วันที่ 15 เม.ย.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยสิ่งที่ได้เล่าในวันนี้คือ ระเบียบโลกใหม่ ในสายตาสนธิ ลิ้มทองกุล จะเป็นอย่างไร? จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อกฏระเบียบโลกเดิมกำลังสิ้นมนต์ขลัง ฟังก่อน รู้ก่อน เตรียมพร้อมรับศักราชใหม่ที่กำลังเปลี่ยนไปแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ
ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.133
คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 133 [15 เม.ย. 65] : มหาอำนาจของโลกกำลังจะเปลี่ยนไป
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์: www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK
สวัสดีวันสงกรานต์ครับท่านผู้ชมทั้งหลาย วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2565 ท่านผู้ชมเยอะเลยที่คงจะเดินทางอยู่ หรือว่าท่องเที่ยว มีความสุข สนุกสนานกับวันศุกร์ที่หยุดยาว ตั้งแต่ 13 เป็นต้นไป หลายๆ ท่านก็หยุดตั้งแต่ 12 ไปแล้ว อย่างไรก็ขอให้สงกรานต์นี้ หรือวันปีใหม่ไทย ท่านผู้ชมทุกท่าน และท่านผู้ชมที่เป็นสมาชิกของ Sondhi App ตลอดจน FC ของรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" และที่พลาดไม่ได้ก็คือ บรรดา FC พันธุ์แท้ที่คอยออกมาปกป้องรายการผม ไม่ว่าจะเป็นท่านใดก็ตาม ขอให้มีความสุข ความเจริญ สุขภาพที่แข็งแรง มีแต่ความมีธรรมนำหน้า และมีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น หวังสิ่งใด ประสงค์สิ่งใด ก็ขอให้สมหวัง สมประสงค์ในสิ่งต่างๆ เหล่านั้น
ท่านผู้ชมครับ วันนี้จะมีเรื่องเดียวที่จะพูดให้ฟัง เพราะวันนี้เป็นวันที่ผมคิดว่าหลายๆ ท่านอาจจะดูแล้วอาจจะใช้เวลาว่างวันหยุดมาทบทวนสิ่งที่ผมพูด ผมกำลังจะพูดถึงเรื่องระเบียบโลกใหม่ที่จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผม เพราะว่าผมพูดเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว ถ้าท่านผู้ชมที่ติดตามผมมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวก FC พันธุ์แท้ จะจำได้ว่าผมเป็นคนแรกที่พูดมาเมื่อหลายปีมาแล้ว ไม่ใช่เพิ่งปีนี้ ตั้งแต่สมัยผมทำรายการ "มองโลกมองเรา" ที่ผมบอกว่า เงินดอลลาร์เป็นแบงก์กงเต็ก ท่านผู้ชมคงจำได้ใช่ไหมครับ แล้ววันนี้ความเป็นจริงก็ปรากฏขึ้นมาแล้วว่า แบงก์ดอลลาร์กำลังจะก้าวไปสู่กระดาษที่เริ่มไร้ค่า ในเวลาไม่เกิน 5 ปี 10 ปีนี้ เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้อย่างแน่นอนที่สุด
อีกเรื่องหนึ่งที่ผมเคยพูดให้ท่านผู้ชมฟัง จำได้ไหมครับ ผมขออนุญาตโอ้อวดนิดหนึ่งว่า ผมเป็นคนแรก ตอนที่รัสเซียบุกยูเครนเข้าไปแล้ว และประเทศทางตะวันตก โดยที่มีผู้นำที่เป็นหัวโจกอย่างสหรัฐอเมริกา ได้มีการแซงก์ชันรัสเซียหนัก แล้วเงินรูเบิลก็ตกไปที่ 140 รูเบิล ต่อ 1 ดอลลาร์ ผมบอกท่านผู้ชมว่า ถ้าใครมีปัญญาที่จะหาซื้อรูเบิลเอาไว้ แล้วแลกคืน กำไรแน่นอน อย่างน้อยเกือบเท่าตัว ซึ่งก็เป็นไปเช่นนั้นจริง หลังจากวันนั้นมา 140 รูเบิล ต่อ 1 ดอลลาร์ รูเบิลก็ขึ้นไปเรื่อยๆ กลับไปสู่จุดที่หลายๆ ครั้งยังแข็งกว่าก่อนที่รัสเซียบุกยูเครนอีก
เพราะฉะนั้นเรื่องระเบียบโลกใหม่ที่ผมจะพูดนี้ จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องเก่า ผมเคยพูดมาตั้งแต่สมัยผมทำรายการ "มองโลกมองเรา" แล้วก็ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ผมพูดเป็นจุดๆ แต่ละเรื่อง ผมพูด "ยุทธการหมากล้อม" ที่จีน และรัสเซีย มีต่ออเมริกา ผมพูดเรื่องโน้นเรื่องนี้ ถ้าท่านผู้ชมจำได้ แต่แต่ละจุดที่ผมพูดนั้น วันนี้ผมมาเชื่อมแต่ละจุดเข้าด้วยกัน อุปมาอุปไมยเหมือนท่านผู้ชมกำลังเล่นจิกซอว์ตัวใหญ่ กระดานจิกซอว์อยู่อย่างนี้ แล้วผมพูดถึงตัวนี้ พูดถึงตัวนั้น วันนี้จิกซอว์ทุกอย่างเข้ามาประกอบกันแล้ว เป็นภาพรวมทั้งหมดเลย นั่นคือสิ่งที่ผมจะพูดเรื่อง "ระเบียบโลกใหม่"
รายการวันนี้ผมไม่พูดเรื่องอื่นเลย เพราะว่าผมต้องการให้รายการนี้เป็นรายการที่เป็นเหมือนกับกึ่งๆ สารคดี แต่ไม่ใช่สารคดีที่น่าเบื่อ เพราะว่าผมจะพยายามอธิบายด้วยภาษาที่ธรรมดาสามัญที่สุด ซึ่งผมเชื่อว่าอาเจ็ก อาม่า อากง หรือหลายๆ ท่าน เมื่อฟังแล้วก็จะเข้าใจ ขาดอยู่อย่างเดียวที่ท่านต้องมี ก็คือ บางครั้งท่านต้องมีแผนที่เหมือนกันเพื่อท่านจะได้เข้าใจได้
รายการนี้ผมต้องการให้มันเป็นเช่นนี้ และรายการนี้ก็จะมีเพียงรายการเดียว อาจจะไม่ถึงระยะที่ท่านผู้ชมต้องการ คือ 2 ชั่วโมง อาจจะแค่ชั่วโมงเดียว หรือชั่วโมงกว่าๆ นิดๆ แต่ตรงนี้ท่านผู้ชมแชร์ไปให้เยอะ แชร์ไปให้มาก แชร์ไปให้สุดๆ เลย เพราะว่าตรงนี้คือความรู้แท้ๆ และผมกล้ายืนยันกับท่านผู้ชมได้ว่า ความรู้ตรงนี้คือธรรมที่แท้จริง ก็คือความถูกต้อง ไม่ผิดหรอกครับท่านผู้ชม ผมยังจำได้ ผมพูดอะไรหลายๆ เรื่องในอดีต มาวันนี้ก็ไม่ผิด เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ทุกๆ ครั้งที่ผมออกรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ก็จะมีท่านผู้ชมที่ชอบโชว์โง่ ก็เป็นของธรรมดา ผมไม่ตำหนิใครทั้งสิ้น บางคนก็รักอเมริกา บางคนก็เกลียดจีน บางคนก็หมกมุ่นอยู่กับข่าวทางตะวันตก ไม่ว่าจะเป็น CNN, CNBC โดยเฉพาะอย่างยิ่ง BBC ลุ่มหลง หลงใหล คลั่งไคล้ มันเสนอข่าวอะไรมา ก็ลงไปหมดทั้งสิ้น ซึ่งจริงๆ แล้วปัญหาใหญ่ในโลกนี้ ขณะนี้ ก็คือกลุ่มสื่อมวลชนตะวันตก และกลุ่มแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ตะวันตกเป็นเจ้าของ นี่คือปัญหาใหญ่ที่สุดที่มีอยู่ ท่านผู้ชมหลายท่านที่โชว์โง่ก็แปลข่าวตะวันตกมา หรือพิธีกรบางท่าน หรือแม้กระทั่งฝ่ายข่าวต่างประเทศของโทรทัศน์แทบทุกช่อง ตลอดจนคนที่ไลฟ์สดในเรื่องของยูเครนนั้น ก็เป็นลักษณะนี้จริงๆ ก็คือพึ่งพาข่าวจากตะวันตก แล้วก็เอามาอวดอ้างว่าเป็นอย่างโน้น เป็นอย่างนี้ เป็นอย่างนั้น
ท่านผู้ชมครับ อีกสักพักหนึ่ง เดี๋ยวผมจะเอายุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่รัสเซียใช้ในการบุกยูเครน ที่ไม่เคยมีใครพูดมาก่อนเลย ท่านผู้ชมจำได้ไหม ตอนแรกๆ ที่รัสเซียบุกยูเครนนั้น มีคนพูดออกมาตลอดเวลา ที่โชว์โง่ บอกว่า เอ้า ไหนบอกว่าแน่จริงไง บุกเข้าไป 30 วันแล้ว ยังไปไหนไม่รอดเลย ไม่เห็นยึดยูเครนตะวันตกได้ พวกนี้คือพวกที่รับฟังข่าวทางตะวันตกแต่ฝ่ายเดียว หรือแม้กระทั่งการที่มีผู้คนที่ตายที่เมืองบูชา (Bucha) ก็บอกว่าเป็นฝีมือทหารรัสเซีย
แต่ในข้อเท็จจริง ดาวเทียมที่ทางตะวันตกอ้างว่าจับภาพได้ว่าทหารรัสเซียเป็นคนฆ่านั้น ปรากฏว่าดาวเทียมดวงนั้น ชื่อ แมกซาร์ จีน และรัสเซีย ยื่นเรื่องต่อองค์การสหประชาชาติ ขอให้ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ และเขายืนยันได้ชัดเจนว่า เมื่อพิจารณาจากวงโคจรแล้ว ในขณะที่เกิดเหตุที่ตะวันตกอ้างนั้น ดาวเทียมแมกซาร์ไม่ได้อยู่ในวงโคจรนั้น เพราะฉะนั้น เมื่อไม่ได้อยู่ในวงโคจรนั้น แมกซาร์ไปจับรูปพวกนั้นได้อย่างไร
สรุปแล้ว จนกระทั่งมีจรวดนำวิถี 2 ลูก ที่ยิงเข้าไปในยูเครนตะวันออก ที่กำลังมีเรื่องมีราวอยู่ ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงจังหวะที่คนกำลังอพยพเพื่อหนีแคว้นดอนบาสไปในพื้นที่ๆ รัสเซียมีอำนาจอยู่ และคุมอยู่ เพื่อให้ได้รับความปลอดภัย ปรากฏว่าจรวดนำวิถี 2 ลูก ก็ไปทำให้คนเสียชีวิตร่วม 52 คน
แน่นอนที่สุด นายเซเลนสกี ก็ถือโอกาสพูดออกมา ประกาศออกมาทันทีว่าเป็นฝีมือของรัสเซีย แต่โป๊ะแตก เพราะรัสเซียก็เอาซากของจรวดนั้นมา แล้วก็เอาตัวเลข ตัวอักษร หมายเลขที่กำกับจรวดนั้น ออกมาเผยแพร่ ให้เฉพาะคนที่สามารถจะดูได้ เพราะว่าสื่อทางรัสเซียถูกบล็อกหมด ปรากฏว่าตัวเลขที่เผยแพร่ออกมานั้น ที่ติดอยู่ที่ขีปนาวุธ 2 ลูกนั้น เป็นขีปนาวุธของยูเครนทั้งสิ้น ไม่ใช่ของรัสเซีย เพราะว่ารัสเซียไม่ได้ใช้ขีปนาวุธนี้เลย เป็นของยูเครนทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้น ท่านผู้ชมครับ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่กำลังพูดให้ฟัง ตลอดจนอธิบายให้ฟังนั้น เป็นการทำงานที่ยากลำบากมาก เพราะว่าสื่อทางรัสเซียนั้นถูกบล็อกหมด ก็ต้องฟังทั้งสองฝ่าย มีฝ่ายหนึ่งกล่าวหามา อีกฝ่ายหนึ่งเอาหลักฐานมายัดพิสูจน์ให้ดู หรือแม้กระทั่งเรื่องบางเรื่อง อย่างเช่น รัสเซียบุกเข้าไปในยูเครนแล้ว แล้วสามารถที่จะไปจับโป๊ะแตก และอาวุธชีวภาพที่อเมริกาใช้ยูเครนเป็นคนผลิตขึ้นมา 31-33 แล็บ ปรากฏว่า ทางรัสเซีย และจีน ยื่นเรื่องต่อสหประชาชาติ คณะกรรมการเรื่องอาวุธชีวภาพขอให้พิจารณาเรื่องนี้โดยด่วน ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ? ทุกคนมาประชุมหมด แต่อเมริกาไม่มา คือข้อผิดพลาด ข้อบกพร่อง ที่ถูกจับโป๊ะแตกได้ตลอดเวลามันก็ปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้น ถ้าดูในภาพรวมแล้ว นี่คือการปะทะกันในเรื่อง "ระเบียบโลกเก่า" ที่อเมริกาต้องการเป็นเจ้าโลกเหมือนเดิม กับ "ระเบียบโลกใหม่" ซึ่งจีน รัสเซีย และตอนนี้บวกอินเดียเข้ามา และตะวันออกกลางด้วย ที่ไม่ยอมให้คนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าโลกแล้วมาสั่งการ
ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมเคยคิดบ้างหรือเปล่า ว่า นายเซเลนสกี ตัวตลกจำอวด สามารถที่จะออนไลน์ และไปพูดกับรัฐสภาอเมริกา รัฐสภาอังกฤษ รัฐสภาอียู พูดกับรัฐสภาของเกาหลี คือเป็นประเทศที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของอเมริกาทั้งสิ้น ท่านผู้ชมครับ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังทำอย่างนี้ไม่ได้เลย วลาดิมีร์ ปูติน ก็ทำอย่างนี้ไม่ได้ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษก็ทำอย่างนี้่ไม่ได้ แต่ทำไมตัวตลกเซเลนสกี ทำได้ ก็เพราะว่าทั้งหมดนี้มีเบื้องหลังอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกาจะเป็นตัวการที่จะไปบีบบังคับ หรือไปสร้างอิทธิพล บอกว่า เฮ้ย! เซเลนสกี จะพูดกับรัฐสภาคุณ คุณช่วยจัดให้หน่อยได้ไหม เป็นอย่างนี้จริงๆ ท่านผู้ชม เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมอย่าไปหลง ตอนนี้นาโต ตลอดจนอียู กำลังปะทะกับรัสเซียอย่างเต็มตัว และข้างหลังนาโต อียู ก็คือโจ ไบเดน และสหรัฐอเมริกา
ก็คือคนที่ชอบทำตัวเป็นอีแอบ เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่ผมพูดมาตลอดคือสิ่งที่เอาความจริงมาพูด เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมที่โชว์โง่ ผมเข้าใจท่าน ผมไม่โกรธท่านหรอก แล้วท่านโง่จริงๆ โง่แบบประเภทที่ท่านไม่ได้คิดเลยแม้แต่นิดเดียว ท่านแค่เสพข่าวตะวันตกอย่างเดียว แล้วท่านก็ชี้หน้าด่า คือท่านทำตัวเหมือนเป็นทาสรับใช้ของอเมริกา
ท่านผู้ชมจำได้ไหมครับ ประเทศที่ไม่เป็นมิตรกับรัสเซีย ศัตรู มีประเทศหนึ่งคือสิงคโปร์ ท่านจำได้หรือเปล่า วันนี้ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่า นายลี เซียน ลุง ออกมาด่าอเมริกาแล้ว ว่าอเมริกาคือตัวการที่สร้างปัญหาขึ้นในยูเครน สร้างปัญหาขึ้น พยายามโดดเดี่ยวจีน
ท่านผู้ชมครับ นายลี เซียน ลุง วันนี้ดวงตาเห็นธรรมแล้ว ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่ผมจะพูดต่อไปในเรื่องระเบียบโลกใหม่นั้น ท่านผู้ชมตั้งใจฟังให้ดีๆ แล้วท่านผู้ชมคิดว่าใช่ เห็นด้วยกับผม เก็บคลิปนี้เอาไว้ เซฟเอาไว้ในมือถือของท่าน แล้วท่านก็แชร์ออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อันนี้จะเป็นคลิปประวัติศาสตร์ ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เลย ไม่มีใครโยงจุดต่างๆ ที่เป็นจิกซอว์ให้มันเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบ วันนี้ผมจะทำเช่นนี้ให้ท่านผู้ชมครับ
ก่อนจะเข้าเรื่อง ผมอยากจะเอารูปของคน 3 คน ในการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 28 มิถุนายน 2562 มีนายวลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งยืนอยู่ทางซ้าย นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผม ในฐานะผู้เฒ่าเล่าเรื่อง พยายามปะติดปะต่อภาพเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงของระเบียบโลกนี้มาให้ท่านผู้ชมได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง ทั้งประเด็นในบ้านเรา ในอาเซียน ในเอเชียกลาง อัฟกานิสถาน ในตะวันออกกลาง ปัญหาอิสราเอล กับ ปาเลสไตน์ ผมได้ย้อนเรื่องประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ ประวัติศาสตร์จีน สงครามเย็นในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามเวียดนาม ปัญหาในประเทศจีน เรื่อยมาจนถึงยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ล่าสุด ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ของอเมริกาในศตวรรษที่ 21 ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปิดล้อมจีนโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ท่านผู้ชมยังพอจำได้ว่าช่วงก่อนและหลังเกิดสงครามในยูเครน ผมเคยหยิบเอาประเด็นของระเบียบโลกที่กำลังเปลี่ยนไปขึ้นมาให้ดูเป็นจุดๆ แล้วอธิบายเชื่อมโยงภาพรวมแบบป่าทั้งป่าให้ดู อย่างประเด็นของเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่เป็นเครื่องมือของมหาอำนาจอย่างอเมริกา ในการแทรกแซง ครอบงำ แบล็กเมล์ แสวงหาผลประโยชน์ และใช้ลงโทษประเทศต่างๆ ที่ไม่ยอมอยู่ภายใต้อาณัติของตัวเอง ทุกตอนที่พูดถึงเรื่องราวเหล่านี้ได้รับความสนใจจากท่านผู้ชมอย่างสูง
ถ้าท่านดูในคลิปสั้นของเฟซบุ๊ก ดูในยูทูบแล้ว คนที่เข้ามาดูนั้นเป็นหลักหลายแสนคน หลายๆ เรื่อง อย่างเช่น ผมพูดเรื่อง เปโตรดอลลาร์ หัวข้อ "จุดจบเปโตรดอลลาร์ จุดจบมหาอำนาจโลก" คนเห็นคลิปในเฟซบุ๊กมีถึง 8 แสน 2 หมื่น รีช (reached) คนดูคลิปในยูทูบ 2 แสน 6 หมื่น บวกกันแล้วประมาณ 1 ล้านผู้ชมที่ดูเรื่องนี้
ฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่า ณ ปัจจุบัน อำนาจการเป็นผู้นำเดี่ยวของอเมริกาได้มาถึงจุดเปลี่ยนแปลงแล้ว ถูกท้าทายอย่างรุนแรงที่สุด อย่างน้อยที่สุดก็นับตั้งแต่การพังทลายของกำแพงเบอร์ลิน ซึ่งเป็นจุดยุคสิ้นสุดสงครามเย็นปี 2552 หรือสามสิบสามปีก่อน แต่ก่อนที่พูดถึงเรื่องกำแพงเบอร์ลินที่ล่มสลายไปแล้วเป็นจุดเปลี่ยนหนักนั้น ผมอยากจะย้อนไปให้ไกลกว่านั้น
การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการเปลี่ยนแปลงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 2488 (1947) สองปีก่อนผมเกิด หรือ 77 ปีที่แล้ว ประเด็นเรื่องความเปลี่ยนแปลงของภูมิรัฐศาสตร์ การปรับสมดุลของระเบียบโลกใหม่ เป็นเรื่องที่ผู้คนสนใจและให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะประเด็นนี้ไปเกี่ยวพันกับทุกภาคส่วนของสังคม ไม่ว่าจะเป็นการเมือง ความมั่นคง การค้า พลังงาน ธุรกิจการเงิน การต่างประเทศ การท่องเที่ยว การศึกษา เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และอื่นๆ เรียกได้ว่ากระทบกระเทือนไปทุกๆ คน ทั่วโลกอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ ณ เวลานี้ ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันปีใหม่ไทย 2565 ผมก็อยากจะถ่ายทอดองค์ความรู้และมุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ผมติดตามมาตลอด และตกผลึกมาให้ท่านผู้ชมได้ฟัง ได้รับรู้ด้วย ให้เตรียมพร้อมสำหรับศักราชใหม่ของโลกยุคใหม่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ
ทั้งนี้ทั้งนั้นมีมุมมองของผู้นำชาติหนึ่งที่ออกมาพูดเรื่องนี้อย่างน่าสนใจ คือ นายมาครง
แอมานุแอล มาครง ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ตอนนี้ นายมาครง กำลังอยู่ในลักษณะหืดขึ้นคอ เพราะว่ากำลังลงชิงชัยการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่สอง ระบบเลือกตั้งของฝรั่งเศสนั้น เขาจัดให้เป็นสองรอบ รอบแรก วันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา และรอบที่สองที่จะชี้ชะตา คือ วันที่ 24 เมษายน 2565 ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นวันอาทิตย์
อย่างไรก็ตาม มุมมองเกี่ยวกับระเบียบโลกใหม่ของนายมาครง ซึ่งนายมาครง เป็นคนพูดเลย ที่ผมจะกล่าวถึงนี้และสรุปให้ฟังบางส่วนในวันนี้ เป็นมุมมองของหนุ่มชาวฝรั่งเศสวัย 44 ปี ที่เขากล่าวสุนทรพจน์ไว้อย่างยืดยาว เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 ในงานประชุมทูต มีบุคคลสำคัญของฝรั่งเศสเข้าร่วมอย่างมากมาย ทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ทูต และ ส.ส. เรียกได้ว่าเหมือนเป็นการเปิดใจครั้งสำคัญของนายมาครง เขาสรุปมาว่า เขาได้มองเห็นอนาคตของฝรั่งเศส ของยุโรป และของอเมริกาอย่างไร
ท่านผู้ชมบางท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงต้องให้ความสำคัญกับคำพูดของนายแอมานุแอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ด้วย
หลังจากการประกาศรามือจากตำแหน่งผู้นำเยอรมนีของนางอังเกลา แมร์เคิล อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ระหว่างปี 2548-2564 และถือได้ว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดในสหภาพยุโรป โดยนายมาครง เป็นผู้นำที่มีความสนิทสนมมากกับนางแมร์เคิล ทำให้เขาได้รับความคาดหมายว่า เขาน่าจะเป็นผู้นำยุโรปไปสู่ยุคใหม่
