อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยเบอร์หนึ่งของโลก ทำเอางงไปตามๆ กันอีก หลังเจ้าตัวประกาศวานนี้ (13 พ.ค.) ว่าจะขอ “เบรก” ดีล 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้อ ทวิตเตอร์ อิงค์เอาไว้ก่อน จนกว่าจะทราบจำนวนที่แน่นอนของบัญชีปลอม หรือบรรดา “แอ็กหลุม”
ข่าวนี้ทำให้ราคาหุ้นทวิตเตอร์ก่อนเปิดตลาด (pre-market trading) ร่วงไปกว่า 20% ก่อนจะปรับตัวดีขึ้นมาหน่อย หลังจากที่ มัสก์ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา (Tesla) ทวีตข้อความตามมาว่า ยังมีความตั้งใจที่จะซื้อทวิตเตอร์อยู่เหมือนเดิม
มัสก์ ตัดสินใจยกเว้นการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะทรัพย์สินและหนี้สินของทวิตเตอร์ (due diligence) ตอนที่ตกลงจะเข้าซื้อกิจการเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ทั้งนี้ ก็เพื่อจะโน้มน้าวให้บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่รายนี้รับข้อเสนอ “สุดท้ายและดีที่สุด” ของเขา ทว่าเรื่องนี้อาจจะทำให้ มัสก์ เองพูดไม่ได้เต็มปากนักว่าทวิตเตอร์สร้างความเข้าใจผิดให้แก่เขา
“ดีลทวิตเตอร์ถูกพักไว้ก่อนชั่วคราว จนกว่าผมจะได้ทราบรายละเอียดที่ยืนยันได้ว่า จำนวนบัญชีปลอม/สแปมมีน้อยกว่า 5% จริงๆ” มัสก์ ประกาศผ่านบัญชีทวิตเตอร์ของเขาซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 92 ล้านคน
เอกสารข้อมูลทางธุรกิจของทวิตเตอร์มีการประเมินจำนวนบัญชีสแปมต่ำกว่า 5% มาตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งเรื่องนี้ทำให้นักวิเคราะห์ออกมาตั้งข้อสังเกตว่าทำไม มัสก์ ถึงหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาพูดในตอนนี้
“ตัวเลขประมาณการ 5% มีการเปิดเผยมานานแล้ว และเขาก็น่าจะทราบดี ดังนั้นเรื่องนี้อาจจะเป็นยุทธศาสตร์ในการต่อรองราคามากกว่า” ซูซานนาห์ สตรีเตอร์ นักวิเคราะห์จาก Hargreaves Lansdown ให้ความเห็น
ที่มา : รอยเตอร์