xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI EXPRESS : "อย่าชักน้ำเข้าลึก อย่าชักศึกเข้าบ้าน"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 9 พ.ค.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “Sondhitalk Express” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk และแอปพลิเคชัน Sondhi App  กรณีการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ วันที่ 12-13 พ.ค.นี้ หากผู้นำไทย ทำได้เพียงยิ้มซ้ายยิ้มขวา พยักหน้าหงึกๆ เพราะกลัวฝรั่ง ถือกรรมของประเทศ เตือนระวังอย่าชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน!



คำต่อคำ SONDHI EXPRESS EP.4 [9 พ.ค. 65] : "อย่าชักน้ำเข้าลึก อย่าชักศึกเข้าบ้าน"

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม เป็นรายการพิเศษ คือรายการ SONDHI EXPRESS ที่ต้องมาออกรายการวันจันทร์ที่ 9 นี้ เพราะว่าในวันที่ 12 และ 13 นี้ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำของสหรัฐฯ และผู้นำกลุ่มประเทศอาเซียน เท่าที่ทราบมา จะมี 10 ประเทศที่ไปประชุมด้วย จะมียกเว้นฟิลิปปินส์ กับพม่า ทีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะไปประชุมด้วย ผมก็เลยจำเป็นต้องออกรายการนี้ก่อนที่ท่านจะเดินทาง ส่วนหนึ่งก็เพื่อต้องการที่จะเล่าแบ็กกราวนด์ต่างๆ ให้ท่านผู้ชมที่ติดตามเรื่องราวนี้มาตลอด ให้ได้เข้าใจเรื่องราวอย่างละเอียดถี่ถ้วน เข้าใจป่าทั้งป่า และผมเองก็จะฝากบอก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ด้วยว่า สิ่งที่ผมกังวลมีอะไรบ้าง แล้วค่อยติดตามข่าวดูว่าเป็นอย่างไร

ผมเชื่อว่าวันประชุม 12-13 ที่จะถึงนี้ เนื่องจากเป็นวันที่เราจะออกรายการวันศุกร์ไม่ทัน เราก็จะออกเป็นรายการพิเศษเหมือนกัน SONDHI EXPRESS อาจจะออกเป็นวันอาทิตย์ คือพูดง่ายๆ ว่าอาทิตย์นี้จะมี 3 ครั้ง วันจันทร์ (วันนี้) คือ SONDHI EXPRESS เล่าเรื่องราวต่างๆ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีไทยจะไปประชุม วันศุกร์ คือรายการประจำที่เราจะพูดกัน จะมีหลายเรื่องซึ่งน่าสนใจมาก แล้วก็ต่อด้วยวันอาทิตย์ เป็นการวิเคราะห์ผลของการประชุม ว่าเราได้ทำอะไรไปบ้าง และประเทศไทยมีจุดยืนอย่างไร ในความเห็นของผมถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง

เรื่องการประชุมสุดยอดนี้ มันมีการพยายามที่จะประชุมมาแล้วครั้งหนึ่ง ปลายเดือนมีนาคม แต่ต้องเลื่อน เหตุผลที่ต้องเลื่อนเพราะเรื่อง 2 เรื่อง คือ การที่รัสเซียได้บุกยูเครน และอีกประการหนึ่ง ตอนนั้นท่านประธานอาเซียน สมเด็จฮุน เซน ท่านประกาศว่าท่านไม่ไป กลุ่มอาเซียนไม่ไป เพราะผู้นำอาเซียนไม่ว่างกัน มีแต่ประเทศไทยประเดียวเท่านั้นที่แสดงความกระตือรือร้นผิดสังเกต ว่าจะไป แต่พอเจอท่านประธานอาเซียนในปีนี้ คือ สมเด็จฮุน เซน บอกว่าไม่ไป ในที่สุดประเทศไทยก็เลยฝ่อลง คุณดอน ก็เลยต้องปรับวิธีการ หาทางที่จะแก้ตัวไปตามนิสัยของคุณดอน ปรมัตถ์วินัย


ครั้งนี้อเมริกาก็เลื่อนการประชุมมา และประกาศว่าเป็นวันที่ 12-13 พฤษภาคม ทีนี้ เราต้องเข้าใจกันนิดหนึ่งว่าในการประชุมครั้งนี้ เท่าที่ผมวิเคราะห์ดู หลักการสำคัญ หรือหัวใจของยุทธศาสตร์ที่อเมริกาต้องการประชุม ก็คือยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ซึ่งไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว อเมริกาเปิดเผยในทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นด้วยเอกสารหรือทางการเคลื่อนไหวทางต่างประเทศ ทางการทหาร เพราะฉะนั้นแล้ว เราต้องเข้าใจเสียก่อนว่ายุทธศาสตร์ของอินโด-แปซิฟิก คืออะไร ผมเชื่อเลยว่า โจ ไบเดน พยายามที่จะหว่านล้อมให้ทุกคนเข้ามาร่วมในยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก เพื่อมาต้านประเทศจีน

ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก เมื่อเรามองลงไปอย่างลึกซึ้งแล้ว มันไม่ใช่ยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาหรือความร่วมมือทางเศรษฐกิจใดทั้งสิ้น แต่คือยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับการที่เลขาธิการองค์การนาโต (NATO) ที่ยุโรป เริ่มประกาศออกมาแล้วว่า นาโตควรจะขยายขอบเขตออกมา มาทางเอเชียเสียด้วย

นาโต คือ องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ที่ดูแลยุโรป แต่ตอนนี้ฮึกเหิมมาก ร่วมกับอเมริกา ร่วมกับอังกฤษ และออสเตรเลีย ที่จะขยายอิทธิพลของนาโตทางการทหารเข้ามาทางเอเชียแปซิฟิก โดยที่ทางยุโรปนั้นยันรัสเซียเอาไว้ แล้วทางเอเชียแปซิฟิกนั้น จะดึงกลุ่มประเทศอาเซียนเข้ามาเพื่อยันจีน ทางฝั่งจีนก็ทราบกลเม็ดของอเมริกาที่เรียกประชุมสุดยอดครั้งนี้

ได้มีการแสดงความเห็นออกมาว่า อเมริกาพยายามจะรวมชาติอาเซียนเพื่อต่อต้านจีนผ่านการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ-อาเซียน แต่ทางจีนบอกว่าจะเสียเวลาเปล่า คือทางจีนชี้แจงว่า ความพยายามของอเมริกาที่จะยุยงให้ชาติสมาชิกอาเซียนกลายเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงกับจีนผ่านการประชุมระดับพหุภาคีหลายครั้งหลายหน เป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพราะจะหาประเทศที่พร้อมจะประกาศตัวเป็นปรปักษ์กับจีนนั้น หาได้ยาก โดยทางจีนพูดออกมาว่า แทบจะไม่มีชาติในอาเซียนที่สมาชิกอาเซียนมีมุมมองเชิงลบอย่างร้ายแรงต่อจีน แม้ว่าจะมีความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ บ้าง แต่ทั้งสองฝ่ายก็พอระงับยับยั้งได้ และแสดงท่าทีชัดเจนว่าต้องการจะแก้ปัญหาผ่านการเจรจาเท่านั้น

ในขณะเดียวกัน อเมริกาพยายามแบ่งแยกสมาชิกอาเซียนด้วยการสร้างประเด็นเชิงคุณค่า โดยพยายามแบ่งออกว่าเป็นค่ายประชาธิปไตย กับค่ายเผด็จการ คือดึงค่ายประชาธิปไตยมาอยู่กับตัวเอง โดยสร้างภาพว่าจะมีอนาคตที่ดีกว่า

ผู้นำอาเซียนหลายคนก็รู้ทัน ซึ่งการตั้งประเด็นของอเมริกานั้น ก็เป็นประเด็นที่เลื่อนลอย เพราะถ้าคุณเชิญเวียดนาม และลาวไป เวียดนาม กับลาว ก็ไม่ใช่ประเทศที่มีการเลือกตั้ง ปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์เช่นกัน เพราะฉะนั้นความเห็นของอเมริกาก็ค่อนข้างจะย้อนแย้งตัวเองอย่างมากมาย


ตอนนี้มีความพิเศษอย่างหนึ่งที่ผมจะเล่าให้ท่านผู้ชมฟังก่อน คือเมื่อเร็วๆ นี้มันมีฝรั่งคนหนึ่ง ชื่อ นายเจฟฟรีย์ ดับเบิลยู. ฮอร์นุง (Jeffrey W. Hornung) หมอนี่เป็นใคร ? หมอนี่เป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำงานวิจัยของบริษัท แรนด์ คอร์ปอเรชัน (RAND Corporation) หน่วยงานที่ไม่แสวงหากำไร เป็นคลังสมองด้านความมั่นคง ซึ่งสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแซนตามอนิกา แคลิฟอร์เนีย

แรนด์ คอร์ปอเรชัน คืออะไร ? แรนด์ คอร์ปอเรชัน เป็นหน่วยงานที่ทำงานให้กับกระทรวงกลาโหมของอเมริกา นายเจฟฟรีย์ ฮอร์นุง เขาทำบทสรุปออกมาว่า มีการคิดที่จะตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เขาก็เลยไปประเมินจุดยืนของพันธมิตร (ที่อเมริกาคิดว่าเป็นพันธมิตร) เขาบอกว่า ในการที่ประเทศต่างๆ จะยอมรับอเมริกาให้ติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย เป็นไปได้น้อยมาก