นอกจากนี้ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งประกอบด้วย จีน รัสเซีย อังกฤษ และฝรั่งเศส ซึ่งปัจจุบันนี้แบ่งเป็นสองข้างอย่างชัดเจน
ในการกล่าวสุนทรพจน์ของนายมาครง ในปี 2562 นั้น เขาได้ชี้ถึงจุดจบของจักรวรรดิตะวันตกที่เคยครองโลก อย่างที่ผมเคยกล่าวไว้แล้วว่า สุนทรพจน์ครั้งนี้เป็นสุนทรพจน์ที่มาครง กล่าวเป็นภาษาฝรั่งเศส กับชนชั้นนำของฝรั่งเศส ซึ่งเวลาต่อมาก็มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษเพื่อเผยแพร่ ผมอ่านทั้งหมดแบบเต็มๆ แล้ว มีความยาวประมาณ 50 หน้ากระดาษ A4 ผมจะขอสรุปบางประเด็นให้ท่านผู้ชมได้ฟังบ้าง นี่คือการเริ่มต้นของรายการนี้นะครับ
ประการที่หนึ่ง นายมาครง พูดอย่างนี้ ระเบียบโลก หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า International Order กำลังเปลี่ยนแปลงไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ แอมานุแอล มาครง ยอมรับว่า อาจจะถึงจุดจบของยุคที่ตะวันตกเป็นเจ้าโลก ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Western Hegemony) ระเบียบโลกใหม่นี้กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง และผมมั่นใจว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ของประวัติศาสตร์ และผลกระทบนั้นจะแพร่กระจายไปเกือบทุกภูมิภาคของโลก อาจกล่าวได้ว่าเรากำลังอยู่ในกระบวนการจัดระเบียบใหม่ ทั้งการบูรณาการของภูมิรัฐศาสตร์ และการจัดระเบียบใหม่เชิงยุทธศาสตร์
นายมาครง พูดต่อ เราต้องยอมรับว่าการเป็นเจ้าโลกของโลกตะวันตกอาจจะมาถึงจุดจบแล้ว มาครง พูดต่อว่า โลกตะวันตกคุ้นชินกับระเบียบโลกภายใต้การครอบงำของโลกตะวันตกมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ศตวรรษที่ 18 ผู้นำคือฝรั่งเศส ศตวรรษที่ 19 ผู้นำคืออังกฤษ และยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ศตวรรษที่ 20 คือสหรัฐอเมริกา ซึ่งฝรั่งเศส อังกฤษ และอเมริกา (ตรงนี้ผมพูดเอง หลังจากมาครง พูดไปแล้ว ผมอธิบายความ) หัวหอกในการครองโลกตะวันตกมายาวนานกว่าสามร้อยปี ซึ่งหากจะเปรียบเทียบแล้ว ผมจะเปรียบเทียบว่า ฝรั่งเศสนั้นเข้มแข็งในเชิงวัฒนธรรม อังกฤษนั้นเข้มแข็งในการผลิตในระบบอุตสาหกรรม เพราะว่าอุตสาหกรรมนั้นเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกที่อังกฤษ อันเป็นผลมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม เครื่องจักรไอน้ำ เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ ส่วนสหรัฐอเมริกานั้น เข้มแข็งด้วยกองทัพ การทหาร และการก่อสงครามอย่างต่อเนื่อง
ท่านผู้ชมครับ อย่างที่ผมเคยเล่าในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 37 เมื่อวันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2563 หัวข้อ "2020 จุดเสื่อมอาณาจักรอเมริกา จุดเปลี่ยนภูมิรัฐศาสตร์โลก" ท่านผู้ชมครับ ทุกๆ ตอนที่ผมพูดเรื่องเกี่ยวกับต่างประเทศ ท่านผู้ชมมีเวลาว่างกลับไปดูย้อนหลัง หรือหลังจากที่ผมพูดในเรื่องนี้แล้ว กลับไปดูย้อนหลัง จะเห็นว่าที่ผมพูดวันนี้คือส่วนหนึ่งของที่ผมพูดไปแล้วเมื่อหลายๆ ปี
ท่านผู้ชมครับ ที่ผมบอกว่าอังกฤษนั้นเป็นจุดเริ่มต้นการปฏิวัติอุตสาหกรรม เกิดอะไรขึ้น ? มันส่งผลให้เกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ยุโรปยุคนั้นถือว่าเป็นผู้ครองอำนาจยิ่งใหญ่ของโลก แต่ขณะเดียวกัน ก็เกิดปรากฏการณ์ใหม่ คือมีการแย่งชิงวัตถุดิบเพื่อมาป้อนโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเมื่อในประเทศมีไม่เพียงพอ ก็ลุกลามเป็นการเข้าไปยึดครองประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้นจากความโลภของประเทศทางตะวันตกที่อยากให้อุตสาหกรรมตัวเองรุ่งเรือง ก็เข้าไปแย่งชิงวัตถุดิบ แย่งไม่ได้ก็เข้าไปยึด ยึดไม่ได้ก็เข้าไปปล้น ทั้งหมดนี้ทำเพื่อขนวัตถุดิบกลับประเทศ
การปฏิวัติอุตสาหกรรม บวกกับลัทธิชาตินิยมสมัยนั้น นำไปสู่จักรวรรดินิยมใหม่ หรือยุคล่าอาณานิคมครั้งใหม่ การที่ฝรั่งเศส อังกฤษ และทางตะวันตก เข้ามายึด สร้างอาณานิคม รวมถึงเข้ามาข่มขู่ประเทศไทย ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคนั้น
ในระยะแรกของการปฏิวัติอุตสาหกรรม อังกฤษเป็นชาติอุตสาหกรรมเดียว ขณะนั้นยุโรปส่วนใหญ่ รวมถึงอเมริกา ยังทำเกษตรกรรมอยู่ ก็เลยต้องพึ่งอุตสาหกรรมจากอังกฤษ แต่ต่อมาพออุตสาหกรรมแพร่หลายไปทั่วยุโรป รวมทั้งอเมริกา ประเทศต่างๆ ทางตะวันตกก็ต้องการตลาดใหม่เพื่อระบายสินค้า นำเข้าวัตถุดิบ มาขับเคลื่อนอุตสาหกรรม นี่คือการเข้าสู่การล่าอาณานิคมครั้งใหม่ของมหาอำนาจ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี รวมทั้งอเมริกาด้วย
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 หรือเกือบ 100 ปี หลังการถือกำเนิดของเครื่องจักรไอน้ำ ท่านผู้ชมครับ อเมริกาหลังจากเริ่มเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมแล้ว ก็ขอร่วมด้วยช่วยกันกระทืบประเทศต่างๆ ในโลกนี้ เพื่อเข้าไปปล้นชิงวัตถุดิบ ไปยึดครอง ท่านผู้ชมเห็นภาพชัดเจน ท่านผู้ชมเห็นไหม ทหารทางตะวันตก อังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี รัสเซีย ถ่ายรูปกันที่สวนหยวนหมิงหยวน ของประเทศจีน ที่ผมเคยเอารูปมาให้ดู
อย่างไรก็ตาม ยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ของอังกฤษก็จบสิ้นลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ช่วง 2457-2461 ท่านผู้ชมจะเห็นว่าภาพด้านล่าง
ในสัดส่วนของผลผลิตของจักรวรรดิอังกฤษขึ้นถึงจุดสูงสุดในปี 1870 ก่อนจะค่อยๆ เสื่อมลง กระทั่งช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 อเมริกามีสัดส่วนผลิตผลต่อผลิตผลโลก ขนาดจีดีพีก็เริ่มแซงอังกฤษ ก่อนที่อเมริกาจะค่อยๆ ก้าวมาเป็นผู้นำของโลกในเวลาต่อมา ของอังกฤษสูงสุดคือช่วงปี 1870 แล้วค่อยๆ ตกไปเรื่อยๆ ส่วนอเมริกานั้นเริ่มหลังอังกฤษ จาก 0 ค่อยๆ ไล่แล้วก็แซงอังกฤษไปในที่สุด แล้วก็มาสูงสุดประมาณปี 1959-1960
ท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัดว่า จากมุมของการผลิต อเมริกามาครองความเป็นผู้นำโลกแทนอังกฤษในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และขึ้นสู่จุดสูงสุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยการเสนอแผนมาร์แชล (Marshall Plan)
แผนมาร์แชล คือแผนฟื้นฟูยุโรป เกิดขึ้นเมื่อไร ? เกิดขึ้นปีที่ผมเกิดเลยครับ วันที่ 5 มิถุนายน 2490 (1947) ใครเป็นคนทำให้เกิด ? มีทหารคนหนึ่งของอเมริกา ชื่อ นายพล จอร์จ ซี. มาร์แชล (George Catlett Marshall) เขาเป็นคนที่เดินทางไปทั่วยุโรปหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาไปทุกจุดเลย ไปเยอรมนี ไปที่โน่นที่นี่ ไปประเทศที่ได้รับผลพวงจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาก็เลยสรุปว่า แล้วก็เป็นแนวคิดของอเมริกาเช่นกัน เพราะอเมริกาต้องการยุโรปที่แข็งแกร่ง เพราะถ้ายุโรปไม่แข็งแกร่งแล้ว เขากลัวว่าในที่สุดแล้ว โซเวียต รัสเซีย ซึ่งตอนนั้นก็เป็นผู้ที่ชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 เหมือนกัน ก็อาจจะดึงประเทศต่างๆ ในยุโรปเข้าไปอยู่ในค่ายของโซเวียตรัสเซีย และถ้ายุโรปแข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว มันจะมีแต่เอื้อประโยชน์ให้กับยุโรป ซึ่งก็ไม่ผิด มันถูกพัฒนามาจนถึงปี 2022 จนกระทั่งเกิดนาโต เกิดอียู ซึ่งอาจจะไม่ใช่เป็นของอเมริการ้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยที่สุดดำเนินนโยบายตามที่อเมริกาสั่ง
แผนมาร์แชล เป็นโครงการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาแก่ยุโรปตะวันตก เพื่อกันความล่มสลายของเศรษฐกิจ และฟื้นฟูเศรษฐกิจแบบทุนนิยมรัฐของยุโรปตะวันตกขึ้นมาใหม่ โดยแผนมาร์แชลในยุโรปได้รับมากถึง 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในรูปเงินกู้และเงินช่วยเหลือ ตลอดระยะเวลาปี 2491-2494 ท่านผู้ชมครับ เจ็ดสิบกว่าปีที่แล้ว เงิน 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หนี้ใหญ่มาก เยอะมาก แผนมาร์แชลเกิดขึ้นจากการที่ผมเล่าให้ฟังว่า นายพล จอร์จ ซี. มาร์แชล ได้เดินทางไปดู แต่ทางสหภาพโซเวียตมองแผนมาร์แชลว่าเป็นแผนอุบายอันแยบยลของอเมริกาที่จะดึงประเทศอันเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออกเพื่อเปลี่ยนการปกครองให้เป็นประชาธิปไตยในระบอบอเมริกา โซเวียตรัสเซียตอนนั้นก็เลยบังคับให้ประเทศบริวารในยุโรปตะวันออกไม่ให้ยอมรับแผนมาร์แชล และร่วมดำเนินการแผนของตัวเอง ชื่อ แผนโมโลตอฟ (Molotov) คือการฟื้นฟูเศรษฐกิจตามแบบคอมมิวนิสต์แทน อันเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามเย็นที่แท้จริง ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
