xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : ชัชชาติ VS ศรีสุวรรณ ความพอดีของ "นักร้อง" อยู่ตรงไหน? - "กัญชาเสรี" กับขบวนการเตะตัดขา - วิฤตยูเครนลามตะวันออกกลางที่ราบสูงโกลัน ฤาหนีไม่พ้นสงครามโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 3 มิ.ย.นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ได้แก่

- นักร้องเสียงทอง ศรีสุวรรณ จรรยา นาทีนี้ "พี่ศรี" ยังจำเป็นหรือไม่?
- งบประมาณปี 66 การจัดทำงบฯ แบบข้าราชการประจำ ชิลๆ สบายๆ ไม่สะทกสะท้านต่อภาวะวิกฤติ
- เศรษฐกิจไม่ฟื้นแน่ ถ้าไม่แก้ปมเครดิตบูโร
- “กัญชา” สมุนไพรไทยในนามผู้ร้าย จับตาขบวนการเตะตัดขา “กัญชาเสรี”.
- เศรษฐกิจวิกฤตทั่วโลก “ไบเดน” หรือ “ปูติน” ใครกันแน่เป็นคนทำ?
- วิกฤต รัสเซีย-ยูเครน ลุกลามไปตะวันออกกลาง ที่ราบสูงโกลัน เรื่องนี้จะกลายเป็นสงครามโลก ครั้งที่3 หรือไม่?
- ทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเ้กษตรฯ งานนี้มีตำรวจเกี่ยวข้องอีกแล้ว

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.140



คำต่อคำ SONDHI TALK EP.140 [3 มิ.ย. 65] : ชัชชาติ vs ศรีสุวรรณ ความพอดีของนักร้องอยู่ตรงไหน ?

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เผลอแป๊บเดียวมิถุนายนแล้ว อีกไม่ถึง 3-4 เดือน รายการนี้ก็จะครบ 3 ปีเต็มๆ โดยที่ออกทุกอาทิตย์ ไม่เคยพลาดเลยแม้แต่อาทิตย์เดียว

ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งประมาท ถึงแม้ว่าเราจะมีการเปิดประเทศไปหมดแล้วทุกอย่าง ประชาชนเริ่มมาใช้ชีวิตตามปกติ โรงเรียนต่างๆ ก็เริ่มเรียนตามปกติแล้ว แต่ผมกับอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เห็นตรงกันว่า จากประสบการณ์ส่วนตัว และคนรอบๆ ตัว ก็ยังมีคนติดเชื้ออยู่ เพียงแต่ว่าไม่ได้ปรากฏในรายงานของกระทรวงสาธารณสุข และ ศบค. อีกจำนวนมาก เพราะตอนหลังทุกคนเริ่มช่วยตัวเองแล้ว ติดก็ไม่รายงาน พักอยู่กับบ้าน และที่สำคัญที่สุดคือ ส่วนใหญ่จะทานยาสมุนไพร "ฟ้าทะลายโจร" ปรากฏว่า ฟาวิพิราเวียร์ ถ้าท่านไม่ได้ไปโรงพยาบาล ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ หรือไปโรงพยาบาล ถ้าปฏิเสธฟาวิพิราเวียร์ได้ ก็ปฏิเสธไปเลย


ฟ้าทะลายโจร ที่ผมเคยแนะนำให้คือของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ซึ่งเป็นระดับพรีเมียม ท่านสามารถสั่งซื้อได้ที่เฟซบุ๊ก "สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์" หรือไม่ก็สั่งซื้อได้ที่ Shopee ค้นหาคำว่า "สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์"

ท่านผู้ชมครับ ขออีกสักนิดหนึ่ง "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ผมทานมาเกือบปีแล้ว ดีมาก ขับลม ต่อต้านอนุมูลอิสระ และลดเสมหะ เหลืออยู่ไม่มาก ตอนนี้ในสตอกเหลืออยู่ไม่เกินสองร้อยกว่ากล่อง แล้วสมุนไพรที่เอามาทำยาประเภทนี้ ยิ่งวันยิ่งหายากขึ้นทุกวันๆ อย่าลืมนะครับ ท่านผู้ชม "สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์" ยาฟ้าทะลายโจรของอาจารย์ปานเทพ กับ ยาลม ๓๐๐ จำพวก


ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้มีหลายเรื่อง ถ้าจะพูดว่าเป็นเมดเลย์ของเหตุการณ์ต่างๆ ก็พอจะพูดได้ เรื่องแรก เราจะเอาการปะทะกันระหว่าง "พี่ศรี" ของผม คือ ศรีสุวรรณ จรรยา กับ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะว่าปะทะกันก็ไม่ได้ แต่เป็นเรื่องราวที่เป็นดรามา แล้วกองเชียร์ของคุณชัชชาติ ก็ออกมาปกป้องคุณชัชชาติ วันนี้ผมมีรายละเอียดของ "ศรีสุวรรณ จรรยา" ว่าเป็นใคร มาจากไหน ทำงานอะไร และที่สำคัญที่สุด ในรอบปี 2564 กับ 2565 จนกระทั่งถึงวันนี้ พี่ศรีของผมร้องเรียนไปแล้วทั้งหมดกี่เรื่อง เรื่องอะไรบ้าง มันมีความพอดีไหมในการร้องเรียน แล้วที่ร้องเรียนมามีผลอย่างไรบ้าง เรามารู้จัก "ศรีสุวรรณ จรรยา" กันสักนิด หลังจากที่มีทัวร์ลง "ศรีสุวรรณ จรรยา" เต็มไปหมด

เรื่องที่สอง แน่นอนที่สุด งบประมาณแผ่นดินก็มีการอภิปรายกันไป แต่ผมจะเอางบประมาณ 2566 ในมิติของผม หลังจากที่ผมได้มีการศึกษาและพูดคุยกับคุณอุตตมา สาวนายน อดีตรัฐมนตรีฯ คลัง ของพรรคพลังประชารัฐ ในยุคก่อน ตลอดจนคุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ซึ่งอดีตเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่สำคัญคือ เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ด้วย เรามาดูมุมมองกันว่า จริงๆ แล้วการจัดงบประมาณครั้งนี้เป็นการจัดงบประมาณตามปกติ แต่ในภาวะสังคมที่ไม่ปกติ การจัดแบบนี้ถูกต้องไหม แล้วก็จะต่อให้ พูดถึงเรื่องของเครดิตบูโร ซึ่งผมจะอธิบายความว่า สาเหตุหนึ่งที่เศรษฐกิจจะไม่มีวันฟื้นได้ ถ้ารัฐบาลไม่แก้ปัญหาเรื่อง เครดิตบูโร

เรื่องที่สาม ท่านผู้ชมครับ อีกไม่กี่วันแล้ว อีกไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ ก็จะมีการเปิดกัญชาเสรี แต่การเปิดกัญชาเสรีนี้ มันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังเยอะมาก มันมีขบวนการเตะตัดขาของหมอแก่ๆ บางคนที่ระดมพรรคพวกมาเพื่อต่อต้าน ที่สำคัญก็คือว่า ท่านรองนายกรัฐมนตรี วิษณุ เครืองาม ท่านก็เข้าสู่ขบวนการเตะตัดขากับเขาด้วย

เรื่องที่สี่ ท่านผู้ชมสังเกตไหมว่าตอนนี้ของในประเทศไทยมันแพง น้ำมันแพง อาหารแพง ทุกอย่างแพงหมด แต่มันไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยครับท่านผู้ชม มันแพงไปทั่วโลก มันเกิดอะไรขึ้นกับสถานการณ์สงคราม ราคาพลังงาน และที่สำคัญที่สุด มันมีวิกฤตการขาดแคลนอาหารกันทั่วโลก มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ

เรื่องที่ห้า เป็นเรื่องที่ท่านผู้ชมอาจจะนึกไม่ถึง แต่ว่าในขณะที่ผมนั่งคุยอยู่ทุกวันนี้กับท่าน เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผมกำลังจะเอาเรื่องสงครามในตะวันออกกลางที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ และมีโอกาสจะต่อเนื่อง เชื่อมโยงไปถึงความขัดแย้งในยูเครน ตลอดจนความขัดแย้งของจีน-อเมริกา ในเรื่องไต้หวัน อาจจะก่อให้เกิดการผิดพลาด เกิดสงครามโลกครั้งที่สามเป็นจุดๆ ได้ ผมกำลังจะเล่าให้ท่านผู้ชมฟังว่า ตอนนี้รัสเซียจะช่วยกลุ่มอาหรับ โดยหัวหอกอยู่ที่ประเทศอิหร่าน และซีเรีย เข้าไปยึดที่ราบสูงโกลัน และอาจจะลุกลามไปถึงสงครามโลก และที่ราบสูงโกลันนั้นสำคัญแค่ไหน เรามาเรียนรู้ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์กัน

เรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาได้สักพัก แต่ไม่ค่อยมีใครรายงาน ผมเคยพูดเรื่องนี้มาแล้ว แต่ผมพูดในมุมกว้างๆ ก็คือเรื่องทุจริตสหกรณ์การเกษตร เงินหายไปหกร้อยล้านบาท ก็โอเค มันก็เป็นเรื่องการทุจริตที่เป็นปกติธรรมดา แต่เผอิญมันมีอะไรพิเศษอยู่นิดหนึ่ง คือวิธีการคิด วิธีการเอาเงินผ่องออกไป แล้วไปซื้อทรัพย์สินเก็บเอาไว้นั้น ก็ยังใช้วิธีแบบโง่ๆ เหมือนเดิม แต่ที่สำคัญ คนที่เป็นตัวการนั้น หนีออกไปอยู่ต่างประเทศแล้ว และได้รับการช่วยเหลือจากอดีตตำรวจ ยศ พลตำรวจตรี ที่เพิ่งเกษียณอายุไปเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ ตรงนี้มันก็เลยทำให้เรื่องราวมีความสนุกสนานมากพอสมควร


ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา 31 พฤษภาคม คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีมติรับรอง คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร คนที่ 17 หลังจากที่ทำเอากองเชียร์และแฟนคลับของคุณชัชชาติ ขัดข้องใจ ลุ้นมา 9 วัน นับตั้งแต่การเลือกตั้งในวันที่ 22 พฤษภาคม คุณชัชชาติ ชนะอย่างเด็ดขาด ด้วยคะแนนเสียง 1.38 ล้านเสียง ทันทีที่คุณชัชชาติ ชนะ ก็มีนักร้องระดับชาติ ชื่อ คุณศรีสุวรรณ จรรยา ซึ่งเป็นเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องต่อ กกต. ให้ตรวจสอบนายชัชชาติ กรณีป้ายหาเสียง 


โดยก่อนหน้านั้น ในวันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม คุณศรีสุวรรณ บอกว่า ถ้าไม่มีเจตนาให้ประชาชนไปเก็บป้ายมาทำกระเป๋า แต่การมาโพสต์หรือพีอาร์ แต่การอ้างเก็บมาใช้เอง ทีมงานเก็บมาทำกระเป๋าเอง หรือไม่ ไม่มีการดำเนินการกับผู้ไปเก็บมาทำกระเป๋า กลับปล่อยให้มีการทำกระเป๋าและโพสต์ขาย 2-3 พันบาท คุณชัชชาติ ก็ไม่ได้ทำอะไร แสดงว่าเห็นด้วย ถึงกับย้อนแย้งในตัวคุณชัชชาติ เอง


ท่านผู้ชมครับ เรื่องป้ายหาเสียงของชัชชาติ กลายเป็นประเด็นให้ กกต. ต้องตรวจสอบอยู่ระยะหนึ่ง คุณศรีสุวรรณ ก็รุกหนักก่อนที่ กกต. จะประกาศ "บ่ายวันนี้ได้ข่าวจะมีคน กทม. 1.38 ล้านคน ดิ้นชักดิ้นงอเป็นไส้เดือนกิ้งกือบนกองขี้เถ้าไฟ ไม่รู้ว่าจะเฮ หรือโฮ !!!" ซึ่งแน่นอนว่ากลายเป็นดรามา ก็เลยมีรถทัวร์แห่แหนมาลงที่นักร้องดัง ศรีสุวรรณ กันมากหน้าหลายตา


หนึ่งในนั้นมีพี่ชูวิทย์ ของผม ออกมาโพสต์ฟาดพี่ศรี ว่า "เมื่อประชาชนคนกรุงเทพฯ 1.38 ล้านคน ลงคะแนนเลือกผู้ว่าฯ กทม. เพื่อสิ่งที่ดีกว่า แต่คนอย่างศรีสุวรรณ ดูถูกว่าเป็นไส้เดือนกิ้งกือบนกองขี้เถ้าไฟ สะใจเหลือเกินกับสิ่งที่ตัวเองทำไป ดี๊ด๊าเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ คิดว่า 1 เสียงร้องของตัวเองจะเอาชนะเสียงของประชาชนได้ คุณดูถูกคนลงคะแนนเกินไปแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นใคร?" ก็เลยมีกระแสเกิดขึ้น จะเอาคืนพี่ศรี ลงชื่อถอดถอนศรีสุวรรณ

นักร้องคนนี้ก็เป็นคนที่ไม่ยอมให้ฟาดฝ่ายเดียว ก็ออกมาเคลื่อนไหว ก็ต่อสู้ไป โวยวายไป บอกว่า อยากตั้งคำถามสังคมทำไมต้องตีโพยตีพาย หรือชักดิ้นชักงอ มาเรียกร้องให้ กกต. รับรองได้อย่างไร เมื่อมีคำร้องอย่างน้อย 2 คำร้องที่รอการตรวจสอบ นอกจากนั้น พี่ศรี ยังแซะแฟนคลับชัชชาติ อีกว่า ไม่ได้เป็นแฟนคลับธรรมดา แต่ถึงขั้นลุ่มหลงจนสามารถทำอะไรก็ได้ ถ้าลองดูจะพบว่าชัชชาติ ก็ชนะเลือกตั้งอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องรอขั้นตอนของ กกต. ให้สมบูรณ์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่การเลือกตั้งระดับชาติ หรือระดับท้องถิ่น จะมีกรอบเวลาที่ต้องหารือถึงการรับรองผล


ท่านผู้ชมครับ งานนี้ต้องยอมรับว่าทั้งสองฝ่ายก็แรง และเหตุและผลดรามาขยายตัวไปใหญ่ แต่ว่าคุณชัชชาติ ได้แสดงวิสัยทัศน์ของผู้นำใน กทม. คนใหม่ ที่มีวิธีแก้ปัญหาขัดแย้งได้อย่างนิ่มนวลที่สุด คุณชัชชาติ พูดจาชัดเจน คุณชัชชาติ บอกว่า "ขอบคุณทุกท่านที่ตรวจสอบ (หมายรวมถึงพี่ศรี ด้วย) ทำให้เรายิ่งสง่างามด้วยซ้ำ ไม่มีการซูเอี๋ย การตรวจสอบเต็มที่ ขอบคุณศรีสุวรรณ ขอบคุณ กกต. ที่ดำเนินการตามขั้นตอน ขอให้มีกระบวนการดำเนินการตามขั้นตอน ไม่มีการเร่งรัด ยิ่งตรวจสอบ เรายิ่งมีความชอบธรรมมากขึ้น ผมว่านี่คือความสวยงาม ดีกว่าไม่มีการตรวจสอบ" โอ้โห ชัชชาติ มาในรูปแบบของผู้หลักผู้ใหญ่ แล้วก็อ้อมไปกระโดดถีบศรีสุวรรณ ข้างหลัง โดยที่ศรีสุวรรณ ไม่รู้จะทำอย่างไร

ท่านผู้ชมครับ ถ้าจะให้ผมวิเคราะห์ เฉพาะเรื่องนี้นะ แล้วเดี๋ยวผมจะก้าวเข้าไปสู่เรื่องพี่ศรี ของผม ผมว่าพี่ศรี ทำเกินไป คือถ้าสมมุติจะยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ ก็ยื่นไป แต่ไม่ต้องไปตอบโต้ใครทั้งสิ้น ถึงเขาจะว่าเราอย่างไร เราอดทน เพราะว่าหน้าที่ของพี่ศรี ต้องเป็นคนหน้าด้าน ศรีสุวรรณ ต้องทำตัวเป็นคนหน้าด้าน ใครว่าอะไร ไม่สนใจ เพราะตัวเองคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกต้อง ก็คือว่า ตัวเองเรียกร้องไปแล้ว เพราะคิดว่าชัชชาติ ทำผิด เมื่อร้องไปแล้วก็ปล่อยเป็นหน้าที่ของ กกต. ไป ไม่ต้องไปแก้ตัว และไม่ต้องมาตรวจสอบ ไม่ต้องมาสวนกับแฟนๆ ของชัชชาติ ว่าเป็นไส้เดือนกิ้งกือ โน่นนี่นั่น นี่คือสิ่งที่ศรีสุวรรณ พลาด ทั้งๆ ที่ศรีสุวรรณ ทำอะไรดีๆ หลายอย่างในอดีตมาแล้ว

ท่านผู้ชมครับ ผมฟันธงว่า ในกรณีนี้ศรีสุวรรณ ทำถูกต้องแล้วที่ยื่นให้ตรวจสอบ แต่ว่าเลยเถิดไป แดกดันชาวบ้านเขา ทั้งๆ ที่ตัวเองควรจะเงียบสนิท ถือว่าทำตามหน้าที่แล้ว ผมไม่สนใจ ผมทำตามหน้าที่แล้ว คุณจะว่าอะไรผม ช่างมัน ปล่อยให้ กกต. ทำงานไป ตรงนี้คือสิ่งที่คุณศรีสุวรรณ น่าจะทำ แต่คุณศรีสุวรรณ ไม่ได้ทำ นี่คือข้อผิดพลาด


