xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ]SONDHI TALK : "โอมิครอน" ไวรัสกลายพันธุ์ตัวใหม่ - Bully "ลูกหนัง ศีตลา" เรื่องต่ำตมของคนต่ำช้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 3 ธ.ค.64 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ และช่องยูทูป Sondhitalk โดยประเด็นที่นำมาเล่าในวันนี้มีหลายเรื่อง ไล่ไปตั้งแต่ "โอมิครอน" ไวรัสกลายพันธ์ตัวใหม่ ที่องค์การอนามัยโลกประกาศให้เป็นสายพันธุ์ระดับที่น่ากังวล ไทยจะรับมืออย่างไร?
-เบื้องหลัง แอมเนสตี้ที่มุ่งทำลายประเทศไทย “กลุ่มคนที่ กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา” เเล้วคนกลุ่มไหนเป็นอีแอบอยู่ข้างหลัง ?
-เรื่องของการแบนลูกหนัง ศีตลา ลูกสาวของคุณ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง มันเป็นเรื่องต่ำตม ของคนต่ำช้า
-เรื่องที่หลายคนคงรู้เรื่องมานานแล้ว แต่ว่าไม่มีใครอธิบายเป็นรูปธรรม ว่าเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีนม ขายของไม่ได้ 
-ประเทศไทยได้ขับไล่นายยัน ฮีริค มาฉัล คนฝรั่งเศส ที่อยู่ประเทศไทยมา 20 ปี มีลูก 2 คน ทำอะไรประเทศไทยถึงขับไล่ ไม่ให้กลับมา 
-เกมการเมืองของสหรัฐฯ ที่ประเทศไทยไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตย มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร จาก "ดอน เฮ้าเลี่ยน" กลายเป็นดอนคนดี ของคนไทย
-เทวรูปเจ้าพ่อคลัง เกิดสนิมเหมือนเลือดที่ออกจากพระเศียร ลงมาที่จมูก (นาสิก) แล้วลงมาที่พระอุระ (หน้าอก) แล้วลงไปที่เท้า เป็นลางร้ายว่าประเทศไทยถังแตกหรือยัง
สุดท้าย คำพูดของ พล.อ.ประวิตร ที่ว่า “ใครที่บอกว่าผมแตกแยกกับนายกฯ ไม่มีแน่นอน มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้ผมกับนายกฯ แตกแยกกันได้ คือ ความตาย” แต่ความสัมพันธ์ที่แท้จริงของ 2ป. เป็นอย่างไรกันนแน่? 
ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.114



คำต่อคำ SONDHI TALK [3 ธ.ค. 64] : โอมิครอน ไวรัสกลายพันธุ์ตัวใหม่ - Bully "ลูกหนัง ศีตลา" เรื่องต่ำตมของคนต่ำช้า

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"หรือ SONDHI TALK
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์ : www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK


สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2564 รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" วันนี้ เป็นครั้งที่ 114 หรือพูดง่ายๆ ว่า เป็นอาทิตย์ที่ 114 แล้ว ที่มีมาตลอดโดยที่ไม่มีวันหยุดเลยแม้แต่นิดเดียว อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นเดือนธันวาคมแล้ว เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก ภายในเดือนธันวาคมนี้ ก็น่าจะมีหลายเรื่องที่น่าสนใจมาก แล้วก็เป็นจังหวะช่วงที่ไวรัสตัวใหม่ก็เริ่มเข้ามาระบาดอีกแล้ว

ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่ผมจะเข้าว่าในรายการวันนี้มีอะไรบ้าง ผมอยากจะถามท่านผู้ชมนิดหนึ่ง ท่านผู้ชมหลายท่าน รู้จัก PODCAST หรือเปล่า ? PODCAST คือรายการแพร่เสียงผ่านตามแพลตฟอร์มออนไลน์ ก็คือเอาเรื่องราวต่างๆ ที่ผมพูดนี้จับแยกออกไป แล้วก็ใส่เข้าไปในแพลตฟอร์มของ PODCAST ก็จะทำให้หลายๆ ท่านที่ไม่มีเวลาดู หรืออาจจะขับรถอยู่ มีความรู้สึกว่าอยากฟัง หรือออกกำลังกาย ก็สามารถที่จะเข้าไปใน PODCAST ซึ่งเหนือกว่าวิทยุมาก เพราะว่าการฟัง PODCAST ไม่จำเป็นต้องฟังตรงตามเวลา ท่านเพียงแต่มีอินเทอร์เน็ต ก็สามารถจะดาวน์โหลดเรื่องราวเก็บเอาไว้ ท่านดาวน์โหลดเรื่องราวของ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" มาเก็บเอาไว้ มีเวลาเมื่อไรก็ฟังได้ทุกเมื่อ ส่วนมากแล้วจะฟังกันในรถ เดินทางไปทำงาน ออกกำลังกาย อยู่ที่บ้าน


PODCAST ของ iPhone ก็คือ PODCAST คำว่า POD มาจากคำว่า Portable On Demand ตอนนี้ PODCAST กำลังได้รับความนิยมมากในประเทศไทย ก็อยากจะเรียนให้ทราบว่า เขามีการทำสถิติเอาไว้จากกลุ่ม Digital Statistics ปี 2021 ฉบับเดือนเมษายน 2564 เขาระบุว่า 2564 คนไทยชอบฟัง PODCAST สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก ทั่วโลกเลยนะครับ ฟังเป็นอันดับ 6 ช่วงวัยที่ชอบฟัง PODCAST มากที่สุด น่าสนใจมาก ไม่ใช่วัยรุ่น กลับเป็นคนวัยทำงาน หรือ Gen Y อายุตั้งแต่ 25-30 ปี

SONDHI TALK หรือ คุยทุกเรื่องกับสนธิ เราเอาลง PODCAST มาตลอด เราเผยแพร่ทั้งตัวเต็มและตัวย่อด้วย ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ที่ตัดเป็นคลิปออกมา เราก็เอามาเผยแพร่เหมือนกัน ใครอยากจะฟังทั้งรายการ 2 ชั่วโมง 2 ชั่วโมง 10 หรือ 2 ชั่วโมง 20 ก็มีให้ แต่ใครอยากจะเลือกหัวข้อที่สนใจ เราก็ตัดเป็นช่วงๆ ให้ เฉพาะรายการ SONDHI TALK มีคนดาวน์โหลดไปแล้ว 4.5 ล้านครั้ง ดาวน์โหลดเพื่อเอาไปฟัง ตอนเต็มปกติที่มีความยาว 2 ชั่วโมง ทุกสัปดาห์มีคนดาวน์โหลดไปฟังประมาณ 3 หมื่นครั้ง ไม่ใช่น้อยนะครับ ช่วงวันที่ท่านผู้ชมดาวน์โหลดไปฟังมากที่สุด คือช่วงวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ คือวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เป็นช่วงที่รายการใหม่ออก อย่างวันนี้ออกมาปั๊บ จะมีรายการที่คนสนใจ แต่ยังไม่มีเวลาฟังตอนนี้ ก็จะดาวน์โหลดใน PODCAST แล้วก็ไม่อยากจะไปเปิดมือถืออะไรให้มันวุ่นวาย เพื่อฟังแต่เสียงอย่างเดียว เฉลี่ยแล้ว ทุกๆ เดือนมีคนดาวน์โหลด PODCAST SONDHI TALK รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ไปฟังกว่า 3 แสนครั้ง

ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ที่ออกอากาศครั้งเมื่อวันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2564 ทีมงานผมก็เอารายการไปเผยแพร่ใน PODCAST ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ รายการในวันที่ 26 พฤศจิกายน ถึงแม้จะมีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 4 นาที แต่ก็ได้รับความนิยม ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่าครับ ขึ้นชาร์จทาง PODCAST ที่มีคนฟังมากเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศไทย


ทุกสัปดาห์รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" จะเผยแพร่ผ่านช่องออนไลน์หลัก 3 ช่อง คือ เฟซบุ๊ก "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนนี้มีคนติดตามอยู่ 3 ล้าน 5 แสนคน และยูทูป "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" มี SUBSCRIBE อยู่ประมาณ 1 ล้าน 2 แสนกว่าคน และเว็บไซต์ WWW.SONDHITALK.COM ช่องทางย่อยๆ ก็จะมีอินสตาแกรม SONDHITALK ตอนนี้มีคนตามอยู่ 13,400 คน ส่วน TikTok SONDHITALK มีคนติดตามร่วมแสนคน และ PODCAST SONDHI TALK

ท่านผู้ชมครับ สำหรับท่านผู้ชมที่ต้องการจะดาวน์โหลดเสียงในรายการ ก็ดาวน์โหลดลงไป แล้วก็เข้าไปใน PODCAST แล้วก็ฟังในช่วงเวลาล่าง หรือช่วงเวลานั่งอ่านหนังสือ หรือนอนดูทีวี หรือเดินเล่น หรือออกกำลังกาย ได้ทั้งนั้นครับ

ท่านผู้ชมครับ ฝุ่นมาอีกแล้ว ผมเคยพูดไปแล้วนะครับ ช่วงนี้ฝุ่นมาจริงๆ อากาศแห้ง และรู้สึกว่าเริ่มมีมาแล้ว มีเขตใดบ้างที่มีปริมาณฝุ่นเกินมาตรฐาน ผมเคยเรียนให้ทราบแล้วนะครับว่าเครื่องฟอกอากาศ ManNature ซึ่งผมเล่าให้ฟังมาตั้งแต่ต้นว่าผมใช้เครื่องนี้มาสิบกว่าปี ยังใช้การได้อยู่ ไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรอง แค่เอามาล้างน้ำสะอาดก็ใช้ได้ ท่านผู้ชมหลายท่านเอาไปใช้ก็ติดอกติดใจ ตอนนี้เครื่องนี้เหลืออยู่ไม่มาก จริงๆ ครับ เหลือไม่มาก ถ้าฝุ่นมามากแล้ว ท่านผู้ชมรีบสั่งซื้อมา ถ้าของหมดไป ท่านผู้ชมต้องรออีกนาน ผมค่อนข้างมั่นใจสินค้าชิ้นนี้ ในเรื่องเครื่องกรองอากาศนั้น กรองได้ละเอียดที่สุด และกรองได้อย่างสะอาดที่สุด ทำให้ท่านผู้ชมไม่ผิดหวังแน่นอนครับ

ท่านผู้ชมครับ วันนี้มีเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ให้ท่านผู้ชมฟัง เรื่องเครื่องกรองอากาศ ฟอกอากาศนั้น ตอนนี้ราคาพิเศษ 22,900 บาท เขาให้ผ่อน 10 เดือน เดือนละ 2,290 บาท เดี๋ยวผมจะขึ้นหมายเลขโทรศัพท์ให้


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมที่ผมน้อย ถ้ามีปัญหา ตอนนี้กระบวนการปลูกผมก้าวเข้าสู่ขั้นวิทยาศาสตร์ที่ทำได้สำเร็จ หลายๆ เจ้าทำ ท่านผู้ชมจำ MW Clinic ที่ผมอธิบายให้ฟังได้ไหม หลายๆ ครั้ง ท่านจะซื้อกัญชา หรือซื้ออะไรพวกนี้ เอาไปใช้ ติดต่อที่ MW Clinic ตอนนี้ MW Clinic เขามีโปรแกรมในการปลูกผม โดยผู้เชี่ยวชาญ ผมจะเอารูปขึ้นให้ดูว่าเป็นอย่างไร ก่อนปลูกเป็นอย่างไร หลังปลูกเป็นอย่างไร ได้ผลแน่นอน และโปรโมชันตอนนี้ 20 ท่านแรกที่ติดต่อเข้ารับบริการกับคุณหมอ จะได้รับส่วนลดพิเศษ แถมบริการบำรุงผมอีกมากมาย และผ่อนบัตรเครดิตได้ถึง 10 เดือน 0 เปอร์เซ็นต์ ถ้าท่านสนใจ ท่านดูที่หน้าจอก็แล้วกัน ถ้าท่านอยากจะไปปลูกผม ผมนี่เป็นเรื่องของบุคลิก อย่าทำเป็นเล่นไปนะครับ ระหว่างคนหัวเถิกมากๆ กับคนที่มีผมตรงข้างหน้านี้ ของผมยังโอเคอยู่ ผมไม่มีปัญหา แต่ท่านผู้ชมหลายท่านมีปัญหา คนหัวล้านมีกี่ประเภท ทุ่งหมาหลง ดงช้างข้าม ง่ามเทโพ ชะโดตีแปลง แร้งกระพือปีก ฉีกขวานฟาด ราชคลึงเครา ไปดูได้นะครับ ไปเช็กในกูเกิลได้ว่าเป็นลักษณะไหน บางคนตรงกลางหัวเป็นหย่อม เป็นไข่ดาว ถ้าเป็นทุ่งหมาหลง ก็หัวล้านหมดเลย มองไม่เห็น ดงช้างข้าม ก็มีตรงกลางเป็นผมหน่อย เป็นดงที่ช้างข้ามได้

ท่านผู้ชม เพื่อบุคลิกภาพที่ดี ยืนยันได้ครับ โปรแกรมของคลินิก MW คุณภาพสูง ราคามีเหตุมีผล ผ่อนได้ 10 เดือน


ท่านผู้ชมครับ เหมือนเดิม สัปดาห์ที่ผ่านมาเราก็แจก ฟทจ. ไปอีกแล้ว สรุปแล้วก็อยู่ใน 5 แสนกระปุก ที่เราแจก สัปดาห์นี้เราส่งไปหมดนะครับ ส่งไปที่ระยอง สุพรรณฯ ตลิ่งชัน อุบลราชธานี นครศรีธรรมราช กาญจนบุรี นราธิวาส ยะลา สตูล สงขลา เชียงใหม่ ปัตตานี เชียงราย อุดรธานี เราก็ทำหน้าที่ของเราตามที่เรารับปากท่านผู้ชมเอาไว้เรียบร้อยแล้วว่า เราระดมเงินเข้ามาเพื่อทำบุญครั้งยิ่งใหญ่ในการแจกฟ้าทะลายโจร

ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้มีเรื่องหลายๆ เรื่อง เยอะพอสมควร อาจจะเรียกว่าเป็นเมดเลย์ก็ได้ แต่เป็นเมดเลย์ที่ผมคิดว่าสนุกสนานมาก ผมจะเอาเรื่องของไวรัสโอมิครอน พูดให้ท่านผู้ชมฟัง แล้วมันมีมายาคติเกี่ยวกับการเปิดประเทศและการฉีดวัคซีน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าท่านผู้ชมติดตามผมมา รับรองว่าได้ความรู้เยอะ และท่านผู้ชมจะเห็นจุดอ่อนในการทำงานของประเทศไทย ซึ่งผมจะเอาเรื่องราวต่างๆ เอาตัวเลข มายืนยันให้ท่านผู้ชมเห็นว่าผมพูดถูกต้อง

เรื่องที่สอง เป็นเรื่องที่ตอนนี้เป็นการกระทำของคนต่ำตม ต่ำช้า ชั่วช้า จุดกระแสแบน "ลูกหนัง" ลูกสาวของตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง กับการเดบิวต์การเป็นศิลปินที่เกาหลี จริงๆ มันก็เกิดขึ้นจากกลุ่มผู้หญิงที่อิจฉาริษยา แล้วกลายเป็นกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับพ่อของน้องลูกหนัง คือคุณตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ซึ่งเคยประท้วงทักษิณ ชินวัตร ในยุคที่เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตอนนี้มันเล่นถึงลูกแล้ว และที่น่าสนใจอย่างหนึ่งและน่ายินดีก็คือว่า ฝ่ายเดียวกับพวกที่ประท้วงนั้น ออกมาเตือนสติว่าทำไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติ หรือไม่ว่าจะเป็นน้องโบว์ หลายคน

เรื่องที่สาม เป็นเรื่องที่ท่านผู้ชมคงจะรู้เรื่องมานานแล้ว แต่ว่าไม่มีใครอธิบายเป็นรูปธรรม ว่าเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มีนม ขายของไม่ได้ เดี๋ยวผมจะเล่าที่มาที่ไปให้ฟัง

เรื่องที่สี่ เป็นเรื่องขององค์กรนิรโทษกรรมสากล หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า แอมเนสตี้ (Amnesty) แอมเนสตี้ มีสาขาอยู่ที่ประเทศไทย แต่สาขาประเทศไทยคือคนที่ กินบนเรือนขี้บนหลังคา จะเป็นอย่างไร ตามมานะครับ

เรื่องที่ห้า อาทิตย์กว่าๆ ที่แล้วประเทศไทยได้ขับไล่นายยัน ฮีริค มาฉัล เป็นคนฝรั่งเศส เคยอยู่ประเทศไทยมา 20 ปี มีลูก 2 คน ทำอะไรประเทศไทยถึงขับไล่ ไม่ให้กลับมา เพิ่งบินจากฝรั่งเศสจะมาเมืองไทย สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่ให้เข้าประเทศ แล้วก็ขึ้นแบล็กลิสต์ เดี๋ยวตามผมมาแล้วจะรู้

เรื่องที่หก การเมือง ที่ประเทศไทยไม่ได้รับเชิญจากสหรัฐฯ เข้าร่วมประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตย มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร แล้วผมกำลังจะพูดว่า จาก คุณดอน เฮ้าเลี่ยน ที่ผมเคยว่าท่าน กลายเป็นดอนคนดี ของคนไทยไปแล้ว

