วันที่ 22 ก.ค.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ ได้แก่
- ความจริงปรากฎ ใครกินสินบนโรลส์รอยซ์
- ถ้าเกิดสงคราม “สหรัฐฯ” กับ “รัสเซีย-จีน” ใครจะชนะ?
- "โจ ไบเดน" กับอนาคตมืดมนของสหรัฐฯ
- ว่าที่ทูตอเมริกาประจำประเทศไทย มาดีหรือมาป่วน?
- "เราสองสามคน" กรณีซักฟอก ชัยวุฒิ รมว.ดีอีเอส
ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.147
คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 147 [22 ก.ค. 2565] : เตือนสติ "รมต.ชัยวุฒิ" เรื่อง 3 คนผัวเมีย กับคุณธรรมของผู้นำ
ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK
ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมขอเริ่มรายการด้วยการอัปเดตเรื่องโควิด-19 อเมริกาติดเชื้อสะสม แตะ 92 ล้านราย เสียชีวิตกว่า 1 ล้านคน อินเดีย ติดเชื้อสะสมเกือบ 44 ล้านราย บราซิล เสียชีวิต 5 แสนคน บราซิล กับฝรั่งเศส ติดเชื้อสะสมพอๆ กัน 33 ล้านราย แต่บราซิลเสียชีวิตสะสมมากกว่า ที่ 6 แสน 7 หมื่น 6 พันคน ฝรั่้งเศส 1 แสน 5 หมื่น 1 พันคน เยอรมนีติดเชื้อสะสมเกือบ 30 ล้านคน อังกฤษติดเชื้อแล้ว 23 ล้านราย ทั้งหมดนี้ต้องชมอินเดีย ถึงแม้อินเดียจะมีติดเชื้อสะสมเกือบ 44 ล้านราย เสียชีวิต 5 แสนราย แต่ว่าประชากรอินเดียมีอยู่ 1 พันกว่าล้านคน ในขณะที่อเมริกามีประชากรแค่ 2 ร้อยกว่าล้านคน เกือบ 300 ล้านคน แต่ติดเชื้อสะสมถึง 92 ล้านราย เสียชีวิต 1 ล้านราย
ในเอเชียมีเวียดนาม กับญี่ปุ่น ที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมพุ่งติดอันดับ 12, 13 ของโลก ที่น่าสนใจคือ ญี่ปุ่น ที่การระบาดรอบนี้มียอดผู้ติดเชื้อพุ่งพรวดพราดมาก ขึ้นมาเป็น 10 ล้านราย อยู่ในลำดับที่ 13 ของโลก ที่บอกว่าน่าสนใจเพราะว่าประเทศญี่ปุ่นมีอัตราการฉีดวัคซีนสูงมาก ขณะนี้เกิดอาการระบาดระลอกที่ 7 มีผู้ติดเชื้อวันละ 1 แสนราย ยิ่งกว่านั้น สังเกตไหมว่าหลังๆ ภาษาที่รัฐบาลญี่ปุ่นใช้พูดถึงประสิทธิภาพของวัคซีนเปลี่ยนไปแล้ว กลายเป็นยอมรับความจริงมากขึ้น ไม่ได้ระบุว่าวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ แต่ใช้ว่า ป้องกันการเกิดโรค และป้องกันอาการหนัก ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ญี่ปุ่นกำลังจะบอกว่าถึงจะฉีดวัคซีน จะกี่เข็มก็ตาม ก็ติดเชื้อเช่นกัน
ส่วนของประเทศไทยนั้น เรามียอดที่รายงานอย่างเป็นทางการหลักพัน แต่จริงๆ แล้วตัวเลขผู้ติดเชื้อต่อวันของไทยก็น่าจะเกินหลักหมื่น หรืออาจจะแตะหลักแสนรายไปแล้ว จากการคาดการณ์ของหมอหลายคน เพียงแต่ว่าประชาชนไม่ตื่นตระหนก รู้เท่าทัน และรักษาตัวได้มากขึ้น ติดก็กินฟ้าทะลายโจรรักษาตัวเอง หายโดยไม่ได้บันทึกอยู่ในระบบ แต่ที่น่าสนใจอย่าง การรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 เข็มที่ 5 เข็มที่ 6 ก็ยังรณรงค์อยู่ ทั้งๆ ที่ในข้อเท็จจริงแล้ว ยิ่งฉีดวัคซีนมาก ยิ่งไปทำลายภูมิคุ้มกันของตัวเองมากขึ้น หรืออีกนัยหนึ่ง ฉีดวัคซีนมากขึ้น ก็ติดเชื้อมากขึ้น
จันทร์ที่ 18 กรกฎาคม ครม. อนุมัติเงิน 4 พันล้านบาท เพื่อจัดซื้อยารักษาโรคระบาด ฟาวิพิราเวียร์ โมลนูพิราเวียร์ เรมเดซิเวียร์
ท่านผู้ชมครับ ผมจะไม่พูดรายละเอียดของการแบ่งชำระเงิน ผมไม่ได้ตื่นตระหนกกับการแพร่ระบาดโรคระบาดระลอกใหม่ๆ นี้ ทั้งๆ ที่คนรู้จัก คนรอบตัว ลูกน้องผม ต่างติดเชื้อเพิ่มขึ้น และผมก็ไม่ได้วิ่งแจ้นไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 3-4-5-6 กับเขา ผมฉีดแค่ 2 เข็มแรก และผมฉีดวัคซีนที่พัฒนาจากเชื้อตายเท่านั้น ก็คือ ซิโนฟาร์ม
ผมไม่เคยยุยงส่งเสริมให้ใครไปฉีดวัคซีน หรือไล่เก็บยาฝรั่งมากักตุน สังคมไทยทุกวันนี้ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลข่าวสารหรือปัญญา แต่ขับเคลื่อนด้วยความกลัว กลัวว่าภูมิจะตก กลัวว่าจะติดเชื้อ กลัวว่าติดแล้วไม่มียาฝรั่งกิน แต่สังคมไทยไม่ได้ศึกษาหาความรู้ดำเนินการหลีกเลี่ยง ป้องกัน ดูแลรักษาสุขภาพ สร้างภูมิคุ้มกันที่เป็นพื้นฐานของร่างกายตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น หลีกเลี่ยงที่สาธารณะหรือชุมชน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รักษาสุขอนามัยของตนเองและครอบครัว เสริมภูมิในร่างกายด้วยอาหารรอบๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็นขิง ตะไคร้ หอมแดง กระชายขาว ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
ท่านผู้ชมครับ มีรัฐมนตรีและผู้ใหญ่หลายคนในรัฐบาลชุดนี้ฉีดวัคซีนไปแล้ว บางคนฉีดถึง 6 เข็ม กลับมาติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นคุณชวน หลีกภัย คุณอนุทิน ชาญวีรกูล คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ คุณพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก และผู้คนจำนวนมาก ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ที่ฉีดวัคซีนเทพอย่าง mRNA ไม่ว่าจะเป็นไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา มีการโปรโมตตลอดเวลาว่าฉีด 3 เข็ม 4 เข็ม ไม่พอ ต้องเข็ม 5 เข็ม 6
ท่านผู้ชมครับ ผมจะพูดอย่างสามัญสำนึกว่าเราไม่สงสัยหรือว่าการพัฒนาวัคซีนใหม่ๆ ใดๆ ก็ตาม ต้องใช้เวลาศึกษาผลกระทบต่างๆ เป็นเวลาสิบๆ ปี โดยเฉพาะ mRNA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ แต่กรณีการระบาดโควิด-19 รอเวลาไม่ได้ ทำให้วัคซีนถูกปล่อยออกมาก่อนบริษัทยาต่างๆ ทีนี้พอปล่อยออกมาแล้วก็ศึกษาไปพร้อมๆ กัน แต่เขาก็ต้องคิดในเชิงการตลาด คือพูดแต่ข้อดี ส่วนผลกระทบและข้อเสียต่างๆ ถูกซุกไว้ใต้พรมเพื่อหาผลประโยชน์ทางการตลาด เพื่อให้ได้ขายวัคซีนมากขึ้น เพราะอะไรล่ะครับ ? เพราะบริษัทวัคซีนต้องการกำไร
mRNA ถูกคำนวณไว้ตอนแรกว่าคนฉีดได้ 2 เข็ม ก็คงจะเป็นไปได้ตามนั้น หมายความว่าถ้าเกิดผลข้างเคียง เช่น ลิ่มเลือดอุดตัน กล้ามเนื้ออ่อนแรง หัวใจเต้นผิดปกติ ก็แก้ไขไปตามอาการ แต่การฉีดเข็ม 3-4-5-6 ไม่ได้อยู่ในแผนตั้งแต่ต้น เมื่อฉีดไปแล้ว เป็นไปได้ว่าวัคซีนก็ไปทำลายภูมิคุ้มกันธรรมชาติของมนุษย์ ไม่อย่างนั้นแล้วจะเป็นไปได้อย่างไร คนฉีดเข็ม 3-4-5-6 แล้วก็ติด
ครอบครัวพนักงานผมหลายคนเอาพ่อแม่แก่ชราไปฉีดวัคซีน จากเคยเดินคล่อง พอช่วยเหลือตัวเองได้ พอไปฉีดวัคซีนเข็ม 2 เข็ม 3 เพราะหมอแนะนำ พอฉีดจริงๆ กลับกลายเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง นอนติดเตียง เสร็จแล้วก็ต้องเอาพ่อแม่ไปฝาก Nursing Home เพราะลูกๆ ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพ พ่อแม่ไปติดเชื้อใน Nursing Home จากคนที่ดูแล แล้วเสียชีวิต แล้วแพทย์ส่วนใหญ่เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า หัวใจล้มเหลว ปอดอักเสบ ไม่ได้บอกว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด
พอได้หรือยังครับท่านผู้ชม ยาฟาวิพิราเวียร์ ที่ผมเรียกว่า ยากาฝาก ผลงานวิจัยต่างๆ มีออกมามากมายว่า ฟาวิพิราเวียร์ ไม่ได้ผลกับโควิด หมอบางส่วนยังออกมาบอกเลยว่ามันใช้ไม่ได้ แต่การปั่นกระแสของกระทรวงสาธารณสุข และหมอแก่ๆ เป็นความไม่ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ เป็นความอำมหิตของหมอและคนวงการสาธารณสุข ข้อเท็จจริงคือ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นคนผลิตฟาวิพิราเวียร์ เขายังไม่ใช้เลย ถ้าใครยังมาเถียงว่ากินฟาวิพิราเวียร์แล้วหาย คุณเลิกมโนได้แล้ว ไปหาอ่านงานวิจัยบ้าง ชอบอ้างอิงงานวิจัยกันนักไม่ใช่หรือ ฟาวิฯ มีผลวิจัยที่ไหน ประเทศไหน หมอคนไหนว่ารักษาหาย เอามากางให้ผมดูหน่อย พวกคุณอ้างว่ากินฟาวิฯ รักษาโควิดหาย แล้วออกมาโวยวายว่า สนธิ มันอคติ ผมจะบอกให้รู้ว่าพวกคุณไม่ได้ต่างอะไรจากพวกชาวบ้านที่อ้างว่ากินยาผีบอก กินขี้ไคลของพระบิดาแล้วหายจากโรคภัยไข้เจ็บ เพราะเขาพิสูจน์มาแล้วว่ามันใช้ไม่ได้
ประเด็นคือ ทำไมพวกหมอทั้งหลาย หรือพวกหมอชนบท ถึงเชียร์กันนักกับฟาวิฯ บ้าบอคอแตกนี่ ก็ต้องถามท่านผู้ชมว่า ระหว่างราคาฟาวิพิราเวียร์ กับฟ้าทะลายโจร ต่างกันมากมายมหาศาลแค่ไหน ก็ต่างกันเป็นสิบๆ หรือร้อยเท่า ที่สำคัญที่สุด ฟ้าทะลายโจรไม่มีค่าคอมมิชชัน
ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้ยาฟาวิพิราเวียร์ที่ขายกันบนดิน ใต้ดิน แบบไม่ต้องรอหมอจ่าย ราคาประมาณ 3-4 พันบาทต่อคอร์ส โมลนูพิราเวียร์ ที่แอบขายกันอยู่ ก็ราคา 2-7 พันบาทต่อคอร์ส
ท่านผู้ชมครับ การปั่นกระแสยารักษาโรคระบาดในเวลานี้โดยหมอและคนในวงการสาธารณสุข รวมทั้งสื่อมวลชน สร้างความเหลื่อมล้ำต่ำสูง คนรวย คนมีอภิสิทธิ์ สามารถหาซื้อได้ คนจน ชนนั้นกลาง คนไม่มีอภิสิทธิ์ ก็เข้าไม่ถึง หรือไม่เชื่อมั่นในของใกล้ตัวที่มีอยู่แล้ว อย่างฟ้าทะลายโจร
ท่านผู้ชมครับ โมลนูพิราเวียร์ ที่ผลิตโดยไฟเซอร์ ที่บอกว่าสามารถจะรักษาคนที่ติดเชื้อได้ กินไปแล้ว 5 วัน หาย ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมที่เชื่อเรื่องนี้ แล้วปักใจว่าโมลนูพิราเวียร์นั้นคือการรักษาคนที่ติดเชื้อโควิดได้ ท่านผู้ชมที่เชื่อเรื่องนี้ ท่านโง่หรือเปล่า ยิ่งถ้าท่านมีการศึกษา ท่านเป็นหมอด้วย ผมว่าท่านโง่บัดซบเลย เพราะฟ้าทะลายโจรพรีเมียมของอาจารย์ปานเทพ 3 ร้อยกว่าบาท 60 เม็ด กินวันละ 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น มื้อละ 4 เม็ด 5 วันหาย พิสูจน์กันมาแล้ว แล้วคุณไปซื้อโมลนูพิราเวียร์ เอาล่ะ 5 วันมันหาย แต่คุณจ่ายเงินไป 4-5 พันบาท แล้วมันเป็นยาเคมี มันไปลงตับ ส่วนฟ้าทะลายโจร คือสมุนไพร ผมไม่รู้ว่าทำไมคนไทยถึงยังโง่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกหมอต่างๆ โง่ฉิบหายเลยที่เชื่อในเรื่องฟาวิพิราเวียร์
ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้ผมมีเรื่องที่จะต้องพูดหลายเรื่อง เรื่องแรกคือ ผมจะฉีกหน้ากากไอ้โม่งที่งาบสินบนโรลส์-รอยซ์ จับโกหกทนง พิทยะ เรื่องที่สอง คนพูดกันมามากมายและถามผมว่า ถ้าอเมริกา รัสเซีย จีน รบกัน ใครจะชนะ ผมให้คำตอบงวดนี้ แล้วขอต่อด้วยสถานภาพของ "ผู้เฒ่าเซื่องซึม" ก็คือ โจ ไบเดน อนาคตที่มืดมนของอเมริกา แล้วเรื่องที่สี่ สำคัญมาก ทูตสหรัฐฯ คนใหม่ที่จะมาตั้งธงมาป่วนไทย จะบีบไทยในเรื่องนู้นเรื่องนี้ เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย ฟังให้ดีๆ แล้วท่านจะเห็นด้วยกับผม และเรื่องสุดท้าย ผมมีเกร็ดในการซักฟอกคุณชัยวุฒิ รัฐมนตรีฯ ดีอี ที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวคราวว่าเลิกกับเมีย หย่ากับเมีย ในสภาฯ เรื่องพวกนี้ผมจะพูดจากใจ ถึงคุณชัยวุฒิ ท่านผู้ชมรอฟังต่อไป