เขาพูดอย่างนี้ครับ ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของอเมริกาในภูมิภาคนี้ ทำไมเราถึงเก่าแก่ที่สุด ? เพราะว่าเราไปลงนามสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือที่เรียกว่า ซีโต้ (SEATO : Southeast Asia Treaty Organization) ในปี 2497 การทำพันธมิตรซีโต้ ก็คือพันธมิตรที่สร้างขึ้นมาเพื่อต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ เขาบอกว่า การดำรงอยู่ของรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ ประกอบกับข้อเท็จจริงที่ว่า รัฐบาลชุดนี้แสดงแนวโน้มที่จะเสาะหาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีนมากยิ่งขึ้น กีดกันสหรัฐฯ ในการกระชับความสัมพันธ์ทางการทหาร ตราบใดที่ปัจจัยเหล่านี้ยังคงอยู่ อเมริกาจะไม่สามารถติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลาง และเขาเชื่อว่าถ้ามีการร้องขอ ประเทศไทยก็จะไม่ยอมรับ

เขาก็เลยสรุปว่า การเปิดบ้านต้อนรับอาวุธลักษณะนี้ มีความเป็นไปได้ต่ำมาก ท่านผู้ชมครับ จำคำพูดนี้ไว้ให้ดีนะ เขาบอกว่า ตราบใดที่สภาพแวดล้อมทางการเมืองและความมั่นคงของภูมิภาคยังคงเป็นอยู่ในปัจจุบัน


นายฮอร์นุง ยังพูดต่อ ไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่เป็นไปไม่ได้ เกาหลีใต้ แม้กระทั่งออสเตรเลีย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นแกงการู (Kangaroo) สัตว์เลี้ยงของอเมริกาก็ตาม ก็ยังไม่เห็นด้วย ไม่เต็มใจ ฮอร์นุง บอกว่า ในที่สุดแล้วก็จะเหลือแค่ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นที่แม้จะมีความตั้งใจยกระดับแสนยานุภาพในด้านการป้องกันตนเองยามต้องเผชิญหน้ากับจีน ก็ยังลังเลที่จะตอบรับเช่นกัน ไม่ว่าในแง่ของการเพิ่มประจำการทหารสหรัฐฯ ในประเทศ หรือติดตั้งอาวุธโดยที่ธรรมชาติแล้วมีไว้สำหรับโจมตี ก็คืออาวุธสำหรับโจมตี เพราะฉะนั้นแล้ว บทความหรือบทวิจัยของ แรนด์ คอร์ปอเรชัน เรื่องนี้ ก็เสนอแนะว่า อเมริกาต้องหันไปช่วยญี่ปุ่น ในความพยายามพัฒนาประจำการคลังแสง ขีปนาวุธยิงจากภาคพื้น ขีปนาวุธศักยภาพต่อต้านเรือ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วญี่ปุ่นก็น่าที่จะให้ความสนใจ


โดยที่เขาอ้างว่าแม้ขีปนาวุธเหล่านี้ที่ติดตั้งนั้นไม่มีศักยภาพโจมตีลึกเข้าไปในจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ถ้าถูกประจำการในหมู่เกาะต่างๆ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งภูมิภาคเกาะคิวชู (คิวชู คือเกาะที่เป็นที่ตั้งของเมืองท่องเที่ยวของญี่ปุ่นที่คนไทยชอบไป นั่นก็คือ ฟูกูโอกะ) พวกมันจะสามารถคุ้มครองการเดินเรือในช่องแคบไต้หวัน ทะเลตะวันออก และบางส่วนชายฝั่งตะวันออกของจีน


ท่านผู้ชมครับ รายงานชิ้นนี้ประเด็นอยู่ที่ไหน ? นี่คือแนวคิดและท่าทีของอเมริกาอย่างชัดเจนว่าต้องการเข้ามาตั้งฐานทัพ หรือฐานอาวุธ หรือกองกำลัง เพื่อสกัดกั้นการขยายตัวของอิทธิพลจีนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาค "เอเชียตะวันออกเฉียงใต้" โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ประเทศไทย" ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่สุด ที่รายงานชิ้นนี้ระบุว่า เป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในการต้านการขยายอิทธิพลของจีน

ท่านผู้ชมครับ ใครก็ตามที่บอกว่ารายงานชิ้นนี้ทำขึ้นมาเฉยๆ ไม่มีนัยอะไร ผมขอให้หุบปากไปเลยนะครับ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Shut up! เพราะผมชี้ให้เห็นแล้วว่ารายงานนี้ทำภายใต้ แรนด์ โปรเจกต์ แอร์ฟอร์ซ (RAND PROJECT AIR FORCE) ได้รับเงินสนับสนุนจากทบวงทหารอากาศสหรัฐฯ อันเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงกลาโหมอเมริกา เพราะฉะนั้นย่อมมีความเกี่ยวพันและย่อมเป็นแผนการของกองทัพอเมริกาแน่นอน คือเวลาที่กองทัพอเมริกาจะทำอะไร เขาจะให้ แรนด์ คอร์ปอเรชัน ไปทำวิจัยก่อน ถ้าเราจะเอาขีปนาวุธพิสัยกลางไปติดตั้งตามประเทศต่างๆ คุณไปทำรีเสิร์ชมาซิว่าแต่ละประเทศเป็นอย่างไร สถานภาพเป็นอย่างไร

ท่านผู้ชมครับ ผมเป็นคนแรกที่เปิดโปงเรื่องสถานกงสุลอเมริกาที่เชียงใหม่ และที่สำคัญที่สุดคือการที่ไทยถูกนายโจ ไบเดน จัดให้เป็น 1 ใน 5 พันธมิตรใกล้ชิดด้านความมั่นคงของอเมริกาในการดำเนินการยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก และได้รับการเผยแพร่โดยทำเนียบขาว กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหมของอเมริกา เป้าประสงค์ทั้งหมดนี้ตอบสนองต่อจุดยืนของอเมริกาในการเข้ามาแทรกแซงประเทศไทยในการจัดวางกำลังด้านความมั่นคง เพื่อที่จะใช้ไทยเป็นหัวหอกในภูมิภาค เพื่อสกัดกั้นและปิดกั้นการขยายอิทธิพลและการเติบโตของประเทศจีนในระยะยาว

ข้อหนึ่งในรายงานระบุว่า การเปิดบ้านต้อนรับระบบอาวุธลักษณะนี้มีความเป็นไปได้ต่ำมาก ตราบใดที่สภาพแวดล้อมทางการเมืองและความมั่นคงของภูมิภาคยังคงเป็นอยู่อย่างปัจจุบัน ก็เลยมีคำถามว่า ถ้าจะให้ประเทศอย่างประเทศไทยยอมรับการติดตั้งฐานขีปนาวุธพิสัยกลางของอเมริกาบนแผ่นดินไทย ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อมทางการเมือง


ท่านผู้ชมครับ เมื่อล่าสุด ไม่นานมานี้เอง พรรคเพื่อไทยยกทีมเข้าไป เพื่อที่จะไปเลียแข้งเลียขาอเมริกา มีการกินข้าวเย็นกัน และมีการพูดถึงความร่วมมือกันในอนาคตถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า ผมไม่รู้ แต่ว่ามันเกิดขึ้นในวันที่ 3 พฤษภาคม โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งอาชีพเดิมคือคนขายเพชรขายพลอย แต่ทะลึ่งมาทำเป็นรู้เรื่องเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า เขาพาสมาชิกพรรคเพื่อไทย มีจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส. เชียงใหม่ เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส. เลย จิราพร สินธุไพร ส.ส. ร้อยเอ็ด กฤษฎา ตันเทอดทิพย์ ส.ส. หนองคาย พชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร ลูกชายของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เข้าพบนายไมเคิล ฮีธ (Michael Heath) อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูต นั่งคุยกันอย่างดี และให้ความมั่นใจ พูดเรื่องการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ


เขาบอกว่าทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์ ประเด็นอยู่ตรงไหน ? นี่แค่พรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้รวมกับพรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า ของนายธนาธณ ช่อ พรรณิการ์ ปิยบุตร รวมถึงพรรคการเมืองอื่นๆ ที่กำลังมุ่งสู่สนามเลือกตั้งที่อาจจะเกิดขึ้นในปี 2565 เพราะฉะนั้นแล้ว นี่คือปัจจัยในเรื่องการเมืองระหว่างประเทศเข้ามาแทรกแซง หรือยื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอนที่สุด ก็คือว่า ถ้าเปลี่ยนรัฐบาลได้ พรรคเพื่อไทย ทักษิณ ชินวัตร ยืนข้างอเมริกา พรรคก้าวไกล พิธา ร้อยเปอร์เซ็นต์ ยืนฝั่งอเมริกาเต็มที่ เพราะฉะนั้นถ้าสมมุติฝั่งนี้ตั้งรัฐบาลได้ โอกาสที่จะเป็นไปตามที่งานวิจัยของ แรนด์ บอกว่า ถ้าการเมืองมีการเปลี่ยนแปลง ก็มีโอกาสที่ประเทศไทยจะยอมรับให้การตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางในประเทศไทย ซึ่งผมจะเตือนพรรคเพื่อไทย คุณพิชัย เอาไว้ ถ้าเป็นเช่นนั้น ถ้าพรรคพวกคุณ หรือนายพิธา เปิดประตูให้อเมริกามาตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางในประเทศไทย พวกคุณคือคนขายชาติทั้งหมด เพราะพวกคุณจะเป็นคนที่ชักน้ำเข้าลึก แล้วชักศึกเข้าบ้าน

ท่านผู้ชมจำเอาไว้นะครับ นายพิชัย เป็นคนที่เริ่มกระบวนการชักน้ำเข้าลึก และชักศึกเข้าบ้าน จำชื่อเอาไว้ดีๆ พิชัย นริพทะพันธุ์

ท่านผู้ชมครับ นาโต ผูกมัดญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เชิญเข้าประชุมร่วมต่อเนื่อง อย่างที่ผมเรียนให้ทราบตั้งแต่ต้นว่า นาโตสยายปีกคลุมอินโด-แปซิฟิก