เรื่องที่เจ็ด มีรูปเทวรูป เจ้าพ่อคลัง เกิดมีสนิม เหมือนเลือดที่ออกจากพระเศียร ลงมาที่จมูก (นาสิก) แล้วลงมาที่พระอุระ (หน้าอก) แล้วลงไปที่เท้า ก็ว่ากันว่าเป็นลางร้าย แต่ทางวิทยาศาสตร์ก็บอกว่าเป็นเรื่องของสนิมของหลอดไฟ ผมจะอธิบายทั้งสองมิติให้ฟัง แต่ผมเอามิติสุดท้าย ก็คือความจริงในตัวเลข ว่าประเทศไทยนั้นถังแตกหรือยัง ฟังดูให้ดีๆ ก็แล้วกันนะครับ

เรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องที่เจ็บปวดพอสมควร เพราะว่าสัมพันธ์ของ 2 ป. เมื่อ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกมาประกาศลั่น "มีแต่ความตายเท่านั้นที่จะแยกผมกับนายกฯ ได้" ตรงนี้มีนัยตรงไหน และเมื่อฟังตรงนี้แล้ว เราย้อนกลับไปฟังตอนแรกๆ แต่ละเหตุการณ์ เราจะเริ่มเห็นกันแล้วว่า เอ๊ะ นี่มันเป็นรายการตอแหลกันหรือเปล่า

เรื่องแรกของวันนี้ ผมคิดว่าผมต้องพูดเรื่อง "โอมิครอน" (Omicron) ไวรัสของโรคระบาดตัวใหม่ที่ออกมา ท่านผู้ชมคงรู้ข่าวตัวนี้แล้ว เพราะว่าเป็นข่าวไปทั่วโลก และทุกคนในประเทศไทยก็รู้ ผมจะเล่าที่มาที่ไปสั้นๆ ไม่ต้องยาวนัก


เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2564 หลังจากไทยเปิดประเทศได้เพียง 1 เดือน คือตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เราต้องเจอการแพร่ระบาดที่เขย่าโลกของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ที่น่ากลัว เป็นลำดับ 5 จากอันแรก คือ อัลฟา เบตา แกมมา เดลตา องค์การอนามัยโลก เรียกไวรัสตัวนี้ว่า เชื้อโควิด "โอมิครอน" ที่สำคัญก็คือว่า ตัวนี้มีการกลายพันธุ์ไปถึง 50 ตำแหน่ง ในบริเวณหนาม สามารถหลบหลีกระบบภูมิคุ้มกันจากวัคซีนเข้าสู่เซลล์ร่างกายของมนุษย์ได้ ติดเชื้อง่าย แพร่ระบาดเร็ว ลดประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันจากวัคซีน คนที่เคยฉีดวัคซีนครบโดส จึงมีโอกาสติดเชื้อกลายพันธุ์ของโอมิครอนได้

ท่านผู้ชมครับ โอมิครอน ถูกค้นพบโดยแพทย์หญิงแองเจลิก โคทซี (Angelique Coetzee) ซึ่งอยู่ที่ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นคนแรกที่ค้นพบ แล้วส่งสัญญาณไปบอกให้กับทั่วโลกได้รับทราบกัน


ไวรัสตัวใหม่นี้ค้นพบได้ที่ทวีปแอฟริกา (แอฟริกาใต้ บอตสวานา เอสวาตินี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามีเบีย ซิมบับเว และหมู่เกาะเซเชลส์) ยุโรป ก็เจอที่เนเธอร์แลนด์ อิตาลี เยอรมนี อังกฤษ เบลเยียม สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เอเชีย เจอที่ฮ่องกง ญี่ปุ่น อิสราเอล (ที่ประกาศปิดประเทศ) ออสเตรเลีย เจอที่ประเทศออสเตรเลีย อเมริกาเหนือ เจอที่แคนาดา และล่าสุดเจอแล้วที่อเมริกา ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย


ทีนี้ พอไวรัสนี้เกิดขึ้นมา ความเคลื่อนไหวของบริษัทวัคซีนว่าอย่างไรบ้าง ? "ไบโอเอนเทค ร่วมกับ ไฟเซอร์" บอกว่าสามารถจัดส่งวัคซีนรุ่นใหม่ออกสู่ท้องตลาดได้ภายใน 100 วัน "โมเดอร์นา" พูดซะเอาตลาดหุ้นตกไปทั่วโลกเลย บอกว่า ได้รับข้อมูลไม่สู้ดีจากนักวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพที่ลดลงของวัคซีนในการป้องกันโอมิครอนภายใน 2 สัปดาห์ "แอสตร้าเซนเนก้า" บอกว่า ถ้าต้องผลิตวัคซีนสูตรใหม่ก็ใช้เวลาไม่นาน "จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน" บอกว่า ติดตามสถานการณ์การกลายพันธุ์ของไวรัส อยู่ระหว่างการทดสอบประสิทธิภาพวัคซีน "โนวาแวกซ์" ก็บอกว่ากำลังพิจารณาวิจัยอยู่

สรุป คำแถลงของบริษัทวัคซีนตีความได้เลยว่า ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนตัวไหนที่ป้องกันสายพันธุ์โอมิครอนได้ เพียงแค่นี้ วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน ท่ามกลางความตื่นตระหนก ตลาดหุ้นทั่วโลกตกวูบ มูลค่าหุ้นหายไปเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์ การเดินทางสัญจรระหว่างประเทศช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ต้องหยุดชะงัก สหประชาชาติ คาดว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสูญเสียรายได้ตลอดปี 2564 ราว 2 ล้านล้านดอลลาร์ จากการระบาดของโควิด และยังจะต้องสูญเสียต่อไปอีก

หลายๆ ประเทศหวาดผวาโอมิครอน รัฐบาลหลายประเทศทั่วโลก ทั้งยุโรป และอเมริกา ขึ้นบัญชีดำห้ามคนเดินทางจากประเทศเสี่ยงในทวีปแอฟริกา ที่มีรายงานการติดเชื้อเข้าประเทศตัวเอง

สิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้เกิดจากการวิเคราะห์ตัวเลข ดูเหตุการณ์ทั้งหมด แล้วผมสรุปเรื่องราวได้ ว่าขณะนี้มันเริ่มมีมายาคติเรื่องไวรัสกลายพันธุ์ โอมิครอน แล้ว ผมจะเล่าให้ฟังว่าได้มีทฤษฎีตั้งข้อสังเกตว่าจริงๆ แล้ว อาจจะมีการค้นพบไวรัสโควิดกลายพันธุ์โอมิครอน มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 แล้ว (กรกฎาคม-พฤศจิกายน) ที่ผ่านมา 5 เดือนที่แล้ว ทฤษฎีนี้มีการอ้างอิงและส่งต่อไปเรื่อยๆ คือเขามีการอ้างอิงรายงานชิ้นหนึ่งของ World Economic Forum เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ชื่อว่า "Explainer. This is how scientists detect new variants of COVID-19" นี่คือวิธีการที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบตัวกลายพันธุ์ของโควิด-19 ผมแปะลิงก์ให้กลับไปดูก็แล้วกันนะครับ


อย่างไรก็ตาม ล่าสุด World Economic Forum ได้ออกมาแก้ข่าวดังกล่าว พูดถึงวิธีการตรวจหาไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่เท่านั้น แต่รายละเอียดเรื่องโอมิครอน เพิ่งมาอัปเดตเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน แต่ผมมีข้อสังเกตอีกข้อหนึ่ง ท่านผู้ชมตามผมมาดีๆ และตั้งใจฟังดีๆ

24 พฤศจิกายน รายงานจากสื่อหลักทางตะวันตก อย่างเช่น บลูมเบิร์ก หรือไม่ก็รอยเตอร์ รายงานว่า ประเทศแอฟริกาใต้ได้มีเอกสารแจ้งขอให้ไฟเซอร์งดส่งวัคซีนไปยังประเทศแอฟริกาใต้ 26 พฤศจิกายน หลังจากนั้นอีกสองวัน องค์การอนามัยโลกก็ประกาศทันทีว่า โลกเกิดไวรัสโควิดกลายพันธุ์ หรือโอมิครอน ซึ่งองค์การอนามัยโลกระบุว่าอยู่ในสายพันธุ์ที่ต้องน่ากังวล แถมสื่อตะวันตกยังมีการประโคมข่าวอย่างต่อเนื่องว่าการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน เป็นเครื่องย้ำเตือนสิ่งที่นักวิจัยแพทย์ได้เตือนไว้หลายครั้งแล้วว่าไวรัสดังกล่าวจะขยายตัวและเป็นภัยคุกคามทั่วโลก หากการฉีดวัคซีนไม่ได้ทำอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกา ซึ่งมีประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนเพียง 7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพราะปัจจัยสำคัญในการติดเชื้อกลายพันธุ์มักจะเป็นประเทศที่มีประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนค่อนข้างต่ำ มีการกระจายวัคซีนไปยังประชาชนน้อยมาก มีภูมิคุ้มกันน้อย ทำให้เกิดเชื้อกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง

ท่านผู้ชมครับ นี่คือข้อกล่าวอ้างของสื่อทางตะวันตก แต่ผมมีประเด็นให้คิด เป็นไปได้หรือเปล่าว่า ทางตะวันตก รวมทั้งบริษัทวัคซีน กำลังสร้างมายาคติว่าแอฟริกาใต้ระบาดหนัก เชื้อกลายพันธุ์เพราะไม่ฉีดวัคซีน ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อมาดูสถิติอัตราการตายจากโรคโควิด-19 ในประเทศแอฟริกาใต้ เราดูตัวเลขนิดหนึ่ง ผมจะเอากราฟให้ดู


วันที่ 19 มกราคม 2564 ประมาณเกือบ 1 ปีแล้ว ตาย 839 คน 26 พฤศจิกายน 2564 อีก 11 เดือนให้หลัง วันที่มีการประกาศเรื่องโอมิครอน มีผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคโควิดในแอฟริกาใต้เพียงแค่ 12 คนเท่านั้น

เพราะฉะนั้นแล้ว ผมก็เลยมีความรู้สึกว่า มันเกิดอะไรขึ้น ? ผมไม่แน่ใจ เพราะถ้าดูการตายของประชากรในแอฟริกาใต้ หรือทวีปแอฟริกา น้อยมาก และมิหนำซ้ำทางแอฟริกาใต้ยังเป็นคนแจ้งบริษัทไฟเซอร์ว่าให้งดส่งวัคซีนเข้ามาในแอฟริกาใต้ เหมือนกับว่าเขาเอาอยู่แล้ว ก็เลยเกิดโอมิครอนขึ้นมา

ท่านผู้ชมครับ เรากระโดดข้ามจากแอฟริกาใต้ มาที่ประเทศไทยนิดหนึ่ง เอาล่ะ เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เรามาดูการทำงานของประเทศไทยบ้าง 26 พฤศจิกายน ท่านผู้ชมจำวันที่ไว้นะครับ เดี๋ยวผมจะให้ทีมงานทำกราฟฟิกขึ้น 26 พฤศจิกายน องค์การอนามัยโลก ประกาศว่าโควิดกลายพันธุ์ โอมิครอน เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล ท่านผู้ชมครับ ผ่านไป 5 วัน จาก 26 พฤศจิกายน เป็นวันที่ 1 ธันวาคม หลังจากองค์การอนามัยโลกบอกมาแล้ว 26 พฤศจิกายน ประเทศไทยรอ 5 วัน ถึงจะสั่งห้าม 8 ประเทศจากแอฟริกาที่มีรายงานเชื้อชัดเจนแล้ว ได้แก่ บอตสวานา เอสวาตินี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย แอฟริกาใต้ และซิมบับเว เข้าไทย ยกเว้นมีสัญชาติไทย

คุณสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. แถลงวันที่ 1 ธันวาคม ว่าตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน มีนักท่องเที่ยวจากแอฟริกาเข้าไทย 783 คน และกำลังสั่งให้ตามตัวตรวจเชิงรุกเพื่อสกัดโอมิครอน ท่านผู้ชมครับ ประเด็นอยู่ตรงนี้ เป็นการตอกย้ำว่ารัฐราชการไม่มีทางตามทันโรคระบาด คุณจะไปตามตัวนักท่องเที่ยวที่ปล่อยเข้ามาแล้ว 783 คน ได้อย่างไร ไม่ทันแล้ว พวกนี้ไปอยู่ที่ไหนล่ะ มัวแต่ระวังชาวต่างชาติจากอเมริกา แต่ขณะนี้ประเทศทางยุโรปมีอัตราการติดเชื้อโควิดสูงมาก เราก็ปล่อยให้เข้ามาอย่างเต็มที่เลยในขณะนี้

ท่านผู้ชมครับ ขณะที่หลายๆ ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ประกาศห้าม 8 ประเทศจากแอฟริกาที่มีรายงานเชื้อชัดเจนแล้วเข้าประเทศ ผมจะเอากราฟขึ้นให้ดู จะเห็นได้ว่าประเทศไทยมีอัตราการติดเชื้อต่อประชากร 1 ล้านคน สูงกว่า 8 ประเทศที่เราห้ามเข้า คือพูดง่ายๆ ว่า อัตราการติดเชื้อของเรากลับสูงกว่า 8 ประเทศที่เรามาโวยวายไม่ให้เข้า ยอดการติดเชื้อประชากร 1 ล้านคน ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน เมื่อไม่กี่วันมานี้เลย ไทย 81 คน ต่อประชากร 1 ล้านคน แอฟริกาใต้ 45.90 คน ต่อประชากร 1 ล้านคน ยุโรป ท่านผู้ชมฟังให้ดีๆ ยุโรปที่เราเปิดประเทศให้เขาเข้ามา 491.93 คน ต่อประชากร 1 ล้านคน ท่านผู้ชมดูได้ เพราะฉะนั้นแล้ว สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เปลี่ยนไปเป็นไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอน


ท่านผู้ชมครับ กระบวนทัศน์ของการแก้ไขป้องกันของรัฐบาลก็ยังอยู่ที่ปลายเหตุ เพราะการฉีดวัคซีนให้ครบ วันนี้พิสูจน์ชัดแล้วว่าไม่ใช่คำตอบ ยุโรปฉีดวัคซีนมากกว่าเราเยอะ ก็ไม่ใช่คำตอบ ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่เราต้องระวังมากๆ เลย สถานการณ์การแพร่ระบาดของโอมิครอน ช่วงสิ้นปีเก่าต่อปีใหม่ อาจจะซ้ำรอยเดลตาช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาก็ได้ ท่านผู้ชมอย่าประมาท ทุกคนต้องใช้ชีวิตเป็นปกติแบบมีสติ ไม่ประมาท กินอาหาร ยาเสริมภูมิต้านทานเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์โอมิครอน ทางรอดของเราคือ อัตตาหิ อัตโนนาโถ ตนต้องเป็นที่พึ่งของตนเอง อย่าประมาท และหน้าหนาวจะเป็นช่วงที่ไวรัสระบาดได้ง่ายที่สุด ผมคนหนึ่งล่ะ จะไม่ไปเคานต์ดาวน์ ไม่สนใจ ทุกวันนี้ก็ยังไม่ไปในที่มีชุมชนคนเยอะ เพราะผมรู้ว่าในขณะนี้อัตราการติดเชื้อของเราก็ยังสูงอยู่ เมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศ แล้วยิ่งมีการเปิดประเทศ ซึ่งผมไม่ขัดข้องในการเปิดประเทศ แต่ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า เอ๊ะ ทำไมประเทศอย่างยุโรป หรือแม้กระทั่งอเมริกา หรือออสเตรเลีย อิสราเอลปิดประเทศไปแล้วตอนนี้ ทั้งๆ ที่ประเทศเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส หลายประเทศเริ่มฉีดบูสเตอร์ (เข็มที่ 3) ก็ยังติดเชื้อ แล้วถ้ามันกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ ล่ะ ?

