xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : สัมภเวสีบ่อนทำลายพุทธศาสนา ASEAN-US Summit ความขัดแย้ง "แม่น้ำโขง" รอวันปะทุ - หนี้ 4 หมื่นล้าน พันคอผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 20 พ.ค.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ ได้แก่
- จริงหรือไม่ มีขบวนการล้มพระพุทธศาสนาเกิดขึ้น?
- ปัญหาหนี้รถไฟฟ้า 40,000 ล้าน ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่จะแก้ไขอย่างไร?
- เหรียญ LUNA ร่วง บทเรียนคนรุ่นใหม่ หรือฟองสบู่บ่อนพนันดิจิทัลใกล้แตก?
- วิสัยทัศน์ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ต่อการแก้ไขปัญหาประเทศ
- ควันหลงประชุม US-ASEAN Summit จับตาความขัดแย้ง “แม่น้ำโขง” ที่รอวันปะทุ และใครเป็นพระเอก จากการประชุมครั้งนี้

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.138



[คำต่อคำ] SONDHI TALK : สัมภเวสีบ่อนทำลายพุทธศาสนา ASEAN-US Summit ความขัดแย้ง "แม่น้ำโขง" รอวันปะทุ - หนี้ 4 หมื่นล้าน พันคอผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

(>>>คลิปน้องพลอยเพชร <<<)

"สวัสดีค่ะคุณตาสนธิตอนนี้หนูได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนกรุงเทพฯแล้วหนูขอขอบคุณคุณตาสนธิและแฟนๆรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"ที่ช่วยเป็นกำลังใจให้หนูและสนับสนุนให้หนูมาอยู่ตรงนี้ได้หนูขอขอบคุณจริงๆค่ะสวัสดีค่ะ"


สวัสดีครับท่านผู้ชมวันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เมื่อกี้นี้ท่านผู้ชมคงได้ดูคลิปของน้องพลอยเพชรแล้วใช่ไหมท่านผู้ชมจำน้องพลอยเพชรด้วงเขียวได้ไหมสาวน้อยมหัศจรรย์ในวงการเทนนิสของเราที่พวกเราคือผมและท่านผู้ชมช่วยกันสนับสนุนตอนนี้น้องพลอยเพชรกับครอบครัวย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ แล้วมาเข้าเรียนที่โรงเรียนอมาตยกุลน้องพลอยเพชรก็ไลฟ์ขอบคุณคุณตาคือผมแต่จริงๆ ก็ขอบคุณท่านผู้ชมนั่นล่ะ FC ของผมและท่านผู้ชมหลายท่านที่ต้องการสนับสนุนเพชรในตมแล้ววันนี้หลังจากที่ได้ครองแชมป์มาเยอะแยะไปหมดก็เริ่มมาเรียนที่กรุงเทพฯอย่างจริงจังโดยที่พวกเราคือทางผมมูลนิธิไชย้งลิ้มทองกุลของคุณแม่ผมตลอดจนท่านผู้ชมทั้งหลายช่วยกันสนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมด

อย่างไรก็ต้องขอขอบคุณสองท่านนี้ไว้ก่อนท่าน รศ.ดร.เกียรติวรรณ อมาตยกุล และอาจารย์ทุกท่านที่โรงเรียนอมาตยกุลที่รับน้องพลอยเพชรเข้าเรียนที่โรงเรียนอมาตยกุลอีกคนที่ลืมไม่ได้ขอบคุณ คุณดนัย อุดมโชค ที่เป็นกำลังหลักในการฝึกสอนน้องพลอยเพชรทุกวัน

ท่านผู้ชมครับอาทิตย์นี้เราจะมีเรื่องราวต่างๆ หลายเรื่องที่น่าสนใจเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอาทิตย์ที่แล้วเราพูดถึงเรื่อง "หาดใหญ่ตายไปแล้ว"ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามีคนเข้ามาดูร่วมล้านคนให้ความสนใจมากเลย

แต่ตอนนี้ท่านผู้ชมอย่าลืมดาวน์โหลด Sondhi App แล้วก็ช่วยสมัครเป็นสมาชิกด้วยเพราะทุกวันนี้เราไม่ได้สนใจในเรื่องโฆษณาอะไรทั้งสิ้นท่านผู้ชมสมัครเป็นสมาชิกของ Sondhi App ก็จะเอาค่าสมาชิกนี้มาสนับสนุนการทำงานของพวกเราท่านผู้ชมครับรายการนี้มีมาจะสามปีแล้วทุกอาทิตย์อาทิตย์ละครั้งทีมงานเรามีสิบกว่าคนเพื่อผลิตรายการที่ดีให้กับท่านผู้ชมค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนก็ค่อนข้างจะสูง

Sondhi App นอกจากจะไม่พลาดการรับชมรายการ SONDHI TALK ในทุกวันศุกร์แล้วยังมีรายการพิเศษอย่างเช่นวันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคมนี้อีกสองวันเราจะลงคลิปพิเศษเล่าให้ฟังถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังและนัยของประเทศจีนที่ประกาศว่าเขาได้เริ่มผลิตเครื่องบิน C-919 เพื่อเอามาแย่งตลาดกับโบอิ้ง 737 MAX และแอร์บัส 320 ที่สายการบินในประเทศไทยใช้บินภายในประเทศจีนพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าสายการบินได้ช่วงปลายปีนี้และจะเป็นคู่แข่งอย่างหนักเลยสำหรับโบอิ้งแค่เปิดตัวออกมามีคนในประเทศจีนและทั่วโลกจองเครื่องบินนี้มาเกือบพันลำแล้วรายการนี้จะเผยแพร่ใน Sondhi App เท่านั้น

ส่วนท่านที่ดาวน์โหลด Sondhi App ก็จะทราบดีว่า Sondhi App จะมีการแจ้งเตือนรายการใหม่ทุกครั้งเราไม่มีโฆษณาแทรกหรือกวนใจสามารถดูย้อนหลังได้อย่างต่อเนื่องเดือนละ 99 บาทวันละ 3 บาทเท่านั้นสมัครรายปี 990 บาทยิ่งคุ้มเพราะได้รับชมฟรี 2เดือนและอย่างที่ผมเรีนยให้ทราบถ้าท่านผู้ชมมีปัญหาในเรื่อง Sondhi App ไม่ว่าจะเป็นการดาวน์โหลดแล้วสมัครอย่างไรหรือจ่ายเงินไม่เข้าวิธีจ่ายเงินจ่ายอย่างไรหรือแม้กระทั่งมีปัญหาเทคนิคท่านผู้ชมเข้าไลน์ (LINE)มาเลย @sondhitalk จะมีคนรอตอบคำถามตลอดเวลา


ท่านผู้ชมครับอาทิตย์นี้คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของ "หมอปลา"กับขบวนการทำลายพุทธศาสนากับกรณีสัมภเวสีรุมให้ร้าย "หลวงปู่แสงจันดะโชโต"ที่วัดป่าดงสว่างธรรมจ.ยโสธรในเรื่องของหมอปลากับเรื่องของหลวงปู่แสงนั้นผมได้เพิ่มอีกมิติหนึ่งขึ้นมาว่าคนที่ต้องรับผิดชอบจริงๆในการปราบพระที่ไม่อยู่ในร่อยในรอยนั้นไม่ใช่หน้าที่ของหมอปลาแต่เป็นหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาฯและผมได้เปิดเผยตัวคนที่ต้องรับผิดชอบจริงๆว่าที่ศาสนาล่มสลายมาทุกวันนี้เป็นเพราะคนๆนี้คนเดียว

อีกเรื่องหนึ่งใครจะไปเป็นผู้ว่าฯกทม.ในวันอาทิตย์ที่ 22พฤษภาคม 2565นี้ผมไม่สนใจแล้วตอนนี้ผมสนใจแต่ว่าใครก็ตามที่มาผมฝากถามเรื่องปัญหาหนี้ 4หมื่นล้านบาทที่ค้างกับ BTSด้วยว่าแต่ละท่านที่เข้ามาจะแก้อย่างไร

อีกเรื่องหนึ่งท่านผู้ชมจำเรื่องสารพิษได้ไหมเรื่องพาราควอตคลอร์ไพริฟอสที่ผมเคยยกตัวอย่างให้ฟังตอนนี้มีเรื่องจับให้ได้ไล่ให้ทันขบวนการปลุกผีมีเงินมีทองตกหล่นกันเพราะว่าใกล้จะหาเสียงเลือกตั้งแล้วมีคนเอาวาระที่จะยกเลิกการแบนเข้ามาแล้วถูกจับได้

เรื่องต่อไปท่านผู้ชมจำได้ใช่ไหมผมพูดเรื่องของ "บิทคับ" (Bitkub)เรื่องของการซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโทฯในประเทศไทยที่ชื่อ bitkubที่ผมบอกว่าเป็นบ่อนการพนันในระดับท้ายซอยเหมือนกับบ่อนเล่นถั่วเล่นโปถ้าจะเล่นทั้งทีก็ต้องเล่นบ่อนแบบลาสเวกัสหรือมาเก๊าที่มีกติกาเยอะวันนี้แม้กระทั่งบ่อนใหญ่อย่าง bitkubบริษัทใหญ่ๆคริปโทเคอร์เรนซีในบริษัทใหญ่ๆไม่ว่าจะเป็นไบแนนซ์ (Binance)ไม่ว่าจะเป็นโน่นนี่นั่นลตอดจนเรื่องของเหรียญลูนา (LUNA)ที่เจ๊งกะบ๊งไปเรียบร้อยแล้วทำให้คนทั่วโลกลดความร่ำรวยลงมาจากวงเงิน 3ล้านล้านเหรียญสหรัฐหายไปครึ่งหนึ่ง 1.5ล้านล้านเหรียญสหรัฐแล้ว bitkubจะเป็นอย่างไรในปัจจุบันนี้แล้วผมฝากคำถามถึง ก.ล.ต.หลายๆคำถามรอฟังนะครับ

อีกข้อหนึ่งคือท่านผู้ชมอาจจะเคยได้ยินหรืออาจจะไม่สนใจคือเมื่อเร็วๆนี้ดร.สมคิดจาตุศรีพิทักษ์ท่านได้มีปาฐกถาพิเศษเรื่อง "อนาคตประเทศไทย"ซึ่งดร.สมคิดนี่เป็นเวลาเกือบสองปีแล้วไม่ได้ออกมาพูดในทางสาธารณะเลยข้อความในการพูดครั้งนี้มีอะไรที่น่าสนใจเยอะมากซึ่งผมจะเอาสรุปย่อๆเพื่อให้ท่านผู้ชมได้ตามโลกได้ทันตามเหตุการณ์ได้ทัน

สุดท้ายเป็นเรื่องบทสรุปของควันหลงการประชุม U.S.-ASEAN Summitซึ่งผมเชื่อว่ากระทรวงการต่างประเทศไทยตลอดจนคนที่เป็นติ่งพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชาจะรอฟังอย่างใจจดใจจ่อว่าผมจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรในการประชุมครั้งนี้แต่ผมจะอธิบายให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในการประชุมและข้อตกลงในการประชุมมีนัยว่าอย่างไรบ้างที่สำคัญผมจะชี้ให้ท่านผู้ชมเห็นว่าในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงวอชิงตันดี.ซี.กับประธานาธิบดีโจไบเดนนั้นผู้ชนะที่แท้จริงในครั้งนี้คือใครท่านผู้ชมฟังแล้วท่านผู้ชมจะประหลาดใจว่าจะมีคนที่ผมจะพูดขึ้นมาแล้วท่านผู้ชมจะนึกไม่ถึงว่านี่คือผู้ชนิดที่แท้จริง

ท่านผู้ชมครับเมื่ออาทิตย์ที่แล้วท่านผู้ชมคงได้ยินข่าวนี้มาเยอะแล้วผมจะไม่ลงรายละเอียดให้ฟังแล้วคือเรื่องของ "หลวงปู่แสง"กับ "หมอปลา"


หมอปลาชื่อจริงคือนายจีรพันธ์เพชรขาวมีฉายาว่า "มือปราบสัมภเวสี"กับพวกถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักหน่วงมีการจัดฉากเอาผู้หญิงเข้ามาโดยอ้างว่าผู้หญิงร้องเรียนต่อหมอปลาว่าถูกหลวงปู่แสงจับหน้าอกจับอวัยวะเพศเพื่อรักษาโรคมะเร็งแล้วยังมีการแอบอ้างว่าหลวงปู่แสงอวดอุตริว่าปัสสาวะสามารถกลายเป็นพระธาตุได้หลังจากนั้นหมอปลากับสำนักพระพุทธศาสนาจ.ยโสธรเข้าตรวจสอบหลวงปู่แสงถ่ายคลิปประกบเมื่อญาติโยมผู้หญิงคนนั้นซึ่งทราบทีหลังว่าเป็นการจัดฉากขึ้นมากราบไหว้จะถูกเรียกเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะมีลักษณะเหมือนลวนลามลูบศีรษะโอบกอดพยายามดึงเข้าไปหอมแก้ม

พอคลิปนี้ออกไปปั๊บกระแสสังคมมี 2ด้านด้านหนึ่งก็เชื่อหมอปลาอีกด้านหนึ่งก็บอกว่าหลวงปู่แสงอายุท่านมากแล้ว 100ปีแล้วเป็นพระเกจิชื่อดังอาพาธอยู่เป็นโรคอัลไซเมอร์คือจำอะไรไม่ได้ทำอะไรก็ไม่รู้ตัวไม่น่าจะมีพฤติกรรมอย่างในคลิปที่หมอปลาเอามาเผยแพร่ นอกจากนี้ถ้าท่านผู้ชมได้ดูคลิปแล้วจะเห็นความสถุลที่ผู้สื่อข่าวในคลิปพฤติกรรมวาจาไม่เหมาะสมต่อพระสงฆ์ที่พุทธศาสนิกชนจำนวนมากให้ความเคารพศรัทธางานนี้จัดฉากเพื่อทำลายหลวงปู่แสงซึ่งเป็นพระเกจิสำคัญในสายวัดป่าหรือเปล่าโทรทัศน์ที่มีส่วนในการทำลายชื่อเสียงหลวงปู่แสงก็ต้องเล่าให้ฟังมีเวิร์คพอยท์ทีวี มีช่อง 8 มีไทยรัฐออนไลน์ อย่างรุนแรงเลยในช่วงแรก รวมทั้งอมรินทร์ทีวีด้วย กล่าวหากันอย่าง here here เลย


ทีนี้ก่อนที่ผมจะลงไปสู่เรื่องราวทั้งหมดที่เป็นประเด็นและผมมีข้อคิดของผมหลายๆข้อและก่อนที่ผมจะขุดคุ้ยเรื่องราวของหมอปลามือปราบสัมภเวสีว่าเป็นใครมาจากไหนหาเรื่องเรามารู้จักหลวงปู่แสงกันนิดหนึ่ง

"หลวงปู่แสง"ชื่อจันดะโชโตญาณวโรเป็นลูกศิษย์สายหลวงปู่มั่นภูริทัตโตตอนนี้อายุ 98 ปีบวชมาแล้ว 75 พรรษาหลวงปู่แสงวัดป่าดงสว่างธรรมจ.ยโสธรอุปสมบทเมื่อวันที่ 1มิถุนายน 2490ท่านบวชก่อนผมจะเกิดอีกผมเกิดพฤศจิกายน 2490 ท่านบวชก่อนผมเกิด 5 เดือน


หลวงปู่แสงมีฉายาเริ่มแรกว่า "จันดะโชโต"คือผู้ที่รุ่งเรืองเคยมีคนไปเห็นท่านรถคว่ำเอกสารหายสูติบัตรท่านหายไปแจ้งทำสูติบัตรใหม่เจ้าหน้าที่พิมพ์ให้ท่านเป็น "ญาณวโร"ก็เลยทำให้ท่านต้องใช้ชื่อนี้มาตั้งนานแล้ว

คนที่เป็นสายตรงหลวงปู่แสงเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่าหลวงปู่แสงเกิดในตระกูลนักบุญสายวัดป่าพ่อแม่ขายไร่ขายนาให้ลูกๆได้ออกบวชเป็นตระกูลที่มีจิตใจฝักใฝ่ธรรมะฝึกจิตให้ผ่องใสตามทางจิตตัวเองบำรุงพระพุทธศาสนาทั้งตระกูล

หลวงปู่แสงตั้งแต่เด็กแล้วก่อนบวชท่านฝึกจิตกรรมฐานมีพ่อชื่อหลวงปู่บุญเพ็งเป็นพระสายป่าเหมือนกันมรณภาพในผ้าเหลืองแม่ชื่ออ้มดีหอม


หลวงปู่แสงจำพรรษาวิเวกธุดงค์ไปมาหาสู่กับพระรูปต่างๆท่านศึกษาธรรมกับหลวงปู่มั่นภูริทัตโตณวัดป่าหนองผือต.นาในอ.พรรณานิคมจ.สกลนครซึ่งเป็นช่วงบั้นปลายของหลวงปู่มั่นซึ่งท่านจำวัดอยู่ที่บ้านหนองผือไปจำพรรษาศึกษาธรรมกับหลวงปู่คำดีปภาโสวัดถ้ำผาปู่จ.เลย (2494-1496) คือหลังจากท่านบวชไปแล้วสี่ปีไปศึกษาธรรมกับพระอาจารย์ฝั้นหลวงปู่ฝั้นอาจาโรวัดป่าอุดมสมพรอ.พรรณานิคมจ.สกลนครท่านก็ไปศึกษาธรรมะกับหลวงปู่เทสก์เทสรังสีวัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่จ.หนองคาย 1พรรษาไปอยู่กับหลวงปู่บัวสิริปุณโรวัดราษฎร์สงเคราะห์ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานีไปอยู่กับพระอาจารย์แบนธนากโรได้ร่วมสร้างกุฏิศาลาที่วัดธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร ไปอยู่กับหลวงปู่ดุลย์อตุโลวัดบูรพาราม อ.เมืองจ.สุรินทร์ ไปอยู่กับหลวงปู่ขาวอนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.หนองบัวลำภู อุดรธานี ได้ร่วมธุดงค์ที่คูวัว


 ไปอยู่กับหลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋งอ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ไปอยู่กับหลวงปู่ชอบฐานสโมวัดป่าสัมมานุสรณ์อ.วังสะพุงจ.เลยไปอยู่กับหลวงปู่สีมหาวีโรวิเวกธุดงค์ที่ภูเก้าภูเวียงจ.ขอนแก่นอยู่กับหลวงปู่เหรียญวรลาโภวัดอรัญบรรพตอ.ศรีเชียงใหม่จ.หนองคายอยู่กับหลวงปู่จันทร์โสมกิตติกาโรวัดป่านาสีดาจ.อุดรธานีอยู่กับพระอาจารย์จวนกุลเชฏโฐพระอาจารย์วันอุตตโมหลวงปู่หล้าเขตปัตโตพระอาจารย์สิงห์ทองธมฺมวโรวิเวกธุดงค์ร่วมกันที่ถ้ำสาลิกาภูสิงห์ภูทองภูพานคำและภูทอกไปอยู่มหาบุญหลวงปู่มหาบุญมีสิริธโรวัดป่าวังเลิง จ.มหาสารคาม