แล้ว 7 เมษายน ที่ผ่านมานี้ เดือนที่แล้ว พล.อ.เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก (Jens Stoltenberg) เลขาธิการองค์การนาโต แถลงหลังจากการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศนาโต ว่า ได้มีการเชิญรัฐมนตรีต่างประเทศจากพันธมิตรเอเชียแปซิฟิก มีออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เข้าร่วมประชุมด้วย นาโต บอกชัดเจนว่า อยากจะขยายบทบาทนาโตมาที่อินโด-แปซิฟิก คนที่คิดหนักที่สุดในขณะนั้นก็คือ ญี่ปุ่นนี่แน่นอนว่าพร้อม เพราะญี่ปุ่นเป็นสุนัขรับใช้ของกลุ่มนาโตมานานแล้ว สังเกตจากการที่ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น คิชิดะ เดินสายมาในเอเชีย เยือนแต่ละประเทศ เยือนกัมพูชา เยือนประเทศโน้นประเทศนี้ เยือนประเทศไทย


แล้วก็บินต่อไปที่โรม ไปรายงานให้กับฝรั่ง ซึ่งเป็นเจ้านายโดยตรงของตัวเอง ว่าได้ไปพูดกับไทยแล้ว ไทยว่าอย่างไร ไปพูดกับกัมพูชาแล้ว กัมพูชาว่าอย่างไร โน่นนี่นั่น

นายคิชิดะ เป็นคนที่กระเหี้ยนกระหือมากที่จะให้ญี่ปุ่นพัฒนาอาวุธขึ้นมา เพื่อมาต่อต้านจีน และก็ถูกนายคิม จอง-อึน เกาหลีเหนือ ข่มขู่ไปว่า ถ้าเกิดมีการสร้างปัญหาแบบที่นาโตสร้างกับยูเครนและรัสเซียแล้ว โดยที่ไปติดขีปนาวุธหรือสร้างอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมา คิม จอง-อึน ก็บอกว่าเขาไม่ฟังเสียงนะ แค่ขู่เฉยๆ เขาก็จะถล่ม เขาจะถล่มเกาหลีใต้ และเขาจะถล่มญี่ปุ่น ตรงนี้ต่างหากที่เป็นจุดยืนที่ทำให้เกาหลีใต้คิดหนัก

ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้เรามาถึงคนของเราบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายดอน ปรมัตถ์วินัย


จะอย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าท่านอาจจะมีความคิดของท่านอยู่แล้ว หรือนายดอน อาจจะมีความคิดอยู่แล้วที่จะเข้าร่วม แต่ผมไม่อยากให้ตกหลุมพราง ตกปากรับคำ กลายเป็นเบี้ยให้อเมริกา ท่านผู้ชมครับ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน สำคัญที่สุด ในภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่มีประเทศไหนสำคัญเท่าประเทศไทยอีกแล้ว เพราะเราเชื่อมต่อพม่า ลาว แม่น้ำโขง ที่จะรุกไปสู่ประเทศจีนได้สะดวก เพราะฉะนั้นถ้ามีการจัดตั้งกองกำลังนาโต 2 ในภูมิภาคอาเซียน ไทยก็จะเป็นแกนหลัก อเมริกาประกาศไปแล้วตั้งแต่ต้นว่าสมาชิกยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกนั้นมีออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และไทย ซึ่งผมเคยเตือนไปหลายครั้งแล้วว่าการถูกล็อกคอไปสั่งงานแบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือนายดอน ปรมัตถ์วินัย ที่จะเป็นตัวแทนไปร่วมประชุม ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่ไบเดน แถลงข่าวอะไร ก็ไปยืนข้างหลังเป็นตัวประกอบ แล้วยิ้ม พยักหน้าหงึกๆ ว่าเห็นด้วย


พล.อ.ประยุทธ์ มีข้อจุดอ่อนมาก คือเป็นคนกลัวฝรั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝรั่งที่เป็นระดับผู้นำประเทศที่เป็นคนผิวขาว ท่านยิ้มอย่างเดียว ท่านพยักหน้าหงึกๆ ท่านอาจจะไม่เห็นด้วย แต่ความที่ท่านกลัวฝรั่ง และท่านพูดภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง ท่านก็หงึกๆๆ ไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ตัวท่านเองอาจจะไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวรู้รายละเอียดว่าที่เขาแถลงนั้นมีผลกระทบร้ายแรงต่อประเทศไทยมากแค่ไหน

ท่านผู้ชมครับ พล.อ.ประยุทธ์ ในปี 2562 ก็ตกหลุมเข้าไปแล้ว ไปลงนามแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมว่าด้วยการเป็นพันธมิตรทางด้านการทหารป้องกันประเทศระหว่างอเมริกาและไทย ผมเอารูปขึ้นให้ดูนะครับ


นายมาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอเมริกาสมัยทรัมป์ เมื่อพฤศจิกายน 2562 มิหนำซ้ำ หลังจากนั้น พอมาในยุคนายโจ ไบเดน นายโจ ไบเดน ก็ประกาศว่าไทยเป็นสมาชิกกลุ่มอินโด-แปซิฟิก ร่วมกับฟิลิปปินส์ ร่วมกับเกาหลีใต้ ร่วมกับออสเตรเลีย

ท่านผู้ชมครับ พล.อ.ประยุทธ์ ท่านไม่เคยแถลงเรื่องนี้ นายดอน ก็ไม่เคยแถลงเรื่องนี้ มันเกิดอะไรขึ้น แถลงก็แบบทั่วๆ ไป ไม่มีข้อตกลงอะไรกัน ไม่มีอะไรเสียหาย ก็ไม่มีอะไรเสียหาย เขาเชิญคุณไปร่วมปล้น แล้วมีชื่อคุณอยู่ในคณะทีมโจรที่ไปปล้น ถ้าคุณไม่มีอะไร คุณต้องบอกว่าผมไม่เกี่ยว แต่ไทยไม่เคยแสดงจุดยืนเลย นายดอน ไม่เคยออกมาประกาศเลยว่าการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน พูดว่าไทยเข้าไปร่วมนั้น ไทยไม่ได้เข้าร่วม ไทยไม่ได้ตกลงอะไรด้วยทั้งสิ้น แต่ไม่มีการพูดเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว แล้วจะให้ผมเข้าใจอย่างไรว่า ในที่สุดแล้ว ลึกๆ แล้ว พวกคุณแอบจับมือกับอเมริกาใช่ไหม ทำไมเพียงแค่ออกมาตอบโต้เขาเฉยๆ ว่าการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงออกมาว่า ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกนั้นมี 5 ประเทศเข้าร่วม มีญี่ปุ่น มีออสเตรเลีย มีฟิลิปปินส์ มีไทย มีเกาหลีใต้ ประเทศไทยรับทราบแล้วไม่สบายใจอย่างยิ่ง เพราะประเทศไทยไม่ได้ตกลงอะไรกันในการเข้าร่วมยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก เพราะประเทศไทยต้องการจะวางตัวเป็นกลาง ประเทศไทยพร้อมจะเป็นมิตรกับทุกประเทศ และไม่ต้องการที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในองค์กรหรืออะไรก็ตามที่ไปคัดค้านหรือไปตั้งป้อมเป็นศัตรูกับประเทศจีน พูดแค่นี้ พูดไม่ได้ แล้วท่านผู้ชมคิดว่าผมจะคิดอย่างไรล่ะ ท่านผู้ชมจะคิดอย่างไร

นอกจากนั้นแล้ว นายกฯ ญี่ปุ่นมาเยือนประเทศไทย ก็มีข้อตกลงตั้ง 4-5 ข้อ ที่ผมพูดไปอาทิตย์ที่แล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันนี้ เพราะฉะนั้นแล้ว การประชุมอเมริกา-อาเซียนซัมมิต ที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม วันที่ 12 และ 13 เราต้องช่วยกันจับตาดูอย่างใกล้ชิด กดดันไม่ให้มีเงื่อนไขในการตั้งฐานทัพ และติดตั้งขีปนาวุธคุกคามประเทศอื่น เพื่อป้องกันไม่ให้ชาติไทย ชาติต่างๆ ในอาเซียน กลายเป็นยูเครนสอง หรืออียูสอง ที่สำคัญ ไม่ควรจะเข้าไปร่วมในการเสริมสร้างความมั่นคงเพื่อต่อต้านจีน จุดยืนของประเทศไทย ท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผมไหม คุณดอนครับ พล.อ.ประยุทธ์ ครับ คือจุดยืนที่ประเทศไทยไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใครทั้งสิ้น ฉะนั้นประเทศไทยจะไม่ยอมเป็นฐานปฏิบัติการของผู้ใดในการใช้ประเทศไทยเป็นฐานปฏิบัติการในการต่อต้านหรือทำลาย

ท่านผู้ชมครับ จำยูเครนได้ไหม สงครามยูเครนมันเกิดขึ้นเพราะอเมริกาทำให้เกิดขึ้น แล้วอเมริกาก็บอกให้ตัวตลกเซเลนสกี สู้ไปๆๆ เดี๋ยวเอาอาวุธส่งให้ๆ ขอเงินสภาคองเกรสมา 33,000 ล้าน ให้ยูเครนเซ็นสัญญากู้เงิน เอาไปเลยๆๆ อเมริกาเคยเข้าไปรบแทนคนยูเครนไหม ? ไม่เคย มีแต่ยุยงส่งเสริม ผมไม่ต้องการให้ไทยกลายเป็นยูเครนที่สอง