ท่านผู้ชมครับ สัปดาห์นี้ท่านผู้ชมคงจะได้ข่าวเกี่ยวเนื่องกับกรณีสินบนเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ มูลค่า 1,200 ล้านบาท ที่จ่ายให้กับผู้บริหารการบินไทยในอดีต เพื่อจัดซื้อเครื่องบิน 3 ครั้ง ใน 3 ยุค ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องมหากาพย์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลชุด รสช. 2535 เรื่อยมาจนรัฐบาลพลเรือน ชวน บรรหาร ชวลิต 2535-2540 และสุดท้ายคือยุคของทักษิณ ชินวัตร 2547-2548 ช่วงที่มีปัญหาในเรื่องของการคอร์รัปชัน ติดสินบาทคาดสินบนเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์นั้น ทักษิณ ชินวัตร นั่งเป็นนายกรัฐมนตรี ส่งนายทนง พิทยะ หรือที่ผมเรียกเขาว่า ทนง ลำไย เพราะนั่นคือนามสกุลเดิมของเขา เข้าไปเป็นประธานบอร์ดการบินไทย เนื่องจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดคดีอาญา คดีสินบนทั้งหมดกับบุคคล 2 คน ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารการบินไทย คนแรก คือ นายทนง พิทยะ อดีตประธานบอร์ดการบินไทย คนที่สอง คือ นายกวีพันธ์ เรืองผา อดีตรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการเงินและบัญชี ส่วนจำเลยอีก 9 คน (ทั้งหมดมี 11 คน) ชี้มูลความผิดทางวินัย ไม่ได้มีคดีอาญาขึ้นมา แต่เนื่องจากหลายคน และทุกคนนั้นลาออก หรือหมดเทอมการอยู่กับองค์กรการบินไทยแล้ว ก็คือผิดวินัย ผิดวินัยร้ายแรง ผิดวินัยธรรมดา
ท่านผู้ชมครับ สองปีกว่าที่แล้ว วันที่ 6 ธันวาคม 2562 ผมพูดเรื่อง "ใครกินสินบนโรลส์-รอยซ์" แบบเป๊ะๆ ผมพูดอย่างเป๊ะมากเลย ใครยังไม่เคยดู ไปลองเปิดดูได้ ตอนนี้เหตุการณ์ผ่านมาแล้วสามปี 18 กรกฎาคม 2565 ป.ป.ช. ชี้มูลแล้ว ความผิดทางกฎหมายที่นายทนง พิทยะ และรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการเงินฯ ผิดตรงไหน ? มีความผิดทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ 2502 ใน 2 มาตรา ผิดมาตรา 8 โทษระวางจำคุกห้าปี ถึงยี่สิบปี หรือ จำคุกตลอดชีวิต และผิดมาตรา 11 ผู้ใดเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต้องโทษระวางจำคุกหนึ่งปี ถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพัน ถึงสองหมื่นบาท
คดีในส่วนนี้เดิมทีมีผู้ถูกกล่าวหา 11 คน หนึ่งคนคือ นายศรีสุข จันทรางศุ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ก็เหลือ 10 คน ว่ากันว่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทนง พิทยะ แต่ไม่โดนข้อหา ก็คือ นาวาอากาศโท ศุภชัย ลิมปิสวัสดิ์ ไม่มีชื่อติดอยู่ ทั้งๆ ที่ในข้อเท็จจริงแล้ว เกี่ยวข้องโดยตรง อาจจะเป็นเพราะว่า ... ผมเดาเอา และผมคิดว่าผมเดาไม่ผิด ป.ป.ช. คงเอา นาวาอากาศโท ศุภชัย ลิมปิสวัสดิ์ เป็นพยานทางฝ่ายรัฐ ทางฝ่าย ป.ป.ช. เพราะว่า ศุภชัย ลิมปิสวัสดิ์ กุมความลับทั้งหมด รู้ว่าใครสั่งอะไร และให้ส่งเรื่องไปที่ใครเพื่อตัดสินใจ เพราะฉะนั้นแล้ว ศุภชัย ลิมปิสวัสดิ์ ก็คือกุญแจสำคัญ และผมเชื่อว่าเขาจะต้องถูกเรียกตัวไปเป็นพยานให้กับ ป.ป.ช. เมื่อเรื่องนี้ขึ้นศาล
ส่วนทนง พิทยะ นั้น ก็ปากกล้าขาสั่น อ้างว่าไม่กังวล ไม่ได้กระทำผิด โดยอ้างว่าเคยเข้าไปชี้แจง 2 ครั้ง และยืนยันว่าไม่เห็นจะมีหลักฐานอะไรจะมาเอาผิดผมได้ สรุปแล้ว สไตล์นายทนง พิทยะ ซึ่งปัจจุบันไปนั่งเป็นประธานบอร์ดบริษัทเอกชน คือผู้ร้ายปากแข็ง เพราะจริงๆ แล้วความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ มีบทลงโทษที่ร้ายแรงมาก และผมเชื่ออยู่อย่าง ท่านผู้ชมครับ ผมไม่ได้คิดว่า ป.ป.ช. จะซี้ซั้ว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และคนถูกกล่าวหาเป็นอดีตประธานบอร์ด อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในยุคทักษิณ ชินวัตร ป.ป.ช. ต้องทำงานด้วยความรอบคอบ และผมเห็น ป.ป.ช. กล่าวโทษใคร แม้กระทั่งคนอย่างวัฒนา เมืองสุข ที่บอกว่าตัวเองไม่ผิด ศาลก็พิพากษาให้ผิด เพราะฉะนั้นแล้ว ผมให้ความมั่นใจพอสมควรว่า คดีนี้ ป.ป.ช. มีหลักฐานที่แน่นพอสมควร และอาจจะเป็นหลักฐานที่เขาไม่ได้ยื่นให้กับนายทนง ดูก็ได้ เขาเก็บเอาไว้ ซ่อนไพ่ใบนี้เอาไว้
ท่านผู้ชมครับ เรื่องมาตรา 8 เคยมีกรณีแล้ว ที่ทนง ผิด ท่านผู้ชมจำคุณจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และลูกสาว ได้ไหม โดนพิพากษาจำคุก มาตรา 8 ห้าสิบปี ลูกสาวโดนสี่สิบปี พร้อมกับยึดทรัพย์ทั้งหมด ตอนนั้นท่านอดีตผู้ว่าฯ จุฑามาศ โดนเล่นงานด้วยมาตรา 6 ซึ่ง 6, 7, 8 เหมือนกัน และ 11 เพียงแต่ 11 นั้น โทษน้อยลงหน่อย
เพราะฉะนั้น นายทนง กับ นายกวีพันธ์ เรืองผกา โดนมาตรา 8 ของ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดของพนักงานฯ ส่วนมาตรา 11 นั้น คดีมันหมดอายุความไปแล้ว อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ ผมได้สอบถามคนวงใน ทราบว่าจริงๆ แล้วผู้ที่กระทำผิดในกรณีนี้จริงๆ ควรจะมี 3 คน ไม่ใช่ 2 คน นอกจากนายทนง พิทยะ และ นายกวีพันธ์ เรืองผกา แล้ว ยังควรมีชื่อ นาวาอากาศโท ศุภชัย ลิมปิสวัสดิ์ ซึ่งเวลานั้นดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการฝ่ายช่าง บริษัท การบินไทยฯ เข้าไปด้วย แต่ผมเชื่อว่าที่หลุดเพราะถูกกันเป็นพยาน ลองไปเช็กดูนะครับท่านผู้ชม
ท่านผู้ชมครับ ผมจะไม่เอาตารางองค์กรเพื่อจะมาอธิบายให้ฟัง เพราะว่ามันซับซ้อน ผมจะเอาการจับโกหกทนง พิทยะ กรณีสิบน
สินบนโรลส์-รอยซ์ มันเกิดขึ้นจากสำนักงานปราบปรามทุจริตของอังกฤษ หรือที่เขาเรียกว่า SFO : Serious Fraud Office เกี่ยวพันกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศไทย มี ปตท. และการบินไทย ในวันที่ 18 มกราคม 2560 ห้าปีที่แล้ว ในกรณีการบินไทย วันที่นายทนง อดีตประธานกรรมการการบินไทย ได้เห็นข่าวนี้ รีบออกมาให้สัมภาษณ์แก้ตัวในรายการ เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ของนายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ วันที่ 20 มกราคม คือวันที่ 18 มกราคม เขาแจ้งมาว่าคนไทยรับสินบน คนการบินไทย นายทนง ร้อนตัว รีบให้สัมภาษณ์กับนายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ทางช่องสปริงนิวส์ วันที่ 20 มกราคม สองวันให้หลัง
เนื้อหาหลักๆ คุณทนง โยนขี้ไปให้ศรีสุข จันทรางศุ รองประธานกรรมการ การบินไทย และอดีตปลัดกระทรวงคมนาคม สมัยรัฐบาลทักษิณ ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เมื่อรัฐบาลทักษิณ ปี 2557 เกือบสิบปีที่แล้ว ตอนนั้นเป็นรองประธานบอร์ดการบินไทย นายทนง อ้างว่า สมัยผมอยู่ ผมก็เล่าได้ เพราะผู้ที่ดูแลยุทธศาสตร์การจัดซื้อเครื่องบิน ดูความต้องการเครื่องมือ คือท่านศรีสุข ท่านเป็นประธานคณะกรรมการจัดหาเครื่องบิน ท่านผู้ชมครับ นี่คือสิ่งที่นายทนง พูด แต่ในข้อเท็จจริง อนุกรรมการดังกล่าวที่นายทนง ตั้งขึ้นมา ตั้งมา 16 กรกฎาคม 2547 เพื่อวางแผนการบินและพิจารณาวางแผนจัดหาเครื่องยนต์ มันมีความผิดสังเกต และผมเชื่อว่า ป.ป.ช. เองก็รู้ข้อมูลนี้ ให้เวลาเพียง 28 วัน ในเอกสารระบุ 30 วัน แต่ทนง เซ็นให้มีผลย้อนหลังไป 2 วัน คือวันที่ 14 กรกฎาคม ให้นายศรีสุข ดำรงตำแหน่งประธานอนุกรรมการ นายกนก อภิรดี ซึ่งโดนคดีนี้ แต่ว่าผิดวินัยร้ายแรง ไม่มีคดีอาญา นายกนก อภิรดี ดำรงตำแหน่งรองประธานอนุกรรมการ แล้ว (ท่านผู้ชมตั้งใจฟังดีๆ) กันตัวเอง (คือ ทนง) ไปเป็นที่ปรึกษาอนุกรรมการ มีชื่อลำดับที่หนึ่งของการแต่งตั้ง
ถามว่าในข้อเท็จจริง ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการ ก็คือประธานกรรมการ ประธานอนุกรรมการ ก็คือศรีสุข รองประธานคือ กนก อภิรดี ถามว่าในฐานะที่ปรึกษา เป็นเจ้านายใหญ่ที่สุด มีอำนาจมากที่สุดในการบินไทย แต่มานั่งเป็นที่ปรึกษา เมื่อนั่งเป็นที่ปรึกษาแล้ว ก็ถามว่าประธานอนุกรรมการ ซึ่งเป็นลูกน้องของทนง หรือ กนก จะตัดสินใจด้วยตัวเองได้อย่างไร ถ้ามีที่ปรึกษาซึ่งนั่งเป็นประธานหัวโด่อยู่ และผมเชื่อว่าตรงนี้เป็นตัวที่ชี้ให้เห็น
เรื่องนี้ อนุกรรมการจัดซื้อเครื่องบิน-เครื่องยนต์ ถูกนายทนง ตั้งขึ้นมาอย่างเร่งด่วนเลย เพราะว่าตอนนั้นจะมีการเลือกตั้งในช่วงปี 2548 พรรคของทักษิณ ชินวัตร ซึ่งทำให้ทักษิณ ชินวัตร ได้ชนะเลือกตั้งถล่มทลาย ตั้งรัฐบาลทักษิณ 2 เวลาที่ตั้งอนุกรรมการขึ้นมา มีเวลาน้อยมากในการศึกษาหาข้อมูล รวมทั้งกลั่นกรอง จนในที่สุดต้องมีการดำเนินการซื้อเครื่องบินและเครื่องยนต์ ผมเชื่อว่าตามคำชี้นำของนายทนง ซึ่งวางเครือข่าย นี่ไง ซึ่งเครือข่ายของนายทนง อยู่ในฝ่ายช่าง วางไว้เรียบร้อยแล้ว ศุภชัย ลิมปิสวัสดิ์ รู้หมดเลยว่าถูกสั่งมาอย่างไร เพราะฉะนั้นแล้ว ผมเชื่อว่าเมื่อ ป.ป.ช. สอบแล้ว ศุภชัย คือตัวการที่จะจับนายทนง ติดคุกได้ ก็เลยต้องละเว้นศุภชัย แล้วกันเอาไว้เป็นพยาน นั่นคือการจับโกหกครั้งที่หนึ่ง
จับโกหกครั้งที่สอง อ้างว่าไม่รู้เรื่องการจัดซื้อเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ ซีรีส์ T800 ข้อเท็จจริง ในสำเนาใบสั่งซื้อบริษัท การบินไทยฯ ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2004 (พ.ศ. 2547) ถึงบริษัท โรลส์-รอยซ์ มีการสั่งซื้อเครื่องบิน Rolls-Royce Trent 892-17 ซึ่งเป็นซีรีส์ T800 ที่นายทนง บอกว่าไม่รู้เรื่องการจัดซื้อเครื่องบินเลย จำนวน 1 เครื่อง โดยระบุว่าเพื่อเป็นอะไหล่สำรองให้กับเครื่องบิน โบอิ้ง 777-200 ER มูลค่า 18 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้ส่วนลด 15 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 15 ล้านเหรียญสหรัฐ รายละเอียดจะส่งมอบให้เดือนกันยายน 2549 เทอมการจ่ายเงินมัดจำ จ่ายเงินเป็นงวด หลังรัฐบาลอนุมัติ 12 เดือนก่อนส่งมอบและจ่ายที่เหลือ
ท่านผู้ชมครับ เรามาจับโกหกกันดีไหม ? ผมจะเอาเอกสารชิ้นหนึ่งขึ้นจอให้ดู เอกสารชิ้นนี้ด้านล่างขวามีการลงชื่อ นายทนง พิทยะ ตำแหน่ง DH โค้ด DH คือประธานบอร์ด ระบุ วันที่ 12 มกราคม 2005 (2548) ท่านผู้ชมเห็นไหม แล้วเขาบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องได้อย่างไร ข้อมูลต่างๆ พวกนี้ ป.ป.ช. ก็มี แล้วถ้าได้รับการให้การจาก นาวาอากาศโท ศุภชัย ลิมปิสวัสดิ์ และเอกสารที่ทนง เซ็นรับทราบว่ามีการซื้อเครื่อง Trent T800 แล้วตัวเองบอกว่าไม่เคยสั่งซื้อ นี่คือการจับโกหก
ท่านผู้ชมครับ ผมจะบอกอะไรให้อย่างนะ ผมเคยพูดเรื่องนี้มานานแล้ว และผมเคยกล่าวหาว่าการบินไทยนั้น ผู้บริหารระดับสูงมีส่วนเกี่ยวในการรับสินบาทคาดสินบน ตั้งแต่ค่าคอมมิชชันของเครื่องบิน ซึ่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส A-340 500-600 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่แอร์บัสไม่ผลิตออกมาขายอีกแล้ว และเหลือเครื่องอยู่เยอะ ขายไม่ออก เพราะฉะนั้นค่าเปอร์เซ็นต์ที่เคยจ่ายกัน 3 เปอร์เซ็นต์ ก็เลยเพิ่มเป็น 5 เปอร์เซ็นต์ 5 เปอร์เซ็นต์ นี่คือเข้ามือผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเงินก้อนนี้ก็เอาไปจ่ายให้กับพรรคการเมืองซึ่งเป็นรัฐบาลตอนนั้น เพื่อหาเสียงเลือกตั้ง แล้วยังพ่วงด้วยการซื้อเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ ที่ทนง บอกว่าไม่เคยสั่ง แล้วผมเอาหลักฐานมายืนยันว่าสั่ง ไม่ใช่ไม่สั่ง
ท่านผู้ชมครับ ผมรู้จักเขาดี ผมเป็นเด็กอัสสัมชัญศรีราชา รุ่น 18 เขาก็รุ่น 18 เหมือนกัน แต่ช่วงหลังผมตัดญาติขาดมิตรกับเขา ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ เพราะการกระทำของเขาในช่วงที่เขาเป็นประธานบอร์ดการบินไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมัยที่ยังไม่ตัดขาดญาติมิตรกัน เขาโม้ให้ผมฟัง ขอโทษนะครับ เขาบอกว่า กูไปอังกฤษมา กับไอ้ต้อม (เมียเขา) โรลส์-รอยซ์ เอา Private Jet มารับกูเลย กูจะบินเที่ยวฝรั่งเศส ไปยุโรป นั่ง Private Jet ของโรลส์-รอยซ์ ท่านผู้ชมครับ นี่คือการเช็กบิลอีกใบหนึ่ง ว่าความสนิทสนมของ ทนง กับโรลส์-รอยซ์ นั้น ใกล้ชิดกันขนาดไหน