ผมเห็นว่าสถานการณ์ของบ้านนี้เมืองนี้ ประเทศนี้ ก็ยังจำเป็นต้องมีนักร้องอาชีพ อย่างศรีสุวรรณ จรรยา แต่การร้อง ผมแนะนำว่าต้องดูความเหมาะสมเป็นกรณีๆ ไป ไม่ใช่สักแต่ว่าตื่นเช้าขึ้นมาเปิดหน้าหนังสือพิมพ์ แล้วเขียนจดหมายไปร้องเรื่องโน้นเรื่องนี้โดยไม่มีข้อมูลอะไรนอกเหนือไปจากข้อมูลข่าว และนี่คือสิ่งที่ ศรีสุวรรณ จรรยา ทำทุกวัน เปิดหนังสือพิมพ์อ่าน มีอะไรที่เป็นประเด็นก็ขีดเส้นใต้ แล้วก็เอาประเด็นตรงนั้นมาร้อง ที่สำคัญคือเราต้องดูข้อมูลข้อเท็จจริง พิจารณาถึงผลได้-ผลเสียด้วย อย่างกรณีคุณศรีสุวรรณ ร้องเรียนคุณชัชชาติ เรื่องป้ายเลือกตั้ง ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นอย่างไรถ้า กกต. ไม่รับรองคุณชัชชาติ ซึ่งคุณศรีสุวรรณ ก็รู้อยู่แล้วว่า การตัดสินใจของ กกต. หรือการตัดสินใจของศาลรัฐธรรมนูญในยุครัฐบาลชุดนี้ มีการตัดสินใจหลายๆ ครั้งที่ไม่ได้ตรงไปตรงมา แต่เป็นการตัดสินใจที่ช่วยไม่ได้ที่ทำให้คนที่สังเกตเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้มีความรู้สึกว่าทั้ง กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ ก็มีเบื้องหน้าเบื้องหลังในบางกรณี เหมือนกับรับงานรัฐบาลมา

เอาล่ะ ถ้ากรณี กกต. ไม่รับรองคุณชัชชาติ หนึ่ง ต้องเสียเวลา เสียกำลังคน เสียงบประมาณในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ใหม่ ใช้งบประมาณอีก 340 ล้านบาท ใช้คนทำงานอีก 17,000 คน สอง ถ้า กกต. ให้ใบเหลือง ก็ต้องเลือกตั้งใหม่ คุณชัชชาติ จะได้คะแนนกลับมาอย่างถล่มทลายมากกว่าเดิม และผมเชื่อว่าอาจจะถึง 2 ล้านเสียง เสียด้วยซ้ำ สาม ถ้า กกต. ให้ใบแดงคุณชัชชาติ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ม็อบ ความวุ่นวายในกรุงเทพฯ ยังมีความเป็นไปได้สูงว่า ในที่สุดแล้วถ้าเลือกตั้งใหม่ คนกรุงเทพฯ ก็จะเลือก คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ตัวแทนของพรรคก้าวไกล มาแทนชัชชาติ

ในส่วนหน่วยงานของรัฐ และองค์กรอิสระ ก็เช่นกัน เมื่อได้รับเรื่องถูกร้องเรียน ก็ต้องมีกระบวนการพิจารณาในการรับเรื่องว่ามีมูล หรือไม่มีมูล ตามข้อมูลพยานหลักฐานที่บรรดานักร้องร้องมาได้รวดเร็วกว่านี้ ซึ่งถ้าพิจารณาว่าไม่มีมูล เป็นเรื่องไร้สาระ ลอกข้อมูลมาจากตามหน้าหนังสือพิมพ์ โซเชียลฯ แบบลอยๆ ท่านต้องรีบตีตกไป ไม่ว่าจะเป็น กกต. ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. ไม่ว่าจะเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ต้องรีบตีตกไปเลย เพราะฉะนั้นแล้ว พี่ศรี หรือใครก็ตามที่ร้อง เป็นร้อยๆ เรื่องในปีที่ผ่านมา ควรจะตีตกไปเลย แล้วเก็บเอาเฉพาะคดีที่ข้อร้องเรียนที่คิดว่าน่าจะมีมูล แล้วทำเรื่องต่อ แต่ถ้าพิจารณาแล้วมีมูล ให้รีบแจ้งต่อสังคมถึงรายละเอียด ไม่ใช่ดึง เหมือนกับการสร้างความคลุมเครือและปั่นป่วนให้กับสังคม


ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้เรามารู้จักคนที่ชื่อ ศรีสุวรรณ จรรยา กันหน่อย ไม่ค่อยมีใครพูดถึงท่านเลย แต่ก่อนอื่นผมต้องยืนยันนะครับ สังคมไทยจำเป็นต้องมีคนอย่าง ศรีสุวรรณ จรรยา เอาไว้ เขาทำคุณูปการให้สังคมไทยมามากพอสมควร หลายๆ เรื่อง หลายๆ เรื่องที่เขาเคยทำในอดีตนั้นก็มีผลออกมาในเชิงบวก หลายๆ เรื่อง แต่ก็มีอีกเยอะแยะไปหมดที่หลายๆ เรื่องเป็นเรื่องที่เลอะเทอะ นัยของผมก็คือว่า ศรีสุวรรณ มีประโยชน์ แต่ควรจะเลือกเรื่องที่ร้องเรียน แล้วก็มีสาระ แล้วก็มีหลักฐานที่หาได้ง่าย มากกว่าการอ่านแค่หนังสือพิมพ์แล้วเห็นว่ามีประเด็นร้องเรียนได้ ก็จะร้องเรียน

คุณศรีสุวรรณ เกิดที่พิษณุโลก อำเภอวังทอง จบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่เชียงใหม่ เป็นคนที่เคลื่อนไหวมาตลอด แล้วก็ทำงานเพื่อส่วนรวมมาตลอด แล้วก็เน้นในเรื่องของคดีสิ่งแวดล้อม เรื่องราวต่างๆ เป็นคนที่ต่อสู้สำหรับคนยากไร้ การเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้นทำให้คุณศรีสุวรรณ มีผลงาน


อย่างกรณีนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ในปี 2552 สิบสามปีที่แล้ว คุณศรีสุวรรณ ร่วมกับชาวบ้านมาบตาพุด จ.ระยอง 43 คน ยื่นฟ้องคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่อศาลปกครองกลาง ให้ระงับโครงการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง 76 โครงการ หลังจากศาลปกครองระยอง ประกาศให้พื้นที่ 5 ตำบลใน จ.ระยอง เป็นเขตควบคุมมลพิษ เพราะชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากมลพิษอย่างหนัก มีก๊าซรั่ว กลิ่นเหม็น ชาวบ้านต้องถูกหามส่งโรงพยาบาล คดีนี้จบลงด้วยการที่ศาลปกครองสูงสุดสั่งคุ้มครองชั่วคราว ระงับกิจการ 65 โครงการ ยกเว้นโครงการประเภทคมนาคม โรงแยกก๊าซ ท่าเทียบเรือ 11 โครงการที่เดินหน้าต่อได้ โดยศาลเห็นว่าผู้ถูกฟ้องคดีขาดการติดตามและการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และหน่วยงานรัฐมิได้ดำเนินตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ถือเป็นคดีสิ่งแวดล้อมประวัติศาสตร์ในขณะนั้น นี่คือข้อดีของคุณศรีสุวรรณ ซึ่งได้ทำคุณูปการให้กับชาวบ้าน


คุณศรีสุวรรณ เมื่อเห็นว่าคดีที่ทำนับพันคดีล้วนแต่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานภาครัฐ และนักการเมือง ก็เลยพลิก สร้างสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เพื่อติดตามตรวจสอบข้าราชการ นักการเมือง ปัญหาคอร์รัปชัน และความไม่เป็นธรรมในสังคม คุณศรีสุวรรณ ได้ทำบุญทำกุศลให้ชาวบ้านไว้เยอะ เคยเขียนคำร้อง คำให้การ ไม่ต่ำกว่า 4 พันคดี ส่วนใหญ่จะเป็นคดีสาธารณะที่มีคนฟ้องจำนวนมาก ถามว่าคุณศรีสุวรรณ ได้รายได้มาจากไหน ? ชาวบ้านนี่ล่ะครับ ลงขันให้คุณศรีสุวรรณ ก็ 4 พันคดี ถ้าคดีหนึ่งให้ 1 พันบาท ก็ 4 ล้านบาทแล้ว หรือถ้ามีบางคนให้ 1 หมื่น บางคนมีเงินมาก ให้ 1 แสน เพราะฉะนั้นคุณศรีสุวรรณ ก็ได้รับการบริจาคจากเงินที่บริสุทธิ์ จากประชาชนที่เขาช่วยด้วยจิตใจบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นแล้ว น่าจะจบได้ว่าคุณศรีสุวรรณ เอาเงินมาจากไหน


ผมจะเอาผลงานเด่นของคุณศรีสุวรรณ มาเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง หนึ่ง ปี 2562 ผลงานชิ้นโบแดงคือ ยื่นคำร้องเรียนต่อ กกต. ให้ส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรค แถลงข่าวตอนหนึ่งว่า ได้ปล่อยเงินกู้ให้แก่พรรคอนาคตใหม่ยืม รวม 191.2 ล้านบาท กกต. สอบสวน ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา วินิจฉัยว่าการกู้เงินของพรรคอนาคตใหม่ เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 72 หรือไม่ จนที่สุดแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ประกาศยุบพรรคอนาคตใหม่

เรื่องที่สองที่คุณศรีสุวรรณ ทำ คือ คุณปารีณา ไกรคุปต์ คือกรณียึดครองใบ ภบท.5 ของนักการเมือง รวมทั้งคุณปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส. ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ โดน ป.ป.ช. ชี้มูลผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ส่งคำร้องไปที่ศาลฎีกา โดยศาลฎีกามีคำพิพากษาว่า ปารีณา ผิดจริยธรรมจริง ให้พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. ไปแล้ว


สองเรื่องที่เป็นเรื่องโบแดงในยุคที่มาทำเป็นสมาคมฯ พิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ส่วนก่อนหน้านั้น ชิ้นโบแดงในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ก็คือฟ้องร้องจนกระทั่งศาลปกครองสูงสุดมีมติให้ระงับโครงการที่มาบตาพุดเกือบ 70 โครงการ

ชีวิตส่วนตัวคุณศรีสุวรรณ ภรรยาเปิดร้านชา ชื่อ ชาศรีสุวรรณ (CHA SRISUWAN) ตลาดยิ่งเจริญ แต่ปิดร้านไปแล้ว หมดสัญญาเช่า ชีวิตครอบครัวไม่ราบรื่น เพราะคุณศรีสุวรรณ เป็นคนหมกมุ่น ทำงานทางการเมือง ไม่มีเวลาดูแลครอบครัว เมียถึงกับโพสต์เฟซบุ๊กขอหย่าเพื่อให้คุณศรีสุวรรณ ทำงานได้สะดวก ศรีสุวรรณ เป็นคนนิสัยชอบสะสมครุฑกว่าร้อยองค์ ส่วนใหญ่ซื้อจากร้านขายของเก่าที่รับซื้อจากบริษัทห้างร้าน หรือธนาคารที่ถอนอาคาร หรือยุบสาขา มาอีกทีหนึ่ง นอกจากนั้น เป็นคนที่ชอบศิลปะ ชอบต้นไม้

เรามาดูกันนิดหนึ่งครับท่านผู้ชม สถิติการร้องเรียนของคุณศรีสุวรรณ ในปี 2564 ตั้งแต่ 1 มกราคม จนถึง 31 ธันวาคม 2564 คุณศรีสุวรรณ ยื่นเรื่องร้องเรียนหน่วยงานรัฐ องค์กรอิสระ ตรวจสอบไปแล้วอย่างน้อย 112 เรื่อง หรือเฉลี่ย 3.25 วันต่อหนึ่งเรื่อง ขยันมาก แค่ดึงเรื่องออกมาแล้วก็เขียนคำร้อง ร้องเรียน นี่ก็ตายแล้ว มีกรณีตรวจสอบทุจริต 15 เรื่อง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ 157 จำนวน 30 เรื่อง ผิดกฎหมายเลือกตั้ง 10 เรื่อง ผิดจริยธรรมนักการเมือง 12 เรื่อง ผิดจริยธรรมสงฆ์ 4 เรื่อง หมิ่นสถาบัน 4 เรื่อง ตรวจสอบเรื่องอื่นอีก 37 เรื่อง


ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 26 พฤษภาคม ปีนี้ (2565) คุณศรีสุวรรณ ยื่นเรื่องร้องเรียนไปหน่วยงานรัฐ องค์กรอิสระ ตรวจสอบไปแล้วอย่างน้อย 57 ครั้ง เฉลี่ยแล้ว 2.54 วันต่อหนึ่งเรื่อง แบ่งเป็น ตรวจสอบทุจริต 14 เรื่อง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 12 เรื่อง ผิดกฎหมายเลือกตั้ง 10 เรื่อง ผิดจริยธรรมสงฆ์ 7 เรื่อง หมื่นสถาบัน 3 เรื่อง หวยแพง 2 เรื่อง ตรวจสอบเรื่องอื่นอีก 3 เรื่อง

เพราะฉะนั้นแล้ว หลายเรื่องที่คุณศรีสุวรรณ ยื่นไป ก็เป็นเรื่องที่เป็นข่าวรายวันในหน้าหนังสือพิมพ์ เช่น 10 มกราคม ยื่นเรื่อง ป.ป.ช. เอาผิดอธิบดีกรมปศุสัตว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปล่อยราคาหมูให้แพง หลายเรื่อง 2 มีนาคม คุณศรีสุวรรณ ยื่นเรื่อง ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบการประมูลท่อส่งน้ำ EEC 2.6 หมื่นล้าน ร้องต่อ ป.ป.ช. ให้สอบนายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่ ฟ้อง ป.ป.ช. เรื่องคุณอนุทิน และคณะ ให้ระงับการจัดซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ เพราะสงสัยมีพิรุธ สรุปง่ายๆ แล้ว คุณศรีสุวรรณ ร้องแต่ละเรื่องนั้น เป็นการร้องเรื่องราวที่เกี่ยวกับการประพฤติผิด ปฏิบัติตัวไม่ชอบ หรือประพฤติตัวไม่ชอบ มาตรา 157 เป็นส่วนใหญ่ และกรณีทุจริต


ท่านผู้ชมครับ ที่ผมเล่าให้ฟัง ต้องการที่จะชมเชยคุณศรีสุวรรณ ว่าถึงคุณจะเอาข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์มาเขียนคำให้การ แล้วร้องเรียนไป อย่างน้อยความมุมานะ เพียร อุตสาหะของคุณ ที่จะทำเรื่องราวต่างๆ ในสังคมไทยให้ถูกต้องนั้น ก็เป็นเรื่องที่น่าจะชมเชยกัน แต่คำถามที่มีต่อมาว่า แล้วหน่วยงานที่รับเรื่องไป ผมเชื่อว่า ป.ป.ช. ปีหนึ่งรับไปหลายสิบเรื่องเลยจากคุณศรีสุวรรณ ยังแทบจะไม่มีคำตอบคำไหนที่หลุดออกมาเลย นอกจากกรณีของคุณปารีณา ไกรคุปต์ ที่ยื่นไปในเรื่องของที่ดินที่ราชบุรี นอกนั้นแล้วเยอะแยะไปหมดเลย ป.ป.ช. ก็ทำหน้าที่ มีหน้าที่อย่างเดียวคือส่งคนเป็นตัวแทนมารับ คุณศรีสุวรรณ ก็ยื่นให้ แล้วให้สัมภาษณ์ในประเด็นที่ยื่น หนังสือพิมพ์ก็เอามาลง คุณศรีสุวรรณ ก็ได้แสง ก็คือจริงๆ แล้วยังไงก็ต้องได้แสงอยู่แล้ว เพราะเมื่อไปร้องเรียนมาแล้ว หนังสือพิมพ์ไม่มีข่าวที่จะลง ก็เลยต้องเอาเรื่องนี้มาลง แต่คำถามมีว่า หน่วยงานที่รับเรื่องไป ผู้ตรวจการรัฐสภา ป.ป.ช. ทำไมไม่ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจรับเรื่องร้องเรียนมาแล้วสกรีนออกเลย ใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน น่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่าเรื่องที่ยื่นมาดูแล้วมีสาระ มีมูลไหม โน่นนี่นั่น หรือยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องตรวจสอบ แจ้งออกมา แล้วให้มันจบไปเป็นเรื่องๆ เพราะไม่อย่างนั้น กลายเป็นว่าใครๆ ที่ต้องการแสง ก็เดินเข้าไปหา ป.ป.ช. แล้วก็ยื่นเรื่องเข้าไป ในที่สุด ป.ป.ช. ก็มีเรื่องอยู่ 1-2 พันเรื่อง ไม่ใช่เรื่องตลกนะครับท่านประธาน ป.ป.ช.