จำเป็นอย่างยิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ และนายดอน ต้องประกาศไว้ล่วงหน้าให้เป็นที่รับทราบต่อสังคมโลกว่า หนึ่ง ประเทศไทยจะไม่ตั้งตนเป็นศัตรูกับใคร สอง ประเทศไทยจะเป็นมิตรไมตรีกับทุกประเทศ ผมขอเตือนเอาไว้ก่อนว่า ใครก็ตามที่เอาประเทศไทยมาอยู่ใต้อาณัติของชาติอื่น ทำให้ไทยต้องตกเป็นเครื่องมือในการทำสงครามของมหาอำนาจ ทำให้ประชาชนคนไทย ลูกหลานไทย ต้องตกระกำลำบาก บ้านแตกสาแหรกขาดด้วยภัยสงคราม ไอ้และอีคนนั้นคือ "คนขายชาติ" คุณดอน จำให้ดีๆ ผมพูดคำนี้ ไอ้และอี ถ้าทำตามที่ผมบอก คือคนขายชาติ


ท่านนายกฯ ครับ ผมเคยอธิบายเกมการเมืองในระดับโลกและระดับภูมิภาค เป็นการสัประยุทธ์ระหว่างอเมริกาและจีนไว้หลายครั้ง ผมเปรียบเทียบการวัดกำลังกันครั้งนี้ระหว่างสองมหาอำนาจสองซีกโลก ว่าฝั่งตะวันตกกำลังเล่นหมากรุก แต่ฝั่งจีนเขาเล่นหมากล้อม ภาษาจีนกลางเขาเรียกว่า เหวยฉี ภาษาญี่ปุ่นเขาเรียกว่า โกะ อย่างที่ผมเคยเตือนเอาไว้แล้วว่าการปะทะกันระหว่างอเมริกากับจีนนั้นเริ่มขึ้นแล้ว นับวันจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ดังเช่นพญาช้างสารที่กำลังจะชนช้างกัน ไทยเปรียบเสมือนหญ้าแพรกที่แทรกอยู่ตรงกลางระหว่างช้างสองตัว และย่อมได้รับผลกระทบข้างเคียง หรือที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Collateral damage อย่างแน่นอน

ท่านผู้ชมครับ ท่านนายกฯ ครับ นายดอน ปรมัตถ์วินัย ครับ ผมจะเล่าเรื่องๆ หนึ่งซึ่งผมเก็บไว้เป็นความลับ ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ใหญ่ทางจีน ระดับสูงมาก คนหนึ่ง เขาพูดกับผมว่า คุณสนธิ ครับ จีนกับอเมริกาต้องปะทะกันแน่นอน เขาพูดอย่างนี้เลยนะครับ เขาเป็นผู้ใหญ่ระดับที่อยู่ในส่วนการกำหนดนโยบายของประเทศจีน เขาบอกว่า จีนกับอเมริกาต้องปะทะกันแน่นอน ผมไม่อยากให้ประเทศไทยมาเปียกน้ำจากการสาดน้ำใส่ซึ่งกันและกัน ผมไม่อยากให้ประเทศไทยมามีส่วนและทำให้ตัวเองต้องเปียกน้ำด้วย นี่คือคำเตือนของเขา

ประเด็นเราจะวางตัวอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ ? ท่านผู้ชม ก่อนเราจะก้าวเข้าไปสู่เรื่องนี้ เรามาทบทวนประวัติศาสตร์นิดหนึ่ง ท่านนายกฯ ครับ ท่านเป็นคนอ่านหนังสือเยอะ แต่ผมไม่รู้ว่าหนังสือที่ท่านอ่านนั้นมีข้อมูลที่ผมจะเล่าให้ท่านฟังหรือเปล่า หรือท่านเลือกอ่านเฉพาะหนังสือที่ท่านชอบ ก็คือความคิดทางแนวตะวันตก


สิบปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยุคสี จิ้นผิง จีนเพิ่งจะลืมตาอ้าปากได้ ตกเป็นเบี้ยล่างของชาติตะวันตก ถูกกดขี่มา 150 ปี ตั้งแต่สมัยสงครามฝิ่น ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ผ่านสงครามกลางเมือง ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 มาสองครั้ง ผ่านสงครามรุกรานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของญี่ปุ่น คนจีนตายที่นานกิงเป็นล้านคน ผ่านการสู้รบแย่งชิงประเทศระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์ กับพรรคก๊กมินตั๋ง ผ่านสงครามเกาหลี ผ่านสงครามเย็น ผ่านการปฏิวัติวัฒนธรรมครั้งใหญ่ ผ่านวิกฤตการเมืองในประเทศ ตอนนี้เขากำลังลืมตาอ้าปาก เดินเชิดหน้ายืดอกได้ว่าเขาฝ่าฟัน อดทนผ่านวิกฤตอันยาวนานมาได้ สี จิ้นผิง ก็เลยเสนอนโยบาย 1 แถบ 1 เส้นทาง ขึ้นมาเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์การค้าขายและความเจริญรุ่งเรืองออกไป แน่นอนที่สุด เมื่อเขาทำเช่นนี้ ท่านผู้ชมครับ คนจีนเป็นคนชอบค้าขาย ไม่ได้ชอบทะเลาะกับใคร พอสี จิ้นผิง เสนอนโยบาย 1 แถบ 1 เส้นทาง ทำให้ความเจริญเกิดขึ้น แน่นอนอิทธิพลจีนก็ย่อมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

นโยบายที่เขาตั้งขึ้นมานี้ ไม่ได้มีความพยายามไปล่าอาณานิคม ล่าเมืองขึ้น แทรกแซงการเมืองภายในของใคร ประเทศจีนไม่เคยเข้าไปยึดพื้นที่ใคร ไม่เคยไปยุยงส่งเสริมให้ใครทะเลาะกับใคร และไม่เคยส่งอาวุธให้ใครรบกับใคร ทางฝั่งตะวันตกพยายามโจมตีจีนเรื่องฮ่องกง ไต้หวัน ทิเบต ซินเจียง หาเรื่องตลอดเวลา ซึ่งทั้งหมดที่เอ่ยชื่อล้วนเป็นการเมืองภายในของจีนทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนเป้าหมายด้วยการหันมาให้ความสำคัญกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเพิ่มเป้าหมายเพื่อจะปิดล้อมจีน

ท่านผู้ชมครับ เขาบอกว่าเวลาเราดูประเทศๆ หนึ่ง ถ้าเราจะดูจีนกับอเมริกา เราดูกันที่ไหน ? เราดูขนาดเศรษฐกิจใช่ไหม ? ท่านผู้ชมที่ติดตามข่าวเศรษฐกิจมา หรือรู้เรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ก็จะพอเข้าใจสิ่งที่ผมพูด ประเทศจีนวันนี้เป็นประเทศที่มีอันดับเศรษฐกิจของโลกอยู่อันดับสอง แซงญี่ปุ่นขึ้นมา อีกไม่เกิน 5-6 ปี หรือสูงสุดไม่เกิน 10 ปี เศรษฐกิจจีนจะขึ้นอันดับหนึ่งของโลก อเมริกาจะตกลงมาเป็นที่สอง ถ้าพูดถึงกำลังการซื้อของ หรือที่เรียกว่า PPP (Power Purchasing Priority) จีนอยู่อันดับหนึ่ง ชนะอเมริกาไป เมื่อประเทศๆ หนึ่งกลายเป็นอันดับเศรษฐกิจที่หนึ่งของโลก ก็หมายความว่าประเทศนี้ เศรษฐกิจของเขาค้าขายกับคนทั่วโลกมากกว่าอเมริกาแล้ว นั่นคือการค้า ประเทศจีนเป็นประเทศเดียวที่มีการขนส่งสินค้าจากประเทศจีนไปยุโรปผ่านทางรถไฟ จากที่อาทิตย์หนึ่งเขาส่งแค่ 10 เที่ยว ตอนนี้อาทิตย์หนึ่งเขาส่งเกือบ 200 เที่ยว เขาเพิ่มพูนการค้ากันตลอดเวลา

อันที่สอง ถ้าเราจะดู เราต้องดูนวัตกรรมและเทคโนโลยีของจีน และของอเมริกา คนเรามันวัดความยิ่งใหญ่กัน วัดทางเทคโนโลยี ประเทศนี้เหนือกว่าหรือเปล่า สมัยก่อนญี่ปุ่นเหนือกว่า สมัยนี้ญี่ปุ่นตกอันดับแล้ว นวัตกรรมของญี่ปุ่นมีอยู่อันเดียวที่เคยสร้างมา แล้ววันนี้ก็ตกยุคไปแล้ว นั่นคือรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น PANASONIC หายไปไหนแล้ว SONY หายไปแล้ว TOSHIBA หายไปไหนแล้ว ไม่มี สมัยก่อนถ้าซื้อตู้เย็น ต้องซื้อจากที่อเมริกา GE แล้วต่อมาก็ไปซื้อตู้เย็นจากญี่ปุ่น วันนี้กลายเป็นว่า ตู้เย็น เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ในบ้าน ถูกจีนยึดครองไปหมด ตั้งแต่ Haier ไปจนถึง Xiaomi นี่ผมพูดเฉพาะสินค้าในครัวในบ้านในเรือน โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ถูกจีน ถูกเกาหลีแซงไปหมดแล้ว ญี่ปุ่นตกอันดับไปแล้ว วันนี้มีเครื่องซักผ้าของญี่ปุ่น มีโทรทัศน์ของญี่ปุ่นมาขายไหม ยังมี SONY อยู่ แต่ก็ยังสู้ LG ของเกาหลีไม่ได้

ท่านผู้ชมเห็นหรือยังว่าตอนนี้ญี่ปุ่นเป็นของเก่า ของโบราณไปแล้ว แล้วคนก็ถามว่า แล้วจีนจะมาสู้กับอเมริกาได้อย่างไร เอาล่ะ มา!

