xs
xsm
sm
md
lg

Exclusive หวนคืนแดนมังกร: กักตัวสุดแซ่บ 14 วันในห้องแคบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



รัฐบาลจีนเพิ่งประกาศลดระยะเวลากักตัวของคนที่เดินทางเข้าประเทศเหลือ 7 วันจากเดิม 14 วัน การกักตัวเข้มงวดแบบ “ห้ามก้าวเท้าพ้นประตูห้อง” เป็นประสบการณ์ “หวานอมขมกลืน” ที่หลายคนอาจไม่ได้พานพบอีกเลย

รัฐบาลจีนใช้มาตรการที่เข้มงวดเป็นพิเศษกับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ เนื่องจากผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มาจากสนามบินมากกว่าการระบาดภายในประเทศ ผู้ที่เข้ามาประเทศจีนจะต้องกักตัวที่เมืองรองก่อน เมื่อครบกำหนดจึงจะสามารถเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางได้ ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันการระบาดในเมืองใหญ่ ล

ผู้สื่อข่าวที่มีปลายทางที่กรุงปักกิ่ง ได้กักตัว 14 วันที่เมืองฉางซา มณฑลหูหนาน ทางภาคใต้ของจีน

หลังผ่านมาตรการตรวจคัดกรองที่สนามบินนานกว่า 5 ชั่วโมง ผู้โดยสารทุกคนจะต้องไปกักตัว ณ โรงแรมที่รัฐจัดไว้ ทุกคนจะต้องขึ้นรถบัสไปพร้อมกัน เจ้าหน้าที่จะจัดที่นั่งเรียงตามลำดับในรถ จากนั้นจะเก็บหนังสือเดินทางทุกคนเพื่อลงทะเบียนแอปพลิเคชันติดตามสุขภาพ ซึ่งจะแสดงคิวอาร์โค้ดสีแดง-เหลือง-เขียว ตามข้อมูลการกักตัวและการตรวจเชื้อ ข้อมูลจะถูกส่งให้ศูนย์บัญชาการควบคุมโรคในแต่ละเขต

การสื่อสารจะทำผ่านแอพฯ “วีแชท” ซึ่งจะแบ่งกลุ่มตามห้องพักแต่ละชั้น ในกลุ่มจะประกอบด้วย ผู้กักตัว เจ้าหน้าที่ควบคุมโรค และผู้แทนโรงแรม ผู้กักตัวสามารถสอบถามและขอความช่วยเหลือเรื่องต่าง ๆ ได้ผ่านช่องทางนี้เท่านั้น


ห้องกักตัวคือห้องพักในโรงแรม แต่งดบริการทุกอย่าง พนักงานของโรงแรมไม่สามารถขึ้นมาบนห้องพักได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ควบคุมโรค เมื่อเข้าสู่ห้องพักแล้ว ประตูจะเปิดออกได้เฉพาะเมื่อตรวจเชื้อ รับอาหาร และวางขยะทิ้งที่หน้าห้องเท่านั้น แค่แง้มประตูไม่กี่นาทีก็จะมีเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นทันที

ภายในห้องจะมีหน้ากากอนามัย ปรอทวัดไข้ ชุดตรวจ ATK แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ และยาฆ่าเชื้อท่อระบายน้ำที่ใช้หย่อนลงในโถส้วมหลังทำกิจส่วนตัว ผู้กักตัวจะต้องรายงานอุณหภูมิร่างกายเช้า-เย็นทุกวันผ่านแอพฯ และจะมีการตรวจหาเชื้อเกือบทุกวัน ค่าใช้จ่ายในการกักตัวต้องออกเองทั้งหมด 14 วัน อยู่ที่ราว 35,000 บาท