อย่างไรก็ตาม ผมก็ย้อนกลับไปพิจารณาอดีตถึงการก่อตั้งประเทศอเมริกา ผมก็พบว่าอเมริกานั้นคือผู้สืบทอดการเป็นผู้ล่าอาณานิคมจากอังกฤษและยุโรปมา ยังตัดกันไม่ขาด เดี๋ยวผมจะเอาหลักฐานให้ดูว่าอเมริกากับการทำสงครามที่ไม่เคยหยุดหย่อน นับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ 246 ปี ก่อน พ.ศ. 2319 หรือ ค.ศ. 1776
2563 เมื่อสองปีที่แล้ว มีนักวิจัยได้เคยย้อนรอยประวัติศาสตร์ของอเมริกา พบว่าประเทศนี้ตั้งมา 244 ปี (นับจนถึงปี 63) หรือ 246 ปี ถ้านับปีนี้ไปด้วย
แต่ท่านผู้ชมเชื่อไหม 246 ปี ที่ประเทศนี้ตั้งขึ้นมา มีห้วงเวลาที่สงบจริงๆ ท่านผู้ชมทายซิว่ากี่ปี ? ประวัติศาสตร์ 246 ปี ช่วงที่อเมริกาสงบจริงๆ มีแค่ 18 ปี ที่เหลือนั้นทำสงคราม สู้รบตลอด ไม่ว่าจะเป็นสงครามในประเทศ หรือสงครามที่สหรัฐฯ เข้าไปส่วนเกี่ยวข้องในต่างประเทศ คนก็เลยถามว่า มีความเป็นไปได้ไหมที่ลัทธิอุดมการณ์อะไรที่อยู่เบื้องหลัง ก็มีเหมือนกันครับ เพราะว่าอเมริกาในช่วงนั้น ยึดถือแนวคิดโองการพระเจ้า หรือที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Manifest Destiny ผมจะเอารูปที่เป็นนางฟ้า/พระเจ้าลอยตัวเหนือแผ่นดินมา เกิดจากการที่มีแนวคิดโองการพระเจ้าที่ตกทอดกันมานานนับศตวรรษ
ผมจะเอาไทม์ไลน์ให้ดู ท่านผู้ชมจะเห็นภาพสีแดง สีแดงคือเลือด ช่วงที่เป็นแนวเส้นสีเขียวนั้นจะเป็นช่วงที่อเมริกาสงบสุข ไม่ได้ไปรบราฆ่าฟันกับใคร เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมจะเห็นไทม์ไลน์สองร้อยสี่สิบกว่าปีของประวัติศาสตร์อเมริกา แถบสีแดง อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ เป็นช่วงเกิดสงคราม สีเขียวเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีสงคราม ซึ่งน้อยมากเลย เป็นไปได้อย่างไร ประวัติศาสตร์ 246 ปี มีแค่ 18 ปี ที่มีความสงบ ผมไม่รู้ว่าคนอเมริการู้สึกอย่างนี้หรือเปล่า และผมอยากให้ชาวโลกรู้สึก และผมอยากให้ชาวไทยหรือท่านผู้ชมที่โชว์โง่มาเรื่อยๆ มาคอนเมนต์โง่ๆ ในรายการผม ได้ดู
ท่านผู้ชมครับ ผมพูดถึงแนวคิดโองการพระเจ้า หรือเป็นลัทธิ ความเชื่อของอเมริกา มันตั้งอยู่บนพื้นฐาน 3 ประการ หนึ่ง ลัทธิที่เขาเชื่อว่าอเมริกันชนนั้นมีความพิเศษเหนือชาติอื่น ซึ่งหลักๆ แล้วอเมริกาก็คือแหล่งรวมของผู้อพยพจากทางยุโรปมาเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งออสเตรเลียด้วย คนพวกนี้เหยียดผิว และเชื่อว่าคนผิวขาวเป็นคนที่มีศักยภาพและมีความเหนือกว่าชาวผิวอื่น เรื่องที่สอง คือ ลัทธิชาตินิยม เรื่องที่สาม คือ อเมริกาเชื่อมั่นในการเผยแพร่ขยายอาณาเขต เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยอย่างใดที่ผมสามารถจะพูดได้ว่าอเมริกาก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลกในศตวรรษที่ 20 ด้วยปลายปากกระบอกปืน ความเข้มแข็งของกองทัพ การทหาร และการก่อสงครามอย่างต่อเนื่อง เพราะอิทธิพลต่างๆ ในอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การค้าขาย การใช้เงินดอลลาร์มาผูกขาดการซื้อขายพลังงาน หรือที่เราเรียกกันว่า "เปโตรดอลลาร์" อิทธิพลทางข้อมูลข่าวสาร สื่อทางตะวันตกซึ่งครอบงำโลกทั้งโลก ตลอดจนแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นยูทูบ ไม่ว่าจะเป็นกูเกิล ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก เทคโนโลยีอเมริกาล้วนแล้วแต่ได้รับการหนุนหลังจากกองกำลังทหารอันใหญ่โต งบประมาณทางทหารจำนวนมาก จนกระทั่งอเมริกาสร้างฐานทัพทั่วโลกได้ 750 แห่ง ในประเทศทั่วโลก (ดูภาพ) ภาพนี้ผมไม่ได้ทำเอง สำนักข่าวอัลจาซีเราะห์เป็นคนทำขึ้นมา
เอาล่ะ เรากลับมาที่คำพูดของนายมาครง ในเรื่องระเบียบโลกใหม่ของนายมาครง เมื่อกี้ผมพูดถึงข้อที่หนึ่ง ตอนนี้ผมจะพูดถึงข้อที่สอง
นายมาครง บอกว่า เมื่อยุคตะวันตกเป็นเจ้าโลกมาถึงจุดจบแล้ว ก็มีการผงาดขึ้นมาของเหล่าประเทศซึ่งเคยตกเป็นลูกไล่ของโลกตะวันตก ประกอบด้วย จีน รัสเซีย และ อินเดีย
นายมาครง พูดว่า "ประเทศเหล่านี้ไม่ได้ผงาดขึ้นเฉพาะเชิงเศรษฐกิจ แต่รวมถึงอำนาจทางการเมืองและการทหารด้วย แต่เขาไม่ได้เป็นมหาอำนาจใหม่ แต่เขาเป็นเจ้าของอารยธรรมดั้งเดิม ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลก หรือทรงอิทธิพลแต่ในเชิงเศรษฐกิจเท่านั้น อินเดีย จีน รัสเซีย จะจัดระเบียบทางการเมืองและความคิดทางการเมืองใหม่ทั้งหมด เพราะพวกเขามีแรงบันดาลใจทางการเมือง (Political Inspiration) ที่เหนือกว่าชาวยุโรปในปัจจุบัน"
นายมาครง พูดต่อว่า "ปัจจุบันพวกเขามีตรรกะวิธีคิดในการมองโลก โดยพวกเขามีปรัชญาที่เป็นแก่นแท้อยู่ นี่ขนาดว่าผมยังไม่ได้พูดถึงแอฟริกาที่กำลังก้าวขึ้นมาอีกนะ"
มาครง พูดต่อว่า "ผมเปรียบเทียบให้ดูก็ได้ ขณะที่มหาอำนาจจากโลกตะวันตกทำพลาดแล้วพลาดอีก ก่อวิกฤตซ้อนวิกฤต หากย้อนดูในรอบสามสิบปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน จนถึง โดนัลด์ ทรัมป์ และ โจ ไบเดน อเมริกาไปมีส่วนร่วมกับสงครามถึง 22 ครั้ง ผมเอารูปให้ดูเลย เป็นรูปของอดีตประธานาธิบดีอเมริกาที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างสงคราม มีหมดครับ พวกนี้มือเปื้อนเลือดทั้งนั้น
สงครามที่มีระยะยาวนานที่สุด คือ สงครามในอัฟกานิสถาน ใช้เวลา 20 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544-2564"
ทั้งนี้ จากการประเมินของสถาบันวัตสันเพื่อการต่างประเทศและนโยบายสาธารณะ ของมหาวิทยาลัยบราวน์ ซึ่งเป็น TopTen ของอเมริกา เขาระบุเลยว่า สงครามอัฟกานิสถานผลาญเงินงบประมาณอเมริกาไป 2.313 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินบาทไทย 77.5 ล้านล้านบาท สงครามอัฟกานิสถานสงครามเดียว ผลาญเงินไป 77.5 ล้านล้านบาท ท่านผู้ชมสงสัยไหมว่าเงินก้อนนี้มันใหญ่แค่ไหน เงินก้อนนี้คืองบประมาณของประเทศไทย 25-26 ปี เงินที่อเมริกาทิ้งไปในอัฟกานิสถาน ประเทศไทยเอามาใช้เป็นงบประมาณในประเทศได้ 25-26 ปี
ท่านผู้ชมครับ เรามาดูสหภาพโซเวียต สามสิบกว่าปีที่แล้ว ในปี 2532 เดือนพฤศจิกายน กำแพงเบอร์ลินล่มสลาย อันเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดสงครามเย็น ท่านผู้ชมหลายท่านอาจจะไม่เข้าใจ กำแพงเบอร์ลินคืออะไร ?
คือในยุคที่อเมริกา และพันธมิตร ซึ่งรวมทั้งรัสเซียด้วย รบชนะเยอรมนี ตอนนั้นกองทัพพันธมิตร คืออเมริกาเป็นหัวโจก และรัสเซียกำลังบุกเข้าไปยึดพื้นที่ในเยอรมนี เมื่อยึดแล้ว ... โซเวียตรัสเซียยึดได้เยอรมนีตะวันออก สมัยโน้นนะครับ ตอนนี้ไม่มีเยอรมนีตะวันออก-ตะวันตกแล้ว มีเพียงหนึ่งเยอรมนี อเมริกาก็ยึดได้เมืองเบอร์ลิน เขาเรียกว่าเบอร์ลินตะวันตก กรุงเบอร์ลินนั้นอยู่ตรงกลาง เป็นไข่แดง ตรงพื้นที่ที่รัสเซียยึดได้หมดรอบล้อม ยกเว้นเบอร์ลิน ก็เลยแบ่งเป็นเบอร์ลินตะวันตก-ตะวันออก แล้วก็มีการสร้างกำแพงกั้นเอาไว้ นั่นคือที่มาของกำแพงเบอร์ลิน
ประธานาธิบดีเคนเนดี เคยเข้าไปเยือนกำแพงเบอร์ลิน แล้วไปกล่าวสุนทรพจน์ซึ่งกินใจคนชาวเบอร์ลินตะวันตกมาก เพราะเบอร์ลินตะวันออกในขณะนั้นใช้นโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์อย่างเข้มงวดอย่างที่สุด จนกระทั่งสหภาพโซเวียตล่มสลาย ประเทศต่างๆ ที่อยู่ในเครือสหภาพโซเวียต ไม่ว่าจะเป็นยูเครน ไม่ว่าจะเป็นโปแลนด์ ไม่ว่าจะเป็นสโลวาเกีย ไม่ว่าจะเป็นเช็ก ซึ่งสมัยก่อนเป็นประเทศชื่อ เชโกสโลวาเกีย ไม่ว่าจะเป็นเบลารุส ไม่ว่าจะเป็นบัลแกเรีย ลิทัวเนีย หลายๆ ประเทศ ซึ่งตอนนี้หลายๆ ประเทศเล็กๆ เหล่านี้ย้ายมาสู่ฝั่งตะวันตกและอยู่ในกลุ่มอียู เพราะฉะนั้นแล้ว พอกำแพงเบอร์ลินแตก ก็เลยไม่มีเบอร์ลินตะวันออก เยอรมนีตะวันตกกก็เลยต้องเข้าไปยึดครองเยอรมนีตะวันออก แล้วก็รวมประเทศ เยอรมนีก็ใช้เวลานานพอสมควร เป็นสิบๆ ปี กว่าจะบูรณาการให้เยอรมนีตะวันออกเข้ามาใช้ระเบียบวิถีชีวิตอย่างเยอรมนีตะวันตก ท่านผู้ชมเข้าใจแล้วใช่ไหมครับ
เราแวะมาประเทศจีนหน่อย ในปีเดียวกับที่กำแพงเบอร์ลินล่มสลาย 2532 เกิดโศกนาฏกรรมที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน อย่างที่ผมเคยเล่าให้ท่านผู้ชมฟังหลายครั้งหลายหนแล้วว่า ตอนนั้นโลกตะวันตกคิดว่าตัวเองชนะเบ็ดเสร็จแล้ว หลังจากกำแพงเบอร์ลินพังทลายไป และสหภาพโซเวียตล่มสลาย เหลือเฉพาะรัสเซียอย่างเดียว
ในช่วงสงครามเย็นใหม่ ในปี 2535 หรือ ค.ศ. 1992 ในยุคนั้น มันมีนักทฤษฎีการเมืองคนหนึ่ง เป็นคนอเมริกัน เป็นคนญี่ปุ่นแต่เกิดและโตที่อเมริกา คนนี้ชื่อ นายฟรานซิส ฟูกุยามา
