xs
xsm
sm
md
lg

สปสช.ขอพึ่งบารมีชัชชาติรับบัตรทอง รพ.มงกุฎวัฒนะขอคืนประชากรเพราะแออัด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



พบโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะแจ้งขอเลิกสัญญาหน่วยบริการปฐมภูมิกับ สปสช. และลดการรับผู้ป่วยส่งต่อลงกึ่งหนึ่ง มีผล 1 ต.ค.นี้ เหตุมีผู้ป่วยใช้บริการมากจนแออัด ขอเพิ่มจำนวนเตียงก็ไม่ได้ แถม สปสช.ติดหนี้กว่า 13 ล้านบาท ด้าน สปสช.ขอพึ่งบารมีชัชชาติ เอาสิทธิบัตรทองไปลงศูนย์บริการสาธารณสุข กทม.ใกล้บ้านแทน

วันนี้ (6 ส.ค.) เฟซบุ๊ก พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลจะส่งคืนผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิกับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะทั้งหมด กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จำนวน 70,000 คน พร้อมกับลดจำนวนรับการส่งต่อผู้ป่วยสิทธิบัตรทองจากหน่วยต่างๆ ของ สปสช.ลงกึ่งหนึ่ง จาก 300,000 คนคงเหลือ 150,000 คน และลดจำนวนผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคมลงกึ่งหนึ่งจาก 120,000 คน คงเหลือ 60,000 คน เนื่องจากผู้ใช้บริการมีจำนวนมากจนเกิดความแออัด

ถึงแม้จะมีการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่อีกมากกว่า 30,000 ตารางเมตร แต่จะเปิดให้บริการได้ในปลายปี 2566 ดังนั้น เพื่อไม่ให้ปัญหาความแออัด และเป็นภาระแก่โรงพยาบาลเพียงฝ่ายเดียวอีกต่อไป ที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลได้ขอความช่วยเหลือกับทาง สปสช.และสำนักงานประกันสังคม ให้ประสานงานขอให้กระทรวงสาธารณสุขอนุญาตเพิ่มจำนวนเตียงหอผู้ป่วยสามัญ และพื้นที่ใช้สอยให้แก่โรงพยาบาลเป็นกรณีพิเศษ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ที่ผ่านมาโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะเป็นโรงพยาบาลเอกชนเพียงไม่กี่แห่งที่เข้ามาเป็นคู่สัญญาหน่วยบริการปฐมภูมิ สำหรับสิทธิบัตรทอง กับทาง สปสช. โดยมีผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการจำนวนมากจนเกิดความแออัด ที่ผ่านมาได้ขอความช่วยเหลือจาก สปสช. เพิ่มจำนวนเตียงหอผู้ป่วยสามัญรวมกับกระทรวงสาธารณสุขให้เป็นกรณีพิเศษ เพราะจำนวนผู้ป่วยมากเกินกว่าจะรองรับ ทางโรงพยาบาลไม่สามารถรับผู้ป่วยเกินกว่าจำนวนเตียงที่กระทรวงสาธารณสุขอนุญาต และไม่สามารถปฏิเสธผู้ป่วยได้เพราะจะมีความผิด แต่ สปสช.ก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ

นอกจากนี้ สปสช.ยังมีหนี้สินที่ค้างชำระกับทางโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา เนื่องจากก่อนหน้านี้ สปสช.ยกเลิกคลินิกชุมชนอบอุ่นและโรงพยาบาลพื้นที่กรุงเทพมหานครที่เป็นคู่สัญญาราว 188 แห่ง เนื่องจากมีการทุจริต นำสิทธิประชาชนมาเบิกค่าใช้จ่ายโดยไม่ได้เข้าใช้บริการจริง ทำให้ สปสช.ต้องให้ผู้ป่วยมารับการรักษาที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โดย สปสช.จะรับผิดชอบค่ารักษาพยายาลให้ แต่กลับไม่มีการจ่ายเงินตามที่ตกลง ทำให้โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะต้องแบกรับภาระหนี้สินจำนวน 13.20 ล้านบาท และภาษีเงินได้นิติบุคคลอีก 2.6 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง

สำหรับกรณีผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่ขึ้นทะเบียนกับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ทางสำนักงานประกันสังคมจะเข้าพบ พล.ต.นพ.เหรียญทอง ในวันพุธที่ 10 ส.ค. เวลา 13.30 น. เพื่อหาทางออกร่วมกัน 

ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สปสช.เข้าใจเหตุผลเรื่องความแออัด จนต้องขอลดจำนวนประชากรที่ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิ เพื่อความสะดวกในการให้บริการ และขอบคุณโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะที่ดูแลผู้ใช้สิทธิบัตรทองกว่า 12 ปี ขณะนี้ได้รับจดหมายขอคืนประชากรจากโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะแล้ว ซึ่งตามกฎหมายถือเป็นการขอเลิกสัญญากับ สปสช. ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 ต.ค. 2565 สำหรับประชาชนสิทธิบัตรทองที่เคยขึ้นทะเบียนปฐมภูมิกับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ สปสช.จะย้ายสิทธิประชาชนโดยหาหน่วยบริการอื่นมารับช่วงดูแล

ทั้งนี้ ได้หารือกับทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) มอบหมายให้ศูนย์บริการสาธารณสุขในสังกัด เป็นเจ้าภาพรับดูแลผู้ใช้สิทธิกลุ่มนี้ต่อ ตามนโยบายของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พัฒนาระบบบริการปฐมภูมิและเป็นเจ้าภาพระบบปฐมภูมิใน กทม. โดยประชาชนสิทธิบัตรทองจะถูกขึ้นทะเบียนหน่วยบริการปฐมภูมิกับศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้านโดยอัตโนมัติ หากไม่สะดวกสามารถย้ายหน่วยบริการปฐมภูมิในภายหลังได้เช่นกัน ขณะเดียวกัน สปสช.ยังมีนโยบายยกระดับบัตรทองให้เข้ารับบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ ในระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่าน หากมีความจำเป็น หรือไม่สะดวกไปรับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ยังสามารถไปรับบริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิอื่น หรือคลินิกชุมชนอบอุ่น ที่อยู่ในเครือข่าย สปสช.ได้

ส่วนข้อเรียกร้องของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ที่ต้องการให้ สปสช.เป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เพื่อขออนุมัติเพิ่มจำนวนเตียงจาก 440 เตียง เป็น 750 เตียง เพื่อให้สามารถรองรับคนไข้ส่งต่อมากขึ้นนั้น สปสช.ยินดีเป็นตัวกลางประสานงานกับ สบส.ในประเด็นนี้ เพราะการเพิ่มจำนวนเตียงมากขึ้นก็จะทำให้ผู้ใช้สิทธิบัตรทองมีโอกาสได้เข้าถึงบริการเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน












กำลังโหลดความคิดเห็น