2534- 31 ธันวาคม 2551 สิบเจ็ดปีจำพรรษาที่วัดป่าอรัญวิเวกบ้านไก่คำ อ.อำนาจเจริญ

ท่านผู้ชมครับปัจจุบันนี้หลวงปู่แสงญาณวโรจำพรรษาที่วัดป่าดงสว่างธรรมบ้านดงสว่าง ต.โคกนาโก อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร


หลวงตามหาบัวซึ่งเป็นอาจารย์ผมท่านเคยพูดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2546 สิบเก้าปีที่แล้วท่านบอกว่า "นี่ท่านแสงเคยอยู่กับเรามาแล้วท่านแสงนี่ๆ ...เคยอยู่ด้วยกันกับเรา"หลวงพ่อคูณก็รู้จักหลวงปู่แสงดีหลวงพ่อคูณท่านบอกว่าหลวงปู่แสงเนี่ยพระทองคำท่านปล่อยท่านละได้แล้วกูยังไม่ถึงท่านเลยนี่คือคำพูดของหลวงพ่อคูณ

หลวงพ่อคูณท่านพูดเลยนะว่าหลวงปู่แสงนี่ล่ะพระทองคำท่านปล่อยท่านละได้แล้วกูยังไม่ถึงท่านเลยหลวงพ่อคูณเคยกล่าวถึงหลวงปู่แสงอย่างนี้


ท่านผู้ชมครับเรามาดูรายชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ที่หลวงปู่แสงเข้าไปศึกษาไปปฏิบัติธรรมหรือไปอยู่ด้วยเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์สายวัดป่าหลวงปู่มั่นภูริทัตโต 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ผมรู้จักหมดสวดมนต์ทุกเช้านี้ผมยังระลึกถึงพ่อแม่ครูอาจารย์ 70-80 เปอร์เซ็นต์ที่ผมเอ่ยชื่อไปตั้งจิตอธิษฐานขอให้ท่านมาร่วมอนุโมทนาบุญกับผมด้วยไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่หล้าเขมปัตโตหลวงปู่เทสก์เทสรังสีหลวงปู่ชอบฐานสโมหลวงปู่สีมหาวีโรเยอะแยะไปหมด

ท่านผู้ชมครับแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นตีผมให้ตายผมก็ไม่เชื่อพวกมึงจัดฉากกันทั้งนั้นไอ้ระยำนี่ต้องขอใช้ภาษาพ่อขุนรามคำแหงพวกมึงนี่โคตรเหี้ยทั้งหมอปลาทั้งเมียมันทั้งนักข่าวผู้หญิงไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษเลยหลวงปู่แสงเคยพูดกับลูกศิษย์ใกล้ชิดว่า "ชาติหน้าเราไม่เกิดแล้วเด้อ" ทำให้ผมอดนึกถึงหลวงตามหาบัวไม่ได้สมัยที่ผมบวชที่วัดโพธิสมภรณ์แล้วไปจำวัดที่วัดป่าบ้านตาดกับหลวงตาแล้วช่วงบ่ายท่านก็จะเดินออกมาตรงที่พักสงฆ์ที่บรรดาลูกศิษย์ท่านกำลังฉันน้ำปานะอยู่ไม่ว่าจะเป็นโอวัลตินไมโลหรือทานน้ำกระป๋องหลวงตาพูดบอกว่านี่พวกเราเราชาติหน้าจะไม่เกิดแล้วนะเราเห็นมาหมดแล้วเราตัดกิเลสได้หมดแล้วเราไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้นเราผ่านมาหมดแล้วทุกภพทุกชาติกษัตริย์เราก็เป็นมาแล้วแม่ทัพเราก็เป็นมาแล้วเป็นมาแล้วทุกชาติเกิดแล้วเกิดอีกเกิดแล้วเกิดอีกเรามาตรวจดูชาติภพเก่าๆ ของเราแล้วเรามีความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินวันนี้เรามั่นใจว่าเราตัดกิเลสแล้วเราจะไม่เกิดมาอีกแล้วนั่นคือความรู้สึกของคนที่เป็นอรหันต์แล้วถ้าหลวงปู่แสงพูดว่า "ชาติหน้าเราไม่เกิดแล้วเด้อ"ก็แสดงว่าท่านมีภาวะจิตเหมือนหลวงตามหาบัวท่านเห็นมาหมดทุกอย่าง

ท่านผู้ชมครับผมนี่ไม่รู้จะพูดอย่างไรกับพวกเหี้ยนี่ขอประทานโทษต้องใช้คำพูดหยาบๆหน่อยเวิร์คพอยท์ให้นักข่าวคนนั้นออกจากงานไปเสียดายช่อง 3 ให้พักงานแค่ 15 วันต้องไล่มันออกก็หมอปลาบอกไม่ใช่หรือว่าไม่มีงานทำไม่มีเงินเดือนเดี๋ยวจะจ่ายเงินให้ก็ไล่มันออกให้ไปอยู่กับหมอปลาไปเลย ระยำมากจริงๆ


คุณหมอทรงพล ยืนสุข หรือหมอยีนส์ แพทย์ประจำโรงพยาบาลยโสธร ท่านยืนยันว่าหลวงปู่แสงอาพาธ คุณหมอพูดอย่างนี้ "ท่านมีภาวะหลงลืมจริงครับผมได้เข้าไปให้การรักษาท่านประจำท่านจำใครไม่ได้เลยไม่รู้ตัวในสิ่งที่ทำด้วยซ้ำลุกนั่งนอนเองยังไม่ได้เลยแค่ประคองธาตุขันธ์มาได้ขนาดนี้ก็เก่งมากๆ แล้วครับ" งดดรามาได้แล้วผมนี่รักศรัทธาและเคารพพระสายกรรมฐานของสายพระอาจารย์มั่นผมเชื่อในคุณงามความดีวัตรปฏิบัติของท่านมาเกือบร้อยปี


เอาคำพูดของคุณอนันต์ชัยไชยเดชทนายความชื่อดังโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่าทำกับหลวงปู่แสงได้อย่างไรกล่าวหาท่านต่างๆ นานาโดยเฉพาะพวกนักข่าวทั้งหลายใช้ถ้อยคำหยาบคายหัวเราะเยาะระวังนรกจะกินกบาลเอาท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านเป็นโรคอัลไซเมอร์ทำอะไรกับหลวงปู่ผมรับไม่ได้จริงๆคุณอนันต์ชัยถึงกับบอกว่าถ้าจะดำเนินคดีผมยินดีเป็นทนายความให้


แม้กระทั่งพส.อย่างเช่นไพรวัลย์วรรณบุตรอดีตพระมหาไพรวัลย์ท่านพูดบอกว่ามีผู้หญิงลากสังขารขึ้นไปบนตั่งที่พระนั่งให้พระแตะเนื้อต้องตัวมีสามัญสำนึกไหมแล้วพระท่านก็ชราภาพแล้วหลงๆลืมๆมึงขึ้นไปหานรกอะไรถึงบนนั้นต้องการแสวงหาสวรรค์วิมานอะไรจากพระแล้วลูกศิษย์ผู้ชายทั้งหัวโล้นหัวดำไม่รู้สากกะเบืออะไรเลยไม่ปกป้องครูบาอาจารย์มันเป็นเรื่องของการวางแผนมีเรื่องการวางแผน


มีกฎระเบียบการเข้าไปกราบหลวงปู่แสงของคณะสงฆ์วัดป่าดงสว่างธรรมมี 5ข้อระบุชัดเจนหลายๆเรื่องห้ามถ่ายรูปก่อนได้รับอนุญาตไอ้พวกหมอปลาแอบถ่ายบันทึกวิดีโอห้ามสุภาพสตรีเข้าใกล้องค์หลวงปู่คณะพวกหมอปลาก็ละเมิดกฎมีบุรุษผู้รู้ความอยู่ขณะที่เข้ากราบข้อสี่องค์หลวงปู่ชราภาพแล้วมีโรคประจำตัวขอให้เว้นระยะห่างตามสุขอนามัยป้องกันโรคติดต่อหากต้องการรับของที่ระลึกก็ให้รับแล้วถอยออกมาดังเดิมแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยเคารพครูบาอาจารย์ 5ข้อนี้ไอ้พวกหมอปลามันทำลายหมดทุกอย่างเพราะมันเจตนาต้องการจะทำลายหลวงปู่แสงไม่รู้ผีห่าซาตานอะไรมาสิงหมอปลาอาจจะปราบสัมภเวสีมากไปมั้งพวกสัมภเวสีก็เลยเข้ามาสิงบ้าไปแล้ว


เอาเป็นว่าผมจะเอาคำพูดของทีมแพทย์ที่แถลงมาว่าท่านเป็นโรคอาพาธ 10โรคเป็นอัลไซเมอร์ระยะที่หนึ่งมีพฤติกรรมอารมณ์ที่ผิดปกติเกี่ยวกับสมองเสื่อมผู้อำนวยการโรงพยาบาลพริ้นซ์อุบลราชธานีหมอเศวตศรีศิริบอกว่าหลวงปู่แสงมีความจำถดถอยถามซ้ำๆพูดซ้ำๆเรื่องเดิมแต่ยังสื่อสารใช้ชีวิตได้ตามปกติส่วนจะเป็นอัลไซเมอร์ระยะที่สองหรือเปล่าแพทย์ต้องวินิจฉัยเพิ่มเติมทางการแพทย์บอกว่ามีไข้มาลาเรียขึ้นสมองแล้วเผอิญผลการตรวจสอบมีเชื้อซิฟิลิสก็เลยเป็นเหตุที่ทำให้พวกระยำตำบอนกล่าวหาหลวงปู่แสงว่าถ้ามีเชื้อซิฟิลิสพวกคุณไม่เข้าใจคำว่าเชื้อซิฟิลิสไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ก็ติดเชื้อซิฟิลิสได้เวลาท่านผู้ชมไปปัสสาวะน้ำปัสสาวะจากโถปัสสาวะมันกระเด็นมาโดนอวัยวะเพศของท่านผู้ชมก็มีโอกาสติดเชื้อซิฟิลิสได้เช่นกันเพราะฉะนั้นแล้วการที่มาบอกว่าหลวงปู่แสงติดเชื้อซิฟิลิสแล้วก็มโนกันโดยที่พวกเขาไม่เข้าใจว่าเชื้อซิฟิลิสมันเป็นอย่างไรมันไม่ได้มาจากการมีเพศสัมพันธ์อย่างเดียว


สรุปแล้วจากการแถลงข่าวของแพทย์และข้อมูลทางแพทย์อาการอาพาธของหลวงปู่แสงมีหนึ่งการทำงานของทางเดินอาหารผิดปกติสองโรคหัวใจที่เกิดจากสภาวะกล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างซ้ายผิดปกติสามเป็นโรคความดันโลหิตสูงสี่เป็นโรคต่อมลูกหมากโตห้าปวดหลังเนื่องจากกระดูกสันหลังคดหกข้อเข่าเสื่อมทั้งสองข้างเจ็ดเป็นโรคกระดูกพรุนแปดโรคนอนหลับยากเก้าสมองเสื่อมเป็นอัลไซเมอร์ระยะที่หนึ่งสิบภาวะพฤติกรรมอารมณ์ผิดปกติที่เกี่ยวกับสมองเสื่อม

ท่านผู้ชมเห็นพ้องกับผมไหมว่าคลิปวิดีโอที่ระบุภาพและเสียงอย่างชัดเจนว่าหมอปลากับคณะอวดอ้างตัวเองอย่างชัดเจนว่าเป็นคนดังเป็นคนมีชื่อเสียง นอกจากนี้ยังร่วมกับนักข่าวสถุนๆทำการคุกคามหลวงปู่แสงกับลูกศิษย์ปราศจากความเคารพใดๆเรียกได้ว่าปราศจากความสำรวมความประสงค์ดีอย่างสิ้นเชิงผมวิเคราะห์ว่าหมอปลากับเมียและพวกเหี้ยๆพวกนี้หลงตัวเองนึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ทำคดีจับพระสึกมาหลายกรณีกลายเป็นฮีโร่ในสังคมที่ใครๆยกย่องและให้ความเกรงใจและทุกคนต้องกลัว


ท่านผู้ชมครับดีแล้วที่ทางคณะสงฆ์ได้สั่งปลดพระเลขาฯหลวงปู่แสงเพราะว่าพระองค์นี้หรือว่าพระอีก 2-3องค์ไม่ได้ออกมาปกป้องหลวงปู่แสงเลยวันที่ไอ้พวกนี้มันพูดจาหยาบคายก้าวร้าวต่อหลวงปู่แสงพระเลขาฯจะต้องลุกขึ้นมาปกป้องหลวงปู่แสงเสียด้วยซ้ำนอกจากจะไม่ให้พวกนี้เข้าใกล้แล้วยังต้องออกมาปกป้องบอกเลยโยมพูดอย่างนี้ได้อย่างไรหลวงปู่แสงไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างนี้ที่โยมหาเรื่องนี่้บาปกรรมนรกจะกินหัวนะแต่พระเลขาฯและพระอีก 2-3องค์ที่ล้อมรอบหลวงปู่แสงก็ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น

ท่านผู้ชมครับถ้ามองทางธรรมแล้วนี่คือกรรมสุดท้ายที่หลวงปู่แสงต้องรับรับไปเลยหลวงปู่แสงรับกรรมนี้เหมือนหลวงตามหาบัวตอนที่ท่านมีบาดแผลที่เท้าท่านบอกว่านี่เป็นกรรมของเราเราต้องรับไปไม่เป็นไรท่านพูดอย่างนี้เลยนะตอนนั้นขนาดนี้เลยตอนที่ท่านยังสุขภาพดีอยู่ที่สวนแสงธรรมผมอยู่ใกล้ท่านผมรู้เลยท่านบอกว่ามีคนจะทำร้ายเรานะเอายาพิษมาให้เราทานใส่อาหารเรารู้แต่อย่าไปทำอะไรเขาเลยระมัดระวังเอาไว้ก็แล้วกันมันเป็นกรรมส่วนหนึ่งที่เราต้องรับเอาไว้ก่อนที่เราจะจากโลกนี้ไปเพราะฉะนั้นพระที่ปล่อยได้หมดละกิเลสได้หมดถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองพระพวกนี้จะเข้าใจดีว่านี่คือกรรมกรรมสุดท้ายที่ต้องรับไปนี่หลวงปู่แสงก็ได้เจอกรรมครั้งหลังสุดแล้วคนที่เป็นอริยสงฆ์หรือเป็นพระอรหันต์จะล่วงรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า


ท่านผู้ชมครับก่อนที่พวกหมอปลาพวกผีเปรตพวกนี้จะเข้าไปที่วัดหลวงปู่แสงได้พูดกับลูกศิษย์ว่า "มื้ออื่นซิพาเพิ่งผีเปรตมันสิมาเต็มวัด"ก็หมายความว่าวันพรุ่งนี้จะมีพวกผีเปรตมาเต็มวัดท่านรู้ล่วงหน้าเพราะฉะนั้นแล้วหมอปลาครับภรรยาหมอปลาครับและพวกนักข่าวที่โดนพักงานหรือโดนให้ออกจากงานรู้ไว้ด้วยว่าพวกคุณมึงก็คือผีเปรตผมถึงบอกว่าหมอปลามือปราบสัมภเวสีปรากฏว่าโดนผีเปรตสิงตัวเองถึงต้องเป็นอย่างนี้

เอาล่ะท่านผู้ชมเรามารู้จัก "หมอปลามือปราบสัมภเวสี"กันนิดหนึ่งจีรพันธ์เพชรขาวเป็นคนเพชรบุรีชอบตั้งตัวเป็นนักไสยศาสตร์ช่วยเหลือให้คำปรึกษาทางไสยศาสตร์จบอนุปริญญาและปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีสาขาวิศวอุตสาหการคณะวิศวกรรมศาสตร์ไม่ใช่ธรรมดาหมอปลาอ้างว่าเคยฝันถึงหลวงปู่ทวดแล้วหลวงปู่ทวดบอกว่าไม่ต้องไปหางานทำให้มาช่วยคนมีชื่อขึ้นมาจากการทำรายการช่อง 7 ทำตัวเป็นหมอผีเปิดตัวหนังสือพ็อกเกตบุ๊กชื่อ "หมอปลามือปราบกรรมสัมภเวสีผีวิญญาณ" เล่าประวัติความเป็นมาว่าตัวเองมีจิตสัมผัสพิเศษเหนือกว่าคนธรรมดาการช่วยเหลือไม่ได้หวังผลตอบแทนจากคนที่เข้ามาขอความช่วยเหลือแต่ไม่ได้บอกว่าเมื่อมีคนติดรายการแล้วเพจมีคนเข้ามาเป็นล้านๆคนแล้วก็ขายข้าวขายของเพื่อทำมาหากินได้ข่าวว่าขายดีด้วย


นอกจากนั้นแล้วหมอปลาก็ยังบอกว่าสามารถช่วยคนเจ็บป่วยเพียงแต่ว่าใครมีสัมภเวสีเข้ามาเกี่ยวข้องหมอปลาแค่ใช้มือสัมผัสก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าต้องช่วยเหลือแก้ไขอย่างไร

หมอปลาสนิทสนมกับคนในวงการบันเทิงเช่นคุณหนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย มดดำ-คชาภา ตันเจริญ เป็นต้นก็เลยโด่งดังขึ้นมาจากการสนิทสนมกับคนในวงการบันเทิงนั่นคือเป็นที่มาว่าพอหมอปลาทำอะไร ...ท่านผู้ชมครับสำนักข่าวบางแห่งทีวีบางช่องถึงกับออกแบบกำหนดให้นักข่าวติดตัวหมอปลาไปตลอดเวลาเพราะว่าข่าวทีวีสมัยนี้มีแต่เรื่องไร้สาระทั้งนั้นยิ่งเป็นเรื่องไร้สาระเรื่องไม่จริงเรื่องโกหกมันชอบ