เอาล่ะ ไม่เป็นไร เอาเป็นว่ารอเวลาขึ้นศาล คุณทนง มั่นใจว่าหลุด ก็เหมือนกับคุณวัฒนา เมืองสุข ก็มั่นใจว่าหลุด แต่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต ผมบอกมานานแล้วไงท่านผู้ชม การบินไทย ถ้าจะเล่นงาน ต้องเล่นงานถึงระดับบอร์ด และประธานบอร์ด จะไปเล่นงานระดับล่างอย่างเดียวได้อย่างไร ก็ประธานบอร์ดนี่ล่ะตัวดี เพราะมันได้รับคำสั่งมา มันมีสิทธิ์โยกย้าย ตั้งอนุกรรมการขึ้นมา และจริงๆ แล้วในโครงสร้างที่ผมไม่ได้เอาขึ้นให้ดู เขาให้ฝ่ายช่างทำการสำรวจ วิเคราะห์ เสร็จเรียบร้อยแล้วให้ส่งเรื่องทั้งหมดตรงไปหาตัวเขาเลย ประธานบอร์ด กนก อภิรดี ไม่รู้เรื่อง กนก อภิรดี โดนข้อหาผิดวินัยร้ายแรงก็เพราะว่า กนก อภิรดี ควรที่จะคัดค้านในการสั่งซื้อเครื่องต่างๆ เหล่านี้ ในฐานะที่ตัวเองเป็น ดีดี แต่กนก ไม่ได้ทำ ก็เลยผิดวินัยร้ายแรง แต่คนที่สั่งให้ซื้อนั้น ก็คือ ทนง พิทยะ แล้วใครล่ะส่งข้อมูลบอกให้ซื้อได้ ? ก็คือคนของฝ่ายช่างที่เป็นเครือข่ายของคุณทนง พิทยะ และคนที่รู้เรื่องดีที่สุดก็คือ นาวาอากาศโท ศุภชัย ลิมปิสวัสดิ์ ซึ่งผมเชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าตอนนี้ ป.ป.ช. กันไว้เป็นพยาน
ท่านผู้ชมครับ กรรมใดใครก่อ รับไปก็แล้วกัน คุณทนง อายุเท่าผมล่ะ ประมาณ 74-75 ผมเสียดาย ถ้าแพ้คดีนี้ ติดคุกหัวโตเลยงานนี้ ท่านผู้ชมครับ กรรมใดใครก่อ หนีกรรมกันไม่พ้นหรอก
ผมเป็นคนที่ชอบอ่าน ติดนิสัยมาตั้งแต่เด็ก ทุกวันนี้ก็ยังอ่านข่าวสารข้อมูล ความเห็นคนโน้นคนนี้ หรือไม่ก็ดูคลิปวิดีโอจากเฟซบุ๊ก จากยูทูบ จากไลน์ หรือไม่อีกอันก็สนใจในหัวข้อของคลิปวิดีโอของทางตะวันตก คลิปวิดีโอของทางรัสเซีย คลิปวิดีโอของทางจีน อ่านเสร็จ ดูเสร็จ ถ้าอันไหนมีเรื่องราว มีสาระ ฟังดูสมเหตุสมผล ผมก็ส่งต่อ หรือไม่ผมก็ปรินต์ให้ทีมงาน ให้ลูกให้หลาน ให้ลูกน้องอ่านบ้าง เพื่อเป็นการเปิดมุมมอง ขยายองค์ความรู้ให้กับคนรอบตัว ถ้าอันไหนสำคัญหน่อยก็จะให้ทีมงานรายการ SONDHI TALK นำข้อมูลชิ้นนั้นไปค้นคว้าเพิ่มเติม สืบค้นแบ็กกราวนด์ นำมาเชื่อมโยงปะติดปะต่อ ถกเถียง เรียบเรียงทางความคิด ก่อนจะนำมาเสนอผ่านรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ในวันศุกร์
นอกจากนั้นแล้ว ข้อความใน inbox ที่ส่งมานั้น ผมก็ได้อ่านทุกข้อความ หลายๆ เรื่องผมก็มอบหมายให้ทีมงานไปค้นคว้าเพิ่มเติม บางอันที่มีเหตุมีผลก็ทำ บางอันที่จนปัญญาด้วยเกล้าในการทำเพราะว่าเรื่องราวมันเยอะเหลือเกิน แล้วเรื่องราวมันค่อนข้างเล็ก มันไม่ใหญ่และมีการสั่นสะเทือนสังคมได้ ผมก็ต้องวางเอาไว้ว่าเป็นตัวเลือกตัวต่อไป
inbox อันหนึ่งที่คนเข้ามาเยอะพอสมควรเลย นั่นคือความขัดแย้งของอเมริกา รัสเซีย และจีน ผมเชื่อว่ามีการถกเถียงกันมาตลอดเวลา และ inbox ที่ตั้งข้อสงสัยมาเยอะมาก คือคำถามที่ว่า คุณสนธิครับ/คุณสนธิคะ ถ้าอเมริกา กับ รัสเซีย รบกัน ใครชนะ ? ทั้งนี้ทั้งนั้นคำถามเรื่องนี้มีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่รัสเซียบุกยูเครน ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เมื่อห้าเดือนที่แล้ว ฝั่งที่เชียร์อเมริกา แน่นอนที่สุด ก็บอกว่าอเมริกาชนะแน่นอน เพราะว่าหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองมา อเมริกามีกองทัพที่เข้มแข็งที่สุด มีฐานทัพอยู่ทั่วโลกกว่า 800 แห่ง ไม่ว่าจะดูเรื่องกำลังทหาร เทคโนโลยี หรืองบประมาณแล้ว อเมริกาไม่มีทางแพ้ อยู่ที่ว่าปืนนัดแรกที่จะยิงกัน จะยิงเมื่อไร และที่สำคัญ คือ ยิ่งที่ไหน ? ยิงในเอเชียแปซิฟิก หรือยิงในยุโรป
ผมเอาแผนภูมิงบประมาณประจำปี 2564 (ค.ศ. 2021) ที่ใช้ในด้านกลาโหม ทางการทหารของอเมริกา อเมริกาใช้เงินปีที่แล้วในการสร้างแสนยานุภาพทางการทหารถึง 8 แสน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเท่ากับ 29.3 ล้านล้านบาท ตกประมาณ 7 เท่าของงบประมาณแผ่นดินของประเทศไทย
ยอดของการใช้งบประมาณกลาโหมของอเมริกานั้น รวมอีก 9 ประเทศที่รองลงมา ยังน้อยกว่าอเมริกาประเทศเดียว เพราะฉะนั้นแล้ว หลักการก็คือง่ายๆ จะเห็นได้ชัดว่าอเมริกานั้นเสริมแสนยานุภาพทางการทหารเพื่อเอาไปเสริมฐานทัพที่ตัวเองมีอยู่ประมาณ 800 แห่ง เพื่อที่จะรุกรานโลกนี้
รองจากอเมริกา มีจีน อินเดีย อังกฤษ รัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมนี ซาอุดีอาระเบีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ทั้งหมดรวมแล้ว 9 ประเทศนี้ ยังสู้งบประมาณของอเมริกาประเทศเดียวไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้ว เราจะเห็นได้ชัดว่าอเมริกาคือคนที่ลงทุนทางด้านอาวุธยุทโธปกรณ์มากที่สุด อย่างไรก็ตาม การทำสงครามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของอเมริกานั้น ถึงแม้ว่าโดยรวมแล้วแสนยานุภาพของอเมริกาจะใหญ่กว่า แต่ถ้าทำสงครามในพื้นที่ซึ่งเป็นหน้าบ้านของจีน ไม่ง่ายหรอกครับ แม้ว่าอเมริกาจะกระจายฐานทัพไปทั่วโลกถึง 800 แห่ง อเมริกามี 6 กองเรือ ที่มีเรือบรรทุกเครื่องบิน ครอบคลุมทุกทวีป ทุกมหาสมุทร และทุกทะเลทั่วโลก แต่ถ้าได้มีการยิงปืนนัดแรกในสงครามเอเชียแปซิฟิกแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะวัดการแพ้-ชนะ ด้วยยอดแสนยานุภาพเมื่อเปรียบเทียบระหว่างอเมริกา กับ จีน
ประเด็นสำคัญ ถ้าเกิดสงครามในเอเชียแปซิฟิก หรือทะเลจีนตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นไต้หวัน หรือญี่ปุ่น สำหรับจีนแล้วถือว่าเป็นการสู้รบที่หน้าบ้านตัวเอง ส่วนอเมริกานั้นเป็นการรบนอกบ้านโดยอาศัยกองเรือที่ 7 ฐานบัญชาการหลักอยู่ที่เมืองโยโกซูกะ ในจังหวัดคานางาวะ ใกล้ๆ กับเมืองโยโกฮามา หน่วยบัญชาการภาคพื้นอินโดแปซิฟิกของอเมริกานั้นมีฐานบัญชาการหลักอยู่ที่เกาะฮาวาย ท่านผู้ชมครับ จริงๆ แล้วสองปีกว่าที่แล้วผมเคยเล่าให้ฟังถึงเรื่องนี้ไปแล้ว ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 34 ออกอากาศครั้งแรกวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม ว่ามันเคยมีหน่วยงานคลังสมอง พวก Think Tank ด้านนโยบายโลกที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ หน่วยงานนี้เป็นของสหรัฐฯ เอง ชื่อ RAND CORPORATION
หน่วยงานนี้ หน่วยงานคลังสมอง เปิดเผยถึงผลการจำลองสถานการณ์สงครามสู้รบ บางคนถึงกับบอกว่าเป็นสงครามโลกครั้งที่สาม ระบุว่า ถ้าอเมริกาต้องทำสงครามกับชาติมหาอำนาจด้านการทหารอย่างรัสเซีย และจีน จะเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่าได้มีการทำ Simulation คือจำลองเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สามระหว่างอเมริกาฝั่งหนึ่ง จีนและรัสเซีย ฝั่งหนึ่ง จำลองเหตุการณ์นี้ 3 ครั้ง ผลออกมาว่า Simulation ทั้ง 3 ครั้ง อเมริกาแพ้ราบคาบทั้ง 3 ครั้ง
มีนาคม 2562 บริษัท RAND CORPORATION ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร องค์กรคลังสมองด้านนโยบายโลกที่ตั้งอยู่ในอเมริกา เปิดเผยถึงสถานการณ์สู้รบ โดยจำลองเหตุการณ์ อ้างว่า ตั้งทฤษฎีว่าถ้าอเมริกาต้องทำสงครามกับชาติมหาอำนาจด้านการทหารอย่างรัสเซีย และจีน แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่า อเมริกา ฝ่ายน้ำเงิน พ่ายแพ้อย่างหมดรูปให้กับรัสเซีย และจีน คำพูดของนายเดวิด โอชมาเนค บอกว่า เราจะสูญเสียผู้คนจำนวนมาก สูญเสียยุทโธปกรณ์จำนวนมาก เราจะล้มเหลวในการทำตามเป้าหมายที่จะป้องกันการรุกรานจากศัตรู ซึ่งนักวิเคราะห์ด้านสงครามของ RAND CORPORATION ได้พูดออกความเห็นให้กับศูนย์เพื่อความมั่นคงของอเมริกาใหม่ ที่เขาเรียกว่า Center for New American Security ทั้งนี้ การจำลองสถานการณ์สู้รบในสนามจะแบ่งออกเป็น 5 แนวรบ คือ บก น้ำ อากาศ อวกาศ และไซเบอร์
แนวรบบนท้องฟ้า ฝ่ายแดง หมายถึงรัสเซีย และจีน การจำลองเหตุการณ์ปรากฏว่า มักจะทำลายเครื่องบินล่องหนตั้งแต่อยู่บนรันเวย์ จมเรือรบ ทำลายฐานทัพ และจัดการระบบสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการทหารของอเมริกาเสียอยู่หมัดเลย
นายโรเบิร์ต เวิร์ค อดีตรัฐมนตรีช่วยกลาโหมอเมริกา กล่าวว่า ในทุกกรณี เครื่องบิน F-35 ที่เป็นเจ้าเวหาเมื่ออยู่บนน่านฟ้า จะถูกจัดการอย่างเรียบร้อยโรงเรียนจีนเมื่อจอดอยู่บนพื้น ทั้งนี้ ทั้งจีน และรัสเซีย ยังไม่เสร็จสิ้นการพัฒนาเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 5 ซึ่งมีเทคโนโลยีระดับสูงเทียบเท่าและเหนือกว่าที่ F-35 มี แต่นักวิเคราะห์บอกว่า เมื่อเครื่องบินไฮเทคจอดอยู่บนพื้นดิน มันกลายเป็นเป้าที่ถูกโจมตีได้อย่างง่ายดาย
แล้วกองเรืออเมริกาสำคัญแค่ไหน ? กองเรืออเมริกาถูกกันออกจากสงคราม นักวิเคราะห์บอกหลังจากทำจำลองเหตุการณ์แล้วว่า "เรือที่ลอยอยู่บนผิวน้ำจะประสบความยากลำบากในสงครามลักษณะนี้" โอชมาเนค เผย และเขาพูดต่อว่า เรือบรรทุกเครื่องบิน และเรือที่รายรอบอยู่ จะตกเป็นเป้าได้อย่างง่ายๆ แม้การกำจัดเรือเหล่านี้ให้สิ้นซากจะเป็นเรื่องยาก แต่ว่าถ้าจะตัดเรือเหล่านี้ออกจากการสู้รบ ก็ไม่ได้ยากอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
อีกความเห็นหนึ่งของผู้เชี่ยวชาญทางการรบทางเรือ ประเมินว่า ตอนนี้เรือบรรทุกเครื่องบินของอเมริกาต้องดำเนินการห่างจากแผ่นดินจีนอย่างน้อย 1 พันไมล์ทะเล ไกลมากท่านผู้ชม แต่เท่าที่ผมเช็กข้อมูลและค้นคว้ามา ขีปนาวุธป้องกันชายฝั่งของประเทศจีนตอนนี้มีพิสัยไกลได้ถึง 3 พันกิโลเมตร เพราะฉะนั้นแล้ว ที่บอกว่าต้องตั้งห่างจากชายฝั่งจีน 1 พันไมล์ทะเล ก็อาจจะไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว อาจจะต้องตั้งออกไปไกลถึง 2 พันไมล์ทะเล ถ้าตั้งไกลไปถึง 2 พันไมล์ทะเล ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามันไปเกือบๆ จะถึงเกาะฮาวายแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าต้องตั้งไกลออกไปขนาดนั้นเพื่อหลบเลี่ยงขีปนาวุธซึ่งจีนในรอบสิบปีที่ผ่านมาได้พัฒนาขีปนาวุธเพื่อทำลายกองเรือโดยเฉพาะ เนื่องจากอเมริการนั้นเน้นที่กองเรือ กองเรือที่ 7 กองเรือที่ 6 กองเรือที่ 5 เพราะฉะนั้นจีนจะเน้นขีปนาวุธที่สร้างขึ้นมาในตระกูลตงเฟิง (DF) ซึ่งวางไว้ตามริมชายฝั่ง แล้ววางซ่อนเอาไว้ วางอยู่บนรถบนถนน ยิงจากรถบรรทุกได้ รวมไปจนถึงขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกที่เร็วกว่าเสียงถึง 5 เท่า 10 เท่า
ผู้เชี่ยวชาญทางเรือก็ยืนยันว่า อย่างน้อยที่สุดต้อง 1 พันไมล์ทะเล แต่ผมคิดว่าต้องมี 2 พันไมล์ทะเลแล้ว เพราะความเห็นนี้เป็นความเห็นที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว 2-3 ปีที่แล้ว จีนพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกล แต่ไม่ได้ข้ามทวีป ที่สามารถจะยิงได้ 2-3 พันไมล์ทะเลได้ ถูกเป้าอย่างแม่นยำ มิหนำซ้ำผู้เชี่ยวชาญทางการรบของคลังสมอง RAND CORPORATION ยังบอกเลยว่า ถ้าสนามรบเราอยู่ที่ยุโรป ฐานทัพเดียวที่จะเป็นแหล่งเติมเชื้อเพลิงให้เราได้ก็คือฐานทัพอากาศ Ramstein ซึ่งอยู่ในเยอรมนี แห่งเดียวเท่านั้นเอง
อดีตรัฐมนตรีช่วยฯ กลาโหมระบุ แม้เราจะมีกองพลน้อยชุดรบอยู่ 58 กองพล แต่เราไม่มีความสามารถอะไรในการปกป้องฐานทัพเราได้ เมื่อคุณไม่สามารถปกป้องฐานทัพคุณได้ แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่คุณจะมีกองพันรบอยู่ถึง 58 กองพล
