วันที่ 11 ก.พ.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk และ และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยมีประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้หลายเรื่อง เริ่มตั้งแต่ metaverse หุ้นตก Facebook ยอดผู้ใช้ลดลง หรือสื่อโซเซียลมีเดียอันดับ 1 กำลังได้รับความนิยมลดลง เพราะอะไร? รัสเซีย-จีน เซ็นสัญญาซื้อขายแก๊ส เพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน ขณะที่สหรัฐฯ กำลังหนี้ท่วมกว่า 1 พันล้านล้านบาท เงินดอลลาร์กำลังจะกลายเป็นแบงก์กงเต๊ก
ดราม่า (มหา)สมปอง - ดร.เอ้ สุชัชวีร์ 2 คน 2 บทเรียน ปลายทางจะเป็นอย่างไร?
7 รมต.ภูมิใจไทย นัดกันลาประชุม มีนัยยะอะไร? สึนามิทางการเมือง นายกจะหาทางออกอย่างไร ? และ
8 ปีวาระการต่อต้านคอรัปชัน ที่เป็นเพียงวาทะกรรมการผายลมเท่านั้นเอง
คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 124 [11 ก.พ. 65] : "ทิดปอง-ดร.เอ้ ใจเร็วด่วนได้"
ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP (ทั้งระบบ iOS และ Android)
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์ : www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK
สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 อีก 2-3 วัน 14 กุมภาพันธ์ ก็จะถึงเทศกาลวาเลนไทน์ของฝรั่งแล้ว และหลังจากนั้นไปอีก 2 วัน ก็คือวันที่ 16 ก็คือวันความรักแห่งโลก นั่นคือ วันมาฆบูชา ผมเคยเรียนให้ท่านผู้ชมทราบแล้วว่า สำหรับผมแล้ว วาเลนไทน์ของโลกก็คือวันที่ 16 คือวันมาฆบูชา เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรม และเผื่อแผ่ความรักให้มวลมนุษยชาติด้วยธรรม คำสั่งสอนของพระองค์ท่านในวันมาฆบูชา
ท่านผู้ชมครับ วันนี้เป็นรายการที่จะมีหลายๆ เรื่องที่น่าสนใจมาก ท่านผู้ชมสังเกตไหมครับว่าตอนนี้ฝุ่นเริ่มมาแล้ว ท่านใดที่ยังมีเครื่องฟอก ManNature อยู่ ก็อุ่นใจได้ ส่วนใครยังไม่มี รีบตัดสินใจซื้อได้แล้วนะครับ เดี๋ยวช่วงฝุ่นหนักๆ สินค้าหมดก็ต้องรอคิวอีก ผมเคยเรียนให้ทราบแล้วว่าผมเป็นคนใช้จริง ใช้มาสิบกว่าปีแล้ว เครื่องกรองอากาศ ManNature ยังไม่เสียเลย เพราะใช้ระบบทำงานด้วย Electrostatic ซึ่งสามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กมากถึง 0.3 ไมครอน ด้วยไฟฟ้าสถิตที่มีกำลังสูง กำจัดเชื้อโรคที่ลอยอยู่ในอากาศ ดูดซับสารฟอร์มัลดีไฮด์ กำจัดกลิ่นต่างๆ ได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว ฝุ่น PM 2.5 นั้น เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมาก สบายๆ ราคาตอนนี้ลดจาก 27,000 เหลือแค่ 22,900 บาท เหลือไม่เยอะแล้วนะครับ สั่งซื้อได้ที่คอลเซ็นเตอร์ เบอร์ 02-633-5353 ได้ทุกวัน หรือจะแอดไลน์ก็ได้ ที่ #pordee_callcenter อย่าลืมนะครับท่านผู้ชม ของเหลือไม่มากแล้ว เดี๋ยวเกิดฝุ่นหนาขึ้นมา ท่านผู้ชมต้องการแล้วจะไม่มีให้
ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมจำหลวงปู่เฉลิม ธัมมธโร เจ้าอาวาสวัดป่าภูแปก ได้ไหม ท่านอยู่ อ.วังสะพุง จ.เลย ที่ผมเคยไปเป็นประธานกฐิน แล้วแฟนรายการหลายๆ คนก็ร่วมทำบุญทำกุศลในการทอดกฐินที่วัดป่าภูแปกมาแล้ว วันนี้มีบุญใหญ่มากที่ผมจะมาบอก มาร่วมทำบุญบารมีกับพระนฑน์จิตต์เกษม หรือ หลวงปู่เฉลิม ธัมมธโร วัดป่าภูแปก ญาณสัมปันโน
เรื่องของเรื่องคืออย่างนี้ครับ หลวงปู่เฉลิม ท่านเป็นประธานสงฆ์ที่วัดป่าผาเจริญ อ.วังสะพุง จ.เลย วัดนี้จะมีพระนอนองค์หนึ่งที่เขาเรียกว่า พระพุทธสีหไสยาสน์ คือพระนอน ปรากฏว่าหลังคาวิหารที่เคยทำไว้ โดนพายุพังทลายหมดเลย เหลือแต่รูปพระนอน ตอนนี้หลวงปู่เฉลิม ก็เลยบอกบุญมา ให้พวกเราร่วมกันสร้างวิหารให้กับพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) นี้ การทำบุญครั้งนี้ ค่าใช้จ่ายสร้างวิหาร ตกประมาณ 13 ล้านบาท ตอนนี้เริ่มงานไปแล้วแต่ยังขาดปัจจัยอีกจำนวนมาก หลายๆ อย่าง ก็เลยอยากจะแจ้งข่าวสารงานบุญมาถึงญาติธรรมทุกท่าน
การมุงหลังคาวิหารพระนอน ตารางเมตรละ 400 บาท หรือตามกำลังศรัทธา ที่วัดป่าผาเจริญ อ.วังสะพุง จ.เลย ผมเอาเบอร์บัญชีให้นะครับ ร่วมทำบุญโดยตรงได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขบัญชี 528-275063-3 ชื่อบัญชี วัดป่าผาเจริญ ติดต่อสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ของหลวงปู่เฉลิม ก็คือ 081-9642962 ผอ.บุญสูง 089-8436156 ท่านรองฯ ประเวช 089-5734458
ท่านผู้ชมครับ ผมรู้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ท่านผู้ชมหลายท่านลำบากในเรื่องเศรษฐกิจ ก็ตามแต่ศรัทธาก็แล้วกันนะครับ ไม่เป็นไร แต่ว่าจะเอาอานิสงส์ของการสร้างวิหารทานให้ท่านผู้ชมทราบนิดหนึ่ง
วิหารทาน คือการทำบุญถวาย หรือร่วมสร้างเสนาสนะต่างๆ ถวายเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา เช่น การสร้างอุโบสถ โบสถ์ กุฏิ วิหาร ศาลา หอฉัน หอระฆัง ห้องน้ำ องค์สมเด็จพระทศพลพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า เคยตรัสว่า การสร้างวิหารทานมีอานิสงส์มาก โดยมีพุทธดำรัสเอาไว้ว่า "แม้พวกเราจะถวายทานแก่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 100 ครั้ง ยังมีอานิสงส์ไม่เท่ากับถวายสังฆทานครั้งเดียว ถวายสังฆทาน 100 ครั้ง ยังมีอานิสงส์ไม่เท่ากับถวายวิหารทานครั้งเดียว" พ่อแม่ครูอาจารย์ที่ผมเคารพนับถืออย่างสูง คือ องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เคยให้โอวาทธรรมในเรื่องการให้ทาน ท่านพูดว่า "เราไปที่ใด เกิดที่ใด ผลทานที่เราให้ไปนั่นแหละจะตามสนับสนุนเรา ให้เป็นคนมีความสุขความเจริญ นึกอะไรก็ไหลมาเทมา เพราะเราเคยให้มาแล้ว สิ่งที่ให้ไปนั้นคือมิตร คือสหาย สิ่งที่พึ่งเป็นพึ่งตายของเรา เมื่อเรานึกถึงผลทานย่อมไหลมาเทมา เมื่อนึกถึงบุญต้องมา เพราะเป็นของของเราที่เคยสร้างไว้แล้ว ให้ไปแล้ว ต้องกลับมาสนองตัวเราโดยไม่ต้องสงสัย" ท่านผู้ชมครับ ก็สุดแล้วแต่ท่านผู้ชมนะครับ เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ผมก็เกรงใจ แต่ผมคิดว่าหลายๆ ท่านก็อาจจะพอมีกำลังบ้าง ทำบุญทำทานเล็กๆ น้อยๆ แล้วแต่นะครับ อานิสงส์สูงมากๆ เหมือนกับที่ผมได้สร้างวิหารครอบพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่สมเด็จญาณสังวร ได้สร้างขึ้นมา จำได้ไหมครับที่ผมระดมเงิน ได้เงินจากพ่อแม่พี่น้องมาประมาณ 5-6 ล้านบาท ก็ถวายให้กับวัดเป็นคนสร้างวิหาร นั่นก็เป็นวิหารทานอันหนึ่ง
ท่านผู้ชมครับ วันนี้มันมีเรื่องหลายเรื่องที่จะต้องพูดกัน เรามีเรื่องสั้นๆ เรื่องมูลค่าหุ้นของเฟซบุ๊ก และเมตา (Meta) วันเดียววูบหายไป 8 ล้านล้าน มันเกิดอะไรขึ้น แล้วมันจะกระทบกระเทือนกับรายการต่างๆ ที่อยู่ในเฟซบุ๊กในเมืองไทยหรือเปล่า
อีกเรื่องหนึ่ง ก็เป็นเรื่องไม่ยาวนัก ผมกำลังเล่าให้ฟังว่าตอนนี้แบงก์ดอลลาร์ กำลังจะกลายเป็นแบงก์กงเต็กอีกครั้งหนึ่ง แล้วผมมีหลักฐานพิสูจน์สนับสนุน ก็เข้ามาชมกันนะครับ
อีกเรื่องหนึ่งคือ ผมแนะนำในเรื่องของการป้องกันโควิด และวิธีเสริมภูมิคุ้มกันช่วงการเกิดโรคระบาด ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก
เรื่องที่สาม คือเรื่องของคนสองคนที่มีความต่างในความเหมือน ผมกำลังพูดถึงบทเรียนเตือนใจคุณสมปอง หรืออดีตมหาสมปอง ในวันที่ไม่มีเกราะผ้าเหลืองคุ้มกาย กับ ดร.เอ้ ในวันที่ ดร.เอ้ สึกจากการเป็นอาจารย์
เรื่องที่สี่ คือเรื่องว่า ทำไม 8 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ท่านชูต้านโกง สุดท้ายจึงเป็นแค่การผายลมจากปาก ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และทางออกสุดท้ายในการแก้ปัญหาคอร์รัปชันด้วยการใช้ภาษีมาร่วมตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนักการเมือง ข้าราชการ และพนักงานของรัฐ
อีกเรื่องหนึ่งซึ่งผมจะต้องพูด ก็คือเรื่องของปรากฏการณ์ทางการเมืองที่ 7 รัฐมนตรีภูมิใจไทย ยกคณะลาการประชุม ครม. ค้านวาระการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสีเขียว เบื้องหน้าเบื้องหลังมีอย่างไร ซึ่งรับรองว่าไม่มีใครทราบมาก่อน จะเล่าให้ฟังว่าจริงๆ นี่เป็นสึนามิทางการเมืองอีกระดับหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ถึงกับเก็บอาการไม่อยู่
ท่านผู้ชมครับ ปีนี้ 2565 หรือเป็นปีฝรั่ง 2022 ต้องถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของบริษัทโซเชียลมีเดียที่ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลก ที่มีผู้ใช้ต่อเดือนมากถึง 2,900 ล้านคน ครึ่งหนึ่งของประชากรโลกใช้โซเชียลมีเดียนี้ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลล่าสุดที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 เมื่อประมาณอาทิตย์กว่าๆ ที่ผ่านมา มันมีตัวเลขหนึ่งที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับบริษัทนี้มาก คือจำนวนผู้ใช้ต่อวันในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ลดลงราว 1 ล้านคน จากไตรมาสที่ 3 ของปีเดียวกัน
ท่านผู้ชมครับ จากผู้ใช้ 3,900 ล้านคน แล้วลด 1 ล้าน ต้องถือว่าน้อยมาก แต่ประเด็นมันไม่ใช่อย่างนั้น ประเด็นมันอยู่ที่ว่า มันไม่เคยมีการลดมาก่อน จู่ๆ ลดลงในหลักล้าน นอกจากนั้นแล้ว ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 (ปีที่แล้ว) ผู้ใช้ต่อวัน 1,930 ล้านคน พอมาไตรมาสที่ 4 ผู้ใช้ต่อวันลดลง 1 ล้านคน เหลือ 1,929 ล้านคน นี่เป็นการเสียกำลังใจมาก แสดงว่าเฟซบุ๊กกำลังมีปัญหาอะไรบางสิ่งบางอย่างที่รู้อยู่แล้วแต่ไม่กล้าเปิดเผยออกมา
สถานการณ์ของการลดครั้งนี้ทำให้เฟซบุ๊กถดถอย เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ทั้งๆ ที่นายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เพิ่งประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัท จาก เฟซบุ๊ก (Facebook) เป็นเมตา (Meta) หรือที่เรียกกันว่า เมตตา เปลี่ยนเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 เขาประกาศจะสร้างฝัน สร้างธุรกิจจากประสบการณ์ใหม่ของโลกเสมือนจริงในยุคโซเชียลรูปแบบใหม่ ที่เขาเรียกว่า เมตาเวิร์ส (Metaverse) ถ้าแปลเป็นภาษาไทยเขาเรียกว่า "จักรวาลนฤมิต" ซึ่งผมเคยเล่าและวิเคราะห์เรื่องนี้ให้ท่านผู้ชมฟังแล้ว ได้รับทราบไปแล้ว ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 110 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมฟังรายการนี้ไม่มีวันตกข่าว จะทันสมัยตลอดเวลา และรู้หลายเรื่องก่อนล่วงหน้า
จากการรายงานผลประกอบการของบริษัทเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 หรือวันพุธที่แล้ว เฟซบุ๊กเปิดเผยตัวเลขรายได้กำไรประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ว่า บริษัทมีรายได้รวมเติบโต 20 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินถึง 33,671 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 1.11 ล้านบาท ที่ได้เงินเพิ่มเพราะว่าขายโฆษณาได้แพงขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ คือขึ้นราคาค่าโฆษณา แต่รายได้สุทธิ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว (2564) จาก 11,219 ล้านดอลลาร์ ตกมาเหลือ 10,285 ล้านดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีนี้
มากกว่านั้นยังมีข่าวอีกว่า ธุรกิจส่วนเมตาเวิร์ส หรือจักรวาลนฤมิต ที่สร้างขึ้นมา ขาดทุนไปแล้ว 3,304 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท หลังจากทุ่มทุนไปหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ในสาขา Facebook Reality Labs ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยเป็นเวลานานแล้ว
3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ปัจจัยที่ผมเล่าให้ฟัง ราคาหุ้นของบริษัทเมตา ก็คือเฟซบุ๊กนั่นเอง ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น เมตา หลังปิดตลาด ท่านผู้ชมครับ สร้างประวัติศาสตร์ วันเดียววูบไป 26 เปอร์เซ็นต์ เกิดมาไม่เคยเจอ มูลค่าของหุ้นหายไป 2.3 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 8 ล้านล้านบาท ท่านผู้ชมครับ วันเดียวหุ้นเฟซบุ๊กตกไป 8 ล้านล้านบาท
ก็มีผลกระทบต่อมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เขาเคยเป็น 1 ใน 10 อันดับมหาเศรษฐีของโลก ตอนนี้ก็หลุดไปแล้วจาก 10 อันดับของโลก ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? ทำไมเงินรายได้หายไป 8 ล้านล้านบาท ? มูลค่าเฟซบุ๊ก ทั้งๆ ที่รายได้เติบโต กำไรมากกว่าเก่า แต่มูลค่าหายไป 8 ล้านล้านบาท