ผมไม่ได้ตำหนิคุณศรีสุวรรณ หรอก เพราะคุณศรีสุวรรณ เห็นอะไรอยากยื่น ก็ยื่น พอเห็นว่าประเด็นนี้น่ายื่น ก็ยื่น กูมีหน้าที่ยื่น มึงมีหน้าที่รับ สื่อมวลชนมีหน้าที่ทำข่าว ถ้าไม่จัดระเบียบ จัดระบบ แบบนี้คุณศรีสุวรรณ จะกลายเป็นของชำร่วย ไม่มีความหมายอะไรเลย เหมือนกระดาษชำระม้วนหนึ่ง ซื้อมา ฉีก เช็ดก้น แล้วก็ทิ้ง

ผมว่าจากนี้ไป คุณศรีสุวรรณ น่าที่จะเลือกเรื่องต่างๆ ที่มันมีน้ำหนักและมีผลกระทบเยอะ ไม่ใช่เรื่องอะไรสักแต่ว่ามีมา แล้วก็ยื่นไป อันหนึ่งที่คุณศรีสุวรรณ พลาดไป พลาดมาก คุณศรีสุวรรณ ได้ละทิ้งประชาชนไปแล้ว ประชาชนที่ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียง ไม่มีปากที่จะมาร้อง เหมือนกับประชาชนชาวมาบตาพุดที่ถูกรังแก แล้วคุณเข้าไปยื่น คุณศรีสุวรรณ ไม่คิดถึงคนพวกนั้นบ้างหรือ หรือเพราะคุณศรีสุวรรณ กระโดดมาจับเรื่องนี้ มันระดับชาติ มันใหญ่กว่า ให้ชื่อให้เสียงคุณ คุณได้แสง แต่คุณอย่าลืมสิว่าคุณมีชื่อขึ้นมาเพราะประชาชนพวกนี้ แล้วยังมีประชาชนพวกนี้อีกเยอะเลยที่เขาเดือดร้อน เพราะฉะนั้นแล้ว นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะฝากให้ท่านผู้ชมเข้าใจศรีสุวรรณ มากขึ้น เขาไม่ใช่คนเลวร้าย เขาเป็นคนดี แต่บางเวลา บางกรณี เขาไม่รู้จักว่าอะไรควรหรือไม่ควร ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ทำเรื่องบางเรื่องให้เป็นเรื่องไม่มีสาระ คุณศรีสุวรรณ ครับ กลับไปหาประชาชนของคุณ แล้วก็เลือกเฉพาะเรื่องใหญ่ๆ ใหญ่จริงๆ แล้วยื่นร้องไปเลย อย่างนี้จะดีกว่าครับคุณศรีสุวรรณ


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมบางท่านคงได้ดูรายการทางทีวี ในเรื่องของการอภิปรายงบประมาณแผ่นดิน ปี 2566 รัฐบาลตั้งเป้าไว้ประมาณ 3.18 ล้านล้านบาท โดยรัฐบาลดำเนินนโยบายงบประมาณขาดดุล คือ ... เพื่อให้ท่านผู้ชมที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้ จะได้เข้าใจ งบประมาณมันก็เหมือนกับรายได้-รายจ่ายของบ้านๆ หนึ่ง บ้านๆ หนึ่ง หรือประเทศไทย ตั้งงบประมาณไว้ว่า ปีหน้ารายได้เราจะมีเท่าไร ก็จะเอาเงินเดือนของพ่อ เอาเงินเดือนของแม่ เอาเงินเดือนของลูก เอาเข้ามาคำนวณกัน เอาดอกเบี้ยต่างๆ ที่เราได้จากการเอาเงินไปฝาก หรือว่าเงินปันผล เอามารวมกัน ถือว่าเป็นรายได้ทั้งหมด

รายได้ของประเทศไทย หลักๆ ก็คือได้มาจากภาษีอากร ได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้จากค่าธรรมเนียมต่างๆ รัฐบาลตั้งไว้ว่า 2.49 ล้านล้านบาท นั่นคือรายได้ที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่า ปีหน้า (2566) นับตั้งแต่เดือนกันยายน ไปจนถึงสิงหาคม ปีหน้า เราจะมีเงินเข้ามา เราประมาณการว่า เราจะเก็บภาษีได้เท่านี้ ก็เหมือนกับพ่อประมาณการว่าปีหน้าพ่อจะมีเงินเดือนเท่านี้ แล้วได้โบนัสอีก 2 เดือน อีก 3 เดือนแม่จะมีเงินเท่านี้ คือประมาณกันเอาไว้ พอมาดูรายจ่าย อ้าว ตายล่ะ ปีหน้า ทางบ้าน พวกเราตั้งรายจ่ายเอาไว้ 3.18 ล้านล้านบาท มันมีรายจ่ายตายตัวที่จะต้องใช้ ค่าซ่อมบ้าน ค่าเล่าเรียนลูก ค่าซ่อมรถ ค่าผ่อนบ้าน ค่าโน่นค่านี่ 3.18 ล้านล้านบาท แต่รายได้มีแค่ 2.49 ล้านล้านบาท ส่วนต่างจะเอาที่ไหนล่ะ ถ้าเป็นบ้านทั่วๆ ไป แน่นอนที่สุด ก็ต้องไปเช่นแชร์บ้าง หรือว่าไปกู้เงินนอกระบบบ้าง เอามาอุดส่วนต่างนี้ แต่รัฐบาลสามารถกู้ได้ ก็เลยกู้มาชดเชยส่วนต่างระหว่างรายได้ กับรายจ่าย คือรายจ่ายมากกว่ารายได้ ต่างกันเท่าไรก็กู้มา ก็ปรากฏว่ารัฐบาลไทยก็กู้มา 6.95 แสนล้านบาท

ท่านผู้ชมครับ ทีนี้พอเรามาดูตรงนี้แล้ว เผอิญประเทศมันไม่ใช่แค่บ้าน หรือถ้าจะเทียบกับบ้านก็พอจะพูดได้ อย่างเช่น ในภาวะวิกฤต เราต้องตั้งงบประมาณที่บ้านเราให้สอดคล้องกับภาวะวิกฤต อย่างเช่น ภาวะวิกฤตแบบนี้เราควรหรือไม่ควรที่จะต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเรา เราลดค่าใช้จ่ายทางด้านอื่น เอางบประมาณส่วนนี้ไปเช่าตึกๆ หนึ่งซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้าน แล้วเปิดร้านขายอาหาร เพื่อหารายได้พิเศษเพิ่มเข้ามา หรือเอาเงินก้อนนี้ส่งเสียให้ลูกเรียน เรียนประกาศนียบัตรพิเศษในเรื่องของการเป็นนักคอมพิวเตอร์ โดยยอมจ่ายเงินพัฒนาบุคลากร พัฒนาลูกเราให้ลูกเรามีความรู้ ความสามารถ ฉันใดฉันนั้น

แต่ รัฐบาลทุกวันนี้จัดงบประมาณเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่มันมีวิกฤต เขาบอกว่างบประมาณที่มันจะเกิดขึ้นนั้น ทุกวันนี้รัฐบาลจัดแบบปกติในภาวะที่ไม่ปกติ เหมือนที่ผมเคยเรียนให้ท่านผู้ชมทราบ จำได้ไหม ว่าผู้นำของประเทศ หรือผู้นำองค์กร หรือผู้นำอะไรก็ตาม ล้วนแล้วแต่มีคุณลักษณะพิเศษ ในสภาพองค์กรที่เป็นปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีหนี้สิน ไม่มีวิกฤตต่างๆ ก็จะใช้ผู้นำประเภทหนึ่ง แต่พอองค์กรนั้นมีวิกฤต หรือประเทศไทยมีวิกฤต เราก็ต้องมีผู้นำที่พิเศษขึ้นมาอีกประเภทหนึ่ง เป็นผู้นำเข้ามาแก้วิกฤต การแก้วิกฤตนั้น งบประมาณก็เป็นเครื่องมือส่วนหนึ่งของการแก้วิกฤต เพราะฉะนั้นแล้ว พูดง่ายๆ ว่า งบประมาณ 2566 จำนวน 3.18 ล้านล้านบาท เป็นการจัดทำงบเหมือนภาวะปกติ ทั้งๆ ที่ประเทศมีวิกฤต ไม่ปกติ


ท่านผู้ชมครับ ผมมีข้อสังเกตอย่างนี้ เผอิญผมได้ไปฟังคุณอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ซึ่งเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และนายสันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรคและประธานกรรมการนโยบาย เผอิญผมฟังเขาพูดมา ก็มีเหตุผลหลายๆ เรื่อง ผมจะเอาความเห็นของเขามาเล่าให้ฟังก็แล้วกัน

คือเขามองว่า งบประมาณปี 2566 มีความไม่เหมาะสม 8 ข้อ ข้อแรก ทำงบประมาณปี 2566 ใช้สมมติฐานที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงในปัจจุบัน ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ตั้งรายรับไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่จะเข้ามา แล้วรายจ่ายที่จ่ายออกไปนั้น จะไม่ได้ส่งเสริมกระบวนการผลิต จะไม่ได้นำรายได้เข้ามาสู่ประเทศให้มากขึ้นกว่าเดิม เขายกตัวอย่างให้ฟังว่า การจัดเก็บ ประมาณการจัดเก็บรายได้มานำใช้จ่ายในวงเงินงบประมาณ เขามั่นใจว่าไม่ได้เป็นไปตามที่คาด


เพราะเมื่อเราดูตัวเลขการจัดเก็บรายได้ในอดีต ตั้งแต่ปี 2563-2565 ปี 2563 รัฐบาลตั้งเป้าเก็บรายได้ 2,864,562 ล้านบาท ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าจัดเก็บได้จริงเท่าไร ? 2,388,274 ล้านบาท อุปมาอุปไมยเหมือนกับบ้านเรา พ่อตั้งเป้าไว้แล้วว่า เงินเดือนต้องมีเท่านี้ สิ้นปีมีโบนัส แต่พ่อตั้งเป้าไว้แล้วเงินรายได้ไม่เคยเข้าตรงตามนี้ เพราะว่าอาจจะเกิดเหตุ ประการแรก พ่อโดนลดเงินเดือนเนื่องจากว่ามีโควิด-19 โบนัส บริษัทเคยให้ แล้วไม่ให้ เพราะฉะนั้นรายได้ที่บ้านๆ หนึ่งตั้งงบประมาณเอาไว้ว่าจะมีเข้ามา ก็ต้องผิดเพี้ยนไป ฉันใดฉันนั้น

2563 ตั้งเป้าไว้ที่ 2.8 ล้านล้านบาท รายได้เข้า แต่ได้จริงคือ 2.3 ล้านล้านบาท หายไปทั้งหมด 5 แสนล้านบาท

2564 (ปีที่แล้ว) ตั้งไว้ว่า 2,829,228 ล้านบาท แต่ได้จริงก็คือ 2,372,551 ล้านบาท ก็คือเท่าๆ รายได้ที่เข้ามา ปี 64 กับ 63 ใกล้ๆ กัน สรุปแล้วเรารายจ่ายมากกว่ารายได้ รายได้ผิดเป้าหมายไปปีละ 5 แสนล้านบาท เพราะฉะนั้นการวางแผนงบประมาณปี 2566 ยังใช้ฐานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ล้าสมัยมาประกอบ เช่น การคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ ใช้ตัวเลข 3.5-4.5 เปอร์เซ็นต์ ต่อจีดีพี และ 3.2-4.2 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2566 คือในปี 2565 ใช้ฐานตัวเลขทางเศรษฐกิจว่า เศรษฐกิจจะโต 3.5-4.5 เปอร์เซ็นต์ แล้วลดลงมาในปี 2566 กลายเป็น 3.2-4.2 เปอร์เซ็นต์ แต่ล่าสุด หน่วยงานทางภาครัฐ คือ สภาพัฒน์ คาดการณ์ว่าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจะเหลือแค่ 2.5-3.5 เปอร์เซ็นต์ หายไปเยอะนะท่านผู้ชม หายไป 1 เปอร์เซ็นต์กว่าๆ จากยอดทั้งประเทศ หายไป 1 เปอร์เซ็นต์กว่าๆ ถือว่าหายไปเยอะมาก

อีกเรื่องหนึ่งคือ ยอดเงินเฟ้อวันนี้ก็ไม่ตรงตามสถานการณ์จริง ยอดเงินเฟ้อคือของแพงขึ้นมาในคุณภาพและปริมาณของเท่าเดิม ตั้งแต่ธันวาคม 2564 เป็น 2.17 มกราคม ขึ้นเป็น 3.23 ไตรมาสแรกขึ้นไปเป็น 5.26 ในปี 2565 เพราะฉะนั้นการตั้งสมมติฐานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ล้าสมัย หรือการตั้งฐานตัวเลขเศรษฐกิจที่ไม่เป็นความจริงและล้าสมัย มาประกอบในการจัดทำงบประมาณ จะทำให้การบริหารจัดการงบประมาณแผ่นดินในอนาคตจะมีอุปสรรคและไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ แล้วอาจจะนำไปสู่การกู้ยืมที่มากขึ้น และจะมีผลต่อเสถียรภาพทางการคลังในอนาคต

ข้อสังเกตข้อที่สอง โครงสร้างงบประมาณ เมื่อพิจารณาแล้วจะเห็นว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างเหมือนเดิม จะมีวิกฤตหรือไม่มีวิกฤต ก็เหมือนเดิม จริงๆ จะต้องปรับเปลี่ยนให้สอดรับสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ระยะของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม สบายๆ ตื่นมาสบายๆ ง่วงนอนก็หลับสบายๆ ไม่มีความรู้ร้อนรู้หนาวเลยว่าภาวะนี้เรากำลังต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจ เราก็จัดงบประมาณเหมือนเดิม


ข้อที่สาม งบประมาณส่วนใหญ่แต่ละกระทรวงกลายเป็นงบเงินเดือนของพนักงานข้าราชการ กระทรวงศึกษาธิการ ท่านผู้ชมรู้ไหม งบประมาณค่าเงินเดือนกระทรวงศึกษาธิการ 62 เปอร์เซ็นต์ กระทรวงกลาโหม 60 เปอร์เซ็นต์ กระทรวงสาธารณสุข 70 เปอร์เซ็นต์ ท่านผู้ชม เมื่องบเงินเดือนมันสูงขนาดนี้ งบที่เหลือมันคืองบลงทุน งบค่าครุภัณฑ์ โน่นนี่นั่น มันก็ต้องลดน้อยลงมา เพราะฉะนั้นแล้ว งบการฟื้นฟูเศรษฐกิจมันไม่มี แต่ตัวเลขนี้มันพิสูจน์ชัดเจนว่าประเทศไทยติดหล่มงบประมาณด้านบุคลากรที่สูงมาก ผมเคยเรียนให้ท่านผู้ชมฟังแล้วไม่ใช่หรือ ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามา และ คสช. เข้ามา ตั้งแต่ปี 2557 มาจนถึงวันนี้ ราชการเจริญเติบโตมาก ข้าราชการมากขึ้นๆ และนี่ก็คือเป็นผล เพราะรัฐบาลชุดนี้ และ พล.อ.ประยุทธ์ เอาข้าราชการนำหน้าในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ก็เลยเป็นตัวเลขให้เห็นชัดเจน วันนี้ตัวเลขฟ้องแล้วว่างบฯ 2566 กระทรวงศึกษาธิการ 60 เปอร์เซ็นต์ ของงบฯ ที่กระทรวงศึกษาธิการได้ เป็นค่าเงินเดือน กลาโหม 60 เปอร์เซ็นต์ เช่นกัน กระทรวงสาธารณสุข 70 เปอร์เซ็นต์ นี่คือการตั้งงบประมาณแบบชิลๆ สบายๆ

เอาล่ะ ประเทศจะฟื้นฟูหรือเดินหน้าต่อไปได้ มันต้องมีงบลงทุน ปรากฏว่างบลงทุนเหลือแค่ 21.8 เปอร์เซ็นต์ แต่พอลงมาดูลึกๆ แล้ว งบลงทุนเหลือแค่ 15.46 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นเอง จะบ้าหรือเปล่า 100 บาท งบลงทุนเหลือแค่ 15 บาท ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ ? งบส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่มีผลต่อการลงทุนแท้จริง เช่น งบจ้างที่ปรึกษา และการลงทุนอื่นๆ เป็นต้น ที่ปรึกษานั้นคือแหล่งของการทำมาหากินของข้าราชการในกระทรวง ตลอดจนนักการเมือง นี่คือแหล่งคอร์รัปชันอีกวิธีหนึ่ง


ข้อห้า งบประมาณใช้จ่าย 35.26 เปอร์เซ็นต์ ถูกจัดสรรอยู่ในหมวดงบอุดหนุน พอเราดูงบประมาณที่แยกตามลักษณะงานที่อยู่ในแต่ละกระทรวง เช่น ด้านสังคม เศรษฐกิจ สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม ถือว่าเป็นการซ่อนค่าใช้จ่ายเอาไว้ในงบอุดหนุนดังกล่าว ทำให้ตรวจสอบยาก

หก นี่คือตัวปัญหาใหญ่ คืองบกลางที่นายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการใช้จ่าย ตั้งไว้สูงถึง 5.9 แสนล้านบาท ตั้ง 18.54 เปอร์เซ็นต์ ของงบประมาณทั้งหมด อยู่ในมือนายกรัฐมนตรีคนเดียว


เป็นวงเงินที่สูงที่สุดของวงเงินงบประมาณทั้งหมด แต่พอลงรายละเอียดแล้ว ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่จะมีไว้ใช้จ่ายด้านการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน กำหนดวงเงินในการบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนแค่ 92,000 ล้านบาท ทั้งๆ ที่งบกลางตั้งไว้ 590,470 ล้านบาท เอามาใช้จ่ายในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนถึง 9 หมื่นล้านบาท (92,400 ล้านบาท) ยังคงเหลืออีก 5 แสนล้านบาท งบประมาณส่วนใหญ่ 322,790 ล้านบาท ในส่วนกลาง คือ เบี้ยหวัด เงินบำเหน็จ บำนาญข้าราชการ