ส่วนน้ำฟ้า ภรรยาหมอปลา ชื่อ นางรภัสสรณ์ ฤทธิธนไพบูลย์ อายุ 41 เคยพูดกับรายการ "แฉ" เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ปีที่แล้ว คนดำเนินรายการ ชื่อ มดดำ-คชาภา บอกว่า อยู่กับหมอปลา มา 7 ปี ไลฟ์สไตล์ของคุณน้ำฟ้า เป็นลูกคุณหนู ชอบเที่ยวเมืองนอก เป็นคนร่ำคนรวย เจอหมอปลา ก็เอาสมบัติไปขายหมด เกลี้ยง เอาเงินไปช่วยหมอปลา ทำเอาพิธีกรคนอื่นแซวว่านี่มันทำเสน่ห์ใส่แล้ว คุณน้ำฟ้า บอกว่า หลงรักความดีที่หมอปลาทำ ขนเงินขนทองมาให้ เพื่อหมอปลา ต่อยอดนำไปช่วยคน นี่คือหมอปลา กับ คุณน้ำฟ้า


ส่วนคุณหนุ่ม กรรชัย ก็กราบขอขมาหลวงปู่แสง แจงเหตุไม่เอาหมอปลามาออกอากาศ ปัดปกป้อง คุณหนุ่ม กรรชัย อธิบายผ่านรายการ "เที่ยงวันทันเหตุการณ์" อย่างละเอียดทุกๆ เรื่อง แล้วขอขมาหลวงปู่แสง หากมีคนไม่สบายใจ คุณหนุ่ม ครับ ไม่ใช่ไม่สบายใจหรอก เขาโกรธฉิบหายเลย เพราะว่าเวลาผมกราบพระ คุณหนุ่มกราบพระที่เคารพ แล้วคุณเคารพนับถือ มีศรัทธา เขาเรียกว่า พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงปู่แสง เหมือนพ่อแม่ครูอาจารย์ คุณหนุ่ม ทำอะไรก็ดีๆ หลายอย่าง แต่มาพลาดเรื่องหมอปลา กับหลวงปู่แสง ทีหลังคุณหนุ่ม ทำอะไรใช้สติสักนิดหนึ่ง เป็นคนหนุ่มที่มีความคิดดี มีความยุติธรรมในใจ แต่อย่าเสือกไปหลงเชื่อคนโง่ๆ แบบนั้น แค่ดูก็รู้แล้วใช่ไหมว่างานนี้งานจัดฉาก


ผมมีข้อสงสัย ท่านผู้ชม เช่น หมอปลา อาศัยอำนาจอะไรเข้าไปตรวจสอบ ทั้งหมดนี้เป็นการทำคอนเทนต์ต่อยอดตัวเองหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่แล้วทำไปทำไม เวลาคุณตรวจสอบลัทธิแปลกๆ หมอปลา กระดากใจหรือเปล่า เพราะว่าสิ่งที่คุณทำก็ไม่ได้ต่างจากเจ้าลัทธิ บุกไปหาหลวงปู่แสง อ้างว่าไปจัดการลูกศิษย์ แต่พฤติกรรมที่แสดงต่อหน้าหลวงปู่แสง ย้อนแย้ง แล้วหมอปลา คุณใช้อำนาจอะไรมาเรียกร้องให้ข้าราชการท้องถิ่นไปกับคณะของตนเอง อำนวยความสะดวกในการถ่ายทำเนื้อหารายการ แล้วพาคนสนิทของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไปร่วมด้วย แล้วชอบอ้างชื่อ ธรรมนัส พรหมเผ่า บ่อยๆ ในไลฟ์ จุดประสงค์คุณหาเสียงหรือเปล่า แล้วพวกสำนักพุทธฯ ที่ไปเป็นเครื่องมือให้กับหมอปลา ต้องลงโทษทางวินัยให้หนัก เสือกไม่เข้าเรื่อง นอกจากมีหน้าที่ต้องปกป้องพระดีๆ แล้ว ยังเสือกไปเข้าร่วมขบวนการกับเขาด้วย

ทั้งหมดนี้ เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นนี้ มันเป็นเรื่องที่หมอปลา และภรรยา ตั้งทีมกันมาเพื่อที่จะหาเรื่องเอามาต่อยอดสิ่งที่หมอปลาทำ

แล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงกอง บก. ข่าว ต้นสังกัด บก. คุณโยนความผิดไปให้นักข่าวได้อย่างไร บก. ข่าวของแต่ละช่องที่มีเรื่อง คุณน่ะตัวดี ก็ไม่ใช่พวกคุณหรือจัดเวรจัดยามให้นักข่าวประจำตัวหมอปลา แต่พอเรื่องถึงนักข่าวคุณปั๊บ คุณก็เอานักข่าวมาเป็นแพะบูชายัญไปเลย กองบรรณาธิการข่าวออกแถลงการณ์ ต่อความผิดพลาดไม่เหมาะสม เตือน สั่งพักงานผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวเป็นเวลา 7 วัน ต้องให้ออก ดูหมิ่นพระพุทธศาสนาอย่างแรง น.ส.วาสนา ศรีผ่อง พ้นสภาพผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 ข้อหาทำผิดจริยธรรม จรรยาบรรณในวิชาชีพสื่อมวลชน มีกริยาไม่เหมาะสม ไม่เคารพต่อแหล่งข่าว แสดงความไม่เป็นกลางในการทำหน้าที่สื่อมวลชน ตัดสินใจร่วมกับสื่อสำนักอื่นและแหล่งข่าวในการสร้างหลักฐานโดยไม่ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาหรือรายงานต้นสังกัด ผมเห็นงานนี้ยังมีไทยรัฐออนไลน์เจ้าเดียวที่เงียบสนิท ปกป้องคนของตัวเอง ก็เป็นปกติของไทยรัฐอยู่แล้ว แต่ไหนแต่ไร


ท่านผู้ชมครับ ผมขอพูดถึงเวิร์คพอยท์หน่อย ผมต้องขอชม คุณปัญญา นิรันดร์กุล ถึงแม้คุณปัญญา ไม่ได้มาสายข่าวเหมือนผม แต่การตัดสินใจอย่างเฉียบขาดที่ให้ลูกน้องตัวเองออกไปเลย โดยความผิด 3-4 ข้อนี้ ผมถือว่าคุณปัญญา ใช้ได้ น่าเสียดายที่ช่อง 3 คุณสรยุทธ ให้เด็กพักงานแค่ 15 วัน ต้องให้ออกนะ คุณสรยุทธ อมรินทร์ทีวี ก็ให้พักงานผู้สื่อข่าวภาคสนาม พักงาน 15 วัน ท่านผู้ชมครับ ไอ้พวกนี้ต้องให้ออกหมดทุกคน นักข่าวภาคสนามจาก 4 ช่อง เวิร์คพอยท์ ช่อง 8 ช่อง 3 อมรินทร์ทีวี ถูกสั่งลงโทษในข้อหาแตกต่างกัน ไล่ออก พักงาน ตั้งกรรมการสอบ แต่ท่านผู้ชมครับ ในความเป็นจริงแล้ว กระบวนการนำเสนอข่าวไม่ใช่เพียงนักข่าวเท่านั้นที่ทำผิดในเรื่องนี้ แต่รวมถึงกองบรรณาธิการข่าว ตั้งแต่หัวหน้าข่าว บรรณาธิการข่าว โปรดิวเซอร์ พิธีกรที่เป็นคนอ่านข่าว จนกระทั่งถึงผู้บริหารสถานี ซึ่งแต่ละคนมีอำนาจในการกำหนดทิศทางข่าวแตกต่างกันไป ท่านผู้ชมครับ นี่คือการโยนขี้ทั้งหมดให้นักข่าวภาคสนามแต่เพียงอย่างเดียว แล้วก็อ้างว่านักข่าวทำไปทั้งหมดโดยพลการ ไม่ได้แจ้งกอง บก. ท่านผู้ชมเชื่อว่ามันเป็นไปได้หรือ

ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่ผมจะพูดต่อไป จะเอาการ์ตูนของ บัญชา คามิน ขึ้นมาให้ดู


ระยะปีเศษที่ผ่านมามีเรื่องพระสงฆ์ถูกกล่าวหาในทางมิดีมิร้ายหลายครั้ง จนพระสงฆ์ต้องสึกออกไปหลายรูป ทำให้เราต้องตั้งข้อสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งผมพบว่ามีอยู่สองประเภท คือ พระที่ไม่เป็นพระจริงอย่างหนึ่ง และพรกที่ถูกข้อกล่าวหาและสึกออกไปแบบแปลกๆ อีกอย่างหนึ่ง

ประเด็นที่สองก็คือว่า จากการติดตาม ปรากฏว่าทุกเรื่องจะมี 2 ขั้นตอน ขั้นตอนแรกจะเป็นการรวบรวม สร้างหลักฐานว่าพระประพฤติไม่ถูกต้อง มีการบันทึกคลิปต่างๆ ไว้ ขั้นตอนที่สองจะเป็นกระบวนการที่ประหลาดมาก ไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานโดยตรงที่มีหน้าที่ แต่เป็นคนภายนอก เป็นสื่อมวลชนบางประเภทเข้าร่วม ยกทีมกันไปแฉพระ โดยมีการออกข่าวล่วงหน้า ตีกันเป็นกระแสจนพระต้องสึกออกไป

กระบวนการที่สองนี้ ผมตั้งคำถามว่า คนดำเนินการเป็นคนพุทธหรือเปล่า มีประวัติความเป็นมาอย่างไร มีอำนาจหน้าที่อย่างไร ไปเจ้ากี้เจ้าการรับเรื่องที่อ้างว่ามีการร้องเรียน แล้วไปจัดการกันเอง ทั้งๆ ที่มีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นเจ้าของเรื่องอยู่แล้ว รัฐมนตรีและรองนายกฯ ที่รับผิดชอบกิจการศาสนาก็มีอยู่แล้ว เมื่อเรื่องดังขึ้น พระก็สึกออกไปแล้ว ทุกเรื่องจะมีเรื่องผลประโยชน์เกี่ยวข้องทั้งสิ้น

ท่านผู้ชมครับ วันนี้เรามาเจอตัวผู้ร้ายตัวจริงกันดีกว่า ผมกำลังถามว่า สำนักพุทธฯ กับรัฐบาล ทำอะไรกันอยู่ ? สิ่งที่หมอปลาทำอยู่ทุกวันนี้โดยอาศัยกระแสสังคม สื่อโซเชียล สื่อกระแสหลัก ที่ห่วงอยู่อย่างเดียว คือยอดไลก์ ยอดแชร์ หวังแต่สร้างดรามา เอาพวกมากลากไป จริงๆ แล้วหน้าที่ทั้งหมดนี้เป็นหน้าที่ใคร ?

ท่านผู้ชมครับ หน้านี้คือ สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ใช่หรือเปล่า ? หน้าที่เหล่านี้ควรจะเป็นของมหาเถรสมาคม ใช่หรือไม่ ? หน้าที่นี้ควรเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือเปล่า ? และหน้าที่เหล่านี้เป็นของรัฐบาล มิใช่หรือ ? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายให้กำกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผ่านนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ


เวลานี้ได้ยินแต่คำพูดว่า "ห่วง" ออกมาจากปาก ห่วงอยู่ตลอดเวลา นายกรัฐมนตรีก็ห่วง รองนายกรัฐมนตรีก็ห่วง รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่ห่วง ไม่มี action plan ออกมาให้เห็น องค์กรดังกล่าวถือกำเนิดมาจากมือตัวเองด้วยซ้ำ แล้วปัญหาที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่เพิ่งเกิด เกิดมานานแล้ว แล้วก็มีคำถาม ถามว่า พวกหมอปลา ทำไมไม่ไปจัดการวัดธรรมกาย หรือธัมมชโย เพราะนั่นคือเจ้าลัทธิต้นตอบิดเบือนพระธรรมวินัย และพระไตรปิฎกเลย ก็มีคำตอบง่ายๆ ว่า อย่าว่าแต่หมอปลาเลย กระทั่งระดับรองนายกฯ วิษณุ เครืองาม ก็ไม่กล้า เพราะอะไร ?


ความเกี่ยวโยงของวัดธรรมกาย กับวัดปากน้ำ (ภาษีเจริญ) วัดสระเกศ ใช่หรือเปล่า สายสัมพันธ์ในอดีตระหว่างธัมมชโย กับ สมเด็จช่วง และสมเด็จพุฒาจารย์ (เกี่ยว) ใช่หรือเปล่า ? การนับถือกันฉันท์อาจารย์กับศิษย์ ระหว่างสมเด็จเกี่ยว กับคุณวิษณุ ใช่หรือเปล่า ? ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมที่ติดตามผมมาตลอด ผมเป็นคนแรกเลยนะที่ออกมาสู้กับการปล้นชิงตำแหน่งของสมเด็จญาณสังวร ตั้งแต่สิบกว่าปีก่อน และผมก็เปิดโปงกรณีธรรมกายมาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ผมเคยเล่าเรื่อง มหากาพย์ธรรมกาย กับการเอาศาสนามาเล่นการเมือง ตั้งแต่สิบปีก่อน ตั้งแต่สมัยทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

ที่น่าตกใจ คือคนที่ดูแลเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาในประเทศไทย จนกระทั่งทำให้ศาสนามันเละตุ้มเป๊ะทุกวันนี้ คนที่ต้องรับผิดชอบ คือ วิษณุ เครืองาม เป็นขุนพลกฎหมายของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาตั้งแต่หลังรัฐประหาร 2557 จนถึงปัจจุบัน 8 ปีแล้ว ก่อนหน้านั้น สมัยทักษิณ ก็เคยดำรงตำแหน่งเดียวกัน แล้วเป็นคนที่ทำคลอดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดตั้งเมื่อปี 2545 แยกออกจากกรมศาสนา สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี โดยเป็นหน่วยงานที่ไม่สังกัดกระทรวง ทบวงใด


ศาสนาพุทธ ยี่สิบปีที่ผ่านมา ภายใต้การกำกับดูแลของ วิษณุ เครืองาม และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นอย่างไร ? เละ ยับเยิน เหมือนสำนักงานถังขยะ ทุกวันนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ภายในสำนักงานก็ยังมีการโกงกินกันอยู่เหมือนเดิม ก่อนหน้านั้นผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ ต้องติดคุกติดตะรางไปตั้งไม่รู้กี่คน คนหนึ่งคือ นายพนม ต้องหนีออกไปต่างประเทศ เพราะโกงเงินวัด

ท่านผู้ชมครับ เรากลับมาเรื่องของหลวงปู่แสง กัน ประเด็นที่สาม เมื่อเกิดกระแสตีกลับขึ้น จากกรณีหลวงปู่แสง ซึ่งเป็นพระสายปฏิบัติในสายพระอาจารย์มั่น เป็นเสาหลักของพระสายปฏิบัติในประเทศไทย หากเสาหลักนี้ล้มลง พระพุทธศาสนาจะเสื่อมคลายจากประเทศไทยอย่างรุนแรง ที่เกิดเป็นกระแสตีกลับ เพราะว่า หลวงปู่แสง ท่านอายุร่วม 105 ปีแล้ว แต่ในทะเบียนแจ้งว่าท่านอายุน้อยกว่า อายุเกือบร้อยปีเท่านั้น แม้ปานนั้นเราก็เห็นว่าร่างกายของท่านไม่อยู่ในฐานะที่จะล่วงเกินทางเพศกับผู้ใดได้ ประสบความชัดว่า หลวงปู่แสง เคยประสบอุบัติเหตุเมื่อช่วงอายุ 87 หลงๆ ลืมๆ เป็นอัลไซเมอร์ ตามประสาคนที่มีอายุมาก อาการที่กระทำต่อกรณีที่เกิดขึ้น ก็เป็นรูปแบบเดียวกับที่ท่านปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความเคยชิน


กรณีที่เกิดเหตุที่นำมาเป็นข่าวนั้น เห็นได้ชัดว่ามีการจัดฉาก ร่วมมือระหว่างผู้เป็นอุปัฏฐาก และดูแลหลวงปู่แสง กับพวกที่เอาสตรีขึ้นไปถ่ายทำคลิปวิดีโอ ผิดวิสัยของผู้ที่คิดล่วงเกินทางเพศผู้อื่น ตรงนี้อาจจะเป็นบาปกรรมที่ดลบันดาลให้ มีการสมรู้ร่วมคิดจัดฉาก เกี่ยวกับการดื่มปัสสาวะนั้น ไม่เกี่ยวกันเลย ในเรื่องปัสสาวะนั้น แต่โบราณกาล ในพระไตรปิฎกก็มี มีการดื่ม ท่านมหาตมะคานธี เนห์รู ดื่มปัสสาวะ พระสงฆ์หลายรูปก็ดื่มปัสสาวะ เพราะเป็นยาอย่างหนึ่ง ผมเองก็เคยเขียนในหนังสืออายุวัฒนะมาแล้ว

ประเด็นที่สี่ เมื่อเรื่องนี้มีความชัดเจนแล้วว่ามีการสร้างเรื่อง เหมือนกับเขียนบทในการทำคลิปเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการสึกพระ เชื่อมโยงทำลายความน่าเชื่อถือ อ้างว่าดื่มปัสสาวะ เรื่องพระธาตุ ซึ่งท่านไม่ได้พูด แต่เสือกเอาคำพูดคนอื่นมาอ้าง

ท่านผู้ชมครับ คณะบุคคลพวกนี้ไม่มีความเคารพยำเกรงพระพุทธศาสนา ไม่เกรงใจผ้าเหลือง จาบจ้วง ดูหมิ่น เหยียดหยาม กล่าวหาพระ โดยที่ตัวเองเป็นคนสร้างบท สร้างเรื่องขึ้นมาเอง ก็เลยทำให้อดคิดไม่ได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องการสมรู้เขียนบท แล้วสร้างหลักฐานในการทำลายพระสงฆ์หรือเปล่า เรื่องนี้อย่าไปมองข้าม เพราะถ้าเป็นหนึ่งในขบวนการทำลายพระพุทธศาสนา ก็จะเป็นเรื่องใหญ่

ประเด็นที่ห้า สถานการณ์บ้านเมืองเห็นได้ชัดว่าใกล้ไปสู่สถานการณ์กลียุค ผมพูดมาแล้วเป็นเวลาสิบปี ว่าเวลานี้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กำลังอ่อนแอถึงขีดสุด จึงมีขบวนการหลายๆ ขบวนการขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นขบวนการล้มสถาบันกษัตริย์ ขบวนการล้มพระศาสนา ขบวนการล้มชาติด้วยการสร้างความแตกสามัคคีในชาติทุกๆ เรื่องราว ขบวนการแบ่งแยกดินแดน เริ่มปรากฏแล้วว่าขณะนี้ขบวนการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน ก็กำลังก่อตัว อย่างที่ผมย้ำไปแล้ว สถาบันเป็นที่พึ่งของพสกนิกร ทุกวันนี้ถ้าสถาบันกษัตริย์อ่อนแอ สถาบันศาสนาเสื่อมถอย วันนั้นชาติก็ล่มสลาย เราต้องอุ้มชูทั้งสามสถาบันนี้ให้อยู่รอดเป็นเสาหลักของประเทศไทย เราจำเป็นต้องสืบสาวเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด ต้องแก้ไขถึงต้นเหตุ ไม่ให้สถาบันศาสนาต้องเสื่อมทรุดลงไปกว่านี้