อีก 100 วัน จะมีวัคซีนตัวใหม่ของไฟเซอร์ออกมา เพื่อป้องกัน หรือลดความรุนแรงของโอมิครอน และถ้ามีอีกตัวหนึ่งขึ้นมาล่ะ ถ้าเกิดวัคซีนที่เขาคิดขึ้นมาไม่สามารถป้องกันตัวใหม่ได้ ก็ต้องมีการค้นคว้าวิจัย ถ้าปีหนึ่งมีเชื้อตัวกลายพันธุ์สัก 2 ครั้ง เราฉีดบูสเตอร์ไปแล้ว 1 เข็ม เท่ากับ 3 เข็ม ถ้ามีกลายพันธุ์มาอีก 2 ครั้ง แล้ววัคซีนตัวเก่าเอาไม่อยู่ ก็ต้องวิจัยกันต่อ ก็ต้องฉีดเพิ่มอีก 2 เข็ม เท่ากับว่า 1 ปี เราต้องฉีดวัคซีน 5 ครั้ง

ท่านผู้ชมครับ ไม่มีอะไรรักษาเชื้อกลายพันธุ์หรือเชื้ออะไรได้ดีเท่ากับการสร้างภูมิคุ้มกันของตัวเอง ผมสร้างภูมิคุ้มกันของผมอยู่ตลอดเวลา ผมเคยไปตรวจเลือด เช็กภูมิคุ้มกัน ภูมิคุ้มกันของผมสูงมาก ถึงแม้จะอายุ 75 ปีแล้ว เพราะว่าผมระวังการใช้ชีวิต และผมจะบอกเคล็ดลับของภูมิคุ้มกันนี้ให้ เป็นของขวัญวันปีใหม่ ตอนสิ้นปีนี้ ในขณะนี้ผมกำลังเรียบเรียงระบบความคิดอยู่ว่าจะอธิบายอย่างไร และจะใช้วิธีนี้อธิบายให้ชัดแจ้งว่าภูมิคุ้มกันที่ผมทำอยู่นี้ มันมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

ท่านผู้ชมครับ การสร้างภูมิคุ้มกันเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ที่สำคัญที่สุด ท่านผู้ชมครับ ผมขอเถอะ อย่าประมาท ผมรู้ว่าหลายๆ ท่านอึดอัด หงุดหงิด ไม่ได้ไปกินเหล้า ไม่ได้ไปเที่ยวเตร่ ท่านผู้ชมครับ ญี่ปุ่นเดิมทีกะจะเปิดประเทศให้เข้า ตอนนี้ญี่ปุ่นปิดประเทศอีกแล้ว อิสราเอลปิดประเทศอีกแล้ว แล้วนักท่องเที่ยวชาวแอฟริกาใต้เข้ามา ชาวแอฟริกาเข้ามาเจ็ดร้อยกว่าคน ถ้าตามไม่เจอตัว แล้วถ้าเกิดกลายพันธุ์ขึ้นมา เกิดมีโอมิครอนขึ้นมา เราจะทำอย่างไรกับมัน ท่านผู้ชมครับ เรากำลังเหมือนมดที่อยู่ในกระทะที่ร้อนๆ เริ่มร้อนมาทีละนิดแล้ว มีอยู่วิธีเดียวก็คือ ดูแลตัวเอง ป้องกันตัวเอง ก็คือว่า ต้องคลาน เดินจากกระทะไปที่ขอบกระทะ แล้วปีน แล้วออกจากกระทะนั้นไปเสีย นั่นคือดูแลตัวเองให้ดีที่สุดครับ


ท่านผู้ชมครับ เมื่อประมาณ 3-4 วันที่ผ่านมานี้ มันมีข่าวทวิตเตอร์ที่มีแฮชแท็กว่า "แบนลูกหนัง" การแบนลูกหนังนี้ ไม่ได้หมายความว่าแบนฟุตบอลนะ "ลูกหนัง" เป็นชื่อเล่นของคนๆ หนึ่ง คุณศีตลา วงษ์กระจ่าง เป็นหนึ่งในลูกสาวฝาแฝดของคุณตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ที่เสียชีวิตไปแล้ว

ตั้ว ศรัณยู ก็เหมือนน้องชายของผมคนหนึ่ง โซเชียลมีเดียในพวกที่แบนลูกหนังนั้น ไปอ้างว่าลูกหนัง เป็นคนที่อยู่ใน กปปส. สนับสนุน ส่วนพ่อนั้นอยู่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถึงขั้นที่ระบุไปถึงมีการแจ้งไปต้นสังกัดที่เกาหลีว่า ไม่ให้เลือกลูกหนังเป็นหนึ่งในวงที่กำลังจะถูกเดบิวต์ในต้นเดือนมกราคม

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ผมได้ยินแล้วผมก็ไม่ใช่ไม่สบายใจ ผมมีความรู้สึกทุเรศสังคมไทยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมไทยในรุ่นใหม่ที่ไม่มีวุฒิภาวะความเป็นคนเลยแม้แต่นิดเดียว มีแต่ความระยำในเรื่องความคิด ทำลายใครได้ก็ทำลาย ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ถึงกรณีที่คุณแขก แห่ง Voice TV ไปอาละวาดกับร้านน้ำพริกนิตยา ที่บางลำพู แต่ในที่สุดก็มีคนออกมากดไลก์ให้กับเพจคุณนิตยา แล้วของๆ คุณนิตยา ก็ยิ่งขายดีมากขึ้น


ผมรู้จักหลานของผมคนนี้ดี "ลูกหนัง" ผมเห็นตั้งแต่ยังตัวน้อยๆ เป็นเด็กที่เรียนหนังสือเก่งมาก พูดได้ 4 ภาษา ไทย อังกฤษ เกาหลี และจีน ผมยังจำได้เลยท่านผู้ชมครับ สมัยที่เขาจบ ม.ปลาย โรงเรียนอินเตอร์ แล้วพ่อเขามาถามผมว่า คุณสนธิ ถ้าจะไปเรียนจีน ไปเรียนที่ไหนดี ยังปรึกษาหารือกัน ผมก็แนะนำให้ไปเรียนที่เซี่ยงไฮ้ ในขณะนั้น แต่ในที่สุด ลูกหนัง ก็สอบเข้าจุฬาฯ ได้ อยู่คณะอักษรศาสตร์ ท่านผู้ชมครับ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 1 แล้วมีอยู่วันหนึ่ง จู่ๆ ตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ก็มาบอกว่า พี่ครับ ลูกหนังไม่เรียนแล้ว มันลาออกจากจุฬาฯ แล้วมันตัดสินใจไปเรียนที่เกาหลี


ปีนี้ลูกหนัง อายุ 24 ปี เขามีความมุ่งมั่นตั้งแต่เด็กแล้ว ตามพ่อของเขา เพราะเขาได้เลือดพ่อเขามาแรงมาก เขาต้องการเป็นศิลปินป๊อป แล้วทุกคน ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ให้การสนับสนุนเต็มที่ ลูกหนัง มีทักษะในการร้องเพลง เต้นแร็ป ร้องแร็ป ในระดับสูง นอกจากนั้นแล้วยังแต่งเพลงได้อีก ในที่สุดเธอออกจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งเป็นคณะที่เด็กหลายคนใฝ่ฝันจะเรียนเป็นอย่างมาก ต้องการสอบเข้า เพราะสอบเข้ายากมาก เธอเดินทางไปเรียนที่มหาวิทยาลัย Ewha ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยผู้หญิง แล้วก็ไปฝึกเป็นเด็ก trainee ของค่าย Lion Heart หัวใจสิงห์ เธอฝึกมานานเป็นเวลาหลายปี เหมือนลิซ่า ไม่มีผิด เป็นเพียงแต่ว่าเธอมีคุณวุฒิที่สูงกว่าลิซ่า ตรงที่ว่าเธอมาจากอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ปีหนึ่ง แต่ความเคี่ยวกรำในการฝึก เธอยังสู้ลิซ่าไม่ได้ แต่อย่างน้อยเธอก็ฝึกหนักมาเป็นเวลา 6-7 ปี โดยที่ไม่หยุดเลย ทั้งเรียนด้วย ทั้งฝึกด้วย


พอเธอจบการศึกษา เขาก็มีการคัดเลือกคนที่สมัครเข้าไปสังกัดค่ายเพลงเกาหลี ชื่อ GLG (Grandline Group) ในที่สุดแล้วเธอได้รับเลือกจากคนจำนวนหลายพันคน เกือบหมื่นคน รวมกับศิลปินเกาหลีอีก 3 คน เป็น 4 คน ชื่อ ชินยอง เยจิน ซึงฮยอน และลูกหนัง เธอเป็นคนไทยคนเดียวที่มีกำหนดเปิดตัวเดบิวต์อย่างเป็นทางการในวันที่ 5 มกราคม 2565


ท่านผู้ชมครับ จู่ๆ ก็มีการด้อยค่า ดิสเครดิตเธอในโลกโซเชียล เพียงเพราะว่าเธอเคยอยู่ใน กปปส. หรือพ่อเธอเคยอยู่ในพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย การโจมตี ดิสเครดิตคนในโลกโซเชียล การพาทัวร์ไปลง มันเป็นงานถนัดของหลายคนที่เป็นตัวตั้งตัวดี ท่านผู้ชมครับ พวกคุณไม่อยากสนับสนุนก็แล้วไป คุณจะไปบังคับให้คนอื่นไม่สนับสนุนด้วยได้อย่างไร คุณไปเหยียบย่ำเขาให้จมดิน นี่คือประชาธิปไตยที่พวกคุณมึงเรียกร้องตรงไหน (วะ) เฮ้ย! เด็กไทยคนหนึ่ง กว่าจะโกอินเตอร์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกาหลี คัดเลือกจากคนที่มาสมัครเกือบหมื่นคน และเป็นหนึ่งในเกือบหมื่นคนที่ได้รับเลือก ไม่ใช่เรื่องง่าย ไอ้คนที่ด้อยค่าเขา ถามตัวคุณเองว่ามีปัญญาไหม หรือมีปัญญาแค่ออกทวิตเตอร์แล้วเที่ยวด่าคนโน้นด่าคนนี้ ด้อยค่าคนโน้นคนนี้ นี่มันระยำมาก ใครที่คิดแบบนี้แล้วก็เผยแพร่ทวิตเตอร์แบบนี้ โคตร here เลย ขอโทษทีต้องพูดแรงๆ เพราะพวกคุณไม่มีวุฒิภาวะที่จะให้ผมเคารพได้เลยแม้แต่นิดเดียว

คนๆ หนึ่งในเกาหลีจะไปยืนตรงนั้น เปิดเดบิวต์อย่างเป็นทางการในวันที่ 5 มกราคม เปิดตัว ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ มิหนำซ้ำยังเป็นคนไทยอีก ถ้าลิซ่า ถูกเหยียดหยาม ดูถูกว่าเป็นคนไทย จากพวกคนเกาหลีด้วยกัน ก็มองในมุมกลับสิ ศีตลา หรือลูกหนัง เขาก็คงจะต้องโดนด้วย เขาก็ผ่านอะไรมามากมาย เขาฝึกฝน ใช้ความอดทน ความเพียรพยายาม และที่สำคัญ วันนี้ลิซ่า สร้างชื่อเสียงให้กับคนไทยอย่างมากมายมหาศาล จนกระทั่งวันนี้ สังคมโลก สังคมเกาหลี ยอมรับลิซ่า อย่างเต็มที่


แล้วถ้าลูกหนัง หรือ ศีตลา วงษ์กระจ่าง ต้องออกมาอีกคนหนึ่ง แล้วเป็นคนที่ผ่านเข้ารอบ และได้รับคัดเลือกมา แทนที่คุณจะปรบมือให้เขา อวยชัยให้พรเขา คุณกลับมาด้อยค่าเขา เอาก้อนอิฐมาขว้างเขา คุณเป็นมนุษย์พันธุ์ไหน (วะ) คุณนี่ยิ่งกว่าควาย พวกที่มาติดแฮชแท็กแบนลูกหนัง ลูกหนังเขาไปทำอะไรให้หนักกบาลคุณล่ะ มีเยอะแยะเลย ทำไมคุณไม่แบนล่ะ ทำไมพวกคุณที่มันทะเลาะเบาะแว้งกัน กระโดดถีบกันบนเรือ หรือแบนคนโน้นคนนี้ ทั้งๆ ที่พฤติกรรมของกลุ่มพวกคุณก็เลวทราม บัดซบ ต่ำช้า มากกว่าสิ่งที่ลูกหนังเขาเป็น พ่อของเขา ศรัณยู วงษ์กระจ่าง มีจุดยืนที่ชัดเจน เขาเป็นศิลปินที่รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตอนที่ตั้วเข้ามาร่วมกับผม


เขาเสี่ยงทุกอย่างในชีวิต งานเขาก็ไม่มี เขาถูกแคนเซิลงานไปหมด แต่ตั้วเขาเชื่อและศรัทธาในอุดมการณ์ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ผมให้ความเคารพในจิตใจอันสูงส่ง สง่างามของตั้ว และผมก็เชื่อว่าลูกสาวเขาก็เป็นคนเช่นนี้เช่นกัน ไม่ได้เป็นคนที่เลวร้าย เป็นคนดี การที่เขาไปร่วมชุมนุม กปปส. ในยุคนั้น ก็น่าจะเป็นเพียงเพราะว่าเขาไม่ต้องการให้รัฐบาลชุดยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งถูกคดีจำนำข้าวอยู่ มานิรโทษกรรมสุดซอยให้กับทักษิณ ชินวัตร นั่นคือการรักความเป็นธรรม และการปกป้องกระบวนการยุติธรรม ให้ความยุติธรรมนั้นมันเท่าเทียมกัน เพราะฉะนั้นแล้ว ลูกหนัง จะเป็นอย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ทำร้ายชาติบ้านเมืองเลยแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่เขาอาจจะมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่ไม่เข้าข้างพวกคุณ ไม่ตรงกับพวกคุณ


ที่สำคัญที่สุด ระหว่างเขากับพวกคุณที่เที่ยวติดแฮชแท็ก แล้วกระจายไปทั่วให้แบนลูกหนัง คุณเอาส้นตีนคุณมาเขกกบาลคุณแล้วคิดซิ คุณเคยทำอะไรให้เป็นประโยชน์บ้างไหม คุณทำอะไรที่แสดงศักยภาพของคุณ และทำให้ประเทศไทยมีชื่อเสียงบ้าง คุณเคยไหม ? คุณไม่เคยหรอก คุณได้แต่นั่งเป็นเกรียนคีย์บอร์ด เคาะไป แล้วก็ฟอร์เวิร์ดไป แล้วก็มารวมตัวกันแบนลูกหนัง ผมเห็นคนที่คุณแบนมาไม่รู้ตั้งกี่คน ไม่รู้กี่เรื่อง ไม่สำเร็จสักเรื่อง จนวันนี้คุณยังไม่รู้เรื่องอีกหรือว่า พวกคุณน่ะโคตรไร้ค่าจริงๆ เรียกว่า Here ผมคิดว่ายังสูงเกินไปนะ

ผมสนับสนุนลูกหนัง ผมดีใจกับลิซ่า และผมภูมิใจกับลูกหนัง ที่เขามีเลือดพ่อของเขาอยู่ ที่สำคัญที่สุด เขาไม่ใช่ว่าจู่ๆ เข้ามา หรือใช้เส้นเข้ามา ไม่มี ทุกอย่างมาจากหยาดเหงื่อ แรงงานของเขา ความมุมานะ มุ่งมั่น เพราะเขารักในสิ่งที่เขาทำ และเขาดูออกว่าเขาไปประเทศจีน เรียนที่เซี่ยงไฮ้ เขาอยู่อักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ ทั้งสองแห่งไม่มีทางที่จะให้เขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการ เพราะว่าเค-ป๊อป ก็มีอยู่ที่เดียว คือเกาหลี เขาตากหน้าไป ไปเรียนภาษาเกาหลี เหมือนลิซ่าไม่มีผิด ไปฝึก เคี่ยวกรำตัวเองอย่างหนักหนาสาหัส

ท่านผู้ชมครับ เรามาให้กำลังใจ สนับสนุนลูกหนัง ลูกสาวของคุณศรัณยู วงษ์กระจ่าง (ตั้ว) อย่าไปทิ้งเขา แล้วช่วยกันก่นประณาม อย่าให้คนชั่วมันลอยนวล พวกที่ออกแฮชแท็ก here here แบบนี้ ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ เราต้องหาทางปกป้องลูกหนังให้ได้


ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมจะพูดวันนี้มันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ ท่านผู้ชมที่อยู่ในวงการโซเชียลมีเดียก็คงจะรับรู้ รับทราบ และเห็นเรื่องราวที่ออกมาแล้ว แต่ที่ผมจะพูดเพราะว่าผมก็มีความคิด มีมิติ ข้อคิดในเรื่องนี้ จริงๆ แล้วหัวข้อเรื่องนี้ผมบอกทีมงานแล้วว่า น่าจะใช้คำว่า ยุคนี้สมัยนี้ไม่มีนม ขายของไม่ได้ มันเป็นเทรนด์แม่ค้าโชว์เซ็กซี่เพื่อกระตุ้นยอดขาย

23 พฤศจิกายน อาทิตย์กว่าๆ ที่ผ่านมา มีน้องโอลีฟ หรือชื่อ คุณอรัญญา อภัยโส อายุ 23 ปี ขายขนมโตเกียวเนยกรอบ ชื่อร้าน "โคตรลำโตเกียวเนยกรอบปังปุริเย่" อยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ น้องโอลีฟ ใช้จุดขายคือแต่งชุดเซ็กซี่ กางเกงยีนส์ขาสั้น เสื้อไหมพรมแขนยาว มัดกระดุมเม็ดเดียว แหวกอก โนบรา โชว์เนินอกไปจนถึงหน้าท้อง ยอดขายก่อนหน้าที่จะออกโซเชียล ขายได้ประมาณ 100-200 กล่องต่อวัน มีออร์เดอร์เพิ่มขึ้นมาตอนนี้ 350 กล่องต่อวัน ทำไม่ทัน ต้องสั่งจองล่วงหน้าข้ามวัน ถ้าเราคำนวณแล้วกล่องละ 25-35 บาท น้องโอลีฟ วันหนึ่งรายได้ตกประมาณ 11,000-12,000 บาท โอ้โห เดือนละ 360,000 บาท ขนมแบบนี้กำไรมากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ เดือนหนึ่งน้องโอลีฟ กำไรเป็นหลักแสน อย่างน้อยต้องมีใกล้ๆ สองแสน


พอขายดิบขายดี ก็มีแม่ค้าอีกหลายราย คิดแล้วว่าในที่สุดแล้วจำเป็นต้องเอาเนื้อหนังมังสาของตัวเองออกมาปลุกความหื่นของผู้ชาย ที่ผมพูดอย่างนี้ก็เพราะว่า คนของผมหลายคนก็เดินไปเข้าคิวซื้อของกับเขาเหมือนกัน ทีมงานช่างกล่องนี่ล่ะครับ ผมก็ถามว่า เฮ้ย ที่ไปดูนี่ส่วนใหญ่ผู้ใหญ่หรือเปล่า เขาบอก ใช่ครับ ผู้ชายทั้งนั้น ก็พูดได้เหมือนกันว่าที่ผู้ชายไป เพราะอยากจะไปดูนมของน้องโอลีฟ ก็ปรากฏว่าแม่ค้าอีกหลายรายก็เลยใช้การแต่งตัวนุ่งน้อยห่มน้อย หวังเป็นกลยุทธ์เรียกลูกค้าเช่นกัน


