xs
xsm
sm
md
lg

Focus : เทียบชัดๆ แสนยานุภาพ ‘จีน-ไต้หวัน’ ใครอยู่-ใครไปหากเกิดสงครามเต็มขั้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



การเยือนกรุงไทเปของ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ทำให้ข้อพิพาทเรื้อรังระหว่างจีนกับไต้หวันกลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าที่ทั่วโลกจับตามองในสัปดาห์นี้ ขณะที่หลายฝ่ายเป็นกังวลว่าความตึงเครียดที่เกิดขึ้นอาจกระตุ้นให้ปักกิ่งเพิ่มแรงบีบต่อไต้หวัน หรืออาจตัดสินใจบุกยึดในอีกไม่ช้า

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่าโอกาสรอดของไต้หวันนั้นมีน้อยมาก หากว่าจีนตัดสินใจใช้ปฏิบัติการทางทหารอย่างเต็มรูปแบบเข้ายึดเกาะแห่งนี้

“เมื่อคุณตั้งคำถามว่าจีนสามารถทำได้หรือไม่ คุณกำลังมองถึงต้นทุนปฏิบัติการที่จีนจะต้องจ่าย ไม่ว่าจะเป็นเรือรบหรือกำลังพลที่อาจต้องสูญเสียไป ซึ่งจีนมีกำลังพอที่จะทำได้แน่นอน” ดร.โอเรียนา สไกลาร์ แมสโตร ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย ให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทม์ส

“ทว่าไต้หวันเองก็มีอาวุธที่จะป้องกันตัวเอง และหากสหรัฐฯ ยื่นมือเข้าแทรกแซงเพื่อช่วยไต้หวัน คำถามคือสงครามครั้งนี้จะนำไปสู่การนองเลือดมากขนาดไหน?”


+++ ข้อมูลจาก Global Fire Power 2022 ให้ตัวเลขเปรียบเทียบแสนยานุภาพทางทหารระหว่างจีนกับไต้หวันเอาไว้ดังต่อไปนี้ +++

- จีนมีทหารประจำการพร้อมรบราว 2 ล้านนาย และมีกองกำลังสำรอง 510,000 นาย ขณะที่ไต้หวันมีทหารประจำการราว 170,000 นาย แต่มีกองกำลังสำรองมากถึง 1.5 ล้านนาย

- กองทัพจีนมีเครื่องบินทั้งหมด 3,285 ลำ ขณะที่ไต้หวันมี 741 ลำ

- จีนมีฝูงบินขับไล่มากถึง 1,200 ลำ และเครื่องบินลำเลียง 286 ลำ ขณะที่ไต้หวันมีเครื่องบินขับไล่ 288 ลำ และเครื่องบินลำเลียง 19 ลำ

- จีนมีเฮลิคอปเตอร์ 912 ลำ เฮลิคอปเตอร์โจมตี 281 ลำ ขณะที่ไต้หวันมีเฮลิคอปเตอร์ 208 ลำ และเฮลิคอปเตอร์โจมตี 91 ลำ

- จีนมีเรือรบทุกชนิดรวมกัน 777 ลำ ในขณะที่ไต้หวันมีอยู่ 117 ลำ

- จีนมีเรือบรรทุกเครื่องบิน 3 ลำ ส่วนไต้หวันไม่มี

- จีนมีเรือดำน้ำทั้งหมด 79 ลำ เรือพิฆาต 41 ลำ ขณะที่ไต้หวันมีเรือดำน้ำเพียง 4 ลำ และเรือพิฆาต 4 ลำ

- จีนมีรถถังทั้งหมด 5,250 คัน ยานเกราะอีก 35,000 คัน ส่วนไต้หวันมีรถถัง 1,110 คัน ยานเกราะ 3,472 คัน

- จีนมีปืนใหญ่อัตตาจร (self-propelled artillery) 4,120 กระบอก ส่วนไต้หวันมีอยู่ 257 กระบอก

- จีนมีฐานยิงจรวดเคลื่อนที่ (mobile rocket projectors) 3,160 ฐานยิง ขณะที่ไต้หวันมีอยู่เพียง 115 ฐานยิง

ที่มา : express.co.uk, news9live.com


กำลังโหลดความคิดเห็น