ข้อที่เจ็ด งบบูรณาการ 218,477.70 ล้านบาท 6.86 เปอร์เซ็นต์ ของงบประมาณทั้งหมด มีการอภิปรายและซักถามความไม่เหมาะสมโดยตลอด เพราะอะไร ? เพราะว่างบบูรณาการไม่มีการวัดผลความสำเร็จที่ชัดเจนในเนื้องานแต่ละโครงการที่ดำเนินการไป ทำให้การบูรณาการกลายเป็นเพียงรูปแบบ สรุปง่ายๆ คือเอางบพวกนี้มาซุกไว้ในแต่ละกระทรวงเพื่อนำไปใช้อย่างไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งรวมไปถึงการคอร์รัปชันด้วย


ข้อสุดท้าย งบจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ วันนี้เราไม่ได้รบกับใคร วันนี้ประเทศอยู่ในช่วงวิกฤต วันนี้เราต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ มีงบซื้ออุปกรณ์ อาวุธ โดยไม่มีการตัดเลย สูงถึงเกือบ 6 หมื่นล้านบาท และมิหนำซ้ำ ทหารยังซ่อนงบอยู่ในแผนจัดซื้อระยะยาว ประมาณ 4.5 แสนล้านบาท ที่ซ่อนเอาไว้ว่าเป็นการจัดซื้อระยะยาวในระยะเวลาสิบปีข้างหน้า ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง

ผมสรุปเอาอย่างนี้ดีกว่า งบประมาณนี้มันไม่เหมือนกับที่คุณไพบูลย์ นิติตะวัน พูดหรอกว่าฝนตกทั่วฟ้า แต่เป็นงบประมาณที่รัฐบาลจัดมาเพื่อแจกพรรคการเมืองในรัฐบาลเอาไปใช้ เมื่อพรรคการเมืองแต่ละพรรคมีงบประมาณเข้าสู่กระทรวงที่ตัวเองดูแลอยู่ มันก็คือช่องทางของการที่จะได้ผลประโยชน์จากงบประมาณเหล่านั้น แต่งบที่สำคัญที่สุด คืองบลงทุน จาก 21 เปอร์เซ็นต์ พอลงมาดูลึกๆ แล้วเหลือแค่ 15 เปอร์เซ็นต์ งบที่อัปลักษณ์ที่สุด คืองบเงินเดือนบุคลากร กระทรวงศึกษาธิการ 62 เปอร์เซ็นต์ของงบ เป็นเงินเดือน กลาโหม 60 เปอร์เซ็นต์ของงบ เป็นเงินเดือน สาธารณสุข 70 เปอร์เซ็นต์ของงบ เป็นเงินเดือน และนี่เป็นการจัดงบประมาณในภาวการณ์วิกฤตที่เราต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจหรือ ? ไม่ใช่ นี่คือการจัดงบประมาณตามระเบียบและระบบราชการที่เคยชิน ชิลๆ ไป สบายๆ มิหนำซ้ำแล้ว การจัดงบประมาณครั้งนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของตัวเลขที่สภาพัฒน์เคยบอกว่าเศรษฐกิจจะโตขึ้นสูงสุดประมาณ 4.2 เปอร์เซ็นต์ และล่าสุด เมื่อเร็วๆ นี้สภาพัฒน์ปรับตัวเลขใหม่แล้ว ว่าเศรษฐกิจจะสูงสุดไม่เกิน 3 จุดกว่าเปอร์เซ็นต์ พื้นฐานของตัวเลขที่ตัวเองจัดงบประมาณขึ้นมาก็ไม่ถูกต้อง รายได้ที่เข้ามาก็ผิดไปอีก ถึงต้องกู้ตั้ง 7 แสนล้าน

ท่านผู้ชมครับ ผมจำได้ ไม่กี่ปีมานี้ เรากู้มาเพื่ออุดข้อแตกต่างระหว่างรายได้ กับ รายจ่าย แค่ 2 แสนกว่าล้านเอง แต่วันนี้เรากู้มา 7 แสนล้าน ท่านผู้ชมครับ ผมไม่กล้าพูด แต่ผมคิดว่าอนาคตเรามีแต่ฉิบหายกับฉิบหายเท่านั้น ฝนไม่ได้ตกทั่วฟ้าหรอก คุณไพบูลย์ นิติตะวัน คุณพร่ำเพ้อเจ้อ เวิ่นเว้อ คุณดูตัวเลขเป็นหรือเปล่า คุณไพบูลย์

ท่านผู้ชมครับ เมื่อกี้นี้ผมได้วิเคราะห์เรื่องงบประมาณไปเรียบร้อยแล้ว แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะต่อท้ายเรื่องนี้ ก็คือว่า ถ้าเราจะฟื้นฟูเศรษฐกิจ หรือว่าถ้ารัฐบาลชุดนี้จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผมอยากให้พิจารณาให้ละเอียด การจะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ หมายความว่า คนที่ได้รับความบอบช้ำจากขบวนการโควิดในสองปีที่ผ่านมานี้ ที่ล้มละลายกันเป็นแถว ไม่มีเงินไม่มีทองใช้ ติดหนี้ค่าผ่อนรถ ติดหนี้ธนาคาร โน่นนี่นั่น ทำอย่างไรจะให้คนพวกนี้กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งหนึ่ง เพราะถ้าเราจะปล่อยให้เขาตายไป เราจะสร้างใครใหม่ขึ้นมาได้ มันไม่ทันแล้ว แต่คนพวกนี้ถูกเชือกแขวนคอไว้ทุกคน นั่นก็คือว่า ในระบบการเงินของบ้านเรานั้น มันมีสิ่งหนึ่งที่เขาเรียกว่า เครดิตบูโร (Credit Burea)


เครดิตบูโร ก็คือ เหมือนกับเป็นสำนักงานตรวจสอบเครดิตคน ใครก็ตามผิดนัดในการจ่ายเงิน หรือไม่มีปัญญาที่จะส่งรถ ไม่มีปัญญาที่จะส่งค่าบ้าน หรือธุรกิจไม่มีปัญญาที่จะส่งค่างวดให้กับธนาคาร แล้วโดนฟ้องร้องหรือโดนดำเนินคดีนั้น ทุกคนจะมีแบล็กลิสต์อยู่ที่เครดิตบูโร หรือ สำนักงานตรวจสอบเครดิต แบล็กลิสต์ มีผลอย่างไร ? แบล็กลิสต์ มีผลก็คือว่า คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะกู้เงินจากแหล่งที่เป็นสถาบันการเงินได้เลยแม้แต่นิดเดียว ตราบใดที่ชื่อคุณยังอยู่ในนั้น

สมัยก่อนเครดิตบูโรไม่มีระยะเวลา ก็หมายความว่าถ้าคุณมีแบล็กลิสต์แล้ว อาจจะต้องทิ้งไว้ 4-5 ปี ถึงจะเคลียร์ได้ แต่ระยะเวลานั้นถูกลดลงมาแล้ว เข้าใจว่าไม่ถึงปี แต่คำถามมันมีอย่างนี้ครับ ถ้าไม่ถึงปี คนตายไปเยอะแล้ว แล้วเศรษฐกิจจะฟื้นฟูได้อย่างไร เศรษฐกิจถ้าจะฟื้นฟูได้ คนที่ติดเครดิตบูโร จริงๆ แล้วต้องตั้งเป้าไว้ไม่ให้เกิน 3 เดือน ในช่วงนี้เนื่องจากว่าเป็นภาวะที่ไม่ปกติ ก็หมายความว่า ภายใน 3 เดือนนั้น ต้องจัดระบบ ปรับเกรดเขาเสียใหม่ พอครบ 3 เดือนแล้ว ควรที่จะเคลียร์ตัวเขาได้ เพื่อเขาจะได้มีโอกาสไปกู้เงินต่อมา เพื่อจะเอาเงิน บางคนเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว บางคนเปิดร้านขายข้าวแกง บางคนเปิดร้านเล็กๆ ที่จะทำงาน ทำธุรกิจเล็กๆ ที่มีพนักงานอยู่ 4-5 คน ติดเครดิตบูโรหมด ตอนนี้เปิดหมดแล้ว

บริษัทที่ทำงานเรื่องท่องเที่ยว ที่อยู่เชียงใหม่ ที่อยู่ภูเก็ต ตอนนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามา อ้าว ขยายงานไม่ได้ เพราะรถตู้ 10 คัน ที่ไม่ได้ผ่อนมาประมาณ 2 ปี โดนเขายึดไปแล้ว จะเช่าซื้อใหม่ก็ไม่ได้ เพราะติดเครดิตบูโร แต่ลูกค้ามาแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้ารัฐบาลยังไม่แก้ตรงนี้ ถ้ารัฐมนตรีฯ คลังยังไม่แก้ตรงนี้ ถ้าผู้ว่าฯ แบงก์ชาติยังไม่แก้ตรงนี้ โอกาสของการฟื้นฟูเศรษฐกิจคงจะยาก เพราะมีเฉพาะรายใหญ่ๆ เท่านั้นเองที่เขาไม่เดือดร้อน แต่เศรษฐกิจบ้านเราจะถูกขับเคลื่อนได้ ไม่ใช่ด้วยธุรกิจรายใหญ่ กลับเป็นธุรกิจรายเล็กพวกนี้ล่ะ ที่มีเป็นหมื่นๆ แสนๆ เจ้า

ท่านผู้ชมครับ นี่คือเรื่องที่ผมเป็นห่วง และผมก็อยากจะฝากให้รัฐมนตรีฯ คลัง คุณอาคม หรือท่านผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ตลอดจนรัฐบาลชุดนี้ ตลอดจนท่านรองนายกรัฐมนตรีสุพัฒนพงษ์ ที่ดูแลเรื่องเศรษฐกิจ ให้เข้ามาจับเรื่องนี้โดยตรง และเร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วน เพื่อให้คนพวกนี้ซึ่งตอนนี้กลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว ปลดล็อกเขาจากเครดิตบูโร แล้วก็ฉีดยาเสริมกำลังให้เขา ให้เขากลับมาเป็นมนุษย์ที่ไม่ใช่ซอมบี้ กู้เงินได้ เอาเงินมาทำกิจการต่อไป ทำกิจการแล้วจ้างคนเพิ่มเติม นี่คือสิ่งที่ผมอยากเห็นได้จริงๆ ถ้าไม่ทำอันนี้ ผมคิดว่าแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจก็จะล่มสลายไปเหมือนเดิม ไม่มีทางแก้ตัวได้


เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมเคยพูดมานานแล้ว และต่อสู้มานานแล้ว จนกระทั่งเริ่มกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ เพราะว่าพรรคภูมิใจไทย ใช้นโยบายเปิดกัญชาเสรี เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย แต่ว่าก่อนที่ผมจะเข้าสู่เรื่องนี้ เรื่องนี้ยังมีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่ลึกลับซับซ้อนพอสมควร ในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องกัญชา ไม่ใช่จะมากันได้ง่ายๆ กว่าจะมาได้ถึงวันนี้เลือดซิบๆ เลย เหงื่อไหลไคลย้อย มันมีคนขวางอยู่ตลอดเวลา แล้วคนที่ขวางก็คือคนที่มีกระบวนทัศน์คับแคบ ยึดถืออยู่อย่างเดียวว่ากัญชาต้องเป็นยาเสพติด โดยที่ตัวเองไม่ได้พิจารณาถึงที่มาที่ไปของกัญชา ที่กลายเป็นยาเสพติดนั้นเกิดขึ้นเพราะอะไร เพราะฝรั่งมันทำ แล้ววันนี้ฝรั่้งมันปลดล็อกกัญชาหมด แต่ไทย พอมันบอกว่ากัญชาเป็นยาเสพติด ไทยก็ดันไปเล่นกับมัน แล้วในที่สุดพอมันปลดล็อกแล้ว ระหว่างที่เราเป็นยาเสพติด มันก็เอากัญชามาศึกษา แล้วมันเห็นว่าประโยชน์ของกัญชามีเยอะ มันก็เริ่มปลดล็อกของเรา ที่อเมริกาไม่ค่อยมีใครค้าน มีแต่เมืองไทยนี่ล่ะ แล้วคนค้านคือใคร ? คือหมอแก่ๆ ผมรู้ชื่อ แต่ขี้เกียจพูด คือตัวการร้ายเลย ในที่ประชุมอะไรก็จะยืนหยัดว่ากัญชาเป็นอันตราย โน่นนี่นั่น มันไม่ยอมรับผลงานวิจัย มันไม่ยอมรับประโยชน์ที่กัญชามีอยู่

พอถามว่าระหว่างกัญชา กับเหล้า กับบุหรี่ อะไรติดได้ง่ายกว่า ? ปรากฏว่าติดเหล้า ติดบุหรี่ได้ง่ายกว่า แล้วอันตรายระหว่างกัญชา เหล้า บุหรี่ ก็ปรากฏว่า ถ้าเหล้า บุหรี่ อันตราย 100 ส่วน กัญชาอันตรายแค่ 1 ส่วน และ 1 ส่วนนั้นไม่ใช่อะไรนะ คือใช้มากเกินไป

แต่ก่อนผมจะเข้าเรื่องนี้ไป ผมจะขออนุญาตเลี้ยวซ้ายไปนิดหนึ่งในเรื่องที่เกี่ยวกับกัญชา แต่เป็นเรื่องความทุเรศบัดซบของตำรวจ 4 คน


ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ไม่กี่วันมานี้เอง มีผู้ชายคนหนึ่ง ชื่อ นายชู ประกอบผล ไปร้องเรียนกับสื่อมวลชนท้องถิ่้นว่า มีตำรวจนอกเครื่องแบบบุกเข้าไปจับเมียตัวเอง แล้วเอากัญชาที่ปลูกไว้แถวบ้าน 1 ต้น ไปด้วย กัญชาปลูกไว้ในตะกร้าพลาสติก ขอร้องให้ตำรวจปล่อยตัวเมีย ขอร้องเท่าไรตำรวจก็ไม่ยอม บอกให้ไปประกันตัวที่สถานีตำรวจ อ.ศรีราชา ตัวเองเป็นคนจน จะไปกู้หนี้ยืมสินมาประกันตัวก็ไม่ได้ เมียก็เลยนอนห้องขัง ทั้งๆ ที่กัญชา 1 ต้นนั้น เมียที่ชื่อ พรพิมล ปลูกเอาไว้เพื่อหวังจะเอาไว้ต้มกิน เขาปลูกไว้ต้มกินเพื่อรักษาโรคที่เป็นอยู่ บัดซบไหมท่านผู้ชม ตำรวจ 4 คน ไปจับคนแก่ๆ ผู้หญิงแก่คนหนึ่งปลูกต้นกัญชา 1 ต้น ที่บ้าน แต่โชคดี จับ 30 พฤษภาคม พอวันที่ 31 พฤษภาคม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.ชัยต์พจน์ สุวรรณรักษ์ ท่านออกมาจัดการทันที ชี้แจงว่า กรณีนี้ตำรวจสายสืบของโรงพักศรีราชา ฝ่าฝืนนโยบายผู้บังคับบัญชา เพราะเขาบอกว่าผู้บังคับบัญชาให้ใช้หลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ควบคู่กัน ก็คือว่า โอเค หลักนิติศาสตร์ กัญชายังไม่ได้ประกาศถูกกฎหมายในวันที่ 9 นี้ ถือว่าผิดกฎหมาย แต่หลักรัฐศาสตร์ ก็ดูสิ เขาปลูกแค่ 1 ต้น และเขาบอกว่าเขาเอาไว้กินเอง นี่คือหลักรัฐศาสตร์ ก็ต้องก้าวข้ามหลักนิติศาสตร์ไป เอาเถอะ อย่าไปยุ่งกับเขา เรื่องราวผิดกฎหมายที่คุณจะจับมีให้เยอะแยะไปหมด แต่ดันมาจับคนแก่ๆ ปลูกต้นกัญชา 1 ต้น นี่ถ้าไม่เรียกว่าบัดซบก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรนะท่านผู้ชม ผมหวังว่าท่านผู้ชมที่อยู่ศรีราชา และรู้จักตำรวจ 4 คนนั้น ช่วยเอาคลิปนี้ให้พวกมันฟังเสียหน่อยนะ

ท่านรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ท่านบอกว่า ตำรวจ 4 คนนี้ ไม่ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ก็เลยสั่งเด้งตำรวจ 4 คนนี้ไปปฏิบัติหน้าที่ยัง ศปก.ภูธร จ.ชลบุรี ให้ขาดจากต้นสังกัด เอาชื่อให้เป็นหลักฐานเลยท่านผู้ชม จะได้จำเอาไว้ มี พ.ต.ท.ยงยุทธ หวานเหนือ สารวัตรสืบสวน โรงพักศรีราชา ร.ต.อ.จตุพล เทสินทโชติ รองสารวัตรสืบสวน อ.ศรีราชา ด.ต.ชัยวัฒน์ มาดี ผู้บังคับหมู่ งานสืบสวน โรงพักศรีราชา ด.ต.อนุภาพ วิสูตรศักดิ์ ผู้บังคับหมู่ งานป้องกันปราบปราม ศรีราชา


ท่านรองผู้บัญชาการฯ ภาค 2 ครับ ตำรวจ 4 คนนี้ อย่าเอากลับมาทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนอะไรกับประชาชน ประชาชนจะซวยเอา เพราะเป็นตำรวจที่ซื่อบื้อ และผมไม่รู้ว่า ไปจับผู้หญิงแก่ๆ คนหนึ่ง คุณพรพิมล ปลูกต้นกัญชา 1 ต้น ทำไมพวกคุณถึงไปกันตั้ง 4 คน มันยุ่งยากมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ แล้วไปในระดับตำรวจยศพันตำรวจโท ระดับสารวัตรด้วยนะ โอ้โห ทำไมไม่จับพวกยาเสพติดล่ะ ทำไมไม่จับพวกค้าแรงงานเถื่อนล่ะ ศรีราชานี่เยอะแยะไปหมดเลยนะแรงงานเถื่อน