คุณวิษณุ เครืองาม ครับ คุณยังสบายดีอยู่หรือ คุณพูดเป็นอยู่คำเดียว คือ "เป็นห่วง" แต่ตั้งแต่เรื่องธรรมกาย มาจนปัจจุบันนี้ เกิดขึ้นจากคุณทั้งสิ้น และคุณก็ยัง "เป็นห่วง" อยู่ อีกไม่นานคุณก็ตายไป หวังว่าจิตวิญญาณของคุณที่ลอยล่องไป จะกลับเข้ามาสิงคนบางคน แล้วก็บอกว่า ยังเป็นห่วงอยู่เหมือนเดิม ดีไหม

ท่านผู้ชมครับ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมพูดถึงเรื่องเบื้องหน้าเบื้องหลังของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับภาคเอกชน คือ บีทีเอส ได้เกี่ยวข้องกับอดีตผู้ว่าฯ กทม. หลายๆ ท่าน ไม่ใช่เฉพาะคุณอัศวิน ขวัญเมือง มาตั้งแต่ต้นแล้ว ตั้งแต่พิจิตต รัตตกุล หนักที่สุดก็คือ สุขุมพันธุ์ บริพัตร

เอาล่ะ แต่เผอิญว่ารถไฟฟ้าสายสีเขียวมันก่อให้เกิดเหตุในยุคคุณอัศวิน ขวัญเมือง เพราะว่าคุณอัศวิน ให้เอกชนลงทุนไปก่อน แล้วเงินที่เอกชนลงทุนไปนั้น ก็คือ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ที่ กทม. เป็นหนี้เอกชนอยู่ เพราะดันให้เขาทำงานไปโดยที่เขาต้องลงทุนเองหมดทุกอย่าง คำถามที่ผมอยากจะตั้งคำถาม และถามผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณอัศวิน ขวัญเมือง และทุกคนที่อาจจะได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. รวมทั้งคุณชัชชาติ ด้วย ที่มาเต็งหนึ่ง ว่าถ้าคุณขึ้นเป็นผู้ว่าฯ กทม. แล้ว คุณจะจัดการอย่างไรกับหนี้สินก้อนนี้ 4 หมื่นล้านบาท ที่ผมรู้มา ดอกเบี้ยประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี 2 พัน 8 ร้อยล้านบาท แต่ถ้าลากกันไปเรื่อยๆ บวกดอกเบี้ยเข้าไปแล้ว น่าจะมีถึง 6 หมื่นล้านบาท กทม. เอาเงินที่ไหนมาจ่าย


ผมรู้เป็นการภายในว่า กทม. เคยเสนอผ่านกระทรวงมหาดไทย ตั้งงบประมาณขอเงินอุดหนุนชดเชยหรือช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง เพื่อเอามาจัดการเรื่องหนี้สินก้อนนี้ แต่กระทรวงมหาดไทยก็ตีกลับเรื่องนี้ ไม่เห็นด้วย ให้ยกเลิก

ท่านผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ทุกคนครับ อย่าเพิ่งมาสนุกสนานกับการที่จะบอกว่าจะไม่ให้น้ำท่วม จะให้ทาเงดินดูดี จะมีการทำโน่นทำนี่ให้กับประชาชนชาว กทม. กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงเถอะครับว่าท่านเป็นหนี้ภาคเอกชนเขาอยู่ 4 หมื่นล้าน นี่ผมพูดโดยที่ไม่เข้าข้างใครนะ ท่านจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร ? ท่านมีวิธีทางใดบ้าง ก็ในเมื่อคุณอัศวิน ขวัญเมือง สั่งให้ภาคเอกชนเดินรถไปโดยไม่มีสัญญาอะไรทั้งสิ้น แล้ว กทม. ต้องเป็นคนรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายตรงนี้ ยอดหนี้ 4 หมื่นล้าน นี่ยังไม่รวมที่ กทม. เป็นหนี้สินขององค์กรรถไฟมหานคร อีกประมาณ 6 หมื่นล้าน หนี้ก้อนนี้สร้างขึ้นมาในยุคคุณอัศวิน ขวัญเมือง เป็นผู้ว่าฯ ที่ต้องการจะไปต่อ เอาล่ะ ถ้าท่านไปต่อได้ ท่านจะไปเอาเงินที่ไหนมาจ่ายเขา วิธีการของคุณอัศวิน พอถึงตอนนั้นก็คือว่า จะขยายสัมปทานให้เขาไปอีก 40 ปี เพื่อชดเชยกับเงินที่เขาลงทุนให้


แต่อย่างที่ท่านผู้ชมทราบ และจากการอธิบายของผมในอาทิตย์ที่แล้ว เรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่าถูกคัดค้านโดยกระทรวงคมนาคม ตั้งคำถาม 4 ข้อ ให้ตอบ แต่ว่าไม่มีใครกล้าตอบ

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ไม่เคยมีใครกล้าพูดต่อ เพราะทุกคนกลัวติดตะรางกันหมด ถึงแม้ว่าจะมีมาตรา 44 อนุญาตให้ทำ แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำ เพราะว่ามันสวนกระแสความรู้สึกของประชาชน เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียวถ้าท่านผู้ว่าฯ กทม. คนเก่า คนที่ต้องการไปต่องวดต่อไป คือ คุณอัศวิน ขวัญเมือง จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ตรงไปตรงมาอย่างไร ? ผมอธิบายไปในคลิปที่แล้ว ว่าจริงๆ แล้วต้องรอให้สัมปทานปี 72 หมดเสียก่อน แต่ไม่ มิหนำซ้ำยังมายืนยันว่าราคา 65 บาท เป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ทุกคนครับ ไม่ว่าจะเป็นคุณชัชชาติ ไม่ว่าจะเป็นคุณสุชัชวีร์ ไม่ว่าจะเป็นคุณศิธา ไม่ว่าจะเป็นคุณวิโรจน์ คุณรสนา และคนที่จะไปต่ออย่างคุณอัศวิน ขวัญเมือง ผมถามว่าเงินก้อนนี้จะเคลียร์เขาอย่างไร ตอบผมหน่อยได้ไหม เลิกมโน เลิกฝันเฟื่องเมืองแมน พูดกันว่าจะทำโน่นทำนี่ ท่านผู้ชมครับ เหมือนอย่างที่ผมเรียนให้ทราบไง กทม. สมัยคุณสุขุมพันธุ์ อุโมงค์ยักษ์ไม่ทำงาน คุณสุขุมพันธุ์ ก็เป็นตัวเลือก แล้วมีข้อหาในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชัน เรื่องอยู่ที่ ป.ป.ช.

ผมจำได้แม่นเลย ตอนนั้นคุณสุขุมพันธุ์ กำลังแข่งกับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ซึ่งเป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทย ผมจำได้ว่าผมกำลังประท้วงอยู่ ขึ้นเวที ทุกคนวิ่งเข้ามาหาผมแล้วก็บอกว่า เฮ้ย! ถ้าไม่เลือกเรา เขามาแน่ จับผมเป็นตัวประกัน ผมก็ต้องขึ้นไปสนับสนุนคุณสุขุมพันธุ์ เต็มที่ แล้วในที่สุด คุณสุขุมพันธุ์ ก็ชนะ พล.ต.อ.พงศพัศ ด้วยคะแนนเสียงเล็กน้อย วันนี้มาอีกแล้ว ถ้าไม่เลือกอัศวิน เขามาแน่ จับผมเป็นตัวประกันอีก ผมก็เลยถามกลับว่า เงิน 4 หมื่นล้าน ใครเป็นคนสร้างหนี้ขึ้นมา ผมคนหนึ่งล่ะไม่ยอมให้จับเป็นตัวประกัน


ท่านผู้ชมครับ 4 หมื่นล้าน ใครสร้างขึ้นมา หนี้ก้อนนี้ หนีไม่พ้นชื่อ อัศวิน ขวัญเมือง ผมคนหนึ่งล่ะ ไม่เห็นด้วยกับคำว่า "ไม่เลือกเรา เขามาแน่" ก็คุณเอาขยะมาให้ผมเลือก ผมจะเลือกได้อย่างไรล่ะ คำว่า "เขา" ของคุณน่ะ สุขุมพันธุ์ บริพัตร ก็เป็นตัวอย่างให้ดูแล้วไม่ใช่หรือ

ท่านผู้ชมครับ การเลือกผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ให้คิดให้ดีๆ เอาสาระ อย่าเอากระแส แต่คำถามที่ผู้สมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ทุกคนต้องตอบให้ได้ เมื่อท่านเป็นแล้ว เงิน 4 หมื่นล้าน จะคืน BTS ได้อย่างไร เขาไม่ผิด เขาถูกสั่งให้ทำ เขาก็ทำให้ แล้วเขาก็ขึ้นบัญชีว่าเป็นหนี้เท่าไรๆ นี่คือหนี้สินที่ถูกต้องตามกฎหมาย เท่านั้นเองครับที่ผมอยากจะเตือนสติท่านผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.

ท่านผู้ชมครับ เมื่อประมาณวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 ได้มีเรื่องๆ หนึ่งเกิดขึ้น ผมจำเป็นต้องเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง เพราะเรื่องนี้มันสะท้อนให้เห็นความเหลวไหล โง่เขลา เละเทะ อาจจะซ่อนเงื่อนด้วยความมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง และอาจจะซ่อนด้วยการมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง

ขบวนการค้าสารพิษภาคเกษตรที่มีความพยายามจะขอให้รัฐบาลทบทวนคำสั่งยกเลิกการใช้พาราควอต คลอร์ไพริฟอส ที่ผมเคยเรียกว่า ไอ้คลอร์ จำได้ไหมท่านผู้ชม เรื่องสารพิษอันตรายที่สร้างผลกระทบต่อชีวิตเกษตรกร ประชาชน มาช้านาน

การยกเลิกการใช้สารพิษ ทำให้ธุรกิจการค้าสารพิษสูญเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล พวกนี้ไม่เคยหยุด วิ่งเต้นตลอดเวลา ขนาดสั่งแบนไปแล้ว ตอนนี้เกือบจะทำสำเร็จด้วยการยัดเยียดวาระพิเศษเข้ามา ซึ่งคณะกรรมการวัตถุอันตราย คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นั่้งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม


มีการแอบเอาวาระทบทวนการยกเลิกการใช้สารเคมี พาราควอต และคลอร์ไพริฟอส โดยผ่านทางชมรมคนแม่กลอง เรียกร้องให้มีการทบทวนมาตลอด เรียกร้องให้กลับมาใช้สารพิษ 2 ตัวนี้ วิธีการ เขาจะผลักดันผ่านกระทรวงอุตสาหกรรม แล้วเขาก็ทำสำเร็จ จนผ่านเข้าสู่วาระการประชุมได้

ท่านผู้ชมครับ คำถามว่าวาระการประชุมนี้ คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รู้หรือเปล่า ? ต้องรู้สิครับ ท่านเป็นประธาน การที่ท่านยอมให้เอาวาระนี้เข้ามาก็แสดงว่าท่านสมรู้ร่วมคิดด้วยหรือเปล่า คุณสุริยะ ต้องตอบผมเรื่องนี้ เพราะคุณสุริยะ เป็นตัวการสำคัญคนหนึ่งในการสนับสนุนสารพิษนี้ แต่โดนกระแสสังคมกดดันจนกระทั่งต้องถอนตัวเรื่องนี้ออกไป ตอนนี้ก็เลยคิดว่าเรื่องมันเงียบไป ก็จะแอบเอาสารปิศาจ 2 สารนี้ แอบเข้ามา เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของผู้ค้า


พอเรื่องนี้ไปเข้าหูของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นตัวหลักในการคัดค้านสารพิษนี้มาตั้งแต่ต้น คุณอนุทิน ก็เลยแจ้งให้คุณมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ของพรรคภูมิใจไทย ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะว่าคุณมนัญญา และพรรคภูมิใจไทย สู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น ไม่มีใครสู้เลย พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่สู้ มีพรรคภูมิใจไทยพรรคเดียวที่สู้ เพราะเห็นว่าสารพิษ 2 สารนี้เป็นอันตรายต่อประชาชน คุณมนัญญา ก็แจ้งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทราบว่ามีความพยายามจะให้มีการพิจารณาผ่านวาระนี้ในการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย เพื่อนำสารพิษ 2 สารที่ยกเลิกไปแล้ว กลับมาใช้อีก สร้างอันตราย ฆ่าผู้คนต่อไป


เผอิญโชคดีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ท่านรับทราบจากคุณมนัญญาแล้ว ท่านไม่เอาด้วย ก็เลยรีบสั่งการให้สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ถอนวาระการพิจารณาทบทวนยกเลิกมติการใช้พาราควอต และคลอร์ไพริฟอส ออกไป พร้อมสั่งเข้มว่าห้ามไม่ให้นำกลับเข้ามาในที่ประชุมอีก

ท่านผู้ชมครับ ประเด็นเรื่องนี้ผมเอาเบื้องหน้าเบื้องหลังเรื่องการแบนสารพิษมาพูดในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตั้งแต่ตอนแรกๆ แล้ว เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว


ท่านผู้ชมที่ติดตามรายการผมมาตลอด น่าจะพอจำได้ วันนี้ผมต้องขอชมเชยท่านนายกรัฐมนตรี และอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ทำหน้าที่ได้ดี ออกมาสั่งห้ามปรามได้ทัน ไม่อย่างนั้นมีหวังคนไทยฉิบหายต่อ ส่วนใครจะได้ประโยชน์จากขบวนการค้าสารพิษ ผมพูดแค่นี้ท่านผู้ชมคงรู้แล้วว่าใครบ้าง มันใกล้เลือกตั้งแล้วไง หาเงินหาทองเสียหน่อย

ผมว่าไหนๆ ก็ไหนแล้ว ในเมื่อเดินมาถูกทางแล้ว ท่านนายกฯ ไม่ควรจะยุติ หยุดแค่การสั่งให้คุณสุริยะ ถอนวาระ หรือห้ามทบทวน น่าจะตั้งกรรมการสอบจัดให้หนัก ใครมีเอี่ยวกับผลประโยชน์ต้องจัดการให้หมด เพราะได้ข่าวว่ามีเงินหล่นเต็มไปหมดเลย ส่วนจะหล่นใส่เท้าใครบ้าง ท่านช่วยหาคำตอบมาให้หน่อยได้ไหม ท่านบอกตลอดเวลาไม่ใช่หรือว่า วาระแห่งชาติของท่านก็คือ การต่อต้าน ปราบปรามคอร์รัปชัน นี่ไงท่านผู้ชม นี่ไงท่านนายกฯ ท่านเอาเสียหน่อยสิ


ท่านผู้ชมครับ เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 135 วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2565 ผมได้หยิบยกเรื่องใหญ่ขึ้นมาเรื่องหนึ่ง ผมกล่าวเตือนคนในบ้านนี้เมืองนี้ คนมีอำนาจในการกำกับดูแลเศรษฐกิจ ตลาดทุน ตลาดเงิน จนถึงธนาคารพาณิชย์ทั้งหลาย ที่กำลังหลงระเริงกับเงินดิจิทัล อย่างคริปโทเคอร์เรนซี ผมอธิบายอย่างพื้นฐานง่ายๆ ให้ทราบแล้ว และผมได้เตือนไปแล้วว่าเงินดิจิทัลนั้น เหมือนดาบสองคม ถ้าใช้อย่างสร้างสรรค์ อย่างถูกวิธี เงินดิจิทัล เช่น คริปโทเคอร์เรนซี "อาจจะ" เกิดประโยชน์กับระบบเศรษฐกิจอย่างมาก แต่ถ้าใช้ไปในทางที่ผิด ก็ไม่พ้นที่ระบบเศรษฐกิจนั้นๆ สังคมนั้นๆ ต้องเกิดหายนะอย่างแน่นอน


2-3 อาทิตย์ที่แล้ว ผมเจาะไปที่ตลาดซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัล ชื่อ "บิทคับ" (Bitkub) ผู้ก่อตั้งชื่อ นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา หรือ ท้อป เด็กหนุ่มอายุ 30 ปีต้นๆ ผมได้เตือนแล้ว ผมไม่เห็นด้วย เพราะว่านายท้อป จิรายุส นั้น โฆษณาเต็มไปหมด ซึ่งเดี๋ยวผมจะพูดในเรื่องโฆษณาว่า ก.ล.ต. ท่านสบายดีอยู่หรือ ท่านออกกฎระเบียบแล้วท่านไม่จัดการเสียที

ก็ปรากฏว่า bitkub โดยนายท้อป จิรายุส ร่วมมือกับหลายๆ คน อย่างเช่น คุณวิชัย ทองแตง แล้วก็คนที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังก็คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี คุณชัยวุฒิ backup bitkub ถึงขั้นขนาดที่ว่าปล่อยให้ออกไปขายความคิดในเรื่องการเล่นคริปโทเคอร์เรนซีให้กับเด็กมัธยม ไปพูดจา ไปประชุม ไปให้การศึกษา แล้วก็ยังบอกเด็กว่า มีสิบบาทก็เล่นได้


ท่านผู้ชมครับ ผมพูดมาจนกระทั่งวันนี้ ผมยังยืนยันอยู่เหมือนเดิมว่า bitkub คือบ่อนการพนัน บ่อนการพนันที่แท้จริง และเป็นบ่อนการพนันห่วยๆ ที่นายบ่อนเอาเปรียบคนเล่น เก็บค่าต๋งแพงมาก แล้วก็ร่ำรวยมาจากการเก็บค่าต๋ง คนยิ่งเล่นมากเท่าไร เจ้าของ bitkub ก็ยิ่งรวยมากขึ้นเท่านั้น เพราะเป็นคนที่เก็บค่าต๋งทั้งซื้อและขาย บวกแล้วเท่ากับ 0.5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ที่อื่นเขาคิดกัน 0.2 เปอร์เซ็นต์