นักวิเคราะห์เขามองว่าเฟซบุ๊ก เป็นแพลตฟอร์มสำหรับคนอายุมาก 40-50 ปีขึ้นไป รวมทั้ง 75 ปี อย่างผมด้วย แม้ว่า เมตา นอกจากจะเป็นเจ้าของอินสตาแกรม (Instagram) และวอทส์แอป (WhatsApp) ด้วยก็ตาม แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้จูงใจคนรุ่นใหม่เท่าไรนัก จากผลสำรวจการวิจัยเกี่ยวกับผู้ใช้งานเฟซบุ๊กปีที่แล้ว พบว่าคนที่ใช้งานเฟซบุ๊กวัยรุ่นในอเมริกาลดลง 13 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ปี 2562 และคนพวกนี้คือลูกค้าอนาคตของเฟซบุ๊ก เมื่ออายุมากขึ้น เพราะฉะนั้น 13 เปอร์เซ็นต์ ที่ลดลงไป หายไป แน่นอนที่สุด จะไม่ใช่เป็นสมาชิกเฟซบุ๊กอีกต่อไป ไม่สนใจเฟซบุ๊กอีกต่อไปแล้ว แล้วเขาคาดว่า นอกจากจะลด 13 เปอร์เซ็นต์แล้ว จะมีโอกาสลดอีกถึง 45 เปอร์เซ็นต์ ใน 2 ปีข้างหน้า รวมทั้งวัยรุ่นก็ใช้เวลากับเฟซบุ๊กน้อยลง เรื่องนี้มีผลกระทบมาก เพราะถือว่าเป็นแหล่งรายได้สำคัญของธุรกิจโฆษณาของเฟซบุ๊กในอเมริกา
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ใช้เฟซบุ๊กในประเทศไทยก็ยังติดอันดับ 8 ของโลกอยู่ เฟซบุ๊กสร้างกำไรรายได้เพิ่มเกือบ 50 เท่า ในช่วง 5 ปี ที่เมืองไทย เขาสร้างกำไรปี 2558 มีรายได้ค่าโฆษณากว่า 7 ล้านบาท มาวันนี้ หกปีผ่านไป กำไรเฟซบุ๊กขึ้นจาก 7 ล้านบาท เป็น 350 ล้านบาท ตามจำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊กที่มากขึ้น คนที่ใช้เฟซบุ๊กในประเทศไทยมีกี่คน ? มีประมาณ 60.9 ล้านบัญชี คนที่ใช้กลุ่มใหญ่ที่สุด อายุ 25-34 ปี มีอยู่ 19.1 ล้านคน ท่านผู้ชมรู้ไหม คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตมากเป็นอันดับ 5 ของโลก และเราใช้อินเทอร์เน็ต 9 ชั่วโมงต่อวัน แล้วคนไทยโพสต์เฟซบุ๊กเฉลี่ย 11 ครั้งต่อเดือน และคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กเฉลี่ย 8 ครั้งต่อเดือน
แล้วคู่แข่งของเฟซบุ๊กคือใครในตอนนี้ ? ก็คือ Tik Tok ไง บริษัท ไบต์แดนซ์ (ByteDance) ของจีน สามารถแย่งตลาดวัยรุ่น ตอนนี้มีคนใช้งาน Tik Tok ทะลุ 1 พันล้านคนแล้ว Tik Tok ยังเป็นแอปพลิเคชัน แพลตฟอร์ม ที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดในโลกในปี 2564 ด้วย
นอกจาก Tik Tok แล้ว เฟซบุ๊กยังมีคู่แข่งซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ฮื่นๆ ที่ไม่ใช่โซเชียลมีเดีย อย่างเกม สตรีมมิง ซึ่งพยายามจะดึงเวลาและความสนใจของวัยรุ่นผู้ใช้งานอยู่ตลอดเวลา
ท่านผู้ชมครับ เรามาดู Tik Tok ในประเทศไทยบ้าง Tik Tok ในประเทศไทยประเมินว่ามีคนใช้งานประมาณ 20 ล้านคน โดยจำนวนวัยที่เพิ่มขึ้นมาในการใช้งานของ Tik Tok อยู่ในกลุ่มอายุ 18-34 ปี คนไทยอายุ 18-34 ปี ใช้งาน Tik Tok มีสัดส่วนถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ใช้งานทั้งหมด เพราะเขารู้สึกว่า Tik Tok เป็นแพลตฟอร์มผู้นำกระแสที่เป็นบวก เขารู้สึกดีเมื่อใช้บนแพลตฟอร์มนี้ ทั้งคอนเทนต์ความบันเทิง สร้างกระแสให้เกิดเป็นไวรัลต่อเนื่อง ก็เลยทำให้เกิดครีเอเตอร์รุ่นใหม่ ดาวรุ่งหน้าใหม่มากมาย มีการสร้างอาชีพจากการเป็นครีเอเตอร์ของ Tik Tok
ท่านผู้ชมครับ อีกประการหนึ่งที่ทำให้เฟซบุ๊กรายได้ตก และหุ้นตก ท่านผู้ชมครับ แอปเปิล (Apple) ซึ่งเป็นเจ้าของไอโฟน (iPhone) เขาได้ออกนโยบาย Ask app not to track ที่จำกัดรายได้ จำกัดการติดตามโฆษณา กระทบต่อรายได้โฆษณาของเฟซบุ๊กโดยตรง คือพูดง่ายๆ ว่าเจ้าของไอโฟนมีสิทธิ์ที่จะแจ้งให้ทราบว่า ถ้าเขาใช้ไอโฟนดูเฟซบุ๊ก เขาจะมีกลไกอันหนึ่งที่ห้ามไม่ให้เฟซบุ๊กเอาข้อมูลของท่านผู้ชมไปติดตาม เพื่อที่จะเอาไปใช้ประโยชน์ในการค้าอย่างอื่น อันนี้ทำให้ตอนที่ออกกติกานี้มาใหม่ๆ เฟซบุ๊กโวยวายกับแอปเปิลมาก ประเมินกันว่ารายได้เฟซบุ๊กเกือบหมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.3 แสนล้านบาท หายไปเพราะนโยบายดังกล่าว ทำให้ผลการแสดงโฆษณาในเฟซบุ๊กไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญมากต่อการตัดสินใจของนักการตลาดและแบรนด์สินค้าต่างๆ
ท่านผู้ชมครับ เรากลับมาที่จักรวาลนฤมิต หรือ เมตาเวิร์ส ที่เฟซบุ๊กคิดขึ้นมา เขารุกตลาด AR กับ VR เขาซื้อกิจการ Oculus ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น MetaQuest เมื่อปี 2557 พัฒนาจนกลายเป็นหนึ่งในแว่น VR ระดับต้นๆ ของโลก แต่ถ้าเราดูรายได้ Reality Labs หรือธุรกิจใหม่ของเมตา ซึ่งมีกลุ่มเมตาเวิร์ส เป็นหนึ่งในนั้น ในไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว มีรายได้แค่ 877 ล้านดอลลาร์ ขาดทุนถึง 3,300 กว่าล้านดอลลาร์ ทั้งปี 2564 ขาดทุนมากกว่า 9 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นแล้ว โฆษณาก็หนีไปลงกูเกิล (Google) และแพลตฟอร์มอื่นๆ จากการที่เฟซบุ๊กสนใจเรื่องรายได้โฆษณามากเกินไป ก็คือค้ากำไรเกินควรจากการโฆษณา ทำให้ผู้มาใช้งานเฟซบุ๊กอยากจะย้ายไปใช้โซเชียลมีเดียรายอื่น เหมือนกับท่านผู้ชมกำลังดูรายการนี้อยู่ สมัยก่อนถ้าเป็นไลฟ์แบบนี้จะไม่มีโฆษณาเข้ามาคั่น เดี๋ยวนี้มีโฆษณาเข้ามาคั่นตลอด นี่คือการต้องการแสวงหารายได้อย่างเต็มที่ของเฟซบุ๊ก
ยิ่งพอแอปเปิลส่งฟีเจอร์ Ask App not to Track ก็คือไม่ให้ติดตาม หรือไม่ให้แอปพลิเคชันต่างๆ รู้ว่าผู้ใช้ชื่นชมสิ่งไหน แต่ละวันใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อทำอะไร จนกระทบต่อตลาดบริการโฆษณาบนเฟซบุ๊ก และแอปพลิเคชันในเครือ เพราะว่าจะทำรายได้จากการโฆษณาได้น้อยลง
ท่านผู้ชมครับ เฟซบุ๊กยังเจอปัญหาทางกฎหมายอีก ถูกหน่วยงานกำกับเรื่องผูกขาด ปัจจุบันเฟซบุ๊กยังสู้คดีที่คณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Federal Trade Commission (FTC) ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่คอยควบคุมดูแล ป้องกันการผูกขาด การรวมกิจการใด ถ้ารวมแล้วจะเกิดการผูกขาด จะมีผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ หรือประชาชนผู้ใช้งาน พวกนี้จะยื่นมือเข้าไปทันที แล้วจะห้ามไม่ให้ทำ หรือฟ้องร้องทันที
FTC ยื่นฟ้องว่าบริษัทเฟซบุ๊กทำการผูกขาดธุรกิจตลาดสื่อสังคมออนไลน์อยู่ และเขาก็สั่งให้เฟซบุ๊กขายอินสตาแกรมทิ้ง ขายวอทส์แอป ทิ้งไป เฟซบุ๊กก็สู้คดีว่าไม่ได้ผูกขาดใดๆ ทั้งสิ้น
ท่านผู้ชมครับ ผมได้พูดเรื่องเฟซบุ๊กมาจนถึงขณะนี้แล้ว ผมก็เลยต้องตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า ในช่วงหลังนั้น เฟซบุ๊กได้ปิดกั้นการมองเห็นของคนที่ใช้เฟซบุ๊ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) หรือพวกเพจดังๆ อย่างเช่น เพจอีจัน หรือเพจข่าวสด หรือเพจไทยรัฐ ไล่ลงมาจนถึงเพจอย่างเช่น "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ท่านผู้ชมครับ
เรามียอดฟอลโลว์อยู่ 3.4 ล้าน แต่ช่วงหลังพอรายการออก ไม่มีการเตือนเลย แทบจะไม่มีการเตือน หรือเตือนก็น้อยมาก ก็แสดงคนจำนวน 3 ล้านกว่าคน ที่กดฟอลโลว์ไว้ ควรจะได้รับการเตือน แต่ไม่ได้รับการเตือน นั่นคือวิธีการปิดกั้น ทำไมเขาต้องปิดกั้น ? ที่เขาปิดกั้นเพราะเขาต้องการให้เราซื้อ Boost จ่ายค่า boost แล้วเขาจะเปิด ส่วนเมื่อ boost แล้วมีคนเข้ามาดูมาก/น้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับราคาที่เขาคิดเรา หลายๆ เพจตอนนี้ก็เริ่มซื้อ boost แล้ว วิธีสังเกตง่ายๆ เพจบางเพจที่เริ่มมีปักหมุดไว้ว่า sponsor ข้างบนนั่นล่ะ เจ้าของเพจต้องซื้อ boost แต่เผอิญเราไม่ได้ซื้อ
สถานการณ์บริษัทแม่อย่างเมตา เริ่มถดถอยอย่างที่ว่าแล้ว ยิ่งมีความชัดเจนว่าเฟซบุ๊กยิ่งต้องบีบให้มีการทำกำไรมากขึ้น เพราะจำนวนผู้ใช้มีแนวโน้มลดลง แต่รายได้กลับเพิ่ม 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็แน่นอนที่สุด ขึ้นราคาค่าโฆษณาไป 30 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็ได้รายได้จากการ boost เต็มไปหมดเลย
ท่านผู้ชมครับ ผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าเงื่อนไขของเฟซบุ๊กนั้น ความจริงเป็นแพลตฟอร์มที่ดี แต่ในขณะเดียวกันคนที่ต้องการทำมาค้าขายบนเฟซบุ๊ก ไลฟ์สด หรือต้องการที่จะขายของ เหมือนกับพิมรี่พาย ก็จำเป็นต้องเอาเงินจ่ายค่า boost เพราะฉะนั้นแล้ว ยอดฟอลโลว์จะเยอะแค่ไหน ไม่มีความหมายไปแล้วสำหรับเฟซบุ๊กตอนนี้ เพราะว่ายอดฟอลโลว์แค่ไหนก็ตาม ถ้าเฟซบุ๊กไม่แจ้งเตือน คนก็ไม่รู้ว่าเข้ามาแล้ว
เพราะฉะนั้นแล้ว นั่นคือมา และอีกประการหนึ่ง การที่บางทีเฟซบุ๊กมีเงื่อนไขหลายประการ อย่างเช่นเรื่องวัคซีน ห้ามพูดอะไรที่เป็นผลลบต่อวัคซีน หรือว่าการที่เราจะเอา ฟทจ. เข้ามานำหน้า ด้วยเหตุนี้เราถึงถูกปิดไปหลายครั้ง
ผมก็เลยคิดว่า เรามาขอยืมจมูกคนอื่นหายใจตลอดชีวิตคงไม่ได้แล้ว นั่นคือมาของ Sondhi App
Sondhi App นั้น เราร่วมมือกับบริษัท เทนเซ็นต์ (Tencent) เราจ้างเทนเซ็นต์ เป็นคนคิดแพลตฟอร์ม Sondhi App ขึ้นมา แต่แพลตฟอร์มนี้เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอ ไม่ใช่โซเชียลมีเดีย แต่ก็อีกล่ะ เราสามารถจะออกสด ไลฟ์ได้ ผ่าน Sondhi App พร้อมกับเฟซบุ๊ก พร้อมกับยูทูป ในขณะนี้ถ้าพูดถึงว่าคนที่ปิดกั้นเรามากที่สุด ก็คือเฟซบุ๊ก ยอดวิวของผู้ชมช่วงหลังๆ กลายเป็นยูทูปสูงกว่าเฟซบุ๊กเยอะ
อีกประการหนึ่ง เมื่อมี Sondhi App แล้ว เราสามารถจะจัดคอนเทนต์ที่เราคิดของเราขึ้นมา ที่เป็นประโยชน์ และพูดความจริงที่เฟซบุ๊กไม่ให้พูด ผมคิดว่าตรงนี้ต่างหากที่เป็นหัวใจสำคัญ ท่านผู้ชมต้องการจะเข้ามาดูรายการข่าว หรือรายการวิเคราะห์ข่าว "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ผมคงทำต่อมากไม่ได้ ถ้าผมถูกใส่กุญแจมือไว้ ห้ามพูดเรื่องนั้นห้ามพูดเรื่องนี้ เพราะว่าสำหรับผมแล้ว อะไรถ้าเป็นความจริง ผมต้องพูด ผมปฏิเสธไม่ได้ ผมไม่ยอมหลบ เพราะฉะนั้นแล้ว Sondhi App ก็เลยเป็นช่องทางเดียวที่ท่านผู้ชมดูแล้วท่านผู้ชมจะได้ความจริงที่ไม่สามารถจะดูในยูทูป หรือในเฟซบุ๊ก ประกอบกับยังมีอีกหลายรายการที่เราเพิ่มเติมเข้าไปใน Sondhi App ไม่ว่าจะเป็นทีมข่าวต่างประเทศของเราที่แข็งที่สุด
ผมมั่นใจว่าแข็งที่สุดในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นโสภณ องค์การณ์ ไม่ว่าจะเป็นนงวดี ถนิมมาลย์ ไม่ว่าจะเป็นอุษณีย์ เอกอุษณีย์ หรือไม่ว่าจะเป็นสโรชา พรอุดมศักดิ์ คนพวกนี้เป็นคนที่เชี่ยวชาญในเรื่องข่าวต่างประเทศ และเป็นคนที่ไม่ได้แปลข่าว CNN มา หรือว่าลอกข่าว CNN มา แล้วก็เป็นนกแก้วนกขุนทองพูดตาม CNN แต่คนพวกนี้ศึกษารอบด้าน สามารถวิเคราะห์ทางการเมืองได้ หรือทางการเมืองในประเทศไทย เหตุการณ์การเมืองในประเทศไทย ก็มีคุณนพรัฐ พรวนสุข ซึ่งก็จะออกมาพิเศษในแอปฯ นี้ ตลอดจนตัวผมเอง ก็จะมีรายการพิเศษหลายรายการที่จะออกมาใน Sondhi App อาจจะมีการพูดถึงชีวิตของผมตั้งแต่เด็ก เป็นตอนๆ ไป รับรองว่าสนุกสนานอย่างแน่นอนที่สุด
เรากำลังคิดถึงว่า ผม กับคุณนพรัฐ พรวนสุข จะมานั่งคุยกันในเรื่องของเจ้าพ่อ เอาเบื้องหน้าเบื้องหลังเรื่องเจ้าพ่อมาพูด ตลอดจนมีคนที่ประท้วงหลายหมื่นคนที่วอชิงตัน ดี.ซี. ประท้วงการใช้วัคซีน มีข้อมูลซึ่งเราไม่เคยเห็น ไม่เคยได้พบเลย เพราะว่าเราถูกบล็อกหมด ทั่วโลก ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะเรา ทั่วโลก ในอเมริกา ในยุโรป เขาบล็อกหมดเลย แต่ความเคลื่อนไหวตรงนี้ยิ่งวันยิ่งมากขึ้นๆ และนั่นคือที่มาของ Sondhi App
ค่าใช้จ่ายของ Sondhi App มันต้องจ่ายค่าสตรีมมิง (Streaming) เดือนละเป็นล้าน หลายล้าน นั่นคือที่มาว่าทำไมเราต้องขอคิดเงินเดือนละ 99 บาท ท่านผู้ชมครับ วันละ 3.30 บาท สำหรับข้อมูลที่ท่านหาไม่ได้ที่ไหน และสำหรับรายการที่หลากหลายมาก เมื่อคิดถึงราคาแค่วันละ 3.30 บาท แล้วมันถูกเหมือนให้เปล่า ท่านผู้ชมครับ วันนี้ท่านผู้ชมเดินออก ก้าวเท้าออกประตูหน้าบ้าก็หมดไปแล้ว 100 บาท ต่อวัน 3.30 บาทต่อวัน นั่นคือค่าใช้จ่ายในการเปิดขุมกำลัง ขุมพลัง ขุมสมองทางความรู้ เราคือ Netflix ทางปัญญา เพราะฉะนั้น ในที่สุดแล้ว ถึงสิ้นปีนี้ เราก็จะมีคนที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกเยอะ แล้วก็ลงทะเบียน ท่านผู้ชมที่สมัคร ดาวน์โหลดแล้ว กรุณาลงทะเบียน ท่านผู้ชมครับ ถ้าเกิดมีเหตุการณ์ เกิดขึ้นทันทีเลย ถ้าจีนบุกเข้ายึดไต้หวัน วิกฤตนี้เกิดขึ้น ผมเสียใจต้องเรียนให้ท่านผู้ชมทราบว่าสิ่งที่ผมจะไลฟ์สดเรื่องวิกฤตนั้น ผมก็จะไลฟ์สดใน Sondhi App
ท่านผู้ชมครับ Sondhi App มีเนื้อหาพิเศษเยอะ Sondhi App ดูฟรีได้จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ พอเข้ามีนาคม คนที่เป็นสมาชิกก็ต้องจ่ายแล้ว เดือนละ 99 บาท ท่านผู้ชมครับ ผมและทีมงานสังเกตสถิติการเข้าถึง การมีส่วนร่วม engagement ของเฟซบุ๊กมาตลอดเวลา อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่าเรามียอดฟอลโลว์อยู่ที่ 3.5 ล้านคน แต่ reach และ engagement ของเนื้อหากลับลดลงเรื่อยๆ มีการปิดกั้นเพื่อบีบให้เราซื้อโฆษณา ยิ่งสถานการณ์บริษัทแม่อย่างเช่นเมตา เริ่มถดถอยอย่างที่ว่า ก็ยิ่งมีความชัดเจนว่าเฟซบุ๊กจะต้องบีบบังคับให้ทุกคนมาซื้อ boost เพื่อเพิ่มรายได้ให้เฟซบุ๊ก เพื่อให้ราคาหุ้นดีดกลับไป ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของธุรกิจหมดเลย เป็นเรื่องของความปรารถนาของผู้ถือหุ้นเฟซบุ๊ก รวมทั้งนายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ต้องการจะกำไรมากขึ้นๆๆ พอกำไรถดถอยลงมาก็ต้องหาช่องทางที่จะบีบให้คนที่ใช้บริการในเชิงธุรกิจต้องจ่ายเงินให้เขาเพิ่มมากกว่าเก่า ซึ่งก็จ่ายเงินอยู่แล้ว เหมือนอย่างที่ผมเรียนให้ท่านผู้ชมทราบไง ท่านผู้ชมสังเกตไหม สมัยก่อนรายการผมเวลาออกไลฟ์สดจะไม่มีโฆษณาเข้ามาเลย จะเข้ามาก็เฉพาะตอนที่เราทำเป็น Full Programme แต่เดี๋ยวนี้ไลฟ์สดของเรา ผมพูดไปวันนี้ ท่านผู้ชมจะโดนโฆษณาแทรกเข้ามาเป็นระยะๆๆ ทั้งหมดนี้ก็คือความเปลี่ยนแปลงของเฟซบุ๊กที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ และมันก็มีผลกระทบต่อคนที่ใช้บริการเฟซบุ๊ก
