สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว ตอนนี้ผมมาธุระที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาระยะหนึ่ง ช่วงวันหยุดมีโอกาสเข้าเมืองไปเที่ยวตามวัดและพิพิธภัณฑ์บ้าง ถ้าถามคนญี่ปุ่นว่าไปเที่ยวอยุธยาจะไปที่ไหนบ้าง ในมุมมองของคนญี่ปุ่นแล้วผมคิดว่าคนญี่ปุ่นเกือบทุกคนจะต้องไปเที่ยววัดเก่าในเมือง ไปขี่ช้างชมโบราณสถาน และไปวัดโลกยสุธาราม วัดที่คนญี่ปุ่นเกือบทุกคนค่อนข้างจะรู้จักดีเนื่องจากเป็นฉากในเกม Street Fighter คิดว่าเพื่อนๆ น่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วนะครับ
ถ้าใครเคยเล่นเกมสตรีทไฟเตอร์ Street Fighter ที่เป็นเกมต่อสู้นานาชาติ จะมีการต่อสู้ในฉากของประเทศต่างๆ และมีฉากของประเทศไทยด้วย ในเกมสตรีทไฟเตอร์ 2 จะมีฉากพระนอน โดยมีตัวละครเป็นนักมวยชื่อ Sagat สกัด หรือ สงัด (サガット) รับบทบาทเป็นบอสหลักของเกม ว่ากันว่าสกัดเป็นนักมวยไทยที่มีท่าไม้ตายหลายท่าโดยเฉพาะท่าไทเกอร์อัปเปอร์คัทครับ (っ`・ω・´)
ผู้ออกแบบเกมสตรีทไฟท์เตอร์ ได้กล่าวถึงการสร้างตัวละครและฉากพระนอนว่า เนื่องด้วยทีมงานพัฒนาเกมสมัยนั้น มีความชื่นชอบและหลงใหลในประเทศไทยมาก จึงได้แรงบันดาลใจมาจากพระนอนที่วัดโลกยสุธารามนั่นเอง ที่วัดนี้มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่ที่สุดในเกาะเมืองอยุธยา ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ก่ออิฐถือปูน มีความยาว 42 เมตร และสูง 8 เมตร และฉากนี้ก็เป็นที่กล่าวขานในวงการเกมมาก เว็บไซต์เกมชื่อดังยังยกให้สกัดเป็นหนึ่งใน 25 จอมศึกมหากาฬในเกมด้วย ดังนั้นถ้าใครเห็นคนญี่ปุ่นถ่ายรูปท่าไทเกอร์อัปเปอร์คัทที่วัดนี้ไม่ต้องตกใจนะครับ เดี๋ยวผมว่าจะตามรอยไปถ่ายรูปบ้าง
มาคราวนี้ผมยังไม่ได้ไปวัดเก่าในเมือง แต่อาจจะไปเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ต่อๆ ไป แต่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมได้ไปไหว้พระที่วัดแค (ราชานุวาส) ซึ่งอยู่บนเกาะลอยต้องนั่งเรือข้ามฝากไป ตรงท่าเรือจะมีเรือยนต์ เรือพายคอยรับส่งผู้โดยสารข้ามฟาก วัดแคเป็นวัดที่สงบร่มรื่นและคงความเป็นท้องถิ่นมากๆ ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเลย ผมรู้สึกดีใจที่ได้มาสัมผัสบรรยากาศและวิถีชีวิตของคนในเกาะจริงๆ การที่ผมได้นั่งเรือข้ามฝากไปเกาะลอยทำให้ผมนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น อยู่ไม่ไกลจากบ้านผมนัก เป็นบ่อน้ำพุร้อนออนเซ็นที่ดูลึกลับและไม่สามารถเดินทางเข้าออกทางอื่นได้นอกจากเรือเท่านั้น⛴
บ่อน้ำพุร้อนนี้อยู่ห่างจากบ้านผมประมาณ 20-30 กิโลเมตร แต่ผมยังไม่เคยไปสักครั้งเลยครับ เคยได้ยินไหมครับที่ว่า ยิ่งบ้านใกล้ยิ่งไม่เคยไปเที่ยว หลายคนมีที่พักอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวแต่กลับไม่เคยไปเที่ยวเลย วันที่ผมไปเที่ยวเกาะลอยผมข้ามฝั่งกลับมาเที่ยวพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษมด้วย ขากลับผมก็เรียกรถไปส่งที่พัก คนขับรถถามว่าพิพิธภัณฑ์นี้เสียเงินค่าเข้าไหม ยังไม่เคยเข้าไปเที่ยวชมเลยสักที ทั้งๆที่ย้านก็อยู่แถวนี้ คงเหมือนๆ กันนะครับ คนที่อยู่ใกล้บางทีก็ไม่เคยไปเที่ยวสถานที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวแถวบ้านตัวเองเลย
ส่วนบ่อน้ำพุร้อนที่ผมพูดถึงนี้มีชื่อว่า โอมากิออนเซ็น 大牧温泉 Omaki Onsen เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีโรงแรมขนาดเล็ก สร้างขึ้นบนชายฝั่งของเขื่อนทะเลสาบโคมากิในแม่น้ำโชงาวะ shogawa river ก็ค่อนข้างจะเป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่นเหมือนกันนะครับโดยเฉพาะคนที่แสวงหาที่เที่ยวในพื้นที่แปลกๆ และที่ได้รับความนิยมเพราะมีความแตกต่างจากที่อื่นด้วยเหตุผลคือ สามารถมาและไปได้โดยทางเรือเท่านั้น
