xs
xsm
sm
md
lg

รวบคาป้ายรถเมล์ หนุ่มใหญ่เจ้าของ MBC Club ตุ๋นขายแพกเกจลงทุน ออกเหรียญดิจิทัลทิพย์ เสียหายกว่า 1 พันล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



MGR Online - ตํารวจ PCT รวบหนุ่มใหญ่อดีตพนักงานแบงก์เจ้าของ MBC Club แชร์ลูกโซ่ออนไลน์ หลอกขายแพกเกจลงทุน อ้างได้ผลตอบแทน 40% ต่อเดือน แถมออกเงินเหรียญดิจิทัล มูลค่าความเสียหายพันล้านบาท

วันนี้ (24 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT พร้อมด้วยพล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. ในฐานะ หน.ชุดปฏิบัติการที่ 4 ศปอส.ตร.และตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT ได้เข้าจับกุม นายกวินกรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี เจ้าของธุรกิจแชร์ลูกโซ่ออนไลน์ MBC Club มีผู้เสียหายกว่า 1 พันราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1 พันล้านบาท 


พล.ต.ต.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า เมื่อประมาณปี 2562 ได้มีกลุ่มบุคคลนำโดย นายกวินกรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี ได้ร่วมกันเปิดแผนการลงทุนชื่อ MBC Club มีแพกเกจการลงทุนต่างๆ มากมาย อาทิ แพกเกจลงทุน Member ทุนเริ่มต้น 50,758 บาท, แพกเกจ Silver ทุนเริ่มต้น 253,750 บาท, แพกเกจ Titanium ทุนเริ่มต้น 507,500 บาท, แพกเกจ Gold ทุนเริ่มต้น 2,537,500 บาท และแพกเกจ Platinum ทุนเริ่มต้น 5,075,000 บาท โดยทุกแพกเกจทาง Club จะเพิ่มเงินลงทุนให้เฉลี่ยร้อยละ 10-30 แล้วแต่ประเภทแผนการลงทุน ส่วนเงินปันผลจะตอบแทนทุก 40 วัน เฉลี่ยเป็นกำไรถึงกว่าร้อยละ 30 ต่อประเภทการลงทุน

“นายกวินกรณ์ ได้แอบอ้างกับผู้เสียหายว่าจะนำเงินดังกล่าวไปลงทุนในต่างประเทศ มีเงินปันผลคิดเป็นกำไรเฉลี่ยร้อยละ 40 ต่อเดือน ต่อมาช่วงปลายปี 2562 ยังได้ออกแพกเกจการลงทุนแบบใหม่ชื่อ Save Coin SME โดยการทำเหรียญดิจิทัลชื่อ CMBC Coin ในราคา 14.80 เหรียญสหรัฐ ผู้ลงทุนจะได้ปันผลร้อยละ 20 ต่อเดือน ซึ่งผู้เสียหายจะต้องเปิดกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ชื่อ CMBC Wallet และสามารถนำไปขายในกระดานสนทนาชื่อ FFF Exchange รวมถึงสามารถนำไปชำระค่าน้ำค่าไฟผ่านแอปพลิเคชันชื่อ P berm pay อีกด้วย” พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าว

พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าวว่า นอกจากนั้น ยังมีการเทคนิคการโกงด้วยการกระตุ้นให้ผู้เสียหายรีบเร่งลงทุนต่างๆ เช่น หากลงทุนครบ จำนวน 40 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 62 จะได้รับรถยนต์เก๋งหรู ยี่ห้อ Porsche 718 Boxster จำนวน 1 คันอีกด้วย ซึ่งต่อมาเงินที่ลงทุนไปแล้วทั้งหมดไม่สามารถเบิกถอนกลับมาได้ รวมถึงเงินดิจิทัลก็ไม่สามารถนำไปชำระค่าสาธารณูปโภคตามที่กล่าวอ้างได้แต่อย่างใด และผู้ต้องหาได้หลบหนีไป การหลอกลวงดังกล่าวเป็นเหตุให้มีผู้เสียหายจำนวนมาก กลุ่มผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ นายกวินกรณ์ เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย


ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 4 ศปอส.ตร.ได้สืบสวนทราบว่า นายกวินกรณ์ อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตราด ที่ 86/63 ลง 25 ธ.ค. 63 ในความผิดฐาน “ร่วมฉ้อโกงประชาชน” และผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.892/2564 ลง 1 พ.ย. 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ได้หลบหนีมาอยู่แถวย่านเมืองนนทบุรี จึงได้มาติดตามมาจับกุมตัวได้ที่ป้ายรถเมล์ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าย่านงามวงศ์วาน-แคราย ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 64 เวลาประมาณ 18.00 น. นำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบสวน นายกวินกรณ์ ยอมรับว่า ได้กระทำความผิดกับผู้เสียหายอีกหลายราย ทั้งนี้ นายกวินกรณ์ เคยทำงานด้านการเงินการธนาคารมาก่อน จึงมีความรู้ด้านการเงินเป็นอย่างดี เบื้องต้นคาดว่า มีผู้เสียหายกว่า 1,000 ราย คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า นายกวินกรณ์ เคยร่วมกันกับพวกกระทำความผิดเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ โดยเปิดบริษัทชื่อ พีบี.สมาร์ทฟาร์เมอร์ ซึ่งอ้างว่านำเทคโนโลยีการเกษตรมาผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแม่เหล็ก มาเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์อีกด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาต่อไป


อีกรายตำรวจ PCT จับกุม นายรัฐวิทย์ และ นายพงศ์ระวี สงวนนามสกุล ซึ่งอ้างเป็นตัวแทนฝ่ายบริการจาก KING POWER (THAILAND) ชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน การันตีผลตอบแทนกำไรจากกองทุนร้อยละ 20-30 โดยใช้เงินลงทุนต่ำและได้รับผลกำไรสูงในระยะเวลาอันสั้น เบื้องต้น มีผู้เสียหายทยอยเข้าแจ้งความแล้ว 15 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท และตำรวจอยู่ระหว่างขยายผล เพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 20 คน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีคนในบริษัทที่ถูกกล่าวอ้างมีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นการแอบอ้างของผู้ต้องหาเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อเท่านั้น

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ในช่วงวันที่ 11-20 พ.ย.ที่ผ่านมา มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ก่อนการเลือกตั้งท้องถิ่นช่วงปลายเดือนนี้ สามารถจับผู้ต้องหารวม 2,631 คน ทั้งคดีการหลอกลวงออนไลน์ทางด้านการเงิน หลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์ เผยแพร่ข่าวปลอม ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและสตรีทางอินเทอร์เน็ตและการค้ามนุษย์ รวมถึงการพนันออนไลน์ และอาชญากรรมข้ามชาติอื่นๆ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) มีความห่วงใยในพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต และการลงทุนออนไลน์ ตลอดจนการพนันออนไลน์ต่างๆ อันถือเป็นความผิดตามกฎหมาย โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้กำชับให้ตำรวจทุกหน่วยกวดขันจับกุมผู้ที่ฝ่าฝืนอย่างเด็ดขาดไปก่อนหน้านี้แล้วหลังจากนี้ จะดำเนินการตรวจสอบและขยายผลเส้นทางการเงินบัญชีที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันดังกล่าวต่อไป หากประชาชนพบเบาะแสการกระทำความผิดด้วยการใช้อินเทอร์เน็ต การลงทุนออนไลน์ หรือการลักลอบกระทำผิดต่างๆ สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน ศูนย์ PCT 1599 ตลอด 24 ชม. หรือสายตรง 081 8663000 เฉพาะเวลาราชการ


กำลังโหลดความคิดเห็น