ท่านผู้ชมครับ ใน Sondhi App นั้น ไม่มีโฆษณาเลยแม้แต่นิดเดียว ท่านผู้ชมดูได้เต็มที่ อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ซึ่งเป็นผู้ที่ศึกษาอย่างลึกซึ้งถึงสถานภาพสุขภาพของคนไทย จะพูดอย่างเปิดอกในเรื่องของวัคซีน และในเรื่องของยาที่รักษาโควิด-19 ได้ แต่จะไม่พูดในเฟซบุ๊ก เพราะว่าพูดไม่ได้ ท่านผู้ชมครับ นี่คือเรื่องราวของเฟซบุ๊กที่เปลี่ยนแปลงไป
ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมที่ชอบรายการต่างประเทศ ผมก็คงไม่มีอะไรแนะนำท่าน แต่ถ้าท่านผู้ชมที่ไม่ค่อยชอบรายการต่างประเทศ ผมอยากจะขอความกรุณาท่านผู้ชมอย่าพลาดสิ่งที่ผมจะพูดในเรื่องต่างประเทศ เพราะว่าต่างประเทศ กับประเทศไทยนั้น ณ วันนี้ มันพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า มันหนีกันไม่พ้นเลยแม้แต่นิดเดียว อะไรที่เกิดขึ้นกับต่างประเทศ ในที่สุดแล้วมันกลับมากระทบประเทศไทย เหมือนอย่างวันนี้ ผมอยากให้ท่านผู้ชมฟัง เพราะผมกำลังจะบอกว่าแนวรบเศรษฐกิจการเงินของโลกนั้น ตอนนี้มันเริ่มส่อเค้ารุนแรงมากขึ้น และเมื่อดอลลาร์กำลังจะกลายเป็นแบงก์กงเต็ก หนี้สาธารณะของอเมริกาตอนนี้ทะลุพันล้านล้านบาท หนี้สาธารณะ
เมื่อวันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ ตอนที่ 123 ผมพูดถึงเรื่อง "มองทะลุเกมการเมืองโลก" ผมจับประเด็นหลายๆ ประเด็น ผมจะเล่าให้ฟัง ไม่ต้องลงรายละเอียด ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ นาโต กับรัสเซีย ที่ยูเครน การพึ่งพาพลังงานของยุโรปจากรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยอรมนี การรับเชิญจาก สี จิ้นผิง ไปร่วมพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง ของนายวลาดิมีร์ ปูติน การซ้อมรบระหว่างรัสเซีย จีน อิหร่าน ในทะเลจีนใต้เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 3 ปี สถานการณ์การสู้รบในพม่าหลังจากรัฐประหาร 1 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งครบไปเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี้ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับเชิญไปที่ประเทศซาอุดีอาระเบียเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ขาดหายไปสามสิบกว่าปี การกลับเข้ามาซ้อมรบครั้งใหญ่ การฝึกร่วมผสมทางการทหารระดับพหุภาคี คอบร้าโกลด์ (Cobra Gold) ของสหรัฐฯ ในช่วงกุมภาพันธ์ และต่อไปถึงมีนาคม
ท่านผู้ชมครับ จริงๆ แล้วสงครามเพื่อวัดกำลังมันไม่ได้จำกัดอยู่แค่การนำกองทหาร ขีปนาวุธ เรือบินรบ เครื่องบินรบ รถถัง มาห้ำหั่นกันเท่านั้น อย่างที่ผมได้เกริ่นให้ฟังแล้วว่า ตามตำราพิชัยสงครามของซุนวู เขาสอนมาเป็นพันปีว่า การรบชนะร้อยทั้งร้อยมิใช่วิธีการอันประเสริฐแท้ แต่การรบโดยไม่ต้องรบเลย จึงถือว่าเป็นวิธีการที่ประเสริฐที่สุด เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ แนวรบทางการทหารจึงเป็นแค่แนวรบหนึ่งที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อสร้างแรงกดดัน สร้างแสนยานุภาพเท่านั้น แต่อีกแนวหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน คือแนวรบสงครามทางด้านเศรษฐกิจ
ท่านผู้ชมครับ ล่าสุดมีข่าวชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจมาก ท่านผู้ชมหลายท่านอาจจะติดตามข่าวนี้ แต่อาจจะไม่ได้สนใจนัยของมัน ผมอธิบายให้ท่านฟังดีกว่า นัยนี้มีความสำคัญมาก คือการเซ็นสัญญาซื้อขายแก๊สระหว่างรัสเซีย กับจีน จำนวนมหาศาลมาก เป็นเวลา 30 ปี
ที่ตกลงกันเขาไม่ได้ใช้เงินดอลลาร์ซื้อ เขาใช้เงินยูโร จีนค้าขายกับยุโรปมานานแล้ว จีนสะสมเงินยูโรไว้เยอะ เพราะฉะนั้นการซื้อขายครั้งนี้ก็เลยตกลงกันว่าไม่ให้ใช้ดอลลาร์ ให้ใช้เงินยูโร เขาได้มีการลงนามข้อตกลง 30 ปี ที่จะส่งแก๊สธรรมชาติให้กับจีน ผ่านการส่งท่อแก๊สเส้นใหม่ โดยการขายดังกล่าวชำระเป็นเงินยูโร ถือเป็นการผูกความสัมพันธ์ระหว่างปักกิ่ง และมอสโก ให้แน่นแฟ้นขึ้น ขณะที่รัสเซีย กับชาติตะวันตก กำลังมีความตึงเครียดกันในเรื่องยูเครน
บริษัทที่ลงนามระหว่างสองประเทศนี้ คือ ก๊าซพรอม (Gazprom) รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย ฝั่งจีนก็ใช้รัฐวิสาหกิจอย่างเช่น CNPC (China National Petroleum Corporation) โดยตกลงกันว่ารัสเซียจะส่งแก๊สให้จีน 10,000 ล้านคิวบิกเมตรต่อปี ท่านผู้ชมครับ 10,000 ล้านคิวบิกเมตรต่อปี แก๊สล็อตแรกจะส่งผ่านท่อแก๊สที่เชื่อมระหว่างดินแดนทางตะวันออกของรัสเซีย กับภาคอีสานของจีน ในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้
ท่านผู้ชมครับ ก่อนหน้านี้รัสเซีย กับจีน มีการซื้อขายแก๊สกันอยู่แล้ว ผ่านท่อส่งแก๊ส Power of Siberia ที่เริ่มส่งแก๊สให้จีนมาตั้งแต่ปี 2562 (3 ปีที่แล้ว) พร้อมทั้งยังมีการส่งแก๊ส LNG ผ่านทางเรือด้วย โดยปีที่แล้ว (2564) รัสเซียส่งแก๊สให้จีนประมาณ 16,500 ล้านคิวบิกเมตร โดยดีลก่อนหน้านี้รัสเซียตกลงจะส่งแก๊สให้จีนผ่านท่อมากถึง 38,000 ล้านคิวบิกเมตร ภายในปี 2568 แต่ข้อตกลงใหม่นั้น ประจวบเหมาะกับการเยือนกรุงปักกิ่งของนายปูติน รัสเซียจะเพิ่มปริมาณแก๊สอีก 10,000 ล้านคิวบิกเมตร รวมทั้งหมดที่รัสเซียส่งให้จีนเป็นกว่า 48,000 ล้านคิวบิกเมตร ท่านผู้ชมครับ ที่สำคัญที่สุด ข้อตกลงเหล่านี้จะทำการซื้อขายกันด้วยเงินสกุลยูโร ซึ่งเป็นความตั้งใจของสองประเทศ จะหลีกเลี่ยง หลีกหนีจากการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในการทำการค้าให้มากที่สุด
เมื่อเรามาดูตัวเลขการค้าระหว่างรัสเซีย กับจีนแล้ว มันเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีรายงานว่าปริมาณการค้าระหว่างจีน กับรัสเซีย ทะยานสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ ขณะที่รัสเซีย กับชาติตะวันตก ที่มีชนวนมาจากยูเครน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีน และรัสเซีย แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จนเรียกได้ว่ามาตรการการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรัสเซียอาจจะไม่ส่งผลกระทบอันใดเลย
ท่านผู้ชมครับ ข้อมูลจากสำนักงานศุลกากรจีนระบุว่า มูลค่าการค้าระหว่างจีน กับรัสเซีย ในปี 2564 เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 146,880 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทย 4.8 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 35.8 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อนหน้า หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง เอาเมืองไทยเป็นตัวเปรียบเทียบ มูลค่าการค้าระหว่างจีน กับรัสเซีย มีมูลค่าสูงกว่างบประมาณแผ่นดินไทยอีกประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์ ทางการมอสโกสยังไม่ได้เปิดเผยตัวเลขล่าสุดต่อสาธารณชน แต่ผู้แทนการค้ารัสเซียที่อยู่ในจีน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวว่า ช่วงต้นเดือนนี้มูลค่าการค้าของรัสเซีย กับจีน จะมีมูลค่ามากกว่า 140,000 ล้านบาท แปลว่าอะไร ? คือการที่ไม่ใช้เงินดอลลาร์เลย แล้วหันมาใช้เงินยูโร จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์มันตก ตกไปเรื่อยๆ ทุกวันนี้ก็ตกอยู่แล้ว
ท่านผู้ชมรู้ไหมครับ เวลาเราดูประเทศๆ หนึ่ง เราต้องดูอะไร ? เราต้องดูหนี้สาธารณะ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่าหนี้สาธารณะของประเทศอเมริกาพุ่งแตะระดับ 30 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ คิดเป็นเงินไทยก็เกือบ 1 พันล้านล้านบาท เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สูงกว่ามูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของอเมริกาถึง 1.3 เท่า
ท่านผู้ชมครับ ในความเป็นจริงแล้ว หนี้สาธารณะของอเมริกาปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอดช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา แต่มีการเพิ่มขึ้นอย่างหนักเพราะมาตรการรับมือการระบาดใหญ่โควิด-19 รวมทั้งอเมริกาต้องอัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพื่อเร่งขยายการเจริญเติบโตของประเทศ และการอัดฉีดเงินเข้าไป อัดฉีดเข้าไปๆ ก็คือการพิมพ์แบงก์ใหม่ไง ท่านผู้ชม
เอาเป็นว่า เรามาดูตัวเลขปี 2562 นิดหนึ่ง หนี้สาธารณะของประเทศ ก่อนเกิดการระบาดโควิดอยู่ที่ 22.7 ล้านล้านดอลลาร์ ปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็น 27.7 ล้านล้านดอลลาร์ ปีที่แล้ว กลายเป็น 30 ล้านล้านดอลลาร์ ข้อมูลเป็นทางการระบุว่า 31 มกราคม 2565 หนี้สาธารณะราว 6.5 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นการกู้ยืมเงินระหว่างรัฐกันเอง หน่วยงานรัฐ เช่น สำนักงานประกันสังคมที่ดูแลกองทุนเพื่อนำไปจ่ายกับประชาชนผู้สูงอายุของประเทศ หนี้สาธารณะส่วนใหญ่นั้นเป็นการกู้ยืมผ่านการออกตราสารหนี้ ซึ่งประชาชนเป็นคนซื้อตราสารหนี้นั้น ระบบธนาคารกลางของอเมริกา กองทุนรวมที่มีขนาดใหญ่ และรัฐบาลต่างชาติที่เป็นเจ้าหนี้
กระทรวงการคลังอเมริกา เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะจำนวน 7.7 ล้านล้านดอลลาร์นั้น เป็นส่วนที่รัฐบาลต่างชาติเป็นเจ้าหนี้ ไม่มีผู้ใดถือครองหนี้มากกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ เจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของอเมริกาก็คือ ญี่ปุ่น ถืออยู่ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ รัฐบาลจีน ถืออยู่ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นอันดับสอง ท่านผู้ชมลองหลับตาวาดภาพ วันหนึ่งรัฐบาลจีนประกาศขายหนี้อเมริกา 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ ออก แล้วก็กลับไปใช้เงินยูโร จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอเมริกาขนาดไหน
ที่ผมพูดเรื่องนี้ประเด็นอยู่ที่ไหน ? ท่านผู้ชมลองคิด ใช้ตรรกะสามัญธรรมดาๆ ว่า ครอบครัวๆ หนึ่ง เดือนหนึ่งมีรายได้แค่ 10,000 บาท ปัจจุบันก็ชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว ต้องกู้ยืมเงินเพิ่มไปเรื่อยๆ ทุกเดือน หยิบยืมจากคนโน้นคนนี้จนหนี้พอกพูนเกินรายได้ต่อเดือนไปแล้ว ผมถามตรงๆ ว่า ครัวเรือนครอบครัวนี้จะเข้มแข็ง แข็งแรงอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ความจริงแล้วผมพูดเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว ล่าสุดผมจัดรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อวันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2563 เกือบสองปีที่แล้ว ผมเคยพูดว่าอย่างไร ผมทบทวนความจำให้ท่านผู้ชมได้รับทราบ
ผมบอกว่าสถาบันการเงินในอเมริกากำลังจะเริ่มมีปัญหา ธุรกิจการผลิตหลายๆ อุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการบิน อย่างเช่นโบอิ้ง ต้องล้มละลายแน่ แต่เขาคงไม่ปล่อยล้มละลาย ถ้าโบอิ้งล้มละลาย บริษัทต่างๆ ก็ล้มละลายตาม
ถามว่าคนที่เคยเอาเงินของประเทศไปซื้อพันธบัตรอเมริกา ดอลลาร์ เขาจะไว้ใจไหม เมื่อไม่ไว้ใจแล้ว ยอดเงินซื้อพันธบัตรก็ต้องลดลง เมื่อลดลงแล้ว ผมไม่อยากพูดว่าเงินดอลลาร์กำลังจะกลายเป็นแบงก์กงเต็ก เพราะฉะนั้นแล้ว เงิน 100 ดอลลาร์ มูลค่าจะตกไปอีกเยอะ ตรงนี้ต่างหากที่ผมต้องการจะทำให้ดู แล้วอเมริกาทางตะวันตกกำลังมีปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ ข่าวมาว่าปีนี้ (2565) ธนาคารกลางอเมริกาจะขึ้นดอกเบี้ย เคยมีข่าวแพลมออกมาว่า อย่างน้อย 7 ครั้ง ในปีนี้ ท่านผู้ชม การลงทุนของอเมริกาจะต้องซบเซาลงไปทันทีเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องความรุ่งเรืองและล่มสลายของประเทศชาติ และของประชาชนนั้นๆ เลย
ก่อนจะเข้าเรื่องต่อไป ผมขออนุญาตท่านผู้ชมเป็นพิเศษ ผมไม่เคยพูดเรื่องวิตามิน หรือว่าเรื่องผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ทางสมุนไพรบ้านพระอาทิตย์ได้วางขายโดยละเอียดสักครั้ง ผมจะพูดเพียงครั้่งเดียว วันนี้ อาจจะเสียเวลานิดหน่อย แต่ว่าคุ้มค่า ถ้าท่านผู้ชมจะกรุณาตั้งใจฟังนิดหนึ่ง เพราะนี่เกี่ยวกับสุขภาพของท่านผู้ชม เกี่ยวกับคนรอบตัว เกี่ยวกับคุณพ่อคุณแม่ของเรา และเกี่ยวกับตัวท่านผู้ชมเอง
