xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK: "ชัชชาติ แลนด์สไลด์" กับอนาคตการเมืองไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 27 พ.ค.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ ได้แก่

- “หนีจระเข้ปะเสือ” และ “สมบัติผลัดกันชม” 8 ปีที่แล้วหลายคนไม่เข้าใจความหมาย เรื่องบางเรื่องต้องใช้เวลา!
- ประเทศไทยตกเป็นเครื่องมือของฝรั่งมานานเป็นร้อยๆ ปี มีอะไรบ้างที่คนไทยถูกฝรั่งหลอก?

- “ชัชชาติ แลนด์สไลด์” ทำเอานายกออกอาการ เมื่อฝ่ายอนุรักษ์นิยมแพ้ราบคาบ หรือการเมืองกำลังจะถึงจุดเปลี่ยน?
- "ธานี แสงรัตน์" รับคำสั่ง "เฮ้าเลี่ยนดอน" ตอบโต้โต้ข้างๆ คูๆ อ้างไทยไม่ได้เบี้ยวปฏิญญาซานย่าลุ่มแม่น้ำโขง
- เหรียญ luna เจ๊งยับ บทเรียนเก๊งกำไรคลิปโต และสัญญาณเตือนถึง "บิทคับ"
- ยุคน้ำมันแพง รัฐบาล “ลดภาษีน้ำมันดีเซล” แต่ไอ้โม่งปล้นค่ากลั่น ใครคือไอ้โม่ง?

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.139



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 138 [2 พ.ค. 65] : "ชัชชาติ แลนด์สไลด์" กับอนาคตการเมืองไทย

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 ก็เหมือนกับทุกๆ ศุกร์ที่เรากลับมาพบกัน อาทิตย์นี้มีเรื่องเก่าๆ บางเรื่องที่ผมอยากจะเล่าให้ฟัง ผมจะย้อนรอยเมื่อแปดปีที่แล้ว ผมเคยใส่เสื้อ "หนีจระเข้ปะเสือ" และเสื้อ "สมบัติผลัดกันชม" แปดปีที่ผ่านมา หลายคนไม่เข้าใจความหมาย ตำหนิติเตียนผม แต่มาวันนี้ทุกอย่างที่ผมแสดงออกเมื่อแปดปีที่แล้ว เป็นความจริงหมด


เรื่องที่สอง ผมมีเรื่องบางเรื่องที่ผมมีความรู้สึกว่าประเทศไทยตกเป็นเครื่องมือของฝรั่งมานานแล้ว ทุกเรื่อง ไม่ว่าแม้กระทั่งข้าว น้ำมันพืช น้ำมันมะพร้าว กัญชา ทุกอย่าง วันนี้ผมจะเอาตัวอย่างที่ชัดเจนมาว่ามีอะไรบ้างที่เราคนไทยถูกฝรั่งหลอก เอาเรื่องใหญ่ๆ เลย แม้กระทั่ง ISO

เรื่องที่สาม ผมจะวิเคราะห์การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร กับเส้นทางอนาคตของการเมืองเมืองไทย และที่สำคัญผมจะเล่าให้ฟังถึงสัญญาณที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกอาการเฮิร์ตหนัก กรณี "ชัชชาติ แลนด์สไลด์"

เรื่องที่สี่ ไม่พูดไม่ได้ เพราะว่าคุณดอน ปรมัตถ์วินัย เฮ้าเลี่ยนดอน เอาคุณธานี แสงรัตน์ เจ้าเก่า กระทรวงการต่างประเทศ มาแถลงฟาดผมกรณีชี้แจงเรื่องปฏิญญาซานย่า ลุ่มแม่น้ำโขง แต่ไม่กล้าส่งข้อมูลมาให้ผมเพื่อจะลงตอบโต้ เพื่อจะลงอีกด้านหนึ่งของเขา กลับส่งไปให้หนังสือพิมพ์อีกฉบับหนึ่งเพื่อลง ผมก็เลยจำเป็นต้องฟาดกลับอีกทีหนึ่ง

เรื่องที่ห้า เป็นเรื่องของบิตคอยน์ (Bitcoin) อีกแล้ว ผมไม่ได้ตามล้างตามเช็ดนายท้อป จิรายุส หรือ บิทคับ (bitkub) แต่ผมยังยืนยันความเห็นเดิมว่า มันก็คือบ่อนการพนันถั่วโปที่ท้ายซอย ผมเอาข้อมูลในเรื่องเจ้าพ่อบิตคอยน์ที่ยิ่งใหญ่มากในโลกนี้ ที่ชื่อ นายโด ควอน (Do Kwon) เจ้าของบิตคอยน์ที่ชื่อ "ลูน่า" (LUNA) ปรากฏว่าหมอนี่ถูกตำรวจเกาหลีใต้จับ อายัดทรัพย์ ตั้งข้อหาบ่อนการพนันดิจิทัล และก็เป็นบทเรียนคนรุ่นใหม่กรณีเหรียญ LUNA และผมเอาความเห็นของผมจากอาทิตย์ที่แล้วที่ผมพูดเรื่องบ่อนการพนันเตือนคนรุ่นใหม่ และผมมีความเห็นหลายความเห็นที่อยากจะอ่านให้ท่านผู้ชมฟัง

เรื่องสุดท้าย ท่านผู้ชมครับ เราบ่นกันเรื่องน้ำมันแพง รัฐบาลจะลดภาษีน้ำมัน ลดภาษีน้ำมันยังไม่พอ กำลังหาทางลดค่ากลั่นน้ำมันลงไปอีกหลายบาทต่อลิตร แต่ว่ามีไอ้โม่งตัวไหนที่ถือโอกาสทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง ไม่ให้มีการลดของพวกนี้ วันนี้เรามาฉีกหน้ากากกัน

วันนี้ก่อนจะเข้ารายการหลัก จะมีเรื่องสั้นๆ หลายเรื่อง มีอยู่เรื่องหนึ่ง พรรคพวกผม อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เอารูปเก่าๆ มาให้ดู เมื่อประมาณปี 2557 คือเป็นปีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะ คสช. และพรรคพวก ยึดอำนาจไป คุณปานเทพ ชี้ให้เห็นว่าผมได้ทำเสื้อขึ้นมา 3-4 ตัว ตัวหนึ่งชื่อ "หนีจระเข้ปะเสือ" ตัวหนึ่งชื่อ "สมบัติผลัดกันชม" อีกชุดหนึ่งเป็นชุด "ปิดหู ปิดตา ปิดปาก" ก็คือถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพในการออกความเห็น เพราะว่ารัฐบาล คสช. นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งให้ปิด ASTV


ท่านผู้ชมครับ ผมจำได้ว่าในช่วงแรกที่ผมโพสต์เสื้อคำว่า "สมบัติผลัดกันชม" กับ "หนีจระเข้ปะเสือ" ติ่งทหารทั้งหลาย รวมทั้งพันธมิตรฯ อีกจำนวนไม่น้อยเลย หลายคน เข้ามาต่อว่าวิพากษ์วิจารณ์ผมกันเป็นการใหญ่ บ้างก็บอกว่าผมอิจฉาเขาหรืออย่างไร ที่ผมติดคำว่า "หนีจระเข้ปะเสือ" เพราะว่าผมเห็นภาพชัดเจนว่าอนาคตข้างหน้ากลุ่ม คสช. ก็คือเสือ คำว่า "เสือ" ผมหมายถึง ประวิตร ประยุทธ์ และ อนุพงษ์ เป็นพวกบูรพาพยัคฆ์ ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ประเทศตกอยู่ในมือเสือ 3 ป. ก็คือกลุ่มบูรพาพยัคฆ์ และผมก็บอกทุกๆ คนที่ถามผมว่าการยึดอำนาจครั้งนี้คุณสนธิ เห็นว่าอย่างไร ? ผมบอกว่าเป็น "สมบัติผลัดกันชม"

ท่านผู้ชมครับ 2557-2565 แปดปีเต็มๆ ถึงจะได้เห็นกันว่าสิ่งที่ผมแสดงออกเมื่อแปดปีที่แล้ว (2557) มันถูกต้อง ไม่ผิด ก็คือ หนี "จระเข้" ก็คือหนียิ่งลักษณ์ หนีพวกระบอบทักษิณ แล้วมาปะ "เสือ" ก็คือพวกบูรพาพยัคฆ์ ก็คือ ประยุทธ์ ประวิตร และ อนุพงษ์ และก็ต่อด้วย "สมบัติผลัดกันชม" แล้วมันก็เป็น "สมบัติผลัดกันชม" จริงๆ ท่านผู้ชมไม่เห็นหรือครับ ตอนนี้คนกุมอำนาจ ผ่องอำนาจกัน หลายๆ เรื่อง ผลประโยชน์ตามที่ต่างๆ ก็มาตกอยู่ในกลุ่มเครือข่ายของ 3 ป. ทั้งสิ้น "สมบัติผลัดกันชม" ปิดปาก ASTV หลายๆ อย่าง

ผมไม่ได้มาอวยตัวเองว่าผมเป็นผู้หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร ไม่ใช่ แต่ผมเห็นเกมที่เข้ามาแต่ละเกมแล้ว และผมเป็นคนที่ไม่สงวนคำพูด ผมก็เลยพูดออกไปตรงๆ แสดงออกไปตรงๆ และหลังจากนั้นผมก็โดนเขาจับไปปรับทัศนคติที่ค่ายทหารที่ จ.ราชบุรี

ท่านผู้ชม เรื่องบางเรื่องต้องใช้เวลา แต่ผมเห็นมาก่อนตั้งนานแล้ว ตอนนั้นคนก็ด่าผมกันใหญ่ แต่ตอนนี้คนก็ลืมไปแล้ว ท่านผู้ชมที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ผม ที่ยืนหยัดกับผมมาตั้งแต่ต้น คงจะจำได้กับเรื่องพวกนี้


หรือแม้กระทั่ง ท่านผู้ชมจำได้ไหม วันที่ 18 มีนาคม วันศุกร์ ปีนี้ล่ะ (2565) ตอนที่รัสเซียบุกยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค่าเงินรูเบิลตกไปร้อยกว่ารูเบิลต่อ 1 ดอลลาร์ ทุกคน พิธีกรทุกคน นักข่าวทุกคน นักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศทุกคน รวมทั้ง โจ ไบเดน ยังบอกว่าค่ารูเบิล เงินรูเบิลจะกลายเป็นก้อนหิน ก้อนดิน นักวิเคราะห์ เซียนทั้งหลายที่มีชื่อมีเสียงในวงการ อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลย บอกว่ารูเบิลตายแน่แล้ว ล้มละลาย แต่ผมเป็นคนๆ เดียวในประเทศไทยที่บอกว่า ใครมีเงิน รีบไปซื้อรูเบิลเก็บเอาไว้ รับรองว่ารับเละ รวยเละ ผมจะเอาคลิปที่ผมพูดเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ให้ท่านผู้ชมฟังอีกทีหนึ่ง


(>>> คลิป SONDHI TALK EP. 129 <<<)

“ผมไม่ใช่เทวดา ผมไม่ใช่นอสตราดามุส แต่ผมวิเคราะห์จากข้อเท็จจริง ผมวิเคราะห์ถึงความเข้มแข็งของรัสเซีย ผมวิเคราะห์ถึงความมุ่งมั่นของปูติน และผมวิเคราะห์ถึงทรัพยากรที่รัสเซียมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแสนยานุภาพที่เหนือกว่าทางตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันและแก๊ส ที่อยู่ดูแลยุโรป 40 เปอร์เซ็นต์ ของพลังงานต้องพึ่งแก๊สและน้ำมันจากรัสเซีย และผมก็ดูอาหารการกินที่รัสเซียเป็นคนผลิตและป้อนโลก ผมก็พูดได้คำเดียวว่า อย่างไรก็ตาม ตะวันตก ยุโรป โดยเฉพาะ ต้องซื้อข้าวของรัสเซีย ไม่ซื้อไม่ได้ และผมก็เชื่อในความสามารถของปูติน ว่าเขาสามารถจะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้ เพราะว่าเขามาอยู่เป็นประธานาธิบดีของรัสเซียได้ 3-4 สมัย จากหัวหน้า KGB เขาไม่ได้มาเพราะโชคช่วย”

ท่านผู้ชม จากวันที่ผมพูด 18 มีนาคม เงินรูเบิล 140 รูเบิล ต่อ 1 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยนะ ทั่วโลกเลย บอกว่ารูเบิลเจ๊งแน่นอน รัสเซียล้มละลาย สองเดือนกว่ากลายเป็นรูเบิลเป็นเงินสกุลที่แข็งที่สุดในโลก โจ ไบเดน ที่เคยกล่าวหาว่าเงินรูเบิลจะกลายเป็นก้อนหิน ก้อนดิน วันนี้เงียบสนิท ไม่พูดเลยแม้แต่คำเดียว ท่านผู้ชมไปดูคลิปก็แล้วกัน

ผมกำลังจะสรุปว่า อะไรก็ตามที่ผมพูด ผมผ่านการสังเคราะห์ การวิเคราะห์ การมองเหตุการณ์ การคำนวณหลายอย่าง ประสบการณ์จากคนที่เคยศึกษาในเรื่องประวัติศาสตร์มา ประสบการณ์ของการที่ศึกษาในเรื่องของมนุษยศาสตร์ ประสบการณ์ในเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ผมกล้าพูดได้ว่าเหตุการณ์จะต้องเป็นอย่างนี้ๆ เพราะฉะนั้นแล้ว อะไรที่ผมทำนายในเรื่องต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะตึงเครียดทุกวันนี้ ที่โลกกำลังแบ่งเป็นสองขั้ว ที่โลกกำลังเปลี่ยนระเบียบโลกใหม่ อะไรที่ผมทำนายไว้ และท่านผู้ชมครับ ไปดูย้อนหลังได้ กี่ปีต่อกี่ปี ผมก็เป็นคนแรกอีกเหมือนกันที่บอกว่าเงินดอลลาร์จะเป็นเงินแบงก์กงเต็ก ไม่ใช่เพิ่งพูด ผมพูดมาหลายปีแล้ว

คนที่เห็นอะไรก่อนล่วงหน้า บางทีก็ต้องอดทน โดนเยาะเย้ย โดนถากถาง โดนกัด แล้วในที่สุดสิ่งที่ผมพูดก็เป็นความจริงทุกๆ ประการ วันนี้ไม่มีใครจำได้แล้ว แต่วันนั้นด่าผมฉิบหายวายป่วงหมดเลย แต่วันนี้คนที่ด่าผมลืมไปแล้ว จริงๆ มันน่าจะเอาหน้าของคนที่ด่าผม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ คสช. ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรัสเซีย เอาหน้าไปซุกก้นสุนัขได้แล้ว

ดร.เอกภพ เหล่าลาภะ
ท่านผู้ชมครับ เมื่อเร็วๆ นี้ผมได้อ่านบทความชิ้นหนึ่ง แล้วผมก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง คนเขียนคือ ดร.เอกภพ เหล่าลาภะ ท่านดำรงตำแหน่งศูนย์ประสานงานองค์กรชาวพุทธแห่งชาติ ในปี 2562 ท่านพูดเรื่องคนไทยถูกฝรั่งหลอกมาหลายปี ผมอ่านแล้วผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะผมรู้แบบนี้ เข้าใจแบบนี้มานานแล้ว ผมจะยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ว่าฝรั่งหลอกเราอย่างไร 3-4 เรื่อง

ฝรั่งหลอกเราแม้กระทั่งเรื่องข้าว เขาหลอกเราอย่างไร ? พวกเขาครอบงำความคิดคนไทยมานาน อิทธิพลของอารยธรรมตะวันตกที่แพร่เข้ามาสู่ตะวันออกและเมืองไทยในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา สิ่งที่เขามาครอบงำเราไม่ใช่แค่อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีกว่า ทันสมัยกว่า เขาอาศัยความรู้และเทคโนโลยีที่ดีมากกว่า ก้าวหน้ากว่า มาหลอกเรา ยกตัวอย่างเรื่อง "ข้าว"


2503 รัฐบาลฟิลิปปินส์ โดยการสนับสนุนของมูลนิธิฟอร์ด (The Ford Foundation) และมูลนิธิร็อกเกอะเฟลเลอร์ (Rockefeller Foundation) ท่านผู้ชมครับ มูลนิธิพวกนี้คือ Soft Power ของอเมริกา ตัวแสบที่สุดคือมูลนิธิร็อกเกอะเฟลเลอร์ เพราะเป็นตัวที่เข้ามาแทรกแซง ไม่ใช่ลำพังแค่เรื่องข้าว ความเป็นอยู่ของพวกเรา แต่ยังเข้ามาแทรกแซงในเรื่องของภูมิปัญญาไทยในเรื่องแพทย์แผนโบราณ มูลนิธิร็อกเกอะเฟลเลอร์ คือต้นเหตุของการทำลาย ใช้ความรู้ที่ทันสมัยกว่า เอามาทำให้คนไทยที่ไปเรียนต่างประเทศมา แล้วมีอำนาจในประเทศ เชื่อ และสกัดกั้น ทำลายภูมิปัญญาของแพทย์แผนไทยโบราณซึ่งมีมาเป็นร้อยๆ ปี