ท่านผู้ชมครับ ความคืบหน้าในการปลดล็อกกัญชา ที่ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 จะมีผลใช้บังคับ 120 วันให้หลัง หลังจากที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ก็คือวันที่ 9 มิถุนายนนี้ พฤหัสบดีหน้านี้เอง แต่เผอิญ มันมีร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง ซึ่งเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่มีมาตรการควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดในระดับหนึ่ง เพิ่งจะบรรจุในวาระประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาในวาระหนึ่ง ในวันที่ 8 มิถุนายน ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการต่างๆ ในสภาผู้แทนราษฎร ตามระเบียบมาตรฐาน เสนอต่อวุฒิสภาเพื่อพิจารณาต่อไป ไม่มีทางเสร็จก่อนวันที่ 9 มิถุนายน เพราะฉะนั้นแล้ว สถานการณ์นี้จึงส่งผลให้เกิด "สุญญากาศทางนโยบาย" คือ กัญชาจะกลายเป็นพืชที่ไม่เป็นยาเสพติด ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน เป็นต้นไป และจะไม่มีมาตรการควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดที่พอเพียง


ท่านผู้ชมครับ คำถามมีอย่างนี้ มันเป็นความจงใจของใครหรือเปล่าที่ทำให้เกิด "สุญญากาศ" นี้ ? จงใจกลั่นแกล้ง เพื่อให้เด็ก เยาวชน หรือคนที่ไม่มีความเข้าใจมากพอ ใช้กัญชาไปในทางที่ผิด เพราะยังไม่มีกฎหมายมาควบคุม ทำให้เกิดภาพทางลบของกัญชาออกมามากๆ ส่งผลให้เกิดกระแสกดดันกลับไปล็อกกัญชาเหมือนเดิม ผมเชื่อว่ามีเบื้องหลัง พวกที่ต่อต้านกัญชานะ ปล่อยให้มันไปก่อน ไม่ต้องร่างพระราชบัญญัติ พระราชบัญญัติอย่าเพิ่งออกมาควบคุมกัญชาว่าใช้อย่างไร อายุเท่าไรถึงใช้ได้ ใช้ได้มากน้อยแค่ไหน ใช้ได้แบบใด ให้คนใช้กัน แล้วก็ให้มันเมากัญชา แล้วมีเรื่องมีราวขึ้นมา จะได้เอาเรื่องพวกนี้มาสอดแทรกกับการประท้วงของเรา นี่คือความคิดของหมอแก่ๆ บ้าๆ พวกนี้

ท่านผู้ชมครับ ยังไม่ทันไรเลย วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ผู้ที่เป็นต้นเหตุทำให้พุทธศาสนาล่มสลายมาจนถึงทุกวันนี้ 31 พฤษภาคม วิษณุ เครืองาม ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นปลดล็อกกัญชา ว่า ร่างพระราชบัญญัติการใช้กัญชา ยังไม่ออกมา พอคนเขาถามว่า พอเปิดเสรีกัญชา วันที่ 9 จะเป็นอย่างไร วิษณุ บอกว่า ฝากให้กระทรวงสาธารณสุขไปคิดว่าจะมีมาตรการอย่างไร ซึ่งอันที่จริงเขามีอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่รัดกุม ความหมายของคุณวิษณุ มีว่า ถ้ามีเรื่องราวที่ไม่ดีเกี่ยวกับกัญชาเกิดขึ้น กระทรวงสาธารณสุขต้องรับผิดชอบ ใช่ไหม ? วิษณุ พูดต่อว่า หลัง 9 มิถุนายน มันเสรีจริง แต่อยู่ที่ว่านำมาทำอะไรด้วย เช่น นำมาปลูกได้ แต่ถ้านำมาใช้อาจเป็นปัญหา เพราะถ้าเป็นใบ ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นช่อหรือดอกไม้ ไม่ได้ กระทรวงสาธารณสุขต้องควบคุม เพราะมีกฎหมายควบคุมช่อดอกอยู่แล้ว จะนำไปผสมในหม้อก๋วยเตี๋ยวไม่ได้เด็ดขาด ถือว่าเป็นความผิด จะวันนี้ หรือหลังวันที่ 9 มิถุนายน ถ้าทำก็ถือว่าเป็นความผิด ต้องรณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจ


ท่านผู้ชมครับ ประเด็นอยู่ที่ไหน ประเด็นอยู่ที่ การที่นายวิษณุ พูดแบบนี้เหมือนไม่ได้อ่านประกาศกระทรวงสาธารณสุข เพราะประกาศฉบับนี้กำหนดให้เฉพาะสารสกัดที่มีสาร THC มากกว่าร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนักเท่านั้น ที่เป็นยาเสพติด ส่งผลให้พืชกัญชา เช่น ช่อดอก ที่ไม่ใช่สารสกัด แต่มี THC สูง จะไม่เป็นยาเสพติดอีกต่อไป

ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า ผมเคยพูดไปในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อวันที่ 21 มกราคม 4-5 เดือนที่ผ่านมา เกี่ยวกับมีการพยายามทำให้กัญชาเป็นผู้ร้าย ทั้งๆ ที่กัญชาเสพติดได้ยากกว่าเหล้าและบุหรี่ ถ้าเหล้ายังขายได้ เราควบคุมอย่างไร เราควบคุมเหล้าอย่างไร เราก็ควบคุมกัญชาอย่างนั้น ออกเป็นระเบียบควบคุมให้เหมือนบุหรี่และเหล้าที่วางขายกันทั่วๆ ไป

ท่านผู้ชมครับ คุณวิษณุ และหมอแก่ๆ ที่อยู่เบื้องหลังครับ กัญชายังมีดีกว่าเหล้า-บุหรี่เยอะ เพราะว่าใช้รักษาโรคได้ด้วย กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้ตำรับยาหลายสิบตำรับที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมนั้น เป็นบัญชียาหลักแห่งชาติ นี่ขนาดกระทรวงสาธารณสุขยอมรับ และเป็นคำตอบที่ทำไมคนไทยลดการพึ่งพายาฝรั่งได้ อย่างเช่นสัปดาห์ที่แล้ว 27 พฤษภาคม ผมพูดให้ฟัง มีตัวอย่างชัดๆ ว่า กัญชานั้นแก้เจ็บให้คนไทยได้อย่างไรบ้าง ผมมีตัวอย่างให้ดูเลย มีการไปสัมภาษณ์คนที่แก้เจ็บด้วยกัญชา

มันมีขบวนการที่ต้องการให้สังคมเห็นภาพด้านลบของกัญชา ให้เห็นเด็ก เยาวชน สูบกัญชา ทำให้กัญชาเป็นผู้ร้าย นี่คือพวกที่สูญเสียผลประโยชน์ทางธุรกิจยา ธุรกิจการแพทย์ รวมทั้งสูญเสียเงินที่เป็นส่วยและสินบนต่างๆ เพราะกัญชา และ/หรือ ฟ้าทะลายโจร มันไม่เคยมีค่าคอมมิชชัน

ผมทราบว่าหมออาวุโสกลุ่มหนึ่งที่พยายามขัดขวางการเปิดเสรีกัญชาเต็มที่ รวมกลุ่มล่ารายชื่อบรรดาหมอเพื่อยื่นให้วิษณุ เครืองาม เปลี่ยนกติกาเรื่องกัญชาใหม่ คือให้กลับไปล็อกเหมือนเดิม ไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่า ถ้าจริงก็โคตรจะบัดซบเลย

ท่านผู้ชมครับ วันนี้ถ้าเรามองด้วยใจเป็นธรรม กัญชา-กัญชง กลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้หลายหมื่นล้าน และเป็นแสนล้าน บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทมหาชน เยอะแยะไปหมด เอากัญชา-กัญชง ไปใช้กับผลิตภัณฑ์ของตนเองหลายร้อยหลายพันอย่าง แล้วถามว่า ชาวบ้านทั่วๆ ไปจะมีโอกาสอะไรบ้าง ผมจะเอาคลิปๆ หนึ่งมาให้ดูว่าสำหรับชาวบ้านทั่วๆ ไป กัญชาจะช่วยปัญหาเรื่องรายได้ และจะแก้ปัญหายากจนได้อย่างไร ให้คนไทยธรรมดาๆ อย่างเราได้อย่างไรบ้าง ไปชมกันเลยครับ


(>>> คลิป "กัญชาแก้จน" <<<)



ท่านผู้ชมครับ ณ เวลานี้ ทั่วโลกกำลังเดือดร้อนกันหนักเลย ข้าวของแพงขึ้นกันทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศอเมริกา หรือประเทศทางตะวันตก แม้กระทั่งในประเทศไทย ซึ่งเราเองก็มีอาหารการกินพอสมควรแล้ว แต่ที่แพงขึ้นก็เพราะว่าต้นทุนค่าขนส่งมันสูงขึ้น เท่าที่ผมทราบ เฉพาะอาหารอย่างเดียว ผมมีพรรคพวกซึ่งมีลูกเรียนหนังสืออยู่แถวสาธิตจุฬาฯ เขาไปส่งลูก แล้วเขาแวะไปที่สามย่านเพื่อไปกินข้าวกับภรรยา เขาบอกปกติเขาทานกันสองคนไม่เกิน 120 บาท ช่วงหลัง หลังจากที่โรงเรียนเปิดแล้ว เขากลับไปทานอีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้อาหารประเภทเดียวกัน จำนวนเท่ากัน กลายเป็น 160 บาท จาก 120 เป็น 160 เพิ่มขึ้นประมาณเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ และไม่ใช่เฉพาะตรงนี้นะ ทุกๆ จุดขึ้นหมด น้ำมันก็ไม่มีทิศทางว่าจะลงเลยแม้แต่นิดเดียว น้ำมันดีเซล ซึ่งทาง ปตท. ซึ่งมีอยู่ 2 เกรด เกรดต่ำ ก็ลิตรละประมาณ 30-33 บาท พรีเมียมดีเซล กลายเป็นต้องเพิ่มอีกสิบบาท 40 กว่าบาท ประชาชนตอนนี้ไปเติมน้ำมันดีเซล ปรากฏว่าเกรดต่ำ 30 กว่าบาท ปตท. อ้างว่าไม่มีแล้ว ปิดปั๊ม ซ่อมแซมระบบ ทำให้ประชาชนต้องไปเติมดีเซลที่ราคา 40 กว่าบาท เดือดร้อนกันทั่วหน้า

อเมริกาเอง ข้าวของขึ้นมาก ท่านผู้ชม น้ำมันในอเมริกาแกลลอนละประมาณ 5-6 เหรียญ บางแห่ง 7 เหรียญ สูงเป็นประวัติการณ์ ไม่เคยสูงขนาดนี้ ยุโรปก็สูง อาหารขาด มันเป็นวิกฤตทางอาหาร ซึ่งต่อเนื่องมาจากวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย กับ นาโต โดยที่อเมริกาหนุนหลัง เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว เพราะเงินเฟ้อมันขึ้นมาก เงินเฟ้อคือของแพงขึ้นมา ในปริมาณเท่าเดิม แต่ราคาสูงกว่าเก่า เขาบอกว่าในเยอรมนีเงินเฟ้อสูงมากที่สุดในรอบ 50 ปี ท่านผู้ชมครับ 50 ปี ครั้งนี้สูงที่สุด เพราะฉะนั้นแล้ว ข้อเท็จจริงในการจ่ายเงินจ่ายทอง ซื้อข้าวซื้อของ คนที่อยู่ในประเทศที่เงินเฟ้อแบบนั้น จะรู้สึกทันทีเลย เหมือนกับคนที่ผมรู้จัก สองคนผัว-เมีย ไปกินข้าวที่สามย่าน 120 บาท กลายเป็น 160 บาท และแนวโน้มก็ไม่ใช่ว่าจะลดลงนะ

อาหารต่างๆ หลายประเทศเริ่มปิดประเทศแล้ว ไม่ยอมส่งออก อินเดีย ไม่ส่งออกข้าวสาลี ข้าวสาลีขาด รัสเซีย-ยูเครน ผลิตข้าวสาลีประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของโลก รัสเซียไม่ส่งออก ยูเครนก็ส่งออกไม่ได้ เพราะว่าโดนปิดท่าเรือหมด ด้วยเหตุนี้ อเมริกา โดยนายโจ ไบเดน ก็โยนความผิดว่าของแพงในโลกนี้ เป็นเพราะฝีมือปูติน


เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2565 ไบเดน ได้เคยไปปราศรัยที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ชื่อ มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา เขาบอกว่า ปัญหาเงินเฟ้อ ราคาสินค้าพุ่งสูง ที่คนอเมริกาและคนทั่วโลกเผชิญอยู่ทุกวันนี้ เขาบอกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นผลกระทบมาจากการรุกรานยูเครนของนายวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ท่านผู้ชมครับ การกล่าวหาว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ราคาสินค้าที่แพงขึ้นนั้น เกิดขึ้นจากนายปูติน เพราะนายปูติน ขึ้นราคาน้ำมัน และการบุกยูเครนของทัพรัสเซีย ท่านผู้ชมครับ จริงๆ แล้ว พูดกันอย่างเนื้อๆ เลย ประเด็นเหล่านี้ล้วนแต่เกิดจากน้ำมือของผู้นำและกลุ่มทุนในอเมริกาทั้งสิ้น นั่นคือตัวการที่ทำให้ของแพง ผมเคยเล่าให้ท่านผู้ชมฟังแล้วไม่ใช่หรือว่า วิกฤตด้านห่วงโซ่อุปทาน หรือที่เรียกว่า Supply Chain Crisis


ห่วงโซ่อุปทาน ก็คือว่า ของที่จำเป็นต้องใช้แล้วไม่มีให้ใช้ เกิดขึ้นทั่วโลก มันเกิดขึ้นตอนนั้นเพราะว่ามันเกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้วในที่สุดมันถูกเร่งอัตราให้สูงขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 หลังจากที่รัสเซียบุกยูเครน ผมเคยพูดเรื่องนี้เมื่อตอนที่ 100 วันศุกร์ เดือนตุลาคม ปีที่แล้วเสียด้วยซ้ำ


ท่านผู้ชมครับ ในข้อเท็จจริง อเมริกามากล่าวโทษว่าน้ำมันแพงเพราะรัสเซีย อเมริกานั้นนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียแค่ไม่เกิน 8 เปอร์เซ็นต์ นำเข้าจากแคนาดามากที่สุด คือ 50-60 เปอร์เซ็นต์ รองลงมา นำเข้าจากเม็กซิโก 8-10 เปอร์เซ็นต์


นอกจากนี้แล้ว ในช่วง 3 เดือนที่เกิดสงครามยูเครนเป็นต้นมา อเมริกาสั่งห้ามไม่ให้นำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย แต่รัสเซียก็ยังคงขายน้ำมันให้ประเทศต่างๆ ไม่ได้ถูกแซงก์ชันอย่างเด็ดขาด ขายให้ยุโรป ขายให้จีน ขายให้อินเดีย มิหนำซ้ำขายให้ในราคาที่ลดราคาลงด้วยซ้ำ อย่างอินเดียซื้อน้ำมันไป มีส่วนลดถึง 25 เปอร์เซ็นต์ แต่เนื่องจากอเมริกาเป็นคนแรก ริเริ่มในการบอยคอตรัสเซีย ไม่ให้ใช้ระบบโอนเงินข้ามระหว่างประเทศ หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า SWIFT ซึ่งจริงๆ หมายความว่า อเมริกาต้องการปิดกั้นรัสเซียให้เข้าสู่ตลาดการซื้อขายสินค้าพลังงานด้วยเงินดอลลาร์ รัสเซียก็เลยต้องเปลี่ยนไปซื้อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รัสเซียก็เลยต้องเล่นเกมว่า ใครก็ตามต้องการจะซื้อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย ต้องใช้เงินรูเบิล


หลังเกิดเหตุที่รัสเซียบุกยูเครน อเมริกาเป็นโต้โผเลย แบนรัสเซียออกจากระบบ SWIFT ในช่วงแรก ช่วงต้นเดือนมีนาคม 2565 รัสเซียบุกยูเครน 24 กุมภาพันธ์ 2565 ในช่วงแรกเงินรูเบิลอ่อนค่าลงไปทันทีเลย แล้วตอนหลังมา ท่านผู้ชมดูนะครับ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ตอนที่รัสเซียบุกยูเครน อัตราแลกเปลี่ยน รูเบิล ต่อ ดอลลาร์ คือ 85 รูเบิล พอ 7 มีนาคม อัตราแลกเปลี่ยนตกไปที่ 139-140 รูเบิลต่อ 1 ดอลลาร์ แล้วท่านผู้ชมจำได้ไหม ผมเป็นคนบอกเองว่าถ้าใครอยากจะซื้อเงินตราต่างประเทศ ให้ซื้อรูเบิล เพราะมันจะต้องดีดกลับ 31 พฤษภาคม ไม่กี่วันมานี่เอง ปรากฏว่าเงินรูเบิลในเดือนมีนาคม ที่เป็น 140 รูเบิล ต่อ 1 ดอลลาร์ รูเบิลแข็งขึ้นมาเป็น 64 รูเบิล ต่อ 1 ดอลลาร์ ใครซื้อรูเบิลตอนนั้น กำไรเท่าตัว