แต่จริงๆ แล้วก่อนที่น้องโอลีฟจะมาแต่งตัวแหวกอกขายเนยกรอบนั้น กระแสการใช้หน้าอกหน้าใจและความเซ็กซี่ เนินอกขาวผ่องดึงดูดลูกค้า มันมีให้เห็นมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากช่วงหลังๆ นั้น ช่วงโควิด-19 พริตตี้ MC ต่างๆ ที่ตกงานกันเป็นแถว พากันผันตัวเป็นแม่ค้า ใช้เฟซบุ๊ก มีเพจรวบรวมพิกัดร้านค้าที่มีแม่ค้าเซ็กซี่ เหมือนกับเป็นลายแทงให้ลูกค้าหื่นๆ ไปตามหากันได้ง่ายขึ้น ผมจะเอาตัวอย่างบางส่วนขึ้นมา ดูรูปน้องเปียโน ขายมะม่วงน้ำปลาหวาน คนเขาไม่ได้สนใจน้ำปลาหวานหรือไม่หวาน มะม่วงเปรี้ยวหรือไม่เปรี้ยวหรอกครับ เขาสนใจมะม่วงอกร่องของน้องมากกว่า


ร้านมะม่วงน้ำปลาหวานแรดแล้วจ้า ของน้องเปียโน เขามี gimmick การขายด้วยการแต่งชุดเซ็กซี่ออกมาขายของทุกวัน มีลูกค้า (ผู้ชายทั้งนั้น) แวะเวียนมาอุดหนุนกันเป็นจำนวนมาก ร้านนี้อยู่ตรงข้ามวัดนวลจันทร์ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร

นอกจากขายของแล้ว ยังมีช่างตัดผม ผมเอารูปให้ดู ช่างเอิง ชฎาพร ประสมทอง วัย 30 ช่างตัดผม เธอเป็นเจ้าของร้านตัดผมผู้ชาย ชื่อ GREAT TIME BARBER


ในวงการบอกเธอแซ่บและเซ็กซี่มาก นอกจากนั้นแล้ว ยังมีร้านข้าวหมูทอดนมโต ชื่อร้านข้าวหมูทอดนมโต ของแก้ว นางสาวสุภาพร ปานบุญลือ อยู่พุทธมณฑลสาย 4


มีร้านนิวข้าวมันไก่และข้าวขาหมู อยู่ที่แยกเทคนิคลำปาง ลองดูรูปนะครับ เธอขายข้าวมันไก่จริงๆ นะครับ แต่จริงๆ แล้วเธอน่าจะขายแตงโมจะดีเสียกว่า เพราะว่าหน้าอกเธอไม่ได้เล็กไปกว่าแตงโมใบย่อมๆ เลย


มีร้านผู้หญิงขายเนื้อ Up2You ที่สุราษฎร์ฯ นี่ทั่วประเทศไทยแล้วนะ ชื่อน้องมุก แต่งตัวนุ่งน้อยห่มน้อย มายืนปิ้งเนื้อขาย


นอกจากนั้นแล้ว ยังมีอาหารทะเล ปลาหมึกย่าง ร้านปลาหมึกย่างน้องอ้อน อยู่ตรงข้ามเซเว่นฯ หน้ามหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา ที่จังหวัดน่าน


ทางใต้ก็ไปแล้ว ทางเหนือ เชียงใหม่ก็มีแล้ว น่าน และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านหมูปิ้ง ร้านกล้วยทอด มีหมด ผมเอารูปขึ้นให้ดูก็แล้วกันนะครับ ดูกันเพลินๆ ตา

ท่านผู้ชมครับ หลักการตลาดที่เขาสอนกันคือ อาหาร ของต้องมีคุณภาพ เมื่อของมีคุณภาพแล้ว มันอร่อย และทำอย่างไรที่จะโฆษณาชวนเชื่อให้คนมากินของที่ร้านนี้ กินแล้วก็ติดใจ หลักการนี้ง่ายๆ สมัยก่อนไม่มีโซเชียลมีเดีย ก็คงจะเหนื่อยหน่อย แต่มาสมัยนี้ เรื่องสถานที่ตั้ง Location ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แล้ว จะตั้งอยู่ที่ไหนก็ตาม แต่ขอให้ Presentation การนำเสนอนั้น นำเสนอแล้วดูแล้วน่าไปเยือน เพราะว่าผู้ชายที่มีความคิดหื่นๆ ยังมีอยู่มากมายในสังคมไทย แค่ลง Google Map ก็รู้แล้วว่าอยู่ตรงไหน ไม่ต้องไปเยอะหรอก เอาแค่พื้นที่ในจังหวัดนั้น เขาเห็นปั๊บ เขาเช็ก Google Map เอ๊ะ อยู่ตรงนี้นี่ วันดีคืนดีขับรถไปที่เชียงใหม่ ไปซื้อขนมโตเกียว เข้าคิวเสียหน่อย แล้วก็ใช้ตาเลาะเล็มและลวนลามโดยไม่เสียเงิน ได้ยืนดู บางทีอาจจะต้องใช้เวลาในการซื้อมาก นานหน่อย หยิบของปั๊บ เปิดกล่อง เช็กดูว่าของดีหรือไม่ดี แต่ว่าตาไม่ได้อยู่ที่ขนมโตเกียวหรอกนะ ตาอยู่ที่เนินอกน้องๆ

แต่ตอนนี้ปัญหาใหญ่มันเกิดขึ้น ท่านผู้ชม คำถามของผมมีว่า ถ้าใครไม่มีนมหรือหน้าอกหน้าใจใหญ่ หุ่นไม่เซ็กซี่ หมดสิทธิ์ขายของแล้วใช่ไหม ตายล่ะสิ ผู้หญิง ยกทรงเขาแบ่งเป็นคัพ A เล็กสุด คือประเภทแทบจะเป็นลูกเกดติดฝาผนัง แล้วก็มีคัพ B คนที่มีนมพอสมควร ต้อง B75 ขึ้นไป ต่อมาคือคัพที่ใหญ่ขึ้น คัพ C ถ้า C75 นี่ อร่าม อลึ่งฉึ่ง ใหญ่โตมโหฬาร

แต่ก่อน ผู้หญิงที่ขายความเซ็กซี่จะอยู่ในแวดวงดารา นางแบบ พริตตี้ MC ซึ่งเกิน 70-80 เปอร์เซ็นต์ ของผู้หญิงที่อยู่ในวงการนี้ จะทำนมทุกคน ทำไมต้องทำนมล่ะ ? เพราะถ้านมเล็ก ถ่ายแบบไม่ได้ ไม่สามารถใส่เสื้อผ้าดูสวยได้ จะใส่เสื้อผ้าให้ดูสวยมันต้องวับๆ แวมๆ ต้องโชว์มะม่วงอกร่องเสียหน่อย แล้วจะมีร่องได้อย่างไรถ้าเป็นคัพ A ก็ต้องไปทำศัลยกรรม เพราะฉะนั้นในที่สุดแล้ว เซ็กซี่เป็นจุดขาย ไม่ใช่รสชาติอาหารหรือคุณภาพสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าเซ็กซี่ด้วยและอาหารอร่อยด้วย คราวนี้สองเด้งเลย

แต่ว่าค่านิยมว่าผู้หญิงต้องเซ็กซี่ มีนม โชว์นมได้ ถึงจะขายของได้ มันก็เป็นสิ่งที่ผู้หญิงที่ไม่มีหน้าอก หุ่นไม่ดี ดิ้นรนเพื่อจะทำหน้า ทำนม เป็นการลงทุนเพื่อให้เป็นกระแสในการขายของได้ ผมก็เลยให้ทีมงานของผมซึ่งเชี่ยวชาญในเรื่องการทำนม ไปสืบเสาะมา ปรากฏว่าอัตราค่าเสริมหน้าอกปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นบาท จนถึง 1 แสน 5 หมื่นบาท ราคาขึ้นอยู่กับ หนึ่ง ขนาดที่ต้องการทำ ผู้หญิงไทยส่วนใหญ่นิยมทำขนาด 325-375 ซีซี. ซึ่งจะทำให้หน้าอกใหญ่ขึ้นมาอีก 2-3 คัพ เช่น เดิมคัพ A ทำแล้วจะใหญ่เป็นคัพ C คัพ D สอง ลักษณะทรงที่ทำ เขาเรียกทรงกลม เหมือนลูกมะพร้าว หรือทรงหยดน้ำ ห้อยออกมา ย้อยออกมา แพงกว่าทรงกลม เพราะทำให้หน้าอกดูเป็นธรรมชาติมากกว่า สาม ประเภทของถุงซิลิโคน มีทั้งซิลิโคนน้ำเกลือ ซิลิโคนเจล ซิลิโคนถุงเบเกอร์ คือผสมกันระหว่างน้ำเกลือกับเจล แล้วยังมีรายละเอียดปลีกย่อย ท่านผู้ชมเชื่อไหมว่าสมัยนี้เขาทำนมมีการเสนอให้ฝังไมโครชิปลงไปในนมด้วยนะ


ฝังไปที่ซิลิโคน ถ้าฝังก็เพิ่มราคาอีกไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาท แล้วทำไมเขาต้องฝัง ? ทำบันทึกข้อมูลหลักฐานการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกไว้ เช่น มีบอกขนาดซิลิโคน คลินิกที่ทำศัลยกรรมอยู่ที่ไหน บางคนมีปัญหาภายหลัง ก็ยื่นฟ้องคลินิก หรือบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ ลูกค้าจะได้มีหลักฐานชัดเจน ทำที่คลินิกหรือโรงพยาบาล ทำกับหมอคนไหน ถ้าหมอดัง ราคาก็จะเพิ่มสูงมากขึ้น

ในเมืองไทยยังถูกนะท่านผู้ชม ทำนมที่เกาหลีเป็นล้าน ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมดูซีรีส์เกาหลีจาก Netflix สิ เชื่อผมสิ ไม่ใช่ว่าผมมีประสบการณ์นะ ผมสังเกตมานานแล้ว ดาราเกาหลีนมโตทุกคน เป็นเพียงแต่ว่าดาราเกาหลีในซีรีส์ไม่ค่อยจะแต่งตัวโป๊ เปิดอก แต่ถ้าดูจากลักษณะท่าทาง เสื้อที่มันนูนออกมา แล้วผมดูลักษณะที่มันนูนออกมา ส่วนใหญ่แล้ว 99 เปอร์เซ็นต์ จะเป็นการทำนมรูปทรงหยดน้ำ

ทีนี้พวกที่ทำนม มันก็มีข้อดี ขายของได้ แต่ที่ผมกำลังตั้งข้อสงสัยและผมเคยถามคนทำนมหลายคนว่าถ้าอายุสัก 60 แล้ว หนังคุณเหี่ยวหมด หนังเหี่ยว มือเหี่ยว หน้าเหี่ยว แต่นมคุณยังทะลึ่งเต่งตึงอยู่ คุณจะทำอย่างไรกับมัน คุณกลุ้มใจไหม แล้วจู่ๆ คุณไปเอาซิลิโคนออกจากหน้าอก จากการที่สมัยก่อนคุณมีหน้าอกเล็ก คุณกลายเป็นกล้วยปิ้ง กล้วยทับไปแล้ว ออกมาดูโคตรน่าเกลียดเลย ทุกอย่างมีได้มีเสีย ผมยังเชื่อจริงๆ นะครับว่า ในที่สุดแล้วทำอะไรก็ตาม ขอให้เป็นการทำงานที่มีคุณภาพ มันมีวิธีโปรโมตได้หลายวิธี และผมยังเชื่อว่า ในที่สุดแล้ว ของที่มีคุณภาพ อาหารที่อร่อยจริงๆ ขนมที่อร่อยจริงๆ บริการที่มีน้ำจิตน้ำใจ การพูดจาไพเราะ ให้ความรู้สึกอบอุ่นกับคนที่มาซื้อของ อันนี้จะยั่งยืน สถาพร มากกว่าการทำนมใส่ซิลิโคน 300 ซีซี. หรือ 375 ซีซี. ครับ

เล็กๆ น้อยๆ เป็นการบันเทิง ให้ข้อมูลกัน ถามผมว่า ผมเคยไปซื้อหรือไม่ ผมไม่เคยไปซื้อ เพราะถ้าผมไปก็คงจะเป็นเรื่องตลกโปกฮากันไป คนอายุ 75 แล้ว ยังอยากจะดูนมสดๆ ร้อนๆ อีกหรือเปล่า บางคนก็บอกว่า คุณสนธิ อย่าปิดบังตัวเองเลย ขอประทานโทษครับ ผมปิดบังตัวผมเองครับ


ท่านผู้ชมครับ สืบเนื่องมาจากวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้การกระทำของนายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และนางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง ในการปราศรัยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สืบเนื่องจากข่าวนี้ ต่อมา Amnesty International หรือ องค์การนิรโทษกรรมสากล ออกแถลงการณ์โจมตีศาลรัฐธรรมนูญของไทย อ้างว่า คำวินิจฉัยมีผลกระทบเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง เป็นสัญญาณอันตรายสำหรับประชาชนที่แสดงความเห็นหรือวิจารณ์ต่อบุคคลสาธารณะ หรือสถาบัน ทั้งโดยทางตรงหรือทางอ้อม อาจจะนำไปสู่การดำเนินคดีข้อหาร้ายแรงต่อแกนนำทั้งสามคน และบุคลอื่นๆ โดยฐานความผิดล้มล้างการปกครอง มีโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือโทษประหารชีวิต ถ้าคำวินิจฉัยนี้มีเจตนาเพื่อทำให้ประชาชนหวาดกลัว และขัดขวางการพูดคุยในเรื่องประเด็นนี้ ผลที่ออกมาจะตรงกันข้าม ดังนั้น มีการติดแฮชแท็กอย่างกว้างขวาง มีการส่งทวีตและข้อความทางโซเชียลมีเดีย หลังศาลฯ มีคำวินิจฉัย และลงนามในจดหมายเรียกร้อง (อีกแล้ว) ให้ยกเลิกมาตรา 112


เรื่องนี้องค์การนิรโทษกรรมสากล หรือ Amnesty International ผมเคยพูดมาหลายครั้งแล้ว นานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งพูด ผมพูดเพื่อชี้แจงให้เห็นว่าองค์กร NGO ต่างๆ ของต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศทางตะวันตก Amnesty International สำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงลอนดอน คนพวกนี้ กลุ่มพวกนี้ กลุ่มองค์กรเอกชนพวกนี้ เป็นเครื่องมือของลัทธิประชาธิปไตยตะวันตกที่ส่งเข้าไปอยู่ในแต่ละประเทศต่างๆ เพื่อจะเข้ามาแทรกแซง อ้างสิทธิมนุษยชน แล้วก็อ้างความเป็นสากลของตัวเอง เพื่อจะบีบบังคับให้แต่ละประเทศนั้นเป็นไปตามมาตรฐานที่ตัวเองตั้งเอาไว้ หรืออุปมาอุปไมยพูดอย่างชาวบ้านก็คือว่า พวกนี้เป็นคนที่กินแฮมเบอร์เกอร์ หรือฟิชแอนด์ชิปส์ ก็จะให้ประเทศทั่วโลกกินแฮมเบอร์เกอร์และฟิชแอนด์ชิปส์ตาม ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยชินกับแฮมเบอร์เกอร์และฟิชแอนด์ชิปส์ เขาเคยชินกับข้าว เคยชินกับหมั่นโถว ขนมปังจีน คนพวกนี้ก็เลยใช้ Amnesty International เป็นตัวหลัก

ที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือ Amnesty International นั้น จะไม่ทำอะไรก็ตามเวลาประเทศตัวเอง ไม่ว่าจะอังกฤษ หรือยุโรป หรืออเมริกา มีเรื่องมีราวที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง คนพวกนี้จะเงียบเฉย ถ้าจะพูดว่า Amnesty International นั้น เป็นหนึ่งในสาขาของหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ และเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายต่างประเทศของสหราชอาณาจักร เหมือนกับ NED (National Endowment for Democracy) ที่ผมเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่า เป็นหน่วยแตกย่อยของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ CIA ภาคพลเมือง ก็ไม่ผิด

เผอิญคุณเสกสกล หรือที่มีฉายาว่า แรมโบ้ ออกมาตอบโต้ บอกว่า Amnesty เข้าข่ายละเมิดศาลหรือไม่ และเข้าข่ายปลุกระดมให้คนต่อต้านอำนาจศาลหรือไม่ องค์กรนี้อุปโลกน์ตัวเองว่าเป็นองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน แต่การกระทำนั้นเข้าข่ายสนับสนุนให้กลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งละเมิดอำนาจศาลและสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่เคารพของประชาชนคนไทย ที่สำคัญ องค์กรแห่งนี้เป็นองค์กรต่างชาติ ไม่ควรมายุ่งเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองของไทยอย่างยิ่ง ประเทศไทยควรให้องค์กรแห่งนี้อยู่อีกหรือ ที่ผ่านมาคอยให้การสนับสนุนกลุ่มที่สร้างความรุนแรง ออกแถลงการณ์แต่ละครั้งก็ค้านสายตาคนทั้งประเทศ ขนาดกลุ่มม็อบมีการใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ Amnesty ยังออกมาเรียกร้องให้ตำรวจยุติการใช้ความรุนแรง ซึ่งสวนทางความเป็นจริงมาตลอด ดังนั้น ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทย คนไทย ควรพิจารณาขับไล่องค์กรนี้ให้พ้นผืนแผ่นดินไทย เหมือนหลายประเทศ เช่น กัมพูชา อินเดีย ฟิลิปปินส์ หรือแม้แต่ฮ่องกง ก็ไม่ยอมให้ Amnesty International เคลื่อนไหวในประเทศอีกต่อไป


ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่คุณเสกสกล หรือ แรมโบ้ พูดนั้น ไม่ได้ผิดจากความจริงไปเท่าไรนักหรอก ถูกต้องเกือบๆ จะร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ที่คุณเสกสกล ไม่ได้พูดก็คือว่า Amnesty นั้นมีวัตถุประสงค์ เป้าทางการเมือง เชื่อมโยงกับนโยบายต่างประเทศของประเทศทางตะวันตก แล้วใช้ความเป็นองค์กรสากลที่ต่อสู้ในเรื่องราวที่เป็นสากล ก็คือสิทธิมนุษยชนในระดับสากล ซึ่งสิทธิมนุษยชนของแต่ละประเทศนั้นย่อมมีความแตกต่าง หลากหลายกันไปตามขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมของแต่ละประเทศ อย่างเช่น สิทธิมนุษยชนของประเทศไทย คุณจะมาอ้างว่าคนที่มายืนตำหนิติเตียนหรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้นเป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนนั้น หรือคนที่ไปยืนด่าโคครพ่อโคตรแม่กับพ่อแม่ตัวเอง ถือว่าถูกต้อง เพราะเป็นสิทธิของคนๆ หนึ่งที่จะพูดอะไรก็ได้นั้น ในบริบทของสังคมไทยนั้น มันใช้ไม่ได้ แต่พวกนี้ก็หน้าด้าน และที่สำคัญก็คือว่า คนที่บริหาร Amnesty International ล้วนแล้วแต่เป็นคนขี้โกงทั้งนั้น เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าขี้โกงอย่างไรบ้าง


ผมตามเรื่องนี้ก่อนก็แล้วกัน คุณปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการ Amnesty International ประเทศไทย เชิญชวนผู้สนับสนุนจากทั่วโลกเขียนจดหมายหลายล้านฉบับให้กับผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือครอบครัวโดยตรง เขียนถึงผู้มีอำนาจ เรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยปีนี้เคสของรุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล จากประเทศไทย ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญนี้เป็นครั้งแรกด้วย และ Amnesty International ประเทศไทย ก็ให้ความช่วยเหลือ

ท่านผู้ชมครับ เรากลับมาตรงนี้สักนิดหนึ่ง เรารู้อยู่แล้วใช่ไหม ผมเคยพูดให้ฟังแล้วใช่ไหมว่า รุ้ง ปนัสยา โกหกหน้าด้านๆ บอกว่าตัวเองไม่เคยพูดถึงเรื่องการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ แต่ต้องการปฏิรูป ผมเคยเอาหลักฐานมาให้ดูแล้วใช่ไหมว่าสิ่งที่คุณรุ้ง พูดนั้นไม่จริง วันที่คุณรุ้ง ยืนพูด 10 ข้อ อยู่ที่ลานพญานาค ในวันที่ 10 สิงหาคม ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ข้างหลังเป็นโปสเตอร์เขียนเรื่องการปฏิวัติ ล้มล้างสถาบันกษัตริย์


และตัวเองพูด 10 ข้อนั้น ก็เป็นการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ แต่พอตอนหลังกระแสที่ตัวเองตกนั้น ไม่ขึ้น และตัวเองโดนดำเนินคดีจากการกระทำของตัวเอง ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ควรจะทำ ก็ยังดึงดันที่จะทำ จนกระทั่งถึงวันนี้ก็ยังเชื่อมั่นในการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ แต่ว่าตอหลดตอแหล ใช้คำว่าพูดว่า ผิดด้วยหรือที่จะเสนอให้ปฏิรูป แต่คุณไม่ได้เสนอให้ปฏิรูป นี่คือความจริงที่เกิดขึ้น หลักฐานมีมาให้ตลอด

ที่สำคัญที่สุด Amnesty International นั้น ก็มีลักษณะโกหกพกลม เหมือนกับคนที่ Amnesty International พยายามที่จะปกป้อง ด้วยเหตุนี้ มีการรณรงค์เครือข่ายของรัฐบาล ลุมถล่ม Amnesty International นอกจากนั้นแล้ว คุณเสกสกล หรือ แรมโบ้ ก็บอกจะดำเนินการตามกฎหมายหากไม่รักษากฎหมายให้อยู่ภายใต้กฎหมายชาวไทย ต้องเอาเข้าคุกเข้าตะราง หรือไล่ออกนอกประเทศได้ พร้อมทั้่งกดดันด้วยพลังคนไทยที่จงรักภักดีให้ได้มากกว่า 1 ล้านชื่อ หรือหลายล้านคน ให้ได้

ท่านผู้ชมครับ ปฏิญญานี้ทำให้เฟซบุ๊กของ Amnesty International โพสต์ข้อความชี้แจงว่า องค์กรตัวเองไม่แสวงหากำไร มีสมาชิกกว่า 10 ล้านคน ทั่วโลก ที่ตั้งของ Amnesty International นั้นอยู่ที่ลอนดอน ผมจะย้อนประวัติของ Amnesty International มาให้คุณปิยนุช รู้เสียบ้างว่า ยังมีคนไทยอีกเยอะไม่ได้กินแกลบ ไม่ได้โง่แล้วถูกพวกคุณปั่นได้ง่ายเหมือนพวกเด็กสามกีบ ไม่ใช่

ประวัติของ Amnesty International นั้น มีเอกสารมากมายหลายชิ้นพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าองค์กรนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างลับๆ โดยกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1963 อังกฤษได้ดำเนินปฏิบัติการในต่างประเทศเพื่อสนับสนุนโครงการ Amnesty International ถึงแม้ว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการว่า Amnesty International ได้ตัดสัมพันธ์กับทางรัฐบาลอังกฤษ แต่มิอาจลบเลือนประวัติศาสตร์ที่ว่า นายปีเตอร์ เบเนนสัน (Peter Benenson) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง Amnesty มีความเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับรัฐบาลอังกฤษ


ท่านผู้ชมครับ เรามาดูเนื้อหาขององค์กรบ้านี้ ที่หลายคนลุ่มหลง หลงใหล และคลั่งไคล้ในความเป็นคนที่ปกป้องสิทธิมนุษยชน ตลอดเวลาหลายสิบปี Amnesty International เป็นที่รังเกียจของหลายประเทศทั่วโลก Amnesty International ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดว่ามีอคติ เดินตามปรัชญาตะวันตก โดยเฉพาะทางด้านยุโรป ตลอด นำเสนอด้านสิทธิมนุษยชนเพียงด้านเดียว ไม่คำนึงถึงปัจจัยด้านความมั่นคงเข้ามาประกอบ ก็คือว่า ขอให้ใครออกมา ลุกขึ้นมาด่า ประท้วง เดินขบวน ทำอะไรก็ได้ โดยอ้างคำว่า "สิทธิมนุษยชน"

ประเทศที่เป็นคู่ปรับ รัฐบาลที่เป็นคู่ปรับกับ Amnesty International มีเยอะ คองโก จีน เวียดนาม รัสเซีย ชิลี อิสราเอลก็มี อเมริกาก็มี รวมทั้งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ท่านผู้ชมครับ สองปีที่แล้ว Amnesty International มีข่าวใหญ่ คือปัญหาการรังแกกันในองค์กร ทำให้เจ้าหน้าที่ชาวมอริเชียส วัย 66 ปี สำนักงาน Amnesty กรุงปารีส ชื่อ นายเกตัง มูตู (Gaëtan Mootoo)


ทำงานให้องค์กรมากว่า 30 ปี มีความกดดัน ฆ่าตัวตายเมื่อปี 2561 เดือนพฤษภาคม กันยายน 2563 สองปีให้หลัง หนังสือพิมพ์อังกฤษ The Times รายงานว่า Amnesty จ่ายเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวของนายมูตู จำนวน 8 แสนปอนด์ หรือราวๆ 36 ล้านบาท แล้วยังทำสัญญาข้อตกลงให้ครอบครัวรักษาความลับ ไม่ให้เปิดเผยรายละเอียดที่จ่ายเงินชดเชย ท่านผู้ชมครับ ขัดต่อหลักการ Amnesty อย่างรุนแรงเลย หน้าไหวหลังหลอก เห็นหรือยังท่านผู้ชม

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาอื้อฉาวต่างๆ อีกมากมายในองค์กร Amnesty โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าตอบแทนผู้บริหาร ปัญหาความไม่โปร่งใสในเรื่องการเงินขององค์กร เพราะว่าคนพวกนี้อ้างชื่อว่าตัวเองมาปกป้องสิทธิมนุษยชนของโลก ให้คนที่ชอบความคิดแบบนี้บริจาคเงินเข้าองค์กร ก็ในเมื่อมันมีสมาชิกอยู่ประมาณ 10 ล้านคนทั่วโลก คนหนึ่ง ปีหนึ่ง บริจาคกันประมาณ 100 หรือ 200 เหรียญ ก็ 100-200 ล้าน (ยูเอสดอลลาร์) ผู้บริหารก็ใช้เงินอู้ฟู่เลยสิ

2562 สองปีที่แล้ว มีข่าวอื้อฉาวเรื่องการขาดเงินของ Amnesty มากมายถึง 17 ล้านปอนด์ (760 ล้านบาท) ผู้บริหารก็เลยประกาศปรับโครงสร้างองค์กร ลดพนักงาน 100 คน แต่ว่าดันมีคนค้นพบว่าผู้บริหาร Amnesty นั้นได้รับค่าตอบแทนมากเกินควร ท่านผู้ชมพร้อมหรือยัง ผมจะเล่าให้ฟัง


ผู้บริหารระดับสูงสุด 23 คน ใน Amnesty นั้น ได้ผลตอบแทนรวมกันถึงปีละ 2.6 ล้านปอนด์ (117 ล้านบาท) แล้วมึงบอกว่ามึงเป็นองค์กรการกุศล ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ Amnesty ในเมืองไทยคงไม่รู้ หรือไม่สนใจ ถึงสนใจก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเป็นปัญหานายใหญ่ซึ่งอยู่ต่างประเทศ มีเงินจ่ายค่าชดเชยอีกเยอะแยะไปหมด หลายสิบล้าน ถึงขั้นร้อยล้าน ท่านผู้ชมครับ นี่คือเนื้อแท้ของผู้บริหาร Amnesty International ขี้โกง โลภ ใช้เงินประชาชนที่บริจาคเข้ามาด้วยจิตที่บริสุทธิ์ แล้วมาตั้งพรรคตั้งพวกตัวเอง แบ่งก๊กแบ่งเหล่า เอาเงินเอาทองมา แล้วโยนเศษกระดูกไปให้สาขา อย่างเช่น Amnesty ประเทศไทย

ความสำคัญของ Amnesty สาขาประเทศไทย กับม็อบสามนิ้ว/สามกีบ เป็นอย่างไร ? ท่านผู้ชมครับ มีข้อมูลมาว่า Amnesty International สำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก จดทะเบียนกับกระทรวงแรงงาน จดทะเบียนเป็นสมาคมกับกระทรวงมหาดไทย และรับเงินมาจากต่างประเทศ มีพนักงานคนไทยกว่า 20 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้เปิดเผยถึงความเชื่อมโยงของ Amnesty กับกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมืองของม็อบสามกีบ และ ส.ส. ก้าวไกล บางคน ระบุว่า กรรมการ Amnesty International ประเทศไทย ที่แท้ก็คือเพื่อนของแกนนำม็อบสามกีบ ผมเอารูปขึ้นให้ดู


คณะกรรมการชุดล่าสุด Amnesty International จากซ้ายไปขวา ประกอบด้วย ศศวัชร์ คมนียวนิช เหรัญญิก คนต่อไปคือ วศิน พงษ์เก่า กรรมการ คนต่อไปคือ ฐิติรัตน์ ทิพย์สัมฤทธิ์กุล ประธานกรรมการ กรรมการเยาวชน ชื่อ นาซานีน ยากะจิ และ ณภัทธ์ นรังศิยา เอาล่ะ เรามาดูประวัติกัน

คนแรก คือ คุณวศิน พงษ์เก่า คือสมาชิกกลุ่มดาวดิน เป็นเพื่อนของ ไผ่ ดาวดิน


และเป็นกลุ่มที่เชื่อมโยงกับ อีสานเรคคอร์ด คนที่สอง ณภัทธ์ นรังศิยา เป็นผู้ที่เป็นสมาชิกกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ประชาธิปไตยใหม่ คือใคร ? มีสมาชิกอย่างเช่น รังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล นางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว คนที่เป็นประธานกรรมการ คือ ฐิติรัตน์ ทิพย์สัมฤทธิ์กุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วนศศวัชร์ คมนียวนิช เหรัญญิก คือใคร ? เป็นอดีตนักศึกษาธรรมศาสตร์ เป็นเพื่อนของ จ่านิว


และเป็นคนที่อยู่ในชมรมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ผู้อำนวยการ Amnesty International ประเทศไทย คุณปิยนุช โคตรสาร

คุณวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือ ครูหยุย ส.ว. ได้ชี้ให้เห็นว่า Amnesty International คือองค์กรนิรโทษกรรมสากล ถือเป็นองค์กรแม่ มีหลักในการดูแลกรณีถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ Amnesty International ประเทศไทย เป็นองค์กรลูกที่ไม่ตรงไปตรงมา เพราะการกระทำยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามรัฐบาล พิทักษ์สิ่งที่ผิด ย่ำยีสิ่งที่ถูกต้อง ทำหน้าที่ไม่ถูกต้อง ผิดหลักการ ใช้เป็นเครื่องมือย่ำยีทำลายประเทศตัวเอง

ท่านผู้ชมครับ ธรรมดาแล้ว พลเอก ประยุทธ์ ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องพวกนี้ ปล่อยให้ไปเรื่อยๆ แต่พอมาเรื่อง Amnesty International พลเอก ประยุทธ์ เกิดกินยาผิด ออกมาโวยวาย บอกว่าองค์กรนี้กดดัน ให้ร้ายประเทศ ให้ตรวจสอบที่มาของแหล่งเงินทุน แหล่งเงินทุนมาจากไหน ?


ก็เอาเงินมาจาก Amnesty International ที่ตัวแม่ที่อยู่ที่กรุงลอนดอน ที่ผู้บริหาร Amnesty International ที่ตัวแม่ใช้เงินบริจาคจากประชาชนทั่วโลก 10 ล้านคน แล้วมาเอาเงินเข้ากระเป๋า ตั้งเงินเดือนสูงๆ แล้วส่งเศษเงินมาให้ Amnesty ประเทศไทย

Amnesty ประเทศไทย คนที่เป็นกรรมการที่ทำงานด้วย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่อยู่กับกลุ่มม็อบสามนิ้วทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจึงไม่มีอะไรที่น่าประหลาดใจเลยว่า Amnesty International ในประเทศไทย สาขาประเทศไทย พึ่งพาร่มใบใหญ่ของ Amnesty International ที่กรุงลอนดอน แต่วัตถุประสงค์จริงๆ ก็คือคนที่ทำงานนั้น ก็คือกลุ่มพวกสามนิ้ว พวกจ่านิว พวกรังสิมันต์ โรม พวกไผ่ ดาวดิน ทั้งสิ้น

ท่านผู้ชม ต้องปิดมันซะ แล้วไล่มันออกไปนอกประเทศ อย่าให้อยู่ในประเทศไทยเลยแม้แต่นิดเดียว ทำไมต้องไปเกรงใจมันล่ะ ก็ในเมื่อมันมาใช้ชื่อว่า NGO องค์กรเอกชน เพื่อทำงานทางสากล เพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน ไม่ใช่ พวกมึงเข้ามาปกป้องสิทธิในการที่จะด่า ล้มล้างสถาบันกษัตริย์ และล้มล้างรัฐบาล ผมไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้ แต่ผมคิดว่าการวิพากษ์วิจารณ์ที่มีเหตุมีผล การอธิบายความไม่ชอบมาพากล การเปิดหน้ากาก เปิดขุมความรู้ องค์ความรู้ ให้ประชาชนได้เข้าใจข้อผิดพลาดของรัฐบาล เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ไม่ใช่การมาบิดเบือนข้อมูลข้อเท็จจริงเพื่อทำร้ายและทำลายประเทศไทย

คนที่อยู่ใน Amnesty ประเทศไทยมันคนไทยทั้งนิ้น ประธานกรรมการที่เป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคนที่ตกอยู่ในหลุมพรางกับดักเช่นนี้ เฮ้ย! คุณตื่นได้แล้ว พวกคุณไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นเครื่องมืออยู่ในกระบวนการของการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ และล้มล้างการปกครองในประเทศไทย ตรงตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้เป๊ะๆๆ