พวกนี้ได้ตั้งสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ ชื่อว่า International Rice Research Institute เขาพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ที่ให้ผลมากกว่าพันธุ์เดิม เขาอ้างว่าที่ฟิลิปปินส์ ทำให้ปลูกข้าวได้สองเท่า เหลือกินจนส่งออกได้ พวกนี้ก็เลยเอามาเสนอ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ว่าตอนนี้โลกเขาปฏิวัติเขียวกันแล้ว เสนอปรับปรุงข้าวพันธุ์ใหม่ให้ไทย เพราะไทยมีที่ทำนามาก ฝรั่งให้ข้อมูลทางวิชาการพร้อมกับข้อมูลผลการทดลองที่ฟิลิปปินส์ เป็นข้อเสนอที่ไทยปฏิเสธไม่ได้ แต่ฝรั่งพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว เพราะการที่จะผลิตข้าวตามที่มันต้องการนั้น เราต้องใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงมาเป็นแพกเกจ ถ้าจะเอาข้าวที่มันบอก ปลูกพันธุ์นี้ได้ต้องใส่ปุ๋ย ต้องมียาฆ่าแมลง นี่คือที่มาของการเปลี่ยนจากการปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมืองไทย ท่านผู้ชมรู้ไหมสมัยก่อนข้าวพันธุ์พื้นเมืองไทยมีตั้งเป็นพันพันธุ์ ตอนนี้ลดลงมาเหลือแค่ร้อยพันธุ์


2504 หนึ่งปีหลังจากที่เอาผลวิจัยมาเสนอ รัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับที่ 1 เพื่อนำพาประเทศก้าวเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม เมืองไทยต้องการจะพัฒนาข้าวเพื่อส่งออก วิธีการเขาทำอย่างไร ? เขาเอานักวิชาการมาจากอเมริกา มาคัดเลือกพัฒนาพันธุ์ข้าว รวบรวมพันธุ์ข้าวจากทั่วประเทศสองร้อยกว่าชนิด เอามาลองปลูก เอาปุ๋ยมาใส่ แปลงไหนที่ตอบสนองต่อปุ๋ยดี ใส่ปุ๋ยแล้วโตดี เขาเก็บไว้ แปลงไหนไม่ชอบปุ๋ย มันก็ตัดทิ้ง สรุปพันธุ์ข้าวที่ได้คือพันธุ์ข้าวที่ชอบปุ๋ยทั้งสิ้น เวลามันขายให้เรา มันขายเป็นเซ็ต ซื้อเมล็ดพันธุ์ต้องซื้อปุ๋ยและยาฆ่าแมลง ไม่ใช้ก็ไม่ได้ เพราะมันไม่โต ปลูกพันธุ์อื่นก็ขายไม่ได้

ท่านผู้ชมครับ เพราะความทันสมัยที่ไม่พัฒนา ทำให้ชาวนายังยากจน มาจนทุกวันนี้ทั้งจนและเจ็บ เพราะนอกจากหนี้สินรุงรังแล้ว ยังป่วยด้วยสารพิษในร่างกาย อย่างที่พวกเรารู้กันว่าผมนี่ต่อสู้เรื่องการแบนสารพิษจากระบบการเกษตร ปัจจุบันกลายเป็นอุตสาหกรรมการเกษตร สุดท้ายทำให้ผู้ผลิต คือชาวนา ชาวไร่ ต้องเจ็บป่วยเรื้อรังจากสารพิษ


ท่านผู้ชมครับ วันนี้คนไทยหายโง่ เลิกเชื่อฝรั่ง อย่างน้อยในเรื่องข้าว เพราะไทยมีงานวิจัยของตัวเองแล้ว และทั่วโลกพบว่าข้าวไทยดีที่สุด ไม่ได้เป็นแค่อาหาร แต่เป็นยาด้วย อย่างข้าวสังข์หยด ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวเล้าแตก ข้าวลืมผัว และอื่นๆ เป็นร้อยเป็นพัน ทั้งดั้งเดิม ผสมไปมาอย่างไรซ์เบอร์รี


ท่านผู้ชมครับ ข้าวหอมมะลิแดง ท่านผู้ชมรู้ไหม ในข้าวกล้องหอมมะลิแดง แก้ท้องเสีย ท้องร่วง ช่วยในการทำงานระบบประสาท สมอง และตับ ลดไขมัน คอเรสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ในหลอดเลือด ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ กระตุ้นคอลลาเจนให้กับผิว ป้องกันจอประสาทตาเสื่อม มีกากใยอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อระบบการกิน ลดความดันโลหิตสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง ลดอัตราเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมอง ป้องกันโรคเหน็บชา ลดระดับน้ำตาลในเลือด นี่เฉพาะข้าวหอมมะลิแดงนะท่านผู้ชม ยังมีข้าวสินเหล็ก ต้านเบาหวาน 


ข้าวกล้องสังข์หยด มีฟอสฟอรัส แคลเซียม เส้นใย โปรตีน ไนอะซิน พลังงาน ธาตุเหล็ก วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 คาร์โบไฮเดรต

ข้าวท้องถิ่นไทยมีสารอาหารมาก มีวิตามินอีสูง กินแล้วเป็นหนุ่มเป็นสาว ไม่แก่ง่าย ตายยาก มีเบตาแคโรธีน สารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้เจ็บป่วย/ทำให้เป็นมะเร็ง มีธาตุทองแดง เหล็ก สูง ข้าวกล่ำเปลือกดำ มีสารลูทีน


ท่านผู้ชมจำไว้ "ข้าวก่ำเปลือกดำ" มีสารลูทีนสูงกว่าข้าวธรรมดาถึง 25 เท่า "ลูทีน" (Lutein) บำรุงตา ป้องกันต้อกระจก เหมือนที่ท่านต้องทานอาหารเสริม LUTEIN ของสมุนไพรบ้านพระอาทิตย์

วันนี้ก็เลยไม่แปลกที่ข้าวพื้นเมือง โดยเฉพาะข้าวกล้อง ข้าวกล้องงอก ข้าวอินทรีย์ ขายในห้างฯ กิโลกรัมละ 150-200 บาท ท่านผู้ชมครับ นี่คือภูมิปัญญาไทย ของไทยดีที่สุด ทุกวันนี้ชาวบ้าน ชาวไร่ ชาวนา ที่ปลูกกันส่วนใหญ่ก็คือข้าวที่่ส่งออก แต่เรายังมีข้าวประเภทนี้อีกเยอะมาก ต้องซื้อกันให้เยอะๆ ทานกันให้เยอะๆ สุขภาพจะดีขึ้น และมันจะทำให้ทุกอย่างในประเทศไทยดีขึ้นโดยปริยาย เมื่อสุขภาพดีแล้ว สังคมก็ดี อย่าลืมนะครับท่านผู้ชม ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวลืมผัว ข้าวสังข์หยดจากพัทลุง ข้าวเล้าแตก นี่ก็อีก ข้าวกล้องแดง วิตามินสูง อย่าลืมนะครับ


ทีนี้เรามาต่อเรื่องมะพร้าว ว่าทำไมเราโดนฝรั่งหลอกมาตลอด "มะพร้าว" เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ฝรั่งหลอก เขาอ้างงานวิจัยเมื่อหลายสิบปีก่อนว่า "น้ำมันมะพร้าว" เป็นอันตราย ทำให้เกิดโรคหัวใจ ไขมันสูง ไขมันประเภทอิ่มตัว ทำให้เส้นเลือดตีบตัน ถ้าท่านผู้ชมอยากรู้ว่าอิ่มตัวหรือไม่ เอาน้ำมันใส่ตู้เย็น ถ้าจับเป็นไขทั้งขวดเลย นั่นล่ะคือไขมันอิ่มตัว

"น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น" เป็นกรดไขมันอิ่มตัว มีขนาดโมเลกุลปานกลาง ดูดซึมซับเข้าร่างกายได้ง่าย เผาผลาญได้ดี ท่านผู้ชมตามผมมา

คนไทยเชื่อฝรั่ง เพราะมันจะอ้างงานวิจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของโลก ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของโลกที่มันวิจัยออกมานั้น มันได้ทุนวิจัยมาจากไหน? มันก็ได้ทุนวิจัยมาจากเจ้าของผลิตภัณฑ์สินค้าที่มันต้องการจะขายไปในโลกนี้ มันก็จ่ายเงินทุนวิจัยให้ ก็วิจัยไปในทิศทางที่มันต้องการ แล้วเราเป็นคนที่เห่อฝรั่งไง โอ้โห ออกซ์ฟอร์ดวิจัยอย่างนั้น เคมบริดจ์วิจัยอย่างนี้ มหาวิทยาลัยนิวยอร์กวิจัยอย่างนี้ มันวิจัยเห็นว่าหน้าหนาวไขมันสัตว์ น้ำมันมะพร้าว ทิ้งไว้ข้างนอกยังแข็งตัวเลย ก็คือพูดง่ายๆ ว่า หน้าหนาวน้ำมันมะพร้าวทิ้งไว้ข้างนอก แข็งตัว มันก็เลยอ้างว่าเมื่อมันแข็งตัว ก็จะทำให้เส้นเลือดตีบตันอย่างที่ฝรั่งบอก คนไทยก็โง่ นักวิชาการไทยบางคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักวิชาการที่กระทรวงเกษตรฯ สร้างขึ้นมา ก็ล้อกับมันไป เล่นกับมันไปว่า ใช่ ก็เลยทำให้ประเทศไทยยกเลิกการใช้น้ำมันมะพร้าว คือน้ำมันมะพร้าวทำอาหาร

ยกเลิกน้ำมันหมู นี่ผมอุตส่าห์ลงทุนทำให้นะ เอาหมูมาเคี่ยว นี่คือน้ำมันหมู 


แล้วหันไปซื้อน้ำมันพืช น้ำมันถั่วเหลือง แล้วท่านผู้ชมรู้ไหมว่าน้ำมันถั่วเหลืองที่ท่านกินทุกวันนี้ มันทำจากถั่วเหลืองที่ถูกตัดต่อพันธุกรรม ก็คือ GMO เราถูกมันแหกตามาตลอด น้ำมันประเภทน้ำมันพืช น้ำมันถั่วเหลือง ทำให้เกิดโรคหัวใจ ไขมันสูง มันเป็นไขมันประเภทอิ่มตัว มันเข้าทางฝรั่งพอดี เพราะมันอยากจะขายน้ำมันพืช น้ำมันถั่วเหลือง


ท่านผู้ชมครับ แต่ไม่นาน ประเทศในทวีปเอเชียประเทศอื่นๆ ที่กินมะพร้าว ใช้กะทิ ใช้น้ำมันมะพร้าวประกอบอาหาร ได้ค้นพบความจริงจากการวิจัยว่า ประเทศที่มีมะพร้าวมาก และบริโภคมะพร้าวมาก เป็นโรคหัวใจน้อยกว่าอเมริกา และประเทศตะวันตก ที่ใช้น้ำมันพืช น้ำมันถั่วเหลือง ยิ่งไปกว่านั้น งานวิจัยมากมายพบว่า มะพร้าว มีสรรพคุณ ไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่มีคุณภาพสูง แต่เป็นยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นนี่ล่ะ ผมทานอยู่ทุกวัน ทานมาเป็นสิบปีแล้ว ผมตัวใหญ่ 94 กิโลกรัม ผมทาน 4 ช้อนโต๊ะ ทุกเช้า แล้วผมก็ยุยงให้หลายคนทานตาม ทานน้อยจำนวนช้อนลงตามน้ำหนักตัวที่มี ท่านผู้ชมรู้ไหม วันนี้เป็นที่นิยมมากในประเทศทางตะวันตก นักร้อง ดาราดังๆ อเมริกา พวกที่สนใจสุขภาพ กินน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นกันเป็นแถวเลย กินมาตลอด ก็ผมบอกแล้วไงว่า ไข้หวัดใหญ่ หรือไข้หวัด กับผม ไม่ถูกกันมาเป็นสิบปีแล้ว ผมไม่เคยเป็น เพราะน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น


ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า "มะพร้าว" เป็นผลไม้จากสวรรค์ ทั้งน้ำ ทั้งเนื้อ ข้อมูลทางการแพทย์บอกว่า มะพร้าวมีวิตามินซี โปแตสเซียม แคลเซียม แมกนิเซียม ช่วยบำรุงผิว กินแล้วผิวพรรณผ่องใส ไม่เหี่ยวย่น บำรุงกระดูก ลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจ รักษาอัลไซเมอร์


อาจารย์ปานเทพ เคยเอางานวิจัยของหมอคนหนึ่งมาให้ สามีเป็นอัลไซเมอร์ หมอผู้หญิงไม่รู้จะรักษาสามีอย่างไร ก็เลยไปอ่านงานวิจัยน้ำมันมะพร้าวหีบเย็น ก็ให้สามีกิน กินมาตลอด ความจำเริ่มดีขึ้น ผมกำลังจะแนะนำให้ โจ ไบเดน กินน้ำมันมะพร้าวหีบเย็น เพราะว่าช่วงหลังๆ โจ ไบเดน เริ่มเป็นอัลไซเมอร์อ่อนๆ แล้ว ตัวเองพูดอะไร จำไม่ได้ เลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปหมดเลย ทำให้โลกนี้มันวุ่นวาย

น้ำมะพร้าวดับกระหาย คลายร้อน ลดภาวะขาดน้ำ ปรับสมดุลทางร่างกาย ช่วยกระเพาะปัสสาวให้ดีขึ้น แล้วน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น มีอะไรดี ? เร่งอัตราการเผาผลาญ คือทานแล้ว เวลาทานอาหาร มันเร่งการเผาผลาญให้มันออกไป บำรุงสุขภาพหัวใจ ดูดซับวิตามิน ลดระดับคอเรสเตอรอล ย่อยง่าย ต้านอนุมูลอิสระ มิหนำซ้ำ ถ้าท่านผู้ชมออกไปทำ เจอแดดเยอะๆ ใช้น้ำมันมะพร้าวทาตัว ผมใช้น้ำมันมะพร้าวลูบ น้ำมันมะพร้าวหีบเย็น ผมใช้ลูบศีรษะก่อนนอน

น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น สรรพคุณมากมาย ทั้งงานวิจัยต่างๆ ทั้งของนอกประเทศและของไทย เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่า ฝรั่งมันหลอกเรามาตลอด


อีกเรื่องหนึ่ง "กัญชา" ที่มันหลอกเรา ผมไม่อยากจะเอากัญชามาตั้งโชว์ เพราะเดี๋ยวโดนตำรวจจับ แต่ประเทศไทยเพิ่งจะตาสสว่างไม่นานมานี้ ว่ากัญชามีอันตรายน้อยกว่าเหล้าและบุหรี่ เพราะทำไม ? เพราะกัญชา เป็นสมุนไพร มีสรรพคุณการรักษาโรคได้อย่างน่าพิศวง มาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว วงการแพทย์เขาใช้ ทั่วโลกเลยนะ ใช้กัญชารักษาโรคมากมาย ไปจนถึงมะเร็ง กัญชา เป็นสมุนไพรชั้นยอด ที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคอย่างน่าพิศวง

เรื่อง "กัญชา" ผมพูดมาหลายครั้งแล้วว่าฝรั่งมันหลอกเรา ผมจะทวนความจำให้

ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า "กัญชา" มีอยู่ในตำราแพทย์แผนไทยโบราณตั้งแต่รัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 6 แต่ตอนหลังถูกห้าม เพราะใคร ? ฝรั่ง มันมาในนามมูลนิธิร็อกเกอะเฟลเลอร์ ซึ่งมันเป็นเจ้าของบริษัท สแตนดาร์ดออยล์ เพราะว่ากัญชา มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทน้ำมัน อย่างเช่น สแตนดาร์ดออยล์ หรือบริษัทค้าสารเคมีขนาดใหญ่ เช่น ดูปองท์ รวมทั้งเจ้าของเครือข่ายสื่อมวลชน คือ วิลเลียม แรนดอล์ฟ เฮิร์สต์ (Wiliiam Randolph Hearst) สามตัวนี้เปลี่ยนแปลงในเรื่องกัญชา และกัญชง สรุปง่ายๆ สามตัวนี้ คือ มูลนิธิร็อกเกอะเฟลเลอร์ บริษัท ดูปองท์ และสื่อมวลชนฝรั่ง เป็นตัวผลักดันให้กัญชาและกัญชงผิดกฎหมาย เพื่ออะไร ? เพื่อเอื้อประโยชน์พวกมันเอง ก็เลยมีการผลักดัน กดดันสหประชาชาติให้มีคณะอนุกรรมการระบุชนิดยาเสพติด รวมกัญชาเป็นยาเสพติดเข้าไปด้วย ประเทศไทยก็เข้าร่วมลงนามในอนุสัญญายาเสพติด ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า หลังจากนั้นแล้วฝรั่งมาค้นคว้าเรื่องกัญชากันเป็นจำนวนมาก ค่อยๆ สะสมเคสประโยชน์ของกัญชา ขณะที่พวกเราปิดกั้นตัวเอง


