xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : ดราม่าไม่จบ #พี่ตูนวิ่งทำไม - เอาความจริงมาพูดกัน "พระราชทานอภัยโทษ"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 24 ธ.ค.64 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ และช่องยูทูป Sondhitalk โดยประเด็นที่ด้เล่าในวันนี้พูดถึง #พี่ตูนวิ่งทำไม ดรามานักร้องที่วิ่งเพื่อเก็ด้อยโอกาศทางการศึกษา แต่โดนทัวร์ลงว่าวิ่งทำไม

ชีวิตในเมืองนอก ไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด เมื่อสาวไทยโดนทำร้ายในนิวยอร์ก อเมริกาในความฝัน กับอเมริกาในความเป็นจริง เป็นเช่นไร

เปิดรถไฟ ลาว-จีน แต่เดือดร้อนประเทศไทย เมื่อสื่อไทยออกข่าวดูหมิ่นคนลาว ไม่มีปัญญาได้นั่งรถไฟ เพราะเงินเดือนน้อย

“พระราชทานอภัยโทษ” เอาความจริงมาพูดกัน ว่าจริงๆ แล้วหลักการมันเป็นยังไง แล้วทำไม สนธิ ถึงพ้นโทษก่อนกำหนด ต้องฟัง? ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.117



คำต่อคำ SONDHI TALK [24 ธ.ค. 64] : เอาความจริงมาพูดกัน "พระราชทานอภัยโทษ"

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์ : www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK


สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2564 อีกหนึ่งอาทิตย์ก็จะสิ้นปีแล้ว คือวันศุกร์ที่ 31 วันศุกร์ที่ 31 จะมีรายการพิเศษมอบให้กับท่านผู้ชมโดยเฉพาะ

ท่านผู้ชมครับ ถ้าท่านผู้ชมเป็นคนที่ห่วงสุขภาพ ฟังผมสักนิดหนึ่ง เรื่องนี้จริงๆ ผมรู้มานานแล้ว และผมก็อยากผ่องถ่ายความรู้นี้ให้ท่านผู้ชมด้วย คนเราเวลาทานอาหาร ตามหลักการแล้ว อาหารที่เราทานส่วนใหญ่จะมีฤทธิ์เป็นกรด อาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่าง ก็คือพืชผัก ผลไม้ แต่ที่เป็นกรดก็จะมีพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ เนื้อปลาเอย เนื้อหมูเอย เนื้อไก่เอย พวกนี้ ตามหลักการแล้วเราควรจะทานอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่างประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ หรือแม้กระทั่ง 80 เปอร์เซ็นต์ อีก 20 เปอร์เซ็นต์ ทานอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด แต่ในข้อเท็จจริงแล้วมันจะกลับกัน ก็คือทานอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นด่าง 20 เปอร์เซ็นต์

ท่านผู้ชมครับ ของดีมันต้องอยู่จากข้างในเรา ต้องเริ่มจากข้างใน เราต้องสร้างความสมดุลทั้งกรดและด่างในร่างกายของเรา โดยทั่วๆ ไปแล้วเราไม่ค่อยคิดเรื่องพวกนี้ อาหารที่เป็นด่างจะมีน้อย เพราะฉะนั้นแล้ว วิธีเดียวที่จะแก้ได้ก็คือการทานน้ำด่าง อย่างเช่น น้ำด่างอัลคาไลน์ 8.5 ซื้อเป็นขวด แต่มันก็จะแพง

ท่านผู้ชมครับ ผมเคยเสนอเครื่องทำน้ำด่างที่ผมใช้อยู่ ทุกวันนี้ก็ยังใช้อยู่ เครื่องทำน้ำด่างนี้เป็นเหมือนเครื่องกรองน้ำไปด้วย คือพูดง่ายๆ ว่า เสียบติดตั้งเรียบร้อยจากท่อน้ำประปาแล้ว น้ำที่ออกมาก็ทานได้

เครื่องทำน้ำด่างนี้ปรับได้หลายระดับ ระดับสูงสุดเอาไว้ล้างผัก ท่านผู้ชมครับ ผักตอนนี้ ทุกประเภท มีสารพิษติดอยู่ไม่มากก็น้อย ไม่มีอะไรที่ไม่มีสารพิษติดเลย น้ำด่างที่เราปรับระดับไว้แล้ว ทิ้งเอาไว้สัก 15-20 นาที สารพิษที่ติดอยู่ในนั้นจะหายไป 90 เปอร์เซ็นต์ หรือ 95 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือก็ทานเป็นน้ำด่าง ที่บ้านผมนี่ทานน้ำด่างทุกวัน ตื่นมาตอนเช้าผมทานน้ำด่าง ทั้งวันผมก็ทานน้ำด่าง เพราะฉะนั้นแล้ว ความสมดุลระหว่างด่างกับกรดของผมค่อนข้างจะมั่นใจ


ตอนนี้เรามีเครื่องทำน้ำด่างที่หมดไปนานแล้ว แล้วมีคนถามมาเรื่อย ตลอดเวลา ตอนนี้มาแล้วนะครับ ท่านผู้ชมสั่งซื้อได้ที่คอลเซ็นเตอร์ 02-633-5353 มีจำนวนไม่มากครับ 200 เครื่อง มาแล้ว ประเดี๋ยวเดียวก็หมด เพื่อสุขภาพที่ดีของที่บ้าน

ท่านผู้ชมครับ วันนี้มีเรื่องหลายๆ เรื่องที่ผมคิดว่าเป็นเรื่องจำเป็น และจำเป็นจะต้องอธิบายและพูดให้ท่านผู้ชมฟัง เรื่องแรก ท่านผู้ชมคงอยากจะรู้กันแน่นอนที่สุด คือเรื่อง วิกฤตโอมิครอนจ่ออาละวาด และผมก็มีข้อมูลหลายอย่างที่เกี่ยวกับวิกฤตโอมิครอน และเผอิญไปเกี่ยวข้องกับฟ้าทะลายโจรของเราด้วย อย่างช่วยไม่ได้ เดี๋ยวตามผมมา ผมจะเล่าให้ฟัง

เรื่องที่สอง เรื่องดรามา เรื่องบัดซบที่คุณตูน บอดี้สแลม ตั้งใจจะสร้างกุศลผลบุญให้กับเด็กนักเรียน 109 คน ที่ไม่มีทุนที่จะเรียนต่อหลังจากจบ ม. 3 ก็ถูกกระแสโซเชียลซึ่งมาจากพวกม็อบสามกีบ รวมทั้งคุณณวัฒน์อีกคน เข้ามาต่อว่าคุณตูน บอดี้สแลม ลองฟังความเห็นของผมดูสักนิดนะครับว่าเป็นอย่างไร

เรื่องที่สาม เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานพอสมควรแล้ว คือ คุณบิว นางแบบไทยที่ถูกทำร้ายที่นิวยอร์ก ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างเก่า ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ผมมีมิติมุมมองในเรื่อง American Dream เพื่อให้คนรุ่นใหม่หลายคนที่ใฝ่ฝันว่าอยากจะไปอยู่อเมริกา แล้วให้พวกม็อบสามกีบรับทราบข้อเท็จจริงบ้างว่าอเมริกาที่พวกคุณฝันใฝ่นั้น ไม่ใช่อเมริกาที่มีประชาธิปไตยที่คุณต้องการ เพราะประชาธิปไตยที่อเมริกาอ้างนั้น มันไม่มีอยู่จริงในอเมริกา ประเทศของมันเอง แต่มันส่งออกประชาธิปไตยในกระบวนทัศน์เพื่อที่จะไปสั่นคลอน สั่นสะเทือนหลายๆ ประเทศที่เขามีระบอบการปกครองที่เหมาะกับสังคมของเขา

อีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องของประเทศลาว ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่เหมือนกัน แต่ก็ค่อนข้างที่จะไม่เก่า ยังสดๆ ร้อนๆ อยู่ เรื่องของเรื่องคือ พิธีกรของสถานีโทรทัศน์ NBT ออกมาดูหมิ่นชาวลาวว่าไม่มีเงินซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูง ที่รถไฟความเร็วสูงของลาวเพิ่งเปิดดำเนินการไปเมื่อเร็วๆ นี้ เมื่อประมาณต้นเดือนธันวาคม ก็เป็นเรื่องราวใหญ่โตมโหฬาร ซึ่งก็อีกล่ะ ผมมีเบื้องหน้าเบื้องหลังของไทย-ลาว เป็นพี่น้องกันอย่างไรบ้าง มาเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง และผมก็ต้องการจะเบิกเนตรและเปิดกะโหลกของพิธีกรคนนั้นด้วย ว่าลาวเป็นอย่างไรบ้าง

เรื่องสุดท้าย เรื่องนี้เป็นเรื่องเป็นราวข่าวคราวใหญ่โตมาก คือเรื่องที่มีคนออกมาโวยวายหลายท่าน ว่าการพระราชทานอภัยโทษคราวที่แล้ว ทำไมถึงลดโทษให้กับพวกนักโทษที่โดนคดีเรื่องเกี่ยวกับการจำนำข้าว ไม่ว่าจะเป็นคุณบุญทรง เตริยาภิรมย์ หรืออีกหลายๆ คน คุณภูมิ ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยฯ กระทรวงพาณิชย์ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าความคิดเห็นของคนที่ออกมาไม่เห็นด้วยกับการลดโทษแบบนี้ แต่ละท่านมีความคิดเห็นสั้นๆ เป็นอย่างไรบ้าง และผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญก็คือ ผมจะเอาความจริงมากาง และผมเอาความจริงมาพูด เรื่องนี้ท่านผู้ชมอย่าเพิ่งมีอารมณ์ ฟังผมพูดให้จบเสียก่อนแล้วท่านผู้ชมจะเข้าใจดี


ท่านผู้ชมครับ ผมจะขอพูดถึงตัวเลขล่าสุด แล้วก็สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้เกี่ยวข้องกับไวรัสที่กลายพันธุ์ "โอมิครอน" (Omicron) ซึ่งผมเรียกของผมเองว่า โอไมครอน ตอนนี้สถานการณ์กลับมาสู่ขาขึ้น ก็คือมีคนที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาก ต่อวันประมาณ 7-8 แสนคน มีคนตายเพิ่มเติมอีกวันละประมาณ 7-8 พันคน นี่พูดถึงทั่วโลกนะครับ

ที่น่าสนใจมากคือในอเมริกาและในยุโรปที่เขาฉีดวัคซีนกันครบโดส นอกจากครบโดสแล้ว บางประเทศฉีดเข็ม 3 ไปเรียบร้อยแล้ว บางแห่งกำลังเริ่มเข็มที่ 4 เขาฉีดครอบคลุมประชากรของเขากว่า 60-70 เปอร์เซ็นต์ ที่น่าสนใจคือ พวกนี้กลับมาติดเชื้อเพิ่มรายวันสูงขึ้นอย่างน่ากลัว ยกตัวอย่าง วันพุธที่ผ่านมานี้ สองวันที่ผ่านมา อเมริกามีคนติดเชื้อเพิ่ม 227,605 คน อังกฤษ ที่มีนายกรัฐมนตรีหัวยุ่งและจิตใจก็ยุ่งเหยิง ติดเชื้อเพิ่ม 106,122 คน ฝรั่งเศส ประเทศของเศษฝรั่ง นายยัน มาร์ฉัล มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 84,272 คน สเปน ติดเพิ่ม 60,041 คน เยอรมนีติดเพิ่ม 45,858 คน แม้กระทั่งเวียดนามซึ่งเป็นเพื่อนบ้านเรา มีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงขึ้นมากถึงวันละ 16,555 คน ผมจะเอาตารางตัวเลขขึ้นให้ท่านผู้ชมดู ว่าตารางที่ท่านเห็น สีเหลืองก็คือที่ติดเชื้อใหม่ สีแดงคือยอดคนเสียชีวิตเพิ่มเติม


ปัจจุบันนี้ จะเห็นได้ชัดว่าเรากำลังกลับไปสู่สถานการณ์ที่ค่อนข้างจะเลวร้าย แต่ว่ามันก็มีข้อดีอย่างหนึ่ง ทั้งนักวิทยาศาสตร์ ทั้งหมอหลายคน ก็พยายามจะวิจัยและหลายๆ คน หลายๆ สถาบัน หลายๆ เส้นสาย ก็ฟันธงมาว่า โอมิครอน ไม่ร้ายแรงเท่าเดลตา แต่ปัญหาใหญ่ที่เขากำลังเผชิญก็คือ มันจะทำให้ระบบสาธารณสุขล่มสลาย เพราะว่าคนติดเชื้อเร็วมาก เร็วจริงๆ

ก่อนที่จะมาเข้ารายการนี้ ผมก็อ่านข่าวต่างประเทศชิ้นหนึ่ง คือมีผู้เชี่ยวชาญ นายแพทย์ที่ปรึกษาองค์กรการบินระหว่างประเทศ ที่เขาเรียกว่า ไออาต้า (IATA) ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า สนามบินตอนนี้ โอกาสติดเชื้อสูงมาก ในเครื่องบินกลับมีโอกาสติดเชื้อได้น้อยกว่า เหตุผลเพราะว่าถ้าคุณรู้ว่าคนข้างๆ เขาติดเชื้อ ไม่สบาย คุณหลีกเลี่ยงได้ แต่สนามบินมันเป็นที่เปิดกว้าง เพราะฉะนั้นแล้วคุณจะไม่ค่อยระวังตัว แปลกมาก เวลาอยู่ในสนามบิน นั่งรอเครื่องบินอยู่ คนจะไม่ระวังตัว แต่จะไปทุ่มเทการระวังตัวเมื่อขึ้นเครื่องบิน จะไม่นั่งใกล้ใคร จะไม่พูดกับใครทั้งสิ้น บางคนถึงขั้นเอาถุงพลาสติกครอบหัวเลยนะ


หมอคนนี้ท่านเป็นที่ปรึกษาขององค์กรการบินระหว่างประเทศ ท่านบอกว่า ที่น่ากลัวคือก่อนขึ้นเครื่อง และหลังจากที่ลงเครื่อง ตรงนั้นล่ะ โอกาสที่จะติดเชื้อเยอะมาก เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมที่กำลังจะบินไปต่างจังหวัด เพื่อจะกลับบ้านช่วงปีใหม่ หรือไปพักผ่อน ท่านผู้ชมเช็กอินเสร็จเรียบร้อย ระหว่างเช็กอินรักษาระยะห่าง เดินเข้าไป ถึงเรียบร้อยแล้ว หามุมๆ หนึ่งนั่ง อย่าไปยุ่งกับใครเลย ห่างๆ กันเอาไว้ ถ้ามีใครมานั่งด้วยเยอะๆ ก็ลุกเดินหนีไปเสีย ถ้าไม่จำเป็น หาที่ไม่ได้ก็ไปยืนพิงหน้าต่างที่ไม่ค่อยมีใครพิงกัน แล้วพอลงจากเครื่องแล้ว อย่าเอ้อระเหยลอยชาย มุ่งมั่นเดินไปเลย คว้ากระเป๋าเสร็จ เดินไป มีพี่น้องรอรับอยู่ ก็บอกเดี๋ยวไปคุยกันข้างนอก ก็ออกไปข้างนอกเลย

ตอนนี้ที่อเมริกา อังกฤษ และหลายประเทศในยุโรป ออกมาพูดยืนยันแล้วว่า ตอนนี้โอมิครอนเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในประเทศของตัวเองแล้ว ไม่ใช่เดลตาแล้ว