ตอนนี้สถานการณ์โควิด-19 ในเมืองไทยตอนนี้ ยอดผู้ป่วยที่ติดเชื้อกลับมาเกิน 1 หมื่นคนแล้ว อย่างที่ผมเรียนว่าพวกเราต้องทำใจและปรับตัว เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้อย่างปลอดภัย ผมเคยพูดกับท่านผู้ชมแล้วใช่ไหมว่า เก็บ ฟทจ. เอาไว้ข้างตัว
ท่านผู้ชมไปที่ไหนก็ตาม ท่านผู้ชมจะไปงานสังสรรค์อะไรก็ตาม จะเป็นงานเลี้ยง งานแต่งงาน หรืองานอะไรที่มีคนมาก ท่านผู้ชมทานไป 4 เม็ดก่อน เสร็จเรียบร้อยแล้ว พอกลับจากงานแล้ว ท่านผู้ชมก็ทานต่อ ติดต่อกัน 5 วัน เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน มื้่อละ 4 เม็ด เท่ากับวันละ 16 เม็ด 5 วัน = 80 เม็ด ท่านผู้ชมเลือก ฟทจ. ที่ทำจากใบนะครับ ทำไมผมถึงพูดเช่นนี้ เพราะว่าผมประสบกับตัวผมเอง ปีที่แล้วผมไปเป็นประธานกฐินตั้ง 3-4 แห่ง ทุกวันนี้ผมก็ไปงานศพมา ก่อนไปผมทาน ท่านผู้ชมครับ ผมกล้ารับประกันว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าท่านทำตามที่ผมบอก นี่คือการอยู่กับโควิดให้ได้ และเรามีของดีอยู่ในมือแล้ว คือ ฟทจ. อย่าไปปฏิเสธมัน อย่าไปเชื่อ แล้วท่านผู้ชมอย่าได้ทานฟาวิพิราเวียร์เป็นอันขาด
ท่านผู้ชมยอมรับไหม ตอนนี้ท่านผู้ชมฉีดวัคซีนไปกี่เข็ม 2 เข็ม 3 เข็ม 4 เข็ม ก็ไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ เพียงแต่ลดอาการรุนแรงหากติดเชื้อ แต่มันยังมีผลเสี่ยง ผลข้างเคียงอีกเยอะ
ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมจะมาพูดถึงการลดความเสี่ยง ป้องกันตัวเอง ท่านผู้ชมจำได้ไหมที่ว่าผมเป็นคนที่ป้องกันตัวเองมาตลอด ท่านผู้ชมทานสมุนไพรต่างๆ อาการติดเชื้อ เจ็บคอ น้ำมูกไหล มีไข้ ปวดเมื่อย ครั่นเนื้อครั่นตัว ท่านผู้ชมสามารถกิน ฟทจ. ได้ทันทีเลย ไม่ต้องไปรอ ไม่ว่าจะเป็นหวัดหรือว่าติดเชื้อ พอมีอาการเป็นไข้ เจ็บคอ น้ำมูกไหล ปวดเมื่อย ครั่นเนื้อครั่นตัว เอา ฟทจ. ยัดเข้าไปทันทีเลย
คนที่มีคนรอบข้างป่วย หรือเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ แม้ยังไม่ป่วยก็ต้องกิน ฟทจ. ให้เรียบร้อย อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่าผมไปที่ไหนที่มีคนเยอะ ผมทานทันที
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ของท่านผู้ชม หรือผู้สูงวัย สำหรับผมก็ต้องถือว่าเป็นผู้สูงวัย อายุ 75 แล้ว ผมแนะนำให้ทาน "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ทุกวัน เป็นตำรับยาอายุวัฒนะสำหรับผู้สูงวัย เสริมธาตุไฟ ธาตุลม ซึ่งเป็น 2 ธาตุที่สำคัญอย่างยิ่งต่อระบบภูมิคุ้มกัน ภูมิคุ้มกันมีธาตุไฟ และธาตุลม ที่สำคัญมาก ขับถ่าย ระบายของเสีย เสมหะ ผมกินมาต่อเนื่อง นี่เดือนที่ 11 แล้ว สุขภาพแข็งแรง เสมหะลดลง ขับถ่ายดี สติปัญญา ความทรงจำดี
ทีนี้้มาถึงเรื่องผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ในขณะนี้คนก็ทานกัน ข้อแรก คือ เขาทาน Quercetin แล้ว Quercetin คืออะไร ? คือสารสกัดหอมแดง ทานวิตามินซี ทานสังกะสี (Zinc) วิตามินดี วิตามินเอ สารสกัดขมิ้นชัน กระชาย ขิง สมุนไพร เทียนดำ ต่างๆ นานา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในตลาดมีเยอะมาก ท่านผู้ชมจะเลือกไม่ถูกว่ากินอะไรดี ถ้าท่านผู้ชมกินทุกอย่างคงไม่ไหว งบประมาณก็ไม่พอ ผมคิดว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่กินกันมากที่สุดตอนนี้คือ วิตามินซี บางคนถึงกับซื้อน้ำดื่มผสมวิตามินซี แต่ท่านผู้ชมรู้ไหมครับ จากการค้นพบ ค้นคว้า มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเขาทดสอบผลิตภัณฑ์วิตามินซี ในเครื่องดื่มผสมวิตามินซี 47 ตัวอย่างที่วางจำหน่าย ท่านผู้ชมครับ มีแค่ 10 ตัวอย่าง ที่มีปริมาณตรงตามฉลาก อีกประการหนึ่ง วิตามินซีนั้น ถ้าอยู่ในเครื่องดื่ม ถ้าเจอแดดแล้ว ประสิทธิภาพของวิตามินซีก็จะหายไป บางรายใส่วิตามินซีเข้าไปมากกว่าปริมาณที่ระบุไว้ในฉลาก แสดงว่ามีความไม่แน่นอนในเครื่องดื่มเหล่านี้
ในความเป็นจริง ท่านผู้ชมครับ เชื่อผมเถอะครับ เครื่องดื่มที่ผสมวิตามินซีนั้น วิตามินซีมีน้อยมาก ที่มีอยู่ก็ไม่มีปริมาณเท่ากับการกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่บรรจุภัณฑ์ที่ไม่โดนแดดเลย เพราะฉะนั้นแล้ว กินผลิตภัณฑ์ที่วิตามินซีในขวด ในกล่อง จะดีกว่าทานน้ำผสมวิตามินซี
ท่านผู้ชมครับ บรรดาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทุกอย่าง ในขณะนี้กำลังทำการวิจัยอยู่ แต่ว่ามันมีผลิตภัณฑ์บางอย่างที่ถูกจับตาดูว่ามีความน่าสนใจและมีศักยภาพมากที่สุดในช่วงการเกิดโรคระบาดนี้ คือ Quercetin
อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า Quercetin นั้นมีหอมแดงเป็นวัตถุดิบ ซึ่งหาง่ายในประเทศไทย ตำรายาแพทย์แผนโบราณของไทย ที่เห็นรสยาร้อนและฉุนจึงระบุว่า หอมแดงใช้หัวแก่จัดๆ เป็นยาขับลมในลำไส้ แก้ปวดท้อง บำรุงธาตุ แก้หวัด คัดจมูก ใช้หัวตำสุมหัวเด็ก แก้หวัด จำได้ไหมครับสมัยเราเด็กๆ ผมจำได้สมัยเด็กๆ แม่จะเอาหอมแดงตำแล้วก็สุมหัวเวลาเป็นหวัด
ท่านผู้ชมครับ Quercetin มีสรรพคุณในการลดความเสี่ยงรุนแรงหรือลดการอักเสบในการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน ซึ่งตรงกับโรคระบาดที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ มีงานวิจัยหลายอัน 12 ปีที่แล้ว ระบุออกมาว่า คนที่มีอายุเกิน 40 ปีขึ้นไป คือผู้สูงวัย มีความแข็งแรง จำนวน 325 คน พบว่าเมื่อรับประทาน Quercetin ในฐานะที่เป็นอาหารเสริม 12 สัปดาห์ จะลดความรุนแรงการติดเชื้อในปอดได้ถึง 36 เปอร์เซ็นต์ ลดจำนวนวันป่วยที่จะต้องป่วยอยู่ 31 เปอร์เซ็นต์ เป็นผลดีในทางสถิติ ซึ่งสอดคล้องกับรสเผ็ดร้อนของหอมแดง ซึ่งเป็นรสยาพิกัดธาตุลม ก็เลยเหมาะกับผู้สูงวัย เหมือนเรากินอาหารไทยรสเผ็ดร้อน ที่ผมเคยบอก ทานแกงป่าเผ็ดๆ มีข่า มีตะไคร้อยู่ในแกง เหมือนกัน ผมเคยแนะนำไปแล้ว การกิน Quercetin ในฐานะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ก็คือเสริมภูมิคุ้มกัน
มันมีวารสารต้านภูมิคุ้มกันวิทยา ชื่อ Frontiers in Immunology ได้เผยแพร่บทความงานวิจัยว่า ถ้าเขาใช้ Quercetin ผสมกับวิตามินซี คือแต่ก่อนกิน Quercetin ส่วนหนึ่ง กินวิตามินซีส่วนหนึ่ง แยกกิน แต่ถ้าเอาสองอันนี้มารวมกันในช่วงสถานการณ์การเกิดโรคระบาดแล้ว Quercetin ผสมวิตามินซี จะสามารถร่วมกันทำงานเสริมฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในการต้านไวรัส ควบคุมระบบสมดุลในภูมิคุ้มกันยิ่งกว่าเดิม ถ้ามีวิตามินซีผสมกับ Quercetin ยังช่วยลดผลเสียของ Quercetin ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ Quercetin C ที่ผมแนะนำให้ท่านผู้ชมรับประทาน เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จึงเป็นผลิตภัณฑ์เดียวในประเทศไทยที่เอางานวิจัยล่าสุดมาประยุกต์ ก็คือเอา Quercetin สารสกัดหอมแดง ผสมกับวิตามินซี เข้าไป
ท่านผู้ชมครับ ข่าวร้าย ถ้ากินวิตามินซีแต่เพียงอย่างเดียวก็คือ งานวิจัยในมนุษย์ที่มีอยู่ในหลายประเทศพบว่าถ้าท่านผู้ชมทานวิตามินซี ผสมกับ Zinc สองอย่าง ไม่ได้ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคระบาด และไม่ได้ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อลง เพราะเหตุนี้คือเหตุผลว่าทำไมผมจะต้องเสนอเรื่อง Quercetin ที่ผสมวิตามินซี และผสม Zinc (สังกะสี) ให้ทำงานเสริมฤทธิ์ซึ่งกันและกัน ไม่ได้มีแค่ Zinc อย่างเดียว หรือวิตามินซีอย่างเดียว แต่มีหอมแดง วิตามินซี และ Zinc อยู่ในนี้หมด
ท่านผู้ชมครับ อีกประเด็นหนึ่ง ท่านผู้ชมคงไม่ทราบว่าการบริโภควิตามินซีมากๆ แต่เพียงอย่างเดียว เกินขนาด จะทำให้เกิดอาการท้องร่วง คลื่นเหียน เป็นตะคริวที่ท้อง รวมทั้งไปถึงการทำให้ระดับน้ำตาลต่ำหรือสูงผิดปกติในผู้ป่วยเบาหวาน และในผู้ป่วยที่มีธาตุเหล็กในเลือด อาจจะทำให้มีธาตุเหล็กเกิน ทำลายเนื้อเยื่อในร่างกาย
ท่านผู้ชมครับ แล้ว Zinc ล่ะ สังกะสี คืออะไร ? Zinc (สังกะสี) มันเป็นแร่ธาตุที่สำคัญอย่างยิ่งในการเร่งปฏิกิริยาของเอนไซม์กว่า 100 ชนิด เป็นแร่ธาตุสำคัญมากในกระบวนการระบบภูมิคุ้มกันหลายชนิด ช่วยต้านไวรัส ลดอาการอักเสบ ป้องกันเยื่อบุผิวของทางเดินหายใจ ที่สำคัญก็คือว่า เป็นแร่ธาตุที่ช่วยทำให้ประสาทสัมผัสเรื่องกลิ่นและรสชาติให้เป็นไปตามปกติ ซึ่งตรงกับอาการของโรคระบาดทุกวันนี้ ที่พอติดแล้วจะไม่รู้รสชาติ
มีงานวิจัยชาวสเปน ออกมาในวารสารโภชนาการ ชื่อ Nutrients เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว (2564) เขาค้นพบว่า จากประชากรที่ป่วยโรคระบาด 249 คน อายุเฉลี่ย 65 ปี พบว่าคนที่ตรวจเลือดแล้วพบ Zinc ต่ำกว่า 50 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร จะป่วยเป็นโรคระบาดนี้รุนแรงนานกว่า เสียชีวิตมากกว่า คนที่มี Zinc (สังกะสี) ในกระแสเลือด ซึ่งงานวิจัยนี้สอดคล้องกับงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารการติดเชื้อนานาชาติ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า International Journal of Infectious Diseases ซึ่งได้เผยแพร่ออกมาพฤศจิกายน 2563 พบว่าในกลุ่มประชากรที่แข็งแรงนั้น ถ้าติดเชื้อโรคระบาดนี้ กลุ่มคนที่มี Zinc ในเลือดต่ำจะเสี่ยงกับความรุนแรงของโรค เสี่ยงจาก 30 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ ระยะเวลาที่ป่วยจะเพิ่มจาก 5 วัน เป็น 8 วัน
งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่ง ท่านผู้ชมครับ ผมต้องเอางานวิจัยมาเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง ท่านผู้ชมจะได้เข้าใจว่าทำไมผมถึงแนะนำอันนี้ คณะนักวิจัยในมลรัฐนิวยอร์ก ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ด้านจุลชีววิทยา ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Journal of Medical Microbiology ได้เผยแพร่งานวิจัย กันยายน 2563 สำรวจกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคระบาด 932 คน ที่ใช้ยารักษาปกติ แต่กลุ่มหนึ่งได้รับ Zinc อีกกลุ่มหนึ่งไม่ได้รับ Zinc (คือ สังกะสี) ผลปรากฏว่า การให้อาหารเสริม (Zinc) ในผู้ป่วยนั้น จะทำให้ลดอาการรุนแรงของโรค และลดอัตราการตายได้ หากใช้แต่เนิ่นๆ ให้กับผู้ป่วยที่มีอาการน้อย ไม่รุนแรง หรือไม่แสดงอาการ
ท่านผู้ชมครับ ข้อมูลทั้งหมดที่ผมให้ท่านมา มีหลักฐานพิสูจน์หมด ทำให้ผมเห็นว่า ถ้าเรากิน Zinc เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตั้งแต่ยังไม่ป่วย ไม่ให้ขาด Zinc (สังกะสี) แต่เนิ่นๆ อาจจะดีกว่ากินตอนที่ป่วยแล้ว
ท่านผู้ชมครับ แล้วมันมีงานวิจัยของ Quercetin ก็คือ หอมแดง ตีพิมพ์ในวารสารยานานาชาติ ชื่อ International Journal of General Medicine มิถุนายน ปีที่แล้วนี่เอง เขาได้เอาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Quercetin ผสมกับ เลซิติน (Lecithin) ในขนาด 1,000 มิลลิกรัม ให้กับผู้ป่วยโรคระบาดจำนวน 152 คน รับประทานควบคู่กับการรักษาปกติ ผลว่า 1 เดือนให้หลัง คือว่าถ้าหากเริ่มแรกทานไป จะช่วยลดควาามรุนแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยผู้สูงวัย Quercetin จะลดความรุนแรงมากกว่ากลุ่มผู้ที่อายุมาก 56.2 เปอร์เซ็นต์ มากกว่ากลุ่มที่อายุเฉลี่ย 42.5 เปอร์เซ็นต์
ผมสรุปให้อย่างนี้ดีกว่า ท่านผู้ชม ในการต่อสู้กับโรคระบาด เราต้องพึ่งพาตัวเอง เราต้องสร้างเสริมภูมิคุ้มกันตัวเราเองให้เข้มแข็งที่สุด ผมแนะว่า ถ้าท่านป่วย ท่านทาน ฟทจ. ไปเลยจนไข้ลง แล้วก็เสริมด้วยการกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Quercetin Zinc ผสมวิตามินซี เป็น Quercetin อันเดียวในประเทศไทยที่มี Quercetin ก็คือสารหอมแดง สังกะสี และวิตามินซี อยู่ในตัวเดียวกัน ท่านผู้ชมไม่ต้องไปแยกกิน แค่นี้เอง ไม่ต้องแยกกิน ไม่ต้องกินแต่วิตามินซีอย่างเดียว ท่านผู้ชมกินแค่อันนี้วันละ 2 เม็ด กินพร้อมอาหาร ขวดหนึ่ง 60 เม็ด 1 เดือน ถ้าไม่ป่วยและเป็นผู้สูงวัย นอกจากตัวนี้แล้ว ให้ทานยาลม ๓๐๐ จำพวก เป็นประจำทุกวัน ท่านผู้ชม ผมทานมาแล้ว 11 เดือน และอันนี้ผมก็ทานมาแล้ว ทุกวันนี้ตอนเช้า ตอนทานข้าวเช้า ผมทานทีเดียว 2 เม็ดเลย เพราะฉะนั้นแล้ว คุณพ่อคุณแม่ หรือท่านผู้ชมที่อายุมากแล้ว ถึงจะยังไม่ป่วยก็ทานเป็นประจำได้ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพราะฉะนั้นแล้ว ใครที่มีความเสี่ยง แม้ยังไม่ป่วย ท่านไปในที่ชุมชน มีคนรอบข้างป่วย ก็สามารถกิน Quercetin Zinc และวิตามินซี ควบคู่กันไปกับฟ้าทะลายโจร
ท่านผู้ชมครับ Quercetin Zinc บวกวิตามินซี ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอันเดียวที่มีทั้ง Quercetin คือหอมแดง มีทั้่งสังกะสี และมีทั้งวิตามินซี
ท่านผู้ชมครับ เฉพาะ Quercetin อย่างเดียว ที่ขายกันในตลาด Shopee, Lazada ขวดละร่วมพันบาท นี่ Quercetin ที่มีส่วนผสมของสังกะสี และวิตามินซี ด้วย 800 บาท 60 แคปซูล
