้ายของผมมันเกิดขึ้นแสดงว่ามีการตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าเอาอย่างนี้แล้วกัน 5 : 4ก่อนนะเพื่อให้หยุดการทำงานแล้วค่อยมาเวิร์กกันอีกทีขอแค่สองปีพออย่างน้อยให้ผ่านพ้นเอเปคท่านผู้ชมครับมันก็ย่อมเป็นไปได้เช่นกันเพราะคะแนนมัน 5 : 4จริงๆมันไม่ใช่ 5 : 3เหมือนอย่างที่ผมพูดหรือ 6 : 3ทั้งหมดมี 9 คน
ท่านผู้ชมครับถ้าเราพักเรื่องเกี่ยวกับ 8ปีของพล.อ.ประยุทธ์ไว้ชั่วคราวเรามาคุยกันเรื่องเลือกตั้งปีหน้าซึ่งอย่างไรก็ต้องเลือกตามรัฐธรรมนูญเพราะไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่หรือไม่อยู่ก็ต้องยุบสภาและเลือกตั้งใหม่เรามาคุยกันเรื่องนี้สักนิดหนึ่งเพราะว่าการเมืองในประเทศมันก็จะเป็นของมันอย่างนี้แต่ที่สำคัญที่สุดผมกำลังกังวลว่าประชาชนจะได้อะไรจากพวกพรรคการเมืองทั้งหลาย
ตอนนี้ปัญหาต่างๆมันรุมเร้าประเทศไทยเข้ามามากการเมืองเมืองไทยในประเทศซึ่งมันติดขัดสะดุดแล้วเดินหน้าต่อไปอย่างยากลำบากหรือว่าต้องปรับกันอย่างยิ่งใหญ่ตลอดจนเหตุการณ์ในต่างประเทศสงครามยูเครนกับรัสเซียหรือว่าความขัดแย้งตึงเครียดของเกาะไต้หวันอาจจะก่อให้เกิดวิกฤตขึ้นเมื่อใดก็ได้เราอาจจะถูกลากเข้าไปสู่วังวนของความขัดแย้งถ้าเรามีรัฐบาลที่ไม่มีวิสัยทัศน์และความเข้าใจในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ที่ดีพออีกอย่างหนึ่งการปรับเปลี่ยนสัดส่วนของประชากรประเทศไทยที่ส่งผลในเชิงความเชื่อความคิดและแนวทางในการมองโครงสร้างของสังคมโครงสร้างทางเศรษฐกิจและการเมืองและการใช้ชีวิต
ท่านผู้ชมครับอะไรก็ตามที่เราเรียกว่าคนรุ่นใหม่แล้วหลายๆท่านอาจจะมองว่าคนรุ่นใหม่ในเมืองไทยทุกวันนี้ใช้ไม่ได้คือเอากลุ่มสามกีบเป็นตัวตั้งซึ่งผมคิดว่าคนรุ่นใหม่ในประเทศไทยไม่ใช่คนกลุ่มสามกีบมากถึงขนาดนั้นแต่เป็นคนรุ่นใหม่ที่เริ่มเจริญเติบโตขึ้นมาแล้วมองชาติบ้านเมืองเป็นส่วนหนึ่งที่เขาต้องคงอยู่ในชาติบ้านเมืองเหล่านี้แล้วเขาจะทำอย่างไรถ้าโครงสร้างชาติบ้านเมืองไม่เปลี่ยนแปลง
อีกประการหนึ่งโรคระบาดที่เกิดขึ้นใน 2-3ปีที่ผ่านมานั้นก็เป็นตัวที่ดึงประเทศไทยและทุกประเทศในโลกนี้ให้คืบคลานไปข้างหน้าอย่างล่าช้าท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่าเมื่อประมาณสองปีที่แล้วผมออกรายการในตอนที่ 40วันศุกร์ที่ 3กรกฎาคม 2563ผมเคยพูดว่าปัญหาประเทศไทยในทุกวันนี้จะบรรเทาและแก้ปัญหาได้หลายประการหากมีการกระจายอำนาจอย่างแท้จริงผมพูดในตอนที่ 40ผมเขียนว่า "The Impossible Dream ?"
คือหลักๆแล้วผมกำลังให้ข้อคิดในช่วงนั้นเมื่อปี 2563ประมาณสองปีที่แล้วผมให้ข้อคิดว่าประเทศไทยในขณะนี้ปัญหาใหญ่ที่สุดคือโครงสร้างของระบบราชการเพราะโครงสร้างของระบบราชการนั้นมันมาเป็นปัญหาและอุปสรรคในการเดินหน้าของประเทศโดยพื้นฐานของประเทศผมเล่าให้ฟังเมื่อกี้นี้แล้วว่าคนรุ่นใหม่ที่เราไปว่าเขาเป็นพวกสามกีบหรือสามนิ้วทั้งๆที่เขาไม่ใช่มีจำนวนสามกีบ/สามนิ้วปริมาณไม่มากนักแต่ว่ามีคนรุ่นใหม่เยอะที่เห็นด้วยว่าประเทศไทยควรจะเปลี่ยนแปลงเสียทีการเมืองก็เป็นการเมืองแบบเก่าๆน้ำเน่าไม่มีใครรับได้อีกต่อไปแล้วกระทรวงต่างๆก็ยังเป็นกระทรวงต่างๆและกรมต่างๆก็ยังเป็นกรมต่างๆที่รวบอำนาจอยู่ในส่วนกลาง
การกระจายอำนาจนั้นในพรรคการเมืองทุกพรรคที่ผมสังเกตแล้วตั้งแต่มีการเลือกตั้งหาเสียงมาทุกพรรคเน้นการกระจายอำนาจขึ้นอยู่กับว่าแต่ละพรรคมีโวหารอย่างไรมีจุดยืนอย่างไรบ้างแต่การกระจายอำนาจที่เป็นรูปธรรมจริงๆนั้นท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่าว่ามันไม่มีทุกวันนี้การปกครองท้องถิ่นถึงแม้เราจะมีอบต.อบจ.ก็ตามแต่ในที่สุดแล้วคนที่กำกับเรื่องนี้ก็ยังคงเป็นกระทรวงมหาดไทยอยู่เช่นเดิมการโยกย้ายแต่งตั้งผู้ว่าฯครั้งใหม่เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง 37-38ที่ดูแล้วเหมือนกับการเปลี่ยนเหล้าเก่าในขวดใหม่เท่านั้นเองก็คือเอาคนใหม่เข้ามาแต่กระบวนทัศน์ของการใช้ผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นมันไม่ใช่มันก็เหมือนเดิมทุกอย่างถูกสั่งการมาโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยถูกสั่งการมาโดยนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดก็คงจะเป็นคนที่เรียนและถูกฝึกอบรมมาเพื่อให้เจริญเติบโตเป็นผู้ว่าฯก็คือเน้นในเรื่องของการปกครองไม่ได้เน้นในเรื่องการพัฒนาเพราะฉะนั้นถ้าเรามีผู้ว่ราชการจังหวัดที่ไม่ได้มาจากสายที่เรียนมาเพื่อเป็นนักปกครองอาจจะเป็นสายธุรกิจสายนักเศรษฐศาสตร์สายนักการเงินความหลากหลายของคุณสมบัติของคนที่จะมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นมันจะทำให้มีส่วนเอื้อและพัฒนาและแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆจากมุมมองของคนที่ไม่ได้เรียนมาทางด้านการปกครองโดยเฉพาะแต่มองในเรื่องของมุมมองทางธุรกิจมุมมองทางเศรษฐกิจมุมมองทางสังคมที่สำคัญที่สุดมันต้องเป็นมุมมองในกระบวนทัศน์ที่เน้นเรื่องการพัฒนาไม่ใช่เน้นเรื่องการปกครอง
ผมเคยพูดเรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่สมัยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพล.อ.อนุพงษ์เผ่าจินดามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียวยังเป็นการแต่งตั้งเพื่อเข้าไปเป็นตัวแทนอำนาจของกระทรวงมหาดไทยซึ่งก็เป็นอำนาจของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยอีกเพราะฉะนั้นแล้วผมคิดว่าถ้าเราปรับกระบวนทัศน์เสียใหม่เปลี่นยแปลงโครงสร้างของระบบราชการแล้วปรับเพราะว่าดร.สมคิดจาตุศรีพิทักษ์เคยกล่าวปาฐกถาในเวทีครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้เอง
ท่านบอกว่ากระทรวงที่สำคัญที่สุดในประเทศไทยไม่ใช่กระทรวงเศรษฐกิจไม่ใช่กระทรวงพลังงานแต่เป็นกระทรวงมหาดไทยเพราะว่ากระทรวงมหาดไทยลงไปสัมผัสถึงด้านล่างชนชั้นล่างโครงสร้างข้างล่างของประชาชนทั่วประเทศไทย 77จังหวัดประชากร 70ล้านคนไม่มีใครหนีพ้นโครงสร้างกระทรวงมหาดไทยหรือแม้กระทั่งคนในกทม.ที่พากันฮือฮาและชมเชยมากชอบมากว่าได้คุณชัชชาติเข้ามาเป็นผู้ว่าฯกทม.แต่เมื่อมองลึกลงไปแล้วคนที่เชียร์คุณชัชชาติก็ต้องยอมรับความจริงว่าคุณชัชชาติทำอะไรมากกว่าอำนาจที่คุณชัชชาติมีและถูกควบคุมและครอบงำโดยกระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นคนที่มีอำนาจที่แท้จริงสามารถจะชี้เป็นชี้ตายให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครสามารถจะเลี้ยวซ้ายก็ได้เลี้ยวขวาก็ได้
ทั้งๆที่กระทรวงมหาดไทยควรที่จะปล่อยกรุงเทพมหานครให้ลอยตัวให้พ้นออกจากอ้อมอกของกระทรวงมหาดไทยที่มองในแง่ของการปกครองด้วยอำนาจแล้วใช้อำนาจมาจัดการใช้กฎหมายมาจัดการใช้กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์รวมของประชาชนท่านผู้ชมครับหลักการง่ายๆกรุงเทพมหานครใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้านครหลวงแต่การไฟฟ้านครหลวงขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทยเอากันแค่นี้พอแล้วรถเมล์ขสมก.ที่วิ่งอยู่วิ่งอยู่ในกรุงเทพมหานครแต่ขสมก.ก็ขึ้นอยู่กับกระทรวงคมนาคมจะมีก็เฉพาะรถรางลอยฟ้า BTSที่ขึ้นอยู่กับกทม.แต่ว่าก็ยังถูกกำกับดูแลโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยปัญหามันถึงเกิดแล้วไม่สิ้นสุดเสียที
ท่านผู้ชมครับตำรวจนครบาลชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นกองบัญชาการตำรวจนครบาลมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในกรุงเทพมหานครแต่ทำไมกองบัญชาการตำรวจนครบาลต้องขึ้นอยู่กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ?ทำไมไม่ขึ้นอยู่กับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเพราะเขามีหน้าที่ดูแลกรุงเทพมหานครเพราะฉะนั้นท่านผู้ชมจะเห็นนี่แค่ตัวอย่างง่ายๆไม่ต้องลึกซึ้งและไม่ต้องซับซ้อนว่าโครงสร้างเก่าๆกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากรแนวความคิดของคนรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นอะไรบางอย่างที่ปัจจุบันนี้มันเก่าเกินไปแล้วเรายังคงย่ำอยู่กับที่เหมือนเดิมเราคิดแบบเดิมๆแต่เราไม่เคยคิดเผื่อว่าสังคมมันเปลี่ยนแปลงไปแล้วสิ่งแวดล้อมมันเปลี่ยนแปลงไปแล้วเงื่อนไขต่างๆมันเปลี่ยนแปลงไปแล้วโครงสร้างประชากรก็เปลี่ยนแปลงไปแล้วภูมิรัฐศาสตร์ทางการเมืองในประเทศไทยก็เริ่มจะเปลี่ยนแปลงไปแต่เราก็ยังคงยึดติดกับศูนย์กลางอำนาจ
ถ้าวันนี้การไฟฟ้านครหลวงรถขสมก.หรือแม้กระทั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลขึ้นอยู่กับกรุงเทพมหานครนี่คือการกระจายอำนาจในรูปธรรมอีกรูปแบบหนึ่งที่ให้เห็นว่าเราได้กระจายอำนาจรัฐซึ่งครอบอยู่ให้ลงมาสู่ท้องถิ่นถ้าเราคิดว่ากรุงเทพมหานครคือท้องถิ่นซึ่งก็เป็นจริงฉะนั้นกรุงเทพมหานครก็มีสิทธิ์ที่จะออกนโยบายเก็บภาษีภาษีการขายหรือที่เรียกว่า Sale Taxกรุงเทพมหานครก็มีสิทธิที่จะเก็บได้เพื่อเอาเงินนั้นมาอุดหนุนการใช้จ่ายในกรุงเทพมหานครคำถามมีอยู่ว่าแล้วสินค้าจะแพงขึ้นไหม ?แล้วประชาชนจะซื้อไหม ? นั่นก็เป็นปัญหาของผู้ค้าแล้วผู้ค้าต้องปรับตัวเพราะนักธุรกิจต้องปรับตัวกรุงเทพมหานครจะต้องเป็นมหานครที่ต้องพึ่งพารายได้ของตัวเองกองบัญชาการตำรวจนครบาลผมเคยพูดแล้วถ้าใครก็ตามเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแล้วขึ้นกับกรุงเทพมหานครพื้นที่ไหนมีบ่อนการพนันเยอะมีการเปิดเพลงดังมีแหล่งบันเทิงเปิดเกินหนึ่งทุ่มสองทุ่มสามทุ่มห้าทุ่มตีหนึ่งที่ไม่ให้เกินก็ยังเกินอยู่มีการทะเลาะเบาะแว้งกันประชาชนอยู่ตรงนั้นสามารถร้องเรียนผู้ว่าฯได้ผู้ว่าฯก็รู้ว่าถ้าผู้ว่าฯไม่แก้ปัญหานี้การเลือกตั้งงวดใหม่ที่จะเกิดขึ้นผู้ว่าฯก็จะไม่ได้รับการเลือกตั้งนี่คือการ Check and balanceกันท่านผู้ชมเห็นหรือยัง