ฟรานซิส ฟูกุยามา เขียนหนังสือออกมาเล่มหนึ่งซึ่งโด่งดังมาก คือหลังจากกำแพงเบอร์ลินล่มสลายแล้ว นายฟรานซิส ฟูกุยามา ก็คิดทฤษฎีขึ้นมา ว่าตอนนี้เป็นจุดจบของประวัติศาสตร์ หนังสือของเขาชื่อว่า The End of History and the Last Man เขาระบุว่า นี่คือจุดสิ้นสุดของวิวัฒนาการทางการเมือง อาจจะเป็นการปลดแอกทางเสรีนิยมประชาธิปไตยจากโลกตะวันตก
หนังสือของ ฟรานซิส ฟูกุยามา นั้น เป็นหลักฐานสำคัญของการดูถูกดูแคลน คือนายคนนี้มีเชื้อสายญี่ปุ่นจริง แต่เกิดในอเมริกา เรียนหนังสือในอเมริกา คิดแบบคนอเมริกา ผมก็เลยไม่ประหลาดใจว่าช่วงหลังเหตุการณ์ต่างๆ ญี่ปุ่นทำไมถึงเป็นสุนัขรับใช้อเมริกาได้อย่างเต็มตัว เพราะคนญี่ปุ่นคิดอย่างนั้นจริงๆ ดูเบาศักยภาพที่สะสมมานับร้อยนับพันปีของประเทศที่มีอารยธรรมเก่าแก่ อย่างจีน รัสเซีย และอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด จนทำให้ชาวฝรั่ง คือพวกคอเคเซียนที่อยู่ทางตะวันตกทั้งหลายเชิดหน้าชูคอว่าตัวเองเป็นผู้ชนะแล้ว ระบบของตัวเองได้ครอบครองโลกได้เบ็ดเสร็จ
ท่านผู้ชมครับ ผ่านมาสามสิบปี เกิดอะไรขึ้น ? นับจากกำแพงเบอร์ลินทั้งหลาย โศกนาฏกรรมเทียนอันเหมิน หลังสามสิบปีผ่านไปเหมือนโกหก ประเทศจีนกลายเป็นประเทศผู้นำรถไฟความเร็วสูงของโลก
ผู้นำทางด้านเทคโนโลยีของโลก เครือข่าย 5G แพร่กระจายเต็มประเทศ และกำลังจะวางโครงสร้างเครือข่าย 6G แล้วท่านผู้ชมรู้ไหมครับ ข่าวล่าสุด พวกนักวิจัยอเมริกาแสดงความหน้าด้านออกมา ติดต่อจีนไป ขอความร่วมมือ ขอความรู้ในเรื่องเครือข่าย 6G ส่งยานอวกาศไปดวงจันทร์ ไปดาวอังคาร สร้างสถานีอวกาศของตัวเอง ชนชั้นกลางเติบโตมาเต็มประเทศไปหมด ขนาดเศรษฐกิจของจีนแซงญี่ปุ่นไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2554 สิบเอ็ดปีที่แล้วเศรษฐกิจจีนแซงญี่ปุ่นไปแล้ว และกำลังจะแซงอเมริกาเป็นอันดับหนึ่งของโลก
ท่านผู้ชมครับ วันนี้เราเปรียบเทียบรถไฟความเร็วสูงของจีนกับอเมริกาได้ ทุกวันนี้อเมริกายังใช้รถไฟบุโรทั่งที่ชื่อ แอมแทร็ก (Amtrak) ซึ่งนายฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายโจ ไบเดน เคยเป็นบอร์ดอยู่
สิ้นปีที่แล้ว (2564) ประเทศจีนมีรถไฟความเร็วสูงยาวถึง 4 หมื่นกิโลเมตร แล้ว อเมริกายังไม่มีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเลยแม้แต่กิโลเมตรเดียว อนาคตจีนกำลังสร้าง 1 แถบ 1 เส้นทาง เพื่อขยายรถไฟทั้งความเร็วสูงและธรรมดา จีนมีความสามารถมาก จีนสร้างรถไฟความเร็วสูงบนพื้นที่ที่สูงที่สุดในโลก คือที่มณฑลชิงไห่ และทิเบต เป็นรถไฟความเร็วสูงที่ยาวถึง 1,956 กิโลเมตร
จีนมีเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก เขื่อนไป๋เฮ่อทาน สูง 289 เมตร เขื่อนซีลั่วตู้ เป็นเขื่อนที่สูงที่สุด จีนมีเขื่อนผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุด ก็คือ สามโตรก ผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ 22,500 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ จีนยังมีเรือ ท่าเรือ มีท่าเรือที่ยิ่งใหญ่มาก ท่านผู้ชมจะเห็นชัดเจน ท่าเรือจีนเชื่อมต่อท่าเรือทุกท่าเรือในโลกนี้ที่จีนไปสร้างเอาไว้ ท่าเรือ Gwadar ที่้ปากีสถาน ท่าเรือ Hambantota ที่ศรีลังกา แม้กระทั่งที่กรีซก็มีท่าเรือ Piraeus เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัด
สะพานจีนที่เขาสร้าง Xihoumen มณฑลเจ้อเจียง เป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุด สะพานซูตง ที่เจียงซู เป็นสะพานที่โยงด้วยสายเคเบิล สะพานที่ข้ามแม่น้ำซีตู เป็นสะพานที่สูงที่สุดในโลก สะพานฉาวเทียนเหมิน เป็นสะพานโค้งที่ยาวที่สุดในโลก สะพานระหว่างฮ่องกง กับ เมืองจูไห่ เป็นสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก
ยังมีอีกเยอะครับท่านผู้ชม ทั้งถนน ไฮเวย์ ทุกอย่าง แม้กระทั่งการก่อสร้าง บริษัทก่อสร้างในจีนถือว่าเป็นบริษัทก่อสร้างที่เร็วที่สุดในโลก ท่านผู้ชมฟังให้ดีๆ เขาสร้างอาคารสูงเสียดฟ้า 57 ชั้น ภายใน 19 วัน เขาสร้างอาคารสูงที่เมืองฉางซา 220 ชั้น ในเวลา 3 เดือน
จีนผลิตเครื่องบินของตัวเอง เริ่มผลิตได้แล้ว มีแสนยานุภาพที่ยิ่งใหญ่มาก มีอาวุธไฮเปอร์โซนิก มีเครื่องบินไฮเปอร์โซนิก J-20 Stealth มีคุณภาพเหนือกว่า F-35 ของอเมริกา จีนเริ่มมีเรือบรรทุกเครื่องบิน เริ่มจากซื้อเรือบรรทุกเครื่องบินเก่าจากยูเครน รุ่น 001 แล้วตั้งชื่อว่า เหลียวหนิง แล้วจีนก็สร้างเอง
เรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สอง 002 ที่ชื่อ ซันตง และจีนกำลังสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินรุ่นที่สาม 0003 อย่างที่ผมบอก จีนเข้าไปสู่อวกาศ สร้างสถานีอวกาศของตัวเองที่ดาวอังคาร
ที่ผมต้องพูดนาน เพราะอะไร ? ผมต้องการอธิบายให้ท่านฟังว่า หลังจากสามสิบปีไปแล้ว ประเทศจีนซึ่งถูกข่มขู่ในยุคปี ค.ศ. 1900 กว่าต้นๆ ถูกยึดประเทศ แพ้สงครามฝิ่นจากอังกฤษ แล้วอังกฤษ และประเทศในยุโรปตะวันตกนั้น ปล้นประเทศจีนไป สามสิบปีผ่านไป จีนลุกขึ้นมาแล้วก็มีอย่างที่ผมเล่าให้ฟัง ตะวันตกช็อก
ส่วนประเทศรัสเซียหลังจากพ้นสามสิบปีแล้ว หลังจากที่รัสเซียล่มสลาย ก็กลายเป็นประเทศมหาอำนาจด้านพลังงานทรัพยากร อู่ข้าวอู่น้ำของยุโรปและตะวันออกกลาง ทุกวันนี้ประเทศยุโรปต้องพึ่งพารัสเซียด้วยกันทั้งสิ้น จะมากหรือน้อย อียูนำเข้าก๊าซธรรมชาติถึง 40 เปอร์เซ็นต์
ก็เลยไม่น่าแปลกใจว่าผู้นำคนหนุ่มของฝรั่งเศสอย่างแอมานุเอล มาครง จะต้องพูดและยอมรับในเรื่องที่ผงาดมาของประเทศจีน รัสเซีย และอินเดีย ซึ่งเคยเป็นลูกไล่ของอเมริกาและยุโรปตลอดมา เขาถึงบอกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การเป็นเจ้าโลกของโลกตะวันตกคงมาถึงจุดจบแล้ว ท่านผู้ชมพอจะเข้าใจหรือยังว่าโอกาสที่อเมริกาจะเป็นตะวันตกดิน แล้วจีน รัสเซีย และอินเดีย สามารถผงาดขึ้นมา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมอเมริกาถึงทำทุกวิถีทางที่จะหยุดยั้งรัสเซีย และปิดล้อมจีน โดยไประดมพันธมิตรโง่ๆ ในเอเชีย รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งทะลึ่งไปเซ็นสัญญาเรื่องความมั่นคง ในปี 2562 เพื่อต่อสู้ ร่วมมือในเรื่องความมั่นคง ก็คือเอามาต่อต้านจีนนั่นเอง
ท่านผู้ชมเห็นหรือยังครับ นี่คือทำไม ตอบคำถามได้แล้วว่าทำไมอเมริกาถึงหลังชนกำแพง ดิ้นรน หยุดยั้งการเจริญเติบโตของจีน ขัดขวางรัสเซีย เพื่อให้รัสเซียนั้นวุ่นวายอยู่ในอียู ในยุโรปตะวันตก โดยใช้ตัวตลกเซเลนสกี ซึ่งเป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่้อเมริกาผลักดันเข้าไป เพื่อให้ป่วนรัสเซียตลอดเวลา
ท่านผู้ชมครับ เมื่อกี้ผมยกตัวอย่าง 2 ข้อ ที่ประธานาธิบดีแอมานุแอล มาครง พูดถึงระเบียบโลกที่เปลี่ยนไป ตอนนี้ผมจะสรุปข้อที่ 3 ซึ่งสำหรับผมแล้ว คือข้อสุดท้าย ยังมีอีกเยอะ แต่ผมเอาสำคัญๆ
มาครง พูดว่า "จินตนาการทางการเมืองของเหล่ามหาอำนาจใหม่แตกต่างไปจากปรัชญาแนวคิดเสรีนิยมประชาธิปไตยที่เหล่าฝั่งคอเคเซียนผิวขาววางรากฐานไว้อย่างสิ้นเชิง" ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? เพราะว่าอเมริกาเป็นผู้นำค่ายตะวันตก ไม่ได้ยึดถือปรัชญาและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตเหมือนกับประเทศอื่นๆ ในทั่วโลก แม้กระทั่งในยุโรปก็ตาม อเมริกายึดถืออย่างเดียว คือผลประโยชน์ ความโลภ ขอให้ตัวเองสบาย จะสบายมาจากไหน จะไปขูดรีด จะเป็นเหมือนจอร์จ โซรอส มากระทืบค่าเงินบาทประเทศไทยในปี 2540 เพื่อให้บริษัทอีแร้ง อย่างเช่นโกลด์แมน แซคส์ มอร์แกน สแตนลีย์ เจ.พี. มอร์แกน เข้ามาดูดสินทรัพย์ต่างๆ ของประเทศไทย แล้วโอนกำไรกลับไปอเมริกา มันไม่สนใจความถูก ความผิด ศีลธรรมใดๆ ทั้งสิ้น แล้วถ้าใครจะต้านมัน มันก็จะขวางหมดทุกอย่าง เพราะมันกำลังจะเข้ามาสูบเลือดสูบเนื้อ สูบทรัพย์สินทุกอย่าง
มาครง พูดว่า "อเมริกาแม้จะอยู่ในค่ายตะวันตกเช่นเดียวกัน แต่กลับไม่ได้สนใจประเด็นในเชิงมนุษยนิยม ไม่ได้สนใจเรื่องของประเด็นสิ่งแวดล้อม ไม่ได้สนใจเรื่องความไม่เท่าเทียมกัน หรือสมดุลทางด้านสังคม ไม่ได้ยึดถึงแนวคิดและปรัชญาในแบบเดียวกันกับเรา (เรา คือ ฝรั่งเศส) คนอเมริกันยกเสรีภาพนำทุกสิ่งทุกอย่าง มันเป็นลักษณะเฉพาะของอารยธรรมของอเมริกัน และมันอธิบายถึงความแตกต่างกับพวกเรา แม้ว่าเราจะเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกันก็ตาม"