ท่านผู้ชมครับ ท่านนายกฯ ครับ สิบปีก่อน กับจีนวันนี้ มันแตกต่างกันสิ้นเชิง อาจจะเรียกได้ว่าในหลายทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศจีนพัฒนาก้าวหน้าไปรวดเร็วเกินกว่าที่ทุกคนบนโลกจะคาดคิดและจินตนาการได้ เอาล่ะ ผมจะเอาหลักฐานอันหนึ่งให้ท่านนายกฯ ได้รับทราบ ผมไม่คิดว่าข้อมูลนี้จะมีคนเล่าให้ท่านนายกฯ ฟัง ถือว่าผมเอาข้อมูลนี้ให้ท่านนายกฯ ก็แล้วกัน เพื่อรับทราบไว้


ธันวาคม ปีที่แล้ว (2564) ปลายปีที่แล้ว มันมีศูนย์ๆ หนึ่ง ชื่อ ศูนย์เบลเฟอร์เพื่อวิทยาศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Belfer Center for Science and International Affairs) ที่ Harvard Kennedy School of Government มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เขาทำรายงานมาชิ้นหนึ่ง รายงานชิ้นนี้น่าสนใจมาก รายงานชิ้นนี้มีชื่อว่า The Great Tech Rivalry : China vs the U.S. หรือแปลเป็นไทยว่า คู่ปรับผู้ยิ่งใหญ่ในด้านเทคโนโลยี ระหว่างจีน กับ อเมริกา ถูกทำขึ้นมาในโครงการที่ชื่อ Avoiding Great Power War Project หรือ โครงการหลีกเลี่ยงสงครามระหว่างมหาอำนาจ รายงานชิ้นนี้มีความยาว 52 หน้า ท่านผู้ชมไปดาวน์โหลดมาอ่านดูได้ ผมสรุปให้ฟังก็แล้วกัน

รายงานนี้บอกว่า วันนี้จีนได้กลายเป็นผู้ท้าชิงอเมริกาในการผูกขาดการเป็นมหาอำนาจทางเทคโนโลยีของโลกไปแล้ว ที่สำคัญ อเมริการู้ตัวดี นอกเหนือจากการที่จีนเป็นโรงงานโลกแล้ว จีนยังเป็นคู่แข่งสำคัญของเทคโนโลยีแห่งอนาคตในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะในเทคโนโลยี 6 ด้าน อะไรบ้าง 6 ด้านที่จีนเป็นคู่แข่งและชนะอเมริกา ? หนึ่ง ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence)


ซึ่งปัญญาประดิษฐ์ในขณะนี้เริ่มแล้ว และจะมีความสำคัญมาก จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของมนุษย์เราในการผลิต ในการใช้ชีวิต ในการแก้ปัญหาสังคม สอง เทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายยุค 5G จีนกลายเป็นคนที่มีแอปพลิเคชันโทรศัพท์ 5G มากที่สุดในโลก มากกว่าอเมริกาเป็นสิบๆ เท่า มีเสา 5G มากกว่าอเมริกาประมาณสิบเท่า แล้วจีนกำลัง break through เทคโนโลยีมือถือทางด้าน 6G จนกระทั่งอเมริกาต้องหน้าด้านมาขอความร่วมมือด้วยเพื่อขอเรียนรู้จากจีน


สาม วิทยาการสารสนเทศควอนตัม (Quantum Information Science) สี่ เซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ห้า เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) หก พลังงานสะอาด (Green Technology)

ท่านผู้ชมอาจจะสงสัยว่า วิทยาการสารสนเทศเชิงควอนตัม คืออะไร ? วิทยาการสารสนเทศควอนตัม เป็นการรวมความรู้ 3 สาขา เข้าด้วยกัน คือ ทฤษฎีสารสนเทศ (Information Theory) อธิบายถึงขีดจำกัดของการสื่อสารดั้งเดิม วิทยาการคอมพิวเตอร์ที่ใช้อธิบายกระบวนการคำนวณหรือประมวลผล และฟิสิกส์ควอนตัม โดยใช้เพื่ออธิบายพฤติกรรมของอนุภาคที่นำมาใช้เป็นตัวสื่อ

ท่านผู้ชมครับ ประเด็นอยู่ที่ไหน ? ประเด็นคือฝรั่งโลกตะวันตกเคยดูถูกดูแคลนจีน และคาดการณ์ผิดมาตลอด แม้แต่นิตยสาร TIME ซึ่งตีพิมพ์ฉบับพิเศษออกมาในช่วงปี 2542 ยี่สิบสามปีที่แล้ว ใช้ปกว่า "BEYOND 2000 : 100 QUESTIONS for the ne century แปลไทยว่า หลังปี 2000 : 100 คำถามสำหรับศตวรรษใหม่ ในบทวิเคราะห์ของนิตยสารฉบับนี้ยังกล่าวอย่างมีความมั่นใจว่า จีนจะไม่สามารถเติบโตกลายเป็นประเทศมหาอำนาจทางด้านอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 21 ด้วยประชากรที่มากเกินไป ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่น้อยเกินไป ด้วยรายได้ต่อหัวประชากรอยู่ในระดับเดียวกับประเทศกายอานา และฟิลิปปินส์ คนจีนส่วนใหญ่ไม่มีเงินมากพอจะซื้อสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูง ดังนั้นไม่ต้องกล่าวถึงการหาทรัพยากรมาพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ขึ้นมาเอง


ท่านผู้ชมครับ นี่จากนิตยสาร TIME Magazine ที่มีชื่อนะ สบประมาท ปรามาส ที่ฝรั่งแองโกล-แซกซัน ดูถูกจีนไว้เมื่อ 22 ปีที่แล้ว หรือช่วงเปลี่ยนผ่านของสหัสวรรษ ท่านผู้ชม แค่สิบปีเท่านั้น ค.ศ. 2010 หรือ พ.ศ. 2553 จีนถีบตัว เปิดตัวเองต่อชาวโลก เป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิกกรุงปักกิ่ง 2551 เป็นเจ้าภาพ WORLD EXPO นิทรรศการโลก ที่มหานครเซี่ยงไฮ้ 2010 แต่กลุ่มมันสมองและนักวิชาการในอเมริกา แม้กระทั่งมหาวิทยาลัยอย่างฮาร์วาร์ด กลับยังคงมองว่าจีนไม่มีโอกาสจะขึ้นมาทัดเทียมอเมริกาได้ และยังคงเชื่อว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) นั้น จะเกิดขึ้นได้เฉพาะสังคมที่เสรี (Free Society) อย่างในอเมริกาและโลกตะวันตกเท่านั้น จะไม่มีวันเกิดขึ้นกับประเทศเผด็จการอย่างจีน พร้อมยังดูถูกว่าจีนจะทำได้แค่เพียงก๊อปปี้ (copy)

ผ่านไปสิบปี เข้า ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) สองปีที่ผ่านมา ทุกอย่างปรากฏชัดเจน คำทำนายของโลกตะวันตกผิดหมด จีนพิสูจน์จากตัวเลขสถิติหลายประการ จีนกลายเป็นผู้ผลิตสินค้าไฮเทคของโลก ในปี 2563 จีนผลิตคอมพิวเตอร์ 250 ล้านเครื่อง รถยนต์ 25 ล้านคัน โทรศัพท์มือถือ 1,500 ล้านเครื่อง

จีนกลายเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ จีนกลายเป็นผู้นำอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี 5G ผลักดันเทคโนโลยี 5G ได้รวดเร็วกว่าอเมริกาตั้งหลายปี วิทยาการสารสนเทศควอนตัม อเมริกายอมรับว่าในหลายๆ ด้านจีนแซงไปแล้ว เซมิคอนดักเตอร์ การผลิตชิปต่างๆ แม้หลายปีก่อนจีนจะยังเริ่มดีไซน์ชิปและผลิตไม่ทัน แต่หลังเกิดเหตุการณ์สงครามทางการค้ากรณีหัวเว่ย ทำให้จีนหันมาโฟกัสเรื่องนี้จริงจัง และกำลังจะแซงอเมริกาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ในเรื่องการผลิตชิป

เทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานสะอาด แผงโซลาร์เซลล์ แบตเตอรี หลายๆ ด้าน หลายๆ อุตสาหกรรมในอเมริกายังต้องพึ่งพาจีนเสียด้วยซ้ำ ความก้าวล้ำเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาอาศัยทรัพยากรมนุษย์ที่สรรค์สร้างมา

ท่านผู้ชมครับ เมื่อเราดูทรัพยากรมนุษย์ เราไปดูทางด้านการศึกษา นี่คือตัวอย่างที่ประเทศไทยสอบตกมาตั้งนานแล้ว ไม่มีใครสนใจ ไม่ว่ารัฐมนตรีคนไหน ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ สอบตกหมด ทุกปีจีนผลิตบัณฑิตที่จบการศึกษาด้านสเต็ม (STEM)


สเต็ม (STEM) ย่อมาจากอะไร ? S คือ วิทยาศาสตร์ (Science) T คือ เทคโนโลยี (Technology) E คือ วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และ M คือ คณิตศาสตร์ (Mathematics) วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ หรือว่าบูรณาการความรู้ 4 สาขาวิชา ซึ่งได้แก่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ มากกว่าอเมริกาถึงสี่เท่า ภายในปี 2568 หรืออีกสามปีข้างหน้า บุคลากรจีนที่จบการศึกษา PhD ระดับปริญญาเอก ทางด้าน STEM - วิทยาศาสตร์ (Science) T คือ เทคโนโลยี (Technology) E คือ วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และ M คือ คณิตศาสตร์ (Mathematics) อีกสามปี บุคลากจีนที่จบด็อกเตอร์ทางด้านนี้ จะมีมากกว่าอเมริกาสองเท่า

ท่านผู้ชมครับ เมื่อเรามาพิจารณาเฉพาะทางด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) แล้ว อเมริกาไม่สามารถผลิตบุคลากรความรู้สูงทางด้าน AI ที่จบระดับปริญญาเอกได้เพิ่มมากขึ้นตามความต้องการ ตั้งแต่ ค.ศ. 1990 หรือสามสิบปีที่แล้ว ปริมาณการวิจัยด้าน AI ของอเมริกาก็เลยแพ้จีนอย่างชนิดที่เรียกว่าไม่เห็นฝุ่นเลย