ไม่ใช่ว่าทุกอย่างต้องโยนไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลกองบัญชาการตำรวจนครบาลก็โยนไปที่ผบ.ตร.ผบ.ตร.ก็โยนไปที่นายกฯแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งนี่แค่เพียงแต่ยกตัวอย่างง่ายๆให้ฟังแล้วผมเองก็ยังพยายามอธิบายความให้มากขึ้นกว่าเก่าถ้าท่านผู้ชมติดตามผมมาตลอดผมไม่ใช่เพิ่งพูดเรื่องนี้วันนี้ผมพูดมาหลายปีแล้วและผมพูดมาหลายครั้งแล้วผมบอกวิธีที่ชัดที่สุดในการกระจายอำนาจคือการกระจายเงินทองกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่นในขณะนี้ท้องถิ่นได้เงินรายได้เพียงบางส่วนแต่รายได้ที่เอามาในท้องถิ่นเพียงบางส่วนนั้นไม่เพียงพอกับการสร้างงานในท้องถิ่นให้แต่ละจังหวัดเจริญเติบโตขึ้นมาได้ท่านผู้ชมที่เคยติดตามผมจำได้ไหมผมเคยพูดยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆถ้าเราปรับปรุงระเบียบราชการแผ่นดินเสียใหม่สมมุติว่ากระทรวงคมนาคมมีกรมทางหลวงงบประมาณแผ่นดินที่เอามาจากภาษีอากรคนทั่วประเทศเพื่อมาสร้างทางแล้วแบ่งปันส่วนต่างๆระยะทางของทางที่เราสร้างที่ผ่านจังหวัดแต่ละจังหวัดไปเรายกขั้นตอนนั้นให้กับจังหวัดนั้นรับผิดชอบไปในการสร้าง
การสร้างทางคือวิศวฯโยธาการสร้างทางทุกวันนี้ไม่ใช่เป็นการเทคโนโลยีหลักการทางวิศวกรรมไม่ได้ยากเย็นเหมือนกับการทำรถไฟฟ้าใต้ดินหรือการสร้างเขื่อนแต่ว่าเป็นการสร้างทางซึ่งเด็กที่เรียนจบวิศวฯโยธาไม่ว่าจะเรียนมหาวิทยาลัยสุรนารีมหาวิทยาลัยขอนแก่นมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดหรือแม้กระทั่งหลายๆราชภัฏที่มีการสอนคณะวิศวฯแล้ววิศวฯโยธาก็เป็นหนึ่งในคณะนั้น
ท่านผู้ชมลองหลับตาวาดภาพสิถนนเส้นหนึ่งจากกรุงเทพฯไปอีสานต้องการสร้าง 8เลนแน่นอนที่สุดก็ต้องผ่านการประชาพิจารณ์ให้เรียบร้อยก่อนเอาท้องถิ่นเอาแต่ละจังหวัดมาร่วมออกความเห็นอย่างเช่นสร้างทางนี้จะต้องผ่านจังหวัดไหนบ้างคนในจังหวัดนั้นจะต้องมามีสิทธิ์มีส่วนในการออกความเห็นว่าผมเห็นด้วยครับในการสร้างแต่ทางผ่านจังหวัดที่เสนอมามันไม่ถูกต้องน่าจะปรับไปทางโน้นทางนี้ได้ไหมนี่คือหลักการประชาธิปไตยเบื้องต้นที่เมืองไทยขาดเพราะเวลาเราสร้างทางแล้วเราเข้าไปในพื้นที่ของชาวบ้านเขาผ่านโคราชผ่านปากช่องผ่านสีคิ้วผ่านอำเภอเมืองคนพวกนี้ที่อยู่และทางกำลังจะผ่านไปต้องมีสิทธิ์มีส่วนในการออกความเห็นเมื่อเรียบร้อยแล้วงบประมาณที่ลงมาถ้าสร้างทาง 8 เลนจากกรุงเทพฯ ไปถึงหนองคาย 4เลนไป 4 เลนกลับเป็นทางด่วนหรือทางอะไรก็ตาม
ใช้งบประมาณเท่าไรออกมาชัดเจน ก็แบ่งส่วนงบประมาณนั้นว่าทางที่สร้าง 8เลนจากกรุงเทพฯไปหนองคายมันผ่านโคราชกี่กิโลเมตรผ่านขอนแก่นกี่กิโลเมตรผ่านอุดรฯกี่กิโลเมตรในช่วงกี่กิโลเมตรนั้นที่กรมทางหลวงตั้งงบประมาณว่าในจำนวนกี่กิโลเมตรนี้ค่าก่อสร้างต้องเท่าไรก็ให้ผู้ประกอบการหรือจังหวัดนั้นรับไปประมูลกันเองเมื่อเขาประมูลแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร ?เขาก็ต้องไปหาวิศวฯของเขามาบริษัทก่อสร้างที่รับสร้างทางประเภททางหมู่บ้านตำบลอยากพัฒนาใหญ่โตก็ต้องรวมกลุ่มกันทำเป็นบริษัทก่อสร้างที่ใหญ่ถ้าเป็นแถวอีสานก็อาจจะจ้างนักวิศวะจากม.สุรนารีหรือจากราชภัฏนครราชสีมาซึ่งเปิดสอนคณะวิศวฯขึ้นมาคนก็อยู่ในเมืองนั้นไม่ต้องร่อนเร่พเนจรไปทำงานที่อื่นดินหินอิฐทรายก็ซื้อจากที่นั่นหรือถ้าจังหวัดนั้นไม่มีก็ต้องซื้อที่จังหวัดข้างเคียงก็เป็นการส่งเสริมธุรกิจให้เกิดขึ้นมาแรงงานที่ใช้เทคโนโลยีที่ใช้ก็เกิดขึ้นในจังหวัดนั้นจังหวัดก็จะมีการพัฒนานี่ผมพูดเฉพาะการสร้างทางนะท่านผู้ชมยังมีอีกเยอะแยะเลยในเรื่องของงบประมาณแผ่นดินที่ลงไปสู่พื้นที่แล้วลงไปสู่พื้นที่ต่างๆจังหวัดต่างๆ ตรงนั้นล่ะอะไรที่มันสลับซับซ้อนที่ท้องถิ่นทำไม่ได้ เช่น การสร้างเขื่อน ก็คงจะให้เก็บเอาไว้อยู่กับกรมชลประทานเหมือนเดิมหรือการสร้างสนามบินซึ่งผู้ประกอบการในจังหวัดนั้นไม่มีความสามารถจะสร้างได้ก็ต้องใช้ผู้ประกอบการจากส่วนกลางไป
แต่หลักการทุกอย่างน่าที่จะใช้ท้องถิ่นได้แล้วสิ่งที่จะเกิดขึ้นคืออะไร ? คนมีงานทำมากขึ้นภาษีอากรก็เก็บได้รายได้ของบริษัทร้านค้าที่ขายทรายขายดินขายอิฐขายหินรายได้ของร้านขายเหล็กในนั้นก็มีรายได้เพิ่มขึ้นภาษีอากรสรรพากรก็สามารถจะเก็บรายได้จากพวกนี้จากการขายยอดขายจากกำไรที่เขามีอยู่แล้วเงินก้อนนี้อาจจะแบ่งสรรปันส่วนให้เรียบร้อยเลยเพราะว่างบประมาณการก่อสร้างเป็นส่วนกลางส่วนกลางก็เก็บเอาไป 50 เปอร์เซ็นต์อีก 50เปอร์เซ็นต์ก็ทิ้งไว้ที่จังหวัดนั้นจังหวัดนั้นก็สามารถมีเงินมีทองเอามาพัฒนาท้องถิ่นด้วยเงินของตัวเองได้ตรงนี้ครับท่านผู้ชมคือบทบาทแบบใหม่รุ่นใหม่ของท่านผู้ว่าฯที่ต้องเน้นการพัฒนามีเงินเข้ามาแล้วท่านผู้ว่าฯจะพัฒนาอะไรล่ะจะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวจะพัฒนาฝีไม้ลายมือของช่างท้องถิ่นจะพัฒนาการปลูกหม่อนไหมหรือการจะพัฒนาทำอะไรก็ตามทางการเกษตรทุกอย่างก็พึ่งจากเงินตรงนี้มาได้และนี่คือการกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่นและเป็นจุดเริ่มต้นขั้นแรกของประชาธิปไตยที่ทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมไม่ใช่ทุกอย่างจะต้องถูกกำกับและสั่งการมาจากส่วนกลาง
หรือแม้กระทั่งตำรวจผมเคยพูดมาแล้วผมพูดมาไม่รู้ตั้งกี่ครั้งตำรวจที่อยู่ในโรงพักทุกโรงพักท่านผู้ชมลองไปสำรวจดูผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็รู้เรื่องนี้ดีเข้าใจดีตำรวจที่ปากช่องคนที่เป็นตำรวจอยู่ปากช่องนั้นระดับประทวนก็คือคนพื้นที่อาจจะเป็นคนปากช่องอาจจะเป็นคนสีคิ้วหรืออาจจะเป็นคนชัยภูมิภูเขียวที่ใกล้กับโคราชนั่นคือระดับประทวนหรือระดับสัญญาบัตรที่เป็นระดับประทวนมา 30-40ปีเพิ่งสอบได้เป็นนายร้อยก็เป็นคนท้องถิ่น
แต่พวกที่จบปริญญาตรีจบนักเรียนนายร้อยสามพรานแล้วก็ได้ตำแหน่งสารวัตรรองผู้กำกับผู้กำกับรองผู้การผู้การจังหวัดล้วนแล้วแต่เป็นตำแหน่งที่ทุกคนเวียนกันไปเพื่อไปรับตำแหน่งเมื่อได้ตำแหน่งแล้วอยู่แค่ปีสองปีก็ไปอยู่ที่อื่นที่ตัวเองต้องการจะไปเพราะว่าแหล่งรายได้มันดีกว่าเก่าเพราะฉะนั้นแล้วในเมื่อ 90กว่าเปอร์เซ็นต์ของบุคลากรทางตำรวจนั้นเป็นคนท้องถิ่นมันย่อมสมเหตุสมผลที่เราจะกระจายอำนาจการปกครองท้องถิ่นโดยให้ตำรวจกลายเป็นตำรวจท้องถิ่นไปโรงพักทุกโรงพักก็คือโรงพักท้องถิ่นขึ้นอยู่กับนายกอบจ.หรือโครงสร้างอะไรก็ได้ในจังหวัดโดยที่อาจจะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ดูแลและให้คำปรึกษาแต่อย่าไปกำกับเขา
ท่านผู้ชมครับส่วนภาคต่างๆของตำรวจภาค 1 ภาค 2 ภาค 3 ภาค 4 ภาค 5 ภาค 6 ภาค 7 ภาค 8 ภาค 9 มันก็เป็นตำรวจภาคตำรวจภาคมีหน้าที่อะไร ?มีหน่วยสืบสวนสอบสวนที่อยู่ประจำภาคถ้าตำรวจท้องถิ่นประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถจะร้องเรียนไปที่ภาคได้ผู้บัญชาการภาคก็สามารถที่จะจัดระบบแล้วก็ส่งคนไปตรวจสอบว่าตำรวจท้องถิ่นทำคดีนี้ซื่อสัตย์หรือเปล่ารับเงินรับทองใครมาหรือเปล่ากลั่นแกล้งใครหรือเปล่าตำรวจภาคก็ต้องมีแม้กระทั่งนิติเวชของตัวเองที่ใหญ่ดูแลทั้งภาคได้นี่ไงท่านผู้ชมเมื่อตำรวจภาคดูแลแล้วถ้าตำรวจภาคยังไม่สามารถที่จะให้ความเป็นธรรมกับประชาชนได้เราก็ยังคงมีกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางอยู่มีกองปราบฯมีตำรวจทางหลวงเมื่อเขามาร้องเรียนทางส่วนกลางแล้วส่วนกลางก็มีสิทธิ์ที่จะไปสอบและตรวจสอบตำรวจภาคและลงไปที่ท้องถิ่นถ้าตำรวจภาคร่วมมือฮั้วกับตำรวจท้องถิ่นก็เป็นหน้าที่ของตำรวจส่วนกลางที่จะต้องมาจัดการเรื่องนี้นี่คือการกระจายอำนาจจริงๆ
การกระจายอำนาจที่ดีที่สุดคือการกระจายเงินและควบคู่กับการกระจายอำนาจที่ตัวเองมีในส่วนกลางกระจายส่งต่อไปให้ท้องถิ่นซะผมเคยพูดเรื่องนี้มาตั้งนานแล้วท่านผู้ชมหลายท่านเคยฟังผมพูดมาแล้วผมจะยกตัวอย่างที่ผมคิดว่าโดนใจท่านผู้ชมหลายๆคนมากทำไมเราไม่กระจายอำนาจกระทรวงศึกษาธิการลงไปสู่ท้องถิ่นเรามีกระทรวงศึกษาธิการมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกตั้งแต่เรามีประเทศมาแต่คุณภาพการศึกษาของเด็กเรามีแต่ต่ำลงๆ และต่ำลง
ทำไมเราไม่ให้โอกาสให้ท้องถิ่นดูแลว่าโรงเรียนที่เขาต้องการหลักสูตรการศึกษาที่เขาต้องการเขาต้องการให้คนของเขาในจังหวัดเขาเรียนอะไรบ้างท่านผู้ชมครับโรงเรียนของกระทรวงศึกษาธิการก็เหมือนตำรวจโรงเรียนที่สังกัดกระทรวงศึกษาธิการมีอยู่เต็มไปหมดเลยทั่วประเทศไทยรับงบประมาณส่วนกลางไปสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นก็คือว่าตำแหน่งครูใหญ่ตำแหน่งผอ.โรงเรียนจะกระจายจะวิ่งเต้นจากจังหวัดเล็กไปจังหวัดใหญ่จากจังหวัดใหญ่วิ่งไปจังหวัดใหญ่ 2-3ทีเป็นเขตเป็นหัวหน้าเขตผู้อำนวยการเขตสำนักงานเขตลงมาที่กรุงเทพฯมาเป็นรองอธิบดีเป็นอธิบดีคือทั้งหมดนี้ทำเพื่ออำนาจตัวเองเพื่อให้ตัวเองใหญ่ขึ้นมาแต่ไม่ได้ทำเพื่อประชาชนซึ่งจะต้องได้รับการศึกษาในที่นั้น
ถ้าผู้อำนวยการโรงเรียนเช่นอุดรพิทยาคมขอนแก่นวิทย์รู้ว่าตัวเองอาชีพตัวเองการเป็นครูจบลงด้วยการเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนย้ายจากขอนแก่นไปที่โน่นที่นี่ภายในขอนแก่นเหมือนตำรวจตำรวจพอขึ้นไปเป็นผู้กำกับโรงพักก็รู้ว่าชีวิตตัวเองเป็นได้อย่างเดียวก็คือผู้กำกับโรงพักจบทุกคนก็จะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้บริการประชาชนตำรวจที่จะต้องอยู่กับประชาชนตลอดไปรู้ว่าจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนบริการประชาชนได้เขาถึงจะอยู่รอดได้เขาต้องทำคุณงามความดีให้กับท้องถิ่นเหมือนกับครูเช่นกันถ้าครูรู้ว่าวันนี้เป็นผู้อำนวยการตรงนี้หรือเป็นครูใหญ่ตรงนี้จะวิ่งเต้นต่อไปเพื่อจะย้ายไปอีกจังหวัดหนึ่งที่ใหญ่กว่าหรือลงมาที่ส่วนกลางไม่ได้เพราะเขาจะต้องอยู่ที่อุดรฯอยู่ที่ขอนแก่นหรืออยู่ที่โคราชหรืออยู่ที่ยโสธรหรืออยู่ที่สตูลหรืออยู่ที่เชียงใหม่หรืออยู่ที่ลำปางหรือลำพูน
ความผูกพันของเขาเขาต้องทุ่มเทการศึกษาทุกอย่างให้กับเด็กหมดเลยงบประมาณมีอยู่แล้วนี่ก็คืองบประมาณที่รัฐบาลส่วนกลางมอบให้กับโรงเรียนแต่ละโรงเรียนก็ใช้งบประมาณนั้นต่อไปโอนเข้ามาเป็นงบประมาณของจังหวัดของอบจ.แล้วรัฐบาลก็มีหน้าที่จัดสรรงบประมาณค่าใช้จ่ายตรงนี้ที่เคยจัดส่งให้อบจ.ทุกปีส่วนอบจ.จะขึ้นค่าเล่าเรียนเพื่อหาเงินส่วนต่างเพิ่มขึ้นมาหรือว่าธุรกิจของจังหวัดนั้นร่ำรวยขึ้นมาจากการกระจายเม็ดเงินโครงการต่างๆลงก็สามารถที่จะใช้เงินซึ่งเหลืออยู่นั้นมาพัฒนาการศึกษาให้ดีขึ้นกระทรวงศึกษาฯก็จะทำหน้าที่ควบคุมคุณภาพของนักศึกษานักเรียนแต่ต้องมีกำหนดว่าคนที่จบป.6จะต้องสอบภาษาอังกฤษภาษาไทยคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์เป็นมาตรฐานทดสอบจากส่วนกลางทุกคนต้องสอบเหมือนกันหมดแล้วท่านผู้ชมรู้ไหมอะไรเกิดขึ้น ?