มาครง ชี้ให้เห็นว่า ปรัชญาแนวคิดเชิงเสรีนิยมประชาธิปไตยนั้น นำมาสู่การแพร่กระจายและขยายระบบเศรษฐกิจแบบตลาด ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Market Economy ซึ่งนำมาสู่ความเหลื่อมล้ำของรายได้ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงทางการเงินและเทคโนโลยี ทำให้เกิดการกระจุกตัวของความมั่งคั่งและความเหลื่อมล้ำอย่างสูง เมืองไทยเหมือนอเมริกาไหม ท่านผู้ชม ? กระจุกตัวความมั่งคั่ง ความเหลื่อมล้้ำอย่างสูง เหมือนกันเป๊ะ เพราะว่ารัฐบาลชุดนี้เลียนแบบอเมริกา สิ่งที่เกิดขึ้นตรงกันข้ามกับแนวความคิดเริ่มต้นในเศรษฐกิจการตลาด ในการกระจายรายได้ ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ เศรษฐกิจแบบการตลาดก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน ก่อให้เกิดความล่มสลายในระบบระเบียบทางการเมือง
ท่านผู้ชมครับ ประเด็นเรื่องจินตนาการนี่สำคัญมากนะครับ จินตนาการทางการเมือง สำคัญมาก มันคือหัวใจ มันคือการเผยแพร่ความคิดและความเชื่อต่างๆ สู่คนทั่วโลก เหมือนกับที่อเมริกาใช้ฮอลลีวูดเสกสรรค์ปั้นแต่งว่าตัวเองเป็นพระเอก แล้วทุกคนเป็นผู้ร้ายหมด เดี๋ยวผมจะเอาให้ดู แรมโบ้ ไม่ใช่แรมโบ้ เสกสกล นะ
หนังแรมโบ้ ไปรบในเวียดนาม ในอัฟกานิสถาน คนเดียวชนะหมดทุกอย่าง เจมส์ บอนด์ มีทั้งฌอน คอนเนอรี และเพียร์ซ บรอสแนน ไปเป็นสปายในรัสเซีย เกาหลีเหนือ อิหร่าน ตะวันออกกลาง หรือประเทศโน้นประเทศนี้ เจสัน บอร์น Bourne Identity รุ่นสุดท้าย ไปทำงานภารกิจลับที่ยุโรปตะวันออก
ท่านผู้ชมเคยดูหนังเรื่อง Equalizer ไหม หรือดูหนังเรื่องมาเฟียในอเมริกาไหม สมัยหนึ่งที่กำลังเล่นงานจีน หนังมาเฟียที่ออกเยอะที่สุดคือหนังมาเฟียจีนในอเมริกา พอจะเล่นงานรัสเซีย ท่านผู้ชมดูสิ หนังที่เกี่ยวกับนิวยอร์ก หรือหลายๆ เมืองใหญ่ ก็จะมีมาเฟียรัสเซีย อย่างเช่น Equalizer ที่เดนเซล วอชิงตัน (Denzel Washington) เล่นเป็นพระเอก แล้วไปช่วยผู้หญิงรัสเซียคนหนึ่งที่ถูกมาเฟียรัสเซียบังคับให้ขายบริการทางเพศ เดนเซล วอชิงตัน คนเดียว ฆ่ามาเฟียรัสเซียตายหมด แล้วยังบินไปถึงรัสเซียเพื่อไปฆ่าหัวหน้ามาเฟียตาย ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง มันบัดซบจริงๆ เห็นหรือยัง นี่คือฮอลลีวูดไง สร้างจินตนาการทางการเมืองให้คนเชื่อ แล้วพวกที่ดูรายการผมบางคนยังโชว์โง่อีก คงจะได้รับอิทธิพลจากมาเฟียรัสเซียมั้ง ภาพรัสเซียที่เป็นโจร เป็นผู้ร้าย พอมีเรื่องรัสเซียขึ้นมา ก็เลยบอกว่ารัสเซียโหดเหี้ยมอำมหิต
ท่านผู้ชมครับ ประเด็นเรื่องจินตนาการทางการเมืองที่เขาเรียกว่า Political Imagination นั้นใหญ่โตกว่าเรื่องภาพยนตร์มาก เพราะมันเป็นเรื่องจริง ข้อเท็จจริง มาคัดคาน มาค้ำคอและเปรียบเทียบอยู่ ท่านผู้ชมรู้ไหม 50-60 ปีที่แล้วมันมีที่เขาเรียกว่า "ความฝันอเมริกัน" American Dream
พูดถึงความฝันของอเมริกาว่ามีความหมายถึงเสรีภาพ มีบ้าน มีถนน มีกิน มีใช้ มีครอบครัวที่มีความสุข แต่ทุกวันนี้ ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่าผมเคยพูดถึงเด็กคนหนึ่ง เป็นนางแบบ ที่ต้องการไปใช้ชีวิตนางแบบที่นิวยอร์ก ขึ้นรถไฟใต้ดินแล้วโดนพวกเหยียดผิวทุบตี เธอไปเพราะว่าเธอมี American Dream ไง เธอคิดว่าอเมริกานั้นคือที่สุดของที่สุดในโลกนี้แล้ว
ทุกวันนี้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับสังคมอเมริกา เสรีภาพที่ถูกลดทอนจากการระบาดของเชื้อโรคโควิด บ้านราคาแพงมหาศาล ต้องเช่าอยู่ เพราะราคาแพงเกินกว่าจะซื้อได้ เข้ามหาวิทยาลัยต้องกู้เงินมาเรียน มีรถแต่ค่าน้ำมันแพง แกลลอนละ 4-5 เหรียญ เติมไม่ไหว ค่าครองชีพก็สูงอย่างมหาศาล คนไร้บ้านเต็มไปหมด ตอนนี้มีประมาณ 6 แสนคนแล้ว ในปี 2562 นิวยอร์ก แคลิฟอร์เนีย ต้องใช้เงินหลายแสนล้าน เพื่อรองรับปัญหาคนไร้บ้าน
ท่านผู้ชมครับ ผมเคยพูดในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เคยเล่าปัญหาสังคมอเมริกาที่หนักหนาสาหัสขึ้นมาเรื่อยๆ หลายตอน ปัญหาการเหยียดผิว กรณีจอร์จ ฟลอยด์ ปัญหาเรื่องอาวุธปืน การสังหารหมู่ในโรงเรียน ความรุนแรงต่างๆ ปัญหาการเมืองสองขั้วในอเมริกาที่กำลังจะกลายเป็นวิกฤตร้ายแรง สาหัสขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญคือปัญหาความเหลื่อมล้ำต่ำ-สูงระหว่างคนมีฐานะ กับคนไม่มี มากขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจเหล่านี้บ่งให้เห็นถึงความล้มเหลวของ 3 ขา ที่ค้ำยันแนวคิดเสรีนิยมประชาธิปไตยนี้อยู่ หนึ่ง ระบอบประชาธิปไตย สอง การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของชนชั้นกลาง สาม ระบบเศรษฐกิจแบบตลาด
มาครง เขาพูดเรื่องนี้ไว้ว่า 3 สิ่งนี้ รวมกันเป็น 3 ขา ที่ผลักดันให้เราก้าวเดินไปข้างหน้า เมื่อชนชั้นกลางที่เป็นรากฐานแห่งระบอบประชาธิปไตยไม่อาจจะได้รับส่วนแบ่งที่เหมาะสมในระบบนี้ ชนชั้นกลางในระบอบประชาธิปไตยก็เริ่มตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของการดำรงอยู่ของระบอบเสรีนิยมประชาธิปไตย และเขายังตั้งคำถามถึงระบบเศรษฐกิจที่ค้ำยันระบอบนี้อยู่
ผู้นำฝรั่งเศส มาครง ยกตัวอย่างผลกระทบในประเด็นนี้ที่คนยุโรปและประชาคมโลกมองเห็นได้ชัดที่สุด คือกรณีเกิดเบร็กซิท (Brexit) คือการถอนตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรป มาครง พูดว่า สิ่งที่คนสนับสนุนเบร็กซิทนำเสนอให้พลเมืองชาวอังกฤษคือยึดอำนาจคืนมาสู่มือเรา (คือประเทศของเรา) Take back control of our lives. เพราะเขาเห็นว่างานที่เคยทำนั้นถูกแย่งไปจากประเทศอื่น อย่างโปแลนด์ จีน เวียดนาม ขณะที่เราไม่สามารถอธิบายภาพรวมของสิ่งที่เกิดขึ้นได้อีกต่อไปว่าเราจะทำให้ชีวิตพลเมืองของเราดีขึ้นได้อย่างไร ภายใต้ระบบโลกานุวัตน์ และระเบียบโลกเช่นนี้ มาครง แสดงความเป็นห่วงและกล่าวว่า ฝรั่งเศสและผู้คนในสหภาพยุโรปไม่เคยคิดแก้ปัญหา และหาทางออก ความล่มสลายก็จะมาถึงตัวในเวลาไม่ช้า
ท่านผู้ชมครับ ประเด็นสำคัญในเรื่องนี้คืออะไร ? มาครง เขารู้แล้วว่าเมื่อใดที่คุณไม่สามารถส่งออกความคิด ความฝัน จินตนาการ และภาพในอุดมคติของตัวเองให้กับประเทศอื่นๆ ได้ นั่นถือว่าเป็นจุดถดถอยของชาติมหาอำนาจทางตะวันตก
ในความเป็นจริงแล้ว ในขณะนี้เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน อย่าว่าแต่ส่งออกแนวคิดและความเชื่อของตัวเองเลย เพราะตอนนี้แม้กระทั่งยุโรปเองยังเอาตัวไม่รอด ผลกระทบจากเงินเฟ้อ ค่าครองชีพถีบตัวขึ้นมา อาจจะถึงขั้นล่มสลายได้ ไม่เพียงแต่อังกฤษที่ถอนตัวจากเบร็กซิตไปแล้ว แต่สถานการณ์ในวันนี้ การเผยแพร่ของเชื้อโควิด สงครามยูเครน ทำให้สถานการณ์ในยุโรปนั้นหนักหนาสาหัสยิ่ง เงินเฟ้อในประเทศต่างๆ ในยุโรปสูงมาก เกือบๆ สิบเปอร์เซ็นต์ โดยเฉลี่ยแล้ว 19 ประเทศในอียูที่ใช้เงินยูโรเป็นเงินสกุลหลัก ภาวะเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ 7.5 เกือบ 8 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าอย่างไร ? หมายความว่า ปีที่แล้วซื้อของ 100 ยูโร ปีนี้ต้องจ่าย 108 ยูโร
ท่านผู้ชมครับ ที่น่ากลัวในขณะนี้คือ เงินเฟ้อดังกล่าวแทบจะหาจุดสิ้นสุดไม่ได้ในระยะยาว จนกระทั่งนางคริสตีน ลาการ์ด ประธานธนากลางอียู ต้องออกมาย้ำถึงสถานการณ์เงินเฟ้อใน 3 ประเด็น แนวโน้มราคาพลังงานยังคงสูงต่อเนื่องในระยะยาว อาหารจะถีบตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาคอขวดจากธุรกิจประกอบชิ้นส่วน ห่วงโซ่อุปทาน หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Supply Chain ยังคงขาดแคลนต่อเนื่อง ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของกลุ่มสหภาพยุโรปโดยรวม รวมถึงความสามารถในการแข่งขัน มีสิทธิ์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่ปีนี้ แต่ร่วงลงปีหน้าและปีถัดๆ ไป อย่างชนิดยากที่จะกลับฟื้นคืนมาได้ตามเดิม
ท่านผู้ชมครับ ผมเล่ามาทั้งสองเรื่อง ทั้งคำพูดของแอมานุแอล มาครง และยกตัวอย่างเปรียบเทียบอธิบายสิ่งที่มาครง พูด ตลอดจนความคิดเห็นของผม ตอนนี้จะเป็นช่วงสุดท้าย ผมจะยกตัวอย่างกลุ่มอำนาจใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ตุ๊กตาโมเดลของจีน อินเดีย รัสเซีย กำลังผงาด ท่านผู้ชมครับ ในตอนแรกนั้นผมพูดถึงความถดถอยที่เกิดขึ้นในอเมริกา ในยุโรป แต่ตอนนี้สถานการณ์เหล่าประเทศมหาอำนาจใหม่ที่กำลังก้าวขึ้นมา กลับส่งอิทธิพลต่อโลกอย่างเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ
ในส่วนของประเทศจีน ก่อนที่ผมจะเข้ารายละเอียดประเทศจีน ผมจะอธิบายบุคลิกวัฒนธรรมของประเทศจีนก่อน ประเทศจีนเท่าที่ผมสังเกตมา เป็นประเทศที่ไม่ชอบรุกรานใคร ไม่ใช่นักรบ แต่ประเทศจีนเป็นพ่อค้า คนจีนอยากค้าขายอย่างเดียว กำไรเอามาพัฒนาประเทศตัวเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ใช่นักสู้ อะไรที่เขาคิดว่าข้ามเส้นไม่ได้ เขาจะสู้เลือดตายิบเลย เหมือนอย่างกรณีไต้หวัน ความอดทนของจีนมีมานานแล้ว เป็นประเทศที่อดทนมาก ซึ่งประเทศตะวันตกทำไม่ได้ อดทนในช่วงไหน ?