ท่านผู้ชมครับ ประสบการณ์ในชีวิตผม ผมผ่านวิกฤตมาแล้วหลายวิกฤต อายุ 75 ปี ไม่ได้มีอายุมายืนยาวขนาดนี้เพราะโชคช่วย วิกฤตชีวิตความเป็นความตาย วิกฤตการเมือง วิกฤตเศรษฐกิจ ต้มยำกุ้งปี 2540 ผมก็ผ่านมาแล้ว 2540 วิกฤตต้มยำกุ้ง คือ 25 ปีที่แล้ว นายท้อป ก็ยังแก้ผ้าเล่นน้ำฝนอยู่ แต่ผมผ่านมาหมดแล้ว เห็นความชอกช้ำ ความขมขื่น จากประสบการณ์ชีวิตผม ผมเห็นชัดว่า กระแสเห่อคริปโทเคอร์เรนซีในปัจจุบันไม่ได้ต่างไปจากการเล่นการพนันเลย การเข้าไปเปิดบัญชี ไปเทรดใน bitkub ก็ไม่ได้ต่างไปจากการชักชวนเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ให้เข้าบ่อนพนันที่เปิดอยู่ 24 ชั่วโมง ในมือของพวกเขาเอง


ท่านผู้ชมครับ เผอิญในสัปดาห์ที่แล้วมันมีปรากฏการณ์ขึ้นปรากฏการณ์หนึ่งซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย นั่นคือการเสื่อมมูลค่าลงอย่างกะทันหันของเหรียญคริปโทฯ ที่ชื่อ ลูนา (LUNA) ซึ่งเป็นเหรียญหลักของบล็อกเชน (Blockchain) ชื่อ เทอร์รา (Terra) มูลค่าหายไป 99.99 เปอร์เซ็นต์ เหมือนท่านผู้ชมลงทุนไป 100 บาท หลังจากเหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ที่ท่านมีอยู่ 100 บาท ท่านจะเหลือแค่ 0.01 สตางค์ ในภาพรวมตั้งแต่เกิดสงครามยูเครน ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย ราคาเหรียญดิจิทัลต่างๆ ก็ร่วงลงมาพัก ไม่ได้ต่างไปจากตลาดหุ้น เหรียญบิตคอยน์ (Bitcoin) ที่เคยขึ้นสูงสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ราคา 66,000 เหรียญสหรัฐ ตอนนี้เหรียญเหลือแค่ 30,000 ราคาลดลงไปกว่า 50 เปอร์เซ็นต์


มาพูดกันเรื่องเหรียญ LUNA หน่อยต้นปี 2565 เหรียญ LUNA เคยติดอันดับเหรียญมูลค่าระดับ TopTen เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เหรียญ LUNA ร่วงจากจุดสูงสุดลงมาเกิน 99.99 เปอร์เซ็นต์คือช่วงเดือนเมษายน 2565 ราคาเหรียญประมาณ 100-115 เหรียญสหรัฐหรือ 3,500-4,000 บาท ตอนนี้กลายเป็นเหรียญที่ราคาไม่ถึง 1 สตางค์ เมษายน-พฤษภาคม สองเดือนเองท่านผู้ชมจากเหรียญที่ราคาประมาณ 3,500-4,000 บาทเหลือไม่ถึง 1 สตางค์นี่คือ LUNA


ท่านผู้ชมครับ ผมเอากราฟให้ดูก็แล้วกัน ดูราคาเหรียญ LUNA ให้เห็น 4 เมษายน ขึ้นสูงสุด ประมาณ 4,000 บาท ผ่านมาเดือนกว่าๆ ตกมาเหลือ 600 บาท อังคารที่ 10 พฤษภาคม อีกวันหนึ่ง 11 พฤษภาคม ตกลงมาเหลือ 37 บาท มาวันที่ 12 พฤษภาคม เหลือ 10 สตางค์ ผมจะไม่พูดถึงรายละเอียดเรื่อง LUNA หรือเบื้องหลังการถูกโจมตีเงิน LUNA หรือเงินสำรองที่ทางผู้คิดค้นออกแบบให้เหรียญนี้เป็นสินทรัพย์อ้างอิงให้ซับซ้อน แต่ผมสรุปง่ายๆ ว่า กรณีสูญเสียมูลค่าเหรียญที่มูลค่า 4,000 บาท ให้เหลือเพียง 10 สตางค์ ในเวลาไม่กี่วันของเหรียญดิจิทัลที่ชื่อ LUNA นั้น ทำให้ทั่วโลกเกิดความไม่เชื่อมั่นในเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี อนุมานได้ว่าตลาดคริปโทเคอร์เรนซีปัจจุบัน อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ ไม่ได้ต่างกว่าบ่อนพนันออนไลน์ อย่างที่ผมเคยพูดไว้

เรามาดูผลพวงที่เกิดขึ้น คนเจ๊งคริปโทฯ ร้องระงม สื่อต่างประเทศรายงานมีคนฆ่าตัวตาย 12 พฤษภาคม เว็บไซต์เมโทร อังกฤษ รายงานว่า วิกฤตคริปโทเคอร์เรนซี บางคนสูญเสียบ้านที่อยู่อาศัย บางคนเสียเงินเก็บทั้งชีวิต บางคนตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง 11 พฤษภาคม ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีสูญเสียมูลค่าไปมากกว่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ท่ามกลางการเทขายของนักลงทุนที่ตื่นตระหนก

บิตคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่ง ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี ลงไปถึง 50 เปอร์เซ็นต์


หลายคน ข้อมูลมีหมด บนเว็บไซต์ เรดดิต (Reddit) นักลงทุนบอกว่าเขาสูญเสียการลงทุนเงินออมทั้งชีวิต เขาเคยซื้อเหรียญ LUNA ซึ่งเป็นของคนเกาหลี ในราคาเหรียญละ 85 เหรียญ วันนี้เขาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ อีกคนก็บอกว่า เขาสูญเสียเงิน 15,000 เหรียญสหรัฐ หรือกว่า 520,000 บาท จากการถือเหรียญ LUNA ซื้อมาเหรียญละ 100 กว่าเหรียญ เมื่อเดือนที่แล้ว บางคนให้สัมภาษณ์เว็บไซต์เรดดิต ฉันเสียเงินไปมากกว่า 450,000 เหรียญ ฉันไม่มีเงินจ่ายหนี้ธนาคาร ต้องสูญเสียบ้าน และจะไม่มีบ้านอยู่ เพื่อนร่วมงานฉันพยายามฆ่าตัวตาย

ท่านผู้ชมครับ แล้วประเทศไทยล่ะ ? ไม่ต่างกันหรอกท่านผู้ชม จากจำนวนของคนที่ถูกชักจูงเอาเงินเก็บเข้าไปในตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะ bitkub ที่พยายามเร่งเพิ่มจำนวนบัญชีจากไม่กี่แสนคน กลายเป็น 3 ล้านคน ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน ผมเอาให้ดูแล้วกันครับ แม้กระทั่งไรเดอร์ส่งอาหารก็ยังเล่น bitkub เขาแชร์ประสบการณ์การหมดตัวจากเหรียญ LUNA เขาเล่น LUNA ด้วยนะ


"เผื่อเป็นประโยชน์ต่อหลายๆ คนครับ ผมแค่อยากแชร์ประสบการณ์จริงๆ LUNA ปีที่แล้ว 700,00 ปีนี้ 1 ล้านกว่า หมดสิ้นทุกอย่าง เงินเก็บทั้งชีวิต ทำงานมาเหนื่อย ดิ้นรนตั้งแต่เด็กยันโตถึงวันนี้ สุดท้ายหมดไปกับคริปโต ไม่เคยคิดจะเกิดขึ้นกับตัวเอง เหรียญอันดับต้นๆ ของโลก จะมีจุดจบเป็น 0 เพียงแค่ 2 คืน หลับๆ ตื่นๆ กินไม่ได้ นอนก็สะดุ้ง จนวันนี้เป็นที่แน่นอน ตายเรียบ 100% เหมือนหมดสิ้นความหวัง จุดหมายในชีวิตที่วางไว้ ผมแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ถึงวันพรุ่งนี้ ถ้าไม่ติดที่มีห่วง แม่ หลายๆ ที่ต้องรับผิดชอบ

ทั้งชีวิตเกิดมาไม่เคยมีคำว่าความสุขจริงๆ จนมีวันนี้ ที่มีเงินเก็บ 7 หลัก และทุกอย่างก็พรากจากผมไป ทั้งเงิน ทั้งสภาพจิตใจ มองซ้าย มองขวา ก็มืดไปหมด ไม่รู้เป็นเวรกรรมอะไรที่เคยทำไว้กับใคร ขอให้หมดในชาตินี้ด้วย ความเป็นมนุษย์แทบจะไม่หลงเหลือแล้ว"

เน็ตไอดอล ตัวจริงเลย น้องมะมิงค์ มิ่งโกมุท คงสวัสดิ์ มีคนติดตามเธอประมาณล้านกว่าคน เธอโพสต์ข้อความลง "ใครอยากมีเงิน 1 หมื่นในพริบตา ให้เอาเงิน 1 ล้านไปลงทุนในคริปโต แล้วชีวิตคุณจะเปลี่ยนไป เหมือนที่ผู้ชายหน้าตางงๆ คนนั้นบอกในป้าย" (ผู้ชายหน้าตางงๆ หมายถึง ท้อป จิรายุส) "ลาก่อน KUB, BTS, LUNA เสียเวลาบ้าบอ"


เชื่อใครดีล่ะ ? ผมเอาโปสเตอร์ขึ้นมาให้ดู คุณท้อป มีโปสเตอร์โฆษณาว่า "bitkub เชื่อมทุกโอกาส สู่โลกแห่งอนาคต" อนาคตอะไรของคุณ อนาคตของความฉิบหาย หมดเนื้อหมดตัวไง ง่ายนิดเดียว แล้วคุณน้องมะมิงค์ ก็พูดเจ็บมากเลย ผมทวนให้อีกที "ใครอยากมีเงิน 1 หมื่นในพริบตา ให้เอาเงิน 1 ล้าน ไปลงทุนในคริปโต แล้วชีวิตคุณจะเปลี่ยนไป เหมือนที่ผู้ชายหน้าตางงๆ คนนั้นบอกในป้าย" บอกในป้ายว่าเชื่อมทุกโอกาสสู่โลกแห่งอนาคต


ท่านผู้ชมครับ นี่คือคนที่เล่น bitkub นะ "ตอนนี้สถานการณ์การลงทุนของตนเองคือ เจ๊งทุกพอร์ต ทั้งพอร์ตคริปโตที่ซื้อเอง พอร์ตคริปโตที่ฝากใจไว้กับสเตเบิลคอยน์เพื่อเอิร์น พอร์ตกองทุนที่ซื้อเองเลือกเอง พอร์ตกองทุนที่ฝากใจไว้กับโรโบเทรด พอร์ตจีน พอร์ตเวียดนาม พอร์ตธีมเทคโนโลยีต่างๆ ออปชั่นหุ้นบริษัทตัวเอง ไม่มีพอร์ตไหนขึ้นเลยสักพอร์ต ก็ได้แต่หวังว่านี่จะเป็นแค่ช่วงครู่เดียว อีกสามปีห้าปีมองกลับมาก็จะตลกได้ คิดว่าตัวเองยังโชคดีที่ไม่ได้เอาเงินร้อนไปลงทุน ทำให้ไม่ต้องรีบเอาออกมาใช้มาก ต้องทำใจร่มๆ แล้วคิดว่ามันจะผ่านไป เอาเงินไว้ตรงไหนตอนนี้ก็เหมือนๆ กัน ทุกคนแพ้หมดโดยถ้วนหน้า ไม่อยากเป็นคนที่ออกมาพูดแต่ตอนที่ได้กำไร ตอนที่เสียก็เลยพูดไว้ จะได้เตือนใจตัวเองในอนาคตด้วย ทุกคนที่ขาดทุน เราคือเพื่อนกันครับ"


มันเป็นบ่อนการพนัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมมันถึงบทที่จะเจ๊ง มันก็เจ๊งไปเลย เหมือนท่านเล่นการพนัน มันมีเจ้ามือ เล่นกันไปเล่นกันมา และที่สำคัญ ร้ายที่สุดก็คือว่า ท่านแทงไปเท่าไร ก็โดนเก็บค่าต๋ง เจ้าของบ่อนที่เก็บค่าต๋งคือตัวร้าย

"ทั้งพอร์ตเหลือแค่ 17% ทำไงดีคะ จะเหลือ 0% ไหม จะรีบขายหมดเลยดีไหม ถ้าไม่ขายแล้วเหลือ 0 จะทำไงดีคะ โอย..มึนหัวไปหมดแล้วค่ะ"


"จาก 4,000 บาท เหลือ 140 บาท น่ากลัวมากกกก ถ้าซื้อที่ยอด 100,000 บาท ณ ตอนนี้ เงินจะเหลือแค่ 3,500 บาท #LUNA"


ท่านผู้ชมครับ "จาก 90,000 บาท เหลือ 65 บาท จาก 800,000 บาท เหลือ 2,000 บาท" "จาก 7 แสน สู่ 7 หมื่น"

ท่านผู้ชมครับ อันนี้คนเบี้ยน้อยหอยน้อย บอกว่า ขอเงินพ่อแม่มาเล่น จาก 2,000 บาท เหลือ 10 บาท จาก 750,000 บาท เหลือ 59 บาท จาก 30,000 บาท เหลือ 105 บาท "จาก 3 ล้านบาท เหลือ 70,000 บาท ไม่มีแรงทำอะไรเลย กินข้าวแทบไม่ลง" จาก 1.5 ล้านบาท เหลือ 508 บาท จาก 3 แสนบาท เหลือ 845 บาท


ท่านผู้ชมครับ ถึงเวลาหรือยัง ตื่นครับท่านผู้ชม ตื่นได้แล้วคนที่เล่น bitkub เลิกมโนเสียที เลิกบอกว่าไม่จริง กำไร bitkub การเชื่อมต่ออนาคตของคุณท้อป อนาคตคือ เจ้าของบ่อน คือท้อป รวยเอาๆ เพราะว่ากินค่าต๋งไปตลอดวเลา ผมบอกแล้วว่านี่คือบ่อนการพนัน bitkub แล้วไทยพาณิชย์ โดยการสนับสนุนของคุณวิชิต สุรพงษ์ชัย สนับสนุนซีอีโอคนใหม่ อาทิตย์ แล้วก็มีคนที่เป็นกรรมการของธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งมาจากสำนักพระราชวัง สามคนนี้เห็นด้วย ร่วมด้วยในการที่มาซื้อบ่อนการพนันที่ชื่อ bitkub ผมอยากจะฝากคนที่รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท แล้วถูกส่งมาเป็นกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ ให้ระวังตัว เห็นหรือยัง อย่านะครับ คุณอย่าไปลงทุน นี่ไม่ใช่การลงทุนเลยนะ นี่เป็นการเข้าไปเล่นการพนัน


ท่านผู้ชมครับ มีผู้บริหารกองทุนใหญ่กองทุนหนึ่ง ประเมินให้ผมฟังว่า ในช่วงวิกฤตคริปโทฯ รอบนี้ ความมั่งคั่งของคนไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ หายไป 50,000 ล้านบาท ที่วิกฤตนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน ท่านผู้ชมครับ จากบัญชี 3 ล้านคน อาจจะเล่นจริงได้ครึ่งหนึ่ง คือ 1.5 ล้านคน ผมตีกลมๆ ว่าเฉลี่ยลงทุนคนละ 1 แสนบาท ก็ตก 150,000 ล้านบาท รอบนี้มีคนเจ๊งตั้งแต่ 20 เปอร์เซ็นต์ ไปจนถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ผมเฉลี่ยให้เจ๊ง 50 เปอร์เซ็นต์ ก็แล้วกัน ก็เหลือ 75,000 ล้านบาท แล้วเงินที่เหลือหายไปไหน ? หายไปจากกระเป๋าคนรุ่นใหม่ คนที่กำลังอยู่ในวัยทำงาน กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว ยังไม่ประสีประสากับการลงทุน การกระจายความเสี่ยง แล้วกว่าจะกู้เงินพวกนี้กลับมาต้องใช้เวลานานแค่ไหน

ท่านผู้ชมครับ นี่คือการประเมินอย่างคร่าวๆ แล้วพวกคุณ bitkub คุณท้อป กล้าปฏิเสธสิ่งที่ผมพยายามชี้ให้เห็นว่าจากบ่อนการพนันออนไลน์ มันกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตสังคมระดับชาติ ได้ง่ายๆ ความอำมหิตของคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคน

ท่านผู้ชมครับ ผมจะจบเรื่องนี้ด้วยการตั้งคำถามถึง ก.ล.ต. ผมได้ข่าวว่ามีคนซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ ก.ล.ต. หลายคน ลาออกจาก ก.ล.ต. แล้วไปทำงานกับ bitkub ก็เลยไม่น่าประหลาดใจว่าทำไม bitkub ถึงเหมือนกับเป็นบ่อนการพนันที่มีอิทธิพลสูงอยู่ใน ก.ล.ต. ทำไมผมถึงพูดว่ามีอิทธิพลสูง ?