ถ้านักเรียนที่โรงเรียนอุดรธานีฯเกิดจบ ป.6 หรือจบ ม.3 แล้วไปสอบการวัดผลของกระทรวงศึกษาฯแล้วคะแนนภาษาอังกฤษของอุดรฯสู้หนองคายไม่ได้ท่านผู้ชมว่ามันเป็นเรื่องไหม ?ประชาชนชาวอุดรฯไม่ยอมแน่หนองคายจังหวัดเล็กกว่าเมืองเล็กกว่างบประมาณน้อยกว่าทำไมเด็กเขาเรียนเก่งกว่าเราใครเจ็บตัว ? นายกอบจ.เจ็บตัวผู้อำนวยการโรงเรียนเจ็บตัวเราต้องใช้ประชาชน Check and balanceท้องถิ่นไปด้วยท่านผู้ชมเห็นหรือยังนี่เป็นการยกตัวอย่างบางอย่างเท่านั้นเอง
ท่านผู้ชมครับมันมีภาษีอย่างหนึ่งเขาเรียกว่า "ภาษีบ้านเกิดเมืองนอน"หรือ Hometown Tax ภาษีบ้านเกิดเมืองนอนเกิดที่ญี่ปุ่นถ้าผมเข้าใจไม่ผิดพรรคภูมิใจไทยกำลังจะใช้ภาษีบ้านเกิดเมืองนอนเป็นนโยบายในการหาเสียงงวดหน้ามีพรรคเดียวที่ใช้นโยบายนี้เรามาทำความเข้าใจคำว่า "ภาษีบ้านเกิดเมืองนอน"กันหน่อย
ภาษีบ้านเกิดเมืองนอนในภาษาญี่ปุ่นเขาเรียกว่าฟุรุซาโตะโนเซ (Furusato Nozei)เป็นระบบการชำระภาษีให้บ้านเกิดของประเทศญี่ปุ่นประกาศใช้เมื่อปี 2551สมัยนายอาเบะเป็นนายกรัฐมนตรีเขามีภาษีบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อเปิดโอกาสให้พลเมืองมีส่วนร่วมช่วยกันฟื้นฟูและลดความเหลื่อมล้ำระหว่างท้องถิ่นกับเขตเมืองและเขตชนบทผ่านการบริจาคเงินให้แก่ท้องถิ่นโดยตรงผู้บริจาคสามารถนำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีประจำปีได้ ขณะเดียวกันก็ได้รับสินค้าประจำท้องถิ่นเป็นของขวัญแทนคำขอบคุณ
เบื้องหลังของภาษีบ้านเกิดเมืองนอนอดีตจนถึงปัจจุบันญี่ปุ่นเผชิญปัญหาความเหลื่อมล้ำทางพื้นที่ปัญหาเชิงประชากรศาสตร์มิถุนายน 2565 ญี่ปุ่นมีอัตราการเกิดต่ำที่สุดในรอบ 100 ปี
2564 ประชากรญี่ปุ่นได้ลดลงมา 6แสน 3หมื่นคนจากจำนวนประชากรปัจจุบันมี 125 ล้านคนถึงขั้นนายอีลอนมัสก์มหาเศรษฐีของโลกและ CEO ของเทสล่าโพสต์ข้อความแดกดันญี่ปุ่นว่าญี่ปุ่นจะสิ้นสุดการดำรงอยู่ในที่สุดเว้นแต่ว่าแนวโน้มประชากรศาสตร์จะเปลี่ยนไปการลดลงของประชากรญี่ปุ่นทำให้กระทรวงมหาดไทยรัฐบาลกลางของญี่ปุ่นถึงกับต้องประกาศว่าเทศบาลมากกว่าครึ่งประเทศคือจำนวน 885แห่งจาก 1,718แห่งเป็นพื้นที่ที่ประชากรลดต่ำลงสอดคล้องกับข้อมูลว่าภายในปี 2583 (2040)อีก 18 ปีข้างหน้าเทศบาลญี่ปุ่นมากกว่าครึ่งจะหายไปท่านผู้ชมนึกออกไหมเทศบาลญี่ปุ่นมากกว่าครึ่งหนึ่ง 896แห่งจะหายไปเด็กๆจะน้อยลงผู้สูงอายุจะเพิ่มมากขึ้น
ประเด็นคือ ในส่วนของสถานการณ์ด้านประชากรของประเทศไทยไม่ได้แตกต่างไปจากประเทศญี่ปุ่นเท่าใดนัก ผมมีตาราง Southteast Asia Population Estimates & Projection in 2050 ที่ระบุชัดเจนว่า อีกสามสิบปีข้างหน้า หรือหนึ่งชั่วคน ประเทศไทยจะเป็นประเทศเดียวที่มีแนวโน้มประชากรลดลง ประชากรจะลดลงราว 6 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 4 ล้านคน อีกไม่นานประชากรไทยก็จะลดลง หายไป 4 ล้านคน หมายความว่าอย่างไร ?
หมายความว่าประชากรในชนบทจะไหลเข้าสู่เมืองใหญ่อีกมาก กรุงเทพฯ ปริมณฑล เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น อุดรฯ ไปแถว EEC ชลบุรี ระยอง ส่วนจังหวัดเมืองรองและพื้นที่ชนบทก็จะถูกทิ้งร้าง ขาดความเจริญ กลายเป็นความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาที่จะยิ่งถ่างกว้างขึ้นเรื่อยๆ อาจจะถึงขั้นหมู่บ้านบางหมู่บ้าน ตำบลบางตำบล อาจจะกลายเป็นหมู่บ้านร้าง ตำบลร้าง เหลือแต่ผู้สูงอายุ มีพ่อแก่แม่แก่ เพราะวัยรุ่น วัยทำงาน ย้ายเข้าไปโรงเรียนหรืออพยพเข้าสู่เมืองไปหางานทำ หาโอกาสที่ดีมากขึ้น
ท่านผู้ชมครับ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลอย่างร้ายแรงต่อแนวคิดของการกระจายอำนาจและกระจายความเจริญ แน่นอน ท้องถิ่นจัดเก็บภาษีรายได้ลดลง ไม่สามารถนำไปจัดหาบริการสาธารณะให้ได้เพียงพอ นอกจากนี้ หากต้องพึ่งพาเงินอุดหนุนจากส่วนกลางเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ยิ่งจะไม่เพียงพอ ในระยะยาวก็จะกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ต้องเจอ ที่เราเจอทุกวันนี้คือ ในเมืองใหญ่แออัด รถติด ราคาที่อยู่อาศัยแพง น้ำท่วม มลพิษ ปัญหาผังเมือง อาชญากรรม ในเมืองรอง ในเขตชนบท จะมีประชากรอาศัยอยู่น้อย ขาดการพัฒนา สาธารณูปโภค บริการสาธารณะ โครงสร้างพื้นฐานก็ล้าหลัง ทรัพยากรต่างๆ ก็ขาดแคลน ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพราะฉะนั้นแล้ว แนวคิดภาษีบ้านเกิดเมืองนอน จึงเป็นแนวคิดที่มองจากฐาน และสถานการณ์ในปัจจุบัน ต่อไปยังอนาคต เพื่อเป็นตัวช่วยพัฒนาท้องถิ่น ประชาชนเลือกบริจาคโดยตรง เพื่อสนับสนุนท้องถิ่นใดก็ได้ นำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ ผู้บริจาคในญี่ปุ่นจะได้รับของขวัญแทนคำขอบคุณ ท้องถิ่นที่ได้รับเงินบริจาคจะส่งสินค้าในพื้นที่เป็นของสมนาคุณให้กับผู้บริจาค
ยกตัวอย่าง เมืองอาวาจิ จังหวัดเฮียวโงะ ถ้าคุณบริจาคภาษี 1 แสน 2 หมื่นเยน หรือประมาณ 3 หมื่น 1 พัน 5 ร้อยบาท จะได้รับเนื้ออาวาจิของท้องถิ่นเป็นของสมนาคุณ เมืองโอดาเตะ จังหวัดอากิตะ ถ้าบริจาคภาษี 6 หมื่น 5 พันเยน หรือประมาณ 1 หมื่น 7 พันบาท จะได้รับข้าวขาวใหม่จำนวน 10 กิโลกรัม เป็นของสมนาคุณ โดยจะจัดส่งให้ช่วงตุลาคม และมีนาคม
เมืองอุมิ จังหวัดฟุกุโอกะ ที่พวกเราเคยไปเที่ยวกันบ่อย ถ้าบริจาคภาษี 1 หมื่นเยน หรือ 2 พัน 6 ร้อยบาท จะได้รับสตรอว์เบอร์รีท้องถิ่นจำนวน 1 กิโลกรัมครึ่ง ตอบแทน
ทั้งนี้ นอกจากผลผลิตทางการเกษตร ข้าว ผัก ผลไม้ อาหารทะเล เนื้อสัตว์ ไข่ไก่แล้ว ของสมนาคุณในท้องถิ่นยังมีความหลากหลาย เช่น เหล้าสาเก ขนม ชาหวาน ขนมหวาน เครื่องปรุง แพ็กเกจท่องเที่ยว ของที่ระลึก เครื่องสำอาง เครื่องหนัง เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยเหลือผู้ผลิตในท้องถิ่น กระตุ้นให้เกิดมีการแข่งขันและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ รูปแบบของการใช้ภาษีบ้านเกิดเมืองนอน ยังมีการพัฒนารูปแบบให้หลากหลาย ไม่จำกัดเฉพาะการบริจาคภาษีเพื่อแลกกับสินค้าท้องถิ่นเป็นของสมนาคุณ แต่ยังมีรูปแบบของการระดมทุนภาครัฐ (Crowdfunding) จากภาษีบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อเสนอโครงการต่างๆ มาพัฒนาสิ่งต่างๆ รวมทั้งการจัดการปัญหาภายในท้องถิ่น การระดมทุนของภาครัฐมาจากภาษีบ้านเกิดเมืองนอน แต่มีการประสานงานกันระหว่างหน่วยงานท้องถิ่นหลายๆ แห่งเข้าด้วยกัน เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน เช่น ตำบลโน้นมาร่วมมือกับตำบลนี้ พัฒนาโครงการใหม่ จัดงานวิ่งมาราธอน สร้างพิพิธภัณฑ์ จัดการปัญหาขยะ ปัญหาการจัดการน้ำ ปัญหาการคมนาคม ซึ่งในญี่ปุ่นนั้นมีหน่วยงานท้องถิ่น มีการคิดโครงการขึ้นมาแก้ปัญหาเฉพาะ พร้อมกับกำหนดงบประมาณขึ้นมาระดมทุนจากเงินภาษีบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อดึงดูดให้คนบริจาคเงินภาษี
เขามีโครงการที่เรียกว่า Airport Spa มูลค่า 100 ล้านเยน หรือ 26 ล้านบาท ของเมืองโทกาชิ จังหวัดฮอกไกโด ท่านผู้ชมรู้จักฮอกไกโดดีใช่ไหม ซัปโปโร ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวใกล้กับสนามบิน ห่างจากสนามบินเพียง 15 นาที เพื่อแก้ปัญหาในเมืองขาดแหล่งท่องเที่ยว ทำให้สภาพธุรกิจไม่ค่อยคึกคัก ไม่มีการจ้างงาน คนในท้องถิ่นขาดรายได้ โครงการพวกนี้ก็จะเกิดขึ้นมาทันที มาสนับสนุน
เพราะฉะนั้นแล้ว เคล็ดลับของความสำเร็จของ Hometown Tax หรือ ภาษีบ้านเกิดเมืองนอน ได้รับความสนใจ เพราะ หนึ่ง เป็นทางเลือกให้กับผู้เสียภาษี แบ่งภาษีเงินได้ส่วนหนึ่งให้กับท้องถิ่นอื่นได้ สนับสนุน ช่วยเหลือ หรือตอบแทนบ้านเกิดตัวเองได้โดยตรง สมมุติคุณเป็นคนโคราช หรือคุณเป็นคนบุรีรัมย์ คุณทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ คุณต้องเสียภาษีเท่านี้ คุณจะเอาส่วนที่เสียภาษีส่วนกลางส่วนหนึ่งมาคืนให้บุรีรัมย์ เอามาคืนให้โคราช จะทำให้ประชาชนรู้สึกมีส่วนร่วมในการจัดทำบริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากขึ้น กระตุ้นการแข่งขันระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อจัดทำและพัฒนาบริการสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ (นี่พูดถึงญี่ปุ่นนะ) โดยรัฐบาลญี่ปุ่นออกแบบนโยบายให้ทุกคนเข้าใจและใช้งานง่าย ภาครัฐและเอกชนสามารถร่วมกันเอาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยขับเคลื่อนนโยบายเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ อำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง นำไปต่อยอดเป็นช่องทางระดมเงินทุนเพื่อพัฒนาท้องถิ่น เช่น สนับสนุนให้คนในท้องถิ่น คนรุ่นใหม่ มีธุรกิจสมัยใหม่ คือ Start Up สร้างมูลค่าเพิ่มกับท้องถิ่นทั้งด้านสินค้าและบริการ
สรุปแล้ว นโยบายภาษีบ้านเกิดเมืองนอน เป็นนโยบายการกระจายงบประมาณ กระจายเงินลงสู่ท้องถิ่นเพิ่มขึ้น ซึ่งถ้าพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล ถ้าเป็นนโยบายของเขา เขาต้องแก้ไขกฎหมายให้ประชาชนและบริษัทห้างร้านต่างๆ ที่เป็นผู้เสียภาษี มีสิทธิกำหนดได้ว่าภาษีที่ชำระทุกปีนั้น ผู้เสียภาษีต้องการจะนำไปพัฒนาที่จังหวัดใด อำเภอใด ตำบลใด ภาษีนี้เขาก็เลยเรียกว่า "ภาษีบ้านเกิดเมืองนอน"
ท่านผู้ชมครับ ภาษีบ้านเกิดเมืองนอน เป็นเรื่องที่สำคัญ มันฟังดูยังคลุมเครืออยู่ แต่ถ้าอธิบายให้ดีๆ แล้ว มันเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการพัฒนาท้องถิ่น และมันดูยุ่งยาก แต่ไม่ยุ่งยาก ถ้าเรามาแก้ไขกฎระเบียบ ข้อบังคับ ก็จะได้รู้ว่าเงินที่จ่ายไปเป็นภาษีนั้น เอาไปใช้อะไรบ้าง และนี่คือการคืนสิทธิ์ในการเลือกให้ประชาชน เอาประชาชนเป็นใหญ่ ให้ผู้จ่ายภาษีได้เลือกว่าเขาพอใจจะเอาภาษีนั้นไปพัฒนาจังหวัดไหน ในอัตราไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์ ของแต่ละคนที่จ่าย
สมมุติว่าคุณมีภาษีต้องจ่ายปีนี้ 3 แสนบาท คุณมีสิทธิ์อยู่ 9 หมื่นบาทใน 3 แสนบาทที่จะจ่ายนี้ เอาไปลงจังหวัดไหนก็ได้ บ้านเกิดคุณ คุณก็เอาไปลงเลย นี่คือไอเดียที่ต่อยอดจากภาษีบ้านเกิดของญี่ปุ่นที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2551 ท่านผู้ชมครับ คนญี่ปุ่นชื่นชมมาก นอกจากเขาเลือกได้ว่าเงินภาษีจะให้กับจังหวัดไหนแล้ว ยังจะได้รับของตอบแทนในการเสียภาษี ยกตัวอย่างเรื่องภาษีบ้านเกิดเมืองนอนที่ญี่ปุ่นอีกครั้งหนึ่ง