ตอนนี้ในอเมริกา 37 มลรัฐ จาก 50 มลรัฐ อนุญาตให้ใช้กัญชาได้ เปิดกัญชาเสรี ท่านผู้ชมครับ เราโง่มานาน เพิ่งจะตาสว่างไม่กี่ปีนี้ ต่อสู้กัญชามานานที่สุด โชคดีที่พรรคภูมิใจไทยเห็นประโยชน์ของกัญชา ก็ทำเรื่องกัญชา เร็วๆ นี้ วันที่ 9 มิถุนายน 2565 กัญชาสามารถจะปลูกได้ ไม่ต้องขออนุญาต เพียงแต่ต้องจดแจ้งผ่านแอปพลิเคชัน "ปลูกกัญ" เท่านั้นเอง รวมทั้งการขออนุญาตปลูกในเชิงพาณิชย์ 9 มิถุนายน เป็นต้นไป

ท่านผู้ชมครับ ในส่วนคุณูปการ "กัญชา" เพื่อใช้รักษาโรคหรือแก้เจ็บ ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับ ถูกใช้ในวงกว้างแล้วในสังคมไทย แม้แต่แพทย์แผนปัจจุบันบางส่วน ถึงแม้ว่ายังมีคนบางกลุ่มยังปฏิเสธ ไม่ยอมรับ ปฏิเสธความสำคัญของมัน

ท่านผู้ชมครับ ผมมีคลิปวิดีโอสั้นๆ คลิปหนึ่ง ซึ่งผมไปรวบรวมกรณีคนจริงๆ ผู้ป่วยจริงๆ ที่รอดชีวิตจากโรคร้ายจริงๆ ด้วยพืชสมุนไพร "กัญชา" ท่านผู้ชมเชิญชมได้เลยครับ

(>>> คลิป "กัญชา" <<<)

ท่านผู้ชมครับ อีกเรื่องหนึ่งที่พวกเราโดนฝรั่งแหกตา ท่านผู้ชมจำ ISO ได้ไหม นอกจากเรื่องข้าว มะพร้าว กัญชาแล้ว ฝรั่งยังหลอกเราอีกหลายเรื่อง ที่คลาสสิกที่สุดคือ ISO


ISO คืออะไร ? ISO (International Organization for Standardization) มาจากการรวมตัวของฝรั่งเมื่อปี 2489 ยี่สิบห้าประเทศของฝรั่ง มาประชุมกันที่สถาบันวิศวกรโยธา กรุงลอนดอน มันต้องการสร้างมาตรฐานที่เป็นสากล "สากล" ในมาตรฐานของมัน ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ก็เลยเกิดองค์กรใหม่อำนวยความสะดวกในการประสานงานระหว่างประเทศและการรวมกันของมาตรฐานอุตสาหกรรม ISO ก็เลยเริ่มอย่างเป็นทางการ ท่านผู้ชมอาจจะไม่เข้าใจตรงนี้ ผมจะอธิบายอุปมาอุปไมยให้ฟัง

ตอนนี้ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกมันเริ่มมีมาตรฐานที่ตั้งขึ้นมาแล้วว่า บริษัทที่ซื้อ-ขายหลักทรัพย์ในตลาดฯ จะต้องมีมาตรฐานดังต่อไปนี้ 1..2..3..4..5..6..7..8.. แล้วคนตั้งมาตรฐานนี้ก็คือ บิ๊กโฟร์ (Big Four) บริษัทตรวจสอบบัญชีภายในของโลก ซึ่งหลักๆ แล้วคือเป็นของฝรั่งทั้งสิ้น 4 บริษัท พวกนี้จะกำหนดหมด เพราะฉะนั้นแล้ว พวกนี้ก็เลยมีอำนาจเหนือบริษัทต่างๆ ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก อย่างเช่นประเทศไทย ถ้าหลักทรัพย์ของบริษัทไหน ถ้าไม่ถึงมาตรฐานของบิ๊กโฟร์ ก็มีโอกาสที่จะต้องหลุดจากการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจริงๆ แล้วหลักการของทางบัญชีของแต่ละประเทศมันขึ้นอยู่กับสิ่้งแวดล้อม ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม ขึ้นอยู่กับวิธีการคิด เพราะฉะนั้นแล้ว ฝรั่งมันเอามาครอบ และนอกจากครอบแล้ว พวกนี้จะได้อะไรอีก ? มันได้ความลับของบริษัททั่วโลก มันสามารถดึงออกมา แล้วใครเอาไปรู้ไหม ? อเมริกาเอาไป หน่วยสืบราชการลับเอาไป เอาไปเพื่อดูว่าทำผิดอะไรมาตรฐานของมัน ผิดกฎหมายอเมริกาตรงไหน เผื่อจะเล่นงานได้ เหมือนอย่าง เมิ่ง หว่านโจว ลูกสาวของเจ้าของหัวเว่ย ที่โดนมันเล่นงานเพราะว่ามันใช้หลักการของการ ศูนย์รวมของการที่จะผ่านบัญชีต่างๆ ต้องไปอยู่ที่อเมริกา มันก็จะดูออกว่า หัวเว่ย โอนเงินไปที่โน่นที่นี่ ไปที่ประเทศมันห้ามไม่ให้โอนหรือเปล่า ถ้าไป มันก็จะเอาตัวนี้มาล็อกเขา

กลับมาที่ ISO ครับท่านผู้ชม ISO ได้แพร่ไปมากกว่า 22,811 มาตรฐาน ควบคุมหมดทุกอย่าง ท่านผู้ชมครับ ธุรกิจต่างๆ ดิ้นรนขอให้ได้ ISO เพื่ออะไร ? เพื่อจะได้มีความเฮ้าเลี่ยนที่จะอ้างได้ว่ามีมาตรฐานสากล แวดวงธุรกิจอุตสาหกรรมสู่แวดวงอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา สาธารณสุข การทหาร หรือสิ่งแวดล้อม ท่านผู้ชมเห็นไหม บางบริษัทติดป้าย "ได้รับ ISO 9002" ใหญ่กว่าชื่อบริษัทอีก แม้กระทั่งโรงเรียนในต่างจังหวัด ผมนั่งรถผ่าน ผมยังอดขำไม่ได้เลย มันบ้าไปแล้ว โรงเรียนซึ่งเป็นโรงเรียนเล็กๆ แต่ติดป้ายว่าผ่านมาตรฐาน ISO อะไรของคุณ แล้ววันนี้ ISO ไปไหนแล้ว ? ไม่มีใครสนใจเลย

การส่งออกผ่าน ISO ไหม ? เฉยๆ ไม่มี ทุกอย่าง แต่เราเสียเงินกับการที่เราจะต้องผ่านมาตรฐาน ISO ต่างๆ ของพวกมัน นี่คือการแหกตา หลอกลวงของฝรั่ง แล้วเราดันไปเชื่อมัน เพราะว่ามีคนไทยอยู่จำนวนหนึ่งที่คิดอะไรไม่ออก ก็ยกมือไหว้และกราบตีนฝรั่งตลอดเวลาว่าฝรั่งคือคนที่เลอเลิศประเสริฐศรีในโลกนี้ ทุกชาติเชื้อพันธุ์ ต้องยกมือ พนมมือแล้วเทิดทูนพวกมันเป็นเทวดา


ท่านผู้ชมครับ การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมา วันที่ 22 พฤษภาคม ผลการเลือกตั้งมันมีนัยหลายประการ ซึ่งผมเชื่อว่าท่านผู้ชมก็คงจะอ่านเจอในหน้าหนังสือพิมพ์บ้างแล้ว หรือบางคนก็ออกเฟซบุ๊ก เล่าให้ฟังถึงนัยต่างๆ ลองมาฟังความคิดเห็นของผมบ้าง

การเลือกตั้งในคราวที่ผ่านมานี้ จำนวนกลุ่มของคนที่เคยเลือกพรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ ที่น่าสนใจคือ ย้ายข้างไปเลือกชัชชาติ มากขึ้น และต้องถือว่าเป็นยุคที่ตกต่ำของฝ่ายอนุรักษ์นิยม (อนุรักษ์นิยม คือ ฝ่ายที่ต่อต้านทักษิณ" ในรอบ 11 ปีที่ผ่านมา วันที่ 22 พฤษภาคม ตกต่ำมากที่สุด ส่วนหนึ่งเพราะว่าประชากรกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนอายุมาก จำนวนลดลง เสียชีวิตไปตามวัย อายุมากจนไม่สามารถออกมาลงคะแนนได้ ตรงข้ามกับคนรุ่นใหม่ที่ทยอยเพิ่มมากขึ้น แล้วก็เผอิญเป็นส่วนที่ต่อต้านรัฐบาลแทบจะทั้งนั้น บางส่วนก็ต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย ในขณะที่ประชาชนจำนวนมากที่เคยสนับสนุนรัฐบาล กลับไม่พอใจการบริหารงานของรัฐบาลในรอบหลายปีที่ผ่านมา

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูตัวเลขง่ายๆ ฐานเดิมของพรรคเพื่อไทย และพรรค อนาคตใหม่ ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562 คะแนนก็คือ 1.4 ล้านคน คิดเป็น 45.42 เปอร์เซ็นต์ แต่การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 2565 คะแนนของ คุณชัชชาติ + วิโรจน์ + ศิธา รวมกันได้ 1.7 ล้านคะแนน หรือ 63.99 เปอร์เซ็นต์ ก็คือเพิ่มจาก 45.42 มาเป็น 63.99 เปอร์เซ็นต์ โดยรวมแล้ว ฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาล ผ่านไปสามปี จากปี 2562 มาถึง 2565 ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลมีคะแนนเพิ่มขึ้น 3 แสนคะแนน ส่วนที่เพิ่มขึ้นคิดเป็นประมาณ 18.57-19 เปอร์เซ็นต์


ในทางตรงกันข้าม ฐานเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคพลังประชารัฐ เดิมทีมีคะแนนอยู่ 1.2 ล้านคะแนน 40.84 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคะแนนประมาณ 1.2 ล้านคน ในกรุงเทพฯ คนกลุ่มนี้เป็นมาตั้งแต่เลือกตั้งทั่วไป ตั้งแต่ปี 2554 แล้ว และการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในปี 2556 รวมถึง 2562 ไม่เคยมีคะแนนต่ำกว่านี้เลย แต่เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 2565 นี้ คะแนนของคุณสุชัชวีร์ คุณสกลธี คุณอัศวิน คุณรสนา รวมกันได้แค่ 779,072 หรือประมาณ 29 เปอร์เซ็นต์ คือพูดง่ายๆ ว่าคะแนนหายไปตั้ง 487,000 คะแนน เป็นสัดส่วนที่ลดลงไป 11.76 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต่อให้รวมกันทั้งหมด ให้เป็นหมวดยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ก็คือ มุกที่ใช้ว่า "ไม่เลือกเรา เขามาแน่" รวมกันหมดแล้วก็ยังแพ้ ชัชชาติ อยู่ดี ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าใครต้องสั่งการเลย

เพราะฉะนั้น ประเด็นที่ผมจะสรุป เมื่อเปรียบเทียบจะเห็นได้ว่า ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลลุงตู่ มีคะแนนเพิ่มขึ้น 3 แสนคนะแนน ฝ่ายเดียวที่ยืนข้างรัฐบาล มีคะแนนลดลงถึง 487,000 คะแนน และนี่คือการเปลี่ยนแปลงชนิด สวิงโหวต (Swing Vote) ที่คนในกรุงเทพฯ แสดงออกถึงการเกลียดและเบื่อรัฐบาลลุงตู่ มากกว่าเมื่อสามปีที่แล้วอย่างชัดเจน ข้าวยากหมากแพง ราคาน้ำมัน/แก๊สแพง เศรษฐกิจฝืดเคือง ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ บ้านเมืองเต็มไปด้วยการทุจริต ฉ้อฉล โหนเจ้า อ้างความจงรักภักดีมาปกป้องการทำมาหากินของนักการเมือง และกลุ่มทุนสามานย์ต่างๆ อีกด้วย

คำถามที่น่าคิดต่อมาคือ คะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ กปปส. และ พรรคพลังประชารัฐ หายไปไหนตั้ง 4.8 แสนคะแนน ? ผมวิเคราะห์อย่างนี้ครับ

ที่หายไปคือ หนึ่ง คนที่เบื่อและเกลียดรัฐบาล หันไปเลือก ชัชชาติ และ พรรคก้าวไกล มากขึ้น คือเขาไม่จำเป็นที่จะต้องรักชัชชาติ หรือเขาไม่จำเป็นที่จะต้องรักพรรคก้าวไกล แต่เขาเกลียดและเบื่อรัฐบาล คนที่อยู่ฝ่ายรัฐบาลไม่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะความนิยมรัฐบาลเสื่อมถอยไปมาก หลายๆ คนเบื่อรัฐบาล แต่เป็นฝ่ายรัฐบาล ก็ไม่ออกไปเลย ไม่มีกำลังจะไปสนับสนุนใคร พอเวลาผ่านไปหลายปี คนสูงวัยก็จะเสื่อมชราตามวัยมากขึ้น บางคนอาจจะป่วย หรือไม่เสี่ยงออกนอกบ้าน

ท่านผู้ชมครับ นอกจากกระแสได้แสดงถึงประชาชนย้ายข้าง จากที่เคยสนับสนุนรัฐบาลลุงตู่ และหันไปสนับสนุน คุณชัชชาติ แล้ว คุณชัชชาติ ยังได้แนวร่วมคนกลางๆ ไปมากขึ้นอีกด้วย ถือว่าเป็นการตกต่ำอย่างมากของฐานเสียงที่เคยสนับสนุนรัฐบาล เอาล่ะ เรามาถอดรหัสนิดหนึ่ง

ประการที่สอง พอเรามาถอดรหัสผลการเลือกตั้ง ส.ก. หรือ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ตามติดสูสีเพื่อไทย ส่วนฝ่ายรัฐบาลนั้นพ่ายยับเลย ส.ก. เพื่อไทย ได้ 20 ที่นั่ง ก้าวไกล ได้ 14 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์ ได้แค่ 9 ที่นั่ง อิสระได้ 3 ที่นั่ง พลังประชารัฐ ได้ 2 ที่นั่ง ไทยสร้างไทย ของคุณหญิงหน่อย ได้ 2 ที่นั่ง


ถึงแม้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคก้าวไกล ไม่ได้มีส้มหล่นเหมือนปี 2562 ที่พรรคไทยรักษาชาติ ถูกยุบพรรคไปเลย คุณวิโรจน์ แห่งพรรคก้าวไกล มีคะแนนลดลงจากพรรคอนาคตใหม่ ปี 2562 ไม่ได้เพิ่มนะ ลดลงนะ เคยได้ 25.93 แต่กลับลดลงเหลือเพียง 9.48 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นเอง หมายความว่าอะไร ? หมายความว่าคะแนนของคุณชัชชาติ สูงกว่าคุณวิโรจน์ ถึง 5 เท่าตัว แต่เมื่อพิจารณาที่จำนวนและคะแนนการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร จะเห็นได้ว่า พรรคเพื่อไทย 20 ที่นั่ง จาก 80 ที่นั่ง 40 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้มากเกินครึ่งเหมือนการเลือกตั้งทั่ว กทม. ในขณะที่พรรคก้าวไกล ได้ 14 ที่นั่ง 28 เปอร์เซ็นต์ ก็แสดงให้เห็นว่ามีสัดส่วนห่างกันตั้งครึ่งหนึ่ง ต่างกับการเลือกผู้ว่าฯ ซึ่งห่างกัน 5 เท่าตัว หรือ 500 เปอร์เซ็นต์ แสดงว่ามีคนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล ยอมหันกลับไปเลือกคุณชัชชาติ อาจจะเป็นเพราะว่าบุคลิกของคุณชัชชาติ น่าจะดูดีกว่าคุณวิโรจน์ มาก

