MGR ออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชาเปิดเผยเรื่องราวอันขมขื่นในอดีตถึงเส้นทางในการปลดปล่อยประเทศจากเขมรแดงเมื่อ 45 ปีก่อนของเขา และยังได้กล่าวปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเขาเป็นผู้นำกองกำลังทหารเวียดนามเข้ามาสังหารชาวเขมร
ในการกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันรำลึก 45 ปี การเดินทางโค่นล้มระบอบล้างเผ่าพันธุ์ของพลพต ที่หมู่บ้านเกาะทะมา จ.ตะโบงคมุม ผู้นำกัมพูชากล่าวว่า ในวันนี้ (20) เมื่อ 45 ปีก่อน เขามีทางเลือก 4 ทาง ทางแรกคือการใช้กำลังทหาร 1,500 นาย เข้าต่อสู้เพื่อควบคุมพื้นที่ แต่ทางเลือกนี้เสี่ยงเกินไปและน่าจะพ่ายแพ้ให้กองกำลังของพลพต
นายกฯ ฮุนเซนกล่าวต่อว่า ทางเลือกที่ 2 คือการหนีไปเวียดนามเพื่อกลับมาปลดปล่อยประเทศจากระบอบเขมรแดง ทางเลือกที่ 3 คือปล่อยให้พลพตจับตัวและฆ่าเหมือนกับพลเมืองคนอื่นๆ และทางเลือกสุดท้ายคือฆ่าตัวตาย
“สุดท้ายแล้ว ผมตัดสินใจเลือกทางที่ 2 คือหนีไปเวียดนาม แม้ว่าทางเลือกนี้จะดีที่สุด แต่ก็เป็นเรื่องยากลำบากสำหรับผมเพราะผมต้องทิ้งบ้านไปโดยไม่มีภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน ตอนนั้นผมอายุแค่ 25 ปี แต่คงไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองถูกพลพตฆ่าหรือฆ่าตัวตาย แม้จะมีความหวังแค่ 1% ก็ตาม” ผู้นำเขมร กล่าว
สำหรับข้อกล่าวหาว่าเขานำทหารเวียดนามเข้าสังหารชาวเขมรนั้น ฮุนเซนย้ำว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ผิดโดยสิ้นเชิง
“บางคนกล่าวว่าผมเป็นคนนำทหารเวียดนามไปฆ่าชาวเขมร แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น หลังจากเขมรแดงล่มสลาย กัมพูชามีประชากรเพียง 5 ล้านคน แต่ในเวลานี้ประชากรเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 17 ล้านคน” ฮุนเซน กล่าว
ฮุนเซนย้ำว่า หลังการปลดปล่อยกัมพูชาจากระบอบเขมรแดง ทหารเวียดนามได้ถอนกำลังออกจากกัมพูชาในวันที่ 30 ก.ย.2532 สองปีก่อนข้อตกลงสันติภาพปารีส
ฮุนเซนยังใช้โอกาสเดียวกันนี้ยืนยันความมุ่งมั่นของกัมพูชาในการส่งเสริมสันติภาพ การพัฒนา ความร่วมมือ และมิตรภาพกับประเทศเพื่อนบ้าน และยังย้ำว่าเขาไม่มีสิทธิที่จะตัดแบ่งดินแดนของประเทศให้ชาติอื่น และกัมพูชาไม่เคยต้องการดินแดนของชาติอื่นเช่นกัน.