ครั้งหนึ่งมีการเกิดอุทกภัย ดินถล่มฉับพลัน หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เมืองคุมาโมโตะ จังหวัดคุมาโมโตะ เขาพบว่าปัญหาการช่วยเหลือผ่านหน่วยงานราชการต้องใช้เวลาพิจารณาหลายขั้นตอนกว่าจะได้เงิน ท้องถิ่นก็เลยระดมเงินทุนช่วยเหลือ แล้วได้รับเงินจากภาษีบ้านเกิดมาถึง 570 ล้านเยน ท่านผู้ชมครับ ถ้าเอาประเทศไทยมาเปรียบเทียบ ถ้านโยบายนี้สำเร็จ เราจะเห็นเมืองรอง จังหวัดทางผ่านทั้งหลาย เช่น พิจิตร ชัยภูมิ อ่างทอง ระนอง เจริญขึ้นอย่างผิดหูผิดตา เนื่องจากชาวบ้านที่แยกย้ายจำใจจากบ้านไปหาเงิน หาโอกาส ทำงานในเมืองใหญ่ แล้วเขาต้องเสียภาษีให้กับส่วนกลาง แต่ถ้ามีกฎหมายอนุญาตให้เขาใช้ 30 เปอร์เซ็นต์ ของเงินที่เขาต้องเสียภาษีนั้น เขาก็ส่งเงินภาษีกลับมาดูแลบ้านเกิดได้อย่างเต็มที่ เป็นการปลุกสำนึกรักบ้านเกิดภาคปฏิบัติที่ทุกคนทำได้ง่ายๆ และนี่คือที่มาของ "ภาษีบ้านเกิดเมืองนอน" ที่พรรคภูมิใจไทยคิดที่จะเสนอขึ้นมา
ท่านผู้ชมครับ เอาเป็นความรู้ประดับ คิดสะระตะให้ดีๆ ว่ามีเหตุมีผลไหม ที่ญี่ปุ่นทำได้ประสบผลสำเร็จมาก ไม่มีเหตุผลอะไรที่เมืองไทยจะทำไม่ได้ และสถานภาพของโครงสร้างประชากรของญี่ปุ่นกับไทยนั้น ไทยกำลังเดินตามรอยเท้าญี่ปุ่น ก็คือว่าประชากรจะเริ่มลดน้อยลงแล้ว แล้วตำบลต่างๆ แม้กระทั่งอำเภอ ก็จะเริ่มรกร้าง แต่ถ้ามีเงินพวกนี้กลับไปสู่บ้านเกิดเมืองนอน ก็สามารถที่จะใช้เงินก้อนนี้เอามาพัฒนาอำเภอ เอามาสร้างงานให้ ให้คนรุ่นใหม่ไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านเกิดเมืองนอนไปทำงานในเมือง สามารถจะทำงานใหม่ๆ ที่เงินภาษีก้อนนี้เอามาสร้างโครงสร้างในงานให้เกิดขึ้นได้
เดิมทีอาทิตย์นี้ผมจะพูดเรื่องเกี่ยวกับ Forex-3D บิทคับ (Bitkub) และ ซิปเม็กซ์ (Zipmex) ซึ่งจะมีลักษณะพฤติกรรมคล้ายๆ กัน แตกต่างกันแค่วิธีการ แต่เนื่องจากว่าอาทิตย์นี้มีเรื่องด่วนหลายเรื่อง และเรื่องศาลรัฐธรรมนูญชี้ให้ท่านนายกฯ ต้องหยุดทำงาน ก็เป็นเรื่องหนึ่ง ตลอดจนอีกหลายๆ เรื่องที่มีความจำเป็นต้องพูด ก็เลยขอย้ายเรื่องนี้ อุทาหรณ์จาก Forex-3D บิทคับ และ ซิปเม็กซ์ ไปอาทิตย์หน้าแทน
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กรณีแชร์ลูกโซ่ Forex-3D กลับมาสู่ความสนใจของประชาชนอีก หลังจากวันที่ 18 สิงหาคม ได้มีการดำเนินคดี ฟ้องศาล มีดาราชื่อดัง เช่น พิงกี้ สาวิกา ไชยเดช รวมทั้งมารดา สรินยา ไชยเดช พี่ชาย กิตติเชษฐ์ หรือ สรายุทธ ไชยเดช ส่งเข้าเรือนจำแล้วไม่ได้รับการประกันตัว
ในคำฟ้องนั้นมีอยู่หลายอย่าง ซึ่งผมไม่อ่านให้ฟังก็แล้วกัน แต่สิ่งที่ผมจะพูดคือรายละเอียด เรื่องนี้ผมเคยมาพูดผ่านรายการนี้เมื่อ 2 ปี 9 เดือนที่แล้ว อย่างละเอียด ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 ลองไปหาย้อนฟังกันได้
ทราบว่าสัปดาห์ที่ผ่านมามีคนย้อนกลับไปดูแล้วหลายคน แทบจะไม่เชื่อว่าเป็นข้อมูลเก่าที่ผมพูดเอาไว้เกือบสามปีมาแล้ว นอกจากนี้ คนที่เล่นโซเชียลยังตัดคลิปลงในยูทูบ เฟซบุ๊ก ไลน์ TikTok จนมีผู้ชมหลายล้านคน 4-5 ล้านคน
ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ผมยังมีข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลังพอสมควร ผมกำลังค้นคว้าเพิ่มเติมว่านายอภิรักษ์ เอาเงินไปซ่อนไว้กับใครบ้าง ข้อมูลจะค่อยๆ มาทีละนิดๆ แล้วผมจะเปิดอีกทีเมื่อผมพร้อม
ประเด็นที่ผมอยากจะพูดวันนี้ ที่จะกล่าวเตือน คือหลายปีที่ผ่านมานี้เกิดปรากฏการณ์ที่น่าเป็นห่วงมากๆ คือขบวนการทำมาหากินกับความโลภของผู้คน ซึ่งอาจจะมีปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจการเงิน ดอกเบี้ยต่ำ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ในภาพรวมแล้วคือกระบวนการทำมาหากินกับความโลภของคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่มีปัจจัย สิ่งแวดล้อมในเรื่องของโซเชียลมีเดีย สื่อสังคมออนไลน์ ที่เข้าสู่ผู้คนได้จำนวนมาก
ท่านผู้ชมครับ คนที่ไม่มีพื้นฐานอะไร ไม่มีความรู้ ไม่มีการศึกษา ไม่มีประสบการณ์ด้านการลงทุน อยู่ดีๆ มาอุปโลกน์อะไรขึ้นมาหลอกลวงคนให้เข้ามาร่วมลงทุน เข้ามาเป็นเครือข่ายในการหลอกลวงได้จำนวนมาก ขบวนการหลอกลวงนี้เกี่ยวข้องกับการสร้างภาพลักษณ์ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ การศัลยกรรม ทำจมูก ทำหน้า ทำตา ทำนม ให้ตัวเองดูดี ดูสวย ดูหล่อ ดูรวย ดูมีเงิน ไลฟ์สไตล์หรูหรา ขบวนการหลอกลวงนี้จะต้องเกี่ยวพันกับการฟอกเงิน ไม่ว่าจะเป็นรถหรู คอนโดหรู บ้านหรู อสังหาริมทรัพย์ กระเป๋าหรู เครื่องบินส่วนตัว
ช่วงนี้มีขบวนการสร้างภาพบ่อยครั้งเป็นพิเศษจนน่าตกใจ น่าตกใจมากท่านผู้ชม กรณีข้อที่หนึ่งที่ผมยกตัวอย่างให้ฟัง อาหารเสริมพรีมายา สัปดาห์ที่ผ่านมา "พรีมายา" ชื่อนี้ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างโดยสังคมออนไลน์ จนหลายสำนักข่าวนำเสนอต่อเนื่อง
เนื่องจากมีการกล่าวถึงสาวรายหนึ่งประสบความสำเร็จจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมช่วยควบคุมน้ำหนัก เจ้าของ หรือแม่ข่ายคนนี้ เอาเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง รูปร่างอ้วนท้วน มาถ่ายรูปคู่ซูเปอร์คาร์ โพสต์ลงโซเชียล ว่า จากเงินก้อนสุดท้ายอยู่หกพันบาท นำมาลงทุน ใช้เวลาสามเดือน ได้กำไรสิบห้าล้านบาท คนก็เลยสงสัย ไปขุดค้นความจริงว่า เด็กผู้หญิงคนหนึ่งใช้เงินหกพันบาท อยู่ดีๆ ทำไมสามเดือนกำไรสิบห้าล้านบาท จนไปซื้อรถยนต์ Porche ได้อย่างไร
เมื่อค้นดูแล้ว เด็กคนนี้ยังไม่ได้ซื้อรถ ส่วนบริษัทพรีมายาซึ่งเป็นแม่ข่ายขายอาหารเสริม และมีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท กลับแจ้งกระทรวงพาณิชย์ว่า รายได้ทั้งปีมีแค่ 33 ล้านบาท กำไร 8 ล้านบาท เท่านั้น
ท่านผู้ชมครับ ผมฟันธงได้เลย บริษัทพรีมายา คือบริษัทที่หลอกลวงประชาชน ผมอยากให้เจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจไซเบอร์ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงประชาชนโดยผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ไปเช็กบริษัทพรีมายา แล้วโยงเอารูปนี้กลับเข้าไป นี่คือเจตนาฉ้อโกงประชาชน จับไปเลยทันที อย่าให้มันได้ขยับ ใครก็ตามที่เป็นเจ้าของบริษัทพรีมายา
กรณีที่สอง ยูทูปเบอร์คนหนึ่ง ชื่อ นัตตี้ ลีอาห์ แชร์เทรดหุ้นโกง 2 พันล้านบาท 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา ผู้เสียหายนับร้อยคน พร้อมทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ เข้าแจ้งความกองปราบฯ ให้ดำเนินคดีกับน้องนัตตี้ ลีอาห์ หรือ นัทธมณ คงจักร์ 29 ปี มีมูลค่าความเสียหาย 2 พันล้านบาท มีคนเสียหายถึง 6 พันกว่าคน ผู้เสียหายบอกว่าหลงเชื่อเพราะมีโพรไฟล์น่าเชื่อถือ ทำให้รู้จักศิลปินดารา เขารู้จักศิลปินดาราหลายคน ทำให้หลงเชื่อ
นัตตี้ ลีอาห์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ สาขาสื่อสารการแสดง จาก ม.รังสิต โด่งดังมาในฐานะเป็นเน็ตไอดอลสายแดนซ์ บนแพลตฟอร์ม Social Cam ชื่นชอบเพลงเกาหลี ไปเดบิวต์เป็นศิลปินเกาหลีมาก่อนหน้านี้ ผันตัวเองมาเป็นยูทูปเบอร์ ใช้ชื่อว่า Nutty's Diary มีผู้ติดตาม 8 แสนกว่าคน คอนเทนต์ในช่องว่าด้วยวาไรตี้ความบันเทิง ทั้งร้อง เล่น เต้น เที่ยว
นัตตี้ เคยคุยไว้หลายปีก่อนว่าเป็นคนค่อนข้างมีฐานะ เคยทำธุรกิจคาราโอเกะ มีรายได้ตกเดือนละ 2 ล้านบาท อ้างว่าเก็บเงินในบัญชีได้ 50-100 ล้านบาท แต่ไม่เคยถึง เพราะนำไปเล่นหุ้น หรือไม่ก็ให้คนอื่นยืมหมด นัตตี้ ก็เลยหาจุดได้แบบรวยทันตากับเหยื่อที่โลภ โปรดสังเกต ผมเน้นคำว่า "โลภ" หวังจะลงทุนหุ้นแต่ไม่มีความรู้ ก็เลยเกิดขบวนการรับฝากเทรดหุ้น โดยมีผู้เสียหายจำนวน 6 พันราย ส่วนใหญ่ก็บอกว่านัตตี้ มีโพรไฟล์ดี จบ ม.รังสิต เคยไปเดบิวต์ที่เกาหลี แล้วก็อ้างว่าตัวเองร่ำรวย รู้จักศิลปินดาราหลายคน แล้วคุยโวว่าปันผลได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ต่อเดือน ก็เริ่มมีภาพอู้ฟู่ ใช้จ่ายเงินมือเติบอวดทางโซเชียล ปรากฏว่าก็มีคนถูกหลอกเริ่มเอะใจ แชร์ขาดส่ง ผลตอบแทนเคยสัญญาไว้ว่าจะให้ พอทวงไปก็เงียบหาย เจ้าตัวหายหัว
ท่านผู้ชมครับ นัตตี้ ทำมาหากินกับความโลภของมนุษย์ ยัยนี่ต้องจับเข้ามาติดคุกติดตารางให้เข็ด เป็นเด็กเป็นเล็ก อายุ 29 ปี คิดกระบวนการ Scheme ในการหลอกลวงประชาชน
ท่านผู้ชมครับ ผมหวังว่าตำรวจจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ให้ลอยนวล และผมเชื่อว่าทางดีเอสไอคงจะมีข่าวมาเร็วๆ นี้ว่า ทางดีเจแมน กับ ใบเตย อาร์สยาม จะโดนตั้งข้อหาด้วยหรือไม่ ผมพอจะรู้อยู่ในใจแล้วว่าใคร แต่อย่าให้ผมพูดเลย
ยัยนัตตี้ ต้องจับมาติดคุก ยัยที่ขายอาหารเสริมแล้วไปหลอกเอาเด็กมาใส่กางเกงขาสั้น อ้วนๆ แล้วไปถ่ายรูปหน้า Porche ก็ต้องจับมา โฆษณาชวนเชื่อ โกหกหลอกลวง ผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ต้องเอาติดคุกให้หมด
นี่กรณีที่สาม บริษัทหลอกลงทุนเหมืองคริปโตฯ มาอีกแล้ว นำเหยื่อสูญพันล้าน ทุนจดทะเบียน 5 แสน แม้กระทั่งเมียของนายพลคนหนึ่งก็โดนด้วย เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เชียงใหม่ ถูกหลอกให้ร่วมลงทุนในบริษัท แต่ละคนได้รับความเสียหาย 3 หมื่นบาทบ้าง แสนบาทบ้าง บางคนหลักล้าน ทั้งหมดนี้ไปร้องเรียนที่เชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำรวจภูธรภาค 5 ขอให้รับเป็นกรณีพิเศษ
นี่เป็นตัวอย่างเล็กๆ เป็นอุทาหรณ์ที่เราได้จากธุรกิจที่หากินกับความโลภ หากินกับความไม่รู้ของคน ธุรกิจที่ปั้นอากาศให้เป็นเงิน เหมือนธุรกิจปั้นเหรียญ เหรียญอะไรก็ไม่รู้เอาขึ้นมา แล้วก็ให้คนซื้อขายเหรียญนี้ ไม่มีพื้นฐานเลยแม้แต่นิดเดียว ลักษณะเหมือนกัน แต่วิธีการไม่เหมือนกัน นี่คือปฐมบทที่ผมจะพูดต่อในสัปดาห์หน้า ผมจะอธิบายให้ฟังตั้งแต่ Forex-3D จนถึงธุรกิจคริปโตฯ ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน รวมไปจนถึงคุณท็อป บิทคับ และ ซิปเม็กซ์ ด้วยครับ
ท่านผู้ชมครับ มีเรื่องๆ หนึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม 2565 เรื่องนี้น่าจะเป็นชนวนที่จุดขึ้นมา แล้วก็ทุกคนยังเดาไม่ออกว่าผลจะเกิดอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ ถ้าดูสไตล์ของวลาดิมีร์ ปูติน แล้ว เรื่องนี้เขาต้องเอาคืนแน่นอน และท่าทางจะเอาคืนหนักด้วย แต่วิธีการเอาคืนนั้นยังเดาไม่ออก