ทีนี้ ถ้าอเมริกากระจายฐานทัพไปทั่วยุโรป และพื้นภูมิภาคแปซิฟิก ถ้าอเมริกาไม่มีศักยภาพของระบบในการป้องกันจรวดขีปนาวุธจากอากาศ ซึ่งต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ในสงครามขนาดใหญ่ อเมริกาก็จะพ่ายแพ้อย่างชนิดที่เรียกว่า ยับเยิน
ท่านผู้ชมครับ ในสงครามความขัดแย้งกับชาติที่มีศักยภาพใกล้เคียง ระบบการสื่อสารด้วยดาวเทียมของอเมริกา ระบบสั่งการและควบคุม (Command & Control) ส่วนระบบสื่อสารไร้สายจะล่ม ระบบสมอง ระบบประสาท ที่จะเชื่อมระบบต่างๆ เข้าด้วยกันจะมีความกดดันอย่างสูง หรืออาจจะถึงขั้นล่มเลย
โอชมาเนค ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญของ RAND CORPORATION ระบุว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ ฝั่งจีนเรียกขานการโจมตีลักษณะนี้ว่า สงครามทำลายระบบ (System Destruction Warfare) เพราะจีนได้เตรียมพร้อมเรื่องนี้มานานแล้ว
ส่วนท่านอดีตรัฐมนตรีช่วยฯ กลาโหม ท่านเวิร์ค ระบุว่า ฝั่งจีนจะทำลายระบบเครือข่ายอเมริกาทุกระดับแบบไม่มีหยุดพัก ซึ่งพวกเขาซักซ้อมในเรื่องพวกนี้ตลอดเวลา ขณะที่ฝั่งเรา เมื่อใดที่เราเริ่มซ้อม ฝั่งแดงก็จะทำลายระบบสั่งการและควบคุมของเราได้หมด เราจะหยุดซ้อมแล้วบอกว่า เริ่มกันใหม่เถอะ
ท่านผู้ชมครับ จีน ไม่ได้ต่างกว่าอิหร่าน เพราะเมื่ออเมริกาตั้งเป้าว่าจีนเป็นศัตรูแล้ว และเช่นเดียวกัน ฉันใดฉันนั้น อเมริกา และอิสราเอล ก็มองอิหร่านเป็นศัตรู ทั้งจีน และอิหร่าน รู้ว่าแสนยานุภาพของจีน และอิหร่าน ถ้าปะทะกับอเมริกาโดยตรงนั้น อาจจะสู้ไม่ได้ แต่ถ้ามารบที่ใกล้บ้าน จีนก็สามารถที่จะออกแบบอาวุธยุทโธปกรณ์และแสนยานุภาพเพื่อทำลายเครือข่ายที่อเมริกาเคยชินในการสร้าง โดยใช้กองเรือเป็นฐานลอยน้ำปฏิบัติการอยู่
นี่คือที่มาว่าทำไมจีนถึงพัฒนาขีปนาวุธระดับพิสัยกลาง 3-4 พันกิโลเมตร ซึ่งสามารถจะยิงออกจากชายฝั่ง ทำให้กองเรือของอเมริกาที่คิดว่าอยู่ห่างไป 1 พันนอติคัลไมล์ (nautical mile) นั้นจะพอ ไม่พอแล้ว ต้องถอยออกไปไกลอีก เมื่อถอยออกไปไกลอีก ประสิทธิภาพประสิทธิผลของการบัญชาการ หรือเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีเครื่องบิน F-35 อยู่เต็มลำ จะทำอย่างไรถ้าจะบินออกมาจากระยะทางซึ่งห่างจากชายฝั่งจีนประมาณ 3 หรือ 4 พันกิโลเมตร มีที่ไหนจะเติมน้ำมันได้บ้าง ถ้าอเมริกาต้องทำสงครามแบบฉุกเฉินกับรัสเซียในแถบบอลติก คือยุโรปตะวันออก หรือทำสงครามกับจีนในกรณีความขัดแย้งกับไต้หวัน บทสรุปของ RAND CORPORATION บอกว่า เราจะพบความพ่ายแพ้ทางการทหารอย่างแน่นอน
นี่เป็นรายงานของคณะกรรมาธิการด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคงของอเมริกา ซึ่งเป็นคณะทำงานร่วมระหว่างผู้เชี่ยวชาญที่ถูกเลือกโดยสภาคองเกรสระบุไว้ในรายงานเมื่อสี่ปีที่แล้ว ท่านผู้ชมครับ สี่ปีที่ผ่านมานี้ จีน รัสเซีย อิหร่าน ได้พัฒนาขีปนาวุธให้มีพลานุภาพและอานุภาพสูงกว่าเมื่อสี่ปีที่แล้วอย่างหลายต่อหลายเท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งขีปนาวุธที่ใช้ระบบไฮเปอร์โซนิก
ที่ผมเล่าให้ฟังเป็นการประเมินหากเกิดสถานการณ์สงครามระหว่างอเมริกา กับจีน รัสเซีย ปะทุขึ้นเมื่อ 3-4 ปีก่อน แต่ถ้ามาดูเหตุการณ์ปัจจุบันแล้ว สถานการณ์จะเปลี่ยนไปอีก
ประการแรก รัสเซียไม่น่าจะเข้ามามีส่วนร่วมโดยตรงกับความขัดแย้งครั้งนี้ในเอเชียแปซิฟิก หนึ่ง อาจจะเป็นเพราะว่าแนวรบยูเครนที่ติดกับยุโรป อีกประเด็นหนึ่งคือ รัสเซียมีเรือบรรทุกเครื่องบินประจำการอยู่แค่ลำเดียว และเก่ามาก รัสเซียไม่ได้มีผลประโยชน์มากมายอะไรในตะวันออก มากไปกว่าหมู่เกาะคูริล ซึ่งเป็นปัญหากับญี่ปุ่น และก็ไม่ได้มีปัญหามากมายพอจะก่อสงครามได้ เพราะฉะนั้นการสู้รบในมหาสมุทรแปซิฟิก ทะเลจีนตะวันออก หรือทะเลจีนใต้ น่าจะเป็นการวัดกำลังระหว่างอเมริกา กับ จีน เท่านั้น
ประการที่สอง นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา ในเชิงกำลังการทหาร อเมริกาถือไพ่เหนือกว่าทุกชาติในโลก เห็นได้ชัดจากงบประมาณด้านกลาโหม จำนวนฐานทัพ เรือบรรทุกเครื่องบิน อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ล้ำสมัยมากกว่าใครทั่วโลก ผมเอาข้อมูลให้ดูนะครับ อัลจาซีรอ แสดงจำนวนฐานทัพของอเมริกากว่า 750 แห่ง ใน 80 ประเทศทั่วโลก ในปี 2563 และผมเอาแผนที่อีกอันขึ้นมาดู ให้เห็นตำแหน่งที่ตั้งของเรือบรรทุกเครื่องบินในการปฏิบัติการ จำนวน 9 ลำ ที่อเมริกากระจายอยู่ทั่วโลก เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 ไม่กี่วันมานี่เอง
จากภาพและตำแหน่งที่ตั้งเรือบรรทุกเครื่องบินอเมริกาด้านบน ท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัดว่าภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ในทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้ เป็นภูมิภาคที่อเมริกาให้ความสำคัญมากที่สุด ปัจจุบันนี้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินมาประจำถึง 3 ลำ ลำแรก คือ USS America ลำที่สอง คือ USS Tripoli ลำที่สาม คือ Ronald Reagan ซึ่งล่าสุดอเมริกาเพิ่งส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน Ronald Reagan แล่นเข้าไปใกล้หมู่เกาะสแปรตลีย์ ซึ่งจีนยืนยันว่ามีอธิปไตยเหนือหมู่เกาะนี้
ส่วนที่ฮาวายนั้น อเมริกามีอยู่ 2 ลำ คือ Abraham Lincoln และ USS Essex มีการคาดการณ์ว่าถ้าไฟสงครามปะทุขึ้นจริงๆ ในเบื้องต้นอเมริกาคงระดมเรือบรรทุกเครื่องบินจำนวน 3 ลำ มาช่วย ส่วนอีก 2 ลำ ก็มาสแตนด์บาย รวม 5 ลำ อย่างไรก็ตาม อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วว่า ถ้าเกิดสงครามจริงๆ จีนถือว่ามารบกันหน้าบ้านตัวเอง จรวดนำวิถี อาวุธยุทโธปกรณ์ เสบียง กองหนุนอะไร ก็หาได้ทันที อเมริกาต้องอาศัยฐานทัพที่วางไว้จุดต่างๆ และเรือบรรทุกเครื่องบินจำนวน 3-5 ลำ ที่ตัวเองมีเป็นหลัก ที่สำคัญที่สุด ท่านผู้ชมครับ นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา อเมริกาไม่เคยรบเต็มรูปแบบกับประเทศมหาอำนาจ หรือประเทศที่มีกำลังรบใกล้เคียงกับตัวเอง ส่วนใหญ่แล้วจะรบกับประเทศที่มีศักยภาพทางการทหารด้อยกว่า และอ่อนแอกว่าอเมริกาทั้งสิ้น ประเภทวัดกันน้ำหนักต่อน้ำหนักแล้วใกล้เคียงกัน อเมริกาไม่เคยรบ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ประสบการณ์ครั้งสงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม เรื่อยมาจนถึงสงคราม 20 ปี ของอัฟกานิสถาน พิสูจน์ว่ากองทัพอเมริกาไม่ได้แข็งแกร่งทั่วไปดังที่คนเข้าใจ
ประการที่สาม เมื่อพิจารณาถึงคู่ปรับอเมริกาในกรณีสงครามภูมิภาคอินโดแปซิฟิก คือ ประเทศจีน ซึ่งสามสิบปีที่ผ่านมา เขารู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งเขาต้องปะทะกับอเมริกา เขาก็เลยสั่งสมกองกำลังทางทหารทุกมิติ จีนเพิ่งจะเปิดตัวเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่ 3 ชื่อ ฝูเจี้ยน ลำแรก ชื่อ เหลียวหนิง เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินเก่าของรัสเซีย ที่ซื้อมาจากยูเครน แล้วเอามาทำใหม่ ลำที่สอง คือ ซันตง ซึ่งสร้างเอง และลำที่สาม คือ ฝูเจี้ยน และกำลังจะต่อลำที่ 4-6 ภายในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้
ว่ากันว่า สิ้นทศวรรษนี้ อีกไม่เกิน 8 ปี จีนจะมีเรือบรรทุกเครื่องบินถึง 6 ลำ เพียงพอที่จะยันอเมริกาได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ขีปนาวุธริมชายฝั่ง ยิ่งผสมกับขีปนาวุธริมชายฝั่งด้วยแล้ว อเมริกาต้องเละอย่างแน่นอนที่สุด เพราะสำหรับจีนแล้ว ถ้าเรือบรรทุกเครื่องบินต้องล่มสลายไป 2 ลำ เมื่อแลกกับของอเมริกาต้องล่มอีก 2 ลำ อเมริกาจะเสียเปรียบมาก เพราะอเมริกาสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินได้ช้ากว่าจีนเยอะเลย
ท่านผู้ชมครับ ไม่เพียงแต่เรือบรรทุกเครื่องบิน แต่ในภาพรวมแล้ว เราต้องมาดูจำนวนเรือรบของจีนที่เข้ามาประจำการในช่วงยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ปริมาณได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก มีเรือดำน้ำแบบต่างๆ กองกำลังเรือผิวน้ำแบบต่างๆ เรือพิฆาต เรือฟริเกต ยังไม่ต้องพูดถึงเครื่องบินรบ เครื่องบินขับไล่ และขีปนาวุธต่างๆ เหมือนภาพข้างล่างจะชี้ให้เห็นได้ชัดว่าปัจจุบันเรือประจำการของจีนนั้น เทียบเท่าอเมริกาแล้ว ในอีกแปดปีข้างหน้าจะมีปริมาณมากกว่าอเมริกาอย่างเห็นได้ชัดเจน
ประการที่สาม ในเชิงเศรษฐกิจ แท้ที่จริงแล้ว ถ้าวัดจากกำลังซื้อที่เขาเรียกว่า PPP : Purchasing Power Parity จีนมีความใหญ่โต แซงทั้งอเมริกา และประเทศกลุ่มอียู ไปเรียบร้อยแล้ว ตัวเลขที่ผมแสดงให้เห็นด้านล่างนี้คือผ่านไปยี่สิบปี นับจากปี 2545-2565 เศรษฐกิจจีนเมื่อเทียบสัดส่วนเศรษฐกิจโลก เพิ่มจาก 8.1 เปอร์เซ็นต์ เป็น 18.8 เปอร์เซ็นต์ อเมริกา ลดลงจาก 19.8 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 15.8 เปอร์เซ็นต์ อียู ลดลงจาก 19.9 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 14.8 เปอร์เซ็นต์
ก็พิสูจน์ชัดเจนว่าทางเศรษฐกิจ จีนก็นำไป ทางแสนยานุภาพ ถ้ารบกันที่หน้าบ้านจีน ก็แพ้จีน เพราะจีนเตรียมอาวุธยุทโธปกรณ์ และอาวุธลับต่างๆ ไว้รองรับแสนยานุภาพของอเมริกามาเป็นเวลา 20-30 ปีแล้ว ท่านผู้ชมครับ ไม่ใช่เพิ่งทำ แล้วขีปนาวุธ อาวุธร้ายแรงต่างๆ ที่จีนพัฒนาในช่วงหลังนั้น เป็นขีปนาวุธและอาวุธร้ายแรงทำมาเพื่อทำลายแสนยานุภาพของอเมริกา ถ้าเกิดสงครามในทะเลเอเชียแปซิฟิก ชัดเจนมากท่านผู้ชม
นอกจากนี้แล้ว ในแง่ประชากร จีนมีมากกว่า มีทหาร มีกำลังพลถึง 2 ล้านคน อเมริกามีแค่ 1 ล้าน 3 แสน 5 หมื่นคน เมื่อจีนผนวกกำลังพลจำนวนมหาศาล บวกศักยภาพเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลก บวกแสนยานุภาพทางยุทโธปกรณ์ที่ได้รับการเพิ่มศักยภาพทางเทคโนโลยี แตกต่างจากจีนเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ที่สำคัญที่สุด ท่านผู้ชมครับ "ใจ" ที่ผมเคยกล่าวไว้ กรณีไต้หวัน จีนพูดมาชัดเจนว่าจะไม่ยอมลังเล และยอมจ่ายทุกราคา ยอมแลกกับทุกอย่างเพื่อรวมไต้หวันกลับสู่แผ่นดินใหญ่จีน ใครจะมาขวางจีนไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ ที่อเมริกาวางหมากเอาไว้ ด้วยเหตุนี้ผมฟันธงลงไปได้เลยว่า ถ้าสงครามระหว่างอเมริกา กับจีน ปะทุขึ้นในวันพรุ่งนี้ หรืออนาคตข้างหน้า อเมริกาจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอนครับ นี่ผมพูดจากตัวเลข จากหลักฐาน ท่านผู้ชมที่เชียร์อเมริกา หรือเป็นติ่งอเมริกา ผมต้องขอโทษด้วย นี่คือความจริงที่โหดร้าย ที่ท่านคงคิดไม่ถึง เพราะท่านไปหมกมุ่นกับประเทศอเมริกา แล้วท่านก็ได้ข้อมูลข้างเดียวจากประเทศอเมริกา และท่านคิดว่าอาวุธอเมริกาเหนือกว่าของจีน ณ วันนี้ ไม่ใช่อีกต่อไปแล้วครับท่านผู้ชม
รู้สึกว่าผมจำเป็นต้องพูดถึง โจ ไบเดน ปีนี้อายุ 80 กำลังเสื่อมสถานภาพจากการเป็นผู้นำมหาอำนาจในสายตาชาวโลก
โจ ไบเดน มีฉายาที่ทรัมป์ ตั้งไว้ว่า Sleepy Joe หรือ ตาเฒ่าโจผู้ซึมเซา เลอะเลือน สับสน เหม่อมองจ้องไปในความว่างเปล่า ออกอาการพูดถูกพูดผิด หลงๆ ลืมๆ คนใกล้ตัวไบเดน ก็ไม่มั่นใจว่าเขายังจะจำชื่อตัวเองได้หรือเปล่า พูดง่ายๆ ว่าไม่เหลือท่าทางของความเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกอย่างอเมริกาแล้ว