วันอังคารที่ 21 ธันวาคม เมื่อสามวันที่แล้ว ศบค. โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้อำนวยการ มีมติให้ยกเลิกการเข้าประเทศแบบ Test and Go ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม ก็คือว่า เมื่อเข้ามาแล้ว พอทดสอบปั๊บ Test แล้วไม่มีเชื้อก็ให้ไปเลย ไม่ต้องกักตัว ตอนนี้ยกเลิกไปแล้ว แล้ววันพุธที่ 22 ธันวาคม อเมริกา น่าสนใจมากท่านผู้ชม อันนี้จะเกี่ยวข้องกับพวกเราแล้ว อเมริกาได้อนุมัติยาต้านโควิด-19 ชนิดเม็ด ของไฟเซอร์ สำหรับกลุ่มบุคคลที่เสี่ยง อายุ 12 ปีขึ้นไป ทำให้ยานี้เป็นยาสูตรต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ใช้รับประทานและใช้รักษาอาการที่บ้านได้สูตรแรก


ไฟเซอร์ อ้างว่ายานี้มีประสิทธิภาพเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ ในการป้องกันคนไข้ที่มีความเสี่ยงสูง จริงๆ แล้วที่ถูกต้องก็คือ ในการรักษา ไม่ใช่ป้องกัน จากการติดเชื้อ จากข้อมูลการทดลองทางคลินิกของบริษัท มีบ่งชี้ว่ายานี้ยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันตัวกลายพันธุ์ของโอมิครอนด้วย ไฟเซอร์ บอกว่ากำลังปรับเพิ่มกำลังการผลิตปี 2565 เป็น 120 คอร์ส จากเดิม 80 ล้านคอร์ส ทางบริษัทพร้อมที่จะส่งมอบให้อเมริกาทันที ท่านผู้ชมครับ คอร์สหนึ่ง ที่ข่าวระบุมาก็คือ 500 เหรียญสหรัฐ เอา 33 คูณเข้าไป 16,500 บาท

แล้วขณะเดียวกัน อย.อเมริกา อยู่ในระหว่างทบทวนอนุมัติยาโมลนูพิราเวียร์ จากบริษัท เมอร์ค แอนด์ โค โดยผลการทดสอบบอกว่ายาสูตรนี้ลดความเสี่ยงในการเข้ารับรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์


ท่านผู้ชม ก่อนที่ผมจะพูดถึงเรื่องฟ้าทะลายโจร ขอเล่าเหตุการณ์ๆ หนึ่งให้ฟังนิด เมื่อวันอังคารที่ 22 ธันวาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไปเป็นประธานเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 18 มอบประกาศเกียรติคุณและโล่รางวัล พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ "สมุนไพรไทย สร้างเศรษฐกิจไทย" ระหว่างที่ท่านนายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมบูธ ช่วงหนึ่งมีผู้ชายสูงอายุคนหนึ่งเอาเสื้อมามอบให้นายกรัฐมนตรี เสื้อนั้นพิมพ์ข้อความว่า "สมุนไพรไทยในครัวเรือนฆ่าโควิดได้ทุกสายพันธุ์ 5 วันเท่านั้น รัฐไม่เลือกใช้ เวร!" ท่านนายกฯ ท่านก็บอกว่า "แรงไปนะ รัฐก็ใช้ อะไรเป็นประโยชน์ ใช้ได้ก็ใช้ไป จะมาบอกว่ารัฐไม่ได้ใช้ได้อย่างไร" ซึ่งผู้สื่อข่าวก็บอกว่า นายกรัฐมนตรีพยายามระงับอารมณ์ก่อนจะเดินชมนิทรรศการอื่นๆ ต่อไป


ท่านนายกฯ ครับ ผมจะพูดกับท่านนายกฯ ล่ะ เรื่องนี้ พวกบรรดาที่แวดล้อมท่านนายกฯ พวก IO ของท่านนายกฯ อาจารย์เสรี วงษ์มณฑา รับฟังผมพูดนิดหนึ่ง ไปกระซิบท่านนายกฯ หน่อย ท่านนายกฯ ใช้ไม่ได้ ผมถือว่าท่านนายกฯ หลอกประชาชนอีกแล้ว ท่านไม่ควรโกหกประชาชน ท่านไม่ได้สนับสนุนสมุนไพรไทยจริง ท่านบอกว่าให้ใช้ฟ้าทะลายโจรได้ แต่ท่านพูดแค่นั้น แล้วท่านก็ปล่อยคำพูดของท่านให้ลอยล่องไปกับสายลม เหมือนลมที่ท่านผายออกมาไม่มีอะไรผิดเลย

ท่านนายกฯ ครับ เมื่อกี้ผมเล่าให้ฟังเรื่องของยาเม็ดไฟเซอร์ และยาโมลนูพิราเวียร เขาบอกว่าโมลนูพิราเวียร์รักษาได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ไฟเซอร์อ้างว่า 90 ในรายงานข่าวที่ผมอ่านมาตลอดเวลา นักวิเคราะห์ข่าวในเรื่องนี้ก็บอกว่ายังมีปัญหาอยู่ คือทั้งไฟเซอร์ และโมลนูพิราเวียร์ มีผลอาการข้างเคียง แต่ท่านนายกฯ ครับ ฟ้าทะลายโจร ไม่มีผลข้างเคียง ที่บอกว่ามีฤทธิ์ต่อตับ มีงานวิจัยที่มหาวิทยาลัยมหิดลชัดเจนแล้วว่า ไม่ได้มีฤทธิ์ต่อตับเลย มิหนำซ้ำยังช่วยในการนอนหลับได้

ฝรั่งบอกว่าไฟเซอร์สามารถรักษาคนที่รู้ว่าติดเชื้อภายใน 5 วัน สมุนไพรไทยไม่มีอาการแทรกซ้อน ท่านนายกฯ บอกว่า "แรงไปนะ รัฐก็ใช้ อะไรเป็นประโยชน์ ใช้ได้ก็ใช้ไป จะมาบอกว่ารัฐไม่ได้ใช้ได้อย่างไร" ท่านนายกฯ ครับ นี่ท่านนายกฯ โกหกประชาชนอีกแล้ว หรือว่าท่านถูกคนแวดล้อมท่านแหกตาท่าน ท่านเบิกเนตรท่านหน่อยได้ไหม ท่านไปดูสิ คำสั่งของกรมอนามัย หรือกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มีระเบียบในการให้ยา ส่งไปที่โรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศไทย บอกว่า ห้ามใช้ฟ้าทะลายโจรในการรักษาโควิด ให้ใช้แต่ฟาวิพิราเวียร์ ยาอัปยศ ยากาฝาก ท่านนายกฯ รู้ใช่ไหม หรือท่านไม่รู้ว่ายาฟาวิพิราเวียร์ ญี่ปุ่นซึ่งเป็นต้นตำรับ มันไม่ให้ใช้ ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขเพิ่งลงโทษหมอญี่ปุ่นที่ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ไป จนกระทั่งหมอต้องลาออกจากคณะกรรมการที่ดูแลปกป้องโควิด แล้วขอโทษ

ไหนล่ะ ท่านนายกฯ บอกว่ารัฐก็ใช้ อะไรเป็นประโยชน์ใช้ได้ก็ใช้ไป นี่คือนิสัยท่าน ท่านจะพูดอะไรท่านก็พูดไป แต่ท่านไม่รู้หรอกว่าเขาปฏิบัติตามหรือเปล่า ท่านยังไม่รู้เลยว่าวันนี้โรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลที่รับคนไข้ติดโควิด เข้าไป คนไข้ติดฟ้าทะลายโจรไป หมอบอกให้ทิ้ง ไม่ให้เอาเข้า แล้วสั่งให้ใช้ฟาวิพิราเวียร์ ทั้งๆ ที่มันไม่ได้ผล


แล้วท่านนายกฯ คุยเช็กหรือยังว่ายอดฟาวิพิราเวียร์ที่สั่งมาเป็นร้อยๆ ล้านเม็ด ท่านนจะเอาไปรักษาใคร

แล้วล่าสุด ผมก็ได้ข่าวว่า พอมีข่าวว่าไฟเซอร์จะผลิตอออกมา กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรครีบพูดเลยว่าจะเตรียมสั่งซื้อไว้ 2 แสนชุด ท่านนายกฯ ครับ คุณลุงแก่ๆ ที่เอาเสื้อมาให้น่ะ คุณลุงพูดความจริง ท่านนายกฯ พูดโกหก แล้วท่านโกหกมากี่ครั้งแล้วในเรื่องต่างๆ พวกนี้ ท่านไม่ได้สนับสนุนสมุนไพรหรอก ที่ท่านไปงานนี้เพราะท่านหิวแสง ท่านต้องการให้คนเห็นว่าท่านสนับสนุน แต่จริงๆ ท่านสนับสนุนด้วยลมปากแค่นั้นเอง แล้วท่านบอกว่าแรงไป ไม่แรงเลยท่านนายกฯ ไม่แรงเลยนะครับ

ประเทศไทยเสียโอกาสไปขนาดไหน ถ้าเราสามารถทำวิจัยเรื่องฟ้าทะลายโจร ซึ่งประเทศเรามีทรัพยากรบุคคล มีคนไข้ที่รักษาด้วยฟ้าทะลายโจร ท่านนายกฯ ปี 2564 นี้ ผมแจกฟ้าทะลายโจร แจกไป 50 ล้านเม็ด ทั่วประเทศไทย


ฟ้าทะลายโจรที่ผมแจก ได้รับการร่วมทำบุญจากพ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย รักษา ป้องกัน ช่วยชีวิตคนไทยไปอย่างมากมายมหาศาลเลยท่านนายกฯ แล้วท่านนายกฯ รู้หรือเปล่า ผมต่อเรื่องให้มันจบเรื่องนี้เลย พอจะมีการชงเรื่องการสนับสนุนงานวิจัยสมุนไพรเพื่อช่วยเหลือในการแก้วิกฤตโควิด ท่านนายกฯ รู้ไหม สภาพัฒน์สกัดกั้น ไม่สนับสนุนงบประมาณอีก


ทั้งๆ ที่ขออนุมัติสภาฯ มาแล้ว 5 แสนล้าน ยังเบิกจ่ายไม่ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ เสียด้วยซ้ำ ท่านนายกฯ ฟ้าทะลายโจรมันก็เลยกลายเป็นยาที่ไม่มีใครยอมรับ แต่ประชาชนยอมรับ แต่หมอทั้งหลายที่บางคนที่ระยำ ที่เชื่อแต่ยาฝรั่ง แล้วคอยดูสิ มันก็จะบอกว่ามันสั่งซื้อไฟเซอร์

ผมขอโทษครับ อย่าโกรธผม ท่านนายกฯ เลิกหิวแสงและโกหกไปวันๆ ทีได้แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ของชาติบ้านเมือง

ท่านผู้ชมครับ เมื่อสักไม่กี่วันมานี้เอง มันมีเรื่องราวเกิดขึ้นมาเรื่องหนึ่ง ที่จริงๆ ผมไม่พูดก็ได้ แต่ผมคิดว่าอยากจะพูดเพื่อให้กำลังใจ คือเรื่องดรามาของ ตูน บอดี้สแลม หรือที่ชื่อว่า อาทิวราห์ คงมาลัย ที่ทุกคนเรียกกันว่า พี่ตูน


คือพี่ตูนเตรียมตัวที่จะวิ่งอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการวิ่งครั้งนี้เป็นการวิ่งระดมเงินเพื่อที่จะช่วยเด็กที่ยากไร้ ที่จะเรียนต่อแต่ไม่มีเงินจะเรียนต่อ รายได้ทั้งหมดที่พี่ตูนจะวิ่งนั้น จะนำไปใช้สนับสนุนน้องๆ ที่จบ ม.3 แล้ว ไม่มีทุนไปเรียนต่อ ม.ปลาย หรือสายอาชีพ ทั้งหมด 109 คน ที่มันเป็นดรามาขึ้นมา เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าเพราะอะไร

คือ ตูน บอดี้สแลม เขาเคยทำงานการกุศลโดยที่เอาตัวเขาเข้าแลก เขาเริ่มจากการหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้โรงพยาบาลบางสะพาน เริ่มต้นจากโรงเรียนสวนกุหลาบ กรุงเทพฯ ไปยังโรงพยาบาลบางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 400 กิโลเมตร ใช้เวลาวิ่ง 10 วัน ระดมทุนจากคนไทยทั่วประเทศได้ถึง 85 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 สามปีกว่าที่แล้ว ตูน บอดี้สแลม ทำโครงการ "ก้าว คนละก้าว" ระดมทุนในการวิ่ง 700 ล้านบาท เพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ จากสุดเขตแดนใต้ อ.เบตง จ.ยะลา ไปจนถึงเหนือสุดเขตแดนสยาม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ระยะทาง 2,191 กิโลเมตร มียอดบริจาคทะลุเป้ากว่า 1 พันล้านบาท


2562 สองปีต่อมา ได้มีการจัดตั้งมูลนิธิ "ก้าวคนละก้าว" ขึ้นมา วิ่งการกุศล 5 ภาค หาเงินช่วยโรงพยาบาลที่ขาดแคลนเพิ่มเติม ตูน บอดี้สแลม ได้พักไปสักพักหนึ่ง เพราะว่าแต่งงาน และภรรยาคลอด มีลูกชายคนหนึ่ง ข่าวว่าน่ารักน่าชังและเป็นที่หลงใหลของตูน และภรรยามาก แต่ตูนก็ยังอดไม่ได้ที่จะเสียสละตัวเองเพื่อทำการกุศล

เขาเริ่มที่จะออกมาเชิญชวนผู้มีใจกุศลร่วมวิ่ง ก้าวเพื่อน้อง ปีที่ 2 เวอร์ชวลรัน ๑๐๙ คำขอบพระคุณ รายได้ทั้งหมดจะสนับสนุนเด็กที่จบ ม.3 ที่ผมเล่าให้ฟังเมื่อกี้ แต่ไม่มีทุนเรียนต่อ วิ่งทั้งหมด 109 กิโลเมตร เริ่มวิ่งสะสมระยะทางได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 28 กุมภาพันธ์ 59 วัน ฝุ่นยังไม่ทันจะสงบเลย ก็มีแรงต้านขึ้นมาแล้ว


หลังจากที่ตูน ประชาสัมพันธ์โครงการออกไป ก็เกิดมีกระแสดรามาวิจารณ์สนั่นในโลกโซเชียล โดยเฉพาะจากพวกม็อบสามนิ้ว โซเชียลในพวกม็อบสามนิ้วเข้ามาถล่มในเพจ EFM ซึ่งเป็นเพจหลักในการประกาศโครงการ มีคนเข้าไปคอมเมนต์ไม่เอาด้วยกับการวิ่งขอรับบริจาคครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังเป็นกระแสในโลกทวิตเตอร์ และมีแฮชแท็กว่า "พี่ตูนวิ่งทำไม" พุ่งมาติดเทรนด์ทวิตเตอร์ด้วย เพียงแค่นี้เท่านั้นเอง ก็เลยเกิดการโยงเรื่องประเด็นการเมืองจากพวกสามกีบสายล้มเจ้า มองว่าวิ่ง 109 กิโลเมตร เพื่อหาทุนให้นักเรียน 109 คน มีเจตนาใช้สัญลักษณ์เลข 10 กับเลข 9 เพื่อโหนเจ้า ส่วนการเมืองฝ่ายตรงข้าม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็โจมตี ไปต่างๆ นานา