เสาร์ที่ 20 สิงหาคม เมื่อประมาณสักเจ็ดวันที่แล้ว มีผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อ ดาร์ยา ดูกินา ซึ่งพ่อเขาชื่อ อเล็กซานเดอร์ ดูกิน เขาเป็นคนที่แหล่งข่าวอ้างว่าเป็นมันสมองของวลาดิมีร์ ปูติน เธอขับรถแลนด์ครุยเซอร์อยู่ แล้วรถเธอระเบิดขึ้นมา อยู่ด้านรอบนอกของกรุงมอสโก เธอขับรถแลนด์ครุยเซอร์ ซึ่งคันนี้เป็นรถของพ่อเธอ ซึ่งเป็นที่ปรึกษา เป็นมันสมองของปูติน แต่วันนั้นหลังจากออกจากงานแล้ว เธอกับพ่อของเธอแยกกันไปคนละคัน โดยที่เธอขับรถพ่อของเธอไปแทน ชิ้นส่วนของรถคันนี้ระเบิด ไฟลุกไหม้
ก็ปรากฏว่ามีการสืบสวนของเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของรัสเซีย ที่เขาเรียกว่า FSB เขาคาดว่ามีการตั้งวัตถุระเบิดในรถ มีการระบาดขณะกำลังแล่นด้วยความเร็วสูง ผู้ตายอายุ 29 ปี คือ ดาร์ยา ดูกินา
มีแหล่งข่าวในรัสเซีย คือ อังเดร คราสนอฟ เป็นประธานกลุ่มเคลื่อนไหวทางสังคม และเป็นเพื่อนของผู้ตาย ได้ยืนยันว่ามีระเบิดจริง เขาบอกว่า ปกติแล้ว ดาร์ยา จะขับรถยนต์อีกคันหนึ่ง แต่วันนี้มาเปลี่ยนขับรถยนต์ของพ่อ ส่วนพ่อไปอีกเส้นทางหนึ่ง คือเขาตั้งใจที่จะฆ่าทั้งคู่ หรือฆ่าอเล็กซานเดอร์ แต่ว่าเผอิญกลายเป็นลูกสาวตายแทน
มีรายงานข่าวว่า ดูกิน กับลูกสาว ไปร่วมงานอีเวนต์ที่ชานกรุงมอสโก ตอนแรกจะเดินทางกลับด้วยกัน แต่ตัดสินใจแยกกันในนาทีสุดท้าย ก็ปรากฏว่าเธอก็ต้องรับเคราะห์ไป ข่าววงในของรัสเซียเชื่อว่า ระเบิดครั้งนี้เป็นฝีมือของรัฐบาลยูเครน เช่นเดียวกับผู้นำของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ ที่เชื่อว่านี่เป็นการสังหารโดยฝีมือรัฐบาลยูเครน
เจ้าหน้าที่สืบสวนระบุว่า ทำคดีนี้เป็นคดีฆาตกรรมและพิสูจน์หลักฐานอยู่ตอนนี้
อเล็กซานเดอร์ ดูกิน เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่สื่อมวลชนตะวันตก ว่ามีมุมมองของเขาคือมุมมองชาตินิยม ขวาจัดสุดโต่ง พร้อมขนานนามว่าเป็นรัสเซียนฟาสซิสต์ (Russian Facist) และเป็นมันสมองของปูติน เขาเห็นด้วยและสนับสนุนการขยายอำนาจตามนโยบายต่างประเทศของวลาดิมีร์ ปูติน
อิทธิพลที่ดูกิน มีต่อผู้นำรัสเซีย ถูกคาดเดาไปต่างๆ นานา ผู้สังเกตการณ์บางคนก็บอกว่า อิทธิพลของดูกิน ที่มีต่อวลาดิมีร์ ปูติน นั้นสูงมาก แต่อีกฝ่ายหนึ่งก็บอกว่า ไม่มากเท่าไรนัก
เรามาดูอเล็กซานเดอร์ ดูกิน กันนิดหนึ่ง ท่านผู้ชมครับ อเล็กซานเดอร์ ดูกิน เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2505 เขาอายุ 60 ปี เขาเป็นนักปรัชญาทางการเมือง นักวิเคราะห์ นักยุทธศาสตร์ที่มองในมุมฟาสซิสต์ ดูกิน เกิดและเติบโตในครอบครัวที่คลุกคลีในแวดวงข่าวกรองทางการทหาร ต่อมาเขาก็ร่วมกับฝ่ายต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ในช่วงทศวรรษที่ 1980 เขาเป็นผู้ที่ร่วมก่อตั้งพรรคการเมือง ชื่อพรรค National Bolshevik ก่อนพรรคจะยุบไปในปี 2540
เขาได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า In Foundations of Geopolitics หรือภาษาไทยเรียกว่า พื้นฐานของภูมิรัฐศาสตร์ เขาพูดถึงมุมมองต่อโลกและแผ่อิทธิพลผ่านพันธมิตรและการครอบครองดินแดนเพื่อต่อต้านการขยายจักรวรรดิของอเมริกา ในช่วงปี 2552-2557 เขาดำรงตำแหน่งคณบดีคณะสังคมศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอสโก นอกจากนี้ ยังเป็นบรรณาธิการบริหารของสื่อทีวีที่เชียร์เครมลิน คือ Tsargrad TV
แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง ดูกิน กับ วลาดิมีร์ ปูติน จะไม่ได้เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนนัก รู้แต่ว่าเขาเป็นเหมือนที่ปรึกษาและคนใกล้ชิดอย่างไม่เป็นทางการ แต่รัฐบาลเครมลินมักจะกล่าวถึงงานเขียนของ ดูกิน ในสื่อของรัฐบาลรัสเซียอยู่เสมอ ดูกิน มีบทบาทในการผลักดันแนวคิด Novorossiya หรือ New Russia หรือ รัสเซียใหม่ ที่ใช้ในการสร้างความชอบธรรมในการผนวกแหลมไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในปี 2557
ส่วน ดูกินา ลูกสาวของเขานั้น เป็นผู้สนับสนุนแนวคิดเหยี่ยว ในฐานะเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์และวิเคราะห์เหตุการณ์ ผ่านสถานีโทรทัศน์ Tsargrad ซึ่ง ดูกิน เป็นบรรณาธิการบริหารอยู่
ดาร์ยา ดูกินา ยังเป็นบุคคลสำคัญในบัญชีรายชื่อที่ทางการสหรัฐอเมริกาออกมาตรการลงโทษในเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา จากบทบาทของเธอในเว็บไซต์ที่ทางการสหรัฐฯ ชี้ว่าเป็นแหล่งข่าวที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับรัสเซีย และ ยูเครน ส่วน ดูกิน พ่อของเธอนั้นมีรายชื่อเป็นบุคคลที่ถูกรัฐบาลสหรัฐฯ คว่ำบาตร แซงก์ชัน ตั้งแต่ปี 2558 แล้ว โทษฐานที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการรุกรานยูเครนและผนวกไครเมียเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย
แล้วใครล่ะเป็นมือสังหาร ? จากการสืบสวนของหน่วยสืบราชการลับรัสเซีย พบว่าผู้ที่ลอบสังหาร ดาร์ยา ดูกินา ลูกสาวของอเล็กซานเดอร์ ดูกิน น่าจะเป็นหญิงสาวชาวยูเครน วัย 43 ปี ชื่อ นาตาเลีย ว็อก (Natalia Vovk)
เธอได้อพยพเข้ามาในรัสเซียพร้อมลูกสาววัย 12 ขวบ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา นาตาเลีย ได้เช่าอพาร์ตเมนต์ในอาคารเดียวกันกับลูกสาวของ ดูกิน เพื่อติดตามและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเธอในวันที่เกิดคาร์บอมบ์ขึ้นมา
หน่วยสืบราชการลับของรัสเซีย คือ FSB ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นาตาเลีย ว็อก เป็นทหารของกองพันอาซอฟ ที่แฝงตัวเข้าไปอยู่ในรัสเซีย ซึ่งเปิดให้มีการอพยพช่วงนั้น เปิดให้มีการอพยพชาวยูเครน โดยเธอผ่านเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศรัสเซียด้วยระบบการคัดกรองที่หละหลวม
ผมจะเตือนความจำท่านผู้ชมในเรื่องของกองพันอาซอฟหน่อย ผมเคยพูดมาแล้ว กองพันนี้เป็นกองพันนีโอนาซี คือยึดถือแนวทางความรุนแรงแบบลัทธินาซีในเยอรมนีเก่า
ผมเคยเล่าย้อนให้ฟังสั้นๆ ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" กองพันอาซอฟ เป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษอาซอฟ เป็นกลุ่มหัวรุนแรงฝ่ายขวาและกลุ่มนาซีใหม่ในหน่วยกองกำลังรักษาความปลอดภัยแห่งชาติของยูเครน กลุ่มนี้มีฐานอยู่ที่เมืองมาริอูโปล ซึ่งถูกรัสเซียโจมตีและยึดคืนมาแล้ว ซึ่งเมืองในภูมิภาคทะเลอาซอฟ และเป็นที่รวมตัวของกลุ่มที่เชียร์ฟุตบอลแบบหัวรุนแรง
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2557 เมื่อเกิดสงครามความวุ่นวายในยูเครน ความพยายามแยกตัวของแคว้นดอนบาส ตามด้วยการรุกรานของรัสเซีย กลุ่มแฟนบอลหัวรุนแรงเหล่านี้ก็หันมาฝึกฝนอาวุธจากการฝึกของพวกหน่วย CIA, MI-6, MI-5 ของอังกฤษ ขึ้นมาเป็นหน่วยรบ และหน่วยนี้ทำการต่อสู้กับกองกำลังแบ่งแยกดินแดนของรัสเซียในแคว้นดอนบาส ปี 2557 เขาต่อสู้แล้วเขาก็ยึดเมืองมาริอูโปลจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่เคยเป็นเจ้าของมาริอูโปลอยู่
ต่อมาในช่วงปลายปี 2557 กองกำลังดังกล่าวถูกรวมเข้าไปในกองกำลังรักษาความปลอดภัยแห่งชาติยูเครน ตั้งแต่นั้นมา สมาชิกทั้งหมดเป็นทหารที่ประจำการในกองกำลังรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ได้รับเงินเดือนเหมือนกับทหารทั่วไป
ในปี 2557 กองพันอาซอฟกลายเป็นจุดสนใจ หลังจากถูกกล่าวหาว่าทรมานและก่ออาชญากรรมสงคราม รายงานที่ตีพิมพ์โดยข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้เชื่อมโยงกองพันอาซอฟ กับอาชญากรรมทางสงคราม เช่น การปล้นสะดม การกักขังโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และการทรมาน
นาตาเลีย ว็อก ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่า ดาร์ยา ดูกินา เดินทางมาถึงรัสเซียเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พร้อมลูกสาววัย 12 ขวบ เธอเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ใกล้กับที่พักของ ดาร์ยา ดูกินา ในมอสโก เพื่อสอดแนมเธอ เธอขับรถมินิคูเปอร์มือสอง ที่เธอขับเข้ามานั้นใช้ป้ายทะเบียน 3 แบบ มีใบอนุญาตจากโดเนตสก์ คาซัคสถาน และยูเครน
มีหลักฐานว่า ว็อก และลูกสาวของเธอ เข้าร่วมงานเทศกาลที่พ่อของ ดูกินา คือ อเล็กซานเดอร์ ดูกิน กำลังปราศรัยอยู่ หลังจากปฏิบัติการเสร็จ นาตาเลีย ว็อก และลูกสาว ก็ขับรถจากมอสโก ไกลหลายร้อยกิโลเมตร หลบผ่านเมืองปาสคอฟ ทางตะวันตกของรัสเซีย ไปยังประเทศเอสโตเนีย ซึ่งอยู่ติดกับรัสเซีย
ท่านผู้ชมครับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ คนที่อยู่ในรัสเซีย เจ้าหน้าที่ต่างๆ พากันพูดกันว่า ถ้าเธอยังต้องการมีชีวิตอยู่ เธอไม่ควรจะไปที่เอสโตเนีย เธอควรจะไปที่สถานทูตรัสเซีย และมอบตัวเสีย เหตุผลเพราะว่า คนอย่างเธอนั้นอาจจะต้องถูกหน่วยสืบราชการลับของยูเครน ซึ่งจริงๆ แล้วเบื้องหลังของเธอก็คือหน่วยสืบราชการลับของยูเครนซึ่งสนับสนุนเธออยู่ สายลับของยูเครนที่เป็นมือสังหาร คือ นาตาเลีย ว็อก ทางรัสเซีย FSB หน่วยสืบราชการลับ ก็ได้ข้อมูลชัดเจนว่าผู้หญิงคนนี้เข้ามารัสเซียเมื่อไร อยู่ที่ไหน ทำอะไรบ้าง ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาก่อนเกิดเหตุคาร์บอมบ์ เขามีภาพเป็นหลักฐานหมดเลย
แน่นอนที่สุด ยูเครนวิ่งโร่มาปฏิเสธว่าไม่ใช่ฝีมือของหน่วยสืบราชการลับยูเครน โดยที่ปรึกษาของประธานาธิบดีเซเลนสกี ออกมาปฏิเสธการเปิดเผยของ FSB ข้างต้น เพราะว่าถ้าออกมายอมรับว่าเป็นทางการยูเครนอยู่เบื้องหลัง ก็จะถูกเข้าข่ายว่าเป็นการก่อการร้ายโดยรัฐ (State Terrorism) แน่นอนที่สุด ทางฝั่งรัสเซียไม่เชื่อหรอก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย กล่าวว่า สายลับยูเครน นาตาเลีย ว็อก ที่ต้องสงสัยว่าสังหาร ดาร์ยา ดูกินา นักข่าวชาวรัสเซีย จะมีชีวิตรอดได้ก็ต่อเมื่อขอลี้ภัยในสถานทูตรัสเซีย เขาบอกว่า ถ้าเธอไม่ทำเช่นนี้ เจ้านายของเธอเอง หรือเจ้าของหน่วยสืบราชการลับของยูเครน พวก CIA, MI-5, MI-6 ก็จะกำจัดเธอในฐานะที่เป็นพยานที่เป็นอันตราย
เรื่องนี้ผมเชื่ออย่างนี้ ท่านผู้ชม ผมเชื่อว่าเหตุการณ์ลอบสังหาร วางระเบิด คาร์บอมบ์ ลูกสาวของอเล็กซานเดอร์ ดูกิน คนสนิทของปูติน ครั้งนี้ จะต้องลุกลามบานปลายจากสงครามบนดิน ขยายตัวไปสู่สงครามใต้ดิน และการลอบสังหารอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมารัสเซียไม่เคยเล่นงานใต้ดินใคร ประกาศรบ ก็รบกันบนดิน จะยิงถล่มก็ยิงถล่มคาร์คิฟ ยิงถล่มมาริอูโปล ใช้ทหารรถถังบุกเข้าไป ทางรัสเซียไม่เคยพยายามที่จะลอบสังหารเซเลนสกี และก็ไม่ได้แตะต้องเมืองเคียฟด้วย แต่เมื่อฝั่งยูเครนหันมาใช้ปฏิบัติการสายลับเพื่อลอบสังหารบุคคลต่างๆ ในรัสเซีย ผมคิดว่าหน่วยสืบราชการลับรัสเซียก็มีศักยภาพที่จะตอบโต้แบบตาต่อตาและฟันต่อฟัน