ท่านผู้ชมครับ ราคาพลังงานที่ขึ้นทั่วโลก จนนำมาสู่ความทุกข์ยากของประชาชนและชาวบ้าน โดยเฉพาะชนชั้นกลาง และชนชั้นแรงงาน ซึ่งจำนวนมากเป็นคนหาเช้ากินค่ำ รายรับกับรายจ่ายชนกัน เดือนนั้นเกิดจากการปั่นหัวของอเมริกาเท่านั้น ที่ทำให้ยูเครนตกเป็นเหยื่อสงคราม เหยื่อสองตัวที่กลายเป็นเครื่องบูชายัญ เครื่องบูชายัญชิ้นแรก คือ ยูเครนต้องสูญเสียที่ดินทางตะวันออกจำนวนมากให้รัสเซีย คือ แคว้นดอนบาส


โดยเบื้องต้นเสียไปแล้ว คือแคว้นไครเมีย ที่อยู่ทางใต้ และแคว้นดอนบาส ในภาพคือพื้นที่ซึ่งมีการลือกันจากโต๊ะเจรจาว่า ตอนนี้เจรจากันแล้ว ว่าสีเหลืองคือสีที่ยูเครนจะเหลืออยู่ ส่วนสีน้ำเงิน คือสีที่ต้องยกให้รัสเซีย กับเบลารุสไป


ถึงแม้จะมีการยอมรับอย่างเป็นทางการ แต่เป็นการทำงานใต้ดิน คุยกันหนักหนา ระหว่างยูเครน สหภาพยุโรป และอเมริกา คนที่กล้าออกมาพูดและชี้ประเด็นนี้ กลับกลายเป็นนายเฮนรี คิงซินเจอร์ (Henry Kissinger) อายุ 99 ปี ท่านเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา ตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน


เฮนรี คิสซินเจอร์ เป็นคนเปิดประเทศจีน เอาริชาร์ด นิกสัน ไปพบประธานเหมา เจ๋อตุง ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1970

ในกรณียูเครน กับ รัสเซีย คิสซินเจอร์ ให้คำแนะนำในงานประชุมวันที่ 23 พฤษภาคม 2565 World Economic Forum ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เขากล่าวผ่านวิดีโอลิงก์ ว่า แนะนำไว้เมื่อแปดปีที่แล้ว ก่อนจะมีการเผยแพร่ความคิดการนำยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต เขาเขียนบทความแนะนำไว้แล้วว่า จริงๆ ยูเครนควรวางตัวเป็นกลาง และประพฤติตัวเป็นสะพานเชื่อมระหว่างรัสเซีย กับ ยุโรป


เขาบอกว่า การล้มเหลวในการเปิดเจรจาและพยายามกีดกันเครมลิน หรือรัสเซีย จากโต๊ะเจรจา จะส่งผลกระทบในระยะยาวต่อเสถียรภาพของยุโรป คิสซินเจอร์ พูดเลย จากนี้ไปไม่เกินสองเดือน ต้องเจรจากันให้สำเร็จ ก่อนที่จะมีการลุกฮือและความตึงเครียดเกิดขึ้นจนยากที่จะแก้ไขได้

คิสซินเจอร์ บอกว่า การต่อสู้ยืดเยื้อต่อไปจากจุดนี้ ไม่ได้ดำเนินไปเพื่ออิสรภาพของยูเครน แต่เป็นการข้ามเส้น มุ่งเป้าไปสู่การรบกับรัสเซีย ทั้งๆ ที่สถานการณ์ในอุดมคติ สันติภาพจะเกิดได้ถ้ายูเครนยอมเสียดินแดนบางส่วนของตัวเอง คือ ไครเมีย และแคว้นดอนบาส ซึ่งก็ไปติดขัดกับที่เซเลนสกี ที่มีอเมริกาอยู่เบื้องหลัง ที่ไม่อยากให้มีการเจรจา เพราะอเมริกาใช้นอมินี คือ ยูเครน ใช้ประชาชนยูเครนเป็นเหยื่อของสงครามเพื่อบรรลุเป้าหมายของการลากถ่วงรัสเซีย

เพราะฉะนั้น ถึงคิสซินเจอร์ จะพูดอย่างไรก็ตาม เซเลนสกี ก็ไม่ยอม ซึ่งคนที่ไม่ยอมจริงๆ คืออเมริกา เพราะวันนี้เซเลนสกี ไม่มีอำนาจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว คนที่มีอำนาจจริงๆ อยู่ข้างหลังเซเลนสกี ก็คืออเมริกา และ องค์การนาโต

เพราะฉะนั้นแล้ว ผมไม่เห็นหนทางเลยว่าเซเลนสกี ประธานาธิบดีตัวตลกของยูเครน จะสามารถเอาชนะ หรือเอาดินแดน ไม่ว่าจะเป็นไครเมีย หรือแคว้นดอนบาส คืนได้อย่างไร


แหล่งข่าวของผม ซึ่งเป็นคนรัสเซีย ยืนยันเลยว่า ไม่เกินหนึ่งเดือนรัสเซียจะได้ชัยชนะในแคว้นดอนบาสอย่างเบ็ดเสร็จเรียบร้อยโรงเรียนจีน ซึ่งถ้าทางฝั่งยูเครนที่มีอเมริกา และอียู และนาโต อยู่เบื้องหลัง ถ้ายังไม่เปิดโต๊ะเจรจากับรัสเซีย สถานการณ์ก็จะสอดคล้องกับสิ่งที่นายคิสซินเจอร์ พูดเอาไว้ พูดว่าอย่างไร ? กลายเป็นว่ายูเครนไม่ได้รบกับรัสเซียแล้ว มันกลายเป็นอเมริกา อียู นาโต รบกับรัสเซีย ซึ่งความรุนแรงจะทวีคูณอย่างมาก ชาวยูเครนนอกจากจะเสียดินแดนโดยไม่มีทางเอาคืนได้แล้ว ตอนนี้เซเลนสกี ติดหนี้ค่าอาวุธ เงินกู้ยืมจากทางตะวันตก ไปชั่วลูกชั่วหลาน หรือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือ ประชาชนชาวยูเครนกลายเป็นแพะบูชายัญที่ต้องต่อสู้ในสงครามตัวแทน จนสุดท้าย ไม่มีเหลืออะไรเลย


เครื่องบูชายัญเครื่องที่สอง คือ ค่าครองชีพและภาวะเงินเฟ้อในยุโรปได้สูงขึ้นอย่างมาก ผมได้ยกตัวอย่างเรื่องเยอรมนีไปแล้ว ว่าเยอรมนีนั้นเงินเฟ้อดีดสูงขึ้น สูงสุดในรอบ 50 ปี สำนักงานสถิติแห่งชาติ ยืนยันเลยว่า เยอรมนีเงินเฟ้อขึ้นไปจนถึง 7.9 ตอนนี้น่าจะ 8 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้ว เงินเฟ้อนี้เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตความขัดแย้งในยูเครน และมาตรการที่จะคว่ำบาตรรัสเซียหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ราคาพลังงานที่ดีดตัวสูงขึ้นมีผลกระทบมากต่อเงินเฟ้อมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์แล้ว เมื่อรัสเซียเริ่มปฏิบัติการรุกยูเครนทางทหาร

สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี ระบุเลยว่า ราคาพลังงานสูงกว่าเดือนพฤษภาคม ปีก่อน ถึง 38.3 เปอร์เซ็นต์ อาหาร สูงกว่าเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เกือบ 12 เปอร์เซ็นต์ ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่เป็นอัตราเงินเฟ้อและของแพงสูงที่สุดในเยอรมนี แล้วก็บอกว่า รายได้ของประชาชนเยอรมนีก็ลดลง


เมื่อดูตัวเลขภาพรวมทั้งฝั่งสหภาพยุโรป และเงินเฟ้อ จาก Euro Stat ระบุว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (มีนาคม-เมษายน) เงินเฟ้อสูงถึง 7.4 เปอร์เซ็นต์ ติดต่อกันมาสองเดือนแล้ว ราคาสินค้าก็ปรับเพิ่มขึ้น มีนาคม เพิ่ม 44.4 เปอร์เซ็นต์ เมษายน (สองเดือนที่ผ่านมา) เพิ่ม 37.5 เปอร์เซ็นต์ ถ้าพิจารณาจากรายประเทศในอียูแล้ว จะน่าตกใจ เพราะประเทศที่ภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้นเกิน 10 เปอร์เซ็นต์ มีถึง 9 ประเทศ เอสโตเนีย 19.1 เปอร์เซ็นต์ ลิทัวเนีย 16.6 เปอร์เซ็นต์ เช็ก 13.2 เปอร์เซ็นต์ ลัตรเวีย 13.1 เปอร์เซ็นต์ บัลแกเรีย 12.1 เปอร์เซ็นต์ โรมาเนีย 11.7 เปอร์เซ็นต์ โปแลนด์ 11.4 เปอร์เซ็นต์ เนเธอร์แลนด์ก็สูงขึ้นถึง 11.2 เปอร์เซ็นต์ สโลวาเกีย 12 เปอร์เซ็นต์กว่า


สื่ออเมริกาและสื่อตะวันตกไม่เคยพูดถึงเลยว่า ทั้งหมดนี้ชนชั้นนำและนายทุนอเมริกาเป็นผู้ได้รับประโยชน์มากที่สุด จากราคาน้ำมัน และราคาสินค้าที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ทำให้สหภาพยุโรปที่ต้องพัวพันอยู่กับสงครามและปัญหาทางเศรษฐกิจต้องอ่อนแอลงๆ ซึ่งมันตรงกับนโยบายอเมริกาที่ต้องการให้ยุโรปอ่อนแอ เพื่อยุโรปจะได้พึ่งอเมริกามากขึ้น

ท่านผู้ชมครับ ในทางกลับกัน รัสเซียของปูติน ไม่ได้อ่อนแอลงเลย ค่ารูเบิลที่ผมบอกว่าแข็งขึ้น เพราะว่าตอนนี้ยุโรปยังต้องจ่ายค่าพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นก๊าซหรือน้ำมัน ให้รัสเซียเฉลี่ยวันละ 1 พันล้านยูโร หรือประมาณ 36,000 ล้านบาท ทุกวัน

พื้นฐานเศรษฐกิจรัสเซียแม้จะถูกแซงก์ชันและบอยคอตต่างๆ นานา แต่รัสเซียสามารถพึ่งพาตัวเองได้ เขามีพลังงาน เขามีอาหาร เป็นเกราะป้องกัน และเขายังมีอาวุธนิวเคลียร์ กำลังทหาร ที่ทำให้อเมริกาและชาติตะวันตกได้แต่ส่งเสียงขู่ เพราะฉะนั้น สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และกำลังจะเป็นผลกระทบตามมาอย่างรุนแรงต่อจากวิกฤตพลังงานและวิกฤตเงินเฟ้อ ก็คือวิกฤตทางด้านอาหาร


ยูเครน เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตร แหล่งผลิตอาหารสำคัญของโลก ข้าวสาลี 11 เปอร์เซ็นต์กว่าของตลาดโลก ข้าวโพด 17 เปอร์เซ็นต์ของตลาดโลก นี่ยังไม่นับสินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น น้ำมันดอกทานตะวัน ซึ่งผลิตเป็นอันดับหนึ่งของโลก ข้าวบาเลย์ อันดับหก คาโนล่า อันดับเจ็ด ถั่วเหลือง อันดับเก้า สินค้าเกษตรเหล่านี้ติดอยู่ในยูเครน ไม่สามารถส่งออกได้เลยเนื่องจากภาวะสงคราม

ท่านผู้ชมครับ ปูติน พยายามที่จะบอกว่า ผมยินดีที่จะเปิดประเทศยูเครน เปิดโต๊ะเจรจากัน ถ้าคุณลดเงื่อนไขบางประการในเรื่องของการบอยคอต ก็พร้อมจะปล่อยสินค้าออก เพื่อบรรเทาการขาดแคลนอาหารโลก ปูติน พูดชัดเจนว่า ที่พวกคุณจะกีดกันรัสเซียออกจากระบบเศรษฐกิจโลกนั้น เป็นไปไม่ได้ ยกเว้นรัสเซียต้องการจะปิดกั้นตัวเอง

ท่านผู้ชมครับ นายปูติน ได้พูดในที่ประชุมของยูเรเซีย อีโคโนมิก ฟอรัม (Eurasia Economic Forum) เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ปูติน แย้มว่า ความพยายามแทรกแซงเศรษฐกิจทางตะวันตกกำลังจะเกิดกลุ่มร่วมมือเศรษฐกิจใหม่ขึ้นมา นั่นคือ Greater Eurasian Partnership


ก็คือพูดง่ายๆ ว่าตอนนี้พอแซงก์ชันแล้ว ทางกลุ่มปูติน ก็รวบรวมพรรคพวกต่างๆ มาตั้งกลุ่มใหม่ ของเก่า กลุ่ม BRICS ซึ่งประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้ และของเก่าก็มีกลุ่มองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ ประกอบด้วยประเทศในเอเชียกลาง 5 ประเทศ มี คาซัคสถาน คีร์กิซสถาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน อุซเบกิสถาน และอีก 4 ประเทศ คือ รัสเซีย อินเดีย ปากีสถาน และจีน

ท่านผู้ชมครับ กลุ่มความร่วมมือใหม่นี้ The Greater Eurasian Partnership เขาจะไม่ใช้เงินดอลลาร์ หรือเงินยูโร ในการซื้อขายแล้ว แต่ใช้เงินสกุลของตัวเองเพื่อทำการค้าขายมากถึง 75 เปอร์เซ็นต์ และอาจจะเพิ่มขึ้นจนถึง 85 เปอร์เซ็นต์ ในเวลาอันไม่ช้า และในระยะยาว เงินดอลลาร์สหรัฐ จะไม่ได้เป็นสกุลเงินที่สามารถควบคุมเศรษฐกิจโลก และความเป็นมหาอำนาจนักเลงโตของอเมริกาในโลกนี้จะลดน้อยถอยลง และถึงจุดสิ้นสุดอย่างแน่นอน แต่ที่แน่ๆ ในขณะนี้ของแพงทั้งโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย หรือที่เยอรมนี ทุกแห่งแพงหมด เพราะน้ำมันและพลังงานเป็นสัดส่วนที่สำคัญในการที่จะคำนวณต้นทุนของอาหารต่างๆ นอกจากน้ำมันขึ้น ทำให้ของแพงแล้ว อาหารแพง ยังมีการขาดแคลนอาหารอีกต่างหาก ตอนนี้

ท่านผู้ชมครับ นี่คือภาพล่าสุดที่ผมเอามาเล่าให้ท่านผู้ชมฟังเรื่องของแพงทั้งแผ่นดิน ท่านผู้ชมที่อยู่ในประเทศไทยก็ย่อมรู้ เราไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของของ อย่างเช่น ข้าวสาลี เราปลูกข้าวกันเอง เรามีเนื้อสัตว์ทานกันเอง แต่เราโดนราคาน้ำมัน ซึ่งทั่วโลกโดนหมด และราคาน้ำมันนี้คือต้นทุนที่สำคัญที่สุดของการใช้ชีวิตประจำวันในทุกๆ ด้านครับ

ท่านผู้ชมครับ ถ้าผมบอกท่านผู้ชมว่า สงครามในตะวันออกกลางใกล้จะเกิดขึ้นแล้ว และมันเป็น "คนละเรื่องเดียวกัน" กับสงครามในยูเครน ท่านผู้ชมจะเชื่อผมไหม ถ้าไม่เชื่อ ตามผมมา


สงครามยูเครน มาถึงสถานการณ์ที่ยูเครนกำลังจะสิ้นชาติ เพราะว่ากำลังจะแบ่งออกเป็นสองฝ่าย คือ ยูเครนตะวันออก และ ยูเครนตะวันตก ตะวันออกจะเป็นของรัสเซีย ยูเครนตะวันตก จะเป็นของนาโต ซึ่งออกหน้าโดยโปแลนด์ เท่าที่ทราบขณะนี้มีการเจรจาเพื่อยุติสงครามในลักษณะนี้ เจรจารุดหน้าไปได้เยอะแล้ว แต่ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า ลึกๆ แล้วรัสเซียรู้ดีว่าเบื้องลึกของสงครามยูเครนนั้น แม้นาโตจะออกหน้า โดยมีอเมริกา และอังกฤษ เป็นตัวชูโรงก็จริง แต่ตัวที่เจ้ากี้เจ้าการที่สุดคือ อิสราเอล

รัสเซียตกเป็นเป้าหมายที่จะถูกทำลายมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองแล้ว มีอิสราเอล ไอ้โม่ง คือคนที่ถือเงิน คือยิวแต่ก่อนนี้ ก่อนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ยังไม่มีประเทศเป็นของตัวเอง แต่อิทธิพลของยิวในเรื่องการค้าและการเงินรุนแรงมาก เยอะ มีอิทธิพลสูงที่สุด พวกชาวยิวที่มีอำนาจทางการเงิน ติดสินบนฮิตเลอร์ ให้เปลี่ยนสงคราม ตอนนั้นฮิตเลอร์ กำลังจะบุกอังกฤษ เปลี่ยนจากอังกฤษมาเป็นรัสเซีย ฮิตเลอร์ ยกพลตั้งล้านคนออกไปรบรัสเซีย แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้ยับเยิน เหมือนอย่างที่นโปเลียนพ่ายแพ้ที่รัสเซียเช่นกัน