ก็มีเท่านี้ล่ะครับท่านผู้ชม ถ้าท่านผู้ชมสนใจ เข้าไปดูที่ Shopee, Lazada พิมพ์คำว่า "สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์" มีคนสั่งเข้ามามาก แต่ผมไม่เคยเล่ารายละเอียดให้ฟัง วันนี้ขอเล่าทุกอย่างที่ผมรับทราบมา และผมทานเป็นประจำ ผมทานเป็นประจำ เหมือนผมทานน้ำขิงเป็นประจำ เหมือนผมทานน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำ ผมไม่กล้ารับประกัน 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ผมทานเป็นประจำ และผมเป็นคนที่มีภูมิคุ้มกันสูงมากๆ หลังจากฉีดวัคซีนแล้ว ผมไปตรวจภูมิคุ้มกัน เมื่อสองเดือนที่แล้ว ที่โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์ที่นั่งตกใจ บอก ลุงทำไมภูมิคุ้มกันลุงถึงสูงมากขนาดนั้น
ท่านผู้ชมครับ เมื่อสามวันที่แล้ว วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ ได้เกิดปรากฏการณ์ทางการเมืองที่ไม่เคยเกิดมาก่อน ท่านผู้ชมครับ ไม่เคยเกิดมาก่อนเลยใน 8 ปี ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้ารัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นในยุค คสช. หรือในยุคหลังเลือกตั้ง มีรัฐมนตรี 7 ท่านของพรรคภูมิใจไทย ลาประชุม เพื่อคัดค้านการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งเป็นวาระที่เสนอโดยกระทรวงมหาดไทย โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นคนเสนอ ทำไมต้องเป็น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ? เพราะว่ากระทรวงมหาดไทยนั้นเป็นผู้กำกับดูแลนโยบายและการทำงานของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แน่นอนที่สุดครับ งานนี้เป็นฝีมือของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง และคนที่เซ็นให้เอาวาระนี้เข้าก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะฉะนั้นแล้ว 3 คน คือ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ก็คือผู้เล่นตัวหลัก 3 ตัว ที่อยู่ในเรื่องนี้
รัฐมนตรี 7 คน ที่ไม่เข้าประชุม มีคุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คุณวีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม คุณทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย คุณพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คุณมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คุณกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หลังจากนั้นแล้ว วันอังคาร ส.ส. พรรคภูมิใจไทย ทั้งหมด ออกมาแถลงข่าวสนับสนุน เห็นด้วยกับรัฐมนตรีทั้ง 7 คน ของพรรค และเมื่อวานซืน ก็คือวันพุธ กระทรวงคมนาคม โดยท่านปลัดกระทรวงคมนาคม ก็ออกมาชี้แจงแถลงถึงการที่ไม่เห็นด้วยกับการที่จะเอาวาระของรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ามา
ท่านผู้ชมครับ ข่าวที่ท่านผู้ชมได้ยินมา จริงๆ แล้วมันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังเยอะ เหตุผลที่พรรคภูมิใจไทยไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี เพราะว่าพรรคภูมิใจไทยต้องการแสดงความไม่เห็นด้วยในกรณีกระทรวงมหาดไทยเสนอวาระเพื่อพิจารณา ขอความเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวของกรุงเทพมหานคร เพื่อขยายสัญญาสัมปทานให้กับบริษัท บีทีเอส ออกไปอีก 30 ปี จากเดิมจะต้องสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2572 ออกไปเป็น พ.ศ. 2602 แลกกับการเก็บค่าโดยสาร 65 บาทตลอดสาย พิจารณาให้ ครม. อนุมัติ ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้นกระทรวงคมนาคมได้แสดงความเห็นคัดค้านต่อการขยายสัญญาสัมปทานมาโดยตลอด คือกระทรวงคมนาคมไม่เห็นด้วยมาตั้งนานแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เพิ่งเข้า ครม. เข้ามาหลายครั้งแล้ว และกระทรวงคมนาคมก็ค้านหัวชนฝา จนกระทั่งไม่มีใครกล้าพิจารณา
ที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ทราบว่าจริงหรือไม่จริง ปรากฏว่าท่านรองฯ วิษณุ เครืองาม ท่านร่างมติ ครม. กลายเป็นว่า คณะรัฐมนตรีรับทราบเรื่อง ไม่ได้บอกว่าคณะรัฐมนตรีมีมติให้ถอนเรื่องนี้ออกไปเพื่อให้ไปทำเรื่องทำราวให้เรียบร้อยเสียก่อนแล้วค่อยเอาเข้ามาอีกที แต่กลายเป็นใช้ภาษากฎหมายเล่นลิ้นว่า "รับทราบ" นัยก็อาจจะแปลได้ ถ้ามันเป็นความจริงนะครับ โอเค การต่อสัญญา คณะรัฐมนตรีรับทราบแล้ว ก็จบแล้ว ขาดแต่ข้อขัดข้องระหว่างกระทรวงมหาดไทย กับกระทรวงคมนาคม ต้องไปคุยกันเอง และนั่นคือสัญญาณที่ทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามจะสื่อออกมา ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ ท่านผู้ชมเห็นหรือยังว่าวิชามารเป็นอย่างไร ผมนี่นึกไม่ถึงว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านรองฯ วิษณุ ถ้าท่านทำอย่างนั้นจริง ท่านจะเป็นคนที่น่ากลัวที่สุดในประเทศไทย น่ากลัวมากๆ
ทีนี้เรากลับมาดูนิดหนึ่งว่า กระทรวงคมนาคมเขาค้านอยู่ประมาณ 4 ข้อ มีอะไรบ้าง ? เขาบอกว่า เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ ความครบถ้วนตามหลักการของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 กระทรวงคมนาคมกำลังบอกว่า การต่อสัญญาสัมปทานนั้นมันไม่ถูกต้อง มันต้องเป็นการร่วมลงทุนใหม่ ก็คือต้องมีการเปิดประมูลใหม่ เสนอเรื่องเข้ามา ไม่ใช่ต่อสัมปทานไปอีก 30 ปี เพราะว่าทางผู้บริหารสายสีเขียวบอกว่า กทม. ติดหนี้เขา 3 หมื่นกว่าล้าน เรื่องหนี้ กทม. กับสายสีเขียว ก็เป็นเรื่องที่เขาทะเลาะเบาะแว้งกัน ก็ต้องไปฟ้องร้องกันเอง แต่ถ้าเข้ามาแล้ว มันจะผิดกฎหมาย เหตุผลก็เพราะว่าเนื้อหาสาระมันไม่ใช่การต่อสัมปทาน เนื้อหาสาระมันคือการต้องเสนอเพื่อเข้า พ.ร.บ. ร่วมลงทุน
ข้อที่สองที่พรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วยก็คือ ราคา 65 บาท มันไม่ใช่ราคาที่เป็นธรรมและเหมาะสมแก่ผู้ใช้บริการ เพื่อส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยมาใช้บริการ แล้วก็ไม่รู้ว่า 65 บาท มาจากไหน กระทรวงคมนาคมบอกว่าจริงๆ แล้วสามารถ ถ้ากระทรวงคมนาคมทำเอง ราคาค่าโดยสารไม่น่าจะเกิน 40 บาท ห่างกัน 25 บาท ก็เป็นตัวเลขที่เยอะนะ
ประเด็นข้อที่สามที่กระทรวงคมนาคมค้าน คือ การใช้สินทรัพย์ของรัฐที่ได้รับโอนจากเอกชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรพิจารณาให้เกิดความถ่องแท้ถึงการใช้สินทรัพย์ว่ารัฐควรได้ประโยชน์จากการขยายสัญญาสัมปทานเป็นจำนวนเท่าไร อย่างไร จนกว่าจะครบอายุสัญญา ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำอะไรทั้งสิ้นจนกว่าจะครบอายุสัญญา เพราะเมื่อครบอายุสัญญาแล้ว ถ้ามีการพิจารณาว่าทางผู้ประกอบการต้องยกส่วนที่ปฏิบัติการอยู่ให้กับ กทม. ให้กับรัฐ และรัฐจะใช้มันให้คุ้มค่าอย่างไรบ้าง แล้วเราค่อยาพิจารณาถึงส่วนต่อ ก็คือจริงๆ แล้วมันมี 3 ส่วน ส่วนนี้ ส่วนต่อ แล้วตรงกลางก็คือตัวที่มีสัมปทานอยู่ปัจจุบัน และจะหมดสัญญาในอีก 7 ปี กระทรวงคมนาคมก็บอกว่า เอาอย่างนี้สิ ทำไมไม่มาพิจารณาว่า ถ้าหมดสัญญา 7 ปีแล้ว ส่วนนี้ที่เอกชนต้องยกให้กับรัฐ รัฐจะทำอย่างไรกับมันให้เกิดประโยชน์ที่สุด
ประเด็นข้อที่สี่ คือข้อพิพาททางกฎหมายซึ่งเกิดขึ้นจากกรณี กทม. ได้ทำสัญญาจ้างเอกชนเดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ไปจนถึงปี 2585 และได้มีการไต่สวนข้อเท็จจริงของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพราะฉะนั้นสมควรที่จะรอผลการไต่สวนข้อเท็จจริงก่อน ให้เกิดความชัดเจน โดยกระทรวงคมนาคม ขอให้ กทม. ชี้แจงใน 4 ประเด็นนี้ก่อน
ท่านผู้ชมครับ ที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พูดออกมา เรื่องนี้ยังไม่ทันคุยกันให้รู้เรื่องเลย เอาเข้ามาทำไม นัยก็คือเอาเข้ามาลักไก่ ท่านผู้ชมครับ ก็คือพูดง่ายๆ ว่า คำถามที่กระทรวงคมนาคมตั้งคำถาม แต่อาจจะไม่ได้ตั้งคำถามถามโดยตรง ได้มีการยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริงว่าที่ทำสัญญาจ้างเอกชนเดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 กทม. เอาหลักการทางกฎหมายอะไรมาตัดสินตรงนี้ หรือว่า กทม. หรือว่าผู้ใหญ่ใน กทม. รวมไปจนถึงผู้ใหญ่ในกระทรวงมหาดไทย ได้รับผลประโยชน์จากผู้บริหาร หรือภาคเอกชน คือของที่จะต่อไป ทั้งส่วนนี้ กับตรงนี้ ตรงกลางมีอยู่แล้วเป็นสัมปทาน แล้วมาต่อต้น แล้วต่อปลาย ตรงนี้ กทม. เอาหลักกฎหมายอะไรมาใช้ จู่ๆ คุณให้เขาต่อโดยที่สัมปทาน เอาล่ะ สมมุติว่าเป็นสัมปทาน ก็ยังไม่ได้รับการอนุมัติ มิหนำซ้ำแล้วมันไม่ใช่สัมปทาน ถ้าจะทำอย่างนั้นแล้วมันต้องเป็นการร่วมทุนตามพระราชบัญญัติการร่วมทุน แล้ว กทม. ภายใต้การบริหารงานของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อนุมัติไปได้อย่างไรตรงนี้
นี่คือ 157 คุณอัศวิน ต้องโดน 157 และที่สำคัญที่สุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เห็นด้วยกับ พล.ต.อ.อัศวิน ได้อย่างไร นี่คือ 157 เช่นกัน
ท่านผู้ชมครับ เหมือนกับที่การทางพิเศษฯ หรือใครก็ตามที่เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ อนุญาตให้เอกชนทำอย่างนี้ๆ แต่ว่ายังไม่มีผลทางกฎหมาย แล้วก็ได้ประกาศให้ทางเอกชนนั้นเดินรถไปก่อน โดยให้เอกชนลงทุนไปก่อน เอกชนลงทุนไป เดินรถไป ปรากฏว่าโดยที่ยังไม่ได้มีสัญญาอะไรออกมาเป็นรูปธรรม ตั้งแต่เดือนเมษายน 2560 ถึงวันนี้ เอกชนมีหนี้ค่าจ้างเดินรถ โดยที่ให้ใช้บริการฟรีแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง และเป็นหนี้ที่เอกชนลงทุนซื้อระบบการเดินรถไฟฟ้าและเครื่องกล รวมหนี้สะสมแล้ว 37,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นหนี้ค่าจ้างเดินรถ 12,000 ล้านบาท หนี้ค่าซื้อระบบการเดินรถไฟฟ้าและเครื่องกล 20,000 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยอีก 5,000 ล้านบาท ก็เป็น 37,000 ล้านบาท
ตลกไหมท่านผู้ชม งานนี้ผมไม่ตำหนิเอกชน ผมว่ามันมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลกับกรุงเทพมหานคร ท่านผู้ว่าฯ อัศวิน ขวัญเมือง ท่านต้องตอบคำถามนี้ เพราะมันเกิดขึ้นในยุคท่าน ปี 2560 ก็คือส่วนที่สัญญายังไม่หมด 7 ปี จู่ๆ ท่านก็บอกเอกชน บอกให้ต่อหัว ต่อท้าย ต่อได้ เอกชนก็ลงทุนให้ พอลงทุนให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ต้องการหาเสียงไง ให้คะแนนเสียงตัวเองดี ก็บอกว่า เอ้า ให้เดินฟรีไป 1 ปี คำถามคือ ท่านตัดสินใจบนพื้นฐานอะไร มีอะไรมารองรับที่ถูกกฎหมาย ในการให้เอกชนทำต่ออย่างนี้ได้ ? ไม่มี ด้วยเหตุนี้ถึงมีการพยายามที่แปลงสัญญาสัมปทานให้เป็นสัญญาร่วมทุน โดยไม่เข้าพระราชบัญญัติการร่วมทุน
ท่านผู้ชมครับ ระหว่างสัมปทาน กับการร่วมทุน มีข้อแตกกต่างกันเยอะมาก ไม่ใช่ต่อขยายสัมปทาน ซึ่ง กทม. และกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ท่านผู้ชมจำชื่อคนๆ นี้ไว้แม่นๆ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา คนนี้ก็อีกเช่นกัน ท่านผู้ชมจำชื่อไว้ให้แม่นๆ พยายามบิดเบือนว่าเป็นการต่อขยายสัมปทาน ประโยชน์ที่รัฐและประชาชนได้รับต่างกันมาก ระหว่างต่อขยายสัมปทาน กับการร่วมทุน ต่างกันมากท่านผู้ชม เหมือนกับที่กระทรวงคมนาคมพูดออกมา ฟันธงเลยว่า ถ้าเป็นกระทรวงคมนาคมทำ โดยที่สัญญาที่เหลือ 7 อีกปีของเอกชนนั้นหมดไป แล้วกระทรวงคมนาคมทำ ค่าโดยสารไม่น่าจะเกิน 40 ปี
อีกเรื่องหนึ่ง ท่านผู้ชมครับ กทม. ให้ รฟม. เป็นคนลงทุนในการก่อสร้าง ในการเวนคืนที่ดิน ทั้งหมดเบ็ดเสร็จร่วม 5 หมื่นล้าน นี่ กทม. ยุค พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง กำลังจะทำให้สถานภาพการเงิน กทม. พินาศฉิบหาย ค้าง รฟม. อยู่ 5 หมื่นล้าน ค้างเอกชน 37,000 ล้าน เบ็ดเสร็จ 87,000 ล้าน คุณอัศวิน จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายเขา นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับคุณอัศวิน ตัดสินใจให้เขาทำช่วงที่ 1 ตอนปลาย ช่วงที่ 2 ตรงกลางยังอยู่ในสัมปทานทำอยู่แล้ว คุณใช้กฎหมายข้อใดมารองรับการที่อนุญาตให้เขาต่อ ถ้าคุณอนุญาตแล้วคุณจะต้องเอาเรื่องนี้เข้า ครม. ทำไม แสดงว่าสิ่งที่คุณอนุญาตนั้น มันผิดกฎหมายใช่ไหม แล้วคุณอนุพงษ์ ก็เอากับเขาด้วย ท่านผู้ชม ที่ผมรู้ว่าเรื่องนี้มีการพยายามเอาเข้า ครม. หลายครั้งแล้ว แม้กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ เอง ก็ยังเปรยกับคนที่เกี่ยวข้องว่า เฮ้ย เรื่องกรณีสายสีเขียวผ่านๆ ไปเถอะ ก็ปรากฏว่าคุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็นคนดีมาก ผมไม่รู้ว่าคุณประยุทธ์ รู้หรือเปล่า