อาจจะเป็นไปได้ที่เรื่องนี้อาจจะเป็นแรงจูงใจที่ทำให้ วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ตัดสินใจถล่มเมืองหลวง เคียฟ เพราะก่อนหน้านั้น เมืองหลวง เคียฟ รอดพ้นจากการถล่มจากรัสเซีย เพราะว่ารัสเซียมีความรู้สึกว่าเมืองหลวงเคียฟมีสิ่งก่อสร้างที่สวยงาม และมีความเป็นโบราณสถานอยู่บางส่วน เขาไม่อยากจะทำร้าย ทำลาย แต่ท่านผู้ชมลองสังเกต ช่วงหลังๆ นี้ ผมเชื่อว่าจะเริ่มมีการทำร้าย ทำลายยูเครน โดยใช้เมืองเคียฟเป็นตัวทดลอง
ที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง อเมริกาได้แจ้งให้พลเมืองตัวเอง ที่อยู่ในกรุงเคียฟ ให้ออกเลย ให้รีบออก แล้วก็มีชาวเคียฟเยอะเลย ได้ข่าวนี้ ตกใจ แล้วเขาก็เดาเอาในทิศทางที่น่าจะเป็นไปได้ ก็คือ รัสเซียคงจะถล่มเคียฟอย่างแน่นอนที่สุด ก็เลยมีขบวนรถลี้ภัยยาวเหยียดบนถนนที่วิ่งหนีออกจากกรุงเคียฟไป เพราะฉะนั้นแล้ว สงครามตอนนี้ที่อยู่บนดิน เริ่มเพิ่มสงครามใต้ดินเข้ามาอีกอันแล้ว น่าสนใจมาก นี่เป็นความคืบหน้าที่สื่อมวลชนสายหลักของประเทศไทยไม่ค่อยได้รายงานเท่าใดนัก แต่แฟนพันธุ์แท้ FC ของ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ต้องมีความรอบรู้ในเรื่องนี้ วันนี้เราจะพูดในเรื่องของรัสเซียหลายๆ เรื่องซึ่งสำคัญมาก
ท่านผู้ชมครับ ก่อนจะจบเรื่องนี้ ผมมีความเห็นของผมส่วนตัว ปกติแล้ว ปฏิกิริยาของรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วลาดิมีร์ ปูติน จะไม่พูดอะไรเลย ท่านผู้ชมครับ วลาดิมีร์ ปูติน เป็นคนหน้าตาย โกรธ ขำขัน อารมณ์ดี หรือแค้น ไปดูได้เลยครับ หน้าของวลาดิมีร์ ปูติน จะนิ่ง ไม่มีอารมณ์อะไรทั้งสิ้น แต่ว่าเบื้องหลังของความไม่มีอารมณ์ ผมเชื่อว่าในกรณีลูกสาวของเพื่อน ที่ปรึกษาตัวเอง ตาย ด้วยฝีมือของหน่วยสืบราชการลับของยูเครน ผมว่า วลาดิมีร์ ปูติน ได้คำนวณเรียบร้อยแล้วว่าจะตอบโต้อย่างไร แล้วมันจะมาแบบที่เราไม่คาดคิดด้วย ท่านผู้ชมครับ เชื่อผมสิครับ ใจเย็นๆ มาแน่นอน เพราะฉะนั้นแล้ว ก็จะเป็นอีกบริบทหนึ่งของสงครามในยูเครนที่จะเริ่มมีความโหดเหี้่ยมอำมหิต เหมือนอย่างในหนังเป๊ะเลย ไม่มีผิดเลยครับท่านผู้ชม
วันพุธที่ผ่านมา ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ วันนี้วันที่ 26 วันพุธที่ 24 สิงหาคม เป็นวันครบรอบ 6 เดือน ของสงครามยูเครน มีการปล่อยข่าวออกมาเรื่อยๆ ว่ารัสเซียอ่อนแรงแล้ว ฝั่งยูเครนรุกกลับ ได้อาวุธจากอเมริกามาก็ยิงจรวดเข้าไปถล่มสนามบินรัสเซียในไครเมีย ได้รับความเสียหายมาก ตอนนี้รัสเซียกำลังเพลี่ยงพล้ำ ส่วนยูเครนกำลังรุกกลับ
ท่านผู้ชมครับ ประเด็นนี้ผมเคยอธิบายให้ท่านผู้ชมฟังหลายครั้งแล้วว่าเป้าหมายของ ปูติน คืออะไร ผมพูดในเรื่องนี้ก็คือ "ยุทธศาสตร์ที่แท้จริงของ ปูติน" ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 134 ในวันที่ 22 เมษายน 2565 ผมได้บอกว่า ยุทธศาสตร์ที่ลึกซึ้งของรัสเซีย โดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน วางเอาไว้ และนี่คือดอนบาส
คำถามคือทำไมล่ะ ทำไมต้องเป็นดอนบาส ? เพราะดอนบาสเป็นพื้นที่ที่มีทรัพยากรเยอะ เยอะมาก เป็นแหล่งเพาะปลูกที่ใหญ่ ที่สำคัญ มีหินดินดาน ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Shale Oil สามารถเอามาสกัดเป็นน้ำมันได้ เคยทำการสำรวจแล้วว่ามีก๊าซอยู่ประมาณ 3 ล้านล้านลูกบาศก์เมตร ปูติน ต้องการเก็บซากทรัพยากรต่างๆ เหล่านี้ไว้ในมือ รวมทั้งรอบๆ ทะเลไครเมีย ซึ่งมีก๊าซและบ่อน้ำมัน ที่สำคัญอันหนึ่ง คือ รัสเซีย และ ปูติน ต้องการยึดเมืองท่าโอเดสซา ไมโคเลียฟ มาริอูโปล เพื่ออะไร ? เพื่อกุมทะเลดำ และทะเลอาซอฟ
วันนี้ผมจะอธิบายเพิ่มเติมให้ท่านผู้ชมฟังว่าประธานาธิบดีปูติน อดีต KGB เขาเป็นนักยุทธศาสตร์ที่เชี่ยวชาญการวางแผนการรบ สงครามยูเครนที่ผ่านมา 6 เดือน รัสเซียค่อยๆ บุกยูเครนไปทีละจุดๆๆ จำได้ไหมท่านผู้ชม ตอนเริ่มแรกรัสเซียทำท่าจะบุกไปยึดเคียฟ ทำให้เซเลนสกี และยูเครน ต้องระดมทหารไปปกป้องเคียฟ พอย้ายไปปกป้องเคียฟเมื่อไร รัสเซียก็ทิ้งกำลังบางส่วนรอบๆ เคียฟ เพื่อยิงปืนใหญ่และจรวดถล่มเคียฟ แต่กำลังส่วนใหญ่ของรัสเซียก็ถอนออกมาทางภาคตะวันออกของยูเครน เพื่อยึดดอนบาส อย่างที่ผมบอก แคว้นดอนบาส
ท่านผู้ชมครับ วลาดิมีร์ ปูติน บุกยึดยูเครนทีละจุดๆ เข้าไปคุมแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญ อะไรบ้างล่ะ ? เขาคุมก๊าซ คุมน้ำมัน คุมถ่านหิน ในพื้นที่แหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่คำนวณแล้วมีมูลค่าถึง 12.4 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทย 448 ล้านล้านบาท เยอะมากท่านผู้ชม ดูเหมือนรัสเซียจะวางแผนมานานว่าควรจะยึดพื้นที่สำคัญที่มีค่าทางเศรษฐกิจทีละจุด ตั้งแต่เขายึดไครเมียมาเมื่อปี 2557 จนกระทั่งมาทำสงครามยูเครนในปี 2565 รัสเซียไม่ต้องเหนื่อยกับการยึดพื้นที่กว้างใหญ่ของยูเครนให้เสียแรง แต่เลือกยึดพื้นที่แคว้นเป้าหมายที่มีแหล่งทรัพยากรที่สำคัญของยูเครน ที่ทำเงินรายได้มหาศาลจากสัมปทานที่ยูเครนให้กับชาติตะวันตก และนี่คือเหตุผลว่าทำไมชาติตะวันตกถึงต่อต้านรัสเซียหนัก เพราะผลประโยชน์ของตัวเองถูกรัสเซียยึดคืนไปหมด
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ของอเมริกา ชี้ว่า ยูเครนมีพื้นที่แร่ธาตุหายากและโลหะถึง 117 ชนิด จากทั้งหมด 120 ชนิดในโลก ยูเครนมี 117 ชนิด นอกจากนั้น ยังเป็นแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงสำคัญของโลกอีกด้วย ขณะนี้รัสเซียยึดครองพื้นที่ที่ทำเงินรายได้ของยูเครนแล้วถึงสองในสามส่วน จากการตรวจสอบแหล่งเงินรายได้ 2,209 แห่ง ของหน่วยวิเคราะห์รัสเซีย รัสเซียควบคุมพื้นที่ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญ แยกแยะดังนี้ ผมเอารูปขึ้นให้ดูนะครับ แหล่งทรัพยากรที่สำคัญของยูเครนที่รัสเซียยึดพื้นที่ได้ มีถ่านหิน โลหะ เหล็ก ก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน เรามาดูรายละเอียดกัน
รัสเซียยึด 63 เปอร์เซ็นต์ ของแหล่งฐานหิน จำนวน 41 แห่ง 11 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำมัน 9 แห่ง 20 เปอร์เซ็นต์ ของก๊าซ จาก 27 แห่ง ยึดไปแล้ว 20 เปอร์เซ็นต์ แหล่งผลิตโพรเพน 14 แห่ง ยึด 42 เปอร์เซ็นต์ ของโลหะเหล็ก จากจำนวน 6 แห่ง 33 เปอร์เซ็นต์ ของแร่ธาตุหายาก รวมทั้งแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น ลิเทียม ไทเทเนียม เซอร์โคเนียม สตรอนเทียม ยูเรเนียม และ ทองคำ นี่ยังไม่นับรวมแร่ธาตุแห่งอนาคตที่ฝังอยู่ใต้ดินอีก
การยึดครองดินแดนยูเครนของรัสเซียมีผลโดยตรงต่อวัตถุดิบทางแร่ธาตุและด้านพลังงานทางตะวันตก มีผลเลย อย่างแน่นอนที่สุด ถ้าประเมินมูลค่าที่รัสเซียควบคุมทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของยูเครนไปแล้ว ประมาณ 12.4 ล้านล้านดอลลาร์ ไม่เท่าไรหรอกครับท่านผู้ชม 448 ล้านล้านบาท แปลว่าอะไร ? แปลว่ายูเครนจะสูญเสียรายได้จากแหล่งทรัพยากรทางเศรษฐกิจที่สำคัญ สูญเสียไป 66 เปอร์เซ็นต์ อย่างถาวร ยังไม่รวมแหล่งเพาะปลูกธัญพืชที่รัสเซียส่งออกจากแคว้นซาโปริซเซีย ที่อุดมสมบูรณ์ และที่อื่นๆ อีกมาก แม้ว่ารัสเซียยังไม่ได้ยึดแหล่งสำรองน้ำมันและก๊าซทั้งหมดมาได้ แต่ความมั่งคั่งของทรัพยากรส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียขณะนี้ คือแหล่งที่สะสมถ่านหิน ประมาณว่าถ่านหินแข็งกว่า 3 หมื่นล้านตัน มูลค่า 11.9 ล้านล้านดอลลาร์ อยู่ในพื้นที่ที่้รัสเซียควบคุมแล้ว
ด้วยเหตุนี้ รัสเซียทำให้อเมริกาและยุโรปเจ็บช้ำน้ำใจ แล้วคิดตลอดเวลาว่า แหล่งทรัพยากรที่เหลืออยู่หนึ่งในสาม จะคุ้มค่าหรือเปล่าที่จะทุ่มเทเงินและอาวุธมาให้ยูเครนต่อสู้กับรัสเซีย และทำลายเล่น หรือดูท่าแล้วยุโรปจะหมดแรงก่อน
ท่านผู้ชมครับ ยุทธศาสตร์ของรัสเซีย และ วลาดิมีร์ ปูติน ฉลาดมาก ยึดแหล่งที่มีทรัพยากรธรรมชาติ แล้วก็ใช้ขีปนาวุธกับปืนใหญ่ทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพื้นที่ยูเครนที่เหลือโดยที่ยังไม่ได้เข้าไปยึด ทำลายอาคารบ้านช่อง ทำลายตึก ทำลายแหล่งผลิตน้ำมัน ทำลายโรงงานอาวุธ ทำโน่นทำนี่ ว่ากันว่า ถ้าสมมุติสงครามหยุดพรุ่งนี้ สมมุติเจรจาหยุดได้ จะมีใครเข้ามาช่วยยูเครนได้ เพราะว่าพื้นที่ที่เหลือของยูเครนนั้น ที่รัสเซียไม่ได้เข้าไปยึด แต่ทำลาย จะทำให้คนที่เข้ามา จะเป็นเซเลนสกี หรือจะเป็นชาติตะวันตกเข้ามายึด ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 30-50 ปี ที่จะฟื้นฟูพื้นที่นั้นขึ้นมาได้ ถนนเอย สะพานเอย ทางรถไฟเอย โรงงานไฟฟ้าเอย ตึกรามบ้านช่องเอย ถ้าจะฟื้นฟูอีกครั้งต้องใช้เวลา 30 ปี ด้วยจำนวนเงินอย่างมหาศาล
ท่านผู้ชมครับ แล้วตอนนี้ยังไม่เข้าฤดูหนาว ซึ่งจะมาในช่วงกลางเดือนตุลาคม อีกสองเดือนข้างหน้า สถานการณ์ขาดแคลนพลังงานและแร่ธาตุ ได้มีราคาขึ้นอย่างแพงลิบลิ่วเลยในยุโรป เกิดวิกฤต ระส่ำระสายมานานหลายเดือนแล้ว ทำให้ยุโรปแสดงจุดอ่อนของตัวเองออกมา ยิ่งรัสเซียปฏิบัติการทางทหารในยูเครนแบบยื้อเกม รัสเซียจงใจจะยื้อเกมนี้เอาไว้เพื่อรอฤดูหนาว แต่นักวิเคราะห์บางคนของคนไทย หรือต่างชาติ กลับมองว่ารัสเซียหมดแรงแล้ว ไม่ใช่ การยื้อเกมนี้กดดันให้อเมริกา ยุโรป ต้องส่งเงิน อาวุธสงคราม ให้ยูเครน เมื่อส่งมา รัสเซียก็รอจังหวะเพื่อถล่มคลังอาวุธที่ส่งมาเสีย ตัดกำลังฝ่ายตะวันตก ให้กองทัพยูเครนอ่อนแรงลง
ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม วันที่สายลับของยูเครนฆ่าลูกสาวของ อเล็กซานเดอร์ ดูกิน เสียชีวิต วันเดียวกันนั้น กองทัพรัสเซียมาแปลก ยิงขีปนาวุธจากฐานทัพในแคว้นเบลโกรอด รัสเซีย ห่างไป 100 กิโลเมตร ข้ามชายแดน คือยิงในพื้นที่ของรัสเซีย ข้ามชายแดนมาถล่มที่ตั้งทหารรับจ้างต่างชาติ ยึดอาวุธยูเครนที่ส่งมาจากนาโตในแคว้นคาร์คิฟ ตะวันออกของยูเครน หลังจากนั้นแล้ว ทางการรัสเซียแต่งตั้งคนของตัวเอง คืออดีตนายกเทศมนตรีรัสเซีย ให้เป็นหัวหน้าแคว้นคาร์คิฟ ในเขตพื้นที่ที่ถูกรัสเซียยึดครองอีกด้วย