ข้อความในการโจมตีนั้น เหตุผลในการโจมตีนั้น ก็มีอยู่หลายเหตุผล นี่คือบางเหตุผล เช่น สองปีที่ผ่านมานักดนตรี คนทำงานกลางคืน เดือดร้อนจากการล็อกดาวน์ แต่พี่ตูนไม่เคยออกมาพูดหรือเรียกร้องให้เพื่อนๆ นักดนตรีเลย อีกข้อความหนึ่งบอกว่า วิ่งทำไม วิ่งเพื่อใคร วิ่งแล้วได้อะไรเหรอ แก้ปัญหาไม่ตรงจุดด้วยซ้ำ ไม่งั้นจะมีรัฐบาลไปทำไม ถ้าวิ่งรอบนี้จบแล้วยังไง มีเด็กได้โอกาสอีก 109 คน แล้วที่เหลือจะทำยังไง วิ่งจนตัวตายก็ยังช่วยเด็กให้เข้าถึงการศึกษาได้ไม่ครบเลย ไปพักนะ อีกอันก็บอกว่า พี่ตูนวิ่ง พี่ตูนช่วยได้แค่ 109 คน แต่ถ้าพี่ตูน call out พี่ตูนอาจจะช่วยได้ทั้งประเทศ พี่ตูนวิ่งทำไม


แล้วคุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล พอมีเรื่องแบบนี้ ก็จะพลาดคุณณวัฒน์ไม่ได้ วิ่งเข้าหาแสงทันที คุณณวัฒน์บอกว่า การวิ่งช่วยเหลือเป็นสิ่งที่ดี แต่หน้าที่การช่วยเหลือและพัฒนาการศึกษาเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ เพราะได้งบประมาณจากภาษีพวกเราไปปีละมหาศาล งบประมาณที่ได้ไป ไปไหนหมด ที่สำคัญ น้องในประเทศไทยที่ลำบากไม่ได้มีเพียง 109 คน แต่ลำบากกันหลายสิบล้านคน ถ้าจะช่วย ช่วยเดินไปบอกนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ ให้พัฒนาการศึกษา และให้โอกาสการศึกษาแก่คนอย่างทั่วถึงดีกว่าครับ เพราะถ้ารัฐบาลไม่ช่วยเหลือต่อ ให้วิ่งอีกร้อยรอบผลลัพธ์ก็ยังเท่าเดิม


นอกจากนั้นก็ยังมีนายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ แห่งไอลอว์ คือเครือข่ายสามกีบ รับเงินสนับสนุนจาก NED ของอเมริกา เป็นสุนัขรับใช้อเมริกา โยงเข้าหาเรื่องรัฐธรรมนูญเลย บอกว่า เห็นข่าว ตูน บอดี้สแลม วิ่งหาทุนให้นักเรียน ม.3 เรียนต่อ 109 คน มองว่าเป็นปัญหาของรัฐธรรมนูญ 60 ที่ไม่กำหนดให้สิทธิเรียนฟรี เรื่องช่วยเด็ก 109 คน สำหรับพี่ตูนคงไม่ยาก แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นวิ่งเพื่อเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ จะช่วยอนาคตลูกหลานได้อีกหลายล้านคน

ท่านผู้ชมครับ ความเห็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของคุณณวัฒน์ หรือคนที่ไม่เห็นด้วยกับการวิ่ง แล้วก็พูดออกมาว่า วิ่งไปทำไม ช่วยได้นิดหน่อย ผมคิดว่าไม่ใช่ความเห็นที่ผิด เขาพูดถูกต้อง ผมเห็นด้วยว่าเชิงโครงสร้างปัญหาความยากจนของประชาชนเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบในการแก้ปัญหา แต่ท่านผู้ชมครับ หลักสำคัญที่ประเทศจะไปข้างหน้าได้ ประชาชนต้องพึ่งตัวเองด้วย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหน และผมก็ไม่ได้คิดว่ารัฐบาลชุดก้าวไกลจะสามารถแก้ปัญหาได้ ลำพังแค่ทำให้ตัวเองเป็นรัฐบาล ก็ยังทำไม่ได้ พวกสามนิ้วก็เหมือนกัน ออกมาเป้าหมายเพื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์ แล้ววันนี้ก็ใช้โซเชียลมีเดียออกมาประท้วง ก็ทำได้แค่นี้

แต่ท่านผู้ชมครับ คุณณวัฒน์พูด ก็ถูก ไม่ผิดหรอก รัฐบาลทุกรัฐบาลไม่มีใครแก้ปัญหาได้เลย เด็กที่เรียนจบ แล้วไม่มีทุนเรียนต่อ มีอยู่เยอะ ไม่ใช่น้อย สมัยคุณแม่ผมยังมีชีวิตอยู่ ก็ตั้งมูลนิธิไชย้ง ลิ้มทองกุล ขึ้นมา มูลนิธินี้ให้ทุนการศึกษาแก่เด็กที่ต้องการจะเรียนมหาวิทยาลัย แต่ต้องสอบเข้าให้ได้ก่อน สอบเข้าได้ด้วยคะแนนเท่าไร ไม่ว่ากัน ถึงจะสองกว่าๆ ไม่ว่า แต่ขอให้มีการพิสูจน์ได้ว่าฐานะทางบ้านยากจน ก็จะให้ทุนเรียน ให้ค่าเล่าเรียนฟรี ให้เงินเดือนประจำเอาไปจ่ายค่าที่พัก และมีเงินใช้จ่ายต่อเดือน อยู่อย่างพอเพียง ไม่ใช่แค่แจกทุนการศึกษา แล้วค่าใช้จ่ายการกินการอยู่ต้องไปขวนขวายหาเอาเอง ไม่ใช่ เราให้สมบูรณ์แบบไปเลย นอกจากนั้นแล้ว เรายังให้ทุนกับเด็กที่ต้องการเรียนสาขาวิทยาศาสตร์ มีหมอ นายแพทย์และหมอฟันที่จบจาก มศว ซึ่งเป็นที่ๆ ภรรยาผมเป็นอาจารย์สอนอยู่ก่อนจะเสียชีวิตไป เราให้ทุนหมอไปเป็นสิบๆ ทุน และก็จบมาแล้วหลายคน ด้วยทุนมูลนิธิไชย้ง ลิ้มทองกุล

ถามว่ามันเป็นหน้าที่ของรัฐบาลไม่ใช่หรือ ? ใช่ครับ ไม่เถียง แล้วทำไมคุณแม่ผมทำล่ะ ? เพราะในฐานะที่เป็นคนๆ หนึ่งที่มีสถานภาพ หรือมีความสามารถที่จะช่วยเหลือคนอื่นได้ คุณแม่ผม และตัวผม และลูกๆ ผม ก็มีความเห็นว่า เราต้องเข้ามาช่วยเขานะ ช่วยตามที่เราจะช่วยได้ ที่ผมพูดนี่ไม่ใช่ว่าผมต้องการจะไปแดกดันอภิมหาเศรษฐีที่มีเงินเป็นแสนๆ ล้าน ว่าคุณได้ทำอะไรให้กับประชาชนบ้าง ไม่ใช่ เรื่องของเขา ก็เป็นเรื่องของเขา แต่สังคมมันน่าอยู่ได้ก็เพราะว่ามีคนอย่างพี่ตูน


 เขาตัดสินใจทำ ถึงเขารู้ เขาก็รู้ที่คุณพูดมาทุกอย่างว่าเป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาฯ คุณคิดว่าพี่ตูนเขาโง่หรือ คุณคิดว่า ตูน บอดี้สแลม เขาโง่หรือ ไม่ใช่ เขาฉลาด เขารู้ดี แต่เขาต้องการใช้ตัวเขาเองเป็นตัวปลุกระดมให้คนเห็นคุณค่าของการให้ นี่คือการสร้างคุณค่าของการให้ระหว่างประชาชนกับประชาชน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับรัฐบาลเลยแม้แต่นิดเดียว

ในสังคมต้องมีคนอย่าง ตูน บอดี้สแลม และคนอื่นๆ อีกเยอะที่เขาลงมือทำโดยไม่หวังผลตอบแทน เริ่มเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เรามีศักยภาพ ทำได้เสียก่อน ไม่ใช่คิดจะเปลี่ยนแปลงโน่นเปลี่ยนแปลงนี่ แล้วยังมีหน้าที่เรียนหนังสือ ต้องทำงาน ต้องแบมือขอเงินพ่อแม่ผู้ปกครองอยู่ อยากเปลี่ยนแปลงโน่นเปลี่ยนแปลงนี่ แต่ตัวเองและคนรอบข้างยังรับผิดชอบไม่ได้

โครงการวิ่งระดมทุน หรือว่าโครงการของแม่ผม มูลนิธิไชย้ง ลิ้มทองกุล เม็ดเงินที่ได้ไม่สามารถช่วยคนได้ทั้งหมดหรอก แต่เป็นการกระทุ้ง กดดันให้รัฐบาลอับอายขายหน้าหรือทำหน้าที่ของตัวเองได้ ซึ่งรัฐบาลส่วนใหญ่หน้าด้าน ก็ช่วยไม่ได้ หรือแม้กระทั่งรายการนี้ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เอาเรื่องอัปยศอดสูของรัฐบาล หน่วยงานรัฐบาล มาตีแสกหน้ารัฐบาลให้รับรู้ไว้ว่าพวกมึงนี่วรนุชมาก ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง ไม่มากก็น้อย แต่หลายๆ ส่วนหน้าด้าน ไม่เปลี่ยนแปลง แล้วจะให้ผมหยุดเหรอ หรือจะให้ผมไปนั่งชิลๆ เดินในทุ่งลาเวนเดอร์ นั่งกินกาแฟเช้าๆ สายๆ ออกไปเดินเล่น บ่ายๆ นอนเสียหน่อย แล้วเย็นๆ นั่งดูทีวี ดู Netflix ดูซีรีส์เกาหลี ดูซีรีส์ฝรั่ง The Witcher อะไรทำนองนี้ ไม่ใช่ ผมไม่เชื่อนะว่าชาวเน็ต ชาวทวิตเตอร์ ที่คอมเมนต์คัดค้าน หรือพวกสามกีบ หรือแม้กระทั่งคุณณวัฒน์ ถ้าพวกคุณจะมาเป็นรัฐบาล พวกคุณจะแก้ปัญหาอะไรได้ อย่าดีแต่พูด ผมว่าคุณตูน บอดี้สแลม เป็นคนจริง เขาไม่พูดเยอะ เขาทำจริงเลย ผลงานที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นได้ชัดอยู่แล้ว


ส่วนที่เขาตั้งไว้ 109 เพราะรัชกาลที่ 10 และรัชกาลที่ 9 ถึงจะเป็นจริง แล้วอย่างไรล่ะ ? หนักกบาลอะไรพวกคุณล่ะ เขาต้องการเทิดทูน รัชกาลที่ 10 ในช่วงโควิด ท่านพระราชทานเงินของท่านเป็นพันๆ ล้าน รัชกาลที่ 9 ท่านใช้ชีวิตทั้งชีวิตช่วยประชาชนคนไทย แล้วถ้าพี่ตูนเขาจะเทิดทูน 109 คือรัชกาลที่ 10 กับรัชกาลที่ 9 ก็สมควรอยู่แล้ว เพราะเป็นกษัตริย์ที่มีคุณูปการต่อชาติบ้านเมือง แล้วมันหนักหัวกบาลอะไรพวกคุณ ที่พวกคุณมาพูดอย่างนี้เพราะว่าพวกคุณเกเร เพราะเจตนารมณ์ของพวกคุณลึกๆ ที่ออกมาค้าน ผมก็รู้ว่าคุณเกลียดกษัตริย์ ให้คนที่เขารักกษัตริย์ และเขาทำงาน ใช้ศักยภาพของเขามาดึงคนเข้ามาร่วมกันทำบุญกันดีกว่าไหม ส่วนพวกคุณที่เกลียดกษัตริย์ ก็ไม่ต้องอ้อมค้อม คุณก็ไปชุมนุมกันเงียบๆ คุณก็ชุมนุมแล้ว แต่อย่าทำผิดกฎหมาย 112 นะ เดี๋ยวคุณก็โดนอีก คุณก็ไปชุมนุมกัน ก็ด่าไปสิ อยากด่าก็ด่าไป ยังมีคนที่รักกษัตริย์ รักสถาบัน และรักพี่ตูน อีกเยอะมาก

อิทธิพลของโซเชียลมีเดียมันมีจริง แต่ไม่ได้มีมากอย่างที่คุณคิดนะ ถ้ามันมีมากจริง ทวิตเตอร์บ้าบอที่พวกคุณออกมาแฮชแท็กอะไรกันนี่ ถ้ามันมีมากจริง ทำไมมันไม่เปลี่ยนแปลงล่ะ พวกคุณก็ถล่มลูกสาวของคุณตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ไปแล้วไม่ใช่หรือ


แฮชแท็กขึ้นเลย world wide แล้วไง ? เกาหลีเขาก็ยังยืนยันที่จะเดบิวต์ลูกสาวของคุณตั้ว พวกคุณนี่นะ โคตรหลงตัวเองเลย นั่งพิมพ์ๆๆ แฮชแท็ก พวกคุณรู้ไหมว่าพวกคุณนี่โคตรไร้สาระเลย แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นพวกที่ยังแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่ ไม่รู้จะเตือนพวกคุณอย่างไร เพราะสติปัญญาพวกคุณมันเกินกว่าคำเตือนที่ใครจะเตือนคุณได้แล้ว
.
.
ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องเก่าแล้วนะ เหตุเกิดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 ประมาณเดือนที่แล้ว เป็นเรื่องของเด็กไทยที่ชื่อ น้องบิว จิรจริยาเวช เป็นนางแบบ วัย 23 ปี จบคณะวารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ถูกทำร้ายชิงทรัพย์ในรถไฟใต้ดินมหานครนิวยอร์ก


ผมจะไม่เล่ารายละเอียดก็แล้วกัน เอาเป็นว่า เธอไปดูคอนเสิร์ตมา แล้วเธอกลับบ้านประมาณตี 4 เธอรอรถไฟใต้ดินอยู่ แล้วเธอโดนคนนิวยอร์ก น่าจะเป็นคนผิวดำ ทำร้ายร่างกายและชิงทรัพย์ และพยายามข่มขืน เธอก็ออกมา แล้วก็เป็นข่าวในสังคมอเมริกันสักพักหนึ่ง ตอนนี้ก็เงียบหายไปแล้ว เพราะว่าเรื่องของเธอไม่ใช่เรื่องแรก มันเยอะมากที่คนเอเชียโดนทำร้าย

ผมไม่อยากให้น้องบิวเข้าใจว่าน้องบิวจะได้รับความยุติธรรมจากตำรวจอเมริกา เพราะตำรวจก็ออกมาแก้ตัวเรียบร้อยแล้วว่า ภาพในกล้องวงจรปิดนั้นเป็นภาพที่ไม่ชัด ทำให้ไม่สามารถที่จะดูได้ เธอถูกส่งไปที่โรงพยาบาลที่ชื่อ Lenox Hill ในกรีชนวิช วิลเลจ เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ


ท่านผู้ชมครับ ที่ผมติดใจและผมเอาเรื่องนี้มาพูด ไม่ใช่เรื่องการที่เธอถูกทำร้าย เพราะว่าส่วนหนึ่งของการทำร้ายเธอ เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ประทุษร้ายร่างกายคนแปลกหน้าและคนที่ไม่ใช่คนอเมริกัน หลายต่อหลายครั้งในนิวยอร์ก เฉพาะหนึ่งอาทิตย์ก่อนที่เธอถูกทำร้าย ตำรวจนิวยอร์กได้รับแจ้งเหตุอาชญากรรมแบบนี้ 60 คดี ในสัปดาห์เดียวกัน เพิ่มขึ้นจากเก่าเท่าตัว 30 คดี โดยเฉพาะจากคนเอเชีย ตั้งแต่ปี 2564 จนถึงพฤศจิกายน 2564 ได้รับแจ้งว่าคนเอเชียโดนทำร้ายจากความเกลียดชัง 128 คดี ปีที่แล้วแค่ 30 คดี


ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่ผมสนใจคือสิ่งที่น้องบิวพูดออกมาว่า เป็นความฝันอันสูงสุดที่จะได้มานิวยอร์ก อันนี้ผมเข้าใจ น้องบิวมองนิวยอร์กเป็นจุดหมายปลายทางในอุดมคติมาตลอด ตั้งแต่เด็กแล้ว มีความฝันย้ายมาอยู่มหานครนิวยอร์กแห่งนี้ เธอให้สัมภาษณ์สื่อตะวันตก เพื่อเรียนภาษาอังกฤษและเดินตามความฝันเข้าสู่วงการแฟชั่น อันนี้เป็นความมุ่งมั่นซึ่งผมไม่ตำหนิ และผมก็ชื่นชม คนเราถ้ามีความมุ่งมั่นอะไรก็ตาม ก็พยายามทำตามความมุ่งมั่น แต่ผมอยากจะฝากเตือนสติน้องบิวและหลายๆ คนที่กำลังคิดแบบน้องบิว


ท่านผู้ชมครับ ผมมีลูกหลานหลายคนมาก สมัยก่อนใฝ่ฝันจะเป็นแอร์โฮสเตส เป็นอาชีพที่ใฝ่ฝันมากที่สุด จนกระทั่งตอนหลังมหาวิทยาลัยต่างๆ ก็เริ่มมีภาควิชาเรียนทางด้านธุรกิจการบินเพื่อไปสอบเป็นแอร์ฯ วันนี้ถามอีกที ทุกคนก็บอกว่าเลือกอาชีพผิด เพราะว่าไม่มีงานแล้ว การเป็นแอร์โฮสเตส อันนั้นก็คือความฝันของเราในบางครั้ง กับความเป็นจริง มันตรงกันข้ามกัน

แต่ที่สำคัญผมอยากจะบอกน้องบิว ให้น้องบิวเขารู้นิดหนึ่งว่า น้องบิวไม่ผิดหรอกที่อยากจะไปอยู่นิวยอร์ก แต่น้องบิวรู้จักอเมริกามากดีพอหรือเปล่า ผมเรียนหนังสือที่อเมริกาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1965 อยู่ทั้งหมด 11 ปี จบปริญญาตรี ปริญญาโท และทำงานอยู่ที่อเมริกาอยู่ 2-3 ปี เป็นสตริงเกอร์ให้กับสำนักข่าว AP ที่เมืองเล็กๆ Logan ที่ผมเรียนปริญญาโทอยู่

อเมริกาเมื่อสมัยผมอยู่ ปี 1965 ห่างจากวันนี้ไปตั้ง 47 ปี อเมริกาปีนี้ไม่เหมือนอเมริกาปีที่ผมอยู่ ความสงบสุขไม่มี อเมริกาเป็นประเทศที่ ... ขอประทานโทษท่านผู้ชม หลายๆ คนพูดภาษาหยาบๆ ว่า Fuck up หรือจะพูดอีกแบบว่า เป็นประเทศที่อิ๊บอ๋ายแล้ว ไม่เคยจะมีความแตกแยกในอเมริกาครั้งไหนจะยิ่งใหญ่เท่าครั้งนี้

น้องบิวครับ ประเทศหรือเมืองที่น้องบิวชอบอยู่ จนวันนี้ยังมีนักการเมืองพรรครีพับลิกันที่อยู่ในสภาคองเกรส และอยู่ในสภา Senate อยู่ไม่น้อยเลย ที่ยังไม่ยอมรับว่าการเลือกตั้งว่านายโจ ไบเดน ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ยังเชื่อว่านายทรัมป์ ถูกโกงการเลือกตั้ง มีการจลาจลเกิดขึ้นทุกเมือง ทุกวันนี้ มีเด็กในโรงเรียนมัธยมที่คว้าปืนมาแล้วไล่ยิงเพื่อนตัวเองในโรงเรียน ตั้งไม่รู้กี่สิบกรณีแล้ว ในทางต่างประเทศ อเมริกาเป็นประเทศที่ถูกตราหน้าว่าเป็นประเทศที่สร้างสงครามตลอดชีวิต รังแกประเทศชาติ รังแกทุกคนที่ไม่ได้เชื่อในหลักการอเมริกา หลักการอเมริกาก็คือว่า ฉันบอกอะไร หลักการอะไร เงื่อนไขอะไร แกก็ต้องทำตามฉัน ไม่อย่างนั้นแกไม่ใช่พวกฉัน แกไม่ใช่ประชาธิปไตยในสายตาฉัน พอจีนขึ้นมา ใหญ่ขึ้นมา อเมริกาก็เลยเกเร จีนจะใหญ่ได้อย่างไร ในโลกนี้ต้องอเมริกาประเทศเดียว จีนก็บอกว่าในโลกนี้ต้องมีขั้วหลายขั้ว อเมริกาไม่ยอม

อเมริกาที่น้องบิวชอบ รัก ลุ่มหลง และเด็กๆ อีกหลายคนอยากไป เป็นอเมริกาที่มีคนติดเชื้อมาตั้ง 50 กว่าล้านคน ตายไปแล้ว 8 แสนกว่า ทั้งๆ ที่อเมริกาเป็นประเทศที่มีคุณภาพของการแพทย์ที่ดีที่สุดในโลก ทั้งหมดนี้ ผมอยากให้ ... จะรักประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือจะชอบเมืองใดเมืองหนึ่ง ให้ดูสิ่งแวดล้อม

เอาล่ะ ผมจะเอาข่าวล่าสุดให้ฟังชิ้นหนึ่ง วันนั้นผมดูข่าว CNN ชิ้นหนึ่งจากแอปพลิเคชัน CNN ศาสตราจารย์บาร์บารา วอลเตอร์ส ชื่อไปซ้ำกับนักสื่อมวลชนผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชื่อมาก ชื่อ คือ บาร์บารา วอลเตอร์ส สอนที่ University of California ที่เมืองซานดิเอโก เขาเป็นคนที่ศึกษาในเรื่องของความบกพร่องของประชาธิปไตยทั่วโลก และเขาศึกษาอเมริกามานานแล้ว เขาให้สัมภาษณ์ข่าว CNN ชัดเจน เขาบอกว่า จากการประเมินของเขาแล้ว อเมริกากำลังจะมีสงครามกลางเมือง เร็วกว่าที่พวกคุณคิดว่าจะมี เพราะว่าตอนนี้คนอเมริกาหลายคนหมดหวังกับการเมืองอเมริกาแล้ว ประชาธิปไตยแบบอเมริกา

น้องบิว ผมเป็นคนที่อยู่อเมริกามาสิบปี และผมก็กลับไปเยือนอเมริกาตลอดเวลา มหานครนิวยอร์กนี่ผมไปร่วมสิบกว่าครั้งแล้ว ผมไปแล้วผมไปดูละครบรอดเวย์มา The Phantom of the Opera ผมก็ไปดูที่นั่น Miss Saigon ผมก็ไปดูที่นั่น ผมพักอยู่ที่โรงแรมเพนนินซูล่า ถนน 55 ตัดกับ Fifth Avenue รู้จักอเมริกาดี ผมชอบซานฟรานซิสโกมาก เป็นเมืองในหมอก แต่เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ผมไปงานแต่งงานของลูกสาวน้องคนหนึ่ง ผมเจอคนไทยที่ผมสนิทด้วย 2-3 คน ที่บินมาจากซานฟรานซิสโก มางานแต่งงาน เขาบอก พี่ ผมอยู่ไม่ได้แล้ว อเมริกา ผมอยากจะย้ายมาอยู่เมืองไทย หาทางอยู่ตอนนี้ ทุกคนที่ผมรู้จักอยากกลับเมืองไทยทั้งสิ้น


อเมริกาที่ผมอยู่ ณ วันนี้ ไม่ใช่อเมริกาอีกต่อไปแล้ว รถจอดอยู่ ก็มีคนไปทุบกระจกเพื่อขโมยของในรถ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ คนที่ซื้อรถในอเมริกานั้น เวลาจอดอยู่ เขาจะไม่ปิดกระจก เขาเปิดหมดเลย มึงจะเอาอะไร เอาไป เพราะถ้าปิดกระจก ต้องโดนทุบกระจก ถ้าเปิดกระจก อย่างน้อยที่สุดมันเข้าไปค้นในรถ ไม่มีอะไรมันก็ไป แต่ถ้าดันปิดกระจก มันทุบกระจกทันที

แคลิฟอร์เนียมันมีกฎหมายอันหนึ่ง แอลเอ วันนี้เหมือนประเทศโจร เหมือนเมืองโจร ลอสแองเจลิส เหมือนเมืองโจร ประเทศโจรเลย มีกฎหมายในแอลเอ บอกว่า ถ้าใครก็ตามขโมยของ หยิบของไปในมูลค่าที่ไม่ถึง 1 พันเหรียญ ไม่ติดคุก ร้านสะดวกซื้ออย่างเช่นวอลล์กรีน ปิดไปเยอะแยะไปหมด คลิปเยอะแยะไปหมดเลยเห็นพวกคนผิวดำ คนฝรั่ง เข้าไปแล้วก็ไปหยิบข้าวของใส่กระเป๋าแล้วเดินออกไป รปภ. ยืนดูเฉยๆ ไม่ทำอะไร น้องบิว นี่คืออเมริกาที่น้องบิวชอบใช่ไหม ? คนเอเชียยืนอยู่หัวมุมถนนในซานฟรานซิสโก อาม่าคนหนึ่งถูกคนต่างชาติทุบหัว จนเข้าโรงพยาบาล แกฮึดสู้ แกเอาไม้หน้าสามไปตีคนนั้น


คนเอเชียสมัยเมื่อผมเรียนอยู่เมื่อปี 1965 ผมยังมีความรู้สึกเลยว่า ขนาดอเมริกาในยุคนั้นยังดีอยู่ ผมยังมีความรู้สึกว่าผมเป็นประชาชนชั้นสอง แล้ววันนี้ น้องบิว น้องบิวจะไปเดินแบบที่ไหน ผมเข้าใจ เมืองไทยใช่ว่าไม่มี เมืองไทยก็มี เมืองไทยก็ฆ่านักท่องเที่ยว โน่นนี่นั่น แต่ถ้าพูดถึงภาพรวมแล้ว อเมริกามัน Fuck up จริงๆ น้องบิว ขอประทานโทษ มันไม่มีคำพูดไหนจะอธิบายสถานภาพอเมริกาได้ดีเท่าคำพูดของผมอีกแล้ว

สิ่งที่อเมริกามาพูดนอกประเทศ กับสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศ คนไร้บ้านเต็มไปหมด คนไม่มีบ้านอยู่ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้เมืองต่างๆ เริ่มเอาที่จอดรถมาแล้วให้คนที่ไม่มีบ้านเอารถตัวเองไปจอด แล้วก็นอนหลับในรถ เพราะว่าคนพวกนี้ไม่มีเงินซื้อรถเทรลเลอร์ที่จะไปนั่งจอดตามปาร์ก เทรลเลอร์ก็คือบ้านหลังหนึ่ง ใช้รถยนต์นี่ล่ะ คุณทำงานที่ไหน ตกเย็นคุณก็ขับรถไปจอดที่ปาร์กที่เขาให้จอด มีห้องอาบน้ำรวม มีห้องน้ำรวม นี่หรืออเมริกา American Dream นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะพูดในมิติเรื่องราวของน้องบิว ว่าเลิกคิดได้แล้ว อเมริกาไม่ใช่ประเทศที่คุณควรจะไปอีกต่อไป การเหยียดผิวแน่นอนที่สุด และแน่นอนที่สุด อีกหน่อยพวกผิวขาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งรีพับลิกัน สายนายทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดีต่อจากโจ ไบเดน แล้วคุณจะเริ่มเห็นการเหยียดผิวที่รุนแรงมากกว่าเก่า และอาจจะมีการจลาจลเกิดขึ้น ไปจนถึงสงครามกลางเมือง ที่ศาสตราจารย์ ดร. บาร์บารา วอลเตอร์ส แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ที่เมืองซานดิเอโก พูดออกมา ตามที่ผมเล่าให้ฟัง นี่คือมิติที่ผมอยากจะพูดให้ท่านผู้ชมฟังครับ


ท่านผู้ชมครับ เมื่อต้นเดือนนี้ 3 ธันวาคม 2564 ทางลาวได้มีการเปิดบริการรถไฟลาว-จีน ให้บริการระยะแรกเส้นทางเวียงจันทน์-บ่อเต็น บ่อเต็น อยู่ที่ไหน ? บ่อเต็น เป็นเมืองสุดท้ายที่อยู่ชายแดนระหว่างประเทศลาว-ประเทศจีน แต่เนื่องจากจีนเขาปิดประเทศ เนื่องจากสถานการณ์โควิด ก็ได้อนุญาตไปแค่เวียงจันทน์-บ่อเต็น เท่านั้นเอง ซึ่งระยะต่อไปถ้าไม่ปิดประเทศก็เป็นการข้ามพรมแดนจากเวียงจันทน์ วิ่งไปถึงคุนหมิงเลย ก็คือวิ่งเวียงจันทน์ วิ่งไปบ่อเต็น ข้ามเข้าไปในฝั่งประเทศจีน แล้วก็วิ่งจากทางใต้ของประเทศจีน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน แล้วขึ้นไปสู่คุนหมิง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลยูนนาน แล้วจากมณฑลยูนนาน ก็จะไปเชื่อมต่อกับเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงเครือข่ายใหญ่ที่จะไปไหนก็ได้ จะไปเซี่ยงไฮ้ก็ได้ จะไปปักกิ่งก็ได้ จะไปกวางโจวก็ได้ หรือจะไปแม้กระทั่งเสฉวน ทิเบต ได้หมด เพราะว่าเครือข่ายของจีนนั้นเขาเชื่อมไปให้ถึงหมดแล้ว

ทีนี้ พิธีเปิดรถไฟลาว-จีน ก็มีสื่อมวลชนของทางการไทยบางส่วน วิพากษ์วิจารณ์ประเทศลาวอย่างเลอะเทอะและเละเทะ ในที่สุดสื่อรัฐบาลลาวก็เริ่มทนไม่ไหว ก็เลยตอบโต้ว่า สื่อมวลชนคนไทยบางสื่อนั้นโง่ อวดฉลาด ไร้มารยาท จรรยาบรรณ เพราะว่ามีการเสนอข่าวดูถูกคนลาวว่าไม่มีเงินซื้อตั๋ว ลาวเขาก็ตอบโต้ว่า ไม่ได้ให้มาช่วยใช้หนี้ แล้วเดือดร้อนอะไร ถ้าลาวเป็นหนี้จีน ก็เป็นเรื่องของลาวกับจีน ก็คือสรุปง่ายๆ ว่า ลาวเขาพูดสุภาพ แถวบ้านผมเขาเรียกว่า มาเสือกอะไร เรื่องของกู


วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว เผยแพร่คลิปวิดีโอ บทความยาว 12 นาทีครึ่ง ในหัวข้อ "สายตาอคติของนักข่าวไทยบางคนต่อรถไฟลาว-จีน" คือโครงการรถไฟลาว-จีน ได้รับความสนใจจากสื่อในประเทศไทย นำเสนอบทความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง แต่มีสื่อบางสำนักขาดความรู้ความสามารถ นี่เป็นภาษาลาว รายการลาวที่ออกมา "ปากบ่ดี" เขาบอกว่าสื่อเรา ปากบ่ดี ออกข่าววิพากษ์วิจารณ์รถไฟลาว-จีนด้านลบ เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง


ที่ลาวเขาต่อว่า เพราะว่ามีนักข่าว ที่สำคัญเป็นนักข่าวประจำสถานีโทรทัศน์ NBTหรือช่อง11 ซึ่งถือเป็นหน่วยงานราชการของไทย ออกมาพูดว่าคนลาวจะไม่มีปัญญาได้ขี่ เพราะคนลาวมีเงินเดือนน้อย แต่ราคาตั๋วรถไฟแพง จะทำให้รถไฟขาดทุน เพราะมีผู้โดยสารน้อย รัฐบาลลาวจะไม่สามารถใช้หนี้ที่กู้ยืมมาได้

ท่านผู้ชมครับ นี่เป็นการวิเคราะห์ขาดความรอบคอบในการวิเคราะห์ข่าวไม่ตรงความจริง ไปดูถูกกำลังซื้อของประชาชนลาว และรัฐบาลลาว

ท่านผู้ชมครับ รู้ไหมว่าที่อุดรธานี ธุรกิจเสริมสวยความงาม แต่งองค์ ตลอดจนเสื้อผ้า การทำในเรื่องของคอสเมติก หรืออะไรก็ตาม ที่มีร้านเปิดที่อุดรธานีเยอะแยะไปหมดเลย รวมทั้งหนองคายด้วย ไม่ใช่คนไทยนะครับ เป็นคนลาวทั้งนั้น ที่เขายังเปิดประเทศอยู่ แล้วมาด้วยรถยนต์เขาเอง

คำพูดของสื่อลาวก็เลยบอกว่า สื่อไทยนักพิธีกรคนนี้โง่อวดฉลาด ต้องการให้คนเข้ามาชมรายการตัวเองด้วยวิธีการสกปรก และสื่อทางลาววิทยุกระจายเสียงประเทศลาวยังอยู่ต่อ จะด้วยเป็นการอิจฉาคนลาวหรือมีจุดประสงค์ทางการเมืองหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ เพราะสถานีโทรทัศน์ที่นักข่าวคนนี้ทำงานอยู่เป็นของรัฐ ซึ่งต้องรับใช้ผลประโยชน์ของรัฐอยูู่แล้ว แต่ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม การนำเสนอของนักข่าวไทยคนนี้ เป็นการเสนอที่ผิดพลาด ขาดการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้าน ขาดจรรยาบรรณสื่อมวลชนอย่างหนัก

บทความอันนี้ได้อธิบายว่า ทางรถไฟ ลาว-จีน เป็นโครงการยุทธศาสตร์ เปลี่ยนประเทศจากที่ไม่มีทางออกทางทะเลไปสู่ประเทศที่เชื่อมโยงกับภูมิภาค สอดรับกับข้อริเริ่ม "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ของจีน ทางลาวเขาพูดอย่างนี้ท่านผู้ชม ถ้ารัฐบาลลาวไม่คิดละเอียดรอบคอบคงไม่กล้าตัดสินใจลงทุนร่วมกับรัฐบาลจีนสร้างรถไฟสายนี้ขึ้น


ในบทความก็ยังเอา คำสัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ก็คือ นายพันคำ วิพาวัน พูดว่าการเปิดใช้รถไฟทางลาวนั้น เขาบอกว่าทางจีน เข้ามายึดลาวหมดแล้ว ลาวเป็นหัวเมืองขึ้นทางเศรษฐกิจของจีนหมดแล้ว อันนี้เป็นข่าวบิดเบือน เพราะจริงๆแล้วเป็นความต้องการของประชาชนลาว

ท่านผู้ชมครับ ข่าวอันนี้ผมเล่าที่มาที่ไปนิดหนึ่ง มันมาจากสำนักข่าวต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นซีเอ็นเอ็น บีบีซี ล้วนแต่บอกว่า ลาวติดหนี้จีนหมด ฉะนั้นจีนจะเข้ามายึดลาวแล้ว

บทความของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศลาวก็บอกว่า จริงๆ แล้วนี่เป็นความต้องการของประชาชนลาว ข้าพเจ้า นายกรัฐมนตรีลาว เคยบอก เอาไหม 5 ประเทศที่อยู่รอบๆ ลาว ถ้าเส้นทางรถไฟนี่สำเร็จ ก็จะเป็นทางรถไฟสายแรกที่เกิดอยู่ใน 5 ประเทศ ซึ่งได้รับความสำเร็จไปด้วย และเป็นความมุ่งมั่นปรารถนาของประชาชนลาวที่อยากมี และถ้าเราอยากมีทางรถไฟมันผิดตรงไหน

เพราะทางรถไฟมันรับใช้มนุษย์ รับใช้การส่งสินค้า รับใช้ผลประโยชน์ทางด้านการค้า การท่องเที่ยว ก็ยังมีผู้มาโจมตีบอกว่า รัฐบาลลาวจะเป็นหนี้สินจีนมหาศาลจากทางรถไฟ ซึ่งก็ไม่ถูก ผู้เป็นหนี้คือบริษัททางรถไฟลาว-จีน เมื่อบริษัทเป็นผู้ติดหนี้ บริษัทก็เป็นผู้หาเงินมาใช้ โดยได้รับการอุ้มชูสนับสนุนของรัฐบาลลาว และรัฐบาลจีน นี่เป็นคำให้สัมภาษณ์ของ นายพันคำ นายกรัฐมนตรีของลาว


นอกจากนั้นแล้ว เขายังบอกว่า การที่มาบอกว่า คนลาวไม่สามารถจะขึ้นรถไฟลาว-จีน ได้เพราะค่าตั๋วแพงนั้น เป็นการวิเคราะห์ที่ผิดพลาดที่สุด เป็นการดูถูกคนลาว เพราะเป็นการนั่งมโนภาพตัวเองอยู่ในห้องทำงานคนเดียว ไม่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาดูโลก

ปรากฏว่า ท่านผู้ชมครับ ข้อเท็จจริงคือ 5 วัน ที่เปิดให้ใช้ มีคนซื้อตั๋วรถไฟถึง 5,500 กว่าคน ทั้งที่เปิดเดินรถเพียง 2 เที่ยวต่อวันเท่านั้น แล้วยังมีผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วอย่างหนาแน่นในวันต่อมาทุกวันจนถึงวันนี้

ท่านผู้ชมครับ เขาพูดต่อ อันนี้เจ็บมาก เรายังไม่เคยไปยุ่งเรื่องของประเทศไทย ไม่เคยพูดดูถูกคนไทย ทำไมถึงมาดูถูกคนลาวไม่มีมารยาท แล้วถ้าลาวเป็นหนี้จีนคนไทยเดือดร้อนอะไรด้วย พวกคุณมาช่วยใช้หนี้หรือเปล่านี่คือความเห็นของคนลาว ท่านผู้ชม ผมฟังแล้วผมก็หัวเราะ ผมขำ ผมขำถึงความโง่ ของคนที่ไปมองลาว ในลักษณะที่ลาวจน

ท่านผู้ชม ลาวนี่ประชากรเขาน้อยมาก รายได้หลักของเขาคือการขายไฟฟ้าในไทย ทุกวันนี้ไทยมีไฟฟ้าใช้ในราคาที่ไม่แพงนักก็เพราะว่า การการไฟฟ้าฝ่ายผลิตซื้อไฟฟ้าจากลาว เอามาจ่ายให้คนไทยใช้ ฉะนั้นแล้ว พูดถึงจำนวนประชากรแล้ว รายได้ต่อหัวของเขา เขามีเงินมากพอสมควร

ท่านผู้ชมครับ ลาวมีความสัมพันธ์กับไทยมานานแล้ว ในระบบราชวงศ์แล้ว ลาวเคารพสมเด็จพระเทพฯ มากอย่างสูง เพราะพระองค์ได้ เสด็จฯ ไปเยือนลาวหลายครั้ง แล้วพระองค์ท่านก็ไปช่วยลาวในเรื่องการทำโรงเรียน

ผมยังจำได้เลย ท่านผู้ชมครับ สมัยหนึ่งที่เขาเปิดสะพานเชื่อมระหว่างหนองคาย - เวียงจันทน์ ลาว สะพานข้ามโขงสะพานแรก ปรากฏว่า ผม กับ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ได้ไปในงานด้วย และท่านผู้ชมรู้มั้ย ใครเชิญผมกับ ดร.ชัยอนันต์ ไป ไม่ใช่รัฐบาลไทยเชิญ ประเทศลาวเชิญผมไป และผมนั่งในฝั่งวีไอพีประเทศลาว ตรงกันข้าม ก็จะเป็นฝั่งของวีไอพีของประเทศไทย ข้าราชการขั้นผู้ใหญ่หลายคนงง ว่าผมมาได้ยังไง


ผมสนิทสนมกับทางลาวมานาน ท่านเพ้า บุนนะผน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ของประเทศลาว ท่านเสียชีวิตไปแล้ว สมัยหนึ่งผมขอสัมปทานดาวเทียมลาวสตาร์ นานมาแล้ว ตั้งแต่สมัยคุณทักษิณ ยังไม่ได้ยิงดาวเทียมไทยคม รุ่นไอพีสตาร์ ขึ้นไป ผมได้สัมปทานมา ท่านเพ้า บุนนะผน ผมบอกว่าสัมปทานลาวแอลสตาร์ ลาวสตาร์นั้น ผมจะยิงโดยใช้ช่องเคยูแบนด์ ช่องที่สามารถถ่ายทอดโทรทัศน์ได้โดยใช้จานเล็กๆ ที่ทุกวันนี้ใช้เกลื่อนเลย สมัยนั้นยังไม่มีใครเล่น ผมเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เอาบริษัทเข้าไปหาเงินระดมทุนที่ตลาดหลักทรัพย์ที่อเมริกา กำลังจะสำเร็จอยู่แล้ว ปรากฏเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินปี 2540 ต้มยำกุ้ง เลยทำให้โครงการนี้พับไป

ที่ผมมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ผมจำได้ว่า ท่านเพ้า บุนนะผน เคยมาเยี่ยมผมที่บ้านพระอาทิตย์ นั่งทานกาแฟกัน คุยกัน ถึงสถานการณ์บ้านเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาว ท่านเพ้า บุนนะผน บอกผมอย่างนี้ ท่านสนธิ ถามอะไรหน่อยได้มั้ย ผมบอก ได้ครับท่าน ที่เขาบอกว่าไทยกับลาวเป็นพี่น้องกัน ผมอยากจะถามว่า "ใครเป็นพี่ ใครเป็นน้อง"

ท่านผู้ชมครับ อาจารย์ชัยอนันต์ นั่งอยู่สำลักน้ำเลย ผมก็หัวเราะ ท่านเพ้า กำลังจะพูดอะไร พูดได้เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ ท่านบอกว่า พวกคนลาวเขาอึดอัดใจมานานแล้ว ว่าที่ไทยชอบพูดว่า "ไทยลาวเป็นพี่เป็นน้อง" แล้วไทยก็ตั้งตัวเป็นพี่ของลาว คุณมาเป็นพี่ของพวกผมได้ยังไง เราเป็นเพื่อนกันไม่ดีกว่าเหรอ ทำไมต้องเป็นพี่เป็นน้อง ทีไทยกับจีน คุณบอกว่าไทยจีนพี่น้องกัน แสดงว่าคุณยอมรับว่าเขาเป็นพี่ เพราะจีนเขาใหญ่กว่าคุณ คุณก็ใช้ความใหญ่กว่าลาว มาตั้งตัวเป็นพี่ของลาว แล้วก็บอกไทยลาว เป็นพี่้น้องกัน บอกคนลาวเขาเคืองมาก กับคำว่าไทยลาวเป็นพี่น้องกัน แล้วนัยคือไทยเป็นพี่ ลาวเป็นน้อง

ท่านผู้ชมครับ นี่เป็นความจริงเกิดขึ้นมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนปี 2540 ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว จนถึงวันนี้ ความรู้สึกอันนี้ก็ยังอยู่ แล้วไม่เปลี่ยนแปลง ยิ่งมาเจอแบบนี้ ยิ่งมาเจอคนปากเสีย มาต่อว่าลาว หาว่าไม่มีเงินซื้อตั๋วรถไฟ ลาวเขารับไม่ได้จริงๆท่านผู้ชม ผมถึงไม่ประหลาดใจ ท่านผู้ชม ว่าทำไมความสัมพันธ์รระหว่างเรากับลาวไม่ได้ดีขึ้นเลย

เพราะเราได้เชื้อดีเอ็นเอจากฝรั่งต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกันมามากๆจริงๆ จนกระทั่งปฏิญญาลุ่มแม่น้ำโขง ที่ไปเซ็นต์กันที่เมืองซานย่า ว่า 6 ประเทศจะร่วมมือกัน ที่จะทำลำน้ำโขงเป็นแม่น้ำแห่งสันติภาพและการท่องเที่ยวและการค้าขาย


แล้วปรากฏว่าทุกคนลงมือทำตามปฏิญญาซานย่า ลงสัญญา ไทยประเทศเดียวที่ไม่ได้ทำ เพราะอะไร เพราะเราโดนอเมริกาเข้ามาแทรกแซงและบอกว่า อย่าไปเซ็นร่วม อเมริกาต้องการจะขวางจีน

และนี่คือเหตุผลที่ ลาวมีความรู้สึกว่าคนไทย ก็คือหมารับใช้ของฝรั่งอเมริกัน เพราะลาวเขารบกับอเมริกันมานานแล้วทั้งชีวิต เขาไม่ได้ปลื้มกับการที่อเมริกามาพูดนั่นนี่ อเมริกาก็ไม่ชอบลาว ประเทศเขาเล็ก ประชากรเขาน้อย แต่จุดยืนเขามั่นคงแข็งแรง ไม่เหมือนประเทศไทย

ท่านผู้ชมครับ นี่คือข้อเท็จจริงที่ผมจะเปิดเผยให้ฟัง มาแนะนำหน่อย พิธีกรที่ทำปืนลั่นใส่ตีนตัวเอง ชื่อ คุณถนอม อ่อนเกตุพล เป็นผู้ดำเนินรายการ NBTในที่สุดต้องออกมาขอโทษประชาชนชาวลาว ขออภัย ว่าไม่ได้ดูข้อเท็จจริง พอผมดูประวัติของคุณถนอมแล้ว ผมก็ไมได้ประหลาดใจ