เหตุการณ์นั้นถูกวิเคราะห์และมองว่าเบื้องลึกเบื้องลับก็คือ อิสราเอล และรัสเซียก็เชื่อเรื่องนี้มาก เขาสอนเรื่องนี้กันในวิทยาลัยการทหารของรัสเซียเป็นการทั่วไป รัสเซียเชื่อว่าจะมีการตั้ง "รัฐอิสราเอลที่สอง" ท่านผู้ชมครับผมจะเปิดแผนที่ให้ดู อิสราเอล ประเทศที่เล็กมาก อิสราเอลวางแผนลึกซึ้งมาก เตรียมตัวที่จะตั้งรัฐอิสราเอลที่สอง ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่ามีประชาชนอยู่ในยูเครน 4 ล้านกว่าคน พื้นที่ดอนบาส ที่รัสเซียยึดคืนมา เต็มไปด้วยชาวอิสราเอลทั้งสิ้น เพราะพื้นที่ที่นั่นจะมีทรัพยากรธรรมชาติเต็มไปหมด แร่ธาตุ พื้นที่การเกษตร เป็นภูมิยุทธศาสตร์ที่ควบคุมทะเลอะซอฟ และทะเลดำ


ซึ่งสองทะเลนี้เป็นชัยภูมิที่สำคัญของภูมิภาค เขารองรับประชากรชาวอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในยูเครนเกือบ 5 ล้านคน แล้วถ้าปักหลักฐานที่มั่นคง ก็จะมีการอพยพชาวอิสราเอลจากหลายที่ทั่วโลกเข้ามาอยู่ในพื้นที่ยูเครนดังกล่าว รัสเซียก็เลยเชื่อว่าการสร้างสถานการณ์ในยูเครนเพื่อให้ยูเครนมีความมั่นคงและปลอดภัยทางการทหาร เพื่อบรรลุถึงเป้าหมายดังกล่าว คือให้เกิดรัฐอิสราเอลรัฐที่สองขึ้นมา เพราะท่านผู้ชมอย่าลืมว่า เซเลนสกี ก็คือชาวยิวเช่นกัน แต่การกระทำเช่นนั้นเผอิญมันเป็นภัยความมั่นคงต่อรัสเซียอย่างร้ายแรง รัสเซียยอมให้ไม่ได้ และนั่นก็คือเหตุผลของการเกิดสงครามในยูเครนขึ้น นอกเหนือจากการที่นาโตเอาอาวุธมาจ่อท้ายครัวของรัสเซียแล้ว ยังมีอิสราเอล ซึ่งต้องการเอาทางตะวันออกของยูเครน คือ แคว้นดอนบาส นั่นคือเหตุผลว่าทำไมกลุ่มนีโอนาซีถึงเกิดขึ้น แล้วก็ฆ่าประชาชนที่พูดภาษารัสเซียในแคว้นดอนบาสตายไปถึง 14,000 คน ปูติน และรัสเซีย เคยประท้วงเรื่องนี้มาตลอด แต่ไม่มีใครสนใจ ปูติน ก็เลยคิดว่าถ้าอย่างนั้นมันต้องใช้ไม้หน้าสามแล้ว นั่นคือการบุกเข้าไปฟาดยูเครนเลย

พอสงครามเกิดขึ้นแล้ว รัสเซียเชื่อว่าอิสราเอลคือผู้อยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนกลุ่มนาโต และกลุ่มสหภาพยุโรป ให้ต่อต้านและทำลายรัสเซียทุกวิถีทาง ท่านผู้ชมจำได้ไหม เซเลนสกี ที่ไปตามรัฐสภา ออกซูม ออกออนไลน์ ไปพูดให้สมาชิกรัฐสภาประเทศต่างๆ ให้มันปราศรัยได้อย่างน่าอัศจรรย์ ท่านผู้ชมอย่าไปคิดว่าระดับเซเลนสกี มันทำได้เหรอ ปูติน หรือหัวยุ่งอังกฤษ ก็คือ บอริส จอห์นสัน และนายมาครง ที่ทำได้เพราะว่าอิสราเอลอยู่เบื้องหลัง


สถานการณ์ล่าสุด รัสเซียสามารถยันและรับมือทางการทหาร เข้ายึดครอง สถาปนาการปกครองในพื้นที่ยูเครนตะวันออกและภาคใต้ รวมทั้งการจัดระบบการบริหารการปกครองให้ประชาชนในพื้นที่ที่รัสเซียเข้าไปยึดนี้ใช้ชีวิตปกติ แล้วก็ใช้เงินรูเบิลเป็นสกุลเงินหลักแล้ว รัสเซียก็ยังสามารถรับมือกับการคว่ำบาตรน้ำมันและก๊าซอย่างได้ผล จนได้รับชัยชนะในสงครามคว่ำบาตรพลังงานอย่างงดงาม

ท่านผู้ชมครับ แม้กระนั้นก็ยังมีความพยายามดิ้นรนที่จะประสานงานส่งอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าไปรบกับยูเครนอย่างไม่หยุดยั้ง รัสเซียรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร รัสเซียนอกจากออกคำเตือนไปที่อเมริกา อังกฤษ เยอรมนี และฝรั่งเศสแล้ว รัสเซียยังชี้นิ้วไปที่อิสราเอลว่า ลื้อหยุดส่งอาวุธให้ยูเครนไปรบกับรัสเซีย ตอนนี้เริ่มได้ผล เพราะว่าอิสราเอลกลัวแล้ว อิสราเอลก็เลยระงับการส่งอาวุธไปช่วยยูเครนโดยตรง

ในขณะที่เกิดสงครามยูเครนขึ้น สถานการณ์ในตะวันออกกลางก็ยกระดับความรุนแรงขึ้น อิหร่าน ประกาศว่าเวลาของการปลดปล่อยปาเลสไตน์จะมาถึงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นี่ประกาศเป็นทางการแล้วนะ อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จะปลดปล่อยปาเลสไตน์ ก็คือต้องรบกับอิสราเอล แล้วประสานเสียงกับขบวนการฮิซบอลลาห์ที่เลบานอนเตรียมพร้อมขั้นสูงสุดแล้ว แจ้งให้กำลังพลทุกคนรู้ว่าสงครามปลดแอกปาเลสไตน์จากอิสราเอลจะเกิดขึ้นในไม่ช้า สั่งให้กองกำลังทั้งหมดไปสั่งเสียครอบครัว ลูกเมีย ให้พร้อม เพื่อปฏิบัติภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเป็นเจ้า ในสถานการณ์นั้นปรากฏว่ากองกำลังปฏิวัติอิสลาม ทั้งในอิรัก ซีเรีย เยเมน รวมทั้งเลบานอน และปาเลสไตน์ กำลังเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก เหมือนกับเตรียมพร้อมที่จะทำสงคราม ในขณะเดียวกัน ก็มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นในฉนวนกาซา และในอิสราเอล โดยที่หาสาเหตุไม่พบหลายครั้ง มีไฟไหม้ เหตุการณ์ระเบิด มีแม้กระทั่งโดรนลึกลับเข้าไปโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในซีเรีย และสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง

ท่านผู้ชมเชื่อไหมครับ ฐานทัพของสหรัฐฯ ที่อยู่ทางเหนือของซีเรียที่ไปขโมยน้ำมัน โดนถล่มด้วยขีปนาวุธทุกวัน วันละ 10-15 ลูก จากกองกำลังต่างๆ ถล่มกันเป็นว่าเล่น เหมือนการแทงหวย งวดนี้มึงยิงนะ 15 ลูก งวดนี้กูยิง 15 ลูก ผมเคยเล่าให้ฟังแล้วไงว่า สงครามจากนี้ไปจะเป็นสงครามขีปนาวุธ


ในสถานการณ์แบบนี้ รัสเซียแสดงท่าทีว่าที่ราบสูงโกลันเป็นดินแดนของซีเรีย อิสราเอลมายึดที่ราบสูงโกลันไปเป็นของตัวเองในสงครามกับอาหรับครั้งหนึ่ง แล้วยึดครองไว้เลย ทำไมที่ราบสูงโกลันถึงสำคัญมาก ? เพราะว่าส่วนสูงที่ราบสูงนี้มันสามารถจะตั้งปืนใหญ่แล้วมองไปในอิสราเอลได้เลย ก็คือว่าโจมตีอิสราเอลได้หมดเลย ตอนนี้อิสราเอลตั้งอยู่ รัสเซียจู่ๆ ก็บอกว่าที่ราบนี้เป็นของซีเรียนะ ต้องยึดคืน ซึ่งถ้ายึดคืนแล้วรัสเซียจะประกาศรับรองเป็นทางการ นี่เป็นครั้งแรกที่รัสเซียแสดงท่าทีชัดเจนต่ออิสราเอลว่า ที่ราบสูงโกลันเป็นของซีเรีย และอิสราเอลต้องคืนที่ราบสูงโกลันนี้ให้ซีเรีย


นอกจากนี้ รัสเซียประกาศว่า ในสถานการณ์ที่จำเป็น รัสเซียจะสนับสนุนและช่วยเหลือซีเรีย ปาเลสไตน์ และขบวนการปลดแอกปาเลสไตน์ทุกกระบวนการในการทวงเอาที่ราบสูงโกลันและดินแดนของปาเลสไตน์ที่อิสราเอลยึดไป

ท่านผู้ชมครับ ปรากฏการณ์นี้ทำให้อิสราเอลตกใจ รีบชวนอเมริกามาทำการซ้อมรบเป็นพิเศษ เป้าหมายของการซ้อมรบคือ ชิงโจมตีอิหร่าน เพราะอิสราเอลมองว่าอิหร่านคือขาใหญ่ที่สนับสนุนการปลดแอกปาเลสไตน์


และอิหร่านประกาศความพร้อม ทำไมอิหร่านถึงประกาศความพร้อม ? เพราะอิหร่านเชื่อตามฮะดีษ หรือ คัมภีร์ในอิสลามว่าสักวันหนึ่งกองทัพซุบยานี (ซุบยานี คือ กองทัพมาร) จะบุกเข้าโจมตีอิหร่านก่อน อิสราเอลมีนิสัยเสียอยู่อย่างหนึ่ง ก็ไม่เสียนะ เป็นยุทธวิธีของเขา อิสราเอลจะโจมตีก่อนเพื่อน ซึ่งอิหร่านรู้อยู่แล้วว่าอิสราเอลต้องโจมตี อิหร่านก็เตรียมรับเอาไว้ ในคัมภีร์ฮะดีษบอกว่า เมื่อกองทัพซุบยานี (กองทัพมาร) โจมตีอิหร่าน กองทัพอิหร่านก็จะโจมตีตอบโต้ และได้รับชัยชนะ ในสถานการณ์อย่างนั้นพระผู้มาโปรดพระองค์ใหม่ คือ อิหม่ามมะห์ดี ซึ่งเป็นอิหม่ามองค์ที่ 12 จะปรากฏพระองค์ขึ้นมา

ในคัมภีร์ฮะดีษ ยังระบุว่า นอกจากกองทัพอิหร่านแล้ว ยังมีกองทัพเยเมนเข้ามาประจบทัพกัน แต่สถานที่ไม่แจ้งชัดว่าจะเป็นที่เมกกะ หรืออัลอักซอ ซึ่งเป็นมัสยิดที่มีชื่อของมุสลิม ทำให้พลังสู้รบของทั่วประเทศอิหร่านได้รับพลังอันยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า

ท่านผู้ชมครับ ทำไมผมเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ? ผมเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเพราะว่า อิหร่านเขาสู้ตามคัมภีร์ เขาเชื่อในพระเป็นเจ้ามาก ในการรบครั้งนี้เขาแจ้งกำลังพลทุกคนให้ไปบอกลูก-เมีย ครอบครัว ร่ำลากันเลย ผมเชื่อว่าครอบครัว ลูก-เมียของนักรบพวกนี้จะยิ้ม หัวเราะ และชอบใจ เพราะว่าสามีของตัวเองกำลังจะได้ไปพบพระเจ้าแล้ว ท่านผู้ชม นี่คือความเชื่อไง แล้วผมถามว่า อเมริกา และอิสราเอล จะรบกับคนที่มีความเชื่อแบบนี้ รบได้อย่างไร


อิหร่านประกาศว่า อิหร่านพร้อมรบแล้ว และพร้อมที่จะรับมือกับการโจมตีของอิสราเอลและอเมริกา ทันทีที่อิหร่านถูกโจมตี อิหร่านจะให้อิสราเอลโจมตีก่อน เพราะอิสราเอลมันพร้อมจะโจมตี แค่ระเบิดลูกเดียว ขีปนาวุธลูกเดียว ยิงไปที่อิหร่าน อิหร่านวางแผนว่าจะใช้ขีปนาวุธ 6 หมื่นลูก จะยิงจากอิหร่านไปที่อิสราเอล นี่ยังไม่รวมถึงขีปนาวุธที่กระจายตัวอยู่ที่เยเมน ที่เลบานอน ปาเลสไตน์ อิรัก และซีเรีย ไม่รู้อีกกี่ลูก ต่อให้อิสราเอลมีระบบป้องกันขีปนาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงสักเท่าไร แต่จำนวนที่จำกัดและการโจมตีที่มาจากทุกสารทิศ ยังไม่รวมถึงการเผชิญกับระบบนำทาง และระบบการทำลายสัญญาณ ขององค์กรความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ย่อมทำให้อิสราเอลอยู่ในความเสี่ยงอย่างชนิดที่เรียกว่าไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนเลย

ท่านผู้ชมครับ เมื่อรัสเซียแสดงท่าทีเช่นนั้นแล้ว เสริมกำลังรบเข้าสู่ตะวันออกกลางอย่างรวดเร็ว ทั้้งทางอากาศและทางทะเล แน่นอน จะทำให้กองกำลังนาโตในยุโรปอาจจะต้องกระจายมาพื้นที่ตะวันออกกลางมากขึ้น ตามหลักของซุนวูแล้ว นี่คือการตีเมืองเว่ย เพื่อช่วยเมืองเจ้า


การเชื่อมต่อระหว่างฐานทัพอากาศที่รัสเซียขอใช้ในอิหร่าน ในอิรัก ในซีเรีย กำลังเตรียมตัวอย่างคึกคัก รวมทั้งฐานทัพเรือของซีเรีย ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่อนุญาตให้รัสเซียเข้ามาใช้ทั้งทางนาวีและกำลังทางอากาศอย่างขนานใหญ่ การเสริมกำลังดังกล่าวทำให้การเคลื่อนตัวของของกองเรือที่ 5 คือเรือบรรทุกเครื่องบินที่ 5 ที่มีภารกิจในตะวันออกกลาง จะไม่สะดวกปลอดภัยเหมือนแต่ก่อนแล้ว และผลต่อเนื่องก็คือว่า จะทำให้กองเรือที่ 5 ที่จะเชื่อมต่อมาที่มหาสมุทรอินเดีย เพื่อมา join กับกองเรือที่ 7 มีอุปสรรคและมีปัญหา โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยและการส่งกำลังบำรุง


ท่านผู้ชมครับ ที่สำคัญในขณะนี้มหาสมุทรอินเดียไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ที่ชายทะเลยะไข่ มีฐานทัพเรือขนาดใหญ่ของจีนตั้งอยู่ มีกองเรือดำน้ำของรัสเซีย จีน อิหร่าน วางคุ้มกันพม่าอยู่ตลอดเวลา และมีการซ้อมรบกันเป็นประจำ พื้นที่ที่ใกล้หมู่เกาะดีเอโกการ์ซีอา อิหร่านเพิ่งขยายฐานทัพเรือเข้าไปประกบ ทำให้อเมริกาต้องย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากออกจากหมู่เกาะนี้ เพราะไม่สามารถส่งกำลังบำรุงได้โดยสะดวกอีก ขณะที่พื้นที่ทะเลแดง และศรีลังกา ก็มีฐานทัพจีนที่อยู่ทั้งที่ประเทศจิบูตี ศรีลังกาคุมเชิงอยู่ นอกจากนั้นแล้ว ทั้งต้นและปลายช่องแคบมะละกา ซุนดา ลอมบอก ที่เป็นภูมิยุทธศาสตร์เชื่อมต่อสำหรับกองเรือที่ 5 และกองเรือที่ 7 ของอเมริกา ที่มหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก มีกองเรือดำน้ำรัสเซีย จีน วางกำลังสกัดอยู่เป็นจำนวนมาก


ท่านผู้ชมครับ สถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปโดยพื้นฐานดังกล่าวทำให้การประกาศจุดยืนที่ราบสูงโกลันกลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจของสมรภูมิใหม่นี้ ที่เสี่ยงต่อการเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม ไม่ได้น้อยไปกว่าสงครามยูเครนและรัสเซียเลย ท่านผู้ชมครับ เรายังไม่ได้พูดถึงไต้หวัน ที่ประเทศจีนเมื่อไม่นานมานี้เอง อาทิตย์ที่แล้ว ส่งกองเรือบิน เครื่องบิน 30 ลำ ก้าวข้ามเขตแดนของไต้หวันเข้าไป เพื่อยั่วยุให้ไต้หวันยิงเครื่องบินของจีน แต่ไต้หวันก็ไม่กล้าแม้จะยิง เพียงแต่บินข้างๆ และเตือนว่าได้รุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของไต้หวัน เพราะจีนอาจจะต้องการให้ไต้หวันยิงเครื่องบินของจีนตกสัก 1-2 ลำ และสงครามกดปุ่มก็จะเกิดขึ้นทันที ท่านผู้ชมครับ อย่าประมาท สงคราม ณ วันนี้เกิดขึ้นได้ทุกวินาที โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว ตรงนี้น่ากลัวที่สุด (ที่ราบสูงโกลัน) ผมกลับคิดว่าสงครามอาจจะเกิดขึ้นตรงนี้ก่อน เพราะว่าที่ราบสูงโกลันคือหัวใจการป้องกันประเทศอิสราเอล เพราะถ้าซีเรียมายึดตรงนี้ได้ ไม่ต้องทำอะไร แค่ตั้งปืนใหญ่สัก 100 กระบอก ที่มีรัศมียิงไกลได้ถึง 50 กิโลเมตร อิสราเอลก็เหนื่อยตายแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว นี่คือข้อมูลที่ผมต้องมอบให้ท่านผู้ชม และผมเชื่อว่าไม่มีใคร รายการไหน ที่จะเอาเรื่องนี้มาพูดให้ท่านผู้ชมฟัง ส่วนเรื่องการวางกำลังของทั้งสองฝ่ายนั้น เดี๋ยวรอให้ผมออกเป็นรายการพิเศษ จะลงใน Sondhi App ก่อน สักพักหนึ่งค่อยเอาจาก Sondhi App มาแปะไว้ที่ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"


ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายของรายการวันนี้ คือคดีทุจริตสหกรณ์การเกษตร 600 ล้านบาท ที่เอี่ยวบิ๊กสีกากี สหกรณ์ออมทรัพย์ กระทรวงเกษตรฯ มีการคดโกงกันไป ขโมยเงินออกไป ตอนนี้ยอดตัวเลข 600 กว่าล้านบาท ข่าวส่วนใหญ่ก็รายงานไปตามกระแสทั้งนั้น มีอยู่เจ้าเดียว คือพี่เก๊ สำนักข่าวอิศรา ที่เกาะข่าวนี้ เป็นรายละเอียดที่สำนักข่าวอิศราลงมา ผมเอามาขยายความให้ฟัง มีการขโมยเงินออกจากสหกรณ์การเกษตร และเปลี่ยนแปลงเอาเงินทองไปซื้อทรัพย์สิน ปกปิดแหล่งที่มา ซึ่งเข้าสู่กรณีของการฟอกเงิน ตอนนี้คดีนี้ ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษไปเรียบร้อยแล้ว แล้วสอบไปสอบมา มีการออกหมายจับผู้ต้องหา 2 ราย รายแรก คือ นางศิริพร รัตนปราการ ตอนนี้เธอเปลี่ยนชื่อแล้ว จากนาง มาเป็น นางสาว พชร จันทนะรัตน์


เธอเป็นอดีตหัวหน้าฝ่ายการเงิน สหกรณ์ออมทรัพย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นเหมือนแคชเชียร์ หัวหน้าฝ่ายการเงิน ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Finance Manager คุมเรื่องเงินทั้งหมด อีกคนคือ นางพวงทิพย์ สุทธิแย้ม ก็คืออดีตผู้จัดการสหกรณ์


เขาโกงเงินเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2548-2565 ก็ตั้งแต่สิบกว่าปี เรียกว่าโกงมาเรื่อยๆ แล้วเอาเงินที่โกงมา มาสะสมเป็นทรัพย์สินของตัวเอง อย่างกรณีของ นางศิริพร รัตนปราการ ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น นางสาว พชร จันทนะรัตน์ อดีตหัวหน้าฝ่ายการเงิน เอาเงินไปแปลงเป็นทรัพย์สิน ใส่ชื่อเจ้าของทรัพย์สินเป็นลูกชาย ลูกสาว แม่ ทรัพย์สินที่เกิดขึ้นมีขึ้นมาในช่วงที่เกิดเหตุทั้งนั้น ทั้งๆ ที่แหล่งรายได้คือเงินเดือน คือพูดง่ายๆ ว่าเมื่อเช็กแล้ว ตรวจสอบแล้ว ไม่มีเหตุผล คุณเอาเงินที่ไหนมาซื้อ ลำพังเงินเดือนคุณก็ไม่พอแล้ว ลูกชาย มีคุณกฤตนุ รัตนปราการ ลูกสาวชื่อ ธนัสนี รัตนปราการ ส่วนคุณแม่ชื่อ อุบล จันทนะรัตน์

เมื่อตรวจสอบทรัพย์สินไปแล้ว เจอรถยนต์หรู ยี่ห้อ Porche, Maserati ป้ายแดง ใช้เงินสดในการซื้อ มีคนขายติดต่อยืนยันว่าแม่ตัวคนที่โกงไปซื้อเอง ใช้เงินสดซื้อแล้วใส่ชื่อลูกๆ ยังไม่รวมทรัพย์สินอื่นๆ ที่ผ่องถ่ายไป ท่านผู้ชมครับ เขาคงจะใช้วิธีฟอกเงินที่ไม่ค่อยเก่ง เขาน่าจะไปปรึกษาหารือกับพวกนักการเมืองเขี้ยวลากดิน หรือตำรวจ ทหาร ระดับพลตำรวจเอก หรือพลตำรวจโท หรือพลเอก หลายคนที่มีวิธีการผ่องเงินออกไป เขาก็เอาเงินที่โกงไป ไปซื้อทรัพย์สินดื้อๆ อย่างเช่น ไปซื้อรีสอร์ตอัมพวา ไปซื้อร้านอาหารใน จ.ปทุมธานี แล้วก็ไปซื้อที่ดินหลายแปลง ง่ายๆ โง่ๆ อย่างนี้เลย รีสอร์ตชื่อ ณ บ้านทุ่ง อัมพวา รีสอร์ต (Na Baantung Amphawa)


ติดริมน้ำ ตกแต่งสไตล์อังกฤษ หรูหรา เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อธันวาคม ปีที่แล้ว (2564) ใช้ชื่อบริษัท ณ บ้านทุ่ง กรุ๊ป นี่คือเงินของสหกรณ์การเกษตรเท่านั้น

บริษัท ณ บ้านทุ่ง เพิ่งจดทะเบียนได้ 3 เดือนกับ 27 วัน จดทะเบียนเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ ลูกชาย คือ นายกฤตนุ รัตนปราการ เป็นผู้แจ้งชื่อจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท


ส่วนกรณีของนางพวงทิพย์ สุทธิแย้ม อดีตผู้จัดการสหกรณ์ เอาเงินไปเปลี่ยนเป็นที่ดินแปลงเปล่าๆ จำนวนมาก แล้วก็ทำแบบโง่ๆ เช่นกัน ใส่ชื่อตัวเองกับสามี แปลก คนพวกนี้ชอบซื้อรีสอร์ต คุณศิริพร ก็ซื้อรีสอร์ต สร้างรีสอร์ต คุณพวงทิพย์ คนนี้ก็ไปซื้อรีสอร์ตที่เขาค้อ ใส่ชื่อตัวเอง เพราะไม่มีลูก

ดีเอสไอก็ลงไปอายัดทรัพย์ ไปพร้อมกับรองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ก็ค้นพบเยอะแยะไปหมดเลย ไปตรวจ 6 จุด ไปตรวจที่บ้านปทุมธานี 2 จุด ไปตรวจร้านอาหาร ภัตตาคาร 2 จุด โรงแรมสมุทรสงคราม เพชรบูรณ์ 2 จุด ไปอายัดทรัพย์ เจอเยอะแยะไปหมด ทรัพย์สินประเภทที่ดินจำนวน 8 แปลง เนื้อที่ประมาณ 61 ไร่ รถยนต์เปอร์โย 1 คัน ฮุนได รุ่น H1 จำนวน 1 คัน Porche Cayenne 1 คัน พวกที่ขี้โกงแล้วขโมยเงินเขาไป อันแรกสุดคือซื้อที่ดิน อันที่สองก็คือซื้อกิจการ แต่ก่อนที่จะซื้อที่ดิน ซื้อกิจการ สิ่งที่ตัวเองอยากได้มากๆ เลย แต่ในช่วงที่ทำงานอยู่ มีเพียงเงินเดือน ไม่มีปัญญา คือ กระเป๋าแบรนด์เนม และนาฬิกาหรูหลายเรือน ดีเอสไอไปยึดทรัพย์ ได้มาแล้ว 300 กว่าล้านบาท


ทีนี้ ความน่าสนใจของคดีนี้ คืออะไร ? ติดตามผู้ต้องหาได้อย่างล่าช้ามาก เพราะว่าผู้ต้องหาหายตัวไปตั้งแต่ 28 มีนาคม 2565 (สองเดือนที่แล้ว) ปรากฏว่าในขั้นตอนการหลบหนี ทางดีเอสไอรู้กันภายในว่า นางศิริพร มีความสนิทสนมกับนายตำรวจระดับสูง ถึงขั้นเป็นกิ๊กกัน เพราะในบัญชีมีการโอนเงินเข้าหาซึ่งกันและกันเป็นล้าน นายตำรวจคนนี้เพิ่งเกษียณอายุมา เคยมีตำแหน่งใหญ่โตทางภาคอีสาน ที่สำคัญ มีเส้นสายดีมากในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แล้วคนพวกนี้เป็นคนที่ช่วยนางศิริพร หนีออกนอกประเทศ แล้วก็รายงานข่าวว่า นางศิริพร หนีไปอยู่ที่กัมพูชา

นายตำรวจคนนี้เป็นนายตำรวจรุ่น 37 นายตำรวจคนนี้เคยมีเรื่องมีราวจนกระทั่งผู้บัญชาการภาคสั่งให้มาช่วยราชการ เพราะไปโวยวายในเรื่องของการตรวจโควิด-19

ท่านผู้ชมครับ หลักฐานหนึ่ง คือนางศิริพร เปิดบัญชีร่วมกับนายตำรวจคนนี้ แต่นายตำรวจคนนี้ใช้ชื่อธรรมดา มีความสนิทสนมกันอย่างมาก เปิดบัญชีธนาคารใช้ชื่อร่วมกัน ถ้าถึงขนาดนั้นแล้ว อนุมานได้ไหมว่าสองคนนี้เป็นผัว-เมียกัน


บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาวิสุทธิกษัตริย์ เอาตัวเลขให้ดู มีระบุชื่อ นางศิริพร และคนๆ นี้ แต่ไม่ได้ใส่ยศเข้าไป ธุรกรรมทางการเงินในสมุดบัญชีเล่มนี้มีความน่าสนใจ มียอดเงินฝาก-ถอนออกหลายครั้ง จำนวนหลักล้าน ไม่มีที่มาที่ไปของเงิน ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับเงินที่ยักยอกไปหรือเปล่า ซึ่งมันต้องเกี่ยวข้องอยู่แล้ว นางศิริพร เอาเงินที่ไหนเป็นหลักล้านมาโอนให้ โอนกันไปโอนกันมา ท่านผู้ชมดูตัวเลขที่ผมล้อมกรอบเอาไว้ให้ดู


ตอนนี้ดีเอสไอกำลังสอบ และต้องการที่จะโยงใยไปในที่สุด และผมเข้าใจว่าอีกไม่นานก็คงจะส่งเรื่องไปให้ ปปง. เพื่อเล่นงานกรณีฟอกเงิน และผมเชื่อว่านายตำรวจคนนี้จะต้องถูกอายัดทรัพย์ด้วย และผมเชื่อว่าเขาก็คงกำลังจะวิ่งเต้น ใช้เส้นใช้สายเขาเต็มที่

ท่านผู้ชมครับ การยักยอกเงินสหกรณ์มาซื้อที่ดิน ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซื้อรถยนต์หรู ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู ยังโชคดีนะท่านผู้ชม ไม่เอาเงินไปลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีที่ชื่อ LUNA หรือไม่ได้ไปซื้อ Bitcoin ของนายท้อป จิรายุส ไม่อย่างนั้นก็เหลือ 0 แล้ว อย่างน้อยก็ยังมีสติปัญญาอยู่นิดหนึ่ง ก็คือเอาไปลงในเรื่องสิ่งที่ตัวเองไม่เคยมี

ทุกวันนี้นายตำรวจที่ช่วยนางศิริพร หนี ก็ยังลอยหน้าลอยตาอยู่ ลอยนวลอยู่ ผมอยากให้ดีเอสไอทำงานจริงๆ เสียที ตรงนี้ผมอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงมาจัดการเรื่องนี้หน่อยได้ไหม เพราะท่านบอกว่าท่านต่อต้านการคอร์รัปชัน การคดโกง


ท่านผู้ชมครับ คุณพวงทิพย์ สุทธิแย้ม ยึดโฉนดที่ดินได้ 4 แปลง อ.ลาดหลุมแก้ว เนื้อที่ 1 งาน ใช้ชื่อสามีเป็นคนถือกรรมสิทธิ์ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี 3 งาน 98 ตารางวา อ.สอยดาว อีก 1 ไร่ อ.สระแก้ว จ.สระแก้ว เนื้อที่ 57 ไร่ 56 ตารางวา

ส่วนคุณศิริพร ที่เปลี่ยนชื่อเป็น นางสาว พชร จันทนะรัตน์ อดีตหัวหน้าฝ่ายการเงิน สหกรณ์ออมทรัพย์เกษตรกร ก็ได้เข้าไปตรวจ 5 จุด เข้าไปตรวจ ณ บ้านทุ่ง อัมพวา สมุทรสงคราม ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรม ณ บ้านทุ่ง ซึ่งก็คือสร้างขึ้นด้วยเงินที่ขโมยมา อายัดโฉนดที่ดิน รถยนต์ยี่ห้อเปอร์โย 1 คัน เข้าตรวจร้านอาหารบ้านทุ่งกุ้งเผาไก่ย่าง ไม่พบทรัพย์สิน โกงทั้งทีเอาเงินไปใช้แบบโง่ๆ เข้าตรวจภัตตาคารบ้านทุ่ง เมืองเอก รังสิต ปทุมธานี ยึดรถยนต์ฮุนได 1 คัน เข้าตรวจบ้านเลขที่ 92/615 จ.ปทุมธานี เจอ Porcher Cayenne ป้ายแดง มีชื่อลูกชายเป็นเจ้าของ กระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกาหรูหลายเรือน

ท่านผู้ชมครับ จริงๆ นี่คือขบวนการฉ้อโกงอีกเรื่องหนึ่งในอีกหลายๆ เรื่องที่มีการฉ้อโกงกัน แต่เผอิญการฉ้อโกงครั้งนี้ก็เป็นการฉ้อโกงหน่วยงานของรัฐ ก็คือสหกรณ์ออมทรัพย์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ผมประหลาดใจคือ ท่านรัฐมนตรีเฉลิมชัย ศรีอ่อน ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ท่านน่าจะลงมาผลักดัน แจ้งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ขอให้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ตรวจสอบความคืบหน้า เพราะนี่คือเงินฝากของข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ทั้งสิ้น แต่ท่านรัฐมนตรีฯ เฉลิมชัย ท่านก็ยังเงียบอยู่ ไม่ได้ทำอะไร

ประเด็นในเรื่องนี้ผมจะชี้ให้เห็นว่า พอมีการฉ้อโกงอะไรขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะต้องค้นพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือคนที่มีอำนาจ ที่เกี่ยวข้อง เหมือนกรณี Bitkub ของนายท้อป จิรายุส ตรวจไปตรวจมาผมรู้เป็นข้อมูลที่เท็จจริงว่ามีคนลาออกจาก ก.ล.ต. แล้วมาทำงานกับนายจิรายุส ที่ Bitkub แล้วก็ใช้อำนาจอิทธิพลที่ตัวเองเคยมีอยู่ ประสานงานกับคนที่อยู่ใน ก.ล.ต. เพื่อปิดหูปิดตาไม่ดำเนินคดีกับ Bitkub หลายๆ เรื่องที่ปิดอยู่ มันเป็นอย่างนี้กันหมดเลย ประเทศไทย ผมเพียงแต่ยกตัวอย่างเรื่องสหกรณ์การเกษตร แล้วก็นายตำรวจยศพลตำรวจตรี ซึ่งมีการโอนเงินกันไปโอนเงินกันมาระหว่างคนที่ขี้โกง ขโมยเงิน เป็นคนที่ส่งผู้หญิงคนนี้ไปอยู่ที่กัมพูชาเพื่อหนีไป ท่านผู้ชมครับ นี่คือธรรมชาติของสังคมไทย น่าขยะแขยงไหม น่าเป็นห่วงไหม น่าเบื่อหน่ายไหม น่าโคตรเซ็งไหม มันเกิดขึ้นแทบจะทุกจุดแล้วในขณะนี้ การโกงเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ กระทรวงเกษตรฯ 600 กว่าล้าน โดยเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของผู้กระทำความผิดแล้วมีตำรวจ หรือผู้มีอำนาจทางกฎหมาย แอบช่วยเหลืออยู่

วันนี้รายการก็มีอยู่เพียงแค่นี้ อาทิตย์หน้าเราจะมีเรื่องสนุกๆ ออกมา ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ ผมยังมีรายการพิเศษเรื่องการวางกำลังระหว่างจีน รัสเซีย อิหร่าน อเมริกา ท่านผู้ชมครับ สงครามมันจะเริ่มด้วย 3 ขั้นตอน ขั้นตอนแรกคือต้องวางกำลังก่อน ขั้นตอนที่สอง คือ รบ ขั้นตอนที่สาม คือ การส่งกำลังบำรุง ขณะนี้ผมกำลังจะเล่าให้ท่านผู้ชมฟังว่าได้มีการวางกำลังไว้เรียบร้อยแล้ว จุดต่างๆ ที่จะวางกัน เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่ผมจะออกเป็นรายการพิเศษ และออกใน Sondhi App ก่อน ท่านผู้ชมมีโอกาสรีบๆ สมัครเป็นสมาชิก Sondhi App ดาวน์โหลด ออกใน Sondhi App สักพักหนึ่งถึงจะเอาออกมาวางในเฟซบุ๊ก ถ้าท่านอยากจะรู้เรื่อง ซื้อความเร็วก็แล้วกันท่านผู้ชม วันละ 3 บาท วันนี้ก็มีเพียงเท่านี้ก่อน สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น