อดีตนายแพทย์รอนนี ลินน์ แจ็กสัน หมอประจำทำเนียบขาว ในช่วงประธานาธิบดี 3 คน คือ จอร์จ ดับเบิลยู บุช, บารัก โอบามา และ โดนัลด์ ทรัมป์ เผอิญปัจจุบันนี้อยู่พรรครีพับลิกัน เป็น ส.ว. เรียกร้องให้ไบเดน ลาออก คือเขาบอกว่าในทางการแพทย์แล้ว เขาเชื่อได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่า โจ ไบเดน ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะรับตำแหน่งประธานาธิบดีอีกต่อไป ไม่ว่าในทางกายภาพ และอารมณ์ความรู้สึก โดยเฉพาะเรื่องการรับรู้ทางสมองที่เสื่อมโทรมลงไปอย่างเห็นได้ชัด จนไม่น่าจะอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีได้ครบ 4 ปี เขาไม่ควรจะเป็นประธานาธิบดีของอเมริกาอีกต่อไป
ความเสื่อมถอยของทางสมองของโจ ไบเดน เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมาก เพราะว่าโจ ไบเดน ช่วงหลังมีพฤติกรรมที่สับสนมาก แม้กระทั่งการอ่านตามเครื่องบอกบท เครื่องบอกบทจะเป็นจอ ที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Teleprompter หมายความว่า ถ้าผมจะพูดไป หรือนายกฯ หรือใครก็ตามจะพูด จะมีจอนี้แล้วก็จะมีข้อความที่ผมจะพูด ซึ่งเขาเขียนไว้เรียบร้อยแล้ว ค่อยๆ วิ่งขึ้นมา ผมก็อ่านตามบรรทัดนั้น Teleprompter จะตั้งข้างๆ กล้อง เมื่อผมมองที่ Teleprompter ก็เหมือนกับผมมองกล้อง แล้วผมก็อ่านไป
ทีนี้ Teleprompter ตัว text ที่เขาพิมพ์ให้นั้น เขาก็จะมีบอกเสร็จเรียบร้อย อย่างเช่นว่า จบความหมายคำอ้างอิงแล้วนะ แต่ให้อ่านซ้ำอีกทีหนึ่ง ตัวอักษรของสคริปต์ที่เขียนว่า "End of quote, repeat the line" นั้น ไม่ใช่เป็นคำพูดที่คนอ่าน Teleprompter จะพูด แต่เป็นคำพูดของคนที่เขียน speech ส่งให้คนอ่านว่า ตอนนี้จบแล้วนะ ให้พูดซ้ำอีกที ซึ่งในที่สุดแล้ว โจ ไบเดน ก็ไม่สนใจ ก็เผลอพูดออกมาว่า "End of quote, repeat the line"
คล้ายๆ กับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่บอกว่า "Thank you 3 times" ก็คือพูดง่ายๆ ว่าคนที่เขียน speech ให้ยิ่งลักษณ์ นั้น กำลังบอกว่าให้ขอบคุณ 3 ครั้ง "Thank you 3 times" คุณยิ่งลักษณ์ ก็อ่านว่า "Thank you 3 times" แต่ตอนนั้น ระหว่างยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับ โจ ไบเดน ต่างกันตรงที่ว่า ยิ่งลักษณ์ นั้นค่อนข้างที่จะมีปัญหาในเรื่องของสติปัญญา แต่โจ เดน มีปัญหาคือความหลงลืม
ทุกครั้งประเด็นสำคัญเกี่ยวกับสงครามยูเครน ไปจนการสยายปีกของนาโต ทีมงานจะสรุปให้กับโจ ไบเดน ฟังทุกวัน แล้วทีมงานจะจัดเตรียมคำพูดก่อนเข้าประชุม ในคำพูดก่อนเข้าประชุมมีระบุเลยว่า คุณต้องเข้าไปในห้องโรสเวลต์ ต้องเข้าห้องนั้นนะ แล้วคุณต้องนั่งลง คุณออกไป ที่น่าหนักใจว่าขนาดเขียนบทละเอียดขนาดนั้นแล้ว ร่างกาย สมองของไบเดน ยังหลุดคิวในบทที่ทีมงานเขียนให้
ท่านผู้ชมครับ คุณโกเด็คครับ อาการเลอะเลือน เสื่อมถอยทางด้านสมรรถภาพในการบริหารของไบเดน เป็นเรื่องที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ที่ผ่านมาสื่ออเมริกันและสื่อตะวันตกส่วนใหญ่กลับเงียบเป็นเป่าสาก มีเพียงสื่อของฝั่งรีพับลิกัน เช่น ฟอกซ์นิวส์ และ สกายนิวส์ ของฝั่งออสเตรเลีย ที่หยิบเรื่องนี้มาขยี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ใหญ่กว่าเรื่องแลปทอปจากนรก ของฮันเตอร์ ไบเดน ซึ่งเป็นลูกชายของโจ ไบเดน ที่ผมเคยเล่าให้ฟัง เสียอีก
ตราบใดที่ไบเดน ยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีผู้ทรงอิทธิพลในโลก เขายังมีสิทธิ์ที่จะกดปุ่มระเบิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นแล้ว อันตรายมาก
9 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ไม่นานมานี้ มีนักข่าวของนิวยอร์กไทมส์ ชื่อ ปีเตอร์ เบเกอร์ หัวหน้าข่าวประจำทำเนียบขาว รายงานว่า At 79, Biden Is Testing the Boundaries of Age and the Presidency. ก็คือพูดง่ายๆ ว่าตั้งคำถาม ถามว่า อายุ 79 แล้ว นี่คือบททดสอบของอายุและความเป็นประธานาธิบดี คือพูดง่ายๆ ว่ากำลังบอกว่า ไบเดน มีปัญหา แต่เขาหลีกเลี่ยงในการอธิบายข้อบกพร่องทางร่างกาย เขาเป็นเพียงแต่ใช้คำสุภาพว่า อายุของไบเดน กลายเป็นปัญหาที่ไม่สบายใจของเขา ของทีมงาน และพรรคเดโมแครต มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าฉลาดนักสำหรับไบเดน ที่จะลงชิงเก้าอี้ทำเนียบขาวอีกสมัย แล้วถ้าเขาได้ เขาจะสิ้นสุดวาระเมื่ออายุ 86 ปี
ท่านผู้ชมครับ ลองไปเปิดคลิปของโจ ไบเดน แล้วสังเกตด้วยตัวเองก็ได้ ทุกวันนี้เวลาออกหน้ากล้อง กล่าวปราศรัยในเวทีสาธารณะ ไบเดน เต็มไปด้วยความสับสน วิตกกังวล พูดผิดพูดถูก ตะกุกตะกัก ชี้ให้เห็นแนวโน้มความบกพร่องทางสมอง ทำเนียบขาว แน่นอนที่สุด หลีกเลี่ยงที่จะพูดความจริงเรื่องนี้ แล้วปกปิดภาวะสมองเสื่อมไว้จนถึงที่สุด ทำเนียบขาวพยายามจัดให้ไบเดน แถลงข่าวและสัมภาษณ์น้อยกว่าประธานาธิบดีคนก่อนๆ มาก หากต้องปรากฏตัวต่อสาธารณะ ทีมงานจะต้องเตรียมสคริปต์ทุกอิริยาบถให้ต่อหน้าผู้ชมที่เป็นแฟนคลับ และให้ไบเดน พูด 2-3 คำ กับบางคน จากนั้นไบเดน ก็เดินขึ้นเวทีอย่างงงๆ ด้วยเหตุนี้ บทความที่ไบเดน ลงในหนังสือพิมพ์ต่างๆ ทีมงานเป็นคนเขียนให้ เพราะสามารถจะควบคุมเนื้อหาได้อย่างดี
เพราะฉะนั้นแล้ว ตอนนี้คะแนนเสียงพรรคเดโมแครตตกต่ำมาก ตกต่ำมามากในประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดีคนไหนในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคใดก็ตาม ที่ได้คะแนนต่ำกว่า โจ ไบเดน
บ่อยครั้งที่คนในรัฐบาลจะออกมาคอยแก้ไขคำพูดของไบเดน ที่แถลงประเด็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองในรัสเซีย และความเป็นไปได้ในการปฏิบัติการทางทหารกับรัสเซีย และจีน ล่าสุด ไบเดน ไปตะวันออกกลาง กลับบ้านมือเปล่า หรือกินแห้ว ไปเยือนทุกประเทศในตะวันออกกลาง ประชุมกัน เพื่อขอร้องให้สร้างความมั่นคงในระดับภูมิภาค แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ ไปขอร้องให้รัฐบาลในชุดปัจจุบันของประเทศทางตะวันออกกลางให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันและก๊าซ ก็ไม่ได้รับการตอบรับ ทำได้อยู่อย่างเดียวคือไปทะเลาะกับมกุฎราชกุมารมุฮัมมัด บิน ซัลมาน หรือที่เรียกว่า MBS ของซาอุดีอาระเบีย ในเรื่องของนักข่าววอชิงตันโพสต์ที่เป็นคนซาอุดีอาระเบีย ชื่อ คาช็อกกี ไบเดน ก็ไปกล่าวหามกุฎราชกุมารทำนองนั้นอีกครั้งหนึ่ง ก็ถูกมกุฎราชกุมารสวนออกมาในเรื่องปัญหาสิทธิมนุษยชนของอเมริกาที่มีต่ออิรัก ที่มีต่อหลายอย่าง
สรุปง่ายๆ ก็คือว่า ไปเพื่อหวังที่จะโชว์ออฟ แต่กลับมามือเปล่า กินแห้ว เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ไบเดน กลายเป็นคนที่มีปัญหามากในเรื่องสุขภาพ และที่สำคัญที่สุดคือ สมอง ไบเดน เดินขึ้นเครื่องบินแล้วสะดุดหลายครั้งแล้ว เกาหลีเหนือเรียกไบเดน ว่าอย่างไร รู้ไหม ? เกาหลีเหนือเรียก ไบเดน ว่า เป็นชายแก่ที่สมองเลอะเลือน หลังจากที่ไบเดน ออกมากล่าวหาวลาดิมีร์ ปูติน ว่าก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครน เกาหลีเหนือก็เลยบอกว่า เป็นคนแก่ที่สมองเลอะเลือน
8 มิถุนายน ก็สะดุด เกือบหกล้มระหว่างก้าวขึ้นเครื่องบิน หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้เป็นตัวชี้ชัดว่าสมองของไบเดน ไม่เหมือนปัจจุบันแล้ว อยู่ในขั้นอาการสมองเสื่อม และผมเชื่อว่า เร็วสุดภายในปีนี้ ก่อนสิ้นปี หรือปีหน้า อาการนี้จะออกผลอย่างรุนแรง และมีโอกาสสูงที่ กมลา แฮร์ริส อาจจะได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ก็ถึงคราวที่อเมริกาต้องลงนรกกันแล้ว ถ้ากมลา แฮร์ริส ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีอีกคนหนึ่ง ไม่จืดเลยท่านผู้ชม เวรกรรมทำไว้กับโลกเป็นอย่างไร วันนี้ก็มารับต่อไป
ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่ผมจะพูดถึงเรื่องทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยคนใหม่ ผมมีเรื่องที่เกี่ยวพันกับพวกเรา ไม่ได้เกี่ยวกับทูตสหรัฐฯ ครับ คืออาทิตย์ที่แล้วมีคน 2 คน ที่เข้ามาป่วนในรายการ แล้วพรรคพวกที่เป็น FC ผม คอยดูแลปกป้องผมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคุณปานเลขา ที่น่ารัก และทีมงานคุณปานเลขา ที่คอยดูแลปกป้อง ก็มาเตือน ปรากฏว่านอกจากมันไม่ฟังแล้ว มันยังยะโสโอหัง ผมก็เลยจัดการเรื่องนี้ ผมต้องการเล่าให้คุณปานเลขา และพรรคพวกของคุณปานเลขา "...วย พูดมาได้งานรีดไถ มึงเอาข้อมูลมาจากไหนว่ารีดไถ" ปรากฏว่าเช็กไปเช็กมา ไอ้หมอนี่ชื่อ ทนงศักดิ์ ทองสุข (Tanongsak Thongsuk) อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/2 หมู่ที่ 3 ต.สามพระยา อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
ท่านผู้ชมครับ ไอ้บ้านี่ยศแค่สิบตำรวจโท เป็นตำรวจอยู่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ผมเอาให้ดูนะครับ คุณฟังอยู่หรือเปล่า ส.ต.ท.ทนงศักดิ์ ไม่นานนี้คุณได้หมายศาลแน่นอน และผมจะรายงานเรื่องนี้ไปที่ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ว่าคุณใช้คำหยาบหมิ่นประมาทผม หมายศาลถึงคุณแน่นอน โธ่! คุณแค่สิบตำรวจโท คุณยะโสโอหัง ผมนึกว่าคุณแน่สักแค่ไหน อย่านะ อย่าคลานมาหาผมแล้วขอพบผมนะ อย่านะ ไอ้นี่คือคนแรก ผมไม่ประหลาดใจเพราะอยู่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพราะไอ้ผู้กำกับคนนี้ ที่ผมเอาข้อมูลมา ว่ามันมีเงินฝากอยู่เท่านี้ มันก็อดีตอยู่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติดเช่นกัน อยู่มาตั้งสิบปี สิบกว่าปี
แล้วไอ้ข้อความที่คุณหมิ่นประมาทผมว่า "พูดมาได้งานรีดไถ มึงเอาข้อมูลมาจากไหนว่ารีดไถ" ก็ทำไมมึงไม่คิดล่ะ ไอ้ยศตำรวจที่อยู่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด แล้วเสือกมีเงินฝากตั้ง 1 พันกว่าล้านบาท ถ้ามึงไม่รีดไถมาหรือมาทำความผิดกฎหมาย แล้วมึงจะมีเงินเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร สมองมึงมีหรือเปล่า ส.ต.ท.ทนงศักดิ์ ทองสุข เจอกันแน่ๆ
อีกคนครับ ชื่อ Ton Wefsgfs โอ๊ย ด่าผมไม่มีดี โกงหรือเปล่า โน่นนี่นั่น คุณจะอวตารอย่างไร เดี๋ยวผมก็หาคุณเจอ แล้วผมจะบอกให้คุณรู้ นาย Ton Wefsgfs คุณเข้ามาด่าต่อวันนี้ ช่วยมาด่าเพิ่มเติมหน่อยได้ไหม ผมจะได้เพิ่มฟ้องคุณในอีกหลายคดี แล้วสองคนนี้ถึงศาลฎีกา ไม่จำเป็นที่จะต้องมาขอพบ ไม่รับดอกไม้ ไม่รับ here อะไรทั้งสิ้นจากพวกคุณสองคน คุณปานเลขา พอใจหรือยัง ? พรรคพวก ขอบคุณมากที่ดูแลปกป้อง
ท่านผู้ชมครับ เรามาพูดถึงทูตสหรัฐฯ คนใหม่ที่อยู่ในประเทศไทย ที่จะมาประจำประเทศไทย นับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นต้นมา เมืองไทยไม่มีทูตสหรัฐฯ เลย จนกระทั่งล่าสุด เมษายน ที่ผ่านมา สมัยก่อนที่ไม่มีทูตก็ใช้อุปทูตเป็นคนทำงาน อย่างเช่น นายไมเคิล ฮีธ ท่านผู้ชมคงจำชื่อได้ เมษายน 2565 นายโจ ไบเดน เสนอชื่อคนๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ อายุหกสิบกว่าแล้ว ชื่อ นายโรเบิร์ต แฟรงก์ โกเด็ค (Robert Frank Godec) ขึ้นมาเป็นว่าที่เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยคนใหม่ ที่บอกยัง "ว่าที่" อยู่ เพราะต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาก่อน เพราะคนที่ได้รับการเสนอชื่อต้องเข้าไปให้กรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภา ดูตัว ฟังความเห็น ก่อนจะรับรองเห็นชอบ