คุณถนอม ดีเอ็นเอเป็นพวกพรรคประชาธิปัตย์ ปัจจุบันอายุ 53 ปี เป็นคนนครศรีธรรมราช จบรัฐศาสตร์ จากรามคำแหง จบปริญญาโท พัฒนาสังคม จากนิด้า เป็นเด็กสร้างของ คุณสำราญ รอดเพชร ซึ่งเคยอยู่กับผม และคุณชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ ซึ่งเขียนคอลัมน์ข่าวต่างประเทศ ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ โดยใช้นามปากกาว่า "ทับทิม พญาไท" ซึ่งผมภูมิใจที่จะพูดว่า ถ้ามี 3 อันดับสุดยอดของนักเขียนเรื่องข่าวต่างประเทศแล้ว คุณชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ ทับทิม พญาไท จะต้องอยู่อันกับ 1 ใน 3 แน่ และถ้า คุณชัชรินทร์ อยู่อันดับ2 เชื่อผมเถอะครับ ไม่มีใครกล้าขึ้นอันดับ 1 หรอก

แล้วคุณถนอม ก็ไปทำงานเป็นสื่อมวลชน สายการเมืองประจำทำเนียบรัฐบาล เคยจัดรายการวิทยุ ในการเลือกตั้งทั่วประเทศ 2548 คุณถนอมลงด้วย ท่านผู้ชมไม่ต้องประหลาดใจนะ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ คุณถนอมเคยเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นโฆษกกรุงเทพมหานคร อดีตที่ปรึกษา และเป็นโฆษกสมัยผู้ว่าฯ อภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นอดีตผู้อำนวยการสถานีวิทยุกรุงเทพมหานคร อดีตรองโฆษกกรุงเทพมหานคร อดีตเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ชื่อ องอาจ คล้ามไพบูลย์


ในช่วงวิกฤตการณ์การเมือง 2556-2557 คุณถนอม ได้เข้าร่วมกับกับการชุมนุมของ กปปส.โดยเป็นแนวร่วมคนหนึ่งที่มีบทบาทเป็นโฆษกบนเวทีชุมนุมคู่กับ นายสำราญ รอดเพชร ท่านผู้ชมครับ ประหลาดใจไหม ผมไม่ประหลาดใจ แต่ก็เป็นบทเรียนที่เจ็บปวดให้คุณถนอม รู้ ว่าดีเอ็นเอที่คุณมีกับพวกพรรคประชาธิปัตย์ และแผลงไปเป็น กปปส.นั้น เป็นดีเอ็นเอที่ไม่ได้ช่วยให้คุณฉลาดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว เคยเป็นอย่างไรในอดีต วันนี้ก็เป็นอย่างนั้น แต่เผอิญไปเจอคนตัวเล็กกว่าคือลาว ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านเรา เขาไม่ยอมให้คุณด่าข้างเดียว เขาก็สวนกลับคุณอย่างเจ็บแสบ ผมอ่านไปผมยังหัวเราะไป เพราะอะไรรู้ไหม ผมแสบ ผมแสบจริงๆ นี่แหละครับ คือที่มาที่ไป

ท่านผู้ชมครับ หัวข้อสุดท้ายในการพูดในวันนี้ จะเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว และเป็นเรื่องราวใหญ่โตมโหฬาร นั่นคือการ "พระราชทานอภัยโทษ" ที่ผ่านมานี้ ที่มีคนหลายต่อหลายคนออกมาคัดค้าน แล้วแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น โดยการคัดค้านเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่า หลักๆ แล้วการคัดค้านเป็นอย่างไรบ้าง แล้วมีใครบ้างออกมาคัดค้าน


วันนี้ผมจะเอาเรื่องนี้มาพูด ไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นด้วยกับคนที่มาคัดค้าน ผมเห็นด้วย แต่ผมมีข้อคิดอีกข้อคิดหนึ่ง ให้มองอีกมุมหนึ่ง แล้วบอกว่า บางทีเราอาจจะไม่ได้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนกัน ใช่หรือเปล่า ที่ผมพูดก็คือการที่มีคนบอกว่า ตอนนี้อย่างเช่น นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ หรือ นายภูมิ สาระผล ซึ่งสองคนนี้เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมไปถึงท่านรัฐมนตรีคนหนึ่ง ที่ติดคุกอยู่ โดนศาลฎีกาพิพากษาจำคุก แต่ละคนก็มีโทษหลายสิบปีเหลือเกิน คุณบุญทรง มีโทษ 10 กว่าปี 48 ปี แล้ว คุณภูมิ สาระผล ก็มีโทษอยู่เกือบ 48 ปี แล้วยังมีอีกท่าน คุณจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

คนที่มาคัดค้านในเรื่องนี้ ก็มีเช่น นพ.เหรียญทอง คุณสมชาย แสวงการ แล้วก็มี หมอวรงค์ แล้วก็มีอีกหลายคน เอาเฉพาะที่ เป็นที่รู้จักของคนในสังคมแล้วกัน หลักๆก็คือว่า ติดคุกโดนโทษหลายสิบปี 40-50 ปี ติดคุกแค่ 4-5 ปี ก็จะออกแล้ว ซึ่งทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่เห็นด้วย ว่ามีการแอบช่วยกันหรือเปล่า หรือเป็นการทำงานที่ใช้ไม่ได้ เพราะข้อหาแต่ละคน เป็นข้อหาที่ทุจริต แล้วทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหาย และจะมาให้ติดคุกประเดี๋ยวประด๋าวไม่ได้


จนกระทั่ง คุณราเมศ ท่านอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ท่านเห็นว่าเรื่องกำลังโด่งดัง ท่านเลยกระโดดเข้าไปงับแสง ท่านเสนอความคิดว่า ถ้าอย่างนั้นท่านจะยื่นกฎหมายว่า อีกหน่อย ใครที่มีโทษจำคุกเกิน 15 ปี ต้องจำคุกไว้ครึ่งหนึ่งก่อนแล้วค่อยมีการลดโทษ

ท่านผู้ชมครับ เวลาเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาแล้วคนมีอารมณ์แล้ว พวกเรามักจะละเลยเหตุผล และข้อเท็จจริง ว่าในความจริงนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เดี๋ยวผมจะพยายามอธิบายเรื่องแต่ละเรื่องให้ฟังกัน รวมหมด มีแม้กระทั่งเรื่องของคุณ สรยุทธ สุทัศนะจินดา รวมไปถึงเรื่องของผมเอง ที่ผมติดคุกได้รับคำพิพากษา 20 ปี แต่ทำไมผมอยู่แค่ 2 ปี 11 เดือน กับ 27 วัน ผมจะมีคำตอบให้หมดทุกอย่าง การพูดครั้งนี้ไม่ได้เป็นการพูดเพื่อเข้าข้างใคร ช่วยใคร หรือเห็นใจใคร แต่เป็นการพูดตามหลักการ ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ

พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษนั้น ไม่ใช่เพิ่งมี มีมาตั้งแต่ พ.ศ.2450 จนถึงวันนี้เป็นเวลา 105 ปีแล้ว พระราชกฤษฎีกามีทั้งหมด 52 ฉบับ ก่อนที่เราจะลงรายละเอียดกัน เราลองมาดูสถานภาพของคุกในเมืองไทยก่อน

ย้อนหลัง 10 ปีที่ผ่านมา นี่เป็นข้อมูลจากกรมราชทัณฑ์นะครับ เราพบว่า จำนวนผู้ต้องขัง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปี 2557 สถิติทะลุ 320,000 ราย ในปี 2563 มีจำนวนผู้ต้องขังมากถึง 356,509 คน ที่สำคัญ เรือนจำในประเทศไทย รองรับคนได้ไม่เกิน 200,000 คน 200,000 คน ถือว่าแน่นแล้ว ปัจจุบันมีผู้ต้องขังมากกว่าพื้นที่ที่จะสามารถจะอยู่กันได้เป็นมนุษย์ ประมาณแสนคน ทำให้เกิดความแออัดกระทบต่อประสิทธิภาพการจัดสวัสดิการ ตลอดจนการแก้ไขฟื้นฟูพฤติกรรมผู้ต้องขัง


ทีนี้ท่านผู้ชมอาจจะถามว่า แล้วในโลกนี้มันเป็นยังไงบ้าง มันมีการจัดอันดับของ สถาบันวิจัยนโยบายอาชญากรรมและความยุติธรรม ที่ลอนดอน เผยแพร่ออกมาว่า คุกทั้งหมด ปี 2564 มีทั้งหมด 223 อันดับ เขาบอกว่า อันดับที่ 1 ผู้ต้องขังมากที่สุด ก็มี อเมริกา อันดับที่ 2 จีน อันดับที่ 3 บราซิล อันดับที่ 4 อินเดีย อันดับที่ 5 รัสเซีย อันดับที่ 6 ประเทศไทย อันดับที่ 7 ตุรกี อันดับที่ 8 อินโดนีเซีย อันดับที่ 9 เม็กซิโก อันดับที่ 10 อิหร่าน

ท่านผู้ชมครับ แต่นี่เป็นการนับจำนวนผู้ต้องขัง แต่ถ้าเราเอาผู้ต้องขังมาเปรียบเทียบ กับจำนวนประชากร ก็จะค้นพบว่า อันดับที่ 1 จะยังคงเป็นสหรัฐอเมริกาอยู่ดี 0.6% ของประชากร อันดับที่ 2 ท่านผู้ชมรู้ไหม ไทย ครับ ไทยถ้ามีนับจำนวนผู้ต้องขังอย่างเดียวอยู่อันดับ 6 แต่ถ้าเปรียบเทียบกับประชากรแล้วอยู่อันดับ 2 ในโลก คือ 0.44% อินเดียกลับกลายเป็นอันดับสุดท้ายเลยนะครับ น่าจะอันดับเลย 10 ไปด้วยซ้ำ เพราะเมื่อเทียบกับประชากรแล้ว อินเดียมีผู้ต้องขังเทียบกับประชากร 0.03% ไล่ไปเรื่อย


อินโดนีเซียน่าสนใจ ประเทศเขามีคนหลายร้อยล้านคน แต่ถ้าเอานักโทษเทียบกับประชากรแล้ว อินโดนีเซียอยู่ที่ 0.1% ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าสำหรับผมแล้ว เมืองไทยน่าจะอยู่อันดับ 2 เพราะว่า เราต้องเทียบกับจำนวนประชากร ฉะนั้นความแออัดของห้องขัง เนื่องจากกฎหมายประเทศไทยนั้นเป็นกฎหมายที่ค่อนข้างจะเข้มงวด และแรง จำนวนเปอร์เซ็นต์ของคนที่ถูกขังคุกอยู่ในประเทศไทยนั้น ดูให้ดีๆแล้วกว่า 70% นักโทษยาเสพติดทั้งนั้น ที่เหลือก็เป็นหลายเรื่องอุกฉกรรจ์ ตาย ฉ้อโกงประชาชน ทุจริตต่อชาติบ้านเมือง ประพฤติมิชอบ มาตรา 157 ล่วงละเมิดทางเพศ อุบัติเหตุ ขับรถชนคนตายโดยประมาท


คุณหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ก็ออกมาพูด โดยสรุปง่ายๆก็คือการโกงชาติของนักการเมืองที่อาสาประชาชน และประชาชนให้ความไว้วางใจ ต้องมีข้อยกเว้น ไม่ควรให้ขออภัยโทษ การลดโทษแบบขออภัยโทษแบบลดกระหน่ำ ยิ่งเป็นแบบอย่างให้ทุกฝ่ายไม่ต้องเกรงกลัว

คุณวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา ได้พูดออกมา ว่าจะเอาคนพวกนี้มาเข้าคุก เจ้าหน้าที่ทำงานหนักมาก แต่กรมราชทัณฑ์กลับไปลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์ มีคนพูดว่า คนพวกนี้เป็นพวกเดียวกับท่านนายกรัฐมนตรี เคยเป็นนักการเมือง เป็นรัฐมนตรีด้วยกัน

คุณจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการรัฐธรรมนูญ ก็พูดจาออกมาค่อนข้างชัดเจน ว่าการร่างพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษไม่ต้องโทษหน่วยงาน เพราะรัฐมนตรีเป็นคนยกร่าง เสนอให้คณะรัฐมนตรี และให้ความเห็นชอบ เพราะฉะนั้น ท่านอาจารย์จรัญ ท่านก็ยังออกมาปกป้องรัฐมนตรีว่า ครม.ต้องพิจารณาเป็นร้อยเรื่องแบบไฟลนก้น เมื่อพิจารณาเรื่องของการขออภัยโทษ เห็นว่าเป็นเรื่องดี เพราะเป็นการปล่อยคนจนคนยากเป็นทานบารมี แต่กรณีที่จะขอพระราชทานอภัยโทษ คือนำพระราชอำนาจมาใช้ ควรตรวจสอบรายละเอียดไม่ใช่ขอเป็นการทั่วไปแล้วต้องกลั่นกรองแล้วตรวจสอบในเหตุในผล


นอกจาก คุณจรัญแล้ว ก็ยังมีอีกท่านที่ผมจะเล่าให้ฟัง แม้กระทั่ง คุณศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นักร้องระดับชาติ นักร้องประจำชาติ ก็เอาเรื่องกฤษฎีกานี้ไปให้ศาลรฐธรรมนูญตีความว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือเปล่า แม้กระทั่ง คุณวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ก็เอาเรื่องนี้ไปยื่นต่อ ป.ป.ช.กล่าวโทษ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน

อีกคนซึ่งหายเงียบไปตั้งนาน เผอิญจังหวะนี้มันเมาเหมาะ ก็เลยกระโดดออกมารับแสง คือ คุณหมอตุลย์ สิทธิสมวงศ์ กระโดดออกมางับแสงเหมือนกันนะครับ เหมือนกับที่ผมพูดอธิบายให้ฟังเมื่อสักครู่

สรุปง่ายๆ คนพวกนี้ไม่เห็นด้วย ว่าทำไมคดีฉ้อโกงทุจริต ทำไมชาติบ้านเมืองเสียหายถึงได้รับการลดโทษมากเหลือเกิน ซึ่งท่านผู้ชมครับ ผมไม่ขัดข้อง และผมก็เห็นด้วย แต่ผมมีความจริงบางอย่าง

อ.วิชา มหาคุณ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. ท่านให้สัมภาษณ์สื่อตอนหนึ่ง ท่านบอกว่า กระทรวงยุติธรรม ทราบมาว่ามีคนไปอ้างคำพูด พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เมื่อปี 2559 ท่านเคยพูดว่า ไม่มีนโยบายเรื่องให้คนผิด โดยเฉพาะทุจริตคอร์รัปชั่นหลุดรอดไปได้ ท่านพูดเรื่องคอร์รัปชั่นคดีทุจริต ไม่ควรอยู่ในข่ายการลดโทษ แต่ท่านก็ออกตัวว่า ผมไม่ได้เห็นด้วยตัวเอง แต่มีผู้กล่าวอ้างคำพูดท่าน ท่านพูดต่อตอนจบว่า ถามนักการเมืองว่ายังถือหลักนี้ไหม ยึดแนวทางของ พล.อ.ไพบุลย์ อีกหรือเปล่า

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉาย
ท่านผู้ชมครับ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า การจะวิเคราะห์เรื่องใดก็ตาม เราต้องเข้าสู่ความจริงเสียก่อน การพระราชทานอภัยโทษนั้น ไม่ใช่อยู่ๆกระทรวงก็อยากอภัยโทษขึ้นมา หรือกรมราชทัณฑ์อยากจะอภัยโทษ หรือท่านนายกรัฐมนตรีอยากจะอภัยโทษ ไม่ใช่ การอภัยโทษทุกครั้งจะต้องมีสัญญาณส่งมาว่า ในวาระนี้ จะมีการพระราชทานอภัยโทษ เพื่อเป็นการทำบุญทำทาน