เทคโนโลยีการจำใบหน้าอ (Facial Recognition) เป็นแขนงย่อยของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ จีนมีเทคโนโลยีก้าวล้ำกว่าอเมริกาไปไกล ด้วยความวิตกกังวลในโลกตะวันตกเกี่ยวกับเงื่อนไขทางด้านการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและความปลอดภัยต่างๆ ขณะที่จีนไม่มีปัญหาด้านนี้ ทำให้ปัจจุบันจีน อย่างเช่น เซนส์ไทม์ (Sense Time) กับ Megvii สามารถพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้กับเทคโนโลยีจดจำใบหน้า เอื้ออำนวยให้มีการแยกแยก ระบุประชากรจีน 1,400 ล้านคน ได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที


ท่านผู้ชมครับ เมื่อเราหันไปดูตลาดหลักทรัพย์ จะเห็นว่าหกปีก่อน จำนวนบริษัทอินเทอร์เน็ตที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก 20 บริษัท มีบริษัทจีนติดอยู่ 2 บริษัท วันนี้จากจำนวนบริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ทั่วโลก 20 บริษัท บริษัทจีนติดอยู่ 7 บริษัท จาก 2 บริษัท เพิ่มเป็น 7

ในแง่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต ในจำนวน 7 บริษัทปัจจุบัน 4 บริษัทอยู่ในอเมริกา คือ กูเกิล (Google) แอมะซอน (Amazon) เฟซบุ๊ก (facebook) ไมโครซอฟท์ (Microsoft) อีก 3 บริษัทมาจากฝั่งจีน คือ ไป่ตู้ (Baidu) อาลีบาบา (Alibaba) และเทนเซ็นต์ (Tencent)

ท่านผู้ชมครับ ในโลกแห่งความเป็นจริง หลักฐานเชิงประจักษ์ ณ ปัจจุบัน เกิดอะไรขึ้น ท่านผู้ชมคงเห็นด้วยกับตา และคงเข้าใจแล้ว

จีนกลายเป็นประเทศคู่ค้ากับประเทศต่างๆ มากที่สุดในโลก เป็นจักรกลสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก การเป็นประเทศคู่ค้าใหญ่ของประเทศต่างๆ มากที่สุดในโลก รวมถึงไทย


2564 GDP จีนครองสัดส่วนของโลก 17.9 เปอร์เซ็นต์ เกือบๆ 1 ใน 5 อเมริกาครองอยู่เกือบ 1 ใน 4 อีกไม่กี่ปีข้างหน้าจีนก็จะแซงอเมริกาแล้ว

ท่านผู้ชมครับ กลับมาถึงเรื่องนโยบายปักหมุดเอเชีย ซึ่งเป็นนโยบายของประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผมรู้จักนักการทูตในอเมริกาหลายคน ที่ประจำอยู่ตะวันออกกลาง เรียนพูดภาษาอาหรับได้ แต่พอรัฐบาลโอบามา เปลี่ยนแปลงนโยบาย ก็กลับมาเรียนรู้เรื่องราวในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นโยบายปักหมุดเอเชียนี้ เวลาต่อมาในยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และโจ ไบเดน ก็ถูกเปลี่ยนแปลง ต่อยอดให้กลายเป็นยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์มุ่งเน้นไปในเชิงความมั่นคง การทหาร มีเป้าหมายชัดเจนคือปิดล้อมและสกัดกั้นอิทธิพลจีน


ท่านผู้ชมครับ จีนเขาเห็นแล้วเรื่องนี้ เขาไม่ได้งอมืองอเท้าอยู่เฉยๆ เพราะยุทธศาสตร์ 1 แถบ 1 เส้นทาง ของเขา ต้องการค้าขาย ขยายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เครือข่ายคมนาคม หรือฟื้นฟูความร่วมมือของจีนในสมัยที่มีเส้นทางสายไหม กลับถูกชาติตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย แสดงความประสงค์อย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการจะสกัดกั้น ไม่ให้จีนเติบโต หรือถ้าพูดภาษานักเลงก็คือ กูจะบีบไม่ให้มึงโต แทนที่จะมาเร่งเพื่อแข่งขันทางการค้ากัน ไม่ กลับใช่บทนักเลงอันธพาล แล้วอินโด-แปซิฟิก ที่ไทยจะไปประชุม ที่นายกรัฐมนตรีจะไปประชุมวันที่ 12-13 นี้ ก็คือหนึ่งขั้นตอน กระบวนการที่จะไปบีบไม่ให้จีนโต คิดว่าทำได้หรือ ?

เพราะฉะนั้นแล้ว จีนพยายามเจรจาไกล่เกลี่ยทุกอย่าง สมัยทรัมป์ บีบให้จีนซื้อสินค้าเพิ่ม มูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 7 พันล้านบาท จีนก็ยอม อเมริกาสั่งแบนหัวเว่ย (Huawei) กับบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ จีนก็ยังเฉยๆ กัดฟันอดทนต่อไป ถึงขั้นสั่งให้แคนาดารจับ นางเมิ่ง หว่านโจว CFO หัวเว่ย ลูกสาวของผู้ก่อตั้งหัวเว่ย เป็นตัวประกัน จีนก็อดทน เจรจาต่อรองเจรจา 3 ปี ตะวันตกจะด่าว่าจีน โยนความผิดว่าจีนเป็นตัวการปล่อยเชื้อโควิด-19 จะแบนสินค้าจีนจากกรณีฮ่องกง ซินเจียงอุยกูร์ จีนก็อดทน แก้ไปทีละเรื่องๆ แต่จีนไม่ใช่พระอิฐพระปูน เขาไม่ได้งอมืองอเท้าอยู่เฉยๆ ให้คนมาทุบตีอยู่ฝ่ายเดียว

ท่านผู้ชมครับ ท่านนายกฯ ครับ อย่างประเทศไทยซึ่งแสดงว่าตัวเองยืนข้างอเมริกา เป็นพันธมิตรใกล้ชิด 1 ใน 5 ของอเมริกา ในยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ทั้งๆ ที่จีนถือว่าเราเป็นประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง จนถึงกับมีคำกว่าว่า "จีน-ไทย มิใช่อื่นไกล พี่น้องกัน"

ผู้นำจีนทุกรุ่น เมื่อเจอคนไทยก็พูดเหมือนกันหมด ท่านหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยคนปัจจุบัน ตอนเดินทางมารับตำแหน่ง ก็ย้ำคำกล่าวนี้ว่า จีนกับไทยเป็นพี่น้องร่วมกัน


แต่กาลกลับกลายเป็นว่า พออเมริกาเริ่มดำเนินการนโยบายสกัดกั้นปิดล้อมจีน เราก็ตีตัวออกห่าง ท่านนายกฯ ครับ ท่านรู้หรือเปล่าว่าท่านเบี้ยวข้อตกลงกับจีนยี่สิบกว่าเรื่อง ทำตัวเป็นปรปักษ์กับจีนอย่างชัดเจนในหลายเรื่องที่ผมเคยพูดมาแล้ว ท่านนายกฯ ครับ ผลคืออะไร ? ผมยกตัวอย่างชัดๆ สัก 4-5 ประเด็น

นักท่องเที่ยวจีนที่เคยมาประเทศไทยปีละ 10 ล้านคน ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไทยทั้งหมด จะไม่มาแล้ว ท่านนายกฯ ไม่ต้องห่วง ท่านคิดถูกแล้วที่ต้องไปหาอินเดียมาแทน เพราะโอกาสที่จีนจะกลับมาอีก ไม่มีแล้ว ต่อให้ไทยเปิดประเทศ ก็จะไม่มีนักท่องเที่ยวจีนไปอีกนาน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยทำท่าจะเหนื่อย เราอย่าหลงดีใจว่าสุวรรณภูมิมีคนแน่น คน 10 ล้านคน ที่เคยมาแล้วหายไปนั้น มันเป็นเรื่องวิกฤตมาก

ท่านนายกฯ ครับ นักเรียน นักศึกษาไทยในจีนกว่า 3 หมื่นคน หนีวิกฤตโควิดกลับมาในช่วงสองปีที่ผ่านมา เพิ่งจะได้กลับไปเรียนต่อประมาณ 70-80 คน ที่เหลือเป็นหมื่นๆ คนไม่ได้กลับไป

สถานการณ์ส่งออกทุเรียน ผลไม้ไทยไปจีน ปีละนับแสนล้านบาท กำลังตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่จากการปิดๆ เปิดๆ ด่านของจีน เดี๋ยวผมจะพูดเรื่องนี้เป็นพิเศษ


ล่าสุด นอกจากทุเรียนแล้ว สินค้าอย่างอื่น เช่น กล้วยไม้ ท่านนายกฯ ครับ กล้วยไม้เคยส่งออกจีนได้กว่า 5 พันล้านบาท ก็ประสบปัญหาเช่นกัน นายกสมาคมผู้ส่งออกดอกกล้วยไม้ไทย "ภาพรวมกล้วยไม้ไทยส่งออกได้น้อยมาก ตลาดหลักส่งออกจีน 70-80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนประเทศอื่นส่งออกน้อยลง ค่าระวางเครื่องบินสูงขึ้น 3-4 เท่าตัว ทำให้ราคาตกต่ำ เฉลี่ยเหลือ 80 สตางค์ต่อช่อ"