ทีมงานข่าวผู้จัดการเคยไปสัมภาษณ์คุณศักดิ์สยาม ทุกคำพูด ทุกประโยค จะบอกว่าเป็นนโยบายท่านนายกฯ บอกมา ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เป็นวิธีการทำงานของคุณศักดิ์สยาม แล้วถ้าทำได้สำเร็จก็บอกว่านี่คือผลงานท่านนายกฯ เคารพ พล.อ.ประยุทธ์ ตลอดเวลา เขาให้เครดิต พล.อ.ประยุทธ์ ทุกๆ เรื่อง แม้กระทั่งสนามบินเบตง ที่กำลังจะเปิดเร็วๆ นี้ ที่คุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับคุณศักดิ์สยาม ใช้เครื่องบินส่วนตัวบินไปดูสนามบินว่าพร้อมจะเปิดไหม คุณศักดิ์สยาม ยังพูดเลยว่า เป็นนโยบายท่านนายกฯ เป็นคนที่ให้เกียรติท่านนายกฯ มาก แต่พอมาถึงเรื่องนี้คุณศักดิ์สยาม บอกว่า ถ้าท่านจะเอาเข้า แล้วท่านจะขอให้ผ่าน ผมไม่ขัดข้อง ให้ ครม. ผ่านไป แต่ผมไม่เข้าประชุมด้วยนะ เพราะคุณศักดิ์สยาม และพรรคภูมิใจไทย รู้ว่าถ้าผ่านไปแบบที่ท่านนายกฯ ต้องการ หรือ พล.อ.อนุพงษ์ ต้องการ หรือสิ่งที่คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ต้องการ แอบเชียร์ว่าให้ผ่าน โอกาสรัฐมนตรีติดคุกในอนาคตมีสูงมาก
ผมขอเตือนก่อนนะครับ ทุกอย่างเป็นอนิจจังหมด ทุกอย่างเป็นเรื่องสมมุติ วันนี้คุณเป็นรัฐมนตรี วันนี้คุณเป็นนายกรัฐมนตรี วันหน้าคุณก็ไม่ได้เป็น พอคุณไม่ได้เป็นแล้ว เขาดึงเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วถ้า ป.ป.ช. ไม่ใช่คนของคุณ เขาก็สอบคุณผิด 157 กันทั้งนั้น จริงๆ แล้ว IO ของท่านนายกฯ และ IO ของภาคเอกชน เชียร์กันนักกันหนา อธิบายว่าเส้นสีแดงนี้มันระยะทางแค่นี้ แต่มันก็ยังสั้นกว่าสีเขียว แต่ก็ยังตั้งราคาแพง ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น เส้นสีแดง เส้นสีเขียว สิ่งแวดล้อมไม่เหมือนกัน เหมือนกับคุณจะสร้างทางที่หนึ่ง ระหว่างคุณสร้างทางต้องผ่านเมือง และคุณต้องเวนคืนที่ดินราคาแพงมาก กับคุณสร้างทางที่ผ่านตามชายขอบเมือง ที่ดินมันถูกกว่า เพราะฉะนั้นแล้วค่าใช้จ่ายมันต่างกันมาก
ผมนี่ภาวนา จริงๆ ผมอยากให้มันผ่านนะ ผมอยากให้คุณอนุพงษ์ ได้ในสิ่งที่ท่านต้องการ พล.ต.อ.อัศวิน ได้ในสิ่งที่ท่านต้องการ คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ได้ในสิ่งที่ท่านต้องการ เพราะว่าภาคเอกชนก็สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เต็มตัว ไปดูสิครับ มีป้ายโฆษณาของ ดร.เอ้ ซึ่งเดี๋ยวผมจะพูดต่อ อยู่ BTS 450 ป้าย เดี๋ยวเราจะพูดเรื่องนี้ต่อไป แสดงว่าสายสัมพันธ์ของภาคเอกชนที่บริหาร BTS กับพรรคประชาธิปัตย์ คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ มีความแนบแน่นสนิทสนทกัน ไม่อย่างนั้นจะมีป้ายโฆษณา 450 ป้าย ได้อย่างไร หรือว่าพรรคประชาธิปัตย์จ่ายเงิน ? ผมไม่เชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีวันที่จะจ่ายเงินอะไรทั้งสิ้น ขนาดคนของพรรคประชาธิปัตย์ตายเพราะโรคมะเร็ง ภรรยาซึ่งเป็นแม่หม้ายขอให้ช่วย ยังไม่ช่วยเขาเลย
ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง แต่ที่มันมีนัยอันหนึ่งที่ผมต้องพูด นัยที่เป็นสึนามิทางการเมือง คืออย่างนี้ ท่านนายกฯ ท่านอาจจะมองว่าพรรคภูมิใจไทยมันก็คือหมาชิวาว่า เรียกให้มาก็มา ไล่ให้ไปก็ไป เหมือนกับการยึดอำนาจของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล จากอำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้ามารวบเป็น Single Command ใน ศบค. โดยท่านนายกฯ เป็นคนยึดมา คุณอนุทิน ก็ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เอ้า ท่านอยากเอาไป ก็เอาไป เงียบ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ไม่เหมือนพรรคประชาธิปัตย์ที่ต่อรองเรียกร้องทั้งๆ ที่มี ส.ส. น้อยกว่าพรรคภูมิใจไทยครึ่งหนึ่ง ท่านนายกฯ ก็ยอม
หน้ากากอนามัยที่หายไป พอสอบเข้าจริงๆ กวาดขยะเข้าใต้พรม ไม่ยอมบอกว่าฝีมือใคร ทั้งๆ ที่คนวงนอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร ท่านผู้ชมจำได้ไหมหน้ากากอนามัยเป็นล้านๆ อันที่หายไป ที่ท่านายกฯ ฮึดฮัด ขึงขังว่าจะปราบ ปรากฏว่ามันก็คือการผายลมออกมานั่นเอง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เพราะฉะนั้นแล้ว วันนี้พรรคภูมิใจไทยก็เลยหักท่านนายกฯ เต็มๆ มิหนำซ้ำเอาพรรคทั้งพรรคมาแถลงว่าเห็นด้วย ท่านนายกฯ เป็นคนขี้กลัว ท่านเห็นว่านี่มันของจริง ถอยดีกว่า อันที่สอง พรรคภูมิใจไทยตบหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้รู้ว่าคุณมันเด็กน้อย มีเสียงอยู่ยี่สิบกว่าเสียง มาทำซ่า สนับสนุนให้ผ่าน ถึงแม้ว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ได้เข้าประชุม ครม. ก็ให้ผ่าน ให้ ครม. ผ่านไป ผมนี่ภาวนา ทำไมคุณไม่ปล่อยให้ผ่านล่ะ สาธุ!!! ผมอยากให้ผ่าน ผมยังไม่ตายหรอก และผมจะได้ดูคนที่จะต้องติดตะรางในอนาคตกัน เป็นทั้งอดีตพลเอก เป็นทั้งอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง เป็นทั้งคนที่อยู่ใน ครม. ทำไมท่านไม่ผ่านกันล่ะ โธ่! ไม่แน่จริง ท่านผ่านสิ ท่านก็ไม่กล้าผ่าน เพราะท่านตีกินในตอนเผลอกัน ท่านผู้ชมครับ นี่คือเบื้องหลังทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเรื่องนี้
ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมจะพูดต่อไปนี้อาจจะเป็นเรื่องเก่าสำหรับท่านผู้ชมบางท่าน แต่สำหรับผมแล้ว ผมจะพูดอีกมิติหนึ่ง คือผมจะพูดถึงเรื่องคนสองคนที่มีความเหมือนในความต่างกันมากๆ คนแรกคือ คนที่ชื่อสมปอง ที่มาจากวงการศาสนา อีกคนหนึ่งคือ ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ที่มาจากวงการศึกษา จริงๆ แล้วทั้งสองคนไม่น่าจะถูกนำมาพูดรวมกัน หรือเปรียบเทียบกันได้เลย แต่ท่านผู้ชมครับ ผม สนธิ ลิ้มทองกุล ผ่านโลกมามากแล้ว จนกระทั่งผมกลายเป็นคนที่มีฉายาว่า "ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง" ก็เลยอยากเอาข้อมูลและมุมมองในฐานะคนที่อายุมากแล้วมาเล่าสู่กันฟังในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"
คนแรกก่อน คือ นายสมปอง นครไธสง ที่ประกาศว่า พระมหาสมปอง ตายไปแล้ว ลาสิกขาออกมาเมื่อสิ้นปี 2564 สึกมาแค่ 40 วัน ก็มีดรามาไม่แพ้กับอดีตพระมหาไพรวัลย์ หรือ นายไพรวัลย์ วรรณบุตร เป็นคู่หู 2 พส. กันมาตั้งแต่อยู่วัดสร้อยทอง ดรามาของนายสมปอง ถ้าเป็นภาษาคนทางโลก เขาเรียกว่าเป็นคนที่ครบเลยนะ ทั้งรัก โลภ โกรธ หลง ไม่ว่าจะเป็น ข้อที่หนึ่ง เมื่อสึกออกมาใหม่ๆ ก็ให้สัมภาษณ์ว่าแอบรักดารา คือ บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี มาตั้งแต่สมัยยังเป็นพระสงฆ์ มีภาพถ่ายสาวๆ มานั่งตัก จนบุ๋ม ต้องออกมาด่าอ้อมๆ ว่าให้ตั้งสติ ให้นำสิ่งที่ศึกษาธรรมมาใช้ประโยชน์
ข้อที่สอง ต่อมาก็เล่นบทนักเลง ท้าชกกับศรีสุวรรณ จรรยา เพราะอยากจะชำระแค้นที่พี่ศรี ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นพระแต่ทำไมแสดงความสนใจในเรื่องธุรกิจ เหมือนมีเงินทองเก็บอยู่มากมาย แต่พอโดนกระแสต้านเข้ามากๆ ก็เลยต้องออกมาขอโทษขอโพย
ข้อที่สาม จากนั้นก็สร้างดรามากรณียกเลิกสัญญาการทำรายการกับเจ๊ติ๋ม ทีวีพูล หรือนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย ดรามาความขัดแย้งนี้มันสะท้อนให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของนายสมปอง เพราะจู่ๆ นายสมปอง นครไธสง โพสต์คลิปผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจตัวเองว่า ขอยุติการเป็นพิธีกรรายการ 3 รายการ ที่สร้างโดยทีวีพูลกรุ๊ป หลังจากที่ทิดสมปอง ได้โพสต์คลิปดังกล่าว ติ๋ม ทีวีพูล กับลูกชายที่ชื่อฮ่องเต้ ก็ได้ตั้งโต๊ะแถลงโต้กันไปโต้กันมา
ท่านผู้ชมครับ ประเด็นหลักๆ เพื่อเตือนความจำท่านผู้ชม หรือท่านผู้ชมอาจจะจำไม่ได้ ข้อที่หนึ่ง ใครเข้าหาใครก่อน นี่สำคัญมาก ติ๋ม ทีวีพูล บอกว่าทิดสมปอง เดินเข้ามาหาเอง เหมือนลูกนกที่ไม่มีที่พึ่ง ในฐานะที่เจ๊ติ๋ม เคยเป็นสายบุญ ก็เลยอยากช่วย ชวนมาอยู่ด้วย ผมเอารูปให้ดูก็แล้วกัน รูปที่มหาสมปอง ยังเป็นพระ นั่ง แล้วเจ๊ติ๋ม นั่งพับเพียบอยู่ข้างๆ มหาสมปอง และอีกรูปหนึ่งกลายเป็นเจ๊ติ๋ม นั่งอยู่ แล้วมหาสมปอง หรือนายสมปอง ก็นั่งพับเพียบทำตัวเป็นลูกศิษย์ลูกหาของเจ๊ติ๋ม
เจ๊ติ๋ม ก็เลยบอกว่า เอามา สงสาร เห็นนกที่หมดที่พึ่งก็เลยเข้ามาอุปการะ ให้เงินทองไปรีโนเวตบ้านและห้องที่อยู่เพื่อทำเป็นสำนักงาน นายสมปอง ก็เลยสวนกลับมาว่าเรื่องที่เข้าอยู่บ้าน ไม่ได้ไปขอ ก็คือพูดง่ายๆ ว่า คุณเสนอเองนะ มีบ้านให้อยู่ ออฟฟิศต่างๆ ก็เห็นมีน้ำใจมา ผมก็บอก ได้ครับ ติ๋มก็เลยสวนกลับว่า ขอเสื้อผ้า คอสตูม ราคาแพง ซื้อ Lacoste ไปเยอะ หมดไป 8 หมื่นกว่าบาท เสื้อยืด UNIQlO อีก 3 หมื่นกว่าบาท
เสื้อยืด UNIQlO ผมนี่เป็นแฟน UNIQlO นะ 3 หมื่นกว่าบาทน่าจะเป็นหลายร้อยตัวเลยนะ สมปอง ก็บอกว่า เรื่องเสื้อผ้า 8 หมื่นกว่าบาท ผมไม่ได้รู้ขนาดนั้นว่าอะไรถูก อะไรแพง ผมใส่อะไรก็ได้ แล้วผมก็ได้ไลฟ์ตอบแทนไปให้แล้ว ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ทำงานให้เรียบร้อยแล้ว
ข้อที่สาม สมปอง อยากรวยเร็ว คบคนสีเทา คบแม่ค้าออนไลน์ ติ๋มก็บอกว่า จุดแตกหักเพราะสมปอง คิดอยากรวยเยอะๆ ก็จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเงินสีเทา เจ๊ติ๋ม ก็เลยเตือนให้ระมัดระวัง คบคน รวมทั้งคบแม่ค้าออนไลน์ สมปอง บอกว่าเรื่องคบเพื่อน คบคน ขออนุญาตตัดสินใจไตร่ตรองเองว่าจะคบใคร ถ้าอยากรวยจริงๆ คงไม่บวชเป็นพระ เรื่องธุรกิจสีเทาไม่ได้ยุ่ง ส่วนคบคนจะสีเทาไหม ก็อาจจะไม่ได้เช็กประวัติอะไรขนาดนั้น
เรตค่าตัวสมปอง สูงกว่าดารา ติ๋ม ทีวีพูล บอกว่าให้ค่าตัวทิดสมปอง แพงกว่าดารา ให้คิวละ 5 หมื่น ถึง 1 แสนบาท ทั้งหมดได้เงินเดือนๆ ละ 2 แสน 5 หมื่นบาท เซ็นสัญญา 2 ปี ยังไม่นับกับเงินจำนวน 1 ล้านบาท ที่ใช้หนี้ให้ แต่สมปอง ก็เอาเรตของเขา ไปเทียบกับเรตการรีวิว การรีวิวของเขาครึ่งชั่วโมง เรตของเขาคือ 1.5 แสน ถ้าหนึ่งชั่วโมงคือ 3 แสน ผมก็เลยเอาตัวอย่างไลน์เรตงานจริงที่ทีมทีวีพูลนำทิดสมปอง ไปเสนอให้ลูกค้า
"ตอนนี้ทีวีพูมาดูแลเรื่องงานให้ทั้งหมด น่าเอามาทำคอนเทนต์นะ กระแสมาเลยตอนนี้ จะทำไวรัล คอนเทนต์ ไลฟ์สด ในโซเชียล หรือถ้ารายใหญ่อยากได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ คุยได้ ราคามิตรภาพค่ะ มหาสมปองนะคะ" คนตอบก็บอกว่า "Hellooo พี่ ยังไงนะครับพี่" - "ก็ถ้าอยากเอามหาสมปอง ทำคอนเทนต์หรือไลฟ์สดนะคะ" - "จริงจิพี่ แกคิดกี่บาท" - "ไลฟ์สดคิด 200,000 ครึ่ง ชม. - 1 ชม. แชร์ได้ลิงก์ให้เพิ่มในเพจทีวีพูล" - "ป๊าดดด" - "กระแสดีมากๆ" นี่คือตัวอย่าง
ข้อที่ห้า แตกหักเพราะว่ามีข้อกล่าวหาว่าเป็นเรื่องชู้สาวของคนอายุสี่สิบกว่า สี่สิบต้นๆ กับสาวอายุมากแล้ว อายุ 65 แล้ว ดูหน้าเอาเองก็แล้วกันท่านผู้ชม ผมเอารูปให้ดู
อีกมุมหนึ่งโลกโซเชียลก็ตั้งข้อสังเกตว่า การแตกหักของติ๋ม ทีวีพูล กับ ทิดสมปอง เป็นไปได้ไหมว่าเป็นเรื่องชู้สาว เพราะล่าสุดมีคลิปหลุดออกมาถึงความสนิทสนมระหว่างทิดสมปอง กับ เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ถึงขั้นเล่นน้ำในสระด้วยกัน ถึงเนื้อถึงตัว จับมือถือแขน ลูบท้องกันแบบสนิทสนม เจ๊ติ๋ม ก็ชี้แจงว่า มีการว่ายน้ำในสระน้ำด้วยกัน แต่ภายหลังทั้งคู่ออกมายืนยันว่าไม่มีเรื่องชู้สาวใดๆ ท่านผู้ชมครับ ความจริงเป็นอย่างไรผมไม่ขอพูด ผมไม่ทราบ แต่ทั้งเจ๊ติ๋ม และคุณสมปอง คงรู้กันดี
ข้อที่หก หนี้สิน 10 ล้าน 9 แสนบาท มาจากการซื้อที่ดิน ติ๋ม ทีวีพูล บอกว่าทิดสมปอง สึกมาพร้อมหนี้ เพราะไปลงทุนทำสวนยางพารากับครอบครัว กู้หนี้นอกระบบมา หนี้ทั้งหมด 10 ล้าน 9 แสน จากการไปซื้อที่ดิน ส.ป.ก. 300 ไร่ เรื่องนี้ก็เลยทำให้คนสงสัยว่าถ้าไปซื้อที่ ส.ป.ก. 300 ไร่ จริง จะมีความผิดหรือเปล่า ที่ดินผืนนี้อยู่บริเวณรอยต่อเขต ส.ป.ก. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว และเขตป่าสงวนแห่งชาติ ใน อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ งานนี้ไม่ต้องรอนาน คู่อาฆาต พี่ศรี หรือศรีสุวรรณ จรรยา ก็ยื่นหนังสือไปที่เลขาธิการ ส.ป.ก. อธิบดีกรมป่าไม้ ให้ตรวจสอบทันที ก็ปรากฏว่าในที่สุดแล้ว ผลก็ออกมาแล้วว่า ชื่อเจ้าของที่ดินนั้นก็คือแม่ของสมปอง ซึ่งนอนติดเตียงอยู่ เพราะสมปอง อ้างว่า ที่ดินดังกล่าวไม่ได้ซื้อเป็นชื่อตน แต่เป็นญาติยืมเงินไปซื้อ
ในที่สุดแล้ว เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่จะต้องไปจบกันที่โรงที่ศาล น่าเสียดาย เพราะว่าถ้าเป็นที่ๆ รุกป่าสงวนตามที่แจ้งมา ถ้าเป็นเชื่อของแม่ของทิดสมปอง แม่ทิดสมปอง ก็จะต้องติดคุกติดตะราง ฟันธงไปได้เลยท่านผู้ชม
คำถามคือ การที่พระนำเงินที่ได้จากการเป็นพระ ให้ญาติยืมไปซื้อที่ดินนั้น ถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัยหรือไม่ ธรรมะของพระพุทธองค์สอนให้เราสละ ละทิ้ง แต่พระหลายรูปทุกวันนี้ ไม่ใช่เฉพาะสมปอง ยิ่งบวชยิ่งรวย นอกจากนั้น ยังมีคลิปเก่าของสมปอง ที่สมปอง ให้สัมภาษณ์เมื่อ 30 ธันวาคม 2564 เดือนกว่าๆ ที่แล้วนี่เอง หลังสึกออกมา บอกบางช่วงบางตอนว่าหนี้ 20 ล้าน มาจากการสร้างโรงเรียน สร้างสนามกีฬา ให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนตามที่ต่างๆ แต่พอมาตอนนี้ บอกว่าญาติยืมเงินไปซื้อที่ แถวบ้านผมเขาเรียกว่า ทิดสมปองตอแหล ใช่หรือเปล่า