เมื่อสัญญาณมาแล้ว ทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ ก็ต้องวิ่งเต้น จัดการเรื่องประชุมว่า เอาล่ะ มีแล้ว จะร่างกฤษฎีกากันยังไง กฤษฎีกาที่ร่างพระราชทานอภัยโทษนั้นจะมีข้ออะไรบ้าง โดยเขาจะมีคณะกรรมการชุดนึงที่อยู่ในกรมราชทัณฑ์เป็นคนทำงานเรื่องนี้

ช่วงหลังๆ นี้การร่างกฤษฎีกานั้น ก็ใช้ประเภทสุกเอาเผากิน เอาง่ายเข้าว่า ไอ้ปีที่แล้วครั้งที่แล้วเอากฤษฎีกาตัวเก่ามาใส่เลยดีไหม จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดมานั่งประชุมกันบ่อยนัก เนื่องจากว่าระยะเวลาที่ได้สัญญาณมา กับกำหนดเวลาที่ต้องประกาศนั้นมันสั้นมากจนกระทั่งคณะทำงานคิดอะไรไม่ออก ไปนั่งคิดอะไรใหม่ไม่ได้เพราะต้องประชุมกันหลายครั้งถ้าจะร่างกฤษฎีกา เฉพาะวาระนั้นๆ แต่เผอิญเป็นวาระที่ซ้ำๆกัน เช่น เนื่องในวาระโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ซ้ำๆกัน ก็เลยใช้กฤษฎีกาอันเก่า

ทีนี้พอ อ.วิชา อ้างถึงนโยบายยุค พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ก็มีคนออกมาโวยวายว่า ในยุครัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรียุติธรรมคนใหม่นั้น เอื้อให้กับอดีตพวกพ้อง อดีตคนของนายหญิงปู ยิ่งลักษณ์ เพื่อจะได้รับการลดโทษเร็วๆ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ เลยอ้างกันว่าในยุครัฐมนตรียุติธรรม ก่อนหน้ารัฐบาล คสช. ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา และต่อมาเป็น พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ไม่เคยมีการกระทำอย่างนี้มาก่อนเลย

ท่านผู้ชมครับ ผมได้ยินแล้วผมก็หัวเราะ เพราะอะไร ผมติดคุกมาก่อน แล้วผมติดในช่วง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา และ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ท่านเป็นรัฐมนตรียุติธรรม ทั้งคู่

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง
พอผมไปค้นข้อมูลโดยละเอียดแล้ว ปรากฏอย่างนี้ครับ กำหนดลดโทษ จะต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการประกอบด้วย 3 ฝ่าย ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้พิพากษา อัยการ ตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้น ส่งให้ศาลออกหมายปล่อย หลังจากประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกาแล้ว ภายใน 120 วัน

พอเรามาดูแล้วท่านผู้ชมครับ มาดูตามตารางแล้วจะเห็นได้ชัด สมัย พล.อ.ไพบูุลย์ คุ้มฉายา เป็นรัฐมนตรีว่าการยุติธรรม และ นายวิทยา สุริยะวงค์ เป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ศ.2558 วันที่ 31 มีนาคม 2558 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ก็คือมาตรา 157 ที่ทุกคนพูดไปแล้วอ้างคำพูดของ พล.อ.ไพบูุลย์ มา มันมีพระราชบัญญัติ มีบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติกฤษฎีกา นั่นก็คือ ผมอธิบายให้ฟังท่านผู้ชม ท่านจะได้เข้าใจ

สมมติว่ามีการประกาศพระราชบัญญัติกฤษฎีกามา ยังต่อด้วยบัญชีแนบท้าย แปลว่าอะไร ในบัญชีแนบท้ายนั้น จะระบุว่า ผู้ใดที่ผิดมาตรานี้ๆ ถึงจะได้รับการพระราชทานอภัยโทษ ก็จะไม่ได้รับเต็มเม็ดเต็มหน่วย แล้วหนึ่งในมาตรานั้นคือ ผิดมาตรา 157 ประพฤติผิดต่อหน้าที่ ทุจริตแล้วทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหาย

รวมทั้งยาเสพติดรายใหญ่ เช่น ขนยาเสพติดเป็นล้านเม็ด รวมไปจนถึงคดีอุกฉกรรจ์ ฆ่ายกครัว หรือฆ่าคนโดยเจตนา มีโทษประหารชีวิต แล้วก็มีโทษ ลดโทษลงมาเหลือจำคุกตลอดชีวิต แล้วเคยได้รับการลดโทษต่อ จนกระทั่งถึงจำคุก 50 ปี จาก 50 ปี เหลือ 20 ปี หรือล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืน รวมไปถึงพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ เดี๋ยวผมจะพูดอีกที

บัญชีแนบท้ายอันนี้เขาจจะมีการประชุมกันทุกปี แล้วเขาจะบอกว่า ปีนี้จะมีบัญชีแนบท้ายอะไรอีกมั้ย ไอ้คนที่ไม่ควรจะได้รับการลดตามกติกา คือลดน้อยลงกว่าเก่า 1 ขั้น สมมติว่าคดีนี้ได้รับลด เป็นนักโทษชั้นเยี่ยมได้ลดครึ่งหนึ่ง ถ้าคดีที่มีบัญชีแนบท้าย ก็ได้ลดเพียง 1/3 ,1/4 ,1/5 , 1/6 ,1/7 ,1/8 ลดหลั่นกันไปตามประเภทของคดีต่างๆ


ท่านผู้ชม เมื่อเรามาดูยุค คุณไพบูลย์ คุ้มฉายา แล้ว การผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ คือบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติอภัยโทษ กฤษฎีกานี้ ก็คือผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ก็คือ มาตรา 157 ในยุค คุณไพบูลย์ นั้น มาตรา 157 นั้น เขาตั้งมาเป็นมาตรา 8 ในกฤษฎีกา เขาลดให้ชั้นเยี่ยม 1/5 ชั้นดีมาก 1/6 ชั้นดี 1/7 ชั้นกลาง 1/ 8

แต่พอมาในปี 2559 ท่านผู้ชมครับ ยุคคุณไพบูลย์ เช่นกัน มาตรา 8 พวกที่ทุจริตต่อหน้าที่ ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 157 ก็กลับกลายเป็นว่า ชั้นเยี่ยมได้ลด 1/3 จากปีที่แล้วได้ลด 1/5 กลายเป็น 1/3 แล้ว ชั้นดีมาก 1/4 ชั้นดี 1/5

พอมาปี 2559 พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ที่อธิบดีชื่อ กอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ ก็ลด 1/3 เหมือนกัน พอมาในยุค พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ซึ่งมี พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ เป็นอธิบดี ก็ลด 1/3 เช่นกัน นี่พูดถึง 157 นะ ที่คุณบุญทรง เตริยาภิรมย์ โดนอยู่ คุณภูมิ สาระผล คุณจุฑามาศ ศิริวรรณ โดนอยู่ ก็ลด 1/3 เช่นกัน


ปี 2563 สมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรี พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ เป็นอธิบดี มาตรา 8 ก็เหมือนกัน คือชั้นเยี่ยม 1/3 ชั้น ดีมาก 1/4 ชั้นดี 1/5 ชั้นกลาง 1/ 6 สรุปง่ายๆ ว่าจะเป็นยุคสมัยคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน ประจิน จั่นตอง ไพบูลย์ คุ้มฉายา คดีอย่างเช่น นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ หรือ นายภูมิ สาระผล คุณจุฑามาศ ศิริวรรณ นั้นได้ลด 1/3 เหมือนกัน ได้มาเหมือนกันหมดเลย ในกรณีที่เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม

2563 สมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรี นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ก็เป็นอธิบดี ก็เหมือนกัน 1/3 ฉะนั้นท่านผู้ชมครับ กรณีที่บุญทรงได้รับลดในยุคสมศักดิ์ กับในยุคของ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง กับ ในยุคของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ได้ลดเท่ากันครับคือ 1/3 เหมือนกันเป๊ะเลย อย่าไปเข้าใจผิด คำกล่าวอ้างที่ออกมาจากกระทรวงยุติธรรมว่าสมัยของไพบูลย์ คุ้มฉายา นั้น ไม่ยอมให้ลด นี่ไม่จริง ปีแรกที่เข้ามาลดให้แค่ 1/5 แต่ปีที่ 2 อยู่ต่อกลับไปเป็นลด 1/3 เช่นกัน อันนี้คือข้อเท็จจริงนะครับ ที่จะต้องพูดกันให้ชัดเจน ถ้าไม่พูดชัดเจนตรงนี้แล้วเดี๋ยวเรื่องต่อไปจะไม่เข้าใจกัน


ท่านผู้ชมครับ ด้วยเหตุนี้จึงเข้าใจได้ว่า กรณี คุณวัชระ เพชรทอง ไปยื่น ป.ป.ช.บอกว่าให้สอบ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรียุติธรรม กับคุณอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ว่าเข้าข่ายทำผิดกฎหมาย ผิดจริยธรรม โดยตอนหนึ่งอ้างว่า พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เคยมีนโยบายไม่ลดโทษให้กับคดีทุจริต ท่านผู้ชมครับ จึงไม่เป็นความจริง


สรุปง่ายๆ โดยหลัก เผอิญเป็นเรื่องของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ และมีโจทก์ ที่ชาตินี้ไม่มีวันได้เผาผีกันคือ คุณหมอวรงค์ และคุณบุญทรง ก็ทำผิดอย่างใหญ่หลวง เพราะว่าเป็นคนที่ดำเนินการปฏิบัติการให้เกิดมีการจำนำข้าว ทำให้ชาติต้องเสียหายเป็นแสนล้าน ห้าแสนล้านถึงเจ็ดแสนล้าน ก็ย่อมมีคนที่จับตาดู และไม่ยอมปล่อยคนชั่วให้ลอยนวล

ทีนี้การป้องกันไม่ให้การพระราชทานอภัยโทษลดหย่อนผ่อนโทษเอื้อประโยชน์ผู้ต้องหาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ รวมไปถึง มาตรา 157 เช่นเดียวกับคดีข่มขืน ยาเสพติด ให้สามารถลดหย่อนได้รวดเร็วจนเกินไปนั้น เพื่อให้เกิดการห้ามปรามการกระทำผิด ให้สังคมเกิดความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมนี้ ผมคิดว่าท่านผู้ชมครับ ยังมีความไม่เข้าใจกันทั้งระบบ ทั้งนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง พวกนี้โดนมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา ในกรณีที่ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ให้เกิดเสียหายแก่ผู้ฟ้อง หรือทุจริตนั้น เป็นข้าราชการการเมืองดำรงหน้าที่โดยตำแหน่ง แต่พ่วงข้อหาทุจริตมีมูล ตามความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามทุจริต 2542 เพิ่มเข้าไป ซึ่งมีกฎการลดโทษแล้ว มีกรอบในหลักเกณฑ์ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ

หัวใจสำคัญท่านผู้ชมครับ อยู่ที่คำพิพากษา และมาตราลงโทษที่ศาลตัดสิน ท่านผู้ชมครับ ปัจจุบันนี้มีผู้ต้องขังที่ไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษอยู่หลายกรณีมาก โดยหลักคือผู้ที่กระทำความผิดโดยเรื่องอุกฉกรรจ์ร้ายแรง ฆ่าคน คดียาเสพติดรายใหญ่ นักโทษประหารชีวิต ที่วันนี้เถียงกัน ก็คือว่า คนที่ออกมาคัดค้านไม่พอใจที่คนอย่างบุญทรง หรือคนอย่าง ภูมิ สาระผล ได้รับลดโทษ 1/3 กำลังบอกว่า เมื่อทุจริตแล้วไม่ควรได้รับการลดโทษเลย ตรงนี้ใจเย็นๆ ก่อนครับ อย่าใช้อารมณ์มาคิด หลักสากล หลักทัณฑวิทยานั้น ต้องมีการลดโทษให้อภัยกันอยู่แล้ว เป็นหลักสากล ปฏิเสธไม่ได้งานนี้


อีกประการหนึ่ง กรมราชทัณฑ์ ชื่อภาษาอังกฤษ เรียกว่า Correctional Department เข้าไปเพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคน เพื่อปรับปรุงพฤติกรรมคนแล้ว เขาต้องการให้คนเข้าคุกทุกคน ที่เคยเป็นคนเลวมาก่อน ประพฤติผิดมาก่อน ให้กลายเป็นคนดี สามารถจะเป็นคนดีมีระเบียบวินัย มีศีลมีธรรม และเมื่อถูกปล่อยตัวมาแล้ว ก็จะใช้คุณงามความดีตรงนี้ออกไปติดตัว ไปทำมาหากิน ซึ่งข้อเท็จริงแล้วไม่มีใครทำมาหากินได้หมดสักคน ผมเห็นเรื่องราวต่างๆที่ราชทัณฑ์พยายามที่จะช่วยนักโทษให้มีทักษะ ปรากฏว่า ตกงานกันทุกคน เพราะในใบสมัครบอกว่า คุณเคยต้องโทษมาก่อนหรือเปล่า แค่ติ๊กไปบอกเคยก็จบ เขาทิ้งลงถังขยะเลย ฉะนั้นแล้วคำหวานที่รัฐบาลพูด หรือกระทรวงยุติธรรมพูดนั้น มันเป็นเรื่องโกหกพกลมหมด อันนี้ก็ต้องเป็นเรื่องที่แก้กันภายหลัง

คำถามผมมีอยู่ว่า ถ้าสมมติว่า คดีต้องโทษ 157 ทุจริตต่อหน้าที่ และประพฤติผิดมิชอบ ก่อให้เกิดการทุจริตทำความเสียหายให้แก่ชาติบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นการทุจริตฮั้วสัมปทานกัน ไม่ว่าจะเป็นการทุจริตในเรื่องโครงการต่างๆ อย่างเช่น อบต.ราชาเทวะ สมมติ อบต.เกิด ป.ป.ช.ตรวจสอบ แล้วก็ฟ้องว่าทุจริตในหน้าที่ ไปสร้างเสาไฟฟ้า เอาเงินเอาทองไปใช้โดยผิด ทำให้ชาติเสียหาย


ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว กรมราชทัณฑ์ก็ต้องมานั่งพิจารณายี่ต๊อกใหม่ คำว่ายี่ต๊อก คือคำนวณว่า โทษอะไรบ้าง ควรจะได้ลดแค่ไหน อย่างไร

เหมือนกับโทษ 157 ที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ให้ไว้เมื่อปี พ.ศ.2558 ท่านให้ลดได้แค่ 1/5 แต่ไม่ทราบปี 2559 ท่านกลับไปเป็น 1/3 อีก เพราะฉะนั้นตรงนี้ต่างหากที่เป็นประเด็น แล้วที่สำคัญที่สุดก็คือว่า การพระราชทานอภัยโทษก็คือการทำบุญครั้งใหญ่ นักโทษควรมีสิทธิ์ที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษทุกคน ได้มาก ได้น้อย ตามลักษณะของโทษ ตามยี่ต๊อกที่คิดกันไว้อยู่