ท่านนายกฯ ครับ ท่านผู้ชมครับ สินค้าเกษตรไทยทุกตัวที่ส่งออกจีน ทั้งทุเรียน มะพร้าวน้ำหอม กล้วยไม้ ติดปัญหาที่ด่านหมด ตอนนี้ชาวสวนหลายแห่งดึงเงินออมเก่ามาใช้ ผู้ส่งออกหลายบริษัทได้รับผลกระทบเรื่องกระแสเงินสด ลดความเสี่ยง ทำให้ตลาดเล็กลงโดยอัตโนมัติ สวนขนาดเล็ก ตัวเกษตรกรอายุมากขึ้น โอกาสจะเลิกกิจการมีสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถบชานเมือง สมุทรสาคร นครปฐม ผู้ปลูกกล้วยไม้ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล รัฐบาลตอนนี้ก็เตี้ยอุ้มค่อม ช่วยเหลือตัวเองมาก ตลาดเดิม ญี่ปุ่น โซนยุโรป อเมริกา ต้องการสินค้าคุณภาพ ทำให้ส่งออกสินค้าได้น้อยลง เนื่องจากเกษตรกรผลิตสินค้าออกไปจีน ทำให้แนวโน้มคุณภาพกล้วยไม้ไทยในแต่ละฟาร์มมีน้อยลง

ท่านผู้ชมครับ ท่านนายกฯ ครับ ผมไม่รู้ว่าท่านนายกฯ ได้ข้อมูลมาจากใครเรื่องการส่งออกผลไม้ ลองมาฟังข้อมูลจากผม ถ้าท่านได้รับข้อมูลมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ผมจะบอกท่านอย่างนะ ท่านฟังผมเสียก่อน พรรคประชาธิปัตย์จะคุยโวโอ้อวดว่าสามารถส่งออกผ่านด่านโมฮาน ด่านโน้นด่านนี้ ปรากฏว่าด่านโมฮานเปิดบ้างปิดบ้าง เปิดบ้างปิดบ้าง ก่อนที่จะปิดล่าสุด ด่านโมฮานบอกว่า จะให้เวลา 5 วัน ให้ล้งไทยดูว่ามีทุเรียนติดโควิดไหม ถ้ายังมีอีก ก็จะปิดถาวร ท่านผู้ชมรู้หรือว่า ตอนนี้ด่านโมฮานปิดถาวรแล้ว ไม่ให้ผลไม้ไทยส่ง


ผมกำลังสงสัยนะท่านผู้ชม ผมได้พูดคุยกับข้าราชการระดับสูงที่กรมควบคุมโรคติดต่อ ของกระทรวงสาธารณสุข ผมบอกว่า อาจารย์ครับ ผมถามจริงๆ เถอะ ทุเรียนติดโควิด มีไหม ? อาจารย์ด็อกเตอร์คนนี้ เป็นผู้ใหญ่ระดับสูง ยังรับราชการอยู่ ท่านหัวเราะก๊ากเลย ท่านบอก มีที่ไหนล่ะ มันไม่ใช่พาหะ นี่คือการกีดกันทางการค้า ท่านนายกฯ ผมเคยพูดไปแล้ว ผมเคยเตือนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ แล้ว บอกว่าเรื่องการส่งออกผลไม้มันใหญ่เกินตัวนายจุรินทร์ กระจอก เฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่ออกมาโวยวาย มีปัญหา นี่คุณเพิ่งส่งออกได้แสนกว่าตัน นี่ทุเรียนใต้จะออกมาอีก 5-6 แสนตัน ลำไย มังคุด สรุปแล้วผลไม้ไทยปีนี้ฉิบหายแน่นอน ท่านนายกฯ ถ้าท่านนายกฯ อยากได้ข้อมูล ท่านส่งคนของท่านมาคุยกับผมสิ ผมจะเล่าให้ฟัง ท่านมัวแต่ฟังจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ แล้วท่านก็หิวแสง เห็นแสงมาก็ โอ๊ย ผลไม้ไทยไปได้ดี ไม่ใช่

ปริมาณผลิตทุเรียนบ้านเรา ปี 65 อยู่ที่ 1.3-1.4 ล้านตัน ภาคตะวันออก 720,000 ตัน ภาคใต้ 627,000 ตัน เพิ่ม 24.2 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่แล้ว ท่านผู้ชมครับ ปี 64 เราส่งทุเรียนไปจีน 875,000 ตัน เราส่งทุเรียนออกไปมากกว่าบริโภคภายในประเทศ เป็นมูลค่า 1 แสนกว่าล้านบาท ผลไม้ไทยครองตลาดจีน ส่วนแบ่งการตลาดกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ อันดับสอง คือ ชิลี อันดับสาม คือ เวียดนาม


ตลาดหลักคือประเทศจีน ซึ่งมีการขนส่งทางบกไปจีนผ่าน 4 ด่านหลัก คือ โมฮาน โหย่วอี้กวาน ตงชิง และผิงเสียง ท่านนายกฯ ครับ เจอปัญหาเดิม ทางจีนคิดมาตรการโควิด-19 และอ้างว่ามีการปนเปื้อนกับทุเรียนไทย ท่านนายกฯ ครับ ท่านไม่ใช่คนโง่ เพียงแต่ท่านหิวแสงมากไปหน่อยเท่านั้นเอง ท่านก็รู้ว่าข้ออ้างนี้คือข้ออ้างการกีดกันทางการค้า เมื่อเขามีนโยบายโควิด เขาก็อ้างตรงนี้มา แล้วท่านผู้ใหญ่ในกรมควบคุมโรคก็บอกแล้วว่ามีที่ไหนล่ะ ทุเรียนติดโควิด ไม่มี

กรมวิชาการเกษตร บอกว่า ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง 3 พฤษภาคม เกือบสี่เดือน เพิ่งส่งออกได้แค่ 142,000 ตัน ผ่าน 3 ช่องทาง คือ ขนส่งทางบก ด่านเชียงของ ด่านนครพนม ด่านมุกดาหาร ขนส่งทางเรือ ขนส่งทางอากาศ แค่ 49 ตันเอง แสดงว่าทุเรียนยังมีรอส่งออกอีกประมาณเกือบ 8 แสนตัน ด่านโมฮาน ที่คุณอลงกรณ์ พลบุตร คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ คุยนักคุยหนา ถูกปิดไปแล้ว เพราะโควิด

ผู้ประกอบการไทยเช่าเหมาเรือด่วนส่งผลไม้สด ทั้งทุเรียน มังคุด เป็นล็อตแทน ล็อตแรกเพิ่งส่งไปได้ 3 พันตัน เดินทางจากแหลมฉบัง ไปที่ท่าเรือหนานซา กว่างโจว วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม หลังปิดด่านไป 21 ชั่วโมง ด่านโมฮานกลับมาเปิดปกติ เข้มงวดหนัก


ท่านผู้ชมครับ นายกสมาคมผลิตทุเรียน ให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งว่า ปัญหาการส่งออกทางเรือคือ ตอนนี้เรือที่รอขึ้นท่าเซี่ยงไฮ้มีปริมาณมากกว่าพันลำต่อวัน ขณะที่ท่าเรือตรวจโควิด-19 ขึ้นได้วันละ 200 ตู้ต่อวันเท่านั้น โดยรวมสินค้าทุกชนิดที่ด่านทางบกติดปัญหาปิดๆ เปิดๆ เรียกได้ว่าทุเรียนไทยตอนนี้แทบจะเข้าไม่ได้เลย หนทางส่งทุเรียนไทยไปจีนจึงริบหรี่

ท่านผู้ชมครับ จีนเคยช่วยซื้อผลไม้และทุเรียนจากไทยในยามวิกฤตโควิด-19 ระบาดอย่างรุนแรง ยังนำผลไม้จากไทยในปีที่ผ่านมา ร่วม 2 แสนล้านบาท ทุเรียนนำเข้ากว่าแสนล้านบาท

ท่านผู้ชมครับ ท่านนายกฯ ครับ ทุเรียน เป็นผลไม้สด เน่าเสียได้ง่าย กำลังค้างรอส่งออกอีกมหาศาล กลับส่งได้ทีละ 500-1,000 ตัน จะแก้ปัญหาอย่างไร

ท่านผู้ชมครับ ท่านนายกฯ ครับ ก่อนจะปิดเรื่องนี้ ผมขออนุญาตเอายุทธศาสตร์ทางทหาร หวังว่าคงไม่เป็นการเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน หรือสอนหนังสือสังฆราชนะครับ เพราะท่านเป็นทหาร แต่ผมเชื่อว่าท่านอาจจะรู้บางเรื่อง แต่รู้ไม่หมด

อย่างที่ผมบอกว่าทางจีน เวลาเขาตั้งรับ เขายัน เขาใช้ยุทธศาสตร์หมากล้อม ท่านนายกฯ ครับ เพราะอะไรเราถึงให้สิงคโปร์มาเช่าฐานทัพอากาศและฝึกบินที่ จ.กาญจนบุรี สิงคโปร์ใช้ F-16 รุ่นใหม่ และใช้ F-35 คำถามซึ่งคนที่ชอบตั้งข้อสงสัยอย่างผม หรือนักวิเคราะห์ที่เขามองเรื่องนี้อย่างไม่สบายใจจากทางฝ่ายจีน เขาบอกว่า เป็นไปได้ไหม แทนที่จะเป็นนักบินสิงคโปร์ กลายเป็นนักบินอเมริกัน บิน F-16, F-35 จากกาญจนบุรี เข้าไปถล่มพม่า


ผมไม่รู้ว่าการที่เราให้สิงคโปร์มาเช่าฐานทัพอากาศของเรา ใช้พื้นที่ของเรา เข้ามาฝึกบิน แล้วทำไมสิงคโปร์ไม่ใช้พื้นที่ตัวเองล่ะ พื้นที่ไม่มีใช่ไหม ไม่มีก็ฝึกบินในทะเลสิ มาใช้เมืองกาญจนบุรี หรือในเมืองไทยได้อย่างไร สิงคโปร์นี่ก็เป็นทาสอันซื่อสัตย์ของอเมริกาอยู่แล้ว เกิดอะไรขึ้นถึงให้มาบิน ได้เงินมาเท่าไร มันเอา F-16 ลำเก่าๆ มาแลก ยกให้เราฟรี ซึ่งมันเป็นเศษเหล็กอยู่แล้ว เราก็ดันรับมันไป แล้วก็ให้มันมาฝึกบิน บินเช้า บินเย็น มันทำจารกรรมด้วยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ใน F-16, F-35 อย่างไร เรารู้ไหม ? เราก็ไม่รู้ คนที่ได้ประโยชน์จริงๆ คืออเมริกา และสิงคโปร์ ซึ่งสิงคโปร์ เป็นสุนัขรับใช้อเมริกาอีกประเทศหนึ่งเช่นกัน