ท่านผู้ชมครับ สัญญาณแบบนี้แสดงถึงว่า แคว้นนี้ไม่รอดจากการแยกตัวเองออกจากยูเครน ต่อจากลูฮันสก์ โดเนตสก์ เคอร์ซอน (Kherson) ซาโปริซเซีย อย่างแน่นอน ส่วนแคว้นทางใต้ชายทะเล คาดว่ารัสเซียจะบุกดักในช่วงปลายปีนี้ ที่ยังค้างอยู่ มีเมืองไมโคเลียฟ เมืองท่าโอเดสซา เพราะทำไมรู้ไหมว่าทำไมถึงต้องรอหน้าหนาว ? เพราะรัสเซียถนัดการรบช่วงฤดูหนาวจัด มีความพร้อมในเรื่องอุปกรณ์ป้องกันความหนาวมากกว่ายูเครนที่ต้องแบมือขอเงินจากชาติตะวันตกอีกทีหนึ่ง
ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ อังกฤษ อังกฤษคว่ำบาตรรัสเซีย ภาษาเพลงเขาว่า "บอกเลิกเขา แต่เราเจ็บ" อังกฤษเป็นประเทศน่าสนใจมาก คนไทยชอบไปเที่ยวเหลือเกิน นักการเมืองชอบเอาเงินไปฟอกที่อังกฤษ ซื้ออพาร์ตเมนต์ ฝากเงินไว้ในอังกฤษ ไปอังกฤษทีไรก็จะเดินเข้าไปในที่ๆ คนไทยชอบไป ก็เจอแต่ผู้มีชื่อเสียงทั้งนั้น เขี้ยวลากดินทั้งนั้น จอมคอร์รัปชันทั้งนั้น
ท่านผู้ชมครับ ในอังกฤษเมื่อฤดูหนาวใกล้เข้ามาในช่วงกลางเดือนตุลาคม เป็นต้นไป ค่าพลังงานจะสูงขึ้น จะมีคนประสบภัยหนาวจำนวนมาก และก็ไม่มีพลังงานใช้ ผมอยากให้จับตาดูว่าปีนี้จะหนักกว่าเดิมเยอะ เพราะผลพวงจากสงครามในยูเครน ที่อังกฤษคว่ำบาตรพลังงานราคาถูกจากรัสเซีย แล้วก็หันไปซื้อพลังงานราคาแพงมากกว่าที่เคยซื้อจากรัสเซียถึงสิบเท่า จากอเมริกา และประเทศอื่น
ท่านผู้ชมครับ กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ เดือนที่แล้ว ท่านผู้ชมเชื่อไหม อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษกระโดดขึ้นไปเป็นตัวเลขสองหลักแล้ว 10.1 เปอร์เซ็นต์ สูงที่สุดในรอบ 40 ปี แล้วเขาคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ นักเศรษฐศาสตร์ นักสถิติ ว่า ฤดูหนาวต้นปีหน้า มกราคม กุมภาพันธ์ อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษจะพุ่งขึ้นไปถึง 18 เปอร์เซ็นต์ ท่านผู้ชมครับ อัตราเงินเฟ้อ 18 เปอร์เซ็นต์ นี่เจ๊งทั้งประเทศนะ ค่าครองชีพ ค่าสาธารณูปโภค จะเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก สาเหตุก็คือว่ารัสเซียได้ดันราคาก๊าซในตลาดกลางยุโรปขึ้นไปเป็น 2,650 ดอลลาร์ ต่อ 1 พันลูกบาศก์เมตร ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่าสูงกว่าราคาเดิมกี่เท่า ? 13 เท่า แล้วคาดว่าต้นฤดูหนาวปี 2566 ปีหน้า รัสเซียจะตอบโต้สวนกลับยุโรปด้วยการดันราคาก๊าซพุ่งขึ้นสูงกว่าถึง 20 เท่า เมื่อเทียบกับตอนก่อนคว่ำบาตรในช่วงฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ ถ้ายังไม่หยุดคว่ำบาตรรัสเซีย ราคาก๊าซปีต่อไปก็จะแพงขึ้นเรื่อยๆ
ท่านผู้ชมครับ ผมเอาตารางให้ดู เฉลี่ยค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในครัวเรือนของชาวอังกฤษเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ 2 เท่า หลังจากเกิดวิกฤตยูเครน และอาจจะเป็น 3-4 เท่า ในเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ผลพวงจากสงครามยูเครนที่รัสเซียดันราคาน้ำมันแพง และราคาก๊าซพุ่งขึ้น ไม่ถึงสามเดือน ทำให้เกิดความระส่ำระสายในรัฐบาลอังกฤษ คว่ำนายกรัฐมนตรี นายบอริส จอห์นสัน ให้กระเด็นออกจากตำแหน่ง นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน คนอินเดีย ชื่อ ซาดิก ข่าน กังวลเรื่องนี้มาก เขาให้สัมภาษณ์ว่าราคาค่าสาธารณูปโภค อาหาร และสิ่งของจำเป็น พุ่งสูงขึ้น เรารู้ว่าชาวลอนดอนกำลังเป็นกังวลว่าพวกเขาจะมีรายได้พอประทังชีวิตได้อีกไม่กี่สัปดาห์ หรืออีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ท่านผู้ชมครับ มีการคาดคะเนโดยนักสถิติของอังกฤษว่าค่าใช้จ่ายพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นในฤดูหนาวในอังกฤษปีนี้จะทำให้คนตายไปอย่างน้อยหมื่นคน เป็นวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เกิดจากความไม่เท่าเทียมของคนอังกฤษ รวยกระจุก จนกระจาย ท่านผู้ชม คนรวยนี่ถ้าสมมุติว่าหนาวขึ้นมา ราคาค่าพลังงานเท่าไรก็สู้ได้ แต่คนจน ไม่มีเงินที่จะไปจ่ายค่าพลังงาน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากความผิดพลาดในนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลจากนักการเมืองไม่กี่คน แล้วล่าสุดในการแข่งขันชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ระหว่างคนอินเดีย ชื่อ นายสุนัค กับนังตัวร้ายที่ชื่อ ลิซ ทรัสส์ ทำไมผมถึงเรียกนังตัวร้าย ? ยัยนี่เป็นคนบ้า เพี้ยน โฆษณาหาเสียงเพื่อให้คนเลือกตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคคอนเซอร์เวทีฟ เลือกตัวเอง โดยอ้างว่า ถ้าเขาเป็นนายกรัฐมนตรี เขาจะไม่รีรอที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ ที่ชื่อ ไทรเดน แน่นอนที่สุด เขาคงกะจะถล่มรัสเซีย นางทรัสส์ คงจะไม่รู้ว่ารัสเซียเขามีอาวุธนิวเคลียร์มากกว่าของอังกฤษตั้งไม่รู้กี่สิบเท่า ร้อยเท่า
แค่ยัยบ้านี่กดปุ่มยิงอาวุธนิวเคลียร์ใส่รัสเซีย ท่านผู้ชมพนันกับผมได้ เกาะอังกฤษจะไม่เหลือ รวมทั้งทรัพย์สินของนักการเมืองเมืองไทยที่เอาไปซ่อนที่นั่น ก็ดีเหมือนกันท่านผู้ชม เงินทองที่เกิดจากการคอร์รัปชันของคนไทย ทั้งข้าราชการ ทั้งนักการเมือง ที่เอาไปเก็บไว้ที่อังกฤษ มันจะได้สูญหายไปเลย จมลงทะเลไปเลย ให้มันหมดสิ้นไปเลย
มีสมาพันธ์ของอังกฤษทำหนังสือส่งถึง นายนาดิม ซาฮาวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสตีฟ บาร์เคลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในหนังสือเตือนว่า อังกฤษกำลังประสบกับความทุกข์ทรมานครั้งใหญ่จากความยากจนลงในชุมชนท้องถิ่น เนื่องมาจากวิกฤตค่าครองชีพที่สูง ขาดแคลนพลังงาน ทำให้เกิดวิกฤตในสุขภาพที่เจ็บป่วยได้ (ผมเอาภาพการประท้วงของคนบนเกาะอังกฤษให้ดู)
คนอังกฤษตอนนี้จนและเครียด พากันชุมนุมประท้วง นัดหยุดงานในแต่ละกลุ่มแรงงาน พนักงานไปรษณีย์ประท้วงหยุดงาน ทนายความประท้วงหยุดงาน พนักงานโทรคมนาคม บริติชเทเลคอม คนงานเก็บขยะ สหภาพแรงงานท่าเรือใหญ่ที่สุดของประเทศ พนักงานท่าเรือขนส่งสินค้าเฟลิกซ์สโตร์ ไม่ต่ำกว่า 2 พันคน นัดหยุดงาน 8 วัน ตู้คอนเทนเนอร์สินค้าราว 9 หมื่นตู้ ตกค้างยาวนาน ล่าสุด สหภาพรถไฟฟ้าใต้ดินลอนดอนหยุดงาน ทุกข์ซ้ำไปอีก
ที่สำคัญก็คือว่า มีหน่วยงานภาคเอกชนที่ดูแลโสเภณีในอังกฤษ มีสำนักงานที่ลอนดอน ทำหน้าที่สนับสนุนการลดทอนอาชญากรรมของการค้าประเวณี ให้คำแนะนำกับผู้หญิงในอุตสาหกรรมทางการเพศ ทั้งในด้านความปลอดภัยและข้อกฎหมาย หน่วยงานนี้ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์สกายนิวส์ ว่า มีคนผู้หญิงโทรศัพท์ปรึกษาผ่านสายด่วนเพิ่มมากขึ้นถึงเกือบครึ่งหนึ่งของฤดูร้อนนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นั่นคืออะไร ? คือผู้หญิงอังกฤษกำลังเริ่มออกไปขายตัว เพื่อเอาเงินมาใช้จ่ายในการดูแลครอบครัวตัวเองในด้านพลังงาน บอกว่าตอนนี้สตรีพวกนี้เข้าสู่งานบริการทางเพศในแนวทางที่หลากหลาย บนท้องถนน ในสถานที่ต่างๆ ตลอดจนออนไลน์ ดูท่าทางแล้ววิกฤตอังกฤษจากผลพวงของมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย จะย้อนกลับมาเล่นงานตัวเองให้อ่อนแอและยากจนลง เดือดร้อนไปทั่วทั้งแผ่นดิน ขณะที่รัสเซียกลับเป็นมหาอำนาจพลังงานที่ร่ำรวยขึ้นกว่าเดิม 3 เท่า ได้ดุลการค้ายุโรปมากขึ้นหลายแสนล้านยูโร
ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง นี่คือตัวอย่างของลักษณะการเดินเกมของวลาดิมีร์ ปูติน คนๆ นี้เป็นผู้นำโลกที่หน้าตาย
เวลาโกรธ ไม่แสดงทางหน้า เวลาดีใจ ก็ไม่แสดงอาการทางหน้า เวลาเสียใจก็ไม่ได้แสดงอาการทางหน้า ปูติน หน้าตาย แต่บทที่จะสู้ โหดเหี้ยมอำมหิตมาก อังกฤษคือตัวอย่างที่เห็นได้ชัด และอังกฤษคือศัตรูคู่อาฆาตของรัสเซียมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว ใครก็ตาม ยัยลิซ ทรัสส์ ผู้สมัครนายกรัฐมนตรี แข่งกับนายสุนัค คนชาวอินเดีย อ้างอิงว่าจะใช้นิวเคลียร์โจมตี ท่านผู้ชมครับ เชื่อขนมกินได้เลย เกาะอังกฤษจะต้องจมลงทะเลอย่างแน่นอนที่สุด
ท่านผู้ชมครับ ในศตวรรษที่ 21 รัสเซีย จีน เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ทั้งด้านพลังงาน เศรษฐกิจ และแสนยานุภาพทางทหาร อีกไม่นานทั้งรัสเซีย และจีน จะเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยุครุ่งเรืองของอังกฤษ และยุโรป จบลงแล้ว เศรษฐกิจยูโรโซนอาจดิ่งสู่ภาวะถดถอย ท่านผู้ชมรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าค่าเงินยูโรต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ แล้ว 0.9935 ยูโร ต่อ 1 ดอลลาร์ มีแต่ค่าเงินยูโรสูงกว่าดอลลาร์ประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ วันนี้ต่ำกว่าดอลลาร์ไปแล้ว ค่าเงินยูโรจะตกลงมาอีกถึง 0.97 ต่อดอลลาร์ ภายในไตรมาสนี้ เงินปอนด์เองก็จะดิ่งเหว ลงไป 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับดอลลาร์ นับตั้งแต่ต้นปี 2565
ท่านผู้ชมครับ นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นที่เจ็บปวดมาก ผมคิดว่าท่านผู้ชมต้องรับรู้เอาไว้ เพราะไม่ค่อยมีใครจะวิเคราะห์ในแนวทางบนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง เหมือนกับที่ผมพูดในวันนี้
ท่านผู้ชมครับ นี่เป็นเรื่องตอนสุดท้ายของเรื่องเกี่ยวกับต่างประเทศที่ผมเน้นเรื่องรัสเซีย เรื่องแรกที่ผมพูดไปแล้ว ก็คือเรื่องของการลอบสังหารที่ปรึกษาของวลาดิมีร์ ปูติน อเล็กซานเดอร์ ดูกิน แต่ไปโดนลูกสาวแทน เรื่องที่สองก็คือเรื่องเกี่ยวกับการรุกของรัสเซีย รุกอย่างมีเป้าหมายเพื่อยึดทรัพยากรธรรมชาติและยึดไปได้ประมาณหนึ่งในสามของยูเครน ทำให้ยูเครนนั้นมีทรัพยากรธรรมชาติเหลือแค่สองในสาม และเรื่องสุดท้ายก็คือว่า ความโหดร้ายของสงคราม ทำให้หลายๆ ประเทศกำลังลำบากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอังกฤษ ซึ่งมีโอกาสจะล่มสลายได้เลย
มันมีอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งผมต้องพูดในเรื่องของตอนรัสเซียให้มันจบไปเลย 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา มันมีงานที่เรียกว่า International Military Technical Forum หรือที่เรียกว่า ARMY 2022 มีการจัดการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารที่เมือง Kubinka ที่มอสโกของรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ทำพิธีเปิด ก็อธิบายให้ฟังว่ารัสเซียจะพัฒนาอาวุธต่อไป กล่าวชื่นชมพันธมิตรที่เป็นพันธมิตรของรัสเซีย ไฮไลต์สำคัญในการโชว์อาวุธของกองทัพรัสเซียนั้น มีสองส่วน ส่วนแรก เป็นแบบจำลองสถานีอวกาศของรัสเซีย ที่มีชื่อว่า รอส ซึ่งหน่วยงานด้านอวกาศของรัสเซีย หรือ รอสคอสมอส (Roskosmos) ได้นำมาจัดแสดงต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก หลังจากที่ได้มีการพัฒนามาหลายปี