คุณวิโรจน์ ได้คะแนนเลือกตั้งที่ 253,851 คะแนน 9.64 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อพิจารณาจากฐานเสียงในพื้นที่ ซึ่งสมาชิก ส.ก. พรรคก้าวไกล แพ้ ปรากฏว่าน่าสนใจมาก พรรคก้าวไกล ทุกที่ๆ แพ้ ก้าวมาเป็นอันดับสองทั้งสิ้น แสดงว่าจะมีคนเลือกคุณชัชชาติ มากถึง 230,000 คะแนน แต่พอกลับมาเลือก ส.ก. ก็กลับมาเลือกพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคที่ตัวเองชอบ แต่พอเป็นผู้ว่าฯ แล้ว ไม่ชอบวิโรจน์ กลับไปชอบคุณชัชชาติ

เรามาดูคุณศิธา ทิวารี คะแนนลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ได้ 73,720 คะแนน หรือ 2.80 เปอร์เซ็นต์ การเลือกตั้ง ส.ก. พรรคไทยสร้างไทย ได้ 2 คน ได้คะแนนรวม ส.ก. 50 เขต 236,807 คะแนน คิดเป็น 8.98 เปอร์เซ็นต์ แสดงว่ากลุ่มนี้หันไปเลือกชัชชาติ 162,000 คน แต่พอเลือก ส.ก. ก็กลับไปเลือกพรรคไทยสร้างไทย เช่นกัน


แสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ คุณชัชชาติ กระแสฟีเวอร์สูงมาก และมีคนกลางๆ หรือมีใจให้พรรคการเมืองของตัวเอง หันมาเลือกคุณชัชชาติ เหนือความผูกพันของพรรคตัวเอง ถ้ารวมพรรคการเมืองที่ผ่านการเลือกตั้ง ฐานเสียงของ ส.ก. ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล เราจะเห็นได้ว่า คะแนนรวม 50 เขต ของพรรคเพื่อไทย ได้คะแนนไม่ถึง 1 ล้านเสียง ได้แค่ 618,650 คะแนน 23.47 เปอร์เซ็นต์ ส่วนพรรคก้าวไกล ได้ 485,657 คะแนน 18.43 เปอร์เซ็นต์ พรรคไทยสร้างไทย 236,807 คะแนน ได้ 8.98 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งสามพรรค คือฝ่ายที่ต่อต้านค่ายอนุรักษ์นิยม ได้คะแนน 1,341,114 คิดเป็น 50.89 เปอร์เซ็นต์ เกินครึ่ง


ในขณะที่ ส.ก. ฝ่ายรัฐบาล เมื่อไม่มีสกลธี และ รสนา จะพบว่ามีประชากรประมาณ 110,000 คน ที่อาจจะไปเลือกคุณชัชชาติ แต่พอถึงเลือก ส.ก. ฝ่ายรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ และ พรรคประชาธิปัตย์ ก็มีผลว่าประชาธิปัตย์ มีคะแนนเพิ่มจากคุณสุชัชวีร์ 240,000 เสียง มาเป็นคะแนน ส.ก. 50 เขต 348,605 คะแนน 13.03 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับว่าคุณสกลธี + คุณอัศวิน รวมกันได้ 440,000 เสียง 16.65 เปอร์เซ็นต์ แต่ ส.ก. พรรคพลังประชารัฐ 2 คน ส.ก. กลุ่มรักษ์กรุงเทพ (อัศวิน) 2 คน รวมกันได้ลดลงถึง 439,000 เสียง สรุปสุดท้าย ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล คือ พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรคไทยสร้างไทย มีฐานเสียงถึง 50.89 เปอร์เซ็นต์ ชนะฝ่ายรัฐบาลที่รวมพรรคพลังประชารัฐ และ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้แค่ 29.45 เปอร์เซ็นต์


โดยรวม แม้จะตัดกระแสฟีเวอร์คุณชัชชาติ ออกไปแล้ว ฝ่ายค้าน คือ พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ก็ชนะรัฐบาลในกรุงเทพฯ อยู่ดี คือตัดกระแสฟีเวอร์คุณชัชชาติ ออกไปเลย ก็ยังชนะฝ่ายรัฐบาลอยู่ดี

ประการที่สาม พรรคกล้า ของคุณกรณ์ จาติกวณิช และพรรคไทยสร้างไทย ของคุณหญิงหน่อย ยังไม่สามารถที่จะเป็นทางเลือกใหม่ได้


ประการที่สี่ คุณอัศวิน ขวัญเมือง ลงทุนมาก มากที่สุด เงินที่ใช้จ่ายมากที่สุด แต่เสียหายมากที่สุด คุณอัศวิน ถึงแม้จะอ้างตัวเองว่าลงอิสระ แต่ก็รู้กันอยู่แล้วว่ามีการทุ่มเงิน เทเงินหาเสียงอย่างอลังการตั้งแต่วันเปิดตัว คุณอัศวิน อยู่ในอำนาจตั้งหกปี ทำไมไม่แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา ยังไม่นับสารพัดปัญหาที่มีคำถามเยอะมาก โรงไฟฟ้าขยะที่อ่อนนุช ความพยายามที่จะต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ปัญหาการทุจริตในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะช่วงสุดท้าย คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต ฝนตกถล่มอย่างหนักจนน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร


จนทำให้เห็นว่า อยู่มาตั้งหลายปี มีสารพัดโครงการ กลับแก้ปัญหาน้ำท่วมไม่ได้ เรื่องที่น่าขายหน้าที่สุดของคุณอัศวิน คือ รองผู้ว่าฯ กทม. สกลธี มาลงสมัคร และสามารถชนะคุณอัศวิน ได้ ทั้งๆ ที่คุณสกลธี ไม่ได้มีทีมผู้สมัคร ส.ก. ไม่ได้มีคะแนนจัดตั้งเลยแม้แต่นิดเดียว

ประการที่ห้า ฝ่ายทหารเปลี่ยนใจเทคะแนนให้สกลธี เพราะมีคำสั่งมาจากผู้บริหารของรัฐบาล แต่ก็พ่ายเพื่อไทย และก้าวไกล อย่างขาดลอย


ระหว่างที่หาเสียงอยู่ คุณสกลธี ได้แสดงออกว่าเป็นผู้จงรักภักดีต่อสถาบันสำคัญของชาติ ประกอบกับความเสื่อมถอยของคุณอัศวิน ทำให้กลุ่ม กปปส. เดิม เริ่มหันมาเทคะแนนให้คุณสกลธี มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสองวันสุดท้าย กลุ่มพวกโหนเจ้า มีการล็อบบี้ในฝ่ายรัฐบาล ให้ทหารหันมาเทคะแนนให้คุณสกลธี แทน จึงเป็นผลทำให้คุณสกลธี นำคุณอัศวิน โดยเฉพาะเขตพื้นที่ทหาร แต่ในพื้นที่เหล่านี้ก็ยังแพ้คุณชัชชาติ อยู่ดี แต่คุณสกลธี ยังได้ที่สองในบางพื้นที่

คุณสกลธี ได้คะแนน 230,455 เสียง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่ำมาก 8.6 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มที่เทคะแนนกลุ่มนี้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง แพ้ราบคาบ สู้ไม่ได้ ไม่เพียงชัชชาติ เท่านั้น ยังสู้ไม่ได้แม้กระทั่งคุณวิโรจน์ พรรคก้าวไกล แต่สำหรับคุณสกลธี แล้ว ต้องถือว่าประสบผลสำเร็จในแง่ของการที่ในที่สุดแล้วเขามีพื้นที่ยืนในเวทีทางการเมืองให้เป็นที่รู้จัก อาจจะเป็นไปได้ว่าอาจจะมีบทบาทต่อไปในอนาคตข้างหน้า


สำหรับคุณรสนา แม้จะไม่สามารถชนะได้ แต่การได้คะแนนถึง 78,990 เสียง และเป็นลำดับที่ 6 สำหรับผมแล้วถือว่าประสบผลสำเร็จ เพราะอะไร ? เพราะคุณรสนา ใช้เงินน้อยที่สุด คือ 2.5 ล้านบาท น้อยที่สุดในบรรดาผู้สมัคร มีป้ายหาเสียงน้อยที่สุด ถูกบอยคอตจากสื่อมวลชนสายหลัก ได้รับเชิญออกทีวีน้อยมาก ไม่มีผู้สมัคร ส.ก. ซึ่งเป็นคะแนนจัดตั้ง เพราะฉะนั้นแล้ว 78,990 เสียง ของคุณรสนา คือคะแนนบริสุทธิ์ และยังสามารถเอาชนะคุณศิธา ทิวารี พรรคไทยสร้างไทย ที่มีป้ายหาเสียงเต็มเมืองได้

คุณรสนา นำเสนอนโยบายหลายๆ อย่างที่น่าสนใจสู่สาธารณะ ทำให้ผู้สมัครหลายคนเสนอนโยบายเลียนแบบตามในการหาเสียง นี่คือการจุดประกายที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน กทม. ได้ แม้จะไม่ชนะในการเลือกตั้งก็ตาม


การที่คุณรสนา ได้คะแนนแค่ 78,990 เสียงนั้น แม้คะแนนจะไม่มากเหมือนผู้สมัครพรรคใหญ่ หรือมีผู้สมัคร ส.ก. แต่มีคนดีมาสนับนสนุนเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น พ่อท่านสมณโพธิรักษ์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี อาจารย์ประสาท มีแต้ม หมอเขียว อาจารย์เดชา ศิริภัทร คุณประสาร มฤคพิทักษ์ และลืมไม่ได้ก็คือ ผม สนธิ ลิ้มทองกุล จึงถือว่าได้แนวร่วมคนดีที่มาร่วมงานได้ ตรงนี้เป็นฐานเสียงสำคัญของการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนต่อไป และยังคงทำงานภาคประชาชนต่อไปได้ ไม่มีอะไรเสียหาย คุณรสนา มีจุดยืนในการต่อต้านคอร์รัปชัน เมื่อรัฐบาลบริหารประเทศ และ กทม. มานาน ก็ย่อมถูกคุณรสนา วิพากษ์วิจารณ์ผลงานในอดีตของรัฐบาล และ กทม. อย่างหนัก คุณรสนา ก็เลยไม่ใช่ตัวเลือกการเทคะแนนของคนฝ่ายรัฐบาล กปปส. หนังสือพิมพ์/สื่อมวลชน The Nation และ TopNews แต่ฝ่ายคุณชัชชาติ และคุณวิโรจน์ ก็ไม่มีทางจะเลือกคุณรสนา อยู่เช่นกัน เพราะอยู่คนละกลุ่มกัน จึงเป็นสถานการณ์ที่ยากในการหาเสียงอย่างยิ่ง การได้คะแนนถึง 78,990 เสียง ซึ่งเป็นคะแนนพลังบริสุทธิ์จริงๆ ต้องถือว่าใช้ได้เลย

แต่เมื่อชาว กทม. ไม่เลือกคุณรสนา ให้ได้มากพอ คนที่เกลียดรัฐบาลย่อมหันไปเลือกคุณชัชชาติ กับคุณวิโรจน์ เพื่อเอาชนะรัฐบาลชัดๆ ไปเลยดีกว่า

ประการที่เจ็ด ประชาธิปัตย์มีความหวังจะรีเทิร์น หลังจากความล่มสลายของพลังประชารัฐ แม้ประชาธิปัตย์จะเสื่อมถอยลงอย่างมาก แต่ความเสื่อมถอยยิ่งกว่าของพรรคพลังประชารัฐเป็นโอกาสของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะรอคอยด้วยความหวังว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะคงเหลือประชาธิปัตย์ที่เป็นสถาบันการเมืองเพียงพรรคเดียวที่เหลืออยู่ แต่ความจริงแล้ว มันเป็นความหวังของประชาธิปัตย์ที่หวังแบบลมๆ แล้งๆ เพราะความเสื่อมครั้งนี้เป็นความเสื่อมทั้งองคาพยพของฝ่ายอนุรักษ์นิยม รวมหมด ประชาธิปัตย์อยู่ในนั้นด้วย ที่ไม่ปรับตัวเพื่อประโยชน์ของประชาชนได้มากพอ ก็เลยเตรียมตัวรับการพ่ายแพ้ได้เลย

ท่านผู้ชมครับ ผมจะสรุปสัญญาณเลือกตั้งทั่วไป แลนด์สไลด์ เพื่อไทย ก้าวไกล

ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมา สอดคล้องกับนิด้าโพลก่อนหน้านี้ ที่เคยสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองทั่วประเทศรายไตรมาส ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่าในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา คะแนนนิยม พล.อ.ประยุทธ์ จาก 19.32 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนมิถุนายน 2564 มาถึงมีนาคม หายไปเกือบ 8 เปอร์เซ็นต์ เหลือแค่ 12.67 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นเอง


ขณะที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้คะแนนนิยมแค่ 5.45 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนมิถุนายน 2564 พอมีนาคม 2565 ได้เป็น 13.42 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มมาเกือบ 8 เปอร์เซ็นต์

คุณแพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) มีคะแนนนิยมในเดือนมีนาคม 12.53 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งใกล้เคียงมาก หรือเท่ากับ พล.อ.ประยุทธ์ เลย

ถ้าเราเอาความนิยมของคนที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล คือ นายพิธา 13.42 เปอร์เซ็นต์ น.ส.แพทองธาร 12.53 เปอร์เซ็นต์ คุณหญิงสุดารัตน์ 8.22 เปอร์เซ็นต์ รวมกันแล้ว ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลมีคะแนนนิยมถึง 34.17 เปอร์เซ็นต์ มากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมีอยู่แค่ 12.67 เปอร์เซ็นต์ ถึงสองเท่าครึ่ง

ท่านผู้ชมครับ ข้อเท็จจริงดังกล่าวสอดคล้องไปกับการสำรวจของนิด้าโพลในเรื่องความนิยมต่อพรรคการเมือง ในวาระเดียวกัน เดือนมีนาคม 2565 ของพรรคพลังประชารัฐ 7.03 เปอร์เซ็นต์ พรรคประชาธิปัตย์ 7.97 เปอร์เซ็นต์ รวมกันได้แค่ 15 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทย 25.89 เปอร์เซ็นต์ พรรคก้าวไกล 16.24 เปอร์เซ็นต์ พรรคเพื่อไทย และก้าวไกล รวมกันแล้วได้ 45.13 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับคะแนนนิยมของรัฐบาลที่มีเพียง 15 เปอร์เซ็นต์ เรียกได้ว่าต่างกันถึง 27 เปอร์เซ็นต์ เกือบสองเท่าตัว


ก็เลยถามว่า ถ้าเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าที่อาจจะเกิดขึ้นช่วงปลายปี 2565 หรือต้นปี 2566 มันจะไม่เกิดภาวะ "แลนด์สไลด์" ได้อย่างไร คุณไพบูลย์ นิติตะวัน ครับ ที่คุณเคยบอกไม่มี คุณไพบูลย์ ฟังคำพูดผมแล้วลองวิเคราะห์ดู โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ที่คนเห็นว่า 2562 เป็นยุคที่ตกต่ำที่สุด เพราะการเลือกตั้งคราวนั้นไม่ได้ ส.ส. เลยแม้แต่คนเดียว แต่ยังมีฐานเสียงในกรุงเทพฯ อยู่ที่ 15.31 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 4 แสน 7 หมื่นกว่าเสียง หลายคนเชื่อว่าคุณสุชัชวีร์ น่าจะทำให้มีคะแนนนิยมในพรรคประชาธิปัตย์เพิ่มขึ้น แต่การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ปี 2565 กลับพบว่า คุณสุชัชวีร์ เหลือแค่ 254,000 คะแนน หรือ 9.51 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับว่าพรรคประชาธิปัตย์ คะแนนเมื่อเทียบกับปี 2562 หายไปอีก 2 แสน 2 หมื่นกว่าคะแนน


ท่านผู้ชมครับ ผลการสำรวจอันเสมือนเป็นสัญญาณเตือนจากนิด้าโพลนั้น อาจจะไม่ค่อยถูกอกถูกใจ พล.อ.ประยุทธ์ หรือติ่งลุงตู่ มากเท่าไรนัก แต่อย่างที่ผมเคยบอกไปแล้วหลายครั้งหลายหนว่า ในบรรดาโพลทั้งหมดในประเทศไทยนั้น ผมเชื่อ "นิด้าโพล" มากที่สุด เพราะมีความเป็นกลางทางการเมือง และมีความแม่นยำมาก

เพราะฉะนั้นแล้ว เราสามารถสรุปแบบฟันธงไปได้เลยว่า ถ้าสถานการณ์ดำเนินไปเช่นนี้ต่อไป จนถึงการเลือกตั้งในปีนี้ หรือปีหน้า ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสำคัญของประเทศอย่างแน่นอน และสถานการณ์ต่างๆ ที่ดำเนินมาถึงวันนี้สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการบริหารงานของรัฐบาล

ท่านผู้ชมครับ ผมไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ท่านแกล้งโง่ หรือโง่จริงๆ หรือไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากผลการเลือกตั้งที่กรุงเทพมหานคร ท่านผู้ชม วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม ไม่ได้มีเฉพาะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. ในกรุงเทพมหานคร แต่ยังมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเมืองพัทยา และนายกเมืองพัทยา ด้วย


พัทยา มีอยู่ 4 เขต 146 หน่วย มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา 78,415 คน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาเมืองพัทยา 78,174 คน ปรากฏว่า วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2565 ผลการนับคะแนนนายกเมืองพัทยา และเลือกตั้งสมาชิกสภาเมืองพัทยา อย่างไม่เป็นทางการ ออกมาชัดเจนว่า ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเมืองพัทยา คือ คุณปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้สมัครหมายเลข 1 กลุ่มเรารักพัทยา นี่คือกลุ่มบ้านใหญ่ ได้รับการสนับสนุนจากคุณสนธยา คุณปลื้ม ได้ 14,435 คะแนน อันดับสอง คุณสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร ได้ 12,559 คะแนน อันดับสาม คุณกิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฒชัย ได้ 8,798 คะแนน


ท่านผู้ชมครับ การเลือกตั้งที่พัทยามันสะท้อนเรื่องอะไร ? มันไปสะท้อนสิ่งที่ท่านนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ พูด และท่านไม่ยอมรับความจริง เพราะว่าเสี่ยเฮ้ง หรือ สุชาติ ชมกลิ่น มีความแตกหักกับนายสนธยา คุณปลื้ม โดยถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศหักหลัง ส่งคนเข้ามาทาบรัศมีเพื่อชิงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา แล้วก็ตัดสินใจที่จะโค่นล้มบ้านใหญ่ในการหาเสียงเลือกตั้งงวดต่อไปที่ จ.ชลบุรี เพราะฉะนั้นแล้ว พูดได้เลยว่า สุชาติ ชมกลิ่น ก็คือเป็นตัวแทนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ปรากฏว่าคนที่คุณสุชาติ ชมกลิ่น สนับสนุนนั้นพ่ายแพ้บ้านใหญ่

อีกเรื่้องหนึ่งที่ผมคิดว่าจำเป็นจะต้องพูด ไม่พูดไม่ได้ เพราะว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ใครก็ตามที่พยายามจะบอกว่าเป็นเรื่องของคุณชัชชาติ ส่วนตัว เป็นกระแสชัชชาติ ไม่ได้เกี่ยวกับกระแส พล.อ.ประยุทธ์ นั้น น่าจะเข้าใจอะไรผิดหลายอย่าง เพราะผลการเลือกตั้งกรุงเทพมหานครนั้นได้สั่นสะเทือนไปหมดทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายการเมือง ผมเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็สั่นสะเทือนมากๆ คำถามมีอยู่อย่างนี้ คำถามมีอยู่ว่า เหตุการณ์ล่าสุดที่ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ลาออกจากหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย และกรรมการบริหารออกด้วย แล้วทิ้งให้ ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นผู้จัดการพรรคเศรษฐกิจไทย งานนี้เป็นงานที่เล่นกันที่จะให้ พล.อ.วิชญ์ ออกไป เพื่อจะได้ไม่แปดเปื้อนข้อกล่าวหาว่ารับงาน พล.อ.ประวิตร มา เพื่อโค่นล้ม พล.อ.ประยุทธ์ หรือเปล่า สู้ปล่อยให้ธรรมนัส เป็นคนชักดาบและฟาดฟัน พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยคะแนนเสียงของ ส.ส. พรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะมีผลอย่างมากในการโค่นล้ม พล.อ.ประยุทธ์ ได้ในสภาฯ


ท่านผู้ชมครับ การเมืองเมืองไทยในขณะนี้มาถึงทางตัน ไม่ใช่ตันนะ แต่ไม่มีที่ไป สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ท่านครับ เวลานี้ท่านเหมือนจะฝืนยิ้ม หน้าชื่นอกตรม ไม่ว่าจะผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หรือสถานการณ์การเมืองในพรรค ทั้งพลังประชารัฐ และเศรษฐกิจไทย แต่ผมรู้ว่าท่านปวดหัวใจมากเรื่องชัยชนะของคุณชัชชาติ ท่านนายกฯ ครับ แต่ท่านนายกฯ ต้องเก็บอาการเอาไว้ เขายังไม่ทันจะเริ่มงานอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ท่านออกอาการย้อนแย้ง ท่านพูดจากระแนะกระแหนเขา ท่านเริ่มด้วยการบอกว่าผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. กับ ส.ก. เป็นเรื่องแค่จังหวัดๆ เดียว ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรัฐบาล ที่ไม่ได้เกี่ยวกับนายกฯ ซึ่งมีเรื่องของจังหวัดอีก 76 จังหวัด ท่านไม่พูดคำพูดนี้ ไม่มีใครเขาว่าท่านเป็นใบ้หรอก เมื่อนักข่าวเขาถามท่านถึงเรื่องคุณชัชชาติ ท่านก็ตอบไปสั้นๆ ก็ได้ว่าท่านขอแสดงความยินดีด้วย ดีแล้วที่้ประชาชนให้การสนับสนุนตั้ง 1 ล้าน 3 แสนคน ผมหวังว่าคุณชัชชาติ คงจะได้ทำตามที่คุณชัชชาติ ได้พูดเอาไว้ และประชาชนก็พอใจในผลงาน ผมให้กำลังใจครับ พูดแค่นี้ก็จบแล้ว แค่นี้ท่านพูดไม่เป็นใช่ไหม เพราะอะไร ท่านแค้นใช่ไหม ท่านเจ็บใจใช่ไหม ท่านนึกไม่ถึง เพราะคนที่ท่านวางตัวไว้คือ อัศวิน ขวัญเมือง ท่านอุตส่าห์ลงไปช่วยเขาหาเสียงอย่างเนียนๆ ร้อยวันพันปีท่านไม่เคยไปเดินคลองโอ่งอ่าง แต่เพื่ออัศวิน ขวัญเมือง ท่านก็เดินไป ผมได้ข่าวว่ามีคนในกระทรวงกลาโหมถึงกับสั่งค่ายทหารให้ลงคะแนนให้กับ อัศวิน ขวัญเมือง ต่อมาพลิกกลายเป็น สกลธี แทน

ท่านนายกฯ ครับ จู่ๆ ท่านก็มาบอกว่า 214 นโยบายชัชชาติ ถ้าทำได้ ก็มีอำนาจมากกว่านายกฯ แล้ว ท่านนายกฯ ครับ นโยบายท่านไปว่าชัชชาติ เขา นโยบายพรรคพลังประชารัฐ หรือนโยบายที่ท่านมอบเอาไว้ให้กับคนไทย ให้กับรัฐบาล ท่านมีกี่นโยบายที่ท่านทำได้ ที่ผมเห็น การปฏิรูปแต่ละเรื่องไม่มีสำเร็จเลยแม้แต่เรื่องเดียว และเวลามันก็แปดปีแล้ว ท่านไม่อายบ้างหรือ จู่ๆ ท่านก็ไปยุ่งกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว มาคุยกันนะ เปลี่ยนผู้ว่าฯ กทม. แล้ว ฝากท่านแก้ไขด้วย


 ท่านนายกฯ ครับ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของผู้ว่าฯ กทม. ท่านไม่ต้องบอกให้เขามาคุยกับท่าน ดูเขาจัดการว่าเขาจะทำอย่างไร ท่านไปพูดอย่างนี้เหมือนท่านกำลังแทรกแซง ใช้ความเป็นนายกรัฐมนตรีเข้ามาแทรกแซง มาคุยกัน เดี๋ยวมาถกกัน มีอะไรมาพูดกัน แล้วยังมีกระทรวงคมนาคมอีก ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับรถไฟฟ้าสายสีเขียว ท่านไปยุ่งกับเขาทำไม รถไฟฟ้าสายสีเขียว เป็นหน้าที่ กทม. ท่านกระโดดงับเลย เหมือนท่านกำลังบอกว่า เฮ้ย ต้องมาคุย ท่านนายกฯ รถไฟสายสีเขียว ท่านต้องคุยกับศักดิ์สยาม พรรคภูมิใจไทย เสียก่อน ไม่ใช่ว่าท่านมาสั่งชัชชาติ ให้มาคุยกัน ท่านพูดยกตนข่มท่านตลอดเวลา

ท่านผู้ชมครับ ท่านนายกฯ ครับ คุณชัชชาติ ยังไม่ได้ไปนั่งทำงานเลย ท่านก็ออกคำสั่งแล้ว เฮ้ย มานั่งคุยกันนะเรื่องนี้ เฮ้ย 214 นโยบาย จะทำได้หรือเปล่า ถ้าทำได้คุณก็เหนือกว่านายกฯ แล้ว ท่านนายกฯ ยิ่งท่านพูดเยอะ ท่านยิ่งเสีย ยิ่งเสื่อมลงทุกวัน พูดไปเรื่อยเปื่อย ยิ่งบ่งบอกทัศนคติเชิงลบ ท่านไม่เข้าใจประชาชน ท่านไม่เข้าใจความรู้สึกคนไทย เอาล่ะ ท่านไม่เข้าใจเลยหรือว่าคนกรุงเทพฯ เขาไม่เอาท่านแเล้ว 1 ล้าน 3 แสนคน เพราะถ้าเขาเอาท่าน อัศวิน ขวัญเมือง ก็ต้องได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. แล้ว ท่านต้องยอมรับตรงนี้ไป ก็จริงอยู่ กรุงเทพมหานครมันไม่ใช่ประเทศไทยทั้งประเทศ ผมรู้ท่านนายกฯ ว่าท่านเครียด แต่ท่านก็พยายามแสดงออกว่าท่านไม่สนใจ ผมรู้ว่าท่านทนไม่ได้ที่ชัชชาติ ได้คะแนนเยอะ สูงเป็นประวัติการณ์ 1,386,215 เสียง ท่านนายกฯ ท่านไปแค้นเขาทำไม ทำไมท่านไม่ลงแข่งกับเขาล่ะ ก็ท่านไม่ยอมลงเลือกตั้งไง แน่จริงท่านลงแข่งกับเขาสิ ที่ไหนก็ได้ เอาไหม ท่านมาลงแข่งกับชัชชาติ ในกรุงเทพมหานคร เอาไหมล่ะ ผมว่าท่านก็แพ้เขา เพราะวันนี้คนไม่เอาท่านเยอะมาก เหมือนอย่างที่ผมวิเคราะห์ในเรื่องการเลือกตั้ง


พออัศวิน แพ้ ท่านก็บอกว่าอัศวิน ลงในนามอิสระ ไม่ได้มีตัวแทนฝั่งท่านลงเลือกตั้ง แต่ผมได้ข่าวว่า อัศวิน ขวัญเมือง กำลังจะไปเข้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่หรือ หรือพรรคไทยภักดี ซึ่งเป็นคนที่สนับสนุนท่าน อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเขาเชื่อว่าอัศวิน เป็นอิสระ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าท่านลงไปช่วยเขา แต่! ท่านนายกฯ ครับ ทำตัวให้เป็นนายกรัฐมนตรีหน่อยได้ไหม อย่าเจ้าอารมณ์ ที่ผมคิดว่าไม่ยุติธรรมกับคุณชัชชาติ คือ เขายังไม่ได้ทำงานอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ท่านก็พูดแซะเขาไปเรื่อยๆ ลึกๆ แล้วท่านเจ็บใจใช่ไหมที่ชัชชาติ ได้ถึง 1,386,215 เสียง ผมอยากให้ท่านนายกฯ ตัดสินใจเสียที ลงมาสมัครรับเลือกตั้งเสียหน่อยได้ไหม อย่างน้อยที่สุด ประกาศเลยว่า พร้อมจะอยู่พรรคพลังประชารัฐ เป็นปาร์ตี้ลิสต์หมายเลข 1 เอาเสียหน่อยได้ไหมท่านนายกฯ ท่านอย่าเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง

ท่านนายกฯ ครับ เชื่อผมสิ ลงมาเข้าสู่สมรภูมิได้แล้ว ท่านทำตัวลอยไปลอยมาเหมือนเทพเทวดามาแปดปีแล้ว

ท่านผู้ชมครับ หลังจากที่ผมออกรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" วันศุกร์ที่แล้ว ศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2565 ผมพูดถึงเรื่องความขัดแย้งในแม่น้ำโขง และปฏิญญาซานย่า ที่เกี่ยวโยงไปกับบทสรุปในแถลงการณ์การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. คลิปสั้นดังกล่าวในยูทูบ เฟซบุ๊ก มีคนเข้ามาชมหลายแสนคน ปรากฏว่าหลังจากที่ผมออกรายการแล้ว ทางกระทรวงการต่างประเทศ คือ นายดอน ปรมัตถ์วินัย ซึ่งดูรายการนี้ตลอด


ก็ได้ให้อธิบดีกรมสารนิเทศเจ้าเก่า ธานี แสงรัตน์ ผมนี่เบื่อ ผมขี้เกียจทะเลาะกับคุณธานี แสงรัตน์ เพราะผมเข้าใจเขา ว่าเขารับคำสั่งของนายเขามา ออกมาแถลงโดยกล่าวอ้างหลักๆ ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งพยายามนำเสนอข่าวสารข้อมูลที่บิดเบือน โดยเขาบอกว่า ปฏิญญาซานย่า ได้มีการประชุมกันวันที่ 23 มีนาคม โดยไม่ต้องมีการลงนาม โดยประเทศไทยก็รับรองปฏิญญาซานย่า เสร็จเรียบร้อยแล้ว เนื้อหาของปฏิญญาซานย่าเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองก่อตั้ง MLC เน้นความร่วมมือใน 3 เสา การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม สาขาความร่วมมือ 5 สาขา ความเชื่อมโยงความร่วมมืออุตสาหกรรม ความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดน การจัดการทรัพยากรน้ำ การเกษตร และการลดความยากจน


ท่านผู้ชมครับ เขาก็เล่าให้ฟังว่า ต่อมาหลังจากประชุมปฏิญญาซานย่าแล้ว ก็ได้มีการประชุมผู้นำปฏิญญาแม่น้ำโขง ครั้งที่ 2 ที่กรุงพนมเปญ เพื่อรับรองแผนปฏิบัติการ 5 ปี (2018-2022) ระบุแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือทั้ง 3 เสา ที่ผมเล่าให้ฟัง เศรษฐกิจ สังคม การเมือง และสาขาความร่วมมือ 5 สาขา คือ ความเชื่อมโยงความร่วมมือทางอุตสาหกรรม ความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดน การจัดการทรัพยากรน้ำ การเกษตร และการลดความยากจน ให้เกิดเป็นรูปธรรม


คุณธานี พูดบอกว่า ไทยได้ติดตาม มีส่วนร่วมโดยแข็งขันมาตลอด โดยความร่วมมือไม่ได้มีผลกระทบต่อบูรณาการแห่งดินแดนของประเทศหนึ่งประเทศใดตามที่มีการบิดเบือนให้สาธารณชนเข้าใจผิด คุณธานี พูดต่อ พูดอย่างภูมิอกภูมิใจว่า ตอนนี้ได้มีการมีส่วนร่วมของประเทศต่างๆ ที่เข้ามาร่วมในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง แล้วคุณธานี ยังชี้แจงว่า ในปี 2562 ประเด็นการขุดลอกเกาะแก่งในแม่น้ำโขง ปรับปรุงร่องน้ำ เป็นข้อเสนอที่ได้รับการผลักดันจริงเพื่อที่จะดำเนินการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำล้านช้าง แม่น้ำโขง แต่คุณธานี อ้างว่าภาคประชาสังคมไทยและประชาชนในพื้นที่จำนวนมากแสดงความไม่เห็นด้วย

เพราะฉะนั้นแล้ว คุณธานี ก็เลยชี้แจงต่อว่า 4 กุมภาพันธ์ 2563 คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบให้ยุติการดำเนินโครงการปรับปรุงร่องน้ำการเดินเรือในแม่น้ำล้านช้างและแม่น้ำโขง เนื่องจากห่วงกังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คือผลกระทบว่าปลาจะไม่มาวางไข่ สังคม วิถีชีวิต วิถีชีวิตจะเป็นอย่างไร มันก็คือลำน้ำโขงเหมือนเดิมนั่นล่ะ จะไปกระทบวิถีชีวิตได้อย่างไร เพียงแต่น้ำมันลึกขึ้น เรือวิ่งได้มากขึ้น ไม่ใช่เห็นแต่ดินเห็นแต่ทราย อธิปไตย วัฒนธรรม เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ได้มีการหยิบเรื่องการปรับปรุงร่องน้ำ