ถ้ากรมราชทัณฑ์จะบกพร่อง หรือกระทรวงยุติธรรมจะบกพร่องก็บกพร่องตรงนี้ แต่ขณะเดียวกัน กรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมก็สามารถจะพูดได้ ว่าผมทำตามที่เคยมีมา ในการพระราช่ทานอภัยโทษ 4-5 ครั้งที่ผ่านมา ก็เขาลดกัน 1/3 ผมลดต่อ 1/3 ผมผิดตรงไหน ท่านผู้ชม เพียงแต่ว่ามันผิด มันผิดตรงที่ว่า คนที่ได้รับลดโทษก็คือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ และคนที่ร้องคือ หมอวรงค์ ซึ่งเป็นคู่แค้นคู่อาฆาตกัน


ถ้าในกรณีทุจริตแล้วทำให้ชาติเสียหายนั้น 1/3 ไม่ให้ จะให้เท่าไหร่ล่ะ 1/5 ยังมากไปหรือเปล่า 1/5 ไม่เอาให้เท่าไหร่ 1/3 ,1/6 ไม่เท่าไหร่ อ้าวๆ 1/8 แล้วกัน ก็คือโทษ 48 ปี นักโทษชั้นเยี่ยมได้ลด 1/8 ก็ได้ลด 6 ปี แต่ยังไงก็ยังได้ลดท่านผู้ชม นอกเสียจากว่า จะมีวิธีการพิเศษซึ่งกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมเคยใช้ กรณีของการฉ้อโกงประชาชน บางปีลดให้ บางปีมีพระราชทานอภัยโทษแต่ไม่ให้ ก็ย่อมทำได้อยู่ แต่ว่าจะไปโทษกฤษฎีกาแล้วยื่นตีความที่รัฐธรรมนูญกันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่สมควร


ท่านผู้ชมครับ หลายคนสงสัยว่ากรณีของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นยังไง หลายคนโวยวายออกมาว่า เดี๋ยว นายบุญทรง ก็ยื่นพักโทษ เดี๋ยวก็ได้รับพักโทษ ไม่ใช่ครับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กับ บุญทรง เตริยาภิรมย์ เหมือนกัน คือทำให้ชาติเสียหาย ทำให้องค์กรเสียหาย องค์กร อสมท.เป็นรัฐวิสาหกิจ แต่ข้อแตกต่างกันคือว่า สรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้ใช้เงินที่ศาลพิพากษาแล้วว่า ทำให้ อสมท.เสียเงินไป 123 ล้านบาท เขาได้ใช้เงินก้อนนี้คืน อสมท.ไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อคืนไปแล้ว สรยุทธ ก็ได้อานิสงส์ในการลดโทษ และไม่มีภาระที่จะต้องรับผิดชอบต่อรัฐอีกต่อไป ก็มีสิทธิได้รับการพักโทษ

แต่กรณีของบุญทรงนั้น ถึงว่าจะมีสิทธิได้รับการพักโทษเพราะอายุถึง 70 ตามหลักเกณฑ์แล้ว เมื่อจำคุกแล้ว 1/3 ของโทษ ถ้าอายุ 70 ก็มีสิทธิ์ยื่นขอพักโทษ แต่คณะอนุกรรมการก็จะถามคุณบุญทรงคำนึงว่า เงินที่ทำให้ชาติเสียหายหลายแสนล้านที่ศาลพิพากษามา คุณใช้หรือยัง ถ้ายังไม่ใช้คณะกรรมการก็ตีเรื่องนี้ตกไป ฉะนั้นแล้วคุณบุญทรงจะไม่มีโอกาสได้รับพักโทษอีกต่อไป จนกระทั่งเงินค่าเสียหายนี้จะต้องถูกกฎหมายล้างไปในวิธีทางใดวิธีทางหนึ่ง ไม่มาค้ำคอ ท่านผู้ชมครับนี่คือข้อเท็จจริง

ท่านผู้ชมครับ หลายคนที่รู้จักผม ทั้งรักผมแล้วเกลียดผมบอกว่า เฮ้ย สนธิโดนศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 20 ปี ทำไมจำคุกแค่ 2 ปี 11 เดือน 27 วัน วันนี้มาเปิดไขข้อข้องใจกันเลย


วันที่ 6 กันยายน 2559 ผมเดินเข้าไปในเรือนจำคลองเปรม ในข้อหา ศาลฎีกาพิพากษาในข้อหาใช้เอกสารเท็จ เพื่่อเอาบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไปค้ำประกันบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ และมีหลายกรรม

ผมเข้าไปในปี 2559 จนถึงปี 2562 ไม่เคยมีพระราชทานอภัยโทษเลยแม้แต่ครั้งเดียว และผมก็จำได้ว่า วันที่ 5 ธันวาคม 2559 มีการพระราชทานอภัยโทษในวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เพื่อนร่วมห้องผมซึ่งเป็นอดีตข้าราชการหลายคน ก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษเช่นกัน แต่ผมไม่ได้ เพราะว่าผมเพิ่งเข้า ผมยังไม่มีชั้น แต่พวกเขาอยู่ชั้นเยี่ยมแล้ว ผมก็เลยต้องทำชั้นขึ้นไปเรื่อยๆ จากชั้นกลางซึ่งไม่มีชั้น กลายเป็นชั้นดี ชั้นดีมาก ชั้นเยี่ยม


วิธีทำชั้นทำไง 1.ประพฤติตัวให้เป็นคนดี ไม่ทำผิดระเบียบ 2.ศึกษาข้อบังคับ เพราะเขาจะมีการสอบเลื่อนชั้น ผมสอบจากชั้นกลางไปชั้นดี จากชั้นดีเป็นชั้นดีมาก ก็ต้องท่องจำให้ได้ว่า ระเบียบของราชทัณฑ์เรือนจำ มีอะไรบ้าง แล้วพอขึ้นชั้นดีไปชั้นดีมาก ก็ต้องมีเรื่องของการธรรมะ ผมก็ไปเรียนหลักสูตรธรรมะ ได้นักธรรมตรีมา นี่ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ แล้วก็ได้ชั้นดีมากทันที ไม่ต้องวิ่งเต้น ไอ้พวกที่วิ่งเต้นแล้วเสียเงินไปสองล้านนั้น เป็นพวกโง่

แต่ขณะเดียวกัน มีคนที่ชั่วช้าคือเจ้าหน้าที่ไปใช้ช่องว่างตรงนี้ไปบีบให้มันที่ต้องการได้รับโทษ ลดโทษเยอะๆ เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม มันก็เลยต้องเสียเงินเสียทอง แต่ที่ผมอยู่ไม่มีใครวิ่งเต้นสักคนหนึ่ง ถึงเวลาสอบชั้น คนที่มีสิทธิสอบชั้นมี 1 2 3 4 5 6 7 8 9 วันสอบวันนี้นะ ทุกคนก็ดูหนังสือกัน ถ้าใครผิดวินัยให้ถูกขังเดี่ยว ใครทำผิดกฎก็ไม่มีสิทธิ นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้น

ทีนี้พอดีเดือนพฤษภาคม 2562 มีพระราชทานพิธีบรมราชาภิเษก เป็นการพระราชทานอภัยโทษครั้งแรกในชีวิตที่ผมเข้าไป 2 ปีกว่า ไม่มีเลย มีครั้งนั้นครั้งแรก ผมมีบัญชีแนบท้ายตามพระราชกฤษฎีกา ก็คือบัญชีเรื่อง ใครผิดเรื่องเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ ก็ไม่มีสิทธิ์จะได้ลดครึ่งหนึ่ง ถึงผมจะเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมแล้ว ก็ได้ลดแค่ 1 ใน 3 เพราะว่ามีบัญชีแนบท้าย ผมก็ไม่ได้คิดอะไรท่านผู้ชม

20 ปี ลดไป 1/3 ลดไป 7 ปี ตีซะ ก็เหลือ 13 ปี จำมาแล้ว 2 ปี ก็เหลือ 11 ปี ก็อยู่ต่อไปเกือบๆ ปี ผมก็อยู่ 1/3 ของโทษที่เหลือ แล้วผมก็อายุเกิน 70 ผมมีสิทธิ์จะทำเรื่องพักโทษ ผมอยู่ดีๆไม่รู้เรื่องทั้งสิ้น แต่จู่ๆ มีนักโทษคนหนึ่ง ที่ติดอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เดี๋ยวผมจะดูชื่อให้ เขาเป็นนักโทษชายคนหนึ่ง ติดอยู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เขาเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำงานเรื่องเกี่ยวกับหุ้น โดยที่บริษัทเขาชื่อ บริษัท รอย เนท เขามีความรู้สึกว่า เขาก็ไม่ได้ลด เขาเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมเช่นกัน แต่เขาไม่ได้ลด 1/2 เขาลด 1/3 เหมือนผมเลย เพราะเขามีบัญชีแนบท้ายคือหลักทรัพย์ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ เขาก็เลยให้ทนายความของเขา ยื่นเรื่องไปที่ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ว่ากรมราชทัณฑ์ตีความในเรื่องพระราชบัญญัติหลักทรัพย์กับนักโทษผิด เขาไม่เข้าข่ายที่เขาตีความมา เขาเลยยื่นเรื่องนี้ไป


ปรากฏว่า ยื่นไปที่ศาล ศาลก็ตั้งองค์คณะมาพิจารณา และท่านอธิบดี พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ ก็เข้าประชุมด้วย ศาลก็มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่าคำร้องของนักโทษคนนี้ฟังขึ้น ฟังขึ้นก็คือว่าเขาไม่ได้อยู่ในวงการเงิน เขาไม่ได้อยู่บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ เขาไม่ได้อยู่ธนาคารกรุงไทย เขาไม่ได้อยู่ธนาคารของรัฐ และเขาไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่การเงิน เขาเป็นเอกชนซึ่งทำธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับธนาคาร ฉะนั้นเขาไม่ควรที่จะถูกลด 1/3 เขาต้องได้ 1/2 ก็ปรากฏว่าศาล บอกว่า พอฟังขึ้น นายคนนี้ก็เลยได้ รับลดโทษเพิ่ม

คนที่ร้องชื่อ คุณกิตติพัฒน์ เยาวพฤกษ์ อดีตผู้บริหาร บริษัทรอย เนท ก็เลยถูกปรับสถานภาพจากลด 1/3 เป็น 1/2 เพราะว่าบัญชีแนบท้ายทางกรมราชทัณฑ์ตีความมาผิด นี่เพิ่งตีผิดมานานแล่วนะ แต่เผอิญคนๆนี้ อาจจะเป็นนักเล่นหุ้น คิดซอกแซก ทนายเก่งมาก ก็เลยยื่นเรื่อง

ท่านผู้ชมครับ ผมนั่งอยู่เฉยๆ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ส้มหล่นทับตีนบวมเลย จู่ๆ ก็มีคนมาบอกว่า คุณสนธิ จะได้ออกแล้วอีกเดือนสองเดือน ผมบอก ยังไงผมลด 1/3 ไม่ใช่ ตอนนี้สถานภาพคุณสนธิ กลายเป็นลด 1/2 แล้ว ก็กลายว่า จาก 20 ปี ก็เหลือ 10 ปี เหลือตั้ง 10 ปี ผมก็ต้องทำเรื่องพักโทษ ไม่ต้อง เพราะในกฤษฎีกามีระบุชัดว่า ใครอายุเกิน 70 ปีขึ้นไป แล้วได้รับการลดโทษครึ่งนึง เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม โทษที่เหลือยกปล่อยออก


ท่านผู้ชมอาจจะสงสัย ว่าทำไมมันเป็นไปได้ เหตุผลที่ได้ทำเช่นนั้นเพราะว่า ปีที่ให้พระราชทานอภัยโทษนั้น ให้ในวาระของพระบรมราชาภิเษก เป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่มากในประวัติศาสตร์ไทย ทุกครั้งในการแต่งตั้งพระเจ้าอยู่หัว ยิ่งใหญ่ที่สุด ในสมัยที่รัชกาลที่ 9 ขึ้นมาเป็นพระมหากษัตริย์ ก็มีการอภัยโทษ ประเภทปล่อยคนเป็นพันเป็นหมื่นเลย ฉะนั้นในกฤษฎีกานั้น กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ก็เลยมองว่า เนื่องจากเป็นวาระพิเศษ ซึ่งแตกต่างกว่าการพระราชทานอภัยโทษในวันเฉลิมพระชนมพรรษา เพราะร้อยปีจะมีสักครั้งหนึ่ง ที่มีการแต่งตั้งพระเจ้าอยู่หัว ก็เลยพ่วงตรงนี้มา ว่าถ้าใครเกิน 70 ปี ได้รับ 1/2 ชั้นเยี่ยม ที่เหลือก็ปล่อย

นี่เป็นที่มาว่าทำไมผมถึงถูกจำคุก 2 ปี 11 เดือน 27 วัน ตอนนี้เคลียร์กัน เข้าใจกันแล้ว ไม่ได้วิ่งเต้นอะไรทั้งสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างก่อนหน้า ที่ผมจะรู้ว่าผมได้รับการปล่อยตัวแน่นอน มีฝรั่งอยู่คนหนึ่ง ข้อหาฉ้อโกงบัตรเครดิต โดนโทษจำคุกอยู่ 41 ปี แต่ข้อหาโกงบัตรเครดิตคนอื่นเขา ไม่ได้มีอยูในบัญชีแนบท้าย ก็เลยได้ลดครึ่งหนึ่ง จาก 41 ปี เหลือ 20 ปี 6 เดือน เนื่องจากเกิน 70 ปี เขาก็เลยปล่อย ผมยังจำได้เลย มันอยู่โรงพยาบาลคนละชั้นกับผม บอกงงเป็นไก่ตาแตก เจ้าหน้าที่บอก You can go ไอ้นี่บอก I can go เจ้าหน้าที่บอก Yes you can go มันทำอะไรไม่ถูกเลย ไปไม่ถูก

ท่านผู้ชมครับ ทุกอย่างชัดเจนแล้ววันนี้ สรุปง่ายๆว่า ผมก็ไม่เห็นด้วยว่าคนที่ทุจริตต่อชาติบ้านเมืองควรที่จะได้รับการลดมาก แต่ก็ต้องไปตั้งคำถามถามว่า เขาก็ลดกันมาตั้งแต่สมัย พล.อ.ไพบูลย์ แล้ว 1/3 ชั้นเยี่ยม มาถึง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ก็ 1/3 มาถึง สมศักดิ์ เทพสุทิน 1/3 ผมไม่ได้รักใคร่อะไร คุณสมศักดิ์ เทพสุทิน หรอก แต่ผมคิดว่าเพื่อความยุติธรรม เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแต่ว่าคณะกรรมการคำนวณยี่ต๊อก ไม่ได้พิจารณาในเรื่องนี้ ว่าถ้าอย่างนั้นปัญหาเรื่องทุจริตต่อชาติบ้านเมืองแล้วไม่ควร 1/3 นะ ถึงจะเป็นชั้นเยี่ยม ควรจะเป็นสัก 1/5 , 1/6 ,1/7, 1/8 ไปตกลงกันเอง แต่พระราชกฤษฎีกา ไม่มีอะไรผิดปกติ ท่านผู้ชมครับ

ท่านผู้ชมครับ วันนี้รายการก็จบสิ้นเพียงแค่นี้ เราเจอกันอีกทีวันที่ 31 คือวันสิ้นปี ผมมีเรื่องจะพูดในวันสิ้นปีหลายเรื่องที่สำคัญมาก ท่านผู้ชมครับ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น