ท่านผู้ชมครับ เมื่อ 7 วันที่แล้ว วันที่ 27 พฤศจิกายน มีการขับไล่คนชาติฝรั่งเศสคนหนึ่ง ชื่อ นายยัน ฮีริค มาฉัล (Yan Eric Marchal) คนๆ นี้อยู่เมืองไทยมาแล้ว 20 ปี มีลูกอยู่ที่เมืองไทย 2 คน เดินทางกลับประเทศไทยผ่านท่าอากาศยานภูเก็ต แต่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ภูเก็ตยกเลิกคำสั่ง ยกเลิกการอนุญาตให้เข้าเมือง ในวันนั้น แล้วให้กลับประเทศฝรั่งเศส เนื่องจากว่าเป็นคนต้องห้ามเข้าเมือง เพราะมีพฤติการณ์ที่เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม คนๆ นี้เลยถูกกักตัวเอาไว้ที่สนามบินภูเก็ต ก็มีทนายความติดต่อไป จะยื่นคำอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรี หรือคำร้องขอผ่อนผันต่อคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง ซึ่งจะต้องยื่นภายใน 48 ชั่วโมง

นายยัน โทรศัพท์ไปหาคุณประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสเครือหนังสือพิมพ์ข่าวสด เมื่อเวลา 7 โมงเช้า บอกว่า ตม. ตรวจคนเข้าเมือง ไม่ให้เข้าประเทศ หลังจากตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ระบุว่า เป็นภัยต่อความมั่นคง แล้วให้นายยัน ซื้อตั๋วเครื่องบินกลับกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เขาให้เหตุผลการไม่ให้เข้าเมืองว่า พบพฤติกรรมและสิ่งที่โพสต์ในเฟซบุ๊กพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ นอกจากนั้นแล้ว เจ้าหน้าที่ให้นายยัน ขึ้นเครื่องบินจากท่าอากาศยานภูเก็ต มายังสุวรรณภูมิ และส่งกลับไปทันทีในวันนั้น

นางนาตาลี เบิร์กแมน (Natalie Bergman) ทนายความของนายยัน โทรศัพท์ไปหานายประวิตร ว่าจะยื่นคำสั่งอุทธรณ์ออกนอกประเทศภายในวันดังกล่าว และเรียกร้องให้นายยัน ถูกปล่อยตัวออกจากการควบคุม ให้ออกมาพบทนายได้ แต่ปรากฏว่าเปลี่ยนใจ เพราะว่านายยัน และทนายความ กลัวว่าถ้าปล่อยตัวออกมา อาจจะโดนคดี 112 เลยทันที เพราะว่าการโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก การออก TikTok นั้น อยู่ในข่ายของการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพองค์พระมหากษัตริย์ และล้อเลียนประเทศไทยอีกหลายๆ เรื่อง นายยัน ก็เลยตัดสินใจว่าไม่ไปดีกว่า

สรุปง่ายๆ ว่า นายยัน ก็เลยคิดตอนนี้จะต่อสู้อยู่เรื่องเดียว คือ ให้เอาชื่อตัวเองออกจากแบล็กลิสต์ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีอยู่ในแบล็กลิสต์นี้ว่าไม่ให้เข้ามาอีกแล้ว


ท่านผู้ชมครับ ผมเอาเรื่องนายยัน มาเล่าให้ฟังก็เพราะว่ามันไม่ใช่ครั้งแรก มันมีชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย หลายๆ คนก็อยู่นาน มีเมียเป็นคนไทย แล้วก็มีความรู้สึกว่าจะใช้พฤติกรรมหรือความเคยชินที่ตัวเองเคยมีสิทธิเสรีภาพอย่างไร้ขอบเขตในประเทศตัวเอง แล้วออกมาล้อเลียนสิ่งที่สังคมไทยเป็นอยู่ทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ มีมาก ไม่ใช่ไม่มี เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ต้องขอชมเชยตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ก็คงจะมีคนร้องเรียนนายยัน ไป เขาตรวจสอบแล้ว เขาดู เช็กในเฟซบุ๊ก เช็กใน TikTok แล้วว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง จริงๆ แล้วคนพวกนี้ต้องไม่ให้เข้าประเทศเลย

ท่านผู้ชมครับ อยู่เมืองไทยมา 20 ปี มีเมียเป็นคนไทย แล้วอดีตเมียคนหนึ่งก็หนีไปอยู่ต่างประเทศ เพราะว่าเกี่ยวข้อง เกี่ยวพันกับขบวนการของพวกเขาที่ก่อตั้งขึ้นมาแล้วก็ใช้ขบวนการของตัวเองนั้นทำงานหลายๆ งานทางด้านสื่อเพื่อที่จะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ปรากฏว่าตอนที่อยู่ในฝรั่งเศส นายยัน ไปพบนายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งหลบหนีคดีมาตรา 112 และได้รับสถานภาพเป็นผู้ลี้ภัยในฝรั่งเศส


ขณะเดียวกัน ยังชักชวนนางสาว รมย์ชลี สมบูรณ์รัตนกุล หรือชื่อ แยมมี่ นักร้องนำวงไฟเย็น ซึ่งหลบหนีคดี 112 เช่นกัน เอามาถ่ายคลิป TikTok ด้วย ทำ TikTok เสียดสีสถาบัน ปรากฏว่าเมื่อตรวจสอบค้นลงไปมากขึ้นๆ แล้ว พบกับสมาชิกวงไฟเย็นคนอื่นๆ ด้วย


24 ตุลาคม 2564 เมื่อเดือนกว่าๆ ที่แล้ว เกือบสองเดือน มีพบนายไตรรงค์ สินสืบผล หรือชื่อ ขุนทอง ไฟเย็น นายนิธิวัต วรรณศิริ หรือ จอม ไฟเย็น นายวรวุฒิ เทือกชัยภูมิ หรือ ดีเจตีโต้ นายสิงหา ทองเกิด อดัม แกนนำกลุ่มกระบี่ไม่ทน ที่หลบหนีคดีมาตรา 112 นายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ หรือ กาย อดีตโฆษกพรรคไทยรักษาชาติ


ท่านผู้ชมครับ ผมเอารูปต่างๆ ที่นายยัน ไปปรากฏ ไม่ว่าจะเป็น ขุนทอง ไฟเย็น และ จอม ไฟเย็น ที่นายยัน ถ่ายรูปด้วย สิงหา ทองเกิด พงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ ศรัณย์ ฉุยฉาย อั้ม เนโกะ ที่โดน 112 ตีโต้ ไฟเย็น แยมมี่ ไฟเย็น คนพวกนี้ วิดีโอคลิปพวกนี้ โดน 112 ทั้งนั้น นายยัน ถ่ายคลิปร่วมกับแยมมี่ ไฟเย็น อยู่ประมาณ 2-3 คลิป ประกอบเพลงที่มีเนื้อหาเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์

อีกคลิปหนึ่งก็คือคลิป "สลิ่มหาหมอ" เนื้อหาออกมาระบุว่า คนที่ออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นพวกสลิ่ม ไม่มีหัวใจ ไม่มีสมอง เป็นโรคที่รักษายาก ต้องเพิ่มความรู้และความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นก่อนจะล้อเลียน ทำเป็นรับไม่ได้ เมื่อได้ยินคำว่าปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์

คลิปที่สาม ชื่อคลิป "สามกีบหาหมอ" อ้างว่ามีอาการปิดปากไม่ได้ เมื่อเห็นความฉิบหายของผู้มีอำนาจ แต่ว่ากลัวผลข้างเคียง โดยแยม ที่รับบทเป็นหมอ ชื่นชมว่ามีหัวใจประชาธิปไตย และตาสว่างมากด้วย แต่ถ้าไปประเทศไทยแล้วเจออากาศร้อน ต้องใช้วิธีปิดปากด้วยเทปผ้า คลิปดังกล่าวเผยแพร่เมื่อเดือนที่แล้ว พฤศจิกายน 2564 กลางเดือนที่ผ่านมา

นายยัน ปัจจุบันอายุ 48 ปี เปิดบริษัทพัฒนาเกมในประเทศไทย ชื่อ สนุก ซอฟต์แวร์ ก่อตั้งเมื่อปี 2546 มีลูก 2 คน กับภรรยาคนไทย นายยัน มีชื่อเสียงจากการทำวิดีโอคลิปล้อเลียนเพลง "คืนความสุขให้ประชาชน" ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ


เขาระบุในเนื้อเพลงว่า "เราจะทำผิดสัญญา ขอเวลาอีกนานๆ แล้วระบบเผด็จการจะอยู่ค้ำฟ้า เราจะทำอย่างฉ้อโกง ขอแค่เธอจงใจง่ายๆ และปิดตา แผ่นดินน่ากิน เราจะแดกเงินภาษีของเธอ ประชาชน" ในโซเชียลมีการเผยแพร่คลิปนี้อย่างมาก

หลังจากคลิปนี้ออกไป เจ้าหน้าที่ 2 นาย ก็บุกไปที่บ้านพัก ขอให้ลบคลิปดังกล่าว และให้เซ็นสัญญาข้อตกลงว่าจะไม่ทำอีก กระทั่งเฟซบุ๊กของนายยัน ได้โพสต์ข้อความขอโทษต่อคณะ คสช. และประชาชนชาวไทย เพื่อแสดงความรับผิดชอบ

ท่านผู้ชมครับ เมื่อเราได้ดูวิดีโอคลิปย้อนหลัง พบว่านายยัน ได้ร่วมกิจกรรมทางการเมืองบ่อยครั้ง ในเฟซบุ๊กเพจ ยัน มาฉัล เผยแพร่คลิปวิดีโอตั้งแต่ไปร่วมคอนเสิร์ตสนับสนุนจ่านิว ไปชุมนุมสนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่สกายวอล์ก ปทุมวัน งานวิ่งไล่ลุง งานพรรคอนาคตใหม่ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต งานแถลงข่าวคดีอิลลูมินาติ (Illuminati) การชุมนุมประท้วงของกลุ่มนักศึกษาหลังจากที่พรรคอนาคตใหม่ ถูกยุบ มาถึงการชุมนุมของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ราษฎร

นายยัน ได้ผลิต TikTok ที่มีผู้ติดตามประมาณ 612,000 คน เนื้อหาวิจารณ์ทางการเมือง เสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์ หลายคลิปถูกปิดกั้นเพราะ TikTok ถือว่าละเมิด ก็เลยอัปโหลดคลิปที่ถูกปิดกั้นนั้นลงในเฟซบุ๊ก และยูทูป


ท่านผู้ชมครับ นายยัน ได้แจ้งมาว่า หลังจากถูกเนรเทศ นับจากนี้จะขอยื่นคำร้องต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทย เพื่อให้ตนหลุดพ้นจากบัญชีดำในการเข้าประเทศไทย คาดว่ากระบวนการนี้จะใช้เวลานาน

ท่านผู้ชมครับ คนต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ถึงขนาดที่เรียกว่ากินอยู่ฉันสามีภรรยากับหญิงไทยและมีลูกด้วยกัน แต่มักจะลืมสถานภาพตัวเองว่าตัวเองนั้นได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในประเทศไทย ยังทำตัวกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา โดยถือว่าตัวเองนั้นเป็นฝรั่้ง ไม่มีใครกล้าจะทำอะไรได้ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าเราต้องใส่ใจให้มากขึ้น ถ้าเราเห็นคนต่างชาติคนไหนแสดงออกด้วยการที่ออกไปในสื่อสังคม โซเชียลมีเดีย แล้ว เป็นการทำร้ายประเทศชาติ ประชาชน และสถาบันต่างๆ อันเป็นที่เคารพของเรานั้น เราอย่าอยู่นิ่งเฉย ท่านผู้ชม เรารวบรวมหลักฐาน แจ้งไปที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพราะว่าเขามีสิทธิที่จะถอนสิทธิในการดำรงอยู่ในประเทศไทยได้

ท่านผู้ชมครับ มีนักข่าวหลายคน ไม่ว่าจะเป็น CNN หรือ BBC หลายคน ที่ตอนนี้ก็ออกจาก BBC ไปแล้ว ที่เป็นศัตรูกับสถาบันกษัตริย์ โดยใช้ตัวเอง สถานภาพของตัวเอง ซึ่งมาทำข่าวในประเทศไทย แล้วไปคบหาสมาคมกับกลุ่มผู้หญิง หรือประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับสถาบันกษัตริย์ และต้องการจะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ถึงกับกินอยู่ฉันสามีภรรยา แล้วก็ใช้สถานภาพที่ตัวเองเป็นนักข่าวเขียนข่าวใส่ร้ายประเทศไทยมาตลอด จนกระทั่งนักข่าวหลายคน ผมขี้เกียจเอ่ยชื่อ ถูกห้ามเข้าประเทศ และถูกคดี 112 ไม่กล้าเข้าประเทศไทยอีก แต่อยู่ข้างนอกก็คอยทำตัวเป็นบ่อนทำลาย บ่อนทำลายบนพื้นฐานของความจริงที่มีอยู่ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ว่าโกหกสัก 90 เปอร์เซ็นต์ คนพวกนี้เป็นพวกที่ กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา จริงๆ คนพวกนี้ไม่ควรที่จะให้อยู่ในประเทศไทยเลยแม้แต่นิดเดียว และถ้าออกไปแล้ว ผมอยากจะขอให้แบล็กลิสต์ไปตลอด ถ้าเขารักลูกรักเมียของเขา เขาเห็นว่าประเทศไทยไม่น่าอยู่ ก็ขอให้คุณพวกมึงขนลูกขนเมียของคุณไปอยู่ที่ประเทศคุณก็แล้วกัน คุณคิดว่าสิทธิเสรีภาพประเทศคุณสามารถที่จะให้สิทธิเสรีภาพคุณได้ ที่จะพูดอะไรก็ได้ ก็ตามใจ เรื่องของคุณ แต่คุณก็ต้องรู้ใช่ไหมว่า ... ไอ้พวกนี้มันรู้นะ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา จะเป็นอังกฤษ หรือจะเป็นประเทศไหนก็ตาม ถ้าไปทำกิจกรรมลักษณะนี้ ดูถูกชาติของตัวเอง ดูถูกสถาบันกษัตริย์ ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ หรือหลายๆ ประเทศ โดนคดีทุกคน หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องโดนต่อต้านออกมา เพราะฉะนั้น พวกนี้ใช้ความเป็นฝรั่งขี้นก ต่างชาติ เอามาบิดเบือนข้อเท็จจริง แล้วพยายามยกตัวเองให้มีสถานภาพสูงส่งมากกว่าคนไทย หาว่าคนไทยโง่ คนไทยเขาไม่โง่หรอกครับ เขาไม่ได้โง่เลย แต่เขาเป็นคนที่มีศีล มีธรรม มีวุฒิภาวะ รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร ไม่เหมือนคุณพวกมึงที่มาแล้วมาปี้ผู้หญิงไทย มีลูก แล้วผู้หญิงไทยคนนั้นที่มึงเอาเป็นเมีย ก็มีแนวคิดแบบเดียวกับมึง หรือว่ามีแนวคิดแบบนี้อยู่แล้วก็เลยเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ท่านผู้ชมครับ คนพวกนี้ต้องไม่ให้มันมาเหยียบประเทศนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ตลอดชีวิต


ท่านผู้ชมครับ วันนี้เป็นวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2564 อีก 7 วัน วันที่ 9 และวันที่ 10 ธันวาคม ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมที่เรียกว่า การประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตย โดยอเมริกานั้นเชื้อเชิญผู้นำประเทศต่างๆ รวม 110 ประเทศ เข้าร่วมประชุมแบบเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ ในครั้งนี้ แต่ทว่า ไม่มีรายชื่อประเทศไทยติดอยู่ในรายชื่อ 110 ประเทศ จนกระทั่งฝ่ายค้าน และฝ่ายต่อต้านรัฐบาล รวมทั้งม็อบสามกีบ เอามาโจมตี พลเอก ประยุทธ์

ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่จะพูดเรื่องนี้ต่อไป ผมจะเล่าประวัติให้ฟังนิดหนึ่ง สมัยที่นายโจ ไบเดน ยังหาเสียงอยู่ นายโจ ไบเดน พูดอย่างชัดเจนว่า ระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ประชาธิปไตยทั่วโลกอยู่ในภาวะถดถอย แม้แต่ในอเมริกา ภายใต้การนำของทรัมป์ ไบเดน เชื่อว่าถ้ามีการจัดประชุมระดับโลกขึ้นว่าหัวข้อประชาธิปไตย อเมริกาจะสามารถฟื้นฟู บูรณะประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนขึ้นมาให้กลายเป็นนโยบายหลักสำหรับใช้นำนโยบายต่างประเทศของอเมริกาได้อีกครั้งหนึ่ง

เอาล่ะ อาเซียน ได้รับเชิญทั้งหมด 3 ประเทศ อีก 7 ชาติ รวมทั้งไทย และสิงคโปร์ ถูกเมินเฉย ประเทศในอาเซียนที่ได้รับเชิญก็มีอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ อีก 7 ชาติ ไทย สิงคโปร์ เวียดนาม พม่า สปป.ลาว กัมพูชา บรูไน ไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วม

ที่น่าสนใจคือ เมื่อเข้าไปดูเว็บไซต์ของอเมริกาที่ระบุประเทศที่ได้รับเชิญ และไม่ได้รับเชิญ น่าสนใจ จีนไม่ได้รับเชิญแน่นอน เพราะเป็นคู่แข่งสำคัญของอเมริกา แต่ว่าไบเดน เลือกที่จะเชิญไต้หวัน เพื่อกระตุกความไม่พอใจของจีนแทน ทั้งๆ ที่เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน เดือนที่แล้ว นายไบเดน ประชุมออนไลน์กับ นายสี จิ้นผิง และยืนยันในนโยบายจีนเดียว