ท่านผู้ชมครับ คุณธานี ครับ ตรงนี้ต่างหากที่อีก 5 ประเทศที่เขารอคุณเซ็นแผนปฏิบัติการ แล้วคุณไม่ยอมเซ็น ประเทศไทยไม่ยอมเซ็น เขาก็เลยพัฒนาร่องน้ำ แหล่งน้ำของเขาเองโดยที่ไม่ก้ามข้ามมาทางฝั่งไทยเลย และนี่คือโอกาสที่ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาส คุณธานีครับ ข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างนี้ ฉะนั้นเรือที่วิ่งทางฝั่งที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ของไทย ก็วิ่งได้ ท่าเรือที่อยู่ในฝั่งไทยก็กลายเป็นท่าเรือรับจ้าง ส่งคนข้ามคลอง ข้ามแม่น้ำ ส่วนของเขาคือท่าเรือที่รองรับเรือพาณิชย์ แล้วคุณธานี ยังมาคุยโม้โอ้อวดว่า ประเทศไทยตอนนี้มีหลายประเทศ กรอบจัดตั้งระหว่างประเทศลุ่มแม่น้ำโขงด้วยกันเอง มีกลุ่ม Mekong-U.S. Partnership ความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับเกาหลีใต้ (Mekong-ROK Cooperation) ความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-คงคา. Mekong-Ganga Cooperation (MGC) ความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น (Mekong-Japan) โดยอ้างว่าทั้งหมดนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม สนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนายั่งยืนของอนุภูมิภาค

ท่านผู้ชมครับ คุณธานีครับ ผมเคยพูดเรื่องของคุณธานี แสงรัตน์ ไปแล้วว่า คุณธานี เป็นอธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาโต้แก้ตัวคุณดอน ทุกเรื่อง แถวบ้านผมเขาเรียกคนลักษณะแบบคุณว่า โหน่วเกี้ย ภาษาแต้จิ๋ว เขาเรียกว่าเด็กน้อย คุณอาจจะนั่งตากแอร์ในห้องมากเกินไป ไม่ได้ลงไปดูสถานที่จริง สถานการณ์จริงเลยว่าเรื่องจริงๆ เขาเป็นอย่างไร ทีเรื่องเบื้องหลังของคุณพอลลีน - พรพิมล กาญจนลักษณ์ ผมไม่เห็นคุณตอบอะไรเลย คุณธานี ที่ผมตั้งคำถามว่า คุณเอาอดีตคนที่ต้องหาคดี และโดนศาลพิพากษาแล้ว มานั่งเป็นที่ปรึกษาพิเศษกระทรวงการต่างประเทศ คุณทำได้อย่างไร ทั้งคุณดอน ทั้งคุณธานี ทำไมคุณไม่ตอบครับ ?


สิ่งที่ผมพูดเกี่ยวกับประเด็นปัญหาเรื่องปฏิญญาซานย่านั้น ไม่ใช่เรื่องผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 1 ที่เมืองซานย่า มณฑลไหหลำ แต่ผมพูดถึงแผนปฏิบัติการลุ่มแม่น้ำโขงตามปฏิญญาซานย่า ที่กรุงพนมเปญ ในเดือนมกราคม 2561 ไปฟังผมพูดใหม่ดีกว่า ผมยังยืนยัน ผมยกตัวอย่าง 3-4 ประโยคสั้นๆ ผมพูดว่า การกำหนดลงนามเพื่อเป็นแผนปฏิบัติการลุ่มแม่น้ำโขงตามปฏิญญาซานย่าที่กัมพูชา ซึ่งเป็นรายละเอียดการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงให้เป็นไปตามปฏิญญาซานย่าที่ไหหลำ ปรากฏว่าประเทศไทยเบี้ยว ไม่ยอมลงนามในแผนปฏิบัติการนี้ เนื่องจากมี 3 หน่วยงานรายงาน นี่คือหลักฐาน ถึงรัฐบาลว่าการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงจะทำให้การค้าขายหนีภาษี ทำให้การผลิตยาเสพติดแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลที่โคตรจะเหลวไหลเลย แต่คุณธานี กลับมาบอกว่าที่ไม่เซ็นก็เพราะปัญหาเรื่องประชาสังคม เรื่องประชาคม เรื่องชาวบ้านไม่เห็นด้วย เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่หน่วยงาน 3 หน่วยงานที่รายงานรัฐบาล มันบอกว่าถ้าเซ็นไปแล้วจะทำให้การค้ายาเสพติดสูงขึ้น มีอาชญากรรมมากขึ้น มันคนละเรื่องกับที่คุณอ้างเลย คุณธานี ผมไม่รู้ว่าใครตอแหลใครนะ

ท่านผู้ชมครับ คุณธานีครับ ผมไม่ได้ฟังข่าวเรื่องนี้อย่างเดียว ผมเช็กกับแหล่งข่าวความมั่นคง ตำรวจ ทหาร ผมส่งนักข่าวไปลงพื้นที่ เช็กกับพ่อค้า หอการค้า ชาวบ้าน ที่คุณอ้างว่าประชาชนไม่เห็นด้วย ผมไปเช็กมาหมดแล้ว เจ้าของเรือที่แล่นอยู่ในแม่น้ำโขง คุณธานี คุณลองย้อนไปดูสกู๊ปข่าว 2 ตอน เรื่อง "เมื่อไทยเบี้ยวปฏิญญาแม่น้ำโขง" ซึ่งผมพูดตั้งแต่กรกฎาคม 2564 ปีที่แล้ว


ผมเล่าให้ฟังว่า ยกตัวอย่าง ตำรวจน้ำที่เขาดูแลบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ลาดตระเวนบนลำน้ำโขง เขาเล่าให้ฟังว่าเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ตำรวจน้ำจีนซึ่งดำเนินการลาดตระเวนลำน้ำโขงเพื่อป้องกันการขนส่งยาเสพติด สินค้าเถื่อน การปล้นชิง อันเป็นผลจากมีคดีใหญ่ คุณธานี คุณจำได้หรือเปล่า ถ้าคุณจำไม่ได้ผมจะเตือนความจำคุณ

2555 มีนายหน่อคำ ฆ่าล้างโคตรลูกเรือจีน 13 ศพ นายหน่อคำ เป็นพ่อค้ายาพม่า ตำรวจจีนมาสืบสวนในที่สุดก็สามารถจับนายหน่อคำ ได้ เพราะฉะนั้นจีนก็เลยมีเรือที่ล่องมาตามลำน้ำโขงเพื่อดูว่ามีการค้ายาเสพติด แล้วจะเป็นอันตรายต่อลูกเรือจีนอย่างที่นายหน่อคำ ทำหรือเปล่า


คุณธานี ครับ เรือตำรวจน้ำจีนแค่ขอแวะมาจอดเติมน้ำมันและซื้อเสบียงบนฝั่งไทย แล้วคุณธานี รู้ไหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไม่อนุญาต เกรงว่าจะกระทบความมั่นคง นี่ เขามาขอเติมน้ำมันนะ คุณเกรงเรื่องความมั่นคง คุณธานี เขามาขอเติมน้ำมัน ซื้อของขึ้นเรือ คุณอ้างว่าเกรงจะกระทบความมั่นคง แต่คุณให้สหรัฐอเมริกาฝึก COBRA GOLD ยกทหารมาเป็นพันๆ เรือ ขึ้นท่าเรือสัตหีบ เที่ยวพัทยา ให้สิงคโปร์เช่าฐานทัพอากาศ ฝึกบินเป็นสิบๆ ปี คุณยังอนุญาตได้ เขาแค่ขอเติมน้ำมันเรือและซื้อของขึ้นเรือ คุณไม่ให้ บอกว่ากระทบความมั่นคง ทำไมพวกคุณ กระทรวงการต่างประเทศ โคตรจะหน้าไหว้หลังหลอกเลย

เมื่อประมวลข้อมูลทั้งหมด สรุปได้ว่าคุณธานี พวกไทย คือพวกคุณนี่ล่ะ ไม่ได้ให้ความร่วมมือจริงจังกับแผนปฏิบัติการเกี่ยวกับแม่น้ำโขง คุณตอหลดตอแหลอ้างว่าประชาคม NGO ประชาชนไม่เห็นด้วย NGO ก็บอกว่าปลาจะไม่วางไข่ตรงเกาะแก่งที่ถูกทำลายไป แล้วคุณบอกว่าประชาชนไม่เห็นด้วย ผมบอกคุณแล้วว่าผมลงพื้นที่ ประชาชนเขาเห็นด้วย เขายังงงว่าพวกคุณทำไมโง่อย่างนี้ คุณก็รับปากไปอย่างนั้น ปากพูดว่าได้ๆ แต่ไม่ให้ความจริงใจ ไม่ทำอะไรเลย

ท่านผู้ชมครับ ผมจะถามคุณธานี อย่างหนึ่้ง คุณอ้างว่าคุณมีหน่วยงานหลายประเทศเข้ามาร่วมในเรื่องการพัฒนาแม่น้ำโขง มีอเมริกา มีเกาหลีใต้ มีอินเดีย และมีญี่ปุ่น คุณอ้างว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อการส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนุภูมิภาค ผมเอาแผนที่แม่น้ำโขงขึ้นมาให้คุณธานี และท่านผู้ชมดู


ผมถามอีกว่า อเมริกา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย มาเสือกกับแม่น้ำโขงประเด็นไหน ? แม่น้ำโขง สำหรับอเมริกา ไม่ใช่มิสซิสซิปปี แม่น้ำโขง สำหรับเกาหลีใต้ ไม่ใช่แม่น้ำอัน แม่น้ำโขง สำหรับญี่ปุ่น ไม่ใช่ซูริดะ และแม่น้ำโขง ก็ไม่ใช่แม่น้ำสินธุ ในอินเดีย แม่น้ำโขง เกี่ยวพันกับ 6 ประเทศ ไทย จีน พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม ที่ควรจะยุ่งเกี่ยวกับแม่น้ำโขง ถามกลับว่า ถ้าปล่อยให้อเมริกา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินเดีย เข้ามายุ่มย่ามในแม่น้ำโขง อย่างนั้น 5-6 ชาติของอาเซียน เราไปยุ่งเกี่ยวกับแม่น้ำของพวกเขาได้ไหม ? จริงๆ คือไม่ได้ และเราก็ไม่อยากยุ่ง

ท่านผู้ชมครับ คุณธานีครับ นี่คือประเด็นที่ผมต้องการชี้ให้เห็น และอยากสั่งสอนเจ้านายคุณ นายดอน และคุณด้วย ในฐานะเป็นโฆษก กต. ไม่ใช่ว่าเขาอยากให้คุณพูดอะไร คุณก็พูดออกมา ใช้สมองคิด ตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนบ้าง ผมปีนี้ 75 ปีแล้ว คุณธานี น่าจะอายุมากกว่าคุณ 20 ปีได้ แต่ผมจะไม่ใช้ความเป็นอาวุโสมาสอนหรือข่มอะไรคุณ เพราะการที่ผมจะพูดหรือเผยแพร่ข้อมูลอะไร ผมทำการบ้านมารอบด้านแล้ว ผมลงพื้นที่ เช็กแหล่งข่าว ฟังข้อมูลจากหลายภาคส่วน นักข่าวผม ทีมงานข่าวผม มีตั้งหลายคน ไม่ใช่นั่งอยู่ห้องแอร์กินขนม จิบกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ ฟังรายงาน ดู CNN ดู CNBC แล้วออกมาแถลงฉอดๆ เหมือนอย่างพวกคุณ


อ่อ ก่อนจบ ผมจะถามคุณหน่อย ถามจริงๆ คุณธานี คุณออกมาตอบเป็นแถลงการณ์ให้หน่อยได้ไหม คุณช่างเก่งเหลือเกินในการออกมาตอบโต้ผม ผมได้ข่าวมา ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง ผมได้ข่าวมาว่าสถานทูตอเมริกามีเจ้าหน้าที่ที่ใช้ชื่อสถานทูต หรือความเป็นสิทธิของนักการทูตอยู่ 4 พันกว่าคน คนอเมริกัน 4 พันกว่าคน ที่ทำงานอยู่ในสถานทูต มาอยู่ที่เมืองไทย ผมไม่รู้ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ หรืออาจจะใช่ก็ได้ และคุณธานี ตอบผมหน่อยซิ สถานกงสุลอเมริกาที่สร้างอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ที่มันขุดลงไปลึกตั้งไม่รู้กี่สิบเมตร คุณรู้หรือเปล่าว่ามันสร้างอะไรอยู่ คุณก็ไม่กล้าตอบ และที่สำคัญที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือที่ผมพูดไปแล้ว เจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกาทำไมมีตั้ง 4-5 พันคน ถ้าผมจำไม่ผิด คุณธานี ในโลกนี้ ในประเทศที่กำลังจะมีเรื่องอยู่ สถานทูตอเมริกาจะมีเจ้าหน้าที่เยอะจริงๆ เป็นพันๆ คน ไม่ว่าจะเป็นอิรัก ไม่ว่าจะเป็นลิเบีย ไม่ว่าจะเป็นหลายต่อหลายประเทศ หรือว่า ... เมืองไทยกำลังจะมีเรื่องแล้ว อเมริกาถึงส่งคนในคราบของนักการทูตมาเป็นพันๆ คน บางคนก็จะเป็นอดีตทหาร บางคนก็เป็นทหาร บางคนก็เป็น CIA คุณธานีครับ คุณเช็กให้ผมหน่อยได้ไหม แล้วผมเบื่อจริงๆ วันหลังคุณจะมาตอบโต้อะไรผม คุณทำการบ้านมาให้ดีหน่อย ที่สำคัญ คุณอย่ามานั่งอ้างทฤษฎีการทูตเฮงซวยของคุณ ผมถามว่า แม่น้ำโขง มีอยู่ 6 ประเทศ ไทย จีน พม่า เขมร ลาว เวียดนาม มีอยู่แค่นี้เองที่ใช้แม่น้ำโขง คุณมีความสุขนักหรือที่คุณเอาอเมริกามานั่งด้วย ทำอนุภูมิภาค เอาอินเดียมานั่งด้วย คุณเอาเกาหลีใต้มานั่งด้วย คุณเอาญี่ปุ่นมานั่งด้วย เฮ้ย! มาเสือกอะไรในนี้ คุณ กระทรวงการต่างประเทศไทย คุณธานี ผมยังยืนยัน คุณก็คือเอเยนต์ตัวร้ายของอเมริกานั่นเอง

ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่ผมจะเล่าเรื่องของตำรวจเกาหลีใต้สั่งอายัดทรัพย์ และดำเนินคดีกับเจ้าของบิตคอยน์ ที่ชื่อ LUNA Coin ผมอยากจะเล่าเรื่องบางเรื่องให้ฟังนิดหนึ่ง ย้อนหลังไปหน่อย เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตอนที่ 138 ผมพูดเรื่อง "บ่อนดิจิทัล บทเรียนของคนรุ่นใหม่"


ผมพูดไปแล้วก็มีหลายๆ คน คนรุ่นใหม่หลายคนเยาะเย้ยผมว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น วันนี้ผมจะเอาความเห็นที่ผมพูดเรื่องนี้มา แล้วเหตุการณ์หลังจากที่ผมพูดไป คริปโทเคอร์เรนซี การซื้อ-ขายมันพังทลายไปหมดทั่วโลกเลย สูญเสียกันมาก จากบางคนที่เคยเป็นอภิมหาเศรษฐี วันนี้กลายเป็นยาจก ฟังความเห็นของคนที่ส่งมาแล้วกัน จะได้รู้ว่าผมไม่ได้มโนเรื่องนี้

ความเห็นของคุณจุก เขียนว่า "จำได้ว่าช่วงที่คุณสนธิออกคลิปมาเตือน พบมีหลายความเห็นมาคัดคัานในทำนองที่ว่าคุณสนธิไม่รู้จริง ไม่รู้เท่าทันโลกใหม่" (ผมเคยบอกแล้วไง ผมเคยพูดแล้วว่า ที่นายท้อป จิรายุส บอกว่า คริปโทเคอร์เรนซีคือเชื่อมต่อสู่อนาคต ผมถามว่า อนาคตอะไรของคุณ) "ผ่านไปแค่ 2-3 สัปดาห์ เป็นไปตามที่คุณสนธิเตือนทุกอย่าง ไม่อยากพูดว่า ยังไงล่ะ สมน้ำหน้า ไม่ฟังคำเตือน อยากบอกว่าคนที่ผ่านโลกมามากแบบโชกโชนในทุกรูปแบบจนรู้ทันทุกเล่ห์เหลี่ยมของคนทุกระดับ เป็นคนฉลาด มีภูมิความรู้ ถ้าเขาเตือนให้รู้ว่าควรรีบฟังเพื่อตระหนักและให้ระวัง ถือว่าคำเตือนคือขุมทรัพย์ อย่าทะนงตนว่าเป็นคนรุ่นใหม่ เลิศล้ำทางเทคโนโลยี แล้วจะเก่งกว่าคนรุ่นก่อน การเก่งทางลัดคือการฟังเพื่อตระหนักจากคนรุ่นก่อนที่มีประสบการณ์ แต่ต้องเลือกฟังคนที่ทรงภูมิความรู้"