เพราะว่าวันที่ 3 กุมภาพันธ์ คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติ ให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การโฆษณาผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทุกประเภทให้มีความชัดเจนและเหมาะสมมากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้ความคุ้มครองผู้ซื้อ-ขาย และเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแล ซึ่งสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับดูแลในต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ สเปน อังกฤษ และญี่ปุ่น โดยจะปรับปรุงเกณฑ์การโฆษณาที่เกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีทั้งหมด หนึ่ง ต้องไม่เป็นเท็จ ไม่เกินความจริง ไม่บิดเบือน ไม่ปิดบัง ทำให้สำคัญผิดในสาระสำคัญ แล้วการที่เจ้าของคริปโทเคอร์เรนซีมาโฆษณาบอกว่า คริปโทเคอร์เรนซีก็คือเส้นทางเชื่อมต่ออนาคต อันนี้ถือว่าเกินความจริงหรือเปล่า อนาคตมันไม่ได้เกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีนะ วันนี้ที่คนบอกว่าคริปโทเคอร์เรนซีในเมืองนอกสามารถเอาไปจ่ายแทนโน่นแทนนี่ ลองไปดูอีกครั้งสิวันนี้ คนที่เคยรับคริปโทเคอร์เรนซีมา ในต่างประเทศนะ คงจะไม่มีใครรับเลย เพราะเคยรับมาในราคาที่ 200 บาท 1,000 บาท วันนี้เหลือแค่ 10 สตางค์ ใครจะกล้ารับอีก ตลาดพังไปแล้ว แล้วในเมืองไทยใครจะกล้ารับคริปโทฯ มีเล็กๆ น้อยๆ ร้านอาหารรับคริปโทฯ ไม่มีความหมาย

ต้องระบุคำเตือนเรื่องความเสี่ยงตามที่ ก.ล.ต. กำหนดอย่างชัดเจน และสังเกตได้ง่าย ถ้าจะโฆษณาบอกว่า การเข้ามาเล่นคริปโทเคอร์เรนซีนั้น มีอัตราเสี่ยงที่อาจจะหมดเนื้อหมดตัวได้ ต้องขนาดนี้เลย สาม ห้ามโฆษณาเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีในพื้นที่สาธารณะ ขณะที่การโฆษณาเกี่ยวกับการให้บริการยังคงสามารถทำได้ในพื้นที่สาธารณะ และช่องทางอื่น ให้บริการได้ เช่น หากต้องการจะซื้อ-ขายคริปโทเคอร์เรนซี ให้มาใช้บริการ bitkub เราให้ความยุติธรรม เราคิดค่าบริการไป 0.25 เปอร์เซ็นต์ กลับ 0.25 เปอร์เซ็นต์ อันนี้ให้ได้ แต่พอคริปโทเคอร์เรนซีบอกว่ามี 1,000 บาท ก็เล่นได้ อันนี้คือการเชื้อชวนเล่นการพนัน

สี่ ต้องควบคุมดูแลการโฆษณาบริษัท และบริษัทในกลุ่มที่อยู่นอกเหนือการกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกิจการ รวมทั้งผู้ทำโฆษณา ผู้ที่มีผลต่อการตัดสินใจต่อผู้ใช้บริการในสังคมออนไลน์ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ห้า ให้ยกเลิกการจัดให้มีผู้แนะนำรายชื่อลูกค้าให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจคริปโทเคอร์เรนซี ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้ความคุ้มครองผู้ซื้อ-ขาย และเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแล ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์การกำกับดูแลในต่างประเทศ

ท่านผู้ชมครับ นี่คือระเบียบ ก.ล.ต. ออกมาอย่างนี้ ผมยังเห็นโฆษณาของผู้ชายหน้างงๆ ที่เน็ตไอดอลพูดมา โฆษณาเต็มที่ bitkub คือเส้นทางเชื่อมต่อไปสู่อนาคต มี 10 บาท ก็เล่นได้ ไปดูสิครับ โฆษณาเต็มไปหมดเลย ยังโฆษณาเต็มไปหมด นอกจากนั้นแล้ว ผมจะเรียนถึงท่านนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีฯ ชัยวุฒิ คนที่เป็น IO นายกฯ ช่วยเตือนท่านนายกฯ หน่อย


18 พฤษภาคม 2565 ในเพจของนายท้อป จิรายุส ป่าวประกาศว่า bitkub Capital Group Holdings ได้รับรางวัล Prime Minister's Digital Award ในสาขา Digital Startuup of the Year 2021 จัดขึ้นโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เข้ารับรางวัลจากนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ต่อท่านนายกฯ เกี่ยวกับความสำคัญของบล็อกเชนต่อเศรษฐกิจในอนาคต มีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ อยู่พร้อมหน้า ณ ตึกสันติไมตรี


ท่านนายกฯ ครับ คุณชัยวุฒิ ครับ ไม่รู้สึกรู้สาบ้างหรือ คนเจ๊งกันทั่วประเทศแบบนี้ แล้วดูให้ดีคุณก็เห็นว่า bitkub ที่คุณให้รางวัลนายท้อป ก็คือบ่อนการพนัน ตอนนี้ทั่วทั้งโลกเขาพิสูจน์ชัดแล้วว่า คริปโทเคอร์เรนซี เทรดดิ้ง (Cryptocurrency Trading) คือบ่อนการพนัน ท่านนายกฯ และคุณชัยวุฒิ ปลื้มเหรอ ท่านนายกฯ รู้ไหมว่าคนที่หนุนหลังนายท้อป จิรายุส ก็คือนายชัยวุฒิ นี่เองล่ะ นี่ขนาดได้ระดับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้ อันนี้ถือว่าโฆษณาเกินเลยหรือเปล่า เพราะว่า bitkub โดน ก.ล.ต. ลงโทษไป 9 ครั้ง 10 ครั้ง คุณชัยวุฒิ ไม่รู้เรื่องนี้เลยหรือ ท่านนายกฯ ไม่รู้ใช่ไหมว่ารางวัลที่ท่านนายกฯ ให้นั้น เจ้าของรางวัล บริษัทนี้ มันโดน ก.ล.ต. ลงโทษว่าทำผิดระเบียบไป 9-10 ครั้ง แล้วได้รางวัลมาได้อย่างไร ท่านนายกฯ กำลังให้รางวัลกับเจ้าของบ่อนการพนันหรือเปล่า แล้วผมจะเรียนให้ทราบอย่างหนึ่งนะ เลิกบ้าบอคอแตกเสียทีว่า bitkub คือ สตาร์ตอัป (Startup) มันไม่ใช่สตาร์ตอัป ถ้า bitkub เป็นสตาร์ตอัป บ่อนการพนันออนไลน์ก็เป็นสตาร์ตอัปด้วยไม่ใช่หรือ ตลกมาก เอาธุรกิจที่มีเนื้อหาสาระเหมือนการพนันเอามาแล้วอ้างว่าเป็นสตาร์ตอัป ผมไม่รู้ว่าจะทุเรศขนาดไหนแล้วประเทศไทย


คุณชัยวุฒิ คุณคิดผิด คิดใหม่ได้นะ แล้วที่สำคัญ คุณไปหลอกนายกรัฐมนตรีดอกหนึ่ง ท่านนายกฯ ท่านโดนแหกเนตรไปแล้ว

ท่านผู้ชมครับ ปกติธรรมดาแล้ว สมัยที่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ตอนที่ดำรงตำแหน่งรองนายกฯ นั้น ดร.สมคิด จะเดินสายปาฐกถาพิเศษตลอดเวลา หลายๆ เรื่อง แล้วปาฐกถาหลายอันก็เป็นที่น่าสนใจของผู้ที่ใฝ่รู้ นักลงทุน และพ่อค้าทั้งหลาย แต่ตั้งแต่ออกจากตำแหน่งรองนายกฯ ตั้งแต่ลาออกไปแล้ว นี่ก็ร่วมสองปีแล้ว ดร.สมคิด เก็บตัวเงียบ ไม่พูดอะไรเลย มาเป็นข่าวตอนที่พรรคสร้างอนาคตไทย ที่มีคุณอุตตม สาวนายน และคุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นหัวหน้าพรรค และเลขานุการพรรค ประกาศว่าจะชูคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ขึ้นมาเป็นนายกฯ


อาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม หลังจากที่สองปีเงียบมาตลอด ดร.สมคิด ขึ้นปาฐกถาพิเศษในวันปิดหลักสูตรผู้นำการเปลี่ยนแปลงรุ่นที่ 12 ซึ่งจัดโดยมูลนิธิสัมมาชีพ ในหัวข้อ "สัมมาชีพ กับประเทศไทย หัวใจในการขับเคลื่อนประเทศ" ท่านผู้ชมครับ เนื้อหาสาระในการปาฐกถานั้น ดร.สมคิด ได้ชี้ให้เห็นว่า 6 ปัญหาทั้งภายนอก-ภายใน ที่เกิดขึ้นและน่าห่วงใยว่าจะฉุดประเทศในวิกฤตซ้อนวิกฤต จากสงครามโรคโควิด และสงครามยูเครน ที่ส่งผลกระทบรุนแรงทางเศรษฐกิจและการเมือง และมีความเสี่ยงในอนาคตที่ไม่แน่นอน

ดร.สมคิด บอกว่า รัฐบาลต้องคิดล่วงหน้าหนึ่งก้าวเสมอ

ปาฐกถาครั้งนี้ของ ดร.สมคิด เป็นที่น่าสังเกตอย่างหนึ่ง เต็มไปด้วยคำว่า "ห่วงใย" ท่านผู้ชม ตอนนี้มีแต่คนห่วงใย ท่านนายกฯ ก็ออกมาบ่นว่าห่วงใยโน่นห่วงใยนี่ ห่วงในไปหมด คราวนี้ ดร.สมคิด ก็ห่วงใยเหมือนกัน


ดร.สมคิดพูดถึงข้อแรกว่าสถานการณ์โลกตอนนี้อยู่ในความเสี่ยงมีความไม่แน่นอนสูงมากจากเรื่องโควิด-19และความขัดแย้งในรัสเซีย-ยูเครนและที่สำคัญที่สุดนี่ดร.สมคิดไม่ได้พูดผมจะพูดต่อให้ฟังว่าจริงๆแล้วความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้นับวันมีแต่จะรุนแรงขึ้นโอกาสที่จะเกิดการปะทะกันเป็นจุดๆในโลกนี้และแน่นอนที่สุดก็จะต้องส่งผลกระทบต่อสภาวะสังคมเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศในโลกนี้หมดมีสูงมากเร็วๆนี้ผมจะเล่าให้ฟังว่าตอนนี้ทั่วโลกเริ่มมีการวางกำลังที่จะเผชิญหน้ากันหมดแล้วซึ่งไม่เคยมีใครทำเรื่องนี้มาก่อนผมจะทำให้ดูทำแผนที่ให้เรียบร้อย

ดร.สมคิดพูดถึงระดับเงินเฟ้อซึ่งทุกคนก็รู้หมดว่าจะเป็นตัวการที่จะทำให้มีปัญหาความปั่นป่วนมาก

ประการที่สองดร.สมคิดพูดว่าในสถานการณ์ไม่ปกติต้องใช้วิธีการบริหารจัดการแบบไม่ปกติแบบพิเศษท่านพูดถึงเรื่องการใช้กลไกธนาคารชาติธนาคารพาณิชย์ในภาวะปกติมาใช้กับภาวะการณ์ที่ไม่ปกติก็จะไปไม่ถึงคือในที่สุดแล้วต้องหากลไกที่ไม่ปกติกลไกนอกรูปแบบคิดนอกกรอบเพื่อให้เขาอยู่รอดถ้าเรามัวแต่ภาคภูมิใจในเรื่องของเรามีเงินตราต่างประเทศสูงเป็นอันดับ 12ของโลกแล้วเราภูมิใจตรงนั้นเราภูมิใจแบบผิดๆแล้วในภาวะไม่ปกติแบบนี้จะใช้วิธีการบริหารการคลังในภาวะปกติไม่ได้ดร.สมคิดบอกว่าเสาหลักในการบริหารการคลังนั้นมีผู้แทน 4สถาบันมีผู้อำนวยการสำนักงบประมาณปลัดกระทรวงการคลังผู้ว่าฯแบงก์ชาติและเลขาธิการสภาพัฒน์


ดร.สมคิด บอกว่า ในภาวะปกตินั้น 4 สถาบันพยายามประนีประนอมกับภาคการเมือง ให้แต่ละกระทรวงเสนองบประมาณและควบคุมพอประมาณ ส่งให้ ครม. ตัดสินใจและส่งไปสภาฯ เพื่อแปรญัตติ แต่ ดร.สมคิด บอกว่า ในภาวะที่ไม่ปกติ เพราะอนาคตข้างหน้ามีภาระหนักหน่วงที่ 4 สถาบัน ต้องทำหน้าที่ให้เต็มที่ มีทิศทางชัดเจนว่าจะเอาประเทศไทยไปทางไหน ต้องกล้าคิด กล้าเสนอ จะรอให้การเมืองคิดอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะฝากความหวังไว้ที่พวกคุณ เพราะพวกคุณเป็น 4 เสาหลักของแผ่นดิน ถ้าพวกคุณเสียงแข็ง ใครก็เขย่าคุณไม่ได้

ดร.สมคิด พูดต่อว่า ต้องบริหารจัดการ ถ้าเราไม่ดูแลมันให้ดี มันจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า เงินเฟ้อของซัปพลาย ประเทศจะเสียหาย ทุกอย่างต้องมีคำตอบ มีทางออก บางฝ่ายรับผลกระทบมาก บางฝ่ายกระทบน้อย

ดร.สมคิด ยกตัวอย่างเรื่องพลังงาน ท่านพูดบอกว่า ยกตัวอย่างเรื่องพลังงานก็รู้ว่าราคาพลังงานที่มีตัวแปรไม่กี่ตัว เรื่องของวัตถุดิบ เรื่องของสูตรการผสม เรื่องค่ากลั่น ค่าการตลาด เรื่องภาษี เรื่องของเงินสนับสนุน ตัวแปรเหล่านี้จะปล่อยให้ไปเรื่อยๆ ไม่ได้ ต้องเข้าไปบริหารจัดการ สิ่งที่เคยทำในภาวะปกติจะมาใช้ข้างหน้า เป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างเป็นแบบอัตโนมัติอย่างเดิมไม่ได้ เมื่อมีการกระทบ ต้องดูแลว่าช่วยเหลือกันอย่างไร


ดร.สมคิด พูดชัดเจนว่า ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 1-12 เราอาศัยปัจจัยภายนอกสร้างการเติบโต เราหวังจะมีความมั่งคั่งเกิดขึ้น เฉลี่ยลงไปข้างล่างได้ อำนาจในการซื้อจะมากขึ้น นี่คือสิ่งที่เราเรียน เราเรียนมาจากตะวันตก แต่ในระบบทุนนิยมที่การเมืองไม่ได้แข็งแรง ไม่ได้มีความกรุณาปรานีกับใคร กลายเป็นว่าความมั่งคั่งกระจุกตัว ไปไม่ถึงข้างล่าง รากฐานยิ่งอ่อนแอ ยิ่งอาศัยปัจจัยภายนอก นโยบาย มาตรการทั้งหลายก็เน้นไปที่การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ให้มีการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อให้มีการส่งออก

ดร.สมคิด เตือนว่า ที่พูดมานี้ ปัจจัยเหล่านี้อ่อนแรง เพราะว่าเศรษฐกิจโลกมีปัญหา ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เงินเฟ้อ ของแพง แล้วเอาเงินที่ไหนมาสนับสนุนส่งเรา ดร.สมคิด พูดเลยว่า คิดถึงรัชกาลที่ ๙ เพราะตอนนั้นเรายังเด็กเกินไป ไม่เข้าใจ แต่วันนี้เหตุการณ์มันมาถึงแล้ว คือการระเบิดจากภายใน การสร้างความเข้มแข็งจากภายใน เพื่อให้เราทุกคนสามารถยืนบนขาตัวเองให้ได้ อันนี้เป็นวิธีที่จำเป็นมาก

ดร.สมคิด เสนอแนวทาง 3 ข้อ ในเรื่องนี้ หนึ่ง กระจายอำนาจการบริหารและการคลังของประเทศ สอง ต้องโฟกัสเศรษฐกิจภายใน ไม่ใช่ภายนอก ไม่ใช่หวังที่จะมีคนเอามาลงทุนให้ตลอดเวลา สาม ต้องเปลี่ยนทัศนคติในการบริหาร การจัดการ ตรงนี้ ดร.สมคิด ได้พูดออกมา แหกกรอบออกมาเลย ดร.สมคิด บอกว่ากระทรวงที่สำคัญที่สุดที่ท่านมองว่าจะเป็นอาวุธทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ท่านผู้ชมเดาสิ คือกระทรวงมหาดไทย ที่ครอบคลุมภาระหน้าที่ลงลึกถึงหมู่บ้าน ครัวเรือน มีกำลังมีพร้อม แต่มีปัญหาอย่างหนึ่ง กระทรวงมหาดไทย ที่เป็นปัญหาดั้งเดิมจนกระทั่งปัจจุบันก็ยังเป็นปัญหาเดิม ไม่มีใครแก้ไขเปลี่ยนแปลง เพราะว่าผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่รัฐมนตรีลงไป จนถึงระดับผู้ว่าฯ ลงไปถึงข้างล่าง ความคิดอ่านและทัศนคติไปในเชิงการปกครอง ไม่ใช่การพัฒนา ซึ่งก็เป็นความจริง ประเทศไทย ท้องถิ่นไม่ไปไหนเลยก็เพราะว่าคนบริหารคิดแบบปกครอง ไม่ได้คิดแบบพัฒนา


ข้อที่สี่ ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยเริ่มถดถอย แข่งไม่ได้แล้วในหลายประเทศ ดร.สมคิด พูดถึงเรื่องอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ยกตัวอย่าง อินโดนีเซียมีข้อได้เปรียบมากในเรื่องวัตถุดิบ และตลาด แต่ของไทยยังช้าอยู่ เพราะว่าไปเกรงใจค่ายรถยนต์ของญี่ปุ่น ทำให้ไทยเปลี่ยนแปลงช้า เพราะค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นมีอิทธิพล มีบทบาท มีผลประโยชน์กับผู้มีสิทธิตัดสินใจ ทำให้การผลักดันรถไฟฟ้าในเมืองไทยช้ามาก

ท่านพูดบอกว่า อีอีซี คือการดึงอุตสาหกรรมเป้าหมายมาลงทุนในไทย ก็ยังช้า ท่านพูดในทำนองว่า ไม่มีใครมาดูแล อีอีซี เลย นายกรัฐมนตรีก็เก่งเฉพาะวาทกรรม

ประการที่ห้า ดร.สมคิด ย้ำเลยว่าสำคัญมาก นั่นคือการมีบทบาทของไทยในเวทีโลกของไทย ดร.สมคิด ยืนยันว่า จุดยืน ข้อเสนอใหม่ๆ ของไทยในภูมิภาคอาเซียนเบาบางลงไปมาก การเป็นศูนย์กลางของอาเซียนก็ลดบทบาทลง และตรงนี้จะมีผลในการโน้มน้าวการเข้ามาลงทุนของบริษัทขนาดใหญ่ จะทำได้ยาก สิ่งที่ต้องทบทวนและตั้งคำถาม คือ ปัจจุบันนี้เรายังมีความสามารถในการแข่งขัน หรือไม่มีบทบาทในอาเซียนหรือเปล่า วันนี้เป็นอย่างไร เราต้องมารีวิวกันใหม่ เรารู้ว่าจีนคือมหาอำนาจใหม่ 1 แถบ 1 เส้นทาง ของเขา เขาเอาจริงจังมาก เราก็รู้ว่าเราสามารถเอาตัวเราไปเจาะเข็มขัดเส้นนี้ และ One Belt, One Road 1 แถบ 1 เส้นทาง แต่มันผ่านไทยที่ไหนล่ะวันนี้ ไม่มีผ่านเลย พูดง่ายๆ คือเราสอบตก ตกขบวนรถไฟเขาไปแล้ว แต่เราต้องพลิกวิกฤตการณ์เรา เอาตัวเรา เอา อีอีซี ไปเกาะเกี่ยวไว้ แล้วทำให้เขาเชื่อมั่นว่าตรงนี้จะเป็นจุดเชื่อมโยงไปสู่อาเซียน แต่เราก็ไม่พัฒนามันเดินหน้าต่อไป มีแต่วาทกรรมสวยหรูเท่านั้น แต่ไม่มีอะไร