แค่นี้ ยังไม่ต้องพูดต่อก็รู้ว่า การประชุมครั้งนี้วัตถุประสงค์อยู่ที่การเมืองเท่านั้นเอง เอาเรื่องการประชุมนี้บังหน้า แต่มาเล่นการเมืองเพื่อกดดันจีน

ตุรกี ก็มีการเลือกตั้ง นายแอร์โดอัน ก็ได้รับการเลือกตั้งมาหลายครั้ง เป็นสมาชิกนาโต แต่ไม่ได้รับการเชิญ เพราะอะไร ? เพราะตุรกีมีความสำคัญและมีสายสัมพันธ์ที่ดีในขณะนี้กับอิหร่าน โปแลนด์ได้รับเชิญ แต่ฮังการี ซึ่งก็มีการเลือกตั้ง ก็ไม่ได้รับเชิญ เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัดว่าการเชิญหรือไม่เชิญครั้งนี้ วัตถุประสงค์ก็คือ การเมืองที่แท้จริง

ท่านผู้ชมครับ ผมมีความจำเป็นต้องพูดถึงดอนเฮ้าเลี่ยนของผม ผมเคยพูดว่า คุณดอน เป็นดอนเด็กดีของอเมริกา แต่วันนี้ต้องขอชมคุณดอน ว่าคุณดอน เป็นคนดีของประเทศไทย


คุณสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม ตั้งกระทู้ถามคุณดอน กรณีเดินทางไปเยือนพม่า อ้างว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งการที่อเมริกาประชุมสุดยอดประชาธิปไตย 110 ประเทศ แต่ไม่ได้เชิญประเทศไทยนั้น คุณดอน ชี้แจงให้ฟังอย่างชัดเจนว่า การไปเยือนพม่านั้น เป็นการไปทำหน้าที่เป็นตัวกลาง และไปอย่างเปิดเผย ไม่ได้ไปอย่างลับๆ ล่อๆ เพราะว่าได้รับการประสานมาจากประเทศต่างๆ ให้ประเทศไทยเป็นตัวกลางในการที่จะเจรจาในเรื่องความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม และอีกประการหนึ่ง คุณดอน บอกว่า การเชิญประชุมสุดยอดประชาธิปไตยของโจ ไบเดน นั้น เป็นการเมืองล้วนๆ นี่คุณดอน พูดเองนะ เด็กดีของอเมริกาพูดเองนะว่าเป็นการเมืองล้วนๆ ไว้สำหรับเล่นงานกันและกัน และกรณีนี้ไม่ใช่ว่าเพื่อนอาเซียนที่เป็นประชาธิปไตย มีการเลือกตั้ง จะได้รับเชิญเช่นกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องดาบสองคม บางครั้งไม่เชิญก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกัน แม้ไม่มีคำเชิญ ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตื่นตระหนก กระทืบเท้าด้วยความเสียใจ ขณะเดียวกัน แม้เราจะได้รับเชิญก็ไม่ต้องลิงโลด แต่ต้องพิจารณาว่าจะไปร่วมหรือไม่ไปร่วมเสียก่อน


ท่านผู้ชมครับ นานๆ คุณดอนเฮ้าเลี่ยนของผม จะพูดจามีเหตุมีผลเสียที ต้องขอชมเชยคุณดอนเฮ้าเลี่ยน จากคุณดอนเฮ้าเลี่ยน และคุณดอน เด็กดีของอเมริกา กลายเป็นคุณดอน คนดีของประเทศไทย ขอให้รักษาความเป็นคนดีของประเทศไทยไว้ตลอดไปนะครับคุณดอน นี่ขอชมเชยจากใจจริง

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ท่านผู้ชมจะไม่เข้าใจ แต่ผมจะเอาคำพูดของนายหวัง อี้ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน มาอธิบายความให้ฟัง นายหวัง อี้ พูดดีมาก ผมจะเอาคำพูดของเขามาพูด และผมจะขยายความในคำพูดของเขา

หวัง อี้ บอกว่า "ประชาธิปไตยไม่ควรเป็นของส่วนตัว (ก็คืออเมริกามากำหนดว่าประชาธิปไตยต้องเป็นอย่างนี้) ประชาธิปไตยเป็นสิทธิของประชาชนในทุกประเทศ (ไม่ว่าจะเป็นระบบไหนก็ตาม ประชาชนต้องมีประชาธิปไตยในประเทศ) ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนของประเทศกลุ่มเล็กๆ ไม่ว่าประเทศใดจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ แท้จริงแล้วควรตัดสินใจโดยประชาชนในประเทศนั้น ไม่ใช่ด้วยการตัดสินตามอำเภอใจของบางประเทศ (อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย) หากสหรัฐฯ ตัดสินว่าประเทศใดเป็นประชาธิปไตย และประเทศใดไม่เป็นประชาธิปไตย โดยอาศัยความชอบ (อาศัยภูมิรัฐศาสตร์) และความไม่ชอบของตนเองเป็นเกณฑ์ตัดสิน แท้จริงแล้วเป็นการยึดตัวเองเป็นใหญ่ และสร้างความแตกแยกในโลก นี่ไม่ใช่ประชาธิปไตยในตัวของมันเอง" นี่คือสิ่งที่หวัง อี้ พูด และผมขยายความไป


หวัง อี้ พูดต่อ "ประชาธิปไตยไม่ควรถูกประทับตรา การจะเป็นประชาธิปไตยนั้นควรได้รับการส่งเสริมและปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมโดยแต่ละประเทศ ตามสถานการณ์ (สิ่งแวดล้อมและข้อเท็จจริง) ของประเทศตนเอง และความต้องการของประชาชน มาตรฐานในการประเมินประชาธิปไตยควรดูว่าสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในประเทศหรือไม่ (เหมือนอย่างประเทศจีน มีประชากร 1,400 ล้านคน ประชาธิปไตยในประเทศจีนคือให้ประชาชนกินดีอยู่ดี ให้คนจนหมดจากประเทศไป นั่้นคือประชาธิปไตยที่แท้จริง และการที่จะทำอย่างไรให้คนกินดีอยู่ดี มีข้าวกิน นั่นคือวิธีการปกครอง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตยของประชาชน เพราะว่าถ้าเขาทำแล้วสามารถทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดีได้ และสามารถทำให้คนจนหมดไปได้ นี่คือประชาธิปไตยของเขา) และประชาชนในประเทศมีความรู้สึกมีส่วนร่วม พึงพอใจ และได้ประโยชน์หรือไม่ แต่ไม่ใช่ให้สหรัฐฯ ส่งแบบสอบถาม แต่ละประเทศตอบคำถาม และสหรัฐฯ จะให้คะแนนหากประเทศต่างๆ ประเมินสภาพความเป็นประชาธิปไตยของตนเองได้โดยใช้มาตรฐานของสหรัฐฯ เพียงอย่างเดียว (อุปมาอุปไมยเหมือนที่ผมพูดไปแล้ว อเมริกาอยากให้คนทั่วโลกต้องกินแฮมเบอร์เกอร์ อินเดียกินนาน ประเทศไทยกินข้าวเหนียว จีนกินข้าวเจ้า จีนกินไก่ตุ๋น อเมริกากินสเต็ก แต่อเมริกาจะบังคับให้ทุกคนกินเหมือนอเมริกา) แท้จริงแล้วเป็นการทรยศต่อจิตวิญญาณของประชาธิปไตยยิ่งไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง"

"ประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ไม่ควรถูกยกเป็นประเด็นทางการเมือง การแทรกแซงกิจการภายในประเทศอื่นๆ (ซึ่งอเมริกาแทรกแซงมาตลอด) การละเมิดอธิปไตยของประเทศอื่น (ซึ่งอเมริกาละเมิดมาตลอด) การปฏิบัติตามจุดประสงค์ทางการเมืองของตนเองโดยอ้างในนามของประชาธิปไตย เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจและต้องถูกปฏิเสธ"

นายหวัง อี้ พูดต่อ นี่ผมอธิบายคำพูดของนายหวัง อี้ นะ และขยายความให้ด้วย อเมริกาอ้างว่าไม่สนับสนุนเอกราชของไต้หวัน อเมริกาพูดตอนประชุมไบเดนว่า ไม่สนับสนุนเอกราชของไต้หวัน ก็คือเมริกายอมรับนโยบายจีนเดียว (ก็คือยอมรับอย่างกลายๆ ทางอ้อมว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน) แต่อเมริกากลับทะลึ่งเสนอเวทีระดับชาติ สำหรับกลุ่ม นางไช่ อิงเหวิน นายกรัฐมนตรีไต้หวัน เข้าไปร่วม


ซึ่งนางไช่ อิงเหวิน คือหัวหน้าในการแยกดินแดนไต้หวันออกจากจีน เอาเข้าประชุมในที่นี้ มันก็เลยทำให้คำพูดของทางอเมริกานั้นไม่น่าเชื่อถือ และสะท้อนให้เห็นถึงการเล่นการเมืองของอเมริกา เพราะไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน ไม่ใช่เมล็ดหมากล้อมของอเมริกาที่สามารถใช้ได้ ประชาธิปไตยเป็นค่านิยมร่วมกันของทุกประเทศที่แสวงหา แต่ไม่ใช่เครื่องมือทางการเมืองที่อเมริกาจะจัดการได้โดยพลการ

เพราะฉะนั้นแล้ว การที่ประเทศไทยไม่ได้ไปประชุม ไม่เชิญประเทศไทย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดีเสียอีก นอกจากไม่เชิญประชุมแล้ว อเมริกายังทะลึ่งส่งรองผู้อำนวยการ CIA มา ขอความช่วยเหลือประเทศไทย ขอสิทธิโน้นขอสิทธินี้


ซึ่งรัฐบาลไม่ยอมพูด แต่ที่แน่ๆ คือผมรู้มาภายในว่ารัฐบาลไม่ได้ยอมทำตามอเมริกา อเมริกาก็เลยเอาประเทศไทยถอดออก ไม่ให้มีการประชุมครั้งนี้เพื่อเป็นการตบหน้าประเทศไทย แต่อเมริกาคืออเมริกา เร็วๆ นี้จะส่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเยือนประเทศไทยอีกแล้ว เพื่อมาตอกย้ำคำขอร้องของมัน ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง อเมริกา อะไรที่เป็นประโยชน์กับมัน มันพร้อมจะตอแหลบิดเบือน ใช้เรื่องราวต่างๆ เป็นการเมืองที่มาบีบบังคับให้ทุกคนทำตามมัน เห็นเนื้อแท้ของมันหรือยังครับท่านผู้ชม


ท่านผู้ชมครับ เมื่อประมาณ 8-9 วันที่ผ่านมา ประมาณวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 วันพฤหัสบดี ได้มีข่าวจากไทยรัฐออนไลน์เกี่ยวกับองค์เทวรูปพระคลังจำลอง ประดิษฐานอยู่ที่กระทรวงการคลัง ถนนพระราม 6 เกิดมีคราบสีแดงคล้ายเลือดไหลอาบพระเศียร ลงมากลางพระพักตร์ ไหลผ่านพระอุระ (ทรวงอก) ลงไปปลายพระบาท (เท้า) ไปจนถึงฐาน เหมือนมีคนจงใจเอาเลือดหรือสีไปป้าย เรื่องดังกล่าวทำให้มีความหวั่นไหว หวาดวิตก กับข้าราชการและประชาชนที่พบเห็น วิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานาว่าจะเกิดอะไรขึ้น บางคนก็ลือว่า คลังถังแตกแล้ว จริงตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยหรือเปล่า ? เพราะในช่วงที่ผ่านมานั้นเศรษฐกิจไทยค่อนข้างจะฝืดเคืองมากๆ จากผลกระทบของโรคระบาด ทำให้กระทรวงการคลังมีปัญหาเรื่องการเงิน งบประมาณรายจ่าย จัดเก็บรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย

แต่ว่าหลังจากนั้นแล้ว มีการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังว่า ที่เห็นเป็นเลือดนั้นคือคราบสนิม คราบสีแดงเป็นคราบสนิมที่ไหลลงจากหลอดไฟที่เสียแล้ว หยดลงตรงเศียรองค์เทวรูปพระคลัง ไม่ได้เป็นคราบเลือดแต่อย่างใด ซึ่งก่อนหน้านั้นเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่ง


ทันทีเหมือนกัน วันพฤหัสฯ มีการหวั่นวิตก พูดกันมากมาย วันเดียวกันนั้นเลย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ ก็พูดบอกว่า สถานการณ์การคลังของประเทศไม่มีปัญหา ไม่ได้ถังแตกเหมือนกระแสข่าวที่เกิดขึ้น นายสันติ บอกว่า ตอนนี้เสนอขยายเพดานหนี้ไปแล้ว ตามมาตรา 28 พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของภาครัฐ ก็จะเพิ่มสัดส่วนงบประมาณจากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 30 เปอร์เซ็นต์ เป็น 35 เปอร์เซ็นต์ เป็นการชั่วคราว 1 ปี ซึ่งพอมาตรา 28 นี้ผ่าน ก็จะมีการแก้ไข ทำให้กระทรวงการคลังมีเงินทันที คุณสันติ และกระทรวงการคลัง ก็มีสตางค์เหลือเฟือ กำลังบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพอยู่

ท่านผู้ชมครับ คุณสันติ ลืมพูดไปว่าการมีเงินทันที ที่แท้ก็คือการแก้กฎหมายเพื่อยืมเงินได้เพิ่มเติมมากขึ้น คุณสันติ ลืมพูดไปว่า การมีเงินทันที คือการขอยืมเงินได้เพิ่มเติมได้ทันที ไม่ใช่จู่ๆ ก็มีเงินมา ก็คือไปยืมเงินเขามา

เอาล่ะ เมื่อเราดูการแถลงข่าวของรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยฯ แล้ว เรามาดูสิ่งที่หลายๆ คนในประเทศไทยพึ่งพาอยู่ เชื่อถืออยู่ ไม่เว้นแม้กระทั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง หรือนายกรัฐมนตรี นั่นก็คือโหราศาสตร์


คุณภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ พูดว่า พระคลัง หรือพระคลังมหาสมบัติ นั้น เป็นเทพที่ดูแลรักษาทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน เหตุการณ์ลักษณะนี้ถือว่าเป็นลางสังหรณ์ถึงเหตุที่ไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีหน้าที่ปกปักรักษา คุ้มครอง ต้องการเตือนล่วงหน้า เพื่อให้คนที่ดูแลการปกครองหรือรับผิดชอบประเทศเรื่องการเงินการคลังจะได้มีความรอบคอบ นอกจากนั้น คุณภิญโญ ก็ยังเอาศัพท์ทางโหราศาสตร์เข้ามาเพิ่มเติม บอกว่า ขณะนี้พระราหูโคจรอยู่ราศีพฤษภ เป็นเรือนชะตาที่สองของดวงเมืองที่เรียกว่า กดุมภะ แปลว่า การเงินการคลัง ราหูอยู่ตรงนี้เขาเรียกว่า ราหูค้นทรัพย์ ก็คือว่ามีเงินเท่าไรก็ต้องเอามาจับจ่ายใช้สอยหมด และราหูอยู่ตรงนี้จะอยู่จนถึง 30 มีนาคม 2565

เรื่องนี้ผมจะพูดอาทิตย์หน้าถ้าผมศึกษาข้อมูลมากพอ เพราะมันมีเรื่องโหราศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาด และเกี่ยวข้องกับการเงิน ที่มีประวัติเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต และไม่เคยผิดพลาดเลยแม้แต่นิดเดียว เชื่อหรือไม่เชื่อ ให้เวลาผมสักนิด แล้วผมจะเอาหลักฐานมาให้ดู

ท่านผู้ชมครับ ความเชื่อถือในสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเตือนภัยก่อนเกิดเหตุการณ์เสียหาย ความรุนแรงอุบัติภัย จะเชื่อหรือไม่เชื่อ เชื่อฟังไว้บ้างก็ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ดูเศรษฐกิจการเงินการคลัง ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย

เป็นปกติธรรมดา ท่านผู้ชมครับ ถ้ามีอะไร ถ้ามันเป็นลาง ก็จะมีการตีความไปในแง่ของเชิงลบ ก็จะมีคนซึ่งเกี่ยวข้องออกมา แล้วมาชี้แจงว่าไม่จริง มันเป็นอย่างนี้ๆๆ ให้มั่นใจได้ แต่ที่เป็นตลกร้าย 99.99 เปอร์เซ็นต์ ของคนชี้แจงก็คือคนที่เชื่อเรื่องโหราศาสตร์ รัฐมนตรีที่อยู่ในประเทศนี้ หรือว่าท่านรัฐมนตรีช่วยฯ หรือคุณอาคม หรือคุณสันติ พร้อมพัฒน์ แม้กระทั่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทุกคน ยอมรับไหมว่าพวกคุณก็เป็นคนที่คลั่งไคล้และบ้าหมอดูเหมือนกัน ต้องมีหมอดูประจำตัวกันทุกคน ต้องดูดวงว่าตอนนี้ดวงพระราหูเข้า พระราหูทับลัคน์หรือไม่ พฤหัสจะส่งผลดีให้กับดวงผม เข้ามาเมื่อไร ออกไปเมื่อไร แล้วจะกลับมาเมื่อไร ท่านผู้ชมเชื่อผมสิครับ บ้าโหราศาสตร์กันทั้งนั้น