ท่านผู้ชมครับ คุณจุก พูดได้ถูกต้องมาก ผมเป็นคนรุ่นเก่า พอผมพูดเรื่องบิตคอยน์แล้ว ก็เข้ามาด่าผมว่า ลุงแก่แล้ว ไดโนเสาร์ มาไม่ทันหรอก ผมจะบอกอะไรให้รู้อย่าง พวกที่ว่าผม พวกเด็กที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม หรือลูกหลานทั้งหลาย ผมผ่านโลกมา 75 ปี ผมไม่ได้มายืนวันนี้ด้วยโชคช่วย ผมยืนด้วยเลือด น้ำตา เหงื่อของผมทั้งสิ้น ประสบการณ์ชีวิตผม ผมมีหลากหลาย หลายรูปแบบ ผมเป็นคนแรกที่ทำหนังสือพิมพ์ออนไลน์ขึ้นมาผ่านอินเทอร์เน็ต ช่วงที่ผมทำนั้น พวกคุณหลายคนยังไม่เกิด เป็นสัมภเวสี เป็นดวงวิญญาณที่ไหนก็ไม่รู้ และผมพัฒนาตัวผมเองมาตลอด ผมมั่นใจว่าผมเข้าใจโลกดี จริงอยู่ มันมีคนอยู่ไม่น้อยที่แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน แต่คุณต้องเลือกคน ผมไม่ใช่คนที่แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน ผมรู้ตัวผมเองว่าผมเป็นคนโง่ เป็นน้ำที่ยังไม่เต็มแก้ว ผมพยายามเติมน้ำเข้าไปตลอดเวลา

อีกคนหนึ่ง คุณอานนท์ รัตนเบญจกาญจน์ "คริปโตฯ ก่อนหน้าก็ยังมีความหวังเหมือนเล่นไพ่แล้วยังเปิดหน้าไพ่ไม่หมด ได้มีลุ้นตลอด ปัจจุบันเปิดหน้าไพ่เกือบหมดแล้ว รู้ถึงข้อด้อย-ข้อดี (ที่มีเหลืออยู่น้อยนิด) เจ้ามือกินรอบวง ลุกไปตั้งวงใหม่แล้ว ที่เหลือก็มีแต่คนที่โดนกินกันไปแล้วทั่วหน้า หวังว่าจะมีเจ้ามือลงมาเล่นอีก หวังว่าจะมีผู้เล่นใหม่เข้ามาเพิ่ม วงจะได้คึกคัก"

คุณพีพี เขียนมาว่า "ถูกต้องเลยครับคุณสนธิ ผมก็ฟังความคิดและคำเตือนคุณสนธิในวันนั้น"

คุณกานต์ อุษณีย์ "ตอนคุณสนธิเตือน มีแต่ผู้ที่ว่าตัวเองเป็นผู้รู้ ลงคลิป TikTok หัวเราะเยาะคุณสนธิหนักมาก ตอนนี้น่าจะเปลี่ยนเป็นร้องไห้แล้วนะ ไม่ได้ซ้ำเติมนะคะ ดิฉันมีคนมาเล่าถึงผลประโยชน์หลายคนมาก ดิฉันว่าไม่มีเงินที่ไหนได้มาง่ายๆ หรอกค่ะ"

อีกความเห็นหนึ่งของคุณปัทมา เย็นอนงค์ "ขอบคุณคุณลงมากๆ ค่ะที่ออกมาเตือน และนำเสนอข้อมูล โชคดีมากนะคะที่ถอนเงินลงทุนออกมาเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ก็เลยไม่เจ็บตัวเลยค่ะ เพราะฟังคุณลุงเตือน"

คุณปอ พอเพียง "ท่านวิเคราะห์ไว้ถูกต้องที่สุดแล้วครับ เงินทองคือของมายา ข้าวปลาคือของจริง"

คุณนาธาน คริส "อยากให้คุณสนธิชี้แจงว่า ถ้าคุณสนธิมองว่าตลาดคริปโตฯ คือบ่อน แล้วตลาดหุ้นก็คือบ่อนหรือเปล่า เพราะมันมีหุ้นหลายๆ ตัวที่เป็นแบบ LUNA ลงเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ภายในไม่กี่วัน มีหุ้นปั่นมากมาย หรือสิ่งที่เป็นปัญหาไม่ใช่เรื่องคริปโตฯ หรือตลาดหุ้น แต่เป็นการโฆษณาชวนให้คนมาลงทุนแบบออกหน้าออกตาเกินไปของบิทคับ" น่าจะเป็นอันหลังครับ ออกหน้าออกตาเกินไป คุณนาธาน ครับ ผมพูดมาแล้วว่า ตลาดหุ้นก็คือบ่อนการพนันประเภทหนึ่ง แต่ว่าตลาดหุ้นมีกติกาที่กำกับไว้อย่างแน่นหนาพอสมควร ที่ไม่ให้คนที่เข้าไปเล่นตลาดหุ้น พอหุ้นตกมากๆ ต้องเจ๊งทันที แต่อย่างน้อยที่สุด เมื่อคุณซื้อหุ้น คุณมีของอยู่ในมือ คุณซื้อ SCG คุณยังมีหุ้น SCG ซึ่งคุณซื้อในราคาแพง ซึ่งตอนนี้ราคาถูกลงมามากแล้ว แต่มูลค่าของ SCG ก็ยังอยู่ แต่คริปโตฯ มันไม่มี มันก็คือเหรียญๆ หนึ่งซึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้


คุณบี อุตติมา "ท้อป จิรายุส เป็นคนพูดเองว่าคริปโตฯ บิตคอยน์ คือการเก็งกำไร พอเวลาผ่านไป บิทคับ เขาโฆษณาสิบบาาทก็ลงทุนได้ ซะงั้น เหมือนเขาลืมไปว่าเคยพูดอะไร เรียนเยอะเกิน ความรู้ตีกันในหัว 5555"
"คริปโตฯ คือการเก็งกำไร เข้าเร็ว ออกเร็ว ดีกว่า ยิ่งถือนานยิ่งเสี่ยง กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ขาดทุน 99 เปอร์เซ็นต์ ไปแล้ว"

"เชื่อมทุกโอกาสสู่โลกอนาคต ซื้อเหรียญในบิทคับ ราคาและกราฟมันผันผวนสูงมากๆ ต่อวัน จนเข้าข่ายการพนันนั่นล่ะ เจ้าของบิทคับก็รวยเอาๆ เอาค่าต๋ง ค่าธรรมเนียมสุดโหด ทำการตลาดหลอกคนรุ่นใหม่ เก่งมากๆ ฉลาดจริงๆ ครับ"

คุณจอห์น เวก "เด็กแถวบ้านแม่งด่าผมไดโนเสาร์ ไม่ปรับตัว ไม่รู้จักลงทุน ขลิบโต นั่นล่ะคือเส้นทางการออมเงิน นั่นคือเด็กรุ่นใหม่พูด สุดท้ายผมเห็นแม่งเดินออกจากซอย ผมถาม มันบอกว่ารถโดนยึดไปแล้ว ผมไม่ได้ถามคริปโตฯ LUNA ใช่หรือเปล่า แต่คาดว่าใช่ เห็นหน้าแม่งม่อยๆ"

ปล่อยวาง ว่างเปล่า "ทุกอย่างที่คุณสนธิวิเคราะห์ไว้ ทำนายไว้ เป็นเรื่องจริงทั้งหมดครับ"

GINP V "คนไทยมักชอบหลงเชื่อในน้ำคำของฝั่งตะวันตก ชอบหยิบยกคำเปรียบเปรย อย่างเช่น มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ว่า การที่คุณไม่ลองเสี่ยงในอะไรเลย นั่นแปลว่าคุณกำลังเสี่ยงสุดๆ คือกำลังบอกว่า การที่คุณไม่ลงทุนลงแรงไปเสี่ยงดวงนั้น เท่ากับว่าคุณกำลังเสี่ยงที่จะไม่มีกิน พอเจอไอ้มุกสันขวานนี้หยอกเข้าให้แรงๆ คนไทยอย่างเรามีหรือจะนิ่งเฉย ถึงขั้นไปกู้หนี้นอกระบบมาลงกันเลยก็มี หวังว่าจะมีกินมีใช้อย่างคำเปรียบเปรยของชาวตะวันตกที่วางอุบายไว้แล้วนั้น ทีนี้พากันเจ็บปวดถึงขั้นฆ่าตัวตายกันเลยล่ะสิ ต่อข้อถามว่า ไหนล่ะ ไอ้คนที่จะมารับผิดชอบตอนที่มาชวนเขาไปเล่น หายหัวไปไหนแล้ว ไม่เจอแม้แต่เงา ใช่ไหมล่ะ"

Mamy Socute "ของหนู 7,000 บาท ตอนนี้เหลือ 2,685.27 บาท เอายังไงดีคะ จริงๆ ไม่สนใจอะไรเลยค่ะ แต่ปลายปีที่แล้วเราตัดสินใจเล่นเพราะเห็นออกสื่อเยอะมาก ดูว่ามันมั่นคงดี บอกมันเป็นเรื่องของการใช้จ่ายในอนาคต เรากลัวตามโลกไม่ทัน เลยอยากศึกษาไว้ ศึกษาทุกอย่าง ดูกราฟเอย ศึกษาเหรียญเอย แต่ก็ร่วงเอาๆ บางคนบอกใจร่มๆ รอ ฝากเงินในธนาคาร เราก็ไม่ได้เปิดดูสมุดฝากธนาคารทุกวัน ลองใส่ไปสัก 3 ปี ดอกเบี้ยจะดีกว่าธนาคารอื่น"

Cute Bee "ผมอยู่ตลาดหุ้นมาตั้งแต่อายุยี่สิบกว่าๆ เริ่มปี 1987 บทเรียนคือต้องแยกแยะให้ออกระหว่างการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีพื้นฐานจริงๆ กับ สินทรัพย์ราคาขึ้นเพราะสภาพคล่องที่โดนปั่นขึ้นมาโดยไม่มีพื้นฐานรองรับ ครับ บทเรียนของคนเล่นคริปโตฯ ถ้ายืมเงินมาเล่นยิ่งน่าสงสาร"

คุณธวัชเกษม ทรัพย์สำราญ "ผมไม่เชื่อบิทคับครับ แต่ผมเชื่อธนาคารไทยพาณิชย์ โชคช่วย ที่ก่อนลงทุนได้ฟังคุณสนธิพูด ก็เลยเปลี่ยนใจ ขอบคุณครับ"

คุณสุจินต์ มาเนิน "ผม จาก 3 หมื่นบาท เหลือ 5 พันบาทครับ นี่ไงครับ โลกแห่งอนาคต"

ท่านผู้ชมครับ นี่คือความเห็นบางส่วน ซึ่งยังมีอีกเยอะ แล้วก็มาในทำนองเดียวกันหมดเลย ผมคิดว่าคุณท้อป จิรายุส กำลังปั่นหัวประชาชน และให้ข้อมูลที่ผิดพลาด ว่าคริปโตฯ คือสะพานต่อเชื่อมอนาคต ผมยังยืนยันคำพูดผมว่า bitkub ที่อยู่ในประเทศไทยนั้น มันคือบ่อนการพนันที่อยู่ท้ายซอย ไม่มีกติกาใดๆ ทั้งสิ้น มิหนำซ้ำ bitkub ยังได้รับการช่วยเหลือจากคนใน ก.ล.ต. หลายๆ คนที่แอบช่วย รวมทั้งคนใน ก.ล.ต. ที่ลาออกจาก ก.ล.ต. แล้วมาทำงานอยู่กับ bitkub วันหลังผมจะเปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริงออกมา


ท่านผู้ชมครับ 24 พฤษภาคม ตำรวจในเกาหลีใต้อายัดทรัพย์ของ Luna Foundation Guard ธุรกิจซื้อขายเหรียญคริปโตฯ ชื่อ Luna Kimchi แล้วยังมีข้อหาต่างๆ อีกเยอะแยะไปหมด

นักลงทุนชาวเกาหลีใต้หลายคนขอให้นายโด ควอน (Do Kwon) ซึ่งเป็นเจ้าของ Luna ถูกสอบสวนและให้ฟ้องร้องเรื่องการล่มสลายของ Terra USD ส่งผลให้เกิดการรื้อฟื้นประเด็นการสืบสวนสอบสวนในด้านการเงินและอาชญากรรมด้านหลักทรัพย์ของเกาหลี นอกจากนี้ สภานิติบัญญัติเกาหลีก็ได้พยายามที่จะพบปะกับคนที่ทำพวกคริปโทเคอร์เรนซี แล้วก็อ้างถึงกระดานเทรดต่างประเทศ และกำลังออกร่างนโยบายกฎหมายเพื่อเล่นงานกับคนที่หลอกเล่นคนเล่นคริปโตฯ


ท่านผู้ชมครับ เรื่องราวต่างๆ ที่เกาหลีนั้น เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก คนที่เล่น LUNA แล้วเจ๊งไปจากนายโด ควอน พูดอย่างไร ? เขาบอกว่า จริงๆ แล้วมีผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเขามาเข้าร่วมงาน THAIFEX-Anuga Asia ที่อิมแพ็คอารีนา เมืองทองธานี เขาเป็นคนเกาหลีใต้ เขาพูดถึงนายโด ควอน ว่า นายโด ควอน คือโจรยอดอัจฉริยะซึ่งสร้างความหลงใหลคลั่งไคล้ สร้างฝันให้กับผู้คนมากมายที่หวังจะร่ำรวยอย่างรวดเร็ว คุ้นๆ ไหมท่านผู้ชม ผมเตือนอีกทีนะครับ "นายโด ควอน คือโจรยอดอัจฉริยะ ซึ่งสร้างความหลงใหลคลั่งไคล้ สร้างฝันให้กับผู้คนมากมายที่หวังจะร่ำรวยอย่างรวดเร็ว" เอ๊ะ มันคล้ายๆ คำพูดของคุณท้อป จิรายุส ไม่ใช่หรือ คุณท้อป ครับ โด ควอน กับคุณนี่พูดจาเหมือนกันเลยนะ แต่ที่แท้จริงแล้วมันคือการหลอกลวง ซึ่งการที่ตำรวจได้อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์เขานั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องและสมควรแล้ว

ท่านผู้ชมครับ ผมเคยออกมาเปิดโปงและกล่าวเตือนเรื่องการหลอกเด็ก เยาวชน และคนรุ่นใหม่ ที่ถูกชักจูงให้เอาเงินเข้าในตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ชื่อ bitkub ซึ่งผู้ก่อตั้งคือ นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา หรือ ท้อป


ผมบอกไปแล้วว่า นี่มันไม่ใช่การดึงเด็กหรือเยาวชนให้รู้จักการลงทุน แต่มันคือการจูงมือเด็กเข้าสู่บ่อนการพนันดิจิทัลที่มีความผันผวน การหลอกลวง และความจอมปลอมเต็มไปหมด ผมยังชี้ให้เห็นมหันตภัยทางเศรษฐกิจด้วยว่า bitkub รวมไปถึง KUB Coin สุดท้ายก็จะดูดความมั่งคั่ง ดูดเงินจากกระเป๋าคนไทย และระบบเศรษฐกิจของเราไปมากมายมหาศาลหลายหมื่นล้าน อาจจะถึงแสนล้านบาท ผมพูดยังไม่ทันไรเลย ก็มีการล่มสลายของเหรียญ LUNA ขึ้นมา จากฝีมือหนุ่มชาวเกาหลี นายโด ควอน ซึ่งความไม่ชอบมาพากลก็ปรากฏออกมาเรื่อยๆ ดังข่าวที่ผมว่าไปแล้ว


ท่านผู้ชมครับ ผมจะถามถึงผู้มีอำนาจในรัฐบาลอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีฯ ดีอี ซึ่งเป็นคนหนุนหลังนายท้อป จิรายุส ให้รางวัลอย่างดีเลย ผมเคยเอาข่าวนี้มาลง ผมขำจนกระทั่งผมหัวเราะไม่ออก ผมขำว่าเมืองไทย คนไทย ผู้นำไทย โง่ถึงขนาดนั้นเชียวหรือ แล้วผมก็ยังถามถึงคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลัง รวมไปถึงผู้มีอำนาจทั้งหลายว่า คุณจะรอให้เกิด LUNA 2 ขึ้นในเมืองไทย และคนอย่างนายโด ควอน 2 เกิดขึ้นในประเทศไทยใช่ไหม