13 กรกฎาคม 2565 วันพุธที่แล้ว นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเด็ค ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา อธิบายเลยว่า เขาจะตั้งใจทำอะไรบ้างในประเทศไทย เขาบอกว่าเขาตั้งใจจะช่วยไทยปรับปรุงเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศ และให้ไทยร่วมกดดันรัฐบาลทหารพม่าด้วย พอถูกตั้งคำถามนายเอ็ด มาร์คีย์ วุฒิสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแครต จากพรรคแมสซาชูเซตส์ ตั้งคำถามต่อนายโกเด็ค ถึงมาตรา 112 ซึ่งส่งผลต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และมีผู้ถูกจับกุมคุมขังมากมาย นายโกเด็ค กล่าวว่า อเมริกาเคารพราชวงศ์ไทยในฐานะสถาบันหนึ่ง และเข้าใจความจงรักภักดีของคนไทยต่อราชวงศ์ แต่เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นนั้นสำคัญอย่างยิ่ง เขาเคยย้ำในทางสาธารณะและส่วนตัวถึงความสำคัญที่ประชาชนแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องหวาดกลัวต่อการถูกจับกุม และพยายามทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เขาพูดนะครับท่านผู้ชม "ผมขอย้ำว่า คนที่ถูกจับกุมจะต้องได้รับการปฏิบัติโดยเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเต็มที่ในระหว่างดำเนินคดี"
นอกจากนั้นแล้ว นายโกเด็ค ยังกล่าวว่า จะช่วยเหลือประเทศไทยปรับปรุงสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะเรื่องการค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงาน โดยบอกด้วยว่าได้เห็นพัฒนาการบางอย่าง แต่ยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก เขายืนยันจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เห็นความก้าวหน้าในเรื่องนี้
นอกจากนี้ นายโกเด็ค ยังพยายามพูดว่าจะกดดันให้ประเทศไทยลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติและน้ำมันจากพม่า โดยอ้างว่า ประเทศไทยนำพลังงานเข้ามามาก อ้างจากหน่วยงานสิทธิมนุษยชน คือพูดง่ายๆ ว่าไม่ให้ไทยซื้อน้ำมันจากพม่า นายโกเด็ค ยังย้ำว่า เรื่องพม่าจะเป็นประเด็นสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งที่จะหารือกับทางการไทย พม่า และการกระทำอันโหดร้ายของระบอบปัจจุบันในพม่านั้น จะเป็นประเด็นสำคัญที่สุดที่ผมเจรจาหารือกับประเทศไทย
ก่อนที่ผมจะกลับมาตอบโต้ความเห็นของนายโกเด็ค เรื่องเกี่ยวกับประเทศไทยว่าตั้งใจจะมาเมืองไทยเพื่อทำอะไรบ้างนั้น เรามาดูประวัติของไอ้หมอนี่กันหน่อย
ปัจจุบันอายุ 66 ปี เกิดที่มลรัฐอิลลินอยส์ จบจากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ปริญญาตรี ปริญญาโทจบมหาวิทยาลัยเยล มีความสามารถพูดภาษาต่างประเทศได้ทั้งภาษาฝรั่งเศส และเยอรมัน จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เป็นคนที่ชำนาญเรื่องเอเชียหรอก เพราะส่วนใหญ่แล้วคลุกคลีในทวีปแอฟริกา ตะวันออกกลาง มีช่วงเดียวของชีวิตการทำงานที่เคยรับผิดชอบกิจการไทยและพม่า ในช่วงที่ยังประจำอยู่กรมเอเชียตะวันออก และเคยเป็นผู้อำนวยการด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงานผู้แทนการค้าอเมริกา ที่เหลือเป็นทูตประจำตูนิเซีย และเคนยา นอกจากนั้นแล้ว ยังเคยทำงานเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของอิรักด้วย เขาเคยเป็นทูตตูนิเซียประมาณ 3 ปี เป็นทูตเคนยาประมาณ 6 ปี เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝ่ายกิจการแอฟริกา
ถ้าย้อนกลับไปดูข้อมูลเก่าๆ ข่าวเก่าๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมของนายโรเบิร์ต โกเด็ค จะพบว่าค่อนข้างเป็นตัวป่วนประเทศต่างๆ ที่ตัวเองไปประจำการ เข้าไปเพื่อป่วนเขาอย่างเดียวเลย
ธันวาคม 2553 สิบสองปีที่แล้ว มีโทรเลขทางการทูต ซึ่งหลุดออกมาจากวิกิลีกส์ ระบุว่า ระหว่างเป็นเอกอัครราชทูตอเมริกาประจำตูนิเซีย ในเดือนกรกฎคม 2562 กล่าววิพากษ์วิจารณ์ผู้นำตูนิเซียในเวลานั้น คือนายซัยนุลอาบิดีน บิน อะลี (Zine El Abidine Ben Ali) และครอบครัว ไม่มีชิ้นดี รวมทั้งการบริหารงาน การคอร์รัปชัน และรายละเอียดนั้นๆ
ท่านผู้ชมครับ ข้อความในโทรเลขทางการทูตดังกล่าวเป็นตัวเติมเชื้อไฟให้กับการปฏิวัติดอกมะลิ ที่เขาเรียกว่า Jasmine Revolution หรือ การปฏิวัติตูนิเซีย ในเวลาต่อมาในช่วงปลายปี 2553 และ 2554 ทำให้ในที่สุดประธานาธิบดีบิน อะลี ซึ่งครองอำนาจมาเป็นเวลา 23 ปี ต้องลาออก หลบหนีพร้อมครอบครัว ลี้ภัยไปยังซาอุดีอาระเบีย และเสียชีวิตที่นั่น
การปฏิวัติที่ตูนิเซียส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วภูมิภาคแอฟริกาตอนเหนือและตะวันออกกลาง ท่านผู้ชมครับ การปฏิวัติในตูนิเซียจากการยุยงส่งเสริมของนายโกเด็ค ทำให้ปรากฏการณ์ที่เราเรียกว่า อาหรับสปริง ในช่วงปี 2553-2555 ส่งผลให้กระทบกระเทือนต่อทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ของภูมิภาคแอฟริกาตอนเหนือ และตะวันออกกลาง มาจนถึงปัจจุบัน
นายโกเด็ค เป็นเอกอัครราชทูตอเมริกาอยู่ที่เคนยา 6 ปี ระหว่าง 6 ปี เข้าไปยุ่มย่ามทางการเมืองและกิจการภายในเคนยา แสดงความคิดเห็นล้ำเส้นเกินฐานะของทูตไปมาก จนหลายครั้งมีม็อบออกมาประท้วงและขับไล่นายโกเด็ค ให้กลับอเมริกา แล้วยังกล่าวประณามทูตโกเด็ค แทรกแซงการเมืองภายใน และยิ่งอยู่ยิ่งเป็นตัวป่วน ทำให้ความสัมพันธ์ของอเมริกา และเคนยา ย่ำแย่ลง
ประเด็น ผมได้อ่านข่าวประมวลข้อมูลในอดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งข้อมูลเชิงลึก ผมสรุปได้ว่า อเมริกากันจงใจส่งไอ้หมอนี่เข้ามาป่วนประเทศไทย และผมทำนายไว้ล่วงหน้าเลย เมื่อไรที่เข้ารับตำแหน่งเป็นทางการ นายโกเด็ค ก็จะแทรกแซงทั้งบนดินและใต้ดินให้อเมริกาต่อประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียนจะเข้มข้น ร้อนแรงขึ้นอย่างชัดเจน
ท่านผู้ชมครับ เป็นอย่างไรบ้างครับ เรื่องของเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยคนใหม่ ที่ผมเล่าเบื้องหน้าเบื้องหลังให้ฟัง ท่านผู้ชมคิดอย่างไร ผมคิดอย่างนี้ครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และผมไม่เคยเจอเรื่องราวแบบนี้มาก่อนเลย ตลอดชีวิตผม ผมเองก็วุ่นวายเรื่องเกี่ยวกับข่าวต่างประเทศ และเรื่องเกี่ยวกับผู้นำรัฐต่างๆ ไม่เคยมีสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่ทูตอเมริกาที่จะมาเมืองไทย แล้วไปให้การกับคณะกรรมาธิการการต่างประเทศของวุฒิสภาอเมริกา แล้วบอกว่าจะทำอะไรบ้างเมื่อเขามาเมืองไทย ท่านผู้ชมครับ อันแรกเขาอธิบายเรื่องมาตรา 112 เขาเปิดฉากด้วยการเห็นอกเห็นใจว่าเขาเข้าใจดีว่าสถาบันกษัตริย์สำคัญ แต่เขาก็ย้อนแย้งด้วยคำพูดที่สอง ที่เขาพูดให้การไว้กับวุฒิสภาของเขาว่า ใครก็ตามที่โดนคดี 112 นั้น จะต้องได้รับความยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรม และที่สำคัญที่สุด เขาบอกว่าสิทธิเสรีภาพในการพูดหรือวิพากษ์วิจารณ์นั้น เขาจะยืนหลักตรงนี้ ไม่ว่าในทางสาธารณะ หรือในทางส่วนตัว เขายืนหลักตรงนี้อยู่มาตลอดเวลา ท่านผู้ชมเห็นความย้อนแย้งตรงนี้ไหม ? เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่เขาบอกว่าถ้าเราไปยึดถือสิทธิเสรีภาพที่เขามาเรียกร้อง ก็หมายความว่าใครก็ตามที่จะกล่าวให้ร้ายหรือวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์อย่างไม่มีเหตุไม่มีผล หรือบางครั้งถึงขั้นที่เรียกว่าก่นด่า เหมือนอย่างที่คดีความต่างๆ ที่กำลังดำเนินคดีไปอย่างนี้ ตกอยู่ในวังวนที่นายทูตโกเด็ค คนนี้บอกว่า ประชาชนมีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ พูดได้ เป็นสิทธิเสรีภาพ
เพราะฉะนั้นแล้ว ทูตคนนี้ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหน้าไหว้หลังหลอก แล้วไม่ได้มีความจริงใจหรือเต็มใจ ไม่มีการละเว้นสถาบันกษัตริย์ ซึ่งอยู่นอกเหนือการเมือง คือพูดง่ายๆ ว่าทูตคนนี้ ถ้าจะให้อ่านใจ พร้อมที่จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ได้ แต่มาในรูปแบบที่เนียนๆ นั่นข้อแรก
ข้อที่สอง ในเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม นัยของทูตคนนี้ก็คือคดี 112 นั่นเอง ทั้งๆ ที่ผมอธิบายให้ฟังแล้วว่าศาลสถิตยุติธรรมในประเทศไทยเป็นศาลสถิตยุติธรรมที่มีหลักการ และทำถูกต้อง อะไรที่ไม่ควรจะให้ประกันตัว ศาลก็มีเหตุผลในการที่จะไม่ให้ประกันตัว แต่เมื่อจำเป็นต้องให้ประกันตัว เพราะมีเหตุจำเป็นต้องให้ประกันตัวแล้ว ศาลก็ให้ เพียงแต่ว่าศาลติด ผูกเงื่อนไขเอาไว้ว่า ถ้าคุณได้ประกันตัวออกไปแล้ว ห้ามทำ 1..2..3..4.. เป็นปกติธรรมดา เงื่อนไขต่างๆ ในการประกันตัวที่ศาลมอบให้นั้น ไม่ใช่มีเฉพาะในประเทศไทย ทุกๆ ประเทศก็มีกันหมด เหมือนอเมริกา ถ้าจะได้ประกันตัว ศาลก็จะให้ยึดพาสปอร์ตเอาไว้ ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ห้ามทำนู่นทำนี่ เพราะฉะนั้นแล้ว มาตรฐานของศาลไทยไม่ได้ต่างกว่าศาลของสหรัฐอเมริกา หรือที่อังกฤษ หรือที่ในโลกนี้ เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่าทูตคนนี้เป็นคนที่โกหก หน้าไหว้หลังหลอก
ผมรู้ว่าพวกสามนิ้ว หรือว่าพวกพรรคก้าวไกล จะเชียร์ทูตคนนี้ แต่ท่านผู้ชมฟังผมต่อไป
เรื่องที่สาม คือเรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิมนุษยชนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่อเมริกาใช้รุกประเทศต่างๆ ในโลกนี้ รุกด้วยประชาธิปไตยในกระบวนทัศน์ของอเมริกาว่า ประเทศไทย หรือประเทศต่างๆ ที่ไม่มีประชาธิปไตย ต้องมีประชาธิปไตยแบบเขา ข้อที่สองคือ ประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาในเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน กฎหมาย มีเงื่อนไข มีกติกาของกฎหมายชัดเจน พิสูจน์มาแล้วตั้งไม่รู้กี่คดี ผมเคยโดนคดีมาหลายปีมาแล้ว ผมได้ประกันตัวศาลชั้นต้น แล้วผมก็ได้ประกันตัวศาลชั้นอุทธรณ์ ทั้งๆ ที่โทษตอนนั้นคือโทษ 20 ปี ต้องถือว่าเป็นโทษที่สูง แต่ศาลก็ให้ความเมตตาให้ประกันตัวได้ เหตุผลก็เพราะว่าผมเป็นคนที่ไม่เคยหนีศาล และผมก็มีประเด็นในการต่อสู้ทางกฎหมายกับศาล เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่นายโกเด็ค พูด เป็นการพูดบนพื้นฐานที่ไม่มีพื้นฐานเลยแม้แต่นิดเดียว เป็นการพูดในแนวทางการเมืองที่อเมริกาต้องการจะรุกเข้ามาในประเทศไทย
เรื่องที่สาม นายโกเด็ค จะบีบบังคับ กดดันประเทศไทย ให้จัดการกับพม่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาอ้างอิงว่า การที่ประเทศไทยซื้อก๊าซจากพม่านั้น เป็นการส่งเสริม เอาเงินเอาทองให้รัฐบาลทหารพม่าไปปราบประชาชนของตัวเอง ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมหยุดคิดตรงนี้สักนิดหนึ่ง รัสเซียบุกยูเครน อเมริกา และยุโรปตะวันตก บอยคอตรัสเซียหมดทุกเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องก๊าซ เรื่องน้ำมัน แต่ในข้อเท็จจริงก็คือว่า ประเทศต่างๆ ในอียูก็แอบซื้อน้ำมัน ซื้อก๊าซจากรัสเซีย เพราะต้องการเอาประเทศที่ขาดพลังงานให้อยู่รอด ข้อเท็จจริงมีอยู่มากมายหลายอย่าง อเมริกาเองก็ยังซื้อน้ำมันจากรัสเซีย เสร็จเรียบร้อยแล้วก็ขายน้ำมันนั้นกลับไปให้อียูในราคาที่แพงขึ้น อินเดียซื้อน้ำมันจากรัสเซีย แล้วอินเดียก็ส่งกลับไปขายที่อียู