เรารู้ว่าญี่ปุ่นสำคัญ ทำอย่างไรให้ไทยต้องทำให้ญี่ปุ่นอยู่กับจีนได้ ขณะเดียวกัน ไทยกับอเมริกาก็ยังแน่นแฟ้น เราต้องสร้างความสมดุลการลงทุน การติดต่อค้าขายกับยักษ์ใหญ่ สิ่งนี้เราต้องทำ ถ้าคุณไม่มีสิ่งเหล่านี้เลย คนจะไม่รู้จักไทย จะมองไม่เห็นว่าประเทศไทยมีความสำคัญ เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี เขาจะมองข้ามไป แต่ตอนนั้นยังไม่ถึงจุดนั้น อย่าให้มันไปถึงจุดนั้น ต้องเร่งช่วยกันทำให้มันเข้มแข็งขึ้น

ประการที่หก ประการสุดท้าย ดร.สมคิด พูดถึงการขาดพลังในการรวมกันภายในชาติอย่างมีเอกภาพ คือความสามัคคีในชาติที่ต้องมีการใช้พลัง ให้รวมความสามัคคีอย่างมีเอกภาพ ความแตกแยก แบ่งขั้วแบ่งเหล่า ความจริงความคิดแตกต่างกันได้ ความเห็นแตกต่างกันได้ แม้มีขั้วก็ทำได้ แต่อย่าไปถึงขั้นเอาเป็นเอาตาย ปฏิปักษ์ อยู่กันไม่ได้ สังฆกรรมกันไม่ได้ มันบั่นทอนทรัพยากรประเทศให้เบาบางลง ในภาวะที่เราต้องการระดมความสามารถทั้งประเทศ ความแตกต่างกันนี้ไม่ได้เพียงไม่เบาบางลง มันยังขยายขอบเขตกระทั่งไปสู่ช่องว่างระหว่างวัยไปแล้ว ฉะนั้นการให้ความสำคัญแก่เขา การรับฟัง การให้การยอมรับต่อเขา เป็นสิ่งจำเป็นมาก การสื่อสารต้องมี เราต้องยอมรับว่าเราอยู่สังคมเดียวกัน ช่องว่างตรงนี้ต้องรีบปิด ไม่อย่างนั้นจะไปสู่การถูกแบ่งแยกด้วยวัย ซึ่งไม่เป็นผลดี

ดร.สมคิด มองว่า ในการแก้ปัญหานี้มันมี 3 ข้อ ท่านบอกว่า ประการแรก การเมืองที่ดีคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ประการที่สอง ภาวะผู้นำการเมืองมีความสำคัญอย่างยิ่ง ผู้นำแต่ละสถานการณ์มีความแตกต่างกันในยามไม่ปกติ ต้องมีความชัดเจนในภาพของปัญหาและแนวทางแก้ไข แต่นักการเมืองมีเจตจำนงต่อรองจัดสรรผลประโยชน์และอำนาจ จะเลือกตั้งกี่ครั้งก็ยังเป็นภูเขาที่เขยื้อนไม่ได้ ก็เอาคนที่ดีที่สุด ที่เก่งที่สุด มาช่วย

ดร.สมคิด ยกตัวอย่างของประเทศจีน ยกตัวอย่างง่ายๆ เห็นเมืองจีนแข็งแรงขึ้นมาได้ เมืองจีนมีประธานเหมาฯ เริ่มต้นด้วยการสร้างชาติ แต่บริหารจัดการไม่ได้ ก็เลยต้องให้เติ้ง เสี่ยวผิง ปฏิรูปประเทศ ผ่านมาในวัยเกือบ 80 ปี เติ้ง เสี่ยวผิง ให้ตัวแทน คือ เจียง เจ๋อหมิน สร้างประเทศให้ทันสมัย เมื่อมองเห็นช่องว่างระหว่างคนจน-คนรวย ยิ่งวันยิ่งห่างขึ้น ก็เลยตั้ง หู จิ่นเทา ปิดช่องว่าง ดูแลคนตัวเล็กให้เกิดได้ จนกระทั่งมาถึง สี จิ้นผิง ก็ลงลึกแก้ไขความยากจนในหมู่บ้านท้องถิ่น แนวความคิดของเขาเป็นขั้นตอน เป็นเป้าหมายที่ชัดเจน ผู้นำเหล่านั้นของจีนให้บทเรียนอย่างหนึ่งว่า ผู้นำแต่ละสถานการณ์มันคนละอย่าง มันยากมากที่จะอยู่ในคนๆ เดียวกัน


วินสตัน เชอร์ชิล เป็นนายกฯ อังกฤษในยามสงครามที่เก่งมาก พอสงครามสงบก็เจ๊งเลย อันนี้ชัดเจน ในยามไม่ปกติ ปัจจัยเรื่องความเคลียร์ชัดเจนในภาพปัญหาในทิศทางการแก้ไข ต้องชัดเจน ไม่ใช่วิสัยทัศน์ มันบอกไม่ได้หรอกว่าวิสัยทัศน์ถูกหรือผิด แต่ความเข้าใจปัญหาต้องชัดเจน การตัดสินใจต้องชัดเจน แน่นอน ไม่โลเล และ Political View เป็นปัจจัยหนึ่งที่จำเป็นมาก ไม่ใช่ความมุ่งมั่นการเลือกตั้ง มันเป็นคนละเรื่อง มันเป็นเจตจำนงที่ตั้งใจเปลี่ยนแปลงให้ประเทศดีขึ้น ไม่ใช่เจตจำนงของผู้นำคนเดียว เพราะในสังคมหนึ่ง ผู้นำมันเป็นชั้นๆ สภาก็ใช่ คุณปฏิรูปประเทศไม่ได้ถ้าไม่มีการออกกฎหมายที่จะเปลี่ยนแปลง พรรคการเมืองก็ชัด ถ้าคุณมองโครงสร้างการเมืองแบบนี้ เลือกตั้งเมื่อไรก็จะได้รัฐบาลผสม

ประการสุดท้าย ดร.สมคิด บอก ความสำคัญของภาคประชาชน ดร.สมคิด บอกว่า คุณต้องมีส่วนร่วมความคิดความอ่าน มีเสียงว่าอะไรเหมาะ อะไรสำคัญ เมื่อมีสิ่งที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น ก็ส่งเสียงให้ดัง ถ้าภาคพลเมืองแข็งแรง เสียงนั้นจะเป็นตัวชะล้างสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้เจือจางกัน ธรรมาภิบาลก็จะกลับมา

ท่านผู้ชมครับ ดร.สมคิด เตือนว่า สถานการณ์ข้างหน้าไม่ปกติ ภายในประเทศต้องเตรียมตัวก่อน คิดก่อนหนึ่งก้าว ดร.สมคิด พูดว่า ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะว่าใครเลย แต่เป็นสิ่งที่เห็น และอนาคตต้องเผชิญกับมัน หมอกมันหนาจัด ความเสี่ยงภัยมันสูง พลังของประเทศต้องแข็งแรงพอที่จะฝ่าฟัน ภาวะอย่างนี้ต้องรีบเยียวยา ไม่ใช่ให้ใครคนใดคนหนึ่งมาแบกรับ เป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตอัศวินขี่ม้าขาวมากี่คนทุกอย่างก็เหมือนเดิม ดีไม่ดีแย่กว่าเดิม

ท่านผู้ชมครับ ผมไม่อยากจะอธิบายความให้มากเกินไปกว่านี้ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าผมไปกระแนะกระแหนท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เอาเป็นว่าจริงๆ แล้ว ปาฐกถาของ ดร.สมคิด ครั้งนี้คือการส่งสัญญาณให้คนไทยรู้ว่า คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่ผู้นำที่เหมาะกับการแก้ไขวิกฤตที่กำลังจะมาสู่ประเทศไทยในปัจจุบันนี้ คุณประยุทธ์ อาจจะเหมาะสำหรับการยึดอำนาจในช่วงแรก แต่คุณประยุทธ์ ยังลุ่มหลง หลงใหล ยึดติดอยู่กับอำนาจ ก็เลยเกิดความเละเทะมาจนกระทั่ง 8 ปีแล้ว และยังจะขอต่ออีก 4 ปี อาเมน

ท่านผู้ชมครับ ที่ผมจะพูดต่อไปนี้เป็นช่วงสุดท้ายของรายการ ท่านผู้ชมคงจะรู้ว่าเมื่อวันที่ 11 กับ 12 พฤษภาคม ได้มีการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับกลุ่มประเทศอาเซียน ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ผมสรุปแถลงการณ์สุดท้ายแล้วกัน เอามาก่อน จะได้ไม่ต้องลงรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร แล้วผมจะอธิบายนัยของมัน


การแถลงการณ์ของทั้งสองฝ่ายมีดังต่อไปนี้ ข้อหนึ่ง อาเซียนไม่มีมติใดๆ เกี่ยวกับเรื่องยูเครน หรือประณามรัสเซีย ดังนั้น การที่ประเทศไทย หรือสมาชิกอาเซียนชาติอื่น เคยลงมติประณามรัสเซียไป ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของใครของมัน ข้อหนึ่งนี่สำคัญนะท่านผู้ชม ข้อหนึ่งนี่เท่ากับปิดประตูไม่ให้อเมริกาหรือชาติตะวันตกเข้ามาแทรกแซงจุดยืนของอาเซียน

ข้อที่สอง เน้นย้ำถึงความสำคัญของหลักการที่มีคุณค่าร่วม และบรรทัดฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ ปฏิญญาอาเซียน และข้อตกลงอื่นๆ ซึ่งระบุชัดเจนว่า (ตรงนี้สำคัญมากนะท่านผู้ชม) สมาชิกอาเซียนส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงส่วนภูมิภาค ส่งเสริมความร่วมมือและความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และการบริหาร เสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ พัฒนาไปในทางวัฒนธรรมของภูมิภาค รวมไปถึงเสริมสร้างความร่วมมืออาเซียนกับประเทศภายนอก ท่านผู้ชมครับ ฟังตรงนี้ให้ดีๆ แถลงการณ์อาเซียนบอกว่า อาเซียนหวังว่าสหรัฐฯ จะสนับสนุนให้ภูมิภาคนี้มีสันติภาพและสงบสุข มีความเจริญก้าวหน้าและเป็นภูมิภาคที่มีความร่วมมือกับทุกฝ่าย


ท่านผู้ชมครับ สรุปแล้วแถลงการณ์อาเซียนครั้งนี้ จึงเป็นการปฏิเสธโดยนัยสำคัญว่าอาเซียนไม่เข้าร่วมข้อตกลงหรือความร่วมมือทางการทหารที่อเมริกาก่อตั้งไว้กับพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็น QUAD พันธมิตร 4 ฝ่าย หรือความร่วมมือทางความมั่นคง 3 ชาติ (AUKUS) ระหว่างออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ ซึ่งจะนำไปสู่การก่อสร้างนาโต 2 เพื่อมุ่งเป้าในการสกัดกั้นจีน เป็นศัตรูกับจีน รวมทั้งเรียกร้องสันติภาพ ให้ทุกฝ่ายหยุดความขัดแย้งกัน

ท่านนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดูเหมือนจะทราบกระแสคัดค้านของภาคประชาชน ว่าไม่ต้องการให้ประเทศไทยเข้าร่วมนาโต 2 หรือเข้าร่วมยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก เพราะไม่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นสนามรบ แต่ต้องการให้ประเทศไทยมีความร่วมมือกับทุกฝ่าย มีมิตรไมตรีกับทุกฝ่ายในการสร้างสรรค์ ทำไมผมถึงพูดเช่นนี้ ? ผมสังเกตว่ากลุ่ม IO ที่สนับสนุนรัฐบาล เริ่มปรับท่าที แสดงความเป็นมิตรไมตรีกับรัสเซียมากขึ้น เช่น IO เริ่มออกข่าวแล้วว่า ไทย กับ รัสเซีย มีมิตรไมตรีกันมายาวนาน ช่วยเหลือกันมาตลอด ซึ่งถ้าปฏิบัติตามนี้ก็จะเป็นที่ชื่นชมของประชาชน และอาจจะต้องทบทวนความร่วมมือกับรัสเซียให้มากขึ้น เช่น การซื้อน้ำมันราคาถูกจากรัสเซียมาลดรายจ่ายของประชาชน การค้าขายกับรัสเซียเพิ่มขึ้น การฟื้นข้อตกลงร่วมมือในด้านข่าวสาร ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ทำกับหลายประเทศ รวมทั้งรัสเซียด้วย เพื่อให้ช่อง 5 เป็นฮับทางด้านข่าวสารของอาเซียน ตามนโยบายที่อดีตผู้อำนวยการช่อง 5 เคยวางไว้ ซึ่งเป็นประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทย ตรงนี้ คุณดอน ปรมัตถ์วินัย ก็น่าที่จะกลืนน้ำลายลงไปด้วยความขมขื่น


ท่านผู้ชมครับ อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องที่เราในฐานะเป็นสื่อมวลชนและภาคประชาชนต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะก่อนหน้าที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางไปร่วมประชุมในวันที่ 11 และ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมวงเล็กในประเด็นเรื่องการทหารและความมั่นคง ระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงระดับปลัดกระทรวงการต่างประเทศและกลาโหมของไทย ร่วมกับสหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระหว่างวันที่ 9-10 การประชุมครั้งนี้คือการหารือยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ อเมริกาต้องการที่จะเข้ามามีส่วนร่วม ข้อมูลที่ผมได้ออกมาจากการประชุมวงเล็กระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศและกลาโหมของไทย กับสหรัฐฯ ซึ่งไม่มีการเปิดเผยถึงเนื้อหาว่าการเป็นพันธมิตรในสนธิสัญญา และการเป็นหุ้นส่วนอันยาวนานระหว่างอเมริกา กับ ไทย นั้น มีรายละเอียดอะไรบ้าง มีความสุ่มเสี่ยงและราคาอะไรบ้างต่อประเทศชาติ และประชาชนชาวไทยต้องรับอะไรไปบ้าง

ที่น่าสนใจ ท่านผู้ชมครับ แถลงการณ์ร่วมอาเซียน-อเมริกา ครั้งนี้มีการระบุประเด็นเรื่องเกี่ยวกับอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขงไว้ 2 ย่อหน้าใหญ่ๆ ภายใต้หัวข้อว่า Supporting Sub-regional Development


ผมพูดกับผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ท่านแล้วว่าน่าเป็นห่วง เพราะว่าแม่น้ำโขง ไม่ใช่แม่น้ำมิสซิสซิปปีของอเมริกา จะมายุ่งอะไรกับแม่น้ำโขง ผมไม่เข้าใจจริงๆ ท่านผู้ชม อเมริกาอยู่คนละซีกโลกกับไทย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับแม่น้ำโขง แต่กลับมาอยากตั้งภาคีแม่น้ำโขง เพื่อแข่งกับปฏิญญาซานย่า ของจีน

ภาคีแม่น้ำโขงที่อเมริกาเสนอให้ตั้ง มีไทยเจ้ากี้เจ้าการตามระเบียบ ก็แน่นอนที่สุด เป็นผลงานของคุณดอน ปรมัตถ์วินัย ฝ่ายจีนไม่ได้ร่วมวงศ์ไพบูลย์ด้วย เป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก ว่าอเมริกาที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ กับแม่น้ำโขง ทะลึ่งมาวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้ ปฏิญญาซานย่า เป็นความคิดริเริ่มของบุคคลสำคัญในประเทศไทย และประเทศจีน รับลูกประสานงานกับประเทศกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง ทำปฏิญญาซานย่ากันขึ้น


ที่สำคัญ ปฏิญญาซานย่าประกอบด้วยประเทศที่เกี่ยวพันกับแม่น้ำโขงโดยตรง คือ จีน เพราะต้นทางของแม่น้ำโขงมาจากแม่น้ำล้านช้าง ซึ่งอยู่ในประเทศจีน แม่น้ำล้านช้างไหลผ่านพม่า มาถึงลาว ไทย เขมร ก็คือแม่น้ำโขง แต่ไล่ย้อนกลับไปคือแม่น้ำล้านช้าง มีจีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชา เวียดนาม 6 ประเทศนี้ต่างหากที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับแม่น้ำโขงโดยตรง


ปฏิญญาซานย่า คือ ปฏิญญาว่าด้วยการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง ให้พ้นสภาพจากแม่น้ำแห่งอาชญากรรมและยาเสพติด ให้เป็นแม่น้ำแห่งสันติภาพและการพัฒนา เพื่อรองรับการท่องเที่ยวจากทั่วโลก รองรับการขนส่งสินค้า 6 ประเทศ ซึ่งจะทำให้ไทยได้เปรียบที่สุด เพราะตั้งอยู่กลางลำแม่น้ำโขงพอดี แต่หลังจากลงนามในปฏิญญาซานย่าแล้ว ก็มีการกำหนดลงนามเพื่อเป็นแผนปฏิบัติการลุ่มแม่น้ำโขง ตามปฏิญญาซานย่า ที่กัมพูชา ซึ่งเป็นรายละเอียดการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงให้เป็นไปตามปฏิญญาซานย่าที่ไหหลำ ปรากฏว่าประเทศไทยเบี้ยว ไม่ยอมลงนามในแผนปฏิบัติการนี้ เนื่องจากมี 3 หน่วยงาน ทำรายงานถึงรัฐบาลว่า การพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงจะทำให้การค้าขายหนีภาษี ทำให้ยาเสพติดแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลที่โคตรจะเหลวไหลเลย เพราะที่เขาจะพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง ก็เพื่อกำจัดยาเสพติดและการหนีภาษีนั่นเอง แต่ในที่สุดไทยก็เบี้ยวตามข้อเสนอนั้น ฝ่ายจีนส่งคนมาประสานงานกับ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้ผล เพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงเขาฟังฝรั่ง และเป็นเหตุผลที่ทำให้ประเทศไทยเบี้ยวปฏิญญาซานย่า

และเมื่อประเทศไทยเบี้ยว ไม่ลงนามในแผนปฏิบัติการซานย่า ทั้ง 5 ประเทศที่เหลือเขาก็ลงนามกัน และดำเนินการพัฒนาต่อไป พวกเขาได้ขุดลอกแม่น้ำโขงให้รองรับเรือท่องเที่ยวขนาดยักษ์ ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาท่องเที่ยวได้ รองรับการขนส่งเรือสินค้าระวางขับน้ำ 500 ตัน หรือขนาดเรือบรรทุกคอนเทนเนอร์ 50 ตู้