คุณจะทำเกิดกรณีเด็ก/เยาวชนไทยฆ่าตัวตายเพราะเจ๊งคริปโตฯ เจ๊ง NFT เจ๊งสินทรัพย์ดิจิทัล ที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นฟองสบู่ก้อนใหญ่ยักษ์ แล้วคุณค่อยเข้ามาจัดการหรือ จริงๆ แล้วผมยังมีข้อมูลที่ไม่ชอบมาพากลและความทุเรศในเรื่องนี้อีกมาก ไว้สัปดาห์หน้า หรือสัปดาห์ถัดๆ ไปผมจะนำมาเปิดโปงให้ท่านผู้ชมได้รับทราบ

ก.ล.ต. ครับ วันนี้ผมยังเห็นโฆษณา bitkub ของนายท้อป จิรายุส ตั้งอยู่บนทางด่วนเต็มไปหมดเลย แล้วไหนบอกว่าคุณได้ร่างระเบียบขึ้นมาแล้วว่าห้ามโฆษณาที่เกินจริง คำว่า "bitkub เชื่อมทุกโอกาสสู่โลกแห่งอนาคต" มันเกินจริงนะครับ ก.ล.ต. ครับ คุณตั้งใจทำงานหน่อย คนของคุณหลายคนลาออกไป แล้วไปอยู่กับนายท้อป จิรายุส แล้วคนบางคนใน ก.ล.ต. ก็แอบทำตัวเป็นสายลับแจ้งให้ bitkub ทราบว่า ก.ล.ต. กำลังจะดำเนินการในเรื่องใดบ้าง เอาไว้วันหลังค่อยคุยกัน


ท่านผู้ชมครับ หลายเดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่เกิดสงครามในยูเครน ผมได้เตือนท่านผู้ชมและท่านผู้ฟังเป็นระยะๆ ให้ระมัดระวังการใช้ชีวิตจากวิกฤตเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากภาวะพลังงานที่สูงขึ้น รวมทั้งการขาดแคลนอาหารที่จะส่งผลกระทบถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภค

ท่านผู้ชมครับ ค่าพลังงานที่สูงขึ้นไม่ได้กระทบเฉพาะค่าเดินทาง ค่าไฟ ค่าแก๊ส ของพวกเราอย่างเดียว แต่กระทบทุกส่วนในชีวิตเลย เพราะต้นทุนพลังงาน การขนส่งนั้น แทรกซึมไปในทุกกิจกรรมของเรา อาหารที่เรากิน สินค้าต่างๆ ที่เราใช้อุปโภคบริโภคนั้น ต้องมีต้นทุนค่าขนส่งหมด เผอิญสัปดาห์นี้ผมได้อ่านบทความของ อาจารย์ประสาท มีแต้ม นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ปัจจุบันอาจารย์ประสาท ยังมีตำแหน่งเป็นกรรมการนโยบายด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ของสภาองค์กรผู้บริโภค บทความชิ้นนี้เผยแพร่ในเว็บไซต์ ThaiPublica บทความนี้ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลพยายามลดภาษีน้ำมันดีเซล แต่ว่าคนกลางที่คนนึกไม่ถึง ก็คือโรงกลั่น กลับฉวยโอกาสขึ้นค่าการกลั่น

อาจารย์ประสาท มีแต้ม
รัฐบาลพยายาม ในขณะนี้ ผมรู้ว่าท่านปลัดกระทรวงพลังงาน พยายาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน คุณสุพัฒนพงษ์ ก็พยายาม ที่จะลดค่ากลั่นลงมา แต่ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามันไปติดที่ไหน ? มันไปติดที่กระทรวงพาณิชย์ของคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ไม่ยอม โดยอ้างว่าเพราะว่ามันเป็นการค้าเสรี โรงกลั่นมีสิทธิที่จะตั้งราคาอย่างไรก็ได้ เข้าไปควบคุมราคาไม่ได้ เพราะว่ามันจะผิดหลักเกณฑ์ ท่านผู้ชม ให้รู้ไว้ด้วยว่าพรรคประชาธิปัตย์คือตัวการที่ขวางไม่ให้ราคาพลังงานถูกลง

อาจารย์ประสาท อธิบายว่า ประเด็นที่น่าสงสัยว่าความแตกต่างระหว่างน้ำมันดีเซลสำเร็จรูปที่หน้าโรงกลั่น คือ 33 บาท 88 สตางค์ต่อลิตร กับน้ำมันดิบในตลาดโลก ที่แค่ 22 บาท 98 สตางค์ ความต่าง ต่างกันประมาณ 10 บาท 90 สตางค์ หรือ 11 บาท นี่มันเป็นค่าอะไร ? คือน้ำมันสำเร็จรูปที่กลั่นออกมาแล้ว ดีเซลนะ ออกมาแล้ว 33 บาท 88 สตางค์ แล้วน้ำมันดิบในตลาดโลกแค่ 22 บาท 98 สตางค์ มีข้อต่างกันประมาณ 11 บาท แล้ว 11 บาทคือค่าอะไร ?


อาจารย์ประสาท สืบค้นต่อไปก็พบข้อสงสัย มีค่ากลั่นรวม หมายถึงผลต่างระหว่างมูลค่าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่กลั่นได้ทุกชนิดรวมกันที่หน้าโรงกลั่น กับราคาน้ำมันดิบ ที่โรงกลั่นเช่นกัน คำถามคือ "ค่ากลั่นรวม" ควรจะเป็นเท่าไร จึงจะเป็นธรรมกับผู้บริโภค และเจ้าของโรงกลั่น ?

ที่ผมรู้มา ท่านปลัดกระทรวงพลังงาน พยายามพิจารณาค่ากลั่นอยู่ แล้วก็ให้ข้อมูลมาเพิ่มเติมว่า ผมก็ไปเจรจาเปิดข้อมูลมาดู ค่าการกลั่นมีต้นทุนอย่างอื่นอยู่ด้วย และเป็นตลาดเสรีด้วย ค่ากลั่นตอนนี้ประมาณ 12 หรือ 13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือ 2 บาท 61 สตางค์ ต่อลิตร ใช่ไหม ปลัดกระทรวงพลังงานบอกว่า ใช่ กำลังเจรจาให้เขาลดลงอีก

อาจารย์ประสาท บอก รู้สึกแปลกๆ กับคำตอบของคุณกุลิศ ปลัดกระทรวงพลังงาน มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 2 ประเด็นที่ว่า หนึ่ง เขามีต้นทุนอย่างอื่นอยู่ด้วย และ สอง กิจการโรงกลั่นเป็นตลาดเสรี

ท่านผู้ชมครับ ผมไม่ทราบว่า "ต้นทุนอย่างอื่น" ของโรงกลั่นคืออะไร แต่จากข้อมูลกระทรวงพลังงานพบว่า นับตั้งแต่ปี 2559 จนถึงมกราคม 2565 ค่ากลั่นรวมไม่ถึง 2 บาทต่อลิตร แต่พอรัฐบาลลดภาษีลงมาเหลือ 3 บาท 20 สตางค์ ค่ากลั่นรวมก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จาก 1 บาท 35 สตางค์ ต่อลิตร ในเดือนมกราคม ไล่มาเรื่อย จนมาถึงวันนี้ 5 บาท 82 สตางค์ ต่อลิตร 500 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนเมษายน-พฤษภาคม


จากกราฟที่ผมเอาให้ดู ที่อาจารย์ประสาท เขียนออกมา เห็นได้ชัดว่าพอรัฐบาลลดภาษีสรรพสามิตลงมาเพื่อลดค่าครองชีพให้ประชาชน แต่เจ้าของโรงกลั่นน้ำมันฉวยโอกาสขึ้นค่าการกลั่น เดือนเมษายน-พฤษภาคม จังหวะเดียวกับที่รัฐบาลลดภาษีสรรพสามิต

เพื่อให้เห็นภาพอย่างชัดเจน ผมได้นำเสนอข้อมูล 2 ช่วงเวลา คือ 27 กันยายน 2564 กับ 19 พฤษภาคม 2565 ผมใช้ปากกาวงไว้ 4 ก้อน จะเห็นว่าเมื่อภาษีสรรพสามิตลดลง ค่ากลั่นรวมก็เพิ่มขึ้น จาก 1 บาท 15 สตางค์ ขึ้นเป็น 5 บาท 80 สตางค์ เพิ่มขึ้น 5 เท่าตัว


ท่านผู้ชม ปี 2564 คนไทยใช้น้ำมันสำเร็จรูปจำนวน 134 ล้านลิตรต่อวัน หากมีการคิดค่ากลั่นรวมสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็นสัก 3 บาทต่อลิตร คิดเป็นมูลค่าที่พวกเราถูกปล้นไป วันละ 500 ล้านบาท นี่คือเหตุผลของน้ำมันที่มันแพงเกินไป

ท่านผู้ชมครับ ถ้าผมจำไม่ได้ ค่ากลั่นน้ำมันเขาอ้างว่ามีต้นทุนอย่างอื่นอยู่จริงๆ แต่ทำไมในปีอื่นๆ จึงมีค่าต่ำกว่านี้มาตลอดอย่างน้อย 6 ปีเต็ม ถ้าจะอ้างว่าเป็นสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ต้นทุนการกลั่นน้ำมันสูง ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะต้นทุนในการกลั่น เช่น ค่าแรง ค่าไฟฟ้า ค่าสึกหรอของเครื่องจักร ยังคงเท่าเดิม ท่านผู้ชมที่เคยฟังผมอภิปรายหรือพูดบนเวทีของพันธมิตรฯ ท่านผู้ชมจำได้ไหม ผมบอกว่าค่ากลั่นน้ำมันมันต้องถูกควบคุม มันจะเปิดเสรีไม่ได้ เพราะอะไร ? คุณกลั่นน้ำมันเมื่อ 7 ปีที่แล้ว กับคุณกลั่นน้ำมัน ณ วันนี้ คุณใช้เครื่องจักรตัวเดียวกันกลั่น ไม่ได้มีการเพิ่ม ก็เครื่องจักรตัวเดียวกัน คุณกลั่นเมื่อ 6 ปีที่แล้ว คุณคิดค่ากลั่นประมาณบาทกว่าต่อลิตร แล้วทำไมมาปีนี้ 6 ปีผ่านมา แค่นี้ปี 6 ปี ใช้เครื่องเก่าตัวเดียวกัน แต่ทำไมค่ากลั่นคุณกระโดดขึ้นไปถึง 5 บาทกว่า นี่คือการปล้นกันใช่ไหม ท่านผู้ชม

ที่สำคัญก็คือว่า ผมเคยถามมานะ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าค่ากลั่นรวม ผมจะเอาตัวเลขให้ดู 2563 ก็คือ 70 สตางค์ ต่อลิตร 2564 เป็น 89 สตางค์ ต่อลิตร ส่วนปี 2565 คือ 3 บาท 19 สตางค์ ผ่านมาในช่วง 5 เดือนแรกจะเห็นได้ชัดว่าเพิ่มขึ้นอย่างทุเรศที่สุด มกราคม 2565 คือ 1 บาท 35 สตางค์ ต่อลิตร กุมภาพันธ์ 2565 คือ 1 บาท 58 สตางค์ ต่อลิตร มีนาคม 2 บาท 80 สตางค์ ต่อลิตร เมษายน 5 บาท 15 สตางค์ และ 1-23 พฤษภาคม 5 บาท 59 สตางค์ ประเด็นมันอยู่ที่ไหน ? ประเด็นคือการฉวยโอกาสเรื่องค่ากลั่นรวม ผมได้รับการชี้แจงจากผู้ใหญ่ในกระทรวงพลังงานว่า จริงๆ แล้วอยากจะดำเนินการปรับลด แต่บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่วิ่งเข้าไปหาคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ นั่งเป็นเจ้ากระทรวง อ้างว่าเรื่องค่ากลั่นเป็นเรื่องการค้าเสรี เสรีอะไรกัน! นี่คือยุทธปัจจัยของประเทศไทย นี่คือปัจจัยหลัก นี่คือยุทธศาสตร์หลัก เป็นส่วนหนึ่งของค่าครองชีพของคนไทย เพราะว่าค่าน้ำมันมันรวมไปทุกส่วน ทุกอณู ทุกโมเลกุล ทุกอะตอมของในร่างกายเรา จะกินอาหาร อาหารก็ต้องส่งด้วยรถ รถต้องใช้น้ำมัน จะสั่งซื้อของก็เช่นกัน จะไปทำงานก็เช่นกัน แล้วบอกว่าเป็นการค้าเสรีได้อย่างไร


ในยุคสงคราม ตอนนี้เรามีสงครามอยู่แล้วนี่ เพราะสงคราม อาหารการกินขาด สงคราม ค่าพลังงานแพง ผมถามจริงๆ ว่าธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันเป็นตลาดเสรีจริงหรือเปล่า ผมอยากจะถามพวกฝรั่ง หรือบริษัทเจ้าของโรงกลั่น เอื้ออำนวยให้เจ้าของสามารถกำหนดราคาเอาตามอำเภอใจได้หรืออย่างไร รัฐบาลอุตส่าห์ลดภาษีสรรพสามิตมา นี่ก็เสือกขึ้นราคาค่ากลั่น แล้วกระทรวงพาณิชย์นี่ก็เสือกบอกว่าเป็นการค้าเสรี ไปห้ามเขาไม่ได้ ฉะนั้นท่านผู้ชมจำเอาไว้เลย ที่น้ำมันแพงวันนี้ กระทรวงพลังงานอย่าไปทำหนิเขา เขาพยายามเจรจาให้ค่ากลั่นลดลงจาก 5 บาทกว่า ให้ลดลงเหลือแค่บาทกว่า เซฟไป 4 บาทต่อลิตร น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล ก็ลดลงไป 4 บาทต่อลิตร เพราะรัฐบาลไม่มีสตางค์แล้ว แต่เจ้ากระทรวงพาณิชย์ พรรคประชาธิปัตย์ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ขวาง ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง เงินกองทุนฯ วันนี้ติดลบแล้ว 6 หมื่นล้าน เร็วๆ นี้ทะลุแสนล้าน ไม่ช้าจะต้องเป็นภาระที่ประชาชนคนไทยต้องแบกรับ ชดใช้ในอนาคต

นี่หรือเปล่าท่านผู้ชม ที่ผมเคยพูดว่า รัฐบาลชอบแจก แจกแล้วปล้น โดยเป็นการปล้นเอาไปให้บริษัทพลังงานที่ร่ำรวยมหาศาล โรงกลั่นที่กำไรอยู่แล้ว ให้กำไรมากขึ้นอีก คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ครับ พวกคุณทำอะไรกันอยู่ พวกคุณนั่งยิ้มหวาน ดูความเดือดร้อนของประชาชน การถูกเอารัดเอาเปรียบของประชาชน นั่งผิวปากกระดิกเท้าสบายใจเฉิบๆ อยู่บนความฉิบหายของประเทศชาติหรืออย่างไรครับ คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา และคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ครับ

ท่านผู้ชมครับ วันนี้รายการของวันที่ 27 พฤษภาคม ก็จบสิ้นลง อาทิตย์หน้าก็มิถุนายนแล้วนะ ท่านผู้ชม หกเดือนแล้ว ครึ่งปีแล้ว จากมิถุนายน เป็นต้นไป ท่านผู้ชมครับ สถานการณ์ทางการเมืองจะเข้มงวดและเข้มข้นขึ้น อีกเรื่องหนึ่งที่ผมเตรียมเอาไว้แล้วแต่ยังไม่มีโอกาสเอามาพูด คือความเข้มข้นในเรื่องต่างประเทศ สงครามจะมีหรือไม่มี ท่านผู้ชมครับ สัญญาณไม่ดีเลยตอนนี้ ไม่ดีอย่างมากๆ มีการเตรียมพร้อมกันทุกฝ่าย รัสเซียเตรียมพร้อม อเมริกาไปหาพันธมิตรที่ญี่ปุ่น ที่เกาหลีใต้ ออสเตรเลียเพิ่งเลือกตั้งใหม่ แล้วเตรียมฟาดฟันกับจีน อเมริกาก็ใช้นาโตฟาดฟันกับรัสเซีย แล้วล่าสุด นาโตก็อ่อนแรงแล้ว ต้องการจะเจรจา นี่คือข่าวที่ลึกที่สุดที่ผมได้มา เอาไว้รอฟังผมก็แล้วกัน วันนี้แค่นี้ก่อน สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น