เรื่องราวต่างๆ นี้มันก็เลยทำให้คนโยงกลับไปตอนที่เป็นพระว่า บวชมา 30 พรรษา เรียนมาถึงเปรียญ 7 ประโยค ไม่ได้เข้าใจในหลักธรรมเลยหรืออย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมันตรงกันข้ามกับที่ตัวเองเรียนมาในเรื่องหลักธรรม แล้วมาบอกว่าตัวเองตายไปแล้ว พระมหาสมปอง ตายไปแล้ว ตอนนี้เป็นฆราวาส อยากใช้ชีวิตให้เต็มที่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นในยุคที่ทิดสมปอง ยังเป็นพระอยู่ แล้วก็โกหกหน้าด้านๆ อย่างนี้ ก็ถามว่า 30-40 ปี ที่ท่านบวชเป็นพระมา มันไม่มีความหมายเลยแม้แต่นิดเดียวใช่ไหม ก็คือใช้ผ้าเหลืองมาคุ้มครองตัวเอง แล้วก็สร้างภาพ
ท่านผู้ชมครับ ผมจะเปรียบเทียบคนอย่างนายสมปอง กับ นายไพรวัลย์ กับ แพท วรยุทธ บุญทองนุ่ม อดีตนักร้องวงพาวเวอร์แพท เขาโดนจำคุกข้อหายาเสพติด 16 ปี แต่พอแพทออกมาแล้ว ดูเป็นคนมีธรรมะในหัวใจ มากกว่าคนที่บวชเรียนมาแล้ว 20-30 ปีอีก สมปองบวช 30 พรรษา ไพรวัลย์บวช 18 พรรษา แพท พาวเวอร์แพท ติดคุก 16 ปี ระหว่างคนที่ออกมาจากวัด กับคนที่ออกมาจากคุก ทำไมการวางตัวมันต่างกันเหลือเกิน แพทอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่มีปัญหากับใคร ก้มหน้าก้มตาทำงานที่ตัวเองรัก และโอกาสที่สังคมมอบให้แพทอย่างเต็มที่
ผิดกับคนที่ออกมาจากวัดอย่างลิบลับ ตัวเองก็ออกมาแก้ตัวว่า เลิกเอาจีวรมาคลุมที่ตัวผมเสียที ผมสึกมา 40 วันแล้ว มหาสมปองตายไปแล้ว ตอนนี้ผมคือ สมปอง นครไธสง ผมอยากแยกออกให้ชัดเจน ลืมมหาสมปองไปได้แล้ว ให้เวลาผมได้เรียนรู้กับโลกใบนี้ ผมอยากใช้ชีวิตวัยรุ่น วัยกลางคน เหมือนคนทั่วไป ให้ผมได้ใช้บ้างเถอะ
เมื่อพูดถึงบทเรียนเกี่ยวกับแสง และ เกราะผ้าเหลืองหุ้มกายของทิดสมปอง สมปอง นครไธสง แล้วผมจะคิดถึงอีกคนไม่ได้ นั่นคือ ดร.เอ้ หรือคุณสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ปัจจุบันลาออกเพื่อมาเล่นการเมือง มาลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ยังไม่รู้ว่าจะได้เลือกตั้งกันเมื่อไร
ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือที่เรียกว่า ดร.เอ้ เป็นคนที่ผมเสียดายมากๆ เป็นคนหนุ่ม คนรุ่นใหม่ โปรไฟล์ดี เรียนวิศวะ จบปริญญาเอกจาก MIT จบที่เดียวกับหลานสาวผม ดร.พิมพา ลิ้มทองกุล กลับมาเป็นอาจารย์ เป็นศาสตราจารย์ตั้งแต่อายุสามสิบกว่าๆ ยังไม่สี่สิบปี ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี สจล. ลาดกระบัง เป็นอยู่ 6 ปี ยังเป็นถึงนายกสภาวิศวกร เป็นประธานในที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย มีคนชื่นชมมากมาย เป็นเรื่องธรรมดาของคนหนุ่มเรียนเก่ง จบสถาบันชั้นนำของอเมริกา เป็นอธิการบดีหนุ่มอนาคตไกล ซึ่งผมเชื่อว่า ดร.สุชัชวีร์ คงคิดว่าถ้าลงการเมือง อนาคตคงไปไกลแน่ เพราะว่าคนเก่งแบบนี้มีแต่คนต้องการ
แต่พอเอาเข้าจริง และคนประเภทนี้ที่มีชื่อเสียง มักจะเป็นเหยื่อของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งสองฝ่ายเป็นคู่หูดูโอ้ที่เข้าหากันซึ่งกันและกันได้ดีมาก เพราะพรรคประชาธิปัตย์ต้องการคนดัง ดร.เอ้ ก็คงเป็นคนหิวแสง และพรรคประชาธิปัตย์ก็ส่งเสริมเพิ่มแสงให้กับ ดร.เอ้
แต่พอเริ่มก้าวเท้าลงบนถนนการเมือง ก็เจอประเด็นที่ทำให้ไปไม่ถูก ฉายาตอนนั้นคือ "เอ้ ไอน์สไตน์" มันคืออะไร ? เพราะ ดร.เอ้ อ้างว่าอาจารย์ที่ปรึกษาที่ MIT เป็นหลานแท้ๆ ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก ทำให้ตัวเองถือว่าเป็นทายาทไอน์สไตน์เช่นกัน ทีนี้มติชนเขาไม่เชื่อ เขาก็เลยอีเมลไปถาม ดร.เฮอร์เบิร์ต ไอน์สไตน์ ดร.เฮอร์เบิร์ต บอกว่า เขาไม่ใช่หลานไอน์สไตน์ กลายเป็นว่า ดร.เอ้ ต้องการแสง ปั้นน้ำเป็นตัวว่าตัวเองเรียนกับหลานของ ดร.ไอน์สไตน์
ที่สำคัญที่สุด วันที่มีการเปิดหมวก แล้วดูรายละเอียดของ ดร.เอ้ ดร.สุชัชวีร์ เนื่องจากว่าตัวเองลงมาเล่นการเมือง ทรัพย์สินตอนที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดี เดิมทีมีอยู่ 44 ล้านบาท เพิ่มมาเป็น 74 ล้านบาท แล้วภายใน 1 ปี เป็น 342 ล้านบาท คือตอนก่อนจะเข้ามาดำรงตำแหน่งอธิการบดี ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินไว้เพียง 44 ล้านบาท 19 กันยายน 2563 มีทรัพย์สินเพิ่มเป็น 74 ล้านบาท เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ 1 ตุลาคม 2564 ปีเดียว ลาออกจากอธิการบดี สจล. ยื่นแจ้งบัญชีทรัพย์สินฯ ว่าทรัพย์สินเพิ่มเป็น 342 ล้านบาท เป็นของตัวเอง 141 ล้านบาท
หรือพูดง่ายๆ ว่าเพิ่มจากเก่า 100 เปอร์เซ็นต์ เท่าตัว ภรรยาซึ่งเพิ่งจดทะเบียนเมื่อปี 2563 มูลค่า 200 ล้านบาท และภรรยานั้นได้รับการแนะนำจากคุณสราวุธ เบญจกุล ซึ่งกำลังมีเรื่องมีราวอยู่ในแวดวงตุลาการ ข้อหาการก่อสร้างศาลที่ตลิ่งชันมีเงื่อนงำ และถูกตุลาการหลายท่านเข้าชื่อร้อง ป.ป.ช.
หลังจากนั้นแล้ว คุณสราวุธ ก็ได้รับอานิสงส์จากการที่แนะนำภรรยา ซึ่งคุณสราวุธ รู้จักดี เป็นเจ้าของสำนักงานกฎหมาย ให้มาเป็นภรรยาของ ดร.เอ้ คุณสราวุธ ก็เลยนั่งเป็นบอร์ดของสภามหาวิทยาลัย สจล.
จำนวนทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมาเกือบเท่าตัว จาก 74 ล้าน เป็น 141 ล้านนั้น ก็เลยสร้างข้อกังขาให้กับผู้คนอย่างมากมาย จนกระทั่งคุณวีระ สมความคิด ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็นประธาน ซึ่งการยื่นเรื่องเข้าไปว่า ดร.เอ้ นั้นร่ำรวยผิดปกติ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ก็กำลังหาข้อมูลเพิ่มเติม ผมเชื่อว่าอีกไม่นานก็คงจะมีอะไรออกมาให้เราทราบกัน
แต่แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดคุณวีระ บอกผมว่า ข้อมูลที่ยื่นเข้าไปสู่คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ของสภาผู้แทนราษฎร นั้น เป็นข้อมูลที่มาจากอดีตคนที่ใกล้ชิดกับ ดร.เอ้ มาก ก็คือพูดง่ายๆ ว่า นี่ก็คือข้อสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นคนที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับ ดร.เอ้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม จะเป็นเรื่องความแค้นเก่าๆ กันหรือเปล่า นั่นผมก็ไม่รู้ แต่ก็มีทันทีที่ ดร.เอ้ โดนคดี โดนตั้งข้อสงสัย ก็เลยเริ่มมีข่าวหลุดออกมาเป็นชุดๆ ว่าสมัย ดร.เอ้ เป็นอธิการบดี สจล. นั้น มีการประมูลงานเยอะแยะมาก แล้วก็มีแนวโน้มไม่โปร่งใสหลายๆ เรื่อง ซึ่งผมก็ไม่รู้นะครับ ผมไม่ได้กล่าวหา ดร.เอ้
ก็เลยอยากจะให้ท่านผู้ชมได้รับทราบว่า แม้กระทั่งในกรณีเรื่องเกี่ยวกับรถไฟสายสีเขียว ปี 2562 มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเข้าแก้ไขปัญหาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ปรากฏว่ามี ดร.เอ้ เป็นหนึ่งในกรรมการ
5 มิถุนายน 2562 มีการแต่งตั้ง ดร.เอ้ เป็นประธานคณะกรรมการเจรจาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว และ ดร.เอ้ ก็เห็นชอบให้ต่อสัมปทานสายสีเขียวออกไปอีก 40 ปี ทั้งๆ ที่มีคนค้านกันเต็มบ้านเต็มเมือง ก็เลยมีคนตั้งข้อสงสัยว่า ดร.เอ้ สนิทแนบแน่นกับใคร เพราะหลังจากที่เปิดตัวลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ถ้าท่านผู้ชมขึ้นรถไฟฟ้า ทุกสถานีจะมีรูปโฆษณา ดร.เอ้ ทุกสถานี รวม 450 ป้าย
อันนี้เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนหรือเปล่า จ่ายเงินกันหรือไม่ เอาเงินที่ไหนมาจ่าย ก็จะเกี่ยวพันกับบัญชีทรัพย์สิน ดร.เอ้ อีก
ท่านผู้ชมครับ ดร.เอ้ เคยมาพบผม จากการแนะนำของพี่ชายผมซึ่งเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย สจล. นายแพทย์ศักดิ์ชัย ลิ้มทองกุล ดร.เอ้ ยังเอาพระวิษณุกรรม เอามามอบให้ผม ซึ่งผมขอขอบคุณในที่นี้ มาขอคำแนะนำผม ผมจำได้ว่าผมพูดกับ ดร.เอ้ อย่างตรงไปตรงมา คำแรกที่ผมพูดกับ ดร.เอ้ คือ ไหนๆ จะลงเลือกตั้งทั้งที เล่นการเมืองไปเข้าพรรคผิดได้อย่างไร นั่นคือพรรคประชาธิปัตย์
ดร.เอ้ เขาก็มีพี่เอ้คนหนึ่ง อดีตนักข่าวเดลินิวส์ เก่าแก่แล้ว เป็นคนสนิทคุณนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ พามา ก็พยายามขายความคิด ดร.เอ้ ผมจำได้ว่าวันนั้นผมฝากข้อคิดให้ ดร.เอ้ ไป วันนั้น ดร.เอ้ ก็เป็นคนเล่าให้ผมฟังเองว่าเขาเรียนกับหลานไอน์สไตน์ เขาพูดเองหน้าตาเฉยเลย ก็คือพูดง่ายๆ ว่า เมื่อฟัง ดร.เอ้ พูดในวันนั้นแล้ว ดร.เอ้ เป็นผู้ที่สูงส่งด้วยปัญญา มีสติปัญญาที่เลอเลิศประเสริฐศรี และมีความเร่าร้อนที่อยากจะทำงาน และเป็นคนที่บอกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการขุดอุโมงค์ลอดใต้น้ำคนเดียวในประเทศไทย
ซึ่งผมไม่ค่อยชำนาญเรื่องวิศวะ แต่ผมมีความรู้สึกเอะใจนิดๆ ถึงปฏิกิริยาและท่าทางของ ดร.เอ้ ว่า เป็นคนที่รีบเร่ง อยากจะโด่งดังข้ามคืน อยากจะประสบผลสำเร็จข้ามวัน ผมจำได้ว่าผมตบท้ายการสนทนาหลังจากเป็นผู้ที่ฟังมาตลอด ฟัง ดร.เอ้ เล่าถึงความสำเร็จของตัวเอง ตั้งแต่เด็ก เรียนหนังสือมาอย่างไร สอบเข้าอย่างไร ไปเรียน MIT ได้อย่างไร ไปเจอคนโน้นคนนี้ได้อย่างไร แล้วก็ยังเล่าตอนไปเจอหลานสาวผม ดร.พิมพา ที่ MIT ผมก็ฟังตลอด และผมก็เลยบอกว่า ดร.เอ้ ครับ พ่อผมเคยสอนอย่างนี้ เวลากินข้าวให้กินทีละคำ เวลาเดินให้เดินทีละก้าว ท่านผู้ชมครับ ดร.เอ้ กินข้าวทีละหลายคำ และไม่ชอบเดินทีละก้าว อยากจะวิ่งเลย และนี่คือสิ่งที่ ดร.เอ้ กำลังเจอ และยิ่งมาสังฆกรรมกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเก่งในเรื่องการสร้างภาพพจน์ ดร.เอ้ ตอนนี้เลยเปรียบเสมือนคนที่หลงทาง ยังไม่รู้จะออกหมู่หรือจ่า เพราะเท่าที่ผมรู้ คุณวีระ สมความคิด จะเปิดข้อมูลบางส่วนให้กับคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. เพราะคุณวีระ ก็ไม่ไว้ใจคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. และข้อมูลส่วนที่เหลือจะไปร้องโดยตรงที่ ป.ป.ช. เอาเป็นว่างานนี้คงจะยาวแน่นอน ผมไม่มีอะไรกับ ดร.เอ้ ผมยังชื่นชมเขาอยู่ว่าเขาเป็นคนหนุ่ม ความคิดนอกกรอบเขาเยอะมาก แต่เขาไม่ชอบกินข้าวทีละคำ และเขาไม่ชอบเดินทีละก้าว นี่ล่ะครับคือข้อเปรียบเทียบของผม ระหว่าง ดร.เอ้ กับ สมปอง
ท่านผู้ชมครับ เรื่องสุดท้ายที่ผมจะพูดในวันนี้ เป็นเรื่องที่คาใจผมมานานแล้ว และผมมีความรู้สึกว่าประเทศไทยถ้ามันจะไปรอด มันต้องล้างกันทั้งประเทศ เพราะถ้าไม่ล้างกันทั้งประเทศแล้ว ประเทศไทยไปไม่รอด ท่านผู้ชมอย่าเพิ่งตกใจนะ ผมไม่ได้หมายถึงจะต้องเกิดสงครามล้างชาติ ไม่ใช่ แต่มันร้ายกว่าสงครามอีก ผมจำได้สมัยที่หลวงตามหาบัว ยังมีชีวิตอยู่ ผมจะชอบสนทนาธรรมกับท่าน พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว ท่านจะมองเห็นอนาคต ก็เคยถามท่านว่าเมืองไทยจะเป็นอย่างไร ท่านบอกว่าเมืองไทยนั้นการคอร์รัปชันมันจะกินเข้าไปในกระดูก กินเข้าไปในกระดูก ฝังอยู่ในตัวคนไทย สิ่งที่ผมจะเล่าให้ฟังวันนี้มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ส่วนที่ผมจะเล่าให้ฟังนี้มันน่าจะอธิบายภาพรวมของประเทศไทยได้
ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่สมัย คสช. แล้ว ท่านให้จัดอีเวนต์เป็นวาระแห่งชาติอยู่ทุกปี ตั้งแต่ยึดอำนาจปี 2557 นั่นคือวาระการปราบปรามคอร์รัปชัน ผมมานับรวมดูแล้ว 2558 จนถึงวันนี้ มันเป็นวาระแห่งชาติของท่านตั้งสิบครั้งแล้วนะ ตั้งแต่ 6 กันยายน ไปเรื่อยๆ 17 ธันวาคม 2557 6 กันยายน 2558 ครั้งที่สี่ 6 กุมภาพันธ์ 2559 ครั้งที่ห้า 8 ธันวาคม 2560 ครั้งที่หก 23 กุมภาพันธ์ 2561 ครั้งที่เจ็ด 7 ธันวาคม 2561 ครั้งที่แปด 9 ธันวาคม 2562 ครั้งที่เก้า 16 พฤษภาคม 2564 ครั้งที่สิบ ครั้งสุดท้าย 9 ธันวาคม 2564
ท่านผู้ชมครับ ผมจะเรียนอะไรให้ท่านผู้ชมฟังอย่างหนึ่ง ผมอ่านดูแล้ว ผมมีความรู้สึกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ท่านเป็นคนที่เน้นวาทกรรมอย่างเดียว และการกระทำกับคำพูดนั้นมักจะสวนทางกัน เดี๋ยวผมจะยกตัวอย่างอะไรให้ฟังอย่างหนึ่ง เมื่อประมาณห้าวันที่แล้ว คุณธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ได้ออกเฟซบุ๊กตั้งข้อสังเกตว่า ผลงานเด่นของ สตง. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สมัยผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน คือคุณพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส เคยมีนโยบายให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ใช้มาตรการทางภาษีอากรเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน
สตง. ทำหนังสือแจ้งไปที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 15 ธันวาคม 2557 เมื่อประมาณแปดปีที่แล้ว ปลัดกระทรวงการคลัง อธิบดีกรมสรรพากร เพื่อให้พิจารณาบังคับใช้มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ โดยใช้มาตรการทางภาษี หนังสือนั้น คุณคุณพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นคนลงนาม