จีนรับผิดชอบในการขุดลอก ไม่คิดค่าใช้จ่าย เพราะต้องการสนองดำริของบุคคลสำคัญของไทย แต่การขุดลอกก็ทำได้เฉพาะนอกเขตอธิปไตยของไทยในแม่น้ำโขง คือจากริมเกาะแก่งใกล้ฝั่งไทย ไปถึงฝั่งลาว เพราะเราติดอยู่ที่สนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ดังนั้น ตั้งแต่แนวเกาะแก่งใกล้ฝั่งไทยมากที่สุด มาจนถึงฝั่งริมแม่น้ำโขงของไทย ก็ไม่มีการขุดลอก ทำให้แม่น้ำโขงทางฝั่งไทยตื้นเขิน เรือเทียบไม่ได้ ขณะที่แม่น้ำโขงฝั่งลาว แม่น้ำกว้างใหญ่ ลึก น้ำเต็มลำน้ำตลอดปี


ท่านผู้ชมครับ มาถึงวันนี้ ไทยไม่สามารถขนส่งผลไม้ สินค้า ลงเรือแม่น้ำโขงฝั่งไทยได้ ต้องส่งข้ามไปยังประเทศลาว เพื่อไปลงท่าเรือที่ฝั่งลาวในประเทศจีน ต่อมาเมื่อมีการวุ่นวายเรื่องนาโต 2 เขากำหนดให้ส่งสินค้าลงแม่น้ำโขงที่ชายแดนลาว-จีน ทำให้ประเทศไทยต้องยุ่งยาก เสียเวลา เสียหายมากมาย ขนไปถึงที่นั่นแล้ว ด่านปิดบ้าง เปิดบ้าง สินค้าเสียหายจำนวนมาก

ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพราะว่าคนของเราทำตัวเป็นหมาชิวาว่า อเมริกาต้องการขวางการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง ตัวเองต้องเข้ามาอยู่ร่วมด้วย เพราะว่าเส้นสายแม่น้ำโขงก็คือส่วนหนึ่งของ 1 แถบ 1 เส้นทาง นโยบายการขยายตัวของจีนทางด้านการค้า อเมริกาเมื่อตั้งภาคีแม่น้ำโขง อเมริกาก็ไม่สามารถส่งเรือใดๆ เข้ามาแล่นในแม่น้ำโขงได้ แต่อเมริกาอยู่เบื้องหลัง NGO ทั้งหลายที่อยู่ทางภาคเหนือ NGO เหล่านั้นคือตัวร้ายในการคัดค้านการพัฒนาใดๆ เกี่ยวกับแม่น้ำโขง ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทย แต่เป็นเพื่อผลประโยชน์ของต่างชาติ ซึ่งได้รับเงินพวกต่างชาติมา NGO เหล่านั้นจ้องตั้งหน้าหาเรื่องให้ประเทศไทยทะเลาะกับประเทศเพื่อนบ้านไม่หยุดไม่หย่อน รวมตัวกันเป็นโจทก์ฟ้องประเทศลาวต่อศาล ว่าทำเขื่อนกั้นแม่น้ำโขง ทำให้แม่น้ำโขงแห้ง ศาลก็ยกฟ้อง เพราะว่าเป็นอธิปไตยของประเทศลาว


นอกจากนั้น ก็ตั้งหน้าตั้งตาด่าจีนเป็นประจำทุกเดือน ข้อกล่าวหาคือ จีนกั้นเขื่อนในแม่น้ำโขง ทำให้แม่น้ำโขงแห้ง ซึ่งความจริงสภาพที่ว่าแม่น้ำโขงแห้งนั้น เป็นสภาพที่แห้งเฉพาะฝั่งไทย ส่วนฝั่งลาวนั้นแม่น้ำโขงกลับมีน้ำเต็มตลิ่ง ล่องเรือได้เต็มที่

ท่านผู้ชมครับ NGO พวกนี้ ทางภาคเหนือ ที่วุ่นวาย รับเงินอเมริกามาทั้งนั้น อเมริกาอยู่เบื้องหลัง การกระทำเช่นนี้สร้างความไม่พอใจให้กับทั้งประเทศลาว และประเทศจีน เพราะเป็นการโกหกพกลมเพื่อสร้างความเกลียดชังระหว่างคนไทยกับคนจีน และประชาชนคนลาว เป็นการสร้างความขัดแย้งเพื่อผลประโยชน์ของนาโต 2 โดยตรง เพื่อชักพาเอาสหรัฐฯ เข้ามาวุ่นวายเกี่ยวกับแม่น้ำโขง ซึ่งอเมริกาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับแม่น้ำโขง


ไหนๆ ก็พูดเรื่องนี้แล้ว เรามาทำความเข้าใจเรื่องแม่น้ำโขงกันสักนิด จะได้ไม่ตกในหลุมพรางกับดักของพวก NGO มือปืนรับจ้างของอเมริกา

แม่น้ำโขง เริ่มต้นที่ชายแดนประเทศจีน มณฑลยูนนาน ด้านซ้ายเป็นพม่า ด้านขวาเป็นประเทศลาว จุดบรรจบเป็นแหล่งต้นน้ำแม่น้ำโขง มีน้ำจากประเทศจีนราวๆ 60 เปอร์เซ็นต์ จากพม่าและลาวรวมกัน 40 เปอร์เซ็นต์ บางปีอากาศด้านบนหนาว ตอนล่างฝนชุก ก็จะมีน้ำจากจีน 40 เปอร์เซ็นต์ จากพม่า-ลาว 60 เปอร์เซ็นต์ สรุปแล้วแม่น้ำโขงมีต้นน้ำมาจาก 3 ประเทศ จีน พม่า และลาว แม่น้ำโขงตั้งต้นตรงนี้แล้วก็ไหลดิ่งลงมาทางใต้ มาถึงสามแยกปลายทาง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ด้านซ้ายเป็นพม่า ด้านขวาเป็นประเทศลาว ตลอดแนวแม่น้ำโขงตรงนี้ไม่มีเขื่อนเลยสักเขื่อนเดียว เพราะเป็นแม่น้ำระหว่างจีน ลาว พม่า ไทย ไม่สามารถไปกั้นเขื่อนในแม่น้ำโขงได้ การกล่าวหาว่าจีนกั้นเขื่อน จึงเป็นการโกหกหลอกลวง


แม่น้ำจากจุดนี้จะเลี้ยวขวา ตรงเข้าประเทศลาว เป็นแม่น้ำของประเทศลาว ในดินแดนประเทศลาว ประเทศลาวจึงสามารถที่จะทำเขื่อนกั้นน้ำในประเทศลาวได้ เพราะเป็นอธิปไตยของเขาเอง และเขาทำเขื่อนไว้ 13 เขื่อน ปลายของแม่น้ำมาออกที่ จ.หนองคาย เป็นแม่น้ำกั้นเขตแดนระหว่างไทย-ลาว ไปจนถึงมุกดาหาร ซึ่งตอนนี้ตรงนี้ก็ไม่สามารถทำเขื่อนได้อีก จากแม่น้ำโขงแยกมุกดาหาร ไหลกลับเข้าไปในประเทศลาว แล้วไหลไปยังกัมพูชา ไปออกที่เวียดนาม ไหลลงทะเลจีน ที่โฮจิมินห์ ซิตี้ ซึ่งเป็นแม่น้ำในประเทศของลาว กัมพูชา และเวียดนาม แต่ละประเทศในพื้นที่ของเขาก็กั้นเขื่อนได้ 3-4 เขื่อน ไม่ได้กระทบไทย ดังนั้น ที่มาตั้งข้อหาโกหกสร้างความทะเลาะเบาะแว้งระหว่างไทย จีน ลาว นั้น ความจริงไม่ใช่น้ำในแม่น้ำโขงไม่พอ แต่เป็นเพราะว่าแม่น้ำโขงฝั่งไทยไม่ได้ขุดลอก จึงตื้นเขิน เอารถยนต์ไปจอดล้างได้ เมื่อประเทศไทยไม่ขุดลอก เพราะแรงคัดค้านจาก NGO พวกนี้ แล้วยังมาสร้างเรื่องให้ทะเลาะเบาะแว้งกันระหว่างเพื่อนบ้าน ระหว่าง ไทย-จีน-พม่า ไทย-พม่า และไทย-ลาว

ท่านผู้ชมครับ ประเทศไทยแต่ก่อนมาก็ตั้งความดำริ จะมีท่าเรือแม่น้ำโขง ที่ อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ แต่ในที่สุดเพราะสายสนกลเกม ท่าเรือสองแห่งนี้ไปไม่ถึงไหน คือแทนที่จะเป็นท่าเรือสากลขนาดใหญ่ กลายเป็นท่าเรือขนาดเล็กหน่อมแน้ม มีเรือเล็กจอดเทียบได้เฉพาะเรือข้ามฟากเล็กๆ ไม่มีนัยเชิงพาณิชย์


ทีนี้พอแม่น้ำโขงฝั่งไทยมันตื้่นเขิน ตื้นเขินมาก ท่าเรือทั้งหมดมีปัญหา ก็เลยจ้างเอกชนขุดลอกริมฝั่งไทยเพื่อให้สามารถเทียบเรือข้ามไปฝั่งลาวได้ แต่ทำไปทำมาก็ไม่ถึงไหน เพราะสั่งยกเลิกการประกวดราคา มีปัญหาเรื่องการจัดประมูลตามระบบราชการยุคโกงแผ่นดิน กินทุกโครงการ เพราะฉะนั้นแล้ว ท่าเรือเล็กๆ ที่จะเป็นแค่ท่าเรือข้ามฟากก็ยังทำอะไรไม่ได้ นี่คือความอัปยศอดสูของชาติไทยที่คนไทยทั้งประเทศต้องสำเหนียกสังวรณ์ไว้ ท่านนายกฯ ท่านต้องรู้เรื่องนี้ ท่านอย่าถูกคนแหกตา

เมื่อประเทศไทยไม่เอาด้วยกับการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขง 5 ประเทศที่เหลือเขาก็ทำกันไปอย่างคึกคักเลย ฝั่งตรงข้ามประเทศไทย คือประเทศลาว เขาเร่งพัฒนาใหญ่ ผมจะเล่าอะไรให้ฟัง ท่านผู้ชม ท่านนายกฯ ครับ นายดอน ปรมัตถ์วินัย ฝั่งตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เขาได้ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีบ่อนกาสิโน มีโรงแรมขนาด 1,800 ห้อง มีแหล่งสินค้าปลอดภาษี มีร้านค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิงครบครัน ดึงดูดผู้คนจากภาคเหนือข้ามฟากไปจับจ่ายใช้สอยที่ประเทศลาว


ท่านผู้ชมครับ ผมเอารูปขึ้นให้ดูนะ กลุ่มทุนจีนทุ่มทุน 3 พันกว่าล้าน เนรมิตตลาดน้ำกลางเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมทองคำ ริมฝั่งแม่น้ำโขงลาว กำหนดสร้างเสร็จปีนี้ พร้อมสนามบินสากลที่บ่อแก้ว วันนี้ถ้าใครไปยืนริมแม่น้ำโขง ที่ อ.เชียงแสน จะรู้สึกเหมือนว่าฝั่งตรงกันข้ามเจริญเหมือนกรุงเทพมหานคร ขณะที่ฝั่งเชียงแสน มืดมิดในยามราตรี

ท่านผู้ชมครับ พ่อแม่พี่น้อง จ.เชียงราย และเชียงใหม่ ให้รู้ด้วย อีกหน่อยการท่องเที่ยว การเดินทางที่ใช้เชียงใหม่ เชียงราย เป็นศูนย์เพื่อข้ามไปฝั่งลาวนั้น จะไม่มีความหมายแล้ว เพราะเมื่อประเทศไทยไม่ร่วมพัฒนาแม่น้ำโขง คนทั้งหลายที่เดินทางโดยเครื่องบิน ที่เคยมาลงเชียงราย เชียงใหม่ เพื่อข้ามไปท่องเที่ยว หรือเล่นการพนัน พอเป็นรายได้ให้ยาไส้กับคนในพื้นที่ วันนี้ลาว กับจีน เขาร่วมกันสร้างสนามบินขึ้นมารองรับนักท่องเที่ยว ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเชียงราย เชียงใหม่ มหาศาล

ตอนนี้ ในที่สุดแล้ว อเมริกาซึ่งเป็นเจ้าของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก เสือกรุกหนักเข้าไปในแม่น้ำโขง ไปไม่ตลอด เพราะประเทศต่างๆ เขาไม่เล่นด้วย นอกจากประเทศไทยที่ทำตัวเป็นขี้ข้า อย่างไรก็ขยับไม่ออก เพราะว่าติดน้ำแห้งริมฝั่งไทยอยู่นั่นล่ะ


ท่านผู้ชมครับ เท่านี้ท่านผู้ชมเข้าใจในเรื่องของยุทธศาสตร์แม่น้ำโขงหรือยัง เราควรจะเป็นแกนนำ เพราะเราเป็นตัวเริ่มแรกกับเขา จีน ไทย ลาว พม่า เขมร เวียดนาม 6 ประเทศ แต่เราเสือกไปฟังอเมริกา 5 ประเทศเขาเลยร่วมมือกันพัฒนาในฝั่งของเขา น้ำฝั่งของเขาลึก เรือใหญ่เล่นได้ แต่ฝั่งไทยไม่มีการขุดลอก ตื้นเขินเพราะว่าถูก NGO ที่รับเงินฝรั่งมา คัดค้านตลอดเวลา แล้ววันนี้อเมริกาเสือกมาตั้งภาคีแม่น้ำโขง ท่านผู้ชมครับ แม่น้ำโขง ไม่ใช่แม่น้ำมิสซิสซิปปี ท่านผู้ชมทำความเข้าใจตรงนี้ก่อน แล้วเราไปกล่าวหาจีนในเรื่องตั้งเขื่อนกั้น เขาไม่ได้ตั้ง ไม่ได้ตั้งอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ลาวมีเขื่อนที่เขาตั้ง ที่เอาน้ำจากแม่น้ำโขงมา ที่วิ่งผ่านประเทศเขา แต่เป็นอธิปไตยของเขา เราไปห้ามเขาไม่ได้

ท่านผู้ชมครับ เพราะฉะนั้นแล้วในการประชุมอาเซียนครั้งนี้ มีพระเอกอยู่ 2 คน ที่ผมต้องยกย่อง คนแรกคือ ท่านสมเด็จฮุน เซน


ท่านเป็นประธานอาเซียน ท่านกำหนดสถานภาพชัดเจนว่าอาเซียนต้องไม่ไปร่วมมือกับใคร ต้องไม่ไปเป็นศัตรูกับใคร นั่นข้อแรก แล้วอาเซียนยังยึดหลัก 4-5 ประการในเรื่องพม่าว่า ไม่ไปยุ่งเกี่ยว ส่งทูตพิเศษไปดูเหตุการณ์ ให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม เท่ากับปิดประตูของอเมริกาที่จะเข้าไปแทรกแซงในพม่าได้ ส่วนพระเอกคนสุดท้ายที่ขึ้นมา ซึ่งเมืองไทยไม่มีใครพูดถึง ก็คือท่านประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย เป็นผู้นำประเทศที่มีวิสัยทัศน์มากเลย เขาไปประชุมอาเซียน แต่เขาหาเวลาบินไปพบอีลอน มัสก์ ที่โรงงานผลิตจรวดของสเปซเอ็กซ์ ในรัฐเทกซัส เพื่อเจรจาให้อีลอน มัสก์ ไปเยือนอินโดนีเซียในเดือนพฤศจิกายนนี้


ท่านผู้ชมครับ อีลอน มัสก์ ให้ความสนใจกับอินโดนีเซียมาก ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ไปโรงงานผลิตจรวดเมื่อวันเสาร์ที่ 14 เขาประชุม 11-12 วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม เขาไป การพบอีลอน มัสก์ ได้มีการนำหน้าไปเรียบร้อยแล้วก็คือว่า รัฐมนตรีของอินโดนีเซีย ไปคุยกับอีลอน มัสก์ ก่อน และนายอีลอน มัสก์ เปิดเผยว่า เขาให้ความสนใจมากต่ออนาคตของอินโดนีเซีย ในมุมมองของอีลอน มัสก์ เขาบอกว่าอินโดนีเซียมีศักยภาพมากสำหรับความร่วมมือ ทั้งเทสล่า และการยิงจรวดสเปซเอ็กซ์

มัสก์ พูดถึงประชากรมหาศาลของอินโดนีเซีย การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และปัจจัยการเมืองที่มีเสถียรภาพ เทสล่า พยายามหาแหล่งอย่างหนักในการค้นหาแหล่งซัปพลาย แร่นิกเกิล สำหรับการผลิตแบตเตอรีรถเทสล่า เพราะฉะนั้นแล้ว อินโดนีเซียคือทางออกของเทสล่า ไม่ใช่ไทย ไทยไม่มีอะไร ไทยหลังจากประชุมเสร็จ ท่านนายกฯ ก็ไปประชุมกับคนไทยในนิวยอร์ก เพื่อไปพูดถึงผลงานของท่านใน 7-8 ปีที่แล้ว พยายามแก้ตัว อ้างว่าท่านทำอย่างนี้ๆ แต่คนก็ยังมารุมด่าท่าน คนไทยในนิวยอร์กบางกลุ่มก็อวยท่าน ท่านขา อดทนไปเถอะค่ะ แต่ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ไม่สนใจคนอินโดนีเซียในอเมริกา บินไปเจออีลอน มัสก์ เพื่อหาทางดึงอีลอน มัสก์ เทสล่า และสเปซเอ็กซ์ ไปอยู่ที่อินโดนีเซีย


ท่านผู้ชมครับ นี่คือวิสัยทัศน์ผู้นำที่ ดร.สมคิด พูดถึง และแล้วการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้ พระเอกมีอยู่ 2 คน ท่านฮุน เซน ที่ออกแถลงการณ์ปิดประตูไม่ให้อเมริกาเข้ามาแทรกแซงในอาเซียน ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ที่ไปนั่งจับเข่าคุยกับอีลอน มัสก์ จนอีลอน มัสก์ พูดชัดเจนว่า เขาให้ความสนใจอินโดนีเซียมาก

ท่านผู้ชมครับ วันนี้สนุกสนานมาก หลายอย่าง เอาเป็นว่าอาทิตย์หน้าอาจจะมีเรื่องของการวางกำลังของชาติต่างๆ เมื่อเหตุการณ์มันตึงเครียดมาแล้ว เขาวางกำลังกันอย่างไร อาจจะพูดเรื่องนี้นะครับ นอกเสียจากว่าจะมีเรื่องราวที่ร้อนกว่านี้ขึ้นมา ผมก็อาจจะต้องเปลี่ยนเรื่อง วันนี้พอเพียงแค่นี้ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น