นายยูริ โบริซอฟ ผู้อำนวยการรอสคอสมอส อธิบายว่า ในอนาคตนักบินอวกาศของรัสเซียจะใช้สถานีอวกาศแห่งนี้ทำงานด้านกิจการอวกาศต่างๆ แทนที่จะใช้สถานีอวกาศนานาชาติ ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัสเซีย และชาติตะวันตก รัสเซียมีแผนที่จะออกจากสถานีอวกาศนานาชาติในปี 2567 หรืออีกสองปีข้างหน้า
ท่านผู้ชมครับ ประเทศจีนก็สร้างสถานีอวกาศของตัวเองแล้ว แล้วก็ไปได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว รัสเซียก็สร้างสถานีอวกาศของตัวเอง ก็เหลือแต่สถานีอวกาศนานาชาติที่ทั้งยุโรป ทั้งหลายๆ ประเทศ รวมทั้งอเมริกา ฝ่ายตะวันตก เอามาใช้ เพราะฉะนั้นแล้ว การพัฒนา การวิจัย การค้นคว้า โดยที่อยู่ในสถานีอวกาศของตัวเองนั้น จะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะไม่ต้องไปแชร์ ไม่ต้องไปแบ่งปันข้อมูลลับ หรือข้อมูลเปิดเผย ให้ทุกคนได้รับทราบ นั่นคือส่วนที่หนึ่ง
ส่วนที่สอง ที่ฮือฮาที่สุด คือการเปิดตัวหุ่นยนต์โมเดลทหารรุ่น M-81 ในชุดนินจาสี่ขา พร้อมทั้งติดแท่นยิงจรวด RPG-20 ซึ่งเป็นอาวุธต่อต้านรถถัง ไว้ด้านหลัง ซึ่งได้รับความฮือฮามากกับคนที่เข้ามาชม หุ่นยนต์ทางทหารนี้เป็นหุ่นยนต์ที่บริษัทเทคโนโลยีความมั่นคงของรัสเซียออกแบบมาเพื่อให้ปฏิบัติการกับกิจการทางทหารและพลเรือนขณะเกิดสงคราม หุ่นยนต์ตัวนี้ M-81 สามารถใช้เดินลาดตระเวนรักษาความปลอดภัย ใช้ขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ และยิงโจมตีเป้าหมาย ยิงต่อต้านรถถัง นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ในด้านกิจการพลเรือน เช่น จัดส่งเวชภัณฑ์ เดินสำรวจพื้นที่ ตรวจสอบเศษซากปรักหักพังในพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉิน ในพื้นที่ที่คนเข้าไปยาก
นี่เป็นครั้งแรกนะท่านผู้ชม ที่เปิดตัวหุ่นยนต์ทหารติดอาวุธอย่างเป็นทางการของรัสเซีย ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนะ ไม่มีโอกาสได้เห็นนะครับ
ท่านผู้ชมครับ แค่ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมีการเปิดตัวหุ่นยนต์สุนัขดังกล่าว สื่อต่างประเทศที่นำเสนอข้อมูลด้านอาวุธ ก็พยายามหาข้อมูลมาดิสเครดิตรัสเซีย ว่ารัสเซียพัฒนาหุ่นยนต์ทหารสุนัขตัวนี้ได้อย่างไร โดยสังเกตกล้องบริเวณส่วนหัวหุ่นยนต์ อ้างว่าหุ่นยนต์ทหารสุนัขดังกล่าว อาจจะเป็นหุ่นยนต์สุนัขรุ่น Unitree Go 1
ซึ่งถูกพัฒนาโดยบริษัท ยูนิทรี สามารถหาซื้อได้ตามเว็บไซต์ชอปปิงออนไลน์ ในราคา 3 พันกว่าดอลลาร์ หรือราวๆ 1 แสน 3 หมื่น 2 พันบาท
ท่านผู้ชมครับ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ารัสเซียจะได้หุ่นยนต์ดังกล่าวมาด้วยวิธีการใด ก็ยากที่จะปฏิเสธว่าการแสดงการพัฒนาอาวุธ ตลอดจนการประกาศหาพันธมิตรเพิ่มด้วยวิธีการสนับสนุนด้านอาวุธของรัสเซีย กำลังสร้างความกังวลให้ทางตะวันตก กังวลตรงไหน ? เพราะเขาพบว่ายุทโธปกรณ์ของกองทัพรัสเซีย-ยูเครน นั้น มีส่วนประกอบซึ่งเป็นชิ้นส่วนของทางตะวันตกนับร้อยชิ้น สงครามยูเครนยังคงดำเนินอยู่ โดยเฉพาะที่แคว้นซาโปริซเซีย ในเมืองเอเนียร์กอดาร์ ทางตอนใต้ของยูเครน เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ถึง 6 เครื่อง ถ้าเกิดความเสียหาย หายนะจะรุนแรงกว่าเหตุการณ์ที่เชอร์โนบิลหลายเท่า
ท่านผู้ชมครับ 13 สิงหาคม เห็นได้ชัด มีภาพผลจากการโจมตีเกิดขึ้น ใกล้พื้นที่โรงงาน เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ที่ตอนนี้ทั้งยูเครน และ รัสเซีย ต่างโทษซึ่งกันและกันว่าเป็นต้นเหตุในการโจมตี
สำนักข่าวทาสส์ และ RIA รายงานตรงกันว่า เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่โรงไฟฟ้าและคลังเก็บอาวุธ เมืองดชานกี บนคาบสมุทรไครเมีย
แต่จากการตรวจสอบทางเทคนิคของยุทโธปกรณ์ทางทหารของรัสเซียที่ยึดหรือถูกยิงในยูเครน รายงานใหม่ล่าสุดของ Royal United Services Institute ซึ่งเป็นสถาบันความคิด (Think Tank) ในด้านการป้องกันและความมั่นคงที่เก่าแก่ของอังกฤษ ได้เผยงานวิจัย โดยระบุว่า โครงสร้างกองทัพรัสเซียได้ปรับปรุงให้ทันสมัย ใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ มานานหลายทศวรรษนั้น จริงๆ แล้วได้รับการสนับสนุนด้านไมโครอิเล็กทรอนิกส์อย่างกว้างขวาง ที่ผลิตในอเมริกา ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี
รายงานข่าวจากรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมานี้ ระบุว่า พบชิ้นส่วนประกอบที่ผลิตในต่างประเทศมากกว่า 450 ชิ้น ในอาวุธสงครามของรัสเซียที่ยึดได้ในยูเครน ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงว่ามอสโกได้รับการสนับสนุนเทคโนโลยีที่สำคัญจากบริษัทต่างๆ ในอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ในช่วงหลายปีก่อนการบุกยูเครน
นับตั้งแต่สงครามเมื่อห้าเดือนที่แล้ว กองทัพยูเครนได้ยึดอาวุธสงครามของรัสเซียที่เสียหายบางส่วน หรือในสภาพสมบูรณ์ จากสนามรบ เมื่อถอดชิ้นส่วนออกมาดูแล้ว พบอาวุธระบบทางทหาร 27 ชิ้น ตั้งแต่ขีปนาวุธร่อน ไปจนถึงระบบป้องกันทางอากาศ พบว่าส่วนใหญ่นั้นอาศัยส่วนประกอบจากตะวันตก
ตามการวิจัยร่วมกับรอยเตอร์ เขายังพบว่าส่วนประกอบประมาณสองในสามผลิตในอเมริกา อ้างอิงจากอาวุธที่กู้คืนจากยูเครน ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยบริษัท Analog Devices และ Texas Instrument ซึ่งเป็นสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนเกือบหนึ่งในสี่ หรือ 25 เปอร์เซ็นต์ ของส่วนประกอบของตะวันตกทั้งหมด ส่วนประกอบอื่นๆ ก็จะมาจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อังกฤษ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ เขาก็เลยบอกว่า อาวุธของรัสเซียนั้นมีส่วนประกอบเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของตะวันตก นี่เป็นเหตุผลทำให้ชาวยูเครนเสียชีวิตหลายพันคน
ท่านผู้ชมครับ อีกกรณีหนึ่ง ขีปนาวุธร่อน 9M-727 ของรัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในอาวุธที่ล้ำหน้าที่สุดของประเทศ ที่สามารถเคลื่อนตัวได้ระดับความสูง-ต่ำ เพื่อหลบเลี่ยงเรดาร์ และโจมตีเป้าหมายที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยไมล์ มีส่วนประกอบที่น่าจับตาสำคัญ 13 ชิ้น ชิ้นส่วนต่างๆ เหล่านี้ผลิตโดย Texas Instrument ของอเมริกา Advance Micro Device รวมทั้ง Cypress Semiconductor ของอเมริกา ที่เขาตรวจสอบมา
อีกเรื่องหนึ่ง ขีปนาวุธร่อน KH-101 รัสเซีย ซึ่งเคยใช้โจมตีเมืองต่างๆ ของยูเครน รวมทั้งเมืองหลวง เคียฟ ก็มีส่วนประกอบต่างประเทศ 31 ชิ้นด้วย มีส่วนประกอบชิ้นส่วนที่ผลิตโดย Intel บริษัทผลิตชิปของอเมริกา และ ซีลลิง ของ AMD
นักวิจัยก็สงสัยว่ารัสเซียเอาส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ทางสงครามมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่บริษัททางตะวันตกทำตามมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ท่านผู้ชมครับ ต่างฝ่ายต่างก็ปฏิเสธ บริษัทผลิตอาวุธก็บอกว่าไม่ได้ส่ง บริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ก็บอกว่าไม่ได้ส่งออกไปที่รัสเซียมานานแล้ว หลังจากถูกห้าม เรื่องนี้ผมไม่รู้ว่าใครโกหกใครกันหน้าด้านๆ ผมเคยพูดไปแล้ว ท่านผู้ชมจำได้ไหมว่า อุตสาหกรรมค้าอาวุธ ที่เขาเรียกว่า MIC : Military Industrial Complex ในอเมริกานั้นทรงอิทธิพลมาก ในสภาคองเกรสนั้น มีอิทธิพลสูงสุดในโลก เนื่องจากอเมริกาเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาวุธสงครามรายใหญ่ที่สุดของโลก
จึงมีส่วนแบ่งมากกว่าครึ่งหนึ่ง ผมเอาตัวเลขให้ดู เอากราฟให้ดู ว่าอเมริกาถืออยู่ 54 เปอร์เซ็นต์ ในการส่งออกอาวุธ จีน 13 เปอร์เซ็นต์ อังกฤษ 7.1 รัสเซีย แค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ฝรั่งเศส 4.7 เยอรมนี 1.77 ประเทศอื่นๆ รวมกันแล้ว 15 เปอร์เซ็นต์กว่า สรุปอเมริกาคือผู้ที่ส่งออกอาวุธเยอะที่สุด รวมของทุกประเทศแล้วยังไม่เท่ากับอเมริกาประเทศเดียวที่ส่งออกอาวุธ
กรณีสงครามในยูเครนก็เช่นกัน ขณะที่อเมริกาประกาศว่าตั้งแต่เริ่มสงครามมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 อเมริกาให้ความช่วยเหลือทางการทหารแก่ยูเครนไปแล้ว 1 หมื่น 6 ร้อยล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 3 แสน 8 หมื่นล้านบาท ล่าสุด อเมริกาส่งอาวุธชุดใหม่ ราคา 775 ล้านดอลลาร์ หรือ 2 หมื่น 7 พัน 9 ร้อยล้านบาท ซึ่งรวมถึงการส่งมอบโดรนสอดแนม ชื่อ ScanEagle ให้ยูเครนเป็นครั้งแรก และยังมียานพาหนะต่อต้านทุ่นระเบิด กระสุนเจาะเกราะ ปืนครก เพื่อให้กองกำลังยูเครนสามารถยึดคืนดินแดนที่ถูกยึดคืนไปได้ รวมทั้งโจมตีตอบโต้รัสเซีย
ท่านผู้ชมครับ นอกจากนี้ อีกทางหนึ่ง บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ แม้จะมีคำสั่งห้ามส่งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ให้กับรัสเซียตั้งแต่ปี 2557 แล้ว ไม่ใช่เพิ่งห้ามนะ ห้ามตั้งแต่แปดปีที่แล้ว ทุกวันนี้อาวุธรัสเซียก็ยังคงมีส่วนประกอบทางสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของอเมริกาอยู่เหมือนเดิม เต็มไปหมด คำถามที่สำคัญก็คือ ใครกันแน่ที่มีแต่ได้กับได้จากสงครามที่เกิดขึ้นทุกครั้ง ทุกภูมิภาคทั่วโลก ? ก็คือบริษัทค้าอาวุธนั่นเอง เพราะยิ่งส่งอาวุธ ส่งอุปกรณ์ ส่งเครื่องมือ ส่งชิ้นส่วนไปให้รัสเซีย ให้ผลิตอาวุธได้เยอะๆ รัสเซียก็ถล่มยูเครนได้มากขึ้น
ยูเครนก็ต้องมาขออาวุธจากอเมริกา อเมริกาก็ต้องสั่งให้พวกอุตสาหกรรมค้าอาวุธผลิตอาวุธเพื่อส่งให้ยูเครน คือพูดง่ายๆ ว่ารับเงินทั้งสองด้าน นี่คือหน้าที่ของบริษัทค้าอาวุธ ท่านผู้ชมครับ และนี่คือข้อเท็จจริงที่เจ็บปวด และมันเป็นความจริงในสังคมโลกทุกวันนี้ครับ
ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้ก็มีเพียงแค่นี้ แล้วเราเจอกันใหม่อาทิตย์หน้า อาทิตย์หน้าก็เป็นต้นเดือนกันยายนแล้ว เหตุการณ์ของการชี้ชะตานายกฯ 8 ปี ก็เริ่มแล้ว กระบวนการ เราค่อยมาเจอกันอาทิตย์หน้าซึ่งมีแต่เรื่องสนุกๆ ทั้งนั้น ตอนนี้ไม่รู้เป็นอะไร อาจจะเป็นดวงเมืองก็ได้ ทุกอาทิตย์มีแต่เรื่องเข้ามา จนกระทั่งผมรับไม่ไหว เอาเถอะ อาทิตย์หน้าเราค่อยเจอกัน สวัสดีครับ