เอกสารจากศูนย์บัญชาการควบคุมโรคประจำเขตระบุว่า อาหารเช้า กลางวัน เย็น จะถูกนำมาวางไว้ที่โต๊ะเล็กๆ ที่อยู่ด้านหน้าห้อง เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูให้ใส่หน้ากากแล้วจึงเปิดประตูไปนำกลับเข้ามาในห้อง พร้อมเตือนว่า “ห้ามออกนอกห้องเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ต้องขยายระยะเวลากักตัว”

นอกจากนี้ ยังมีเอกสารแนะนำวิธีดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิต เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงเวลากักตัวได้อย่างราบรื่น


ไม่เผ็ดไม่แซ่บ อย่าเรียกอาหารหูหนาน

อาหารทุกมื้อจัดทำโดยโรงแรมที่กักตัว อาหารหูหนานเลื่องลือถึงความเผ็ด แม้แต่ผัดผักหรือสลัดก็ยังต้องมีพริก จะมีแค่มื้อเช้าที่ไม่เผ็ด ส่วนอีก 28 มื้อตลอด 14 วัน ไม่มีวันไหนที่ไม่ซื้ดปาก คนจีนมณฑลอื่นหรือคนไทยก็กินเผ็ดทุกมื้อทุกวันเกือบไม่ไหว ไม่ต้องพูดถึงชาวต่างชาติที่ถึงกับบอกว่า “กินไม่ได้เลย”

แต่กฎการกักตัว ไม่อนุญาตให้สั่งอาหารจากภายนอกได้ ทางโรงแรมจึงทำได้เพียงทำอาหารตะวันตก เช่น สปาเก็ตตี พิซซ่า สเต็ก แซนวิส แต่ราคาแพงกว่าอาหารจีน และรสชาติไม่ใช่ความชำนาญของพ่อครัว หลายคนกินได้ไม่กี่มื้อก็ขอเปลี่ยนกลับมากินอาหารจีน ส่วนชาวต่างชาติที่กินไม่ได้จริงๆ ก็จำต้องสั่งอาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง ซีเรียล ผลไม้ มาประทังชีวิต


ศูนย์ควบคุมโรคยังจัด ยาสมุนไพรจีน เพื่อช่วยบรรเทาอาหารร้อนในจากอาหารเผ็ด และเสริมสุขภาพ หลายคนไม่กล้ากินยาขมนี้ แต่ผู้สื่อข่าวกินครบทุกขนาน และไม่มีผลเสียต่อสุขภาพแต่อย่างใด

อาหารหูหนานเป็น 1 ใน 8 สุดยอดตำรับอาหารจีน แต่การได้ลิ้มรสทุกวันทุกมื้อเช่นนี้ ก็ยากจะบอกว่าเป็น “ลาภปาก” หรือไม่




เมื่อสอบถามถึงชีวิตในห้องตลอด 14 วัน ผู้ที่กักตัวต่างบอกว่า ต้องพยายามทำชีวิตให้ใกล้เคียงกิจวัตรปกติที่สุด กิน นอน ทำงานออนไลน์ ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ แม้จะเป็นชีวิตให้ห้องแคบ แต่ก็ต้อง “ผ่านไปให้ได้” เพราะจุดหมายที่สำคัญที่สุดก็คือ กลับบ้าน

รัฐบาลจีนระบุว่า มาตรการควบคุมโรคสัมฤทธิ์ผลอย่างมาก จีนมีผู้ติดเชื้อน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ขณะนี้หลายประเทศจำนวนผู้ติดเชื้อหวนกลับมาเพิ่มอีกครั้ง แต่จีนก็ยังทำให้ “เป็น 0” ได้

มาตรการของจีนสะท้อนผ่านเอกสารที่ผู้กักตัวได้รับที่ลงท้ายว่า “เพื่อความปลอดภัยของมาตุภูมิ และสวัสดิภาพของประชาชนทุกคน โปรดให้ความร่วมมือฝ่าฟันความยากลำบากไปด้วยกัน ชัยชนะอยู่เบื้องหน้า”.
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
กำลังโหลดความคิดเห็น