ท่านผู้ชมครับ พลังงานพม่า กับประเทศไทยนั้น เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกัน เรื่องธุรกิจเรื่องพลังงานนั้น เป็นเรื่องความจำเป็นของประเทศไทยที่ขาดแคลนพลังงานทางด้านก๊าซ เราต้องซื้อจากพม่าเขา เรามีการเจรจามานานแล้ว ไม่ได้เกี่ยวเนื่องกับการเมืองเลยแม้แต่นิดเดียว พม่าก็ต้องการขายก๊าซให้ไทย ได้ราคาดี เอาเงินกลับไปใช้ที่ประเทศเขา ส่วนเขาจะเอาไปใช้เรื่องอะไรนั้น เราไปเกี่ยวข้องไม่ได้ ในขณะเดียวกัน ไทยเองก็ต้องการก๊าซจากพม่า แล้วจู่ๆ นายโกเด็ค มาบอกว่าไทยต้องหยุดซื้อก๊าซ ซื้อพลังงานจากพม่า แล้วถ้าประเทศไทยขาดแคลนพวกนี้ขึ้นมา นายโกเด็ค จะยืนยันได้ไหมว่าอเมริกาจะสนับสนุนส่งก๊าซมาให้แทนก๊าซที่เราไม่สามารถจะซื้อจากพม่า ก็ทำไม่ได้ เพราะตัวเองก็รับปากว่า ถ้าอียูสามารถจะยกเลิกการซื้อก๊าซและพลังงาน ตัวเองก็จะส่งก๊าซบรรทุกเรือมาให้อียู ถึงจะราคาสูงตั้ง 5 เท่าตัว ที่อียูเคยซื้อจากรัสเซีย แต่ส่งกะปริบกะปรอย แล้วในที่สุดก็สั่งหยุดส่งไปอีก 3 เดือน นี่คืออเมริกา เรื่องพวกนี้นายโกเด็ค ไม่เคยพูด แต่มาก็จะบอกว่าคุณต้องหยุดซื้อก๊าซ คำถามคือ อเมริกามาเสือกอะไรในเรื่องของพม่า กับไทย พม่าอยู่ติดกับไทย เป็นเพื่อนบ้านกันที่ดี ไม่ว่าใครก็ตามจะขึ้นมาเป็นผู้นำของพม่า หรือประเทศเมียนมา ประเทศไทยก็พร้อมจะเป็นเพื่อนที่ดีอยู่ ขาดอยู่อย่างเดียวคือ ประเทศไทยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองภายในของประเทศเมียนมา ความขัดแย้งระหว่าง มิน ออง หล่าย ทหารของเมียนมา กับนางอองซาน ซูจี เป็นเรื่องความขัดแย้งภายใน ท่านผู้ชมครับ
ถ้าเราเข้าไปเสือกเขา วันดีคืนดี นายโกเด็ค ก็จะบอกว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีเรื่องวุ่นวายเพราะว่าไทยไปกดดันคนมุสลิมทางภาคใต้ ทั้งๆ ที่พวกอเมริกาคือพวกที่อยู่เบื้องหลังของชาวมุสลิมทั่วโลก แล้วก็ทำร้าย ทำลายล้าง อะไรถ้าเป็นประโยชน์กับเขา เขาก็จะอ้างอิงขึ้นมา แล้วพวกนี้ก็จะอ้างอิงว่า ไทยละเมิดสิทธิมนุษยชนของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็จัดการเรื่องโน้นจัดการเรื่องนี้
ท่านผู้ชมครับ สิทธิมนุษยชน พม่ากับไทย เสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านผู้ชมลองคิดดู คิดตามผมมา ผมสังเกตสังกามานานแล้ว ประเทศรัสเซียมีสถานทูตรัสเซียอยู่ในประเทศไทย ประเทศจีนมีสถานทูตจีนอยู่ในประเทศไทย ท่านทูตจีน ท่านทูตรัสเซีย ไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศ เป็นเรื่องของประเทศไทย ท่านเข้ามาเพื่อเสริมสัมพันธภาพ สร้างมิตรไมตรีให้กับประเทศไทย
ท่านผู้ชมจำได้ไหม ประเทศไทยตอนที่อเมริกาสั่งให้ประณามรัสเซียในสหประชาชาติ ประเทศไทยก็ร่วมวงศ์ไพบูลย์กับเขาด้วย ทั้งๆ ที่ผมไม่เห็นด้วย ผมบอกว่าวางตัวเป็นกลางจะดีกว่าไหม ท่านผู้ชมรู้ใช่ไหมว่า ประเทศรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านเอกอัครราชทูตรัสเซีย ท่านออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ประเทศรัสเซียเข้าใจที่ไทยต้องประณามรัสเซีย เราเข้าใจเพื่อนดี เราไม่โกรธ แล้วพอใส่ชื่อประเทศที่ไม่เป็นมิตรกับรัสเซียเข้ามา สิงคโปร์ไม่เป็นมิตร เกาหลีใต้ไม่เป็นมิตร ญี่ปุ่นไม่เป็นมิตร แต่ไม่มีประเทศไทย ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง ส่วนประเทศจีนนั้นเขาก็มาอย่างเงียบสงบ สันติภาพ เขาเป็นเพียงแต่ออกมาเตือนเรื่องการที่อเมริกาจะเข้ามายุ่งเกี่ยวในภูมิภาคนี้ เขาเตือนด้วยความเป็นห่วง แต่เขาไม่เคยมาแทรกแซง เขาไม่เคยมาบอกว่ามาตรา 112 เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ไม่เคย เขาไม่ยุ่งเลย เขาให้ความเคารพกับสถาบัน และโครงสร้างต่างๆ แต่นายคนนี้ ให้การกับคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ แล้วยังบอกจะทำ 1..2..3..4.. เมื่อเข้ามาในประเทศไทย เมื่อดู 1..2..3..4..5.. ที่เขาจะทำแล้ว นั่นคือการเข้ามาแทรกแซงประเทศไทย
คำถามมีอย่างนี้ เราเป็นข้าทาสของพวกเขาตั้งแต่เมื่อไร เราไม่ใช่เมืองขึ้นเขานะ ทหารไทยทุกคน ไม่ว่าจะบก อากาศ เรือ หรือแม้กระทั่งตำรวจ ฟังผมพูดแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง ฟังผมแล้ว ดูบทบาทนายโกเด็ค คนนี้แล้ว ท่านคิดอย่างไร
ท่านผู้ชมครับ ทางตะวันตก อเมริกา และอียู ท่านผู้ชมจำได้ไหม เวลาพวกธนาธร ก้าวไกล ขึ้นศาล ไปที่โรงพัก พวกทูตอียูทั้งหลาย 32 ประเทศ ก็จะวิ่งเข้าไปที่โรงพัก ไปกดดัน แสดงว่าทางตะวันตก และทางอเมริกานั้น เป้าหมายที่แท้จริงคือต้องการที่จะทำร้ายทำลายสถาบันกษัตริย์ โดยที่มาสนับสนุนคนที่โดนมาตรา 112 จะเห็นได้ชัด ท่านผู้ชม เราเป็นทาสมันตั้งแต่เมื่อไร ทูตคนอื่น ทั้งรัสเซีย และจีน ซึ่งเป็นคู่กรณีกับอเมริกา เขาไม่เคยเข้ามายุ่งในประเทศไทยเลยแม้แต่นิดเดียว แม้แต่นิดเดียว ไม่มี มีไอ้บ้านี่เท่านั้นเอง กร่างมาก ยังไม่ทันมาเหยียบแผ่นดินไทยเลย บอกว่าจะทำ 1 ทำ 2 ทำ 3 ทำ 4
ท่านผู้ชมครับ ผมจะฝากข้อคิดไปให้กับคุณดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จริงๆ แล้วกิริยาและคำพูด มารยาทที่ทรามของนายโกเด็ค ที่ทราม ที่ให้การกับคณะกรรมาธิการการต่างประเทศของเขา ชี้ให้เห็นชัดว่าเขากำลังจะเข้ามาแทรกแซงเหตุการณ์ในประเทศไทย ชัดเจน เพราะเขาพูดเอง หลักฐานมีหมด คนๆ นี้น่าจะถูกรัฐบาลไทยยื่นเรื่องปฏิเสธไปที่กระทรวงการต่างประเทศอเมริกาว่า เราไม่ต้องการคนๆ นี้เข้ามาเป็นทูต ขอให้เปลี่ยน แต่ผมเชื่อว่าคุณดอน ไม่ทำ เพราะคุณดอน เป็นคนที่เคารพนับถืออเมริกาเหมือนพ่อ ท่านนายกฯ ท่านก็ไม่ทำ แล้วผมจะดูวันที่เขามาประเทศไทย ผมจะเตือนคุณดอน และท่านนายกฯ ถ้าไอ้หมอนี่ขอพบนายกฯ ไม่ควรจะให้พบ เพราะอะไร ? ต้องตาม protocal คุณเป็นแค่ทูตคนหนึ่ง คนจะมาพบนายกฯ เรื่องอะไร ถ้านายกฯ ของคุณมา หรือประธานาธิบดีของคุณมา คุณมาพบได้ ผมก็ถามกลับถึงคุณดอน และท่านนายกฯ ว่า ทูตไทยที่อยู่ในอเมริกาถ้าจะเข้าไปพบประธานาธิบดีของเขา ไม่ว่าจะเป็นบารัก โอบามา หรือ โดนัลด์ ทรัมป์ หรือแม้กระทั่ง โจ ไบเดน เข้าพบได้ไหม ? คำตอบคือ ไม่ได้ แล้วถ้านายคนนี้เข้ามา แล้วรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายกฯ ให้มาพบนายกฯ ได้ แสดงว่าทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็คือข้าทาส สุนัขรับใช้ของอเมริกาใช่ไหม มันก็พิสูจน์คำว่า หมาชิวาว่า ของผม ถูกไหมท่านผู้ชม
ท่านผู้ชมครับ เราจะต้องชี้แจงให้กับกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา นายแอนโธนี บลิงเกน ว่าทูตของคุณที่จะมาเมืองไทย ได้ให้การ พูดยืนยันสิ่งที่จะทำในประเทศไทย สิ่งที่จะทำในประเทศไทย 1..2..3..4..5.. นั่นคือการเข้ามาก้าวก่ายการบริหารราชการแผ่นดินในประเทศไทย เข้ามาก้าวก่ายการตัดสินใจของรัฐบาลไทย เราไม่ต้องการคนประเภทนี้ ขอให้เปลี่ยนทูตคนใหม่มา คุณกล้าทำไมคุณดอน พล.อ.ประยุทธ์ กล้าทำไหม ? ไม่กล้าหรอก เพราะคุณสองคนเป็นคนขี้ขลาดตาขาว กลัวอเมริกา ยกมือไหว้เหมือนเป็นพ่อ คุณดอน คุณไม่กล้าทำหรอก คุณก็คือสุนัขรับใช้ของอเมริกา เห็นหรือยังท่านผู้ชม มีทูตคนไหนบ้างล่ะที่ก่อนจะมาแล้วเปิดเผยว่าจะมาทำอะไรในประเทศไทย เอกอัครราชทูตมีหน้าที่ประสาน เสริมมิตรไมตรี สร้างความสัมพันธ์ ขจัดปัดเป่าข้อขัดแย้ง และอธิบายความว่าเราจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ ไม่ใช่มาแล้วบอกว่าผมจะทำ 1 ผมจะทำ 2 ผมจะบอกให้ประเทศไทยยุติซื้อก๊าซจากพม่า ผมจะบอกให้ประเทศไทยกดดันพม่า และผมจะบอกว่าคนที่มีสิทธิเสรีภาพในการพูดจา มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ได้ และถ้าถูกกรณี 112 ผมจะเข้ามาแทรกแซงว่ากระบวนการยุติธรรมไทยแฟร์หรือเปล่า นี่คุณเข้ามาแทรกแซงศาลในประเทศไทยนะ นี่คือความรู้สึกของผม ท่านผู้ชม
ท่านผู้ชมครับ เรายังมีเวลาได้ดูเรื่องนี้ต่อไป แล้วผมจะฟันธงไปเลย ถ้าเรายังยอมไอ้บ้านี่ มันสะท้อนถึงความหน้าด้าน ความขี้ขลาดตาขาวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ทหารทั้งหลาย ท่านดูซิที่ผมพูด ฟังที่ผมพูดวันนี้มา ท่านคิดอย่างไร ตอบผมซิว่าท่านคิดอย่างไร ถ้าท่านคิดเป็น ถ้าท่านต้องการปกป้องประเทศชาติ ท่านต้องการปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ท่านต้องบอกเลยว่าทูตคนนี้มันไม่เหมาะที่จะมาประเทศไทย เปลี่ยนคนได้แล้ว แล้วไอ้นี่ ประวัติของมัน ไปที่ไหน ป่วนทุกประเทศ ผมเล่าให้ฟังตอนต้นแล้วไงท่านผู้ชม เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมทุกคนให้รู้ตรงนี้เอาไว้ แล้วจำเอาไว้ให้แม่น และผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งจะต้องมีคนออกลงถนนและประท้วงทูตอเมริกาคนนี้ ท่านผู้ชมที่โตยังไม่ทัน แต่คนที่โตทันแล้วจำได้ไหม วัยขนาดผม เราเคยเดินขบวนไล่ฐานทัพอเมริกาออก งวดนี้เราน่าจะรวมตัวกันเดินขบวนเพื่อไล่ทูตบ้าคนนี้ออกไป
ท่านผู้ชมครับ คุณดอนครับ ท่านนายกฯ ครับ รู้หรือเปล่าว่าคนที่อ้างเอกสิทธิ์ทางการทูตที่มาอยู่ที่เมืองไทยนั้น ที่สถานทูตรับรองอยู่ โดยใช้เอกสิทธิ์สถานทูต มีประมาณ 4 พันกว่าคน มาทำอะไรในประเทศไทยตั้งเป็นพันๆ คน ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการที่จะมาทำจารกรรม บ่อนทำลายประเทศไทย ท่านผู้ชมครับ จำคำพูดผมวันนี้ไว้ดีๆ เราจะดูรู้เลยว่า นายกฯ และดอน จะขายชาติหรือเปล่า จากการตัดสินใจครั้งนี้ ผมรู้คำตอบอยู่แล้ว ผมไม่อยากจะพูด และผมทายไม่ผิดหรอก
ท่านผู้ชมครับ เมื่อสองวันที่แล้ว วันพุธที่ 20 ได้มีเหตุการณ์ที่สื่อมวลชนพากันลงไปหมดแล้ว 1-2 วันที่ผ่านมานี้ คือเรื่องของ ส.ส. พรรคเพื่อไทย คนหนึ่ง คุณชนก จันทาทอง ส.ส. หนองคาย พรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวหา อภิปรายไม่ไว้วางใจคุณชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยบอกว่า คุณชัยวุฒิ มีพฤติกรรมและจริยธรรมที่ผิดมาตรฐานอย่างร้ายแรง ทำร้ายจิตใจภรรยาตัวเองอย่างแสนสาหัส จนกระทั่งภรรยาตัวเองนั้นออกมาโพสต์ว่า ได้ทราบเรื่องของครอบครัวคนที่รักว่า สามีพูดกับภรรยาว่า ฉันเลือกวิถีชีวิตแบบนี้ สามคนผัวเมีย เธอรับไม่ได้ก็ออกไป แล้วผู้หญิงอีกคนก็มีลูก มีสามีแล้ว ฟังแล้วหดหู่ใจ และแฮชแท็กติดไว้ว่า ค่านิยมสถาบันครอบครัวที่เปลี่ยนแปลงไป ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ฮือฮามาก
จริงๆ แล้วถ้าจะพูดไปอีกทีแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องไฮไลต์ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องอื่นไม่ว่าจะเป็นหลายๆ เรื่องที่ออกมากล่าวหาโน่นนี่นั่น เมื่อเทียบกับความดรามาของเรื่องแล้ว จะสู้เรื่องนี้ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
หลักๆ ก็ข้อกล่าวหาคือท่านรัฐมนตรีฯ ชัยวุฒิ ครองรักครองคู่กับภรรยาท่านมาจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน 3 คน แฝดสอง และมีลูกอีก 1 คน ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ภรรยาก็เป็น ส.ส. ด้วย คุณชนก ก็บอกว่า พอมาเป็นรัฐมนตรีดิจิทัลฯ พฤติกรรมก็เปลี่ยนไป เชิดหน้าชูตาหญิงอื่นเยี่ยงภรรยาตัวเอง ที่คุณชนก พูด ก็มี ส.ส.หญิงพรรคพลังประชารัฐ ออกมาประท้วงให้วุ่นวายไปหมด คือตามข่าวข้อมูลมา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง ข้อมูลว่า คุณชัยวุฒิ กับภรรยา คือ คุณกานต์กนิษฐ์ ได้หย่ากันแล้วเมื่อวันอังคารที่ 19 กรกฎาคม ก่อนอภิปรายได้หนึ่งวัน โดยข้อมูลลึกอีกทางหนึ่งก็คือ คุณกานต์กนิษฐ์ ก็ยืนยันว่า ไม่ได้มีการจ่ายเงินจ่ายทองให้เป็นค่าใช้จ่ายเลย
ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้บางคนก็บอกว่าไม่ใช่เรื่องการเมือง คุณชัยวุฒิ ก็บอกว่าเอาเรื่องต่ำๆ มาพูด โดยคนต่ำๆ ในการประชุม คุณกานต์กนิษฐ์ อยู่ในห้องประชุมด้วย แต่พอคุณชนก พูดถึงเรื่องการผิดศีลธรรมของคุณชัยวุฒิ คุณกานต์กนิษฐ์ ก็เดินออกจากห้องไป คุณชัยวุฒิ บอกว่า มาตรฐานต่ำ มีเรื่องให้พูดจำนวนมาก หากพูดเรื่องต่ำ คนพูดก็จะต่ำไปด้วย ก็เอาเป็นว่าอย่างนี้ดีกว่า ท่านผู้ชม ผมคิดว่าคุณชัยวุฒิ เอง ก็คงจะต้องไปนั่งแก้ตัวกับสังคมล่ะงานนี้ เพราะว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคุณชัยวุฒิ นั้น เผอิญก็เคยมีเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์อะไร ผมคงไม่จำเป็นต้องเอารูปมาขึ้นนะครับ เพราะเดี๋ยวจะหาว่าผมไปหมิ่นประมาทเขา เอาเป็นว่าผมไม่พูดชื่อก็แล้วกัน แล้วผมก็จะเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง แล้วผมจะเล่านิทานให้ฟังเรื่องหนึ่งตอนก่อนจะจบเรื่องนี้
แต่หลักๆ แล้ว ผมคิดว่า ผมอยากจะฝากบอกคุณชัยวุฒิ ไปนิดหนึ่ง คุณชัยวุฒิ อายุแค่ 51 ปี อ่อนกว่าผม 24 ปี ถ้าผมมีลูกเร็ว คุณชัยวุฒิ ก็อาจจะเป็นรุ่นลูกผม คือผมมีความคิดอย่างนี้ คุณชัยวุฒิ คุณจะฟังหรือไม่ฟัง ผมไม่ว่าอะไร ผมคิดว่าถ้าการที่คุณบังคับให้คุณกานต์กนิษฐ์ หย่า 1 วันก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยที่แหล่งข่าวอ้างว่า ซึ่งผมก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นความจริง หรือไม่เป็นความจริง เอาเป็นว่าผมไม่ยืนยันข้อเท็จจริงนี้ คุณชัยวุฒิ บอกว่าต้องอยู่กันแบบสามคนผัวเมีย คุณกานต์กนิษฐ์ รับไม่ได้ ก็เลยบังคับให้หย่า ผมก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริงนะ คุณชัยวุฒิ แต่ประเด็นสำคัญที่สุดตอนนี้คือ ผมคิดว่าสถาบันครอบครัวเป็นเรื่องที่สำคัญมาก คนเราถ้ามีลูกด้วยกันกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นภรรยาเรา ถึงขั้นมีลูก 3 คน แฝดสอง และอีกหนึ่ง ผมคิดว่าความรับผิดชอบสำคัญมาก เราจะรับผิดชอบอย่างไรกับเด็กๆ 3 คน ที่เราและภรรยาทำให้เขาเกิดขึ้นมา แล้วที่ผมทราบ ก็ยังเล็กอยู่ด้วย
ชีวิตของครอบครัว โดยพื้นฐานแล้ว สองคนผัวเมีย ไม่จำเป็นจะต้องเป็นกรณีคุณชัยวุฒิ ก็ได้ ทำมาหากินกัน ช่วยกันทำงาน อาบเหงื่อต่างน้ำ ขายข้าวขายของ ผัวทำงานหนัก เมียช่วยผัวทำงานหนัก เลี้ยงลูกด้วย จนในที่สุดผัวก็ร่ำรวยขึ้นมา เหมือนคุณชัยวุฒิ จนในที่สุดก็ได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงดีอี พอผู้ชายรวยขึ้นมา ส่วนใหญ่แล้วผู้ชายก็จะไปมีเล็กมีน้อย ซึ่งผมคิดว่าโดยพื้นฐานเมียหลวงก็รู้ เพราะว่า หนึ่ง ตัวเองก็แก่ลง แต่คุณกานต์กนิษฐ์ ก็ไม่ได้แก่ ถึงอายุ 46 แล้ว หน้าตาก็ยังดูดีอยู่ เป็นผู้ดีจริงๆ เรียนหนังสือก็สูง จบปริญญาตรี ที่ ม.รังสิต จบปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลีย ทางด้านการบริหาร
คุณกานต์กนิษฐ์ เป็น ส.ส. อยู่ในเขตพระนคร บ้านพระอาทิตย์นี่เองล่ะ เห็นรูปแกมานานแล้ว ก็ไม่ได้มีโอกาสเจอตัวแก แต่ว่าผมคิดว่าแกเป็นคนดีคนหนึ่ง แล้วก็สนับสนุนคุณชัยวุฒิ มาตลอด
ย้อนกลับไปถึงเรื่องเกี่ยวกับอาเสี่ยคนหนึ่งก็แล้วกัน พอร่ำรวยขึ้นมาแล้วก็มีความรู้สึกเบื่อหน่ายเมียตัวเอง แต่จะเบื่อหน่ายอย่างไรก็ตาม อย่างน้อยที่สุดก็เป็นเมียหลวง ซึ่งต่อสู้กันมา ทำมาหากินกันมา ลูกหลานก็โตแล้ว ก็ต้องเลี้ยงดูกันไป ให้การศึกษาอย่างสูงที่สุด ผมคิดว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ของกรณีแบบนี้ ผู้ชายก็ยังเก็บเมียหลวงเอาไว้ และยังให้เกียรติ ส่วนผู้ชายจะไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย ซึ่งเป็นปกติของผู้ชายไทยที่ประสบความสำเร็จ มีเงินมีทอง หรือมีอำนาจ เพราะเวลามีอำนาจขึ้นมาแล้ว ผู้หญิงหลายประเภทจะวิ่งเข้ามาเกาะติด เหมือนกับตัวผู้ชายเป็นแม่เหล็ก และผู้หญิงก็เป็นวัตถุที่เป็นเหล็กที่สามารถจะติดแม่เหล็กได้ แต่เท่าที่ผมดู เพื่อนฝูงผมก็เยอะ อายุก็มากแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีนะ มีกัน แต่ผมก็เห็นเขารักกับภรรยาหลวงเขาดี ไปไหนมาไหน ไปงานใหญ่ๆ ไปงานแต่งงาน ไปงานศพ เวลาเลี้ยงรุ่นอัสสัมชัญศรีราชา รุ่น 18 ก็เห็นหลายๆ คนก็พาเมียหลวงไป ทั้งๆ ที่เราก็รู้ว่าไอ้นี่มีเมียน้อยอยู่ 2-3 คน แต่ตรงนี้ผมถือว่าเป็นการให้เกียรติ ไม่ทอดทิ้งกัน ให้เกียรติตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้นอนด้วยกัน เพราะว่าภรรยาแก่ตัวลงแล้ว ซึ่งกรณีของคุณชัยวุฒิ กับคุณกานต์กนิษฐ์ ไม่เหมือนกัน เพราะคุณกานต์กนิษฐ์ ยังดูสาวสะพรั่งอยู่ ถึงอายุจะ 46 หน้าตาก็ดี ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง ผมก็เสียดายแทนคุณชัยวุฒิ แต่ก็อย่างว่า คุณชัยวุฒิ อาจจะบอกว่า คุณสนธิ นี่มันเรื่องของผม คุณอย่าเสือก
ประเด็นปัญหาไม่ใช่ว่าผมเสือกหรือไม่เสือกหรอก ประเด็นปัญหาคือเผอิญคุณชัยวุฒิ มานั่งในตำแหน่งที่ประชาชนเขาจับตาดูอยู่ ถามว่าจริยธรรมสำคัญไหม ? สำคัญ คุณชัยวุฒิ มันเป็นส่วนหนึ่งของการที่ทำให้มนุษย์คนหนึ่งมีคุณค่า มีคุณค่าในสายตาใคร ? อย่างน้อยก็ในสายตาของครอบครัว ในสายตาของประชาชน ที่สำคัญคือ ชีวิตสมรสของคุณ กับคุณกานต์กนิษฐ์ และลูกอีก 3 คนนั้น เป็นส่วนหนึ่ง องคาพยพของสถาบันครอบครัว ผมว่าสำคัญมากเรื่องสถาบันครอบครัว ผมจะเป็นอย่างไรก็ตาม ผมจะเป็นคนที่ให้เกียรติอาจารย์ปุ๊ มาตลอดเวลา ตอนเที่ยงเราก็จะทานข้าวเที่ยงด้วยกันที่ออฟฟิศผม ถึงแม้ช่วงนั้นจะอยู่กันคนละบ้าน แต่ผมให้เกียรติอาจารย์ปุ๊ เวลาอาจารย์ปุ๊ จะไปงานแต่งงาน ผมรู้ว่าเขาอยากให้ผมไปด้วย ผมก็ยินดีไป เขามีความสุขมากเวลาผมไปด้วย เพราะว่าผมเชิดชูและเทิดทูนเขาในฐานะที่เป็นภรรยาคู่ชีวิต
คุณชัยวุฒิ รู้ไหมครับว่าภรรยาผมอดทนมามาก ชีวิตผมกระโดดโลดโผนเหมือนม้าพยศ ติดคุกติดตะราง โดนยิง เคยล้มละลายในปี 2540 ในช่วงวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง แต่ปุ๊ ภรรยาผม ก็ยืนเคียงข้างผม ปุ๊ จบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะประมง จบปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยในต่างประเทศ คณะวิทยาศาสตร์การอาหาร ก็คล้ายๆ คุณกานต์กนิษฐ์ นั่นล่ะ ผมมีความรู้สึกว่าผมเป็นหนี้บุญคุณปุ๊มาก แล้วก็วินาทีสุดท้ายที่ภรรยาผมเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ผมยังจำได้เลย ก่อนที่ผมจะไปฟังคำพิพากษาที่ศาลฎีกา รู้สึกจะเป็นวันที่ 6 กันยายน 2559 ก่อนไปผมไปเยี่ยมปุ๊ที่โรงพยาบาล ที่เขานอนเป็นโรคมะเร็งอยู่ และน่าจะเป็นเฟสสุดท้าย ปุ๊เขาจับมือผม แล้วก็บอกว่า ป๋า สู้ๆ อย่ายอมแพ้ ถ้าแม่หายดีแล้ว แม่จะไปเยี่ยมป๋าที่เรือนจำ ผมจำได้ แล้วพอผ่านไปสักไม่เกินอาทิตย์หนึ่ง ลูกชายผม อาจารย์ปานเทพ เข้ามาเยี่ยมผมข้างในโดยได้สิทธิพิเศษ เพราะมีเรื่องสำคัญมาบอก ผมจำได้ว่าผมสังหรณ์ใจ พอลูกชายผมบอกว่า ป๋า แม่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อคืน คุณชัยวุฒิ ผมร้องไห้ ผมร้องจริงๆ
ผมร้องไห้เหมือนเด็ก เหมือนเด็กที่โดนขโมยของเล่นไป ของรักของหวงไป ผมพูดถึงเรื่องนี้ทีไรน้ำตาผมจะต้องไหล เพราะผมคิดถึงปุ๊ แล้วผมซาบซึ้งในความรักที่เขามีให้ผม ไม่เคยทอดทิ้งผมเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะเป็นการล้มละลายปี 2540 ที่ปุ๊เอาสมบัติของตัวเองทั้งหมดมาขาย แล้วเอาไปให้ผมเพื่อมาทำหนังสือพิมพ์ ทำ ASTV ที่ดินเขาก็เอามาให้หมด ป๋า เอาไปเถอะ นี่เป็นของนอกกาย ป๋าเอาไปทำงานที่ป๋าต้องการ เหมือนกับคนที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผม แล้ววันนี้เขาไม่อยู่กับผมแล้ว
คุณชัยวุฒิ ครับ ที่ผมเล่าให้คุณฟัง คุณจะเปลี่ยนใจหรือไม่เปลี่ยนใจ เป็นเรื่องของคุณ แต่ผมกำลังบอกว่า ภรรยาที่มีลูกกับคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภรรยาที่อยู่กับคุณมาตลอด ดูแลคุณมาตลอด เป็นคนที่คุณต้องเทิดทูนและเชิดชูเขา ถึงคุณจะมีใคร สมมุติคุณจะมีใครหรือไม่มีใคร ผมไม่รู้ แต่ถ้าคุณจะมี คุณก็คบกับเขาอีกระดับหนึ่ง แต่คุณต้องเก็บภรรยาคุณเอาไว้ คุณไม่เก็บไม่ได้ เขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ คุณก็ไม่ได้ต่างกว่าอาเสี่ยคนหนึ่งที่สมัยก่อนขายสินค้า เร่ขายตามบ้านต่างๆ แล้วอาซ้อก็เดินตาม ช่วยถือของ แล้ววันหนึ่งอาเสี่ยก็เป็นเจ้าของกิจการมหาศาล มีเงินเป็นพันๆ ล้าน หมื่นๆ ล้าน คุณต่างกว่าเขาตรงที่คุณกลายเป็นรัฐมนตรี มีอำนาจวาสนาขึ้นมา ลองคิดถึงยุคที่คุณกานต์กนิษฐ์ เขาอยู่กับคุณ และเขาเป็นแค่ ส.ก. แล้วคุณเข้ามาเล่นการเมือง แล้วเขาอยู่เคียงข้างคุณมาตลอด ช่วยเหลือคุณมาตลอด เหมือนกับปุ๊ ภรรยาผม ที่ไม่เคยทิ้่งผม แม้กระทั่งวาระสุดท้ายของเธอ เธอยังให้กำลังใจผมว่าเธอจะรีบรักษาตัวให้หายและรีบเข้าไปเยี่ยมผม
ผมคิดว่า ผมไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงคุณเป็นอย่างไร แต่ถ้าคุณทิ้งภรรยาเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง (ขอโทษนะ) ที่ไม่รู้หัวนอนปลายตีน ที่ผ่านโลกมาเยอะ ที่ผมเรียกว่าพวก Around the world มีข่าวคราวชู้สาวกับคนโน้นคนนี้มาตลอด แล้วคุณทิ้งภรรยาคุณไป ผมว่าคุณผิดนะ คุณชัยวุฒิ คุณผิด คุณไม่ได้ผิดแค่เฉพาะจริยธรรมของคนที่เป็น ส.ส. รัฐมนตรี ที่บัญญัติอยู่ในรัฐธรรมนูญ แต่คุณผิดในความเป็นลูกผู้ชายในตัวของคุณเอง คุณผิดต่อลูกคุณ 3 คน คุณผิดต่อภรรยาของคุณคนนี้ คุณชัยวุฒิ คุณเชื่อผมหรือไม่เชื่อผม ผมไม่ว่าอะไร แต่ผมจะบอกให้คุณรู้ คุณคอยดูสิ ชีวิตคุณจะมีแต่ความตกต่ำจากนี้ไป เพราะคุณไปทำร้ายทำลายจิตใจของคนที่รักคุณมาก อยู่เคียงข้างตัวคุณมาตลอด
จริงหรือไม่จริง ผมไม่รู้ แต่ถ้าจริง แล้วคุณก็ไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งความเป็นมา หัวนอนปลายเท้าคุณก็ไม่รู้จักเขา เขาอาจจะเพิ่งเข้ามาหาคุณเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง 1-2 ปีมานี้เอง ผมมีข้อคิดที่จะฝากคุณเพียงแค่นี้ คุณชัยวุฒิ ผมไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณ แต่ผมอยากจะออกมาปกป้องคุณกานต์กนิษฐ์ เพราะผมเห็นคุณกานต์กนิษฐ์ ซึ่งอยู่เคียงข้างคุณแล้วอดไม่ได้ที่ผมจะคิดถึงปุ๊ ภรรยาผมที่เสียชีวิตไป 5 ปีแล้ว จนวันนี้ผมเจอใครก็ตาม ถ้าเขาถามผมว่าผมรักผู้หญิงคนไหนมากที่สุด ผมบอกว่าผมรักแม่ผม และรักภรรยาผมที่เสียชีวิตไปแล้วมากที่สุด จะหาคนมาแทนภรรยาผมไม่ได้หรอก ผมก็มีคำพูดที่จะฝากฝังคุณชัยวุฒิ ให้กลับไปคิดเพียงแค่นี้ ผมไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวคุณหรอก แต่ข้อเท็จจริงคือเมื่อมันเปิดสู่สาธารณะแล้ว ผมคิดว่าผมจำเป็นต้องพูด เพราะว่าไม่ใช่ผมเป็นประธาน นายกสมาคมเมียหลวง ไม่ใช่ แต่ผมคิดว่าการทำร้ายจิตใจผู้หญิงสักคนหนึ่งที่เขารักเรา และมีลูกกับเรามา เป็นเรื่องที่ผมรับไม่ได้เลย คุณชัยวุฒิ ครับ