เทวรูปพระคลัง ในพระคลังมหาสมบัติ เป็นองค์จำลองที่กระทรวงการคลัง เป็นรูปเทวรูปหล่อยืน ทรงเครื่องกษัตริยาธิราช สวมมงกุฎยอดชัย พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ หมายถึง พิทักษ์ ปกป้องรักษา ในลักษณะเดียวกับพระสยามเทวาธิราช พระหัตถ์ซ้ายถือดอกบัว หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ และทรัพย์สมบัติ ประดิษฐานบนพระวิมานบริเวณลานพระบรมราชานุสรณ์ รัชกาลที่ 5 ฝั่งซ้ายมีประตู 2 ทางเข้ากระทรวงการคลัง เป็นที่ตั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง องค์พระพรหม ศาลพระภูมิเจ้าที่ เทวรูปพระคลัง พระบรมราชานุสรณ์ รัชกาลที่ 5 ท่านผู้ชมครับ ข้าราชการที่ผ่านเข้า-ออก จะกราบไหว้ขอพรให้ทำงานประสบผลสำเร็จ ก้าวหน้า รวมถึงมีโชคทางการเงิน ทุกครั้งที่มีการตั้งรัฐมนตรีคลังคนใหม่ รัฐมนตรีช่วยฯ คนใหม่ รวมทั้งแต่งตั้งข้าราชการระดับปลัด อธิบดีต่างๆ เมื่อได้รับแต่งตั้งแล้ว ทุกคนก็จะมากราบไหว้บูชาเทวรูปพระคลังศักดิ์สิทธิ์ เรียกกันว่า เจ้าพ่อคลัง


ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ใครคิดหรือไม่คิด อย่างไร ก็แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคล บางคนอาจจะคิดว่าข่าวเทวรูปพระคลัง หรือเจ้าพ่อคลัง เปื้อนเลือด เป็นเรื่องไร้สาระ งมงาย เพราะสิ่งที่มันเปื้อนก็เป็นคราบสนิม แต่ในข้อเท็จจริง ท่านผู้ชมครับ เรายอมรับหรือเปล่าว่า การนับถือเทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำสถานที่ต่างๆ มันเป็นคติความเชื่ออยู่คู่สังคมไทยมาช้านาน ได้แสดงออกมาหลายรูปแบบ ตั้งแต่สร้างรูปเคารพเป็นตัวแทนเทพยดา ปรากฏหลักฐานจากรูปเคารพตามความเชื่อทางศาสนา สร้างโดยกลุ่มชนชั้นสูง ชนชั้นปกครอง ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น พระพุทธรูป เทวรูป หรือรูปเคารพอื่นๆ ในสมัยต่างๆ

ท่านผู้ชมครับ รัชกาลที่ 4 เคยสร้างพระสยามเทวาธิราชขึ้นมาเป็นครั้งแรก ประดิษฐานอยู่ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เขตพระราชฐานชั้นใน ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเป็นรูปเคารพแทนเทพผู้ปกป้อง รักษา คุ้มครองสยามประเทศให้อยู่เย็นเป็นสุข รอดพ้นวิกฤต อันตรายที่เข้ามารุกรานได้ ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยให้ความเคารพนับถือสืบมาจนกระทั่งปัจจุบัน


พระสยามเทวาธิราช เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นช่วงที่เหล่ามหาอำนาจตะวันตกกำลังล่าอาณานิคมอยู่ในซีกโลกตะวันออก และสยามเป็นเป้าหมายสำคัญของอังกฤษ ฝรั่งเศส จะยึดครองให้ได้ แต่ก็มีวิกฤตพลิกผันทำให้ประเทศไทยรอดผ่านวิกฤตนั้นไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ รัชกาลที่ 4 พระองค์ท่านก็เลยมองว่าเป็นเพราะเทพยดาคอยพิทักษ์รักษาประเทศไทยให้อยู่ยงคงกระพันได้ ก็เลยควรจะสร้างรูปสมมุติของเทพยดาองค์นั้นขึ้นมาบูชา ก็เลยเป็นที่มาของ พระสยามเทวาธิราช

ท่านผู้ชมครับ รูปปั้นของพระคลังมีลักษณะคล้ายพระสยามเทวาธิราชเป็นบางส่วน ต่อมาเป็นที่ประจักษ์ว่าเทวรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากไม่ย่อหย่อนไปกว่าเทวรูปเทพองค์อื่น เพียงแต่ไม่เป็นที่รับรู้ในวงกว้างของสังคมไทยเท่านั้นเอง

สำหรับวงสังคมชั้นสูง หรือข้าราชการในกรมคลังนั้น รับรู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ขององค์ท่านเป็นอย่างดี พอเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ก็เลยมีการจัดตั้งกระทรวงและกรม 2476 ในรัชกาลที่ 7 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้รวมกรมพระคลังสมบัติ กรมเงินตรา กรมรักษาที่หลวงและกัลปนา และกรมกษาปณ์สิทธิในการเข้าด้วยกัน เรียกว่า กรมพระคลัง และเปลี่ยนชื่อมาเป็น กรมคลัง และต่อมาเป็นชื่อ กรมธนารักษ์

เอาล่ะ เราพูดถึงโหราศาสตร์ เราพูดถึงความเชื่อ และเราพูดถึงความไม่เชื่อ เรามาความจริงกันดีกว่าตอนนี้ เอาตัวเลขมาดูกัน ความจริงเรื่องสถานการณ์การคลังของรัฐบาล เรามาดูว่ารัฐบาลถังแตกจริงหรือเปล่า

ข้อมูลที่ผมให้นี้เป็นข้อมูลสาธารณะ มาจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง


ตอนนี้ยอดหนี้ของประเทศไทย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 (2 เดือนที่แล้ว) อยู่ที่ 9,337,543 ล้านล้านบาท คิดเป็น 58.15 เปอร์เซ็นต์ ของ GDP ที่ 16 ล้านล้านบาท หนี้ก้อนนี้ แบ่งเป็น หนี้ของรัฐบาล 8.2 ล้านล้านบาท เป็นหนี้รัฐวิสาหกิจแค่ 8 แสนกว่าล้านบาท หนี้ในหน่วยงานรัฐ 7 พันกว่าล้านบาท หนี้วิสาหกิจที่ทำธุรกิจในภาคการเงิน ที่รัฐบาลค้ำประกัน 2 แสน 8 หมื่นล้านบาท

ประเด็น จะเห็นได้ชัดว่าหนี้สาธารณะก้อนใหญ่ที่สุด ข้อ 1 คือ หนี้รัฐบาล จำนวน 8.2 ล้านล้านบาท คิดเป็น 88 เปอร์เซ็นต์ ของหนี้สาธารณะที่มีทั้งหมด 9.3 ล้านล้านบาท

ทีนี้พอเราไปเปิดดูข้อมูลย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2563 เดือนมกราคม คือตั้งแต่ช่วงก่อนวิกฤตโรคระบาด ตัวเลขนี้อยู่แค่ 5.77 ล้านล้านบาท เองนะ แต่พอสิ้นเดือนกันยายน 2564 กลายเป็น 8.2 ล้านล้านบาท ก็คือพูดง่ายๆ ว่าหนี้รัฐบาลเพิ่มขึ้นกว่า 2.4 ล้านล้านบาท ภายใน 20 เดือน นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมรัฐบาลต้องขอปรับกรอบสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวม ออกมาตรการต่างๆ ขยายกรอบเพดานหนี้สาธารณะ 60 เปอร์เซ็นต์ เป็น 70 เปอร์เซ็นต์ ต่อ GDP ออก พ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้านบาท นอกจากนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยยังเสนอให้กู้อีก 1 ล้านล้านบาท สัปดาห์ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี ตามไล่บี้นายกฯ เพื่อขอเงินมาช่วยเรื่องการประกันราคาข้าวและพืชผล ต้องการอีก 1.55 แสนล้านบาท เพื่อจ่ายเงินค่าประกันรายได้ชาวนา


เมื่อวันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โรงแรมริเวอร์ไซด์ ที่รอยัลริเวอร์ เขตบางพลัด พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มอบนโยบายการทำงาน กทม. และผู้สมัคร ส.ก. ผู้สมัคร ส.ส. โดยมี ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส. พะเยา ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกของพรรคฯ มี ส.ส. กทม. เข้ามาร่วม 12 คน ผมอยากจะเล่าให้ฟังถึงตอนหนึ่งของการกล่าวให้นโยบาย พลเอก ประวิตร พูดว่าอย่างไร ?

พลเอก ประวิตร พูดอย่างนี้ครับ "หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนที่มาอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ ต้องเข้าใจผม ต้องเข้าใจนายกรัฐมนตรี ผมและนายกรัฐมนตรีไม่มีการทะเลาะกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน รับรองว่าจะไม่มีการแตกแยกจากกันระหว่างผมกับนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีหน้าที่บริหารประเทศ ผมมีหน้าที่ดูแล ส.ส. ดูแลพรรคการเมืองของเราให้เกิดความเป็นปึกแผ่น เราแบ่งหน้าที่กันชัดเจน เพราะฉะนั้นก็ขอให้รับทราบตามนี้"


แล้ว พลเอก ประวิตร ก็พูดส่วนหนึ่งในการปราศรัยว่า "ขอให้สมานสามัคคีกัน ใครที่บอกว่าผมแตกแยกกับนายกฯ ไม่มีแน่นอน มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้ผมกับนายกฯ แตกแยกกันได้ ก็คือความตาย สี่สิบกว่าปีผมกับนายกฯ ดูแลกันมาตลอด ยืนยัน เป็นหนึ่งเดียว ไม่เคยแตกแยก นายกฯ มีหน้าที่บริหารประเทศ ผมมีหน้าที่บริหารพรรค" หลังจากนั้น วันพุธที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา สองวันที่ผ่านมา ทั้งนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พลเอก ประวิตร ลงไปที่จังหวัดอุดรฯ ทีมใหญ่เลย ไปกราบท่านเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ก็คือพระอาจารย์สุธรรม แล้วก็มีคุณสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ไปด้วย ศักดิ์สยาม ชิดชอบ สุชาติ ชมกลิ่น สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยฯ มหาดไทย อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยฯ คมนาคม นี่ยังดีนะที่หลวงตาไม่อยู่แล้ว ถ้าหลวงตาท่านอยู่ เชื่อผมเถอะ หลวงตาท่านตะเพิดไปแล้ว ท่านไม่ให้พบหรอก เพราะว่าท่านไม่ได้สนใจพวกนักการเมืองเลยแม้แต่นิดเดียว แต่นี่เป็นพระอาจารย์สุธรรม ก็เป็นเรื่องของแต่ละองค์ก็แล้วกัน


ท่านนายกฯ ท่านก็ลงไป ควง พลเอก ประวิตร แสดงออกให้เห็นถึงความสนิทสนม แนบแน่น เหมือนกับที่ พลเอก ประวิตร พูดไปเมื่อวันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน


คำถามที่ผมจะถามเรื่องนี้ แสดงว่าในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา สังคมไทยและพวกเราถูกหลอกลวงมาตลอดเลยไม่ใช่หรือ เพราะความขัดแย้งของสองคนนี้มันปะทุกันขึ้นมาเรื่อยๆ ขัดแย้งตั้งแต่ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า จะโค่น พลเอก ประยุทธ์ ด้วยการสรรหา จัดคนที่จะไปยกมือที่จะล้ม พลเอก ประยุทธ์ ในสภาฯ อันเป็นผลให้ พลเอก ประยุทธ์ ใช้มาตรา 171 เสนอให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ปลด ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า และคุณแหม่ม บิ๊กอาย นางนฤมล เหรัญญิกพรรค

ในขณะเดียวกัน เท่าที่ผมสัมผัสมา กลุ่มที่อยู่ล้อมรอบ พลเอก ประยุทธ์ ก็ก่นด่า วิพากษ์วิจารณ์ พลเอก ประวิตร ไม่หยุดไม่หย่อน บอกว่าท่านนายกฯ ท่านรู้ดี ผมสนิทสนมกับหลายคน บางคนเป็นน้องนุ่งผม ท่านนายกฯ ไม่เอา พลเอก ประวิตร ท่านพูดกับผมเลย ผมได้ยินชัดๆ ท่านไม่พอใจ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย มาก ท่านไม่ชอบเลย ในขณะเดียวกัน คนที่แวดล้อม พลเอก ประวิตร ก็เกลียดนายกฯ เช่นกัน ก็บอกว่า พลเอก ประวิตร เขาไม่เอา เขาพร้อมจะหักนายกรัฐมนตรี วันนี้นายกรัฐมนตรีเป็นนายกฯ ได้ ก็เพราะ พลเอก ประวิตร แล้วยังลืมบุญคุณกันอีก ส่วน ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า นั้น ไม่ต้องไปพูดถึง หรือนางนฤมล แหม่มบิ๊กอาย ก็ไม่ต้องไปพูดถึง เพราะว่าสองคนนี้ถูกปลดออกมา ถามว่าเขาแค้นไหม ? แค้น แต่เขาไม่แสดงออก


เพราะฉะนั้นแล้ว การที่ พลเอก ประวิตร มาพูดอย่างนี้ ไม่ได้แค่หลอกผมหรือหลอกท่านผู้ชมนะ แต่ผมน่ะพูดมานานแล้วในรายการๆ หนึ่งที่ผมพูดถึงเรื่อง 3 ป. ถ้าท่านผู้ชมจำได้ ท่านผู้ชมไปเปิดดูนะครับ "3 ป. ไม่มีใครทำลายได้ !?" ตอนที่ 102 ไปดูได้ ผมพูดเป๊ะๆๆ แต่คำถามที่ผมอยากจะฝากทิ้งไว้ให้ท่านผู้ชมก็คือว่า สมัยก่อนเราเที่ยวไปว่านักการเมืองว่า เขี้ยวลากดิน เป็นวรนุชเดินบนดิน แต่พอเรามาดูทหารหาญ 3 ป. 3 พลเอก คนหนึ่ง พลเอกพี่ใหญ่ คือ พลเอก ประวิตร คนที่สองคือพี่ร้อง คือ พลเอก อนุพงษ์ คนสุดท้ายคือน้องเล็ก คือ พลเอก ประยุทธ์


พอมาดูพฤติกรรม ดูคำพูด ดูการกระทำ ดูเหตุการณ์ต่างๆ แล้ววันนี้มากอดคอกัน แล้วบอกว่าไม่มีทางแยกจากกันได้ ไม่มีทาง เล่นกันคนละบทบาท พลเอก ประยุทธ์ บริหารชาติ ผมบริหารพรรค เอ๊ะ ผมไม่รู้ว่าใครเขี้ยวฯ กว่าใครในขณะนี้ เมื่อดูระหว่างนักการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่าเขี้ยวลากดิน ผมไม่แน่ใจว่า 3 ป. เขี้ยวจะยาวกว่านักการเมืองหรือเปล่า แต่ผมแน่ใจอย่างแน่ๆ เลยก็คือว่า ถ้าท่านไม่เชื่อใจนักการเมือง ผมเชื่อว่าวันนี้มีหลายท่านก็ไม่เชื่อใจ 3 ป. เหมือนกัน จะมียศพลเอก ก็ไม่มีความหมาย เพราะว่าพฤติกรรมที่ทำแต่ละอย่างๆ มาจนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ก็พิสูจน์ชัดเจนว่าทุกอย่างเป็นเรื่องตลบแตลงตอหลดตอแหล หลอกแหกตาประชาชน ผมยังไม่รู้เลยว่าลึกๆ แล้วคนอย่าง ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า และนางนฤมล แหม่มบิ๊กอาย คิดอะไรในใจ แต่ผมมั่นใจอย่างหนึ่งว่า การที่ พลเอก ประวิตร พูดอย่างนี้ อย่างน้อยคน 2 คนนี้ ก็จะต้องรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในขั้วโลกเหนือแล้ว มันหนาวจับใจ ว่าเมื่อไรเขาจะปลดทิ้งหรือฆ่าให้ตายไปก็ได้ ในแวดวงการเมือง

ที่ผมสงสารอีกชุดหนึ่งคือใครรู้ไหมท่านผู้ชม ? พวกที่แวดล้อม พลเอก ประยุทธ์ และพวกที่แวดล้อม พลเอก ประวิตร นี่ล่ะ ที่พากันยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่าประยุทธ์ ไม่ชอบประวิตร อีกด้านหนึ่งก็บอกว่าประวิตร ด่าประยุทธ์ ตลอดเวลาว่าถ้าไม่มีกูแล้วมึงจะเป็นนายกฯ ได้อย่างไร ท่านผู้ชมครับ นี่คือการเมือง วันนี้การเมืองมันไม่แยกหรอกว่าคุณเป็นพลเอก หรือไม่พลเอก ก็คือคุณตลบแตลงตอหลดตอแหล เหมือนกันทุกคน ไม่ว่าคุณจะมียศหรือไม่มียศครับ ท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผมไหม

วันนี้เรื่องราวต่างๆ ที่พูดก็ยาวพอสมควร เอาจบเพียงแค่นี้ อาทิตย์หน้ามีเรื่องสนุกสนาน เรื่องโหราศาสตร์กับโรคระบาด ท่านผู้ชมครับ ผมต้องใช้เวลาศึกษาสักนิดหนึ่งถึงจะมาเล่าให้ท่านผู้ชมฟังได้ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น