ท่านนายกฯ ตอบคำถามหน่อยได้ไหม เรามีอะไรที่จะต้องพิเศษกับสิงคโปร์นัก อยากคบกัน อยากค้าขายกัน ก็ค้าขายกัน คบหากันไป แต่มาเช่าพื้นที่เรา ซึ่งไม่ได้เพิ่งเช่านะ เช่ามานานพอสมควรแล้ว สมควรจะยกเลิกได้แล้ว


ทำไมสิงคโปร์ไม่ไปเช่าพื้นที่มาเลเซียล่ะ เพื่อจะฝึกบิน แต่มาเช่าพื้นที่เมืองไทย คิดออกไหมครับ แสดงว่าเบื้องหลังของสิงคโปร์ คือยืนด้วยอเมริกา แล้วใช้สิงคโปร์เป็นนายหน้าเข้ามาสปาย เป็นม้าเมืองทรอย ก็เหมือนกับอเมริกาใช้ญี่ปุ่นเป็นนายหน้า เดินมาเพื่อเจรจาทุกอย่างเพื่ออเมริกาหมด ท่านนายกฯ ครับ นี่คือเค้าโครงเรื่องของ นาโต 2 กำลังเริ่มแล้ว

อีกเรื่องหนึ่ง ผมจะเตือนความจำท่านนายกฯ หน่อย ตั้งแต่ท่านนายกฯ ไปอเมริกา มีครั้งไหนบ้างที่ไทยได้อะไรมาบ้าง วันดีคืนดีอเมริกาก็บอกว่าไทยมีปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชน วันดีคืนดีก็บอกว่าค้ามนุษย์ ทุกอย่างมันจะกระทืบเราหมด ท่านจำได้ไหมว่าท่านไปเจอนายทรัมป์ แล้วท่านจบลงด้วยอะไร ? ท่านอาจจะมีความสุขที่ได้จับมือกับนายทรัมป์ แต่ท่านก็เสียท่า ต้องซื้ออาวุธมัน จำได้หรือเปล่า ผมนี่จำได้แม่นเลย แล้วท่านไปงวดนี้ ท่านจะเสียท่าอะไรโจ ไบเดน อีก


ผมถามท่านคำหนึ่ง เราคบอเมริกามาตั้งนาน เราเคยได้อะไรจากมัน นอกจากมันมาใช้ตัวเรา ใช้บ้านเราเป็นฐานทัพไปถล่มเวียดนาม ท่านนายกฯ ครับ อเมริกามันคือคนที่อยู่เบื้องหลัง NED (National Endowment for Democracy) ซึ่งเป็นส่วนต่อสาขาของกระทรวงการต่างประเทศอเมริกา แล้ว NED สนับสนุนใครบ้างล่ะ ? สนับสนุนกลุ่มคนล้มเจ้า ล้มสถาบันกษัตริย์ อเมริกามันต้องการล้มสถาบันกษัตริย์ ฉากหน้ามันก็บอกว่ามันเคารพ แต่ฉากหลังเอาเลย เพราะถ้ามันเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ไม่มีสถาบันกษัตริย์ได้ มันก็จะเข้าเมืองไทยได้ง่าย ท่านนายกฯ ไม่ได้คิดเรื่องนี้บ้างหรือ อเมริกานี่คือตัวดีเลย ในการจัดทัพทุกอย่างเพื่อจะหาเรื่องล้มสถาบันกษัตริย์ มันใช้สไตล์เดียวกับที่ใช้ตัวตลกเซเลนสกี ท่านนายกฯ ไม่เคยสนใจ ท่านผู้ชมไม่มีใครสนใจหรือว่า อย่างเช่น นายพิธา พรรคก้าวไกล ทำไมเชียร์อเมริกานัก ก็เปรียบเสมือนกับนายโจชัว หว่อง ที่ฮ่องกงไง ชูธงอเมริกา แล้วพอจีนเขาเอาจริงขึ้นมา จับโจชัว หว่อง ติดตะราง แล้วเข้ามายึดฮ่องกง ใช้กฎหมายรักษาความมั่นคงของจีนเข้ามาปกครองฮ่องกง สปายต่างๆ ของอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย วิ่งกันหางจุกตูดออกจากจีนไปเลย แล้วมาที่ไหน ? มาที่ประเทศไทย ผมไม่รู้ว่าท่านนายกฯ โง่ หรือว่าแกล้งโง่

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ท่านนายกฯ ต้องเป็นตัวของตัวเอง ไหนท่านบอกว่าท่านชายชาติทหารไง ท่านแสดงออกหน่อย ถ้าดอน มายุท่านเรื่องอเมริกา ให้ยอมเขาเถอะ เราต้องมีส่วนร่วมในอินโด-แปซิฟิก ตบกะโหลกมันเลย พัวะ! ประเทศไทยจะไม่ยอมให้ต่างชาติเข้ามายึดครอง ประเทศไทยจะต้องไม่กลายเป็นยูเครนที่สอง เราต้องเป็นมิตรกับทุกประเทศ ใครจะค้าขายกับเรา ก็ค้าขาย ท่านต้องการจะแก้ปัญหาผลไม้ส่งออกใช่ไหม แสดงจุดยืนของท่านให้ชัดเจนสิ


ท่านนายกฯ ครับ ท่านบินจากกรุงเทพฯ ไปปักกิ่งใช้เวลาเท่าไร ? ท่านใช้เวลาไม่เกิน 5 ชั่วโมง 4 ชั่วโมงกว่า ท่านบินจากกรุงเทพฯ ไปวอชิงตัน ดี.ซี. ใช้เวลา 20 ชั่วโมง บ้านเราอยู่ที่นี่ท่านนายกฯ บ้านของเรา อย่างไรเราก็หนีไม่พ้น เพื่อนบ้านเราคือจีน หนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น แล้วเขาก็ไปไกลเหลือเกิน ทำไมเราไม่เกาะเขาเอาไว้ เอาประโยชน์จากเขาทางเทคโนโลยี ให้เขามาฝึก ให้เขามาสอนเรา อย่างที่ผมเรียนให้ทราบไงว่าเขาใช้เวลาสิบปี ท่านนายกฯ แปดปีที่ท่านมา ท่านทำอะไร ท่านไม่มีอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ปฏิรูปอะไรก็ไม่สำเร็จ ต่อไปอีกสิบปี ประเทศไทยเทียบกับประเทศจีน ประเทศไทยกลายเป็นประเทศปัญญาอ่อนไปแล้ว

ท่านนายกฯ ครับ ถึงเวลาที่ต้องกลับลำ 180 องศา ได้แล้ว ถ้าถามผม ผมยินดีคบจีนมากกว่าคบอเมริกา เพราะเขาไม่เคยแสดงอาการที่จะหนุนใครก็ตามที่จะมาล้มสถาบันกษัตริย์ นั่นข้อแรก ข้อที่สอง เขาไม่เคยรุกรานเรา ท่านนายกฯ ถามดอน ปรมัตถ์วินัย สิ ว่าตอนที่หวัง อี้ เชิญดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของฟิลิปปินส์ ของอินโดนีเซีย ของกัมพูชา และของพม่าไป หวัง อี้ พูดกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 4 คน ชัดเจนว่า ประเทศจีนจะสนับสนุนพม่าทุกวิถีทาง ทุกมิติ ขอให้ทุกคนจำเอาไว้ หมายความว่า ถ้าอเมริกาต้องการใช้ไทยเป็นฐานในการเข้าไปแทรกแซงพม่า ประเทศจีนก็จะหนุนรัฐบาลพม่าอย่างเต็มที่ เกิดอะไรก็เกิดขึ้น ไม่เป็นไร นี่คือการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน


ท่านนายกฯ ครับ ท่านอายุมากแล้ว ทำยุคสุดท้ายของท่านให้มันชัดเจนหน่อย ว่าท่านยืนอยู่บนแผ่นดินไทย พร้อมจะปกป้องสถาบันที่สำคัญของประเทศไทย และไม่อยากเอาประเทศไทยเข้าไปเป็นยูเครนที่สอง เหมือนกับที่อเมริกา ออสเตรเลีย นาโต อังกฤษ ต้องการใช้ประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับวันที่ 12 และ 13 ว่าท่านจะวางตัวอย่างไร แล้วถ้าอเมริกาตีกิน ถ้าท่านบอกว่าไม่ใช่ ท่านกลับมาเมืองไทยท่านต้องแถลงทันที หรือดีที่สุดแถลงต่อในอเมริกาเลย ว่าที่ท่านโจ ไบเดน พูดว่าประเทศไทยเข้าร่วมนั้น ไม่ใช่ครับ ประเทศไทยไม่ต้องการเข้าร่วมเพื่อต้านจีน แต่ถ้าท่านยังคงพยักหน้าหงึกๆ แล้วยิ้มซ้ายยิ้มขวาเพราะท่านกลัวฝรั่ง นั่นก็คือว่าเป็นกรรมของประเทศไทยครับ

ท่านผู้ชมครับ รอวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ หลังจากออกรายการวันศุกร์แล้ว ผมจะวิเคราะห์การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่วอชิงตัน ดี.ซี. 12-13 พฤษภาคม ขอเถอะครับท่านผู้ชมครับ ชูตัวนี้เอาไว้ "อย่าชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน" สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น