ช่วงที่ เหมา เจ๋อตง รบชนะ ก๊กมินตั๋ง แล้วก็เสือกไสไล่ส่งประธานาธิบดีเจียง ไคเชก ไปอยู่ที่เกาะไต้หวัน เหมา เจ๋อตง ใช้ชีวิตในช่วงแรกของการทำงานหลังจากที่ยึดประเทศจีนคืน เพื่ออะไร ? เพื่อฟื้นฟูชีวิตของคนในประเทศจีนที่ตกต่ำมาตลอด หลังจากราชวงศ์ชิงล่มสลายไปแล้ว ประเทศจีนมีสงครามกลางเมืองเกิดขึ้นตลอดเวลา จนในที่สุดพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้ยึดอำนาจมา รบชนะญี่ปุ่น
เพราะฉะนั้นแล้ว ความอดทนของเหมา เจ๋อตง ก็ถูกส่งต่อไปยุค เติ้ง เสี่ยวผิง
พอเหมา สิ้นชีวิตไปแล้ว เติ้ง เสี่ยวผิง เป็นผู้นำที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Practical มองโลกในโลกแห่งความเป็นจริง เติ้ง เป็นคนที่พูดบอกว่า แมวดำหรือแมวขาว ขอให้จับหนูได้ ถือว่าใช้ได้ นั่นคือเหตุผล เติ้ง ก็เลยเป็นคนเปิดประตูให้ระบบทุนนิยมเข้า แต่ เติ้ง เปิดเฉพาะบางจุด อย่างเช่นเซินเจิ้น นี่ฝีมือเติ้ง เปิดมาเรื่อยๆ จนกระทั่งความเจริญได้เริ่มเข้ามาสู่ประเทศจีน ประเทศจีนผุดธุรกิจขึ้นมา ยกเลิกระบบคอมมูน (Commune) ซึ่งทุกอย่างที่ผลิตออกมาในไร่ในนาแล้วต้องเอามาหารหมดทุกคน ไม่ใช่ กลับเข้าไปสู่ในลักษณะ "ใครทำใครได้" ทำให้ประเทศจีนเจริญเติบโตมาก พอจีนเจริญเติบโตมาก ก็ถึงยุคที่ต้องเปลี่ยนผู้นำ เติ้ง เลือก เจียง เจ๋อหมิน
ทำไมเลือก เจียง เจ๋อหมิน ? เหตุผลที่เลือก เจียง เจ๋อหมิน เพราะ เจียง เจ๋อหมิน เป็นนักวิศวฯ เป็นผู้จัดการโรงงาน เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เจียง เจ๋อหมิน เข้ามาจัดระบบ จัดข้อต่อ ทำให้ระเบียบและระบบในประเทศจีนที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าไปนั้นเข้าไปสู่รูปรอยต่างๆ ทำให้ประเทศจีนเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ เติ้ง ก็ได้วางคนที่จะเป็นประธานาธิบดีต่อจาก เจียง เจ๋อหมิน ไว้ล่วงหน้า นั่นก็คือประธานาธิบดี หู จิ่นเทา
ทำไมต้องเป็น หู จิ่นเทา ? เพราะ เติ้ง มองว่าถ้าจีนโตแบบนี้ขึ้นมาแล้วถึงจะมาจัดระเบียบใหม่ แต่ก็จะมีคนรวยขึ้นมาแล้วก็จะมีคนจนมากขึ้น คนรวยก็มากขึ้น จะมีการกดขี่ข่มเหง
หู จิ่นเทา เป็นคนที่ตีนติดดิน ก่อนที่ หู จิ่นเทา จะเป็นประธานาธิบดีจีนตามคำสั่งของ เติ้ง ที่วางตัวทายาทไว้ล่วงหน้า หู จิ่นเทา เคยไปเป็นผู้ว่าการมณฑลที่ค่อนข้างจะจน จนมากๆ ไปรับทราบถึงความยากลำบากของประชาชนในแต่ละพื้นที่ พอหมด หู จิ่นเทา แล้ว ในช่วง เจียง เจ๋อหมิน กับ หู จิ่นเทา มาต่อ สี จิ้นผิง เป็นช่วงที่จีนได้พัฒนาทุกอย่าง พัฒนาเทคโนโลยี พัฒนาแสนยานุภาพ พัฒนาอาวุธ พัฒนาเครื่องบิน พัฒนารถไฟความเร็วสูง พัฒนาสถานภาพทางการเงิน แล้วก้าวเข้าไปสู่ในระบบโลก
สี จิ้นผิง ก็เป็นคนที่ทำงานอยู่ในช่วงของการพัฒนาเจริญเติบโต สี จิ้นผิง เป็นคนที่ตีนติดดินและอยู่กับประชาชนมาตลอด และรู้ว่าประเทศจีนต้องอดทน และรู้ว่าประเทศจีนต้องใช้เทคโนโลยี ต้องมีนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ถึงจะเจริญรุ่งเรืองต่อไปได้ และท่านผู้ชมสังเกตดีๆ จาก เหมา เจ๋อตง มาจนถึง เจียง เจ๋อหมิน มาถึง หู จิ่นเทา ประเทศจีนไม่เคยทำอะไรที่จะเป็นที่ขวางหูขวางตาของอเมริกา อเมริกาออกกฎระเบียบอะไร ประเทศจีนเงียบ เพราะประเทศจีนรู้ว่าตัวเองยังไม่เข้มแข็ง ไม่เกินสิบปีที่ผ่านมานี้เท่านั้นเอง ตั้งแต่ สี จิ้นผิง มาแล้ว ประเทศจีนมีความรู้สึกว่าจากนี้ไปแล้วประเทศจีนต้องส่งเสียงออกมาในโลกนี้บ้าง จากเทคโนโลยีที่ตัวเองมี
ท่านผู้ชมสังเกตอะไรอย่างหนึ่งไหม ผู้นำประเทศจีน นี่ผมไม่อยากจะพูดไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือคนอื่นนะ ผู้นำของประเทศเขาแต่ละคน เขาเจริญเติบโตมาจากการทำงาน จากคนด้านล่าง เป็นผู้การมณฑล เป็นผู้ว่ามณฑลที่จนที่สุด ไปดูแลความเหลื่อมล้ำต่ำสูง ไปแก้ปัญหา ไม่เหมือนทหารไทยหรือนักการเมืองไทยที่ไม่เคยเจริญเติบโตมาจากด้านล่าง ไม่ว่าจะเป็นทักษิณ ชินวัตร หรืออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือสมัคร สุนทรเวช หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มี พวกนี้เหาะมาจากฟ้าแล้วก็มาปกครองสังคมไทย แต่ผู้นำจีนเขาโตจากข้างล่างมาทีละขั้น ทีละตอน เขาผ่านแต่ละการทดสอบ เขาผ่านความอดทน เขาผ่านการพิสูจน์ว่าเขาเป็นคนที่มีปัญญา เขาผ่านการทำงานที่พิสูจน์ว่าเขาทำงานได้ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ ผ่านอย่างเดียวคือการเป็น ผบ.ทบ. และถือปืน มีอยู่แค่นั้น เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมจะเห็นว่าความอดทนของจีนเขามีมาตลอด
ปลายปี 2563 รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์ นำโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ครองการเป็นรัฐบาลพรรคเดียวมานานกว่า 70 ปี เขาประกาศว่าเขาสามารถกำจัดความยากจนให้หมดจากประเทศไปได้ เขาดำเนินนโยบายนี้มาตั้งแต่ 2556-2563 เจ็ดปี รัฐบาลจีนสามารถฉุดดึงคนจีนกว่าร้อยล้านคนให้พ้นขีดความยากจนได้ แต่เขาก็ยอมรับว่าภารกิจอันหนักหนาสาหัสที่ต้องทำต่อ คือการลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำในระบบเศรษฐกิจและสังคมจีน เดี๋ยวนี้เขาเริ่มเพ่งเล็งแล้ว คนจีนคนไหนที่อวดร่ำอวดรวย เขาประกาศเข้าไปเช็กบิลในเรื่องของภาษี จ้าว เวย ก็ถูกเช็กบิลเรื่องภาษี ฟ่าน ปิงปิง โด่งดังแค่ไหน ถูกเช็กบิลเรื่องภาษี ลูกของผู้นำของประเทศที่ขับลัมโบร์กินี ขับเฟอร์รารี เขาก็ฟาดฟันจนอยู่หมด เขาเริ่มสร้าง เร่งสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีทุกด้าน เขามีบุคลากรทางวิทยาศาสตร์ เขาตั้งมหาวิทยาลัย วิทยาลัยส่งเสริมเรื่องวิทยาศาสตร์ ประเทศจีนมีประชากร 1,400 ล้านคน ตอนนี้นวัตกรรมของเขาหลายอย่างนำหน้าโลก ไม่ว่าจะเป็น 5G-6G เขาตามอเมริกาอยู่เรื่องเดียว คือการทำชิป แต่เขาอดทน เขาอดทนจนกระทั่งหัวเว่ยวันนี้สามารถจะผลิตชิปด้วยตัวเองได้ ถึงแม้ว่าประเภทของชิปยังไม่เล็กพอที่จะมาใช้ได้ทั่วโลก แต่เขากำลังพัฒนาต่อไป
ท่านผู้ชมครับ การทำชิปคอมพิวเตอร์ ชิปที่เอามาใส่โทรศัพท์มือถือ ชิปที่เอามาใส่รถยนต์ ชิปที่เอามาใส่อาวุธ ตอนนี้ "ชิป" เป็นข้อต่อที่สำคัญที่สุดในเทคโนโลยีที่แต่ละประเทศจะกระโดดก้าวไกลไป อเมริกาถึงกับปิดกั้นไม่ให้จีนทำชิปได้ สั่งบริษัท CSMC ของไต้หวัน ให้ไปสร้างโรงงานที่อเมริกา กว้านบุคลากรที่ทำชิปเป็นเอาไปอยู่อเมริกาหมด โดยทำผ่านบริษัทที่ชื่อ Intel จีนเขาสู้กลับ เขารู้ว่าเขาไม่มีทางแข่งอเมริกาได้ เขาสร้างคนของเขาขึ้นมา ตอนนี้มีนักวิทยาศาสตร์จีนที่เกิดขึ้นมาใหม่เยอะ อเมริกากำลังต้องการผู้เชี่ยวชาญ หรือบุคลากรที่ทำชิป อยู่ที่ไต้หวัน CSMC ต้องการเพิ่มอีก 7 พันคน จีนไม่กังวลเรื่องนี้ เพราะจีนมีประชากร 1,400 ล้านคน ขอแค่ 0.1 เปอร์เซ็นต์ ของเขา ที่เขาส่งไปฝึกเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ ทางด้านฟิสิกส์ หลายๆ ด้าน 1 เปอร์เซ็นต์ ของ 1,400 ล้าน 10 เปอร์เซ็นต์ ก็คือ 140 ล้าน 10 เปอร์เซ็นต์ ของ 140 ล้าน ก็คือ 14 ล้านคน นั่นคือ 1 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นเอง 1 เปอร์เซ็นต์ ของเขา 14 ล้านคน ที่เรียนจบแล้ว แล้วเข้าไปฝึกงานทำตามโรงงานชิปต่างๆ ให้เงินเดือนที่สูง ท่านผู้ชม อเมริกาต้องการกวาดคนทำชิป 7 พันคน จีนอีกไม่เกิน 4-5 ปี หรือไม่เกิน 10 ปี เขามีคนที่เก่งในเรื่องการทำชิปเกือบ 20 ล้านคน มากกว่า 7 พันคน แค่ไหน เพราะฉะนั้นแล้ว จีนใช้ความอดทนของเขาในขณะนี้ หัวเว่ยโดนรังแกขนาดไหนเขาก็อดทน เพราะเขารู้ว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะมาชนกับอเมริกาในเรื่องชิป แต่เรื่องแสนยานุภาพ เขามีหมดทุกอย่าง เหนือกว่าอเมริกาด้วย ไม่ว่าอาวุธไฮเปอร์โซนิกของเขาก็มี จรวดนำวิถีไฮเปอร์โซนิก ซึ่งอเมริกาตอนนี้ที่ไม่กล้าชนกับจีน เพราะแสนยานุภาพของจีน เพราะจีนเขาเข้าใจดีแล้วว่าการที่จะเจริญเติบโตต่อไป จะต้องมีแสนยานุภาพป้องกันตัวเองไม่ให้ใครมารังแก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของไต้หวัน เพราะจีนเขายอมไม่ได้ เรื่องอื่นเขาพูดด้วยเหตุผล เขาอธิบายได้ แต่เรื่องไต้หวันเขาใช้อารมณ์ทันที
ในขณะเดียวกัน ทางรัสเซีย ภายใต้การนำของวราดิมีร์ ปูติน ก็พิสูจน์ว่ากรณีความกดดันจากกรณีสงครามยูเครน รัสเซียกำลังทำลายกำแพงมหาอำนาจตะวันตก ในการผลักดันให้การเปลี่ยนแปลงระดับโลก อย่างเช่น ระบบการซื้อขายพลังงานออกจากระบบเปโตรดอลลาร์ การชักนำระบบการเงินให้เข้าสู่มาตรฐานทองคำ
ท่านผู้ชมครับ เรื่องเปโตรดอลลาร์นั้น ยืนยงมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 70 (1970) ผมเคยเล่าในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ในวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมา ผมพูดในหัวข้อ "จุดจบเปโตรดอลลาร์ จุดจบมหาอำนาจโลก" ว่าสงครามยูเครนนั้นจะเป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องสกุลเงินที่ใช้เป็นมาตรฐานในการซื้อขายน้ำมัน โดยจะแตกตัวจากเงินดอลลาร์ ไปสู่เงินสกุลอื่น เช่น เงินรูเบิล เงินยูโร เงินหยวน หรือแม้กระทั่งเงินรูปี การเปลี่ยนแปลงในเรื่องดังกล่าวและการถอยห่างจากเปโตรดอลลาร์นั้น ได้รับความร่วมมือจากกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางที่ได้รับผลกระทบและรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากความพ่ายแพ้ อันนำมาสู่การถอนกำลังออกจากอัฟกานิสถานของอเมริกาหลังเข้าไปพัวพันถึง 20 ปี
ตั้งแต่อดีต จนถึงวันนี้ กลุ่มประเทศในตะวันออกกลางซึ่งกุมอำนาจทางการผลิตน้ำมันของโลก มีแบ่งเป็นกลุ่มผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างไร มีอยู่ 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ กลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ ประกอบด้วย ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน ยูเออี การ์ตา และบาห์เรน กลุ่มที่สอง คือ แพนเปอร์เชียน อิหร่าน กลุ่มที่สาม คือ แพนตุรกี ก็คือตุรกี สามกลุ่มนี้เป็นพลังหลักในการชี้ทิศทางของตะวันออกกลาง สิ่งที่น่าสนใจคืออะไร ? สิ่งที่น่าสนใจก็ปรากฏว่า ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 มกราคม ที่ผ่านมา ตัวแทนสามกลุ่มนี้ วันที่ 10-14 มกราคม ส่งตัวแทนไปเยือนประเทศจีน ตัวแทนนี้ประกอบไปด้วย รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน บาห์เรน ตุรกี อิหร่าน รวมทั้งเจ้าชายนาเยฟ ฟาลาห์ เอ็ม อัล-ฮัจราฟ เลขาธิการของ GCC ผมเอารูปให้ดูนะครับ รูปนาย หวัง อี้ พบกับ เจ้าชายนาเยฟ ซึ่งเป็นมกุฎราชกุมารของยูเออี