ประเด็นมีอยู่ว่า มาตรการนี้ สตง. โดยท่านอดีตผู้ว่าฯ นายคุณพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ในขณะนั้น ได้จัดตั้งสำนักงานตรวจสอบรายได้ภาษีอากรขึ้น มีการให้กรมสรรพากรส่งแบบ ภ.ง.ด. ย่อมาจาก แบบภาษีเงินได้ ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประมาณ 100 คน มาให้ สตง. ตรวจสอบ ตรวจสอบโดยเปรียบเทียบกับบัญชีทรัพย์สินที่ท่านยื่นให้ ป.ป.ช. ก็คือว่า นักการเมืองแต่ละคน 100 คน เอามาตรวจสอบว่าบัญชีที่คุณยื่นภาษีนั้น มันสอดคล้องกับทรัพย์สินที่คุณแจ้ง ป.ป.ช. หรือเปล่า ปรากฏว่าจากการตรวจสอบ 55 คน ใน 100 คน มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก แต่ยื่นแสดงรายการเสียภาษีน้อยกว่าความเป็นจริง ก็คือว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากเลย แต่ยื่นภาษีน้อยเหลือเกิน สตง. จึงแจ้งให้กรมสรรพากรดำเนินการประเมินเรียกเก็บภาษีเพิ่ม พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ท่านผู้ชมครับ สรรพากรทำหรือเปล่า ? ไม่ได้ทำ เห็นไหมท่านผู้ชม ความท้อใจของผมเริ่มแล้ว
ขนาดสรรพากรซึ่งมีหน้าที่เก็บภาษี โดนข้อมูลข้อเท็จจริงให้ดูว่านักการเมืองคนนี้ยื่นบัญชีทรัพย์สินให้ ป.ป.ช. อย่างนี้ มาเทียบกับตัวเลขที่เอกสาร ภ.ง.ด. ที่ยื่นเสียภาษีนั้นมันต่างกัน แสดงว่าหนีภาษีใช่ไหม ปรากฏว่าพอมีคณะกรรมการ คตง. ชุดใหม่ คณะกรรมการ คตง. คือผู้ที่คุม สตง. เป็นคนที่กำหนดนโยบาย ได้สั่งยกเลิกสำนักตรวจสอบรายได้ภาษีอากร สั่งยกเลิกเลย
มาตรการทางภาษีอากร ใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันได้ ถ้าข้อมูลที่ถูกต้องกรมสรรพากรต้องมีหนังสือไปแจ้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ว่าสรรพากรมีเหตุผลใดถึงไม่เรียกเก็บภาษีเพิ่ม นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เชิญประธาน คตง. ผู้ที่สั่งให้ยกเลิกสำนักงานตรวจสอบรายได้ภาษีอากร มาชี้แจง เพื่ออธิบายให้กรรมาธิการฯ และประชาชนรับทราบว่าทำไม คตง. ถึงสั่งยกเลิกงานนี้
เอาล่ะ เรามาดูท่านประธาน คตง. ก่อน ประธาน คตง. ที่สั่งยกเลิก ชื่อ พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ ท่านเป็นใคร ? ท่านคือเพื่่อนสนิท เพื่อนรุ่นเดียวกับ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คตง. นั้น ประธาน คตง. คนที่ตั้งก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเป็นคนที่ออกคำสั่งให้ยกเลิกสำนักงานตรวจสอบภาษีนักการเมือง ท่านผู้ชม ผมท้อใจไหม ? ท่านผู้ชมที่เป็นติ่งท่านนายกฯ รักท่านนายกฯ ใจแทบขาด เห็นใจผมบ้างสิ นี่คือข้อเท็จจริง พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ ชื่อเล่น เอ๋ อายุ 61 ปี นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 15 จปร. รุ่น 26 รุ่นเดียวกับ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา
ท่านผู้ชมครับ มีนาคม 2560 เมื่อผมตรวจสอบสื่อย้อนหลัง ก็มีรายงานว่าเมื่อเดือนมีนาคม 2560 ระบุว่า คุณคุณพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน แจ้งเรื่องให้กรมสรรพากรตรวจสอบนักการเมือง 60 คน ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจำนวนมากหลังจากพ้นตำแหน่ง อาจจะมีพฤติกรรมยื่นภาษีไม่ครบถ้วน
ซึ่งตอนนั้นคนก็ตั้งข้อสงสัยว่า คตง. สตง. เป็นหน่วยงานที่นายกฯ ตั้งขึ้นมา เอาไว้เช็กบิลฝ่ายตรงข้ามใช่หรือเปล่า เอามาแบล็กเมล เพื่อดึงให้ฝ่ายตรงข้ามมาเป็นพวก เหมือนกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ตอนนั้น ตอนที่ยึดอำนาจใหม่ๆ ก็มีการยึดทรัพย์ธรรมนัส พรหมเผ่า อายัดทรัพย์ จนในที่สุดธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ต้องยอมเข้ามารับใช้และทำงานให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เอาล่ะ ไม่เป็นไร คุณจะเช็กบิลพรรคประชาธิปัตย์เพื่อบีบพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เป็นไร แต่ปัญหาก็คือว่า เมื่อเขาค้นพบแล้วว่า 50=60 คน ใน 100 คน มีการหนีภาษี แจ้งภาษีไม่ตรงกับทรัพย์สินที่ได้เพิ่ม ถ้าคุณมีวาระแห่งชาติของการปราบคอร์รัปชัน คุณต้องดำเนินการต่อไป ที่สำคัญ คุณตั้งประธาน คตง. แล้วประธาน คตง. มีคำสั่งให้ยกเลิกหน่วยงานนี้ จะให้ผมคิดอย่างไร ท่านผู้ชมจะคิดเหมือนผมหรือเปล่าล่ะ ประธาน คตง. จะสั่งเองได้ไหม ? ไม่ได้ ไม่รู้ใครล่ะที่ใหญ่กว่าเขา ก็ต้องบอกมา เฮ้ย เรื่องนี้อย่าไปตรวจอีกนะ เพราะตอนนี้มันมาอยู่พรรคเราแล้ว ตรวจไปแล้วเดี๋ยวมันแตกแยก บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว
ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามาตรการทางภาษีปราบได้ทุกเรื่อง ท่านผู้ชมจำตัวละครมาเฟียคนหนึ่งในอเมริกาได้ไหม ชื่อ อัล คาโปน
อัล คาโปน เป็นคนที่เป็นหัวหน้ามาเฟีย ฆ่าคน ทำอะไรผิดกฎหมาย ค้าของเถื่อน ค้าเหล้าเถื่อน ค้าประเวณี ไม่ถูกจับเสียที จับไม่ได้ เพราะหลักฐานไม่มี แต่ใน ค.ศ. 1931 อัล คาโปน กลับถูกจับในคดีโกงภาษี ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดฐานเลี่ยงภาษี จำคุกเป็นเวลานานหลายปี เพราะตามหลักของภาษีแล้ว ทรัพย์นี้ท่านได้จากไหน ล้วนแล้วแต่ต้องเสียภาษีทั้งสิ้น
หลังจากท่านรัฐประหารปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ ท่านบอกว่ามาตรการตรวจสอบภาษีนักการเมืองเป็นมาตรการที่ดี ผ่านไป 3 ปี ท่านก็ยุบหน่วยงานตรวจสอบภาษีอากรนักการเมือง อย่างสำนักงานตรวจสอบรายได้ภาษีอากร นี้ไป มันแปลว่าอะไร
สำนักงานที่คุณคุณพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ตั้งขึ้นมา คือสำนักงานตรวจสอบภาษีอากร ดำเนินการตราจสอบภาษีอากร เก็บภาษีอากร ของกรมสรรพากร กรมศุลกากร สรรพสามิต องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปรากฏว่ามีภาษีที่จัดเก็บไม่ครบถ้วนประมาณ 32,000 ล้านบาท เขาก็เลยแจ้งให้จัดเก็บภาษีให้ถูกต้องครบถ้วน แจ้งนายกฯ ให้รับทราบเพื่อดำเนินการต่อไปตามหนังสือที่เขาส่งมา แต่พอคณะกรรมการ คตง. ชุดใหม่เข้ามา ก็มีคำสั่งให้ยกเลิก
ท่านผู้ชมครับ 100 คน ที่ตรวจสอบภาษีในปี 2559=2560 ยังมีไม่ถึง 0.001 เปอร์เซ็นต์ ของนักการเมืองระดับชาติ นักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการประจำ พนักงานของรัฐ ข้าราชการทางการเมือง องค์กรอิสระ ศาล ประธาน กรรมการรัฐวิสาหกิจ อธิการบดีมหาวิทยาลัย ทั้งประเทศไทยที่ต้องยื่นแสดงเท่านั้นเอง จะพบว่าการจัดเก็บภาษีไม่ถูกต้อง ประเมินกันว่า ถ้าพิจารณาจากมาตรา 102, 103 และ 158 ของกฎหมาย ป.ป.ช. ในประเทศไทย ผู้ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินให้ตรวจสอบ มีหลายแสนคน แล้วมันชัดเจนไหมท่านผู้ชม หากมีการตรวจสอบภาษีมากกว่านี้ น่าจะพบภาษีที่จัดเก็บไม่ถูกต้องครบถ้วน อาจจะถึง 1 ล้านล้านบาท เสียด้วยซ้ำ ท่านผู้ชมครับ
สำนักงานตรวจสอบจัดเก็บรายได้ สตง. จึงเป็นหน่วยงานสำคัญที่จะดูแลและกระตุ้นให้หน่วยงานจัดเก็บภาษีดำเนินการจัดเก็บภาษีให้ถูกต้องครบถ้วน ไม่รั่วไหล ทำให้การเสียภาษีเป็นไปอย่างถูกต้อง เป็นธรรม และมีจำนวนผู้เสียภาษีเพิ่มขึ้น
ท่านผู้ชมครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่ภาครัฐกำลังก่อหนี้สาธารณะเพิ่มสูงอย่างมาก เพื่อนำมาแก้ปัญหาโควิด การนำเรื่องตรวจสอบภาษีมาจับคู่กับการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจสอบการทุจริต และจะเป็นทางเลือกที่ดีในการนำรายได้เข้ามา
ผมคุยกับคุณเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คุณเรืองไกร สนับสนุนเต็มที่เรื่องนี้ คุณเรืองไกร บอกใช้มาตรการภาษีจัดเก็บ ถึงแม้จะเป็นเงินที่คอร์รัปชันมา แต่ถ้าไม่ยอมเสียภาษี สามารถจะปรับได้ 1 เท่า หรือ 2 เท่า สมมุติคอร์รัปชันมา 100 บาท ต้องเสียภาษี 35 เปอร์เซ็นต์ ก็ปรับอีก 35 เปอร์เซ็นต์ ก็เป็น 70 เปอร์เซ็นต์ ปรับอีก 35 เปอร์เซ็นต์ 2 เท่า ในกรณีที่มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี ก็เท่ากับ 105 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับว่าได้เงินค่าคอร์รัปชันคืนมา ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง
สรรพากรเก่งเฉพาะเก็บภาษีชาวบ้าน พ่อค้าแม่ขาย คนทำธุรกิจ มานั่งนับชามก๋วยเตี๋ยวคนขายก๋วยเตี๋ยวว่าวันหนึ่งขายได้เท่าไร มานั่งจับผิดบัญชีงบดุล ตั้งคำถามเขาแบบละเอียดยิบ ทั้งๆ ที่แค่เผชิญกับวิกฤตโควิด วิกฤตเศรษฐกิจ พวกพ่อค้าแม่ขาย คนทำธุรกิจเหล่านั้นก็ลำบากยากเข็ญแสนสาหัสอยู่แล้ว แต่ทีกับนักการเมือง ข้าราชการทั้งหลาย กลับเงียบเหมือนคนที่อมสากกระเบือ ท่านผู้ชมครับ ด้วยเหตุนี้ ทำไม 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ชูต้านโกง ปราบคอร์รัปชัน สุดท้ายแล้วก็คือการผายลมทางปากนั่นเอง
เรื่องการปราบโกง ปราบปรามคอร์รัปชัน เป็นเรื่องที่ผมพูดแล้วพูดอีก พูดอีกก็ถูกอีก ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมมีภาพรวมเรื่องสถิติสถานการณ์ที่มาที่ไป เบื้องหน้าเบื้องหลังการแก้ไขคอร์รัปชัน ใครลูบหน้าปะจมูก ใครสร้างภาพ มาเล่าให้ฟัง
ท่านผู้ชมครับ 8 ปี วาระแห่งชาติต้านโกงที่นายกฯ เสนอมา 10 ครั้ง 10 ครั้งในรอบ 8 ปี ดัชนีการทุจริตไทยยิ่งวันยิ่งตกต่ำไปเรื่อยๆ
2564 จาก 180 ประเทศทั่วโลก ประเทศไทยอยู่ 110 ได้คะแนนรวมแค่ 35 คะแนนเท่านั้นเอง มาดูในอาเซียนกัน อันดับ 1 สิงคโปร์ ได้คะแนนสูงมาก 85 คะแนน อันดับ 2 มาเลเซีย 48 คะแนน อันดับ 3 ติมอร์-เลสเต 41 คะแนน อันดับ 4 เวียดนาม 39 คะแนน อันดับ 5 อินโดนีเซีย 31 คะแนน อันดับที่ 6 ประเทศไทย 35 คะแนน ไทยแพ้แม้กระทั่งติมอร์ฯ อินโดนีเซีย เวียดนาม
ถ้าพิจารณาจาก 5 ปีย้อนหลัง อันดับไทยลดลงมา ปี 2560 อันดับที่ 96 ปี 2561 อ้นดับที่ 99 ปี 2562 อันดับที่ 101 ปี 2563 อันดับที่ 104 ปีที่แล้ว 2564 อันดับที่ 110 ใน 180 ประเทศ
ท่านผู้ชมครับ ไม่สงสัยบ้างหรือว่าเพราะอะไร ? เพราะท่านนายกฯ ไม่เอาจริง ท่านนายกฯ เก่งแต่การใช้ปาก ใช้วาทกรรม แต่เอาจริงท่านไม่เอา เพราะว่า หนึ่ง ข้าราชการทั้งนั้น ท่านผู้ชมครับ ผมเคยเอารายการมาออกให้ดูว่าข้าราชการบางคนแจงทรัพย์สินอย่างหนึ่ง แต่ปรากฏถึงภาษีอากรเสียอีกอย่างหนึ่ง มีกระป๋งกระเป๋าเยอะแยะไปหมด แล้วก็มาอ้างว่าลูกซื้อให้ เป็นของลูก
คุณคุณพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เอารายได้ ภ.ง.ด. การเสียภาษีของนักการเมือง 100 คน ที่แจ้งทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. มี 55 คน ที่ไม่ได้เสียภาษีถูกต้อง แจ้งไปสรรพากร สรรพากรก็ไม่ทำ เสร็จแล้ววันดีคืนดีท่านนายกฯ ตั้งประธาน คตง. ขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นเพื่อนน้องชาย พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ประธาน คตง. ชื่อ พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ ก็บอก สตง. ว่าคณะทำงานที่ตรวจสอบภาษีนักการเมืองเมื่อเอาไปเปรียบเทียบกับการแจ้ง ป.ป.ช. ให้ยกเลิกคณะกรรมการชุดนี้ไปเลย มันแปลว่าอะไร ท่านนายกฯ ท่านตอบคำถามผมได้ไหม และนี่คืออีกบริบทหนึ่งที่พิสูจน์ว่าท่านเป็นคนที่ใช้ไม่ได้จริงๆ
อย่าลืม ท่านตั้งวาระแห่งชาติ 10 ครั้งจริงๆ ในเรื่องการต่อต้านการคอร์รัปชัน แต่การกระทำของท่านเรื่องประธาน คตง. และเรื่อง สตง. ท่านตัดทิ้ง แล้วชีวิตนี้จะมีการตรวจสอบไหมล่ะ รัฐมนตรีฯ คลังซึ่งคุมกรมสรรพากรคือข้าราชการประจำ นายอาคม อดีตเลขาธิการสภาพัฒน์ จะมีการตรวจสอบไหม ท่านผู้ชมครับ ผมไม่ลงรายละเอียดมาก เพราะเวลามีน้อย แต่ผมสรุปสั้นๆ ง่ายๆ เมืองไทยโกงทุกระดับ ข้าราชการประจำโกง ท่านผู้ชมเคยดูการตรวจสอบภาษีไหม เคยดูการแจ้งบัญชี ป.ป.ช. ไหม ไม่เว้น ตำรวจ ทหาร ทหารบางคนมีเงิน มีทรัพย์สินเกือบ 200 ล้านบาท ถ้าไปตรวจสอบว่าเสียภาษีหรือเปล่า พนันกับผมได้ กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครเสียภาษี ตรงนั้นเรียกภาษีเก็บกลับมาได้ ข้าราชการ อธิบดี ปลัดกระทรวง นักการเมืองต่างๆ โกงกันทั้งประเทศท่านผู้ชม ผมถึงบอกว่ามันต้องตายกันทั้งประเทศเพื่อให้เกิดใหม่ ท่านผู้ชมหายสงสัยหรือยังว่าทำไมประเทศไทยมันถึงฉิบหายกันทุกวันนี้ ก็เพราะว่ามันเป็นอย่างนี้ไงท่านผู้ชม
พล.อ.ประยุทธ์ ท่านเลิกใช้วาทกรรมของท่านได้แล้ว ผมเบื่อฉิบหายเลย ตัวอย่างชัดๆ ให้เห็นชัดๆ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่านายก อบต. บางคนทรัพย์สินพอมันแจ้งไปที่ ป.ป.ช. นะ ทรัพย์สินมีอยู่ 150 ล้านบาท 200 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ตำบลนั้นทั้งตำบลรวมทรัพย์สินแล้วยังมีทรัพย์สินไม่ถึง 20 ล้าน แล้วเอามาจากไหนตั้ง 150 ล้าน 200 ล้าน โกงแน่ๆ 100 เปอร์เซ็นต์ อบต. โกง อบจ. โกง กรมต่างๆ อธิบดีก็โกง กระทรวง ปลัดกระทรวงโกง ผู้กำกับกระทรวง รัฐมนตรี นักการเมือง โกง ทหารโกง ตำรวจโกง คนฉิบหายคือพวกเรา คือประชาชนตาดำๆ ทำมาหากินโดยสุจริต แล้วท่านผู้ชมว่าเราจะมีอนาคตไหม ผมไม่อยากพูดมากกว่านี้
คุณเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ พูดชัดเจน ว่าเมืองไทยถ้าเอาภาษีมาจับ จะลดการโกงลงได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
ท่านผู้ชมครับ ขอประทานโทษ ของมันขึ้น ของมันขึ้นเพราะมัน here จริงๆ อาทิตย์หน้าเราค่อยมาเจอกันใหม่ สวัสดีครับ