ที่นี่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เหมือนเกาะ ติดกับชายฝั่งของเขื่อนโคมากิที่ต้นน้ำของแม่น้ำโชงาวะ มีท่าเรือที่จะพาลูกค้าไปพักที่โรงแรม โอมากิออนเซ็น คันโกะ เรียวคัง ก่อนหน้านี้ในช่วงปลายทศวรรษ 1970 สามารถเดินทางไปทางบกได้ด้วย โดยขับรถจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 156 ข้ามสะพานนางาซากิโอฮาชิ Nagasaki Ohashi แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีสะพานแล้ว และเคยมีโรงแรมขนาดเล็กที่ชื่อว่า Etchu Shogawakyo ซึ่งใช้บ่อน้ำพุร้อนแหล่งเดียวกัน แต่โรงแรมนี้ปิดให้บริการไปแล้วตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 ปัจจุบันจึงเหลือเพียงโรงแรมท่องเที่ยวโอมากิออนเซ็นเท่านั้น เอาละสิมีความส่วนตัว
มีการค้นพบน้ำพุร้อนที่ผุดขึ้นมาจากริมฝั่งแม่น้ำ Shogawa และเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1183 เกือบพันปีเลยทีเดียว มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเมื่อสร้างเขื่อนโคมากิเสร็จในปี พ.ศ. 2473 น้ำพุร้อนก็ต้องอยู่ใต้ทะเลสาบของเขื่อน และโรงแรมบ่อน้ำพุร้อนก็ย้ายไปตั้งที่ริมทะเลสาบ และสูบน้ำพุร้อนขึ้นมาใช้ จึงเหมือนมีโรงแรมขนาดเล็กบนฝั่งตรงข้ามของถนน แต่วิธีการเดินทางและขนส่งข้ามเขื่อนยังไม่ได้รับการปรับปรุง จึงไปกลับได้แค่ทางเรือเท่านั้น และดำเนินเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้
การเดินทาง:
โดยเรือสำราญ Shogawa Yuran จากท่าเรือ Komaki ที่ฝั่งทะเลสาบของเขื่อน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที มีเรือ 3 ถึง 4 เที่ยวต่อวันขึ้นอยู่กับฤดูกาล นอกจากนี้ เรือสำราญสามารถขึ้นใช้บริการได้เฉพาะลูดค้าโรงแรมและเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนเท่านั้น
ส่วนวิธีเดินทางไปเขื่อนโคมากินั้น ทำได้โดยขึ้นรถบัสจากสถานีชินทาคาโอกะ เส้นทางโฮคุริคุ ชินคันเซ็น / โจฮานะ ผ่านทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 156 ประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที และต่อรถอีกประมาณ 30 นาที
ที่นี่มักใช้เป็นฉากสำหรับการถ่ายภาพสำหรับละครแนวระทึกขวัญ หรือแนวลึกลับสืบสวนสอบสวนแบบโคนัน เนื่องจากสถานที่ตั้งเป็นโรงแรมบ่อน้ำพุร้อนที่มีทางเข้าออกแค่ทางน้ำ ประมาณไปแล้วออกมายาก แถมในห้องพักไม่มีสัญญาณมือถือด้วย ที่นี่เคยเป็นสถานที่ถ่ายละครระทึกขวัญทางทีวีในคืนวันอังคารและพฤหัสบดีด้วยครับ แต่มีคนบอกว่าถ้าไปเที่ยวที่นี่ก็จะได้ผ่อนคลายกับการแช่น้ำร้อนที่ราวกับจะถูกดูดกลืนเข้าไปในแม่น้ำ พร้อมสัมผัสพลังแห่งธรรมชาติอันยิ่งใหญ่และลึกลับ
นอกจากนั้นไม่มีร้านอาหารอื่น ต้องใช้บริการจากร้านอาหารของโรงแรม ตามเมนูอาหารที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งลูกค้าอาจจะคิดว่าเมนูอาหารพิเศษต่างๆ คงจะมีวัตถุดิบที่มาจากผักอร่อยๆ บนภูเขา เพราะว่าเป็นโรงแรมที่อยู่ท่ามกลางทะเลสาบของเขื่อนที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา แต่จริงๆ แล้วส่วนใหญ่อาหารที่จะได้รับประทานจะเป็นอาหารทะเล และคิดว่าอาหารทะเลคงจะมาจากท่าเรือประมงฮิมิ ที่มีชื่อเสียง มีร้านค้าและตลาดอาหารทะเลเรียงรายมากมาย และเรือส่งหอยส่งปลาก็อาจจะเป็นเรือลำเดียวกับที่คุณลูกค้านั่งไปนั่นเอง
ใครอยากไปยกมือขึ้นครับ วันนี้สวัสดีครับ