การจับมือระหว่างชาติตะวันออกกลาง กับจีน รวมทั้งการเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญล่าสุด ซาอุดีอาระเบียยอมกำหนดราคาน้ำมันบางส่วนที่ขายให้จีนเป็นเงินสกุลหยวนแล้ว ในขณะเดียวกัน ซาอุดีอาระเบีย กับเยเมน ซึ่งเป็นคู่รักคู่แค้น รบกันจะเป็นจะตาย จีนเป็นตัวกลางประสานงาน ในที่สุดซาอุดีอาระเบีย และเยเมน จับมือกันเป็นพันธมิตรแล้ว ไม่ทะเลาะ ไม่ฆ่ากันแล้ว พูดได้ว่าตะวันออกกลางตอนนี้ถอยห่างออกจากอิทธิพลของอเมริกาหมด แน่นอน ก็ต้องมาเข้ากับกลุ่มของจีน รัสเซีย และอินเดีย ขณะเดียวกัน อินเดียก็ไม่หวั่นเกรงคำขู่ของสหรัฐฯ อินเดียก็ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ชำระเงินเป็นรูปี
ท่านผู้ชมครับ ที่ผมพูด ประเด็นอยู่ที่ไหน ? ประเด็นคือการสอดประสานความร่วมมือกันด้านพลังงานระหว่างมหาอำนาจ ทั้งจีน รัสเซีย อินเดีย และชาติในตะวันออกกลาง โดยไม่สนใจคำสั่ง มาตรการ หรือแรงกดดันจากชาติตะวันตกที่นำโดยอเมริกา ถือว่าเป็นสัญญาณที่เด่นชัดที่สุดว่าจุดสิ้นสุดของยุคสมัยของเปโตรดอลลาร์ได้เริ่มขึ้นแล้ว และการเปลี่ยนแปลงนี้จะเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทำให้อเมริกาและยุโรปสูญเสียความควบคุมและกฎระเบียบที่ชาติตะวันตกเคยเป็นผู้กำหนดเกณฑ์และวางแผนเอาไว้ ให้ล้มครืนในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ท่านผู้ชมครับ สงครามยูเครน กับ รัสเซีย แล้วการที่อเมริกาอยู่เบื้องหลังอียู และนาโต ในการที่จะทำให้รัสเซียต้องล่มสลายด้วยการแซงก์ชันต่างๆ นั้น มันได้เกิดการตอบโต้จากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน
โดยการเอาเงินรูเบิล ซึ่งเป็นเงินต้องห้าม บังคับให้ใครก็ตามที่ต้องการจะซื้อน้ำมัน พลังงาน หรืออาหาร จากรัสเซีย ต้องจ่ายเป็นเงินรูเบิล หรือเอาทองคำมาก็ได้ แล้วรัสเซียกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนของรูเบิล กับทองคำ ชัดเจน ว่าทองคำ 1 กรัม มีมูลค่าเท่ากับเงินรูเบิล 5,000 รูเบิล การเชื่อมโยงรูเบิล กับทองคำ ผ่านราคาคงที่ของธนาคารกลางรัสเซียที่วางอยู่บนพื้นฐานอัตราแลกเปลี่ยนของรูเบิล กับดอลลาร์ ด้วยวิธีนี้จะสร้างความมั่นคงแข็งแกร่งให้กับรูเบิล
ความต้องการก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย กลับต้องจ่ายเป็นรูเบิล และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ด้วย จะสร้างเสถียรภาพและสนับสนุน และถ้าการค้าหลักๆ ในระดับนานาชาติเริ่มยอมรับรูเบิลสำหรับค่าใช้จ่ายสินค้าโภคภัณฑ์และน้ำมันแล้ว นี่จะเป็นการขับเคลื่อนที่สำคัญในการส่งเงินรูเบิลให้ก้าวขึ้นไปเป็นเงินสกุลหลักของโลกทันที ในเวลาเดียวกัน ก็ชำระค่าน้ำมันเป็นทองคำ กลับเป็นสาเหตุให้ทองคำของต่างชาติไหลเข้าสู่คลังสำรองของรัสเซีย จะทำให้งบดุลแข็งแกร่งและรูเบิลแข็งค่าขึ้นต่อไป
ท่านผู้ชมครับ เหมือนกับที่ผมเคยฟันธงเรื่องรูเบิล ผมจะฟันธงต่อ ทองคำจะไม่มีวันลงอีกแล้ว มีแต่ขึ้นไปเรื่อยๆ
เรื่องนี้มันมีความหมายอย่างไรกับเงินสกุลอื่น ? ระบบการเงินโลกโดยภาพรวมจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ธนาคารกลางทั่วโลกจะเริ่มตื่นตัว การแซงก์ชันรัสเซียของโลกตะวันตกผ่านการยึดทรัพย์สิน ทุนสำรอง จำนวนครึ่งหนึ่งของ 630,000 ดอลลาร์ มีความพยายามจะแซงก์ชันทองคำของรัสเซียไปด้วย แต่นั่นทำได้บนกระดาษเท่านั้น เพราะรัสเซียซื้อทองคำที่เป็นกายภาพ ไม่ได้ไปซื้อหุ้นทองคำที่เป็นกระดาษ เมื่อประเทศอื่นๆ ที่ไม่ใช่อเมริกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็นจีน ซาอุดีอาระเบีย ยูเออี การ์ตา พร้อมกับประเทศที่อยู่ในกลุ่มบริคส์ (BRICS) และยูเรเชียน ใช้ระบบเดียวกัน จะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐถูกทิ้งอย่างฉับพลันเช่นกัน เพราะทุกประเทศต้องการให้สกุลเงินของตัวเองได้ประโยชน์ แล้วอนาคตของเงินดอลลาร์จะเป็นอย่างไร ?
ผมเคยพูดไปแล้วในเรื่องของเปโตรดอลลาร์ ท่านผู้ชมกลับไปดูได้ เรากำลังจะเห็นจุดเริ่มต้นของจุดจบในระบบดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยืนยาวมากว่า 50 ปี ไม่ใช่เกิดขึ้นทันที แต่จะค่อยๆ สั่นคลอน และทำให้ดอลลาร์สูญเสียมูลค่าที่แท้จริงออกไป การตื่นขึ้นของทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์ที่จะเข้ามาหนุนหลังระบบทางการเงินโลกจะมาจากหลายสกุลเงินโดยมีสาเหตุจากการที่อเมริกาเข้าไปยึดทรัพย์สินที่เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซีย เป็นตัวกระตุ้นให้ประเทศทั้งหลายรู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเดินเข้าไปสู่ระบบการเงินที่ยุติธรรมกว่านี้มากขึ้น แน่นอนที่สุด อิทธิพลดอลลาร์อ่อนตัวลง อิทธิพลอื่นก็จะเริ่มลดน้อยลง การเชื่อมทองคำเข้ารูเบิล และการเชื่อมสินค้าโภคภัณฑ์กับรูเบิล จะเป็นตัวเปลี่ยนเกม (Game Changer) เป็นการเปลี่ยน ปรับกระบวนทัศน์ที่โลกตะวันตกไม่อยากให้เกิดขึ้น และไม่อยากทำความเข้าใจ หากเรื่องนี้เป็นจริงขึ้นมาก็คือจุดจบของเงินดอลลาร์ และการล่มพังครืนของระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ครอบงำโลกมาตลอดตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างแน่นอน
ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ อเมริกาเป็นประเทศที่มีหนี้สาธารณะเยอะที่สุดในโลก 30 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ อเมริการู้อยู่แล้วว่าค่าเงินตก จนกระทั่งประธานเฟด หรือผู้ว่าฯ แบงก์ชาติอเมริกา สั่งลดยอดในงบประมาณของอเมริกาในบัญชีงบดุลอเมริกา ลดลงเดือนละประมาณเกือบแสนล้านเหรียญสหรัฐ สิ้นปีก็คือลดลง 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เพราะเขารู้ว่าเงินดอลลาร์ตอนนี้ในโลก หลายๆ แห่งเริ่มทิ้งเงินดอลลาร์ เงินดอลลาร์เริ่มเฟ้อแล้ว
สรุปแล้ว Scenario หรือฉากทัศน์ ที่ผมหยิบยกมาให้ท่านผู้ชมได้รับทราบทั้งหมดนี้ กำลังเกิดขึ้น ณ เวลานี้ เป็นการปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงระเบียบโลก (New World Order) ครั้งใหญ่ของศตวรรษนี้ ที่ผมคิดว่าจะต้องนำมาถ่ายทอดให้ท่านผู้ชมฟังอย่างละเอียด ผมพยายามหยิบความเห็นผู้นำและคนหลายๆ คน ผมพยายามฉายภาพใหญ่ ย้อนอดีตมาถึงปัจจุบัน ลงมาถึงภาพย่อย ลงมาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ตรงหน้าของเรา ให้ท่านผู้ชมได้เห็นชัด ที่สำคัญคือผมได้คาดการณ์และทำนายไปถึงอนาคตด้วยว่าอะไรจะเกิดขึ้น หวังว่าท่านผู้ชมจะเห็นภาพและทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงสู่ระเบียบโลกใหม่นี้ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลกใหม่นี้จะมีความขัดแย้งเกิดขึ้นตลอดเวลา และโดยที่สำคัญที่สุด อเมริกาและชาติตะวันตก อังกฤษ ที่หลังชนกำแพง เพราะรู้ว่าระเบียบโลกที่ตัวเองเคยกุมอยู่นั้น กำลังค่อยๆ เปลี่ยนไป คนพวกนี้จะดิ้นสุดฤทธิ์สุดเดช คนพวกนี้จะวิ่ง เหมือนกับอังกฤษ บอริส จอห์นสัน วิ่งไปหาอินเดีย ให้อินเดียช่วยต่อต้านรัสเซีย นเรนทรา โมดี ปฏิเสธ แล้วไบเดน จะพูดกับอินเดีย ไปบังคับอินเดียไม่ให้ซื้อน้ำมันรัสเซียมากจนเกินไป เพราะการซื้อมากจนเกินไปจะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งของรูเบิล โจ ไบเดน กลืนน้ำลายตัวเอง ถุยลงไป ในวันที่แซงก์ชันเงินรูเบิลรัสเซียบอกว่าจะทำให้เงินรูเบิลของรัสเซียนั้นกลายเป็นก้อนดิน ก้อนหิน อยู่บนพื้นดิน แต่วันแรกที่แซงก์ชันนั้น เงินรูเบิลตกไปถึง 140 รูเบิล ต่อ 1 ดอลลาร์ พอรัสเซียประกาศว่าใครก็ตามจะซื้อน้ำมัน พลังงาน สินค้าโภคภัณฑ์จากรัสเซีย ต้องใช้เงินรูเบิล หรือใช้ทองคำ รูเบิลก็ดีดกลับขึ้นไปเป็นถึง 80-85 หรือบางครั้ง 75 รูเบิล ต่อ 1 ดอลลาร์ แข็งขึ้นมา แข็งกว่าก่อนที่จะเกิดสงครามยูเครน สำหรับโจ ไบเดน แล้ว นี่คือความหน้าด้าน ไม่สนใจ เคยด่ารัสเซียอย่างไร เคยดูถูกเขาอย่างไร เคยดูถูกจีนว่าอย่างไร วันนี้ถูกตบหน้าหลายฉาด ก็ยังหน้าด้านอยู่ นี่คือตัวตนที่แท้จริงของผู้นำโลกในระเบียบโลกเก่า คึอผู้นำสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และออสเตรเลีย ที่ยังคงเส้นคงวาในความหน้าด้านหน้าหนา พร้อมจะโกหกพกลมได้ทุกเมื่อ และปั้นเรื่องปั้นราวโดยผ่านสื่อทางตะวันตก เพื่อให้ตัวเองนั้นยังคงรักษาสถานภาพของการเป็นผู้นำระเบียบโลกเก่า ซึ่งกำลังใกล้จะหมดเวลาของพวกเหล่านี้แล้ว
วันนี้รายการก็หมดแล้ว อาทิตย์นี้รายการ BIG Story ผมได้ทำเรื่องการลอบสังหารผม จะมีการสัมภาษณ์ผม คุยกับคนที่เห็นเหตุการณ์ ตลอดจนคนขับรถของผม ย้อนรอยคดีที่ผมถูกถล่มด้วยอาวุธสงครามกลางเมือง 17 เมษายน 2552 มาถึงวันนี้ 13 ปีแล้ว คดีไม่มีอะไรคืบหน้า ท่านผู้ชมสามารถเข้าไปรับชมได้ใน Sondhi App เท่านั้น ท่านผู้ชมครับ ใครยังไม่ได้ดาวน์โหลด สามารถดาวน์โหลดได้เลย สมัครสมาชิกเพียง 99 บาทต่อเดือน หรือสมัคร 1 ปีไปเลย 990 บาท เท่านั้น แถมฟรี 2 เดือน ใครมีปัญหาในเรื่องของการดาวน์โหลดหรือสมัครสมาชิก ให้แอดไลน์มาที่ @sondhitalk จะมีเจ้าหน้าที่คอยตอบคำถามอยู่ ที่สำคัญผมจะทำรายการเหล่านี้เพื่อออก Sondhi App และอีกหลายรายการที่ออกเฉพาะ Sondhi App ติดตามได้เลย เราจะมีทีเซอร์ออกในเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" แต่แค่ 1 นาที เพื่อให้ท่านผู้ชมรู้ว่าผมจะพูดอะไรบ้าง ถ้าท่านผู้ชมยังไม่ได้เป็นสมาชิก Sondhi App รีบเข้าไป เพราะ Sondhi App เป็นทางออกในกรณีที่เราถูกปิดกั้นการมองเห็นในแพลตฟอร์มของเฟซบุ๊ก หรือในยูทูบ
ท่านผู้ชมครับ ขอให้มีความสุข สุขภาพที่แข็งแรง และมีความเจริญก้าวหน้า ในวาระสงกรานต์นี้ สวัสดีครับ